TOP 10 บทความยอดนิยม

ดูทั้งหมด
สอนเทรดมือใหม่

12 รูปแบบแท่งเทียน Reversal

กันยายน 16, 2022

สุดยอดคู่มือ: 12 รูปแบบแท่งเทียนกลับตัว (Trend Reversal) ที่เทรดเดอร์มืออาชีพต้องรู้

ในโลกของการลงทุนและ การซื้อขายในตลาดการเงิน ไม่ว่าจะเป็นตลาด Forex, หุ้น, หรือดัชนี การทำความเข้าใจ "ภาษา" ของตลาดผ่าน รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns) ถือเป็นหัวใจสำคัญของการ วิเคราะห์ทางเทคนิค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รูปแบบแท่งเทียนกลับตัว (Trend Reversal Candlestick Patterns) ซึ่งทำหน้าที่เป็นสัญญาณเตือนภัยหรือโอกาสทองที่บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางของแนวโน้มราคา ไม่ว่าจะเป็นจากแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) ที่กำลังจะพลิกกลับเป็นขาลง (Downtrend) หรือจากแนวโน้มขาลงที่กำลังจะฟื้นตัวเป็นขาขึ้น

ความสามารถในการระบุรูปแบบเหล่านี้ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถตัดสินใจเข้าซื้อหรือขายได้อย่างถูกจังหวะ เพิ่มโอกาสในการทำกำไรสูงสุด และบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด บทความนี้ได้รับการรวบรวมและวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการเทรด เพื่อเจาะลึก 12 รูปแบบแท่งเทียนกลับตัวที่สำคัญที่สุด พร้อมอธิบายรายละเอียด โครงสร้าง จิตวิทยาเบื้องหลัง และวิธีการนำไปใช้ในการเทรดอย่างมืออาชีพ เพื่อให้คุณก้าวสู่การเป็นเทรดเดอร์ที่เหนือกว่า

ความสำคัญสูงสุดของรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวในกลยุทธ์การเทรด

รูปแบบแท่งเทียนกลับตัวไม่ได้เป็นเพียงแค่รูปทรงบนกราฟราคา แต่เปรียบเสมือนเสียงกระซิบจากตลาดที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของ อารมณ์ตลาด และการเปลี่ยนทิศทางของแนวโน้ม การที่ราคามีการเคลื่อนไหวในทิศทางใดทิศทางหนึ่งมาเป็นเวลานาน ย่อมมีโอกาสสูงที่จะเกิดการพักตัวหรือกลับตัวของแนวโน้ม การรับรู้และตีความสัญญาณเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำจะช่วยให้เทรดเดอร์ได้เปรียบอย่างมหาศาล:

  • การเข้าและออกที่แม่นยำอย่างมืออาชีพ: เทรดเดอร์สามารถเข้าเทรดในทิศทางใหม่ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของแนวโน้มที่กำลังจะก่อตัว หรือปิดสถานะเดิมก่อนที่แนวโน้มจะเปลี่ยนทิศทางอย่างสมบูรณ์ ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรสูงสุดและลดการขาดทุนที่ไม่จำเป็นลงได้
  • การบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ: การใช้รูปแบบแท่งเทียนกลับตัวเป็นจุดอ้างอิงในการตั้ง Stop Loss (SL) หรือ Take Profit (TP) อย่างมีหลักการมากขึ้น โดยอ้างอิงจากโครงสร้างและระยะห่างของรูปแบบ ทำให้สามารถคำนวณอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk-Reward Ratio) ได้อย่างแม่นยำ
  • ยืนยันสัญญาณจากเครื่องมืออื่น ๆ: รูปแบบแท่งเทียนมักถูกนำมาใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ เช่น แนวรับและแนวต้าน (Support and Resistance), ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) หรือ RSI (Relative Strength Index) เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของสัญญาณการกลับตัวและลดโอกาสในการเกิดสัญญาณหลอก (False Signals)

1. รูปแบบแท่งเทียน Engulfing: สัญญาณแห่งการเปลี่ยนอำนาจ

รูปแบบ Engulfing เป็นหนึ่งในรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวที่ทรงพลังที่สุดและพบบ่อยที่สุดในตลาด ประกอบด้วยแท่งเทียน 2 แท่งที่อยู่ตรงข้ามกัน โดยแท่งเทียนที่สองจะ "กลืนกิน" (Engulf) แท่งเทียนแรกไปจนหมดสิ้น นั่นหมายความว่า ราคาเปิดและราคาปิด ของแท่งเทียนที่สองจะครอบคลุมราคาเปิดและราคาปิดของแท่งเทียนแรกทั้งหมด บ่งบอกถึงการเปลี่ยนผ่านอำนาจจากผู้ซื้อไปผู้ขาย หรือกลับกันอย่างเด็ดขาด

1.1 Bullish Engulfing (สัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้น)

รูปแบบ Bullish Engulfing หรือที่บางครั้งเรียกว่า "แท่งเทียนกลืนกินขาขึ้น" เกิดขึ้นที่จุดสิ้นสุดของแนวโน้มขาลง (Downtrend) ที่ชัดเจน โดยมีลักษณะดังนี้:

  • แท่งเทียนแรก: เป็นแท่งเทียนขาลง (สีแดงหรือสีทึบ) ที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก บ่งบอกถึงแรงขายที่เริ่มอ่อนแอลง หรือตลาดเริ่มเข้าสู่สภาวะลังเล
  • แท่งเทียนที่สอง: เป็นแท่งเทียนขาขึ้น (สีเขียวหรือสีโปร่ง) ที่มีขนาดใหญ่กว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยมีราคาเปิดต่ำกว่าราคาปิดของแท่งแรก และมีราคาปิดสูงกว่าราคาเปิดของแท่งแรกทั้งหมด (อาจรวมถึงไส้เทียนด้วยในบางกรณี)

ความหมายและจิตวิทยา: การที่แท่งเทียนขาขึ้นที่สองมีขนาดใหญ่และกลืนกินแท่งเทียนขาลงแรกได้อย่างสมบูรณ์ บ่งชี้ว่าแรงซื้อได้เข้ามาในตลาดอย่างมหาศาลและเอาชนะแรงขายในวันก่อนหน้าได้อย่างสิ้นเชิง สะท้อนถึงการเปลี่ยนผ่านอำนาจจากผู้ขายไปยังผู้ซื้ออย่างเด็ดขาด เป็นสัญญาณที่น่าเชื่อถืออย่างยิ่งว่าแรงขายได้หมดลงแล้ว และราคาอาจกำลังกลับตัวเป็นขาขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

กลยุทธ์การเทรด: เทรดเดอร์มักจะพิจารณาเข้าซื้อเมื่อแท่งเทียน Bullish Engulfing ปิดตัวลงอย่างสมบูรณ์ โดยอาจตั้ง Stop Loss ไว้ใต้ราคาต่ำสุดของรูปแบบนี้ เพื่อจำกัดความเสี่ยงในกรณีที่สัญญาณกลับตัวไม่เป็นไปตามคาด

1.2 Bearish Engulfing (สัญญาณกลับตัวเป็นขาลง)

รูปแบบ Bearish Engulfing หรือ "แท่งเทียนกลืนกินขาลง" เกิดขึ้นที่จุดสิ้นสุดของแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) ที่ชัดเจน โดยมีลักษณะดังนี้:

  • แท่งเทียนแรก: เป็นแท่งเทียนขาขึ้น (สีเขียวหรือสีโปร่ง) ที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก บ่งบอกถึงแรงซื้อที่เริ่มอ่อนแรงลง หรือตลาดเริ่มเข้าสู่สภาวะลังเล
  • แท่งเทียนที่สอง: เป็นแท่งเทียนขาลง (สีแดงหรือสีทึบ) ที่มีขนาดใหญ่กว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยมีราคาเปิดสูงกว่าราคาปิดของแท่งแรก และมีราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิดของแท่งแรกทั้งหมด (อาจรวมถึงไส้เทียนด้วยในบางกรณี)

ความหมายและจิตวิทยา: การที่แท่งเทียนขาลงที่สองมีขนาดใหญ่และกลืนกินแท่งเทียนขาขึ้นแรกได้อย่างสมบูรณ์ บ่งชี้ว่าแรงขายได้เข้ามาในตลาดอย่างมหาศาลและเอาชนะแรงซื้อในวันก่อนหน้าได้อย่างสิ้นเชิง แสดงถึงการเปลี่ยนผ่านอำนาจจากผู้ซื้อไปยังผู้ขายอย่างมีนัยสำคัญ เป็นสัญญาณที่น่าเชื่อถืออย่างยิ่งว่าแรงซื้อได้หมดลงแล้ว และราคาอาจกำลังกลับตัวเป็นขาลงอย่างรุนแรง

กลยุทธ์การเทรด: เทรดเดอร์มักจะพิจารณาเข้าขายเมื่อแท่งเทียน Bearish Engulfing ปิดตัวลงอย่างสมบูรณ์ โดยอาจตั้ง Stop Loss ไว้เหนือราคาสูงสุดของรูปแบบนี้ เพื่อจำกัดความเสี่ยง

2. รูปแบบแท่งเทียน Pin Bar: การปฏิเสธราคาอย่างเด็ดขาด

Pin Bar เป็นรูปแบบแท่งเทียนเดี่ยวที่โดดเด่นด้วยลำตัวเล็กมาก (Real Body) และมีไส้เทียน (Shadow/Wick) ที่ยาวมากในทิศทางเดียว บ่งบอกถึงการปฏิเสธราคาในระดับใดระดับหนึ่งอย่างรุนแรง และเป็นสัญญาณสำคัญของการกลับตัวของแนวโน้ม โดยชื่อ "Pin Bar" มาจากลักษณะคล้ายหมุดปักหรือจมูกของพีน็อกคิโอที่ยื่นยาวออกมา

2.1 Bullish Pin Bar (Hammer หรือ ค้อน)

Bullish Pin Bar หรือที่รู้จักกันในชื่อ "Hammer" (รูปแบบแท่งเทียน Hammer) เกิดขึ้นที่จุดต่ำสุดของแนวโน้มขาลง มีลักษณะดังนี้:

  • ลำตัวเล็ก: ส่วนลำตัวของแท่งเทียนมีขนาดเล็กมาก ไม่ว่าจะเป็นสีเขียวหรือสีแดง
  • ไส้เทียนล่างยาว: มีไส้เทียนด้านล่างที่ยาวมาก (โดยทั่วไปควรยาวเป็น 2-3 เท่าของลำตัวเป็นอย่างน้อย) บ่งบอกว่าราคาได้ลงไปต่ำมากในระหว่างวัน แต่ถูกแรงซื้อที่แข็งแกร่งเข้าพยุงและผลักดันราคากลับขึ้นมาปิดใกล้ราคาเปิดหรือปิด ทำให้เกิดการปฏิเสธราคาต่ำอย่างรุนแรง
  • ไส้เทียนบนสั้นหรือไม่มี: ไส้เทียนด้านบนสั้นมากหรือไม่ปรากฏเลย

ความหมายและจิตวิทยา: แสดงถึงแรงขายที่พยายามกดราคาลงไปต่ำกว่าเดิมอย่างหนัก แต่ถูกแรงซื้อที่ซ่อนอยู่เข้าพยุงและผลักดันราคากลับขึ้นมาอย่างรวดเร็วและทรงพลัง บ่งชี้ว่าผู้ขายเริ่มหมดแรง และผู้ซื้อเริ่มเข้ามาควบคุมตลาดอย่างเด็ดขาด เป็นสัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้นที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะเมื่อปรากฏที่ แนวรับ สำคัญ

กลยุทธ์การเทรด: เทรดเดอร์มักจะรอการยืนยันจากแท่งเทียนถัดไปที่เป็นขาขึ้นก่อนเข้าซื้อ โดยอาจตั้ง Stop Loss ไว้ใต้ไส้เทียนที่ยาวของ Hammer

2.2 Bearish Pin Bar (Shooting Star หรือ ดาวตก)

Bearish Pin Bar หรือ "Shooting Star" (รูปแบบแท่งเทียน Shooting Star) เกิดขึ้นที่จุดสูงสุดของแนวโน้มขาขึ้น มีลักษณะดังนี้:

  • ลำตัวเล็ก: ส่วนลำตัวของแท่งเทียนมีขนาดเล็กมาก ไม่ว่าจะเป็นสีเขียวหรือสีแดง
  • ไส้เทียนบนยาว: มีไส้เทียนด้านบนที่ยาวมาก (โดยทั่วไปควรยาวเป็น 2-3 เท่าของลำตัวเป็นอย่างน้อย) บ่งบอกว่าราคาได้ขึ้นไปสูงมากในระหว่างวัน แต่ถูกแรงขายกดกลับลงมาปิดใกล้ราคาเปิดหรือปิด ทำให้เกิดการปฏิเสธราคาสูงอย่างรุนแรง
  • ไส้เทียนล่างสั้นหรือไม่มี: ไส้เทียนด้านล่างสั้นมากหรือไม่ปรากฏเลย

ความหมายและจิตวิทยา: แสดงถึงแรงซื้อที่พยายามดันราคาขึ้นไปสูงกว่าเดิมอย่างหนัก แต่ถูกแรงขายที่ซ่อนอยู่เข้ากดดันและผลักดันราคากลับลงมาอย่างรวดเร็วและทรงพลัง บ่งชี้ว่าผู้ซื้อเริ่มหมดแรง และผู้ขายเริ่มเข้ามาควบคุมตลาดอย่างเด็ดขาด เป็นสัญญาณกลับตัวเป็นขาลงที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะเมื่อปรากฏที่ แนวต้าน สำคัญ

กลยุทธ์การเทรด: เทรดเดอร์มักจะรอการยืนยันจากแท่งเทียนถัดไปที่เป็นขาลงก่อนเข้าขาย โดยอาจตั้ง Stop Loss ไว้เหนือไส้เทียนที่ยาวของ Shooting Star

3. รูปแบบแท่งเทียน Piercing Pattern: การทะลุทะลวงของแรงซื้อ

รูปแบบ Piercing Pattern เป็นรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวเป็นขาขึ้นที่ประกอบด้วยแท่งเทียน 2 แท่ง ซึ่งเกิดขึ้นที่จุดต่ำสุดของแนวโน้มขาลงที่ชัดเจน โดยเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการเข้าสู่ตลาดของแรงซื้อที่แข็งแกร่งและมีนัยสำคัญ เปรียบเสมือนการเจาะทะลุแนวต้านทางจิตวิทยาของผู้ขาย

โครงสร้างของ Piercing Pattern:

