TOP 10 บทความยอดนิยม

ดูทั้งหมด
สอนเทรดมือใหม่

เทคนิคการสร้างกำไรจากรูปแบบกราฟทั้ง 7

มกราคม 1, 2022

เปิดเผย 7 รูปแบบกราฟแท่งเทียน Forex ยอดนิยม: คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับนักเทรดมืออาชีพ

ในโลกของการเทรด Forex ที่เต็มไปด้วยความผันผวน การทำความเข้าใจรูปแบบของกราฟแท่งเทียน (Price Pattern) ถือเป็นหัวใจสำคัญในการตัดสินใจเข้าซื้อหรือขายเพื่อทำกำไร รูปแบบเหล่านี้เปรียบเสมือนร่องรอยที่ตลาดทิ้งไว้ บ่งบอกถึงการต่อสู้ระหว่างแรงซื้อและแรงขาย ซึ่งหากนักลงทุนสามารถอ่านและตีความได้อย่างแม่นยำ ก็จะเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จได้อย่างก้าวกระโดด

บทความนี้จะเจาะลึก 7 รูปแบบกราฟแท่งเทียนที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่นักลงทุน Forex พร้อมอธิบายถึงลักษณะเฉพาะ การก่อตัว ความหมายที่ซ่อนอยู่ และกลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสม เพื่อให้คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์และตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นหรือนักเทรดที่มีประสบการณ์ ก็จะได้รับความรู้เชิงลลึกที่นำไปสู่การพัฒนาทักษะการเทรดของคุณ

ทำความรู้จักกับ 7 รูปแบบกราฟแท่งเทียน Forex ที่สำคัญ

กราฟแท่งเทียนมีหลากหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบมีเรื่องราวและนัยยะที่แตกต่างกันไป ในที่นี้ เราจะมุ่งเน้นไปที่ 7 รูปแบบที่นักลงทุน Forex ทั่วโลกใช้เป็นเครื่องมือหลักในการวิเคราะห์และคาดการณ์ทิศทางราคา

1. รูปแบบสามเหลี่ยมธง (Symmetrical Triangles)

สามเหลี่ยมธง เป็นรูปแบบกราฟที่บ่งชี้ถึงช่วงเวลาที่ตลาดกำลังอยู่ในสภาวะของการรวมตัว หรือ “พักฐาน” ก่อนที่จะเกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ลักษณะเด่นคือราคาจะเคลื่อนที่อยู่ภายในกรอบสามเหลี่ยมที่เกิดจากเส้นแนวรับ (Support Line) ที่เฉียงขึ้น และเส้นแนวต้าน (Resistance Line) ที่เฉียงลงมาบรรจบกัน ทำให้เกิดการบีบอัดของราคา (Price Compression)

  • สามเหลี่ยมธง-ขาขึ้น (Symmetrical Triangles in an Uptrend)

    รูปแบบนี้เกิดขึ้นในขณะที่ตลาดอยู่ใน แนวโน้มขาขึ้น แรงซื้อเริ่มชะลอตัวและแรงขายเริ่มมีอิทธิพลมากขึ้นชั่วคราว แต่ยังไม่สามารถพลิกกลับแนวโน้มได้ เส้นแนวต้านจะเอียงลงและเส้นแนวรับจะเอียงขึ้นมาบรรจบกัน เมื่อราคาทะลุเส้นแนวต้านขึ้นไป (Breakout Upward) มักจะเป็นสัญญาณยืนยันการไปต่อของเทรนด์ขาขึ้นอย่างรุนแรง

    กลยุทธ์การเทรด: นักเทรดควรรอให้ราคาทะลุแนวต้านอย่างชัดเจน พร้อมปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น เพื่อเข้าเปิดออเดอร์ Buy โดยตั้งเป้าหมายกำไรจากการวัดระยะความสูงของฐานสามเหลี่ยม (Base of the Triangle) และวาง Stop Loss ใต้แนวต้านที่ถูกทะลุ

  • สามเหลี่ยมธง-ขาลง (Symmetrical Triangles in a Downtrend)

