TOP 10 บทความยอดนิยม

ดูทั้งหมด
ระบบเทรดสั้น

3 ปัญหาที่เทรดเดอร์อาจเผชิญ

กรกฎาคม 18, 2022

เปิดเผย 3 ปัญหาใหญ่ที่เทรดเดอร์มือใหม่และมืออาชีพต้องเผชิญ พร้อมกลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงเพื่อความสำเร็จที่ยั่งยืน

ในโลกของการเทรด ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น ฟอเร็กซ์ หรือสินค้าโภคภัณฑ์ การแสวงหากำไรมักมาพร้อมกับความท้าทายและความเสี่ยงที่ซับซ้อน แม้แต่เทรดเดอร์ผู้มีประสบการณ์ก็ยังคงต้องเผชิญกับอุปสรรคที่ไม่คาดคิด บทความนี้จะเจาะลึก 3 ปัญหาหลักที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่มักประสบ และนำเสนอแนวทางปฏิบัติเพื่อทำความเข้าใจ ป้องกัน และก้าวข้ามอุปสรรคเหล่านั้น เพื่อให้คุณสามารถสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการตัดสินใจลงทุนที่ดีขึ้นและยั่งยืน

ภาพประกอบ: ปัญหาที่เทรดเดอร์อาจเผชิญ

ปัญหาที่ 1: การใช้ Leverage เกินตัวและประมาทในการบริหารความเสี่ยง

ความผิดพลาดประการแรกที่เทรดเดอร์จำนวนมากมักเผชิญคือการประเมินความสามารถของตนเองสูงเกินไป และมองข้ามอันตรายที่แฝงมากับการใช้ Leverage (เลเวอเรจ) ที่มากเกินไป แม้ว่าเลเวอเรจจะสามารถเร่งผลตอบแทนได้อย่างมหาศาลเมื่อตลาดเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ แต่ในทางกลับกัน มันก็เป็นดาบสองคมที่สามารถทำให้พอร์ตการลงทุนของคุณเสียหายอย่างรวดเร็วหากตลาดเคลื่อนไหวสวนทาง

Leverage คืออะไรและทำงานอย่างไร

Leverage หรืออัตราทดทางการเงิน คือเครื่องมือที่โบรกเกอร์มอบให้แก่เทรดเดอร์ เพื่อให้สามารถเปิดตำแหน่งการซื้อขายที่มีขนาดใหญ่กว่าเงินทุนจริงที่ตนเองมีอยู่หลายเท่าตัว ยกตัวอย่างเช่น หากโบรกเกอร์ให้เลเวอเรจ 1:100 หมายความว่าคุณสามารถควบคุมสินทรัพย์มูลค่า 100 ดอลลาร์ ด้วยเงินทุนเพียง 1 ดอลลาร์ในบัญชีของคุณได้ เลเวอเรจถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำกำไรโดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากในครั้งเดียว อย่างไรก็ตาม ข้อดีนี้มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นอย่างทวีคูณ เนื่องจากทั้งกำไรและขาดทุนจะถูกคำนวณจากขนาดตำแหน่งเต็ม ไม่ใช่แค่เงินทุนที่คุณใช้

อันตรายของการใช้ Leverage เกินตัว

การใช้เลเวอเรจที่มากเกินไปเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการเปลี่ยนสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะชนะให้กลายเป็นการสูญเสียในระยะยาว หากคุณกำลังเทรดด้วยเลเวอเรจที่สูงมาก แม้การเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อยที่สวนทางกับตำแหน่งของคุณ ก็อาจทำให้คุณเผชิญกับ Margin Call หรือร้ายแรงกว่านั้นคือการถูกบังคับปิดสถานะ (Stop Out) ซึ่งส่งผลให้เงินทุนในบัญชีของคุณหมดไปอย่างรวดเร็ว

ทำไมถึงเป็นอันตราย:

