รูปแบบแท่งเทียน Piercing Pattern และ Dark Cloud Cover: สัญญาณกลับตัวสำคัญเพื่อการเทรดที่มีประสิทธิภาพ
ในโลกของการลงทุนและการเทรด ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น Forex หรือสินค้าโภคภัณฑ์ การทำความเข้าใจพฤติกรรมราคาถือเป็นหัวใจสำคัญสู่ความสำเร็จ รูปแบบแท่งเทียนญี่ปุ่น คือหนึ่งในเครื่องมือ การวิเคราะห์ทางเทคนิค ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากสามารถบอกเล่าเรื่องราวทางจิตวิทยาของผู้ซื้อและผู้ขายได้อย่างชัดเจน หนึ่งในรูปแบบที่เทรดเดอร์มืออาชีพให้ความสนใจคือ Piercing Pattern และ Dark Cloud Cover ซึ่งเป็นสัญญาณกลับตัวที่ทรงพลัง บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางของราคา บทความนี้จะเจาะลึกถึงรายละเอียดของทั้งสองรูปแบบนี้ ตั้งแต่ความหมาย โครงสร้างทางจิตวิทยา ไปจนถึงกลยุทธ์การนำไปใช้ในการเทรด เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจ การเทรด ได้อย่างแม่นยำและมั่นใจยิ่งขึ้น

Piercing Pattern: สัญญาณกลับตัวขึ้นที่บ่งชี้การสิ้นสุดเทรนด์ขาลง
Piercing Pattern คืออะไร?
Piercing Pattern คือ รูปแบบแท่งเทียนกลับตัวขึ้น (Bullish Reversal Pattern) ที่มีความน่าเชื่อถือสูง โดยมักปรากฏขึ้นในตอนท้ายของ เทรนด์ขาลง ที่ชัดเจน เพื่อส่งสัญญาณว่าแรงขายกำลังอ่อนแรงลงและแรงซื้อกำลังเข้ามาควบคุมตลาด ซึ่งมีนัยยะว่าราคาอาจจะกลับตัวเป็นขาขึ้นในไม่ช้า รูปแบบนี้ประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่งที่เรียงต่อกัน:
- แท่งเทียนที่ 1 (Bearish Candlestick): เป็นแท่งเทียนขาลง (มักเป็นสีแดงหรือสีดำ) ที่มีเนื้อเทียนค่อนข้างยาวและแข็งแกร่ง แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของแรงขายที่ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ราคาเปิดสูงและราคาปิดต่ำ
- แท่งเทียนที่ 2 (Bullish Candlestick): เป็นแท่งเทียนขาขึ้น (มักเป็นสีเขียวหรือสีขาว) ที่เปิดราคาต่ำกว่าราคาปิดของแท่งเทียนแรกอย่างชัดเจน (เกิด “Gap Down”) แต่ในช่วงท้ายของการซื้อขาย ราคาได้ดีดตัวกลับขึ้นมาและปิดสูงกว่าระดับกึ่งกลางของเนื้อเทียนแท่งแรกอย่างน้อย 50% ขึ้นไป โดยเนื้อเทียนของแท่งที่สองก็มักจะมีความยาวพอสมควรเช่นกัน
ตัวอย่าง: ลองจินตนาการถึงสถานการณ์ที่ตลาดกำลังอยู่ในช่วงขาลงอย่างหนัก แท่งเทียนสีแดงยาวปรากฏขึ้นเป็นแท่งแรก บ่งบอกว่าผู้ขายยังคงครองตลาดอย่างสมบูรณ์ วันต่อมา ราคาเปิดตลาดต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ (Gap Down) ทำให้ผู้ซื้อบางส่วนเริ่มมองเห็นโอกาสในการเข้าซื้อ และค่อยๆ ผลักดันราคาให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งปิดตลาดเหนือกว่าจุดกึ่งกลางของแท่งแดงในวันก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ นี่คือลักษณะของ Piercing Pattern ที่บอกว่าแรงซื้อเริ่มมีพลังมากพอที่จะผลักดันตลาดขึ้นมาได้
ทำไม Piercing Pattern ถึงเป็นสัญญาณกลับตัว? (หลักการทางจิตวิทยาตลาด)
การที่ Piercing Pattern สามารถบ่งชี้ถึงการกลับตัวได้นั้น มีพื้นฐานมาจากหลักการทางจิตวิทยาของผู้เล่นในตลาด:
- การเทขายที่รุนแรงและการมองหาโอกาส: แท่งเทียนแรกที่ยาวบ่งบอกถึงแรงเทขายที่ครอบงำตลาด ผู้ขายยังคงมีความมั่นใจในการผลักดันราคาลง
