TOP 10 บทความยอดนิยม

ดูทั้งหมด
ระบบเทรดสั้น

กราฟแท่งเทียน 14 รูปแบบ ที่ควรจดจำ

พฤษภาคม 24, 2022

เปิดเผย 14 รูปแบบกราฟแท่งเทียน Forex ที่เทรดเดอร์มืออาชีพใช้ทำกำไร: คู่มือฉบับสมบูรณ์

14 รูปแบบกราฟแท่งเทียน ที่ใช้บ่อยในการเทรด Forex

Introduction: ทำความเข้าใจพลังของกราฟแท่งเทียนในการเทรด Forex

ในโลกของการเทรด Forex ที่มีการเคลื่อนไหวของราคาตลอดเวลา การอ่านและตีความ กราฟแท่งเทียน (Candlestick Charts) ถือเป็นทักษะสำคัญที่นักเทรดทุกคนต้องมี แท่งเทียนแต่ละแท่งไม่เพียงแค่แสดงข้อมูลราคาเปิด-ปิด สูง-ต่ำ ในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงอารมณ์และพฤติกรรมของตลาดได้อย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นแรงซื้อ (Bullish) หรือแรงขาย (Bearish) ที่เข้ามาครอบงำตลาดในช่วงเวลานั้น การทำความเข้าใจ รูปแบบกราฟแท่งเทียน ที่พบบ่อย จะช่วยให้นักเทรดสามารถคาดการณ์ทิศทางราคาในอนาคตได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น และนำไปสู่การตัดสินใจเทรดที่มีประสิทธิภาพ

บทความนี้จะเจาะลึก 14 รูปแบบกราฟแท่งเทียนที่นักเทรด Forex ทั่วโลกนิยมใช้ เพื่อเป็นสัญญาณในการกลับตัวของราคา (Reversal Patterns) และการยืนยันแนวโน้ม (Continuation Patterns) เราจะอธิบายถึงที่มา ลักษณะสำคัญ แนวโน้มที่บ่งบอก และกลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสมสำหรับแต่ละรูปแบบ เพื่อให้คุณสามารถนำความรู้เหล่านี้ไปปรับใช้กับ กลยุทธ์การเทรด ของคุณได้อย่างมั่นใจ

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Bearish: สัญญาณเตือนการกลับตัวเป็นขาลง

รูปแบบแท่งเทียน Bearish มักจะปรากฏขึ้นภายหลังแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง และส่งสัญญาณถึงการสิ้นสุดของแรงซื้อ พร้อมกับการเริ่มต้นของแรงขายที่เข้ามาครอบงำตลาด รูปแบบเหล่านี้บ่งชี้ถึงจุดต้านที่สำคัญ (Resistance Level) ซึ่งอาจทำให้ผู้เทรดพิจารณาปิดสถานะ Long (ซื้อ) และเปิดสถานะ Short (ขาย) เพื่อทำกำไรจากการปรับตัวลดลงของราคา

1. Hanging Man (แฮงกิ้ง แมน)

  • คืออะไร: Hanging Man เป็นรูปแบบแท่งเทียนเดี่ยวที่ส่งสัญญาณการกลับตัวเป็นขาลง (Bearish Reversal) มักเกิดขึ้นที่จุดสูงสุดของแนวโน้มขาขึ้น บ่งบอกว่าแรงซื้อเริ่มอ่อนแรงลงและแรงขายกำลังเข้ามาทดสอบตลาด
  • ลักษณะ: แท่งเทียนมี Body ขนาดเล็ก (ไม่ว่าจะเป็นสีเขียวหรือสีแดงก็ได้) โดยมี Lower Shadow (หางด้านล่าง) ที่ยาวอย่างน้อยสองเท่าของความยาว Body และมักจะไม่มีหรือมี Upper Shadow (หางด้านบน) สั้นมาก
  • การก่อตัวและแนวโน้ม: แท่งเทียนนี้บ่งชี้ว่าในช่วงเวลาการซื้อขายนั้น ราคาได้พยายามดันลงไปต่ำมาก แต่ก็มีแรงซื้อเข้ามาดันราคากลับขึ้นมาปิดใกล้เคียงกับราคาเปิด ทำให้ Body สั้น อย่างไรก็ตาม หางที่ยาวด้านล่างแสดงให้เห็นถึงความพยายามของแรงขายที่กดดันราคาลงมาอย่างมีนัยสำคัญ หากเกิดหลังแนวโน้มขาขึ้น บ่งบอกว่าผู้ขายเริ่มมีอำนาจมากขึ้น และอาจมีการกลับตัวเป็นขาลงในไม่ช้า
  • เคล็ดลับการเทรด: เพื่อยืนยันสัญญาณ Hanging Man ควรมองหารูปแบบแท่งเทียนขาลง (Bearish Candlestick) เกิดขึ้นถัดไป เช่น แท่งเทียนสีแดงยาว หรือราคาปิดต่ำกว่าราคาต่ำสุดของ Hanging Man การวาง Stop Loss เหนือจุดสูงสุดของ Hanging Man เป็นกลยุทธ์ที่นิยม