  1. แท่งเทียนแรก: เป็นแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่ (สีแดงหรือสีทึบ) ที่บ่งบอกถึงแรงขายที่ยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง
  2. แท่งเทียนที่สอง: เป็นแท่งเทียนขาขึ้น (สีเขียวหรือสีโปร่ง) ที่เปิดต่ำกว่าราคาปิดของแท่งเทียนแรกอย่างชัดเจน (เกิด Gap Down) ซึ่งในตอนแรกดูเหมือนจะดำเนินแนวโน้มขาลงต่อไป แต่จากนั้นราคาก็ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและสามารถปิดเหนือระดับ 50% ของลำตัวแท่งเทียนขาลงแรกอย่างน้อย

ความหมายและจิตวิทยา: การที่แท่งเทียนที่สองเปิดต่ำลงอย่างมากแต่สามารถปิดตัวสูงขึ้นไปได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของแท่งเทียนขาลงแรกอย่างรวดเร็วและมีแรงซื้อเข้ามาอย่างรุนแรง แสดงให้เห็นว่าแรงซื้อได้เข้ามาควบคุมตลาดอย่างมีนัยสำคัญและสามารถผลักดันราคาให้ขึ้นมาได้มาก แม้ในช่วงเริ่มต้นจะถูกกดดันจากแรงขายอย่างรุนแรงก็ตาม เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าแนวโน้มขาลงกำลังจะสิ้นสุดลงและอาจมีการกลับตัวเป็นขาขึ้นในไม่ช้า

กลยุทธ์การเทรด: เทรดเดอร์มักจะพิจารณาเข้าซื้อหลังจากแท่งเทียน Piercing Pattern ปิดตัวลงอย่างสมบูรณ์ โดยอาจใช้ราคาต่ำสุดของรูปแบบนี้เป็นจุดตั้ง Stop Loss เพื่อบริหารความเสี่ยง

4. รูปแบบแท่งเทียน Tweezer Top & Tweezer Bottom: การตรึงราคาที่ไม่สามารถไปต่อ

รูปแบบ Tweezer เป็นรูปแบบที่ประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่งที่บ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้ม โดยมีลักษณะสำคัญคือมีจุดสูงสุด (High) หรือจุดต่ำสุด (Low) เท่ากันอย่างแม่นยำ หรือใกล้เคียงกันมาก เปรียบเสมือนแหนบที่หนีบราคาไว้ไม่ให้ไปต่อในทิศทางเดิม แสดงถึงความลังเลและจุดสิ้นสุดของโมเมนตัมปัจจุบัน

4.1 Tweezer Bottom (สัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้น)

Tweezer Bottom เกิดขึ้นที่จุดต่ำสุดของแนวโน้มขาลง มีลักษณะดังนี้:

  • แท่งเทียนแรก: เป็นแท่งเทียนขาลง (สีแดงหรือสีทึบ) บ่งบอกถึงแรงขายที่ยังคงดำเนินอยู่
  • แท่งเทียนที่สอง: เป็นแท่งเทียนขาขึ้น (สีเขียวหรือสีโปร่ง) บ่งบอกถึงแรงซื้อที่เริ่มเข้ามา
  • จุดต่ำสุดเท่ากัน: แท่งเทียนทั้งสองแท่งมีจุดต่ำสุด (Low) ที่เท่ากันอย่างแม่นยำ หรือใกล้เคียงกันมากที่สุด ซึ่งเป็นจุดที่ราคาถูกดันลงไปถึงแต่ไม่สามารถทำจุดต่ำสุดใหม่ได้

ความหมายและจิตวิทยา: การที่ราคาถูกดันลงไปถึงระดับเดียวกันถึงสองครั้งแต่ไม่สามารถทำจุดต่ำสุดใหม่ได้ บ่งบอกถึงการสนับสนุนจากแรงซื้อที่แข็งแกร่ง ณ ระดับราคานั้น ๆ มีผู้ซื้อจำนวนมากรอเข้าซื้อ ทำให้แรงขายไม่สามารถกดราคาลงไปได้อีก เป็นสัญญาณว่าแนวโน้มขาลงอาจกำลังจะสิ้นสุดลง และราคาอาจกลับตัวเป็นขาขึ้น

4.2 Tweezer Top (สัญญาณกลับตัวเป็นขาลง)

Tweezer Top เกิดขึ้นที่จุดสูงสุดของแนวโน้มขาขึ้น มีลักษณะดังนี้:

  • แท่งเทียนแรก: เป็นแท่งเทียนขาขึ้น (สีเขียวหรือสีโปร่ง) บ่งบอกถึงแรงซื้อที่ยังคงดำเนินอยู่
  • แท่งเทียนที่สอง: เป็นแท่งเทียนขาลง (สีแดงหรือสีทึบ) บ่งบอกถึงแรงขายที่เริ่มเข้ามา
  • จุดสูงสุดเท่ากัน: แท่งเทียนทั้งสองแท่งมีจุดสูงสุด (High) ที่เท่ากันอย่างแม่นยำ หรือใกล้เคียงกันมากที่สุด ซึ่งเป็นจุดที่ราคาถูกดันขึ้นไปถึงแต่ไม่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้

ความหมายและจิตวิทยา: การที่ราคาถูกดันขึ้นไปถึงระดับเดียวกันถึงสองครั้งแต่ไม่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้ บ่งบอกถึงแรงต้านทานจากแรงขายที่แข็งแกร่ง ณ ระดับราคานั้น ๆ มีผู้ขายจำนวนมากรอเข้าขาย ทำให้แรงซื้อไม่สามารถดันราคาขึ้นไปได้อีก เป็นสัญญาณว่าแนวโน้มขาขึ้นอาจกำลังจะสิ้นสุดลง และราคาอาจกลับตัวเป็นขาลง

กลยุทธ์การเทรดสำหรับ Tweezer Patterns: ความแม่นยำของรูปแบบ Tweezer จะเพิ่มขึ้นอย่างมากหากเกิดขึ้นที่แนวรับหรือแนวต้านที่แข็งแกร่ง เทรดเดอร์มืออาชีพจะรอการยืนยันจากแท่งเทียนถัดไปก่อนตัดสินใจเข้าเทรดเพื่อเพิ่มความมั่นใจและลดความเสี่ยง

5. รูปแบบ Morning Star & Evening Star: สัญญาณแห่งแสงรุ่งอรุณและสนธยา

Morning Star และ Evening Star เป็นรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวแบบ 3 แท่งเทียน ที่ให้สัญญาณที่น่าเชื่อถือมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีแท่งเทียน Doji Star เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการเพิ่มน้ำหนักความน่าเชื่อถือของสัญญาณ

5.1 Morning Star (สัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้น)

Morning Star เป็นรูปแบบกลับตัวเป็นขาขึ้นที่เกิดขึ้นหลังแนวโน้มขาลงที่ชัดเจน มีโครงสร้างดังนี้:

  1. แท่งเทียนแรก: เป็นแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่ (สีแดงหรือสีทึบ) บ่งบอกถึงแรงขายที่ครอบงำตลาดอย่างต่อเนื่อง
  2. แท่งเทียนที่สอง (Doji Star หรือ Spinning Top): เป็นแท่งเทียนขนาดเล็กมาก อาจเป็น Doji (ราคาเปิดและปิดใกล้เคียงกันมาก) หรือเป็นแท่งเทียนลำตัวเล็กที่มี Gap Down จากแท่งแรก (ช่องว่างราคาลง) สีของแท่งเทียนนี้ไม่สำคัญเท่าตำแหน่งที่อยู่ ซึ่งบ่งบอกถึงความไม่แน่ใจของตลาดหลังจากการลดลงอย่างรุนแรง
  3. แท่งเทียนที่สาม: เป็นแท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่ (สีเขียวหรือสีโปร่ง) ที่เปิดสูงกว่าราคาปิดของแท่งที่สอง (อาจมี Gap Up) และปิดลึกเข้าไปในลำตัวของแท่งเทียนแรกเกินกว่าครึ่งหนึ่ง

