FTTinvesting
Browsing Tag

เทคนิคการเทรด

    ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด หัดเทรด พื้นฐาน Forex, สอนเทรด และ ระบบเทรด

    Trend Analysis

    ตุลาคม 30, 2025

    🟩 รู้เทรนด์ จับทางตลาด – การวิเคราะห์แนวโน้ม (Trend Analysis)

    รู้เทรนด์ จับทางตลาด – การวิเคราะห์แนวโน้ม (Trend Analysis)


    🔸 ทำไมต้องรู้จักแนวโน้มตลาด?

    หนึ่งในสิ่งสำคัญที่สุดที่เทรดเดอร์ทุกคนต้องเข้าใจคือ “แนวโน้มของตลาด”
    เพราะกว่า 70% ของเวลาราคาในตลาด Forex จะเคลื่อนไหวไปตามทิศทางหลัก ไม่ได้วิ่งสุ่มไปมา
    การรู้ว่าเทรนด์ตอนนี้เป็น ขาขึ้น (Uptrend), ขาลง (Downtrend) หรือ ไซด์เวย์ (Sideway)
    จะช่วยให้คุณ “เทรดไปกับแรงของตลาด” ไม่ฝืนทาง และเพิ่มโอกาสทำกำไรได้มากขึ้น


    🔸 ประเภทของแนวโน้ม (Types of Trends)

    1️⃣ ขาขึ้น (Uptrend)

    • ราคาทำจุดสูงใหม่ (Higher High) และจุดต่ำใหม่ที่สูงขึ้น (Higher Low)

    • แสดงว่าฝั่ง “ผู้ซื้อ” คุมเกม

    • กลยุทธ์ที่เหมาะ: รอจังหวะย่อตัวเพื่อ “เข้า Buy”

    ขาขึ้น (Uptrend)

    2️⃣ ขาลง (Downtrend)

    • ราคาทำจุดต่ำใหม่ (Lower Low) และจุดสูงใหม่ที่ต่ำลง (Lower High)

    • ฝั่ง “ผู้ขาย” เป็นฝ่ายคุมตลาด

    • กลยุทธ์ที่เหมาะ: รอราคาดีดตัวขึ้นเพื่อ “เข้า Sell”

    ขาลง (Downtrend)

    3️⃣ ไซด์เวย์ (Sideway / Range)

    • ราคาแกว่งอยู่ในกรอบแนวรับ–แนวต้าน

    • ไม่มีเทรนด์ชัดเจน เหมาะกับกลยุทธ์ “ซื้อที่แนวรับ–ขายที่แนวต้าน”

     ไซด์เวย์ (Sideway / Range)


    🔸 วิธีดูแนวโน้มเบื้องต้น (How to Identify Trend)

    🔹 1. ดูโครงสร้างราคา (Price Structure)

    • ดูจาก Timeframe ใหญ่ เช่น H4 หรือ D1

    • ถ้าราคาทำ Higher High / Higher Low → แนวโน้มขึ้น

    • ถ้าทำ Lower High / Lower Low → แนวโน้มลง

    🔹 2. ใช้เส้นค่าเฉลี่ย (Moving Average)

    • MA50 และ MA200 เป็นคู่ที่นิยมใช้มาก

      • MA50 > MA200 → เทรนด์ขึ้น

      • MA50 < MA200 → เทรนด์ลง

    • ถ้าราคาอยู่เหนือเส้น MA = Buy Zone

    • ถ้าอยู่ใต้เส้น MA = Sell Zone

    🔹 3. ลากเส้นแนวโน้ม (Trendline)

    • เชื่อมจุด Low เพื่อดูแนวโน้มขาขึ้น

    • เชื่อมจุด High เพื่อดูแนวโน้มขาลง

    • ถ้าราคาทะลุเส้น Trendline → เทรนด์อาจกำลังเปลี่ยนทิศทาง


    🔸 ตัวอย่างการวิเคราะห์แนวโน้ม

    ตัวอย่าง: คู่เงิน XAU/USD (ทองคำ)

    • ราคาทำ Higher High ต่อเนื่อง

    • เส้น EMA50 อยู่เหนือ EMA200
      ✅ สรุป: แนวโน้มหลัก “ขาขึ้น” → เน้นหาโอกาส “Buy” เมื่อราคาย่อ

     ตัวอย่างการวิเคราะห์แนวโน้ม


    🔸 เคล็ดลับสำหรับเทรดเดอร์

    • อย่าเทรดสวนเทรนด์ใหญ่ — ให้เทรดไปในทิศทางเดียวกับเทรนด์หลักเสมอ

    • ดูแนวโน้มจาก Timeframe ใหญ่ก่อน แล้วค่อยเข้าเทรดใน Timeframe ย่อย

    • ถ้าไม่แน่ใจว่าเทรนด์คืออะไร → รอให้กราฟชัดก่อนดีกว่า


    ✅ สรุปท้ายบท

    “คนที่รู้เทรนด์ คือคนที่อยู่ฝั่งเดียวกับตลาด”
    การวิเคราะห์แนวโน้ม (Trend Analysis) คือรากฐานของการเทรด Forex
    เมื่อคุณเข้าใจทิศทางของตลาด คุณจะสามารถวางแผนการเทรดได้แม่นยำขึ้น
    และนั่นคือก้าวแรกสู่การเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ 💪

    👉สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกที่ลิงค์นี้

    ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด หัดเทรด พื้นฐาน Forex, สอนเทรด และ ระบบเทรด

    เทคนิคการเทรดตามแนวโน้ม (Trend Following Strategy)

    ตุลาคม 27, 2025

    เทคนิคการเทรดตามแนวโน้ม (Trend Following Strategy)

    📈 เทคนิคการเทรดตามแนวโน้ม (Trend Following Strategy)

    Trend Following Strategy คือกลยุทธ์การเทรดที่อาศัย “แนวโน้มของราคา” เป็นหลัก
    แนวคิดสำคัญคือ — “เทรดไปตามทิศทางของตลาด” ไม่สวนเทรนด์
    เพราะเมื่อราคาเริ่มวิ่งในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง มักจะมีแรงส่งให้ไปต่อได้อีกระยะ


    🔍 แนวคิดของการเทรดตามแนวโน้ม

    นักเทรดตามแนวโน้ม (Trend Follower) เชื่อว่า
    “Trend is Your Friend” — เทรนด์คือเพื่อนของคุณ
    เป้าหมายคือการหาช่วงเวลาที่แนวโน้มเริ่มต้น และอยู่กับมันให้นานที่สุดจนกว่าราคาจะส่งสัญญาณกลับตัว

    แนวโน้มหลักมี 3 แบบ:

    1. 📈 Uptrend (ขาขึ้น) → ราคาสูงขึ้นเรื่อย ๆ (Higher High – Higher Low)

    2. 📉 Downtrend (ขาลง) → ราคาต่ำลงต่อเนื่อง (Lower High – Lower Low)

    3. 🔁 Sideway (ไม่มีเทรนด์) → ราคาวิ่งในกรอบ


    ⚙️ วิธีสังเกตแนวโน้ม

    1. ใช้เส้นค่าเฉลี่ย (Moving Average)

      • ถ้าเส้น MA ระยะสั้น (เช่น EMA20) อยู่เหนือ MA ระยะยาว (เช่น EMA50) → เป็นขาขึ้น

      • ถ้าตรงกันข้าม → เป็นขาลง

    2. ดูโครงสร้างราคา (Market Structure)

      • ขาขึ้น → จุดสูงใหม่สูงกว่าเดิม, จุดต่ำใหม่สูงกว่าเดิม

      • ขาลง → จุดต่ำใหม่ต่ำกว่าเดิม, จุดสูงใหม่ต่ำกว่าเดิม

    3. ใช้ Trendline ช่วยยืนยัน
      วาดเส้นเชื่อมจุด Low (ในขาขึ้น) หรือจุด High (ในขาลง) เพื่อดูแรงเทรนด์


    🎯 เทคนิคเข้าออกออเดอร์ตามแนวโน้ม

    1. เข้าเทรดเมื่อราคาย่อ (Pullback Entry)

      • ในขาขึ้น → รอให้ราคาย่อลงใกล้แนวรับหรือเส้น EMA แล้วค่อย Buy

      • ในขาลง → รอให้ราคาย่อตัวขึ้นใกล้แนวต้านแล้วค่อย Sell

    2. ออกจากเทรดเมื่อเทรนด์เริ่มอ่อนแรง

      • ถ้าเห็นแท่งเทียนกลับตัว (เช่น Pin Bar หรือ Engulfing)

      • หรือเส้น EMA ตัดกันกลับทิศทาง

    3. ใช้ Trailing Stop Lock กำไร
      เมื่อตลาดไปในทางที่ถูก ให้ขยับ Stop Loss ตามแนวโน้มเพื่อรักษากำไร


    💡 เคล็ดลับเพิ่มความแม่นยำ

    • ใช้ Multiple Timeframe Analysis:
      ดูแนวโน้มหลักใน Timeframe ใหญ่ (H4, D1) แล้วค่อยเข้าเทรดใน TF ย่อย (M15, H1)

    • รอ “สัญญาณยืนยัน” จาก Price Action ก่อนเข้าเทรดทุกครั้ง

    • อย่าฝืนสวนเทรนด์ เพราะมักจะเจ็บหนัก 😅


    🧠 สรุป

    เทรนด์คือทิศทางของโอกาส
    กลยุทธ์ Trend Following ไม่ใช่เรื่องของการทำนาย แต่คือการ “ตอบสนอง” ต่อสิ่งที่ตลาดกำลังบอก
    เพียงแค่รู้จักรอจังหวะและมีวินัย คุณก็สามารถทำกำไรตามเทรนด์ได้อย่างต่อเนื่อง

    👉สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกที่ลิงค์นี้

    ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด หัดเทรด พื้นฐาน Forex, สอนเทรด และ ระบบเทรด

    วิธีใช้ Fibonacci และแนวโน้มราคาในการหาโอกาสเข้าออกเทรด

    ตุลาคม 27, 2025

    วิธีใช้ Fibonacci และแนวโน้มราคาในการหาโอกาสเข้าออกเทรด

    วิธีใช้ Fibonacci และแนวโน้มราคาในการหาโอกาสเข้าออกเทรด

    📈 Fibonacci คืออะไร?

    Fibonacci Retracement คือเครื่องมือที่ช่วยหาจุด “พักตัว” และ “กลับตัว” ของราคา
    โดยอ้างอิงจากลำดับตัวเลขฟีโบนักชี (Fibonacci Sequence) ที่มีสัดส่วนสัมพันธ์กันอย่างเป็นธรรมชาติ เช่น
    23.6% – 38.2% – 50% – 61.8% – 78.6%

    ในการเทรด Forex, เราจะใช้เครื่องมือนี้วัด “ระยะการเคลื่อนไหวของราคา” เพื่อดูว่าแนวโน้มที่เกิดขึ้นมีโอกาสพักตัวถึงจุดไหนก่อนจะไปต่อ


    🔍 หลักการใช้ Fibonacci กับแนวโน้มราคา

    1. ระบุแนวโน้มหลักก่อน
      ก่อนจะวาด Fibonacci ให้แน่ใจก่อนว่าตลาดอยู่ในแนวโน้มใด

      • ถ้าเป็น ขาขึ้น (Uptrend) → วัดจาก “จุดต่ำสุด” ไป “จุดสูงสุด”

      • ถ้าเป็น ขาลง (Downtrend) → วัดจาก “จุดสูงสุด” ไป “จุดต่ำสุด”

    2. หาจุดพักตัว (Retracement)
      เมื่อราคาเริ่มพักตัว ให้ดูระดับ Fibonacci เช่น

      • 38.2% และ 50% → เป็นระดับพักตัวเบา

      • 61.8% → เป็นระดับทองคำ (Golden Ratio) ที่มักเด้งกลับแรง

    3. หาจุดกลับตัว (Entry Zone)
      หากราคาแตะระดับ Fibonacci สำคัญ และเกิดสัญญาณแท่งเทียนกลับตัว (เช่น Pin Bar หรือ Engulfing)
      นั่นคือจุดที่สามารถ “หาจังหวะเข้าเทรด” ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น


    🎯 ตัวอย่างการใช้งานจริง

    • ขาขึ้น (Uptrend)
      👉 ราคาขึ้นจาก 1,800 → 1,900 แล้วพักลงมาที่ 1,870 ซึ่งคือระดับ 38.2%
      หากเกิดแท่ง Bullish Engulfing ที่จุดนี้ แปลว่ามีแรงซื้อกลับ — สามารถวางคำสั่ง Buy ได้

    • ขาลง (Downtrend)
      👉 ราคาลงจาก 1,950 → 1,850 แล้วดีดกลับมาที่ 1,890 ซึ่งคือระดับ 61.8%
      หากเกิดแท่ง Bearish Engulfing แสดงว่าแรงขายกลับมา — เป็นจังหวะดีในการ Sell


    💡 เคล็ดลับให้แม่นยำขึ้น

    1. ใช้ Fibonacci ร่วมกับแนวรับแนวต้าน (Support/Resistance)
      ถ้าระดับ Fibonacci ทับกับโซนแนวรับแนวต้าน → ความแม่นยำเพิ่มขึ้นมาก

    2. ดูยืนยันจาก Price Action
      อย่าเทรดจาก Fibonacci เพียงอย่างเดียว ควรรอแท่งเทียนยืนยันหรือสัญญาณกลับตัวก่อน

    3. ใช้ Timeframe ใหญ่ช่วยวิเคราะห์
      เช่น ดูแนวโน้มหลักใน H4 หรือ D1 ก่อน แล้วค่อยหาจุดเข้าใน M15 หรือ H1 จะช่วยลดสัญญาณหลอก


    🧠 สรุป

    Fibonacci + แนวโน้มราคา
    คือการผสมผสานระหว่าง “คณิตศาสตร์ธรรมชาติ” กับ “จิตวิทยาตลาด”
    เมื่อใช้อย่างถูกต้อง มันจะกลายเป็นเครื่องมือทรงพลัง
    ช่วยให้เทรดเดอร์เห็นจุดเข้าและออกได้อย่างชัดเจนมากขึ้น
    ไม่ว่าจะเป็นการเข้าเทรดตามเทรนด์ หรือรอจังหวะกลับตัว

    👉สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกที่ลิงค์นี้

    สอนเทรด และ ระบบเทรด

    เทคนิคทำกำไรจากตลาดผันผวน – วิธีเปลี่ยนความเสี่ยงเป็นโอกาส

    พฤศจิกายน 19, 2024

    เทคนิคทำกำไรจากตลาดผันผวน – วิธีเปลี่ยนความเสี่ยงเป็นโอกาส

    ตลาดผันผวนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในโลกการลงทุน แต่คุณรู้หรือไม่ว่าความผันผวนนี้สามารถกลายเป็นโอกาสในการทำกำไรได้? ในบทความนี้ เราจะมาเปิดเผย เทคนิคทำกำไร จากตลาดผันผวนที่เทรดเดอร์มืออาชีพใช้กันอย่างแพร่หลาย

    1. การวางแผนและการตั้งเป้าหมาย

    การมีแผนการเทรดที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณรับมือกับความผันผวนได้ดีขึ้น กำหนดเป้าหมายการทำกำไรและระดับการขาดทุนที่ยอมรับได้เป็นสิ่งสำคัญ

    2. การใช้ Stop Loss และ Take Profit

    การตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit จะช่วยปกป้องเงินทุนและล็อกกำไรของคุณ เป็น เทคนิคทำกำไร ที่ช่วยลดความเสี่ยงในตลาดผันผวน

    3. การวิเคราะห์เทคนิคอล

    ใช้เครื่องมือการวิเคราะห์เทคนิคอล เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ หรือ MACD เพื่อระบุแนวโน้มและจุดเข้าออกที่เหมาะสม

    4. การติดตามข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญ

    ข่าวสารทางเศรษฐกิจและการเมืองสามารถส่งผลกระทบต่อตลาดได้ การติดตามข่าวสารเป็นประจำจะช่วยให้คุณเตรียมพร้อมและปรับกลยุทธ์ได้ทันเวลา

    สรุป

    ความผันผวนของตลาดไม่ใช่สิ่งที่ต้องกลัว แต่เป็นโอกาสที่คุณสามารถใช้เพื่อทำกำไร ด้วยการใช้ เทคนิคทำกำไร ที่ถูกต้องและการวางแผนที่ดี คุณจะสามารถเปลี่ยนความเสี่ยงเป็นโอกาสได้อย่างมีประสิทธิภาพ

     

    สอนเทรด และ ระบบเทรด

    เทคนิคการเทรดระยะสั้น: เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

    ตุลาคม 15, 2024

    เทคนิคการเทรดระยะสั้น: เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

    การเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญสามารถช่วยยกระดับ เทคนิคการเทรด ของคุณได้ นี่คือเคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญที่คุณควรนำไปใช้

    1. มีวินัยในการเทรด

    การมีวินัยจะช่วยให้คุณทำตามแผนที่วางไว้และป้องกันการตัดสินใจที่เกิดจากอารมณ์

    2. ไม่หยุดเรียนรู้

    ตลาดการเงินเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การเรียนรู้และอัปเดตความรู้จะช่วยให้คุณเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    3. บันทึกผลการเทรด

    การบันทึกจะช่วยให้คุณวิเคราะห์ข้อผิดพลาดและปรับปรุงกลยุทธ์

    4. ไม่เสี่ยงเกินความสามารถ

    การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญ อย่าเสี่ยงเงินทุนมากเกินไปในครั้งเดียว

    5. สร้างเครือข่ายกับนักเทรดอื่นๆ

    การแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กับนักเทรดคนอื่นจะช่วยให้คุณเติบโตอย่างรวดเร็ว

    สรุป เคล็ดลับเหล่านี้จากผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้ เทคนิคการเทรด ของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

    สอนเทรด และ ระบบเทรด

    วิธีใช้เทคนิคการเทรดระยะสั้นเพื่อเพิ่มกำไร

    ตุลาคม 15, 2024

    วิธีใช้เทคนิคการเทรดระยะสั้นเพื่อเพิ่มกำไร

    การเพิ่มกำไรในการเทรดระยะสั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด หากคุณมี เทคนิคการเทรด ที่ถูกต้อง นี่คือวิธีที่จะช่วยให้คุณเพิ่มกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    1. เลือกสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง

    สินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงมักจะให้โอกาสในการทำกำไรที่มากขึ้น แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นเช่นกัน

    2. ใช้ Leverage อย่างระมัดระวัง

    Leverage สามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไร แต่ก็ควรใช้อย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันการขาดทุนที่มากเกินไป

    3. ติดตามข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญ

    ข่าวสารต่างๆ สามารถส่งผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์ การติดตามข่าวจะช่วยให้คุณเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวน

    4. ใช้กลยุทธ์เทรดตามเทรนด์

    การเทรดตามแนวโน้มของตลาดเป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีโอกาสทำกำไรสูง

    5. ประเมินและปรับปรุงกลยุทธ์

    การทบทวนและปรับปรุงกลยุทธ์เทรดของคุณจะช่วยให้คุณยังคงมีความสามารถในการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง

    สรุป การใช้ เทคนิคการเทรด ที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณเพิ่มกำไรในการเทรดระยะสั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    สอนเทรด และ ระบบเทรด

    เทคนิคการเทรดระยะสั้นอย่างมืออาชีพ

    ตุลาคม 15, 2024

    เทคนิคการเทรดระยะสั้นอย่างมืออาชีพ

    การเทรดระยะสั้นต้องการความรู้และประสบการณ์ที่มากขึ้น เพื่อให้คุณสามารถเทรดได้อย่างมืออาชีพ นี่คือ เทคนิคการเทรด ที่จะช่วยยกระดับการเทรดของคุณ

    1. ใช้ Multiple Time Frame Analysis

    การวิเคราะห์กราฟในหลายๆ ช่วงเวลา จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมและรายละเอียดที่สำคัญ

    2. เรียนรู้การอ่าน Volume

    ปริมาณการซื้อขาย (Volume) สามารถบอกข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของแนวโน้ม

    3. ใช้กลยุทธ์ Scalping

    สำหรับผู้ที่ต้องการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงสั้นๆ การใช้กลยุทธ์ Scalping อาจเป็นทางเลือกที่ดี

    4. ปรับปรุงกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง

    ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การปรับปรุงและพัฒนากลยุทธ์จะช่วยให้คุณยังคงมีความสามารถในการแข่งขัน

    5. ใช้เทคโนโลยีช่วยในการเทรด

    การใช้ซอฟต์แวร์หรือแพลตฟอร์มเทรดที่ทันสมัยจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดของคุณ

    สรุป การเทรดอย่างมืออาชีพต้องอาศัย เทคนิคการเทรด ที่ลึกซึ้งและการปรับตัวตามสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลง

    สอนเทรด และ ระบบเทรด

    5 เทคนิคการเทรดระยะสั้นที่คุณต้องรู้

    ตุลาคม 15, 2024

    5 เทคนิคการเทรดระยะสั้นที่คุณต้องรู้

    การเทรดระยะสั้นต้องการกลยุทธ์และความรู้เฉพาะทาง เพื่อให้คุณประสบความสำเร็จในการเทรด นี่คือ 5 เทคนิคการเทรด ระยะสั้นที่คุณไม่ควรพลาด

    1. เข้าใจแนวโน้มตลาด

    การระบุแนวโน้มตลาดเป็นสิ่งสำคัญในการเทรดระยะสั้น ใช้เครื่องมือเช่น Trend Lines หรือ Moving Averages เพื่อช่วยในการวิเคราะห์

    2. ใช้กลยุทธ์ Breakout

    การเทรดเมื่อราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้านสามารถสร้างโอกาสในการทำกำไรสูง

    3. ตั้งค่า Stop Loss อย่างเหมาะสม

    การตั้งค่า Stop Loss จะช่วยป้องกันการสูญเสียที่เกินควบคุม ควรกำหนดระดับที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่คุณรับได้

    4. จัดการเงินทุนอย่างมีวินัย

    การบริหารจัดการเงินทุนเป็นหัวใจสำคัญของการเทรดที่ประสบความสำเร็จ อย่าเสี่ยงเงินทุนมากเกินไปในครั้งเดียว

    5. ไม่โลภและควบคุมอารมณ์

    การควบคุมอารมณ์จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผลและป้องกันการตัดสินใจที่ผิดพลาด

    สรุป การนำ เทคนิคการเทรด เหล่านี้ไปปรับใช้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดระยะสั้นของคุณ และเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

    สอนเทรด และ ระบบเทรด

    เทคนิคการเทรดง่ายๆ ที่จะทำให้พอร์ตการลงทุนของคุณโตไม่หยุด!

    ตุลาคม 9, 2024

    เทคนิคการเทรดง่ายๆ ที่จะทำให้พอร์ตการลงทุนของคุณโตไม่หยุด!

    หากคุณกำลังมองหาวิธีที่จะทำให้พอร์ตการลงทุนของคุณเติบโตอย่างต่อเนื่อง เทคนิคการ การเทรด ง่ายๆ เหล่านี้จะเป็นตัวช่วยที่ดี

    1. ตั้งเวลาในการเทรด

      การกำหนดเวลาเฉพาะสำหรับการเทรดจะช่วยให้คุณสามารถโฟกัสและติดตามตลาดได้ดีขึ้น

    2. ศึกษาแนวโน้มระยะยาว

      การวิเคราะห์แนวโน้มระยะยาวจะช่วยให้คุณเข้าใจทิศทางของตลาดและวางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    3. หลีกเลี่ยงการตามกระแส

      การเทรดตามกระแสโดยไม่วิเคราะห์อาจนำไปสู่การสูญเสีย ควรทำการวิเคราะห์ด้วยตนเองเสมอ

    4. ใช้การจัดการเงินที่ดี

      การจัดการเงินอย่างมีวินัยจะช่วยป้องกันการสูญเสียที่ไม่จำเป็นและรักษาเงินทุนของคุณ

    5. ปรับตัวตามสภาพตลาด

      ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การปรับกลยุทธ์ตามสภาพตลาดจะช่วยให้คุณอยู่ในเกมได้ตลอดเวลา

    สรุป

    การใช้เทคนิคการ การเทรด ง่ายๆ เหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถทำให้พอร์ตการลงทุนของคุณโตไม่หยุด ความสำเร็จในการเทรดขึ้นอยู่กับการมีวินัยและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

    สอนเทรด และ ระบบเทรด

    5 เทคนิคปรับพอร์ตการลงทุนให้แข็งแกร่งสำหรับนักลงทุนมือใหม่

    ตุลาคม 8, 2024

    5 เทคนิคปรับพอร์ตการลงทุนให้แข็งแกร่งสำหรับนักลงทุนมือใหม่

    การลงทุนเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการสร้างความมั่งคั่งระยะยาว แต่การจัดการพอร์ตการลงทุนให้แข็งแกร่งต้องอาศัยกลยุทธ์ที่ดี ดังนั้นนี่คือ 5 เทคนิคที่นักลงทุนมือใหม่ควรรู้

    1. กระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท
      การลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายช่วยลดความเสี่ยงในการสูญเสียทุน การมีหุ้น พันธบัตร และอสังหาริมทรัพย์ในพอร์ตการลงทุนของคุณจะช่วยสร้างความสมดุล
    2. ติดตามและปรับปรุงพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
      การลงทุนไม่ใช่เรื่องที่ทำครั้งเดียวแล้วจบ ควรตรวจสอบพอร์ตการลงทุนของคุณเป็นประจำเพื่อปรับตามสภาวะตลาด
    3. ศึกษาและทำความเข้าใจตลาดการลงทุน
      การมีความรู้เกี่ยวกับการลงทุนจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้น อ่านหนังสือ ฟังพอดแคสต์ หรือเข้าร่วมสัมมนาเกี่ยวกับการลงทุน
    4. ตั้งเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจน
      การมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณวางแผนการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการเกษียณอายุหรือซื้อบ้าน
    5. หลีกเลี่ยงการตัดสินใจจากอารมณ์
      ตลาดการลงทุนมีความผันผวน การตัดสินใจที่ดีควรมาจากการวิเคราะห์ไม่ใช่อารมณ์

    การลงทุนที่ประสบความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดจากการวางแผนและการดำเนินการที่ดี

    สอนเทรด และ ระบบเทรด

    3 รูปแบบกราฟราคาที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค

    กันยายน 24, 2024

    3 รูปแบบกราฟราคาที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค

    3 รูปแบบกราฟราคาที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคมีดังนี้:
    📈1. Continuation Chart Patterns (รูปแบบต่อเนื่อง)
    ▪️ Bullish Rectangle (สี่เหลี่ยมผืนผ้าขาขึ้น): ราคามีการเคลื่อนที่ในกรอบสี่เหลี่ยมแล้วเบรกขึ้นไปต่อเมื่อราคาทะลุแนวต้าน
    ▪️ Bullish Pennant (เพนแนนท์ขาขึ้น): ราคามีการเคลื่อนที่คล้ายธงที่ยกขึ้น แล้วเบรกขึ้นต่อเมื่อราคาทะลุแนวต้าน
    ▪️ Bullish Flag (ธงขาขึ้น): ราคามีการเคลื่อนที่ในแนวขนานเล็กน้อยแล้วเบรกขึ้นต่อเมื่อราคาทะลุแนวต้าน
    ▪️ Bearish Rectangle (สี่เหลี่ยมผืนผ้าขาลง): ราคามีการเคลื่อนที่ในกรอบสี่เหลี่ยมแล้วเบรกลงต่อเมื่อราคาทะลุแนวรับ
    ▪️ Bearish Pennant (เพนแนนท์ขาลง): ราคามีการเคลื่อนที่คล้ายธงที่ยกลง แล้วเบรกลงต่อเมื่อราคาทะลุแนวรับ
    ▪️ Bearish Flag (ธงขาลง): ราคามีการเคลื่อนที่ในแนวขนานเล็กน้อยแล้วเบรกลงต่อเมื่อราคาทะลุแนวรับ
    🔄2. Reversal Chart Patterns (รูปแบบกลับตัว)
    ▪️ Inverted Head & Shoulders (หัวและไหล่กลับหัว): เป็นสัญญาณการกลับตัวจากแนวโน้มขาลงไปยังแนวโน้มขาขึ้น
    ▪️ Double Bottom (ดับเบิลบอททอม): เป็นสัญญาณการกลับตัวจากแนวโน้มขาลงไปยังแนวโน้มขาขึ้น เมื่อราคาลงมาสองครั้งแล้วกลับขึ้นไป
    ▪️ Bullish Wedge (ลิ่มขาขึ้น): ราคามีการเคลื่อนที่ลงแล้วเบรกขึ้นเมื่อทะลุแนวต้าน เป็นสัญญาณของการกลับตัวขึ้น
    ▪️ Head & Shoulders (หัวและไหล่): เป็นสัญญาณการกลับตัวจากแนวโน้มขาขึ้นไปยังแนวโน้มขาลง
    ▪️ Double Top (ดับเบิลท็อป): เป็นสัญญาณการกลับตัวจากแนวโน้มขาขึ้นไปยังแนวโน้มขาลง เมื่อราคาขึ้นไปสองครั้งแล้วกลับลงมา
    ▪️ Bearish Wedge (ลิ่มขาลง): ราคามีการเคลื่อนที่ขึ้นแล้วเบรกลงเมื่อทะลุแนวรับ เป็นสัญญาณของการกลับตัวลง
    ⚖️3. Neutral Chart Patterns (รูปแบบเป็นกลาง)
    ▪️ Symmetrical Triangle (สามเหลี่ยมสมมาตร): ราคามีการเคลื่อนที่ในกรอบสามเหลี่ยมซึ่งสามารถเบรกได้ทั้งขึ้นหรือลง
    ▪️ Rectangle (สี่เหลี่ยมผืนผ้า): ราคามีการเคลื่อนที่ในกรอบสี่เหลี่ยมซึ่งสามารถเบรกได้ทั้งขึ้นหรือลง
    ▪️ Ascending/Descending Triangle (สามเหลี่ยมขาขึ้น/ขาลง): สามเหลี่ยมขาขึ้นจะมีโอกาสเบรกขึ้น ส่วนสามเหลี่ยมขาลงจะมีโอกาสเบรกลง
    รูปแบบเหล่านี้ใช้ในการพยากรณ์ทิศทางของราคาตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หากเข้าใจและใช้ประโยชน์ได้อย่างถูกต้อง จะช่วยในการตัดสินใจซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น📈💹
    สอนเทรด และ ระบบเทรด

    9 รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns) ที่นิยมใช้ในการคาดการณ์ทิศทางของตลาด Forex

    กันยายน 23, 2024

    9 รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns) ที่นิยมใช้ในการคาดการณ์ทิศทางของตลาด Forex

     

    1.Bullish Engulfing – 82%
    🔸รูปแบบที่แท่งเทียนขาขึ้น (สีเขียว) ครอบคลุมแท่งเทียนขาลง (สีแดง) ก่อนหน้า สัญญาณบ่งชี้ถึงการกลับตัวของแนวโน้มขึ้น

    2.Bearish Engulfing – 79%
    🔸รูปแบบที่แท่งเทียนขาลง (สีแดง) ครอบคลุมแท่งเทียนขาขึ้น (สีเขียว) ก่อนหน้า สัญญาณบ่งชี้ถึงการกลับตัวของแนวโน้มลง

    3.Morning Star – 75%
    🔸รูปแบบที่ประกอบด้วยแท่งเทียน 3 แท่ง โดยแท่งกลางเป็นแท่งสั้น (Doji) ที่เป็นสัญญาณกลับตัวจากขาลงเป็นขาขึ้น

    4.Evening Star – 73%
    🔸รูปแบบที่ประกอบด้วยแท่งเทียน 3 แท่ง โดยแท่งกลางเป็นแท่งสั้น (Doji) ที่เป็นสัญญาณกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง

    5.Inverted Hammer – 68%
    🔸รูปแบบที่คล้าย Hammer แต่กลับหัว เป็นสัญญาณกลับตัวจากขาลงเป็นขาขึ้น

    6.Shooting Star – 66%
    🔸รูปแบบแท่งเทียนที่มีลำตัวเล็กและเงาบนยาว เป็นสัญญาณกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง

    7.Bullish Harami – 63%
    🔸รูปแบบที่แท่งเทียนขาลง (สีแดง) ครอบคลุมแท่งเทียนขาขึ้น (สีเขียว) แต่แท่งเขียวมีขนาดเล็กกว่า สัญญาณบ่งชี้ถึงการกลับตัวของแนวโน้มขึ้น

    8.Bearish Harami – 61%
    🔸รูปแบบที่แท่งเทียนขาขึ้น (สีเขียว) ครอบคลุมแท่งเทียนขาลง (สีแดง) แต่แท่งแดงมีขนาดเล็กกว่า สัญญาณบ่งชี้ถึงการกลับตัวของแนวโน้มล

    9.Piercing Pattern – 59%
    🔸รูปแบบที่แท่งเทียนขาลงตามด้วยแท่งเทียนขาขึ้นที่เปิดต่ำแต่ปิดเกินครึ่งหนึ่งของแท่งก่อนหน้า สัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้น

    ข้อควรทราบ:เปอร์เซ็นต์ความแม่นยำเหล่านี้เป็นเพียงสถิติที่ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลัง และยังขึ้นอยู่กับสถานการณ์ตลาดและบริบทที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา ควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์อื่นๆ เพื่อการตัดสินใจที่ดีที่สุดในตลาด Forex ค่ะ
    หวังว่ารูปแบบแท่งเทียนเหล่านี้จะช่วยให้การเทรดของคุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นค่ะ! 📊💡
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการเทรดในระบบเทรด Forex ระยะสั้น

    ตุลาคม 21, 2022

    ระบบเทรด Forex ระยะสั้น หมายถึงการเทรด โดยมีระยะเวลาการถือครอง position ตั้งแต่ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ถึงระยะเวลาประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ โดยไม่เกินนี้ โดยสัมพันธ์กับ Time Frame ที่ทำการเทรด หรือ Time Frame ที่ใช้ในระบบเทรด เช่น Time Frame 1H หรือ 4H ซึ่งระยะเวลาในการถือครองจะสอดคล้องกับการวิเคราะห์ โดยระบบเทรดระยะสั้นเป็นระบบเทรดที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากต้องการทำรอบในการทำกำไรที่รวดเร็ว  การทำรอบในการทำกำไรที่รวดเร็วสามารถเพิ่มกำไรได้อย่างรวดเร็ว สามารถสร้างการเจริญเติบโตของพอร์ทได้เร็ว ในกรณีที่ทำกำไรได้ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ระบบเทรด Forex แบบระยะสั้นก็ทำให้พอร์ทการลงทุนลดลงได้อย่างรวดเร็วในกรณีที่ขาดทุนอย่างต่อเนื่องอีกเช่นกัน ซึ่งจะมีอธิบายในเทคนิคระบบเทรด Forex ระยะสั้นนี้

    เทคนิคในระบบเทรด Forex สามารถแบ่งเป็น 3 ระยะหลัก ๆ ได้แก่ ระบบเทรดระยะสั้นมาก ๆ คือระบบเทรด Scalping ซึ่งเป็นการถือ Position ในระดับหลักชั่วโมง และถือไม่เกิน 1 วัน เรียกทั่วไปว่า Day Trader หรือถ้าหากเป็นระบบเทรดระยะสั้น คือระบบเทรดแบบ Swing Trade จะถือ position ยาวขึ้นมาหน่อย คือ ระยะ 1 วัน จนถึงระยะเวลา 1 – 2 สัปดาห์ ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวทำให้ต้นทุนการถือ position ไม่มีนัยสำคัญมากนัก ระบบเทรดระยะกลาง คือการถือ Position หลัก 1 – 2 เดือน ขณะที่ระบบเทรดระยะยาว หรือ Long Term Trading เกี่ยวข้องกับระบบเทรด โดยใช้พื้นฐานเศรษฐกิจ นโยบายการเงินในการวิเคราะห์ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนโยบาย 1 ครั้งต้องอาศัยผลของมันในระยะยาว จึงอาจจะเรียกว่า ระบบเทรดระยะยาวอาจจะต้องถือ position เป็นปี ๆ เลย ซึ่งวันนี้เราจะมาขยายความระบบเทรดระยะสั้นกันก่อน ดังนี้

    ข้อได้เปรียบและจุดอ่อนของระบบเทรดระยะสั้น

    ข้อได้เปรียบของระบบเทรดระยะสั้น คือ ระบบเทรดระยะสั้น สามารถคาดการณ์ได้ง่าย  การคาดการณ์ได้ง่ายหมายความว่า อย่างไร ระบบเทรดระยะสั้นคือการใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคล้วน ๆ ซึ่งการคาดการณ์ของการวิเคราะห์ทางเทคนิคสามารถใช้ Time Frame ที่ใหญ่ว่าในการคาดเดาทิศทาง สิ่งที่คนเทรดระยะสั้นต้องระวังคือ การไม่เผลอถือ position นอกเหนือแผนการเทรดของตัวเอง เพราะว่า ถ้าหากเราไม่ตั้ง Stop loss แล้วผลการเทรดที่ขาดทุนจะนำไปสู่การลดลงของพอร์ทอย่างใหญ่หลวง เนื่องจาก การเทรดระยะสั้น ระยะทางการวิ่งของราคาจะน้อย ทำให้ส่ง Lot ใหญ่เพื่อชดเชยกับระยะทาง ดังนั้น หากเราไม่ใส่ Stop loss ในระบบเทรดระยะสั้น คงไม่ต้องพูดถึงว่าจะต้องเผชิญชะตากรรมอะไรบ้าง

     

     

     

                                           เทคนิคในระบบเทรด Forex ระยะสั้น – ข้อดีข้อเสีย

     

    ข้อดีของระบบเทรดระยะสั้นอีกอย่าง คือ เราไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นในระยะยาว เราสามารถตั้ง Position และเปิด Stop loss ไว้ เมื่อมันชน Stop loss ก็คือ จบการเทรด เราไม่ต้องเผชิญกับภาวะจิตใจที่ต้องรู้สึกว่าจะต้องทนกับการถือ position ลองดูการเทรดระยะยาว ที่ต้องถือ position ข้ามปี และต้องถือต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทุกวัน (Swap) ทำให้กำไรที่กว่าจะได้มานั้นบางครั้งอาจจะไม่ Cover ขาดทุนจาก Swap ด้วยซ้ำ ซึ่งระบบเทรดระยะสั้นไม่ต้องเผชิญข้อนี้

    อย่างไรก็ตามระบบเทรดระยะสั้น นั้นยังมีข้อเสียที่ตามมาอย่างชัดเจน คือ การเผชิญกับภาวะจิตใจที่ขึ้น ๆ ลง เช่น ถ้าหากเราขาดทุนติด ๆ กันสัก 6 ครั้ง เราจะหงุดหงิดและโมโห อยากจะเอาคืน ซึ่งมันมีความเป็นไปได้สูงมากที่เราจะทำอะไรโดยไม่คิด ขาดสติจากการโมโหนั้นและโดยการส่ง Lot ขนาดใหญ่เพื่อจะเอาคืน ซึ่งหลายคนก็เกิดอาการฟิวส์ขาดนี้ได้บ่อย ๆ  นอกจากนี้ ระบบเทรดระยะสั้น อาจจะทำให้ผลตอบแทนลดลงอย่างรวดเร็วอย่างมีนัยสำคัญ นั่นเพราะว่า เมื่อเราขาดทุนในระยะสั้น เรายังขาดทุนได้บ่อยครั้งกว่าการถือ position ในระยะยาว เมื่อขาดทุนติด ๆ กันทำให้การกลับมาใหม่เพื่อทำให้ได้ระดับที่เท่าทุนนั้นยิ่งทำได้ยาก

    จากข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบดังกล่าว ระบบเทรดระยะสั้นนั้น เทรดเดอร์ต้องฝึกให้มีความชำนาญ และสามารถป้องกันปัญหาข้ออ่อนของมันไม่ให้เกิดขึ้น โดยการไม่ทำตามอารมณ์ ทำตามแผนการเทรด จะทำให้ไม่นำตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายได้

    กลยุทธ์การเทรด

    การเข้าเทรดในระบบเทรดระยะสั้น นั้นจะต้องใช้เครื่องมือให้เหมาะสมกับ Time Frame โดยกลยุทธ์การเทรดนี้จะพูดถึง การเข้า การออก จากการเทรด ซึ่งรวมถึงเครื่องมือและ indicator ต่างที่ควรใช้ ดังนี้

    การเข้าเทรด

    การเข้าเทรด ระบบเทรดระยะสั้น เป็นการเทรด Swing ประเภทหนึ่ง ซึ่งเครื่องมือประเภทเทรด Swing ก็จะสามารถใช้ Stochastic RSI  หรืออาจจะใช้เครื่องมือประเภทเทรนด์ได้ แต่ว่าจะต้องใช้ Time Frame เล็กกว่าที่กำหนด ในตัวอย่างนี้ผมจะใช้ Stochastic ในการจัดการการเข้าเทรด โดยเลือก Time Frame  4 ชั่วโมง ซึ่งรอบของการขึ้นลงต่อรอบเท่ากับ ประมาณหลักสัปดาห์

    การตั้ง Stop loss แล้ว เราควรทำการตั้ง Trailing Stop เพื่อป้องกันออเดอร์ที่กำไรกลับกลายเป็นออเดอร์ขาดทุน ในกรณีที่มีการถือ position ข้ามคืน ตอนกลางคืนไม่ได้ดูทำให้เราไม่ต้องกังวล แม้ว่ากำไรอาจจน้อยไปบ้างเพราะมันอาจจะย้อนกลับมาชนการแกว่งตัวของราคา แต่ก็ทำให้ความปลอดภัยนั้นเพิ่มขึ้น

    การจัดการการเงินและแผนในระบบเทรด

    การจัดการการเงิน และ แผนในระบบเทรด นั้นไม่ได้มีอะไรซับซ้อนสำหรับระบบเทรดระยะสั้น สิ่งที่ยากกว่าคือ การรักษาวินัยให้ได้ตามการวางแผนการลงทุน โดยการจัดการการเงินที่ดีที่สุดสำหรับระบบเทรดแบบนี้ คือ การเสี่ยงทีละ 1 – 2 % เท่านั้น ขณะที่ควบคุม Risk Reward ให้ได้ใกล้เคียงกับ 1:2 ทุกครั้ง สิ่งสำคัญที่สุดคืออย่างหนึ่งของแผนการเทรดคือ การทำ Journal เพื่อควบคุมอารมณ์ตัวเราเอง

    ขณะที่แผนการเทรดนั้น ควรจะต้องมีการวางเป้าหมาย โดยเป้าหมาย คือการอยู่ให้รอดในตลาดให้นานที่สุด ในตลาดเราไม่รู้ว่โอกาสของเราจะมาในวันไหนสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราทำได้คือ การอยู่รอดเพื่อให้วันที่เราจะทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำมาถึง นั่นคือวันที่เราสามารถทำกำไรติด ๆ กันได้ ถ้าหากอยากประสบความสำเร็จเราต้องให้ความสนใจกับ Consecutive win เพราะว่านั่นคือวิธีที่จะทำให้พอร์ทลงทุนเติบโต

     

    แผนการเทรดเป็นสิ่งที่จะทำให้เราเติบโตในระยะยาว ซึ่งเราควรพัฒนาแผนการเทรดและปรับปรุงมันอยู่เสมอ  การพัฒนาแผนการเทรดที่ดีนั้นควรจะต้องมีหลักการและเหตุผล โดยอ้างอิงตามลักษณะปัญหาของการเทรดที่เกิดขึ้น เทรดเดอร์ต้องทำหน้าที่เป็นนักจิตวิทยาของตัวเองในการแก้ไขปัญหาของตัวเอง

    _____________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )

    _____________________________________________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    3 ข้อดี การเทรด Forex ระยะสั้น

    ตุลาคม 20, 2022

     

     

     

     

    3 ข้อดีของการเทรด Forex ระยะสั้น

    การซื้อขายในช่วงเวลาสั้น ๆ ในตลาด Forex มักถูกมองว่าเป็นแนวทางปฏิบัติที่ได้รับความนิยมมากกว่าการซื้อขายระยะยาว ในการซื้อขายระยะสั้น สถานะของคุณมักจะอยู่ได้ไม่เกินหนึ่งวัน ในขณะที่การซื้อขายระยะยาวสามารถเปิดได้หลายปี

    การซื้อขาย Forex ระยะสั้นมีข้อดี ดังนี้

    1. คุณสามารถซื้อขายได้หลายพันโอกาสเมื่ออัตราแลกเปลี่ยนมีการเปลี่ยนแปลงโดยมีความผันผวนสูง คุณสามารถจับทุกวงสวิง — ขึ้นหรือลง ซื้อขายภายในช่วงและช่องทาง แม้แต่ตลาดไซด์เวย์ก็สามารถซื้อขายได้ในระยะสั้น เมื่อคุณซื้อขายระยะยาว คุณพลาดโอกาสเหล่านี้
    2. คุณไม่จำเป็นต้องผูกเงินของคุณเป็นเวลานาน เงินทุนหลักประกันของคุณถูกล็อคไว้ในช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น และคุณสามารถเอามันออกจากบัญชีซื้อขายได้อย่างง่ายดายหากคุณต้องการจริงๆ แล้วนำมันกลับคืนมาและทำการซื้อขายต่อไปโดยไม่มีปัญหาใดๆ ในการซื้อขายระยะยาว เงินของคุณจะถูกยึดไว้ในตำแหน่งเป็นเวลาหลายเดือน
    3. สัญญาณการซื้อขาย Forexส่วนใหญ่  ใช้ได้กับการซื้อขายระยะสั้นเท่านั้น โดยปกติ ทั้งสัญญาณทางเทคนิคและสัญญาณพื้นฐานจะให้โอกาสในการซื้อขายที่หมดไปภายในเวลาไม่ถึงหลายชั่วโมง จำนวนสัญญาณและเหตุการณ์ที่มีอิทธิพลต่ออัตราสกุลเงินในระยะยาวมีน้อยมาก

    นี่คือสิ่งที่คุณจะได้รับหากคุณชอบที่จะซื้อขายระหว่างวันและใช้เทคนิคต่างๆ เช่น การซื้อขายฝ่าวงล้อม การถลกหนังการ ซื้อขายตาม ข่าว การซื้อขายช่วง และกลยุทธ์ระยะสั้นอื่นๆ แน่นอนว่ายังมีข้อเสียอยู่บ้างในการซื้อขายระยะสั้น แต่ก็ไม่ใช่หัวข้อของคู่มือนี้ การเทรด Forex ระยะสั้นค่อนข้างดึงดูดนักเทรดรายใหม่ แต่ความเสี่ยงของพวกเขาอยู่ในความผันผวน หากคุณสามารถตั้งค่า stop-loss ที่สมเหตุสมผลและยังคงทำเงินได้ นั่นเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุดที่จะอยู่ในสถานะ short front

    _____________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )

    _____________________________________________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    Slippage ใน Forex คืออะไร?

    ตุลาคม 20, 2022

    Slippage คืออะไร?

    Slippage หมายถึงความแตกต่างระหว่างราคาที่คาดหวังของการซื้อขายและราคาที่ดำเนินการซื้อขาย Slippage สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาแต่จะแพร่หลายมากที่สุดในช่วงที่มีความผันผวนสูง เมื่อมีการใช้คำสั่งของตลาด นอกจากนี้ยังสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อมีการดำเนินการคำสั่งจำนวนมาก แต่มีปริมาณไม่เพียงพอที่ราคาที่เลือกเพื่อรักษาส่วนต่างราคาเสนอ/สอบถามปัจจุบัน

    Slippage ทำงานอย่างไร?

    Slippage ไม่ได้แสดงถึงการเคลื่อนไหวเชิงลบหรือเป็นบวก เนื่องจากความแตกต่างใดๆ ระหว่างราคาส่งคำสั่งที่ตั้งใจไว้และราคาดำเนินการจริงจะถือเป็นการเลื่อนหลุด เมื่อมีการดำเนินการตามคำสั่ง หลักทรัพย์จะถูกซื้อหรือขายในราคาที่เหมาะสมที่สุดที่เสนอโดยการแลกเปลี่ยนหรือผู้ดูแลสภาพคล่องรายอื่น สิ่งนี้สามารถให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า เท่ากับหรือน้อยกว่าราคาดำเนินการที่ตั้งใจไว้ ราคาส่งคำสั่งสุดท้ายกับราคาส่งคำสั่งที่ตั้งใจไว้สามารถจัดประเภทเป็นค่า Slippage เชิงบวก ไม่มี Slippage หรือ Slippage เชิงลบ

    ราคาในตลาดสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการเลื่อนหลุดระหว่างความล่าช้าระหว่างคำสั่งเทรดและเมื่อเสร็จสิ้น คำนี้ใช้ในสถานที่ทางการตลาดหลายแห่ง แต่คำจำกัดความเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ความคลาดเคลื่อนมักจะเกิดขึ้นในสถานการณ์ที่แตกต่างกันสำหรับแต่ละสถานที่

    แม้ว่าคำสั่งจำกัดจะป้องกัน Slippage ติดลบ แต่ก็มีความเสี่ยงโดยธรรมชาติของการซื้อขายที่ไม่ถูกดำเนินการหากราคาไม่กลับสู่ระดับที่จำกัด ความเสี่ยงนี้จะเพิ่มขึ้นในสถานการณ์ที่ความผันผวนของตลาดเกิดขึ้นเร็วขึ้น ซึ่งจำกัดระยะเวลาสำหรับการซื้อขายให้เสร็จสิ้นตามราคาดำเนินการที่ตั้งใจไว้อย่างมาก

    Slippage และตลาด Forex

    ความคลาดเคลื่อนของ Forex เกิดขึ้นเมื่อมีการดำเนินการคำสั่งของตลาดหรือหยุดการสูญเสียปิดตำแหน่งในอัตราที่แตกต่างจากที่กำหนดไว้ในคำสั่ง Slippage มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในตลาดฟอเร็กซ์มากขึ้นเมื่อมีความผันผวนสูง อาจเนื่องมาจากเหตุการณ์ข่าว หรือในช่วงเวลาที่คู่สกุลเงินทำการซื้อขายนอกเวลาทำการของตลาดสูงสุด ในทั้งสองสถานการณ์ ผู้ค้า forex ที่มีชื่อเสียง จะทำการซื้อขายในราคาที่ดีที่สุดถัดไป

    _____________________________________________

    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )

    _____________________________________________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการเทรด forex ที่จะทำให้เราเทรดสำเร็จ

    ตุลาคม 19, 2022

    อะไรที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จในการเทรด Forex  แนะนำ 3 อย่างที่จะทำให้เราสำเร็จ ในการเทรด Forex เท่านั้น แต่ว่าไม่ได้หมายความว่า คุณมี 3 อย่างนี้ครบแล้วจะประสบความสำเร็จเลยก็อาจจะยังไม่ใช่ คุณยังต้องรู้จักรอจังหวะและโอกาสร่วมกันไปด้วย เรามาดูกันเลยดีกว่า

     

    1. ชุมชนนักเทรดforex

    ถ้าหากถามว่า ทำไมถึงยกว่า การมีชุมชนนักเทรดจึงมีโอกาสทำให้เราประสบความสำเร็จ ก็ต้องบอกว่า เพราะว่า ในช่วงแรก ๆ ที่ผมกำลังขาดทุน และเริ่มหาความรู้ ชุมชนนักเทรดจะคอยเป็นแหล่งความรู้ให้คุณ จะทำให้คุณเห็นวัฎจักรของเทรดเดอร์

    ก่อนหน้านี้นานมากมีเทรดเดอร์หลายกลุ่ม ปัจจุบัน เข้าไปแล้วไม่รู้จักใครอีกเลยในชุมชนเทรด นั่นเป็นเพราะว่า คนที่ยังเทรดอยู่มันเหลือน้อยจนเกินไป เพราะเขาต่างขาดทุนและล้มหายตายจากจากวงการ Forex กันหมด ผลหน่ะหรอ? ก็ทำให้เรามีประสบการณ์และความรู้มากกว่าคนอื่น ๆ ในตลาด ทำให้เราเรียนรู้ได้ไกลกว่าคนอื่น การไม่ยอมแพ้ทำให้เรายังอยู่ในวงการและเดินมาไกลกว่าคนที่ยอมแพ้ไปแล้ว

    เพราะว่าในชุมชนนักเทรด เช่น Webboard จะมีการแบ่งปัน EA หนังสือ หรือทรัพยากรต่าง ๆ ให้เราได้ลองได้ทดสอบ ความรู้แปลกใหม่ วิธีการแปลกใหม่ เพราะลำพังให้เราไปค้นหาก็คงไม่ได้เจอกันง่าย ๆ หรอกจริงไหมครับ ฉะนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คุณจะเป็นมือเก๋า มือใหม่ ก็ควรจะมีเว็บบอร์ดสักแห่งที่คอยเป็นแหล่งความรู้ที่ดีของคุณ ไม่ต้องเยอะครับ เอาแค่ 1 แห่งก็พอ ที่มีครบทุกอย่าง

    1. Mindset

    หลังจากที่คุณมีความรู้ประสบการณ์ต่าง ๆ แล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ Mindset หรือการกำหนดวิธีคิดการกำหนดทัศนคติของคุณที่คุณมีต่อ Forex ไม่ว่าคุณจะเรียนรู้ความรู้ในเชิงทฤษฎีได้เร็วขนาดไหน แต่การฝึก Mindset นั้นกำหนดมาจากประสบการณ์ และความเข้าใจ

    ถ้าหากคุณอยากจะเพิ่ม Mindset และความคิดความเข้าใจเกี่ยวกับการเทรด Forex มีวิธีฝึกง่าย ๆ คือ คุณต้องฝึกเทรดให้เยอะ ๆ เทรดไปเรื่อย ๆ โดยใช้เงินจริงนี่แหละเป็นตัวฝึก เพราะว่า ถ้าคุณเสียเงินที่เป็นเงินปลอมคุณไม่มีวันจำหรอกจริงรึเปล่า

    เมื่อก่อนเทรด Lot 0.10 Standard Lot โดยที่ใช้เงินแค่ 100 USD สำหรับขนาด Lot เท่านี้และจำนวนเงินเท่านั้ ถ้าเกิดว่ามั้นผิดพลาดราคาวิ่งสวนทางกับที่เราคิด สิ่งเดียวที่เกิดขึ้นและทำได้คือ ยอมรับการล้างพอร์ท ต้องบอกว่ามันคือการเดิมพัน เกมส์ที่ห้ามพลาด เทรดเท่าไหร์ก็ไม่เข้าใจ จนเสียหลาย ๆ ครั้งและเริ่มคิดว่า “ถ้าเราทำแบบนี้เทรดแล้วขาดทุนครั้งแล้วครั้งเล่า มาเป็น 10 กว่าครั้งแล้ว ถ้าเรารวบรวมเงิน 100 เหรียญ 10 ครั้งก็กลายเป็น 1 พัน เหรียญ และเมื่อเราเทรดโดยใช้ Lot เท่าเดิม เราก็น่าจะได้กำไรและไม่ต้องเสียเงินต้นเหมือนที่ผ่านมา นั่นทำให้เข้าใจว่า อนี่ไง ความรู้วิ่งมาหาเราละ ประสบการณ์ การคิดได้ ทำให้ทัศนคติของการลงทุนเปลี่ยนไป เมื่อเรามองมันเปลี่ยน เพราะเราเข้าใจได้จากการคิด หรือจากการเข็ดหลาบก็แล้วแต่ นั่นแหละเรียกว่า Mindset ที่ดีได้เกิดขึ้นแล้ว ดังนั้น คุณต้องเริ่มเทรดและฝึกประสบการณ์การเทรด เพราะว่า การเรียนแต่ทฤษฎีไม่สามารถนำอะไรมาให้คุณเป็นชิ้นเป็นอันได้อย่างแน่นอน

     

    1. การศึกษา

    เพื่อเน้นยำความสำคัญของความรู้เพิ่มเติม ต้องบอกว่า การศึกษา เป็นสิ่งที่ควรลงทุนเป็นอย่างยิ่ง จะว่าไปแล้ว ข้อ 1 ข้อ 2 นั่นคือ สิ่งที่จะต้องศึกษา แต่หลาย ๆ คนในตลาด Forex มีงบประมาณจำกัดและคาดหวังว่าจะเอาเงินงบลงทุนนั้นใช้เทรด แต่เราไม่เคยเตรียมตัวเรียนรู้เลย ไม่เคยมีใครพูดบอกว่า เราจะเตรียมเงินในการศึกษา Forex ไว้ 3 แสนบาท โดยจะแบ่งเป็นงบการศึกษาทดลอง 1 แสนบาท คือเรายอมเสีย และงบสำหรับฝึกวิชา 1 แสนบาท ขณะที่ งบเทรดจริงหลังจากเก่งแล้ว 1 แสนบาท มีคนทำอย่างนี้ไหม?  ไม่มี๊ ไม่เคยเห็น เคยเห็นมีแต่คนคิดว่า “ตรูจะทำเงิน 3 แสนให้เป็น 1 ล้านภายใน 3 เดือน” อะไรทำนองนั้น อย่างนี้แหละเยอะ ก็มันไม่ได้เตรียมตัวมาเพื่อที่จะเจ็บตัวนี่นา  นั้นเพราะเรามีความโลภ คิดแต่จะได้ฝ่ายเดียว ไม่คิดว่า เราจะมาเสีย แล้วจะเสียได้ยังไง

    สามอย่างที่ได้กล่าวมานี้ เป็นสิ่งที่มือใหม่และมือเก่าควรเก็บประสบการณ์ให้ครบก่อนตัดสินใจที่จะเป็นเทรดเดอร์เต็มตัว โลกเราไม่ได้ตรงไปตรงมาว่าจะต้องเรียนก่อนแล้วค่อยเทรด การเทรดไปเรียนไปเป็นสิ่งที่ธรรมชาติอย่างอื่น ๆ ของการเรียนรู้กระทำกัน

    _____________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )

    _____________________________________________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    วิธีการหรือเทคนิคในการซื้อขายในตลาด Forex

    ตุลาคม 19, 2022

    วิธีการหรือเทคนิคในการซื้อขายในตลาด Forex

    ตลาด Forex มอบโอกาสมากมายให้กับเทรดเดอร์และสามารถทำกำไรได้อย่างมากในการเทรดและยังน่าตื่นเต้นอีกด้วย ตลาด Forex ที่สำคัญที่สุดคือตลาดสปอตเนื่องจากมีปริมาณมาก ตลาดเรียกว่าตลาดสปอตเพราะการซื้อขายจะถูกตัดสินทันทีหรือ “ทันที”

    ด้วยการซื้อขาย Forex ยังมีปัจจัยเสี่ยงมากมาย เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่คุณจะต้องเข้าใจความหมายของการซื้อขายมาร์จิ้นและข้อผิดพลาดเฉพาะและโอกาสที่การซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเสนอให้ มีประโยชน์เฉพาะสำหรับการซื้อขายในตลาด Forex แต่คุณต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าการซื้อขายแต่ละครั้งที่คุณป้อนทำงานอย่างไร กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เหตุใดคุณจึงเข้าสู่การค้าขาย และสามารถมีจิตใจที่สงบนิ่งได้ ความกลัวและความโลภเป็นศัตรูของเทรดเดอร์ Forex ที่ประสบความสำเร็จอย่างไม่ต้องสงสัย

    มี 2 วิธีหรือเทคนิคทั่วไปในการซื้อขายในตลาด Forex 

    1. การวิเคราะห์ทางเทคนิคมุ่งเน้นไปที่รูปแบบราคาและใช้แผนภูมิเพื่อแยกความแตกต่าง การวิเคราะห์ทางเทคนิคมุ่งเน้นไปที่การเคลื่อนไหวของราคาและพฤติกรรมของตลาด ด้วยการใช้อินดิเคเตอร์ที่หลากหลาย คุณจะสามารถจดจำและรวมการจดจำรูปแบบเข้ากับอินดิเคเตอร์ที่คุณชื่นชอบเพื่อยืนยันการซื้อขายได้ ไม่จำเป็นต้องใช้อินดิเคเตอร์ที่หลากหลาย โดยปกติแล้ว 2-3 ตัวก็เพียงพอแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณรวมอินดิเคเตอร์เข้ากับรูปแบบราคา

    อินดิเคเตอร์มีอยู่ในซอฟต์แวร์การซื้อขายส่วนใหญ่ และการคำนวณทั้งหมดจะทำโดยอัตโนมัติภายในซอฟต์แวร์ ปัญหาของตัวบ่งชี้การซื้อขายเท่านั้นคือ อย่างแรกคือราคาที่ล้าหลัง และจากนั้นคุณมองเพียงด้านขวาของแผนภูมิของคุณ รอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น แล้วด้านซ้ายหรือด้านข้างของแผนภูมิที่บอกคุณว่าเกิดอะไรขึ้นแล้ว นี่เป็นแง่มุมที่สำคัญมากของการซื้อขาย ฉันเรียกสิ่งนี้ว่าภาพรวมที่ใหญ่กว่า แผนภูมิที่ดีจะไม่มีค่าหากช่วยในการระบุโอกาสที่ดี

    การวิเคราะห์โมเมนตัมคือการวัดการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มการซื้อขาย Forex ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง อินดิเคเตอร์โมเมนตัมบางตัวจะแสดงว่าสกุลเงินมีการซื้อมากเกินไปหรือขายเกิน และสิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องมือทั่วไปและมีประโยชน์มากสำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิค

    2. – การวิเคราะห์พื้นฐาน – พิจารณาพฤติกรรมราคาเป็นผลจากเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมือง การวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานเกี่ยวข้องกับการใช้ข้อมูลทางเศรษฐกิจ การตัดสินใจทางการเมืองที่สำคัญ หรือประเด็นทางสังคมต่างๆ ที่มีอิทธิพลต่อราคา อัตราดอกเบี้ยและจำนวนการจ้างงานเป็นข้อมูลทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่สามารถขับเคลื่อนตลาดได้อย่างมาก

    การซื้อขายขั้นพื้นฐานเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากในการคาดการณ์สภาวะเศรษฐกิจ แต่ไม่จำเป็นต้องมีราคาตลาดที่แน่นอนเสมอไป

    อย่าใส่ข้อมูลมากเกินไปในความคิดของคุณ วิธีที่ดีที่สุดในการซื้อขายคือวิธีง่ายๆ อย่างไรก็ตาม การเข้าใจการวิเคราะห์พื้นฐานและทางเทคนิคเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อนำไปใช้ในการซื้อขาย Forex ของคุณ

    _____________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )

    _____________________________________________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    7 เคล็ดลับพื้นฐานในการเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่ดี

    ตุลาคม 19, 2022

    7 เคล็ดลับพื้นฐานในการเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่ดี

    1. จำนวนสเปรด

    ค่าสเปรดซึ่งคำนวณเป็น pip คือความแตกต่างระหว่างจำนวนเงินที่คุณสามารถซื้อหรือขายสกุลเงิน ณ จุดใดเวลาหนึ่ง

    สกุลเงิน Forex ไม่ได้ซื้อขายผ่านตลาดแลกเปลี่ยนกลาง ดังนั้นสเปรดอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์ Forex ที่คุณใช้ โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ออนไลน์บางรายมีสเปรดผันแปร บางแห่งมีจำนวนเงินสเปรดสองค่าขึ้นอยู่กับกลางวันและกลางคืน

    ค่าสเปรดบางส่วนขึ้นอยู่กับตำแหน่งของตลาด เมื่อตลาดเงียบสเปรดจะเล็ก และเมื่อตลาดไม่ว่าง สเปรดจะสูง ฉันชอบโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่มีสเปรดคงที่เพราะว่าค่าคงที่ระยะยาวนั้นปลอดภัยกว่า

    2. การดำเนินการ

    — การดำเนินการคำสั่งของโบรกเกอร์เร็วแค่ไหน?