    ตรงกันข้ามกับสามเหลี่ยมธงขาขึ้น รูปแบบนี้จะปรากฏใน แนวโน้มขาลง แรงขายเริ่มลดลงและแรงซื้อเริ่มเข้ามาบ้าง แต่ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะเปลี่ยนเทรนด์ เส้นแนวรับจะเอียงขึ้นและเส้นแนวต้านจะเอียงลงมาบรรจบกัน เมื่อราคาทะลุเส้นแนวรับลงไป (Breakout Downward) มักจะเป็นสัญญาณยืนยันการดำเนินต่อไปของเทรนด์ขาลง

    กลยุทธ์การเทรด: รอการ Breakout ลงมาใต้แนวรับอย่างชัดเจน พร้อมปริมาณการซื้อขายที่สูงขึ้น เพื่อเข้าเปิดออเดอร์ Sell โดยมีเป้าหมายกำไรและ Stop Loss ในลักษณะเดียวกับสามเหลี่ยมธงขาขึ้นแต่กลับทิศทาง

จากภาพตัวอย่างด้านบน เป็นการแสดงการหาจังหวะเข้าเทรดและกำหนดเป้าหมายกำไรของรูปแบบสามเหลี่ยมธง-ขาลง หลักการและวิธีการใช้จะคล้ายกันในกรณีขาขึ้น เพียงแต่เป็นคนละทิศทางของเทรนด์เท่านั้น การที่ราคาถูกบีบอัดภายในกรอบสามเหลี่ยมจะสร้าง “แรงอัดฉีด” ซึ่งเมื่อเกิดการ Breakout ขึ้น ราคาจะพุ่งกระฉูดและเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดโอกาสในการทำกำไรสำหรับนักเก็งกำไร

2. รูปแบบสามเหลี่ยมเฉียงขึ้น (Ascending Triangles)

รูปแบบสามเหลี่ยมเฉียงขึ้น เป็นรูปแบบต่อเนื่องที่มักบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นที่กำลังจะดำเนินต่อไป ลักษณะเฉพาะคือ เส้นแนวต้าน (Resistance Line) จะเป็นเส้นตรงหรือเกือบเป็นเส้นตรง และ เส้นแนวรับ (Support Line) จะเฉียงขึ้นมาบรรจบกับเส้นแนวต้าน

ความหมาย: รูปแบบนี้แสดงให้เห็นว่า แรงซื้อ (Buyers) พยายามผลักดันราคาขึ้นไปชนแนวต้านหลายครั้ง แม้จะไม่สามารถทะลุผ่านไปได้ในทันที แต่แรงซื้อก็ยังคงแข็งแกร่งและสามารถยกระดับราคาต่ำสุดให้สูงขึ้นเรื่อยๆ ตามแนวรับที่เฉียงขึ้น บ่งชี้ว่าผู้ซื้อมีอำนาจเหนือกว่าผู้ขายและมีโอกาสสูงที่ราคาจะทะลุแนวต้านเดิมขึ้นไป

อย่างไรก็ตาม แม้ตามทฤษฎีจะกล่าวว่ารูปแบบนี้มักนำไปสู่การขึ้นต่อ แต่จากประสบการณ์จริง (เกือบ 20 ปี) พบว่ามีโอกาสประมาณ 50/50 ที่ราคาอาจกลับตัวสวนทางได้เช่นกัน บางครั้งอาจเกิด False Breakout หรือรูปแบบ Double Top หรือ Triple Top (False) หลอกเกิดขึ้นก่อนที่จะเคลื่อนที่ต่อไปในทิศทางตรงกันข้าม

ข้อควรระวัง: อย่าเชื่อในทฤษฎีทั้งหมด ควรใช้ การวิเคราะห์แบบหลาย Timeframe และ เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค อื่นๆ ประกอบ เพื่อยืนยันสัญญาณก่อนเข้าเทรด การตัดสินใจโดยอาศัยเพียงรูปแบบกราฟเดียวอาจนำไปสู่การขาดทุนได้

