TOP 10 บทความยอดนิยม

ดูทั้งหมด
ระบบเทรดสั้น

ความรู้กับเกี่ยวกับแท่งเทียนประเภทต่างๆ

สิงหาคม 10, 2022

“`html

การอ่านกราฟแท่งเทียน Forex อย่างมืออาชีพ: เจาะลึกความหมายและกลยุทธ์ทำกำไร

กราฟแท่งเทียน Forex

การทำความเข้าใจ กราฟแท่งเทียน เป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญยิ่งสำหรับนักลงทุนและนักเทรดในตลาด Forex ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือผู้มีประสบการณ์ การตีความแท่งเทียนอย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณสามารถคาดการณ์ทิศทางราคาและตัดสินใจซื้อขายได้อย่างแม่นยำ บทความนี้จะเจาะลึกทุกแง่มุมของการอ่านกราฟแท่งเทียน Forex ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานไปจนถึงการวิเคราะห์เชิงลึก เพื่อให้คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการสร้างผลกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความสำคัญของแท่งเทียนในกรอบเวลา (Timeframe) ที่แตกต่างกัน

แท่งเทียนถูกสร้างขึ้นในทุกกรอบเวลา (Timeframe) ไม่ว่าจะเป็น 1 นาที, 5 นาที, 1 ชั่วโมง, 4 ชั่วโมง, รายวัน, รายสัปดาห์ หรือรายเดือน แต่ละกรอบเวลาจะแสดงข้อมูลการเคลื่อนไหวของราคาที่แตกต่างกันออกไป และมีความสำคัญในการวิเคราะห์ที่ไม่เท่ากัน

แท่งเทียนรายวัน (Daily Candlestick) กับแท่งเทียนระยะสั้น (Intraday Candlestick)

  • แท่งเทียนรายวัน: แท่งเทียนเพียงหนึ่งแท่งใน แผนภูมิรายวัน สามารถให้ข้อมูลการเคลื่อนไหวของราคาที่มีนัยสำคัญและมีความสำคัญมากกว่าแท่งเทียน 5 นาทีหลายแท่งรวมกันภายในวันเดียวเสียอีก เหตุผลคือ แท่งเทียนรายวันสะท้อนถึงการตัดสินใจซื้อขายของผู้เล่นรายใหญ่ในตลาด รวมถึงข่าวสารและปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง ทำให้สัญญาณที่ได้จากแท่งเทียนรายวันมีความน่าเชื่อถือสูงกว่าสำหรับการวิเคราะห์แนวโน้มหลักของตลาด
  • แท่งเทียนระยะสั้น (เช่น 5 นาที, 15 นาที): แท่งเทียนในกรอบเวลาสั้น ๆ จะแสดงความผันผวนของราคาที่เกิดขึ้นภายในวัน ซึ่งอาจเกิดจากกิจกรรมการซื้อขายที่มีปริมาณน้อย หรือการตอบสนองต่อข่าวสารระยะสั้น สัญญาณจากแท่งเทียนเหล่านี้มักใช้สำหรับการเทรดแบบ Scalping หรือ Day Trading ที่เน้นการทำกำไรจากความเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่มีความเสี่ยงที่จะเกิดสัญญาณหลอกได้สูงกว่า

เคล็ดลับ: นักเทรดมืออาชีพมักจะใช้การวิเคราะห์แบบ Multi-Timeframe Analysis โดยเริ่มจากการดูแนวโน้มในกรอบเวลาที่ใหญ่กว่า (เช่น รายวัน, 4 ชั่วโมง) เพื่อระบุทิศทางหลักของตลาด จากนั้นจึงค่อยลงไปพิจารณาในกรอบเวลาที่เล็กลง (เช่น 1 ชั่วโมง, 15 นาที) เพื่อหาจุดเข้าและออกที่เหมาะสม สิ่งนี้ช่วยลดโอกาสในการเทรดสวนแนวโน้มและเพิ่มความน่าจะเป็นของความสำเร็จในการเทรด

ขนาดของลำตัวแท่งเทียน: สะท้อนพลังของอุปสงค์และอุปทาน

ลำตัวจริง (Real Body) ของแท่งเทียน คือส่วนที่อยู่ระหว่างราคาเปิด (Open Price) และราคาปิด (Close Price) ขนาดของลำตัวแท่งเทียนมีความสำคัญอย่างยิ่งในการบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของแรงซื้อหรือแรงขายในตลาด ณ ช่วงเวลานั้น