ความหมายและจิตวิทยา: Morning Star แสดงถึงการเปลี่ยนจากภาวะหมี (Bearish) เป็นภาวะกระทิง (Bullish) อย่างชัดเจน แท่งเทียนกลางบ่งชี้ถึงความลังเลและความสมดุลของแรงซื้อและแรงขายหลังจากการลดลงอย่างรุนแรง และแท่งเทียนที่สามแสดงถึงการกลับเข้ามาของแรงซื้ออย่างมีนัยสำคัญและควบคุมตลาดได้อย่างเบ็ดเสร็จ

5.2 Evening Star (สัญญาณกลับตัวเป็นขาลง)

Evening Star เป็นรูปแบบกลับตัวเป็นขาลงที่เกิดขึ้นหลังแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจน มีโครงสร้างดังนี้:

  1. แท่งเทียนแรก: เป็นแท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่ (สีเขียวหรือสีโปร่ง) บ่งบอกถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่งและครอบงำตลาด
  2. แท่งเทียนที่สอง (Doji Star หรือ Spinning Top): เป็นแท่งเทียนขนาดเล็กมาก อาจเป็น Doji หรือเป็นแท่งเทียนลำตัวเล็กที่มี Gap Up จากแท่งแรก (ช่องว่างราคาขึ้น) สีของแท่งเทียนนี้ไม่สำคัญเท่าตำแหน่งที่อยู่ ซึ่งบ่งบอกถึงความไม่แน่ใจของตลาดหลังจากการปรับขึ้นอย่างรุนแรง
  3. แท่งเทียนที่สาม: เป็นแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่ (สีแดงหรือสีทึบ) ที่เปิดต่ำกว่าราคาปิดของแท่งที่สอง (อาจมี Gap Down) และปิดลึกเข้าไปในลำตัวของแท่งเทียนแรกเกินกว่าครึ่งหนึ่ง

ความหมายและจิตวิทยา: Evening Star แสดงถึงการเปลี่ยนจากภาวะกระทิง (Bullish) เป็นภาวะหมี (Bearish) อย่างชัดเจน แท่งเทียนกลางบ่งชี้ถึงความลังเลและความสมดุลของแรงซื้อและแรงขายหลังจากการปรับขึ้นอย่างรุนแรง และแท่งเทียนที่สามแสดงถึงการกลับเข้ามาของแรงขายอย่างมีนัยสำคัญและควบคุมตลาดได้อย่างเบ็ดเสร็จ

กลยุทธ์การเทรด: รูปแบบเหล่านี้ให้สัญญาณที่ค่อนข้างน่าเชื่อถือสูง เทรดเดอร์มักจะเข้าเทรดหลังจากแท่งเทียนที่สามปิดตัวลงอย่างสมบูรณ์ โดยใช้จุดสูงสุด/ต่ำสุดของแท่งเทียนกลางหรือแท่งเทียนที่สามเป็นจุดตั้ง Stop Loss เพื่อบริหารความเสี่ยง

6. รูปแบบ Bullish & Bearish Abandoned Baby: การทิ้งร้างที่บ่งบอกถึงการพลิกผัน

รูปแบบ Abandoned Baby คล้ายคลึงกับ Morning Star/Evening Star แต่มี Doji ที่เกิด Gap อย่างชัดเจนทั้งก่อนหน้าและหลัง ซึ่งทำให้สัญญาณมีความแข็งแกร่งและน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น บ่งบอกถึงการเปลี่ยนทิศทางอย่างรุนแรงและฉับพลัน

6.1 Bullish Abandoned Baby (สัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้น)

Bullish Abandoned Baby เกิดขึ้นที่จุดต่ำสุดของแนวโน้มขาลงที่ชัดเจน มีโครงสร้างดังนี้:

  1. แท่งเทียนแรก: เป็นแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่ (สีแดงหรือสีทึบ) บ่งบอกถึงแรงขายที่ครอบงำตลาด
  2. แท่งเทียนที่สอง (Doji): เป็น Doji ที่เกิด Gap Down จากราคาปิดของแท่งแรกอย่างชัดเจน ทำให้ Doji ดูเหมือนถูกทิ้งไว้โดดเดี่ยวกลางอากาศ
  3. แท่งเทียนที่สาม: เป็นแท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่ (สีเขียวหรือสีโปร่ง) ที่เกิด Gap Up จากราคาเปิดของ Doji อย่างชัดเจน และปิดลึกเข้าไปในลำตัวของแท่งเทียนแรก

ความหมายและจิตวิทยา: Doji ที่ถูกทิ้งไว้กลางอากาศแสดงถึงความลังเลสูงสุดของตลาดและความไม่แน่ใจในทิศทางราคา การที่ราคาไม่สามารถร่วงลงไปต่อได้หลังจากการ Gap Down และถูกแรงซื้อดันกลับขึ้นมาอย่างรุนแรงพร้อม Gap Up ถือเป็นสัญญาณกลับตัวที่ทรงพลังมาก บ่งบอกถึงการสิ้นสุดของแรงขายและเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นอย่างรวดเร็ว

6.2 Bearish Abandoned Baby (สัญญาณกลับตัวเป็นขาลง)

Bearish Abandoned Baby เกิดขึ้นที่จุดสูงสุดของแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจน มีโครงสร้างดังนี้:

  1. แท่งเทียนแรก: เป็นแท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่ (สีเขียวหรือสีโปร่ง) บ่งบอกถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่ง
  2. แท่งเทียนที่สอง (Doji): เป็น Doji ที่เกิด Gap Up จากราคาปิดของแท่งแรกอย่างชัดเจน ทำให้ Doji ดูเหมือนถูกทิ้งไว้โดดเดี่ยวกลางอากาศ
  3. แท่งเทียนที่สาม: เป็นแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่ (สีแดงหรือสีทึบ) ที่เกิด Gap Down จากราคาเปิดของ Doji อย่างชัดเจน และปิดลึกเข้าไปในลำตัวของแท่งเทียนแรก

ความหมายและจิตวิทยา: Doji ที่ถูกทิ้งไว้กลางอากาศแสดงถึงความลังเลสูงสุดของตลาดและความไม่แน่ใจในทิศทางราคา การที่ราคาไม่สามารถขึ้นไปต่อได้หลังจากการ Gap Up และถูกแรงขายดันกลับลงมาอย่างรุนแรงพร้อม Gap Down ถือเป็นสัญญาณกลับตัวที่ทรงพลังมาก บ่งบอกถึงการสิ้นสุดของแรงซื้อและเข้าสู่แนวโน้มขาลงอย่างรวดเร็ว

กลยุทธ์การเทรด: เนื่องจากเป็นรูปแบบที่หายากและให้สัญญาณที่แข็งแกร่ง เทรดเดอร์มักจะเข้าเทรดทันทีที่รูปแบบยืนยัน โดยใช้จุดสูงสุด/ต่ำสุดของ Doji เป็นจุดตั้ง Stop Loss เพื่อควบคุมความเสี่ยงอย่างเข้มงวด

7. รูปแบบ Three White Soldiers: การเดินทัพของทัพกระทิง

Three White Soldiers (รูปแบบแท่งเทียน Three White Soldiers) เป็นรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวเป็นขาขึ้นที่ทรงพลังมาก ประกอบด้วยแท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่ 3 แท่งเรียงต่อกัน เกิดขึ้นที่จุดต่ำสุดของแนวโน้มขาลงที่ชัดเจน เป็นสัญญาณที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งว่าแรงซื้อได้เข้ามาควบคุมตลาดอย่างสมบูรณ์และพร้อมที่จะผลักดันราคาให้พุ่งขึ้น