กราฟไม่จำเป็นต้องวิ่งตามทฤษฎีเสมอไป การประยุกต์ใช้ประสบการณ์และการวิเคราะห์รอบด้านจึงเป็นสิ่งสำคัญ

3. รูปแบบสามเหลี่ยมเฉียงลง (Descending Triangles)

รูปแบบสามเหลี่ยมเฉียงลง เป็นรูปแบบตรงกันข้ามกับสามเหลี่ยมเฉียงขึ้น และมักบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาลงที่กำลังจะดำเนินต่อไป ลักษณะสำคัญคือ เส้นแนวรับ (Support Line) จะเป็นเส้นตรงหรือเกือบเป็นเส้นตรง และ เส้นแนวต้าน (Resistance Line) จะเฉียงลงมาบรรจบกับเส้นแนวรับ

ความหมาย: รูปแบบนี้แสดงให้เห็นถึงอำนาจของแรงขาย (Sellers) ที่มีเหนือแรงซื้ออย่างต่อเนื่อง ผู้ขายพยายามผลักดันราคาลงไปชนแนวรับหลายครั้ง แม้จะไม่สามารถทะลุผ่านไปได้ในทันที แต่ราคาสูงสุด (High) ก็ทยอยต่ำลงเรื่อยๆ ตามแนวต้านที่เฉียงลง บ่งชี้ว่าผู้ขายกำลังแข็งแกร่ง และมีโอกาสสูงที่ราคาจะทะลุแนวรับเดิมลงไป

กลยุทธ์การเทรด: ในตลาดที่เป็นขาลง ราคาจะมีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วกว่าตลาดขาขึ้น การเข้าเปิดออเดอร์ Sell จึงมักให้ผลตอบแทนที่ดีและรวดเร็วกว่าออเดอร์ Buy ในสถานการณ์เช่นนี้ นักเทรดควรรอให้ราคาทะลุแนวรับลงมาอย่างชัดเจน เพื่อยืนยันการไปต่อของเทรนด์ขาลงก่อนเข้าเทรด

4. รูปแบบหัวหยัก หรือ ตัว M (Double Top)

รูปแบบหัวหยัก หรือ Double Top เป็นรูปแบบการกลับตัว (Reversal Pattern) ที่ชัดเจน บ่งบอกว่าแนวโน้มขาขึ้นกำลังจะสิ้นสุดลงและอาจเปลี่ยนเป็นขาลง ลักษณะของกราฟคือราคาจะขึ้นไปชน แนวต้าน ที่ระดับใกล้เคียงกันสองครั้ง โดยไม่สามารถทะลุผ่านไปได้ ทำให้เกิดเป็นยอดเขาสองยอดคล้ายรูปตัว “M”

การก่อตัวและความหมาย:

  1. ยอดแรก (First Peak): ราคาทะยานขึ้นไปถึงจุดสูงสุด และถูกแรงขายกดดันให้ร่วงลงมาเล็กน้อย
  2. Neckline: ราคาตกลงมาถึงระดับแนวรับชั่วคราว ซึ่งเรียกว่า “Neckline” หรือเส้นคอ
  3. ยอดที่สอง (Second Peak): ราคาดีดตัวกลับขึ้นไปอีกครั้ง เพื่อทดสอบแนวต้านเดิม แต่ไม่สามารถทำราคาสูงสุดใหม่ได้ หรือทำราคาสูงสุดใกล้เคียงกับยอดแรก
  4. การยืนยัน (Confirmation): เมื่อราคาไม่สามารถทะลุแนวต้านเดิมได้ และร่วงลงมาทะลุผ่านเส้น Neckline ลงไป นั่นคือสัญญาณยืนยันการกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลงอย่างชัดเจน

กลยุทธ์การเทรด: Double Top เป็นสัญญาณเตือนว่าราคาอาจมีการกลับตัว นักเทรดควรรอให้ราคาทะลุเส้น Neckline ลงมาอย่างชัดเจน เพื่อเข้าเปิดออเดอร์ Sell การกำหนดเป้าหมายกำไรมักจะใช้ระยะห่างจากยอดสูงสุดถึงเส้น Neckline เป็นเกณฑ์ และวาง Stop Loss เหนือเส้น Neckline

