Ultimate Guide: วิธีเปิดบัญชี HFM (HotForex) ล่าสุด 2025 พร้อมขั้นตอนละเอียดฉบับสมบูรณ์
การเริ่มต้นเส้นทางการลงทุนในตลาด Forex และสินทรัพย์อื่น ๆ กับ HFM (เดิมชื่อ HotForex) นั้นเป็นเรื่องที่ง่ายและรวดเร็ว แต่เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะสามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่นและหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น บทความนี้คือ “Ultimate Guide” ที่จะนำคุณไปสู่ทุกขั้นตอนการเปิดบัญชี HFM ปี 2025 อย่างละเอียดและครอบคลุมที่สุด ตั้งแต่การลงทะเบียนเบื้องต้นไปจนถึงการยืนยันตัวตน (KYC) และการเลือกประเภทบัญชีที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของคุณ

ทำไมต้องเปิดบัญชีกับ HFM? (HotForex เดิม)
HFM เป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ Forex และ CFD ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ด้วยเหตุผลหลายประการที่ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับเทรดเดอร์ทั้งมือใหม่และมืออาชีพ:
- ใบอนุญาตและความน่าเชื่อถือสูง: HFM ได้รับการกำกับดูแลโดยหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินชั้นนำหลายแห่งทั่วโลก เช่น CySEC (ไซปรัส), FSCA (แอฟริกาใต้), FCA (สหราชอาณาจักร – ผ่านบริษัทในเครือ) และ DFSA (ดูไบ) การมีใบอนุญาตเหล่านี้ยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการปฏิบัติตามมาตรฐานสากลด้านความปลอดภัยและความโปร่งใส ทำให้เทรดเดอร์มั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าเงินทุนของพวกเขาจะได้รับการปกป้อง
- แพลตฟอร์มการเทรดที่หลากหลาย: HFM นำเสนอแพลตฟอร์มการเทรดที่รู้จักกันดีและเป็นที่ยอมรับอย่าง MetaTrader 4 (MT4) และ MetaTrader 5 (MT5) ซึ่งมีฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน ทั้งเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค อินดิเคเตอร์ และสามารถใช้งาน Expert Advisors (EAs) ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์ม HFM WebTrader และ Mobile App เพื่อความสะดวกในการเทรดทุกที่ทุกเวลา
- ประเภทบัญชีที่หลากหลาย: ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ที่มีเงินทุนจำกัด หรือเทรดเดอร์มืออาชีพที่ต้องการเงื่อนไขการเทรดที่เฉพาะเจาะจง HFM ก็มีประเภทบัญชีที่ตอบโจทย์ เช่น บัญชี Premium ที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น บัญชี Cent สำหรับผู้ที่ต้องการทดลองเทรดด้วยความเสี่ยงต่ำ และบัญชี Zero Spread / Pro สำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ที่ต้องการสเปรดต่ำเป็นพิเศษ
- สินทรัพย์ที่สามารถเทรดได้: HFM มีสินทรัพย์ให้เลือกเทรดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคู่สกุลเงิน Forex, โลหะมีค่า (ทองคำ, เงิน), พลังงาน (น้ำมัน), ดัชนีหุ้น, หุ้นรายตัว, สินค้าโภคภัณฑ์ และ CFD สกุลเงินดิจิทัล สิ่งนี้ช่วยให้นักลงทุนสามารถกระจายพอร์ตการลงทุนและเข้าถึงโอกาสในตลาดที่หลากหลาย
- การสนับสนุนลูกค้าที่ดีเยี่ยม: HFM ให้บริการสนับสนุนลูกค้าในหลายภาษาตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันทำการ ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น Live Chat, อีเมล และโทรศัพท์ ทำให้เทรดเดอร์สามารถขอความช่วยเหลือได้ตลอดเวลาที่ต้องการ
- โปรโมชั่นและโบนัส: HFM มักจะมีโปรโมชั่นและโบนัสที่น่าสนใจสำหรับลูกค้าใหม่และลูกค้าปัจจุบัน เช่น โบนัสเงินฝาก หรือโปรแกรมลอยัลตี้ ซึ่งสามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและเพิ่มประสิทธิภาพการเทรดได้
📌 ข้อควรรู้สำคัญที่สุด: การกรอกข้อมูล
โปรดทราบ: การกรอกข้อมูลส่วนบุคคล (ชื่อ, นามสกุล, ที่อยู่) ต้องกรอกเป็นภาษาอังกฤษ (English) และต้องตรงกับเอกสารยืนยันตัวตน (บัตรประชาชน/พาสปอร์ต) เท่านั้น
การปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้อย่างเคร่งครัดจะช่วยให้กระบวนการยืนยันตัวตน (KYC) เป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว หากข้อมูลไม่ตรงกัน อาจทำให้เกิดความล่าช้าหรือบัญชีของคุณไม่ได้รับการอนุมัติ.