  • การขาดทุนที่รวดเร็ว: การเคลื่อนไหวของตลาดเพียงไม่กี่จุดก็สามารถทำให้เกิดการขาดทุนจำนวนมากได้
  • ความกดดันทางจิตวิทยา: การเห็นพอร์ตลดลงอย่างรวดเร็วภายใต้เลเวอเรจสูง สร้างความเครียดและอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดได้ง่าย
  • โอกาสในการฟื้นตัวที่น้อยลง: เมื่อขาดทุนหนักด้วยเลเวอเรจสูง การจะฟื้นฟูบัญชีให้กลับมาเท่าทุนเดิมนั้นต้องใช้เปอร์เซ็นต์กำไรที่สูงกว่ามาก

กฎการบริหารความเสี่ยง: ความสำคัญของกฎ 5% (หรือน้อยกว่า)

เพื่อป้องกันตนเองจากความเสี่ยงอันเกิดจากเลเวอเรจ เทรดเดอร์ที่มีความรับผิดชอบจะยึดมั่นในหลักการบริหารความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด หนึ่งในกฎทองคือ การไม่เสี่ยงเงินเกิน 1-2% (สูงสุดไม่เกิน 5%) ของเงินทุนทั้งหมดในแต่ละการเทรด กฎนี้หมายความว่า หากคุณมีเงินทุน 10,000 ดอลลาร์ คุณไม่ควรเสี่ยงขาดทุนเกิน 100-200 ดอลลาร์ (หรือสูงสุด 500 ดอลลาร์) ในการเทรดครั้งเดียว

วิธีการนำไปใช้:

  1. กำหนดขนาด Stop Loss: ตัดสินใจว่าคุณจะยอมรับการขาดทุนสูงสุดที่จุดใด
  2. คำนวณ Lot Size: ใช้ ขนาด Lot ที่เหมาะสม เพื่อให้การขาดทุนที่จุด Stop Loss นั้นไม่เกินเปอร์เซ็นต์ที่คุณกำหนดไว้

หากคุณละเลยกฎนี้และเสี่ยงเงินจำนวนมากในแต่ละครั้ง คุณจะอยู่ในเขตอันตรายอย่างยิ่ง แม้ว่าเลเวอเรจจะเป็นสิ่งที่สวยงามเมื่อการเทรดเป็นไปในทิศทางที่คุณต้องการ แต่มันจะกลายเป็นกับดักที่อันตรายถึงชีวิตหากตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับคุณ การบริหารความเสี่ยงอย่างเข้มงวดเป็นกุญแจสำคัญสู่ความอยู่รอดในระยะยาว

บทบาทของบัญชี Demo ในการเตรียมความพร้อมทางจิตวิทยา

คุณเคยทำเงินจำนวนมหาศาลในบัญชี Demo หรือไม่? อาจจะรู้สึกเหมือนเป็นเศรษฐีเสมือนจริง? บัญชี Demo หรือบัญชีทดลอง มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเรียนรู้กลยุทธ์และทำความเข้าใจแพลตฟอร์มการเทรด แต่สิ่งหนึ่งที่บัญชี Demo ไม่สามารถจำลองได้อย่างสมบูรณ์คือ แรงกดดันทางจิตวิทยา ของการซื้อขายด้วยเงินจริง

ทำไมบัญชี Demo จึงแตกต่าง:

  • ไม่มีอารมณ์: เมื่อไม่มีเงินจริงเป็นเดิมพัน ความกลัวและความโลภ ซึ่งเป็นอารมณ์หลักที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของเทรดเดอร์ จะไม่มีอิทธิพลมากนัก
  • การตัดสินใจที่เสรี: คุณอาจกล้าเสี่ยงมากขึ้น ลองกลยุทธ์แปลกๆ หรือเปิดตำแหน่งใหญ่ๆ โดยไม่ลังเล

