รูปแบบแท่งเทียน Three Bar Play: สุดยอดกลยุทธ์การเทรดตามแนวโน้มเพื่อทำกำไรอย่างยั่งยืน
ในโลกของการเทรด รูปแบบแท่งเทียน ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถอ่านพฤติกรรมราคาและคาดการณ์ทิศทางตลาดในอนาคตได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “รูปแบบแท่งเทียน Three Bar Play” ซึ่งเป็นหนึ่งในรูปแบบต่อเนื่องของแนวโน้ม (Continuation Pattern) ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากเทรดเดอร์มืออาชีพทั่วโลก บทความนี้จะเจาะลึกทุกแง่มุมของรูปแบบ Three Bar Play ตั้งแต่คำจำกัดความ วิธีการระบุ การตีความทางจิตวิทยา ไปจนถึงกลยุทธ์การนำไปใช้เทรดจริง เพื่อให้คุณเข้าใจและสามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำกำไรได้อย่างสูงสุด
Three Bar Play คืออะไร? ทำไมจึงสำคัญต่อการเทรด?

รูปแบบแท่งเทียน Three Bar Play คือรูปแบบการเคลื่อนไหวของราคาที่ประกอบด้วยแท่งเทียน 3 แท่งที่บ่งบอกถึงความต่อเนื่องของ แนวโน้ม เดิมที่กำลังดำเนินอยู่ จุดประสงค์หลักของรูปแบบนี้คือการส่งสัญญาณว่าแม้จะมีแรงซื้อหรือแรงขายสวนเข้ามาในช่วงสั้นๆ แต่แรงผลักดันหลักของตลาดจะยังคงดำเนินต่อไปในทิศทางเดิมก่อนหน้าการพักตัว
ความสำคัญของการทำความเข้าใจ Three Bar Play
- ยืนยันแนวโน้ม: ช่วยยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้มหลัก ทำให้เทรดเดอร์มั่นใจในการเข้าเทรดตามทิศทางนั้นๆ
- ระบุจุดเข้าที่ได้เปรียบ: การปรากฏของแท่งเทียนดึงกลับ (Pullback Candlestick) ตรงกลาง มักจะเป็นจุดที่ราคาอ่อนตัวลงชั่วคราว ซึ่งเป็นโอกาสทองในการเข้าเทรดที่ราคาดีขึ้น ก่อนที่แนวโน้มหลักจะกลับมาเคลื่อนที่อย่างเต็มกำลัง
- หลีกเลี่ยงการเทรดสวนแนวโน้ม: เตือนไม่ให้เทรดเดอร์พยายามเทรดสวนแนวโน้มหลัก ซึ่งมักจะนำไปสู่การขาดทุน เนื่องจากพลังของ “ผู้ดูแลสภาพคล่อง” (Market Makers) มักจะเหนือกว่า “ผู้ค้าปลีก” (Retail Traders)
องค์ประกอบและการระบุรูปแบบ Three Bar Play ที่แม่นยำ
การระบุรูปแบบ Three Bar Play จำเป็นต้องพิจารณาแท่งเทียนทั้งสามอย่างละเอียด โดยมีองค์ประกอบดังนี้:

- แท่งเทียนที่ 1 (Initial Trend Candlestick): เป็นแท่งเทียนขนาดใหญ่ที่แสดงถึงแรงผลักดันของแนวโน้มหลักที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นขาขึ้นหรือขาลง
- แท่งเทียนที่ 2 (Pullback Candlestick): เป็นแท่งเทียนขนาดเล็กที่อยู่ระหว่างแท่งเทียนที่ 1 และ 3 แสดงถึงการพักตัวหรือการดึงกลับของราคาเล็กน้อย ซึ่งมักจะมีขนาดตัวแท่งที่สั้นและไส้เทียนไม่ยาวมากนัก