✅ ขั้นตอนที่ 1: กรอกข้อมูลเปิดบัญชี HFM (Register)
ขั้นตอนนี้คือการเริ่มต้นการเดินทางสู่โลกแห่งการเทรดกับ HFM คุณจะต้องให้ข้อมูลพื้นฐานเพื่อสร้างบัญชีเบื้องต้น
- กรอกข้อมูลติดต่อ: คุณจะต้องระบุ อีเมล หรือ เบอร์โทรศัพท์ ที่คุณใช้งานอยู่จริงและสามารถเข้าถึงได้ เนื่องจากข้อมูลนี้จะถูกใช้เป็นช่องทางหลักในการยืนยันตัวตน (KYC) ในขั้นตอนต่อไป การใช้อีเมลหรือเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่ถูกต้องหรือไม่สามารถเข้าถึงได้อาจทำให้คุณไม่สามารถดำเนินขั้นตอนการสมัครให้เสร็จสมบูรณ์ได้
- เลือกประเทศ: ในส่วนนี้ให้คุณเลือก Thailand เป็นประเทศที่พำนักอาศัยของคุณ หากคุณพำนักอยู่ในประเทศอื่น ๆ โปรดเลือกประเทศที่ถูกต้องตามเอกสารยืนยันตัวตนของคุณ
- ตั้งรหัสผ่าน: การตั้งรหัสผ่านที่มีความปลอดภัยสูงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อป้องกันการเข้าถึงบัญชีโดยไม่ได้รับอนุญาต HFM มีข้อกำหนดเฉพาะสำหรับรหัสผ่านดังนี้:
- ความยาว: ต้องมีอักขระตั้งแต่ 8 ถึง 15 ตัว
- ความซับซ้อน: ต้องประกอบด้วยตัวอักษรพิมพ์ใหญ่และตัวอักษรพิมพ์เล็ก
- ตัวเลข: ต้องมีตัวเลขอย่างน้อย 1 ตัว
- อักขระพิเศษ: ต้องมีอักขระพิเศษอย่างน้อย 1 ตัว (เช่น !, @, #, $, %, ^, &, *)
คำแนะนำ: ควรใช้รหัสผ่านที่ไม่ซ้ำกับบัญชีออนไลน์อื่น ๆ ของคุณ และควรจดจำรหัสผ่านนี้ไว้ในที่ปลอดภัย
- รหัสพาร์ทเนอร์: หากมีช่องให้กรอกรหัสพาร์ทเนอร์ โปรดระบุรหัส 376866 การใส่รหัสนี้จะช่วยให้คุณได้รับสิทธิพิเศษหรือโบนัสบางประการที่ HFM จัดเตรียมไว้สำหรับลูกค้าที่ลงทะเบียนผ่านพาร์ทเนอร์
- กด Continue: เมื่อกรอกข้อมูลครบถ้วนและถูกต้องตามข้อกำหนดแล้ว ให้คลิกที่ปุ่ม Continue เพื่อดำเนินการไปยังขั้นตอนถัดไป

✅ ขั้นตอนที่ 2: ยืนยันอีเมล (Verify E-mail Address)
การยืนยันอีเมลเป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อเพิ่มความปลอดภัยของบัญชีและยืนยันว่าคุณคือเจ้าของอีเมลที่ใช้ในการลงทะเบียนจริง หากไม่ยืนยันอีเมล คุณอาจไม่สามารถเข้าถึงฟังก์ชันการเทรดบางอย่างได้
- เปิดอีเมล: หลังจากที่คุณกด Continue ในขั้นตอนที่ 1 ระบบของ HFM จะส่งอีเมลที่มีรหัสยืนยันไปยังกล่องขาเข้าของอีเมลที่คุณได้ลงทะเบียนไว้ทันที โปรดเปิดอีเมลนั้น
- กรอกรหัสยืนยัน: คุณจะพบรหัส 6 หลัก ในอีเมลที่ได้รับ ให้นำรหัสนี้มากรอกในช่องที่กำหนดบนหน้าเว็บไซต์ HFM อย่างถูกต้อง
- ตรวจสอบ: ในบางกรณี อีเมลยืนยันอาจถูกส่งไปยังโฟลเดอร์ Spam / Junk ของคุณได้ หากคุณไม่พบอีเมลใน Inbox โปรดตรวจสอบในโฟลเดอร์เหล่านี้
- Resend: หากรหัสที่คุณได้รับหมดอายุ (ซึ่งมักจะมีอายุไม่กี่นาที) หรือคุณกรอกรหัสผิดพลาดหลายครั้ง คุณสามารถกดที่ปุ่ม Resend เพื่อขอรหัสยืนยันใหม่ได้ ระบบจะส่งรหัสชุดใหม่มาให้คุณทันที
- กด Continue: เมื่อกรอกรหัสยืนยันถูกต้องแล้ว ให้คลิกที่ Continue เพื่อดำเนินการขั้นตอนถัดไป

✅ ขั้นตอนที่ 3: กรอกข้อมูลส่วนตัว (Profile Details)
ขั้นตอนนี้เป็นหัวใจสำคัญของกระบวนการสมัคร เนื่องจากข้อมูลที่คุณกรอกที่นี่จะถูกนำไปใช้ในการยืนยันตัวตน (Know Your Customer – KYC) ซึ่งเป็นข้อกำหนดสากลเพื่อป้องกันการฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย
- ชื่อ-นามสกุล: คุณต้องกรอกชื่อและนามสกุลเป็น ภาษาอังกฤษเท่านั้น และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องตรงกับชื่อ-นามสกุลบนบัตรประชาชน หรือพาสปอร์ตที่คุณจะใช้ในการยืนยันตัวตนในภายหลังทุกตัวอักษร หากมีการสะกดผิดแม้แต่ตัวเดียว อาจทำให้กระบวนการ KYC ล่าช้าหรือถูกปฏิเสธได้
- วัน/เดือน/ปีเกิด: เลือกวัน เดือน และปีเกิดของคุณให้ถูกต้องตามข้อมูลในเอกสารยืนยันตัวตน