หลังจากที่คุณสามารถทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอในบัญชี Demo เป็นเวลา 3-6 เดือน สิ่งสำคัญคือต้องก้าวไปสู่ขั้นต่อไปอย่างระมัดระวัง แทนที่จะกระโดดเข้าสู่การเทรดด้วยเงินทุนจำนวนมากทันที ควรลองเปิดบัญชีซื้อขายขนาดเล็กด้วยเงินจำนวนน้อยที่คุณสามารถยอมขาดทุนได้ วิธีนี้จะช่วยให้คุณ:

  • เผชิญหน้ากับอารมณ์จริง: คุณจะได้สัมผัสกับความรู้สึกของการสูญเสียและกำไรด้วยเงินจริง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการสร้าง วินัยและความแข็งแกร่งทางจิตใจ
  • ปรับตัวให้เข้ากับความกดดัน: เรียนรู้ที่จะจัดการกับความเครียดและทำการตัดสินใจที่เป็นเหตุเป็นผลภายใต้สถานการณ์จริง

คุณต้องแน่ใจว่าคุณสามารถรับมือกับแรงกดดันทางจิตวิทยาของการซื้อขายด้วยเงินจริงได้เสียก่อนที่คุณจะเริ่มคิดเกี่ยวกับการซื้อขายด้วยเงินทุนจำนวนมาก การเริ่มต้นเล็กๆ คือกุญแจสู่การสร้างความมั่นใจและประสบการณ์ที่แท้จริง ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้บัญชีทดลองได้ที่ บัญชี Demo Forex: คืออะไร และทำไมมือใหม่จึงควรใช้

ปัญหาที่ 2: Front-Running: การปฏิบัติที่ไม่ชอบด้วยจรรยาบรรณและผลกระทบต่อตลาด

ในตลาดการเงินที่มีการแข่งขันสูง การแสวงหาความได้เปรียบแม้เพียงเสี้ยววินาทีก็มีความหมายอย่างยิ่ง และนำไปสู่การปฏิบัติที่ไม่ชอบด้วยจรรยาบรรณที่เรียกว่า Front-Running ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและส่งผลเสียต่อความยุติธรรมของตลาดและเทรดเดอร์รายย่อยโดยตรง

Front-Running คืออะไร

Front-Running คือการดำเนินธุรกิจที่ผิดจรรยาบรรณ โดยที่บุคคลหรือนิติบุคคลที่มีข้อมูลเกี่ยวกับคำสั่งซื้อขายขนาดใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ได้ทำการซื้อหรือขายสินทรัพย์นั้นๆ ไปก่อน เพื่อแสวงหาผลกำไรจากราคาที่คาดว่าจะเปลี่ยนแปลงเมื่อคำสั่งซื้อขายขนาดใหญ่ดังกล่าวเข้าสู่ตลาด

องค์ประกอบสำคัญของ Front-Running มีดังนี้:

  1. การมีส่วนได้เสียทางการเงินโดยไม่เปิดเผย: นายหน้าหรือที่ปรึกษาทางการเงินมีส่วนได้เสียในการลงทุนบางอย่าง และจงใจไม่เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อลูกค้าของตน
  2. การให้คำแนะนำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง: หลังจากนั้น บุคคลดังกล่าวจะแนะนำให้ลูกค้าหรือบุคคลทั่วไปในวงกว้างซื้อหรือขายการลงทุนนั้นๆ ผ่านคำแนะนำของตน
  3. เจตนาในการทำกำไรจากการขายส่วนได้เสียของตน: โดยมีเจตนาหลักเพื่อทำกำไรจากการขายส่วนได้เสียทั้งหมดของตนในการลงทุนนั้นๆ หลังจากที่ราคาเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ตนต้องการอันเนื่องมาจากคำสั่งซื้อขายของลูกค้าหรือผู้ตามคำแนะนำ