2. Shooting Star (ชูทติ้ง สตาร์)

  • คืออะไร: Shooting Star เป็นอีกหนึ่งรูปแบบแท่งเทียนเดี่ยวที่ใช้เป็นสัญญาณกลับตัวเป็นขาลง (Bearish Reversal) คล้ายกับ Hanging Man แต่มีลักษณะการก่อตัวที่แตกต่างกัน มักเกิดขึ้นที่จุดสูงสุดของแนวโน้มขาขึ้น
  • ลักษณะ: มี Body สั้น (ไม่ว่าจะเป็นสีเขียวหรือสีแดง) และมี Upper Shadow (หางด้านบน) ที่ยาวอย่างน้อยสองเท่าของความยาว Body โดยมี Lower Shadow (หางด้านล่าง) สั้นมากหรือไม่มีเลย รูปแบบนี้ดูคล้ายดาวตก
  • การก่อตัวและแนวโน้ม: Shooting Star แสดงให้เห็นว่าในช่วงเวลาการซื้อขายนั้น แรงซื้อพยายามดันราคาขึ้นไปสูงมาก แต่สุดท้ายก็ถูกแรงขายกดดันจนราคาปิดกลับลงมาใกล้เคียงกับราคาเปิดหรือต่ำกว่า บ่งบอกถึงความล้มเหลวของแรงซื้อที่จะรักษาโมเมนตัมขาขึ้นเอาไว้ได้ และเป็นสัญญาณเตือนว่าผู้ขายกำลังเข้ามาควบคุมตลาด ทำให้มีโอกาสสูงที่ราคาจะกลับตัวเป็นขาลง
  • เคล็ดลับการเทรด: การเทรดตามสัญญาณ Shooting Star ควรได้รับการยืนยันจากแท่งเทียนถัดไปที่แสดงถึงแรงขายที่ชัดเจน การเปิดสถานะ Short เมื่อราคาทะลุต่ำกว่าราคาปิดของ Shooting Star ถือเป็นกลยุทธ์ที่พบบ่อย พร้อมตั้ง Stop Loss เหนือ Upper Shadow

3. Bearish Engulfing (แบร์ริช อิงกัลฟิ่ง)

  • คืออะไร: Bearish Engulfing เป็นรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวเป็นขาลงที่แข็งแกร่ง (Strong Bearish Reversal Pattern) ประกอบด้วยแท่งเทียน 2 แท่ง มักเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจน
  • ลักษณะ: แท่งเทียนแรกเป็นแท่งสีเขียวขนาดเล็ก (Bullish Candlestick) ถูก “กลืนกิน” โดยแท่งเทียนที่สองซึ่งเป็นแท่งสีแดงขนาดใหญ่ (Bearish Candlestick) โดย Body ของแท่งที่สองจะต้องคลุม Body ของแท่งแรกได้อย่างสมบูรณ์
  • การก่อตัวและแนวโน้ม: รูปแบบนี้แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงอำนาจจากแรงซื้อไปสู่แรงขายอย่างรุนแรง แท่งเทียนสีแดงขนาดใหญ่บ่งบอกว่าแรงขายเข้ามาอย่างมหาศาล และสามารถกดดันราคาให้ต่ำกว่าราคาเปิดของแท่งก่อนหน้าและต่ำกว่าราคาปิดของแท่งก่อนหน้าได้ทั้งหมด แสดงถึงการครอบงำของแรงขายอย่างชัดเจน ทำให้มีแนวโน้มสูงมากที่จะเกิดการกลับตัวเป็นขาลงอย่างต่อเนื่อง
  • เคล็ดลับการเทรด: เป็นสัญญาณที่ค่อนข้างน่าเชื่อถือ การเข้าสถานะ Short สามารถทำได้เมื่อแท่ง Engulfing ปิดตัวลง หรือรอการยืนยันจากแท่งถัดไปที่ยังคงเป็นขาลง การวาง Stop Loss เหนือจุดสูงสุดของแท่ง Engulfing ที่สองเป็นสิ่งสำคัญ