- สกุลเงินกระเป๋า (Wallet Currency): ส่วนนี้คือสกุลเงินหลักที่จะใช้ในบัญชี Wallet ของคุณ (ไม่ใช่บัญชีเทรด) แนะนำให้เลือก USD (United States Dollar) เนื่องจากเป็นสกุลเงินมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในตลาด Forex และการฝาก-ถอนเงินมักจะสะดวกกว่าหากเป็นสกุลเงินหลัก
- การยืนยัน: คุณจะต้องติ๊กเครื่องหมายยืนยันว่า คุณไม่ใช่ผู้เสียภาษีและ/หรือพลเมืองของสหรัฐอเมริกา ข้อกำหนดนี้เป็นไปตามกฎระเบียบสากล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง FATCA (Foreign Account Tax Compliance Act) ของสหรัฐอเมริกา
- ยอมรับเงื่อนไข: คุณจะต้องอ่านและยอมรับ Terms and Conditions (ข้อตกลงและเงื่อนไข) ของ HFM ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญที่ระบุสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบของทั้งคุณและโบรกเกอร์ การไม่อ่านหรือทำความเข้าใจเงื่อนไขเหล่านี้อาจทำให้คุณเสียเปรียบในอนาคตได้
- กด Continue: เมื่อตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดแล้วว่าถูกต้องและครบถ้วน ให้คลิกที่ปุ่ม Continue เพื่อไปยังขั้นตอนต่อไป

✅ ขั้นตอนที่ 4: เลือกประเภทบัญชีเทรด
HFM เข้าใจดีว่าเทรดเดอร์แต่ละคนมีความต้องการและสไตล์การเทรดที่แตกต่างกัน จึงนำเสนอประเภทบัญชีที่หลากหลายเพื่อให้คุณเลือกได้อย่างเหมาะสม การเลือกบัญชีที่ถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้นจะส่งผลต่อประสบการณ์และต้นทุนการเทรดของคุณ
HFM มีบัญชีให้เลือกหลากหลาย ตามความเหมาะสมของการเทรด:
- บัญชี Premium (แนะนำสำหรับมือใหม่):
- คุณสมบัติเด่น: เป็นบัญชีที่ได้รับความนิยมสูงสุดและเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น มือใหม่เทรดทอง หรือเทรดเดอร์ที่ต้องการความเรียบง่ายในการเทรด
- ค่าคอมมิชชั่น: ไม่มีค่าคอมมิชชั่น ในการซื้อขาย ซึ่งหมายความว่าคุณไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมจากการเปิด-ปิดออเดอร์
- สเปรด: สเปรดเริ่มต้นที่ 1.4 pip ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่แข่งขันได้และยอมรับได้สำหรับเทรดเดอร์ทั่วไป
- ความเหมาะสม: ใช้งานง่าย เหมาะกับการเทรดสินทรัพย์หลายประเภท รวมถึงทองคำ (XAUUSD) ที่มักจะมีสภาพคล่องสูง
- ข้อดี: ลดความซับซ้อนในการคำนวณต้นทุนการเทรด เหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่คุ้นเคยกับโครงสร้างค่าธรรมเนียมต่างๆ
- บัญชี Cent (สำหรับผู้ที่มีทุนน้อยมาก):
- คุณสมบัติเด่น: บัญชีนี้ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเริ่มต้นด้วยเงินทุนจำนวนน้อยมาก (หลักสิบหรือร้อยดอลลาร์)
- ฝากขั้นต่ำต่ำ: มีข้อกำหนดการฝากขั้นต่ำที่ต่ำมาก ทำให้สามารถ ทดลองเทรด และเรียนรู้ตลาดจริงได้โดยไม่ต้องใช้เงินจำนวนมาก
- ความเหมาะสม: เหมาะกับการทดลองเทรดด้วยความเสี่ยงต่ำ, ทดสอบกลยุทธ์ใหม่ๆ หรือทำความคุ้นเคยกับแพลตฟอร์มการเทรดก่อนที่จะลงทุนด้วยเงินจำนวนมาก
- หน่วยของบัญชี: การซื้อขายจะแสดงในหน่วย “เซ็นต์” (cents) แทนที่จะเป็นดอลลาร์ (เช่น $10 จะแสดงเป็น 1000 เซ็นต์) ซึ่งช่วยให้รู้สึกว่ามีเงินทุนมากกว่าความเป็นจริง ทำให้เทรดเดอร์มือใหม่ไม่รู้สึกกดดันมากเกินไป
- บัญชี Zero Spread / Pro (สำหรับมืออาชีพ):
- คุณสมบัติเด่น: บัญชีนี้ออกแบบมาสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์สูงที่ต้องการสเปรดต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
- สเปรด: สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ในคู่สกุลเงินหลักบางคู่