5. รูปแบบก้นหยัก หรือ ตัว W (Double Bottom)

รูปแบบก้นหยัก หรือ Double Bottom เป็นรูปแบบการกลับตัวที่ตรงกันข้ามกับ Double Top โดยสิ้นเชิง บ่งบอกว่าแนวโน้มขาลงกำลังจะสิ้นสุดลงและอาจเปลี่ยนเป็นขาขึ้น ลักษณะของกราฟคือราคาจะลงไปชน แนวรับ ที่ระดับใกล้เคียงกันสองครั้ง โดยไม่สามารถทะลุผ่านลงไปได้ ทำให้เกิดเป็นก้นสองก้นคล้ายรูปตัว “W”

การก่อตัวและความหมาย:

  1. ก้นแรก (First Trough): ราคาตกลงไปถึงจุดต่ำสุด และถูกแรงซื้อผลักดันให้ดีดตัวขึ้นมาเล็กน้อย
  2. Neckline: ราคาดีดตัวขึ้นมาถึงระดับแนวต้านชั่วคราว ซึ่งเรียกว่า “Neckline” หรือเส้นคอ
  3. ก้นที่สอง (Second Trough): ราคาอ่อนตัวลงไปอีกครั้ง เพื่อทดสอบแนวรับเดิม แต่ไม่สามารถทำราคาต่ำสุดใหม่ได้ หรือทำราคาต่ำสุดใกล้เคียงกับก้นแรก
  4. การยืนยัน (Confirmation): เมื่อราคาไม่สามารถทะลุแนวรับเดิมลงไปได้ และดีดตัวกลับขึ้นมาทะลุผ่านเส้น Neckline ขึ้นไป นั่นคือสัญญาณยืนยันการกลับตัวจากขาลงเป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน

กลยุทธ์การเทรด: Double Bottom เป็นสัญญาณที่ดีในการมองหาโอกาสเข้าซื้อ นักเทรดควรรอให้ราคาทะลุเส้น Neckline ขึ้นมาอย่างชัดเจน เพื่อเข้าเปิดออเดอร์ Buy โดยมีเป้าหมายกำไรจากการวัดระยะห่างจากก้นต่ำสุดถึงเส้น Neckline เป็นเกณฑ์ และวาง Stop Loss ใต้เส้น Neckline

6. รูปแบบหัวและไหล่ (Head and Shoulders)

รูปแบบหัวและไหล่ (Head and Shoulders) เป็นหนึ่งในรูปแบบการกลับตัวที่ทรงพลังและได้รับการยอมรับมากที่สุด บ่งบอกถึงการสิ้นสุดของแนวโน้มขาขึ้นและมีโอกาสสูงที่จะกลับเป็นขาลง ลักษณะของกราฟประกอบด้วยจุดสูงสุด 3 จุด

ตัวอย่าง กราฟแท่งเทียนรูปแบบหัวและไหล่ (Head and Shoulders)

การก่อตัวและความหมาย:

  1. ไหล่ซ้าย (Left Shoulder): ราคาขึ้นไปทำจุดสูงสุดแรก (Peak 1) และถูกแรงขายกดดันให้ย่อตัวลงมา
  2. หัว (Head): ราคาดีดตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่สอง (Peak 2) ซึ่งสูงกว่าไหล่ซ้ายอย่างชัดเจน ก่อนจะถูกแรงขายกดดันให้ร่วงลงมาอีกครั้ง
  3. ไหล่ขวา (Right Shoulder): ราคาดีดตัวกลับขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่สาม (Peak 3) แต่ไม่สามารถทำราคาสูงกว่าหัวได้ และมักจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไหล่ซ้าย ก่อนจะถูกแรงขายกดดันให้ร่วงลงมา
  4. Neckline: เส้นแนวรับที่เชื่อมโยงจุดต่ำสุดระหว่างไหล่ซ้ายกับหัว และหัวกับไหล่ขวา
  5. การยืนยัน (Confirmation): เมื่อราคาตกลงมาทะลุเส้น Neckline ลงไป นั่นคือสัญญาณยืนยันการกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลงอย่างชัดเจน

