TOP 10 บทความยอดนิยม

ดูทั้งหมด
ระบบเทรดสั้น

กลยุทธ์การเทรด Ichimoku Cloud

มิถุนายน 28, 2022

กลยุทธ์การซื้อขาย Ichimoku Cloud: คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพ

Ichimoku Cloud คืออะไร

ในโลกของการเทรด Forex และสินทรัพย์ทางการเงินอื่น ๆ การทำความเข้าใจเครื่องมือและกลยุทธ์ที่ซับซ้อนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความสำเร็จ หนึ่งในเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีประสิทธิภาพและครอบคลุมมากที่สุดคือ Ichimoku Cloud (อิจิโมกุคลาวด์) หรือที่รู้จักในชื่อเต็มว่า Ichimoku Kinko Hyo ซึ่งแปลว่า “แผนภูมิสมดุลในพริบตาเดียว” (One Glance Equilibrium Chart) อินดิเคเตอร์นี้ได้รับการพัฒนาโดยนักข่าวชาวญี่ปุ่นชื่อ Goichi Hosoda ในช่วงทศวรรษ 1930 และเผยแพร่สู่สาธารณะในปี 1969 นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Ichimoku Cloud ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหมู่นักเทรดทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดสกุลเงินเยนของญี่ปุ่นและตลาดหุ้น Nikkei เนื่องจากมีความเชื่อว่าอินดิเคเตอร์นี้ทำงานได้ดีเยี่ยมกับสินทรัพย์ที่ซื้อขายกันอย่างแพร่หลายในประเทศญี่ปุ่น

Ichimoku Cloud ไม่ได้เป็นเพียงอินดิเคเตอร์ธรรมดา แต่เป็นการรวมเอาหลายองค์ประกอบเข้าไว้ด้วยกันเพื่อให้นักเทรดสามารถมองเห็นข้อมูลสำคัญได้ในคราวเดียว ไม่ว่าจะเป็นแนวรับแนวต้าน, แนวโน้มตลาด, โมเมนตัม และสัญญาณการซื้อขายที่ชัดเจน การทำความเข้าใจแต่ละองค์ประกอบและการทำงานร่วมกันจะช่วยให้คุณสามารถนำกลยุทธ์ Ichimoku Cloud ไปประยุกต์ใช้ในการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและบริหารความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม

Ichimoku Cloud คืออะไร และทำไมนักเทรดมืออาชีพจึงเลือกใช้?

Ichimoku Cloud เป็นมากกว่าอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคทั่วไป แต่เป็นระบบการเทรดที่สมบูรณ์แบบในตัวเอง ออกแบบมาเพื่อให้นักเทรดสามารถวิเคราะห์ภาพรวมของตลาดได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ด้วยการแสดงข้อมูลหลายมิติพร้อมกันบนแผนภูมิ ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มปัจจุบัน ระดับแนวรับแนวต้าน และโมเมนตัมของราคา ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกถึงโครงสร้าง หลักการทำงาน และวิธีการนำ Ichimoku Cloud ไปใช้ในการสร้างกลยุทธ์การซื้อขายที่แข็งแกร่ง

ประวัติและความเป็นมาของ Ichimoku Cloud

Ichimoku Cloud ถูกคิดค้นโดย Goichi Hosoda หรือที่รู้จักกันในนามปากกาว่า Ichimoku Sanjin ซึ่งเป็นนักข่าวชาวญี่ปุ่นผู้ทุ่มเทเวลาหลายทศวรรษในการศึกษากราฟราคาและพัฒนาเครื่องมือนี้ เขาได้ตีพิมพ์ผลงานนี้สู่สาธารณะในปี 1969 หลังจากที่ได้ทดสอบและปรับปรุงมาอย่างยาวนาน ชื่อ “Ichimoku Kinko Hyo” สะท้อนถึงปรัชญาเบื้องหลังที่ต้องการให้นักเทรดสามารถทำความเข้าใจ “ความสมดุล” ของตลาดได้ใน “ชั่วพริบตาเดียว” หรือเพียงแค่การมองกราฟเพียงครั้งเดียว

ทำไม Ichimoku Cloud จึงได้รับความนิยม?

ความนิยมของ Ichimoku Cloud เกิดจากความสามารถในการให้ข้อมูลเชิงลึกที่ครอบคลุมโดยไม่ต้องใช้อินดิเคเตอร์อื่น ๆ เพิ่มเติมมากมาย อินดิเคเตอร์นี้ช่วยให้นักเทรดสามารถ:

  • ระบุแนวโน้ม: ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มขาขึ้น ขาลง หรือช่วงพักตัว
  • หาแนวรับแนวต้าน: คลาวด์ทำหน้าที่เป็นโซนแนวรับและแนวต้านที่มีพลวัต
  • วัดโมเมนตัม: ตำแหน่งของเส้น Tenkan-sen และ Kijun-sen บอกถึงความแข็งแกร่งของเทรนด์
  • ให้สัญญาณซื้อขาย: การตัดกันของเส้นและการเคลื่อนไหวของราคาเทียบกับคลาวด์ให้สัญญาณเข้าและออกที่ชัดเจน

นอกจากนี้ ยังมีทฤษฎีที่น่าสนใจว่า Ichimoku Cloud ทำงานได้ดีเป็นพิเศษกับคู่สกุลเงินเยนของญี่ปุ่น และดัชนี Nikkei เนื่องจากเป็นตราสารที่มีการซื้อขายอย่างกว้างขวางในตลาดญี่ปุ่น ซึ่งสอดคล้องกับบริบทที่อินดิเคเตอร์นี้ถูกพัฒนาขึ้นมา