    — พวกเขาเสนอการดำเนินการอัตโนมัติหรือไม่?

    — คุณสามารถซื้อขายได้เท่าไหร่ก่อนที่จะขอใบเสนอราคา?

    — พวกเขาค้าขายกับลูกค้าของพวกเขาหรือไม่?

    3. ตัวเลือกเลเวอเรจ

    เลเวอเรจจะแสดงเป็นอัตราส่วนระหว่างเงินทุนทั้งหมดที่สามารถซื้อขายได้กับเงินทุนจริงของคุณ ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณมีอัตราส่วน 100:1 โบรกเกอร์ Forex ของคุณจะให้คุณยืม $100 สำหรับทุก ๆ $1 ของทุนจริงที่คุณมี เลเวอเรจเป็นสิ่งจำเป็นในการซื้อขาย Forex เนื่องจากการเบี่ยงเบนของราคาในสกุลเงินถูกกำหนดไว้ที่เศษเสี้ยวเซ็นต์

    ก่อนเลือกโบรกเกอร์ Forex ออนไลน์ สังเกตว่าเลเวอเรจของพวกเขาคืออะไร โบรกเกอร์หลายแห่งเสนอมาร์จิ้นที่ยืดหยุ่นซึ่งช่วยให้คุณเลือกเลเวอเรจที่เหมาะสมกับคุณ

    4. ประเภทบัญชี

    สังเกตว่าโบรกเกอร์ Forex ที่คุณเลือกมีบัญชีขนาดเล็กหรือไม่ บัญชีขนาดเล็กออกแบบมาสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มซื้อขายสกุลเงินออนไลน์และผู้ที่มีเงินลงทุนจำกัด มีเงินฝากขนาดเล็กที่จำเป็นในการเริ่มต้นซื้อขายเพียง $300 หรือน้อยกว่า

    5. แพลตฟอร์มการซื้อขาย

    ซอฟต์แวร์ซื้อขายที่ดีจะแสดงราคาจริงที่คุณสามารถซื้อขายได้ ไม่ใช่แค่ราคาบ่งชี้ มันจะเสนอคำสั่ง Limit และ Stop และจะให้คุณสามารถแนบคำสั่งเหล่านี้กับคำสั่งซื้อของคุณ ยกเลิกครั้งเดียว-คำสั่งอื่นๆ เป็นอีกคุณสมบัติที่มีประโยชน์ — หมายความว่าคุณสามารถตั้งค่าการค้าของคุณ แล้วปล่อยให้ซอฟต์แวร์ดำเนินการต่อไป

    6. เครื่องมือการซื้อขายและบริการเสริม

    ค้นหาโบรกเกอร์ Forex ออนไลน์ที่นำเสนอทรัพยากรและข้อมูลที่ดีที่สุดเพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจซื้อขายได้อย่างชาญฉลาดที่สุด บริษัทที่ดีควรนำเสนอแผนภูมิแบบเรียลไทม์ เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค ข่าวสารและข้อมูลแบบเรียลไทม์ และซอฟต์แวร์หรือการสนับสนุนเว็บไซต์ เบื่อหน่ายกับบริษัทใด ๆ ที่ปฏิเสธที่จะแบ่งปันข้อมูลหรือรุ่นทดลองก่อนเปิดบัญชี คุณจะต้องทดลองใช้ระบบก่อนที่จะเลือกนำเงินไปลงทุน

    7. สนับสนุน

    Forex เป็นตลาดที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นโบรกเกอร์ Forex ออนไลน์ของคุณควรให้การสนับสนุนตลอด 24 ชั่วโมง คุณควรตรวจสอบด้วยว่าคุณสามารถปิดตำแหน่งทางโทรศัพท์ได้หรือไม่ จำเป็นในกรณีที่พีซีหรือการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณขัดข้องในช่วงเวลาสำคัญ คุณสามารถติดต่อโต๊ะช่วยเหลือทางอินเทอร์เน็ตเพื่อดูว่าพวกเขาตอบคำถามได้เร็วแค่ไหน

    _____________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )

    _____________________________________________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    4 ขั้นตอนง่ายๆ ในการขจัดอารมณ์ออกจากการซื้อขาย Forex ของคุณ

    ตุลาคม 19, 2022

    4 ขั้นตอนง่ายๆ ในการขจัดอารมณ์ออกจากการซื้อขาย Forex ของคุณ

    อารมณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้เป็นหนึ่งในปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของผู้ค้า Forex เทรดเดอร์ที่เริ่มต้นเกือบทุกรายที่เริ่มต้นด้วยบัญชีทดลอง ประสบกับความสำเร็จอย่างมากในการซื้อขาย แต่ล้มเหลวในการนำความสำเร็จนี้มาสู่บัญชีเงินจริง อะไรคือปัญหา? อารมณ์! เมื่อเราแพ้ เรารู้สึกหงุดหงิดและบางครั้งถึงกับสิ้นหวัง การชนะอาจทำให้เราสูญเสียการควบคุมการกระทำของเราและเปลี่ยนการซื้อขายของเราให้กลายเป็นการพนันหรือทำให้เกิดการซื้อขายเกินจริงอย่างร้ายแรง ต่อไปนี้คือ 4 ขั้นตอนง่ายๆ ในการหยุดอารมณ์ไม่ให้ทำลายการซื้อขาย Forex ของคุณ :

    1. การสูญเสียครั้งเดียวไม่ใช่ความผิดของคุณ มันไม่ใช่ความผิดของตลาดด้วยซ้ำ และไม่ใช่ความผิดของระบบของคุณ มันเป็นเพียงการสูญเสีย ไม่มีผู้ค้าและไม่มีระบบใดที่สามารถรับประกันอัตราการชนะได้ 100% ดังนั้นการสูญเสียควรเกิดขึ้น หากคุณแพ้ แสดงว่าระบบของคุณทำงาน มันอาจจะสูญเสียอีกครั้ง แต่นั่นไม่ควรเปลี่ยนการรับรู้ของคุณเกี่ยวกับความมีชีวิตของระบบ การซื้อขายไม่ได้ผลกับการสูญเสียหรือชนะเพียงครั้งเดียว ใช้ได้กับอัตราการสูญเสียและ  อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน ดังนั้น ครั้งต่อไปที่คุณแพ้ จำไว้ว่าไม่มีใครถูกตำหนิ เพราะไม่มีความผิดในการสูญเสีย
    2. หากการขาดทุนมีชัยเหนือตำแหน่งที่ชนะ ให้ตรวจสอบอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน ของคุณก่อน หากการสูญเสียแต่ละครั้งของคุณน้อยกว่าหนึ่งในสามของตำแหน่งที่ชนะเพียงครั้งเดียว ระบบของคุณอาจตั้งใจที่จะทำงานกับ 65% ของตำแหน่งของคุณในโซนสีแดง หาก อัตราส่วน ความเสี่ยงต่อผลตอบแทนของคุณไม่สามารถชดเชยอัตราส่วนการสูญเสียต่อการชนะที่ไม่ดีได้ คุณก็ไม่ต้องโทษตัวเอง ตลาด หรือระบบของคุณ อาจเป็นเพียงระบบที่ผิดสำหรับตลาดที่คุณกำลังซื้อขาย เวลาเปลี่ยนแปลง และระบบเก่าหยุดทำงานในขณะที่ระบบใหม่ถูกสร้างขึ้น เพียงเปลี่ยนไปใช้อย่างอื่นและดำเนินการแสวงหาความสำเร็จของคุณต่อไป
    3. ตำแหน่งที่ชนะเพียงตำแหน่งเดียวไม่ใช่ตัวบ่งชี้ความสำเร็จของคุณ เช่นเดียวกับการสูญเสีย อย่าถือว่าการชนะครั้งเดียวเป็นความสำเร็จของคุณ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของขั้นตอนปกติของการซื้อขาย Forex
    4. หากอัตราการชนะของคุณสูงในช่วงเวลาที่ยาวนานและ  อัตราส่วน ความเสี่ยงต่อผลตอบแทนค่อนข้างต่ำ ฉันสามารถแสดงความยินดีกับคุณด้วยการค้นหากลยุทธ์ที่เหมาะสมซึ่งทำงานได้ดีสำหรับตลาดประเภทที่คุณทำการซื้อขายในช่วงเวลานั้น 
    _____________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )

    _____________________________________________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    รูปแบบกราฟแท่งเทียน

    ตุลาคม 19, 2022

    1.ขาขึ้น Piercing Pattern เป็นรูปแบบแท่งเทียนสีเขียวของหุ้นหรือค่าเงินที่อยู่ในเทรนด์ขาลง โดยตัวแท่งเทียน (Body) มีลักษณะที่ค่อนข้างยาว และมีราคาปิดที่สูงเกินกว่าครึ่งของแท่งเทียนสีแดงก่อนหน้า ซึ่งตัวแท่งเทียนก่อนหน้าที่เป็นสีแดงนั้นก็มีความยาวอยู่ในระดับหนึ่ง แล้วมีราคาปิดเกือบถึงราคาต่ำสุดของแท่งเทียนที่อยู่ในเทรนด์ขาลงก่อนหน้านั้นเช่นกัน รูปแแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเช่นนี้ บ่งบอกถึงสัญญาณการกลับตัวของหุ้นหรือค่าเงินที่มีความรุนแรง ความหมายก็คือ อาจมีกลับตัวเปลี่ยนทิศทางจากขาลงเป็นขึ้นได้

    2.ขาลง Dark Cloud Cover เป็นรูปแบบแท่งเทียนสีเเดงของหุ้นหรือค่าเงินที่อยู่ในเทรนด์ขาขึ้น โดยตัวแท่งเทียน (Body) มีลักษณะที่ค่อนข้างยาว และมีราคาปิดที่สูงเกินกว่าครึ่งของแท่งเทียนสีเขียวก่อนหน้า ซึ่งตัวแท่งเทียนก่อนหน้าที่เป็นสีเขียวนั้นก็มีความยาวอยู่ในระดับหนึ่ง แล้วมีราคาเปิดที่ใกล้เคียงกับราคาสูงสุดของแท่งเทียนที่อยู่ในเทรนด์ขาขึ้นก่อนหน้านั้นเช่นกัน รูปแแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเช่นนี้ บ่งบอกถึงสัญญาณการกลับตัวของหุ้นหรือค่าเงินที่มีความรุนแรง ความหมายก็คือ อาจมีกลับตัวเปลี่ยนทิศทางจากขาขึ้นเป็นขาลงได้

    3.ขาขึ้น Bullish Engulfing เป็นรูปแบบที่มีแท่งเทียนแท่งที่สอง(แท่งสีเขียวขวามือ) มีขนาด body (ตัวแท่ง) ยาวกว่า body ตัวแรก (แท่งสีแดง) ตามความหมายของ engulfing คือการกลืนกิน หรือห้อมล้อมครอบงำ ในการพิจารณานั้นจะไม่เกี่ยวกับไส้เทียน (Shadow) ลักษณะของ Engulfing ที่ดีสุดคือ แท่งตัวแรก(สีแดง)ควรจะเล็กสั้นๆ ส่วนแท่งที่สอง(สีเขียน) ควรจะยาวๆ และเพื่อความมั่นใจอาจจะรอยืนยันแท่งที่สอง-สาม (สีเขียว) ในวันถัดไป โดยแท่งต้องยาวขึ้น และมีแรงซื้อหนาแน่นเพิ่มขึ้น เช่นเปิดราคากระโดดจนมี Gapd ความหมาย: บอกแรงซื้อหุ้นหรือค่าเงินเพิ่มมากขึ้น ขาขึ้นกำลังมีอิทธิพล สามารถเอาชนะขาลงได้

    4.ขาลง Bearish engulfing กรณีตรงกันข้ามกับ Bullish Engulfing คือเกิดแท่งเทียนสีแดงขึ้น โดยมีลักษณะครอบงำกลืนกินแท่งเดิมที่เป็นสีเขียว ส่วนรูปแบบของ Bearish engulfing ที่ดีที่สุดก็เช่นกันคือ แท่งเดิม(สีเขียว)ควรจะสั้นๆ เพื่อความแม่นยำขึ้นควรรอดูความหนาแน่นในการขายของแท่งเทียนในอีกสอง- สามวันต่อไป
    ความหมาย: บอกเริ่มมีแรงขายเข้ามาในจำมาก ตอนนี้ขาลงสามรถชนะขาขึ้นได้แล้ว มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น

    5.ขาขึ้น Bullish Harami รูปแบบแท่งเทียนจะเหมือนคนท้อง ซึ่งมาจากคำว่า “Harami” เป็นภาษาญี่ปุ่นที่ใช้เรียกคนท้อง จะประกอบด้วยแท่งเทียนในวันเเรก(สีแดง)ที่ยาวกว่า ตามมาด้วยแท่งเที่ยนวันที่สองล่าสุดที่สั้นกว่า(สีเขียว) ปัจจัยสำคัญคือสัดส่วนของแท่งเทียนทั้งสองต่างกันมาก จึงยังไม่สามารถยืนยันการกลับทิศทางของหุ้นหรือค่าเงินได้ ฉนั้นจึงต้องรอการยืนยันจากแท่งเทียนในวันที่สาม ในการยืนยันการกลับทิศทางของค่าเงินหรือหุ้นที่ชัดเจนคือ แท่งเทียนตัวที่สามจะต้องเป็นสีเขียว และมีราคาเปิดแบบกระโดดจากแท่งเดิม(สีเขียว) มาอยู่ในราคาปิดของแท่งสีเขียวตัวที่สาม ในราคาที่สูงขึ้นไปมากๆ

    6.ขาลง Bearish Harami รูปแบบแท่งเทียนก็เหมือนคนท้อง เช่นเกียวกับ Harami ขาขึ้น จะประกอบด้วยแท่งเทียนในวันเเรก(สีเขียว)ที่ยาวกว่าแท่งเที่ยนในวันที่สอง(สีแดง) ปัจจัยสำคัญคือสัดส่วนของแท่งเทียนทั้งสองต่างกันมาก จึงยังไม่สามารถยืนยันการกลับทิศทางของหุ้นหรือค่าเงินได้ ฉนั้นจึงต้องรอการยืนยันจากแท่งเทียนในวันที่สาม ในการยืนยันการกลับทิศทางของค่าเงินหรือหุ้นที่ชัดเจนนั้น แท่งเทียนตัวที่สามจะต้องเป็นสีเเดง และมีราคาเปิดแบบกระโดดจากแท่งเดิม(สีเเดง) มาอยู่ในราคาปิดของแท่งสีเเดงตัวที่สาม ในราคาที่สูงขึ้นไปมากๆ

    _____________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )

    _____________________________________________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    จะหาไอเดียสำหรับกลยุทธ์การซื้อขายได้ที่ไหน?

    ตุลาคม 18, 2022

     

    จะหาไอเดียสำหรับกลยุทธ์การซื้อขายได้ที่ไหน?

    ไม่ว่ากลยุทธ์ปัจจุบันของคุณจะไม่ให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ หรือคุณจำเป็นต้องเสริม  ระบบการซื้อขาย ระยะสั้นกับระบบระยะ  กลางหรือคุณเพียงแค่เบื่อที่จะปฏิบัติตามกฎเดิมๆ ที่น่าเบื่อ คุณจะต้องมีแนวคิดสำหรับการซื้อขายใหม่ของคุณ กลยุทธ์. มีหลายวิธีในการพัฒนากลยุทธ์ใหม่ แม้ว่ากระบวนการทั้งหมดจะเกี่ยวข้องกับความชอบ สไตล์ ประสบการณ์ การวิจัย และการลองผิดลองถูกของเทรดเดอร์เอง แนวคิดหลักของกลยุทธ์มักถูกนำกลับมาใช้ใหม่จากที่อื่น

    • จินตนาการ. เทรดเดอร์ที่มีความคิดสร้างสรรค์เพียงพออาจได้รับแนวคิดสำหรับระบบการเข้าและออกจากหัวของพวกเขา วิธีนี้เป็นวิธีที่มีศักยภาพมากที่สุด แต่ก็มักจะนำไปสู่ความผิดหวัง
    • หนังสือและวารสารเกี่ยวกับการซื้อขาย มีแนวคิดในการซื้อขายมากมายใน  หนังสือ Forex และวารสารทางการเงิน (ทั้งนิตยสารและวิชาการ) ข้อได้เปรียบหลักในที่นี้คือ ปกติแล้วจะมีการทดสอบอย่างละเอียดและอธิบายอย่างละเอียด ข้อเสียเปรียบคือ ปกติต้องมีการปรับตัวอย่างมาก เนื่องจากเป็นการบอกเป็นนัยถึงสมมติฐานมากมาย และไม่ค่อยเหมาะกับรูปแบบการซื้อขายของผู้อ่านเองทุกประการ
    • เว็บไซต์ที่ให้ข้อมูล ไซต์เช่น Wikipedia และ EarnForex.com นั้นยอดเยี่ยมสำหรับการเรียนรู้เกี่ยวกับการซื้อขายโดยทั่วไป อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค แนวคิดในการสร้างแผนภูมิ ฯลฯ แม้ว่าจะดูเหมือนเป็นแหล่งความคิดที่ไม่รู้จบ แต่ฐานความรู้ที่นำเสนอนั้นค่อนข้างจำกัดในความเป็นจริง
    • ชุมชนออนไลน์ ปฏิสัมพันธ์ของเทรดเดอร์มักจะจบลงด้วยดี  เฉพาะทางช่วยให้พวกเขาสร้างความคิดที่เกิดจากความพยายามร่วมกันและการระดมสมอง อย่าหลงอยู่ในทะเลของความคิดที่สามารถครอบงำและเต็มไปด้วย  แอปเปิ้ลหนอน บล็อกเป็นการ  โต้ตอบแบบทางเดียว มากกว่า แต่ข้อดีที่นี่คือความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลาย
    • การสัมมนาผ่านเว็บ การประชุมและนิทรรศการ เมื่อผู้คนมารวมตัวกันที่งานใหญ่อย่างงานเอ็กซ์โป พวกเขามักจะมีบางสิ่งที่จะแบ่งปัน พูดคุย และเสนอความคิดเห็นร่วมกัน เทรดเดอร์ที่กำลังมองหาแนวคิดสำหรับกลยุทธ์ของตัวเองสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มากมายจากเพื่อนของเขา ในทางกลับกัน Webinars มี ‘การสื่อสาร’ น้อยกว่า แต่ให้อัตราข้อมูลต่อหน่วยเวลาสูงกว่าการประชุมออฟไลน์
    • ซอร์สโค้ดของที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และ indicators ด้วยอินดิเคเตอร์ โอเพนซอร์ ซ ฟรีหลายพันตัวและที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่มีให้สำหรับ MetaTrader 4 และ MetaTrader 5 (และอย่าลืมแพลตฟอร์มอื่นๆ ด้วย!) มีอะไรใหม่ๆ ให้ได้รับจากพวกเขาเสมอ คุณอาจไม่พอใจกับประสิทธิภาพโดยรวมของ EA หรือความแตกต่างของกลยุทธ์ แต่รายละเอียดบางอย่างอาจให้คำแนะนำหรือแรงบันดาลใจอันมีค่าแก่คุณในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของคุณเอง หรือแม้แต่พัฒนากลยุทธ์ใหม่
    • จับตาตลาดอย่างใกล้ชิด หากคุณเป็นนักเก็งกำไรหรือเป็นเทรดเดอร์ระหว่างวันบ่อยครั้ง การติดตามตลาดอย่างต่อเนื่องอาจทำให้คุณสังเกตเห็นโดยไม่คาดคิด การสังเกตดังกล่าว หากจัดระบบแล้ว สามารถให้ผลเบื้องหลังที่สำคัญสำหรับการสร้างกลยุทธ์การซื้อขาย
    • การปรับระบบการซื้อขายหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ มีความแตกต่างที่แท้จริงระหว่างตลาดหุ้นและตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ การแลกเปลี่ยนสินค้าโภคภัณฑ์ดำเนินการแตกต่างจาก  ตลาดสปอต FX ที่ไม่ต้องสั่งโดยแพทย์ในขณะที่การ  ซื้อขาย สกุลเงิน ตลอดทั้งวันเพิ่มระดับการแยกจากการซื้อขายตราสารทุนแบบดั้งเดิม แม้จะมีความแตกต่างเหล่านั้น แต่บางครั้งกลยุทธ์ที่ใช้ในหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ก็สามารถนำมาใช้ใน Forex ได้ ต้องใช้ วิธีการ ที่ไม่สำคัญเพื่อปรับตัว
    _____________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )

    _____________________________________________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    โบรกเกอร์ Forex มีปฏิกิริยาอย่างไรต่อข่าว?

    ตุลาคม 18, 2022

    เทรดเดอร์หลายคนติดตามข่าว Forex เพราะพวกเขาคิดว่ามันเป็นส่วนสำคัญของการซื้อขาย มันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ที่มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันใน  การซื้อขายข่าวสาร (อย่างไรก็ตาม เรามีคำอธิบายกลยุทธ์สำหรับ  การซื้อขายข่าวสำคัญ ) โบรกเกอร์ที่ทำการซื้อขายในช่วงที่มีข่าวที่มีผลกระทบสูง ต้องรับมือกับความผันผวนสูงอย่างผิดปกติ ซึ่งส่งผลให้เกิดปัญหาบางอย่างสำหรับกระบวนการดำเนินการตามคำสั่ง

    • การขยายสเปรด เป็นวิธีง่ายๆ สำหรับโบรกเกอร์ในการจัดการกับความผันผวนที่เพิ่มขึ้นและสภาพคล่องต่ำ โดยการเสนอราคา Bid/Ask ที่ต่ำกว่าและสูงกว่าระดับปกติ บริษัทจะปกป้องตนเองจากผู้ค้าที่เปิดตำแหน่งในระดับที่ไม่ใช่ตลาด การแก้ไขสเปรดที่กว้างขึ้นนั้นเป็นเรื่องง่าย เว้นแต่จะกว้างเกินไป คุณเพียงแค่ต้องปรับระดับการ  หยุดการขาดทุนและ  การทำกำไรตามลำดับ แน่นอนว่า Scalping มีความเสี่ยงมากขึ้นในช่วงสเปรดที่กว้างขึ้น
    • Slippage คือการตอบสนองทั่วไปต่อ  ช่องว่างราคา ในระหว่างการเผยแพร่ข่าวเศรษฐกิจมหภาคที่เคลื่อนไหวอัตราสกุลเงินภายในไม่กี่วินาทีหรือแม้กระทั่งมิลลิวินาที ช่องว่างระหว่างขีดหรือแท่งจะปรากฏขึ้นบนแผนภูมิของคุณ การเข้า, หยุดการขาดทุนหรือ  การทำกำไรที่ดำเนินการในราคาที่เสียเปรียบทำให้เกิดการสูญเสียโดยตรงต่อผู้ซื้อขาย ผู้ค้าข้ามการลื่นไถลของราคาโดยเข้าสู่การค้าก่อนที่จะมีการปล่อยข่าวและโดยออกจากการค้าเมื่อความผันผวนสงบลง
    • Requotes เกิดขึ้นเมื่อโบรกเกอร์ FX ใช้งาน  รูปแบบการดำเนินการทันทีและ Slippage ของราคาเกินค่าเบี่ยงเบนสูงสุดที่ผู้ค้าอนุญาต Requotes อาจทำให้คุณหงุดหงิดเพราะป้องกันไม่ให้เทรดเดอร์ดำเนินการซื้อขาย แต่พวกเขายังให้โอกาสในการรับราคาที่รับประกันและเพื่อหลีกเลี่ยงการเปิดโพซิชั่นในอัตราที่ไม่ได้วางแผนไว้
    • การซื้อขายที่ถูก ปิด (การซื้อขายแบบปิดเท่านั้น) เป็นปฏิกิริยาที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นกับข่าวประชาสัมพันธ์ที่สำคัญในหมู่โบรกเกอร์ แต่ก็ยังเกิดขึ้นกับบางโบรกเกอร์ ดูเหมือนเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ยุติธรรม — โบรกเกอร์ปกป้องตัวเองจาก การดำเนินการตามราคา ที่ไม่ใช่ของตลาดและลูกค้าจากปัญหาที่ระบุไว้ข้างต้น นายหน้ารักษาชื่อเสียงไว้ในขณะที่ผู้ค้าประหยัดเงินจากการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นด้วยต้นทุนของกำไรจากการซื้อขายข่าวที่อาจเกิดขึ้น
    • ไม่มีการเชื่อมต่อ เป็นสิ่งสุดท้ายที่ผู้ค้าต้องการเห็นเมื่อมีส่วนร่วมในการซื้อขายข่าว ไม่มีทางที่จะเข้าหรือออกจากการค้าขาย เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเห็นว่าการเคลื่อนไหวของราคาพัฒนาไปอย่างไร โชคดีที่มีโบรกเกอร์เพียงไม่กี่รายที่ใช้วิธีที่รุนแรงเช่นนี้กับผู้ค้าข่าว หากเป็นของคุณ คุณควรเริ่มมองหาสิ่งใหม่อย่างแน่นอน
    • ข้อกำหนดมาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้น ไม่ได้ใช้บ่อยเกินไป แต่เมื่อนายหน้าคาดว่าระดับความผันผวนที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในระหว่างการประกาศข่าว (บ่อยครั้งในการประชุมของธนาคารกลาง) จะทำให้เลเวอเรจลดลงในคู่สกุลเงินที่ได้รับผลกระทบ นี่คือสิ่งที่คุณควรเตรียมพร้อมเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มาร์จิ้นคอลจากการเทรดของคุณ โชคดีที่โบรกเกอร์ที่ดีสามารถสื่อสารถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้ล่วงหน้า

    โบรกเกอร์ส่วนใหญ่เพียงแค่เพิ่มสเปรดในคู่สกุลเงินที่ได้รับผลกระทบ เมื่อความผันผวนที่เกิดจากข่าวเข้าครอบงำตลาด อย่างไรก็ตาม การตระหนักถึงวิธีการทั้งหมดที่ระบุไว้ข้างต้นนั้นไม่เสียหาย วิธีนี้จะช่วยให้คุณวางแผนการเทรดได้ดียิ่งขึ้น

    _____________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )

    _____________________________________________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    7 สิ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อเลือกโบรกเกอร์ Forex

    ตุลาคม 18, 2022

    7 สิ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อเลือกโบรกเกอร์ Forex

    การหาโบรกเกอร์ Forex ที่เหมาะสมเป็นก้าวแรกสู่ประสบการณ์การซื้อขายออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จ แม้ว่างานนี้อาจดูยากในตอนแรก แต่ก็มีคุณสมบัติของโบรกเกอร์จำนวนหนึ่งที่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีความสำคัญต่อการตัดสินใจขั้นสุดท้ายของคุณ เราได้พยายามจำกัดรายการให้เหลือเพียงเจ็ดสิ่งที่สำคัญที่สุดที่คุณควรมองหาในโบรกเกอร์ Forex

    1. ประเภทบัญชี Forex

    หากคุณเพิ่งเริ่มซื้อขาย Forex กับโบรกเกอร์ คุณจะต้องตัดสินใจเกี่ยวกับประเภทบัญชีที่คุณต้องการเปิด ประเภทบัญชีขึ้นอยู่กับจำนวนเงินฝากและมีชื่อต่างกัน เช่น บัญชีไมโคร บัญชีขนาดเล็ก บัญชีมาตรฐาน และบัญชีวีไอพี เป็นต้น แต่ละบัญชีมีเงินฝากขั้นต่ำและข้อกำหนดล็อตขั้นต่ำ ตัวอย่างเช่น ล็อตมาตรฐานมี 100,000 หน่วย ในขณะที่เจ้าของบัญชีไมโครและบัญชีขนาดเล็กได้รับอนุญาตให้ซื้อขายด้วยล็อตที่เท่ากับ 10,000 หรือ 1,000 หน่วย เลเวอเรจยังแตกต่างกันสำหรับแต่ละประเภทบัญชีและสามารถอยู่ที่ใดก็ได้ตั้งแต่ 1:1 ถึง 1,000:1 ตรวจสอบประเภทบัญชีที่โบรกเกอร์เสนอให้ เพื่อดูว่าคุณพบประเภทบัญชีที่ตรงกับความต้องการของคุณหรือไม่

    2. ประเภทโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์

    การซื้อขายฟอเร็กซ์ทำให้คุณสามารถซื้อขายกับโบรกเกอร์และตัวแทนจำหน่ายได้ พูดง่ายๆ ก็คือ โบรกเกอร์คือพ่อค้าคนกลางระหว่างผู้ค้ารายย่อยและผู้ดูแลสภาพคล่อง พวกเขาดำเนินการตามคำสั่งซื้อของคุณโดยระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเรียกว่า Non Dealing Desk สเปรดที่เสนอให้กับผู้ค้าอาจคงที่หรือผันแปร และบางครั้งโบรกเกอร์จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเป็นเปอร์เซ็นต์ของสเปรด (เช่น $5 ต่อล็อตการซื้อขาย) ตัวแทนจำหน่ายคือผู้ดูแลสภาพคล่องและมี Dealing Desk ซึ่งดำเนินการตามคำสั่งซื้อ โมเดล ECN ยังได้รับความนิยมและช่วยให้ผู้ค้าปลีกสามารถเข้าถึงข้อเสนอที่เสนอโดยผู้ดูแลสภาพคล่องโดยตรง ซึ่งส่งผลให้สเปรดต่ำมาก

    3. บริการลูกค้า

    เนื่องจาก Forex มีการซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง จึงคาดว่านายหน้าของคุณสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง คุณสามารถทดสอบความพร้อมของทีมสนับสนุนลูกค้าได้โดยพยายามติดต่อพวกเขาผ่านช่องทางการสื่อสารทั้งหมดที่มี สิ่งสำคัญคือต้องได้รับคำตอบในช่วงเวลาสั้นๆ และนี่เป็นความจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับบริการแชทสด ปัญหาทางเทคนิคอาจเกิดขึ้นในบางครั้ง และคุณไม่ต้องการรอหลายชั่วโมงก่อนที่จะขอความช่วยเหลือ สิ่งอื่นที่ควรพิจารณาก่อนลงทะเบียนบัญชีกับโบรกเกอร์ Forex คือคุณภาพ ความรวดเร็ว และความสุภาพของการบริการลูกค้า

    4. ข้อบังคับเกี่ยวกับนายหน้า

    ใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลถือเป็นการรับรองที่สำคัญสำหรับโบรกเกอร์ Forex แม้ว่าการทำธุรกิจกับโบรกเกอร์ที่ได้รับการควบคุมจะไม่รับประกันการซื้อขายที่ปราศจากปัญหา แต่ก็สามารถใช้เป็นประกันต่อปัญหาการฉ้อโกงที่อาจเกิดขึ้นได้ เป็นการดีที่จะตรวจสอบว่าบริษัทตั้งอยู่ที่ใด เนื่องจากข้อกำหนดทางกฎหมายสำหรับการจดทะเบียนทางการเงินนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ และประการที่สอง เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อความมั่นคงทางการเงินของรัฐที่เกี่ยวข้อง

    5. วิธีการฝากและถอนเงิน

    การฝากเงินและการถอนเงินจากบัญชีของคุณมีความสำคัญมาก คุณควรค้นหาวิธีการระดมทุนที่โบรกเกอร์เสนอให้ ตัวอย่างเช่น โบรกเกอร์เกือบทั้งหมดยอมรับบัตรเครดิต/เดบิต การโอนเงินผ่านธนาคาร Skrill (Moneybookers) และ PayPal ขอแนะนำให้ตรวจสอบวิธีการฝากเงินที่มีอยู่ทั้งหมด และค่าธรรมเนียมใดที่ใช้สำหรับแต่ละวิธี นอกจากนี้ ตรวจสอบว่าโบรกเกอร์มีข้อกำหนดการฝากและถอนขั้นต่ำหรือไม่

    6. โบนัสฟอเร็กซ์

    โบรกเกอร์ส่วนใหญ่เสนอโบนัสให้กับลูกค้าใหม่ ซึ่งเป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มทุนในการซื้อขายของคุณ ตัวอย่างเช่น โบรกเกอร์อาจให้โบนัสสูงถึง 30% หรือ 50% ในการฝากครั้งแรกของคุณ ซึ่งหมายความว่าจำนวนโบนัสจะถูกเพิ่มเข้าไปในบัญชีซื้อขายของคุณทันที และคุณสามารถใช้สำหรับการซื้อขายได้ โบรกเกอร์มักจะอนุญาตให้คุณถอนโบนัสได้ในภายหลังหากคุณมีปริมาณการซื้อขายถึงระดับหนึ่ง ขอแนะนำให้อ่านข้อกำหนดและเงื่อนไขโบนัสของโบรกเกอร์ เพื่อให้คุณเข้าใจข้อดีและข้อจำกัดทั้งหมดที่มาพร้อมกับการรับโบนัส

    7. มาร์จิ้นคอลและเลเวอเรจ

    ก่อนทำการสั่งซื้อกับโบรกเกอร์ใดๆ คุณต้องรับทราบข้อกำหนดของ Margin Call ก่อน อย่างที่คุณอาจทราบ โบรกเกอร์ Forex มีสิทธิ์ออกการเรียกหลักประกันเมื่อหลักประกันในบัญชีซื้อขายของเราไม่เพียงพอ กฎที่ใช้ในสถานการณ์ดังกล่าวอาจแตกต่างกันระหว่างโบรกเกอร์ที่อาจต้องการปิดข้อตกลงของนักลงทุนหรือขอให้เขาเพิ่มมาร์จิ้น เลเวอเรจก็มีความสำคัญเช่นกัน และคุณต้องเลือกระดับที่เหมาะสมกับความต้องการและความสามารถในการซื้อขายของคุณมากที่สุด

    เนื่องจากมีโบรกเกอร์ Forex อยู่หลายร้อยราย การเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้ซึ่งมีคุณสมบัติทั้งหมดที่คุณต้องการจึงเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อคุณได้เลือกโบรกเกอร์แล้ว คุณก็เข้าใกล้ประสบการณ์การซื้อขายที่ประสบความสำเร็จอีกขั้นแล้ว

    _____________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )

    _____________________________________________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    4 เหตุผลที่ควรฝึกฝนกับบัญชีจริงขนาดเล็กก่อนใช้บัญชีขนาดใหญ่ใน Forex

    ตุลาคม 18, 2022

    4 เหตุผลที่ควรฝึกฝนกับบัญชีจริงขนาดเล็กก่อนใช้บัญชีขนาดใหญ่ใน Forex

    การฝึกฝนในบัญชีทดลองก่อนทำการซื้อขายด้วยเงินจริงนั้นเป็นข้อกำหนดที่ชัดเจนสำหรับการเข้าร่วมที่ประสบความสำเร็จในตลาด Forex จะดีกว่าเสมอที่จะเสียเงินเสมือนในขณะที่คุณเรียนรู้ทฤษฎีตลาดใหม่ พัฒนาระบบการซื้อขายของคุณ หรือพัฒนาทักษะ Forex ที่ใช้งานได้จริงของคุณ แต่มันถูกต้องหรือไม่ที่จะกระโดดจากบัญชีเสมือนไปเป็นเงินจริงขนาดใหญ่เมื่อคุณรู้ว่าคุณสามารถทำกำไรได้เป็นเวลานานในการซื้อขายทดลองของคุณ? ต่อไปนี้คือเหตุผลบางประการในการย้ายไปยังบัญชีจริงขนาดเล็กก่อนที่จะเสี่ยงกับเงินที่หามาได้ยากใน Forex :

    1. การซื้อขายจริงแตกต่างจากเสมือนจริงเพราะคุณจะได้รับอารมณ์ที่แท้จริงเมื่อคุณสูญเสียหรือได้รับเงิน การเทรดด้วยเงินสด $100 จะทำให้คุณรู้สึกสมจริงมากกว่าการเทรดด้วยเงินทดลอง $10,000 จะดีกว่าที่จะสูญเสีย 50 ถึง 100 ดอลลาร์มากกว่าหลายพันดอลลาร์เพื่อเรียนรู้การควบคุมอารมณ์เหล่านั้น
    2. ทราบพฤติกรรมของเซิร์ฟเวอร์บัญชีจริงของโบรกเกอร์ของคุณ กับโบรกเกอร์บางราย การซื้อขายเสมือนจริงนั้นราบรื่นและรวดเร็ว ในขณะที่บัญชีจริงทำให้เกิดความประหลาดใจอันไม่พึงประสงค์ด้วยความล่าช้าของคำสั่ง การรีโควต การปฏิเสธคำสั่ง การเลื่อนหลุด และการหยุดล่าสัตว์ การซื้อขายด้วยบัญชีจริงขนาดเล็กสามารถประหยัดเงินได้มาก หากคุณโชคไม่ดีที่บังเอิญเจอนายหน้าที่ไม่ดี
    3. รู้จัก แนวทางปฏิบัติในการจัดการกองทุนของโบรกเกอร์ อย่าเสี่ยงกับการฝากเงินหลายพันดอลลาร์ก่อนที่จะลองฝากเงินจำนวนเล็กน้อยเพื่อดูว่าการโอนเงินไปกับโบรกเกอร์ นี้ราบรื่น เพียงใด ให้ความสนใจกับการสนับสนุนผู้ใช้หากคุณประสบปัญหาเกี่ยวกับการฝากหรือถอนเงินของคุณ หากนายหน้าของคุณไม่รับฝาก/ถอนเงินเพียงเล็กน้อย คุณควรระมัดระวังกับพวกเขา พวกเขาอาจใช้เงินจำนวนมากในลักษณะเดียวกัน
    4. การฝึกฝนในบัญชีจริงขนาดเล็กมีข้อได้เปรียบอีกประการหนึ่งเมื่อเทียบกับการเทรดเดโม – คุณจะได้รับรางวัลจริงเมื่อคุณเทรดอย่างถูกต้อง และคุณจะขาดทุนจริงเมื่อคุณทำอะไรผิด ด้วยวิธีนี้ คุณจะเรียนรู้ที่จะทำทุกอย่างได้อย่างรวดเร็วและจะไม่ทำผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีก

    การซื้อขายตัวอย่างเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ดีที่สุดในการเรียนรู้การซื้อขาย Forex อย่าลืมว่าไม่มีอะไรจะสอนคุณได้ดีไปกว่าการซื้อขายในบัญชีจริง แต่ทำไมต้องเสี่ยงครั้งใหญ่ก่อนที่จะมั่นใจในทักษะของคุณ ในเมื่อคุณสามารถเริ่มต้นด้วยบัญชีจริงขนาดเล็กได้

    _____________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )

    _____________________________________________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    6 ปัจจัยสำคัญสำหรับการเทรด Forex ที่ประสบความสำเร็จ

    ตุลาคม 18, 2022

    การซื้อขาย Forex ออนไลน์รายวันได้รับความนิยมไปทั่วโลกตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 2000 นักลงทุนบางคนประสบความสำเร็จอย่างมากและได้รับผลกำไรมหาศาลในช่วงเวลาสั้น ๆ อย่างไม่น่าเชื่อ อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายคนที่ประสบความสูญเสียครั้งใหญ่เพราะพวกเขาไม่ได้ใช้ประโยชน์จากปัจจัยสำคัญ 6 ประการที่จำเป็นสำหรับการซื้อขาย Forex ที่ประสบความสำเร็จ

    ความสำเร็จในอาชีพใด ๆ สามารถแบ่งออกเป็นปัจจัยสำคัญหลายประการ การซื้อขายก็ไม่ต่างกัน กลยุทธ์การซื้อขายสกุลเงินที่ประสบความสำเร็จประกอบด้วย 6 ปัจจัยต่อไปนี้ :

    1. การกำหนดความได้เปรียบ : การซื้อขายในตลาด Forexเป็นจุดที่ไม่มีผลรวม ต้องมีความได้เปรียบที่สามารถระบุตัวตนได้เหนือผู้เข้าร่วมตลาดรายอื่น
    2. การดำเนินการอย่างมี วินัย : การระบุขอบไม่มีประโยชน์หากไม่มีวินัยในการปฏิบัติตามกลยุทธ์ของคุณสร้างแผนยึดติดกับมัน แล้วพิจารณาว่าแผนสำเร็จหรือไม่ หากไม่เป็นเช่นนั้น ให้เปลี่ยนแผน สิ่งสำคัญคือการปฏิบัติตามระเบียบวินัย
    3. การจัดการเงิน : หากความเสี่ยงต่อการซื้อขายสูงเกินไป มีโอกาสสูงที่จะทำลายบัญชีของคุณ หากการเทรดมีความระมัดระวังเกินไป คุณจะพลาดโอกาสในการปรับผลตอบแทนของคุณให้เหมาะสม สิ่งสำคัญคือต้องสร้างการเบิกจ่ายที่คาดหวังสูงสุดของระบบใดๆ จากนั้นตั้งกฎการจัดการเงินของคุณตามนั้น
    4. สร้างแผนการซื้อขาย : แผนการซื้อขายจะกำหนดสิ่งที่จะทำในสถานการณ์ใดก็ตามในช่วงอายุของการซื้อขาย แผนช่วยให้ตัวเองจดจ่อกับการดำเนินการและไม่ฟุ้งซ่าน
    5. ความรับผิดชอบ : ความรับผิดชอบอยู่กับผู้ค้า กำไร ขาดทุน สำเร็จ หรือล้มเหลว ถูกกำหนดโดยทักษะ ความมุ่งมั่น และวินัยของเทรดเดอร์
    6. ความมุ่งมั่น : ต้องมีความมุ่งมั่นในการวางทุกการซื้อขายตามแผน แม้จะผ่านช่วงเวลาที่สูญเสียซึ่งทุกการค้าดูเหมือนจะจบลงด้วยสีแดง การซื้อขายดูเหมือนจะทำให้เกิดช่วงเวลาที่ดีและเลวร้าย เราต้องไม่มั่นใจมากเกินไปในช่วงเวลาที่ดี และต้องไม่ยอมแพ้ในช่วงเวลาที่เลวร้าย คุณต้องอุทิศช่วงเวลาเพื่อเปรียบเทียบผลการปฏิบัติงานจริงของคุณกับแผนการซื้อขายของคุณ ควรทำทุกวันหรือทุกสัปดาห์ขึ้นอยู่กับจำนวนการซื้อขายที่คุณทำ
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )

    _____________________________________________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    กลยุทธ์การซื้อขาย Forex 9 ประเภท

    ตุลาคม 17, 2022

    มีหลายวิธีในการเข้าถึงการซื้อขาย Forex และตั้งฐานการเข้าและออกของคุณ ผู้ค้าที่มุ่งหวังที่จะบรรลุผลกำไรอัพเกรดวิธี  การลองผิด ลองถูกให้ เป็นระบบการซื้อขายที่มีกฎเกณฑ์เฉพาะ ในกรณีส่วนใหญ่ ระบบการซื้อขาย (หรือกลยุทธ์) เหล่านี้ใช้พื้นฐานหลักในการสร้างสัญญาณสำหรับการเข้าและออกจากตลาด วิธีการพื้นฐานในการสร้างกลยุทธ์การซื้อขายมีดังต่อไปนี้

    1.อินดิเคเตอร์ ทางเทคนิคมาตรฐาน (เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ , RSI , สุ่ม(stochastic) เป็นต้น) น่าจะเป็นประเภทระบบการซื้อขายที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ค้ารายใหม่ที่มักจะเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคด้วยตัวบ่งชี้พื้นฐาน การซื้อขายข้าม EMA ดูน่าสนใจเมื่อคุณเพิ่มเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โปเนนเชียลสองตัวลงในแผนภูมิ น่าเสียดายที่กลยุทธ์การซื้อขายดังกล่าวไม่ค่อยได้ผลในระหว่างการทดสอบย้อนหลัง

    2.อินดิเคเตอร์ ทางเทคนิคที่กำหนดเอง เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการสร้างกลยุทธ์การซื้อขาย Forex อินดิเคเตอร์แบบกำหนดเองมีหลายรสชาติและมีหลายพันแบบออนไลน์ และผู้ค้าทุกรายสามารถสร้างอินดิเคเตอร์ที่กำหนดเองสำหรับการวิเคราะห์และการซื้อขาย อินดิเคเตอร์ที่กำหนดเองบางตัวกลายเป็นตำนาน — เช่น Better Volume หรือ  Fisher หรือ  Currency Strength. ดูเหมือนว่าผู้ค้าจำนวนมากทำการค้าโดยใช้ตัวบ่งชี้ที่กำหนดเอง แต่ปัญหาของระบบการซื้อขายเหล่านี้คือมักจะทำ backtest ได้ยากเนื่องจากความซับซ้อน แน่นอน เช่นเดียวกับอินดิเคเตอร์มาตรฐาน อินดิเคเตอร์ที่กำหนดเองจะมีประโยชน์มากเมื่อใช้ร่วมกับวิธีการวิเคราะห์อื่นๆ สิ่งสำคัญคือต้องไม่หลงทางในทะเลของอินดิเคเตอร์ที่กำหนดเองและรู้ว่าเมื่อใดควรหยุด ไม่เช่นนั้น คุณอาจเสี่ยงที่จะจบลงด้วยแผนภูมิเช่นนี้:

    3.รูปแบบกราฟแบบคลาสสิก (เช่น สามเหลี่ยม แชนเนลหัวและไหล่และอื่นๆ) เป็นสิ่งที่นักเทรดวงสวิงหลายคนต้องการใช้ในกลยุทธ์ของตน ในกรณีส่วนใหญ่ การ ซื้อขาย รูปแบบแผนภูมิเกี่ยวข้องกับการฝ่าวงล้อมการซื้อขาย (แต่นั่นไม่ใช่กรณีเสมอไป) จากชุดของรูปแบบที่กำหนดไว้ล่วงหน้าและไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับวิธีการวิเคราะห์อื่นใด แม้ว่าจะยังสามารถหาสัญญาณยืนยันจากการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานหรือปัจจัยอื่นๆ ได้

    4.รูปแบบแท่งเทียนญี่ปุ่น (เช่น bearish/bullish engulfing, doji, hammer, hanging man เป็นต้น) ก็ค่อนข้างเป็นที่นิยมในหมู่นักเทรด Forex เนื่องจากรูปแบบที่เรียบง่าย — แทบจะไม่มี แท่งเทียนมากกว่า 3 แท่ง โดยปกติแล้ว การทดสอบย้อนกลับของระบบรูปแบบแท่งเทียนล้วนๆ จะไม่ประสบความสำเร็จอย่างน่าเสียดาย

    5.ระบบที่ใช้การเคลื่อนไหวของราคาบริสุทธิ์ เป็นระบบการซื้อขายชนิดหนึ่งที่ยากต่อการกำหนด โดยปกติ การเคลื่อนไหวของราคาจะเข้าใจว่าเป็นการซื้อขายโดยไม่มีตัวบ่งชี้ และมักเกี่ยวข้องกับการใช้รูปแบบแผนภูมิทุกประเภท — ทั้งแบบคลาสสิกและเชิงเทียน นอกจากนี้เรายังสามารถกำหนดการเคลื่อนไหวของราคาเป็นการซื้อขายนอก แนว รับและแนวต้านและเส้นแนวโน้ม

    6.การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานระยะยาว เป็นหนึ่งในรากฐานที่ซับซ้อนที่สุดสำหรับระบบการซื้อขาย ไม่เพียงแต่ต้องใช้ความรู้มากมายในด้านเศรษฐศาสตร์มหภาคและการเงินระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับการอัปเดต ข้อมูลที่เกี่ยวข้องจำนวนมหาศาลที่เผยแพร่ทุกวัน .