กลยุทธ์การเทรด: รูปแบบ Head and Shoulders ให้สัญญาณ Sell ที่แข็งแกร่ง นักเทรดควรรอให้ราคาทะลุเส้น Neckline ลงมาอย่างชัดเจน เพื่อเข้าเปิดออเดอร์ Sell โดยเป้าหมายกำไรมักจะวัดจากระยะห่างจากจุดสูงสุดของ Head (หัว) ลงมายังเส้น Neckline และวาง Stop Loss เหนือเส้น Neckline ที่ถูกทะลุ

7. รูปแบบหัวและไหล่กลับหัว (Inverse Head and Shoulders หรือ Reverse Head and Shoulders)

รูปแบบหัวและไหล่กลับหัว (Inverse Head and Shoulders) เป็นรูปแบบการกลับตัวที่ตรงกันข้ามกับ Head and Shoulders โดยสิ้นเชิง บ่งบอกถึงการสิ้นสุดของแนวโน้มขาลงและมีโอกาสสูงที่จะกลับเป็นขาขึ้น ลักษณะของกราฟประกอบด้วยจุดต่ำสุด 3 จุด

การก่อตัวและความหมาย:

  1. ไหล่ซ้าย (Left Shoulder): ราคาตกลงไปทำจุดต่ำสุดแรก (Trough 1) และถูกแรงซื้อผลักดันให้ดีดตัวขึ้นมาเล็กน้อย
  2. หัว (Head): ราคาอ่อนตัวลงไปทำจุดต่ำสุดที่สอง (Trough 2) ซึ่งต่ำกว่าไหล่ซ้ายอย่างชัดเจน ก่อนจะถูกแรงซื้อผลักดันให้ดีดตัวขึ้นมาอีกครั้ง
  3. ไหล่ขวา (Right Shoulder): ราคาอ่อนตัวลงไปทำจุดต่ำสุดที่สาม (Trough 3) แต่ไม่สามารถทำราคาต่ำกว่าหัวได้ และมักจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไหล่ซ้าย ก่อนจะถูกแรงซื้อผลักดันให้ดีดตัวขึ้นมา
  4. Neckline: เส้นแนวต้านที่เชื่อมโยงจุดสูงสุดระหว่างไหล่ซ้ายกับหัว และหัวกับไหล่ขวา
  5. การยืนยัน (Confirmation): เมื่อราคาดีดตัวขึ้นมาทะลุเส้น Neckline ขึ้นไป นั่นคือสัญญาณยืนยันการกลับตัวจากขาลงเป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน

กลยุทธ์การเทรด: รูปแบบ Inverse Head and Shoulders ให้สัญญาณ Buy ที่แข็งแกร่ง นักเทรดควรรอให้ราคาทะลุเส้น Neckline ขึ้นมาอย่างชัดเจน เพื่อเข้าเปิดออเดอร์ Buy โดยเป้าหมายกำไรมักจะวัดจากระยะห่างจากจุดต่ำสุดของ Head (หัว) ขึ้นไปถึงเส้น Neckline และวาง Stop Loss ใต้เส้น Neckline ที่ถูกทะลุ