- ค่าคอมมิชชั่น: มีค่าคอมมิชชั่นต่อล็อตที่ซื้อขาย ซึ่งเป็นรูปแบบมาตรฐานสำหรับบัญชีประเภท Zero Spread เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายของโบรกเกอร์ในการนำเสนอสเปรดที่ต่ำมาก
- ความเหมาะสม: เหมาะกับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์สูง, นัก Scalping, หรือผู้ที่ใช้ Expert Advisors (EAs) ที่ต้องการความแม่นยำในการเข้าออกออเดอร์และต้นทุนสเปรดที่ต่ำที่สุด
- ข้อควรพิจารณา: เทรดเดอร์ต้องเข้าใจเรื่องค่าคอมมิชชั่นและสเปรดราคาอย่างถ่องแท้ เพื่อคำนวณต้นทุนการเทรดรวมให้ถูกต้อง
หลังจากพิจารณาประเภทบัญชีที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดและเงินทุนของคุณแล้ว ให้กดที่ปุ่ม Select ใต้ประเภทบัญชีที่คุณต้องการ เพื่อไปยังขั้นตอนถัดไป

✅ ขั้นตอนที่ 5: ยืนยันเบอร์โทรศัพท์
การยืนยันเบอร์โทรศัพท์เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญที่ HFM ใช้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับบัญชีของคุณ และเป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารที่สำคัญในกรณีที่จำเป็น
- ตรวจสอบเบอร์: ระบบจะแสดงเบอร์โทรศัพท์ที่คุณได้กรอกไว้ในขั้นตอนการลงทะเบียนเบื้องต้น โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าเบอร์โทรศัพท์ที่แสดงอยู่นั้นถูกต้องและเป็นเบอร์ที่คุณสามารถใช้งานได้จริงในปัจจุบัน หากเบอร์โทรศัพท์ไม่ถูกต้อง คุณควรแก้ไขให้ถูกต้องก่อนดำเนินการต่อ
- เลือกวิธีรับรหัส: HFM มีตัวเลือกหลายวิธีในการส่งรหัสยืนยัน (OTP – One Time Password) เพื่อความสะดวกของคุณ:
- SMS OTP: ระบบจะส่งรหัส 6 หลักไปยังเบอร์โทรศัพท์ของคุณทางข้อความ SMS วิธีนี้เป็นวิธีมาตรฐานที่ใช้กันทั่วไป
- Call: ระบบจะโทรเข้ามายังเบอร์โทรศัพท์ของคุณและแจ้งรหัสยืนยันผ่านระบบเสียง
- WhatsApp OTP: หากคุณใช้งานแอปพลิเคชัน WhatsApp ระบบจะส่งรหัสยืนยันผ่านทาง WhatsApp วิธีนี้อาจสะดวกสำหรับบางท่าน
เลือกวิธีที่คุณสะดวกที่สุดในการรับรหัส
- รับรหัส: หลังจากเลือกวิธีรับรหัสแล้ว ให้คลิกเพื่อขอรับรหัส ระบบจะส่งรหัส 6 หลัก มาให้คุณทางช่องทางที่คุณเลือก จากนั้นนำรหัสที่ได้รับมากรอกในช่องที่กำหนดบนหน้าเว็บไซต์ HFM
- กด Continue: เมื่อกรอกรหัสยืนยันถูกต้องแล้ว ให้คลิกที่ Continue เพื่อดำเนินการขั้นตอนถัดไป

ข้อควรระวัง: หากคุณไม่ได้รับรหัสภายในระยะเวลาอันสั้น (ประมาณ 1 นาที) ให้ตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์หรือการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณก่อน จากนั้นจึงค่อยลองกดส่งรหัสใหม่ (Resend) เพื่อป้องกันการกรอกรหัสผิดพลาดบ่อยครั้ง
✅ ขั้นตอนที่ 6: ตั้งรหัสผ่านบัญชีเทรด (Trading Account Password)
ขั้นตอนนี้แตกต่างจากรหัสผ่านที่คุณตั้งไว้สำหรับเข้าสู่ระบบ MyHF (พื้นที่ส่วนตัวของ HFM บนเว็บไซต์) รหัสผ่านบัญชีเทรดนี้จะใช้สำหรับเข้าสู่แพลตฟอร์มการเทรดโดยเฉพาะ เช่น MetaTrader 4 (MT4) หรือ MetaTrader 5 (MT5) ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่คุณจะใช้ในการเปิด-ปิดออเดอร์และจัดการการเทรดของคุณ
- ตั้งรหัสผ่าน: คุณจะต้องตั้งรหัสผ่านใหม่สำหรับบัญชีเทรดของคุณ โดยมีเงื่อนไขด้านความปลอดภัยเช่นเดียวกับรหัสผ่าน MyHF:
- ความยาว: ต้องมีอักขระตั้งแต่ 8 ถึง 15 ตัว
- ความซับซ้อน: ต้องมีตัวพิมพ์ใหญ่ (Uppercase) และตัวพิมพ์เล็ก (Lowercase)
- ตัวเลข: ต้องมีตัวเลขอย่างน้อย 1 ตัว
- อักขระพิเศษ: ต้องมีอักขระพิเศษอย่างน้อย 1 ตัว (เช่น !, @, #, $, %)
คำแนะนำ: ควรใช้รหัสผ่านที่แตกต่างจากรหัสผ่าน MyHF เพื่อเพิ่มความปลอดภัย และจดจำรหัสผ่านนี้ไว้ในที่ปลอดภัยเช่นกัน