    7.การซื้อขายตามข่าว เป็นทั้งระบบการซื้อขายที่น่าดึงดูดและอันตรายอย่างยิ่งที่ต้องปฏิบัติตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเป็นผู้ค้ามือใหม่ เทรดเดอร์ที่ต้องการใช้ประโยชน์จาก  ข่าวเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างเซอร์ไพรส์ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสเปรดที่กว้างขึ้น การคลาดเคลื่อนมาก และความล่าช้าในการดำเนินการ ด้วยเหตุผลนี้เองที่ backtest ของกลยุทธ์การซื้อขายข่าวจึงไม่มีประโยชน์ไม่มากก็น้อย

    8.ตามอินดิเคเตอร์ความเชื่อมั่น (เช่นรายงาน CoTหรือ  ดัชนีความเชื่อมั่นที่โบรกเกอร์จัดหาให้) สามารถใช้เป็นพื้นฐานสำหรับ  การซื้อขายที่มาจากฝูงชนหรือที่ตรงกันข้าม มีหลายวิธีในการใช้ข้อมูลความเชื่อมั่นของตลาดในระบบการซื้อขาย แต่สำหรับฉันแล้วดูเหมือนว่าการซื้อขายเพียงข้อมูลความเชื่อมั่นจะไม่สามารถทำกำไรได้ เนื่องจากมักขาดเวลาและข้อมูลเกี่ยวกับระดับอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเหมาะสม

    9.การวิเคราะห์การกระจายตามปริมาณ / วิธี Wyckoff เป็นส่วนย่อยของกลยุทธ์การซื้อขายที่อิงจากการศึกษาเขตอุปสงค์และอุปทานของตลาดโดยใช้ข้อมูลที่รวมกันเกี่ยวกับปริมาณ ราคา และเวลา หากคุณมีประสบการณ์เพียงเล็กน้อยกับระบบดังกล่าวและไม่เคยทำการทดสอบย้อนกลับมาก่อน มันอาจจะคุ้มค่าที่จะดูว่าผู้ค้า FX ที่มีประสบการณ์ใช้ VSA รูปแบบนี้หรือรูปแบบนั้นในการซื้อขายในวิดีโอเพื่อการศึกษาของพวกเขาอย่างไร

    เป็นไปได้ที่จะใช้กลยุทธ์การซื้อขายหลายอย่างร่วมกัน ตัวอย่างเช่น อาจใช้รูปแบบหนึ่งตามรูปแบบกราฟแบบคลาสสิก รูปแบบหนึ่งสำหรับการซื้อขายตามข่าว และอีกรูปแบบหนึ่งสำหรับ  การวิเคราะห์พื้นฐานระยะยาว มักจะคุ้มค่าที่จะทดลองกับอินดิเคเตอร์ที่กำหนดเองที่น่าสนใจ ด้วยความเชื่อมั่นของเทรดเดอร์ หรือด้วยวิธีการใหม่อื่นๆ ท้ายที่สุด คุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอะไรจะทำงานได้ดีที่สุดในตลาด FX ในวันพรุ่งนี้

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการดูเส้นแนวโน้ม

    ตุลาคม 17, 2022

    เทคนิคการดูเส้นแนวโน้ม

    การเทรดตามแนวโน้ม (trend) ก็เหมือนการว่ายน้ำตามกระแสน้ำที่ไหล ในขณะที่ทิศทางของแนวโน้มเป็นขาขึ้น คุณจะกล้าสวน Short ไหม? หรือคุณจะเทรดฝั่ง Long เกาะไปตามแนวโน้ม ซึ่งแน่นอนว่าเล่นตามกระแสของแนวโน้มนั้นง่ายกว่า แต่สิ่งที่มือใหม่มักพลาดคือ การเข้าตอนที่แนวโน้มนั้นใกล้จบแล้ว ดังนั้นจึงต้องอาศัยการวิเคราะห์แนวโน้มของราคาเพื่อสร้างประสิทธิภาพในการเทรดให้มากที่สุด โดยเทคนิคการดูทิศทางของแนวโน้มนั้น มีการเคลื่อนไหวของตลาดประกอบด้วย 3 สิ่ง คือ ขึ้น , ลง , Sideway

     

    1. Line graph
    วิธีที่ง่ายที่สุดและใช้ได้จริง คือการปรับกราฟเป็น Line graph จะทำให้มองแนวโน้มราคาออกได้ง่าย ตัดพวก noise ออกไปได้ (ใน bar graph และcandlestick graph แสดง High , Low ทำให้กราฟดูยาก) สามารถดูแนวโน้มโดยรวมได้ง่าย

    2. Highs และ Lows
    ตามหลักพื้นฐานของ Technical analysis เลยคือเมื่อราคาทำ Higher High และ Higher Low เป็นช่วงแนวโน้มขาขึ้น และถ้าราคาทำ Lower High และ Lower Low เป็นช่วงแนวโน้มขาลง

    3. Moving Averages
    เป็นเครื่องมือที่นิยมใช้ในการกรองแนวโน้มมากที่สุด และมีประสิทธิภาพมากเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม มีบางสิ่งที่ต้องระวังในการใช้เส้นค่าเฉลี่ย คือ ช่วงที่ใช้คำนวณ ค่ามาก หรือน้อย จะมีผลต่อจะวิเคราะห์ เช่นถ้าใช้ค่าน้อย เส้นค่าเฉลี่ยก็จะตอบสนองต่อราคาไวกว่า ให้สัญญาณเร็วกว่า แต่จะเจอสัญญาณหลอกบ่อยกว่า

    4. Channels และ Trend line
    Channels และ Trend line เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถใช้วิเคราะห์ทิศทางของแนวโน้มราคาได้ และสามารถพิจารณาในช่วงตลาด Sideway ได้เช่นกัน และยังสามารถใช้ประกอบกับเส้นค่าเฉลี่ยได้เช่นกัน

    5. ADX indicator
    เป็นเครื่องมือที่ใช้ดูทิศทางของแนวโน้มราคาและยังสามารถบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของแนวโน้มในช่วงนั้นได้อีกเช่นกัน โดย ADX indicator ประกอบด้วย 3 เส้น คือ +DI , -DI และ ADI … +DI เป็นการแสดงถึงความแข็งแกร่งของ Bullish ส่วน –DI เป็นการแสดงถึงความแข็งแกร่งของ Bearish ส่วน ADI แสดงถึงความแข็งแกร่งของแนวโน้มในช่วงนั้น

    อย่างไรก็ตามทุกเครื่องมือและทุกกลยุทธ์ล้วนมีข้อจำกัด ไม่จำเป็นที่เทรดเดอร์จะต้องได้ 100% ชนะในทุกการเทรด ขอแค่เพียงครั้งที่ชนะของคุณมันใหญ่กว่าครั้งที่แพ้แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    10 กฎพื้นฐานของการซื้อขาย Forex

    ตุลาคม 17, 2022

    กฎการซื้อขายคืออะไรและมีไว้เพื่ออะไร?

    กฎ Forex เป็นแนวทางที่ไม่เป็นทางการที่ผู้ค้ายอมรับ ตามกฎเหล่านี้ คุณสามารถจัดระเบียบกระบวนการซื้อขายและเพิ่มผลกำไรได้ดีขึ้น กล่าวอีกนัยหนึ่งคือประสบการณ์ที่สะสมมาตลอดหลายปีที่ผู้ค้าที่เป็นผู้ใหญ่แบ่งปันกับผู้เริ่มต้น

    กฎการซื้อขาย Forex ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้เข้าร่วมตลาดพัฒนาทักษะและบรรลุชัยชนะครั้งใหม่ หากผู้ค้าเรียนรู้กฎเหล่านี้และนำไปใช้อย่างชำนาญในการทำธุรกรรมจริง พวกเขาจะสามารถเข้าใจการซื้อขายทั้งหมดในช่วงเวลาหนึ่ง และเพิ่มผลกำไรของพวกเขาได้

    สำคัญ!คุณต้องเข้าใจว่าแม้แต่กฎฟอเร็กซ์ที่มีรายละเอียดก็ไม่ใช่กุญแจวิเศษในการทำกำไรทันทีและไร้ขีดจำกัด การใช้กฎเหล่านี้ในการซื้อขายรายวันเป็นกระบวนการที่ยาวนานและต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ซึ่งต้องอาศัยความเอาใจใส่ ความพากเพียร และการมีส่วนร่วมจากผู้ค้า

    10 กฎพื้นฐานของการซื้อขาย Forex

    1. อย่าซื้อขายตามกำหนดเวลา

    คุณไม่ควรเริ่มซื้อขายเพียงเพราะคุณเปิดคอมพิวเตอร์และมีเวลาสองสามชั่วโมง ผู้เชี่ยวชาญด้าน Forex แนะนำให้เตรียมตัวก่อนเปิดดีล ดังนั้น คุณต้องพัฒนาแผนการซื้อขาย พิจารณาสถานการณ์การเคลื่อนไหวของตลาดที่เป็นไปได้มากมาย และวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดโดยละเอียด หลังจากกำหนดทิศทางแนวโน้มและกำหนดคำสั่งที่จำเป็นแล้วเท่านั้น คุณสามารถเข้าสู่ตลาดได้อย่างปลอดภัย

    2. คุมอารมณ์ให้อยู่หมัด

    อย่าปล่อยให้ความรู้สึกของคุณอยู่เหนือเหตุผลและเหตุผล ผู้มาใหม่ในตลาด Forex มักมีอารมณ์อ่อนไหวและมีแนวโน้มที่จะถูกโจมตีอย่างตื่นตระหนกในขณะซื้อขาย การสูญเสียการควบคุมตนเองนำไปสู่การตัดสินใจที่หุนหันพลันแล่นและเป็นผลให้เกิดการสูญเสียทางการเงิน รักษาความสงบไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น: หยุด หยุดชั่วคราว พิจารณาสถานการณ์จากทุกมุม แล้วลงมือทำเท่านั้น

    3. กระจายพอร์ตการลงทุนของคุณ

    มีคู่สกุลเงินจำนวนมากสำหรับการซื้อขายใน Forex ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์กระจายพอร์ตการลงทุนได้ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยง คู่สกุลเงินบางคู่มีความเสี่ยงน้อยกว่า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระดับของความผันผวน ในขณะที่บางคู่อาจทำกำไรได้มากกว่า แต่บ่งบอกถึงความเสี่ยงที่จะขาดทุนมากขึ้น หากเทรดเดอร์แบ่งปันเงินทุนระหว่างคู่เงินสองประเภทที่แตกต่างกัน พวกเขาจะสามารถลดความเสี่ยงได้

    4. ลงทุนเงินที่คุณสามารถจะสูญเสียได้

    มันไม่ฉลาดที่จะลงทุนทุกอย่างที่คุณมีหรือได้รับเงินกู้เพื่อจุดประสงค์นั้น การซื้อขาย Forex ไม่ใช่ลอตเตอรีแบบ win-win บางครั้ง กำไรจะเกิดขึ้นหลังจากการเทรดที่ขาดทุนหลายครั้งเท่านั้น เมื่อผู้ค้าเสี่ยงเงินออมทั้งหมดของพวกเขา พวกเขาไม่สามารถประเมินสถานการณ์อย่างเป็นกลางและมีสติ ดังนั้นพวกเขาถึงวาระที่จะทำผิดพลาด คุณควรเดิมพันเงินที่คุณสามารถจะสูญเสียได้ กล่าวคือ การสูญเสียจะไม่ทำให้เกิดปัญหาร้ายแรงใดๆ กับคุณ ในกรณีเช่นนี้ คุณจะสามารถหลีกเลี่ยงการสูญเสียที่ไม่พึงประสงค์ได้อย่างง่ายดายและกลืนกินรสชาติอันหอมหวานของการซื้อขายที่ชนะ

    5. พึ่งพาการวิเคราะห์ตลาด

    กฎการซื้อขาย Forex ขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและพื้นฐาน การซื้อขายสุ่มสี่สุ่มห้าหรือหวังว่าจะได้รับโชคดีจะถึงวาระที่จะล้มเหลว เทรดเดอร์ทุกคนควรพึ่งพาข้อเท็จจริงและสถิติที่ยาก ในการประเมินสถานการณ์ตลาดอย่างถูกต้อง จำเป็นต้องมีข้อมูลทางเศรษฐกิจและการเงินที่ทันสมัย สัญชาตญาณและสมมติฐานไม่มีประโยชน์ที่นี่ เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ทุกคนรู้ดีว่าการเข้าสู่ตลาดมีความเสี่ยงเกินไปโดยไม่ได้เรียนรู้พื้นฐานของการวิเคราะห์ทางเทคนิคและพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม คุณสามารถศึกษาแนวคิดพื้นฐานและหลักการวิเคราะห์พื้นฐานบน

    6. ใช้เวลาของคุณ

    กฎและกลยุทธ์ forex ส่วนใหญ่ได้รับการออกแบบมาสำหรับการซื้อขายระยะยาวและมีเสถียรภาพ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดก็ไม่มีเคล็ดลับใด ๆ ที่สามารถทำให้ผู้ค้าร่ำรวยได้ในหนึ่งวัน การซื้อขาย Forex เป็นงานหนักในแต่ละวัน ซึ่งกำไรเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปเท่านั้น คุณต้องอดทนและใช้เวลาของคุณ รอช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเปิดการซื้อขายและอย่าดำเนินการที่วุ่นวายซึ่งอาจทำให้คุณขาดทุนอย่างมาก บางทีกฎหลักของตลาดฟอเร็กซ์ก็คือเทรดเดอร์ที่กระสับกระส่ายและใจร้อนมักจะแพ้

    7. สื่อสารกับผู้ค้ารายอื่น

    ชุมชนการซื้อขาย Forex เป็นกลุ่มผลประโยชน์ที่มีบรรยากาศที่เป็นกันเอง ผู้เข้าร่วมแบ่งปันความรู้และสิ่งที่ค้นพบซึ่งกันและกัน นอกจากนี้ พวกเขายังแลกเปลี่ยนวิธีแก้ปัญหาในทางปฏิบัติ กลยุทธ์ที่ปรับปรุง และการพัฒนาใหม่ เข้าร่วมในพอร์ทัลการลงทุนที่สำคัญ

    8. คิดบวกและยอมรับการสูญเสียอย่างใจเย็น

    ความล้มเหลวเกิดขึ้นบ่อยครั้งใน Forex เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์จะขาดทุนอย่างใจเย็นไม่เหมือนกับมือใหม่ที่มักจะเครียดกับการขาดทุน สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าไม่มีผู้ค้ารายใด แม้แต่ผู้ค้าที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จมากที่สุดก็สามารถหลีกเลี่ยงการสูญเสียได้ นี่เป็นส่วนสำคัญของการซื้อขาย จากการขาดทุนที่เกิดขึ้น เทรดเดอร์จะได้รับประสบการณ์อันมีค่า และสิ่งนี้สำคัญกว่าเงินเพราะประสบการณ์หลายปีทำให้กระบวนการซื้อขายง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    9. อย่าลืมพักผ่อนเสมอ

    การซื้อขาย Forex ดำเนินต่อไปตลอด 24 ชั่วโมง การทนต่อภาระทางอารมณ์ห้าวันต่อสัปดาห์นั้นยากแม้สำหรับเทรดเดอร์ที่ช่ำชองที่สุด ประการแรก การทำงานหนักเกินไปและการออกแรงมากเกินไปทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพ และประการที่สอง เมื่อคุณเหนื่อย คุณจะทำผิดพลาด วิธีแก้ปัญหานั้นง่าย – พักสมองจากการซื้อขาย Forex สิ่งสำคัญคือต้องสร้างตารางเวลาที่ชัดเจนสำหรับการสังเกตตลาดและรวมถึงช่วงพัก

    สำคัญ!หลังจากเปิดการซื้อขายแล้ว ผู้เริ่มต้นหลายคนอดไม่ได้ที่จะดูกราฟ โดยกังวลใจกับการเปลี่ยนแปลงราคา แท้จริงแล้วมันไร้ประโยชน์ ไม่มีผู้ค้ารายใดสามารถมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้ คำสั่งหยุดการขาดทุนและทำกำไรสามารถช่วยให้คุณรู้สึกมั่นใจมากขึ้นและใช้แนวทางที่ผ่อนคลายในการตรวจสอบแผนภูมิ

    10. ติดตามข่าวสารล่าสุด

    การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นหนึ่งในวิธีการวิจัยตลาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์พื้นฐานก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน เนื่องจากเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองทั่วโลกเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของการเปลี่ยนแปลงราคา นักเทรด Forex ทุกคนควรจับตาดูการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ อัตราการเติบโตของ GDP ในสหภาพยุโรป และข่าวประชาสัมพันธ์ที่สำคัญอื่นๆ

    สรุป

    การปฏิบัติตามกฎข้างต้นของการซื้อขายฟอเร็กซ์ไม่รับประกันผลกำไร 100% และไม่สามารถหลีกเลี่ยงการสูญเสียได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม กฎเหล่านี้สามารถนำผู้ค้าไปสู่ความสำเร็จในตลาดสกุลเงินได้ พวกเขามีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้น พื้นฐานการซื้อขายเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดทั่วไป เลือกกลยุทธ์การซื้อขายอย่างละเอียดยิ่งขึ้น และปกป้องเงินทุนของคุณจากการขาดทุน

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    ความรู้พื้นฐานในระบบเทรด Forex

    ตุลาคม 13, 2022

    ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับระบบเทรด Forex

     

    Forex(ฟอเร็กซ์) คืออะไร ?

    ฟอเร็กซ์ ย่อมาจากคำว่า Foreign Exchange Market คือ ตลาดเเลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตัวอย่างเช่นคุณอาจคิดว่ายูโร (EUR) กำลังขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) คุณจึงดำเนินการเทรดโดยซื้อคู่สกุลเงิน EUR/AUD หากยูโรขึ้น คุณอาจได้กำไร แต่หากตกลง คุณก็จะขาดทุน ในทางกลับกัน หากคุณคิดว่ายูโรกำลังลดลง คุณอาจดำเนินการเทรดซึ่งจะได้ประโยชน์จากความเคลื่อนไหวของราคาในลักษณะดังกล่าว  แพลตฟอร์มการเทรดทางออนไลน์ทำให้การเทรดสะดวกอย่างยิ่ง เนื่องจากทำให้คุณสามารถเข้าใช้เครื่องมือการเทรด แหล่งข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์ และสื่อการศึกษา ก่อนเริ่มต้นด้วยบัญชีจริง เทรดเดอร์ควรใช้เวลาทำความคุ้นเคยกับลักษณะที่ตลาด Forex เคลื่อนไหวและสร้างกลยุทธ์การเทรดที่ปฏิบัติได้จริงตามเป้าหมายส่วนตัวของตน

    ประโยชน์ของระบบเทรด Forex คืออะไร ?

    มีเหตุผลจำนวนมากที่ทำให้คนเลือกระบบเทรด Forex ตั้งแต่ต้องการหารายได้เสริมไปจนถึงหาอาชีพใหม่ๆ นี่คือเหตุผลหลักสามข้อที่ลูกค้าของเราสนุกกับการเทรด Forex:

    1. ตลาดเปิด 24 ชั่วโมง
      ด้วยเวลาเปิดตลาดที่แตกต่างกันรอบโลก คุณจึงสามารถเทรดค่าเงินได้ 24 ชั่วโมงต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ โดยปกติแล้ว เวลาดังกล่าวจึงเหมาะกับเทรดเดอร์ที่ทำงานในช่วงกลางวันเนื่องจากพวกเขาจะสามารถเทรดได้ที่บ้านในช่วงเย็น นอกจากนี้ ยังหมายความว่าคุณจะไม่พบกับช่องว่างของราคาในช่วงกลางคืน
    2. Forex มีค่าใช้จ่ายต่ำ
      เมื่อคุณเทรด Forex คุณไม่ต้องเสียค่าคอมมิชชันเหมือนการเทรดหุ้น แต่คุณจะเสียยอดที่บวกเพิ่มไปในราคาเพียงเล็กน้อย ซึ่งเรียกว่าสเปรด) ปกติแล้ว ในการเทรดแต่ละดอลลาร์ ค่าสเปรดจะไม่ถึงหนึ่งเซนต์
    3. Forex ช่วยให้คุณเริ่มต้นได้ด้วยเงินเพียงเล็กน้อย
      เมื่อคุณเริ่มเทรด Forex คุณจะสามารถเริ่มต้นได้ในปริมาณที่น้อยมากๆ และด้วยการเทรดจำนวนเล็กน้อย ค่าคอมมิชชันของคุณก็จะน้อยตามไปด้วย จึงแตกต่างจากหุ้นที่กำไรของคุณจะถูกหักค่าคอมมิชชัน

    ใครที่ควรเทรดในระบบเทรด Forex ?

    ไม่เป็นไรหากคุณไม่เคยเทรดมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นมืออาชีพที่ประสบการณ์สูง มีเวลาเทรดเยอะ หรือมีเวลาน้อยมาก เพราะการเทรด Forex มีหลากหลายแบบและให้โอกาสกับทุกคน การเทรด Forex ได้รับความนิยมเป็นพิเศษในบรรดาเทรดเดอร์ต่อไปนี้:

    • เทรดเดอร์ใหม่ที่กำลังเริ่มต้นในตลาด
    • เทรดเดอร์รายวันที่เทรดหลายครั้งต่อวัน
    • เทรดเดอร์ที่เทรดตามการแกว่งของราคาโดยถือไม่กี่วัน
    • เทรดเดอร์ที่ถือสถานะเป็นเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน
    • เทรดเดอร์ที่ชื่นชอบความสะดวกในการเทรดบนอุปกรณ์เคลื่อนที่

     

    เครื่องมือใดที่คุณต้องใช้ในการเทรดระบบเทรด Forex ?

    เป็นเรื่องง่ายที่เทรดเดอร์มือใหม่จะใช้เวลามากในการศึกษาแพลตฟอร์มการเทรดที่จะใช้หรือมองหาโซลูชั่นด้านเทคโนโลยีล่าสุด ความเป็นจริงก็คือเทรดเดอร์มือใหม่ไม่รู้จริงๆ ว่าพวกเขาต้องการอะไรจนกว่าจะค้นพบสไตล์การเทรดของตนเอง จึงหมายความว่าการเริ่มต้นจากสิ่งพื้นฐานและโฟกัสที่การเรียนรู้ก็เพียงพอที่จะเริ่มต้นโดยมีความเสี่ยงน้อยที่สุด

    คำแนะนำก็คือเทรดเดอร์มือใหม่ควรพิจารณาที่จะเริ่มต้นด้วยสิ่งพื้นฐานต่อไปนี้:

    • แพลตฟอร์มการเทรด Forex ออนไลน์ที่มีตัวเลือกกราฟ เช่นMT4
    • บัญชีทดลองที่ทำให้คุณสามารถฝึกเทรดได้ด้วยเงินเสมือน จึงไม่มีความเสี่ยง
    • การเรียนการสอน เช่นวิธีใช้แพลตฟอร์ม
    • การศึกษา Forex เบื้องต้น

    ขณะที่คุณพัฒนาการเทรดของคุณ คุณอาจต้องการใช้เครื่องมือต่อไปนี้:

    • แพลตฟอร์มการเทรด Forex ระดับสูงกว่าเดิม
    • การศึกษาที่เจาะลึกยิ่งขึ้น
    • การวิเคาระห์ทางเทคนิคจากเทรดเดอร์ผู้เชี่ยวชาญ
    • รายงานการเทรดอัตโนมัติ

    บัญชี Pro(สำหรับเทรดเดอร์ที่มีปริมาณการซื้อขายสูง)

     

    คุณจะเริ่มต้นเทรดระบบเทรด Forex ได้อย่างไร ?

    กำลังมองหาแผนง่ายๆ เพื่อเริ่มต้นโดยไม่ยุ่งยากใช่ไหม ทำตามขั้นตอนง่ายๆ เหล่านี้:

    1. เปิดบัญชีฝึกหัด
    2. ดูวิดีโอคำแนะนำสำหรับบัญชีฝึกหัด
    3. ศึกษาคอร์ส Forex ฟรี
    4. เทรด 10 ครั้งด้วยบัญชีฝึกหัดของคุณโดยตั้ง Stop Loss ไว้ที่ 50 pip และ Profit Target ที่ 100 pip

    นอกจากนี้ ยังคุ้มที่จะสละเวลาดูความผิดพลาดในการเทรด Forex เหล่านี้และใช้จิตวิทยาด้านการเทรดของคุณในบทความต่อไปนี้:

    • คู่มือค้นหาเทรดเดอร์ที่อยู่ในตัวคุณ
    • พลังของความเชื่อและวิธีที่พลังเหล่านี้จะพัฒนาจิตวิทยาด้านการเทรดของคุณ
    • 10 เครื่องมือด้านจิตใจที่จะกระตุ้นให้ผลการดำเนินการเทรดดีที่สุด

    #แจกฟรี!ระบบเทรด

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการใช้ Market Sentiment ในการเทรด

    ตุลาคม 12, 2022

    เทคนิคการใช้ Market Sentiment ในการเทรด

    Market setiment  ถือว่าสำคัญเพราะจะบอกสถานะแต่ละคู่เงินว่าเป็นอย่างไรตอนนี้ ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายคุมตลาดเป็น Buyers หรือ Sellers เพราะข้อมูลตรงนี้สามารถประยุกต์เข้ากับเทคนิคการเทรดอย่างเช่นระบบเทรดตามเทรน ถ้าเทรนเพิ่งเริ่ม หรือระบบเทรดแบบสวนเทรนเมื่อ Setiment เกิดความไม่สมดุลย์มาก เช่นมีอีกข้างมากกว่า 70 % ก็จะเปิดโอกาสเทรดสวนเทรดเดอร์ที่เทรดใช้ OverBought/OverSold ก็จะดู market sentiment ประกอบ

    เดี๋ยวนี้หลายๆ โบรกเปิดเผย market sentiment ออกมาของโบรกตัวเอง เช่นอย่าง Dukascpy , Oanda หรือทุกโบรกที่ใช้ cTrader เพราะ trading platform cTrader มีฟีเจอร์นี้ในตัว หรือถ้าเป็น Metatrader ก็จะมีทูลเสริมประกอบ แล้วแต่ว่าโบรกเกอร์จะให้ฟรีหรือเปล่า ในที่นี้ยกตัวอย่างของ ICMarkets  จะได้ทูลชุดนี้ฟรีสำหรับลูกค้าที่เปิดบัญชีเทรดจริง

    Market sentiment แต่ละคู่เงินก็จะบอกสถานะว่ามีการเปิด positions คู่เงินนั้นๆ ทางไหนมากตอนนี้ ดังนั้นเทรดเดอร์เทรดแรกที่สนใจเรื่อง sentiment ระบบเทรดตามเทรน และระบบเทรดสวนเทรน หรือ contrarian  traders เพราะ sentiment ถือว่าเป็นตัวบอกหรือเป็น contrarian indicator ก็ว่าได้ ว่าจะได้เวลาเทรดหรือยังเมื่อต้องการเทรดสวน  ตัวอย่างที่จะยกเป็นการใช้สำหรับ contrarian traders

    เมื่อใส่อินดิเคเตอร์ประกอบที่บอกสถานะเรื่อง overbought/oversold คือ CCI และ RSI จะเห็นว่าสถานะคู่ EURUSD ตอนนี้ Overbought เพราะอินดิเคเตอร์อ่านตามข้อมูลที่เกิดขึ้น

    จากที่อธิบายมาและดู Oanda OrderBook ประกอบ ท่านจะพบว่าที่ยกมา Dukascopy, Oanda, cTrader, Metatrader และ Oanda Orderbook พร้อมตัวเลข Sentiment ที่ลูกศรชึ้ ถ้าอธิบาย market sentiment แต่ละคู่ด้วย Oanda Orderbook จะเข้าใจง่ายคือส่วนที่เป็น  Open Positions ที่เทรดเดอร์เปิดอยู่ในตลาดตอนนี้มีทั้ง Long positions (ตอนเปิดเทรด Buy order) และ short positions (ตอนเปิดเทรด Sell order) เมื่อมองจาก Histrogram จะเห็นว่าสัดส่วนของ short positions ตั้งแต่ 1.1200 ขึ้นไปหนาขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งราคามาเทส 1.125 ราคาก็เห็นเปิด short positions เยอะขึ้นไปอีก  positions พวกนี้ติดลบเป็นหลักตอนนี้ เลยทำให้เกิดเป็นสัดส่วนแล้วมีเทรดเดอร์ถือ short positions เป็นหลักหรือมากกว่า long positions ที่กำลังกำไรอยู่เยอะ และ market sentiment จากที่ยกมาไม่ว่าจะเป็นของ Dukascpy, cTrader, Metatrader และ Oanda Orderbook เป็นไปทางเดียวกันหมด ทำให้รู้ว่ารายย่อยเทรดอย่างไร เลยเป็นโอกาสขาใหญ่ที่เปิด long positions สวนตลาดที่มีสัดส่วนน้อยกว่า

    เทคนิคใช้ Sentiment พวกนี้ทั่วๆ ไปก็จะบอกว่าให้ใช้ sentiment เป็นตัวกรอง trading signal/setup ที่เกิดขึ้นก่อนเช่น กรณีเทรดด้วยอินดิเคเตอร์ MACD divergence หรือ MA crossovers เช่นถ้าเทรด trade signal/setup สำหรับ EURUSD บอก Buy แต่เมื่อท่านดู EURUSD sentiment เป็น overbought หรือมีสัดส่วนการเปิด long positions มากตอนนั้น ท่านก็ไม่ควรเปิดเทรด Buy   หรือถ้ากลยุทธ์การเทรด GBPUSD ท่านบอกให้เปิด Sell เมื่อท่านดู GBPUSD sentiment เห็นเป็น overbought ก็จะช่วยเพิ่มความเป็นไปได้ของการเปิดเทรด Sell คู่ GBPUSD จะเห็นว่าเป็นหลักการสำหรับเปิดเทรดแบบ contrarian traders หรือเทรดเดอร์ที่เทรดสวนเทรน เช่นการเทรดแบนสวน market sentiment เมื่อเข้าใจว่า sentiment ให้อะไร ลองมาดูคู่ EURJPY ดูภาพด้านบนของ Dukasopy (73.39% 26.61) ถือว่า Overbought หรือข้อมูลของ cTrader

    หรือดู Oanda Orderbook ประกอบ

    จากที่ยกมาของ Dukascoy, cTrader และของ Oanda Orderbook จะเห็นว่า long positions เยอะตอนนี้คือหมายความว่าที่ถือกำไรอยู่เยอะตอนนี้ของ cTrader จะเห็นว่าสัดส่วนมากสุดถึง 91% ตามด้วย Dukascoy มี 73.39% และ Oanda Orderbook มี 62.44 % ถือได้ว่า Overbought ลักษณะการที่ sentiment ไปทางเดียวแบบนี้จะเปิดโอกาสการเทรดสวนเทรนหรือที่ contrarian traders ต้องการเห็น ก็จะหาพื้นที่เพื่อกำหนด trade setup ประกอบเพื่อหาพื้นที่เข้าเปิด sell  นอกจากเรื่องอ่าน price levels แล้วเมื่อใช้ Oanda OrderBook ประกอบด้วยจะช่วยให้ท่านหาจุดได้เร็วและแม่นกว่าเดิม ดูด้านขวามือที่บอก Open Positions ฝั่งทาง Buy ในที่นี้คือถือ long positions ที่ติดลบ เพราะอยู่เหนือราคาปัจจุบัน เพราะมีการเข้าเปิดเทรดก่อน มองชาร์ตทางช้ายย้อนกลับมาจะเห็นร่องรอยประกอบกับราคาก็จะเป็นตอนที่ราคาเบรค 123 และราคาเกิด pinbar แล้วเด้งกลับมา ตรงกรอบสีเขียว ระยะห่างถ้าเทียบกับเวลาปัจจุบันที่ราคากลับมาพื้นที่ ระยะเวลาที่ถือ long positions พื้นที่นั้นถือว่านาน ที่เทรดเดอร์พวกนี้แบกความกดดันที่ราคาวิ่งสวนไปถ้าราคาไม่ไปต่อ หลังจากที่ราคามาถึง sell limit ที่หยุดราคาขึ้นมา ถ้าราคาไม่ไปต่อ เช่นเกิด pin bar, engulfing bar หรือสัญญาณอะไรก็ตามที่บอกว่าราคา rejection หรือไม่ไปต่อตรงนี้  เทรดเดอร์พวกนี้จะหันมาออกจากตลาด  และเทรดเดอร์ที่รอเข้าเห็นชาร์ตเปลี่ยนก็จะเข้าตลาดเลยบอกว่า market sentiment ให้ข้อมูล contrarian traders เริ่มสนใจว่าจะเทรดสวนที่ไหนและเมื่อไร และนั้นคือเหตุผลที่เมื่อพวกเขาเทรดสวน ก็จะทำให้ราคาวิ่งลงมาได้ง่าย อาจมีการ stop hunt เพื่อเข้าเทรดก่อน เป็นเรื่องปกติของวิธีการเข้าเทรดของขาใหญ่ ที่สำคัญคือรอให้ price action เปิดเผยก่อนค่อยเข้าเทรด เพราะการเทรดของขาใหญ่มากพอที่จะดันราคาไปจุดที่พวกเขาต้องการ อย่าเปิดเทรดทันทีรอให้ trade setup เกิดขึ้นก่อนค่อยจะใช้ประโยชน์ maket sentiment แบบเทรดสวนแบบนี้ได้ง่าย

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    ความแตกต่างระหว่างการซื้อขาย Forex กับ Futures Day?

    ตุลาคม 12, 2022

    ความแตกต่างระหว่างการซื้อขาย Forex กับ Futures Day?

    ด้วยความก้าวหน้าทางเวลา มีตัวเลือกการลงทุนมากมายให้คุณลงทุนเงินและทำกำไร วิธีการลงทุนถือว่าดีเมื่อมีความเสี่ยงด้านเงินน้อยกว่าและมีอัตราผลตอบแทนสูง แต่การหาทางเลือกในการลงทุนไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นในบทความนี้ คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการลงทุนที่ดีที่สุดสองวิธี: forex และ Futures นักลงทุนที่มีประสบการณ์หลายคนชอบตัวเลือกการลงทุนทั้งสองนี้

    การซื้อขาย Forex กับ Futures Day

    ความแตกต่างระหว่างผู้ค้ารายวัน forex และผู้ค้ารายวันคือสัญญาซื้อขาย futures เป็นข้อตกลงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายในการซื้อหรือขายสินทรัพย์เฉพาะในราคาที่กำหนดในวันที่ระบุ ในทางกลับกัน forex กำลังซื้อ ขายสกุลเงินเทียบกับสกุลเงินของประเทศอื่น ในทางกลับกัน นักเทรดสปอต forex นั้นจำกัดอยู่ที่ตลาดสกุลเงินเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ฟอเร็กซ์ CFD สามารถซื้อขายตราสารต่างๆ เช่น สกุลเงิน ดัชนี หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ ฯลฯ เช่นเดียวกับเทรดเดอร์ฟิวเจอร์ส

    ตอนนี้คำถามใหญ่ที่อยู่ในใจของทุกคนคือ ตัวเลือกการลงทุนไหนดีกว่ากัน มันขึ้นอยู่กับงบประมาณของแต่ละบุคคลและเขาเป็นเทรดเดอร์ประเภทไหน

    หากคุณมีงบประมาณต่ำ การซื้อขายฟอเร็กซ์จะดีที่สุดสำหรับคุณเพราะต้องใช้เงินลงทุนน้อยกว่าฟิวเจอร์ส หากคุณต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม ด้านล่างนี้คือคำอธิบายโดยละเอียดของการซื้อขายทั้ง forex และ futures ด้านล่าง เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า

    การซื้อขายฟอเร็กซ์

    การซื้อขาย Forex หรือที่เรียกว่าการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นตลาดสกุลเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก พูดง่ายๆ ก็คือมันเป็นตลาดโลกที่กระจายอำนาจซึ่งทุกสกุลเงินของประเทศต่าง ๆ หรือคุณสามารถพูดได้ว่าการค้าสกุลเงินทั้งหมดของโลก ในปี พ.ศ. 2418 การซื้อขายเงินตราต่างประเทศได้เริ่มต้นขึ้นและถือเป็นเหตุการณ์สำคัญเช่นกัน ข้อดีของการซื้อขายฟอเร็กซ์คือ คุณสามารถใช้บัญชีทดลองได้ หากคุณเพิ่งเริ่มเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้

    จุดประสงค์แรกของบัญชีทดลองคือการให้ข้อมูลทั่วไปแก่ผู้เริ่มต้นและเข้าใจแนวคิดของตลาดมากขึ้น จุดประสงค์ที่สองคือ หากใครต้องการลองใช้กลยุทธ์ใหม่ๆ บัญชีทดลองจะมีประโยชน์ในการหลีกเลี่ยงการสูญเสียใดๆ จุดประสงค์ที่สามคือบัญชีทดลองสามารถช่วยระบุบริการของโบรกเกอร์ได้ก่อนที่จะลองใช้งานจริง

    แม้ว่าบัญชีทดลองสามารถให้แนวคิดบางอย่างได้ แต่ก็ไม่ได้ผลเช่นนั้น และหากคุณต้องการได้รับประสบการณ์ การซื้อขายแบบไมโครเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบ และต้องการเพียง 100$ ในการลงทะเบียนและเริ่มซื้อขาย นี่เป็นข้อได้เปรียบสำหรับการซื้อขายฟอเร็กซ์เนื่องจากโบรกเกอร์ในฟิวเจอร์สต้องการเงินฝากจำนวนมากประมาณ 10,000 ดอลลาร์เพื่อเริ่มต้น

    การซื้อขาย futures กับ forex

    ข้อดีของการซื้อขายฟอเร็กซ์

    1- เลเวอเรจ- โอกาสในการทำกำไรสูงเพราะให้การเข้าถึงตำแหน่งเลเวอเรจที่สูง

    2-โอกาสที่มากขึ้น- การซื้อขาย Forex ปิดเฉพาะในวันเสาร์และวันอาทิตย์ และยังคงเปิดทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน และเพิ่มโอกาสในการซื้อขาย

    3- สภาพคล่อง- สภาพคล่องในตลาดซื้อขายฟอเร็กซ์สูงเมื่อเทียบกับฟิวเจอร์ส และอัตราค่าคอมมิชชันน้อยกว่า

    ข้อเสียของการซื้อขาย futures

    1- ปัญหาสำหรับผู้ซื้อขายรายย่อย- สถาบันขนาดใหญ่ทั้งหมดเช่นธนาคารกำลังซื้อขายกันอยู่ และเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ค้ารายย่อยที่จะทำกำไรสูงเพราะมีข้อมูลน้อยกว่า และเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะมีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของราคา

    2- ผันผวน- การซื้อขาย Forex มีความผันผวน และผู้ที่หวังผลกำไรในระยะสั้นอาจต้องเผชิญกับสิ่งนี้ ส่งผลให้กลยุทธ์ของพวกเขาไม่ทำกำไร

    การซื้อขาย Futures

    ดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นข้อตกลงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายในการซื้อขายสินทรัพย์ที่แตกต่างกันในราคาที่กำหนดในเวลาที่กำหนด สินทรัพย์ที่ซื้อขายล่วงหน้าเรียกว่าอนุพันธ์ สินทรัพย์สามารถเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ใดก็ได้ เช่น ทองคำ น้ำมัน ฯลฯ โดยทั่วไปแล้วนักลงทุนจะใช้การซื้อขายในอนาคตเพื่อลดความเสี่ยง และยังมีวันหมดอายุอีกด้วย สิ่งที่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้คือไม่มีข้อสงสัยหรือความสับสนใดๆ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายหารือกันทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการค้าขาย

    ข้อกำหนดสกุลเงินการค้า วันหมดอายุ วันซื้อขายล่าสุด เดือนที่ส่งมอบเป็นข้อกำหนดที่สำคัญบางประการ จุดสำคัญอีกประการหนึ่งที่ทุกคนควรรู้คือราคาจะเปลี่ยนแปลงทุกวันในอนาคต และเรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับราคาจะต้องพูดคุยกันทุกวันเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสน ทุกคนรู้ว่าตลาดมีความไม่แน่นอนและเปลี่ยนแปลงบ่อย นี่คือเหตุผลที่นักลงทุนจำนวนมากเลือกใช้ตัวเลือกการซื้อขายล่วงหน้าเพราะเป็นแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและลดโอกาสในการขาดทุน

    ข้อดีของการซื้อขาย Futures

    1- การจัดการความเสี่ยง- หนึ่งในข้อได้เปรียบที่ดีที่สุดของการซื้อขายล่วงหน้าคือการจัดการความเสี่ยง สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Futures คือจุดประสงค์ที่มีอยู่คือการบริหารความเสี่ยง ช่วยลดความเสี่ยงและความไม่แน่นอนของตลาดจะไม่ส่งผลกระทบต่อคุณ

    2- เงินที่เร็วขึ้น- ข้อดีอีกอย่างของ Futures ผู้ที่มีประสบการณ์เพียงพอและมีความรู้และวิจารณญาณที่เหมาะสมในตลาดสามารถทำเงินได้เร็วขึ้น

    3- มีประสิทธิภาพ- ประสิทธิภาพของตลาด Futures สนั้นสูงและเมื่อเทียบกับตัวเลือกอื่น ๆ มันเป็นตลาดที่ยุติธรรม

    ข้อเสียของตลาดซื้อขาย Futures

    1- ปัญหาเลเวอเรจ- การเคลื่อนไหวของราคาตลาดบางครั้งเร็วมาก และราคาในสัญญาสามารถขึ้นและลงได้ทุกวัน ดังนั้นเลเวอเรจที่กำหนดไว้ในสัญญาสามารถสร้างปัญหาได้

    2-Time Issues- สัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีวันหมดอายุตายตัว และราคาจะมีความน่าสนใจน้อยลงเมื่อวันหมดอายุมาถึง ซึ่งอาจส่งผลให้สัญญาหมดอายุ

    บทสรุป

    Forex และ Futures มีทั้งข้อดีและข้อเสีย และหากคุณวางแผนที่จะลงทุนด้วยเงินของคุณ คุณจำเป็นต้องวางแผนทุกอย่างและค้นคว้าข้อมูลทุกอย่างอย่างเหมาะสม อีกสิ่งหนึ่งคือก่อนที่จะมาที่แพลตฟอร์มใด ๆ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ให้ความรู้กับตัวเองและรับความรู้ให้มากที่สุด นักลงทุนจำนวนมากใช้ทั้งสองแพลตฟอร์ม และคุณต้องระบุความต้องการของคุณก่อนเข้าสู่แพลตฟอร์มใดๆ

    สิ่งหนึ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในไม่ช้าคือที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ซึ่งสามารถแบ่งปันตัวอย่างและเคล็ดลับในชีวิตจริงได้ และคุณต้องอดทนเพราะจะต้องเข้าใจตลาดให้ดีขึ้น

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    การวิเคราะห์ทางเทคนิค Forex สำหรับผู้เริ่มต้น

    ตุลาคม 12, 2022

    การวิเคราะห์ทางเทคนิค Forex สำหรับผู้เริ่มต้น

    ในฐานะนักเทรดฟอเร็กซ์ คุณอาจเคยคิดหาวิธีต่างๆ ที่คุณสามารถเข้าและออกจากการเทรดในเวลาที่เหมาะสมเพื่อทำกำไร ใช่ไหม? หนึ่งในวิธีดังกล่าวคือการวิเคราะห์ทางเทคนิคฟอเร็กซ์ การวิเคราะห์ทางเทคนิค Forex เป็นที่แพร่หลายในหมู่ผู้เล่นในตลาด และสามารถทำได้โดยใช้แผนภูมิและ indicator การค้า แม้ว่าคุณจะยังใหม่ในสาขานี้ แต่บทความนี้จะขจัดข้อสงสัยทั้งหมดของคุณเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค forex และวิธีที่จะช่วยให้คุณคาดการณ์แนวโน้มของตลาดได้

    การวิเคราะห์ทางเทคนิค Forex สำหรับผู้เริ่มต้น

    การวิเคราะห์ทางเทคนิคช่วยวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาในตลาดผ่านแผนภูมิและ indicators ในอดีต เพื่อให้ผู้ค้าสามารถรับแนวโน้มของตลาดในอนาคตได้ ใช้แนวโน้มที่ผ่านมาในการคาดการณ์แนวโน้มในอนาคตและประสิทธิภาพของตลาดก่อนเข้าสู่การค้า รูปแบบแท่งเทียนหรือแผนภูมิต่างๆ ช่วยสร้างรูปแบบอินดิเคเตอร์ ผู้ค้า forex ใช้ข้อมูลราคาและปริมาณเป็นส่วนใหญ่ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค

    ความแตกต่างระหว่างการวิเคราะห์พื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิคอยู่ในข้อเท็จจริงที่ว่าในขณะที่การวิเคราะห์พื้นฐานพิจารณาการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและประเด็นที่เกี่ยวข้องเป็นปัจจัยหลัก การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะพิจารณาถึงแนวโน้มในอดีต เทรดเดอร์ต้องตระหนักถึงพื้นฐานการวิเคราะห์พื้นฐานและทางเทคนิคเพื่อให้เขา/เธอสามารถใช้ประโยชน์จากการรวมเข้าด้วยกัน

    ประโยชน์ของการใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค

    การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับการบริหารความเสี่ยงเพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านลบ ด้วยการทำความเข้าใจหลักการและแนวคิดการวิเคราะห์ทางเทคนิคฟอเร็กซ์ต่างๆ ผู้ค้าสามารถพัฒนากลยุทธ์ที่เหมาะสมของตนเองเพื่อซื้อขายสกุลเงินต่างๆ การวิเคราะห์ทางเทคนิคช่วยค้นหาแนวโน้มและรูปแบบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงปัจจัยพื้นฐานต่างจากการวิเคราะห์พื้นฐานซึ่งช่วยหามูลค่าที่แท้จริงของตลาด

    มีประโยชน์หลักสามประการของการใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคในการซื้อขายฟอเร็กซ์

    •       สามารถใช้เป็น indicator เพื่อเข้าและออกจากตลาด
    •       สามารถใช้ได้ในทุกกรอบเวลาของตลาด
    •       ช่วยในการระบุแนวโน้มของตลาด

    เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค forex ที่ดีที่สุด

    เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค forex ที่ดีที่สุดคือ:

    • แนวรับและแนวต้านก่อนหน้า (เช่น สูงหรือต่ำ 20 วันที่ผ่านมา)
    • เส้นแนวโน้ม
    • ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ RSI หรือ indicator  MACD
    • ระดับฟีโบนักชี

    เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค Forex – แผนภูมิ

    แผนภูมิประวัติศาสตร์มีประโยชน์มากในการวิเคราะห์ทางเทคนิค forex แผนภูมิประกอบด้วยสองสิ่ง คือ ราคาในอดีตและปัจจุบันของตลาด ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการตัดสินใจว่าการค้าที่ทำกำไรได้จะเป็นอย่างไร ราคาตลาดเป็นตัวแทนที่สำคัญที่สุดของตลาดและถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

    กราฟทางเทคนิคสามารถช่วยหาแนวโน้มตลาดโดยรวมจากการตัดสินใจว่าตลาดจะทะยานหรือตกต่ำในช่วงเวลาใด ๆ รวมถึงเฟรมรายชั่วโมง รายวัน รายสัปดาห์ หรือแม้แต่รายเดือน ราคาจะถูกตรวจสอบในรูปแบบแท่งเทียนต่างๆ (เช่น รูปแบบ cup and handle ) หรือแผนภูมิที่เรียกว่าช่วงราคา แผนภูมิที่ใช้กันทั่วไปในเวลาปัจจุบัน ได้แก่ แผนภูมิแท่ง แผนภูมิแท่งเทียน และแผนภูมิเส้น

    กราฟทางเทคนิคมีสี่จุดหลัก – ราคาเปิด, ราคาปิด, จุดสูงสุด และจุดต่ำสุด ความสัมพันธ์ระหว่างราคาและรูปแบบสามารถให้สัญญาณแก่ผู้ค้าในการเข้าและออกจากการซื้อขาย ด้วยการทำความเข้าใจพื้นฐานการวิเคราะห์ทางเทคนิค forex ผู้เริ่มต้นสามารถใช้และรวมแผนภูมิและตัวบ่งชี้เพื่อคาดการณ์อนาคตได้

    Indicators การวิเคราะห์ทางเทคนิค Forex คืออะไร?

    indicators การวิเคราะห์ทางเทคนิค Forex มีประโยชน์เมื่อผู้ซื้อขายกำลังมองหาโอกาสในการซื้อขาย indicatorsการวิเคราะห์ทางเทคนิคส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับปริมาณและราคา เช่นเดียวกับแผนภูมิ แม้ว่า indicator จะช่วยในการค้นหาระดับแนวรับและแนวต้านและระยะเวลาที่ผู้ค้าควรถือการค้า ผู้ค้าสามารถรับมุมมองของตลาดในปัจจุบันโดยใช้การวิเคราะห์กรอบเวลาหลายช่วงสำหรับราคาหรือช่วงและการเปลี่ยนแปลงตามปริมาณ

    นี่คืออินดิเคเตอร์การวิเคราะห์ทางเทคนิค forex ที่ใช้มากที่สุด

    • ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (RSI)
    • ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
    • ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่คอนเวอร์เจนซ์ไดเวอร์เจนซ์ (MACD)
    • Bollinger Bands
    • Stochastics
    • MACD

    ในขณะที่ MACD และเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เป็นกุญแจสำคัญในการค้นหาแนวโน้มของตลาด RSI จะระบุจุดเข้าและออก

    บทสรุป

    ในฐานะที่เป็นมือใหม่ในตลาดฟอเร็กซ์ คุณยังสามารถอัปเดตตัวเองด้วยเทรนด์ล่าสุด ข่าวสาร และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก มันจะทำให้คุณได้เปรียบเหนือการค้าขายของคุณ เนื่องจากตลาดฟอเร็กซ์อ่อนไหวต่อเหตุการณ์ระดับโลก

    ในฐานะนักเทรดมือใหม่ คุณควรซื้อขายในบัญชีทดลองและสามารถลองใช้รูปแบบการวิเคราะห์ทางเทคนิคและเครื่องมือต่างๆ ในระบบจำลองเหล่านี้เพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ โดยการทำเช่นนี้ คุณจะทำผิดพลาดแต่จะไม่สูญเสียเงินจริงของคุณ คุณสามารถค้นหาบัญชีทดลองดังกล่าวได้จากโบรกเกอร์ทั่วโลก เนื่องจากมันได้กลายเป็นเทรนด์ในยุคปัจจุบัน

    ________________________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการอ่าน trend, ในระบบเทรดด้วย Price Action

    ตุลาคม 12, 2022

     

    เทคนิคที่ 1 : Big Time Frame มองภาพใหญ่ก่อนเสมอ

    • ข้อนี่คือสิ่งแรก ที่อยากจะบอก ว่าเป็นเรื่องแรกที่เราต้องทำแล้วตอบตัวเองให้ได้ว่า เราอยู่ในเทรนอะไรของ Time Frame (TF) ไหน
    • แล้วเราควรดูกี่ TF โดยส่วนตัวจะใช้อยู่แค่ 2-3 TF โดยที่ควนให้มีระยะห่างของแต่ละ TF ระดับนึง เช่น ถ้า ใช้ TF Day เป็นตัวคุม Trend หลัก จะ TF ย่อยที่จะใช้เข้าเทรด ควรใช้ระดับ 60 หรือ 120 นาที ในการหาจังหวะเข้าสถานะฝั่งเดียวกับ TF หลักตรงนี้ เพราะพลาดมาเยอะแล้วที่เข้าตาม TF ย่อย โดยไม่ดู TF หลัก ส่วนใครที่จะเทรดต่ำกว่า 60 นาที ก้อให้ใช้ 60 นาที เป็น TF หลักแทน
    • TF ยิ่งใหญ่ยิ่งแข็งแรงกว่าเสมอ เช่นแนวรับแนวต้านของระดับ TF Day ย่อมแข็งแรงกว่า TF 30 นาที เพราะฉะนั้น ถ้าในจังหวะที่ TF ย่อย ราคาวิ่งไปถึง แนวรับต้าน ของ TF ใหญ่เราควรต้องดูเป็นอย่างยิ่งว่า เมื่อราคาไปถึงแล้วจะมีสัญญาณอะไรบอกเราไหมว่า จะชนะหรือแพ้ ที่ตำแหน่งนั้น เช่น มี Pin bar หรือ Big Back หรือ Big White เกิดขึ้นตรงตำแหน่งนั้นหรือไม่
    • TF ที่อยากจะแนะนำคือ ตั้งแต่ 30 นาทีขึ้นไป เพราะความแข็งแรงของแท่งเทียนจะมีสูงระดับนึง และค่อยไปฝึกการใช้ Price Action และ Price Pattern ในการวางแผนเทรด

    เทคนิคที่ 2 : เทคนิคการอ่าน Trend ด้วย Price Pattern

    • เทคนิคการอ่าน Trend หรือ แนวโน้ม มักจะนิยามไว้ แค่ 2 นิยาม คือ มีแนวโน้ม (Trend) หรือ ไม่มีแนวโน้ม (Sideway)โดยที่การที่มีแนวโน้ม จะแยก เป็น 2 ลักษณะ คือ Up Trend หรือ Down Trend
    • ในช่วงที่ Up Trend ลักษณะการเคลื่อนไหวของราคา ดูได้จาก Higher High (HH) และ Higher Low (HL) หรือจะกล่าวว่า ทำจุดสูงสุด และ และจุดต่ำสุด สูงขึ้นเรื่อย ๆ ลักษณะนี้ แนวโน้มหลักและแนวโน้มรองจะเคลื่อนตัวในทิศทางเดียวกัน คือ ขึ้น Trade Setup ที่ควรเลือกใช้ คือ เทรดฝั่ง Long หรือ Buy
    • ในช่วงที่ Down Trend ลักษณะการเคลื่อนไหวของราคา ดูได้จาก Lower High (LH) และ Lower Low (LL) หรือจะทำจุดสูงสุดและจุดต่ำสุด ต่ำลงเรื่อยๆลักษณะนี้ แนวโน้มหลักและแนวโน้มรองจะเคลื่อนตัวในทิศทางเดียวกัน คือ ลง Trade Setup ที่ควรเลือกใช้ คือ เทรดฝั่ง Short หรือ Sell
    • ในช่วงที่ Sideway Trend เป็นลักษณะที่ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ ไม่มี Higher High (HH) และ Higher Low (HL) จุดสังเกตุ การดูแนวโน้ม Sideway คือ การที่แนวโน้มรองและแนวโน้มหลักเคลื่อนไหวไหนทิศทางที่ตรงกันข้ามกัน ถ้าเจอแบบนี้ Trade Setup ที่เราควรเลือกใช้ คือ การเล่นในกรอบ และปิดทำกำไรเมื่อราคาไปชน

    เทคนิคที่ 3 : Reversal is The King of King สัญญาญจุดกลับตัว สำคัญเสมอ

    • ในทีนี้คงไม่มาอธิบาย ว่าแท่งเทียนกลับตัวมันมีชื่อเรียกว่าอะไรบ้าง เราสามารถหาอ่านได้ ทั่วไปตาม google  แต่ทีจะเอาเทคนิคการใช้ที่ส่วนใหญ่มักจะได้ผลสรุปๆมาให้อ่านและรูปแบบสำคัญๆที่ใช้บ่อยๆ
    • Pin Bar Pattern เป็นรูปแบบที่ใช้กันบ่อย มันบอกถึงการที่ราคาวิ่งมาในทิศทางตรงกันข้าม แล้วเกิดการสวนกลับของราคา ตำแหน่งที่ แท่ง Pin bar มีนัยยะ คือบริเวณแนวรับต้านที่สำคัญ เช่น แนวรับต้าน ระดับ TF day หรือ Week หรือใน TF ที่เป็นแนวโน้มหลักที่เราใช้คุมการเข้าเทรด ถ้าเป็นแท่งเทียนนี้ขึ้นให้ระวังการกลับทิศทางของราคา และจะยืนยันเมื่อมีแท่งเทียนแท่งต่อๆมาเป็นแท่งในทิศทางเดียวกับ Pin Bar และ ห้ามย้อนลงมาหาปลายหางของแท่งเด็ดขาด
    • Inside Bar Pattern เป็นรูปแบบที่ราคาลงมาถึงแนวรับต้านที่สำคัญ แล้วมีราคา แท่งเทียนฝั่งตรงข้ามส่วนขึ้นมาประกบ บอกถึงการที่แรงซื้อหรือแรงขายที่อยู่ในทิศทางตรงกันข้าม มีความพยายามต่อสู้กลับ และเช่นเดียวกับ Pin Bar แต่จะตีความด้วย แท่งเทียน 2 แท่ง และเมื่อเกิดแท่งเทียนลักษณะนี้แล้ว ควรยืนยันด้วยแท่งเทียน แท่งถัดๆไป ที่ทำจุดสูงสุด หรือจุดต่ำสูง ที่สูงหรือต่ำกว่า คู่แท่งที่เกิดในทิศทางที่ตรงกันข้าม กับทิศทางก่อนหน้าที่จะเกิดแท่งเทียนเพื่อยืนยัน
    • จุดกลับตัว เป็นสิ่งสำคัญมากในการเข้าเทรด และที่เข้าใจและใช้กันผิดเสมอคือ Reversal ไม่ใช่จุดกลับ Trend เป็นแค่การเปลี่ยนแปลงของทิศทางราคา การกลับ Trend จะต้องดูรูปแบบตามเทคนิคที่ 2 เสมอ แต่เราสามารถใช้ Revarsal เพื่อหาจุดเข้าทำตาม Trend ในจังหวะ Buy on Dip หรือ Sell on Rally ได้
    • ข้อจำกัดของการใช้ Reversal คือ ผู้ใช้ต้องมีประสบการณ์ในการตีความ ต้องฝึกใช้จนชำนาญ และต้องใช้บน TF หลักเสมอ ยิ่ง TF ใหญ่ ความมีนัยยะของ Reversal ยิ่งสำคัญ ทั้งนี้ ไม่มีเทคนิคไหนที่ยืนยัน ความแม่นยำได้ 100% เป็นแค่เพียงการคาดการณ์ และโอกาสของการเกิดเท่านั้น บางครั้งอาจจะเกิดหรืออาจจะไม่เกิดตามที่เราคาดการณ์ไว้ก้อเป็นได้

    #แจกฟรี!ระบบเทรด

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการทำกำไรจาก Trend Line

    ตุลาคม 11, 2022

    เทคนิคการทำกำไรจาก Trend Line วิธีการลากเส้นเทรนไลน์ 

     

    Trend line แค่ลากก็ทำกำไร เทคนิคการเทรด Forex เรื่องการลากเทรนไลน์เป็นเรื่องง่ายๆ ที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดเป็นหลักการเบื้องต้นที่ควรรู้ก่อนที่ จะใส่อินดีเคเตอร์ อะไรลงไป ใน Chart เพราะจะทำให้คุณทราบถึง แนวโน้ม แนวรับแนวต้านก่อนที่จะใช้เครื่องมือหรือเทคนิค อื่นๆ หรือ Indicator เพื่อ คอนเฟิร์ม สัญญาณ
    ในทุกๆ Time frame สามารถที่จะ ลากเส้น Trend line ได้ทั้งหมด เพราะ สิ่งที่คุณต้องรู้ก่อน เทรด ทุกครั้งก็คือแนวโน้มใน Time Frame ที่ใหญ่ก่อนค่อยเรียงไปหาเล็ก
    การลากเส้นเทรนไลน์นั้น ไม่มีวิธีใดถูก หรือ ผิดไป เสียทั้งหมด วิธีการหักการลากเส้นเทรนไลน์ที่ดี ควรและสามารถ วัดผลความชำนาญหรือ พัฒนาการของการลากได้เลยก็คือใช้ Time frame เล็กๆ เช่น TF15 นาที เหมาะสำหรับการทดลอง และ เทรด จริง เหมาะ สำหรับการเล่นเป็นรอบๆ ถ้าผิดทางก็ SL แล้วก็ เข้า Order ใหม่
    ประโยชน์ ของ Trend line ลองอ่านจากกระทู้นี้ ครับ Trend line รูปแบบของกราฟ Forex และเมื่อเวลาท่านมองกราฟ ไม่ว่าจะรูปแบบกราฟ ลักษณะไหนท่านก็อาจใช้เพียงแค่สายตามมองเท่านั้น ท่านก็พอจะรู้ทิศทางของกราฟแล้ว
    จุดอ่อนของ การลากเส้นเทรนไลน์ คือ ช่วง Sideway แต่ เราจะรู้ได้อย่างไร ว่า ช่วงไหนเป็นช่วง Side way ก็จนกว่ากราฟ มันจะเป็นรูปแบบให้เราเห็นนั่นแหละ ครับ ทีนี้ มาดูเทคนิคป้องกันการเล่นในช่วง Side way กันดีกว่า จากประสบการผู้เขียน ช่วงที่กราฟ จะ วิ่ง มี อยู่ 2 ช่วงคือ ช่วง UK session เปิด คาบเกี่ยวกันจนถึงช่วง US session เปิดประมาณ 3-4 ชม แล้ว มันตรงเวลาไหน ในบ้าน เรา ประมาณ บ่าย 2 โมง จนถึง 5 ทุ่ม บ้านเราครับ แม้ตลาด Forex จะเปิดตลอด 24 ชม จันทร์-ศุกร์ แต่ ตลาด จะวิ่งแรง หรือมีเทรนเฉพาะ ช่วงนี้ หลังจากนั้น กราฟ ก็จะวิ่งเหมือนกันแต่จะ ไปแบบเอื่อยๆ เรื่อยๆ ดังนั้น การเทรด Forex ที่ดี ไม่จำเป็นต้องนั่งเฝ้าตลอด 24 ชม แค่รอเทรด เฉพาะ ช่วงนี้ก็เพียงพอแล้ว เอาเวลาที่เหลือไป ทำอย่างอื่นดีกว่า ครับ แม้ ช่วง Sideway จะไม่น่าเล่น แต่ ก็เหมาะ ที่ จะ ขีดเส้นเทรนไลน์รอ เพื่อรอ ทำกำไร เอาเป็นว่าฝึกไว้ ทำกำไรได้ ทุกช่วงครับ
    เอาล่ะครับ นอกเรื่อง Trend Line มามากแล้ว มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า มาเริ่มที่ Chart เปล่าๆ กันดีกว่านะ ครับ การลาก Trend Lin แบบเบื้องต้นคือลองลาก จากจุดสูงสุดหนึ่งไปยังจุดสูงสุดอีกจุดหนึ่ง และเช่นกัน แนว รับด้านล่างก็ ลาก จากเส้น ต่ำสุดหนึ่งไป ยัง เส้นต่ำสุดอีก หนึ่งจุด เหมือนกัน ลองลากดู ไม่มี่ ใครผิด ใคร ถูก และ ไม่มีอะไร ที่ 100 % บางที ราคาอาจจะวิ่งเลยไป นิดหนึ่งแต่สักพักก็จะวิ่งกลับมาทางเดิม มาดู ภาพประกอบการลาก เทรนไลน์ แบบต่างๆ กันดีกว่า

    #แจกฟรีระบบเทรด

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    รูปแบบ Rising Wedge คืออะไร?