โครงสร้างของ Ichimoku Cloud: การทำความเข้าใจองค์ประกอบทั้ง 6

โครงสร้างของ Ichimoku Cloud

แม้ว่า Ichimoku Cloud อาจดูซับซ้อนในตอนแรกสำหรับนักเทรดที่คุ้นเคยกับการรักษากราฟให้ “สะอาด” แต่เมื่อทำความเข้าใจองค์ประกอบแต่ละส่วนแล้ว จะพบว่ามันให้ข้อมูลที่มีคุณค่าอย่างยิ่งและไม่จำเป็นต้องใช้อินดิเคเตอร์เสริมมากเกินไป Ichimoku Cloud ประกอบด้วย 6 องค์ประกอบหลักที่ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างภาพรวมของตลาดที่ชัดเจน ได้แก่ Tenkan-sen, Kijun-sen, Senkou Span A, Senkou Span B, Chikou Span และ Kumo (Cloud)

1. Tenkan-sen (Conversion Line)

  • คำนิยาม: เป็นค่าเฉลี่ยของราคาสูงสุดและราคาต่ำสุดในช่วง 9 รอบเวลาที่ผ่านมา (สูงสุด 9 ช่วง + ต่ำสุด 9 ช่วง) / 2
  • ความหมาย: เป็นเส้นที่ไวต่อการเคลื่อนไหวของราคามากกว่า Kijun-sen เนื่องจากใช้ช่วงเวลาสั้นกว่า ใช้บ่งบอกถึงโมเมนตัมระยะสั้นและทิศทางของราคา หาก Tenkan-sen เคลื่อนไหวขึ้น หมายถึงราคาได้สูงขึ้นในช่วง 9 ช่วงล่าสุด และในทางกลับกัน หากเคลื่อนไหวลง หมายถึงราคาต่ำลง
  • การนำไปใช้: การที่ Tenkan-sen ตัดเหนือ Kijun-sen ถือเป็นสัญญาณขาขึ้น (Bullish Crossover) ในระยะสั้น และการตัดใต้ถือเป็นสัญญาณขาลง (Bearish Crossover)

2. Kijun-sen (Base Line)

  • คำนิยาม: เป็นค่าเฉลี่ยของราคาสูงสุดและราคาต่ำสุดในช่วง 26 รอบเวลาที่ผ่านมา (สูงสุด 26 ช่วง + ต่ำสุด 26 ช่วง) / 2
  • ความหมาย: เป็นเส้นที่สะท้อนถึงโมเมนตัมระยะกลางและเป็นแนวรับแนวต้านที่สำคัญกว่า Tenkan-sen เนื่องจากใช้ช่วงเวลาที่ยาวนานกว่า มีความเสถียรมากกว่าและไม่ผันผวนเท่า Tenkan-sen
  • การนำไปใช้: หากราคาอยู่เหนือ Kijun-sen แสดงถึงแนวโน้มขาขึ้น และหากราคาอยู่ต่ำกว่า Kijun-sen แสดงถึงแนวโน้มขาลง นอกจากนี้ Kijun-sen ยังใช้เป็นเส้นยืนยันแนวโน้มและเป็นระดับ Stop Loss ที่เป็นไปได้

3. Senkou Span A (Leading Span A)

  • คำนิยาม: เป็นค่าเฉลี่ยของ Tenkan-sen และ Kijun-sen แล้วถูกเลื่อนไปข้างหน้า 26 รอบเวลา (Tenkan-sen + Kijun-sen) / 2 แล้ว Shift ไปข้างหน้า 26 แท่ง
  • ความหมาย: เป็นหนึ่งในสองเส้นที่ประกอบกันเป็น “คลาวด์” หรือ Kumo โดยทำหน้าที่เป็นขอบบนของคลาวด์เมื่อตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น และเป็นขอบล่างของคลาวด์เมื่อตลาดอยู่ในแนวโน้มขาลง
  • การนำไปใช้: ใช้บ่งบอกแนวรับและแนวต้านในอนาคต หาก Senkou Span A สูงกว่า Senkou Span B แสดงว่าคลาวด์เป็นสีเขียว/น้ำเงิน ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้น

4. Senkou Span B (Leading Span B)

  • คำนิยาม: เป็นค่าเฉลี่ยของราคาสูงสุดและราคาต่ำสุดในช่วง 52 รอบเวลาที่ผ่านมา แล้วถูกเลื่อนไปข้างหน้า 26 รอบเวลา (สูงสุด 52 ช่วง + ต่ำสุด 52 ช่วง) / 2 แล้ว Shift ไปข้างหน้า 26 แท่ง
  • ความหมาย: เป็นเส้นที่สองที่ประกอบกันเป็น “คลาวด์” หรือ Kumo มีความเสถียรมากที่สุดเนื่องจากใช้ช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุด Senkou Span B จะเป็นขอบล่างของคลาวด์เมื่อตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น และเป็นขอบบนของคลาวด์เมื่อตลาดอยู่ในแนวโน้มขาลง
  • การนำไปใช้: ใช้บ่งบอกแนวรับและแนวต้านในอนาคต หาก Senkou Span B ต่ำกว่า Senkou Span A แสดงว่าคลาวด์เป็นสีเขียว/น้ำเงิน ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้น และในทางกลับกันหาก Senkou Span B สูงกว่า Senkou Span A แสดงว่าคลาวด์เป็นสีแดง ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาลง

5. Chikou Span (Lagging Span)

  • คำนิยาม: แสดงราคาปิดปัจจุบันของสินทรัพย์ แต่ถูกเลื่อนไปข้างหลัง 26 รอบเวลา (ราคาปิดปัจจุบัน Shift ไปข้างหลัง 26 แท่ง)
  • ความหมาย: ใช้เพื่อยืนยันแนวโน้มและโมเมนตัมในอดีต หาก Chikou Span อยู่เหนือราคาในอดีต (26 แท่งที่แล้ว) เป็นสัญญาณของแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง และหากอยู่ต่ำกว่า เป็นสัญญาณของแนวโน้มขาลงที่แข็งแกร่ง
  • การนำไปใช้: การที่ Chikou Span ตัดเหนือราคาย้อนหลัง 26 แท่ง ถือเป็นสัญญาณซื้อ และการตัดใต้ถือเป็นสัญญาณขาย

6. Kumo (Cloud)

  • คำนิยาม: คือช่องว่างที่ถูกเติมเต็มระหว่าง Senkou Span A และ Senkou Span B
  • ความหมาย: เป็นองค์ประกอบที่เด่นชัดที่สุดของ Ichimoku Cloud สีของคลาวด์บ่งบอกถึงแนวโน้มปัจจุบัน:
    • คลาวด์สีเขียว/น้ำเงิน (Senkou Span A > Senkou Span B): แนวโน้มขาขึ้น (Bullish Trend)
    • คลาวด์สีแดง (Senkou Span B > Senkou Span A): แนวโน้มขาลง (Bearish Trend)

    ความหนาของคลาวด์บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของแนวรับแนวต้าน หากคลาวด์หนา แสดงว่าแนวรับหรือแนวต้านแข็งแกร่ง และหากคลาวด์บาง แสดงว่าแนวรับหรือแนวต้านอ่อนแอ และราคาอาจทะลุผ่านได้ง่ายขึ้น

  • การนำไปใช้: การที่ราคาเคลื่อนที่อยู่เหนือคลาวด์ เป็นสัญญาณขาขึ้นที่แข็งแกร่ง การเคลื่อนที่อยู่ใต้คลาวด์ เป็นสัญญาณขาลงที่แข็งแกร่ง และการเคลื่อนที่อยู่ภายในคลาวด์ บ่งบอกถึงช่วงพักตัวหรือตลาดที่ไม่มีแนวโน้มชัดเจน (Sideways)

การใช้งาน Ichimoku Cloud เพื่อการซื้อขาย: สัญญาณและกลยุทธ์ที่สำคัญ

หลังจากทำความเข้าใจองค์ประกอบแต่ละส่วนของ Ichimoku Cloud แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเรียนรู้วิธีนำไปใช้ในการวิเคราะห์และตัดสินใจซื้อขาย นักเทรดสามารถใช้ Ichimoku Cloud เพื่อระบุแนวโน้ม กำหนดแนวรับแนวต้าน และสร้างสัญญาณเข้าและออกจากการซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การระบุแนวโน้มด้วย Ichimoku Cloud

หนึ่งในประโยชน์หลักของ Ichimoku Cloud คือความสามารถในการระบุแนวโน้มตลาดได้อย่างชัดเจน:

  • แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend): เมื่อราคาซื้อขายอยู่เหนือ Kumo (คลาวด์) และ Kumo มีสีเขียว/น้ำเงิน (Senkou Span A อยู่เหนือ Senkou Span B) นี่คือสัญญาณของแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง นักเทรดที่เน้นการตามเทรนด์ (Trend Follower) มักจะมองหาโอกาสในการเปิดสถานะซื้อ (Long Position) ในสถานการณ์เช่นนี้
  • แนวโน้มขาลง (Downtrend): ในทางกลับกัน เมื่อราคาซื้อขายอยู่ต่ำกว่า Kumo และ Kumo มีสีแดง (Senkou Span B อยู่เหนือ Senkou Span A) นี่คือสัญญาณของแนวโน้มขาลงที่แข็งแกร่ง นักเทรดจะมองหาโอกาสในการเปิดสถานะขาย (Short Position)
  • ตลาดไม่มีแนวโน้มชัดเจน (Sideways/Ranging Market): เมื่อราคาเคลื่อนที่อยู่ภายใน Kumo หรือ Kumo มีลักษณะที่เปลี่ยนแปลงสีไปมาบ่อยครั้งและค่อนข้างบาง แสดงว่าตลาดอยู่ในช่วงพักตัวหรือไม่สามารถกำหนดแนวโน้มที่ชัดเจนได้ ในสถานการณ์เช่นนี้ การซื้อขายตามแนวโน้มอาจมีความเสี่ยงสูง และนักเทรดบางรายอาจเลือกที่จะหลีกเลี่ยงการเข้าซื้อขาย

การระบุแนวโน้มด้วย Ichimoku Cloud

ตัวอย่าง: ในภาพตัวอย่างข้างต้น เราจะเห็นว่าในช่วงต้นเดือนมิถุนายน Kumo เริ่มขยายตัว ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของช่วงเวลาที่มีความผันผวนสูง หลังจากนั้นราคาได้ทะลุต่ำกว่าคลาวด์ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม และราคาน้ำมัน (USOIL) ก็ปรับตัวลงอย่างรวดเร็วหลังจากนั้น นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนว่าการเปลี่ยนแปลงของ Kumo และตำแหน่งของราคาเทียบกับคลาวด์สามารถบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มที่สำคัญได้อย่างไร