- กด Open Account: เมื่อคุณตั้งรหัสผ่านที่ตรงตามเงื่อนไขและยืนยันรหัสผ่านเรียบร้อยแล้ว ให้คลิกที่ปุ่ม Open Account การดำเนินการนี้จะเป็นการสร้างบัญชีเทรดของคุณให้เสร็จสมบูรณ์

ความเข้าใจผิดที่พบบ่อย: เทรดเดอร์มือใหม่อาจสับสนระหว่างรหัสผ่านสำหรับเข้าสู่ระบบ MyHF (เว็บไซต์) กับรหัสผ่านสำหรับเข้าสู่แพลตฟอร์ม MT4/MT5 โปรดจำไว้ว่ารหัสผ่านทั้งสองนี้เป็นคนละส่วนกันและใช้สำหรับวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน
✅ ขั้นตอนที่ 7: เปิดบัญชีเทรดสำเร็จ พร้อมเข้าสู่หน้าฝากเงิน
ขอแสดงความยินดี! เมื่อคุณดำเนินการตามขั้นตอนที่ 6 เสร็จสิ้นและเห็นหน้าจอแสดงข้อมูลบัญชีเทรด นั่นหมายความว่าคุณได้เปิดบัญชีเทรดกับ HFM ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
รายละเอียดสำคัญที่คุณจะเห็นบนหน้าจอนี้:
- หมายเลขบัญชีเทรด (Login): นี่คือหมายเลขประจำตัวบัญชีเทรดของคุณ ซึ่งคุณจะต้องใช้ในการเข้าสู่ระบบแพลตฟอร์ม MT4/MT5
- Server: คุณจะได้รับชื่อเซิร์ฟเวอร์ที่บัญชีของคุณถูกจัดสรรให้ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มการเทรด
- แพลตฟอร์ม: ระบบจะระบุว่าบัญชีเทรดของคุณใช้แพลตฟอร์มใด (เช่น MT4 หรือ MT5)
สิ่งที่สามารถทำได้ในขั้นตอนนี้:
- คุณสามารถเลือกวิธีการฝากเงินเข้าบัญชีเทรดของคุณได้ทันที HFM มีตัวเลือกการฝากเงินที่หลากหลายเพื่อความสะดวกสบายของผู้ใช้ เช่น:
- QR Online Bank Transfer: วิธีการยอดนิยมในประเทศไทยที่ช่วยให้คุณสามารถโอนเงินผ่าน Mobile Banking ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย
- บัตรเครดิต/เดบิต: สามารถใช้บัตร Visa หรือ Mastercard ในการฝากเงินได้
- Wire Transfer: การโอนเงินผ่านธนาคารระหว่างประเทศ ซึ่งอาจใช้เวลาดำเนินการนานกว่าวิธีอื่น ๆ
- E-wallets: กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์บางประเภทที่ HFM รองรับ

คำแนะนำสำคัญ: แม้ว่าคุณจะสามารถฝากเงินได้ทันทีหลังจากเปิดบัญชีเทรด แต่ เราขอแนะนำอย่างยิ่งให้คุณดำเนินการยืนยันตัวตน (KYC) ให้เสร็จสมบูรณ์ก่อนที่จะฝากเงินจำนวนมาก หรือก่อนที่จะเริ่มทำการเทรดจริง การทำ KYC ให้เสร็จสิ้นจะช่วยปลดล็อกวงเงินการฝาก-ถอนบนระบบ และทำให้บัญชีของคุณมีความปลอดภัยสูงสุด รวมถึงหลีกเลี่ยงปัญหาในการถอนเงินในอนาคต
✅ ขั้นตอนที่ 8: ยืนยันตัวตน (KYC) – เริ่มต้น
การยืนยันตัวตน หรือ Know Your Customer (KYC) เป็นขั้นตอนที่จำเป็นอย่างยิ่งตามข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินทั่วโลก เพื่อป้องกันการฟอกเงิน การฉ้อโกง และการสนับสนุนทางการเงินที่ผิดกฎหมาย การทำ KYC ให้เสร็จสิ้นจะช่วยให้คุณสามารถใช้บัญชี HFM ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและไม่มีข้อจำกัด
- สถานะ Pending: ในช่วงแรกหลังจากที่คุณเปิดบัญชีเทรด บัญชีของคุณจะอยู่ในสถานะ Pending Verification หรือ Pending Approval ชั่วคราว ซึ่งหมายความว่าคุณยังไม่สามารถทำการฝาก-ถอนเงินในวงเงินที่สูง หรือใช้ฟังก์ชันการเทรดบางอย่างได้อย่างเต็มที่
- ไปที่เมนู: เพื่อเริ่มต้นกระบวนการ KYC ให้คุณไปที่พื้นที่ส่วนตัว (MyHF) ของคุณบนเว็บไซต์ HFM คุณจะพบเมนูหรือแบนเนอร์แจ้งเตือนให้ Complete Registration หรือ Verify Account โดยมักจะอยู่ด้านซ้ายมือของหน้าจอ หรืออาจมีข้อความแจ้งเตือนให้คลิกที่ “clicking here” ในแบนเนอร์คำเตือนที่ปรากฏขึ้น
- เข้าสู่หน้า KYC: เมื่อคุณคลิกตามคำแนะนำ ระบบจะนำคุณเข้าสู่หน้า KYC โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการยืนยันตัวตน

ความสำคัญของการทำ KYC: การทำ KYC ไม่ใช่แค่การปฏิบัติตามกฎระเบียบเท่านั้น แต่ยังเป็นการปกป้องตัวคุณเองจากการถูกนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด และทำให้คุณสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ทั้งหมดของ HFM ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด ไม่ว่าจะเป็นการฝาก-ถอนเงินจำนวนมาก หรือการเข้าร่วมโปรโมชั่นต่างๆ
✅ ขั้นตอนที่ 9: กรอกข้อมูลที่อยู่และโปรไฟล์นักลงทุน
หลังจากเข้าสู่หน้า KYC แล้ว คุณจะต้องกรอกข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่อยู่และประวัติทางการเงินของคุณ ขั้นตอนนี้มีความสำคัญในการประเมินความเหมาะสมของผลิตภัณฑ์และบริการที่ HFM เสนอให้แก่คุณตามกฎระเบียบการคุ้มครองนักลงทุน
- ที่อยู่: คุณจะต้องกรอกที่อยู่ปัจจุบันของคุณ เป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น และที่สำคัญที่สุดคือ ที่อยู่นี้ต้องตรงกับเอกสารยืนยันที่อยู่ (Proof of Address) ที่คุณจะอัปโหลดในขั้นตอนถัดไป เช่น บิลค่าน้ำ ค่าไฟ หรือรายการเดินบัญชีธนาคาร (Bank Statement) การสะกดชื่อถนน, ตำบล, อำเภอ, จังหวัด และรหัสไปรษณีย์ ควรตรงกับเอกสารทุกประการเพื่อหลีกเลี่ยงความล่าช้าในการตรวจสอบ
- ข้อมูลการทำงาน/แหล่งที่มาของเงิน: ส่วนนี้ HFM จะสอบถามเกี่ยวกับสถานะการทำงานของคุณ (เช่น พนักงานประจำ, เจ้าของธุรกิจ, เกษียณอายุ) และแหล่งที่มาของเงินทุนที่คุณจะนำมาใช้ในการเทรด (เช่น เงินเดือน, เงินออม, มรดก) คุณต้องเลือกข้อมูลให้ตรงกับความเป็นจริงและสอดคล้องกับสถานะทางการเงินของคุณ
- ประสบการณ์เทรด: HFM จะขอให้คุณระบุระดับประสบการณ์ในการเทรดของคุณ เช่น ไม่มีประสบการณ์, มีประสบการณ์น้อย, มีประสบการณ์ปานกลาง, หรือมีประสบการณ์สูง ข้อมูลนี้ช่วยให้ HFM สามารถประเมินความรู้ความเข้าใจของคุณเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุน และอาจแนะนำผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เหมาะสมกับระดับประสบการณ์ของคุณ
- กด Continue: เมื่อกรอกข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลทางการเงินครบถ้วนและถูกต้องแล้ว ให้คลิกที่ปุ่ม Continue เพื่อดำเนินการเข้าสู่ขั้นตอนการยืนยันตัวตนด้วยเอกสารและใบหน้า

ความสำคัญของข้อมูลที่ถูกต้อง: การให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นความจริงในขั้นตอนนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการอนุมัติบัญชีของคุณ หากพบว่าข้อมูลไม่ตรงกับเอกสารหรือเป็นเท็จ อาจทำให้บัญชีของคุณถูกระงับหรือยกเลิกได้
✅ ขั้นตอนที่ 10: ยืนยันตัวตน (Verify Account – KYC) ให้เสร็จสมบูรณ์
นี่คือขั้นตอนสุดท้ายและสำคัญที่สุดในการยืนยันตัวตนของคุณกับ HFM เพื่อให้บัญชีของคุณได้รับการอนุมัติอย่างสมบูรณ์และสามารถใช้งานได้อย่างไม่มีข้อจำกัด คุณจะต้องดำเนินการยืนยันเอกสารและตัวตนแบบเรียลไทม์
ในขั้นตอนนี้ คุณจะต้องทำ 3 ส่วนหลักดังนี้:
- Step 1 – Provide identity document: อัปโหลดเอกสารยืนยันตัวตนของคุณ
- เอกสารที่ยอมรับ: คุณสามารถใช้ บัตรประชาชน (โดยต้องถ่ายรูปทั้งด้านหน้าและด้านหลัง) หรือ พาสปอร์ต ที่ยังมีอายุใช้งาน
- ข้อกำหนด:
- เอกสารต้องชัดเจน ไม่เบลอ ไม่มีเงาสะท้อน
- ขอบของเอกสารต้องครบถ้วน ไม่มีส่วนใดถูกตัดออก
- ข้อมูลบนเอกสารต้องสามารถอ่านได้อย่างชัดเจนทุกตัวอักษร
- รูปถ่ายเอกสารควรอยู่ในสภาพแสงที่เพียงพอ
- เอกสารต้องเป็นของบุคคลเดียวกับชื่อที่ลงทะเบียน
- วิธีการอัปโหลด: โดยทั่วไประบบจะมีช่องให้อัปโหลดไฟล์รูปภาพ (JPG, PNG) หรือไฟล์ PDF
- Step 2 – Provide address information: อัปโหลดเอกสารยืนยันที่อยู่
- เอกสารที่ยอมรับ: เอกสารที่แสดงที่อยู่ปัจจุบันของคุณ เช่น:
- บิลค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเทอร์เน็ต: ต้องเป็นบิลที่มีชื่อของคุณและที่อยู่ตรงกับที่กรอกไว้ และมีอายุไม่เกิน 3-6 เดือน (ตามข้อกำหนดของ HFM)
- รายการเดินบัญชีธนาคาร (Bank Statement): ต้องมีชื่อและที่อยู่ของคุณ รวมถึงประทับตราธนาคาร (บางโบรกเกอร์อาจไม่ยอมรับเอกสารที่ดาวน์โหลดจากธนาคารออนไลน์โดยไม่มีการรับรอง) และมีอายุไม่เกิน 3-6 เดือน
- เอกสารราชการอื่นๆ: เช่น ทะเบียนบ้าน (บางกรณี) หรือเอกสารจากหน่วยงานราชการที่แสดงที่อยู่
- หมายเหตุ: หากคุณได้กรอกข้อมูลที่อยู่ใน ขั้นตอนที่ 9 และระบบมีการบันทึกข้อมูลแล้ว คุณอาจสามารถข้ามขั้นตอนนี้ไปได้ หรือระบบอาจทำการตรวจสอบข้อมูลจากเอกสารยืนยันตัวตนของคุณควบคู่กันไป
- เอกสารที่ยอมรับ: เอกสารที่แสดงที่อยู่ปัจจุบันของคุณ เช่น:
- Step 3 – Perform a liveness check: ยืนยันตัวตนแบบเรียลไทม์
- วิธีการ: ขั้นตอนนี้มักจะใช้การ ถ่ายรูปใบหน้า ของคุณแบบเรียลไทม์ผ่านกล้องของคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ โดยระบบอาจขอให้คุณ หมุนศีรษะไปทางซ้าย-ขวา หรือทำการเคลื่อนไหวใบหน้าเล็กน้อยตามคำแนะนำ หรือใช้ Face Verification ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการจดจำใบหน้าเพื่อเปรียบเทียบกับรูปภาพในเอกสารยืนยันตัวตนที่คุณอัปโหลดไปแล้ว
- ความสำคัญ: เพื่อยืนยันว่าคุณคือบุคคลเดียวกับในเอกสาร และเพื่อป้องกันการสวมรอย

เมื่อคุณดำเนินการครบถ้วนทั้งสามส่วนแล้ว ระบบจะส่งเอกสารและข้อมูลของคุณไปยังทีมงานของ HFM เพื่อตรวจสอบ โดยปกติแล้ว กระบวนการตรวจสอบจะใช้เวลาประมาณ 1-2 วันทำการ อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีที่ข้อมูลไม่ชัดเจนหรือไม่ครบถ้วน อาจใช้เวลานานกว่านั้น หากเอกสารของคุณผ่านการตรวจสอบ คุณจะได้รับการแจ้งเตือนและสามารถใช้บัญชี HFM ได้อย่างเต็มรูปแบบ
ขั้นตอนที่ 11: ส่งเอกสารยืนยันตัวตน (KYC) เสร็จสิ้น
เมื่อคุณได้อัปโหลดเอกสารยืนยันตัวตนและดำเนินการยืนยันใบหน้าครบถ้วนตามขั้นตอนที่ 10 แล้ว คุณจะเห็นหน้าจอที่ยืนยันว่าเอกสารของคุณได้ถูกส่งไปแล้ว ขั้นตอนนี้คือการรอผลการตรวจสอบจาก HFM
คุณจะเห็นข้อความหรือสถานะดังนี้:
- Documents Submitted: ข้อความนี้หมายความว่าเอกสารทั้งหมดที่คุณต้องการส่งได้ถูกส่งไปยังระบบของ HFM เรียบร้อยแล้ว ณ จุดนี้ คุณสามารถปิดหน้านี้ได้เลย
- ระบบจะตรวจสอบเอกสารอัตโนมัติ: HFM มีระบบตรวจสอบเอกสารเบื้องต้นแบบอัตโนมัติ ซึ่งมักจะใช้เวลาไม่นาน โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 5-30 นาที อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีที่ข้อมูลไม่ชัดเจน หรือมีความจำเป็นต้องตรวจสอบด้วยตนเองโดยเจ้าหน้าที่ อาจใช้เวลานานขึ้นเป็น 1–3 ชั่วโมง หรือในบางกรณีที่ซับซ้อน อาจถึง 1-2 วันทำการตามที่กล่าวไว้ในขั้นตอนที่ 10
- สถานะ Verified/Approved: เมื่อเอกสารและข้อมูลของคุณผ่านการตรวจสอบและอนุมัติอย่างสมบูรณ์ สถานะบัญชีของคุณในพื้นที่ส่วนตัว (MyHF) จะเปลี่ยนเป็น Verified หรือ Approved ซึ่งหมายความว่าบัญชีของคุณพร้อมใช้งานอย่างเต็มรูปแบบแล้ว
- ปลดล็อกวงเงิน: สิ่งที่สำคัญที่สุดเมื่อบัญชีของคุณได้รับการยืนยันคือ คุณจะสามารถฝากและถอนเงินได้โดยไม่จำกัดยอดเงินอีกต่อไป ซึ่งจะช่วยให้คุณบริหารจัดการเงินทุนในการเทรดได้อย่างอิสระและคล่องตัว

การตรวจสอบสถานะ: คุณสามารถเข้าสู่ระบบ MyHF ของคุณเพื่อตรวจสอบสถานะการยืนยันตัวตนได้ตลอดเวลา หากมีข้อผิดพลาดหรือต้องการเอกสารเพิ่มเติม ทีมสนับสนุนลูกค้าของ HFM จะแจ้งให้คุณทราบผ่านทางอีเมลหรือในระบบ MyHF
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับการเปิดบัญชี HFM
Q1: ต้องใช้เอกสารอะไรบ้างในการยืนยันตัวตน (KYC)?