    ตุลาคม 11, 2022

    รูปแบบ Rising Wedge คืออะไร?

    รูปแบบ Rising Wedge แสดงถึงรูปแบบการต่อเนื่องของตลาดหมีที่เกิดขึ้นหลังจากการปรับฐานที่เพิ่มขึ้น ในแนวโน้มขาขึ้น ราคาจะเด้งกลับระหว่างสองความลาดชันเริ่มต้นที่ด้านล่างกว้างและหดตัวเมื่อราคาขยับสูงขึ้น หลังจากการปรับฐานที่เพิ่มขึ้น รูปแบบความต่อเนื่องจะเป็นไปตามแนวโน้มขาลงที่สำคัญ

    สังเกตได้ทั่วไปในตลาดที่มีแนวโน้มลดลงรูปแบบ Rising Wedge อยู่ตรงข้ามกับรูปแบบลิ่มที่ตกลงมา ดังนั้น ผู้ค้าต้องรู้ทั้งรูปแบบ falling wedge และรูปแบบ Rising Wedge เพื่อระบุแนวโน้มและตัดสินใจซื้อขายได้ดีที่สุด

    สามเหลี่ยมจากน้อยไปมากกับ Rising Wedge

    ความแตกต่างระหว่างรูปสามเหลี่ยมจากมากไปน้อยกับ falling wedge คือ:

    • สามเหลี่ยมจากน้อยไปมากมีแนวราบที่มีจุดต่ำสุดที่สูงกว่าหรือเส้นแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ลิ่มที่พุ่งขึ้นนั้นไม่มีส่วนบนที่ราบเรียบ
    • rising wedge เป็นรูปแบบขาลงและเป็นไปตามแนวโน้มขาลงที่สำคัญ ในขณะที่สามเหลี่ยมจากมากไปน้อยเป็นรูปแบบขาขึ้น

    rising wedge เป็น bearish หรือ bullish?

    rising wedge มักจะเป็นรูปแบบขาลง ตามคำจำกัดความ rising wedgeมักจะตามหลังแนวโน้มขาลงที่สำคัญและมีสามขั้นตอน: แนวโน้มขาลงที่สำคัญ การปรับฐาน และความต่อเนื่องของแนวโน้มขาลง

    รูปแบบ rising wedge ซึ่งเป็นหนึ่งในรูปแบบการกลับตัวที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ช่วยทำนายทิศทางและระยะทางของการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของราคา เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังความนิยมของรูปแบบนั้นอยู่ที่การใช้งานและการระบุตัวตนที่ง่ายดาย อ่านกับเราเพื่อรวบรวมความรู้เกี่ยวกับรูปแบบลิ่มที่เพิ่มขึ้น ระบุและแลกเปลี่ยนโดยใช้รูปแบบลิ่มที่เพิ่มขึ้น และข้อดีและข้อเสียของการใช้รูปแบบนี้

    รูปแบบ rising wedge หรือที่เรียกว่า wedge จากน้อยไปมากคือรูปแบบราคาที่เกิดขึ้นเมื่อราคาถูกผูกไว้ตรงกลางของเส้นแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นสองเส้น เป็นไปได้ที่จะตรวจสอบรูปแบบการกลับตัวและความต่อเนื่องจากการสร้างกราฟตลาดหมีโดยพิจารณาจากตำแหน่งและแนวโน้มต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม โดยไม่คำนึงถึงตำแหน่งของแนวโน้มนี้ คุณต้องจำไว้ว่าแนวโน้มนี้เป็นขาลงเสมอ

    หากต้องการระบุรูปแบบ wedge ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คุณต้องทราบด้วยว่ารูปแบบ wedge ที่ตกลงมานั้นปรากฏอย่างไร รูปแบบ wedge ที่ตกลงมาหรือจากมากไปน้อยนั้นแตกต่างอย่างมากจากรูปแบบ wedge ที่เพิ่มขึ้นโดยความลาดเอียงของรูปสามเหลี่ยม  wedgeที่ตกลงมานั้นสามารถเห็นได้จากมากไปน้อยตรงกลางของเส้นแนวโน้มสองเส้นบรรจบกัน ในที่สุดก็ถึงจุดสุดยอด ซึ่งระบุรูปแบบกระทิง

    การระบุรูปแบบ Rising Wedge ขณะทำการซื้อขาย

    อาจมีข้อสงสัยในการระบุรูปแบบเนื่องจากการตีความที่เป็นไปได้ว่าเป็นทั้งรูปแบบการกลับตัวของตลาดหมีและรูปแบบการกลับตัวของตลาดหมี ในทั้งสองกรณีนี้มีมาตรการระบุตัวตนที่แตกต่างกันที่ต้องคำนึงถึง

    การระบุรูปแบบการต่อเนื่องของ wedge ที่เพิ่มขึ้น:

    1. แนวโน้มขาลงคงที่จะเกิดขึ้น
    2. สามารถสังเกตการก่อตัวของการรวม wedge ที่เพิ่มขึ้นได้
    3. ลิงค์ของจุดต่ำสุดที่ต่ำกว่าและจุดสูงสุดที่สูงขึ้นด้วยความช่วยเหลือของเส้นแนวโน้มที่ก่อตัวขึ้นสู่จุดที่แคบ
    4. ค้นหาความแตกต่างระหว่างราคาและปริมาณโดยใช้ฟังก์ชันระดับเสียง (คุณสามารถใช้ MACD ได้เช่นกัน)
    5. การยืนยันสัญญาณซื้อเกินโดยใช้เครื่องมือทางเทคนิค เช่น ออสซิลเลเตอร์
    6. จับตาดูการหยุดพักที่เกิดขึ้นภายใต้จุดสนับสนุนสำหรับการทำรายการสั้น ๆ

    การระบุรูปแบบการกลับตัวของ wedge ที่เพิ่มขึ้น:

    1. มีแนวโน้มขาขึ้นคงที่
    2. สามารถสังเกตการก่อตัวของการรวม wedge ที่เพิ่มขึ้นได้
    3. ลิงค์ของจุดต่ำสุดที่ต่ำกว่าและจุดสูงสุดที่สูงขึ้นด้วยความช่วยเหลือของเส้นแนวโน้มที่ก่อตัวขึ้นสู่จุดที่แคบ
    4. ค้นหาความแตกต่างระหว่างราคาและปริมาณโดยใช้ฟังก์ชันระดับเสียง (คุณสามารถใช้ MACD ได้เช่นกัน)
    5. การยืนยันสัญญาณซื้อเกินโดยใช้เครื่องมือทางเทคนิค เช่น ออสซิลเลเตอร์
    6. จับตาดูการหยุดพักที่เกิดขึ้นภายใต้จุดสนับสนุนสำหรับการทำรายการสั้น ๆ

    รูปแบบ Rising Wedge สามารถสังเกตได้ทั้งในรูปแบบความต่อเนื่องและรูปแบบการกลับตัว ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว ลองพิจารณารูปแบบลิ่มที่เพิ่มขึ้นที่เกิดขึ้นเป็นความต่อเนื่อง คุณสามารถสังเกตรูปแบบแนวโน้มขาขึ้นได้โดยการใช้เครื่องมือปริมาณบนแผนภูมิที่ชี้ไปที่ปริมาณการซีดจางในการเชื่อมโยงไปยังราคาที่สูงขึ้นที่แพร่หลายในตลาด นี่เรียกอีกอย่างว่าไดเวอร์เจนซ์ ซึ่งหมายความว่าการเคลื่อนไหวขาขึ้นใกล้จะเสร็จสิ้น

    อาจมีจุดเริ่มต้นเมื่อเส้นแนวรับแนวโน้มถูกละเมิดบนลิ่มที่เพิ่มขึ้น วิธีทั่วไปสองวิธีในการเข้าคือรอแท่งเทียนที่อยู่ต่ำกว่าจุดของแนวโน้มแนวรับก่อนที่จะทำการเข้าหรือเข้าสู่ตำแหน่งขายเมื่อเส้นแนวรับถูกทำลายโดยราคาโดยไม่คำนึงถึงการปิดของแท่งเทียน

    ระดับการหยุดถูกระบุจากจุดสูงสุดของรูปแบบบนเส้นแนวโน้มของแนวต้าน เมื่อมีการระบุแล้ว คุณสามารถค้นหาระดับการหยุดสำหรับผู้ซื้อขายได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้เทรดเดอร์มีอัตราส่วนความเสี่ยงและผลตอบแทนที่ดีในทุกกรณี

    ข้อดีและข้อเสียของรูปแบบ Rising Wedge

    มีข้อดีและข้อเสียหลายประการสำหรับแต่ละรูปแบบ ซึ่งช่วยให้ผู้ค้าระบุรูปแบบที่ดีที่สุดสำหรับตนเอง ดังนั้น ก่อนทำการซื้อขายด้วยรูปแบบลิ่มที่เพิ่มขึ้น คุณต้องพิจารณาข้อดีและข้อเสียของมัน

    ข้อดีของการซื้อขายรูปแบบ wedge :

    1. รูปแบบ wedge ที่เพิ่มขึ้นนั้นง่ายต่อการระบุหากมีการปฏิบัติตามขั้นตอนที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ค้าที่มีประสบการณ์
    2. รูปแบบนี้เป็นเหตุการณ์ปกติในตลาดการเงิน
    3. มันชี้จุดหยุด เข้าเป็นระดับจำกัด
    4. มีโอกาสสูงที่จะให้รางวัลคุณด้วยอัตราส่วนความเสี่ยงและผลตอบแทนที่เป็นบวก

    ข้อเสียของการซื้อขายรูปแบบ wedge :

    1. ด้วยความเป็นไปได้สองทาง การระบุรูปแบบ wedgeที่เพิ่มขึ้นอาจเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ค้ารายใหม่
    2. มีโอกาสสูงที่จะระบุรูปแบบที่ไม่ถูกต้อง
    3. จำเป็นต้องใช้ตัวชี้วัดอื่นๆ เพื่อวัตถุประสงค์ในการยืนยัน เช่น ตัวชี้วัดทางเทคนิคและออสซิลเลเตอร์
    4. สามารถบ่งชี้ทั้งการกลับตัวและรูปแบบความต่อเนื่อง

    ดังนั้นรูปแบบ Rising Wedge จะเป็นประโยชน์หากเราสามารถระบุได้อย่างถูกต้องและแลกเปลี่ยนกับมันในเวลาที่เหมาะสม มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีอัตราส่วนความเสี่ยงและผลตอบแทนที่เป็นบวก อย่างไรก็ตาม หากคุณไม่สามารถระบุแนวโน้มได้อย่างถูกต้อง คุณต้องคิดให้รอบคอบก่อนทำการซื้อขาย ก่อนที่จะใช้ทิศทางใด ๆ ในตลาดฟอเร็กซ์ จำเป็นต้องรู้ว่ามันทำงานอย่างไร และการใช้งานที่ถูกต้องและการระบุแนวโน้ม

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    ความแตกต่างระหว่างบัญชีทดลอง Forex และบัญชีจริง

    ตุลาคม 10, 2022

    ความแตกต่างระหว่างบัญชีทดลอง Forex และบัญชีจริง

    เหตุผลหลักประการหนึ่งที่ผู้คนชอบไปทดลองเทรดฟอเร็กซ์เพราะช่วยให้คุณสามารถซื้อขายด้วยเงินเสมือนได้

    ช่วยในการฝึกฝนตัวเองและทำความเข้าใจการซื้อขายก่อนที่คุณจะเลือกลงทุนเงินที่หามาอย่างยากลำบาก โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ให้บัญชีทดลองแก่ลูกค้า ลูกค้าที่ยังใหม่ต่ออุตสาหกรรมสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองโดยการซื้อขายด้วยความช่วยเหลือจากบัญชีเหล่านี้

    ความแตกต่างระหว่างบัญชีทดลอง forex และบัญชีจริงคือ บัญชีทดลอง forex เป็นบัญชีฝึกหัดที่เทรดเดอร์สามารถฝึกซื้อขายได้โดยไม่ต้องใช้เงินจริง โดยไม่มีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง ในอีกด้านหนึ่ง บัญชีจริงทำงานโดยใช้เงินจริง และผู้ค้าเสี่ยงเงินสด

    อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาพบว่า แม้ว่าบุคคลจะได้รับประสบการณ์เพียงพอหลังจากซื้อขายด้วยบัญชีทดลองเหล่านี้ สิ่งต่าง ๆ อาจเปลี่ยนไปเมื่อพวกเขาเริ่มเปลี่ยนแปลงด้วยความช่วยเหลือของเงินจริง การซื้อขายด้วยเงินเสมือนนั้นเข้าถึงได้ง่ายกว่าการซื้อขายด้วยเงินจริง เนื่องจากคุณไม่จำเป็นต้องเสี่ยงอะไรเลย

    บัญชีทดลองคืออะไร?

    บัญชีทดลอง Forex หมายถึงบัญชีทดลองที่นักลงทุนใช้เงินเสมือนในจำนวนที่กำหนดเมื่อยังใหม่ต่อการซื้อขาย ถือได้ว่าเป็นเครื่องมือทางการศึกษาและให้การเริ่มต้นซื้อขายโดยปราศจากความเสี่ยง

    นอกจากนี้ คุณสามารถทดสอบกลยุทธ์ของคุณโดยไม่ต้องเสี่ยงอะไรเลย การซื้อขายในบัญชีทดลองให้บริการที่ดีมากมายแก่มือใหม่ที่อาจสูญเสียเงินจริงเป็นจำนวนมาก

    เมื่อคุณเลือกบัญชีทดลอง คุณสามารถเรียนรู้เคล็ดลับในการเฝ้าดูตลาดอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังให้ความรู้สึกและความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับวิธีการทำงานของตลาดฟอเร็กซ์โดยไม่ต้องเสี่ยงภัยใดๆ นอกจากนี้ ยังช่วยให้คุณเรียนรู้คุณสมบัติล่าสุดของบัญชีซื้อขายได้อีกด้วย

    บัญชีจริงคืออะไร?

    ในบัญชีเทรดฟอเร็กซ์จริง คุณจะประสบความสำเร็จในการฝากและซื้อขายด้วยเงินจริง ดังนั้น กำไรหรือขาดทุนจะแม่นยำเมื่อคุณเริ่มใช้บัญชีจริง หากคุณยินดีที่จะเริ่มซื้อขายด้วยบัญชีจริง จำเป็นต้องตรวจสอบความถูกต้องก่อน อย่างไรก็ตาม โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์จำนวนมากอนุญาตให้คุณฝากเงินและเริ่มซื้อขายโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบใดๆ

    ในทางกลับกัน บางคนอาจขอให้คุณยืนยันบัญชีและดำเนินการดังกล่าว คุณต้องระบุเอกสารและอัปโหลดหลักฐานยืนยันตัวตนก่อนฝากเงินและเริ่มซื้อขายจริง

    ความแตกต่างที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างบัญชีจริงและบัญชีทดลอง

    มีความแตกต่างเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างบัญชีทดลองและบัญชีจริง ส่งผลให้เกิดความแตกต่างด้านประสิทธิภาพมากมายในขณะทำการซื้อขาย ตัวอย่างเช่น เมื่อใช้บัญชีทดลองสำหรับการซื้อขาย จะไม่มีการพัฒนาความผูกพันทางอารมณ์เนื่องจากคุณไม่ได้นำเงินจริงมาเดิมพัน อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณใช้บัญชีซื้อขายจริง ผู้ค้าอาจประสบปัญหาทางจิตวิทยา ความกลัวและความกังวลเกี่ยวกับการสูญเสียเงินจริงอาจทำให้เสียสมาธิและแข็งแกร่ง

    คุณจะประหลาดใจที่รู้ว่าจิตวิทยาการซื้อขายถือเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้บัญชีจริงและบัญชีทดลองมีความแตกต่างกันอย่างมาก เนื่องจากเงินของคุณไม่ได้เสี่ยงในขณะที่ใช้บัญชีทดลอง คุณสามารถคิดให้ชัดเจนและกลายเป็นคนไร้อารมณ์และมีเหตุผล แต่ทันทีที่คุณเริ่มใช้บัญชีจริง ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป

    อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้ที่จะก้าวข้ามสิ่งกีดขวางทางจิตวิทยาเหล่านี้และฝึกฝนตัวเองให้คงอยู่อย่างไร้เหตุผลและไร้เหตุผล คุณต้องให้เวลาตัวเองบ้างในการเอาชนะช่วงเปลี่ยนผ่าน ขอแนะนำให้เริ่มซื้อขายในบัญชีจริงโดยลงทุนในบางบัญชีและฝึกฝนในทำนองเดียวกันกับบัญชีเสมือนของคุณ

    หากบุคคลล้มเหลวขณะซื้อขายด้วยบัญชีทดลอง จะไม่มีการขาดทุนจริง อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์อาจพัฒนานิสัยที่เกี่ยวข้องกับวินัยบางอย่าง ซึ่งอาจต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากระหว่างการซื้อขายจริง

    ผู้ค้ามีแนวโน้มที่จะเพิ่มความเสี่ยงหรือซื้อขายเกินกำลังในขณะที่ซื้อขายในบัญชีทดลองเนื่องจากไม่มีการเดิมพัน อย่างไรก็ตาม จะช่วยได้หากคุณระลึกไว้เสมอว่าพฤติกรรมดังกล่าวอาจมีผลเสียร้ายแรง เนื่องจากพวกเขาวางแผนที่จะใช้การซื้อขายจริง

    ความแตกต่างที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการ

    มีปัญหาการดำเนินการมากมายที่พิจารณาความแตกต่างด้านประสิทธิภาพระหว่างบัญชีทดลองและบัญชีจริง ตัวอย่างเช่น โบรกเกอร์ Forex มักไม่ทำการรีโควตราคาในขณะที่ใช้บัญชีทดลอง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพวกเขาใช้บัญชีจริง พวกเขาอาจทำการรีโควตราคาบ่อยครั้ง

    ค่าสเปรดการซื้อขายและฟีดราคาของการเทรดเดโมนั้นแตกต่างจากบัญชีจริง ในบัญชีซื้อขายทดลอง นายหน้าอาจดำเนินการหยุดการขาดทุนสำหรับสาธิต อย่างไรก็ตาม มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากความคลาดเคลื่อนจำนวนมากในการซื้อขายจริง

    หากข้อผิดพลาดของโบรกเกอร์เฉพาะเกิดขึ้นเมื่อทำการซื้อขายด้วยบัญชีจริง จะต้องใช้เงิน ความพยายาม และเวลาในการแก้ไขปัญหาอย่างมากเมื่อพวกเขาติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของโบรกเกอร์ forex

    อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ไม่ประสบกับปรากฏการณ์ดังกล่าว เนื่องจากพวกเขาทำการค้าโดยใช้บัญชีทดลอง ในบางครั้ง โบรกเกอร์ไม่ได้จัดเตรียมแพลตฟอร์มการซื้อขายจริงสำหรับวัตถุประสงค์ในการสาธิต มันบ่งชี้ว่าในขณะที่เทรดเดอร์ใช้บัญชีจริง พวกเขาอาจต้องการการเรียนรู้และปรับให้เข้ากับแพลตฟอร์มจริงเฉพาะ

    ฟีดข้อมูลมีส่วนทำให้เป็นเหตุผลหลักว่าทำไมความแตกต่างดังกล่าวจึงเกิดขึ้นระหว่างสภาพแวดล้อมการซื้อขายแบบสดและแบบทดลอง นายหน้าต้องชำระค่าธรรมเนียมเฉพาะสำหรับการเข้าถึงราคาตลาดจริง

    เมื่อคุณได้ฝึกฝนการซื้อขายในสภาพแวดล้อมการซื้อขายแบบทดลองแล้ว และถึงเวลาที่ต้องย้ายไปยังบัญชีจริงแล้ว ขอแนะนำให้ใช้บัญชีขนาดเล็กในตอนเริ่มต้น จะเป็นประโยชน์สำหรับพวกเขาในการทำความเข้าใจเงื่อนไขการซื้อขายจริง

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    Spread หมายถึงอะไรใน Forex?

    ตุลาคม 10, 2022

    Spread หมายถึงอะไรใน Forex?

    การคำนวณสเปรด forex สำหรับการซื้อขายสกุลเงิน

    ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (ย่อมาจาก forex) เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุด และมีบริษัท ผู้ค้า และตัวแทนจำหน่ายจำนวนมากที่ซื้อและขายสกุลเงินต่างๆ โดยปกติ ผู้ซื้อและผู้ขาย forex จะไม่ทำการซื้อขายกันโดยตรง พวกเขาจะใช้บริการของผู้ค้าหรือตัวแทนจำหน่ายเพื่อซื้อหรือขายสกุลเงินที่ต้องการ เทรดเดอร์ที่ซื้อสกุลเงินจะระบุจำนวนเงินสูงสุดที่เขาจะจ่าย ซึ่งก็คือราคาเสนอซื้อ ในทำนองเดียวกัน ตัวแทนจำหน่ายที่ขายสกุลเงินจะระบุราคาต่ำสุดที่จะขายสกุลเงินนั้นด้วย

    คำนิยามสเปรดของ Forex

    spread ใน forex คืออะไร? สเปรด forex หรือที่เรียกว่าสเปรด bid-ask คือความแตกต่างระหว่างราคา bid และราคา ask สำหรับคู่สกุลเงินที่ระบุ ส เปรดคือความแตกต่างระหว่างอัตราแลกเปลี่ยนที่ โบรกเกอร์ forexขายสกุลเงินและอัตราที่นายหน้าซื้อสกุลเงิน

    ผู้ค้าและตัวแทนจำหน่าย forex ทราบดีว่าบริษัทและองค์กรต่างๆ ทั่วโลกต่างประเมินค่าสกุลเงินของแต่ละประเทศแตกต่างกันไปตามอุปสงค์และอุปทาน ดังนั้นการใช้ข้อมูลที่พวกเขามี พวกเขากำลังขายและซื้อสกุลเงิน การเทรดฟอเร็กซ์ใช้ประโยชน์จากข้อเท็จจริงที่ว่าข้อมูลในตลาดไม่สมดุล ผู้ค้าและตัวแทนจำหน่ายทั้งหมดไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลเดียวกันได้ และจะส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อขายที่พวกเขาทำ

    สูตรสเปรด forex

    สเปรด forex มักจะคำนวณเป็นเปอร์เซ็นต์ และสูตรสำหรับคำนวณค่าสเปรด forex แสดงไว้ด้านล่าง

    สเปรด % = ((ราคาเสนอขาย – ราคาเสนอซื้อ)/ราคาเสนอขาย) X 100

    ที่ไหนสำหรับข้อตกลงเฉพาะ

    ราคา Ask คือราคาต่ำสุดที่ตัวแทนจำหน่ายจะขายหน่วยสกุลเงิน

    ราคาเสนอซื้อเป็นราคาสูงสุดที่ผู้ค้าจะซื้อหน่วยสกุลเงินสำหรับดีล

    การแพร่กระจายในการซื้อขายสกุลเงิน

    ในทางทฤษฎี ราคาที่ควรทำการซื้อขายคือจุดกึ่งกลางของสเปรด forex จุดกึ่งกลางนี้คำนวณโดยการเพิ่มราคาเสนอและราคาขอสำหรับดีลและรับค่าเฉลี่ยโดยการหารผลรวมที่ได้รับด้วยสอง เนื่องจากราคาสกุลเงินมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้ค้าและตัวแทนจำหน่ายมีความเสี่ยงในการขายและการซื้อสกุลเงิน และสเปรดจะชดเชยผู้ค้า ตัวแทนจำหน่ายสำหรับความเสี่ยงที่พวกเขาได้รับ

    ต้นทุนของสเปรด
    เมื่อซื้อขาย 10k EUR/USD ล็อต คุณจะต้องเสียค่าใช้จ่ายทั้งหมด 0.00005 (0.5pips) X 10,000 (10k ล็อต) = 0.5 ดอลลาร์ หากคุณซื้อขายล็อตมาตรฐาน (สกุลเงิน 100,000 หน่วย) ค่าสเปรดของคุณจะเป็น 0.00006pips (0.5pips) X 100,000 (1 ล็อตมาตรฐาน) = $5

    สเปรดเฉลี่ยใน forex อยู่ที่ประมาณ 0.5 ถึง 1 pip สำหรับคู่สกุลเงินหลักและสามารถ 10 pips ขึ้นไปสำหรับคู่สกุลเงินแปลกใหม่เมื่อมีความผันผวนสูงและสภาพคล่องต่ำ

    ปัจจัยที่มีผลต่อสเปรด forex สำหรับดีล

    สเปรด forex ได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย ซึ่งแตกต่างกันไปตามคู่สกุลเงินที่กำลังพิจารณา ปัจจัยเหล่านี้บางส่วนจะกล่าวถึงด้านล่าง

    ผู้ค้าหุ้นจำนวนมากประหลาดใจเมื่อเห็นค่าคอมมิชชั่นเล็กน้อยในอุตสาหกรรม forex หากคุณเป็นเทรดเดอร์ Scalper คุณจะพูดว่า “ทำไมค่าสเปรด forex ถึงสูงมาก?” อย่างไรก็ตาม สเปรดถูกกำหนดโดยโบรกเกอร์ และผู้ค้าสามารถเปลี่ยนได้เฉพาะโบรกเกอร์เท่านั้น

    ปริมาณการซื้อขาย

    โดยปกติ เมื่อปริมาณการซื้อขายสูงขึ้น แสดงว่ามีสภาพคล่องในตลาดมากขึ้น ซึ่งมักจะหมายความว่าส่วนต่างราคาเสนอซื้อจะลดลง เมื่อสเปรด forex ลดลง ความแตกต่างในการประเมินมูลค่าของตัวแทนจำหน่าย ผู้ซื้อสกุลเงินเฉพาะจะลดลงด้วย ดังนั้น ตัวแทนจำหน่าย forex จะหาผู้ซื้อที่ราคาเสนอซื้อใกล้เคียงกับราคาที่ขอและทำการซื้อขายให้เสร็จสิ้นได้ง่ายขึ้น ในทำนองเดียวกัน สำหรับตลาดที่มีสภาพคล่อง ผู้ซื้อสกุลเงินจะหาผู้ค้าได้ง่ายขึ้น โดยยอมรับข้อเสนอเพื่อซื้อสกุลเงินในราคาที่กำหนด โดยปกติ สเปรด forex จะสูงขึ้นเมื่อปริมาณการซื้อขายลดลงเนื่องจากตัวแทนจำหน่าย ผู้ซื้อจะพบว่าเป็นการยากที่จะหาคู่ค้าสำหรับสกุลเงินในราคาที่พวกเขาระบุ

    ความเสี่ยงทางการเมืองและเศรษฐกิจ

    ในประเทศที่เศรษฐกิจและบรรยากาศทางการเมืองไม่คงที่ สกุลเงินมักจะมีความเสี่ยงมากขึ้น เนื่องจากมูลค่าของสกุลเงินอาจผันผวนบ่อยครั้ง ในประเทศเหล่านี้ อัตราเงินเฟ้อโดยทั่วไปจะสูงขึ้น และแนวทางนโยบายการเงินไม่ได้มีระเบียบวินัยมากนัก ดังนั้นสำหรับสกุลเงินของประเทศเหล่านี้ สเปรดฟอเร็กซ์จะสูงขึ้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ ผู้ค้าจะถือว่าสกุลเงินของประเทศเหล่านี้เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยง พวกเขาจะขายสกุลเงินในราคาที่สูงขึ้นเพื่อชดเชยความเสี่ยง ในทำนองเดียวกัน ผู้ซื้อจะต้องการซื้อสกุลเงินในราคาลดพิเศษเพื่อชดเชยความเสี่ยงที่พวกเขาจะได้รับ ดังนั้นค่าสเปรดของ bid-ask จะเพิ่มขึ้นในประเทศเหล่านี้ ซึ่งทำให้ปริมาณการซื้อขาย forex ลดลง

    สกุลเงินผันผวน

    อัตราแลกเปลี่ยนสำหรับสกุลเงินของประเทศนั้นขึ้นอยู่กับการมีธนาคารกลางที่มั่นคงและวินัยนโยบายการเงินเป็นหลัก หากธนาคารกลางไม่มั่นคงและไม่มีวินัย อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราจะเปลี่ยนแปลงบ่อยขึ้น ดังนั้นเพื่อชดเชยความเสี่ยงที่พวกเขารับ ดีลเลอร์จะเพิ่มราคาขอสกุลเงิน และสิ่งนี้จะทำให้ค่าสเปรดฟอเร็กซ์สำหรับสกุลเงินนั้นสูงขึ้นด้วย

    ทำไมค่าสเปรด forex ถึงสูงมาก?
    เมื่อเรามีคู่สกุลเงินในตลาดเกิดใหม่ (เช่น คู่ที่แปลกใหม่และคู่ forex ที่ไม่ใช่คู่สำคัญ) เราก็มีสเปรดสูง (ความแตกต่างอย่างมากระหว่างราคาเสนอและราคาที่ขอ) และสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความผันผวนสูงในตลาด และ/หรือสภาพคล่องต่ำสำหรับคู่สกุลเงินนั้น

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    วิธีเลือก EA ในระบบเทรด Forex ที่ดีที่สุด

    ตุลาคม 10, 2022

     

    Expert Advisors (EA) หรือที่บางคนเรียกว่า Bot คือโปรแกรมช่วยการเทรดอัตโนมัติ ที่เราสามารถติดตั้งลงไปบน MT4 เสมือนว่าเป็นตัวของเราที่ทำการเทรดเองแต่จริงๆแล้วเป็นการใช้เครื่องมือในการเทรดต่างหาก ถือว่า Expert Advisors (EA) เป็นตัวช่วยที่สำคัญมากๆ โดยเฉพาะสำหรับคนที่มีเวลาในการเทรด forex ค่อนข้างน้อย EA คือการให้ระบบหรือสคริปต์ ซึ่งได้ถูกกำหนดไว้ตามหลักทฤษฎีการเทรดให้ซื้อขายแทนเรา

    วิธีเลือก EA ในระบบเทรด Forex

    1.เลือก EA ที่มีการแสดงโชว์ที่ Myfxbook เสมอๆ
    EA ในระบบเทรด Forex ที่ดีที่สุดคือ EA ที่มีการแสดงผลย้อนหลัง หรือการทำ back test ให้เราดูได้ ยิ่งมีการทำ back test ให้เราดูย้อนหลังได้มากเท่าไหร่  อย่างน้อย 1  ปีย้อนหลังย่อมแสดงโอกาสใน  การทำกำไรที่มากขึ้นเท่านั้น แต่ไม่ใช่ว่า back test ดีจะสามารถทำกำไรได้ในตลาดจริง แต่สิ่งที่ดีกว่าการดูผลลัพธ์จาก back test คือผลงานการเทรดในตลาดจริงผ่าน Myfxbook อย่างต่อเนื่อง และสามารถเข้าไปเช็ค EA ได้

    2.หาอ่านบทความรีวิวเกี่ยวกับ EA ตัวนั้นๆ
    นอกเหนือจากการทำตามข้อแรกแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือ ควรอ่านบทความรีวิวที่กล่าวถึง EA นั้นๆประกอบด้วย ตรวจสอบและเช็คดูว่า มีอะไรที่คนทั่วๆไป เขียนถึงหรือพยายามรีวิวถึง มันจะเป็นการง่ายมากๆ หากอ่านภาษาอังกฤษออก ดังนั้นฝึกทักษะในข้อนี้ของคุณไว้ด้วยเสมอๆ วึ่งปกติ มักจะเป็นเว็บต่างประเทศ ที่มีการ รีวิว เว็บไทย

    3.ติดต่อผู้พัฒนา EA เพื่อสอบถามข้อสงสัย
    เมื่อมีข้อมูลเกี่ยวกับ EA นั้นๆมากพอ ข้อต่อไปที่ควรทำคือการสอบถามข้อสงสัยที่อาจมีกับทางผู้พัฒนา อยากให้ถาม เพราะการถามเป็นประตูที่สร้างความสนิทใจในการซื้อหรือเลือกใช้บริการ EA นั้นๆให้เพิ่มขึ้น คิดว่าแนวทางนี้สำคัญ และควรทำความเข้าใจอย่างยิ่ง แต่ส่วนมาก มักจะ โหลดมาเก็บ เก็บลงเครื่องไว้ก่อน

    4.ทดสอบสัก 3 เดือนก่อนที่เริ่มเทรด
    เมื่อคุณถามจนมั่นใจแล้ว จงทำการทดสอบ EA นั้นสัก 3 เดือนเป็นอย่างน้อย ทดสอบในที่นี้หมายถึง การรัน EA ในตลาดจริงด้วยบัญชี Demo เนื่องจากว่าข้อมูลจาก back test อย่างเดียวไม่เพียงพอ ลองดูว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอย่างไร ส่วนใหญ่แล้วถ้าเป็น EA ที่ไม่ดี มักมีผลตามมาคือ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอาจส่งผลให้คุณขาดทุน แต่นั่นเป็นการดีครับ เพราะเราจะได้ทำการยกเลิกการใช้ EA นั้นทันทีก่อนที่คุณจะเสียเงินจากบัญชีจริง ส่วนตัวนั้นทำ forward test มากกว่า เรื่องกำไร ไม่เน้นมาก เน้น อัตรา drawdown

    5.ทำ A/B Test อย่างน้อย  2 ตัว เพื่อช่วยให้า EA ในระบบเทรด Forex ที่ดีที่สุด
    วิธีการทำ A/B Test คือการทดสอบและทำการตรวจสอบดูว่า EA ตัวไหนที่สามารถสร้างผลกำไรได้ดีที่สุด โดยการนำ EA ที่คุณเลือกไว้ทั้ง 2 ตัวมารันพร้อมกันและเปรียบเทียบ วิธีการนี้ช่วยให้เรามองเห็น EA ในระบบเทรด Forex ที่ดีที่สุด ที่เหมาะสำหรับคุณ

    6.ต้องรู้ว่า  EA  ตัวนั้น ทำงานแบบไหน

    EA  มีการทำงานหลายแบบ  แบบเบื้ลล็อต ( Martingale ) แบบ  Grid ,  แบบ EMA Cross   , แบบที่เขียนขึ้นตามระบบของบุคคล   ถ้าคิดจะใช้  EA  ต้องรู้ว่ามันทำงานยังงัย ไม่งั้น ล้างพอร์ต

    #แจกฟรี!ระบบเทรด

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    รูปแบบ Forex ของ Morning Star คืออะไร?

    ตุลาคม 7, 2022

    รูปแบบ Forex ของ Morning Star คืออะไร?

    หนึ่งในแท่งเทียนที่กลับตัวคือรูปแบบแท่งเทียนของ Morning Star อย่างที่เราทราบ แท่งเทียนกลับตัวเป็นรูปแบบการซื้อขายที่แนะนำการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปได้ในการกลับตัวของแนวโน้มในอนาคต

    รูปแบบ Forex ของ Morning Star คืออะไร?

    รูปแบบ Morning Star Forex แสดงถึงรูปแบบแท่งเทียนการกลับตัวที่คาดการณ์การกลับตัวของราคาในอนาคตโดยสมมุติว่าเป็นอัพไซด์ รูปแบบ Morning Star ประกอบด้วยแท่งเทียนสามแท่ง: แท่งเทียนหมีขนาดใหญ่ เทียนแท่งเล็ก และแท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่

    รูปแบบ morning star ประกอบด้วยเทียน 3 เล่ม:

    1. เทียน bearish ขนาดใหญ่
    2. แท่งเทียนขาขึ้นหรือขาลงหรือ Doji ขนาดเล็ก
    3. เทียน bullish ขนาดใหญ่

    แท่งเทียนอันที่สองสามารถเป็นแท่งเทียนขนาดเล็กอะไรก็ได้ โดยปกติแล้ว มันคือเทียนโดจิหรือเทียนขาลงขนาดเล็ก แต่บางครั้งอาจเป็นเทียนขาลงขนาดเล็กได้

    รูปแบบ Morning star สามารถเห็นได้ในทุกส่วนของอุตสาหกรรมการซื้อขาย เช่น การซื้อขายหุ้น การซื้อขายแลกเปลี่ยน ดัชนี ETF สินค้าโภคภัณฑ์ ฯลฯ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์รูปแบบแท่งเทียนการกลับตัวที่นักวิเคราะห์ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค

    รูปแบบแท่งเทียนที่ตรงกันข้ามสำหรับ Morning stara คือรูปแบบแท่งเทียนของ morning staเป็นรูปแบบตลาดหมีของรูปแบบ bullish evening star 

    ไม่มีการคำนวณดังกล่าวเกี่ยวข้องกับMorning star มันเป็นเพียงการแสดงภาพ คุณจะพบว่ามันทำงานหลังจากผ่านไปสามเซสชัน หรือไม่เกิดขึ้นเลย แต่มีรูปแบบอื่นๆ ที่เฉพาะเจาะจงเช่นกัน ซึ่งคุณจะเห็นว่าดาวกำลังก่อตัว บางกรณีอาจระบุการเคลื่อนไหวของราคาที่ให้การสนับสนุนหรือตัวบ่งชี้ความแข็งแกร่งที่สัมพันธ์กันซึ่งแสดงยอดขายที่มากเกินไปของหุ้นนั้น

    คุณเทรดกับ Morning Star อย่างไร? ตัวอย่างทั่วไป

    รูปแบบแท่งเทียน Morning star เหมาะอย่างยิ่งสำหรับสัญญาณภาพ โดยแสดงแนวโน้มจากตลาดหมีไปจนถึงตลาดกระทิง และในทางกลับกัน โดยทั่วไปอาจไม่มีความสำคัญมากนัก แต่ตัวบ่งชี้ที่สนับสนุนสามารถสร้างความแตกต่างได้มาก ปริมาณที่มาสำหรับการก่อตัวของรูปแบบก็มีความสำคัญเช่นกัน และโดยปกติ ผู้ค้าส่วนใหญ่ต้องการเห็นปริมาณส่วนใหญ่ที่ระดับสูงสุดในวันที่สาม หลังจากสร้างรูปแบบมากถึงสามเซสชัน

    ปริมาณที่มากขึ้นจะปรากฏเป็นการยืนยันโดยไม่คำนึงถึงตัวบ่งชี้อื่น ๆ ที่ยืนยันในการแสดงผลเดียวกัน ดังนั้นผู้ค้าที่ใช้รูปแบบนี้จะมีแนวโน้มที่จะเข้ารับตำแหน่งขาขึ้นเนื่องจากรูปแบบมีแนวโน้มที่จะก่อตัวในช่วงสุดท้ายพร้อมกับแนวโน้มขาขึ้นและยังคงมีเหมือนเดิมจนกว่าหุ้นที่มีรูปแบบดาวรุ่งบ่งชี้การกลับตัวอื่น ๆ

    ความแตกต่างระหว่างแท่งเทียน evening star และ morning star

    evening star และ morning star มีความแตกต่างกันเล็กน้อย และดาวรุ่งมีเชิงเทียนตรงกลางที่ประจบสอพลอ ก่อตัวเป็น Doji ไม่มีสัญญาณทั่วไปแสดงอะไรเลย และสามารถแสดงรูปแบบได้ชัดเจนกว่าแท่งเทียนตรงกลางแบบหนา เมื่อ Doji ถูกสร้างด้วยแท่งเทียนสีดำ ปริมาณจะเพิ่มขึ้นในความถี่ที่มีนัยสำคัญมากขึ้น โดยแท่งเทียนสีขาวจะยาวขึ้น แสดงว่าดาวถูกกำหนดให้ก่อตัว

    สรุป: มีข้อ จำกัดใดบ้างที่ Morning Star Doji Candle มี?

    เป็นรูปแบบที่เหมาะสมซึ่งนักวิเคราะห์ทางเทคนิคระบุ แต่การซื้อขายโดยใช้สัญญาณภาพอาจไม่ใช่การตัดสินใจที่ดีที่สุด Morning starsมีตัวสำรองที่ดีที่สุดสำหรับอินกิเตชคเตอร์และทำงานได้อย่างดีที่สุดด้วยการสนับสนุนของพวกเขา หากไม่ใช่สำหรับพวกเขา จะเป็นการง่ายดายในการระบุการก่อตัวของดาวรุ่งทุกครั้งที่เทียนเริ่มเข้าสู่แนวโน้มขาลง

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    จะสร้างแผนการลงทุนในการซื้อขาย Forex ได้อย่างไร?

    ตุลาคม 6, 2022

    จะสร้างแผนการลงทุนในการซื้อขาย Forex ได้อย่างไร? – แผนการลงทุน Forex ที่ดีที่สุด

    การซื้อขาย Forex อาจเป็นพื้นที่ที่ซับซ้อนสำหรับผู้เริ่มต้นและผู้ซื้อขายที่มีประสบการณ์เนื่องจากความซับซ้อน เช่นเดียวกับพื้นที่การลงทุนอื่นๆ ยิ่งคุณพิจารณาว่าเบาเท่าไหร่ กระเป๋าของคุณก็จะยิ่งเบาขึ้นเท่านั้น

    แผนการลงทุนในการซื้อขาย Forex มักจะหมายถึงการซื้อขายตำแหน่งระยะยาวซึ่งผู้ค้าวางแผนที่จะลงทุนในสกุลเงินบางสกุลและถือการซื้อขายเป็นเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน อย่างไรก็ตาม มีหลายวิธีในการวางกลยุทธ์สำหรับแผนการลงทุนในการซื้อขายฟอเร็กซ์ เช่น การติดตามแนวโน้มการค้า การซื้อขายรายวัน หรือการมองหาปัจจัยพื้นฐานในการซื้อขาย เทรดเดอร์สามารถผสมผสานและจับคู่เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการลงทุน ในทางปฏิบัติ ผู้ค้าสามารถมีเป้าหมายระยะยาวหรือทำการซื้อขายในสกุลเงินหรือดัชนีเป็นประจำทุกวัน

    ในภาพรวม การลงทุนในฟอเร็กซ์สำหรับผู้เริ่มต้นหมายถึงการฝากเงินกับโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ เริ่มเทรดเดโม่ เรียนรู้จากหนังสือการวิเคราะห์ทางเทคนิคและพื้นฐาน แล้วเทรดในบัญชีจริง

    ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความรู้ ทักษะ ความต้องการ และความเต็มใจของคุณ ต่อไปนี้เป็นกลยุทธ์บางประการในการลงทุนใน forex สำหรับผู้เริ่มต้น

    แผนการลงทุน forex ที่ดีที่สุด

    หนึ่งในแผนการลงทุน forex ที่ดีที่สุดคือเมื่อเทรดเดอร์ทำการซื้อขายในหลายบัญชี ตัวอย่างเช่น เทรดเดอร์จะใช้บัญชีซื้อขายระยะยาวหนึ่งบัญชี (โพซิชั่นสองสามสัปดาห์ถึงสองสามเดือน) บัญชีสำหรับการเทรดแบบสวิงและการเทรดรายวัน ในทั้งสองบัญชี ผู้ค้าจะจัดการเงินจำนวนเล็กน้อยและเพิ่มเงินในอนาคตหากผลการซื้อขายเป็นที่น่าพอใจ การเทรดฟอเร็กซ์ระยะยาวอาจเป็นโอกาสในการลงทุนที่ยอดเยี่ยม

    ผู้ค้ามักจะจัดการการซื้อขายในบัญชีระยะยาวทุกสองสามสัปดาห์หรือเดือนละครั้ง กระบวนการปรับสมดุลนี้มีความสำคัญเนื่องจากสองสิ่ง ผู้ค้าจะปิดคู่สกุลเงินบางคู่และเพิ่มตำแหน่งใหม่ หรือผู้ค้าจะหยุดการสูญเสียและกำหนดเป้าหมายตามสภาพแวดล้อมของตลาดในปัจจุบัน

    ติดตามเทรนด์ในช่วงเวลาปกติ

    นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเรียนรู้การซื้อขายสกุลเงินโดยการวิเคราะห์ ติดตาม และติดตามแนวโน้มรายวันหรือรายสัปดาห์ ตลาดฟอเร็กซ์มีความผันผวนสูง เนื่องจากเหตุการณ์ต่างๆ ทั่วโลกส่งผลกระทบต่อสกุลเงินต่างๆ เช่น เงินดอลลาร์สหรัฐอาจปรับขึ้นได้หากธนาคารกลางสหรัฐปรับลดอัตราดอกเบี้ย หรือสงครามในอิหร่านอาจทำให้มูลค่าลดลงเช่นกัน ดังนั้นจึงมีความอ่อนไหวต่อเหตุการณ์ต่างๆ ในประเทศต่างๆ

    คุณสามารถดูกราฟรายวันหรือรายสัปดาห์อย่างใกล้ชิดเพื่อสังเกตรูปแบบในตลาดฟอเร็กซ์ สิ่งที่น่าสนใจในที่นี้คือ แม้แต่การซื้อขายหรือการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็สามารถส่งผลกระทบที่มากขึ้นต่อกำไรหรือขาดทุนได้ คุณต้องสอดคล้องกับการซื้อขายของคุณและสังเกตการเปลี่ยนแปลง เพียงแค่ตั้งจุดแวะที่เหมาะสมเป็นเป้าหมาย คุณก็พร้อมแล้ว!

    ศิลปะแห่ง ‘Carry Trading’

    การค้าขายเป็นศิลปะ และเพื่อให้เป็นเลิศ คุณต้องฝึกฝน คุณสามารถรวมการซื้อขายในแผนการลงทุนการซื้อขายฟอเร็กซ์ของคุณ เมื่อคุณซื้อสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงเทียบกับสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ จะทำให้เกิดกรณีการค้าขาย เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ลองมาดูตัวอย่างกัน

    Leila เป็นผู้ค้าสกุลเงินและชอบที่จะรวมการซื้อขายแลกเปลี่ยนในแผนการลงทุนของเธอ เธอซื้อ GBP ที่ 1.1250 ซึ่งหมายความว่าเธอจะได้รับ 1125 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับ 1,000 ปอนด์ ตอนนี้ USD เป็นสกุลเงินที่จ่ายดอกเบี้ยสูงซึ่งจ่ายดอกเบี้ย 0.05% และ GBP เป็นสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำซึ่งมีอัตราดอกเบี้ย 0.01% Leila ไม่แลกเปลี่ยนสกุลเงิน แต่เธอจะได้รับรายได้ดอกเบี้ยที่ 0.04 (0.05-0.01) เปอร์เซ็นต์ของการลงทุนของเธอทุกวันเนื่องจากมีการซื้อขายแลกเปลี่ยน (หมายเหตุ: อัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลงทุกวัน และด้วยเหตุนี้รายได้ดอกเบี้ยจึงอาจนำไปสู่การจ่ายจำนวนหนึ่งได้ หากสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงของคุณสลับตำแหน่งที่มีดอกเบี้ยต่ำ ตัวอย่างนี้ทำให้เข้าใจง่ายขึ้นเพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้น)

    สิ่งที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับกลยุทธ์นี้คือ คุณไม่จำเป็นต้องทำการซื้อขายจริงทุกวันในฐานะเทรดเดอร์ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยทำงานเอง คุณยังได้รับเลเวอเรจตามขนาดของการค้าของคุณ แม้ว่า พึงระลึกไว้เสมอว่าเมื่อกำไรสามารถเพิ่มขึ้นได้ การขาดทุนก็จะยิ่งลึกขึ้น

    การซื้อขายแบบพกติดตัวมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับความท้าทายต่างๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยบ่อยครั้ง เหตุการณ์ทั่วโลกและปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น และความสามารถในการรับความเสี่ยงของคุณ หากเหตุการณ์เป็นไปในเชิงบวก คุณอาจได้รับผลกำไร แต่ช่วงเวลาที่ลดลงอาจทำให้คุณล้มละลายได้เช่นกัน

    เรียนรู้การซื้อขายวัน

    หากคุณต้องการเรียนรู้การลงทุนในฟอเร็กซ์ในฐานะมือใหม่ คุณต้องตระหนักว่าตลาดฟอเร็กซ์เป็นตลาดแบบไดนามิกและมีชีวิตชีวา

    เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ มีหลายครั้งสำหรับการแลกเปลี่ยนต่างๆ

    • ลอนดอน – 03:00 ถึง 12:00 น. (เที่ยงวัน)
    • โตเกียว – 19.00 น. ถึง 04.00 น.
    • นิวยอร์ก – 8.00 น. ถึง 17.00 น.
    • ซิดนีย์ – 17:00 น. ถึง 02:00 น. (เที่ยงคืน)

    ดังนั้น คุณต้องระบุเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนที่คุณต้องการซื้อขาย คุณยังสามารถทำการวิเคราะห์ทางเทคนิคสำหรับสกุลเงินผ่านแผนภูมิและรูปแบบแท่งเทียน และใช้ประโยชน์จากมันในแผนการลงทุนของคุณ

    ไล่ตามหลักพื้นฐาน

    การลงทุนขั้นพื้นฐานเป็นแนวคิดที่รู้จักกันดีในโลกของการลงทุน ผู้ค้าต้องการให้มองลึกลงไปในปัจจัยที่เพิ่มมูลค่าและระยะยาวมากกว่าปัจจัยทางเทคนิคและระยะสั้น หากคุณเป็นเทรดเดอร์ที่ชอบหลีกเลี่ยงความเสี่ยง การซื้อขายฟอเร็กซ์ขั้นพื้นฐานสามารถทำงานได้ดีที่สุดสำหรับคุณ

    ในขณะที่ผู้ค้าดูแลแผนภูมิและรูปแบบในการซื้อขายวันทางเทคนิค พวกเขามองหาโอกาสที่กว้างขึ้นเช่นสถานการณ์เศรษฐกิจมหภาคในการซื้อขายพื้นฐาน มันมีน้ำหนักมากกว่าในการได้รับในระยะยาว เนื่องจากมันเกี่ยวข้องกับแนวทางระยะยาวในการประเมินสภาพเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________

     

    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    วิธีการใช้เลเวอเรจในการเทรด Forex – อธิบายเลเวอเรจการเทรด Forex

    ตุลาคม 6, 2022

    วิธีการใช้เลเวอเรจในการเทรด Forex – อธิบายเลเวอเรจการเทรด Forex

    อย่างที่เราทราบ การซื้อขายฟอเร็กซ์ได้กลายเป็นหนึ่งในประเภทการซื้อขายที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ที่นี่ เทรดเดอร์หรือนักลงทุนจะซื้อขายในคู่สกุลเงิน เช่น – USD/EUR, JPY/USD เพื่อทำกำไร คุณซื้อและขายสกุลเงินของคู่เงินที่คุณเลือกพร้อมกัน ตำแหน่งการค้าและระดับเลเวอเรจของคุณส่งผลต่อกลยุทธ์การค้าของคุณ เมื่อคุณซื้อสกุลเงิน เรียกว่าสถานะซื้อ และเมื่อคุณขายสกุลเงิน คุณจะเปิดสถานะขาย แต่ถ้าคุณซื้อสกุลเงินที่ 1.3 และมันเพิ่มขึ้นสองสาม pip คุณจะมีรายได้อย่างไร? ผู้ค้าต้องการเงินจำนวนมากเพื่อให้สามารถทำกำไรได้อย่างเหมาะสม พวกเขาต้องการเลเวอเรจ คำถามต่อไปคือ เลเวอเรจคืออะไร? อ่านเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความหมายของการซื้อขาย Forex

    เลเวอเรจในฟอเร็กซ์คืออะไร?