1. แท่งเทียนลำตัวยาว (Long Candlestick Body)

ยิ่งลำตัวแท่งเทียนจริงยาวเท่าใด นั่นหมายถึงความแตกต่างระหว่างราคาเปิดและราคาปิดของคู่สกุลเงินยิ่งมีมากเท่านั้น ลำตัวยาวสะท้อนถึงพลังของอุปสงค์และอุปทานที่ชัดเจนและมีนัยสำคัญ

  • แท่งเทียนยาวสีขาวและ/หรือสีเขียว: (โดยทั่วไปสีเขียวใช้แทนแท่งเทียนขาขึ้น) บ่งบอกถึง ความต้องการสูง (High Demand) ซึ่งสร้างแรงกดดันในการซื้อมหาศาลเนื่องจากอุปทานต่ำ ยิ่งความสูงของลำตัวจริงยาวขึ้นเท่าใด แรงกดดันในการซื้อก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เป็นผลให้เกิดแท่งเทียน รั้น (Bullish) ที่ยาวและแข็งแกร่ง บ่งชี้ว่าผู้ซื้อเป็นผู้ควบคุมตลาดอย่างสมบูรณ์ และมีโอกาสสูงที่ราคาจะปรับตัวขึ้นต่อไป การปรากฏของแท่งเทียนลักษณะนี้บริเวณแนวรับ หรือหลังจากการปรับฐาน มักจะเป็นสัญญาณที่ดีในการเข้าซื้อ
  • แท่งเทียนยาวสีดำและ/หรือสีแดง: (โดยทั่วไปสีแดงใช้แทนแท่งเทียนขาลง) บ่งชี้ว่ามี อุปทานมาก (High Supply) ซึ่งสร้างแรงขายมหาศาลเนื่องจากความต้องการต่ำ ยิ่งความสูงของลำตัวจริงยาวขึ้นเท่าใด แรงกดดันจากการขายก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ส่งผลให้เกิดแท่งเทียน ขาลง (Bearish) ที่ยาวและแข็งแกร่ง บ่งชี้ว่าผู้ขายเป็นผู้ควบคุมตลาดอย่างสมบูรณ์ และมีโอกาสสูงที่ราคาจะปรับตัวลงต่อไป การปรากฏของแท่งเทียนลักษณะนี้บริเวณแนวต้าน หรือหลังจากการปรับตัวขึ้น มักจะเป็นสัญญาณที่ดีในการพิจารณาเปิดสถานะขาย

2. แท่งเทียนลำตัวสั้น (Short Candlestick Body)

แท่งเทียนที่ลำตัวจริงสั้นกว่า หมายถึงส่วนต่างระหว่างราคาเปิดและราคาปิดของคู่สกุลเงินมีน้อย แสดงถึงความไม่แน่นอนหรือความสมดุลในตลาด

  • ลำตัวสั้น: สะท้อนถึงเสถียรภาพของตลาด กล่าวคือ อุปสงค์และอุปทานเกือบจะเท่ากันในตลาด Forex และไม่มีแรงกดดันในการซื้อหรือขายคู่สกุลเงินที่ชัดเจน ส่งผลให้แท่งเทียนจบลงด้วยลำตัวจริงที่สั้น ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของตลาดอยู่ในช่วง Sideway (ไม่มีแนวโน้ม) หรือช่วงการพักตัวของราคา การปรากฏของแท่งเทียนลำตัวสั้นจำนวนมากติดต่อกัน อาจเป็นสัญญาณว่าตลาดกำลังรอปัจจัยใหม่ ๆ หรือกำลังอยู่ในช่วงสะสมพลังก่อนที่จะเคลื่อนไหวในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างชัดเจน

ตัวอย่างการอ่านแผนภูมิแท่งเทียน Forex

ตัวอย่างการอ่านแผนภูมิแท่งเทียน

จากกราฟ USDCHF ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมงที่แสดงไว้ข้างต้น จะเห็นได้ว่า:

  1. ในช่วงเริ่มต้น (ด้านซ้ายของกราฟ) ณ ระดับแนวรับ มีความต้องการสูงเกิดขึ้นอย่างชัดเจน ส่งผลให้ราคาแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว และเกิดแท่งเทียนขาขึ้นที่แข็งแกร่งและยาว แสดงถึงแรงซื้อที่เข้ามาอย่างมหาศาล ทำให้ราคาทะลุผ่านระดับสำคัญขึ้นไปได้
  2. หลังจากนั้นไม่กี่วัน ตลาดเริ่มทรงตัว สังเกตได้จากแท่งเทียนที่มีขนาดเล็กลงและอ่อนตัวลง นั่นหมายความว่าอุปสงค์และอุปทานเริ่มใกล้เคียงกัน ไม่มีแรงกดดันในการซื้อหรือขายที่เด่นชัด ส่งผลให้การเคลื่อนไหวของราคามีจำกัดและเป็นช่วง Sideway

กฎทอง: การวิเคราะห์ขนาดลำตัวแท่งเทียนควบคู่กับตำแหน่งที่แท่งเทียนเกิดขึ้นบนกราฟ (เช่น ที่แนวรับ/แนวต้าน) จะช่วยให้การตีความมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

เงาบนและเงาล่าง (Upper and Lower Shadows): ข้อมูลเชิงลึกจากความผันผวน

ส่วนใหญ่คุณจะเห็นเส้นแนวตั้งยาวด้านบนและด้านล่างลำตัวจริงของแท่งเทียน เส้นแนวตั้งเหล่านี้เรียกว่า เงา (Shadows) หรือ ไส้เทียน และมีบทบาทสำคัญในการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคา โดยเงาจะบ่งบอกถึงช่วงสูงสุดและต่ำสุดที่ราคาได้เคลื่อนไหวไปในกรอบเวลาดังกล่าว

1. ความหมายของเงาสุดขั้ว (Extreme Shadows)

เงาสุดขั้วหมายถึงราคาซื้อขายสูงสุด (High Price) และราคาซื้อขายต่ำสุด (Low Price) ตามกรอบเวลาที่กำหนด หากแท่งเทียนใดๆ มีเงาที่ยาว นั่นแสดงว่ามีกิจกรรมการซื้อขายที่มีการเคลื่อนไหวและผันผวนมากตลอดช่วงเวลาการซื้อขายนั้นๆ แม้ว่าราคาเปิดและราคาปิดจะไม่ได้อยู่ห่างกันมากนักก็ตาม

2. เงาตื้นและ/หรือเงาขนาดเล็ก (Shallow and/or Small Shadows)

หากแท่งเทียนมีความตื้นและ/หรือมีเงาขนาดเล็กมาก แสดงว่าการเคลื่อนไหวของราคาได้รับอิทธิพลอย่างมากจากแรงกดดันในการซื้อหรือขายที่ชัดเจน ซึ่งส่งผลให้ราคาปิดอยู่ใกล้กับราคาซื้อขายสูงสุดหรือต่ำสุด ตัวอย่างเช่น แท่งเทียนที่ไม่มีเงาเลย หรือมีเงาสั้นมาก (Marubozu Candlestick) บ่งบอกถึงการควบคุมตลาดอย่างสมบูรณ์ของฝั่งซื้อหรือฝั่งขาย

3. การตีความเงาบนและเงาล่างที่ยาวและสั้น

การเปรียบเทียบความยาวของเงาบนและเงาล่างกับลำตัวแท่งเทียน สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความพยายามของผู้ซื้อและผู้ขายในระหว่างช่วงเวลาการซื้อขาย:

  • เงาบนที่ยาว และเงาล่างที่สั้น (Long Upper Shadow & Short Lower Shadow):
    • ความหมาย: ในช่วงเริ่มต้นของแท่งเทียน ฝั่งผู้ขาย (หมี) มีความแข็งแกร่ง พยายามผลักดันราคาลงไปอย่างมาก แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เช่น การประกาศข่าวเศรษฐกิจที่สำคัญ หรือการเข้าสู่ตลาดของนักลงทุนรายใหญ่ ทำให้เกิดความต้องการซื้ออย่างมหาศาลในตลาด แรงกดดันในการซื้อที่แข็งแกร่งนี้ผลักดันให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ราคาปิดไม่เพียงแค่สูงกว่าราคาซื้อขายต่ำสุดเท่านั้น แต่ยังสูงกว่าราคาเปิดอีกด้วย
    • ผลลัพธ์: แท่งเทียนประเภทนี้มักเป็นสัญญาณของการปฏิเสธราคาในระดับสูง และอาจบ่งบอกถึงโอกาสที่ราคาจะกลับตัวเป็นขาลง หากเกิดขึ้นที่บริเวณแนวต้าน หรือบ่งบอกถึงความลังเลใจของตลาดที่ระดับราคาสูง ตัวอย่างของรูปแบบแท่งเทียนที่มีเงาบนยาวคือ Shooting Star และ Pin Bar (ขาลง)
  • เงาล่างที่ยาว และเงาบนที่สั้น (Long Lower Shadow & Short Upper Shadow):
    • ความหมาย: ในช่วงเริ่มต้นของแท่งเทียน ฝั่งผู้ซื้อ (กระทิง) มีความแข็งแกร่ง พยายามผลักดันราคาขึ้นไปอย่างมาก แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เช่น ข่าวพื้นฐานที่ไม่คาดคิด หรือแรงเทขายทำกำไร ทำให้ความต้องการซื้อลดลง และเกิดแรงขายที่แข็งแกร่งและมหาศาลผลักดันราคาลงมา ส่งผลให้ราคาปิดไม่เพียงแค่ต่ำกว่าราคาซื้อขายสูงสุดเท่านั้น แต่ยังต่ำกว่าราคาเปิดอีกด้วย
    • ผลลัพธ์: แท่งเทียนประเภทนี้มักเป็นสัญญาณของการปฏิเสธราคาในระดับต่ำ และอาจบ่งบอกถึงโอกาสที่ราคาจะกลับตัวเป็นขาขึ้น หากเกิดขึ้นที่บริเวณแนวรับ หรือบ่งบอกถึงความลังเลใจของตลาดที่ระดับราคาต่ำ ตัวอย่างของรูปแบบแท่งเทียนที่มีเงาล่างยาวคือ Inverted Hammer และ Pin Bar (ขาขึ้น)

ตารางสรุปประเภทแท่งเทียนและสัญญาณ

ลักษณะแท่งเทียน ความหมาย การตีความ (E-E-A-T) สัญญาณโดยประมาณ
ลำตัวยาว สีเขียว/ขาว แรงซื้อสูง, อุปทานต่ำ ผู้ซื้อควบคุมตลาดเต็มที่, มีแนวโน้มราคาขึ้นต่อ Bullish (ขาขึ้น) แข็งแกร่ง
ลำตัวยาว สีแดง/ดำ แรงขายสูง, ความต้องการต่ำ ผู้ขายควบคุมตลาดเต็มที่, มีแนวโน้มราคาลงต่อ Bearish (ขาลง) แข็งแกร่ง
ลำตัวสั้น อุปสงค์และอุปทานเท่ากัน, ตลาดไม่แน่ใจ ตลาดอยู่ในช่วง Sideway หรือพักตัว, รอปัจจัยใหม่ ความไม่แน่นอน (Indecision)
เงาบนยาว, เงาล่างสั้น ราคาถูกผลักขึ้นสูงแต่ถูกปฏิเสธ แรงขายเริ่มเข้ามา, อาจเกิดการกลับตัวเป็นขาลง Bearish (ขาลง) อ่อนๆ หรือสัญญาณกลับตัว
เงาล่างยาว, เงาบนสั้น ราคาถูกผลักลงต่ำแต่ถูกปฏิเสธ แรงซื้อเริ่มเข้ามา, อาจเกิดการกลับตัวเป็นขาขึ้น Bullish (ขาขึ้น) อ่อนๆ หรือสัญญาณกลับตัว

FAQ Section: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการอ่านกราฟแท่งเทียน Forex

Q1: การอ่านกราฟแท่งเทียนเพียงอย่างเดียวเพียงพอหรือไม่ในการเทรด Forex?

A1: การอ่านกราฟแท่งเทียนเป็นสิ่งสำคัญและเป็นพื้นฐานที่ดีเยี่ยม แต่ไม่เพียงพอสำหรับการตัดสินใจเทรดเพียงอย่างเดียว การวิเคราะห์แท่งเทียนควรใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ เช่น แนวรับและแนวต้าน (Support & Resistance), เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages), MACD, RSI รวมถึง การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) และ อารมณ์ตลาด (Market Sentiment) เพื่อให้ได้มุมมองที่ครอบคลุมและแม่นยำยิ่งขึ้น การใช้เครื่องมือหลายอย่างประกอบกันจะช่วยเพิ่มความน่าจะเป็นในการประสบความสำเร็จในการเทรด

Q2: ควรใช้กรอบเวลา (Timeframe) ใดในการอ่านกราฟแท่งเทียน?