- แท่งเทียนที่ 3 (Continuation Candlestick): เป็นแท่งเทียนขนาดใหญ่อีกแท่งที่มีสีเดียวกับแท่งเทียนที่ 1 และยืนยันการกลับมาของแนวโน้มหลักอย่างแข็งแกร่ง โดยทั่วไปควรมีขนาดตัวแท่งที่ใหญ่พอสมควร
กฎการระบุรูปแบบ Three Bar Play ที่ดีที่สุด
เพื่อให้การระบุรูปแบบ Three Bar Play มีความน่าเชื่อถือสูงและลดสัญญาณหลอก เทรดเดอร์ควรปฏิบัติตามกฎ 3 ข้อดังต่อไปนี้:
- อัตราส่วนตัวแท่งต่อไส้เทียน (Body to Wick Ratio): แท่งเทียนที่ 1 และ 3 ควรมีขนาดตัวแท่ง (Body) ที่ใหญ่กว่าไส้เทียน (Wick) อย่างน้อย 60% ของความยาวแท่งเทียนทั้งหมด สิ่งนี้บ่งชี้ว่าแรงซื้อหรือแรงขายมีความเด็ดขาดและแท้จริง นอกจากนี้ แท่งเทียนทั้งสองนี้ควรมีสีเดียวกัน เช่น หากอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น ทั้งสองแท่งควรเป็นสีเขียว (หรือสี bullish) และหากอยู่ในแนวโน้มขาลง ทั้งสองแท่งควรเป็นสีแดง (หรือสี bearish)
- ลักษณะของแท่งเทียนดึงกลับ (Pullback Candlestick): แท่งเทียนตรงกลาง (แท่งที่ 2) ควรเป็นแท่งเทียนขนาดเล็กอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับแท่งเทียนที่ 1 และ 3 ซึ่งแสดงถึงการพักตัวของราคาเพียงชั่วคราวและไม่มีแรงผลักดันที่สำคัญพอที่จะเปลี่ยนทิศทางแนวโน้มหลัก หากแท่งเทียนตรงกลางมีขนาดใหญ่เกินไป อาจบ่งชี้ถึงการต่อสู้ที่รุนแรงกว่าปกติ และอาจไม่ใช่รูปแบบ Three Bar Play ที่น่าเชื่อถือ
- ตำแหน่งของรูปแบบในกราฟ (Key Levels): รูปแบบ Three Bar Play ควรปรากฏขึ้นที่ ระดับสำคัญ (Key Levels) เช่น แนวรับ (Support), แนวต้าน (Resistance) ที่ถูกทะลุไปแล้วและกลายเป็นแนวรับ/แนวต้านใหม่ หรือบริเวณที่เกิด Supply/Demand Zone การเกิดรูปแบบนี้ที่ระดับสำคัญจะเพิ่มความน่าเชื่อถือของการต่อเนื่องแนวโน้มอย่างมีนัยสำคัญ
ประเภทของ Three Bar Play และการตีความ
รูปแบบ Three Bar Play แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ขึ้นอยู่กับทิศทางของแนวโน้มและลักษณะของแท่งเทียน:
1. รูปแบบ Bullish Three Bar Play

รูปแบบ Bullish Three Bar Play เกิดขึ้นในช่วง แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) และบ่งชี้ว่าแนวโน้มขาขึ้นจะยังคงดำเนินต่อไปในตลาด
องค์ประกอบของ Bullish Three Bar Play:
- แท่งเทียนที่ 1: เป็นแท่งเทียนขาขึ้น (Bullish Candlestick) ขนาดใหญ่ แสดงถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่งและการผลักดันราคาขึ้น
- แท่งเทียนที่ 2: เป็นแท่งเทียนดึงกลับ (Pullback Candlestick) ขนาดเล็ก อาจจะเป็นแท่งขาลง (Bearish Candlestick) หรือแท่งเทียนโดจิ (Doji) ที่แสดงถึงการพักตัวชั่วคราวของแรงซื้อ หรือการพยายามเข้ามาของแรงขายที่ไม่ประสบความสำเร็จ