    เลเวอเรจ Forex คืออัตราส่วนของเงินทุนของเทรดเดอร์ต่อขนาดเครดิตของโบรกเกอร์ (เช่น 1:100) บัญชีนายหน้าอนุญาตให้ใช้เลเวอเรจผ่านการซื้อขายมาร์จิ้น หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง โบรกเกอร์ให้เงินที่ยืมมาแก่ผู้ค้าเพื่อเพิ่มสถานะการซื้อขาย อัตราส่วนเลเวอเรจสามารถขยายทั้งผลกำไรและขาดทุน เลเวอเรจสามารถใช้เงินทุนจำนวนเล็กน้อยในบัญชีของเทรดเดอร์เพื่อควบคุมตลาดที่ใหญ่ขึ้น

    ดังนั้น เงินทุนหรือเงินที่ยืมมาที่คุณลงทุนในคู่สกุลเงินเรียกว่าเลเวอเรจ นี่คือเงินที่แตกต่างจากเงินฝากขั้นต่ำของคุณ แต่เลเวอเรจทำงานอย่างไรในการซื้อขาย? เทรดเดอร์ขอยืมเงินจากโบรกเกอร์ของตนเพื่อให้พวกเขาสามารถซื้อขายตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้นใน Forex โบรกเกอร์คิดเปอร์เซ็นต์จากเงินที่ยืมมานี้ สำหรับทุกดอลลาร์ที่คุณได้รับจากการใช้เงินที่ยืมมา คุณต้องให้ส่วนหนึ่งของเงินนั้นแก่ผู้ยืม เนื่องจากคุณต้องจ่ายดอกเบี้ยสำหรับเลเวอเรจ คุณจึงต้องระมัดระวังก่อนที่จะเลือกระดับของเลเวอเรจ มาดูกันว่าระดับเลเวอเรจที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเทรดเดอร์และนักลงทุน forex คืออะไร

    เลเวอเรจระดับไหนดีที่สุด?

    ในการซื้อขาย ทุกอย่างเป็นเรื่องส่วนตัวเพราะทุกคนมีกลยุทธ์และเป้าหมายที่แตกต่างกัน การบอกว่าเลเวอเรจในระดับหนึ่งนั้นดีที่สุดนั้นไม่ควรเกินเลย ระดับที่เหมาะสมที่สุดของคุณจะขึ้นอยู่กับว่าคุณวางแผนซื้อขายอย่างไรและการเคลื่อนไหวที่คาดหวังในตลาด ตัวอย่างเช่น ผู้ค้า breakout และ scalper มองหาการซื้อขายที่รวดเร็ว ซึ่งหมายความว่าเลเวอเรจที่สูงจะดีกว่าสำหรับพวกเขา ในทางตรงกันข้าม เลเวอเรจที่ต่ำกว่าจะดีกว่าสำหรับนักเทรดที่มีตำแหน่ง

    คุณสามารถดูได้ว่าเลเวอเรจของคุณสอดคล้องกับตำแหน่ง เป้าหมาย กลยุทธ์ และการเคลื่อนไหวของตลาดที่คาดหวังอย่างไร

    วิธีการเลือกระดับเลเวอเรจที่ดีที่สุดสำหรับการซื้อขาย Forex?

    ไม่ว่าคุณจะมีประสบการณ์ในการซื้อขาย Forex หรือไม่ก็ตาม ให้ตัดสินใจโดยพิจารณาจากระดับความสะดวกสบายของคุณและความเสี่ยงที่คุณรับได้ นายหน้าของคุณอาจเสนอข้อตกลงและเลเวอเรจที่แตกต่างกัน แต่คุณต้องตัดสินใจว่าคุณพอใจกับสิ่งนั้นหรือไม่ก่อนที่จะสรุปสิ่งใดๆ

    โบรกเกอร์ Forex ออนไลน์มีตัวเลือกมากมายให้คุณเลือก เลเวอเรจสามารถอยู่ที่ใดก็ได้ตั้งแต่ 1:1 ถึง 1:1400 โดยทั่วไป เลเวอเรจ 1:100 ถือเป็นระดับที่น่าพอใจสำหรับการซื้อขาย Forex ระดับเลเวอเรจ 1:100 หมายถึงอะไร?

    หมายความว่าหากคุณลงทุน $1,000 ที่เลเวอเรจเท่ากับ 1:100 จำนวนการซื้อขายทั้งหมดของคุณจะเป็น 100 เท่าของการลงทุนของคุณ นั่นคือ 100,000 ดอลลาร์ในกรณีนี้ เลเวอเรจช่วยให้ผู้ค้ารายย่อยสามารถซื้อขายในปริมาณที่สูงขึ้น ช่วยให้พวกเขาซื้อขายได้เกินความสามารถ

    ผู้ค้ารายใหม่จำนวนมากตกหลุมพรางในการมองหาระดับเลเวอเรจที่สูงขึ้น โดยคาดหวังว่าจะทำกำไรได้มากขึ้นจากการใช้ระดับดังกล่าว นี่ไม่ใช่วิธีปฏิบัติในอุดมคติ การลงทุนที่สูงขึ้นนำไปสู่ผลกำไรที่สูงขึ้น แต่ก็สามารถนำไปสู่การสูญเสียที่สูงขึ้นได้เช่นกัน เลเวอเรจที่สูงอาจเป็นปัญหาได้หากคุณไม่มีประสบการณ์เพียงพอในการจัดการ จะช่วยได้หากคุณเรียนรู้วิธีจัดการความเสี่ยงจากเลเวอเรจเพื่อป้องกันไม่ให้มีการสะสมหนี้

    คุณสามารถทำเงินใน forex โดยไม่ต้องใช้เลเวอเรจได้หรือไม่?
    ผู้ค้าสามารถทำเงินใน forex ได้โดยไม่ต้องใช้เลเวอเรจ แต่ต้องมีกองทุนซื้อขายขนาดใหญ่ ตัวอย่างเช่น หากค่า EURUSD เท่ากับ 1.21 และคุณต้องการซื้อขายโดยไม่มีเลเวอเรจ ในการเปิดสถานะ 1 ล็อต คุณต้องมีอย่างน้อย 121000 ดอลลาร์ในการซื้อขาย

    เลเวอเรจที่สูงนั้นดีในการเทรดฟอเร็กซ์หรือไม่?
    คำถามนี้คล้ายกับคำถาม: อาหารจำนวนมากในบ้านของคุณดีต่อสุขภาพหรือไม่? คุณสามารถใส่อาหารจำนวนมากในบ้านของคุณ แต่คุณไม่จำเป็นต้องกินทุกอย่างที่มี หลักการเดียวกันคือในการซื้อขาย

    ดังนั้น เลเวอเรจที่สูงนั้นดีในการเทรดฟอเร็กซ์หรือไม่? ความเป็นไปได้ของเทรดเดอร์ที่จะมีเลเวอเรจจำนวนมากสามารถเป็นประโยชน์ในการเทรด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตลาดอยู่ในช่วงขนาดเล็ก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเทรดเดอร์ไม่ต้องเสี่ยงกับเงินจำนวนมาก เทรดด้วยมาร์จิ้นเพราะนั่นสามารถนำมาซึ่งการสูญเสียมหาศาลและรวดเร็ว

    การจัดการความเสี่ยงจากเลเวอเรจ

    อย่าลืมว่าเลเวอเรจเป็นเพียงการยืมเงิน และไม่ว่าคุณจะทำกำไรหรือขาดทุนโดยใช้มัน ก็ยังคงต้องได้รับการชำระคืน ตลาดซื้อขาย Forex ไม่ค่อยเป็นเส้นตรง การเคลื่อนไหวของราคาอาจไม่รุนแรงนัก แต่โอกาสในการทำกำไรและขาดทุนเท่ากัน เลเวอเรจที่สูงขึ้นสามารถนำไปสู่การสูญเสียที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ด้วยการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม คุณสามารถใช้เลเวอเรจเพื่อขยายการลงทุนของคุณได้

    สามารถทำได้ดังนี้

    ใช้ส่วนหนึ่งของการลงทุน: การซื้อขายด้วยเงินทุนทั้งหมดไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี คุณสามารถหลีกเลี่ยงผลลัพธ์เชิงลบที่อาจเกิดขึ้นได้โดยใช้ส่วนหนึ่งในแต่ละครั้ง

    ใช้เครื่องมือการจัดการความเสี่ยง: มีเครื่องมือการจัดการความเสี่ยงมากมาย เช่น คำสั่งหยุดการขาดทุนเพื่อใช้เพื่อประโยชน์ของคุณ คุณสามารถค้นหาคุณสมบัติดังกล่าวได้บนแพลตฟอร์มการซื้อขายของคุณ

    ดำรงตำแหน่งขนาดเล็ก: คุณสามารถจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยการถือตำแหน่งขนาดเล็กที่ต้องการการลงทุนน้อยลง

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    การซื้อขายออปชั่นกับการซื้อขายฟอเร็กซ์แตกต่างกันอย่างไร?

    ตุลาคม 6, 2022

    การซื้อขายออปชั่นกับการซื้อขายฟอเร็กซ์

    การซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex) เรียกอีกอย่างว่าการซื้อขาย FX เกิดขึ้นเมื่อผู้ค้าทำการค้าในสกุลเงินต่างประเทศที่แตกต่างกันเพื่อพยายามทำกำไร สกุลเงินหนึ่งอาจแข็งแกร่งกว่าอีกสกุลหนึ่ง และหากมีการพัฒนากลยุทธ์การซื้อขายที่ถูกต้อง ก็สามารถทำกำไรได้มากมาย

    ออปชั่นคือสัญญาที่อนุญาตให้นักลงทุนซื้อหรือขายตราสารอ้างอิง (หลักทรัพย์ ดัชนี ETF ฯลฯ) ในราคาที่กำหนดไว้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง

    การซื้อขายออปชั่นช่วยให้ผู้ค้าขายหรือซื้อออปชั่นในฟิวเจอร์ส หุ้น ซึ่งราคาจะผันผวนในช่วงเวลาหนึ่ง ในการซื้อขายนี้ ผู้ค้ายังสามารถใช้ประโยชน์จากกำลังซื้อของเขาเพื่อควบคุมฟิวเจอร์สหรือหุ้นมากกว่าที่เขาจะซื้อได้

    การซื้อขายออปชั่นกับการซื้อขายฟอเร็กซ์

    หากเปรียบเทียบฟอเร็กซ์และออปชั่น จะสามารถระบุได้ว่าข้อดีของฟอเร็กซ์คือการซื้อขาย 24 ชั่วโมง ความเร็วในการดำเนินการที่ดีขึ้น สภาพคล่อง ค่าคอมมิชชั่นที่น้อยกว่ามาก (สเปรดฟอเร็กซ์) ในทางกลับกัน ออปชั่นสามารถให้ผลตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูงขึ้น และเสนอทางเลือกเชิงกลยุทธ์หลายอย่างที่ผู้ค้าสามารถรวมเข้ากับสินทรัพย์อื่น ๆ ได้

    ซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง

    ข้อดีอย่างหนึ่งที่สำคัญของการเทรด Forex เมื่อเทียบกับการเทรดออปชั่นคือ เทรดเดอร์สามารถเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ทุก 5 วันต่อสัปดาห์ ตลาด Forex เปิดเป็นเวลานานกว่าตลาดอื่น ๆ ดังนั้นผู้ค้าที่ต้องการทำกำไรมากขึ้นสามารถใช้เวลาในการซื้อขายทุกสัปดาห์มากขึ้น หากมีเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญ นักเทรดฟอเร็กซ์สามารถใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์นี้เพื่อสรุปการซื้อขายได้อย่างรวดเร็วบนคอมพิวเตอร์และผลกำไรของเขา เทรดเดอร์จะไม่ต้องรอการเปิดตลาดเช้าเหมือนเทรดเดอร์ออปชั่น

    ความเร็วในการดำเนินการซื้อขาย

    ผู้ค้า Forex พบว่าคำสั่งที่พวกเขาวางไว้นั้นถูกดำเนินการทันที เนื่องจากมีสภาพคล่องในตลาด Forex มากมาย คำสั่งจะดำเนินการในราคาที่ดีที่สุด ผู้ค้าไม่ต้องเสียเวลาคาดเดาราคาที่คำสั่งอาจได้รับการสรุป สิ่งนี้ตรงกันข้ามกับการซื้อขายออปชั่น ซึ่งมักจะมีความล่าช้าในการดำเนินการคำสั่งเนื่องจากขาดสภาพคล่อง เนื่องจากคำสั่งอาจ ‘ลื่น’

    สภาพคล่อง

    เนื่องจากปริมาณรายวันของตลาด Forex อยู่ที่ประมาณสองล้านล้านโดยเฉลี่ย ดังนั้นตลาด Forex จึงมีสภาพคล่องมากกว่าตลาดอื่น ๆ รวมถึงตลาดสำหรับการซื้อขายออปชั่น ดังนั้นเมื่อผู้ค้าทำการซื้อขาย Forex ให้เสร็จสิ้น มันจะถูกดำเนินการเร็วกว่าการซื้อขายออปชั่นที่เขาวางไว้ในเวลาเดียวกัน การดำเนินการซื้อขายที่เร็วขึ้นอาจส่งผลให้มีกำไรมากขึ้น เนื่องจากการเทรด Forex เกือบทั้งหมดดำเนินการในทันที เทรดเดอร์จะทำการเทรดได้เร็วขึ้น โดยใช้กำไรของการเทรดอื่นๆ

    ไม่มีค่าคอมมิชชั่น

    ในการซื้อขาย Forex มีตลาดระหว่างธนาคารที่ผู้ซื้อพบผู้ขายที่ตรงกันทันที และไม่มีค่าคอมมิชชั่นจ่าย ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมนายหน้าให้กับพ่อค้าคนกลางเหมือนตลาดอื่นๆ บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขาย Forex กำลังทำกำไรส่วนหนึ่งจากส่วนต่างระหว่างราคาเสนอขายและราคาเสนอซื้อ ดังนั้นผู้ค้าสามารถประหยัดเงินสำหรับการซื้อขาย Forex ได้เมื่อเทียบกับการซื้อขายตัวเลือก ซึ่งต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้กับบริษัทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่พวกเขาใช้

    เลเวอเรจเปรียบเทียบ

    เลเวอเรจมีความสำคัญสำหรับผู้ซื้อขายที่รู้ว่ามูลค่าของสกุลเงินจะเปลี่ยนไปอย่างไร ผู้ค้า Forex ออนไลน์มีเลเวอเรจมากกว่าผู้ค้าตัวเลือก นักเทรดฟอเร็กซ์บางรายสามารถรับเลเวอเรจ 200:1 ในขณะที่เลเวอเรจสำหรับออปชั่นมักจะน้อยกว่า อย่างไรก็ตาม นักเทรดออปชั่นมีตัวเลือกการโทรและพุทเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยเพิ่มเลเวอเรจได้อย่างมากหากใช้อย่างเหมาะสม ดังนั้นการซื้อขายฟอเร็กซ์จึงให้ผลกำไรมากกว่าสำหรับผู้ค้าที่ทำการค้าที่ถูกต้องเนื่องจากมีเลเวอเรจที่มากกว่า

    การจำกัดความเสี่ยง

    หนึ่งในคุณสมบัติของระบบออนไลน์ที่ใช้สำหรับการซื้อขาย Forex คือผู้ค้า Forex จำกัดตำแหน่งของตน ดังนั้นความเสี่ยงจึงมีจำกัด และเมื่อจำนวนหลักประกันมากกว่ามูลค่าบัญชีเป็นดอลลาร์ ระบบจะเริ่มเรียกหลักประกันโดยอัตโนมัติ สิ่งนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าการสูญเสียของผู้ซื้อขาย forex จะถูกจำกัด หากการคาดการณ์ของเขาไม่ถูกต้อง คุณลักษณะด้านความปลอดภัยในตลาด Forex นี้อาจไม่มีให้สำหรับตัวเลือกของตลาดการเงิน สำหรับออปชั่น เทรดเดอร์สามารถเทรดได้ในช่วงเวลาจำกัดเท่านั้น มิฉะนั้น ตัวเลือกจะหมดอายุ ไม่เหมือนกับ forex

    ดังนั้นในขณะที่เลือกระหว่างการซื้อขายใน Forex และออปชั่น เทรดเดอร์ควรพิจารณาถึงความเสี่ยงที่เขาสามารถรับได้และรูปแบบการซื้อขายที่ต้องการ นักเทรดบางคนพบว่ามีข้อดีหลายประการของการเทรดฟอเร็กซ์สำหรับการทำกำไรที่มากขึ้น หากพวกเขาพัฒนาระบบการเทรดที่เหมาะสมและอยู่ในขอบเขตสำหรับบัญชีของพวกเขา เทรดเดอร์ที่สนใจควรเริ่มค้นคว้าเกี่ยวกับโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ต่างๆ เพื่อค้นหาโบรกเกอร์ที่เหมาะสมในการเปิดบัญชีฟอเร็กซ์

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    14 เทคนิคการเลือกใช้ระบบเทรด forex indicator ให้การเทรดมีแต่กำไร

    ตุลาคม 5, 2022

    1.เลือกระบบเทรด forex indicator ที่เสียเงินก่อนเสมอ

    ถ้าจะต้องเริ่มต้นใช้ระบบเทรด forex indicator แล้ว ผมแนะนำว่าให้ลองมองหาระบบเทรด forex indicator ที่คุณจะต้องจ่ายเงินซื้อมา เป็นอันดับแรกก่อนเลยนะครับ รู้ว่าของฟรีในวงการ forex indicator นั้นมีอยู่จริง แต่ในเมื่อเราเพิ่งเริ่มต้น เงินทุนของเราก็ยังมีไม่มาก การเลือกระบบเทรด forex indicator ที่เราต้องจ่ายเงินออกไปก่อน ส่งผลต่อความปลอดภัยในอนาคตของเรามากกว่าครับ ดังนั้น ยอมจ่ายก่อน แล้วคุณจะรู้ว่าการลงทุนด้วยเงิน บางทีมันก็ทำให้อะไรๆง่ายขึ้นมากทีเดียว

     

    2.ทดสอบระบบเทรด forex indicator ที่ฟรีบ้าง

    ในระหว่างที่คุณซื้อระบบเทรด forex indicator และเริ่มทำการทดสอบ อยากให้คุณลองเปิดบัญชีแกประเภทหนึ่ง จากนั้นเริ่มต้นทำการทดสอบระบบเทรด forex indicator ที่คุณไม่ต้องจ่ายเงินดูประกอบกัน   บางทีแล้วการเลือกระบบเทรด forex indicator ที่ไม่ต้องจ่ายเงิน ก็เป็นตัวช่วยที่สำคัญ ที่อาจส่งผลต่อความสำเร็จทางการเงินของคุณในอนรคตก็เป็นได้ และนี่ถือเป็นเรื่องสำคัญมากๆเลยทีเดียว เคยพบกับระบบเทรด forex indicator ที่สามารถช่วยตัดสินใจได้ดี และมีความคลาดเคลื่อนน้อย (ปัจจุบันยังใช้อยู่) จนแทบลืมของเสียเงินไปเลย

     

    3.อย่าดูเบาคนไทย

    ถ้าคุณเจอคนไทยทำระบบเทรด forex indicator ออกมา อย่าเพิ่งไปรังเกียจเขา หรือมองว่า ทำไมต้องทำด้วย มันน่าจะไม่ดี หรือไม่ Work คนไทยกันเองนี่ล่ะทำระบบเทรด forex indicator ได้เก่งสุดยอดมากเลย ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นนะหรือ เพราะคนไทย มีสัดส่วนของผู้ที่เทรด forex มากติดอันดับโลก และการที่มีคนเป็นจำนวนมากเทรด forex นี้เอง มันทำให้ผลักดันให้มีคนเก่งปรากฎเข้ามาในตลาดมากขึ้นนั่นเอง ดังนั้นอย่าดูเบาคนไทยโดยเด็ดขาด รับรองว่าระบบเทรด forex indicator ชองไทยนั้นเด็ด! แน่นอน

     

    4.Back Test สำคัญที่สุดใน โลก

    ในโลกของระบบเทรด forex indicator การเลือกที่จะ BT ข้อมูลก่อนอย่างน้อยสัก 3 เดือน ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยให้คุณสามารถทำกำไรในตลาด forex ได้จริงครับ อย่าลืมทำตามข้อนี้เสมอๆ ตั้งค่าทดสอบอย่างน้อย 3 เดือน และลองดูว่ามีค่าที่แสดงผล Error ออกมาคิดเป็น % ของความผิดพลาดนั้นเป็นกี่จุด สิ่งนี้จะเป็นตัวที่การันตีถึงความสำเร็จในการเทรด forex ในอนาคตเลยด้วย

     

    5.อย่าฟังหรือเชื่อข้อมูลที่คุณนั้นไม่ได้ทดสอบด้วยตนเอง

    เราเคยเสียเงินเป็นจำนวนมากจากการที่ มีคนบอกว่าระบบเทรด forex indicator นั้นดี โดยที่ผมไม่ได้ทดสอบด้วยตนเอง เพราะบางทีแล้วระบบเทรด forex indicator บางตัวนั้นไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้เราเป็นคนใช้ มันมีค่าที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นจงเลือกใช้แต่เฉพาะที่เราสามารถทดสอบได้เท่านั้นพอ ท่องเป็นหลักการสำคัญไปเลยว่า ถ้าไม่ทดสอบ ก็ไม่มีทางที่จะซื้อมาได้อย่างเด็ดขาด! อย่าไปลงทุนในสิ่งที่เรายังไม่มั่นใจ

     

    6.ย้อนหลังอย่างน้อย 3 เดือน

    กล่าวไปแล้วในข้อข้างต้น แต่อยากมาย้ำอีกรอบว่าคุณจะต้องทำการทดสอบระบบเทรด forex indicator อย่างน้อย 3 เดือน เพื่อตรวจสอบค่าที่มัน Error ครับ ยิ่งตรวจสอบมากเท่าไหร่ และคำนวณ % ของค่าความผิดพลาดออกมามากเท่าไหร่ คุณก็จะสามารถมองเห็นยอดเงิน % ในการทำกำไรของคุณมากยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ตรงนี้ล่ะถือเป็นผลลัพธ์ที่ดีมากๆ และผมมักพบว่าระบบเทรด forex indicator ที่ผ่านเกณฑ์การทดสอบ 3 เดือน มักสามารถทำกำไรได้ค่อนข้างดี

     

    7.ตรวจสอบระบบเทรด forex indicator ในช่วงข่าวด้วย

    มีอยู่อย่างหนึ่งที่คุณอาจต้องทำคือ อย่าลืมตรวจสอบระบบเทรด forex indicator ในช่วงที่มีข่าวด้วยนะครับ บางทีแล้วในช่วงนั้นอาจเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ  เพราะสามารถช่วยให้คุณมองเห็นโอกาสในทางธุรกิจเพิ่มขึ้น ดังนั้นอย่าลืมสิ่งที่บอกกล่าวไปว่า การตรวจสอบข้อมูลในช่วงข่าวก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง

     

    8.บางทีเว็บระบบบเทรด forex indicator ที่ดีมีคุณภาพก็เป็นตัวบ่งชี้

    ลองมองดูว่าเว็บที่เป็นระบบเทรด forex indicator นั้นมีคุณภาพมากน้อยแค่ไหนด้วยนะ บางทีสิ่งง่ายๆนี้เองก็เป็นตัวที่เราใช้บ่งชี้ถึงความแตกต่างในเรื่องของคุณภาพของระบบเทรด forex indicator ที่เราจะเลือกใช้งานด้วย ดังนั้นเน้นไปที่คุณภาพของการบ่งชี้คือสิ่งที่ดีที่สุด เว็บที่ดีกว่าย่อมได้เปรียบกว่าเว็บที่มีคุณภาพต่ำอยู่แล้ว

     

    9.ทดสอบเงินจริง 30% ก่อน

    จงทดสอบที่เงินจริงของคุณก่อน เมื่อเราได้ระบบเทรด forex indicator ที่เราถูกใจและผ่านการทดสอบในสนามมาเรียบร้อยแล้ว เมื่อถึงคราวที่จะต้องเทรดจริง ผมอยากให้คุณลงมือใช้เงินเพียง 30% เพื่อทำการทดสอบก่อน เพราะพบว่าสิ่งที่อยู่ในสนามสำรองนั้น เวลาขึ้นไปที่สนามจริง ก็จะมีผลลัพธ์ที่ต่างกันเช่นกัน

     

    10.อย่าลืมเรื่องของระบบ VPS ด้วยนะ

    อย่าลืมในเรื่องของ VPS ด้วยนะ เรื่องนี้ถือเป็นอีกจุดหนึ่งที่มีความสำคัญครับ กล่าวคือ หากคุณทำการใช้ระบบเทรด forex indicator และรันบน EA คุณมีความจำเป็นต้องเปิดโปรแกรมหรือเว็บไว้ ดังนั้นคุณจำเป็นต้องรันมันให้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นอย่าลืมในเรื่องของระบบ VPS ที่จะมารองรับเรื่องราวเหล่านี้ด้วย ไม่อย่างนั้นแล้วเวลาคอมดับ คุณอาจขาดทุนกะทันหันเลยก็ได้

     

    11.หมั่นตรวจสอบข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ

    เมื่อเริ่มใช้ระบบเทรด forex indicator ไปสักระยะ การตรวจสอบข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ คือวิธีการที่ดี และช่วยให้คุณไม่ต้องกังวลว่ารายได้ของคุณนั้นจะเป็นอย่างไร บางทีในระหว่างการรัน EA ด้วยการใช้ระบบเทรด forex indicator ที่คุณติดตั้ง อาจเกิดปัญหาค้าง หรือเป็นปัญหาทางเทคนิค ซึ่งถ้ามันเกิดขึ้น คุณจะสามารถแก้ปัญหาได้ทัน แต่ถ้าไม่หมั่นเข้ามาตรวจสอบเลย อันนี้อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ลุกลามไปในอนาคตสำหรับตัวคุณก็ได้

     

    12.แลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้ที่เคยใช้ Indicator นั้นๆ

    ไหนๆก็มีระบบเทรด forex indicator ที่เราซื้อมาใช้แล้ว อย่าลืมแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์กันระหว่างผู้ที่ใช้ กับคนอื่นๆด้วย เพราะสิ่งนี้จะเป็นเครื่องมือ และแหล่งข้อมูลสำคัญที่จะทำให้คุณตัดสินใจทั้งการเปลี่ยนแปลง การไม่ใช้งานมัน หรืออาจเป็นการอัพเดทระบบให้มันดีขึ้นกว่าเดิม สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อคุณได้แลกเปลี่ยนข้อมูลนี้กับคนอื่นๆ

     

    13.ถ้าขาดทุนต้องหยุด ห้ามใช้ต่อเด็ดขาด

    ถ้าระหว่างที่ใช้ระบบเทรด forex indicator แล้วเกิดภาวะขาดทุน ยังงี้ต้องหยุดการใช้ออกไปก่อนนะครับ เพราะอาจเกิดอันตรายอย่างมากต่อกระสุนของคุณที่มี บางทีระบบเทรด forex indicator ตัวนั้นๆอาจหมดอายุแล้ว หรือไม่สามารถที่จะใช้งานได้แล้วอีกต่อไป จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหยุดการใช้งาน

     

    14.อย่าใช้ forex indicator เพียงแค่เจ้าเดียว

    ถ้าคุณเจอของดี อย่าเลือกใช้บริการแต่เพียงเจ้าเดียวเท่านั้นแต่ให้เลือกใช้ระบบเทรด forex indicator ของเจ้าอื่นๆที่มีคุณภาพไม่แพ้กันประกอบไปด้วย เพื่อที่ว่าคุณจะได้มีโอกาสในการเพิ่มพูนแนวทางในการสร้างความสำเร็จทางการเงินเพิ่มเติมขึ้นมาได้อีกครั้งครับ อย่ารอช้า จงทำแล้วคุณจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการวิเคราะห์ Closr System ระบบเทรดforex

    ตุลาคม 5, 2022

    Close System  เป็นเหมือนฐานทัพ เป็น Base ของกองทุน หรือ Firm ต่างๆในโลก ที่เห็นเค้าเทรดๆๆ Day Trade หรือ Scalping ต่างๆ นั้นเค้าเทรดบนกำไร หรือ CF จาก Close system ทั้งนั้น ไม่มีหรอกที่จะให้มาเทรดบนเงินทุน

    การบริหาร Port ก็จะแบ่งเป็น 2 step
    1. ทำ Close System ( บริหารเงินทุนเริ่มต้น)
    2. เอา CF ไปต่อยอด (ทำ Day Trade)
    แต่จากข้อ 2. ก็จะแยกไปอีก 2. ข้อ คือ
    2.1 แบ่ง CF จาก Day Trade ที่ได้มาเล่น HFT (หรือ Scalping)
    2.2 แบ่ง CF อีกส่วนนึงมาเล่นกับ Trend (กินยาวๆ)

     

    เทคนิคการทำ Close System ระบบเทรดforex
    แต่ก่อนจะเข้า close system ต้องมี mindset ก่อน คือ วินัยสำคัญที่สุด สำคัญกว่าการถูกผิด แม้จะยิงถูกทางได้กำไร แต่ถ้าผิดวินัยก็ต้องถูกลงโทษ
    Close System = ระบบปิด เป็นระบบที่ไม่ต้องเติมเงินเข้า port แล้วก็ต้องไม่ตาย (ไม่ล้างพอร์ต)
    ซึ่งก็ทำได้โดยการที่เราต้องคำนวณ Buffer ของกระสุนแต่ละนัดของ close system ว่า จะใช้ทุนรองรับเท่าไหร่
    เช่น เรามีทุน $3,000 เราอยากเทรด ทอง กระสุน นัดละ 0.01 lot จะกำหนดได้กี่นัด ก็มาคำนวณ
    สมมติ ให้ worse case ทอง อาจจะลบไปมากสุดที่ $800 (กรณีเทรดฝั่ง Long) ก็เตรียมไว้เผื่อโดนลาก $500 / 0.01 lot
    เราก็จะมีกระสุน $3,000 / $500 = 6 นัด ( 0.01 x 6 )
    ถ้าคิดจะเสี่ยงขึ้นมาหน่อยก็ลด buffer ลงจาก $500 ต่อนัด อาจจะเหลือ $400 , $300 ก็ได้ เงิน $3,000 ก็จะมีกระสุนเยอะขึ้นแลกกับความเสี่ยงที่มากขึ้น (อยู่ที่เราออกแบบ)  ถ้าเราวางระบบไว้แบบนี้ เราก็ไม่มีความจำเป็นต้อง Cut Loss

    Close System ทำขึ้นมาเพื่อ
    1. สร้าง Cash Flow  ได้สม่ำเสมอ
    2. เป็น Passive Income ให้ port
    3. อยู่รอดในตลาดในนานๆๆๆๆๆ
    จากนั้นก็จะเป็นระบบเทรดของ Close System

    1. Direction Bias

    ฝึก Focus ทีละทิศทาง มีตัวกำหนดว่าตอนนี้เราจะเล่น Bias ทางไหน แล้วเมื่อไหร่จะเปลี่ยนทางเล่น ในตัวอย่างใช้ ถ้า Price ยืนเหนือ Moving ก็ให้เล่นฝั่ง Long ถ้าอยู่ต่ำก็เล่น Short Bias โดยจะเป็นการเล่นหน้าเดียวตาม Bias หลักที่เรา set ไว้
    เอาง่ายๆคือ กำหนด Bias หลักจาก TF ใหญ่ๆ เพราะ กราฟ TF ใหญ่ๆ เช่น TF Day  ซึ่ง Trend มันเปลี่ยนช้า ว่าตอนนี้เรามองทางไหน เช่นถ้าเรามองทาง Long Bias เราก็เลือกจิ้มเลยว่าจุดไหน จังหวะไหนเราจะ Long บ้าง  ทีนี้ก็จะต่อมาที่ข้อ 2

    2. ระบบ ลดต้นทุน   

    สมมุติเราเลือกเล่นทาง Long
    Long คู่ AUDJPY ที่ 94 แล้วไปปิดที่ 95 การลดต้นทุน คือ การรับคืนให้ถูกกว่าที่ปิดตะกี้ จะรับคืนก็ต่อเมื่อมันลงมาต่ำกว่า 95 พอมันลงมาต่ำกว่า 95 ก็จะเลือกจิ้มแบบข้อ 1 ว่าเราจะเข้าตรงไหน ยังไง ตามใจเรา
    แต่ถ้ามันไม่ลงมา กระสุนนัดนั้นก็จะไม่สามารถเอามาซื้อได้
    เช่นสมมุติเราตั้งใจจะเทรด คู่ AUDJPY 5 bullet นัดละ 0.01 lot
    หากเราปิดที่ 95 แล้วมันไปต่อ เราใช้นัด 1 ไปแล้ว โดน lock ที่ราคา 95 หากราคาเหนือ 95 ขึ้นมาเราก็ไม่สามารถเอานัด 1 มาไล่ราคาได้
    ต้องงัดนัด 2 ออกมาใช้
    แล้วหากนัด 2 ปิดแล้วไปต่อ นัด 2 ก็ โดน Lock จะซื้อโซนสูงๆ ก็ต้องงัดนัด 3
    ถ้าวางโซนไม่ดี กระสุนก็หมดนะจ๊ะ อิอิถ้าเราไม่เอากระสุนไล่ราคา กระสุนของเราก็จะมีต้นทุนลดลงเรื่อยๆๆ อันนี้คือระบบลดต้นทุนครับ

    3. แบ่งโซน
    แบ่งโซนด้วย ATR Day นับจากราคาที่เข้า position
    เช่น ทอง เราเข้า Long ที่ 1305 ATR Day วันนี้อยู่ที่ 15 หากมันร่วงลงมา เราจะเข้าได้ก็ต่อเมื่อมันลงไปต่ำกว่า 1290 เท่านั้น ( 1305 – 15 ) นั่นคือ safety factor ของเรามันเป็นการป้องกันไม่ให้เราเข้าถี่เกินไป เพราะเวลาเราเทรดแล้วติดดอย เราจะเกิดการอยากเอาชนะ ยิ่งลงยิ่งอัด ยิ่งลงยิ่งถัว ระยะ ATR ตรงนี้จะเป็นตัวช่วยเราไม่ให้เรายิงถี่ ติดดอยแบบซ้ำโซน

    4. เลือก Product
    ทำไมต้องเลือกระบบเทรด Forex ก็เพราะว่า Forex มันแกว่งในกรอบจำกัด ยกตัวอย่างเช่น USDTHB มันแกว่งกรอบ 25-50 มากี่ปีแล้วไม่เคยหลุดเลยแต่ที่เรารู้สึกว่า Forex มันโหด เพราะเราเล่นมันอยู่บน Leverage ที่สูง 1:500 อะไรงี้ เราเลยรู้สึกว่ามันโหดอีกข้อก็คือ สภาพคล่องมันสูง และ ความผันผวนเยอะด้วย market model ดักกินตังค์ได้ง่ายดี 555 อันนี้เติมเองนะ อิอิพอเราวางระบบ close system แล้วเทรดก็จะมี CF เรื่อยๆ ก็นำไปต่อยอดในระบบ Day Trade ต่อ

    มาเข้าการทดลองของระบบเทรด  Forex พอร์ตที่จะใช้ เทรด ใช้ บัญชี  Cent   ของ  EXNESS ,  FBS  และ  Micro ของ XM  ทุนเริ่มต้น อยู่ในช่วง  600 $ – 700 $  อาจจะไม่เต็มจำนวนของระบบ   Close System ใน  Forex   ราคาต่ำสุดของคู่เงินอยู่ที่  0.0000  ถึงจะล้างพอร์ตและ เทรดใน ขา  Long Only   ขอใช้คู่  AUD/CHF  และ  NZD/USD ส่วนคู่อื่น ๆ ไว้โอกาสต่อไป

    คู่ AUD/CHF  กราฟเดือน ราคาขณะที่เขียนบทความอยู่ที่  0.73586 แนวรับอยู่ที่ 0.66835  เดี๋ยวเราย่อยกราฟลงไปที่ระดับ  Week  เพื่อหาแนวรับที่จะสูงขึ้นกว่า กราฟเดือน

    กราฟ Weekly

    กราฟ Day

    กราฟใน  TF   ที่เล็กลง  Week  มีแนวรับเพิ่มขึ้นมา แนวรับที่ 1 => 0.70623  แนวรับที่ 2 ใช้แนวรับของกราฟเดือน  => 0.66835

    มาดูที่กราฟ Day  มีแนวรับเพิ่มขึ้นอีก ที่ => 0.72647    แนวรับที่ 2  ใช้ของกราฟ  Week => 0.70623    ลงไปที่  TF 4 hr ดู

    ใน กราฟ 4 hr ราคาได้ทะลุ แนวรับที่ 1  ลงมาแล้ว  รอดูว่าจะลงไปแนวรับที่ 2  ซึ่งเป้นแนวรับของกราฟ  Day  หรือเปล่า

     

    แนวการเทรดของคู่  AUD/CHF

    ก่อนอื่น คำนวณต้นทุนตามระบบ   ราคา => 0.73586   ทุนที่จะใช้จริง ๆ คือ 735 $  บัญชี  Mini ของ  Exness  จะเปิดได้ 0.01  เพียง 1  ออร์เดอร์  เมื่อราคาลงไปที่ 0.0000  จึงล้างพอร์ต  ในความจริง เป็นไปไม่ได้เลย  ….  บัญชี  Mini  ดูแล้วต้องใช้มือเทรด และต้องเฝ้าเปิด ออร์เดอร์ ตามแนวรับ ค่อนข้างยากในการเทรด

    เปลี่ยนมาเป็น บัญชี  Cent ทุน 735 $ => 73 500 usc  เปิด ออร์เดอร์ สูงสุด 1.0 lotเรามาแยกเป็น  0.5 , 0.5  หรือ 0.25,0.25,0.25,0.25  หรือ  0.1 X 10  ถ้าแบ่งออร์เดอร์ออกมาได้แล้ว ก็สามารถใช้  EA  เข้าช่วยเทรดได้ทันที

    ใช้  EA  ตัวไหนก็น่าจะได้  แล้วเปิด  Only Long   ถ้าเป็น EA  แนว  Martingel  ก็ตั้งค่าให้ ออร์เดอร์ที่  2,3,4  ให้เท่ากับ ออร์เดอร์ที่ 1  ส่วนการทดลองครั้งนี้ ใช้  My robot Plus  ซึ่งสามารถตั้งค่า ใน ออร์เดอร์ที่ 2,3,4,5 …..  เท่ากับ ออร์เดอร์แรก

    ราคาในวันเริ่มต้นการทดลอง  อยู่ที่   0.73586

    กราฟเดือน แนวรับที่ 0.62641   แนวรับที่ 2  0.4927  แนวรับที่ 2  คงไม่น่าลงไปถึง เดี๋ยวมาดูที่กราฟระดับ  Week

    กราฟ Week  แนวรับที่ 1 => 0.66824   แนวรับที่ 2 ใช้ของ กราฟ เดือน  => 0.62641

     

      กราฟ Day  ราคาผ่านทะลุแนวรับแรกลงมาแล้ว  แนวรับที่ 2  ใช้ของกราฟ  Day ที่ราคา  0.66824  ส่วนกราฟ 4 hr  นั้น ราคาหลุดทุกแนวรับเรียบร้อยแล้ว

     

    แนวการเทรดของคู่  NZD/USD

    บัญชี  Cent ทุน 680 $ => 68 000  usc  เปิด ออร์เดอร์ สูงสุด 1.0 lot เรามาแยกเป็น  0.5 , 0.5  หรือ 0.25,0.25,0.25,0.25  หรือ  0.1 X 10  ถ้าแบ่งออร์เดอร์ออกมาได้แล้ว ก็สามารถใช้  EA  เข้าช่วยเทรดได้ทันที ใช้  My robot Plus  เหมือน  AUD/CHF

     

    การตั้งค่า  EA    ตามภาพข้างบน เน้น  Long

    เริ่มการทดลอง พอร์ต เดโม ทุน  73500  เทรด คู่  AUD/CHF  และทุน 50000 เทรดคู่  NZD/USD  คิดว่า ทุน  50 000  น่าจะเอาอยู่

    ทั้ง 2  พอร์ต เปิด ออร์เดอร์  กราฟที่ 1 = 0.1 X 10   ,ส่วน กราฟที่ 2 = 0.11 X 10  จะใช้เมื่อกราฟผิดทางและลงมาลึก

    กราฟ Day  ก็ยังใช้ แนวรับของกราฟ  Week    ใช้ทุน   50 000 USD เปิด ออร์เดอร์  กราฟที่ 1 = 0.1 X 12   ,ส่วน กราฟที่ 2 = 0.13 X 10  จะใช้เมื่อกราฟผิดทางและลงมาลึก และจะล้างพอร์ตเมื่อราคาลงไปที่ ราว ๆ 40.xxx  (คงเป็นไปได้ยากมาก) แค่เรา ลดความโลภ

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการเลือกวิธีเทรดให้เหมาะกับคุณ

    ตุลาคม 5, 2022

    เทคนิคการเทรดด้วยระบบเทรด Forex แบ่งออกเป็น 4 แนวทางหลัก คือ 

    1.เทคนิคการเทรดด้วยระบบเทรดforexโดยยึดหลักการวิเคราะห์ด้วยกราฟ หรือ หรือเทคนิคอล(technical)  การเทรดด้วยระบบเทรด Forex ด้วยวิธีนี้เป็นที่นิยมมากที่สุดในบรรดาเทรดเดอร์ทั้งไทยและต่างประเทศ เพราะราคาที่เคลื่อนที่ทำให้เกิดกราฟขึ้นมา ทำให้เราเห็นสถานการณ์ต่างๆ ในตลาด ในการเลือกทิศทางที่เราจะซื้อ Buy หรือ Sell ซึ่งโดยส่วนใหญ่มืออาชีพจะมีระบบเทรดที่คาดการณ์ได้ถึง 70% และถ้าเซียนจริงๆ อาจมีเปอร์เซ็นต์ถูกถึง 90%

    ข้อดีของระบบเทรด Forex ด้วยเทคนิคอล คือ ไม่ต้องใช้ความรู้สึกในการวิเคราะห์, มีสูตรที่แน่นอน สามารถทำตามได้, มีระบบเทรด และอินดิเคเตอร์ (indicator) ขายอยู่มากมาย

    ข้อเสียของระบบเทรดforex ด้วยเทคนิคอลคือ สิ่งที่วิเคราะห์เป็นอดีต ไม่ใช่อนาคต เรามองไปในอดีตและหวังว่าอนาคตจะเป็นเช่นนั้นเราก็ได้แค่หวัง, สถิติต่างๆเกิดจากค่าเฉลี่ย ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้มีชีวิต บอกสถานการณ์คร่าวๆ เท่านั้น, ต้องอดทนเทรดโดยใช้วิธีเดิมจนกว่าจะครบกำหนดถึงจะนับสถิติการเทรดได้เพราะtradeทุกไม้ ไม่ชนะทุกไม้แน่นอน

    2.เทคนิคการเทรดโดยยึดหลักการวิเคราะห์ด้วยข่าว หรือการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจ ระบบเทรด Forex ด้วยเทคนิคนี้ต้องอ่านข่าว ซึ่งข่าวส่วนมากเป็นภาษาอังกฤษ หรือหาอ่านได้ตามข่าวการเงินประเทศต่างๆ ข่าวเหล่านั้นจะบอกสถานการณ์การเงินในประเทศนั้นๆ และจะบอกในภาพรวมใหญ่ๆ ส่วนข่าวที่ส่งผลในรายวันก็จะเป็นข่าวที่ประกาศตามเวลาซึ่งเมื่อขาวออกค่าเงินนั้นจะวิ่ง ส่วนจะวิ่งขึ้นหรือวิ่งลง ขึ้นอยู่กับข่าวนั้นเป็นผลดีหรือผลเสียต่อค่าเงินนั้นๆ และความแรงก็ขึ้นอยู่กับความแรงของข่าว

    ข้อดีของระบบเทรดด้วยข่าวคือ  รู้ถึงเหตุและผลของการขึ้นลงของกราฟ, เมื่อเข้าใจข่าวอย่างแจ่มแจ้งก็เทรดได้ด้วยความมั่นใจไม่เดาสุ่ม, รู้ก่อนรวยก่อน, ค่าเงินที่ส่งผลต่อตลาดโลกส่วนใหญ่ก็มีไม่กี่ประเทศ เช่น อเมริกา USD, ยุโรป EUD, ญี่ปุ่น JPY, อังกฤษ GBP

    ข้อเสียของระบบเทรดด้วยการวิเคราะห์ข่าวคือ  ถ้าไม่เข้าใจจริงๆก็สับสนได้ เช่น ในบางครั้งข่าวออกดี ส่วนค่าเงินอ่านลงเพราะค่าเงินแข็งไม่ได้แปลว่าเป็นข่าวดีก็ได้เพราะบางประเทศอยากให้ค่าเงินตัวเองอ่อนลง

     

    3.เทคนิคการเทรดโดย โปรแกรมเทรด หรือ EA(Expert Advisors)ระบบเทรด Forex ด้วย EA เป็นสิ่งที่ชอบมาก เพราะเราแค่ป้อนค่า แล้วหา VPS เซิฟเวอร์ รันต่อเนื่องเป็นเดือนๆได้โดยเราไม่จำเป็นต้องเข้าไปดูเลย EA จะทำงานตามคำสั่งที่เราระบุไว้ในโปรแกรมเทรด เมื่อถึงเวลาเราก็เปิดดู กำไรหรือขาดทุนก็ขึ้นอยู่กับ EA เราเจ๋งแค่ไหน

    อีเอ (EA)ดีๆคืออีเอซื้อ การไปต่อคนอื่นๆให้ได้อีเอดีๆ หายาก  อีเอที่สามารถทำเงินได้อยู่ในทุกวันนี้คืออีเอซื้อ ส่วนแหล่งก็ต้องค้นหากันดีๆหน่อย และไม่ควรซื้อแพงเกินไปเพราะไม่มีใครรับรองได้ว่าจะสามารถทำเงินจากมันได้  ส่วนใครจะให้คนเขียนอีเอให้ตามระบบของเราเองก็มีคนรับเขียนอยู่มากมาย สนนราคาอยู่ที่ 2000-5000 บาทต่อตัว ส่วนการซื้ออีเอก็ให้ระวังพวกต้มตุ๋นให้มากๆ  อันนี้ขึ้นอยู่กับสายตาของแต่ละคน อาจจะลองค้นหา scam ea ตามเว็บนอกก็ได้  ส่วน FREE EA อย่าไปยุ่งเลยเสียเวลา 

    ข้อดีของระบบเทรด Forex ด้วย EA คือ ทำครั้งเดียวไม่ต้องยุ่งยากอีก ไม่ต้องใช้อารมณ์คนเทรดมาเกี่ยวข้อง ไม่ต้องกดดัน ไม่ต้องอยู่หน้าจอ แค่หาอีเอดีๆก็พอ อีเอดีๆที่ทำกำไรเดือนละ 10% ของทุน แบบเสี่ยงน้อยๆ มีอยู่มากมายเลย กำไรสูงความเสี่ยงก็มักจะสูงตามเช่นกัน

    ข้อเสียของระบบเทรด Forex ด้วย EA คือ การหาอีเอดีๆ หาไม่ง่าย บางคนซื้อ บางคนจ้างเขียน บางคนไปสมัครต่อ IB เพื่อให้ได้ EA มา กว่าจะเจอของดีจริงๆ ก็อาจหมดทุนไปเยอะแล้ว

     

    4.เทคนิคเทรดโดยก๊อปปี้ออเดอร์คนอื่น หรือ Copy trade คือการ Copy ออเดอร์คนอื่น ตามข้อตกลงของคนที่ให้เรา Copy ถ้าเราอยาก Copyก็ให้หาโบรกเกอร์ที่บัญชีPAMM เช่น Forex4you, Roboforex, hotforex

    ข้อดีของระบบเทรด Forex ด้วย Copy Trade   คือ ไม่ต้องมีความรู้เรื่องการเทรด Forex เลยก็สามารถทำเงินได้ ถึงยังไงก็ต้องเปิดบัญชี ฝากถอนให้เป็นสักหน่อย, สามารถเลือกคนที่มีสถิติดีๆ เก่งๆ เพื่อ Copy ออเดอร์ได้, นอกจากนี้ก็มีข้อดีแบบเดียวกับการเทรดด้วยอีเอคือไม่ต้องเฝ้า ไม่ต้องตัดสินใจเอง ไม่ต้องเหนื่อย, ถ้าเมื่อไหร่เราเก่งก็สามารถเปิดบัญชีให้คนอื่น Copy ได้เช่นกัน

    ข้อเสียของระบบเทรด Forex ด้วย Copy Trade    คือ ส่วนใหญ่จะคิดค่า Copyจากกำไรประมาณ 20-30% ก็ถือว่าสูงนะครับ ถ้าเลือกจริงๆไม่ควรเกิน 20%, ความแน่นอนน้อยกว่า EA,  ก๊อปปี้จากคนเก่ง บางทีก็มีขอเสีย เพราะคนยังไงก็มีอารมณ์ความรู้สึกมาเกี่ยวข้องไม่เหมือน EA ครับคนเก่งยังไงก็แพ้เป็น

    ส่วนการเอาหลายแนวทางนี้มาประยุกต์ มาผสมกัน มีอย่างมากมายหลายหลาก สุดท้ายก็วนอยู่แค่ 4 แนวทางนี้ และส่วนใหญ่คนที่เก่งจริงๆ อาจใช้สามแนวทางแรกมารวมกันได้ ก็จะมีข้อดีของทุกแนวทางมารวมกันและก็ต้องจัดการกับข้อเสียของแต่ละแนวทางเหล่านั้นได้ด้วย

    การเลือกแนวทางระบบเทรด Forex : คุณชอบดนตรีจังหวะไหน ก็เต้นได้ดีกว่าใครในจังหวะนั้น !!!

    ต่ออีกสักนิด จากที่เกริ่นไว้ข้างต้น คือ แนวทางการเทรด คุณเป็นนักเทรดแนวไหน ก็ควรสร้างระบบเทรดในแนวนั้น เท่าที่พิสูจน์มา หลายปี ผมพบว่า ไม่ว่าแนวไหนก็ประสบความสำเร็จได้ ไม่จำเป็นต้องตามใคร สังเกตตัวเอง ในช่วง 1-4 ปีแรกของการเทรดแทบจับต้นชนปลายไม่ถูก คือ ตามคนโน้นคนนี้ไปเรื่อยๆ ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง สุดท้ายมาหยุดอยู่ตรงที่ “การยอมรับตนเอง จริงใจกับตนเองมากขึ้น” ยอมรับข้อเสียหรือด้านมืดของตัวเองว่าเราไม่ได้สมบูรณ์แล้วหาวิธีรับมือกับมัน เมื่อพบความจริงของตัวเองก็พบทางออก

    ย้อนกลับไปวันแรกของการเป็นเทรดเดอร์….แล้วค้นให้เจอ

    ลองถามตัวเองว่า …. อะไรที่ทำให้เราเชื่อว่ามันจะสำเร็จ ในวันแรกที่ตัดสินใจเป็นเทรดเดอร์? เราเชื่อจริงๆ หรือแค่อยากได้ อยากรวย อยากเท่เหมือนคนอื่น เชื่อว่าทุกคนอยาก และก็รู้ว่าในความอยากนั้น คุณมองเห็นเส้นทางบางอย่าง นั่นคือมีความชอบเป็นต้นทุน อยากให้คุณกลับไปสู่ต้นตอความคิดนั้น แล้วสานต่อมัน

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    4 เรื่องที่ต้องรู้ก่อนเทรด forex

    ตุลาคม 5, 2022

     

     

    สำหรับผู้ที่คิดจะเริ่มเข้ามาในตลาด Forex โดยมากอาจจะเกิดจากการชักชวนผ่านการโฆษณาตามเว็บไซต์ต่างๆ หรือแม้กระทั่งใน Youtube ถ้าพิมพ์เรื่องการลงทุนเข้าไป ก็จะมีเรื่องของวิธีเล่น forex มาให้เห็นในลำดับต้นๆ ประกอบกับการทำการตลาดของโบรกเกอร์ต่างๆ ที่ในปัจจุบัน มีเงินเพียง 1$ ประมาณ 33 บาท ก็สามารถเปิดพอร์ตเล่น Forex ได้แล้ว ยังไม่รวมการลด แลก แจก แถม โบนัสต่างๆ อีกมากมาย ที่กล่าวมาทั้งหมดไม่ได้หมายความในเชิงที่ไม่ดี แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งชักจูงใจในเริ่มแรก ทำให้เรามีความสนใจในตลาดนี้เกิดขึ้น แต่หากผู้ที่คิดจะจริงจัง และอยากทำกำไรอย่างยั่งยืนแล้วจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรู้ 4 เรื่อง ดังต่อไปนี้

    1.  เราทำกำไรในตลาด Forex ได้อย่างไร เราทำกำไรในตลาด Forex ผ่านการเก็งกำไรโดยการจับคู่เงิน เช่น EURUSD หมายถึงค่าเงินยูโรเทียบกับเงินดอลลาร์ และนอกจากคู่เงิน EURUSD ยังมีคู่เงินสกุลเงินอื่นอีกมาก ซึ่งสกุลเงินที่คนนิยมเล่นกันคือ USD EUR GBP JPY CHF เป็นต้น ส่วนปัจจัยที่คอยขับเคลื่อนตลาด Forex ให้เกิดการขึ้น-ลง พอจะมีปัจจัยหลักอยู่ 5 ปัจจัยคือ

    ทั้งนี้การเทรด forex นอกจากคู่เงิน EURUSD ยังมีคู่เงินสกุลเงินอื่นอีกมาก ซึ่งสกุลเงินที่คนนิยมเล่นกันคือ USD EUR GBP JPY CHF เป็นต้น ส่วนปัจจัยที่คอยขับเคลื่อนตลาด Forex ให้เกิดการขึ้น-ลง พอจะมีปัจจัยหลักอยู่ 5 ปัจจัยคือ

    • อัตราดอกเบี้ย เช่น การประกาศอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง
    • ภาวะทางเศรษฐกิจ เช่นการประกาศตัวเลข GDP ของประเทศ
    • การเมือง ประเทศที่ไม่มีการขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรงย่อมทำให้ค่าเงินของตนเองมีเสถียรภาพ
    • การค้าการลงทุน ประเทศไหนเป็นแหล่งลงทุนสำคัญย่อมหมายถึงการหมุนเวียนเงินภายในประเทศได้ดี เศรษฐกิจก็ดีตามไปด้วย
    • การซื้อกิจการของธุรกิจขนาดใหญ่ การซื้อกิจการจากประเทศใดก็แล้วแต่จำเป็นต้องใช้เงินสกุลของประเทศนั้น ทำให้ช่วงสั้นๆ มีผลต่อการกวัดแกว่งของค่าเงิน

     

    2. เวลาที่จะให้กับตลาด Forex มากน้อยแค่ไหน   การจะเทรดในตลาด Forex ให้ได้กำไร และมีความยั่งยืน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยการศึกษาควบคู่ไปกับการฝึกฝน ไม่ว่าจะเป็นการเทรดโดยอาศัยการวิเคราะห์เชิงเทคนิค หรือการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ดังนั้นเราจะต้องมีเวลาเพื่อแบ่งมาฝึกฝนตรงนี้ให้เกิดความชำนาญ เพราะโลกนี้ไม่มีอะไรฟรี และผมยืนยันได้เลยว่าอย่ามัวแต่ค้นหาจอกศักดิ์สิทธิ์   (Holy Grail) ในตลาดนี้ เพราะมันไม่มีจริงอย่างแน่นอน เบื้องต้นผมขอแบ่งเนื้อหาพื้นฐานที่ควรเติมให้เต็มก่อนคือ

    • เครื่องมือหรือแพลตฟอร์มการเทรด โปรแกรมเทรด forex ที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือ MetaTrader 4 การศึกษาฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ ให้คล่องแคล่วย่อมเพิ่มโอกาส ในการ  เทรด โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค
    • การใช้อินดิเคเตอร์พื้นฐาน เป็นเหมือนเครื่องมือที่ช่วยเราทำกำไรในตลาด Forex หากเราเข้าใจแล้ว ย่อมเหมือนกับการเลือกใช้เครื่องมือที่ถูกกับประเภทงาน
    • การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน กล่าวง่ายๆเลยคือ อ่านข่าวที่มีผลกระทบต่อค่าเงินเป็น ซึ่งทำความเข้าใจได้ง่าย ผ่านตารางข่าวของ Forex Factory ถ้าเข้าใจก็เปรียบเสมือนเรารู้ทิศทางลมก่อนออกเรือนั่นเอ

     

    3.เงินทุนและการจัดสรรถึงแม้ตลาด Forex จะเริ่มต้นเทรดได้เพียงมีเงินแค่ 1 $ หรือมีบัญชี Demo ให้ทดลองฝึกฝนเทรดได้อย่างไม่จำกัด แต่ท้ายที่สุดคุณต้องใช้เงินทุนจำนวนหนึ่งในการเทรดอยู่ดี เพราะเราจะหวังใช้เงิน 1 $ เพื่อทำเงินอย่างเป็นจริงเป็นจัง ผมตอบเลยว่าเป็นไปได้ยากมาก โดยเฉพาะมือใหม่ที่ยังขาดประสบการณ์ สามารถหมดภายในเวลาไม่กี่วินาทีได้เลย จึงเป็นที่มาของ การบริหารจัดการพอร์ต

    เมื่อคุณอยู่ในตลาดมาซักระยะเวลาหนึ่งจะทำให้ทราบว่า นอกจากจำนวนเงินทุนแล้วการบริหารจัดการ Positions ในพอร์ตมีความสำคัญอย่างยิ่ง ต่อการอยู่รอด ผมยกตัวอย่างที่นิยมสอนกันคือ ไม่ควรให้พอร์ตเกิดการขาดทุนเกิน 5-10% ของพอร์ต ขยายความคือ เช่น เรามีเงินทุน 1,000 $ เวลาเราเข้าเทรดแต่ละครั้ง เวลาเราขาดทุน ก็ควรคำนวณ Lot ที่เล่น ถ้าโดน Stop Loss ไม่ควรเกิน 50-100 $ เป็นต้น ซึ่งยังพอมีเงินทุนเหลือให้เราแก้ตัว ลองนึกภาพถ้าไม่มีการวางแผนดังกล่าว เล่นแบบ Over Trade เช่น เล่น Lot ที่เมื่อกราฟเคลื่อนที่ 1 จุด เท่ากับเงิน 100 $ แค่กราฟไปผิดทางที่เราคาดไว้ 10 จุด ก็ถึงขั้นล้างพอร์ต ไม่มีเงินเหลือให้แก้ตัว อย่างนี้ผมขอไม่เรียกเป็นการลงทุน แต่เป็นการเล่น Forex แบบการพนัน

     

    4.การรับมือกับการกำไรและขาดทุน    เทรดเดอร์ทั้งมือเก่าและมือใหม่ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงภาวะดังกล่าวไปได้เลย เป็นอีกหนึ่งความสำคัญที่ควรใส่ใจพอๆ กับระบบ เทรด forex ซึ่งเฉพาะเรื่องจิตวิทยาการลงทุนมีหนังสือให้ศึกษาเป็นเล่มอย่างจริงจังเลยทีเดียว จึงอยู่ที่ใครสามารถรับมือกับผลทางจิตวิทยาที่เกิดขึ้นได้อย่างมีวินัยมากกว่า เบื้องต้นผมให้น้ำหนักเท่ากันไม่ว่าจะเกิดการขาดทุน หรือกำไร ภาวะที่ต้องระมัดระวังกัน คือ

    • กรณีเกิดกำไร มากๆ หรือออเดอร์ปิดกำไรได้หลายออเดอร์ติดๆ กัน ภาวะนี้ทำให้เราเกิดการมั่นใจคิดว่าระบบเทรดของตนเองแม่นยำ อาจทำให้เกิดการความโลภ เพิ่ม Lot การ
      เทรดเพื่อหวังทำกำไรที่มากขึ้น หรือไม่ยอมปิดเมื่อกำไรถึงเป้าตามระบบ เป็นต้น
    • กรณีเกิดการขาดทุน มากๆ หรือออเดอร์ปิดขาดทุนหลายออเดอร์ติดๆ กัน ทำให้เกิดภาวะจิตตก หรือการเกิดอารมณ์ที่อยากต้องการเอาคืน โดยการเพิ่ม Lot การเล่นที่มากกว่าแผน หรือเกิดความกลัวการขาดทุนจนไม่กล้าเทรดเพราะเสียความมั่นใจ เป็นต้น

    เทรดเดอร์ทั้งมือเก่าและมือใหม่ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงภาวะดังกล่าวไปได้เลย เป็นอีกหนึ่งความสำคัญที่ควรใส่ใจพอๆ กับระบบ เทรด forex โดยภาวะที่ต้องระมัดระวังกันเป็นอย่างยิ่ง ก็คือ
    การเราเกิดการมั่นใจคิดว่าระบบเทรดของตนเองแม่นยำ อาจทำให้เกิดการความโลภ เพิ่ม Lot การเทรดเพื่อหวังทำกำไรที่มากขึ้น หรือไม่ยอมปิดเมื่อกำไรถึงเป้าตามระบบ เป็นต้น และอีก          กรณีเกิดการขาดทุน มากๆ หรือออเดอร์ปิดขาดทุนหลายออเดอร์ติดๆ กัน ทำให้เกิดภาวะจิตตก หรือการเกิดอารมณ์ที่อยากต้องการเอาคืน โดยการเพิ่ม Lot การเล่นที่มากกว่าแผน หรือเกิด        ความกลัวการขาดทุนจนไม่กล้าเทรดเพราะเสียความมั่นใจ ดังนั้นเราควรมีสติและดำเนินตามแผนที่เราได้วางไว้ตั้งแต่แรก

     

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยง Forex ที่ดีคืออะไร?