การยืนยันแนวโน้มด้วย Chikou Span

Chikou Span เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ใช้ในการยืนยันแนวโน้มและให้สัญญาณซื้อขายเพิ่มเติม:

  • สัญญาณซื้อ (Buy Signal): หาก Chikou Span เคลื่อนที่ตัดขึ้นเหนือราคาของแท่งเทียนย้อนหลัง 26 ช่วงเวลา นักเทรดสามารถตีความได้ว่าเป็นสัญญาณยืนยันแนวโน้มขาขึ้นและเป็นโอกาสในการเปิดสถานะซื้อ
  • สัญญาณขาย (Sell Signal): ในทางกลับกัน หาก Chikou Span เคลื่อนที่ตัดลงต่ำกว่าราคาของแท่งเทียนย้อนหลัง 26 ช่วงเวลา จะถือเป็นสัญญาณยืนยันแนวโน้มขาลงและเป็นโอกาสในการเปิดสถานะขาย

การใช้ Chikou Span ร่วมกับสัญญาณอื่น ๆ จาก Ichimoku Cloud จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของการตัดสินใจซื้อขาย

การใช้ Senkou Span เป็นแนวรับและแนวต้าน

Senkou Span A และ Senkou Span B ที่ประกอบกันเป็น Kumo นั้น ทำหน้าที่เป็นแนวรับและแนวต้านที่มีพลวัต (Dynamic Support and Resistance) ได้อย่างดีเยี่ยม เนื่องจากคลาวด์ถูกเลื่อนไปข้างหน้า 26 ช่วงเวลา จึงสามารถช่วยคาดการณ์แนวรับแนวต้านในอนาคตได้:

  • ในแนวโน้มขาขึ้น: หากราคาอยู่เหนือ Kumo เส้น Senkou Span บน (ซึ่งจะเป็น Senkou Span A) จะทำหน้าที่เป็นแนวรับแรก และเส้น Senkou Span ล่าง (Senkou Span B) จะทำหน้าที่เป็นแนวรับที่สอง
  • ในแนวโน้มขาลง: หากราคาอยู่ต่ำกว่า Kumo เส้น Senkou Span ล่าง (ซึ่งจะเป็น Senkou Span B) จะทำหน้าที่เป็นแนวต้านแรก และเส้น Senkou Span บน (Senkou Span A) จะทำหน้าที่เป็นแนวต้านที่สอง

ความหนาของคลาวด์ยังบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของแนวรับแนวต้านเหล่านั้น คลาวด์ที่หนาจะแสดงถึงแนวรับ/แนวต้านที่แข็งแกร่งกว่า และราคาจะทะลุผ่านได้ยากกว่า

Tenkan/Kijun ครอสโอเวอร์ (Crossover)

การตัดกันของเส้น Tenkan-sen และ Kijun-sen เป็นสัญญาณซื้อขายที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งในระบบ Ichimoku:

  • สัญญาณซื้อ (Bullish Crossover): เมื่อ Tenkan-sen ตัดขึ้นเหนือ Kijun-sen แสดงถึงโมเมนตัมขาขึ้นที่เพิ่มขึ้นและเป็นสัญญาณซื้อ
  • สัญญาณขาย (Bearish Crossover): เมื่อ Tenkan-sen ตัดลงต่ำกว่า Kijun-sen แสดงถึงโมเมนตัมขาลงที่เพิ่มขึ้นและเป็นสัญญาณขาย

Tenkan/Kijun ครอสโอเวอร์

นักเทรดบางรายใช้การครอสโอเวอร์นี้เพื่อยืนยันสัญญาณจาก Kumo หรือแม้กระทั่งใช้เป็นสัญญาณเข้าออกโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการครอสโอเวอร์เกิดขึ้นเหนือหรือใต้ Kumo ซึ่งจะเพิ่มความแข็งแกร่งของสัญญาณ

กลยุทธ์การซื้อขาย Ichimoku Cloud ที่มีประสิทธิภาพ

การรวมองค์ประกอบต่าง ๆ ของ Ichimoku Cloud เข้าด้วยกันจะนำไปสู่กลยุทธ์การซื้อขายที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพสูง เราจะนำเสนอสองกลยุทธ์หลักที่ได้รับความนิยม โดยมีตัวอย่างทั้งแบบขาขึ้น (Bullish) และขาลง (Bearish)

1. กลยุทธ์การฝ่าวงล้อม Ichimoku Cloud (Ichimoku Cloud Breakout Strategy)

กลยุทธ์นี้เป็นหนึ่งในวิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุดในการใช้ Ichimoku Cloud โดยเน้นไปที่การเคลื่อนไหวของราคาที่ทะลุผ่าน Kumo ซึ่งบ่งบอกถึงการเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่หรือการกลับมาของแนวโน้มเดิม

  • สัญญาณซื้อ (Long Entry): นักเทรดจะเข้าซื้อเมื่อราคาทะลุขึ้นเหนือ Kumo พร้อมกับการยืนยันว่า Kumo เปลี่ยนเป็นสีเขียว/น้ำเงิน (Senkou Span A > Senkou Span B)
  • สัญญาณขาย (Short Entry): นักเทรดจะเข้าขายเมื่อราคาทะลุลงต่ำกว่า Kumo พร้อมกับการยืนยันว่า Kumo เปลี่ยนเป็นสีแดง (Senkou Span B > Senkou Span A)