- แท่งเทียนที่ 3: เป็นแท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่อีกแท่ง ที่ปิดเหนือจุดสูงสุดของแท่งเทียนที่ 2 และบางครั้งอาจสูงกว่าจุดสูงสุดของแท่งเทียนที่ 1 ด้วยซ้ำ ซึ่งเป็นการยืนยันว่าแรงซื้อได้กลับมาควบคุมตลาดอย่างสมบูรณ์ และแนวโน้มขาขึ้นจะดำเนินต่อไป
การตีความ: รูปแบบนี้บ่งบอกว่าผู้ซื้อยังคงมีอำนาจเหนือตลาด แม้จะมีแรงขายเข้ามาทำกำไรในช่วงสั้นๆ แต่ก็ไม่สามารถกดดันราคาลงไปได้อย่างยั่งยืน และแรงซื้อที่แท้จริงได้กลับเข้ามาผลักดันราคาให้สูงขึ้นไปอีก
2. รูปแบบ Bearish Three Bar Play

รูปแบบ Bearish Three Bar Play เกิดขึ้นในช่วง แนวโน้มขาลง (Downtrend) และบ่งชี้ว่าแนวโน้มขาลงจะยังคงดำเนินต่อไปในตลาด
องค์ประกอบของ Bearish Three Bar Play:
- แท่งเทียนที่ 1: เป็นแท่งเทียนขาลง (Bearish Candlestick) ขนาดใหญ่ แสดงถึงแรงขายที่แข็งแกร่งและการผลักดันราคาลง
- แท่งเทียนที่ 2: เป็นแท่งเทียนดึงกลับ (Pullback Candlestick) ขนาดเล็ก อาจจะเป็นแท่งขาขึ้น (Bullish Candlestick) หรือแท่งเทียนโดจิ ที่แสดงถึงการพักตัวชั่วคราวของแรงขาย หรือการพยายามเข้ามาของแรงซื้อที่ไม่ประสบความสำเร็จ
- แท่งเทียนที่ 3: เป็นแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่อีกแท่ง ที่ปิดต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่งเทียนที่ 2 และบางครั้งอาจต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่งเทียนที่ 1 ซึ่งเป็นการยืนยันว่าแรงขายได้กลับมาควบคุมตลาดอย่างสมบูรณ์ และแนวโน้มขาลงจะดำเนินต่อไป
การตีความ: รูปแบบนี้บ่งบอกว่าผู้ขายยังคงมีอำนาจเหนือตลาด แม้จะมีแรงซื้อเข้ามาในช่วงสั้นๆ เพื่อชะลอการลงของราคา แต่ก็ไม่สามารถดันราคาขึ้นไปได้อย่างยั่งยืน และแรงขายที่แท้จริงได้กลับเข้ามาผลักดันราคาให้ต่ำลงไปอีก
Three Bar Play บอกอะไรกับเทรดเดอร์: จิตวิทยาเบื้องหลังการเคลื่อนไหวของราคา

การทำความเข้าใจ จิตวิทยาการเทรด ที่อยู่เบื้องหลังรูปแบบ Three Bar Play เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและหลีกเลี่ยงกับดักของตลาด รูปแบบนี้สะท้อนถึงการปะทะกันระหว่าง “ผู้ดูแลสภาพคล่อง” (Market Makers) หรือนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ กับ “ผู้ค้าปลีก” (Retail Traders) หรือนักลงทุนรายย่อย
การทำงานของผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Makers)
ผู้ดูแลสภาพคล่องมักจะใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า “กับดัก” (Trap) เพื่อหลอกล่อให้ผู้ค้าปลีกเข้าสู่การเทรดในทิศทางที่ผิด เพื่อให้พวกเขาสามารถเติมคำสั่งซื้อขายจำนวนมากของตนเองได้