    ตุลาคม 5, 2022

    กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยง Forex ที่ดีคืออะไร?

    การป้องกันความเสี่ยงในโลกแห่งการลงทุนช่วยลดความเสี่ยง การป้องกันความเสี่ยงทำงานเหมือนกรมธรรม์ประกันภัย และวิธีการที่ใช้แตกต่างกันไปตามประเภทของสินทรัพย์ต่างๆ ตัวอย่างเช่น การลงทุนในทองคำและโลหะมีค่ามักถูกมองว่าเป็นการป้องกันความเสี่ยงที่ดีต่อเงินเฟ้อ เนื่องจากประสิทธิภาพในอดีตที่ยอดเยี่ยมของประเภทสินทรัพย์ในช่วงเวลาที่เงินเฟ้อสูง เมื่อพูดถึงการซื้อขายหุ้น นักลงทุนจะป้องกันความเสี่ยงด้วยการซื้อตัวเลือกหุ้น การป้องกันความเสี่ยงโดยทั่วไปเป็นกระบวนการจัดการความเสี่ยงที่ซับซ้อนซึ่งใช้โดยผู้ค้าบางส่วน

    การป้องกันความเสี่ยงใน Forex อาจเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ซื้อขายตำแหน่งบางราย แม้จะฟังดูซับซ้อน แต่แนวคิดก็เรียบง่ายและไม่มีอะไรยากเกินไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อให้ได้ภาพที่ชัดเจนขึ้น เรามาพูดถึงตัวอย่างง่ายๆ กัน สมมติว่า คุณกำลังชอร์ต EUR/USD และตั้งใจที่จะอยู่ในสถานะนี้เป็นเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน และคุณไม่แน่ใจว่าข่าวการตลาดบางอย่างจะส่งผลต่อการค้าของคุณอย่างไร แทนที่จะปิดสถานะของคุณ โดยการเปิดคำสั่งระยะสั้นในทิศทางตรงกันข้าม คุณกำลังป้องกันความเสี่ยงจากข่าวนั้น ๆ การป้องกันความเสี่ยงมักจะเกิดขึ้นในไม่ช้า เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายบางอย่าง

    มีกลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยง Forex มากมาย และในบทความนี้เราจะพูดถึงกลยุทธ์ที่ดีที่สุด:

    • กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนโดยตรง
    • กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยง FX Correlation
    • กลยุทธ์การซื้อขาย FX Options

    การซื้อขายกลยุทธ์เหล่านี้เกี่ยวข้องกับการเปิดการซื้อขายใหม่หรือการซื้อขายหลายครั้งในทิศทางตรงกันข้ามกับการซื้อขายเดิมของคุณ แต่ละกลยุทธ์มีจุดแข็งและจุดอ่อน มาพูดคุยกันในรายละเอียดเพิ่มเติมกัน

    กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนโดยตรง

    การป้องกันความเสี่ยงโดยตรงใน Forex เกิดขึ้นเมื่อผู้ค้าอยู่ในการซื้อขายแล้วและเปิดคำสั่งการซื้อขายที่ตรงกันข้ามในคู่เดียวกัน กลยุทธ์นี้ใช้โดยเทรดเดอร์ที่ไม่แน่ใจว่าเหตุการณ์บางอย่างจะส่งผลต่อราคาคู่และต้องการอยู่ในตำแหน่งนานขึ้นได้อย่างไร ข้อเสีย หากข่าวเป็นบวกสำหรับคำสั่งซื้อเดิม เทรดเดอร์จะขาดทุนจากสถานะที่ป้องกันความเสี่ยง เพื่อจำกัดการสูญเสีย ควรใช้คำสั่งหยุดการขาดทุนในตำแหน่งที่มีการป้องกันความเสี่ยง ขนาดของ Stop Loss ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม ความสำคัญของข่าว และปัจจัยอื่นๆ

    สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือโบรกเกอร์บางรายไม่อนุญาตให้มีการป้องกันความเสี่ยงโดยตรง และพวกเขาจะปิดตำแหน่งแรกเมื่อใดก็ตามที่คุณวางตำแหน่งตรงข้ามหรือรวมเข้าด้วยกัน ไม่อนุญาตให้มีการป้องกันความเสี่ยงโดยตรงในการซื้อขาย Forex ในบางประเทศ รวมทั้งสหรัฐอเมริกา เหตุผลหลักที่หน่วยงานด้านการเงินของอเมริกาได้ตัดสินใจที่จะห้ามการปฏิบัตินี้คือการป้องกันไม่ให้ผู้ค้าขายเกินและจ่ายสเปรดและค่าคอมมิชชั่นสองเท่า

    กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยง FX Correlation

    คู่ Forex บางคู่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน สหสัมพันธ์คำนวณโดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ตั้งแต่ -1 และ +1 ความใกล้ชิดกับ +1 บ่งชี้ว่าสกุลเงินจะเคลื่อนไหวในทำนองเดียวกันบนแผนภูมิ (อิงจากข้อมูลในอดีต) ความใกล้ชิดกับ -1 หมายความว่าสกุลเงินมีความสัมพันธ์ในทางลบ หากค่าสัมประสิทธิ์ระบุตัวเลขที่ใกล้เคียงกับ 0 แสดงว่าสกุลเงินไม่มีความสัมพันธ์กัน

    กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยง Forex เกี่ยวข้องกับการเปิดตำแหน่งตรงกันข้ามกับตำแหน่งเดิมของคุณโดยใช้คู่สกุลเงินที่มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด ตัวอย่างเช่น ยูโรและ GBP เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางว่ามีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดเนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่าเศรษฐกิจทั้งในยุโรปและอังกฤษมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน ในกรณีที่คุณวางแผนที่จะป้องกันความเสี่ยงเมื่อทำการซื้อขาย EUR/USD คุณสามารถเปิดคำสั่งตรงข้ามกับ GBP/USD ได้

    ในทางกลับกัน กลยุทธ์ความสัมพันธ์นั้นถูกกฎหมายอย่างสมบูรณ์ในทุกประเทศ และมักใช้โดยผู้ค้า Forex

    ด้านลบ ไม่มีสกุลเงินใดที่สัมพันธ์กับสกุลเงินอื่นอย่างสมบูรณ์ ผลที่ได้คือความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นในช่วงไดเวอร์เจนซ์

    นอกจากนี้ กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงเชิงสหสัมพันธ์ยังสามารถใช้ในตลาดหุ้น เมื่อหุ้นจำนวนมากคัดลอกประสิทธิภาพของดัชนีของตน ในขณะที่ดัชนีวัดประสิทธิภาพโดยรวมของหุ้นบางตัว

    กลยุทธ์การซื้อขาย FX Options

    ในกรณีที่คุณต้องการหลีกเลี่ยงการเปิดและปิดการซื้อขายหลายรายการในทิศทางตรงกันข้ามในสกุลเงินเดียวกันในเวลาเดียวกัน คุณสามารถใช้ตัวเลือกได้ ออปชั่นให้สิทธิ์แก่เทรดเดอร์และไม่ใช่ภาระผูกพันในการซื้อหรือขายสกุลเงินในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ณ วันที่กำหนดในอนาคต

    เทรดเดอร์หลายคนชอบออปชั่น Forex เนื่องจากความเสี่ยงมีจำกัด ข้อเสีย ผู้ค้าจ่ายเบี้ยประกันภัยสำหรับการเปิดตำแหน่ง

    มาดูตัวอย่างกัน สมมติว่าเทรดเดอร์เปิดสถานะซื้อใน EUR/USD จาก 1.07 และทุกอย่างเป็นไปตามแผน และราคาของทั้งคู่ก็กระโดดขึ้นไปที่ 1.1 เพื่อป้องกันตำแหน่งจากการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น เทรดเดอร์สามารถซื้อพุตออปชั่นได้ที่ 1.09 ดังนั้นแม้ว่าจะมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เทรดเดอร์สามารถใช้ออปชั่นและปิดตำแหน่งที่ 1.09 ซึ่งจำกัดการสูญเสียเพิ่มเติม

    ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันความเสี่ยงใน Forex

    ความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดที่มาพร้อมกับการป้องกันความเสี่ยงคือความซับซ้อน ความคิดนั้นง่าย อย่างไรก็ตาม การดำเนินการนั้นยากมาก การดำเนินการตามกลยุทธ์การซื้อขายอย่างราบรื่นต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบ กำหนดเวลาเข้าและออก และชั่งน้ำหนักต้นทุนและผลประโยชน์

    ความเสี่ยงที่ต้องพิจารณาอีกประการหนึ่งเกี่ยวข้องกับวินัย การวางคำสั่งหลายคำสั่งในคู่สกุลเงินเดียวกันสามารถเปลี่ยนเป็นการแก้แค้นได้อย่างง่ายดาย ผู้ค้าที่ไม่สามารถจัดการอารมณ์ได้มักจะเพิ่มตำแหน่งเป็นสองเท่าหลังจากประสบกับการสูญเสีย การป้องกันความเสี่ยงเกือบจะรับประกันว่าตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งของคุณจะเป็นลบเนื่องจากถูกวางไว้ในทิศทางที่ต่างกัน หากคุณพบว่ามันยากที่จะขาดทุน คุณควรหลีกเลี่ยงการซื้อขายโดยทั่วไป การเพิ่มขนาดตำแหน่งเป็นสองเท่าหลังจากการซื้อขายที่ขาดทุนไม่ใช่การซื้อขาย มันคือการพนัน

    จำนวนการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นหมายความว่าคุณจะถูกเรียกเก็บเงินด้วยสเปรดและค่าคอมมิชชั่นที่มากขึ้น

    ในตอนท้ายของวัน คุณควรถามตัวเองว่า การป้องกันความเสี่ยงคุ้มกับความปวดหัวทั้งหมดหรือไม่ เมื่อคุณสามารถปิดการซื้อขายเมื่อใดก็ตามที่คุณไม่แน่ใจเกี่ยวกับข่าวการตลาด ขึ้นอยู่กับความชอบของคุณ แต่ก็คุ้มค่าที่จะรู้ว่ากลยุทธ์เหล่านี้ทำงานอย่างไร ยิ่งรู้มากยิ่งดี

    เมื่อใดที่คุณควรป้องกันความเสี่ยงใน Forex?

    คุณควรหลีกเลี่ยงการป้องกันความเสี่ยงใน Forex เว้นแต่คุณจะเข้าใจว่าการป้องกันความเสี่ยงทำงานอย่างไร เรียนรู้ให้มากที่สุดเกี่ยวกับคู่ที่มีความสัมพันธ์เชิงบวกและเชิงลบก่อนเริ่มลงทุนใน Forex นอกจากนี้ เพื่อให้สามารถป้องกันความเสี่ยงจากการซื้อขายของคุณได้โดยตรง คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่านายหน้าของคุณอนุญาตแนวปฏิบัติดังกล่าว

    การป้องกันความเสี่ยงเป็นความคิดที่ดีเมื่อผู้ค้ากังวลเกี่ยวกับปฏิกิริยาของตลาดในเหตุการณ์เฉพาะและต้องการอยู่ในตำแหน่งนานขึ้น

    คุณควรหลีกเลี่ยงการป้องกันความเสี่ยงใน Forex ถ้ามันยากเกินไปสำหรับคุณ และคุณไม่ต้องการจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมสำหรับสเปรด ค่าคอมมิชชัน หรือเบี้ยประกันภัย

    คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยง Forex

    การป้องกันความเสี่ยงใน Forex คืออะไร?

    การป้องกันความเสี่ยงใน Forex หมายความว่าผู้ค้าเปิดคำสั่งซื้อที่ตรงกันข้ามกับคำสั่งซื้อเดิมของตนโดยตรงหรือโดยอ้อมเพื่อพยายามลดความเสี่ยงต่อสภาวะตลาดบางอย่าง

    ข้อเสียของการป้องกันความเสี่ยงคืออะไร?

    มีข้อเสียหลายประการในการป้องกันความเสี่ยง Forex การป้องกันความเสี่ยงโดยตรงถูกห้ามในบางประเทศ การป้องกันความเสี่ยงนั้นซับซ้อนและต้องใช้ประสบการณ์และการวางแผนอย่างรอบคอบ การป้องกันความเสี่ยงจะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม เช่น ค่าสเปรดและค่าคอมมิชชันสำหรับตำแหน่งใหม่ การป้องกันความเสี่ยงสามารถทำให้ผู้ค้ามือใหม่ทำการค้าได้

    การทำ Hedging ยากไหม?

    ใช่. การป้องกันความเสี่ยงต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบ ชั่งน้ำหนักต้นทุนและผลประโยชน์ และดำเนินการตามกำหนดเวลา ทั้งหมดนี้มีความซับซ้อนและนักเทรด Forex เพียงไม่กี่รายที่ป้องกันความเสี่ยงได้

    การเรียนรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงมีความสำคัญหรือไม่?

    สิ่งสำคัญคือต้องเรียนรู้ให้มากที่สุด ไม่มีกลยุทธ์ใดที่เหมาะกับผู้ค้ารายเดียว โดยการทดสอบกลยุทธ์ต่างๆ และทำความเข้าใจกับวิธีที่นักลงทุนรายอื่นซื้อขาย คุณจะขยายโอกาสในตลาดการเงิน

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการเทรด Bull trap

    ตุลาคม 4, 2022

     

    ระบบเทรดช่วงที่ราคา Breakout ทำ New High เทรดเดอร์มักเปิด Long ตาม แต่หลังจากที่เทรดเดอร์เปิด Long นั้น ราคากลับวกตัวกลับลงมาอย่างรวดเร็ว เหตุการณ์นี้มักเกิดขึ้นบ่อยๆ เรียกกันว่า “Bull trap” ซึ่ง Bull trap มักเกิดในช่วงที่ราคา เหมือนจะ ไปต่อ ทำให้พวกเทรดเดอร์มือใหม่มักเปิดสถานะในช่วงนั้น และมักตามมาด้วยการขึ้นต่อเพียงเล็กน้อย แล้วค่อยลงหนักๆ

    เบื้องหลังของ Bull trap
    1) เริ่มจากในช่วงแนวโน้มขาขึ้น คนที่ยังไม่มีของ เริ่มอยากเข้ามามีส่วนร่วม
    2) เมื่อราคากำลังปรับตัวขึ้น ดึงดูดให้เทรดเดอร์เข้ามีเปิด Position
    3) เมื่อราคาทะลุขึ้นทำ High ใหม่ เป็นตัวสร้างความมั่นใจให้เทรดเดอร์ว่ามาถูกทาง และรู้สึกปลอดภัย ซึ่งจุดนี้แหละที่เป็น “กับดัก”
    4) ราคาวกกลับลงมา เทรดเดอร์ส่วนมากถือออเดอร์นั้นไว้และคิดว่าเดี๋ยวมันก็กลับขึ้นไป
    5) ราคายังคงอ่อนตัวลงต่อ ทำให้เทรดเดอร์ที่เปิด Long ก่อนหน้านี้ประสบกับการขาดทุนอย่างมาก

    2 สิ่งสำคัญที่จะป้องกันเหตุการณ์นี้ได้คือ
           1. เข้าช้าหน่อย : หลักการนี้อาจยากที่จะเข้าใจหน่อย จะลองทำดูแล้วจะเห็นความแตกต่างอย่างมาก โดยไม่ควรขายเมื่อราคากำลังขึ้น และไม่ซื้อเมื่อราคากำลังลง ควรขายเมื่อราคาลง   แล้วและซื้อเมื่อราคาขึ้นแล้วเท่านั้น

    มีการเข้าอยู่ 3 ลักษณะ
      1.1 เร็วเกินไป : คาดการณ์ มโนไปเองว่าตลาดจะไปในทิศทางที่เราคิด
      1.2 พอดี : มีสัญญาณยืนยันว่าราคากลับตัวแล้ว
    1.3 ช้าเกินไป : ราคามักเคลื่อนไหวไปมากแล้ว ค่อยมาเข้า

          2. รอสัญญาณยืนยัน : สัญญาณที่จะเป็นตัวช่วยยืนยันในการกลับตัวจริงๆ อย่างง่ายคือการใช้เส้นค่าเฉลี่ย โดยทั่วไปนิยมใช้ เส้นค่าเฉลี่ย 20 วัน เป็นตัวแทนในการยืนยันทิศทาง คือคุณจะเทรด Bull trap ก็ต่อเมื่อราคาลงมาต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 20 วันก่อน

    ________________________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    ________________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการลงทุนในระบบเทรด Forex ง่ายได้กำไร

    ตุลาคม 4, 2022

    เทคนิคการลงทุนในระบบเทรด Forex ให้ได้กำไร เป็นคำถามสั้นๆ ที่ค่อนข้างตอบยาก การนำเสนอแนวทางระบบเทรดในตลาด Forex ให้สามารถทำกำไรได้อย่างยั่งยืนและอยู่รอดได้ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ทั้งสิ้น แต่ก็พอจะมีแนวทางก้าวไปสู่ความสำเร็จที่รวบรวมจากแนวคิดของเทรดเดอร์มืออาชีพทั้งไทยและต่างประเทศ โดยอาศัยหลักการ 4 วิเคราะห์ดังต่อไปนี้

    • วิเคราะห์ตนเอง โดยบันทึกผลการเทรด ถึงแม้ในปัจจุบันมีเว็บไซต์ เช่น Myfxbook สามารถนำข้อมูลบัญชีเทรดมา Link เพื่อประมวลผลค่าสถิติออกมาได้อย่างละเอียด หรือการดึง Output การเทรดจากโปรแกรม MT4 โดยตรง  แต่โดยความคิดเห็นส่วนตัวแล้ว ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าตัวเราเอง ซึ่งนอกจากจะบันทึกข้อมูลเป็นตัวเลขไว้แล้ว การบันทึกข้อผิดพลาด หรือปัจจัยในการตัดสินใจในการเทรด
      แต่ละวัน ถือเป็นการเรียนรู้ที่ให้ผลในด้านการพัฒนาการเป็นเทรดเดอร์ได้ดีมาก

    เพราะหากใครเคยศึกษาเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ ปัจจัยที่ส่งผลให้ระบบเทรดออกมาได้ดี แทบทุกคนจะผ่านกระบวนการการเก็บสถิติและจดบันทึกการเทรดของตนเอง เพราะทำให้เราได้มองซ้ำหรือทบทวนตนเองและเห็นจุดอ่อนหรือโอกาสที่สามารถแก้ไขได้ และสามารถเสริมประสบการณ์ เทรด forex ไปในทิศทางที่ดี

     

    • วิเคราะห์เงินทุน เพื่อสร้างแผนการ ในระบบเทรด Forex สิ่งหนึ่งที่เทรดเดอร์อาชีพให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งคือ การใช้ Money Management หรือกลยุทธ์การจัดการเงินทุนของตนเอง ซึ่งการตั้ง TP และ SL ก็เป็นหนึ่งในนั้นและมีความสำคัญในระยะยาว ถึงแม้ตัวเราเองจะไม่ใช่เทรดเดอร์อาชีพ เป็นเพียงผู้เริ่มต้นในตลาดหรือ Part time ก็ตาม การตั้ง TP และ SL เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดจำเป็นต้องทำความเข้าใจและใส่ใจให้กลายเป็นวินัยในการเทรด เพราะถ้าขาดตรงนี้ไปจะเปลี่ยนนิยามการลงทุนเป็นการพนันโดยทันที

      ยกตัวอย่างเช่น

    ทุกครั้งที่เราเข้าออเดอร์ไปแต่ละครั้ง เราจะมี TP และ SL ทุกครั้ง คือ TP 10 pips และ SL 10 pips แต่พอออเดอร์เริ่มบวก เราจะกังวล กลัวว่าจะไม่ถึง TP จึงมักจะรีบปิดออร์เดอร์ เพราะความกลัวก่อนถึง TP ทุกครั้ง คิดเสียว่ายังไงก็ได้กำไร ดีกว่าเสียเงิน แต่พอออเดอร์เริ่มติดลบ กลับไม่ยอมปิดเพราะกลัว  เทรด forex เสีย นั่งภาวนาว่ามันจะต้องกลับไปโดน TP ได้อย่างแน่นอน สุดท้ายชน SL หรือหนักยิ่งกว่า เลื่อนเส้น SL ออกไป แต่แล้ว…….  ก็ไปชน SL อยู่ดี    กลายเป็นว่าเมื่อมีกำไรประมาณ 5 pips จอร์จจะรีบปิดก่อน แต่เวลาชน SL กลับถือทนไปโดน ที่ 10 pips คำนวณ ได้ดังนี้ ชนะ 60 ครั้ง ได้กำไร                   60×5    เท่ากับ   300 pips

    แพ้ 40 ครั้ง ขาดทุน                 40×10  เท่ากับ   400 pips

    สรุปขาดทุนไป 100 pips จะเห็นได้ว่า ระบบที่มีเปอร์เซ็นต์ชนะ 60% ไร้ความหมายโดยทันทีหากไม่มีวินัยหรือไม่ทำตามแผนการเทรดที่วางไว้ ซึ่งทำให้เรารู้ได้เลยว่าปลายทางของพอร์ตนี้จะจบลงเช่นไร หากยังดื้อเดินอยู่

     

    • วิเคราะห์ตลาด ตอนเริ่มต้นระบบเทรดในตลาด Forex ใหม่ๆ มีเทรดเดอร์ท่านหนึ่งเคยบอกไว้ว่า หากคิดไรไม่ออก ให้ไปตาม Trend ไว้ก่อน มาถึงตอนนี้ ประโยคนี้ก็ยังใช้งานได้ดี นั่นเพราะเป็นพื้นฐานสำคัญก่อนตัดสินใจเข้าออเดอร์ หากตอบไม่ได้ว่าตลาดตอนนี้มีแนวโน้มเป็นเช่นไร ก็เหมือนเราล่องเรือโดยไม่รู้ทิศทางลม เช่นเดียวกับการที่ต้องวิเคราะห์ข่าวที่มีผลกระทบต่อกราฟราคาควบคู่กัน ซึ่งหากช่วงไหนมีข่าวทางเศรษฐกิจรุนแรง เทรดเดอร์ส่วนใหญ่มักหลีกเลี่ยงไปก่อน เพราะเหมือนกับการล่องเรือเข้าไปพายุ ดังนั้นต้องตอบคำถามนี้ให้ได้ก่อนการตัดสินใจคือ
    • แนวโน้มของตลาดตอนนี้เป็นเช่นไร
    • เราควรเปิดออเดอร์ในช่วงไหน
    • ทำไมเราต้องเข้า ณ จุดนี้ เช่น อาจเป็นแนวรับแนวต้านที่สำคัญ

     

    • วิเคราะห์ระบบเทรด Forex ให้แตก เมื่อเราเลือกระบบเทรดระบบใดระบบหนึ่งที่คิดว่าเหมาะสมกับตนเอง ทั้งด้านเวลา และความเข้าใจ และมีวินัยในการเทรดพอ ควรที่จะอยู่กับระบบไปนานๆ และใช้สถิติประมวลผลเพื่อตัดสินระบบเทรดระบบใดระบบหนึ่ง ขอยกตัวอย่างการเก็บสถิติการเทรด forex ตามระบบแบบรายเดือน การวัดผลหลักคือ

    – RRR อัตราส่วนความเสี่ยงของของราคาเมื่อโดน Stop Loss และ Target Point ที่เรา
    ตั้งไว้ เป็นตัวชี้วัดในการเข้าออเดอร์แต่ละครั้ง เช่น การเข้าออเดอร์ทุกครั้งตั้ง SL ไว้ที่ 10 จุด ส่วน TP ตั้งไว้ที่ 20 จุด นั่นหมายถึง เมื่อเราทำพลาด สองครั้ง ก็จะกลับมาเท่าทุน โดยการเทรดชนะเพียงแค่ครั้งเดียว เป็นต้น

    – เปอร์เซ็นต์ชนะ หรือ Win rate ที่ต้องกล่าวถึง ไม่ได้ต้องการให้ยึดติดกับความสมบูรณ์แบบที่ต้องชนะตลอด แต่ให้ดูประกอบความสัมพันธ์กับ RRR ที่ถึงแม้เราจะมี%ชนะแค่ 50% พอร์ตยังคงมีกำไรเนื่องจากการทำตาม RRR อย่างมีวินัย

    – เปอร์เซ็นต์ของจำนวนเงินขาดทุนที่มากที่สุด Drawdown (DD) เกิดจากการสะสมของการขาดทุนขณะนั้นว่าติดลบคิดเป็นกี่ % ของจำนวนเงินในพอร์ตปกติแล้ว ไม่ควรเกินกว่า 30% ของบัญชีเทรด แต่ทั้งนี้ก็ยังขึ้นอยู่กับระบบเทรดนั้นๆ ว่ายอมรับได้เท่าไร เพราะบางระบบแม้จะมี DD ถึง 50% แต่ระยะยาวก็ยังทำกำไรได้เป็นอย่างดี

     

    แจกฟรี!ระบบเทรด

    ________________________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    ________________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    การดูเส้นแนวโน้ม Trend

    ตุลาคม 4, 2022

     

    แนวโน้ม Trend   คือทิศทางการเคลื่อนที่ของราคา 

    ประกอบด้วย3ทิศทาง

    1.แนวโน้มขาขึ้น Up Trend
    2.แนวโน้มขาลง Down Trend
    3.แนวโน้มด้านข้าง Sideway

    แนมโน้มUp Trendคือทิศทางของกราฟราคา ปรับตัวในรูปแบบตัวสูงขึ้น คือการที่ราคาปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
    ลักษณะแนวโน้มขาขึ้นUp Trend โดยปกติเราถ้าคาดการณ์ว่ามีแนวโน้มขาขึ้นให้ทำการboyเพื่อทำกำไร
    ฐานใหม่จะสูงกว่าฐานเก่า จุดยอดใหม่จะสูงกว่าจุดยอดเก่า

    แนวโน้มขาลง Down Trendหมายถึงแนวโน้มที่เคลื่อนที่ไปในทิศทางต่ำลงอย่างต่อเนื่องราคาจะมีแน้วโน้มขาลงให้ทำการsellเพื่อทำกำไรลักษณะแนวโน้มขาลงฐานใหม่จะต่ำกว่าฐานเก่า จุดยอดใหม่จะต่ำกว่าจุดยอดเก่า

    แนวโน้มด้านข้าง Sidewayคือแนวโน้มที่เคลือนที่ไปทางด้ายข่างไม่ไปทิศทางไดทิศทางหนึ่ง ทำให้เกิดความไม่แน่นอน เทรดเดอร์หลายๆคนจะไม่ซื้อขายในภาวะตลาดSidewayเนื่องจากไม่รู้แนวโน้มราคา แต่เทรดเดอร์บางคนอาจจะทำกำไรจากความไม่แน่นอนของแนวโน้มได้จากแน้วรับแนวต้าน

    #แจกฟรีระบบเทรด

    ________________________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    ________________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    4 เทคนิคการตั้ง Stop loss

    ตุลาคม 4, 2022

    4 เทคนิคการตั้ง Stop loss ที่ควรใช้

    1. Equity stop เทคนิคนี้มาดูตัวที่เป็นพื้นฐานกันจริง ๆ ก่อน คือ Equity Stop หรือ จุดหยุดขาดทุนตามต้นทุน
    ซึ่งรู้จักกันอีกชื่อ คือเปอร์เซ็นต์ Stop เพราะว่า มันวัดจากขนาดของบัญชีของเทรดเดอร์ สมมุติว่า 2 % ซึ่งเทรดเดอร์อยากจะเสี่ยงในการเทรดเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงสามารถเป็นอะไรก็ได้แล้วแต่เทรดเดอร์ว่า อาจจะน้อยหน่อย หรือมากหน่อย ซึ่งอาจจะถึง 10 % ของบัญชีของพวกเขา หรือบางคนอาจจะใช้ 2 % จากเทรดเพียงหนึ่งครั้ง

    2. Volatility stop เทคนิคเพื่อให้มันฟังดูเข้าใจง่าย Volatility หรือความผันผวน นั้นคือความเคลื่อนไหวของตลาดที่อาจจะเคลื่อนไหวในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งได้การรู้ว่า ค่าเงินจะเคลื่อนไหวประมาณท่าไหร่จะช่วยคุณต้อง Stop Loss ได้อย่างถูกต้องและหลีเลี่ยงการถูก Stop loss ก่อนเวลาควรจะเป็นการใช้ Bollinger Band เพื่อให้คุณรู้ว่าตลาดนั้นผันผวนขนาดไหนซึ่งเหมาะกับการเทรดที่อาศัยการแกว่งตัวของราคา โดยการตั้งStop Loss นอกเส้น ถ้าราคาถึงจุดนั้นหมายความว่าความผันผวนเริ่มสูงและเราสามารถเล่นแบบเทรด Break out ได้

    3. Chart stop อีกเทคนิคที่ดีวิธีหนึ่ง คือการตั้ง Stop Loss ตาม สิ่งที่กราฟบอก เมื่อเราเทรดเราควรจะต้อง Stop loss ตามที่ตลาดบอกเรา พอเข้าใจไหม?
    สิ่งหนึ่งที่เรารู้คือพฤติกรรมราคา ซึ่งจะมีจุดที่ราคานั้นจะเคลื่อนไหวอยู่จุดใดจุดหนึ่งแน่นอนและบ่อยครั้งที่มันจะเคลื่อนไหวอยู่แถวแนวรับแนวต้าน หรือ มีการทดสอบแนวรับแนวต้าน บางครั้งก็
    อาจจะทะลุไปเฉย ๆการตั้ง Stop loss ให้ห่างจากแนวพวกนี้หน่อย จะเป็นการดีเพราะว่า ถ้าตลาดนั้นมีการเทรดอยู่ในพื้นที่นี้และเวลาที่มันเกิดจุด Break out จุดนั้นเทรดเดอร์ก็จะต้องปิดออร์เดอร์เพราะมีคนเข้ามาเทรดเพิ่มขึ้นทำให้ราคาเคลื่อนไหวตรงข้ามกับออร์เดอร์ของคุณ
    หรือ ถ้ามันเกิดจุด Break out มันอาจจะเกิดขึ้นทันทีทันใดในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง

    4. Time stop Time stops คือ คุณตัดสินใจไว้ก่อนว่า คุณจะออกจากการเทรดเวลาไหน ซึ่งสามารถตั้งเวลาได้เป็นวันเป็นสัปดาห์เป็นชั่วโมง

    #แจกฟรีระบบเทรด

    ________________________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    ________________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการเทรด forex ใน 4 ขั้นตอน

    ตุลาคม 3, 2022

    เริ่มต้นเทรด Forex ออนไลน์ สำหรับมือใหม่ที่หัดเทรด Forex คนไหนไม่รู้ว่าจะต้อง เริ่มเทรด Forex  อย่างไรดี ถึงจะเทรดเป็นเหมือนคนอื่นๆ เราขอแนะนำบทความนี้ ซึ่งภายในบทความนี้เราได้เขียนไว้เพื่อเป็นการแนะนำแนวทางในการเทรดให้กับมือใหม่ เพื่อเป็นแนวทางหรือไกด์ไลน์ให้แก่เพื่อนๆเหล่าเทรดเดอร์นั่นเอง  เทคนิคเริ่มต้นเทรด forex ง่ายๆ ใน 4 ขั้นตอน สำหรับใครที่สนใจจะเกร็งกำไรในตลาด forex แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เรามีแนวทางการเก็งกำไรง่ายๆทีล่ะขั้นตอนมาฝากทุกคน  สำหรับแนวทางใน การเริ่มต้นเทรด Forex ก็มีดังต่อไปนี้

    1. ศึกษาข้อมูลในระบบเทรดของ Forex การเริ่มต้นเทรด Forex ของมือใหม่ การศึกษาข้อมูลถือเป็นเรื่องที่ต้องทำอันดับแรก เพราะการศึกษาข้อมูลหรือการเรียนรู้เกี่ยวกับ Forex นั้นเป็นเหมือนการสร้างพื้นฐานเพื่อทำให้คุณเข้าใจระบบต่าง รายละเอียดที่หลากหลายในการลงทุน Forex ได้ อีกทั้งการเรียนการศึกษา Forex นั้นก็สามารถช่วยทำให้คุณมีความคิดในการเทรด Forex ได้ดีขึ้นอีกด้วย ดังนั้นการศึกษาข้อมูลในการเทรด Forex จึงเป็นเรื่องที่สำคัญไม่น้อย

     

    2. เปิดบัญชีเพื่อทำการเทรดกับโบรกเกอร์ Exness หรือ xm ในการลงทุนเพื่อเทรด Forex หากคุณมีเพียงแค่เงินในการลงทุนมันก็ยังไม่สามารถทำให้คุณเทรด Forex ได้ เพราะสิ่งที่จะทำให้คุณเทรด Forexได้นั่นก็คือ บัญชีเงินฝากที่เปิดกับโบรกเกอร์ เพราะตามปกติ บุคคลทั่วไปจะไม่สามารถเข้าไปเทรด Forex โดยตรงได้ มีเพียงธนาคารหรือสถาบันการเงินเท่านั้นที่เข้าไปเทรดโดยไม่ผ่านตัวกลางใดๆ แต่ในปัจจุบันโบรกเกอร์จะทำหน้าที่เป็นเหมือนแหล่งให้เรายืมเงินเพื่อนเข้าไปเทรดในตลาด Forex ได้นั่นเอง ซึ่งการเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ก็มีหลากหลายประเภท คุณจำเป็นที่จะต้องศึกษารายละเอียดของแต่ละบัญชีก่อนที่จะทำการเปิดบัญชี แต่ถ้าหากคุณไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ไหน เราขอแนะนำโบรกเกอร์ Exness โดยโบรกเกอร์ Exness นี้ถือได้ว่ามีรูปแบบต่างๆที่เหมาะสมกับมือใหม่อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องความปลอดภัยที่สูง เรื่องการฝากการถอนที่รวดเร็ว การบริการที่คอยดูแลผู้ใช้บริการอย่างดี ซึ่งถือว่าโบรกเกอร์ Exness เป็นโบรกเกอร์ที่ดีอันดับต้นๆของโลกอีกด้วยนั่นเอง

     

    3. ทดลองเทรดบนบัญชีทดลอง (Demo) ในการเริ่มต้นเทรด Forex ถึงแม้ว่าคุณจะมีทุนและบัญชีในการเทรดกับโบรกเกอร์แล้ว แต่นั่นก็ยังไม่พอที่จะทำให้คุณพร้อมในการเทรดในตลาด Forex สิ่งต่อมาที่คุณควรมีคือประสบการณ์เทรดโดยตรง ซึ่งคุณสามารถหาได้จากการเทรดบนบัญชีทดลอง (Demo) นั่น ซึ่งเราไม่แนะนำให้มือใหม่ไปเทรดบนบัญชีเงินจริงโดยไม่เคยเทรดบนบัญชีทดลอง (Demo) มาก่อน เพราะการที่คุณไปเทรดบนบัญชีเงินจริงๆเลยโดยที่ยังไม่มีประสบการณ์ที่มากพอ มันจะทำให้คุณขาดทุนในการเทรดได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งอาจะทำให้คุณล้างพอร์ตได้ง่ายๆ เพราะการเทรด Forex จริงๆแล้วมันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายแต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยาก เพราะตลาด Forex ความเสี่ยงสูงมาก จึงจำเป็นจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจ รวมถึงประสบการณ์ในการเทรดมาก่อน เพื่อที่จะทำให้คุณพร้อมในการเทรดบนบัญชีเงินจริงนั่นเอง

     

    4. เริ่มการลงทุนในตลาด Forex ด้วยการเทรดบนบัญชีจริง เมื่อคุณมีเงินทุน มีบัญชีที่เปิดกับโบรกเกอร์ และมีประสบการณ์จากการเทรดบนบัญชีทดลอง (Demo) มาพอสมควรแล้ว ก็ถึงเวลาที่คุณพร้อมแก่การเทรดบนบัญชีเงินจริง ซึ่งในการเทรดบนบัญชีเงินจริงก็แตกต่างจากการเทรดบนบัญชีทดลอง (Demo) อย่างแน่นอน เพราะการเทรดบนบัญชีเงินจริงนั้นจะมีเรื่องจิตวิทยามาเกี่ยวข้องอย่างมากเพราะจะเกิดความกดดันจากการเทรดที่คุณเสียเงินของคุณไปจริงๆ ซึ่งต่างกับการเทรดบนบัญชีทดลอง (Demo) เพราะการเทรดบนบัญชีดังกล่าวจะทำให้คุณไม่รู้สึกใดๆ เพราะคุณไม่ได้เทรดเสียเงินของคุณหรือได้เงินมาจริงๆ คุณเลยไม่รู้สึกถึงความกดดันบนบัญชีดังกล่าวนั่นเอง ดังนั้นแล้วการเทรดบนบัญชีเงินจริงคุณต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก โดยคุณจะต้องมีสติ มีเหตุผล และไม่โลภ เพื่อที่จะทำให้คุณสามารถเทรดได้กำไรอย่างต่อเนื่องบนบัญชีเงินจริงนั่นเอง

    ________________________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    ________________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    ตลาดกระทิงกับตลาดหมี: อะไรคือความแตกต่าง?

    ตุลาคม 3, 2022

    ตลาดกระทิงและตลาดหมีเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจโลกและเป็นสภาวะตลาดที่แตกต่างกัน ทั้งสองมีประโยชน์สำหรับนักลงทุนที่ซื้อขายในตลาดการเงิน เช่น ดัชนีหุ้น ตลาดซื้อขายสกุลเงินหรือพื้นที่สกุลเงินดิจิทัล ในเวลาเดียวกัน พวกเขาสามารถน่าตื่นเต้นและน่ากลัว แต่อะไรคือความแตกต่างระหว่างตลาดกระทิงและตลาดหมี?

    เป็นตลาดทั้งสองประเภทที่พบได้ทั่วไปในตลาดการเงินในช่วงวัฏจักรเศรษฐกิจ ตลาดกระทิงเกิดขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์ทางการเงินเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาที่ยั่งยืน ในทางกลับกัน ตลาดหมีเกิดขึ้นเมื่อราคาสินทรัพย์ลดลงในช่วงระยะเวลาหนึ่งที่ยั่งยืน

    โดยทั่วไปในตลาดกระทิง ผู้ค้าควรซื้อตราสารเพื่อทำเงินจากการเพิ่มขึ้นของราคา ในขณะที่ในตลาดหมี พวกเขาควรขายการถือครองตราสารของตนเพราะมีแนวโน้มว่าราคาจะลดลง

    คำว่า “กระทิง” และ “หมี” มาจากวัฒนธรรมอังกฤษสมัยก่อนซึ่งวัวกระทิงถือเป็นสัตว์ที่ทรงพลังซึ่งแสดงถึงการมองโลกในแง่ดี ในขณะที่หมีถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์เชิงลบเนื่องจากนิสัยการจำศีลซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการมองโลกในแง่ร้าย

    ลักษณะเฉพาะของประเภทตลาดกระทิงและตลาดหมีแตกต่างกันอย่างมาก และการพิจารณาความแตกต่างระหว่างตลาดกระทิงและตลาดหมีอาจเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ ในบทความนี้ เราจะแจกแจงทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับอารมณ์ขาขึ้นและขาลง

    ตลาดกระทิงคืออะไร?

    ตลาดกระทิงเป็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่โดดเด่นด้วยการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น เศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และ GDP ที่เพิ่มขึ้น (ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ) นี่คือสิ่งที่ตรงกันข้ามกับตลาดหมีซึ่งมีโอกาสในการทำงานน้อยกว่า เงินเดือนที่ต่ำกว่า และผลกำไรของบริษัทลดลงเนื่องจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น การเริ่มต้นของตลาดกระทิงอาจมองเห็นได้ยาก แต่โดยทั่วไปแล้ว ตลาดกระทิงจะเป็นไปตามช่วงเวลาของการชะลอตัวหรือภาวะถดถอยซึ่งราคาต่ำมาก

    เกิดอะไรขึ้นในตลาดกระทิง?

    เมื่อตลาดกระทิงกำลังเกิดขึ้น นักลงทุนมักมองในแง่ดีว่าราคาจะเพิ่มขึ้นอีก โดยจำนวนผู้ซื้อจะล้นหลามจำนวนผู้ขาย

    ตลาดหมีคืออะไร?

    ตลาดหมีเป็นภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่อาจส่งผลให้ราคาหุ้น คู่อัตราแลกเปลี่ยน สินค้าโภคภัณฑ์ และเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ ลดลงอย่างมาก สิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่ออัตราการว่างงานสูง ผู้คนถอนตัวจากกำลังแรงงานมากขึ้น ค่าจ้างที่ลดลง หรือผลกำไรของบริษัทที่ลดลงอันเนื่องมาจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น

    เกิดอะไรขึ้นในตลาดหมี?

    แนวโน้มขาลงมักจะยาวนานกว่าตลาดกระทิงที่มีระยะเวลาสั้นกว่า โดยจำนวนผู้ค้าขาลง (ผู้ขาย) ล้นหลามจำนวนผู้ค้าขาขึ้น (ผู้ซื้อ)

    ตลาดกระทิงและตลาดหมีแตกต่างกันอย่างไร?

    ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดระหว่างตลาดกระทิงและตลาดหมีสามารถสรุปได้ว่าเป็นความแตกต่างในมุมมองทิศทาง ตลาดกระทิงเป็นช่วงที่ราคาสูงขึ้นเนื่องจากความมั่นคง ในขณะที่ตลาดหมีมีความเกี่ยวข้องกับราคาที่ลดลงเนื่องจากความไม่เสถียร

    ตลาดขาขึ้นคือเมื่อราคาสูงขึ้นและตลาดขาลงตรงกันข้ามกับราคาที่ลดลง ความแตกต่างนี้สามารถเห็นได้เมื่อเวลาผ่านไปในแผนภูมิการซื้อขายประเภทต่างๆโดยที่เส้นหนึ่งจะสูงขึ้นในขณะที่อีกเส้นหนึ่งตกลง

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำว่า “กระทิง” และ “ตลาดหมี” อธิบายสถานะของตลาดที่เกี่ยวข้องกับทิศทางปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมีมูลค่าเพิ่มขึ้นหรือขยับขึ้น (แนวโน้มขึ้น) หรือสูญเสียมูลค่าเนื่องจากการเคลื่อนไหวของราคาลดลงหรือลดลงในมูลค่า (ขาลง)

    ตลาดหมีจะอยู่ได้นานแค่ไหน?

    ตลาดหมีอาจมีความยาวแตกต่างกันไป แต่สามารถอยู่ได้ตั้งแต่สองสามสัปดาห์ถึงเฉลี่ยสองปี ต้องใช้เวลานานกว่ามากในการฟื้นตัวจากตลาดหมีมากกว่าที่ตลาดกระทิงจะกลับทิศทาง เนื่องจากนักลงทุนและผู้ค้าต้องการเวลามากขึ้นก่อนที่จะทำการซื้อขายที่มีความเสี่ยงสูงอีกครั้ง

    ตลาดกระทิงจะอยู่ได้นานแค่ไหน?

    ตลาดกระทิงสามารถอยู่ได้นานถึงหกปีและบางครั้งก็นานกว่านั้นด้วยระยะเวลาเฉลี่ยห้าปี ตลาดกระทิงที่ยาวที่สุดกินเวลานานกว่า 10 ปี

    ตลาดกระทิงและตลาดหมีได้ชื่อมาอย่างไร?

    ตลาดกระทิงและตลาดหมีได้ชื่อมาจากลักษณะการเคลื่อนไหวของสัตว์เหล่านี้ต่อผู้คน

    ตลาดกระทิงเป็นตลาดที่แข็งแกร่งและทรงพลัง มีมูลค่าเพิ่มขึ้น เมื่อกระทิงโจมตี มันจะเริ่มจากจุดต่ำปัดขึ้นไปยังจุดสูงสุด ตลาดหมีดูราวกับว่ากำลังเคลื่อนลงจากจุดที่สูง โดยการโจมตีของหมีจะเลื่อนลงจากสูงไปต่ำ

    ลักษณะของตลาดกระทิงเทียบกับตลาดหมี

    ค้นพบความแตกต่างที่สำคัญระหว่างตลาดกระทิงและตลาดหมีด้านล่าง:

    ลักษณะตลาดกระทิง ลักษณะตลาดหมี
    เศรษฐกิจแข็งแกร่ง เศรษฐกิจอ่อนแอ
    ความเชื่อมั่นของตลาดในเชิงบวก ความเชื่อมั่นในตลาดเชิงลบ
    GDP ที่เพิ่มขึ้น GDP ลดลง
    ภาษีที่สูงขึ้นในช่วงเศรษฐกิจเฟื่องฟู ลดภาษีในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ
    อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า
    อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำกว่า
    อัตราการว่างงานลดลง อัตราการว่างงานที่สูงขึ้น
    ราคาน้ำมันมีเสถียรภาพ ราคาน้ำมันผันผวน
    อุปสงค์ที่แข็งแกร่งและอุปทานที่อ่อนแอของหลักทรัพย์ อุปสงค์ที่อ่อนแอและอุปทานที่แข็งแกร่งสำหรับหลักทรัพย์

    ตลาดจะเปลี่ยนจากตลาดหมีเป็นตลาดกระทิงเมื่อใด

    ตลาดเปลี่ยนจากตลาดหมีเป็นตลาดกระทิงเมื่อราคาที่ต่ำลงเริ่มสูงขึ้นและเริ่มมีแนวโน้มสูงขึ้น ตรงกันข้ามกับที่เป็นจริงเช่นกัน ตลาดจะเปลี่ยนจากตลาดกระทิงเป็นตลาดหมีหากแนวโน้มลดลงและลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเวลาผ่านไป เป็นหน้าที่ของเทรดเดอร์ที่จะรู้ว่ารูปแบบการซื้อขายแบบใด ที่เหมาะกับความต้องการการลงทุนของพวกเขามากที่สุดในแต่ละประเภทตลาด

    ตลาดหมีจะสิ้นสุดลงในที่สุดหลังจากเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ แรงกดดันที่มาจากผู้ขายในตลาดประเภทนี้จะผ่อนคลายและกลายเป็นขาขึ้นเมื่อหมีเริ่มหมดแรง แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสังเกตเห็นในขณะที่การเปลี่ยนแปลงกำลังเกิดขึ้น

    คุณสามารถทำกำไรทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลงได้หรือไม่?

    เป็นไปได้ที่จะทำกำไรทั้งในตลาดกระทิงและตลาดหมี แต่ต้องใช้กลยุทธ์การซื้อขายที่แตกต่างกัน

    ผู้ค้าBullishมักจะซื้อหุ้นเมื่อตลาดมีแนวโน้มสูงขึ้นและขายออกเมื่อมูลค่าเริ่มลดลง ซึ่งจะทำให้กำไรอยู่ในมือของพวกเขาในระหว่างช่วงขาขึ้น ปกตินักลงทุนขาลงมักจะทำตรงกันข้ามโดยการขายหุ้นหลังจากที่ราคาขึ้นแล้วซื้อเพิ่มเมื่อถึงจุดต่ำอีกครั้ง

    เมื่อทำการซื้อขายCFDเทรดเดอร์จะมีตัวเลือกในการซื้อหรือขาย ซึ่งหมายความว่า หากพวกเขาเชื่อว่าตลาดมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น พวกเขาก็สามารถเปิดตำแหน่งซื้อได้ หากพวกเขาคิดตรงกันข้าม และพวกเขาเชื่อว่าตลาดเป็นขาลง พวกเขาสามารถเปิดสถานะขายได้ สิ่งนี้ทำให้ผู้ค้ามีโอกาสทำกำไรทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลง

    ชาร์ตสั้นและยาว

    คุณจะซื้อขายในตลาดขาขึ้นและตลาดขาลงได้อย่างไร?

    เมื่อทำการซื้อขายในทิศทางของตลาดใดทิศทางหนึ่ง สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักถึงรูปแบบการกลับตัวและการกลับตัวของทั้งขาขึ้นและขาลง ความสามารถในการระบุรูปแบบการเคลื่อนไหวของราคาเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความได้เปรียบให้กับกลยุทธ์การซื้อขายของคุณและแสดงโอกาสที่เป็นไปได้ในตลาดที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง

    รูปแบบเหล่านี้บางส่วนรวมถึงbullish and bearish triangles, wedges, cup and handle, double top, double bottom and quasimodo.

    เรียนรู้เกี่ยวกับรูปแบบต่างๆ ของรูปแบบความต่อเนื่องและการกลับตัว และรูปแบบแท่งเทียนขา ขึ้นและขาลง เพื่อปรับปรุงความรู้ของคุณในการวิเคราะห์แผนภูมิ

    ผู้ค้าควรปฏิบัติตาม indicators ทางเทคนิค ที่แตกต่างกัน ระหว่างตลาดขาขึ้นและขาลง ตัวชี้วัดบางตัวรวมถึงเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ดัชนีเปอร์เซ็นต์ตลาดกระทิงและตลาดหมี และดัชนีความผันผวน (VIX)

    การใช้เครื่องมือการซื้อขายที่แตกต่างกันสำหรับตลาดประเภทต่างๆ

    ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคุณคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า ไม่ว่าคุณจะพยายามทำโครงการให้เสร็จที่บ้านหรือที่ทำงาน คุณมักจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีหากคุณใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับงาน

    เช่นเดียวกับการซื้อขายฟอเร็กซ์ การซื้อขายดัชนี การซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์และอื่นๆ

    คุณต้องมีระบบการซื้อขายแบบกระทิง (เครื่องมือที่เหมาะสม) เพื่อขี่ตลาดขาขึ้น และเช่นเดียวกันเมื่อตลาดกลายเป็นขาลง คุณต้องใช้ระบบตลาดหมีเพื่อจับแนวโน้มขาลง

    แม้ว่าสิ่งนี้อาจฟังดูง่ายพอและสิ่งเดียวที่ชัดเจนที่ต้องทำ แต่ความเป็นจริงอาจแตกต่างกันสำหรับผู้ค้าหลายราย คนส่วนใหญ่มักใช้เครื่องมือเดียว (และไม่ใช่เครื่องมือที่ถูกต้องเสมอไป) สำหรับงานทั้งหมด พวกเขาคิดว่าเครื่องมือเดียวสำหรับงานทุกประเภทจะได้ผล มันเหมือนกับการใช้ไดรเวอร์แทนพัตเตอร์เมื่อคุณพยายามเอาลูกกอล์ฟลงหลุมเมื่อคุณอยู่บนกรีน

    ทำไมคุณถึงต้องการเครื่องมือที่แตกต่างกันสำหรับตลาดประเภทต่างๆ?

    เมื่อพูดถึงการซื้อขายฟอเร็กซ์ คำถามคือทำไมผู้คนถึงใช้ระบบการซื้อขายเดียวกันแม้ว่าสภาวะตลาดจะเปลี่ยนไปและตลาดมีทิศทางใหม่?