ตารางสรุปรูปแบบกราฟแท่งเทียนยอดนิยมใน Forex

รูปแบบกราฟ ประเภท ลักษณะสำคัญ สัญญาณบ่งชี้ กลยุทธ์การเทรดเบื้องต้น
สามเหลี่ยมธง (Symmetrical Triangles) ต่อเนื่อง แนวรับเฉียงขึ้น, แนวต้านเฉียงลง, บีบเข้าหากัน รอ Breakout ทิศทางใดทิศทางหนึ่ง เข้า Buy/Sell เมื่อราคา Breakout พร้อม Volume
สามเหลี่ยมเฉียงขึ้น (Ascending Triangles) ต่อเนื่อง แนวต้านเส้นตรง, แนวรับเฉียงขึ้น แรงซื้อแข็งแกร่ง มีโอกาสขึ้นต่อ รอ Breakout แนวต้าน เข้า Buy
สามเหลี่ยมเฉียงลง (Descending Triangles) ต่อเนื่อง แนวรับเส้นตรง, แนวต้านเฉียงลง แรงขายแข็งแกร่ง มีโอกาสลงต่อ รอ Breakout แนวรับ เข้า Sell
หัวหยัก / Double Top กลับตัว (Bearish) ยอด 2 ยอด สูงใกล้เคียงกัน แนวโน้มขาขึ้นอาจสิ้นสุด รอ Breakout Neckline ลงมา เข้า Sell
ก้นหยัก / Double Bottom กลับตัว (Bullish) ก้น 2 ก้น ต่ำใกล้เคียงกัน แนวโน้มขาลงอาจสิ้นสุด รอ Breakout Neckline ขึ้นไป เข้า Buy
หัวและไหล่ (Head and Shoulders) กลับตัว (Bearish) ยอด 3 ยอด (ไหล่ซ้าย, หัว, ไหล่ขวา) หัวสูงกว่าไหล่ แนวโน้มขาขึ้นอาจสิ้นสุด รอ Breakout Neckline ลงมา เข้า Sell
หัวและไหล่กลับหัว (Inverse Head and Shoulders) กลับตัว (Bullish) ก้น 3 ก้น (ไหล่ซ้าย, หัว, ไหล่ขวา) หัวต่ำกว่าไหล่ แนวโน้มขาลงอาจสิ้นสุด รอ Breakout Neckline ขึ้นไป เข้า Buy

FAQ Section: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับรูปแบบกราฟแท่งเทียน Forex

Q1: รูปแบบกราฟแท่งเทียนเหล่านี้เชื่อถือได้ 100% หรือไม่?

A1: ไม่มีรูปแบบกราฟใดที่เชื่อถือได้ 100% ในตลาด Forex ที่มีความผันผวนสูง รูปแบบกราฟเป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยในการวิเคราะห์และคาดการณ์เท่านั้น สิ่งสำคัญคือการใช้เครื่องมือและเทคนิคอื่นๆ ประกอบ เช่น Indicators, แนวรับ-แนวต้าน, Multi-Timeframe Analysis รวมถึงการพิจารณา ข่าวสารและปัจจัยพื้นฐาน เพื่อยืนยันสัญญาณและเพิ่มความน่าจะเป็นในการเทรดที่ประสบความสำเร็จ การยึดติดกับรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเพียงอย่างเดียวอาจนำไปสู่การขาดทุนได้

Q2: ควรใช้ Timeframe ใดในการวิเคราะห์รูปแบบกราฟเหล่านี้?

A2: การเลือก Timeframe ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดของคุณ หากคุณเป็น Day Trader หรือ Scalper อาจใช้ Timeframe สั้นๆ เช่น H1, M30 หรือ M15 ในการหาจุดเข้า-ออกที่แม่นยำ แต่ควรใช้ Timeframe ที่ใหญ่ขึ้น เช่น D1, H4 เพื่อดูภาพรวมของแนวโน้มหลัก การวิเคราะห์หลาย Timeframe จะช่วยให้คุณเห็นสัญญาณที่แข็งแกร่งและลดความเสี่ยงจาก False Signal ใน Timeframe สั้นๆ

Q3: ควรตั้ง Stop Loss และ Take Profit อย่างไรเมื่อเทรดตามรูปแบบกราฟ?

A3: การตั้ง Stop Loss (SL) และ Take Profit (TP) เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการ บริหารความเสี่ยง สำหรับรูปแบบกลับตัว (Reversal Patterns) เช่น Double Top/Bottom และ Head and Shoulders มักจะตั้ง Stop Loss ไว้เหนือแนวต้านหรือใต้แนวรับที่รูปแบบบ่งชี้ถึงการกลับตัว และตั้ง Take Profit โดยวัดระยะห่างจากจุดสูงสุด/ต่ำสุดของรูปแบบไปยังเส้น Neckline แล้วฉายไปในทิศทางที่ราคาคาดว่าจะเคลื่อนที่ไป ส่วนรูปแบบต่อเนื่อง (Continuation Patterns) เช่น รูปแบบสามเหลี่ยม มักจะตั้ง Stop Loss ใกล้เคียงกับจุด Breakout และ Take Profit โดยวัดจากความสูงของรูปแบบแล้วฉายไปในทิศทาง Breakout เสมอ

Q4: มีรูปแบบกราฟอื่น ๆ ที่นักเทรด Forex ควรทราบหรือไม่?