โครงสร้างของ Three White Soldiers:

  1. แนวโน้มก่อนหน้า: ต้องเป็นแนวโน้มขาลงที่ชัดเจนและยาวนาน ซึ่งบ่งบอกถึงภาวะหมีที่อ่อนแรงลง
  2. แท่งเทียนสามแท่ง: ประกอบด้วยแท่งเทียนขาขึ้น (สีเขียวหรือสีโปร่ง) ขนาดใหญ่ 3 แท่งต่อเนื่องกัน โดยแต่ละแท่งควรมีลำตัวที่แข็งแกร่งและปิดที่ระดับราคาสูงขึ้นเรื่อย ๆ
  3. ราคาเปิดและปิด: แต่ละแท่งเทียนควรเปิดภายในลำตัวของแท่งเทียนก่อนหน้า (หรือใกล้เคียง) และปิดที่ระดับราคาสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีการทำ High ที่สูงขึ้นในแต่ละแท่ง
  4. ไส้เทียนสั้น: โดยทั่วไป ไส้เทียนด้านบนและด้านล่างของแต่ละแท่งควรสั้นหรือไม่ปรากฏเลย บ่งบอกถึงแรงซื้อที่ควบคุมตลาดอย่างเด็ดขาดตลอดช่วงเวลาซื้อขาย ไม่มีแรงขายเข้ามากดดันราคาลงมามากนัก

ความหมายและจิตวิทยา: การปรากฏของแท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่สามแท่งติดต่อกันแสดงถึงการเข้าซื้ออย่างต่อเนื่องและรุนแรงของผู้ซื้อ บ่งชี้ว่าแนวโน้มขาลงได้สิ้นสุดลงแล้วอย่างสมบูรณ์ และกำลังจะเปลี่ยนเป็นแนวโน้มขาขึ้นอย่างแข็งแกร่งและมีพลัง มักจะตามมาด้วยการปรับตัวขึ้นของราคาในระยะยาว

กลยุทธ์การเทรด: เป็นสัญญาณที่น่าเชื่อถือมากในการเข้าซื้อ เทรดเดอร์มักจะเข้าซื้อเมื่อแท่งเทียนที่สามปิดตัวลงอย่างสมบูรณ์ โดยอาจตั้ง Stop Loss ไว้ใต้ราคาต่ำสุดของแท่งเทียนแรกหรือแท่งที่สองเพื่อป้องกันความเสี่ยง

8. รูปแบบ Three Black Crows: การมาเยือนของฝูงกา

Three Black Crows (รูปแบบแท่งเทียน Three Black Crows) เป็นรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวเป็นขาลงที่ทรงพลังมาก ประกอบด้วยแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่ 3 แท่งเรียงต่อกัน เกิดขึ้นที่จุดสูงสุดของแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจน เป็นสัญญาณที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งว่าแรงขายได้เข้ามาควบคุมตลาดอย่างสมบูรณ์และพร้อมที่จะกดดันราคาให้ร่วงลง

โครงสร้างของ Three Black Crows:

  1. แนวโน้มก่อนหน้า: ต้องเป็นแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจนและยาวนาน ซึ่งบ่งบอกถึงภาวะกระทิงที่อ่อนแรงลง
  2. แท่งเทียนสามแท่ง: ประกอบด้วยแท่งเทียนขาลง (สีแดงหรือสีทึบ) ขนาดใหญ่ 3 แท่งต่อเนื่องกัน โดยแต่ละแท่งควรมีลำตัวที่แข็งแกร่งและปิดที่ระดับราคาต่ำลงเรื่อย ๆ
  3. ราคาเปิดและปิด: แต่ละแท่งเทียนควรเปิดภายในลำตัวของแท่งเทียนก่อนหน้า (หรือใกล้เคียง) และปิดที่ระดับราคาต่ำลงเรื่อย ๆ โดยมีการทำ Low ที่ต่ำลงในแต่ละแท่ง
  4. ไส้เทียนสั้น: โดยทั่วไป ไส้เทียนด้านบนและด้านล่างของแต่ละแท่งควรสั้นหรือไม่ปรากฏเลย บ่งบอกถึงแรงขายที่ควบคุมตลาดอย่างเด็ดขาดตลอดช่วงเวลาซื้อขาย ไม่มีแรงซื้อเข้าพยุงราคาขึ้นมามากนัก

ความหมายและจิตวิทยา: การปรากฏของแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่สามแท่งติดต่อกันแสดงถึงการเข้าขายอย่างต่อเนื่องและรุนแรงของผู้ขาย บ่งชี้ว่าแนวโน้มขาขึ้นได้สิ้นสุดลงแล้วอย่างสมบูรณ์ และกำลังจะเปลี่ยนเป็นแนวโน้มขาลงอย่างแข็งแกร่งและมีพลัง มักจะตามมาด้วยการปรับตัวลงของราคาในระยะยาว

กลยุทธ์การเทรด: เป็นสัญญาณที่น่าเชื่อถือมากในการเข้าขาย เทรดเดอร์มักจะเข้าขายเมื่อแท่งเทียนที่สามปิดตัวลงอย่างสมบูรณ์ โดยอาจตั้ง Stop Loss ไว้เหนือราคาสูงสุดของแท่งเทียนแรกหรือแท่งที่สองเพื่อป้องกันความเสี่ยง

9. รูปแบบ Three Stars in the South: สัญญาณดาวสามดวงในทิศใต้

Three Stars in the South (รูปแบบแท่งเทียน Three Stars in the South) เป็นรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวเป็นขาขึ้นที่เกิดขึ้นที่จุดต่ำสุดของแนวโน้มขาลง แม้จะเป็นรูปแบบที่ซับซ้อนและพบน้อยกว่ารูปแบบอื่น ๆ แต่ก็ให้สัญญาณการกลับตัวที่แข็งแกร่งและมีความหมายลึกซึ้ง

โครงสร้างของ Three Stars in the South:

  1. แนวโน้มก่อนหน้า: ต้องเป็นแนวโน้มขาลงที่ชัดเจนและยาวนาน แสดงถึงการครอบงำของแรงขาย
  2. แท่งเทียนแรก: เป็นแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่ มีไส้เทียนล่างยาวพอสมควร บ่งบอกถึงการพยายามดันราคาขึ้นจากแรงซื้อในระหว่างวัน แต่ยังไม่สำเร็จ แรงขายยังคงควบคุมอยู่
  3. แท่งเทียนที่สอง: เป็นแท่งเทียนขาลงที่มีขนาดเล็กกว่าแท่งแรก และมีลำตัวอยู่ในช่วงของแท่งเทียนแรก (คล้าย Inside Bar) ไส้เทียนล่างยังคงยาว แสดงถึงการต่อสู้ของแรงซื้อแต่ยังไม่สามารถเอาชนะแรงขายได้
  4. แท่งเทียนที่สาม: เป็นแท่งเทียนขาลงขนาดเล็กที่สุด มีลำตัวอยู่ในช่วงของแท่งเทียนที่สอง และมีไส้เทียนล่างสั้นมากหรือไม่มีเลย บ่งบอกถึงแรงขายที่อ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัดและใกล้จะหมดกำลัง