- ความสิ้นหวังและการเปิด Gap Down: การที่ราคาเปิด Gap Down ในแท่งที่สอง แสดงถึงความสิ้นหวังของผู้ซื้อและความคาดหวังว่าราคาจะยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง
- การเข้าซื้อสวนกลับ: อย่างไรก็ตาม หลังจากเปิด Gap Down กลับมีแรงซื้อเข้ามาอย่างรวดเร็วและแข็งแกร่ง ทำให้ราคาเริ่มปรับตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ และสามารถดันราคาปิดให้ทะลุเกินกว่าครึ่งหนึ่งของเนื้อเทียนแท่งแรกได้สำเร็จ
- การเปลี่ยนขั้วอำนาจ: การที่แท่งเทียนสีเขียวสามารถ “เจาะ” เข้าไปในเนื้อเทียนสีแดงของวันก่อนหน้าได้มากกว่าครึ่ง แสดงให้เห็นว่าแรงซื้อได้เข้าควบคุมสถานการณ์และสามารถเอาชนะแรงขายได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเชิงจิตวิทยาที่รุนแรงว่าโมเมนตัมของตลาดกำลังเปลี่ยนทิศทาง
ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร: หาก Piercing Pattern ปรากฏขึ้นอย่างถูกต้องและได้รับการยืนยันจากแท่งเทียนถัดไปหรือ อินดิเคเตอร์ อื่น ๆ เทรดเดอร์สามารถคาดการณ์ได้ว่าราคาอาจจะกลับตัวเป็นขาขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสในการเข้าซื้อทำกำไร
วิธีการระบุ Piercing Pattern ที่น่าเชื่อถือ
เพื่อให้ Piercing Pattern เป็นสัญญาณที่มีประสิทธิภาพ ควรพิจารณาปัจจัยเสริมดังนี้:
- เทรนด์ขาลง ที่ชัดเจน: รูปแบบนี้จะมีความน่าเชื่อถือสูงสุดเมื่อเกิดขึ้นหลังจากเทรนด์ขาลงที่ยาวนานและชัดเจน
- แท่งเทียนแรก Bearish ยาว: เนื้อเทียนของแท่งแรกควรยาวและสมบูรณ์ แสดงถึงแรงขายที่แข็งแกร่งก่อนหน้า
- แท่งเทียนที่สอง Bullish เปิด Gap Down: ราคาเปิดของแท่งที่สองควรต่ำกว่าราคาปิดของแท่งแรกอย่างเห็นได้ชัด
- การปิดเหนือกว่ากึ่งกลาง: ราคาปิดของแท่งที่สองต้องสูงกว่าระดับกึ่งกลาง (50%) ของเนื้อเทียนแท่งแรก ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่สำคัญที่สุด
- ปริมาณการซื้อขาย (Volume): หากปริมาณการซื้อขายในแท่งที่สองมีนัยสำคัญหรือสูงกว่าค่าเฉลี่ย จะยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับสัญญาณการกลับตัว
- การยืนยัน: การรอให้มีแท่งเทียนขาขึ้นแท่งถัดไปปิดยืนยันเหนือแท่งที่สองของ Piercing Pattern จะช่วยลดความเสี่ยงจากสัญญาณหลอกได้
กลยุทธ์การเทรดด้วย Piercing Pattern
เมื่อคุณระบุ Piercing Pattern ที่น่าเชื่อถือได้แล้ว สามารถนำไปปรับใช้กับ กลยุทธ์การเทรด ดังนี้:
- จุดเข้า (Entry Point): สามารถเข้าซื้อ (Buy) ได้เมื่อแท่งเทียนที่สามปิดเหนือราคาปิดของแท่งที่สอง หรือรอการ Reconfirm ด้วย Price Action ที่ชัดเจน
- จุดตัดขาดทุน (Stop Loss): วาง Stop Loss ไว้ใต้ราคาต่ำสุดของ Piercing Pattern (ราคาต่ำสุดของแท่งที่สอง) เพื่อจำกัดความเสี่ยงหากสัญญาณผิดพลาด
- จุดทำกำไร (Take Profit):
- ใช้แนวต้านสำคัญที่อยู่ใกล้ที่สุดเป็นเป้าหมายแรก
- ใช้เครื่องมือ Fibonacci Retracement เพื่อกำหนดระดับทำกำไรที่เป็นไปได้
- ใช้ Moving Average ระยะสั้นที่ตัดกับ Moving Average ระยะยาวเป็นการบอกสัญญาณออก
เคล็ดลับ: ควรใช้ Piercing Pattern ร่วมกับการวิเคราะห์แนวรับแนวต้าน, อินดิเคเตอร์ โมเมนตัม หรือรูปแบบกราฟอื่นๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำ
Dark Cloud Cover: สัญญาณกลับตัวลงที่บ่งชี้การสิ้นสุดเทรนด์ขาขึ้น
Dark Cloud Cover คืออะไร?