4. Dark Cloud Cover (ดาร์ก คลาวด์ คัฟเวอร์)

  • คืออะไร: Dark Cloud Cover เป็นรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวเป็นขาลง (Bearish Reversal) ที่ประกอบด้วยแท่งเทียน 2 แท่ง เกิดขึ้นที่จุดสูงสุดของแนวโน้มขาขึ้น
  • ลักษณะ: แท่งเทียนแรกเป็นแท่งสีเขียวยาวที่ปิดสูง (Strong Bullish Candlestick) ตามมาด้วยแท่งเทียนที่สองที่เป็นแท่งสีแดง ที่เปิดด้วย Gap Up (ราคาเปิดสูงกว่าราคาปิดของแท่งแรก) แต่ไม่สามารถรักษาแรงซื้อไว้ได้ กลับถูกแรงขายกดดันลงมาจนราคาปิดต่ำกว่ากึ่งกลาง (50%) ของ Body แท่งเทียนสีเขียวแรก
  • การก่อตัวและแนวโน้ม: แม้จะเริ่มต้นด้วย Gap Up ที่แสดงถึงแรงซื้อที่ยังคงอยู่ แต่การที่ราคาไม่สามารถยืนอยู่เหนือระดับนั้นได้และถูกดันลงมาปิดต่ำกว่ากึ่งกลางของแท่งเขียวแรกอย่างมีนัยสำคัญ บ่งบอกถึงการเข้ามาของแรงขายที่แข็งแกร่งอย่างกะทันหัน ซึ่งทำลายความเชื่อมั่นของฝั่งซื้อและแสดงถึงการเปลี่ยนทิศทางของตลาด มีแนวโน้มที่จะเกิดการกลับตัวเป็นขาลง
  • เคล็ดลับการเทรด: สัญญาณนี้จะแข็งแกร่งขึ้นหากแท่งสีแดงปิดต่ำกว่า 50% ของ Body แท่งสีเขียวแรกมาก การเข้าสถานะ Short อาจพิจารณาเมื่อแท่งที่สองปิดตัวลง หรือรอการยืนยันจากแท่งถัดไป ตั้ง Stop Loss เหนือจุดสูงสุดของแท่งที่สอง

5. Three Black Crows (ทรี แบล็ค โครว์ส)

  • คืออะไร: Three Black Crows เป็นรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวเป็นขาลงที่แข็งแกร่งมาก (Very Strong Bearish Reversal Pattern) ประกอบด้วยแท่งเทียนสีแดง 3 แท่งติดต่อกัน มักเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้นที่ยาวนาน
  • ลักษณะ: ประกอบด้วยแท่งเทียนสีแดง (Bearish Candlesticks) ขนาดใหญ่ 3 แท่งติดต่อกัน โดยแต่ละแท่งจะเปิดราคาใกล้เคียงกับราคาปิดของแท่งก่อนหน้า หรือเปิดต่ำกว่าเล็กน้อย และปิดราคาต่ำลงไปเรื่อยๆ โดยมี Lower Shadow สั้น หรือไม่มีเลย
  • การก่อตัวและแนวโน้ม: รูปแบบนี้แสดงถึงการครอบงำของแรงขายอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาสามช่วงการซื้อขาย ทำให้ราคาลดลงอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง บ่งบอกถึงการสิ้นสุดของแนวโน้มขาขึ้นและเป็นการเริ่มต้นของแนวโน้มขาลงที่ชัดเจนและรุนแรง ผู้ซื้อไม่สามารถต้านทานแรงขายได้เลย
  • เคล็ดลับการเทรด: สัญญาณนี้เป็นสัญญาณที่ค่อนข้างน่าเชื่อถือและชัดเจนในการบ่งบอกถึงขาลง การเข้าสถานะ Short สามารถทำได้หลังจากแท่งที่สามปิดตัวลง โดยมี Stop Loss เหนือจุดสูงสุดของแท่งเทียนที่สองหรือสาม

6. Evening Star (อีฟนิ่ง สตาร์)

  • คืออะไร: Evening Star เป็นรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวเป็นขาลงที่สำคัญ (Significant Bearish Reversal Pattern) ประกอบด้วยแท่งเทียน 3 แท่ง มักปรากฏที่จุดสูงสุดของแนวโน้มขาขึ้น บ่งบอกถึงการเปลี่ยนทิศทางจากขาขึ้นเป็นขาลง
  • ลักษณะ:
    1. แท่งที่ 1: เป็นแท่งสีเขียวยาว (Strong Bullish Candlestick) บ่งบอกถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง
    2. แท่งที่ 2: เป็นแท่งสั้นๆ (Body เล็ก) ไม่ว่าจะเป็นสีเขียวหรือสีแดงก็ได้ โดยอาจมี Gap ขึ้นไปจากแท่งแรก (หรืออย่างน้อยก็มีราคาเปิดสูงกว่าราคาปิดของแท่งแรก) แท่งนี้แสดงถึงความไม่แน่ใจของตลาด
    3. แท่งที่ 3: เป็นแท่งสีแดงยาว (Strong Bearish Candlestick) ที่ปิดต่ำลงมามาก โดยราคาปิดของแท่งที่สามจะต้องเข้ากิน Body ของแท่งแรกเกินกว่าครึ่งหนึ่ง
  • การก่อตัวและแนวโน้ม: แท่งแรกแสดงถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่ง แต่แท่งที่สองที่สั้นแสดงถึงการชะลอตัวของแรงซื้อและความลังเลในตลาด แรงขายเริ่มเข้ามามีบทบาทในแท่งที่สอง และแท่งที่สามที่เป็นแท่งแดงยาวและปิดต่ำลงมาอย่างรุนแรงยืนยันว่าแรงขายเข้ามาครอบงำตลาดอย่างสมบูรณ์ บ่งบอกถึงการกลับตัวเป็นขาลงที่รุนแรงและมีโอกาสสูงที่ราคาจะลดลงอย่างต่อเนื่อง
  • เคล็ดลับการเทรด: เป็นสัญญาณที่เชื่อถือได้มาก การเข้าสถานะ Short สามารถพิจารณาเมื่อแท่งที่สามปิดตัวลง พร้อมตั้ง Stop Loss เหนือจุดสูงสุดของแท่งที่สอง