ความหมายและจิตวิทยา: แม้จะเป็นแท่งเทียนขาลงทั้งหมด แต่การที่แต่ละแท่งมีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ และลำตัวอยู่ในช่วงของแท่งก่อนหน้า แสดงถึงแรงขายที่อ่อนแอลงอย่างต่อเนื่องและไม่สามารถผลักดันราคาให้ต่ำลงไปได้อีก การปรากฏของไส้เทียนล่างที่ยาวในแท่งแรกบ่งบอกถึงความพยายามของแรงซื้อที่จะเข้ามา ถือเป็นสัญญาณว่าแรงขายกำลังหมดลงและกำลังจะมีการกลับตัวเป็นขาขึ้นอย่างช้า ๆ แต่มีนัยสำคัญ

กลยุทธ์การเทรด: เนื่องจากเป็นรูปแบบที่พบน้อยและต้องการการตีความที่ละเอียดอ่อน เทรดเดอร์ควรยืนยันสัญญาณด้วยเครื่องมืออื่น ๆ เช่น อินดิเคเตอร์ หรือการวิเคราะห์ Price Action อื่น ๆ ก่อนเข้าเทรด เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจ

10. รูปแบบ Deliberation: ความลังเลที่นำไปสู่การกลับตัว

Deliberation (รูปแบบแท่งเทียน Deliberation) เป็นรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวเป็นขาลงที่เกิดขึ้นที่จุดสูงสุดของแนวโน้มขาขึ้น โดยประกอบด้วยแท่งเทียนขาขึ้น 3 แท่ง แต่มีลักษณะที่บ่งบอกถึงการอ่อนแรงของแรงซื้อและความลังเลของตลาดอย่างชัดเจน

โครงสร้างของ Deliberation:

  1. แท่งเทียนแรก: เป็นแท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่ แสดงถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่งและต่อเนื่องในแนวโน้มขาขึ้น
  2. แท่งเทียนที่สอง: เป็นแท่งเทียนขาขึ้นขนาดกลางที่ปิดสูงกว่าแท่งแรก แต่มีลำตัวเล็กกว่าหรือเท่ากับแท่งแรกเล็กน้อย แสดงถึงแรงซื้อที่เริ่มอ่อนแรงลง แต่ยังคงควบคุมตลาดอยู่
  3. แท่งเทียนที่สาม: เป็นแท่งเทียนขาขึ้นขนาดเล็กมาก (อาจเป็น Doji หรือ Spinning Top) ที่มี Gap Up จากแท่งที่สอง แต่ไม่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้มากนัก และมักมีไส้เทียนบนยาว บ่งบอกถึงการปฏิเสธราคาจากแรงขายที่เริ่มเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ

ความหมายและจิตวิทยา: แม้ว่าจะเป็นแท่งเทียนขาขึ้นทั้งหมด แต่การที่แท่งเทียนมีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ และไม่สามารถดันราคาขึ้นไปได้มากหลังจากการ Gap Up บ่งบอกถึงการหมดแรงของแรงซื้อ และการปรากฏของไส้เทียนบนยาวในแท่งที่สามยิ่งยืนยันการเข้าของแรงขาย ถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าแนวโน้มขาขึ้นกำลังจะสิ้นสุดลงและอาจมีการกลับตัวเป็นขาลงในไม่ช้า รูปแบบนี้มักใช้ในการวิเคราะห์หุ้นและดัชนีมากกว่า Forex เนื่องจาก Gap ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนักในตลาด Forex

กลยุทธ์การเทรด: เทรดเดอร์ควรเฝ้าระวังสัญญาณการกลับตัวเพิ่มเติมจากแท่งเทียนถัดไปหรืออินดิเคเตอร์อื่น ๆ ก่อนตัดสินใจเข้าขายเพื่อเพิ่มความมั่นใจและลดความเสี่ยง

11. รูปแบบ Kicking Candlestick: การเตะกลับอย่างรุนแรง

รูปแบบ Kicking (รูปแบบแท่งเทียน Kicking) เป็นรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวที่รุนแรงและให้สัญญาณที่แข็งแกร่งมาก โดยประกอบด้วยแท่งเทียน Marubozu สองแท่งที่อยู่ตรงข้ามกันและมีช่องว่างราคา (Gap) ที่ชัดเจนระหว่างกัน บ่งบอกถึงการเปลี่ยนความคิดของตลาดอย่างฉับพลันและรุนแรง

โครงสร้างของ Kicking Pattern:

รูปแบบ Kicking จะมี 2 ประเภทหลัก:

11.1 Bullish Kicking (สัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้น):

  1. แท่งเทียนแรก: เป็นแท่งเทียนขาลงแบบ Marubozu (ไม่มีไส้เทียนบนและล่าง) บ่งบอกถึงแรงขายที่แข็งแกร่งและครอบงำตลาดอย่างสมบูรณ์
  2. แท่งเทียนที่สอง: เป็นแท่งเทียนขาขึ้นแบบ Marubozu ที่เปิดด้วย Gap Up อย่างมีนัยสำคัญเหนือราคาปิดของแท่งแรก โดยไม่มีไส้เทียนล่าง บ่งบอกถึงการเข้าซื้ออย่างรุนแรงและฉับพลัน

11.2 Bearish Kicking (สัญญาณกลับตัวเป็นขาลง):

  1. แท่งเทียนแรก: เป็นแท่งเทียนขาขึ้นแบบ Marubozu (ไม่มีไส้เทียนบนและล่าง) บ่งบอกถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่งและครอบงำตลาดอย่างสมบูรณ์
  2. แท่งเทียนที่สอง: เป็นแท่งเทียนขาลงแบบ Marubozu ที่เปิดด้วย Gap Down อย่างมีนัยสำคัญใต้ราคาปิดของแท่งแรก โดยไม่มีไส้เทียนบน บ่งบอกถึงการเข้าขายอย่างรุนแรงและฉับพลัน

ความหมายและจิตวิทยา: การที่ราคาเปิดกระโดดข้ามแท่งเทียนก่อนหน้าด้วย Gap ที่ชัดเจน และปิดด้วยแท่ง Marubozu ที่แสดงถึงแรงผลักดันที่รุนแรงในทิศทางตรงกันข้าม บ่งบอกถึงการเปลี่ยนความคิดของตลาดอย่างฉับพลันและรุนแรง เป็นสัญญาณกลับตัวที่ทรงพลังมาก และมักจะนำไปสู่การเคลื่อนไหวของราคาที่ยาวนานในทิศทางใหม่ โดยไม่มีการลังเลหรือการกลับตัวเล็กน้อย

กลยุทธ์การเทรด: เนื่องจากเป็นสัญญาณที่รุนแรงและให้ผลตอบแทนที่สูง เทรดเดอร์มักจะเข้าเทรดทันทีเมื่อรูปแบบยืนยัน โดยใช้จุดเปิดของแท่งเทียนที่สองเป็นจุดตั้ง Stop Loss เพื่อจำกัดความเสี่ยงอย่างเข้มงวด

12. รูปแบบ Bullish & Bearish Belt Hold: การยึดครองตลาด

รูปแบบ Belt Hold (รูปแบบแท่งเทียน Bullish Belt Hold) เป็นรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวแบบสองแท่งเทียนที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนทิศทางของแนวโน้มอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะการที่ไม่มีไส้เทียนในทิศทางเริ่มต้น เป็นการแสดงถึงการยึดครองตลาดของฝั่งตรงข้าม

โครงสร้างของ Belt Hold Pattern:

รูปแบบ Belt Hold จะมี 2 ประเภทหลัก:

12.1 Bullish Belt Hold (สัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้น):

  1. แนวโน้มก่อนหน้า: ต้องเป็นแนวโน้มขาลงที่ชัดเจน
  2. แท่งเทียนแรก: เป็นแท่งเทียนขาลง (สีแดงหรือสีทึบ) บ่งบอกถึงแรงขายที่ยังคงดำเนินอยู่
  3. แท่งเทียนที่สอง: เป็นแท่งเทียนขาขึ้น (สีเขียวหรือสีโปร่ง) ที่เปิดด้วย Gap Down จากราคาปิดของแท่งแรก (หรือใกล้เคียง) แต่ไม่มีไส้เทียนล่างเลย (เหมือนแท่ง Marubozu ขาขึ้นที่เปิดต่ำกว่า) และสามารถดันราคากลับขึ้นไปปิดสูงกว่าระดับกึ่งกลาง (50%) ของลำตัวแท่งเทียนแรกได้

12.2 Bearish Belt Hold (สัญญาณกลับตัวเป็นขาลง):

  1. แนวโน้มก่อนหน้า: ต้องเป็นแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจน
  2. แท่งเทียนแรก: เป็นแท่งเทียนขาขึ้น (สีเขียวหรือสีโปร่ง) บ่งบอกถึงแรงซื้อที่ยังคงดำเนินอยู่
  3. แท่งเทียนที่สอง: เป็นแท่งเทียนขาลง (สีแดงหรือสีทึบ) ที่เปิดด้วย Gap Up จากราคาปิดของแท่งแรก (หรือใกล้เคียง) แต่ไม่มีไส้เทียนบนเลย (เหมือนแท่ง Marubozu ขาลงที่เปิดสูงกว่า) และสามารถดันราคากลับลงไปปิดต่ำกว่าระดับกึ่งกลาง (50%) ของลำตัวแท่งเทียนแรกได้

ความหมายและจิตวิทยา: การที่แท่งเทียนที่สองเปิดด้วย Gap และสามารถปิดย้อนกลับไปในทิศทางตรงกันข้ามเกินกว่าครึ่งหนึ่งของแท่งแรก บ่งบอกถึงการเปลี่ยนอำนาจจากผู้ซื้อ/ผู้ขายเดิมไปยังฝั่งตรงข้ามอย่างชัดเจนและเด็ดขาด โดยเฉพาะการที่ไม่มีไส้เทียนในทิศทางเริ่มต้นยิ่งเสริมความแข็งแกร่งของสัญญาณ บ่งบอกว่าตลาดได้เปลี่ยนทิศทางแล้วอย่างสมบูรณ์

กลยุทธ์การเทรด: เทรดเดอร์มักจะเข้าเทรดเมื่อแท่งเทียนที่สองปิดตัวลงอย่างสมบูรณ์ โดยใช้จุดต่ำสุด/สูงสุดของแท่งเทียนที่สองเป็นจุดตั้ง Stop Loss เพื่อบริหารความเสี่ยง

ตารางสรุปรูปแบบแท่งเทียนกลับตัว (Trend Reversal Candlestick Patterns) ฉบับสมบูรณ์

เพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้นและเพื่อการอ้างอิงอย่างรวดเร็ว เราได้สรุปรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวทั้ง 12 แบบพร้อมข้อมูลสำคัญไว้ในตารางด้านล่างนี้

รูปแบบแท่งเทียน ประเภทการกลับตัว จำนวนแท่งเทียน ลักษณะสำคัญ ความหมายโดยย่อและจิตวิทยาตลาด
Engulfing Bullish/Bearish 2 แท่งที่ 2 มีลำตัวใหญ่ กลืนแท่งที่ 1 จนหมด แรงตรงข้ามเข้ามาควบคุมตลาดอย่างสิ้นเชิงและเด็ดขาด
Pin Bar (Hammer/Shooting Star) Bullish/Bearish 1 ลำตัวเล็ก ไส้เทียนยาวด้านเดียว บ่งบอกการปฏิเสธราคา การปฏิเสธราคาในระดับสำคัญอย่างรุนแรง ตลาดไม่ยอมรับราคานั้น
Piercing Pattern Bullish 2 แท่งที่ 2 เปิด Gap Down แต่ปิดเหนือ 50% ของแท่งที่ 1 แรงซื้อกลับเข้ามาควบคุมตลาดอย่างรุนแรง พลิกสถานการณ์จากขาลง
Tweezer Top & Bottom Bullish/Bearish 2 มีจุดสูงสุด/ต่ำสุดของ 2 แท่งที่เท่ากันหรือใกล้เคียง ตลาดไม่สามารถทำจุดสูง/ต่ำใหม่ได้ บ่งบอกถึงจุดสิ้นสุดของโมเมนตัม
Morning Star & Evening Star Bullish/Bearish 3 แท่งกลางเล็ก (Doji/Spinning Top) บ่งบอกความลังเล การเปลี่ยนถ่ายอำนาจจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งอย่างมีขั้นตอน
Abandoned Baby Bullish/Bearish 3 แท่งกลาง (Doji) เกิด Gap ชัดเจนทั้งก่อนหน้าและหลัง การเปลี่ยนทิศทางอย่างรุนแรงและฉับพลัน บ่งบอกความสิ้นหวัง/ความตื่นตระหนก
Three White Soldiers Bullish 3 แท่งขาขึ้นขนาดใหญ่ 3 แท่งเรียงตัวกันอย่างแข็งแกร่ง แรงซื้อเข้ามาควบคุมตลาดอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่งอย่างสมบูรณ์
Three Black Crows Bearish 3 แท่งขาลงขนาดใหญ่ 3 แท่งเรียงตัวกันอย่างแข็งแกร่ง แรงขายเข้ามาควบคุมตลาดอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่งอย่างสมบูรณ์
Three Stars in the South Bullish 3 แท่งขาลงขนาดเล็กลงเรื่อยๆ พร้อมไส้ล่างยาวในแท่งแรกๆ แรงขายอ่อนแรงลงอย่างมาก ตลาดพยายามหาจุดต่ำสุดเพื่อกลับตัว
Deliberation Bearish 3 แท่งขาขึ้นขนาดเล็กลงเรื่อยๆ พร้อมไส้บนยาวในแท่งสุดท้าย แรงซื้ออ่อนแรงลงอย่างมาก ตลาดเกิดความลังเลที่จุดสูงสุด
Kicking Candlestick Bullish/Bearish 2 แท่ง Marubozu สองแท่งพร้อม Gap ตรงข้ามที่ชัดเจน การเปลี่ยนทิศทางอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ไม่มีการลังเลใดๆ
Belt Hold Bullish/Bearish 2 แท่งที่ 2 เปิด Gap และปิดเกิน 50% ของแท่งที่ 1 โดยไม่มีไส้เทียนฝั่งเปิด การเปลี่ยนอำนาจที่รุนแรงและเด็ดขาด ยึดครองตลาดโดยฝั่งตรงข้าม

FAQ: ไขข้อข้องใจเกี่ยวกับรูปแบบแท่งเทียนกลับตัว (Trend Reversal)

เพื่อเสริมความเข้าใจและตอบคำถามที่พบบ่อย เทรดเดอร์มือใหม่และผู้ที่สนใจควรทำความเข้าใจในประเด็นเหล่านี้อย่างลึกซึ้ง

Q1: รูปแบบแท่งเทียนกลับตัวมีความน่าเชื่อถือแค่ไหน และควรใช้เมื่อใด?