A2: กรอบเวลาที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดของคุณ:

  • นักเทรดระยะยาว (Position/Swing Trader): ควรให้ความสำคัญกับกรอบเวลาที่ใหญ่ขึ้น เช่น รายวัน (Daily), รายสัปดาห์ (Weekly) เพื่อจับแนวโน้มหลักของตลาด การเทรดระยะยาว
  • นักเทรดระยะกลาง (Day Trader): สามารถใช้กรอบเวลา 4 ชั่วโมง (H4), 1 ชั่วโมง (H1), หรือ 30 นาที (M30) เพื่อหาโอกาสทำกำไรภายในวัน
  • นักเทรดระยะสั้น (Scalper): เน้นกรอบเวลาที่สั้นมาก เช่น 5 นาที (M5) หรือ 1 นาที (M1) เพื่อเข้าและออกจากการเทรดอย่างรวดเร็ว การเทรดสั้น

คำแนะนำ: การใช้ Multi-Timeframe Analysis โดยเริ่มจากกรอบเวลาที่ใหญ่เพื่อระบุแนวโน้มหลัก และลงมายังกรอบเวลาที่เล็กลงเพื่อหาจุดเข้าที่แม่นยำ จะเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดสำหรับนักเทรดทุกประเภท

Q3: แท่งเทียนรูปแบบไหนที่ให้สัญญาณการกลับตัวที่น่าเชื่อถือที่สุด?

A3: มีรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวหลายรูปแบบที่นักเทรดนิยมใช้ แต่รูปแบบที่ได้รับการยอมรับว่ามีความน่าเชื่อถือสูง ได้แก่:

  • Engulfing Patterns (Bullish Engulfing และ Bearish Engulfing): แสดงถึงการที่แท่งเทียนปัจจุบันกลืนกินแท่งเทียนก่อนหน้าอย่างสมบูรณ์ บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของแรงควบคุมตลาดอย่างชัดเจน
  • Morning Star และ Evening Star: เป็นรูปแบบกลับตัวสามแท่งเทียนที่แสดงถึงความอ่อนแรงของแนวโน้มเดิมและการเริ่มก่อตัวของแนวโน้มใหม่
  • Pin Bar (Hammer และ Shooting Star): มีลำตัวสั้นและมีเงาที่ยาวด้านหนึ่ง แสดงถึงการปฏิเสธราคาอย่างรุนแรงในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
  • Tweezer Tops และ Tweezer Bottoms: เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนสองแท่งมีราคาสูงสุดหรือต่ำสุดเท่ากัน บ่งบอกถึงการที่ราคาไม่สามารถทะลุผ่านระดับนั้นไปได้

สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณารูปแบบเหล่านี้ร่วมกับบริบทของตลาด เช่น ระดับแนวรับ/แนวต้านที่สำคัญ และปริมาณการซื้อขาย (Volume) เพื่อยืนยันความน่าเชื่อถือของสัญญาณ

Conclusion

การเป็นผู้เชี่ยวชาญในการอ่านกราฟแท่งเทียน Forex ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่ต้องอาศัยการเรียนรู้ การฝึกฝน และประสบการณ์อย่างต่อเนื่อง การทำความเข้าใจองค์ประกอบพื้นฐานของแท่งเทียนแต่ละแท่ง ไม่ว่าจะเป็นราคาเปิด ราคาปิด ราคาสูงสุด ราคาต่ำสุด รวมถึงขนาดของลำตัวและเงา จะช่วยให้คุณสามารถถอดรหัสข้อมูลเชิงลึกที่ตลาดกำลังบอกเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จำไว้เสมอว่า แท่งเทียนแต่ละแท่งเปรียบเสมือน “เรื่องราว” ของการต่อสู้ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย และเมื่อรวมกันหลายแท่ง ก็จะกลายเป็น “ประวัติศาสตร์” ที่สะท้อนถึงอารมณ์และความคาดหวังของตลาด การประยุกต์ใช้ความรู้เหล่านี้ร่วมกับกลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสม และ การบริหารจัดการความเสี่ยง อย่างเคร่งครัด จะเป็นกุญแจสำคัญในการนำพาคุณไปสู่ความสำเร็จในตลาด Forex ได้อย่างยั่งยืน เริ่มต้นฝึกฝนและสร้างประสบการณ์ของคุณตั้งแต่วันนี้ เพื่อก้าวสู่การเป็นนักเทรดที่มีความเชี่ยวชาญและทำกำไรได้อย่างมืออาชีพ

“`

You Might Also Like

Contact Us on Line