7. Bearish Doji (แบร์ริช โดจิ)

  • คืออะไร: Bearish Doji เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่บ่งบอกถึงความลังเลและความไม่แน่ใจของตลาด มักเกิดขึ้นที่จุดสูงสุดของแนวโน้มขาขึ้น และเป็นสัญญาณเตือนว่าโมเมนตัมขาขึ้นกำลังจะสิ้นสุดลงและอาจมีการกลับตัวเป็นขาลง
  • ลักษณะ: แท่งเทียน Doji มีลักษณะที่ราคาเปิดและราคาปิดเท่ากันหรือใกล้เคียงกันมาก ทำให้ Body ของแท่งเทียนบางมากจนเกือบจะเป็นเส้นตรง มี Lower Shadow และ Upper Shadow ที่อาจจะยาวเท่ากันหรือแตกต่างกันก็ได้ ขึ้นอยู่กับประเภทของ Doji (เช่น Gravestone Doji จะมี Upper Shadow ยาวมาก)
  • การก่อตัวและแนวโน้ม: เมื่อ Doji เกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้น บ่งบอกว่าตลาดไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าราคาควรไปในทิศทางใดต่อไป แรงซื้อพยายามดันราคาขึ้น แต่ก็ถูกแรงขายต้านทานไว้ ทำให้ราคากลับมาปิดใกล้เคียงกับราคาเปิด แสดงถึงความสมดุลชั่วคราวระหว่างแรงซื้อและแรงขาย แต่ในบริบทของแนวโน้มขาขึ้น มันหมายถึงการสูญเสียโมเมนตัมของฝั่งซื้อ และมีโอกาสสูงที่จะเกิดการกลับตัวเป็นขาลงในวันถัดไป
  • เคล็ดลับการเทรด: Doji เพียงแท่งเดียวไม่ใช่สัญญาณที่แข็งแกร่งพอที่จะตัดสินใจเทรด ควรยืนยันด้วยแท่งเทียนขาลงที่เกิดขึ้นตามมา เช่น แท่งสีแดงที่ปิดต่ำกว่าราคาต่ำสุดของ Doji การวาง Stop Loss เหนือจุดสูงสุดของ Doji

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Bullish: สัญญาณบ่งชี้การกลับตัวเป็นขาขึ้น

รูปแบบแท่งเทียน Bullish มักจะปรากฏขึ้นหลังจากการปรับตัวลงของราคา (แนวโน้มขาลง) และส่งสัญญาณถึงจุดต่ำสุดที่สำคัญ (Support Level) ที่แรงขายเริ่มอ่อนกำลังลง และแรงซื้อเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น รูปแบบเหล่านี้เป็นตัวบ่งชี้สำหรับผู้เทรดในการพิจารณาเปิดสถานะระยะยาว (Long Position) เพื่อทำกำไรจากทิศทางขาขึ้นที่กำลังจะมาถึง

8. Hammer (แฮมเมอร์)

  • คืออะไร: Hammer เป็นรูปแบบแท่งเทียนเดี่ยวที่ส่งสัญญาณการกลับตัวเป็นขาขึ้น (Bullish Reversal) มักเกิดขึ้นที่จุดต่ำสุดของแนวโน้มขาลง บ่งบอกว่าแรงขายเริ่มอ่อนแรงลงและแรงซื้อกำลังเข้ามาควบคุมตลาด
  • ลักษณะ: แท่งเทียนมี Body ขนาดเล็ก (ไม่ว่าจะเป็นสีเขียวหรือสีแดงก็ได้) โดยมี Lower Shadow (หางด้านล่าง) ที่ยาวอย่างน้อยสองเท่าของความยาว Body และมักจะไม่มีหรือมี Upper Shadow (หางด้านบน) สั้นมาก ดูคล้ายกับค้อน
  • การก่อตัวและแนวโน้ม: รูปแบบนี้แสดงให้เห็นว่าในช่วงการซื้อขายนั้น แม้ว่าราคาจะถูกแรงขายกดดันลงไปต่ำมาก แต่ในที่สุดก็มีแรงซื้อที่แข็งแกร่งเข้ามาดันราคากลับขึ้นมาปิดใกล้เคียงกับราคาเปิดหรือสูงขึ้น ทำให้ Body สั้น การก่อตัวนี้บ่งบอกว่าผู้ซื้อเริ่มมีความมั่นใจและพร้อมที่จะดันราคาขึ้น ทำให้มีโอกาสสูงที่จะเกิดการกลับตัวเป็นขาขึ้น
  • เคล็ดลับการเทรด: เพื่อยืนยันสัญญาณ Hammer ควรมองหารูปแบบแท่งเทียนขาขึ้น (Bullish Candlestick) เกิดขึ้นถัดไป เช่น แท่งเทียนสีเขียวยาว หรือราคาปิดสูงกว่าราคาต่ำสุดของ Hammer การวาง Stop Loss ใต้ Lower Shadow ของ Hammer เป็นกลยุทธ์ที่นิยม