กล่าวคือ Front-Running เป็นการใช้ข้อมูลวงใน (Inside Information) หรือข้อมูลที่ได้รับจากการเห็นคำสั่งซื้อขายขนาดใหญ่ล่วงหน้า เพื่อสร้างผลกำไรให้ตนเองก่อนที่คำสั่งของลูกค้าจะถูกดำเนินการ ซึ่งเป็นการบิดเบือนกลไกตลาดและสร้างความเสียหายแก่ลูกค้าโดยตรง

ประเภทของ Front-Running และวิธีการทำงาน

แม้ว่า Front-Running จะเกิดขึ้นบ่อยที่สุดในการซื้อขายหุ้น แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้ในตลาด Forex เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มผู้ซื้อขายความถี่สูง (High-Frequency Trading – HFT) ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง

  • ในตลาดหุ้น: ผู้จัดการกองทุนหรือโบรกเกอร์ที่ได้รับคำสั่งซื้อขายขนาดใหญ่จากลูกค้า อาจซื้อหุ้นตัวเดียวกันก่อนที่คำสั่งของลูกค้าจะถูกส่งเข้าตลาด เมื่อคำสั่งใหญ่เข้าสู่ตลาด ราคาหุ้นมักจะขยับขึ้น ผู้จัดการหรือโบรกเกอร์ก็จะขายหุ้นที่ซื้อไว้ก่อนหน้านี้ทำกำไร
  • ในตลาด Forex (โดย HFT): HFT ใช้ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ที่รวดเร็วเป็นพิเศษในการตรวจจับคำสั่งซื้อขายขนาดใหญ่ที่รอดำเนินการจากเทรดเดอร์รายอื่น (โดยเฉพาะคู่แข่ง) จากนั้นพวกเขาก็จะส่งคำสั่งซื้อขายของตนเองเข้าไปก่อนหน้าคำสั่งเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว (ภายในหน่วยมิลลิวินาที)

ตามที่ CNBC ได้อธิบายไว้เกี่ยวกับการทำ Front-Running โดย HFT: “…ผู้ค้าที่ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่รวดเร็ว — การซื้อขายความถี่สูง — เพื่อตรวจจับคำสั่งซื้อจากผู้เทรดคู่แข่งจากนั้นกระโดดไปข้างหน้าการค้านั้น ส่งผลให้คู่แข่งต้องซื้อด้วยราคาที่สูงขึ้น และมูลค่าการซื้อของ front-runner ก็สูงขึ้น”

ผลลัพธ์คือ:

  • เทรดเดอร์ที่ถูก Front-Running จะต้องซื้อสินทรัพย์ในราคาที่สูงขึ้น หรือขายในราคาที่ต่ำลง ซึ่งทำให้พวกเขาขาดทุนหรือไม่ได้รับกำไรเท่าที่ควร
  • Front-Runner จะได้กำไรจากส่วนต่างราคาที่ถูกสร้างขึ้นจากการกระทำของตนเอง

ผลกระทบของ Front-Running ต่อเทรดเดอร์รายย่อยและตลาด

Front-Running ไม่เพียงแต่ส่งผลให้เทรดเดอร์รายบุคคลต้องเสียเปรียบด้านราคา แต่ยังบ่อนทำลายความเชื่อมั่นและความโปร่งใสของตลาดโดยรวมอีกด้วย

  • เทรดเดอร์รายย่อยเสียเปรียบ: มักได้รับราคาที่ไม่ดีที่สุดในการเข้าหรือออกจากตลาด
  • ลดความยุติธรรมของตลาด: ทำลายหลักการที่ว่าทุกคนควรมีโอกาสเข้าถึงข้อมูลและราคาที่เท่าเทียมกัน
  • เพิ่มความผันผวนเทียม: การเข้าและออกอย่างรวดเร็วของ Front-Runner อาจสร้างความผันผวนที่ไม่เป็นธรรมชาติในระยะสั้น