- ในแนวโน้มขาขึ้น (Bullish Three Bar Play):
- การฝ่าวงล้อมเริ่มต้น: แท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่แท่งแรกที่ระดับสำคัญ บ่งบอกว่าผู้ซื้อ (Market Makers) ได้เข้ามาควบคุมตลาดและทำลายระดับแนวต้านที่ผู้ขาย (ผู้ค้าปลีก) สร้างไว้
- การดึงกลับที่หลอกล่อ: หลังจากการฝ่าวงล้อม ราคาจะเกิดการดึงกลับเล็กน้อยในรูปแบบของแท่งเทียนขนาดเล็ก (แท่งที่ 2) ทำให้ผู้ค้าปลีกจำนวนมากเชื่อว่าราคากำลังจะกลับตัวลง และพยายามที่จะ “ขาย” เพื่อทำกำไรจากการกลับตัว
- การยืนยันแนวโน้ม: ในความเป็นจริง การดึงกลับนี้คือกับดักที่ผู้ดูแลสภาพคล่องสร้างขึ้นเพื่อดึงดูดผู้ค้าปลีกให้เข้ามาขาย ทำให้เกิดสภาพคล่องเพียงพอสำหรับผู้ดูแลสภาพคล่องที่จะ “ซื้อ” เพิ่มเติม หลังจากนั้น ผู้ดูแลสภาพคล่องจะกลับเข้ามาในตลาดอีกครั้งด้วยแรงซื้อที่มหาศาล ทำให้เกิดแท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่แท่งที่สาม เป็นการยืนยันว่าแนวโน้มขาขึ้นจะดำเนินต่อไปอย่างแท้จริง
- ในแนวโน้มขาลง (Bearish Three Bar Play):
หลักการเดียวกันนี้ใช้กับแนวโน้มขาลง ผู้ดูแลสภาพคล่องจะสร้างแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่แท่งแรกเพื่อทำลายแนวรับ จากนั้นจะปล่อยให้เกิดการดึงกลับเล็กน้อย (แท่งที่ 2) เพื่อหลอกให้ผู้ค้าปลีกเข้ามา “ซื้อ” โดยคิดว่าราคาจะกลับตัวขึ้น แต่แล้วผู้ดูแลสภาพคล่องก็จะกลับเข้ามา “ขาย” ด้วยแรงที่มากกว่า ทำให้เกิดแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่แท่งที่สาม และแนวโน้มขาลงจะดำเนินต่อไป
ดังนั้น การเข้าใจ Three Bar Play ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถ “เทรดตามรอยเท้าผู้ดูแลสภาพคล่อง” ได้ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในตลาด การเทรดตามแนวโน้มหลัก (Trend Following) ย่อมดีกว่าการพยายามเทรดสวนทางกับผู้เล่นรายใหญ่เสมอ
วิธีการเทรดรูปแบบแท่งเทียน Three Bar Play เพื่อทำกำไร

กลยุทธ์การเทรดรูปแบบ Three Bar Play เน้นการเข้าเทรดตามแนวโน้มหลังจากที่ราคามีการดึงกลับเล็กน้อย และยืนยันความต่อเนื่องของแนวโน้ม นี่คือขั้นตอนการดำเนินการ:
1. การเทรด Bullish Three Bar Play (เปิดคำสั่ง Buy Stop)
เมื่อรูปแบบ Bullish Three Bar Play ปรากฏขึ้นใน แนวโน้มขาขึ้น ที่ระดับสำคัญ แสดงว่าผู้ซื้อยังคงแข็งแกร่ง
- จุดเข้า (Entry): รอให้แท่งเทียนที่ 3 ปิดอย่างสมบูรณ์ และยืนยันว่าเป็นแท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่ที่ตรงตามกฎ จากนั้น ให้วางคำสั่ง Buy Stop เหนือจุดสูงสุดของแท่งเทียนที่ 3 เล็กน้อย (หรืออาจจะเป็นจุดสูงสุดของแท่งเทียนที่ 1 ก็ได้ ขึ้นอยู่กับความก้าวร้าวในการเข้าเทรด) การใช้คำสั่ง Buy Stop จะช่วยให้คุณเข้าเทรดอัตโนมัติเมื่อราคาวิ่งทะลุขึ้นไปในทิศทางแนวโน้ม