    ก่อนที่เราจะพิจารณาประเภทตลาดที่แตกต่างกันและกลยุทธ์ที่คุณสามารถใช้สำหรับแต่ละประเภทได้ สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ควรทราบคือตลาดมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่แตกต่างกันอย่างน้อยสามทิศทาง: ขึ้น ลง และไปด้านข้าง

    และอย่างที่คุณทราบอยู่แล้วว่าแม้ในแนวโน้มขาขึ้นบางตลาดมักจะถอยกลับแล้วถอยกลับ การเคลื่อนไหวที่คล้ายคลึงกันอาจเกิดขึ้นได้ในช่วงขาลงเมื่อบางตลาดสามารถเด้งกลับขึ้นมาก่อนที่จะลดลงอีกครั้ง

    การรู้ว่าตลาดขยับขึ้น ลง และไปด้านข้างเป็นเครื่องบ่งชี้ที่ชัดเจนที่สุดว่าผู้ค้าต้องการระบบการซื้อขายที่แตกต่างกัน (เครื่องมือที่เหมาะสม) สำหรับประเภทตลาดที่แตกต่างกัน

    มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะยึดถือระบบการซื้อขายขาลงของคุณเมื่อตลาดเป็นขาขึ้นและในทางกลับกัน

    บทสรุป

    ท้ายที่สุด ตลาดมีแนวโน้มที่จะขยับขึ้น ลง หรือไปด้านข้าง จำไว้ว่าคุณต้องทำการปรับเปลี่ยนการซื้อขายของคุณและใช้เครื่องมือที่เหมาะสมเมื่อสภาวะเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลง

    ____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    7 กลยุทธ์การทำกำไรในการซื้อขาย Forex?

    ตุลาคม 3, 2022

    7 กลยุทธ์การทำกำไรในการซื้อขาย Forex?

    แม้ว่าผู้ค้าจำนวนมากจะไม่ทราบ แต่กลยุทธ์การทำกำไรเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการซื้อขาย การรู้ว่าเมื่อใดควรออกจากการซื้อขายเมื่ออยู่ในกรีนเป็นหนึ่งในวัตถุประสงค์ที่ยากขึ้นสำหรับผู้ค้าและนักลงทุนที่จะเข้าใจ

    นี่คือเหตุผลที่แน่นอนที่ผู้ค้ารายใหม่ควรเข้าใจว่ากลยุทธ์การทำกำไรคืออะไรและจะนำไปใช้ในการซื้อขายได้อย่างไร

    กลยุทธ์การทำกำไรใช้เพื่อกำหนดว่าเมื่อใดที่เทรดเดอร์ควรออกและรับผลกำไรหรือตัดขาดทุน เพื่อให้วิธีการเหล่านี้ประสบความสำเร็จ พวกเขาจะต้องจับคู่กับวิธีการจัดการความเสี่ยงอื่นๆ เช่นเทคนิคการปรับขนาดตำแหน่งซึ่งจะช่วยให้คุณติดตามได้ตลอดเส้นทางการซื้อขายของคุณ

    เราจะเจาะลึกว่ากลยุทธ์การทำกำไรคืออะไร และกลยุทธ์การทำกำไรที่ดีที่สุดบางส่วนสามารถช่วยคุณปรับปรุงการซื้อขายได้อย่างไร

    กลยุทธ์การทำกำไรคืออะไร?

    กลยุทธ์การทำกำไรเป็นกลยุทธ์ที่อธิบายว่าคุณจะคลายสถานะที่เปิดอยู่และเพิ่มผลกำไรสูงสุด จากตำแหน่งเหล่านั้นได้อย่างไร ผู้ค้าใช้กลยุทธ์การทำกำไรที่หลากหลายเพื่อให้ได้ผลลัพธ์นี้

    บางคนจะปิดตำแหน่งในคราวเดียว ในขณะที่คนอื่นๆจะมองเพื่อปิดตำแหน่งบางส่วน ในขณะที่มันเคลื่อนไปเพื่อประโยชน์ของพวกเขา ผู้ค้าบางรายมี แนวโน้มที่จะตั้งเป้าหมายทำกำไรตามการวิเคราะห์ทางเทคนิค ในขณะที่คนอื่น ๆ ใช้เป้าหมายคงที่ ( เช่น ในหน่วย pip หรือมูลค่า $) หรืออาจทำตามความรู้สึกของพวกเขา ( เช่น หากมีข่าวที่ส่งผลกระทบต่อตำแหน่งที่เปิดอยู่ )

    กลยุทธ์การทำกำไรในการซื้อขาย Forex?

    เมื่อคุณเข้าใจแล้วว่าเหตุใดกลยุทธ์การทำกำไรจึงมีความสำคัญมากในการนำไปใช้ในการซื้อขายของคุณเอง เจาะลึกกลยุทธ์การทำกำไรที่ดีที่สุดด้านล่าง

    1. เทรนด์หลังการออก

    พื้นฐานที่สุดของกลยุทธ์การซื้อขายทั้งหมดเกี่ยวกับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ เนื่องจากอินดิเคเตอร์ถูกสร้างขึ้น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่จึงเป็นหนึ่งในวิธีการเข้าและออกจากตลาดที่ใช้บ่อยที่สุด

    การใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สำหรับทางออกของคุณมีข้อดีคือความเรียบง่าย และหากคุณชอบการออกที่ไม่ต้องใช้เวลามาก การออกค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่จะจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในทางออกที่ดีที่สุด

    การออกจากค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่จะใช้ได้ดีที่สุดในตลาดที่มีแนวโน้ม

    5 และ 20 ช่วงเวลาของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบธรรมดา

    ดังที่คุณเห็นใน แผนภูมิ ด้านบน US500 มีแนวโน้มที่แข็งแกร่งในช่วงตลาดกระทิงในครึ่งปีแรกของปี 2021
    การออกจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ช่วง 5 และ 20 นั้นง่ายอย่างที่ควรจะเป็น คุณรอช่วงที่ 5 (เส้นสีน้ำเงิน) ข้ามช่วง 20 (เส้นสีแดง) เพื่อส่งสัญญาณออกของคุณ

    ดังที่คุณเห็นจาก แผนภูมิ ด้านบน มันจะให้การวิ่งที่ดีใน US500 ทำให้คุณมีโอกาสที่ยอดเยี่ยมในการทำ กำไร

    แผนภูมิด้านบนแสดงระยะเวลาการรวมบัญชีของ AUD/USD เมื่อรูปแบบการออกนี้ ‘เร็ว’ ซึ่งหมายความว่าคุณได้รับสัญญาณออกบ่อยขึ้นเนื่องจากไม่มีแนวโน้มเกิดขึ้น

    และหากคุณใช้สัญญาณเดียวกันเพื่อเข้าสู่การเทรด คุณก็จะถูกสับเข้าและออก ส่งผลให้เกิดการขาดทุนเล็กน้อยและการเทรดที่คุ้มทุน

    2. ATR ต่อท้ายหยุด

    ATR ย่อมาจาก Average True Range ทางออก ATR คำนึงถึงความผันผวนของตราสารที่คุณกำลังซื้อขายในขณะนั้น

    เมื่อคู่ FX มีความผันผวน มันสมเหตุสมผลแล้วที่คุณต้องให้พื้นที่ทางออกของคุณมากขึ้นเพื่อย้าย

    ในทางกลับกัน เมื่อคู่ FX มีความผันผวนน้อยกว่า การหยุดที่ใกล้จะได้ผลดีกว่า ช่วยให้คุณคืนกำไรที่เปิดน้อยลง

    แนวโน้มหลังจากหยุด ATR จะกำหนดทางออกที่ 2-3 ของ ATR รายวันจากจุดต่ำสุดของวัน ดังนั้น หาก ATR หนึ่งเป็น 30pips การหยุดการขาดทุน 2ATR จะตามหลังการสูญเสียของวันไป 60 pip (2x 30 pips)
    การหยุด ATR ระยะสั้นจะกำหนดทางออกที่ประมาณ 1.5xATR จากระดับต่ำสุดของวัน

    ดังที่คุณเห็นในแผนภูมิทองคำด้านบน ATR ตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 ถึงกลางเดือนสิงหาคม 2564 อยู่ในช่วง 17.70 ถึง 31.37

    ซึ่งหมายความว่าในช่วงที่มีความผันผวนสูงสุด (ในช่วงเวลานี้) ทองคำเคลื่อนไหวที่ประมาณ 31 ดอลลาร์ต่อวัน

    ประโยชน์หลักของทางออกนี้คือ คุณใช้ ATR เพื่อกำหนดทางออก ดังนั้นคุณจึงลดโอกาสที่จะได้รับทางออกก่อนเวลาอันควร

    หากคุณกำหนดทางออกไว้ที่ $10 ในช่วงเวลาที่มีความผันผวนสูง โอกาสที่คุณจะโดนหลอกจากการค้าขายของคุณจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก

    ความงามของทางออกนี้คือ ATR จะถูกคำนวณโดยอัตโนมัติสำหรับคุณทุกวัน และคุณสามารถใช้ข้อมูลนั้นเพื่อปรับทางออกของคุณให้เหมาะสม

    3. ใช้แนวรับและแนวต้านในการออก

    ทางออกอื่นที่คุณสามารถใช้ได้คือการกำหนดเป้าหมายกำไรตามแนวรับและแนวต้าน

    หากคุณสังเกตเห็นคู่ FX ดัชนีหรือสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีขอบเขตจำกัด คุณอาจต้องการใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวโดยการซื้อจุดอ่อนที่ด้านล่างของช่วงและขายที่ด้านบนของช่วง

    แผนภูมิด้าน บนเน้นช่วงที่มีขอบเขตเป็น NZD/CAD ซึ่งคู่สกุลเงินรวมกันภายในช่วง 300  pips หากคุณกำลังซื้อจุดอ่อนจากแนวรับ คุณสามารถตั้งค่าจุด ขายทำ  กำไรก่อนระดับแนวต้านสำคัญ 0.89

    สมมติว่าคุณได้รับสัญญาณเข้าก่อนระดับแนวรับ 0.86 คุณอาจกำหนดระดับการทำกำไรก่อน 0.89

    4. การใช้สัญญาณ Divergence เพื่อออกจากตำแหน่งของคุณ

    Divergence เป็นหนึ่งในสัญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดที่คุณจะได้รับเมื่อทำการซื้อขายตราสารใดๆ คุณมีทั้งขาขึ้นและขาลง

    Bullish divergence คือเมื่อราคาแตะจุดต่ำสุดที่ต่ำกว่า แต่ indicator ทางเทคนิค ของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง oscillator เช่น stochastic หรือ RSI จะทำให้ราคาสูงขึ้น

    สมมติว่าคุณซื้อ USD/CHF จากจุดต่ำสุดในเดือนธันวาคม 2020

    แต่กลางเดือนมีนาคม คุณสังเกตเห็นความแตกต่างของ RSI ในกราฟรายวัน

    ในกรณีนี้ คุณสามารถออกจากการซื้อขายโดยพิจารณาจากความแตกต่างของตลาดหมีและก่อนที่การปรับฐานจะเพิ่มโมเมนตัม

    5. Time-based exits

    การเทรดที่ดีมักจะเริ่มทำงานเพื่อคุณอย่างรวดเร็ว ในทางกลับกัน การซื้อขายบางรายการจะลอยอยู่และไม่ทำอะไรเลยเป็นระยะเวลานาน

    สำหรับผู้ซื้อขายระหว่างวัน การออกตามเวลาของคุณอาจใช้เวลาเพียง 10 นาที ในขณะที่ผู้ค้าที่สิ้นสุดวันอาจอนุญาตให้มีการเคลื่อนไหวด้านข้างเป็นเวลาห้าวันก่อนที่จะออก คุณต้องดำเนินการออกตามเวลาตามกรอบเวลาการซื้อขายของคุณ

    กราฟเงินรายชั่วโมง ด้านบนแสดงระยะเวลาการรวมบัญชี ซึ่งคงจะเจ็บปวดมากหากต้องผ่านสำหรับ เทรดเดอร์ ระยะสั้น

    6. แท่งเทียนออก

    มีการออกแท่งเทียนจำนวนหนึ่งที่คุณสามารถเพิ่มลงในกลยุทธ์การซื้อขายของคุณได้ และส่วนใหญ่มีชื่อที่น่าสนใจ

    ผู้ที่ต้องการอยู่ในการค้าขายหลังจาก ‘dark cloud cover’ หรือ ‘รูปแบบ bearish engulfing’ แค่ชื่ออย่างเดียวก็น่าจะเพียงพอที่จะส่งสัญญาณเตือนว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง

    เป้าหมายของคุณที่นี่คือการทำความคุ้นเคยกับรูปแบบแท่งเทียน ทั้งหมด และทดสอบเพื่อดูว่ารูปแบบใดเหมาะกับระบบการซื้อขายและกรอบเวลาของคุณ

    แผนภูมิด้านบนแสดงรูปแบบ bearish engulfing ซึ่งเป็นที่ที่แท่งเทียนสีเขียวก่อนหน้าถูกกลืนโดยแท่งเทียนสีแดงที่ใหญ่กว่ามาก ยิ่งแท่งเทียนที่ 2 นานขึ้น (วันที่ลดลง) ยิ่งมีโอกาสขายออกมากขึ้นเท่านั้น

    7. Fundamental exits

    เมื่อรายการข่าวสำคัญเข้าสู่ตลาดการเงินซึ่งสร้างความตื่นตระหนกต่อเศรษฐกิจ คุณอาจออกจากตำแหน่งได้ดีที่สุด

    มีเหตุการณ์ข่าวพื้นฐานมากมายที่อาจมีความสำคัญ แต่ไม่มีใครยิ่งใหญ่ไปกว่าผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่มีใครคาดหวัง เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2559 ทรัมป์ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดี

    อย่างที่คุณเห็น Dow Jones พุ่งขึ้น 9100 จุดในเวลาเพียงหนึ่งปีหลังจากข่าวพื้นฐานสำคัญนี้ หากคุณไม่เห็นด้วยกับข่าวนี้ จะเป็นการฉลาดมาก (เมื่อมองย้อนกลับไป) ที่จะออกจากตำแหน่งของคุณทันที

    เหตุการณ์ข่าวพื้นฐานอื่นๆ ที่คุณอาจต้องการพิจารณาเมื่อทำการซื้อขายในตลาด ได้แก่:

    • ผล NFP และข้อมูลการว่างงานทั้งหมด
    • การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง
    • ตัวเลขจีดีพี
    • ข้อมูลเงินเฟ้อ (CPI)
    • การประชุม FOMC และ ECB

    กลยุทธ์การทำกำไรที่ดีที่สุดคืออะไร?

    ไม่มีกลยุทธ์การทำกำไรแบบใดแบบหนึ่งที่ดีไปกว่าส่วนที่เหลือ มันขึ้นอยู่กับแผนและกลยุทธ์การซื้อขายของคุณ เราได้ระบุการออกจากการทำกำไรที่ใช้บ่อยที่สุดข้างต้น และแนะนำให้ทดลองใช้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

    ____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    การซื้อขาย forex algorithmic คืออะไร?

    ตุลาคม 3, 2022

    เมื่อคุณเพิ่งเริ่มซื้อขายซอฟต์แวร์การซื้อขายแบบ algorithmic ไม่น่าจะเป็นหนึ่งในสิ่งแรกๆ ที่คุณนึกไม่ถึง แต่การซื้อขายแบบ algo เป็นสิ่งสำคัญไม่ต้องพูดถึงว่ามีประโยชน์มาก เป็นส่วนหนึ่งของการซื้อขาย

    การเทรดด้วย forex algorithmic หรือการเทรดโดยใช้ algorithmic คือกระบวนการดำเนินการซื้อขายโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและดำเนินการตามคำสั่งในตลาดฟอเร็กซ์ ผู้ค้า algorithmic พึ่งพาวิธีการเชิงปริมาณ เช่น การวิเคราะห์ทางเทคนิคสำหรับการตัดสินใจของพวกเขา

    การซื้อขาย forex algorithmic คืออะไรและทำงานอย่างไร ประโยชน์และความเสี่ยงของการซื้อขาย algo รวมถึงกลยุทธ์การซื้อขาย forex algorithmic ทั่วไปที่ ใช้ในตลาด

    การซื้อขาย forex algorithmic คืออะไร?

    แนวคิดของการซื้อขาย algorithmic (บางครั้งเรียกว่าการซื้อขาย algo) มีความตรงไปตรงมาพอสมควร มันเป็นเพียงวิธีการทางเทคนิคในการอ้างอิงถึงรูปแบบการซื้อขายอัตโนมัติ algorithmicเดียวเป็นเพียงชุดของกฎทางคณิตศาสตร์ที่โปรแกรมคอมพิวเตอร์ปฏิบัติตามเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะ เมื่อนำไปใช้กับการซื้อขายฟอเร็กซ์ ปัญหาเหล่านั้นมักจะเน้นที่การผสมผสานของราคา เวลา และปริมาณ

    เมื่อแบ่งออกเป็นส่วนๆ algorithmic จะถูกทำเครื่องหมายโดยพื้นฐานโดยจุดเริ่มต้น จุดออก และระหว่างเหล่านั้น ชุดของกฎหรือการดำเนินการต่างๆ เกี่ยวกับการกำหนดความเสี่ยง สิ่งเหล่านี้สามารถเรียบง่ายหรือซับซ้อนได้ตามที่บุคคลที่เขียนโปรแกรมต้องการให้เป็น แม้ว่าโดยทั่วไปแล้ว สิ่งเหล่านี้จะซับซ้อน

    ตัวอย่างเช่น คุณอาจต้องการ algorithmic ที่สแกนตลาด ซื้อสกุลเงินจำนวนหนึ่งในราคาใดราคาหนึ่ง และขายที่อื่น เมื่อเขียนชุดกฎสำหรับ algorithmic นั้น คุณสามารถเลือกให้เกณฑ์ของคุณอิงตามการเคลื่อนไหวของราคาแบบดั้งเดิมเท่านั้น แต่มีแนวโน้มมากกว่านั้น คุณอาจต้องการพิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่ซับซ้อนและเชื่อมโยงถึงกันมากขึ้น ซึ่งรวมถึงอัตราส่วนกำไร/ขาดทุน ข้อมูลในอดีต แนวโน้ม และแม้แต่ข่าวด่วน

    ปัจจัยสนับสนุนทั้งหมดเหล่านี้ได้รับการประเมินภายในสภาพแวดล้อมที่สภาวะต่างๆ มีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง และมักจะเคลื่อนที่เร็วมาก และในนั้น algorithmic ที่ได้เปรียบอย่างมากมีมากกว่าผู้ค้าที่เป็นมนุษย์: ขนาดและความเร็ว

    algorithmic ไม่ได้ทำงานทีละอย่างเท่านั้น คุณสามารถเรียกใช้ได้หลายร้อยรายการพร้อมกัน ให้คุณครอบคลุมตำแหน่งต่างๆ มากมาย และติดตามกลยุทธ์ที่หลากหลายได้ในเวลาเดียวกัน แม้แต่ในบัญชีที่แยกจากกัน สำหรับคนที่ใช้อัลกอริธึม ความเป็นไปได้ของสิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้นั้นดูไร้ขอบเขต

    การซื้อขายอัลกอริทึม MetaTrader 4

    กลยุทธ์การซื้อขาย Forex algorithmic

    รายการด้านล่างนี้คือกลยุทธ์การซื้อขายแลกเปลี่ยน algorithmic ทั่วไปและวิธีเพิ่มเติมบางประการในการใช้ algorithmic ในการเดินทางสู่การซื้อขายอัตโนมัติของคุณ

    Forex scalping

    Forex scalping เป็นกลยุทธ์ที่ผู้ค้าพยายามทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคาเล็กน้อยที่อาจเกิดขึ้นภายในไม่กี่วินาที การซื้อขาย Algo อาจเหมาะสมเป็นพิเศษสำหรับการซื้อขายประเภทนี้ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการเปิดการซื้อขายจำนวนมากต่อวัน และสามารถปรับปรุงความเร็วในการดำเนินการได้อย่างมากเมื่อเทียบกับการซื้อขายด้วยตนเอง

    กลยุทธ์เทรนด์

    กลยุทธ์แนวโน้มเกี่ยวข้องกับการซื้อขายในทิศทางของแนวโน้ม เช่น การซื้อเมื่อสินทรัพย์อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น หรือการขายเมื่อสินทรัพย์อยู่ในแนวโน้มขาลง

    การซื้อขายแบบโมเมนตัม

    การซื้อขายแบบโมเมนตัมเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การซื้อขายระยะสั้นที่เป็นที่นิยม ในขณะที่ผู้ค้าตามเทรนด์มักจะพยายาม “ซื้อต่ำ ขายสูง” ผู้ค้าที่มีโมเมนตัมกำลังไล่ตามโมเมนตัม นั่นคือ “ซื้อสูงและขายให้สูงขึ้น” ตัวอย่างเช่น EUR/USD อาจเข้าใกล้แนวต้านสำคัญที่ 1.20 หากคู่สกุลเงินสามารถทะลุระดับนี้ได้ โมเมนตัมอาจเริ่มสร้างเมื่อมีการหยุดและผู้ค้าเริ่มซื้อโดยคาดว่าแนวโน้มขาขึ้นจะดำเนินต่อไป

    การซื้อขายข่าว

    หากคุณติดตามการประชุมของธนาคารกลางหรือข่าวประชาสัมพันธ์ที่สำคัญ คุณจะสังเกตเห็นว่าความผันผวนเพิ่มขึ้นอย่างมากและราคาเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน การซื้อขายด้วยตนเองเกิดขึ้นน้อยมากในช่วงเวลานี้ เนื่องจากผู้ค้าสถาบันส่วนใหญ่จะมี algorithmic ในการซื้อขายระหว่างเหตุการณ์ดังกล่าว

    การซื้อขายเก็งกำไร

    การซื้อขายเก็งกำไรเกี่ยวข้องกับการค้นหาความไม่สมดุลของราคาและการทำกำไรจากส่วนต่างของราคา ความแตกต่างของราคาเหล่านั้นอาจมีน้อยมากและโอกาสก็หายไปอย่างรวดเร็ว

    กลยุทธ์การซื้อขาย algorithmic เพิ่มเติม:

    • สถิติ
    • การซื้อขายความถี่สูง
    • ป้องกันความเสี่ยงอัตโนมัติ
    • ราคาเฉลี่ย/การพลิกกลับเฉลี่ย
    • ระบบตามความเชื่อมั่นของตลาด
    • ระบบการค้าภูเขาน้ำแข็ง
    • กลยุทธ์การเคลื่อนไหวของราคา
    • กลยุทธ์การผสมผสาน
    • กลยุทธ์การดำเนินการ algorithmic
    • การเข้าถึงตลาดโดยตร

    ประโยชน์ของการซื้อขาย algorithmic คืออะไร?

    การซื้อขาย algorithmic มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา และมีประโยชน์ที่ชัดเจนบางประการที่สามารถช่วยให้กลยุทธ์การซื้อขายของคุณ:

    • การซื้อขาย Algo ตัดอารมณ์จากการซื้อขาย
    • สามารถใช้เป็นเครื่องมือกระจายความเสี่ยง เช่น คุณอาจใช้บัญชีซื้อขายที่สองที่คุณซื้อขายด้วยตนเองเท่านั้น
    • สามารถช่วยให้คุณสร้างความสม่ำเสมอได้
    • การซื้อขาย algorithmic สามารถปรับปรุงการดำเนินการซื้อขายของคุณได้
    • ด้วยการซื้อขาย algo การทดสอบย้อนกลับเป็นเรื่องง่าย เนื่องจากคุณสามารถเรียกใช้อัลกอริทึมตามข้อมูลที่ผ่านมาและประเมินประสิทธิภาพที่ผ่านมาได้ นี่เป็นเรื่องยากมากสำหรับการซื้อขายตามดุลยพินิจ เนื่องจากมีสถานการณ์มากมายไม่รู้จบ

    อะไรคือความเสี่ยงของการใช้ algorithmic การซื้อขายใน forex?

    แม้ว่าการซื้อขาย algorithmic จะมีประโยชน์อย่างแน่นอน แต่ก็มีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องด้วย Algos ทำงานด้วยความเร็วสูง ซึ่งหมายความว่าข้อบกพร่องอาจนำไปสู่การขาดทุนจากการซื้อขายที่โดดเด่นภายในระยะเวลาอันสั้น

    นอกจากนี้ คุณยังใช้ algorithmic ในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และอาจพบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่คุณไม่สามารถควบคุมได้ชั่วคราว

    algorithmic ทำงานตามกฎ การขจัดอารมณ์ออกจากการซื้อขายอาจเป็นสิ่งที่ดี แต่ความจริงแล้วสัญชาตญาณหรือ “ความรู้สึกนึกคิด” มีบทบาทในการซื้อขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณใช้เวลาเป็นจำนวนมากในการติดตามตลาด Algos จะไม่มีข้อได้เปรียบนี้

    นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลว่า algorithmic และการซื้อขาย HFT มีส่วนทำให้เกิดการล่มของแฟลชเพิ่มขึ้น เราพูดถึงความผิดพลาดอย่างรวดเร็วเมื่อราคาของสินทรัพย์ลดลงอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาอันสั้นและฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

    อะไรคือความแตกต่างระหว่างการซื้อขายอัตโนมัติและการซื้อขาย algorithmic?

    การซื้อขายอัตโนมัติ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำให้กระบวนการซื้อขายทั้งหมดเป็นไปโดยอัตโนมัติ ซึ่งหมายความว่าระบบการซื้อขายอัตโนมัติจะเข้าควบคุมกระบวนการทั้งหมดตั้งแต่การคัดกรองโอกาสในเครื่องมือทางการเงินต่างๆ ไปจนถึงการตัดสินใจซื้อ/ขาย

    ในขณะที่การซื้อขาย algorithmic มุ่งเน้นไปที่กระบวนการดำเนินการซื้อขาย

    ____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    Free margin คืออะไร

    ตุลาคม 3, 2022

    Free margin คืออะไร

    Free margin คือ เงินทุนสำรองที่เหลือจาก margin และสามารถใช้เปิดออร์เดอร์สำหรับเทรด forex ได้ หรือเข้าใจกันง่ายๆ ก็คือ ความสามารถก่อหนี้ของบัญชีของเรานั่นเอง ท่านสามารถรองรับความเสี่ยงได้เท่าไหร่ ในการใช้งาน Free margin Margin จะเท่ากับ 0 ส่วน Free margin จะมีค่าเท่ากับ Balance ของเรา Free margin มีข้อดี อยู่ตรงที่ว่า มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ถ้าหากได้กำไร จำนวน margin ก็จะถูกบวกเพิ่มตามผลกำไรที่ได้ และสามารถขายออกไปได้ตลอดเวลา จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการทำกำไร สำหรับนักลงทุน เป็นการเพิ่มมูลค่าในการลงทุนให้กับพอร์ตFree margin สำคัญกับตลาด Forex เป็นอย่างมาก เพราะถือเป็นเงินทุนในบัญชี margin ที่สามารถเปิดสัญญา เปิดออร์เดอร์สำหรับเทรด Forex ได้ โดยที่สามารถซื้อขายได้ตลอดเวลา หากนักลงทุนต้องการเปลี่ยนทิศทางของบัญชีตัวเองข้อเสียของ Free marginทุนของคุณกำลังติดลบ Free marginก็จะลดลงไปเรื่อยๆ และหากปล่อยให้หมดไปเลย คุณก็จะหมดโอกาสในการทำกำไร เพราะการซื้อของคุณจะถูกปิดทันที หรือถ้าหากฟื้นตัวได้ ก็ยากที่จะทำกำไรได้

    #แจกฟรีระบบเทรด

    ____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    ตลาดกระทิง และ ตลาดหมี คืออะไร?

    กันยายน 30, 2022

    ตลาดกระทิง และ ตลาดหมี คืออะไร?
    บอกอะไรเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก
    .
    ตลาดกระทิง (Bullish) คือ ตลาดที่อยู่ในแนวโน้มเป็นขาขึ้น โดยกราฟมีลักษณะปรับตัวพุ่งขึ้นสูงอย่างเห็นได้ชัด เปรียบเทียบได้กับกระทิงเวลาสู้ที่จะขวิดขึ้น ตลาดกระทิงมักเกิดขึ้น ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจดี ตัวเลข GDP เติบโตน่าพอใจ การลงทุนของธุรกิจและบริษัทต่าง ๆ ขยายตัวขึ้น อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่ดี น่าลงทุน อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่ควบคุมได้ อัตราการว่างงานต่ำ เป็นช่วงเวลาที่สินทรัพย์ทางการเงินมีมูลค่าเพิ่มขึ้นพร้อมกับราคาที่สูงขึ้น

    ตลาดหมี (Bear Market) คือ ตลาดที่อยู่ในแนวโน้มเป็นขาลโดยกราฟมีลักษณะปรับตัวต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด เปรียบเทียบได้กับหมีเวลาสู้ที่จะตะปบลง ตลาดหมีมักเกิดขึ้น ในช่วงเวลาที่สภาพเศรษฐกิจตกต่ำชะลอตัว อัตราเงินเฟ้อสูง ไม่สามารถควบคุมอัตราดอกเบี้ยได้ และอัตราการว่างงานสูง กำไรผลประกอบการของธุรกิจน้อยลงเป็นช่วงเวลาที่สินทรัพย์ทางการเงินเสื่อมมูลค่าด้วยราคาที่ลดลง

    ________________________

    หากคุณกำลังเจอปัญหา

    ?ไม่มีเวลาในการเทรด
    ?เทรดแล้วแต่ก็ยังไม่ได้กำไร
    ?บริหารพอร์ตไม่เป็น ออกลอตไม่ถูก
    ?จัดการอารมณ์ระหว่างเทรดไม่ได้
    สำหรับใครไม่มีเวลาเฝ้ากราฟ เทรดได้ๆเสียๆ พอร์ตแตกบ่อย ต้องการตัวช่วยดีๆในการเทรดสามารถติดต่อรับระบบเทรดได้ฟรี

    ?รับระบบเทรดฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายสักบาท
    เพียงเปิดบัญชีเทรดต่อที่ทาง FTT
    .

    ?เทรดยังไม่เป็น หรือยังไม่เก่ง
    ?อยากเทรดแต่ไม่มีคอม
    ?อยากเทรดแต่ติดตั้ง EA ไม่เป็น
    ?อยากเทรดแต่ไม่สะดวกเฝ้ากราฟเอง
    ทางเรามีทางออกให้คุณ ด่วน❗❗
    .

    ? เปิดบัญชีและเติมเงินเขาบัญชีเทรดเริ่ม $50
    เข้ากลุ่มไลน์ VIP ผู้ใช้ระบบเทรดทันที*

    รับโบนัสเงินฝาก และ รับระบบเทรดเปิดบัญชี ? https://bit.ly/GMI-TH

    สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    ________________________

    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    https://clicks.pipaffiliates.com/c?c=488188&l=th&p=1

    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    https://bit.ly/ExnessCom

    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด
    ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    รหัส IB GMP28407
    _____________________________________________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    ระบเทรดเทรด FOREX มีข้อดีดีอะไรบ้าง?

    กันยายน 30, 2022

    ทำไมพวกเขาถึงเทรดค่าเงิน? 

    ระบบเทรดฟอร์เร็กมีข้อดีหลายอย่าง ข้างล่างนี้ป็นเหตผุลเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ตอบคำถามว่าทำไมคนส่วนใหญ่ ถึงเลือกเทรดฟอร์เร็กซ์กัน

    ข้อดีของระบบเทรด Forex 

    1. ไม่มี commission (ค่านายหน้า) ไม่มีค่าธรรมเนียมในการส่งคำสั่งซื้อขาย ไม่มีค่าธรรมเนียมในการแลกเปลี่ยนค่าเงิน ไม่มีค่าธรรมเนียมที่เก็บจากภาครัฐ ไม่มีค่าธรรมเนียมที่คิดโดยโบรกเกอร์ ซึ่งโบรกเกอร์เหล่านั้นจะได้ผลตอบแทนจากส่วนต่างของราคา ที่เรียกว่า Bid กบั Ask หรือเรียกอีก อย่างว่า Spread นั่นเอง
    2. ไม่มีคนกลาง การเทรด Spot คา่เงินนนั้จะไม่มีการผ่านคนกลาง ซึ่งทำให้คุณสามารถเทรด โดยตรงกับตลาดตามราคาจริงของค่าเงินนั้นๆ
    3. ไม่มีการกำหนด Lot หรือ Size ในตลาดฟิวเจอร์ lot หรือวา่ Size ของสัญญาการซื้อขายขึ้นอยู่ กับการแลกเปลี่ยนของตัวเครื่องมือนนั้น ๆ เช่น size มาตรฐานของสัญญาฟิวเจอร์เงิน คือ 5000 ออนซ์ ในตลาดฟอร์เร็ก คุณสามารถส่งคำสั่งได้ตามใจคุณ ซึ่งเหตผุลนี้ทำให้เทรดเดอร์สามารถเข้าเทรดในตลาดได้ด้วยเงินเพียง 250 เหรียญ (แม้ว่าเราจะบอกว่าการเทรดด้วยเงิน 250 เหรียญ เลวร้ายยังไง)
    4.  ต้นทุนการส่งค่าสั่งต่ำการส่งคำสั่ง( Bid/Ask หรือ Spread) ซึ่งน้อยกว่า 0.1 เปอร์เซ็นต์ตามเงื่อนไขของตลาด สำหรับโบรกเกอร์ใหญ่ๆ Spread อาจจะน้อยถึง .07 เปอร์เซ็นต์ เลย ซึ่งทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับ Leverage ที่คุณใช้ 
    5. ตลาดที่เปิดตลอด 24 ช่ัวโมง เราไม่ต้องรอให้มีคนมาสั่นกระดิ่งเปิดตลาด ตลาดเริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ตอนเย็น จนถึง วันศกุร์ตอนกลางวัน (เวลา สหรัฐฯ บ้านเราเริ่ม ตีห้าของวนัจนัทร์ – ตีสี่ของ วันเสาร์) ตลาดฟอร์เร็กซ์นั้นไม่เคยหลับ ซึี่งเหมาะกับคนที่เทรดเป็นงานเสริม เพราะวา่คุณสามารถ เลือกได้ว่าคุณอยากเทรดเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน
    6. ไม่มีใครสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของตลาดได้ ตลาดเทรดค่าเงินเป็นตลาดที่ใหญ่มาก และมีนักเทรดมากมายหลายระดับอยู่ในตลาดซึ่งไม่มีใคร(แม้แต่ธนาคารกลาง) ที่จะสามารถ ควบคุมราคาให้เคลื่อนไหวไปตามความต้องการของเขาได้
    7. Leverage (คาน) ในระบบเทรดฟอร์เร็กซ์ แม้ว่าเราจะฝากเงินเข้าเพียงน้อยนิด แต่เราก็สามารถถือ ครองสัญญาที่มีขนาดใหญ่กว่าเงินในบัญชีของเราได้ Leverage ให้เทรดเดอร์สามารถท ำกำไรได้ ในขณะที่มีความเสี่ยงของเงินทนุต่ำตวอย่าง โบรกเกอร์หนึ่งอนญุาตให้เราใช้ leverage 1:200 นั่นหมายถึงว่า ถ้าเรามีเงินมาร์จิิ้น 50 ดอลล่าร์ แต่ว่าทำให้ให้เทรดเดอร์ ซื้อหรือขายสัญญามูลค่า 10,000 เหรียญได้ เช่นเดียวกัน ถ้าเรามีมาร์จิิ้นอยู่ 500 เหรียญ เราก็สามารถเทรดสัญญามูลค่า 100,000 เหรียญ ได้เช่นกันแต่ว่า Leverage ก็เหมือนดาบสองคม ถ้าเราไม่มีการจัดการความเสี่ยงที่ดี การใช้ Leverage สูงจะทำให้เราขาดทนุหรือกำไรมหาศาลได้เหมือนกัน
    8. มีสภาพคล่องสูง เพราะว่าตลาดฟอร์เร็กซ์เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่มาก ซึ่งทำให้มีสภาพคล่องสูงเช่นกัน นั่นหมายถึงว่า ภายใต้สภาวะตลาดปกติเมื่อคุณคลิกเม้าส์ ส่งออร์เดอร์ คณุจะสามารถ ส่งคำสั่งได้ทันที คุณจะไม่ติดขัดในการเทรด ไม่ว่าคุณจะให้เปิดออร์เดอร์แบบอัตโนมัติเมื่อถึง ราคาที่กำหนด(Limit order) หรือ ให้ปิดออร์เดอร์อัตโนมัติถ้าราคาไม่ได้เป็นไปอย่างที่คุณคิด(Stop loss order)
    9. มีบัญชีเทรด Demo, ข่าว , กราฟ และ บทวิเคราะห์บริการให้ โบรคเกอร์ออนไลน์ส่วนใหญ่ จะมีบัญชี demo ให้ใช้ในการฝึกเทรด พร้อมกับบริการขา่ว และกราฟ รวมอย่ใูนโปรแกรมเทรด โดยไม่มีคา่ใช้จ่ายใด ๆ สิ่งเหลา่นี้เป็นข้อมูลที่คุณค่าสำหรับนักเทรดที่ “น่าสงสาร” และ นักเทรดที่ชาญฉลาด ที่อยากจะฝึกปรือฝีมือตัวเองในการเทรดก่อนที่จะเปิดบัญชีเงินจริง และเสี่ยงในเงินจริง ๆ
    10. ระบบเทรดบัญชี Mini และ บัญชี Micro คุณอาจจะคิดว่าการที่จะเป็นนักเทรดค่าเงินขึ้นมา ได้นั้นจะต้องใช้เงินมหาศาล แตจ่ริงๆ แล้ว ถ้าเรามาเทียบการเทรดค่าเงินกับตลาดห้นุ ออพชั่นหรือ ว่าฟิวเจอร์ แต่ว่าไม่ใช่อย่างนั้น โบรกเกอร์ออนไลน์หลาย ๆ ที่มีบริการบญัชี Mini กับ บัญชี Micro ซึงบางโบรคเกอร์อนญุาตให้คุณฝากเงินได้ต่ำสุดเพียง 300 เหรียญ หรือต่ำกว่านั้นก็มี แต่ว่าเราไม่ได้หมายถึงว่า คุณควรจะเปิดบัญชีกับพวกเขาโดยใช้เงินให้น้อยที่สดุนะ แตเรากำลัง หมายถึงว่ามันทำให้ฟอร์เร็กซ์เข้าถึงคนได้หลายกลุ่ม หลายสาขาอาชีพ ผู้ซึ่งไม่มีเงินมากในการปิดบัญชีครั้งแรก#แจกฟรี!ระบบเทรด

      ____________________________________

      สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
      ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
      ________________________________________________
      ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
      XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
      Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
      GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
      https://bit.ly/GMI-TH
      ________________________________________________
      ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
      Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
      ——–
      ติดตามเราได้ที่
      ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
      ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
      _____________________________________________
      *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
      เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคหาจังหวะเข้าจังหวะออกในระบบเทรด forex

    กันยายน 30, 2022

    ในการซื้อขายค่าเงิน หรือการเทรดคู่เงินในระบบเทรด Forex นั้น การหาจังหวะเข้า หรือออกออเดอร์ที่ดีที่สุด ก็เท่ากับเรามีชัยไปกว่าครึ่ง แต่ถ้าหากเราออกออเดอร์ผิดที่ เทรดกี่ทีก็ไม่ได้กำไร ต้องมาเสียเวลาแก้ไขอยู่ร่ำไป จนสุดท้ายก็ต้องไปตายเอาดาบหน้า  กุมชะตากรรม ยอมรับการขาดทุนไปในที่สุด

    ฉะนั้นการรู้จังหวะเข้า รู้จังหวะออก(ออเดอร์) จึงเป็นศาสตร์เชิงเทคนิคที่สำคัญในระบบเทรดให้ได้กำไร ช่วยให้สามารถอยู่ในตลาดได้นาน เพราะเมื่อเราเริ่มต้นมาดีแล้ว ย่อมมีความได้เปรียบมากกว่าเสียเปรียบนั่นเอง

    เทคนิคหาจังหวะเข้า หรือจากออกออเดอร์ด้วย Oscillators CCI , MACD

    เป็นเทคนิคหาจังหวะเข้าออกออเดอร์ง่ายๆ โดยอาศัยสัญญาณที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง จากจุดเข้า-จุดออกในตลาด ซึ่งประกอบด้วย 2 ตัวช่วย(อินดี้) คือการใช้ Oscillators CCI กับ MACD ในหน้าต่างเดียวกัน (ทับซ้อนกัน) ซึ่งจะใช้ได้ผล หรือให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด กับไทมเฟรมที่ M1 – H1 สำหรับไทมเฟรมที่แนะนำคือ M5
    การตั้งค่าตัวชี้วัดกำหนดตามนี้คือ

    • MACD: Period (Fast EMA – 12, slow EMA – 26, Signal SMA – 2)
    • CCI : Period – 14

    เนื่องจากเราใช้อินดี้ 2 ตัว (MACD,CCI) ในหน้าต่างเดียวกัน เราจึงต้องลากอินดี้ทั้งสองตัวดังกล่าวมาทับซ้อนกัน โดยไปที่เมนู Navigator >> indicators >> แล้ว MACD ไปยังกราฟก่อน >> จากนั้นลาก CCI ไปทับซ้อนอีกที ในหน้าต่างโซนเดียวกัน และอย่าลืม Set ค่า MACD ไว้ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น

    ตัวอย่าง การดึงกราฟมาซ้อนในหน้าต่างเดียวกัน

    ตัวอย่างการ Set ค่า MACD: Period (Fast EMA – 12, slow EMA – 26, Signal SMA – 2)

    1. การจับหวะหาตำแหน่งเข้า-ออกออเดอร์กรณีซื้อ (ฺBuy)

    เปิดออเดอร์ซื้อ (เข้าออเดอร์) เมื่อเส้น CCI (สีฟ้า) ข้ามเส้น +100 จากล่างขึ้นบน ในขณะที่ตัวชี้วัด MACD จะต้องอยู่เหนือเส้นแบ่ง 0

    ปิดออเดอร์ซื้อ (ออกจากออเดอร์) เมื่อเส้น CCI ย้อนกลับมาที่ระดับ +100 หรือข้ามขอบ MACD แนะนำดูจากภาพตัวอย่างด้านล่างกรณีซื้อ

    2. การจับหวะหาตำแหน่งเข้า-ออกออเดอร์กรณีขาย (ฺSell)

    เปิดออเดอร์ขาย (เข้าออเดอร์) เมื่อเส้น CCI (สีฟ้า) ข้ามเส้น -100 ลงมา ในขณะที่ตัวชี้วัด MACD อยู่ต่ำกว่าเส้นแบ่ง 0

    ปิดออเดอร์ขาย (ออกจากออเดอร์) เมื่อเส้น CCI ย้อนกลับมาที่ระดับ -100 หรือข้ามขอบ MACD แนะนำดูจากภาพตัวอย่างด้านบนกรณีขาย

    ในการเทรดด้วยกลยุทธ์นี้คุณจะต้องเฝ้าติดตามเทอมินัลอ่านตัวชี้วัด เพราะตัวเลือกนี้ไม่ได้ให้ฟังก์ชั่นในการวาง stop loss หรือ take profit

    หมายเหตุ: มุมมองผู้เขียนจากการใช้เทคนิคนี้ มองว่า กรณีที่จะปิดหรือออกจากออเดอร์ไม่ว่าจะซื้อหรือขายนั้น ควรปิดทันทีเมื่อมองเห็นว่าราคาจะไม่ไปต่อ หรือมันกำลังจะสวนทาง

    #แจกฟรี!ระบบเทรด

    ____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการเริ่มต้นเทรดในระบบเทรด Forex

    กันยายน 29, 2022

    ก่อนเริ่มต้นเทรดในระบบเทรดForex สำหรับเทคนิคเทรดเดอร์มือใหม่กำลังหาข้อมูลการเทรดการลงทุนในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตรา เทรดเดอร์ควรหาข้อมูลศึกษาเกี่ยวกับระบบเทรดในตลาดForex หรือทดลองใช้กับบัญชีdemoเทรดที่มีการเคลื่อนไหวตริงๆแต่เป็นเงินจำลองเลือกโบรกเกอร์ที่ตรงกับสไตล์การเทรดของคุณ ค่าเสปรดที่ไม่เหมือนกันและเลเวอเรจที่จะช่วยให้ทำกำไรได้ รวบรวมสมาธิและวินัยให้พร้อมอย่าใจร้อนควบคุมอารมณ์เทรดในตลาดForexให้ได้ Continue Reading…

    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคเทรดสั้น 1-5 นาที

    กันยายน 29, 2022

    ระบบเทรดเน้นทำกำไรในช่วงสั้นๆ หรือที่เรียกว่า Scalping ตามภาษาทางเทคนิคที่เหล่าเทรดเดอร์ที่ใช้เรียกกัน ก็มีอยู่หลากหลายเทคนิค หลายกลยุทธ์เหมือนกัน

    ระบบเทรดสั้น 1 นาที ด้วยเทรนไลน์และพินบาร์

    ระบบเทรดนี้ผู้เทรดต้องมีความรู้ในการสังเกต Pinbar  และตีเส้นเทรนไลน์เป็น นะครับ คิดว่าทุกท่านที่มาอ่านบทความตีเส้นและสังเกต pinbar

    ในภาพเป็นคู่เงิน  GBP/AUD   ใช้กราฟ 1 นาที  กราฟเปล่า ๆ แล้วเรามา ตีเส้นเทรนไลน์ จากนั้นก็สังเกตหา  Pinbar  ในภาพ ตรง วงกลมสีแดงนั่นและ  pin bar  ในเทรนนี้มี 3  จังหวะเปิดออร์เดอร์

    เงื่อนไขการเปิดออเดอร์ Buy

    1. ลากเทรนไลน์ขาขึ้น
    2. รอราคากลับมาทดสอบเส้นเทรนไลน์ที่เราลากไว้
    3. จากนั้นให้เรารอราคาทดสอบเส้นแล้วเกิด Pin Bar  หลังจากนั้นให้เรา เปิดออเดอร์ Buy
    4. วาง Stoploss อยู่ล่าง Pin Bar 10 pips
    5. Take profit หรือทำกำไรจาก Pin Bar นี้ 10 pips หรือ มากกว่านั้น

                                           ในภาพ เข้า  Buy  ตาม วงกลมสีแดง แล้ว รอ ทำไรในระหว่าง  10 pips  ก็น่าจะพอ  ถ้าร้อนมาก ก็  6-7 pips  ปิดเลย ก็ยังไม่น่าเกลียด

    เงื่อนไขการเปิดออเดอร์ Sell

    1. ลากเทรนไลน์ขาลง
    2. รอราคากลับมาทดสอบเส้นเทรนไลน์ที่เราลากไว้
    3. จากนั้นให้เรารอราคาทดสอบเส้นแล้วเกิด Pin Bar  หลังจากนั้นให้เรา เปิดออเดอร์ Sell
    4. วาง Stoploss อยู่ล่าง Pin Bar 10 pips
    5. Take profit หรือทำกำไรจาก Pin Bar นี้ 10 pips หรือ มากกว่านั้น

                       ภาพเทรนขาลง

     

    เห็นได้ว่าในภาพ เกิด  pinbar ถึง  5  ครั้ง  จัด  Sell  ตามนั้น บวก 5-6 pips ออกเลยก็ไม่น่าเกลียด

    เทรดสั้น 1 นาที โดยแนวรับแนวต้าน

    เป็นระบบเทรดสั้นที่เรียกว่า เป็นการใช้  แนวรับและแนวต้าน  อย่างต่อเนื่อง ในที่นี้เราจะใช้ indicator หาแนวรับแนวต้านเข้ามาช่วยเพื่อ ทำการเทรดอย่างรวดเร็วเป้าหมายในการเทรดเพื่อทำกำไร 7-10 pips หรือ มากกว่านั้นหากคุณต้องการ แต่ที่สำคัญระบบเทรดนี้ ควรเลือก คู่เงินที่มี Spread ต่ำ เช่น EURSUD, GBPUSD, USDJPY AUDUSD, USDCHF

    คู่เงิน : คู่เงินที่มี Spread ต่ำๆ เช่น EURSUD, GBPUSD, USDJPY AUDUSD, USDCHF

    กฏของการเปิดออเดอร์ Buy

    1. แนวรับจะเป็นเส้นประจุดๆ สีน้ำเงิน แนวต้านจะเป็นเส้นประจุดๆ สีแดง
    2. ให้การดูกราฟ 1 นาที รอให้แท่งเทียน 1 นาที ปิดเหนือเส้นประสีแดง
    3. ให้เปิดออเดอร์ ฺBuy และ วาง Stop loss ต่ำกว่าจุดที่เปิดออเดอร์ 7-10 pips
    4. ปิดทำกำไรเมื่อราคาผ่านไป 7-10 pips หรือมากกว่านั้น และรอเทรดครั้งต่อไป

    กฏของการเปิดออเดอร์ Sell

    1. แนวรับจะเป็นเส้นประจุดๆ สีน้ำเงิน แนวต้านจะเป็นเส้นประจุดๆ สีแดง
    2. ให้การดูกราฟ 1 นาที รอให้แท่งเทียน 1 นาที ปิดเหนือเส้นประสีน้ำเงิน
    3. ให้เปิดออเดอร์ Sell และ วาง Stop loss สูงกว่าจุดที่เปิดออเดอร์ 7-10 pips
    4. ปิดทำกำไรเมื่อราคาผ่านไป 7-10 pips หรือมากกว่านั้น และรอเทรดครั้งต่อไป\

     

    เทรดสั้น 5 นาที ด้วย Bollinger Band

    หากเราเป็นเทรดเดอร์จำพวกเข้าเร็วออกเร็วหรือ Scalping  เราจะไม่สามารถคุมอารมณ์ตัวเองให้ใจเย็นได้นานอย่างแน่นอน แต่คนพวกนี้ จะมีความมั่นใจในตัวเองสูง คิด และ ตัดสินใจทำอะไรอย่างรวดเร็ว อย่างไม่ลังเล และเป็นพวกกล้าได้กล้าเสีย บ้างก็ประมาณ นักพนัน ในอารมณ์นั้นๆได้  แต่ก็ไม่เสมอไป หากสิ่งที่ปฏิบัติ ผ่านการฝึกและทดสอบ โดยใช้สถิติชี้วัดเช่น ในการลองทำสิ่งซ้ำเดิมๆ 10 ครั้ง คุณชนะถึง 7 ครั้งนั้นก็ คือ สิ่งที่คุณทดสอบนั้น  ผิดพลาดเพียง 30% มันเป็น 30% ที่เสียไป  โอเค เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า  ใน บทความนี้จะพูดถึงเรื่อง  การเทรดสั้นใน time frame 5 นาที โดยใช้ indicator : Bollinger Band เข้ามาช่วยในการตัดสินใจก่อนเข้าออเดอร์

    Indicator Bollinger Band  ค่า ตั้งเดิม

    ทามเฟรม  : 5 นาที

    ช่วงเวลาเทรด : ตลาดยุโรป หรือ อเมริกา

    คู่เงินที่ควรเทรด : EURUSD and GBPUSD

    กฏของการ BUY

    1. กรอบราคาจะต้องอยู่ในกรอบของBollinger Bands  ไม่เป็นเทรน ยาวไปทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
    2. รอและสังเกต เมื่อราคาแตะเส้นBollinger Bands เส้นล่าง
    3. เมื่อราคาแตะเส้น ให้ทำการBUY
    4. ตั้ง Stoploss ต่ำกว่า จุดที่เข้าออร์เดอร์ 10 pips
    5. เก็บกำไรตามใจชอบเมื่อกราฟพุ่งขึ้นเหนือ จุดที่เข้าออเดอร์ แนะนำควรตั้งแต่ 5-10 pips ขึ้นไป

    กฏของการ Sell

    1. กรอบราคาจะต้องอยู่ในกรอบของBollinger Bands  ไม่เป็นเทรน ยาวไปทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
    2. รอและสังเกต เมื่อราคาแตะเส้นBollinger Bands เส้นบน
    3. เมื่อราคาแตะเส้น ให้ทำการSell
    4. ตั้ง Stoploss ต่ำกว่า จุดที่เข้าออร์เดอร์ 10 pips
    5. เก็บกำไรตามใจชอบเมื่อกราฟพุ่งขึ้นเหนือ จุดที่เข้าออร์เดอร์ แนะนำควรตั้งแต่ 5-10 pips ขึ้นไป

    ____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    วิธีจัดการกับการขาดทุนจากการซื้อขาย

    กันยายน 29, 2022

    วิธีจัดการกับการขาดทุนจากการซื้อขาย

    การสูญเสียเป็นส่วนสำคัญของการซื้อขาย ด้วยประสบการณ์ เทรดเดอร์จะได้เรียนรู้วิธียอมรับและรวบรวมบทเรียนที่เป็นประโยชน์จากพวกเขา

    ประเด็นสำคัญ:

    • เทรดเดอร์ไม่จำเป็นต้องโฟกัสไปที่อัตราส่วนการชนะ/ขาดทุนทั้งหมด เนื่องจากคุณสามารถสูญเสียการเทรดได้มากกว่า คุณก็จะชนะและยังคงเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ
    • ถือว่าการสูญเสียเป็นประสบการณ์การเรียนรู้เสมอ
    • มีหลายวิธีที่คุณสามารถใช้การขาดทุนจากการซื้อขายเพื่อปรับปรุงการซื้อขายของคุณ เช่น การใช้คำสั่งหยุดการขาดทุน การวิเคราะห์การขาดทุนแต่ละครั้ง และการใช้บันทึกการซื้อขาย

    เมื่อเทรดเดอร์เรียนรู้วิธีจัดการกับความสูญเสียในการซื้อขาย พวกเขาสามารถเริ่มพัฒนาแนวทางที่ดีขึ้นในการพัฒนาและดำเนินการตามกลยุทธ์ ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับทั้งผู้ค้าใหม่และผู้ค้าที่มีประสบการณ์ที่จะทำผิดพลาดในการซื้อขายแต่การไม่ใช้ความสูญเสียเหล่านั้นเพื่อปรับตัวและเปลี่ยนตำแหน่งตัวเองในตลาดถือเป็นโอกาสที่พลาดไป

    ในบทความนี้ เราจะพูดถึงวิธีจัดการกับการขาดทุนจากการเทรด และวิธีที่ผลลัพธ์เชิงลบเหล่านั้นสามารถช่วยให้คุณปรับปรุงได้จริง ๆ หากคุณจัดการกับมันอย่างถูกวิธี

    อัตราส่วนการชนะ/ขาดทุนในการซื้อขายคืออะไร?