9. Inverted Hammer (อินเวอร์ท แฮมเมอร์)

  • คืออะไร: Inverted Hammer เป็นอีกหนึ่งรูปแบบแท่งเทียนเดี่ยวที่ส่งสัญญาณการกลับตัวเป็นขาขึ้น (Bullish Reversal) คล้ายกับ Hammer แต่หางจะอยู่ด้านบน มักเกิดขึ้นที่จุดต่ำสุดของแนวโน้มขาลง
  • ลักษณะ: มี Body สั้น (ไม่ว่าจะเป็นสีเขียวหรือสีแดง) และมี Upper Shadow (หางด้านบน) ที่ยาวอย่างน้อยสองเท่าของความยาว Body โดยมี Lower Shadow (หางด้านล่าง) สั้นมากหรือไม่มีเลย รูปแบบนี้คล้ายกับค้อนกลับหัว
  • การก่อตัวและแนวโน้ม: Inverted Hammer แสดงให้เห็นว่าในช่วงการซื้อขายนั้น แรงซื้อพยายามดันราคาขึ้นไปสูงมาก แต่ก็มีแรงขายเข้ามาต้านทาน ทำให้ราคากลับมาปิดใกล้เคียงกับราคาเปิดหรือต่ำกว่า อย่างไรก็ตาม การที่แรงซื้อพยายามดันราคาขึ้นไปได้สูงในช่วงวันนั้น บ่งบอกถึงความพยายามของฝั่งซื้อที่จะกลับตัว และเป็นสัญญาณเตือนว่าแรงขายกำลังอ่อนตัวลง มีโอกาสที่จะเปลี่ยนจากขาลงเป็นขาขึ้น
  • เคล็ดลับการเทรด: การเทรดตามสัญญาณ Inverted Hammer ควรได้รับการยืนยันจากแท่งเทียนถัดไปที่แสดงถึงแรงซื้อที่ชัดเจน การเปิดสถานะ Long เมื่อราคาทะลุสูงกว่าราคาปิดของ Inverted Hammer ถือเป็นกลยุทธ์ที่พบบ่อย พร้อมตั้ง Stop Loss ใต้จุดต่ำสุดของ Inverted Hammer

10. Bullish Engulfing (บูลลิช อิงกัลฟิ่ง)

  • คืออะไร: Bullish Engulfing เป็นรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวเป็นขาขึ้นที่แข็งแกร่ง (Strong Bullish Reversal Pattern) ประกอบด้วยแท่งเทียน 2 แท่ง มักเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลงที่ชัดเจน
  • ลักษณะ: แท่งเทียนแรกเป็นแท่งสีแดงขนาดเล็ก (Bearish Candlestick) ถูก “กลืนกิน” โดยแท่งเทียนที่สองซึ่งเป็นแท่งสีเขียวขนาดใหญ่ (Bullish Candlestick) โดย Body ของแท่งที่สองจะต้องคลุม Body ของแท่งแรกได้อย่างสมบูรณ์
  • การก่อตัวและแนวโน้ม: รูปแบบนี้แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงอำนาจจากแรงขายไปสู่แรงซื้ออย่างรุนแรง แท่งเทียนสีเขียวขนาดใหญ่บ่งบอกว่าแรงซื้อเข้ามาอย่างมหาศาล และสามารถดันราคาให้สูงกว่าราคาเปิดของแท่งก่อนหน้าและสูงกว่าราคาปิดของแท่งก่อนหน้าได้ทั้งหมด แสดงถึงการครอบงำของแรงซื้ออย่างชัดเจน ทำให้มีแนวโน้มสูงมากที่จะเกิดการกลับตัวเป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  • เคล็ดลับการเทรด: เป็นสัญญาณที่ค่อนข้างน่าเชื่อถือ การเข้าสถานะ Long สามารถทำได้เมื่อแท่ง Engulfing ปิดตัวลง หรือรอการยืนยันจากแท่งถัดไปที่ยังคงเป็นขาขึ้น การวาง Stop Loss ใต้จุดต่ำสุดของแท่ง Engulfing ที่สองเป็นสิ่งสำคัญ