- จุดหยุดขาดทุน (Stop Loss): เพื่อ บริหารความเสี่ยง ควรตั้งจุดหยุดขาดทุน (Stop Loss) ไว้ใต้จุดต่ำสุดของแท่งเทียนดึงกลับ (แท่งที่ 2) หากราคาวกกลับลงมาต่ำกว่าจุดนี้ แสดงว่ารูปแบบ Three Bar Play อาจไม่ถูกต้องและแนวโน้มอาจเปลี่ยนทิศทาง
- จุดทำกำไร (Take Profit): การตั้งจุดทำกำไรอาจทำได้หลายวิธี:
- อัตราส่วน Risk-Reward: กำหนดเป้าหมายกำไรที่ 1:2 หรือ 1:3 ของความเสี่ยงที่คุณรับ (ระยะห่างระหว่างจุดเข้าถึง Stop Loss)
- ระดับแนวต้านถัดไป: หากมี แนวต้าน สำคัญถัดไปที่มองเห็นได้บนกราฟ คุณอาจใช้ระดับนั้นเป็นเป้าหมายทำกำไร
- ติดตามแนวโน้ม (Trailing Stop): ใช้ Trailing Stop เพื่อเลื่อนจุด Stop Loss ตามราคาที่เคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ต้องการ ช่วยให้คุณสามารถล็อกกำไรและรันเทรนด์ได้นานขึ้น
- ข้อควรระวัง: หากแท่งเทียนที่ 3 ไม่ใช่แท่งขาขึ้นขนาดใหญ่หรือไม่ได้ตรงตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ควรยกเลิกคำสั่ง Buy Stop และมองหาโอกาสการเทรดอื่น
2. การเทรด Bearish Three Bar Play (เปิดคำสั่ง Sell Stop)
เมื่อรูปแบบ Bearish Three Bar Play ปรากฏขึ้นใน แนวโน้มขาลง ที่ระดับสำคัญ แสดงว่าผู้ขายยังคงแข็งแกร่ง
- จุดเข้า (Entry): รอให้แท่งเทียนที่ 3 ปิดอย่างสมบูรณ์และยืนยันว่าเป็นแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่ที่ตรงตามกฎ จากนั้น ให้วางคำสั่ง Sell Stop ใต้จุดต่ำสุดของแท่งเทียนที่ 3 เล็กน้อย (หรืออาจจะเป็นจุดต่ำสุดของแท่งเทียนที่ 1) การใช้คำสั่ง Sell Stop จะช่วยให้คุณเข้าเทรดอัตโนมัติเมื่อราคาวิ่งทะลุลงไปในทิศทางแนวโน้ม
- จุดหยุดขาดทุน (Stop Loss): ควรตั้งจุดหยุดขาดทุน (Stop Loss) ไว้เหนือจุดสูงสุดของแท่งเทียนดึงกลับ (แท่งที่ 2) หากราคาวกกลับขึ้นมาเหนือจุดนี้ แสดงว่ารูปแบบ Three Bar Play อาจไม่ถูกต้อง
- จุดทำกำไร (Take Profit): ใช้หลักการเดียวกับการเทรด Bullish Three Bar Play โดยอาจกำหนดอัตราส่วน Risk-Reward, ใช้ แนวรับ สำคัญถัดไปเป็นเป้าหมาย หรือใช้ Trailing Stop
- ข้อควรระวัง: หากแท่งเทียนที่ 3 ไม่ใช่แท่งขาลงขนาดใหญ่หรือไม่ได้ตรงตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ควรยกเลิกคำสั่ง Sell Stop และมองหาโอกาสการเทรดอื่น
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ Three Bar Play
- Q1: รูปแบบ Three Bar Play ใช้งานได้กับทุก Timeframe หรือไม่?