กลยุทธ์การฝ่าวงล้อม Ichimoku Cloud

ตัวอย่างกลยุทธ์ขาลง (Bearish Example): พิจารณาคู่สกุลเงิน GBP/JPY ในตัวอย่างข้างต้น ราคาทะลุต่ำกว่า Kumo ในช่วงกลางเดือนสิงหาคม หลังจากนั้นคู่สกุลเงินนี้ก็ปรับตัวลงมากกว่า 300 pips นักเทรดที่ใช้กลยุทธ์นี้มักจะรอการเกิด Tenkan/Kijun Crossover อีกครั้งเพื่อเป็นสัญญาณออกจากการเทรด การครอสโอเวอร์แบบสวนทางสามารถบ่งบอกได้ว่าแนวโน้มขาลงระยะสั้นอาจสิ้นสุดลงแล้ว และถึงเวลาที่จะปิดสถานะขายเพื่อทำกำไร

2. กลยุทธ์ Tenkan/Kijun Crossover ร่วมกับแนวโน้มหลัก

กลยุทธ์นี้ใช้การครอสโอเวอร์ของ Tenkan-sen และ Kijun-sen เป็นสัญญาณเข้าออก แต่จะกรองสัญญาณโดยพิจารณาจากแนวโน้มหลักที่บ่งชี้โดย Kumo

  • เงื่อนไขหลัก: การซื้อขายจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อสัญญาณครอสโอเวอร์สอดคล้องกับแนวโน้มหลักที่ Kumo บ่งชี้เท่านั้น เช่น จะมองหาเฉพาะสัญญาณซื้อเมื่อตลาดเป็นขาขึ้น (ราคาเหนือ Kumo สีเขียว) และมองหาเฉพาะสัญญาณขายเมื่อตลาดเป็นขาลง (ราคาใต้ Kumo สีแดง)
  • สัญญาณเข้าซื้อ (Long Entry): เมื่อ Tenkan-sen ตัดขึ้นเหนือ Kijun-sen และราคาอยู่เหนือ Kumo ที่เป็นสีเขียว
  • สัญญาณเข้าขาย (Short Entry): เมื่อ Tenkan-sen ตัดลงต่ำกว่า Kijun-sen และราคาอยู่ต่ำกว่า Kumo ที่เป็นสีแดง

กลยุทธ์ Tenkan/Kijun Crossover

ตัวอย่างกลยุทธ์ขาขึ้น (Bullish Example): พิจารณาสินทรัพย์ US500 ที่อยู่ในแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง โดยที่ราคาซื้อขายอยู่เหนือ Kumo ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม มีการครอสโอเวอร์แบบขาลงตามมาด้วยการครอสโอเวอร์แบบขาขึ้นในอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา ในสถานการณ์นี้ นักเทรดจะเพิกเฉยต่อสัญญาณครอสโอเวอร์ขาลง เนื่องจากแนวโน้มหลักยังคงเป็นขาขึ้นที่แข็งแกร่ง และมองหาสัญญาณครอสโอเวอร์ขาขึ้นเป็นจุดเข้าที่ถูกต้อง การครอสโอเวอร์ขาขึ้นดังกล่าวเป็นสัญญาณเข้าที่น่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตาม ดังที่เราเห็นในกราฟ US500 ได้ขยายการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญนับตั้งแต่นั้นมา สำหรับการกำหนดจุดออก นักเทรดอาจใช้ แนวรับ/แนวต้านแบบคลาสสิก หรือรอให้เกิดการครอสโอเวอร์ขาลงอีกครั้งเพื่อเป็นสัญญาณปิดสถานะ

การตั้งค่า Ichimoku Cloud บนแพลตฟอร์ม MetaTrader 4 (MT4)

สำหรับนักเทรดที่ใช้แพลตฟอร์ม MetaTrader 4 (MT4) การเพิ่ม Ichimoku Cloud เข้าไปในแผนภูมิการซื้อขายนั้นทำได้ง่ายและรวดเร็ว ทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อเริ่มต้นใช้งาน:

  1. เปิดแพลตฟอร์มการซื้อขาย MetaTrader 4 (MT4): ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้เปิดโปรแกรม MT4 บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว
  2. คลิกที่เมนู “Insert” (แทรก): มองหาเมนู “Insert” ที่อยู่ด้านบนของหน้าจอ
  3. เลือก “Indicators” (อินดิเคเตอร์): เลื่อนเมาส์ลงมาที่ “Indicators” และเลือก “Trend” (แนวโน้ม)
  4. เลือก “Ichimoku Kinko Hyo”: ในรายการอินดิเคเตอร์ที่ปรากฏขึ้น ให้คลิกที่ “Ichimoku Kinko Hyo”
  5. ตั้งค่าพารามิเตอร์: หน้าต่างใหม่จะปรากฏขึ้นพร้อมกับการตั้งค่าพารามิเตอร์ สี และการแสดงผล (Visualization) ของ Ichimoku Cloud โดยค่าเริ่มต้นจะถูกตั้งค่าดังนี้:
    • Tenkan-sen (Tenkan Sen Period): 9
    • Kijun-sen (Kijun Sen Period): 26
    • Senkou Span B (Senkou Span B Period): 52