11. Piercing Pattern (เพียร์ซซิ่ง แพทเทิร์น)

  • คืออะไร: Piercing Pattern เป็นรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวเป็นขาขึ้น (Bullish Reversal) ที่ประกอบด้วยแท่งเทียน 2 แท่ง เกิดขึ้นที่จุดต่ำสุดของแนวโน้มขาลง เป็นรูปแบบที่พบบ่อยในตลาด Forex และหุ้น
  • ลักษณะ: แท่งเทียนแรกเป็นแท่งสีแดงยาวที่ปิดต่ำ (Strong Bearish Candlestick) ตามมาด้วยแท่งเทียนที่สองที่เป็นแท่งสีเขียว ที่เปิดด้วย Gap Down (ราคาเปิดต่ำกว่าราคาปิดของแท่งแรก) แต่ไม่สามารถรักษาแรงขายไว้ได้ กลับถูกแรงซื้อดันขึ้นมาจนราคาปิดสูงกว่ากึ่งกลาง (50%) ของ Body แท่งเทียนสีแดงแรก
  • การก่อตัวและแนวโน้ม: แม้จะเริ่มต้นด้วย Gap Down ที่แสดงถึงแรงขายที่ยังคงอยู่ แต่การที่ราคาไม่สามารถยืนอยู่ใต้ระดับนั้นได้และถูกดันขึ้นมาปิดสูงกว่ากึ่งกลางของแท่งแดงแรกอย่างมีนัยสำคัญ บ่งบอกถึงการเข้ามาของแรงซื้อที่แข็งแกร่งอย่างกะทันหัน ซึ่งทำลายความเชื่อมั่นของฝั่งขายและแสดงถึงการเปลี่ยนทิศทางของตลาด มีแนวโน้มที่จะเกิดการกลับตัวเป็นขาขึ้น
  • เคล็ดลับการเทรด: สัญญาณนี้จะแข็งแกร่งขึ้นหากแท่งสีเขียวปิดสูงกว่า 50% ของ Body แท่งสีแดงแรกมาก การเข้าสถานะ Long อาจพิจารณาเมื่อแท่งที่สองปิดตัวลง หรือรอการยืนยันจากแท่งถัดไป ตั้ง Stop Loss ใต้จุดต่ำสุดของแท่งที่สอง

12. Morning Star (มอร์นิ่ง สตาร์)

  • คืออะไร: Morning Star เป็นรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวเป็นขาขึ้นที่สำคัญ (Significant Bullish Reversal Pattern) ประกอบด้วยแท่งเทียน 3 แท่ง มักปรากฏที่จุดต่ำสุดของแนวโน้มขาลง บ่งบอกถึงการเปลี่ยนทิศทางจากขาลงเป็นขาขึ้น
  • ลักษณะ::
    1. แท่งที่ 1: เป็นแท่งสีแดงยาว (Strong Bearish Candlestick) บ่งบอกถึงแรงขายที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง
    2. แท่งที่ 2: เป็นแท่งสั้นๆ (Body เล็ก) ไม่ว่าจะเป็นสีเขียวหรือสีแดงก็ได้ โดยอาจมี Gap ลงไปจากแท่งแรก (หรืออย่างน้อยก็มีราคาเปิดต่ำกว่าราคาปิดของแท่งแรก) แท่งนี้แสดงถึงความไม่แน่ใจของตลาด
    3. แท่งที่ 3: เป็นแท่งสีเขียวยาว (Strong Bullish Candlestick) ที่ปิดสูงขึ้นมามาก โดยราคาปิดของแท่งที่สามจะต้องเข้ากิน Body ของแท่งแรกเกินกว่าครึ่งหนึ่ง
  • การก่อตัวและแนวโน้ม: แท่งแรกแสดงถึงแรงขายที่แข็งแกร่ง แต่แท่งที่สองที่สั้นแสดงถึงการชะลอตัวของแรงขายและความลังเลในตลาด แรงซื้อเริ่มเข้ามามีบทบาทในแท่งที่สอง และแท่งที่สามที่เป็นแท่งเขียวยาวและปิดสูงขึ้นมาอย่างรุนแรงยืนยันว่าแรงซื้อเข้ามาครอบงำตลาดอย่างสมบูรณ์ บ่งบอกถึงการกลับตัวเป็นขาขึ้นที่รุนแรงและมีโอกาสสูงที่ราคาจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  • เคล็ดลับการเทรด: เป็นสัญญาณที่เชื่อถือได้มาก การเข้าสถานะ Long สามารถพิจารณาเมื่อแท่งที่สามปิดตัวลง พร้อมตั้ง Stop Loss ใต้จุดต่ำสุดของแท่งที่สอง

13. Three White Soldiers (ทรี ไวท์ โซลเจอร์ส)

  • คืออะไร: Three White Soldiers เป็นรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวเป็นขาขึ้นที่แข็งแกร่งมาก (Very Strong Bullish Reversal Pattern) ประกอบด้วยแท่งเทียนสีเขียว 3 แท่งติดต่อกัน มักเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลงที่ยาวนาน
  • ลักษณะ: ประกอบด้วยแท่งเทียนสีเขียว (Bullish Candlesticks) ขนาดใหญ่ 3 แท่งติดต่อกัน โดยแต่ละแท่งจะเปิดราคาใกล้เคียงกับราคาปิดของแท่งก่อนหน้า หรือเปิดสูงกว่าเล็กน้อย และปิดราคาสูงขึ้นไปเรื่อยๆ โดยมี Upper Shadow สั้น หรือไม่มีเลย
  • การก่อตัวและแนวโน้ม: รูปแบบนี้แสดงถึงการครอบงำของแรงซื้ออย่างต่อเนื่องเป็นเวลาสามช่วงการซื้อขาย ทำให้ราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง บ่งบอกถึงการสิ้นสุดของแนวโน้มขาลงและเป็นการเริ่มต้นของแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจนและรุนแรง ผู้ขายไม่สามารถต้านทานแรงซื้อได้เลย
  • เคล็ดลับการเทรด: สัญญาณนี้เป็นสัญญาณที่ค่อนข้างน่าเชื่อถือและชัดเจนในการบ่งบอกถึงขาขึ้น การเข้าสถานะ Long สามารถทำได้หลังจากแท่งที่สามปิดตัวลง โดยมี Stop Loss ใต้จุดต่ำสุดของแท่งเทียนที่สองหรือสาม