- A1: รูปแบบ Three Bar Play สามารถใช้งานได้กับทุก Timeframe ตั้งแต่ Timeframe สั้นๆ สำหรับการเทรดแบบ Scalping ไปจนถึง Timeframe ที่ยาวขึ้นสำหรับการเทรดระยะกลาง อย่างไรก็ตาม ความน่าเชื่อถือของรูปแบบมักจะเพิ่มขึ้นใน Timeframe ที่สูงขึ้น (เช่น H4, Daily) เนื่องจากมีสัญญาณรบกวนน้อยกว่า
- Q2: ควรใช้ Indicator อื่นๆ ร่วมกับ Three Bar Play หรือไม่?
- A2: การใช้ Indicator อื่นๆ ร่วมด้วยจะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการยืนยันสัญญาณได้เป็นอย่างดี เช่น การใช้ Moving Average เพื่อยืนยันแนวโน้ม, การใช้ RSI หรือ Stochastic เพื่อหาราคาที่อยู่ในภาวะ Overbought/Oversold หรือการใช้ Volume เพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของการเคลื่อนไหวของราคา
- Q3: Three Bar Play แตกต่างจากรูปแบบ Harami หรือ Inside Bar อย่างไร?
- A3: แม้จะมีแท่งเทียนกลางที่เล็กคล้ายกัน แต่ Three Bar Play เป็นรูปแบบต่อเนื่องของแนวโน้ม (Continuation Pattern) โดยมีแท่งเทียนที่ 3 ที่ยืนยันการไปต่อของแนวโน้มเดิม ในขณะที่ Harami และ Inside Bar มักจะเป็นรูปแบบที่บ่งบอกถึงการพักตัวหรือการลังเลของตลาด และมักจะต้องการการยืนยันการกลับตัวหรือการไปต่อในรูปแบบอื่นๆ
- Q4: จะเกิดอะไรขึ้นหากแท่งเทียนที่ 2 (Pullback Candlestick) มีขนาดใหญ่?
- A4: หากแท่งเทียนที่ 2 มีขนาดใหญ่เกินไปเมื่อเทียบกับแท่งเทียนที่ 1 และ 3 นั่นอาจหมายถึงการดึงกลับของราคาที่มีนัยสำคัญ ซึ่งบ่งบอกว่าแรงตรงข้ามมีความแข็งแกร่งกว่าที่ควรจะเป็น และรูปแบบ Three Bar Play อาจไม่น่าเชื่อถือ การเข้าเทรดในสถานการณ์ดังกล่าวมีความเสี่ยงสูงกว่า
สรุป: Three Bar Play กุญแจสู่การเทรดตามแนวโน้มอย่างชาญฉลาด
รูปแบบแท่งเทียน Three Bar Play เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับการเทรดตามแนวโน้ม ช่วยให้คุณสามารถระบุโอกาสในการเข้าเทรดที่ได้เปรียบหลังจากการพักตัวของราคา โดยอาศัยการทำความเข้าใจ จิตวิทยาของ Market Makers และ Retail Traders การปฏิบัติตามกฎการระบุรูปแบบอย่างเคร่งครัด รวมถึงการวางแผนจุดเข้า จุดหยุดขาดทุน และจุดทำกำไรอย่างชัดเจน จะช่วยเพิ่มความน่าจะเป็นในการทำกำไรและลดความเสี่ยงได้อย่างมาก
หมั่นฝึกฝนการระบุและเทรดรูปแบบ Three Bar Play ในบัญชีทดลอง (Demo Account) ก่อนที่จะนำไปใช้ในบัญชีจริง เพื่อสร้างความชำนาญและความมั่นใจ การผสมผสานรูปแบบนี้เข้ากับการวิเคราะห์แนวโน้มและ เครื่องมืออื่นๆ จะช่วยให้คุณเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จในระยะยาวได้อย่างแน่นอน
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการระบบเทรดอัตโนมัติเพื่อช่วยในการตัดสินใจและบริหารจัดการการเทรด สามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ EA (Expert Advisor) ซึ่งเป็นโปรแกรมเทรดอัตโนมัติที่สามารถนำกลยุทธ์ Three Bar Play และอื่นๆ ไปใช้ได้