    คุณสามารถปรับการตั้งค่าเหล่านี้ได้ตามความเหมาะสมกับกลยุทธ์ของคุณ แต่โดยทั่วไปแล้ว ค่าเริ่มต้นเหล่านี้เป็นที่นิยมและทำงานได้ดีกับตลาดส่วนใหญ่

  6. ปรับสีและการแสดงผล: คุณสามารถปรับสีของเส้นและคลาวด์ให้เป็นไปตามความต้องการของคุณ เพื่อให้ง่ายต่อการอ่านและวิเคราะห์
  7. คลิก “OK”: เมื่อตั้งค่าเสร็จสิ้น ให้คลิก “OK” เพื่อเพิ่ม Ichimoku Cloud ลงในแผนภูมิของคุณ

หลังจากเพิ่มอินดิเคเตอร์แล้ว คุณจะเห็นเส้นและคลาวด์ปรากฏบนกราฟราคา ซึ่งคุณสามารถเริ่มต้นการวิเคราะห์และวางแผนการซื้อขายตามกลยุทธ์ Ichimoku Cloud ได้ทันที

กรอบเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งาน Ichimoku Cloud

คำถามที่พบบ่อยสำหรับนักเทรดคือ “กรอบเวลาใดดีที่สุดสำหรับ Ichimoku Cloud?” คำตอบคือ ไม่มีกรอบเวลาใดที่ “ดีที่สุด” เพียงกรอบเวลาเดียว การเลือกกรอบเวลาที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับสไตล์และประเภทของการเทรดของคุณเป็นหลัก

  • สำหรับนักเทรดรายวัน (Day Traders): หากคุณเป็นนักเทรดที่เน้นการซื้อขายระยะสั้นและปิดสถานะภายในวันเดียว คุณอาจต้องการใช้ Ichimoku Cloud บนแผนภูมิ 5 นาที (M5) หรือ 15 นาที (M15) เพื่อช่วยในการระบุแนวโน้มระยะสั้นและรับสัญญาณเข้าและออกที่รวดเร็ว
  • สำหรับนักเทรดสวิง (Swing Traders): หากคุณเป็นนักเทรดที่ถือสถานะนานขึ้นเป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ คุณสามารถวาง Ichimoku Cloud บนแผนภูมิ 4 ชั่วโมง (H4) หรือรายวัน (Daily) เพื่อกำหนดแนวโน้มหลักและระดับแนวรับแนวต้านที่สำคัญในระยะกลาง
  • สำหรับนักเทรดระยะยาว (Long-term Traders): สำหรับนักลงทุนที่ถือสถานะยาวนานหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน อาจใช้ Ichimoku Cloud บนแผนภูมิรายสัปดาห์ (Weekly) หรือรายเดือน (Monthly) เพื่อดูภาพรวมแนวโน้มใหญ่และใช้ในการตัดสินใจลงทุนเชิงกลยุทธ์

ข้อควรจำ: ไม่ว่าจะเลือกกรอบเวลาใด สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักว่า Ichimoku Cloud ทำงานได้ดีที่สุดเมื่อตลาดมีแนวโน้ม (Trending Market) และอาจให้สัญญาณหลอก (False Signals) มากขึ้นเมื่อตลาดอยู่ในช่วงพักตัวหรือไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจน ดังนั้น การวิเคราะห์ร่วมกับ กรอบเวลาที่หลากหลาย หรือการใช้เครื่องมืออื่น ๆ ประกอบจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจ

อินดิเคเตอร์ทางเทคนิคอื่น ๆ ที่ทำงานได้ดีกับ Ichimoku Cloud

Ichimoku Cloud นั้นให้ข้อมูลที่หลากหลายมากอยู่แล้ว และสามารถใช้เป็นระบบการเทรดที่สมบูรณ์ได้ด้วยตัวมันเอง จึงไม่จำเป็นต้องใช้อินดิเคเตอร์เพิ่มเติมจำนวนมากร่วมกับ Ichimoku Cloud เพราะอาจทำให้เกิดสัญญาณที่ขัดแย้งกันและทำให้ข้อมูลบนแผนภูมิล้นเกินได้ (Information Overload)

อย่างไรก็ตาม นักเทรดบางรายอาจเลือกที่จะเพิ่ม Oscillator เข้าไปในแผนภูมิเพื่อช่วยในการส่งสัญญาณถึงสภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold) ในตลาด รวมถึงช่วยในการสังเกต Divergence ระหว่างราคากับ Oscillator ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนถึงการกลับตัวของแนวโน้ม อินดิเคเตอร์ Oscillator ที่นิยมนำมาใช้ร่วมกับ Ichimoku Cloud ได้แก่:

  • Relative Strength Index (RSI): ใช้ระบุสภาวะ Overbought/Oversold และโมเมนตัมของราคา
  • Stochastic Oscillator: คล้ายกับ RSI ในการบ่งบอกสภาวะ Overbought/Oversold และสัญญาณกลับตัว
  • Moving Average Convergence Divergence (MACD): ใช้ในการวัดโมเมนตัมและระบุสัญญาณซื้อขายจากการตัดกันของเส้นค่าเฉลี่ย

การใช้ Oscillator เหล่านี้ร่วมกับ Ichimoku Cloud ควรทำอย่างระมัดระวังและไม่ควรยึดติดกับสัญญาณจาก Oscillator เพียงอย่างเดียว ควรใช้เพื่อยืนยันหรือหาจุดเข้าออกที่แม่นยำยิ่งขึ้นเมื่อมีสัญญาณจาก Ichimoku Cloud ที่ชัดเจนอยู่แล้ว