14. Bullish Doji (บูลลิช โดจิ)

  • คืออะไร: Bullish Doji เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่บ่งบอกถึงความลังเลและความไม่แน่ใจของตลาด มักเกิดขึ้นที่จุดต่ำสุดของแนวโน้มขาลง และเป็นสัญญาณเตือนว่าโมเมนตัมขาลงกำลังจะสิ้นสุดลงและอาจมีการกลับตัวเป็นขาขึ้น
  • ลักษณะ: แท่งเทียน Doji มีลักษณะที่ราคาเปิดและราคาปิดเท่ากันหรือใกล้เคียงกันมาก ทำให้ Body ของแท่งเทียนบางมากจนเกือบจะเป็นเส้นตรง มี Lower Shadow และ Upper Shadow ที่อาจจะยาวเท่ากันหรือแตกต่างกันก็ได้ (เช่น Dragonfly Doji จะมี Lower Shadow ยาวมาก)
  • การก่อตัวและแนวโน้ม: เมื่อ Doji เกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลง บ่งบอกว่าตลาดไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าราคาควรไปในทิศทางใดต่อไป แรงขายพยายามกดราคาลง แต่ก็ถูกแรงซื้อต้านทานไว้ ทำให้ราคากลับมาปิดใกล้เคียงกับราคาเปิด แสดงถึงความสมดุลชั่วคราวระหว่างแรงซื้อและแรงขาย แต่ในบริบทของแนวโน้มขาลง มันหมายถึงการสูญเสียโมเมนตัมของฝั่งขาย และมีโอกาสสูงที่จะเกิดการกลับตัวเป็นขาขึ้นในวันถัดไป
  • เคล็ดลับการเทรด: Doji เพียงแท่งเดียวไม่ใช่สัญญาณที่แข็งแกร่งพอที่จะตัดสินใจเทรด ควรยืนยันด้วยแท่งเทียนขาขึ้นที่เกิดขึ้นตามมา เช่น แท่งสีเขียวที่ปิดสูงกว่าราคาสูงสุดของ Doji การวาง Stop Loss ใต้จุดต่ำสุดของ Doji

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับรูปแบบกราฟแท่งเทียน Forex

  1. รูปแบบกราฟแท่งเทียนมีผลต่อการตัดสินใจเทรด Forex อย่างไร?

    รูปแบบกราฟแท่งเทียนเป็นเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ช่วยให้นักเทรดสามารถทำความเข้าใจอารมณ์และพฤติกรรมของตลาดได้ในแต่ละช่วงเวลา แท่งเทียนแต่ละแท่งจะบอกเล่าเรื่องราวของราคาเปิด-ปิด ราคาต่ำสุด-สูงสุด และแรงซื้อแรงขายที่เกิดขึ้น การรู้และเข้าใจรูปแบบเหล่านี้ โดยเฉพาะรูปแบบกลับตัว (Reversal Patterns) และรูปแบบต่อเนื่อง (Continuation Patterns) จะช่วยให้นักเทรดสามารถคาดการณ์ทิศทางราคาในอนาคตได้อย่างมีเหตุผล ทำให้สามารถวางแผนการเข้าและออกจากการเทรด (Entry/Exit Points) รวมถึงการบริหารจัดการความเสี่ยง (Risk Management) ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อโอกาสในการทำกำไรและลดการขาดทุน

  2. เราควรใช้รูปแบบกราฟแท่งเทียนเพียงอย่างเดียวในการเทรดหรือไม่?

    ไม่ควรอย่างยิ่ง! แม้ว่ารูปแบบกราฟแท่งเทียนจะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ แต่การพึ่งพาเพียงอย่างเดียวอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดได้ เนื่องจากการเคลื่อนไหวของราคาในตลาด Forex นั้นซับซ้อนและมีปัจจัยหลายอย่างเกี่ยวข้อง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้รูปแบบกราฟแท่งเทียนร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ เช่น อินดิเคเตอร์ (Indicators) ต่างๆ (เช่น Moving Average, RSI, MACD) การวิเคราะห์แนวรับ-แนวต้าน (Support and Resistance) รูปแบบกราฟราคา (Chart Patterns) หรือแม้แต่การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) เพื่อให้ได้สัญญาณยืนยันที่แข็งแกร่งและเพิ่มความน่าเชื่อถือในการตัดสินใจเทรด