A4: นอกจาก 7 รูปแบบนี้ ยังมีรูปแบบกราฟอื่นๆ อีกมากมายที่นักเทรดนิยมใช้ เช่น Pennants, Flags, Wedges, Rectangles, Cup and Handle, Gartley, Butterfly, และ Harmonic Patterns เป็นต้น การศึกษาและทำความเข้าใจรูปแบบต่างๆ เหล่านี้จะช่วยเพิ่มความสามารถในการวิเคราะห์ตลาดของคุณ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญไม่ใช่การจดจำทุกรูปแบบ แต่เป็นการทำความเข้าใจตรรกะเบื้องหลังการก่อตัวของรูปแบบ เพื่อให้สามารถประยุกต์ใช้ได้อย่างยืดหยุ่นในสถานการณ์ตลาดที่แตกต่างกัน

Q5: การเทรดตามรูปแบบกราฟจำเป็นต้องใช้ Indicator ร่วมด้วยหรือไม่?

A5: การใช้ Technical Indicators ร่วมกับรูปแบบกราฟแท่งเทียนจะช่วยเพิ่มความแม่นยำและยืนยันสัญญาณการเทรดได้อย่างมาก ตัวอย่างเช่น การใช้ Moving Average เพื่อยืนยันแนวโน้ม, MACD หรือ RSI เพื่อหา Divergence ที่บ่งบอกถึงการอ่อนแรงของแนวโน้ม หรือ Bollinger Bands เพื่อวัดความผันผวนของราคา การผสมผสานเครื่องมือหลายชนิดจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างรอบคอบและมั่นใจมากยิ่งขึ้น

สรุปและข้อคิด

การทำความเข้าใจ 7 รูปแบบกราฟแท่งเทียนยอดนิยมใน Forex นี้ ถือเป็นรากฐานสำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิคและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร อย่างไรก็ตาม การเทรดในตลาด Forex นั้นไม่มีอะไรแน่นอน 100% แม้รูปแบบเหล่านี้จะให้สัญญาณที่มีความน่าเชื่อถือสูง แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงอยู่เสมอ

สิ่งสำคัญที่สุดคือการผสมผสานความรู้เกี่ยวกับรูปแบบกราฟเข้ากับการบริหารความเสี่ยง (Risk Management) ที่ดี การใช้ Stop Loss อย่างเคร่งครัด การควบคุมอารมณ์ และการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงอย่างต่อเนื่อง จะเป็นกุญแจสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จในการเทรด Forex ในระยะยาว

หากคุณต้องการยกระดับการเทรดของคุณไปอีกขั้น ลองพิจารณาการใช้ระบบเทรดอัตโนมัติ (EA Indicator) ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยวิเคราะห์และดำเนินการเทรดตามกลยุทธ์ที่กำหนด ซึ่งจะช่วยลดอคติทางอารมณ์และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำกำไร

สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการใช้ EA Indicator และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย:
เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงก์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆ อื่นๆ ได้อีกในอนาคต

XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย

XM – https://bit.ly/XmFree30USD

Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ

https://bit.ly/MTRatsamee

Exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด

Exness – https://bit.ly/ExnessCom

**”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อ
ขอรับ EA ได้ฟรี!”**

https://lin.ee/toIzT8g

ช่องทางการพูดคุย
Line Id :: @ft.th

https://lin.ee/toIzT8g

กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กำไรอย่างยั่งยืน

https://www.fb.com/groups/1179829495508247

*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

You Might Also Like

Contact Us on Line