ในทางตรงกันข้ามกับ Piercing Pattern, Dark Cloud Cover คือ รูปแบบแท่งเทียนกลับตัวลง (Bearish Reversal Pattern) ที่มักจะปรากฏขึ้นที่จุดสูงสุดของ เทรนด์ขาขึ้น ที่แข็งแกร่ง เพื่อบ่งชี้ว่าแรงซื้อกำลังเริ่มอ่อนกำลังลง และแรงขายกำลังเข้ามาครอบงำตลาด ซึ่งอาจส่งสัญญาณถึงการกลับตัวของราคาเป็นขาลง รูปแบบนี้ประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่ง:
- แท่งเทียนที่ 1 (Bullish Candlestick): เป็นแท่งเทียนขาขึ้น (มักเป็นสีเขียวหรือสีขาว) ที่มีเนื้อเทียนค่อนข้างยาวและแข็งแกร่ง แสดงถึงแรงซื้อที่ยังคงผลักดันราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราคาเปิดต่ำและราคาปิดสูง
- แท่งเทียนที่ 2 (Bearish Candlestick): เป็นแท่งเทียนขาลง (มักเป็นสีแดงหรือสีดำ) ที่เปิดราคาสูงกว่าราคาปิดของแท่งเทียนแรก (เกิด “Gap Up”) แต่ในช่วงท้ายของการซื้อขาย ราคาได้ถูกผลักดันลงมาและปิดต่ำกว่าระดับกึ่งกลางของเนื้อเทียนแท่งแรกอย่างน้อย 50% ขึ้นไป โดยเนื้อเทียนของแท่งที่สองก็มักจะมีความยาวพอสมควรเช่นกัน
ตัวอย่าง: สมมติว่าตลาดกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง แท่งเทียนสีเขียวยาวปรากฏขึ้นเป็นแท่งแรก บ่งบอกว่าผู้ซื้อยังคงแข็งแกร่ง วันต่อมา ราคาเปิดตลาดสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ (Gap Up) ทำให้ผู้ขายบางส่วนเริ่มเห็นว่าเป็นจุดที่สูงเกินไปและเข้าทำการขายอย่างหนัก ส่งผลให้ราคาตกลงมาอย่างรวดเร็วและปิดตลาดต่ำกว่าจุดกึ่งกลางของแท่งเขียวในวันก่อนหน้าอย่างชัดเจน นี่คือลักษณะของ Dark Cloud Cover ที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนขั้วอำนาจจากแรงซื้อไปสู่แรงขาย
ทำไม Dark Cloud Cover ถึงเป็นสัญญาณกลับตัว? (หลักการทางจิตวิทยาตลาด)
หลักการทางจิตวิทยาที่อยู่เบื้องหลัง Dark Cloud Cover มีดังนี้:
- การขึ้นอย่างต่อเนื่องและการมองหากำไร: แท่งเทียนแรกที่ยาวบ่งบอกถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่ง ผู้ซื้อยังคงมีความมั่นใจในการผลักดันราคาขึ้น
- ความเชื่อมั่นเกินจริงและการเปิด Gap Up: การที่ราคาเปิด Gap Up ในแท่งที่สอง แสดงถึงความเชื่อมั่นที่สูงเกินจริงของตลาดว่าราคาจะยังคงพุ่งขึ้นต่อไป
- แรงขายเข้าแทรกแซง: อย่างไรก็ตาม หลังจากเปิด Gap Up กลับมีแรงขายเข้ามาอย่างรวดเร็วและรุนแรง ทำให้ราคาเริ่มปรับตัวต่ำลงเรื่อย ๆ และสามารถดันราคาปิดให้ทะลุลงมาต่ำกว่ากึ่งกลางของเนื้อเทียนแท่งแรกได้สำเร็จ
- การเปลี่ยนขั้วอำนาจ: การที่แท่งเทียนสีแดงสามารถ “ปกคลุม” หรือ “เจาะ” เข้าไปในเนื้อเทียนสีเขียวของวันก่อนหน้าได้มากกว่าครึ่ง แสดงให้เห็นว่าแรงขายได้เข้าควบคุมสถานการณ์และสามารถเอาชนะแรงซื้อได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเชิงจิตวิทยาที่รุนแรงว่าโมเมนตัมของตลาดกำลังเปลี่ยนทิศทาง
ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร: หาก Dark Cloud Cover ปรากฏขึ้นอย่างถูกต้องและได้รับการยืนยันจากแท่งเทียนถัดไปหรือ อินดิเคเตอร์ อื่น ๆ เทรดเดอร์สามารถคาดการณ์ได้ว่าราคาอาจจะกลับตัวเป็นขาลง ซึ่งเป็นโอกาสในการเปิดสถานะขาย (Short Sell) ทำกำไร
วิธีการระบุ Dark Cloud Cover ที่น่าเชื่อถือ
เพื่อให้ Dark Cloud Cover เป็นสัญญาณที่มีประสิทธิภาพ ควรพิจารณาปัจจัยเสริมดังนี้:
- เทรนด์ขาขึ้น ที่ชัดเจน: รูปแบบนี้จะมีความน่าเชื่อถือสูงสุดเมื่อเกิดขึ้นหลังจากเทรนด์ขาขึ้นที่ยาวนานและชัดเจน
- แท่งเทียนแรก Bullish ยาว: เนื้อเทียนของแท่งแรกควรยาวและสมบูรณ์ แสดงถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่งก่อนหน้า
- แท่งเทียนที่สอง Bearish เปิด Gap Up: ราคาเปิดของแท่งที่สองควรสูงกว่าราคาปิดของแท่งแรกอย่างเห็นได้ชัด
- การปิดต่ำกว่ากึ่งกลาง: ราคาปิดของแท่งที่สองต้องต่ำกว่าระดับกึ่งกลาง (50%) ของเนื้อเทียนแท่งแรก ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่สำคัญที่สุด
- ปริมาณการซื้อขาย (Volume): หากปริมาณการซื้อขายในแท่งที่สองมีนัยสำคัญหรือสูงกว่าค่าเฉลี่ย จะยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับสัญญาณการกลับตัว
- การยืนยัน: การรอให้มีแท่งเทียนขาลงแท่งถัดไปปิดต่ำกว่าแท่งที่สองของ Dark Cloud Cover จะช่วยลดความเสี่ยงจากสัญญาณหลอกได้
กลยุทธ์การเทรดด้วย Dark Cloud Cover
เมื่อคุณระบุ Dark Cloud Cover ที่น่าเชื่อถือได้แล้ว สามารถนำไปปรับใช้กับ กลยุทธ์การเทรด ดังนี้:
- จุดเข้า (Entry Point): สามารถเปิดสถานะขาย (Sell) ได้เมื่อแท่งเทียนที่สามปิดต่ำกว่าราคาปิดของแท่งที่สอง หรือรอการ Reconfirm ด้วย Price Action ที่ชัดเจน
- จุดตัดขาดทุน (Stop Loss): วาง Stop Loss ไว้เหนือราคาสูงสุดของ Dark Cloud Cover (ราคาสูงสุดของแท่งที่สอง) เพื่อจำกัดความเสี่ยงหากสัญญาณผิดพลาด
- จุดทำกำไร (Take Profit):
- ใช้แนวรับสำคัญที่อยู่ใกล้ที่สุดเป็นเป้าหมายแรก
- ใช้เครื่องมือ Fibonacci Retracement เพื่อกำหนดระดับทำกำไรที่เป็นไปได้
- ใช้ Moving Average ระยะสั้นที่ตัดกับ Moving Average ระยะยาวเป็นการบอกสัญญาณออก
เคล็ดลับ: ควรใช้ Dark Cloud Cover ร่วมกับการวิเคราะห์แนวรับแนวต้าน, อินดิเคเตอร์ โมเมนตัม หรือรูปแบบกราฟอื่นๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำ
ข้อแตกต่างและข้อควรพิจารณาระหว่าง Piercing Pattern และ Dark Cloud Cover
เพื่อให้เข้าใจความแตกต่างของสองรูปแบบแท่งเทียนนี้อย่างลึกซึ้ง ตารางเปรียบเทียบนี้จะช่วยสรุปประเด็นสำคัญ:
| คุณสมบัติ | Piercing Pattern | Dark Cloud Cover |
|---|---|---|
| ประเภทสัญญาณ | กลับตัวขึ้น (Bullish Reversal) | กลับตัวลง (Bearish Reversal) |
| เทรนด์ก่อนหน้า | เทรนด์ขาลง (Downtrend) | เทรนด์ขาขึ้น (Uptrend) |
| แท่งเทียนแรก | Bearish (แดง/ดำ) เนื้อยาว | Bullish (เขียว/ขาว) เนื้อยาว |
| แท่งเทียนที่สอง | Bullish (เขียว/ขาว) เปิด Gap Down | Bearish (แดง/ดำ) เปิด Gap Up |
| เงื่อนไขการปิดแท่งที่สอง | ปิดสูงกว่ากึ่งกลางเนื้อเทียนแท่งแรก (อย่างน้อย 50%) | ปิดต่ำกว่ากึ่งกลางเนื้อเทียนแท่งแรก (อย่างน้อย 50%) |
ข้อควรระวังในการใช้งานรูปแบบแท่งเทียน
แม้ว่า Piercing Pattern และ Dark Cloud Cover จะเป็นสัญญาณที่ทรงพลัง แต่เทรดเดอร์ควรพิจารณาข้อควรระวังเหล่านี้:
- สัญญาณหลอก (False Signals): ไม่มีรูปแบบใดที่แม่นยำ 100% รูปแบบเหล่านี้อาจเกิดขึ้นชั่วคราวแล้วราคากลับไปตามเทรนด์เดิม
- ความสำคัญของการยืนยัน (Confirmation):
- แนวรับ-แนวต้าน: การที่ Piercing Pattern ปรากฏที่แนวรับที่แข็งแกร่ง หรือ Dark Cloud Cover ปรากฏที่แนวต้านที่แข็งแกร่ง จะเพิ่มความน่าเชื่อถืออย่างมาก
- Moving Average (MA): สัญญาณกลับตัวที่เกิดขึ้นใกล้เส้น MA ที่สำคัญ หรือมีการตัดกันของเส้น MA จะเป็นสัญญาณที่แข็งแกร่งขึ้น
- Relative Strength Index (RSI): หาก Piercing Pattern เกิดขึ้นในโซน Oversold (RSI ต่ำกว่า 30) หรือ Dark Cloud Cover เกิดขึ้นในโซน Overbought (RSI สูงกว่า 70) จะยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้สัญญาณ
- Moving Average Convergence Divergence (MACD): การเกิด Divergence ร่วมกับรูปแบบแท่งเทียนเหล่านี้เป็นสัญญาณที่น่าเชื่อถืออย่างยิ่ง
- การพิจารณา Timeframe: รูปแบบที่เกิดขึ้นใน Timeframe ที่ใหญ่กว่า (เช่น H4, Daily, Weekly) มักจะมีความน่าเชื่อถือสูงกว่าใน Timeframe ที่เล็กกว่า (เช่น M5, M15)
- ข่าวสารและปัจจัยพื้นฐาน: ควรพิจารณาข่าวเศรษฐกิจที่สำคัญและปัจจัยพื้นฐานที่อาจส่งผลต่อราคาควบคู่ไปด้วยเสมอ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
-
รูปแบบแท่งเทียน Piercing Pattern และ Dark Cloud Cover มีความแม่นยำแค่ไหน?
รูปแบบเหล่านี้มีความแม่นยำสูงเมื่อเทียบกับรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวแบบสองแท่งอื่นๆ แต่ก็ไม่แม่นยำ 100% การใช้งานควรควบคู่ไปกับการยืนยันจากอินดิเคเตอร์อื่นๆ เช่น RSI, MACD, Stochastic Oscillator หรือการวิเคราะห์แนวรับ-แนวต้าน เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและลดสัญญาณหลอก
-
ควรใช้รูปแบบเหล่านี้เพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจเทรดหรือไม่?