  3. Time Frame ที่ต่างกันมีผลต่อการตีความรูปแบบแท่งเทียนอย่างไร?

    Time Frame หรือกรอบเวลาที่ใช้ในการดูกราฟแท่งเทียนมีผลอย่างมากต่อการตีความและน้ำหนักของสัญญาณ รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นใน Time Frame ที่ใหญ่กว่า (เช่น Daily, Weekly) มักจะให้สัญญาณที่แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือมากกว่ารูปแบบที่เกิดขึ้นใน Time Frame ที่เล็กกว่า (เช่น M5, M15) เนื่องจากข้อมูลราคาที่สะสมอยู่ในแท่งเทียนของ Time Frame ใหญ่จะครอบคลุมช่วงเวลาที่ยาวนานกว่า ทำให้สะท้อนถึงพฤติกรรมของตลาดในภาพรวมได้ดีกว่า อย่างไรก็ตาม การเทรดใน Time Frame ที่เล็กกว่าก็ยังสามารถใช้รูปแบบแท่งเทียนได้ แต่ควรใช้ด้วยความระมัดระวังและมองหาสัญญาณยืนยันจาก Time Frame ที่ใหญ่ขึ้น หรือใช้ร่วมกับกลยุทธ์ Multi-Timeframe Analysis

  4. รูปแบบแท่งเทียนกลับตัว (Reversal Patterns) กับรูปแบบต่อเนื่อง (Continuation Patterns) ต่างกันอย่างไร?

    • รูปแบบแท่งเทียนกลับตัว (Reversal Patterns): เป็นรูปแบบที่บ่งชี้ว่าแนวโน้มปัจจุบันกำลังจะสิ้นสุดลงและมีโอกาสสูงที่จะเกิดการเปลี่ยนทิศทางของราคา เช่น จากขาขึ้นเป็นขาลง หรือจากขาลงเป็นขาขึ้น ตัวอย่างเช่น Hanging Man, Shooting Star, Engulfing Patterns, Morning/Evening Star ที่เราได้กล่าวถึงในบทความนี้
    • รูปแบบแท่งเทียนต่อเนื่อง (Continuation Patterns): เป็นรูปแบบที่บ่งชี้ว่าตลาดกำลังหยุดพักชั่วคราวในระหว่างแนวโน้มปัจจุบัน ก่อนที่จะเคลื่อนที่ต่อไปในทิศทางเดิมเมื่อแนวโน้มกลับมาดำเนินต่อ ตัวอย่างเช่น Flag, Pennant, Rectangle ซึ่งไม่ได้กล่าวถึงในบทความนี้ แต่ก็เป็นสิ่งสำคัญที่นักเทรดควรรู้
  5. จะฝึกฝนการอ่านและใช้รูปแบบกราฟแท่งเทียนได้อย่างไร?

    การฝึกฝนเป็นกุญแจสำคัญ เริ่มต้นจากการศึกษาทำความเข้าใจลักษณะและแนวโน้มของแต่ละรูปแบบอย่างละเอียด จากนั้นให้ทดลองนำไปใช้กับการดูกราฟจริงใน บัญชี Demo (บัญชีทดลอง) ก่อน เพื่อทำความคุ้นเคยและสร้างประสบการณ์ การจดบันทึกการเทรด (Trading Journal) พร้อมเหตุผลในการเข้า-ออก และผลลัพธ์ จะช่วยให้คุณสามารถทบทวนและปรับปรุงกลยุทธ์ได้ นอกจากนี้ การเข้าร่วมกลุ่มพูดคุยหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยเร่งการเรียนรู้ของคุณได้

Conclusion: สู่การเป็นนักเทรด Forex ที่เชี่ยวชาญด้วยกราฟแท่งเทียน

การเรียนรู้และทำความเข้าใจ 14 รูปแบบกราฟแท่งเทียน Forex ที่นำเสนอไปนี้ เป็นรากฐานสำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิคสำหรับนักเทรดทุกคน ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือผู้มีประสบการณ์ การใช้รูปแบบเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถอ่านสัญญาณตลาด คาดการณ์การกลับตัวของราคา และยืนยันแนวโน้มได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม โปรดจำไว้เสมอว่าไม่มีรูปแบบใดสมบูรณ์แบบ 100% การนำไปใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ และการ บริหารความเสี่ยง อย่างเคร่งครัด จะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในตลาด Forex ที่มีความผันผวนสูงนี้

หากคุณต้องการยกระดับการเทรดของคุณไปอีกขั้น ด้วยระบบเทรดอัตโนมัติ (EA), อินดิเคเตอร์, และเข้าถึงกลุ่ม Line VIP ฟรี เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และรับสัญญาณการเทรด คุณสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ที่เราแนะนำ:

เมื่อสมัครเสร็จสิ้น กรุณาส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id: @ft.th เพื่อขอรับ EA และระบบเทรดฟรี รวมถึงเข้าถึง EA ตัวใหม่ๆ ในอนาคต

*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจและศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน

You Might Also Like

Contact Us on Line