A: ในการยืนยันตัวตนกับ HFM คุณจะต้องเตรียมเอกสารหลัก 2 ประเภท ได้แก่:
- เอกสารยืนยันตัวตน (Proof of Identity):
- บัตรประชาชน (ต้องถ่ายทั้งด้านหน้าและด้านหลังให้ชัดเจน)
- หนังสือเดินทาง (Passport)
เอกสารเหล่านี้ต้องมีชื่อ-นามสกุลของคุณตรงกับที่ลงทะเบียน และยังไม่หมดอายุ
- เอกสารยืนยันที่อยู่ (Proof of Address):
- บิลค่าสาธารณูปโภค (ค่าน้ำ, ค่าไฟ, ค่าโทรศัพท์บ้าน, ค่าอินเทอร์เน็ต) ที่มีชื่อและที่อยู่ของคุณ
- รายการเดินบัญชีธนาคาร (Bank Statement) ที่มีชื่อและที่อยู่ของคุณ
เอกสารยืนยันที่อยู่ต้องมีอายุไม่เกิน 3-6 เดือน (โปรดตรวจสอบข้อกำหนดล่าสุดบนเว็บไซต์ HFM)
นอกจากนี้ ยังอาจมีการยืนยันใบหน้าแบบเรียลไทม์ (Liveness Check) ผ่านกล้องเว็บแคมหรือโทรศัพท์มือถือ
Q2: ใช้เวลานานแค่ไหนในการอนุมัติบัญชีหลังจากส่งเอกสาร KYC?
A: โดยปกติแล้ว ระบบของ HFM จะใช้เวลาตรวจสอบเอกสารอัตโนมัติประมาณ 5-30 นาที หลังจากที่คุณส่งเอกสารครบถ้วนแล้ว อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีที่เอกสารไม่ชัดเจน หรือต้องมีการตรวจสอบด้วยตนเองโดยเจ้าหน้าที่ อาจใช้เวลาประมาณ 1–3 ชั่วโมง หรือนานสูงสุดถึง 1-2 วันทำการ คุณจะได้รับการแจ้งเตือนทางอีเมลเมื่อบัญชีของคุณได้รับการอนุมัติ
Q3: สามารถเปิดบัญชีทดลอง (Demo Account) ได้หรือไม่?
A: ได้อย่างแน่นอน! HFM ให้ความสำคัญกับการฝึกฝนและเรียนรู้สำหรับเทรดเดอร์ใหม่ คุณสามารถ เปิดบัญชีทดลอง (Demo Account) ได้ฟรีเพื่อฝึกฝนการเทรดด้วยเงินจำลองในสภาพแวดล้อมตลาดจริง ก่อนที่จะตัดสินใจเทรดด้วยเงินจริง การใช้บัญชีทดลองเป็นวิธีที่ดีเยี่ยมในการทำความคุ้นเคยกับแพลตฟอร์ม ทดสอบกลยุทธ์ และทำความเข้าใจความเสี่ยงโดยไม่มีผลกระทบทางการเงิน
Q4: ถ้าข้อมูลที่กรอกไม่ตรงกับเอกสารยืนยันตัวตนจะเป็นอย่างไร?
A: หากข้อมูลส่วนบุคคล (ชื่อ-นามสกุล, วันเกิด, ที่อยู่) ที่คุณกรอกในขั้นตอนการสมัครไม่ตรงกับข้อมูลบนเอกสารยืนยันตัวตนและเอกสารยืนยันที่อยู่ บัญชีของคุณจะไม่ได้รับการอนุมัติ และคุณจะไม่สามารถฝาก-ถอนเงินหรือทำการเทรดได้อย่างเต็มที่ ทีมงาน HFM จะติดต่อคุณเพื่อขอให้แก้ไขข้อมูลหรือส่งเอกสารที่ถูกต้องอีกครั้ง ซึ่งจะทำให้กระบวนการล่าช้าออกไป ดังนั้น การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลก่อนส่งเอกสารจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
Q5: สามารถเปลี่ยนประเภทบัญชีเทรดหลังจากเปิดบัญชีไปแล้วได้หรือไม่?
A: โดยทั่วไปแล้ว คุณไม่สามารถเปลี่ยนประเภทบัญชีเทรดสำหรับบัญชีที่มีอยู่ได้โดยตรง อย่างไรก็ตาม คุณสามารถ เปิดบัญชีเทรดเพิ่มเติม ที่เป็นประเภทอื่นได้ในพื้นที่ส่วนตัว (MyHF) ของคุณ คุณสามารถมีบัญชีเทรดได้หลายประเภทภายใต้ชื่อเดียวกัน ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถทดลองกลยุทธ์ที่แตกต่างกันบนบัญชีที่เหมาะสมได้
บทสรุป
การเปิดบัญชี HFM เป็นขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อน แต่ต้องใส่ใจในรายละเอียดเพื่อให้ข้อมูลถูกต้องตรงกับเอกสาร KYC และปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆ อย่างเคร่งครัด คู่มือฉบับสมบูรณ์นี้ได้นำเสนอทุกขั้นตอนอย่างละเอียด ตั้งแต่การลงทะเบียนเบื้องต้น การยืนยันอีเมล การกรอกข้อมูลส่วนตัว การเลือกประเภทบัญชี การยืนยันเบอร์โทรศัพท์ การตั้งรหัสผ่านบัญชีเทรด ไปจนถึงการยืนยันตัวตน (KYC) ด้วยเอกสารและใบหน้า
เมื่อคุณดำเนินการครบถ้วนทุกขั้นตอนแล้ว และบัญชีของคุณได้รับการอนุมัติ คุณก็จะพร้อมที่จะเริ่มต้นเส้นทางการเทรดกับ HFM ได้อย่างเต็มรูปแบบ สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจในแต่ละขั้นตอน และหากมีข้อสงสัยหรือปัญหาใดๆ เกิดขึ้น อย่าลังเลที่จะติดต่อทีมสนับสนุนลูกค้าของ HFM หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ของโบรกเกอร์
ขอให้การลงทุนของคุณประสบความสำเร็จ!