ไม่ควรอย่างยิ่ง การพึ่งพารูปแบบแท่งเทียนเพียงอย่างเดียวอาจทำให้เกิดความเสี่ยงสูงจากสัญญาณหลอก (False Signals) ควรใช้ Piercing Pattern และ Dark Cloud Cover เป็นส่วนหนึ่งของ กลยุทธ์การเทรด ที่ครอบคลุม ซึ่งรวมถึงการวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ การบริหารความเสี่ยง และการพิจารณาปัจจัยพื้นฐาน
-
ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดระหว่าง Piercing Pattern กับ Dark Cloud Cover คืออะไร?
ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดคือทิศทางของสัญญาณกลับตัวและเทรนด์ก่อนหน้าที่รูปแบบปรากฏ Piercing Pattern เป็นสัญญาณกลับตัวขึ้นที่ปรากฏในเทรนด์ขาลง ในขณะที่ Dark Cloud Cover เป็นสัญญาณกลับตัวลงที่ปรากฏในเทรนด์ขาขึ้น และลักษณะของแท่งเทียนสีแรกและสีที่สองก็เป็นตรงกันข้าม
-
สามารถใช้รูปแบบเหล่านี้กับสินทรัพย์อื่นนอกจาก Forex ได้หรือไม่?
ได้ รูปแบบแท่งเทียนญี่ปุ่นเป็นเครื่องมือสากลที่สามารถนำไปใช้ในการวิเคราะห์พฤติกรรมราคาของสินทรัพย์ต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ทองคำ สินค้าโภคภัณฑ์ หรือแม้แต่คริปโตเคอร์เรนซี เนื่องจากหลักการทางจิตวิทยาของผู้ซื้อและผู้ขายมีลักษณะคล้ายกันในทุกตลาด
-
ถ้าแท่งเทียนที่สองปิดเลยกึ่งกลางแท่งแรกไปมาก ๆ จะดีหรือไม่?
ถ้าแท่งเทียนที่สองปิดทะลุกึ่งกลางของแท่งแรกไปได้ไกลมาก (เช่น เกิน 75% หรือเกือบถึงราคาเปิดของแท่งแรก) จะถือเป็นสัญญาณที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะถ้าเป็น Piercing Pattern ที่แท่งที่สองปิดสูงมากจนใกล้ราคาเปิดของแท่งแรก นั่นหมายถึงแรงซื้อที่รุนแรงมาก หรือ Dark Cloud Cover ที่แท่งที่สองปิดต่ำมากจนใกล้ราคาเปิดของแท่งแรก นั่นหมายถึงแรงขายที่รุนแรงมาก
สรุป: ทำความเข้าใจและใช้ประโยชน์จากสัญญาณกลับตัว
รูปแบบแท่งเทียน Piercing Pattern และ Dark Cloud Cover เป็นสองสัญญาณกลับตัวที่มีบทบาทสำคัญในการ วิเคราะห์ทางเทคนิค และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับเทรดเดอร์ในการระบุโอกาสการกลับตัวของราคา Piercing Pattern ส่งสัญญาณการกลับตัวเป็นขาขึ้นหลังจากเทรนด์ขาลง ในขณะที่ Dark Cloud Cover ส่งสัญญาณการกลับตัวเป็นขาลงหลังจากเทรนด์ขาขึ้น การทำความเข้าใจโครงสร้างทางจิตวิทยาเบื้องหลังและวิธีการระบุรูปแบบที่น่าเชื่อถือ จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจ การเทรด ได้อย่างมีข้อมูลและเป็นเหตุเป็นผลมากยิ่งขึ้น
สิ่งสำคัญที่สุดคือการใช้รูปแบบเหล่านี้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ เช่น แนวรับ-แนวต้าน, Moving Average, RSI, MACD และที่ขาดไม่ได้คือ การบริหารความเสี่ยง และ วินัยในการเทรด ที่จะช่วยให้คุณอยู่รอดและประสบความสำเร็จในตลาดได้อย่างยั่งยืน
#แจกฟรีระบบเทรด & EA Indicators
- XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย: https://bit.ly/XmFree30USD
- Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ: https://bit.ly/MTRatsamee
- Exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด: https://bit.ly/ExnessCom
- Line ID: @ft.th
- Facebook Page: https://fb.com/ForexTipsThailand
- กลุ่มพูดคุย: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กำไรอย่างยั่งยืน https://www.fb.com/groups/1179829495508247