A1: รูปแบบแท่งเทียนกลับตัวให้สัญญาณที่มีความน่าเชื่อถือสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปรากฏที่ แนวรับแนวต้าน ที่สำคัญของราคา เช่น ระดับราคาทางจิตวิทยา หรือเมื่อได้รับการยืนยันจากเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ เช่น อินดิเคเตอร์ ต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ต้องเน้นย้ำคือ ไม่มีรูปแบบใดที่ให้สัญญาณถูกต้อง 100% เสมอไป ตลาดมีการเคลื่อนไหวที่ซับซ้อน ดังนั้น การทำ Backtest (ทดสอบย้อนหลัง) รูปแบบเหล่านี้กับข้อมูลในอดีต และการใช้ การบริหารความเสี่ยง ที่เหมาะสม (เช่น การกำหนดขนาดการเทรด, การตั้ง Stop Loss) จึงเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดที่จะช่วยปกป้องเงินทุนของคุณ

Q2: ควรใช้ Timeframe ใดในการวิเคราะห์รูปแบบแท่งเทียนกลับตัวเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด?

A2: โดยทั่วไปแล้ว ยิ่ง Timeframe สูง (เช่น Daily, Weekly) รูปแบบแท่งเทียนกลับตัวก็จะยิ่งมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น เนื่องจากสะท้อนพฤติกรรมของตลาดในระยะยาวและมี "Noise" หรือสัญญาณรบกวนน้อยกว่า ในขณะที่ Timeframe ที่ต่ำกว่า (เช่น H1, M30) อาจเกิดสัญญาณหลอกได้บ่อยกว่า อย่างไรก็ตาม การใช้ การวิเคราะห์ Multi-Timeframe (การวิเคราะห์หลาย Timeframe พร้อมกัน) ร่วมด้วยจะช่วยเพิ่มความแม่นยำและช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมของตลาดในมุมมองที่กว้างขึ้น เช่น การเห็นสัญญาณกลับตัวใน Timeframe Daily และรอเข้าเทรดใน Timeframe H4 เพื่อหาจุดเข้าที่ละเอียดอ่อนยิ่งขึ้น

Q3: หากรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวปรากฏขึ้น ควรเข้าเทรดทันทีหรือไม่ และมีข้อควรระวังอย่างไร?

A3: ไม่แนะนำให้เข้าเทรดทันที ที่เห็นรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวปรากฏขึ้นเพียงอย่างเดียว ควร รอการยืนยัน เพิ่มเติมเสมอจากปัจจัยต่าง ๆ เพื่อลดความเสี่ยงจากสัญญาณหลอก ตัวอย่างเช่น:

  • รอแท่งเทียนถัดไป: รอให้แท่งเทียนถัดไปปิดตัวในทิศทางที่สอดคล้องกับสัญญาณกลับตัว
  • การทะลุแนวโน้ม: หากเป็นสัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้น ควรรอให้ราคาทะลุแนวโน้มขาลงเดิมขึ้นไป หรือหากเป็นสัญญาณกลับตัวเป็นขาลง ควรรอให้ราคาทะลุแนวโน้มขาขึ้นเดิมลงมา
  • ยืนยันจากอินดิเคเตอร์: ใช้อินดิเคเตอร์ประเภท Oscillator เช่น RSI, Stochastic Oscillator หรือ MACD เพื่อยืนยัน Divergence หรือการเคลื่อนไหวที่สนับสนุนการกลับตัว
  • ปริมาณการซื้อขาย (Volume): การที่สัญญาณกลับตัวปรากฏพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูงขึ้น มักจะบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของสัญญาณนั้น

Q4: รูปแบบแท่งเทียนกลับตัวสามารถใช้ได้กับตลาดใดบ้าง และมีข้อจำกัดหรือไม่?

A4: รูปแบบแท่งเทียนกลับตัวสามารถใช้ได้กับตลาดการเงินทุกประเภทที่มีข้อมูลราคาและปริมาณการซื้อขายที่เพียงพอ เช่น ตลาด Forex, ตลาดหุ้น, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์ (เช่น ทองคำ XAUUSD) และแม้แต่คริปโตเคอร์เรนซี เนื่องจากหลักการของแท่งเทียนสะท้อนถึงอารมณ์และพฤติกรรมของผู้ซื้อผู้ขายในตลาดที่อยู่ภายใต้หลักจิตวิทยาเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ตลาดที่มีสภาพคล่องต่ำหรือมีการปั่นป่วนสูง อาจทำให้สัญญาณจากแท่งเทียนมีความน่าเชื่อถือลดลง

Q5: อะไรคือความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง Morning Star และ Abandoned Baby?

A5: ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดคือการมี Gap ที่ชัดเจนของแท่งเทียน Doji ในรูปแบบ Abandoned Baby ในขณะที่ Morning Star อาจมี Gap ที่ไม่ชัดเจนหรือไม่ปรากฏเลย การมี Gap ที่ชัดเจนทั้งก่อนและหลังแท่งเทียน Doji ในรูปแบบ Abandoned Baby เป็นการบ่งบอกถึง ความลังเลสูงสุดและการเปลี่ยนทิศทางอย่างฉับพลันและรุนแรง ของตลาด ซึ่งทำให้ Abandoned Baby เป็นรูปแบบที่ให้สัญญาณการกลับตัวที่ทรงพลังและน่าเชื่อถือยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับ Morning Star

สรุป: การประยุกต์ใช้รูปแบบแท่งเทียนกลับตัวเพื่อสร้างความได้เปรียบอย่างยั่งยืน

การเรียนรู้และทำความเข้าใจ 12 รูปแบบแท่งเทียนกลับตัว (Trend Reversal Candlestick Patterns) ที่นำเสนอในบทความนี้อย่างถ่องแท้ ถือเป็นรากฐานสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ทุกคนที่ต้องการประสบความสำเร็จในตลาดการเงินอย่างยั่งยืน รูปแบบเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณระบุจุดเปลี่ยนของแนวโน้มได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมืออันทรงพลังในการวางแผนการเข้าและออกจากการเทรด รวมถึงการบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อปกป้องเงินทุนและเพิ่มผลตอบแทน

สิ่งสำคัญที่สุดคือการฝึกฝนและทดสอบรูปแบบเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอในบัญชีทดลอง (Demo Account) เพื่อสร้างความคุ้นเคย ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในพฤติกรรมของแต่ละรูปแบบ และพัฒนา วินัยในการเทรด และอย่าลืมว่าการใช้รูปแบบแท่งเทียนร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ เช่น อินดิเคเตอร์ (Moving Average, RSI, MACD) หรือ รูปแบบกราฟ (Chart Patterns) จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของสัญญาณและโอกาสในการทำกำไรของคุณได้อย่างมหาศาล

หากกลยุทธ์การซื้อขายของคุณอิงจากการกลับตัวของแนวโน้ม การรวมรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวเหล่านี้เข้ากับแผนการเทรดของคุณจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและผลตอบแทนที่ดียิ่งขึ้นเสมอ และที่สำคัญที่สุดคือ อย่าลืมทำการ Backtest รูปแบบแท่งเทียนทั้งหมดอย่างถูกต้องและแม่นยำ ด้วยข้อมูลในอดีต ก่อนนำไปใช้ในการเทรดจริงด้วยเงินทุนของคุณ เพื่อให้มั่นใจว่ากลยุทธ์ของคุณเหมาะสมกับสไตล์การเทรด ความสามารถในการรับความเสี่ยง และเป้าหมายการลงทุนของคุณอย่างแท้จริง การเรียนรู้ไม่สิ้นสุด ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการเทรด!

สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
________________________________________________
✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
https://bit.ly/GMI-TH
________________________________________________
✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM )
——–
ติดตามเราได้ที่
?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
_____________________________________________

You Might Also Like

Contact Us on Line