ตัวอย่าง: ในภาพด้านล่างเป็นแผนภูมิของคู่สกุลเงิน AUD/USD ที่แสดงทั้ง Ichimoku Cloud และ MACD คุณจะสังเกตเห็นว่า MACD สามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโมเมนตัมและอาจช่วยยืนยันสัญญาณซื้อขายจาก Ichimoku ได้ในบางสถานการณ์

ข้อดีและข้อเสียของ Ichimoku Cloud

เช่นเดียวกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ Ichimoku Cloud มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่นักเทรดควรทำความเข้าใจก่อนนำไปใช้งานจริง

ข้อดี (Advantages)

  1. ข้อมูลที่หลากหลายในมุมมองเดียว:
    • Ichimoku Cloud เป็นอินดิเคเตอร์แบบ All-in-one ที่สามารถช่วยให้เรากำหนด แนวโน้มตลาด, ระบุ แนวรับ แนวต้าน, และวัดโมเมนตัมของราคาได้อย่างครบถ้วนในแผนภูมิเดียว
    • นักเทรดไม่จำเป็นต้องเปิดอินดิเคเตอร์หลายตัวบนกราฟ ซึ่งช่วยลดความซับซ้อนและทำให้การวิเคราะห์มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  2. ลดจำนวนอินดิเคเตอร์ที่จำเป็น:
    • แม้ว่า Ichimoku Cloud จะใช้พื้นที่ค่อนข้างมากบนแผนภูมิ แต่โดยรวมแล้วมันช่วยลดจำนวนอินดิเคเตอร์ที่คุณต้องการลงอย่างมาก
    • การลดจำนวนอินดิเคเตอร์หมายถึงความเสี่ยงที่น้อยลงในการได้รับสัญญาณที่ขัดแย้งกันจากเครื่องมือที่แตกต่างกัน ช่วยให้นักเทรดสามารถตัดสินใจได้อย่างชัดเจนมากขึ้น
  3. สามารถใช้ได้กับทุกกรอบเวลา:
    • ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเทรดระยะสั้น (Scalper), นักเทรดรายวัน (Day Trader) หรือนักเทรดระยะยาว (Swing Trader / Position Trader) Ichimoku Cloud สามารถปรับใช้ได้กับทุก Timeframe ตั้งแต่ M1 ไปจนถึง Monthly Chart
  4. บ่งชี้แนวรับแนวต้านในอนาคต:
    • ด้วยลักษณะของ Senkou Span ที่ถูกเลื่อนไปข้างหน้า 26 ช่วงเวลา ทำให้ Ichimoku Cloud สามารถช่วยคาดการณ์ระดับแนวรับแนวต้านที่มีศักยภาพในอนาคตได้ ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีค่าสำหรับการวางแผนการเทรด

ข้อเสีย (Disadvantages)

  1. ข้อมูลล้นเกินสำหรับผู้เริ่มต้น (Information Overload):
    • ผู้เริ่มต้นอาจรู้สึกสับสนและ overwhelmed จากปริมาณข้อมูลที่ได้รับจาก Ichimoku Cloud ในครั้งแรก เนื่องจากมีเส้นและพื้นที่สีต่าง ๆ จำนวนมากบนแผนภูมิ
    • จะต้องใช้เวลาและประสบการณ์พอสมควรในการเรียนรู้ว่าองค์ประกอบแต่ละส่วนแสดงถึงอะไร และจะใช้งานมันอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร
  2. การใช้พื้นที่บนแผนภูมิมาก:
    • นักเทรดบางรายที่ต้องการรักษาแผนภูมิของตนให้ “สะอาด” และมุ่งเน้นไปที่การเคลื่อนไหวของราคา (Price Action) อาจประสบปัญหาในการทำความคุ้นเคยกับ Ichimoku Cloud เนื่องจากมันกินพื้นที่บนกราฟค่อนข้างมาก
  3. ประสิทธิภาพลดลงในตลาด Sideways:
    • Ichimoku Cloud ทำงานได้ดีที่สุดเมื่อตลาดมีแนวโน้มที่ชัดเจน (Trending Market)
    • เมื่อตลาดอยู่ในช่วง Sideways หรือไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจน อินดิเคเตอร์นี้อาจให้สัญญาณหลอก (False Signals) บ่อยครั้ง และประสิทธิภาพในการทำกำไรจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด
  4. การคำนวณที่ดูซับซ้อน:
    • แม้ว่าแพลตฟอร์มการซื้อขายจะคำนวณให้โดยอัตโนมัติ แต่การทำความเข้าใจที่มาของการคำนวณแต่ละเส้นอาจซับซ้อนสำหรับนักเทรดบางราย ซึ่งอาจทำให้ขาดความเข้าใจเชิงลึกในการตีความสัญญาณ

FAQ Section: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Ichimoku Cloud

Q1: Ichimoku Cloud คืออะไร และใครเป็นผู้พัฒนา?