กฎระเบียบและการป้องกัน

หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินทั่วโลก เช่น ก.ล.ต. (SEC) ในสหรัฐอเมริกา มีกฎระเบียบที่เข้มงวดเพื่อต่อสู้กับ Front-Running การกระทำดังกล่าวถือเป็นการฉ้อโกงและอาจนำไปสู่การปรับจำนวนมากและการดำเนินคดีทางอาญา

สิ่งที่เทรดเดอร์ทำได้:

  • เลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแล: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าโบรกเกอร์ของคุณเป็นบริษัทที่น่าเชื่อถือและได้รับการกำกับดูแลโดยหน่วยงานที่เข้มงวด
  • ทำความเข้าใจประเภทคำสั่งซื้อขาย: ใช้คำสั่งซื้อขายที่เหมาะสม เช่น Limit Order แทน Market Order เพื่อควบคุมราคาที่คุณต้องการเข้าหรือออก
  • ระมัดระวังการเคลื่อนไหวของราคาที่ผิดปกติ: หากพบการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรงก่อนข่าวสำคัญ หรือก่อนคำสั่งซื้อขายขนาดใหญ่ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ

ปัญหาที่ 3: การเลือกพันธมิตรหรือโบรกเกอร์ที่ไม่เหมาะสม: ผลกระทบต่อความสำเร็จในการเทรด

การเดินทางในโลกของการเทรดมักเป็นเส้นทางที่โดดเดี่ยว แต่สำหรับบางคน การแสวงหาพันธมิตรทางการเทรด หรือแม้แต่การเลือกโบรกเกอร์ ถือเป็นการตัดสินใจที่สำคัญไม่แพ้การวางกลยุทธ์ หากคุณคิดว่าการเลือกคู่หูทางการเทรดหรือหุ้นส่วนธุรกิจนั้นคล้ายกับการตัดสินใจจ้างพนักงานคนหนึ่ง คุณอาจกำลังคิดผิดอย่างมหันต์

ความสำคัญของการเลือกพันธมิตรทางการเทรด

แตกต่างจากการจ้างพนักงานที่คุณสามารถปลดออกได้ง่ายหากผลงานไม่ดีและมักไม่มีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง การเลือกพันธมิตรทางการค้าในบริบทของการเทรด หรือการร่วมลงทุนเพื่อสร้างธุรกิจการเทรดนั้น มีเดิมพันที่สูงกว่ามาก เพราะมันเกี่ยวข้องกับ:

  • ชื่อเสียง: พันธมิตรที่ไม่ดีอาจทำให้ชื่อเสียงของคุณเสียหายได้
  • การเงิน: การสูญเสียเงินทุนจากการตัดสินใจของพันธมิตรที่ไม่ดีอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรง
  • สุขภาพจิต: ความขัดแย้งและความไม่ไว้วางใจสามารถนำไปสู่ความเครียดและความกังวล
  • เป้าหมายร่วมกัน: หากเป้าหมายและค่านิยมไม่สอดคล้องกัน การทำงานร่วมกันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้

การเลือกคู่หูทางการค้าจึงเป็นหนึ่งในการตัดสินใจทางธุรกิจที่สำคัญที่สุดที่คุณสามารถทำได้ และเป็นกับดักทางการเงินทั่วไปที่หลายคนมองข้าม

ปัจจัยในการเลือกพันธมิตรที่เหมาะสม

เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดราคาแพง ควรพิจารณาปัจจัยเหล่านี้อย่างรอบคอบ:

  • ความไว้วางใจและความซื่อสัตย์: เป็นรากฐานสำคัญของความสัมพันธ์ทางธุรกิจ
  • ทักษะที่เสริมกัน: พันธมิตรที่ดีควรมีทักษะที่แตกต่างแต่เสริมกัน เพื่อเติมเต็มจุดอ่อนของกันและกัน
  • วิสัยทัศน์และเป้าหมายที่สอดคล้องกัน: ต้องมีทิศทางและเป้าหมายระยะยาวที่ตรงกัน
  • ความสามารถในการสื่อสาร: การสื่อสารที่เปิดเผยและมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งจำเป็น
  • การบริหารความเสี่ยงที่คล้ายคลึงกัน: ต้องมีปรัชญาการบริหารความเสี่ยงที่ใกล้เคียงกันเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง
  • การตรวจสอบประวัติ (Due Diligence): ตรวจสอบประวัติ ผลงาน และชื่อเสียงของพันธมิตรอย่างละเอียด

การเลือกโบรกเกอร์: หัวใจสำคัญของความปลอดภัยและประสิทธิภาพ

สำหรับเทรดเดอร์ส่วนใหญ่ โบรกเกอร์คือพันธมิตรที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นประตูสู่ตลาดการเงิน การเลือกโบรกเกอร์ที่ไม่เหมาะสมสามารถสร้างปัญหาได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการขาดทุนโดยไม่จำเป็น หรือแม้แต่การสูญเสียเงินทุนทั้งหมด

ทำไมโบรกเกอร์ถึงสำคัญ:

  1. ความปลอดภัยของเงินทุน: โบรกเกอร์ที่ดีต้องมีใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เชื่อถือได้ เพื่อให้แน่ใจว่าเงินทุนของคุณได้รับการคุ้มครอง
  2. สภาพคล่องและสเปรด: โบรกเกอร์ที่มีสภาพคล่องสูงจะช่วยให้คุณเข้าและออกจากตลาดได้อย่างรวดเร็วด้วย สเปรด (Spread) ที่ต่ำ
  3. ความเร็วในการดำเนินการ: การดำเนินการคำสั่งที่รวดเร็วมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลยุทธ์ Scalping หรือ Day Trading
  4. แพลตฟอร์มการเทรด: แพลตฟอร์มที่เสถียร ใช้งานง่าย และมีเครื่องมือที่ครบครัน เป็นสิ่งจำเป็น
  5. การสนับสนุนลูกค้า: การบริการลูกค้าที่ดีเยี่ยมจะช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
  6. ประเภทบัญชีและเครื่องมือ: โบรกเกอร์ควรมีประเภทบัญชีที่หลากหลาย และเครื่องมือที่รองรับความต้องการของเทรดเดอร์แต่ละประเภท

จะเลือกโบรกเกอร์ที่ดีได้อย่างไร:

พิจารณาตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติของโบรกเกอร์ดังนี้ เพื่อเป็นแนวทางในการเลือก “พันธมิตร” ที่เหมาะสม:


คุณสมบัติ โบรกเกอร์ที่ดี โบรกเกอร์ที่ไม่ดี
การกำกับดูแล มีใบอนุญาตจากหน่วยงานชั้นนำ (เช่น CySEC, FCA, ASIC) ไม่มีใบอนุญาต หรือใบอนุญาตจากหน่วยงานที่ไม่น่าเชื่อถือ
สเปรด/ค่าคอมมิชชั่น สเปรดต่ำและแข่งขันได้ ค่าคอมมิชชั่นโปร่งใส สเปรดสูงผิดปกติ ค่าคอมมิชชั่นไม่ชัดเจน
แพลตฟอร์ม เสถียร ใช้งานง่าย มีฟังก์ชันครบครัน (MT4, MT5, cTrader) ล่มบ่อย ใช้งานยาก ไม่มีเครื่องมือที่จำเป็น
ความเร็วในการดำเนินการ ดำเนินการคำสั่งรวดเร็ว ไม่มีการ Requote บ่อยครั้ง เกิด Slippage บ่อยครั้ง Requote หรือ Delay
บริการลูกค้า ตอบสนองรวดเร็ว มีหลายช่องทาง (แชทสด, โทรศัพท์, อีเมล) ตอบช้า ติดต่อยาก หรือไม่มีการสนับสนุน
การฝาก-ถอน หลากหลายช่องทาง รวดเร็ว ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง ช่องทางจำกัด ใช้เวลานาน มีค่าธรรมเนียมสูง
รีวิว/ชื่อเสียง มีรีวิวเชิงบวกจำนวนมาก มีชื่อเสียงดีในวงการ มีรีวิวเชิงลบเยอะ มีประวัติการโกงหรือปัญหา