A1: Ichimoku Cloud หรือ Ichimoku Kinko Hyo เป็นอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคที่ซับซ้อน ซึ่งถูกพัฒนาโดยนักข่าวชาวญี่ปุ่น Goichi Hosoda (นามปากกา Ichimoku Sanjin) ในช่วงทศวรรษ 1930 และเผยแพร่สู่สาธารณะในปี 1969 จุดประสงค์คือเพื่อให้นักเทรดสามารถวิเคราะห์แนวโน้ม แนวรับแนวต้าน โมเมนตัม และสัญญาณซื้อขายได้ใน “พริบตาเดียว” จากแผนภูมิเดียว

Q2: องค์ประกอบหลักของ Ichimoku Cloud มีอะไรบ้าง?

A2: Ichimoku Cloud ประกอบด้วย 6 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ Tenkan-sen (Conversion Line), Kijun-sen (Base Line), Senkou Span A (Leading Span A), Senkou Span B (Leading Span B), Chikou Span (Lagging Span) และ Kumo (Cloud) ซึ่งแต่ละส่วนมีบทบาทและข้อมูลที่แตกต่างกันในการวิเคราะห์ตลาด

Q3: ควรใช้ Ichimoku Cloud กับกรอบเวลาใดดีที่สุด?

A3: ไม่มีกรอบเวลา “ที่ดีที่สุด” สำหรับ Ichimoku Cloud โดยเฉพาะ การเลือกกรอบเวลาขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดของคุณ นักเทรดรายวันอาจใช้ M5/M15, นักเทรดสวิงใช้ H4/Daily และนักเทรดระยะยาวใช้ Weekly/Monthly อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือ Ichimoku Cloud ทำงานได้ดีที่สุดในตลาดที่มีแนวโน้ม (Trending Market) ไม่ว่าจะใช้กรอบเวลาใดก็ตาม

Q4: Ichimoku Cloud สามารถใช้ระบุแนวรับและแนวต้านได้อย่างไร?

A4: Kumo (คลาวด์) ซึ่งประกอบด้วย Senkou Span A และ Senkou Span B ทำหน้าที่เป็นโซนแนวรับและแนวต้านที่มีพลวัต หากราคาอยู่เหนือคลาวด์ เส้นขอบของคลาวด์จะเป็นแนวรับ หากราคาอยู่ใต้คลาวด์ เส้นขอบจะเป็นแนวต้าน นอกจากนี้ ความหนาของคลาวด์ยังบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของแนวรับแนวต้านนั้น ๆ ด้วย

Q5: ควรใช้อินดิเคเตอร์อื่น ๆ ร่วมกับ Ichimoku Cloud หรือไม่?

A5: Ichimoku Cloud เป็นอินดิเคเตอร์ที่ครอบคลุมมากอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องใช้อินดิเคเตอร์อื่น ๆ จำนวนมาก อย่างไรก็ตาม นักเทรดบางรายอาจเลือกที่จะเพิ่ม Oscillator เช่น RSI, Stochastic หรือ MACD เพื่อช่วยในการระบุสภาวะซื้อมากเกินไป/ขายมากเกินไป หรือเพื่อยืนยันสัญญาณ Divergence ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้ม ควรใช้ Oscillator เหล่านี้เพื่อเสริมการวิเคราะห์ ไม่ใช่เพื่อเป็นสัญญาณหลักในการตัดสินใจ

สรุป: Ichimoku Cloud เครื่องมือทรงพลังสำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพ

Ichimoku Cloud หรือ Ichimoku Kinko Hyo อาจดูซับซ้อนในแวบแรกสำหรับนักเทรดที่เพิ่งเริ่มต้น แต่เมื่อทำความเข้าใจถึงหน้าที่และหลักการทำงานของแต่ละองค์ประกอบแล้ว จะพบว่ามันเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ทรงพลังและมีประโยชน์อย่างมหาศาล ด้วยความสามารถในการแสดงข้อมูลที่หลากหลาย ทั้งแนวโน้ม แนวรับแนวต้าน โมเมนตัม และสัญญาณซื้อขายในแผนภูมิเดียว ทำให้ Ichimoku Cloud ช่วยลดความจำเป็นในการใช้อินดิเคเตอร์อื่น ๆ จำนวนมาก ซึ่งช่วยให้การวิเคราะห์ตลาดมีความชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

การฝึกฝนและทำความคุ้นเคยกับการอ่านสัญญาณจาก Tenkan-sen, Kijun-sen, Senkou Span (Kumo) และ Chikou Span อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้นักเทรดสามารถตัดสินใจได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่า Ichimoku Cloud ทำงานได้ดีที่สุดในตลาดที่มีแนวโน้ม และควรใช้ร่วมกับการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม รวมถึงอาจพิจารณาใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น ๆ เพื่อยืนยันสัญญาณในบางกรณี

หากคุณกำลังมองหาระบบการเทรดที่ครอบคลุมและสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตลาดได้อย่างรวดเร็ว Ichimoku Cloud คือหนึ่งในตัวเลือกที่คุณไม่ควรมองข้าม การเรียนรู้และประยุกต์ใช้กลยุทธ์จาก Ichimoku Cloud จะเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาทักษะการเทรดของคุณสู่ระดับมืออาชีพ

หากคุณสนใจเรียนรู้เทคนิคการเทรดเพิ่มเติมหรือต้องการรับระบบเทรดอัตโนมัติ (EA) ฟรี สามารถศึกษาข้อมูลได้ที่ ระบบเทรดอัตโนมัติฟรี และติดตามข่าวสารจาก FTT Investing ได้ทางช่องทางด้านล่างนี้:

คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจเงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

You Might Also Like

Contact Us on Line