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมได้ที่ 6 โบรกเกอร์ Forex สเปรดต่ำสำหรับ Scalping และ วิธีเปิดบัญชี XM หรือ วิธีเปิดบัญชี Exness

ข้อผิดพลาดและผลลัพธ์ของการเลือกผิด

การเลือกพันธมิตรหรือโบรกเกอร์ผิดสามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ร้ายแรง:

  • การสูญเสียเงินทุน: หากโบรกเกอร์ไม่น่าเชื่อถือหรือพันธมิตรตัดสินใจผิดพลาด
  • ข้อพิพาททางกฎหมาย: อาจเกิดขึ้นได้หากไม่มีข้อตกลงที่ชัดเจน
  • ความเสียหายต่อชื่อเสียง: หากคุณเกี่ยวข้องกับผู้ที่ไม่ซื่อสัตย์
  • ความเครียดและสุขภาพ: ปัญหาเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่โดยรวม

FAQ Section (คำถามที่พบบ่อย)

1. Leverage สูงแค่ไหนถึงจะเรียกว่า “เกินตัว” สำหรับมือใหม่?

สำหรับมือใหม่ การใช้ Leverage เกิน 1:50 ถือว่ามีความเสี่ยงสูง และการใช้ Leverage ที่สูงกว่า 1:100 นั้นยิ่งอันตรายอย่างยิ่ง การเริ่มต้นที่ Leverage ต่ำ เช่น 1:10 หรือ 1:30 จะช่วยให้คุณมีพื้นที่ในการเรียนรู้และบริหารความเสี่ยงได้ดีขึ้น ควรจำไว้ว่ากฎ 1-2% ของเงินทุนต่อการเทรดมีความสำคัญมากกว่าตัวเลข Leverage โดยตรง เพราะไม่ว่า Leverage จะสูงแค่ไหน หากคุณบริหารความเสี่ยงโดยจำกัดการขาดทุนต่อการเทรดให้ต่ำ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงลงได้มาก และควรทดลองใน บัญชี Demo ก่อนเสมอ

2. เทรดเดอร์รายย่อยสามารถป้องกันตัวเองจาก Front-Running ได้อย่างไร?

เทรดเดอร์รายย่อยอาจไม่สามารถป้องกัน Front-Running ที่เกิดจากการกระทำของ HFT ได้โดยตรงทั้งหมด เนื่องจากเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นในระดับโครงสร้างตลาดด้วยความเร็วสูงมาก อย่างไรก็ตาม คุณสามารถลดความเสี่ยงได้โดย:

  • เลือกโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงและได้รับการกำกับดูแลอย่างเข้มงวด: โบรกเกอร์ที่ดีจะให้ความสำคัญกับความยุติธรรมในการดำเนินการคำสั่งซื้อขาย
  • ใช้ Limit Order แทน Market Order: Limit Order จะช่วยให้คุณระบุราคาที่ต้องการซื้อหรือขายได้ชัดเจน ป้องกันการได้รับราคาที่ไม่พึงประสงค์จากการถูก Front-Running
  • หลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงที่มีข่าวสำคัญหรือความผันผวนสูงมาก: ช่วงเวลาเหล่านี้เป็นช่วงที่ HFT มักจะเข้ามามีบทบาทและสร้างความผันผวนได้ง่าย

3. มีวิธีประเมินความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์ Forex อย่างไรบ้าง?

การประเมินความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง คุณสามารถทำได้โดย:

  1. ตรวจสอบใบอนุญาตและการกำกับดูแล: โบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือจะได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานชั้นนำ เช่น CySEC (ไซปรัส), FCA (สหราชอาณาจักร), ASIC (ออสเตรเลีย) หรือ NFA (สหรัฐอเมริกา)
  2. อ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริง: ค้นหารีวิวจากแหล่งข้อมูลที่เป็นกลาง และสังเกตปัญหาที่พบบ่อย
  3. ทดลองใช้บัญชี Demo: เพื่อทดสอบแพลตฟอร์ม ความเร็วในการดำเนินการ และการบริการลูกค้า
  4. ตรวจสอบเงื่อนไขการฝาก-ถอน: โบรกเกอร์ที่ดีจะมีช่องทางการฝาก-ถอนที่หลากหลาย รวดเร็ว และโปร่งใส
  5. พิจารณาสเปรดและค่าธรรมเนียม: เปรียบเทียบกับโบรกเกอร์อื่นๆ เพื่อดูว่ามีการแข่งขันและยุติธรรมหรือไม่
  6. การสนับสนุนลูกค้า: ทดสอบการตอบสนองและความช่วยเหลือจากฝ่ายสนับสนุนลูกค้า

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือกโบรกเกอร์ได้ที่ 6 โบรกเกอร์ Forex สเปรดต่ำสำหรับ Scalping

4. นอกเหนือจาก 3 ปัญหานี้ เทรดเดอร์มักเผชิญปัญหาอะไรอีกบ้าง?

นอกเหนือจากปัญหาเรื่อง Leverage เกินตัว, Front-Running และการเลือกพันธมิตร/โบรกเกอร์ผิดพลาดแล้ว เทรดเดอร์ยังมักเผชิญกับปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย เช่น:

  • การขาดวินัยและอารมณ์: ความกลัวและความโลภ มักนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาด
  • ไม่มีกลยุทธ์ที่ชัดเจน: การเทรดโดยไม่มีแผนหรือระบบที่แน่นอน
  • การ Overtrading: การเปิดตำแหน่งมากเกินไป หรือเทรดบ่อยเกินไป
  • การไม่เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง: ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การหยุดเรียนรู้คือการถอยหลัง
  • การละเลยการบันทึกการเทรด (Trading Journal): การไม่วิเคราะห์ข้อผิดพลาดของตนเอง
  • ขาดความเข้าใจในการบริหารเงินทุน (Money Management): เช่น การไม่ตั้ง Stop Loss หรือ Take Profit

การตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้และพยายามแก้ไขคือหนทางสู่การเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ

สรุป

การเทรดในตลาดการเงินนั้นเต็มไปด้วยโอกาส แต่ก็มาพร้อมกับความท้าทายที่ต้องเผชิญ 3 ปัญหาหลักที่เราได้กล่าวถึง ได้แก่ การใช้ Leverage เกินตัว, การถูก Front-Running และการเลือกพันธมิตรหรือโบรกเกอร์ที่ไม่เหมาะสม ล้วนเป็นอุปสรรคสำคัญที่สามารถส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อผลลัพธ์การเทรดและความอยู่รอดในตลาดของคุณ

การสร้างความตระหนักรู้ การศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม และการนำกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่เข้มงวดมาใช้ ล้วนเป็นหัวใจสำคัญในการก้าวข้ามปัญหาเหล่านี้ การเริ่มต้นด้วยบัญชี Demo การฝึกฝนวินัย การเลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือ และการเรียนรู้อย่างไม่หยุดนิ่ง จะช่วยให้คุณสามารถนำทางในโลกของการเทรดได้อย่างมั่นใจและยั่งยืน

ขอให้คุณโชคดีกับการเทรด! หากคุณมีข้อสงสัยเพิ่มเติมหรือต้องการคำแนะนำในการเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสม สามารถติดต่อเราเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมได้เสมอ

You Might Also Like

Contact Us on Line