    เรามาเริ่มกันที่อัตราส่วนชนะ/แพ้กันก่อน นี่คือจำนวนการเทรดที่ชนะหารด้วยการเทรดที่แพ้ ตัวอย่างเช่น เทรดเดอร์ที่มีการเทรดที่ทำกำไรได้ 80 รายการจาก 100 รายการจะมีอัตราส่วนการชนะ/ขาดทุนที่ 80%

    อย่างไรก็ตาม การเพ่งความสนใจไปที่ตัวเลขนั้นอย่างหมดจดและได้อัตราส่วนที่สูงนั้นคงเป็นเรื่องที่ผิด ตัวอย่างเช่น เทรดเดอร์ระยะยาวอาจมีอัตราส่วนการชนะ/ขาดทุนเพียง 30% แต่เนื่องจากพวกเขาทำกำไรได้มากกว่าการเทรดที่ชนะอย่างมีนัยสำคัญมากกว่าการสูญเสียในการเทรดที่ไม่ประสบความสำเร็จ พวกเขาจึงยังคงเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ

    กับ scalpers แตกต่างกัน เนื่องจากพวกเขากำลังไล่ตามความเคลื่อนไหวเล็กๆ ในตลาด อัตราส่วนความเสี่ยง/ผลตอบแทนจึงต่ำลง และไม่มีศักยภาพที่จะทำกำไรมหาศาลในการซื้อขายครั้งเดียวได้มากนัก อย่างไรก็ตาม แม้แต่นักเก็งกำไรก็ไม่ต้องการอัตราส่วนการชนะ/ขาดทุนที่สมบูรณ์แบบเพื่อทำกำไร

    ผู้ค้าควรยอมรับการสูญเสียเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ และแทนที่จะพยายามต่อสู้กับพวกเขา พวกเขาควรพยายามเรียนรู้จากเหตุการณ์เหล่านั้น

    ไม่ว่าเทรดเดอร์จะยังใหม่ต่อการเทรดหรือในตลาดเป็นเวลาหลายปีหรือหลายทศวรรษ พวกเขาจะมีการเทรดเชิงลบและแง่บวก

    อย่างที่เทรดเดอร์หลายคนพูด คุณจะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อขายเมื่อคุณขาดทุน มากกว่าเมื่อคุณทำการเทรดที่ชนะ เนื่องจากการสูญเสียจากการเทรดทำให้คุณมีสมาธิและวิเคราะห์สิ่งที่ผิดพลาด

    วิธีใช้การสูญเสียเพื่อปรับปรุงการซื้อขายของคุณ

    เช่นเดียวกับสิ่งอื่น ๆ ในชีวิต ผู้ค้าสามารถถือการสูญเสียเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ สิ่งสำคัญคือต้องยอมรับว่าการสูญเสียเป็นส่วนหนึ่งของการซื้อขาย

    ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะยอมรับและอาจต้องใช้เวลา แต่ยิ่งคุณตระหนักถึงการขาดทุนได้เร็วเท่าไรก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการซื้อขาย และมาพร้อมกับวิธีการเรียนรู้ในเชิงบวกจากสิ่งเหล่านั้น คุณก็จะยิ่งดีขึ้น

    วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับการขาดทุนจากการซื้อขายครั้งใหญ่คือการหยุดพักเล็กน้อย พิจารณากลยุทธ์และขนาดตำแหน่งของคุณก่อนที่จะกระโดดกลับเข้าไป เมื่อคุณตัดสินใจว่าคุณพร้อมแล้ว ให้เริ่มจากจุดเล็กๆ การกลับมาสู่เส้นทางแห่งชัยชนะแม้จะอยู่ในตำแหน่งที่เล็กก็เป็นวิธีที่ดีในการสร้างความมั่นใจและปรับโฟกัสของคุณใหม่

    8 วิธีที่คุณสามารถใช้ขาดทุนจากการซื้อขายเพื่อปรับปรุงการซื้อขายของคุณ

    1. ยอมรับความรับผิดชอบ

    อย่าปิดบังการสูญเสียหรือตำหนิผู้อื่นหรือตลาดสำหรับตำแหน่งที่คุณมี คุณเป็นคนเดียวที่ควบคุมการซื้อขายของคุณ เป็นเจ้าของ และทำการเปลี่ยนแปลงในการบริหารความเสี่ยง กลยุทธ์การซื้อขายและเป้าหมายเพื่อพัฒนาตัวคุณเอง ครั้งต่อไปรอบ

    2. ตรวจสอบขนาดตำแหน่งของคุณ

    นี่อาจฟังดูเป็นพื้นฐาน แต่สำหรับเทรดเดอร์หลายๆ คน การกำหนดขนาดตำแหน่งยังคงเป็นเรื่องท้าทาย เทรดเดอร์จำนวนมากมักจะเสี่ยงต่อการค้ามากเกินไป ทำให้ทุนซื้อขายของพวกเขาตกอยู่ในอันตราย

    การมีกลยุทธ์การกำหนดขนาดตำแหน่งที่มั่นคง(การจัดสรรเพียงเล็กน้อยของทุนการซื้อขายของคุณต่อการค้า) อาจช่วยจำกัดความเสี่ยงต่อการค้าและความเสี่ยงด้านตลาดโดยรวม

    3. วิเคราะห์การสูญเสียแต่ละครั้ง

    แม้ว่าจะไม่ใช่แบบฝึกหัดที่น่าพอใจนัก แต่เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จทุกคนจะบอกว่าการวิเคราะห์การสูญเสียแต่ละครั้งอย่างตรงไปตรงมาและโหดร้ายคือสิ่งที่ช่วยให้พวกเขาฟื้นตัวและเปลี่ยนการซื้อขายของพวกเขาให้ดีขึ้น

    4. ใช้ระดับการหยุดขาดทุน

    คุณมีระดับการหยุดขาดทุนสำหรับการซื้อขายแต่ละครั้งหรือไม่? สำหรับผู้ค้าบางราย การใช้ระดับการหยุดการขาดทุนอย่างหนักนั้นได้ผลอย่างมหัศจรรย์ คุณสามารถใช้ค่าเงินดอลลาร์หรือค่าเปอร์เซ็นต์เพื่อกำหนดระดับการหยุดการขาดทุนสำหรับการซื้อขายแต่ละครั้ง

    การใช้ระดับการหยุดการขาดทุน – จุดที่คุณจะออกจากการค้าที่ขาดทุนอาจเป็นประโยชน์ เนื่องจากสามารถป้องกันไม่ให้คุณยึดติดกับการค้าขาย

    5. ตรวจสอบกลยุทธ์การออกของคุณ

    คุณมีกลยุทธ์ในการออกจากสถานที่หรือไม่? คุณมักจะยึดมั่นในการสูญเสียการซื้อขายหรือไม่? คุณจะตัดขาดทุนได้เร็วแค่ไหน?

    อย่างที่เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จหลายรายจะยืนยัน ส่วนใหญ่แล้วกลยุทธ์ในการออกของคุณจะสร้างความแตกต่างระหว่างการเทรดที่ชนะและขาดทุน

    6. ควบคุมอารมณ์ของคุณ

    ความกลัวและความโลภเป็นสองอารมณ์ที่ทรงพลังที่สุดที่สามารถต่อต้านผู้ค้าได้ ความกลัวที่จะสูญเสียหรือความโลภมากขึ้นอาจใช้ได้ผลกับคุณ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณควบคุมอารมณ์และใช้เครื่องมือที่มีอยู่บนแพลตฟอร์มการซื้อขายของคุณ เช่น คำสั่งหยุดการขาดทุนและทำกำไร เพื่อตัดสินใจซื้อขายตามวัตถุประสงค์

    ทำให้ตัวเองตระหนักถึงการซื้อขายแก้แค้นและให้แน่ใจว่าคุณรู้วิธีที่มีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับมัน

    7. ใช้บันทึกการซื้อขาย

    ผู้ค้าที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ใช้บันทึกการซื้อขายเพื่อบันทึกการซื้อขายของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นการเทรดที่แพ้หรือชนะ สมุดบันทึกการเทรดของคุณอาจรวมถึงระดับการเข้าและออก การชนะหรือขาดทุนสำหรับการเทรด บันทึกบางอย่างเกี่ยวกับความคิดและอารมณ์ของคุณในระหว่างและหลังการเทรด

    8. ถามคำถามง่ายๆ กับตัวเอง

    ในขณะที่นักเทรดวิเคราะห์การสูญเสียการเทรดและพยายามหาวิธีเปลี่ยนการขาดทุนให้เป็นผลดีสำหรับเส้นทางการเทรด ต่อไปนี้คือคำถามบางส่วนที่พวกเขาควรถามตัวเอง:

    • ฉันเสี่ยงเท่าไหร่ (มูลค่าดอลลาร์หรือเปอร์เซ็นต์ของเงินทุนของคุณ) ในการซื้อขายนี้?
    • ฉันเข้ามาเร็วเกินไป (ฉันบังคับการค้าหรือไม่)?
    • ฉันออกช้าไปหรือเปล่า (ฉันตัดขาดทุนไม่เร็วพอเหรอ?)
    • ฉันกำลังไล่ตามการค้าหลังจากพลาดสัญญาณเริ่มต้นหรือไม่?
    • สัญญาณตลาดใดที่ฉันเพิกเฉยหรือไม่เห็นว่าส่งผลกระทบต่อการค้านี้?
    • ฉันต้องเปลี่ยนอะไรเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์นี้อีก

    โปรดจำไว้ว่าการสูญเสียเป็นส่วนหนึ่งของการซื้อขาย (และชีวิตโดยทั่วไป) และคุณสามารถเปลี่ยนให้กลายเป็นสิ่งที่เป็นบวกและเป็นประโยชน์สำหรับการซื้อขายของคุณ

    ____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    กลยุทธ์การซื้อขายฝ่าวงล้อมคืออะไร?

    กันยายน 28, 2022

    เมื่อใดที่จะเข้าสู่การค้าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญสูงสุดสำหรับผู้ค้าเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ค่อนข้างใหม่ต่อตลาด

    นี่เป็นเรื่องปกติและเข้าใจได้

    ทำไม

    เพราะโอกาสมากมายเกิดขึ้นทุกวัน และมันอาจกลายเป็นเรื่องท้าทายได้หากคุณไม่รู้ว่าจะมองหาอะไร เช่น การค้าที่ดีคืออะไร และเมื่อใดควรเข้าสู่การซื้อขายที่เหมาะสม

    ในบทความนี้ เราจะมาดูกลยุทธ์การซื้อขายแบบฝ่าวงล้อม – หนึ่งในกลยุทธ์การซื้อขายที่ได้รับความนิยมมากที่สุดที่สามารถใช้ได้ไม่ว่าคุณจะซื้อขายฟอเร็กซ์ ดัชนีหุ้น CFDs หรือสินค้าโภคภัณฑ์

    กลยุทธ์การซื้อขายฝ่าวงล้อมคืออะไร?

    กลยุทธ์การฝ่าวงล้อมมีเป้าหมายเพื่อเข้าสู่การค้าทันทีที่ราคาสามารถทะลุผ่านขอบเขตได้ ผู้ค้ากำลังมองหาโมเมนตัมที่แข็งแกร่งและการฝ่าวงล้อมที่แท้จริงคือสัญญาณเพื่อเข้าสู่ตำแหน่งและกำไรจากการเคลื่อนไหวของตลาดที่ตามมา

    ผู้ค้าอาจเข้าสู่ตำแหน่งที่ตลาด ซึ่งหมายความว่าพวกเขาจะต้องติดตามการเคลื่อนไหวของราคาอย่างใกล้ชิด หรือโดยการวางคำสั่งหยุดซื้อและหยุดขาย พวกเขามักจะวางหยุดไว้ต่ำกว่าระดับแนวต้านเดิมหรือเหนือระดับแนวรับเดิม ในการกำหนดเป้าหมายการออก ผู้ค้าอาจใช้ระดับแนวรับและแนวต้านแบบคลาสสิก

    ก่อนที่เราจะไปต่อ คุณควรรู้ว่าแนวรับและแนวต้านคืออะไร เมื่อคุณรู้แล้ว มันจะชัดเจนขึ้นมากที่จะเห็นการฝ่าวงล้อมของราคาจากระดับเหล่านั้น

    ดังนั้นระดับการสนับสนุนคืออะไร?

    หากคุณกำลังใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค  สำหรับการซื้อขายของคุณ การดูแผนภูมิในช่วงระยะเวลาหนึ่งจะแสดงระดับแนวรับ – พื้นที่หรือระดับเฉพาะที่ราคามักจะได้รับการสนับสนุน

    ระดับการสนับสนุนให้สิ่งที่เรียกว่า ‘พื้น’ สำหรับราคา ซึ่งหมายความว่าราคามักจะอยู่ในระดับนี้เนื่องจากมีการสนับสนุน (ของผู้ซื้อ)

    และระดับแนวต้านคืออะไร?

    ระดับแนวต้านอยู่ตรงข้ามกับระดับแนวรับ

    เมื่อดูที่กราฟ คุณจะพบระดับแนวต้าน ซึ่งเป็นพื้นที่หรือระดับที่ราคามักจะหยุด (ต้าน) และไม่สามารถขึ้นไปสูงกว่านี้ได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง

    แนวรับและแนวต้านบนกราฟ

     

    นี่คือตัวอย่างที่คุณสามารถเห็นระดับแนวรับและแนวต้าน หากคุณต้องการใช้กลยุทธ์การเข้าฝ่าวงล้อม สิ่งสำคัญคือคุณต้องกำหนดระดับแนวรับและแนวต้าน

    เนื่องจากระดับแนวรับและแนวต้านถูกมองว่าเป็นสัญญาณที่แข็งแกร่งที่ราคามีแนวโน้มที่จะหยุด

    วิธีใช้รายการฝ่าวงล้อมในการซื้อขายของคุณ

    วิธีหนึ่งในการใช้รายการฝ่าวงล้อมคือการทำการค้าเมื่อราคาทะลุแนวต้าน สำหรับผู้ค้าหลายราย การฝ่าฝืนระดับแนวต้านหมายความว่าราคามีโมเมนตัมที่จะสูงขึ้น

    ความคิดเบื้องหลังสิ่งนี้คือการละเมิดแนวต้านอาจหมายถึงผู้ค้าเป็นรั้นและจะสนับสนุนการขยับราคาไปสู่ระดับที่สูงขึ้น

    แม้ว่าอาจไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป แต่ผู้ค้าจำนวนมากใช้การฝ่าวงล้อมนี้จากระดับแนวต้านเป็นจุดเริ่มต้น

    ในทางกลับกัน คุณสามารถใช้รายการฝ่าวงล้อมเมื่อราคาทะลุระดับแนวรับได้ การหยุดแนวรับมักถูกมองว่าเป็นสัญญาณว่าราคาอาจลงไปอีก ผู้ค้าบางรายใช้การละเมิดการสนับสนุนนี้เพื่อใช้ประโยชน์จากราคาที่ตกลง

    การรู้ว่าระดับแนวรับและแนวต้านคืออะไร และคุณจะใช้ระดับเหล่านี้เพื่อระบุได้อย่างไรเมื่อราคาทะลุออกจากระดับเหล่านี้ คุณสามารถใช้กลยุทธ์การเข้าสำหรับการซื้อขายของคุณได้

    ไม่ว่าคุณจะใช้บัญชีทดลองหรือบัญชีซื้อขายจริง คุณสามารถใช้ฟังก์ชันการสร้างแผนภูมิของแพลตฟอร์มการซื้อขาย MT4 เพื่อระบุระดับแนวรับและแนวต้านได้ เป็นความคิดที่ดีที่จะลองระบุระดับแนวรับและแนวต้านของตราสารต่าง ๆ ในกรอบเวลาที่แตกต่างกันเช่นกัน

    เมื่อคุณคุ้นเคยและมั่นใจในการระบุระดับเหล่านี้แล้ว คุณอาจพบว่าการฝ่าวงล้อมของราคาได้ง่ายขึ้นมาก

    การฝ่าวงล้อมราคาเป็นเพียงหนึ่งในหลาย ๆ กลยุทธ์การเข้าใช้ที่คุณสามารถใช้สำหรับการซื้อขายของคุณ หากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์การเข้าออกอื่นๆได้

    ข้อพิจารณาที่สำคัญอีกประการหนึ่งสำหรับคุณในฐานะนักเทรดคือ แม้ว่าการเข้าเทรดมีความสำคัญ แต่ก็เป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งในการเทรดของคุณ

    สิ่งสำคัญคือต้องมีกลยุทธ์ในการเข้าร่วมที่แข็งแกร่ง แต่การมีกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงและทางออกที่เข้มงวดก็มีความสำคัญเท่าเทียมกัน กลยุทธ์การเข้า การบริหารความเสี่ยง และการออกทั้งหมดเหล่านี้รวมกันสามารถช่วยคุณในการเป็นเทรดเดอร์ที่ชาญฉลาด

    อินดเตเตอร์ที่ดีที่สุดสำหรับกลยุทธ์การฝ่าวงล้อมคืออะไร?

    กลยุทธ์การฝ่าวงล้อมสามารถยึดตามการเคลื่อนไหวของราคาเท่านั้น (ดังที่แสดงด้านบนด้วยระดับแนวรับ/แนวต้าน) แต่ตัวชี้วัดก็สามารถใช้ได้เช่นกัน – ทั้งเป็นเครื่องมือสนับสนุนและเป็นสัญญาณเข้า

    ตัวอย่างหนึ่งของอินดิเคเตอร์การซื้อขายที่สามารถใช้ในกลยุทธ์ฝ่าวงล้อมคือIchimoku Cloud

    เทรดเดอร์จะซื้อเมื่อราคาทะลุผ่านคลาวด์หรือขายเมื่อราคาต่ำกว่าคลาวด์

    ตัวอย่างรายการฝ่าวงล้อมโดยใช้ตัวบ่งชี้คลาวด์ ichimoku

     

    คุณสามารถใช้อินดิเคเตอร์ RSI (Relative Strength Index) เพื่อดูการยืนยันและความแตกต่าง

    เราพูดถึงการยืนยันเมื่อ RSI และราคาเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน มาดูกราฟ AUD/JPY ด้านล่างและการฝ่าวงล้อมที่เกิดขึ้นกลางเดือนกรกฎาคม

    ราคามีแนวโน้มลดลงแล้ว RSI ก็เช่นกัน ในช่วงเวลาของการฝ่าวงล้อม RSI อยู่ใกล้กับเขตขายมากเกินไป แต่ยังไปไม่ถึง นี่ก็เป็นอีกสัญญาณหนึ่งว่าอาจมีที่ว่างมากขึ้นสำหรับข้อเสีย

    ตัวบ่งชี้ RSI แสดงรายการฝ่าวงล้อม

     

    ด้านล่างนี้เป็นอีก ตัวอย่าง หนึ่ง  คราวนี้เรากำลังดู EUR/NZD และ RSI divergence ที่หยาบคายซึ่งปรากฏขึ้นกลางเดือนสิงหาคม

    ราคา ทะลุเหนือ ระดับแนวต้าน 1.71 ที่สำคัญ แต่เราจะเห็นได้ว่า RSI divergence แบบหมีนั้นมองเห็นได้ชัดเจนแล้ว และ RSI อยู่ในเขตซื้อมากเกินไป นี่คงเป็นสัญญาณเตือนว่าอย่าซื้อการ ฝ่าวงล้อม ดังที่เราเห็นใน แผนภูมิ มีการควบรวมกิจการแทนที่จะเป็นการขยับขึ้นอย่างรวดเร็วและการเทขายเกิดขึ้นไม่นานหลังจากการรวมบัญชีสิ้นสุดลง

    ตัวบ่งชี้ RSI บนแผนภูมิ EURNZD

    ข้อดีและข้อเสียของกลยุทธ์การซื้อขายฝ่าวงล้อมคืออะไร?

    ข้อดีและข้อเสียด้านล่างของการใช้กลยุทธ์การซื้อขายฝ่าวงล้อม:

    ข้อดี:

    • กำไรจากการเคลื่อนไหวของตลาดอย่างรวดเร็ว
    • การกำหนดจุดเข้าและออกค่อนข้างตรงไปตรงมา
    • กลยุทธ์ง่ายๆ ที่คุณสามารถเทรดได้โดยใช้การเคลื่อนไหวของราคาเท่านั้น

    จุดด้อย:

    • เทรดเดอร์จะต้องสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว
    • มีโอกาสสูงที่จะเกิดสัญญาณเท็จ (เช่น การฝ่าวงล้อมที่ผิดพลาด) ดังนั้นการจัดการความเสี่ยงจึงมีความสำคัญมาก
    • การเพิ่มสัญญาณยืนยันเพิ่มเติมสามารถลดความเสี่ยงของการเกิด false breakouts แต่ยังช่วยลดโอกาสในการจับการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่อีกด้วย

    จะยืนยันการฝ่าวงล้อมได้อย่างไร?

    การวางคำสั่ง buy stop หรือ sell stop ที่สูงกว่าหรือต่ำกว่าแนวรับและแนวต้านหลักน่าจะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการซื้อขายการฝ่าวงล้อม

    อย่างไรก็ตาม มันก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน เนื่องจากมีโอกาสสูงที่การฝ่าวงล้อมที่คุณกำลังซื้อขายอยู่นั้นเป็นเท็จ การฝ่าวงล้อมที่ผิดพลาดเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เนื่องจากราคาจะซื้อขายที่สูงกว่า/ต่ำกว่าระดับแนวต้าน/แนวรับที่สำคัญในระยะเวลาอันสั้นเท่านั้น ในตอนแรกอาจมีโมเมนตัมเนื่องจากการหยุดถูกทริกเกอร์ แต่สิ่งนี้อาจจางหายไปอย่างรวดเร็วหากไม่มีแรงเพียงพอในการเคลื่อนไหว

    มีบางวิธีที่ผู้ค้าสามารถใช้เพื่อยืนยันว่าการฝ่าวงล้อมนั้นถูกต้อง อย่างแรกคือการติดตามการเคลื่อนไหวของราคา หากคุณเป็นเดย์เทรดเดอร์ สิ่งนี้สามารถเป็นไปได้เพราะคุณมักจะอยู่หน้าจอมอนิเตอร์อยู่ดี คุณยังสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนที่จะทริกเกอร์หากราคาเข้าใกล้ระดับที่คุณกำลังติดตาม อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องมีทักษะและความมั่นใจในการตัดสินใจว่าการฝ่าวงล้อมนั้นถูกต้องสำหรับคุณหรือไม่ จากนั้นคุณสามารถเข้าสู่การซื้อขายได้ด้วยตนเอง แต่มีความเสี่ยงที่คุณจะพลาดการเคลื่อนไหวทั้งหมดหากราคาเคลื่อนไหวเร็วเกินไป

    อีกวิธีหนึ่งคือรอการดึงกลับ หลังจากทะลุเหนือ/ต่ำกว่าระดับแนวต้าน/แนวรับที่สำคัญ ราคามักจะกลับมาที่ระดับนี้เพื่อทดสอบอีกครั้ง หากราคาดีดตัวขึ้นจากระดับแนวต้านเดิมหรือหยุดก่อนระดับแนวรับเดิม นั่นเป็นสัญญาณว่าการฝ่าวงล้อมนั้นถูกต้องและคุณสามารถใช้สิ่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นได้ อย่างไรก็ตาม มีความเสี่ยงที่โมเมนตัมจางหายไปในตอนนั้น และคุณอาจพลาดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่

    ด้านล่างนี้คือสองตัวอย่างที่ราคากลับสู่แนวรับและแนวต้านหลักที่ถูกละเมิดเพื่อทดสอบซ้ำ

    ราคากลับสู่แนวรับและแนวต้านบน USOIL

    ราคากลับสู่แนวรับและแนวต้านของ EURAUD

    การซื้อขายฝ่าวงล้อมทำงานหรือไม่?

    การซื้อขายฝ่าวงล้อมสามารถเป็นกลยุทธ์การซื้อขายที่ทำกำไรได้ ความเสี่ยงของการเกิด false breakout นั้นสูง ดังนั้นการมีแผนการจัดการความเสี่ยงที่ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้ คุณควรตั้งเป้าไปที่อัตราส่วนความเสี่ยง/ผลตอบแทนที่สมเหตุสมผล – อย่างน้อย 1:2

    กรอบเวลาที่ดีที่สุดในการแลกเปลี่ยนการฝ่าวงล้อมคืออะไร?

    สามารถเทรด Breakout ได้ทุกกรอบเวลา คุณสามารถซื้อขายฝ่าวงล้อมต่ำกว่าระดับแนวรับหลายปีและถือการค้าเป็นเวลาหลายเดือน

    อย่างไรก็ตาม การซื้อขายแบบฝ่าวงล้อมมีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมมากกว่าสำหรับผู้ค้าระยะสั้น เนื่องจากพวกเขากำลังพยายามจับโมเมนตัมและทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของตลาดอย่างกะทันหันที่เกิดขึ้นภายในระยะเวลาอันสั้น มันง่ายกว่ามากที่จะเข้าใจตลาดและโมเมนตัมของมันเมื่อทำการซื้อขายในกรอบเวลาที่ต่ำกว่าแทนที่จะเป็นกรอบเวลาที่สูงกว่า

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อคู่เงิน GBPUSD

    กันยายน 27, 2022
    ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อคู่เงิน GBPUSD ??
    1. การเปลี่ยนแปลงของตัวเลขเงินเฟ้อ
    2. การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ที่ประกาศโดยธนาคารกลางสหรัฐฯ
    3. การเติบโตทางเศรษฐกิจ ( ผ่านรายงานตัวเลข GDP สหรัฐฯ )
    4. การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่ส่งผลโดยตรงกับสกุลเงิน GBP
    5. ตัวเลขการจ้างงาน (ดัชนี Non-Farm Employment Change)
    6. นโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ
    7. ดุลการค้า สถานการณ์ทางการเมืองและปัจจัยอื่นๆ เช่น สงคราม
    #ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อคู่เงินGBPUSD #GBPUSD
    _____________________________________________
    สนใจรับระบบเทรดคลิก
    สู่อิสรภาพทางการเทรด แบบไม่ต้องเฝ้ากราฟ ไม่ต้องเฝ้าจอ
    และไม่ต้องหลบข่าว
    ?? เพียงเปิดบัญชีวันนี้ ??
    ?? รับโบนัส 30% สูงสุด 500$ (ไม่มีขั้นต่ำ)
    ?? รับสิทธิ์เข้า VIP ฟรี! เพียงเติมเงินเข้าบัญชีเทรด $50
    ?? พร้อมระบบเทรดฟรีทุกตัวใช้กับบัญชีที่สมัครต่อ FTT ฟรีตลอดชีพ
    .
    ระบบเทรดฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย❗
    เงื่อนไขเพียงเปิดบัญชีเทรดต่อที่ IB ของทาง FTT
    ก็สามารถรับ ✅ระบบเทรดได้ฟรีตลอดชีพ
    ❌ ไม่มีค่าใช้จ่ายสักบาท
    ❌ ไม่เก็บรายเดือน
    ❌ ไม่แบ่งกำไร
    .
    ?เทรดยังไม่เป็น หรือยังไม่เก่ง
    ?อยากเทรดแต่ไม่มีคอม
    ?อยากเทรดแต่ติดตั้ง EA ไม่เป็น
    ?อยากเทรดแต่ไม่สะดวกเฝ้ากราฟเอง
    ทางเรามีทางออกให้คุณ ด่วน❗❗
    .
    ? เปิดบัญชีและเติมเงินเขาบัญชีเทรดเริ่ม $50
    เข้ากลุ่มไลน์ VIP ผู้ใช้ระบบเทรดทันที*
    รับโบนัสเงินฝาก และ รับระบบเทรดเปิดบัญชี ? https://bit.ly/GMI-TH
    _____________________________________________
    #ระบบเทรด #อีเอเทรด #ฟรีระบบเทรด #มือใหม่เริ่มต้นเทรด
    #เริ่มเทรด #forex #EA #ผลงานเทรด #GMI
    _____________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    Divergence ในการเทรด Forex คืออะไร?

    กันยายน 27, 2022

    Divergence ในการเทรด Forex หมายถึงอะไร?

    ก่อนดำเนินการต่อ เราต้องเข้าใจก่อนว่า divergence ในการซื้อขายในตลาด Forex คืออะไร

    เมื่อการเคลื่อนไหวของราคาสกุลเงินใน Forex แตกต่างจากที่ indicator ทางเทคนิคคาดการณ์ สิ่งนี้เรียกว่าdivergence divergenceเหล่านี้บ่งชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นเนื่องจากการเคลื่อนไหวของราคามักเกิดขึ้นพร้อมกับ indicator ทางเทคนิค

    ประเภทของ Divergences

    มี 4 ประเภทที่แตกต่างกันของความแตกต่างที่อาจเกิดขึ้นใน Forex divergences “ปกติ” ถือว่าสำคัญที่สุด เนื่องจากมักจะให้สัญญาณที่มีคุณภาพดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับ divergences ที่ “ซ่อนเร้น” รูปแบบปกติมักจะส่งสัญญาณถึงการสลับในสิ่งที่กำลังแสดงอยู่ ในขณะที่รูปแบบที่ซ่อนอยู่จะส่งสัญญาณว่าแนวโน้มเดียวกันที่แสดงจะดำเนินต่อไป

    1.Regular Bullish – ความแตกต่างประเภทนี้ใน Forex หรือที่เรียกว่าความแตกต่างเชิงบวก แสดงให้เห็นเมื่อราคาทำราคาต่ำกว่าระดับต่ำสุดปกติ แต่ตัวชี้วัดยังคงสะท้อนถึงระดับต่ำที่สูงขึ้น ซึ่งมักจะเป็นสัญญาณว่าราคาจะจบลงด้วยการขึ้นสูงมากกว่าที่จะลดลงอย่างต่อเนื่อง

    2.Regular Bearish – ขาลงปกติใน Forex หรือความแตกต่างเชิงลบ แสดงเป็นรูปแบบที่มีราคาสูงเหนือระดับสูงสุดก่อนหน้านี้ ทั้งหมดในขณะที่ตัวบ่งชี้สูงใหม่อยู่ต่ำกว่าระดับสูงสุดก่อนหน้านี้ ซึ่งมักจะเป็นสัญญาณว่าในไม่ช้าแนวโน้มและราคาจะลดลง

    3.Hidden Bullish – นี่คือความแตกต่างใน Forex ที่จะแสดงราคาว่ามีจุดต่ำสุดที่สูงกว่า แต่ตัวชี้วัดทางเทคนิคจะแสดงจุดต่ำสุด “การกลับตัวแบบย้อนกลับในเชิงบวก” นี้มักจะแสดงแนวโน้มขาขึ้นที่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะดำเนินต่อไป

    4.Hidden Bearish – นี่คือรูปแบบที่เรียกว่า “negative reverse divergence” ใน Forex ความแตกต่างประเภทนี้ใน Forex สามารถมองเห็นได้จากการดูราคาที่มียอดที่ต่ำกว่า และตัวบ่งชี้จะแสดงราคาโดยรวมที่สูงขึ้น

    การซื้อขายบน Divergences

    ก่อนอื่น การซื้อขายแบบ Divergence ไม่ใช่วิธีการทั่วไปในการซื้อขายและไม่ได้ทำบ่อยนัก เนื่องจากต้องใช้ทักษะจำนวนมากและมีโอกาสล้มเหลวสูง นี่เป็นเพราะแม้เมื่อเข้าหาด้วยความระมัดระวัง การใช้ไดเวอร์เจนซ์เป็นสัญญาณไม่ได้หมายความว่ารูปแบบเฉพาะนี้จะมีผลเสมอไป พูดง่ายๆ ก็คือ การเทรดด้วยไ Divergence นั้นเป็นการพนันมากกว่า

    การสังเกตและการซื้อขาย Forex บนความแตกต่างใน Forex ต้องใช้ความระมัดระวังและระดับประสบการณ์ที่เกินกว่าที่ผู้เทรดเริ่มต้นมี การพูดแบบนี้หมายความว่าการใช้ Divergence เพื่อแสวงหาผลกำไรไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีหัวใจหรือผู้เริ่มหัดเล่น

    การพัฒนากลยุทธ์การซื้อขายที่มี Divergence ใน Forex หมายความว่าคุณจำเป็นต้องมีสายตาที่เฉียบแหลมในการมองเห็นจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของเส้นแนวโน้ม เมื่อพิจารณาถึงความแตกต่างปกติ จะต้องเลือกด้านบนและด้านล่าง จากนั้นส่วนที่คาดว่าจะหยุดและย้อนกลับจะต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด เมื่อคำนึงถึงความแตกต่างที่ซ่อนอยู่ อาจแสดงสัญญาณล่วงหน้าว่าแนวโน้มจะไปต่อหรือไม่ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องระวังและรู้ว่าควรดำเนินการเมื่อใด

    คุณต้องระวังที่จะไม่รีบร้อนและกระโดดในการค้าขายหากดูเหมือนว่าความแตกต่างกำลังจะเกิดขึ้น บางครั้งเกิดความแตกต่างเล็กน้อย และหากคุณทำการค้ากับสิ่งนี้ คุณอาจสูญเสียผลกำไรที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความแตกต่างที่ “จริง” หรือ “จริง”

    แผนภูมิระยะยาวมักจะแสดงการเคลื่อนไหวที่แม่นยำยิ่งขึ้นในเสียงสูงและต่ำเพื่อกำหนดเมื่อมีความแตกต่างที่แท้จริงและความถี่ที่เกิดขึ้น

    การซื้อขายบน Divergence ยังหมายถึงไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีการโดยรวมของคุณอย่างไร คุณควรใช้สัญญาณหยุดการขาดทุน สำหรับการซื้อขายของคุณ วิธีที่เป็นไปได้ในการทำเช่นนี้คือการหยุดอย่างหนักที่คุณคาดการณ์ว่าระดับสูงสุดจะสูงที่สุดก่อนที่ตลาดจะเปลี่ยนเป็น “ขาลง” และเริ่มลดลง ด้วยวิธีนี้ กำไรที่มากที่สุดจะถูกจับได้

    สัญญาณสำหรับการซื้อขาย

    เมื่อคุณรู้วิธีอ่านรูปแบบข้างต้นแล้ว จะมีคำถามว่าสัญญาณสำหรับรูปแบบเหล่านี้คืออะไร สำหรับความแตกต่างใน Forex ผู้ค้าจำเป็นต้องดูสัญญาณการแตกต่างของ oscillator สิ่งเหล่านี้มักจะให้ประวัติโดยย่อของรูปแบบ Divergence ล่าสุดสำหรับคู่สกุลเงินนั้น ๆ ของสัญญาณ oscillator หลายตัว stochastic oscillatorเป็นหนึ่งใน oscillator ที่แม่นยำกว่าสำหรับกำหนดและรับค่าเมื่อ Divergence เกิดขึ้นหรือเกิดขึ้นแล้ว

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง Forex : วิธีจัดการความเสี่ยง

    กันยายน 27, 2022

    ความตื่นเต้น ความวิตกกังวล ความผิดหวัง ความอิ่มเอมใจ – นี่คือตัวอย่างบางส่วนของอารมณ์ที่สามารถสัมผัสได้เมื่อทำการซื้อขาย ซึ่งบางครั้งอาจเกิดขึ้นภายในไม่กี่นาทีแรก!

    หนึ่งในความท้าทายหลักคือการรู้วิธีจัดการความเสี่ยงในบัญชีซื้อขายของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะในขณะที่ความสามารถในการทำกำไรเมื่อทำการซื้อขายเป็นวัตถุประสงค์หลัก ที่สำคัญเท่าเทียมกันคือความสามารถในการปกป้องเงินทุนของคุณเมื่อต้องเผชิญกับการเคลื่อนไหวของตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย การใช้คำสั่ง Stop Loss และ Take Profit อย่างมีประสิทธิภาพโดยเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การซื้อขายโดยรวมเป็นวิธีง่ายๆ ในการทำเช่นนี้

    ในบทความนี้ เราจะพูดถึงการจัดการความเสี่ยงคืออะไรและเหตุใดจึงมีความสำคัญตลอดจนกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงที่ใช้บ่อยที่สุดบางส่วนที่สามารถช่วยคุณปรับปรุงประสิทธิภาพการซื้อขายของคุณได้ แต่ก่อนอื่นมาเริ่มกันที่พื้นฐานกันก่อน!

    การบริหารความเสี่ยง forex คืออะไร?

    การจัดการความเสี่ยงเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของ  แผนการซื้อขาย  และสามารถสร้างความแตกต่างระหว่างการพนันและการซื้อขายได้ การวางการซื้อขายโดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องคือการพนัน ในทางกลับกัน การซื้อขายเป็นเรื่องเกี่ยวกับการรับความเสี่ยงที่คำนวณได้ – พยายามลดการขาดทุนให้เหลือน้อยที่สุดในขณะที่เพิ่มผลกำไรสูงสุด

    การจัดการความเสี่ยงเป็นชุดของกฎเกณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อลดความสูญเสียของคุณและรักษาอัตราส่วนความเสี่ยง/ผลตอบแทนที่เหมาะสมเมื่อทำการซื้อขาย

    พื้นฐานของการจัดการความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน

    ก่อนอื่น คุณควรเข้าใจก่อนว่าคุณเป็นเทรดเดอร์ประเภทไหน และเข้าใจความเสี่ยงของตัวเอง ผู้ค้าบางรายกระตือรือร้นที่จะเสี่ยงมากขึ้นเพื่อแลกกับผลกำไรที่มีศักยภาพสูงขึ้น ในทางกลับกัน ผู้ค้าบางรายไม่ชอบความเสี่ยงมากกว่าและชอบที่จะรักษาความเสี่ยงให้ต่ำ

    การระบุความเสี่ยงที่ยอมรับได้จะช่วยคุณกำหนดว่าคุณควรเสี่ยงต่อการซื้อขายเท่าใด ในขณะที่ผู้ค้าที่ก้าวร้าวอาจเสี่ยง 2-3% ของยอดคงเหลือในบัญชีต่อการค้า ผู้ค้าที่ระมัดระวังอาจต้องการไปที่ 0.5-1.0% ต่อการค้า

    ความเสี่ยงของการซื้อขาย forex คืออะไร?

    หนึ่งในความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดในการซื้อขาย forex คือเลเวอเรจ แม้ว่าเลเวอเรจจะช่วยเพิ่มผลกำไรของคุณ แต่ก็สามารถขยายการขาดทุนของคุณได้ มีเหตุผลหลายประการที่เรียกว่า “ดาบสองคม”

    เช่นเดียวกับบัตรเครดิตสามารถช่วยให้คุณใช้จ่ายได้มากกว่าที่คุณมีในเงินในบัญชีธนาคารของคุณ เลเวอเรจช่วยให้คุณควบคุมสถานะที่มีขนาดสำคัญเมื่อเทียบกับยอดเงินในบัญชีจริงของคุณ ยิ่งเลเวอเรจสูงเท่าไร ความเสี่ยงที่คุณจะสูญเสียเงินทุนทั้งหมดก็จะยิ่งสูงขึ้น

    ความเสี่ยงอีกประการหนึ่งคือสภาพคล่อง ตัวอย่างหนึ่งคือตลาดเปิดในเย็นวันอาทิตย์ (NY Time) สภาพคล่องจะเบาบางมากและมีความเสี่ยงร้ายแรงต่อช่องว่างในช่วงสุดสัปดาห์ที่สำคัญ นักเทรดอาจถูกเซอร์ไพรส์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ขณะที่ตลาดปิด อย่างไรก็ตาม สภาพคล่องสามารถหายไปได้แม้ในช่วงวันธรรมดาที่ตลาดเปิด สิ่งนี้ทำให้ผู้ค้าเกิดความคลาดเคลื่อนเมื่อเข้าและปิดตำแหน่ง

    นอกจากนี้ ความเสี่ยงด้านเทคโนโลยียังส่งผลต่อผู้ค้าอีกด้วย อาจเป็นปัญหาเล็กน้อย เช่น การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในบ้านของคุณล้มเหลว แม้ว่าสิ่งนี้จะเป็นหายนะสำหรับเทรดเดอร์เมื่อสองทศวรรษที่แล้ว แต่ผู้ค้าส่วนใหญ่มีเวอร์ชันของแพลตฟอร์มการซื้อขายที่ติดตั้งบนอุปกรณ์มือถือของตน ในทางกลับกัน โบรกเกอร์ของคุณอาจประสบปัญหาการหยุดทำงานครั้งใหญ่ ซึ่งอาจขัดขวางไม่ให้คุณเข้าถึงแพลตฟอร์มและจัดการตำแหน่งของคุณ นี่อาจเป็นปัญหาที่ร้ายแรงกว่ามาก เนื่องจากคุณจะไม่สามารถควบคุมตำแหน่งของคุณได้ ไม่ว่าคุณจะใช้อุปกรณ์ใด โชคดีที่ไฟดับดังกล่าวค่อนข้างหายากและได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว

    กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยง Forex

    เมื่อคุณมีความคิดที่ดีเกี่ยวกับความเสี่ยงส่วนบุคคลแล้ว คุณควรเริ่มรวมการจัดการความเสี่ยงเข้ากับแผนการซื้อขายของคุณ ซึ่งหมายถึงการกำหนดว่าคุณต้องการเสี่ยงต่อการค้าขายเท่าใด และการวางแผนกลยุทธ์การเข้าและออกของคุณ

    การซื้อขายโดยไม่หยุดและ/หรือทำกำไรอาจเป็นอันตรายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้น คุณอาจถูกล่อลวงให้แหกกฎและปล่อยให้ตำแหน่งที่แพ้ดำเนินไปโดยหวังว่าพวกเขาจะทำกำไรได้ในที่สุด การมีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนและคำสั่งหยุดการขาดทุนสามารถช่วยคุณจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ในท้ายที่สุด อารมณ์ไม่สามารถขจัดออกจากการซื้อขายได้ แต่สามารถควบคุมได้ด้วยการฝึกฝนที่เพียงพอ การมีแผนการซื้อขายที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายนี้ เนื่องจากคุณจะมีระเบียบวินัยมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
    ด้วยเหตุนี้ การมีความคาดหวังที่เป็นจริงเกี่ยวกับสิ่งที่คุณทำได้จึงเป็นสิ่งสำคัญ คุณไม่สามารถรับผลตอบแทนรายเดือน 50% ได้หากไม่ได้รับความเสี่ยงมากเกินไป และความเสี่ยงที่บัญชีของคุณจะเสียหายก็มีนัยสำคัญ การมีเป้าหมายที่เป็นจริงมากขึ้น เช่น การบรรลุผลตอบแทน เช่น 3% ต่อเดือน จะช่วยให้คุณควบคุมอารมณ์ได้

    บริหารความเสี่ยงในการเทรด forex อย่างไร?

    มาดูตัวอย่างเพื่อดูว่าคุณสามารถจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพในขณะที่ทำการซื้อขายในตลาด forex ได้อย่างไร

    ตัวอย่างการค้า: AUDUSD

    สมมติว่าคุณมีเงิน AU$10,000 ในบัญชีซื้อขายของคุณ คุณได้ตัดสินใจว่าคุณคิดว่าอัตรา AUDUSD จะสูงขึ้น ดังนั้นคุณจึงต้องการซื้อคู่สกุลเงินนี้

    คุณยังตัดสินใจใช้ 5% ของมูลค่าบัญชีซื้อขายของคุณเป็นข้อกำหนดมาร์จิ้นเพื่อให้ครอบคลุมการซื้อขายนี้ ซึ่งเท่ากับจำนวน AU$500 (10000 x 0.05 = 500)

    จากนั้น คุณตัดสินใจซื้อขาย AUDUSD ที่อัตรามาร์จิ้น 1% หรืออีกนัยหนึ่ง โดยใช้อัตราส่วนเลเวอเรจ 100:1 ซึ่งหมายความว่าด้วยมูลค่าหลักประกันมูลค่า AU$500 คุณสามารถเปิดขนาดตำแหน่งได้ 50,000 AUDUSD (500 คือ 1% ของขนาดตำแหน่งโดยรวม ดังนั้นการคูณด้วย 100 จะทำให้เรามีขนาดตำแหน่งรวม 50000 )

    ในการเข้าสู่การค้าโดยใช้อัตรามาร์จิ้น 1% คุณวางคำสั่งตลาดเพื่อซื้อ 50,000 AUDUSD ที่ 0.7250 ซึ่งเป็นราคาตลาดปัจจุบัน

     

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    กลยุทธ์การซื้อขาย Forex Swing Trading อันดับต้น ๆ ที่ผู้ค้า FX ทุกคนจำเป็นต้องรู้

    กันยายน 27, 2022

     

    สำหรับการซื้อขายสกุลเงินทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น Forex หรือหุ้นและพันธบัตร ต้องมีกลยุทธ์เพื่อให้ประสบความสำเร็จ ไม่ค่อยจะสุ่มซื้อขายโดยไม่มีคล้องจองหรือเหตุผลพาคุณไปทุกที่

    การเทรด Forex สามารถติดตามได้ด้วยเทคนิคการเทรดมากมาย แต่แล้ว Forex Swing Trading ล่ะ? เมื่อพิจารณาถึงการซื้อขายแบบสวิง เรายังสามารถแยกย่อยว่ากลยุทธ์การซื้อขายแบบสวิงที่ดีที่สุดคืออะไร และหากการซื้อขายแบบสวิงได้ผลจริง

    wing Trading คืออะไร?

    อย่างแรกเลย การซื้อขายแบบสวิงใน Forex คืออะไร?

    การซื้อขาย Swing trading เป็นกลยุทธ์การซื้อขายที่ผู้ค้า Forex พยายามที่จะทำกำไรโดยการเลือกทั้งจุดเข้าและออกที่เกิดขึ้นก่อนและหลังการเปิดตลาดอย่างกะทันหัน นี่คือจุดที่วงสวิงเข้ามามีบทบาท ผู้ค้ายึดตำแหน่งไว้ปานกลางเนื่องจากรูปร่าง “U” ที่แตกต่างกันในแผนภูมิถูกสร้างขึ้นเพื่อแสดงแนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง ตามด้วยตัว “U” จนกระทั่งเลี้ยวลง

    นี่คือทั้งหมดที่เกี่ยวกับการซื้อต่ำและขายสูง!

    การซื้อขาย Swing trading ยังใช้ตัวบ่งชี้บางตัวที่มองเห็นได้ง่าย ซึ่งรวมถึงรูปแบบ head shoulders, รูปแบบ flag, รูปแบบ cup and handles , เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่และรูปแบบ triangle trading

    ข้อดีของ Swing Trading

    การซื้อขาย Swing trading มีความเสี่ยงมากกว่าเทคนิคการซื้อขายบางอย่าง แต่ยังห่างไกลจากสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งหมายความว่ามีอัตราส่วนความเสี่ยงที่เหมาะสมที่จะให้รางวัลด้วยการใช้การซื้อขาย Swing trading เป็นกลยุทธ์สำหรับ Forex

    กลยุทธ์การซื้อขายนี้ยังให้ โอกาสในการซื้อขายในปริมาณ ที่ยุติธรรม กลยุทธ์การซื้อขายบางอย่างมีข้อจำกัดมากกว่าในแง่ของจำนวนครั้งที่คุณสามารถเลือกจุดเข้าและออกได้

    ข้อดีอีกประการหนึ่งที่นี่คือการซื้อขาย Swing trading ใช้ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อดึงออกมา ซึ่งหมายความว่าคุณได้รับประโยชน์จากการได้รับการสนับสนุนทางเทคนิคด้วยการดูว่าตลาดกำลังทำอะไรและจะทำการซื้อขายเมื่อใด

    แม้ว่าอาจต้องใช้เวลาพอสมควรในการหาเวลาที่ดีที่สุดในการเคลื่อนไหว แต่การซื้อขาย Swing trading ไม่จำเป็นต้องให้คุณติดอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคุณตลอดไป ระหว่างตัวชี้วัดทางเทคนิคและลักษณะโดยรวมของสกุลเงินที่ผันผวน หากคุณพลาดจุดเข้าหรือออก จุดอื่นจะมา

    การซื้อขาย Swing trading ยังให้ผลกำไรเฉลี่ย 2% ต่อการซื้อขาย 2% อาจดูเหมือนไม่มาก แต่มากกว่าเดย์เทรดเดอร์ทั่วไป

    ข้อเสียของการซื้อขาย Swing trading

    กลยุทธ์การซื้อขาย Forex swing trading นั้นต้องการความรู้ด้านเทคนิคในปริมาณที่พอเหมาะหรืออย่างน้อยก็ความสามารถในการเรียนรู้อย่างรวดเร็วเพื่ออ่านการวิเคราะห์และแผนภูมิอย่างถูกต้อง คุณต้องสามารถระบุช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบเหล่านั้นเพื่อเสนอราคาสำหรับจุดเข้าและออก และในการซื้อขาย swing trading

    การใช้เทคนิคการซื้อขาย  forex swing trading ใดๆ ยังหมายความว่าคุณต้องสามารถลงทุนเวลาไม่ใช่แค่เงินในบัญชี Forex ของคุณ เนื่องจากมีจุดเฉพาะที่คุณต้องเข้าและออกเพื่อให้สามารถทำกำไรได้ คุณต้องสามารถนั่งดูแดชบอร์ดการซื้อขายของคุณได้ ซึ่งมักจะหมายถึงการทำการซื้อขายด้วยตนเอง ดังนั้นการใช้เวลาในการระบุแนวโน้มจึงเป็นสิ่งจำเป็น ด้วยเหตุนี้ การจับตาดูแผนภูมิแท่งเทียนเหล่านั้นจะเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จของคุณ

    ความเสี่ยงในชั่วข้ามคืนเป็นข้อเสียเปรียบอีกประการหนึ่งของการซื้อขาย swing trading in Forex เนื่องจาก Forex เป็นตลาดที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง และคุณไม่สามารถดูแผนภูมิของคุณได้ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน จึงมีโอกาสมากที่จะพลาดจุดทางออกที่ดีที่สุดของคุณหากคุณไม่อยู่

    กลยุทธ์การซื้อขาย Forex swing trading ที่ดีที่สุดมีอะไรบ้าง?

    มีกลยุทธ์การซื้อขาย Forex swing trading ที่แตกต่างกันสองสามแบบ ดังนั้นมันจึงขึ้นอยู่กับประเภทของนักเทรดที่คุณควรตัดสินใจได้ดีที่สุดว่ากลยุทธ์การซื้อขาย swing trading ที่ดีที่สุดคืออะไร ไม่ว่ากลยุทธ์ที่เลือกจะเป็นอย่างไรก็ตาม พวกเขามักจะติดตามแนวโน้มหรือแลกเปลี่ยนกับแนวโน้ม

    Trend Trading

    การซื้อขายตามเทรนด์มักถูกมองว่าเป็นกลยุทธ์การซื้อขาย swing trading ที่ดีที่สุดสำหรับ Forex ด้วยการซื้อขายประเภทนี้แนวโน้มที่จะมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าราคาขึ้นและลงเหมือนเป็นขั้นเป็นตอนมากกว่าแบบเชิงเส้นมากกว่า

    เทคนิคนี้ดูเหมือนว่าจะใช้ประโยชน์จากเส้นแนวโน้มขาขึ้น นี่หมายถึงการมองหาจุดที่สมบูรณ์แบบซึ่งตลาดเปลี่ยนจากจุดต่ำสุดและเริ่มต้นและแนวโน้มการเติบโตโดยรวมที่สูงขึ้น สัญญาณบอกเล่าที่ใหญ่ที่สุดที่แนวโน้มนี้ได้เริ่มต้นขึ้นคือจุดต่ำสุดต่ำสุดของแท่งเทียนแต่ละแท่งเริ่มมีมูลค่าสูงขึ้นและสูงขึ้น

    กำไรมักจะมีค่ามากกว่าการสูญเสียด้วยเทคนิคการซื้อขาย swing trading ดังนั้นในห้าเทคนิคหลักในการซื้อขาย swing trading จึงถือว่า “ปลอดภัยที่สุด”

    การซื้อขายตามเทรนด์

    การซื้อขายตามเทรนด์ตรงกันข้ามกับกลยุทธ์แรกที่เรากล่าวถึง สำหรับเทคนิคนี้ คุณพยายามสังเกตแนวโน้มที่กลับเป็นขาลงและกลับตัวลงหรือทรุดตัวลงแทนที่จะขึ้นไปด้านบน

    กลยุทธ์การซื้อขายฟอเร็กซ์นี้ยากกว่าคู่กันเล็กน้อย เนื่องจากคุณต้องมีวินัยมากขึ้นและง่ายกว่ามากที่จะพลาดสัญญาณที่เหมาะสมและพลาดจุดเข้าหรือออกเพื่อทำกำไร

    กลยุทธ์ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่

    กลยุทธ์ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่คือกลยุทธ์การซื้อขายแบบ swing ของ Forex ที่เกี่ยวข้องกับการดูช่วงเวลาเฉลี่ยและการเคลื่อนไหวภายในนั้น เทคนิคนี้ใช้ทักษะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในการดึงออก เนื่องจาก Forex เป็นตลาดที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันในหนึ่งสัปดาห์ ดังนั้น คุณจำเป็นต้องมีกลยุทธ์ที่แตกต่างออกไปเพื่อใช้สวิงเทรดประเภทนี้

    • ช่วง 20/21: กลยุทธ์นี้มักจะเป็นที่นิยมมากที่สุดของกลยุทธ์เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ การเคลื่อนไหวในช่วงเวลาประเภทนี้มักจะแม่นยำกว่าในการแสดงเส้นแนวโน้มที่ชัดเจน
    • 50 ช่วงเวลา: ถือเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมเนื่องจากเป็นหนึ่งในการใช้งานที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่ผู้ค้า นี้มักจะถือว่าเป็นสื่อกลางความสุขระหว่างแนวโน้มระยะยาวหรือระยะสั้น
    • 100 ระยะเวลา: นี่เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่ผู้ค้า Forex ชื่นชอบ เนื่องจากมักใช้ตัวเลขกลม นี้เข้ากันได้ดีสำหรับผู้ที่แกว่งการค้าจากการถือรายสัปดาห์หรือรายเดือน
    • ระยะเวลา 200/250: นี่เป็นกลยุทธ์ระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ที่ถือครองรายวันมากกว่าการถือครองระยะยาว เนื่องจากจะแสดงปีของการเคลื่อนไหวของราคาเพื่อให้สามารถแสดงรอบที่แตกต่างกันได้ดีขึ้น

    กลยุทธ์วง Bollinger

    กลยุทธ์ Bollinger band คือเมื่อคุณใช้ตัวบ่งชี้ที่แตกต่างกันสามตัวเพื่อค้นหาจุดเปลี่ยนโดยรวมเมื่อทำการซื้อขาย จุดเปลี่ยนทั้งสามนี้สร้างค่าเฉลี่ยในลักษณะที่คล้ายกับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ สำหรับผู้ที่ใช้ชีวิตอย่างหนักในโลกแห่งการวิเคราะห์ สามารถดูได้เหมือนกับการวัดค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน

    หากจุดราคาอยู่เหนือแถบ แสดงว่ามีการซื้อมากเกินไป และหากอยู่ต่ำกว่าระดับ แสดงว่ามีการขายมากเกินไป กลยุทธ์นี้เหมือนกับกลยุทธ์อื่นๆ คือการค้นหาจุดที่สมบูรณ์แบบระหว่างการซื้อและขาย และกำหนดเวลาที่เหมาะสมในการทำกำไร

    การตัดสินใจทั้งหมดเกิดขึ้นจากการที่จุดเหล่านั้นขยับขึ้นหรือลงแถบ ดังนั้นกลยุทธ์นี้จึงต้องใช้ทักษะและกลยุทธ์เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยจึงจะสามารถใช้งานได้สำเร็จเมื่อเทียบกับเทคนิคการซื้อขาย Forex แบบวงสวิงอื่น ๆ

    กลยุทธ์ที่หลากหลาย

    กลยุทธ์ที่ใช้งานได้หลากหลายถือเป็นกลยุทธ์สำหรับมือใหม่และค่อนข้างง่ายต่อการนำไปใช้ในชุดเครื่องมือโดยรวมของเทคนิคใดก็ตามที่คุณต้องการใช้ แต่แน่นอนว่าต้องเจาะลึกลงไปในการซื้อขายแบบ swing มากกว่าเทคนิคการซื้อขายแบบ swing อื่น ๆ

    กลยุทธ์การซื้อขายประเภทนี้หมายความว่าคุณจะใช้การผสมผสานของตัวอย่างการซื้อขายแบบ swing ด้านบนและแบบอื่นๆ ที่เป็นไปได้เพื่อรองรับการซื้อขายของคุณในแต่ละวัน เพื่อให้เหมาะสมกับสิ่งที่ตลาดทำเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของสกุลเงินได้อย่างเต็มที่

    ซึ่งหมายความว่าคุณมีข้อผูกมัดเพียงเล็กน้อยว่าจะใช้ swing trading ประเภทใดตลอดเวลา และคุณจะได้ทดลองกับกลยุทธ์การซื้อและระงับที่ดีที่สุด

    Swing Trading เป็นมิตรกับผู้เริ่มต้นหรือไม่?

    เทคนิคการซื้อขาย Forex swing trading มักจัดว่าเป็นมิตรสำหรับผู้เริ่มต้นหรือผู้ที่มีประสบการณ์การซื้อขายปานกลาง นอกจากจะเป็นมิตรกับผู้เริ่มต้นแล้ว ยังเป็นมิตรกับผู้ที่มีชีวิตกึ่งยุ่งมากกว่านอก Forex ซึ่งหมายความว่าผู้ที่ทำงานในวันนั้นหรือทำกิจกรรมอื่น ๆ เพียงแค่ต้องมีเวลาเพียงพอในการลงทุนเพื่อให้สามารถตามตลาดได้และสามารถรักษาตำแหน่งไว้ได้นานพอที่จะออกจากตลาดได้อย่างเหมาะสม

    แม้ว่าคุณจะต้องมีเวลาในการค้นหาจุดเข้าและออกที่สมบูรณ์แบบ แต่เวลาพักระดับกลางที่มักจะจบลงด้วยสเปรดในช่วงสองสามวันถึงสองสัปดาห์ช่วยให้เทรดเดอร์มือใหม่ใช้เวลาในการดูตลาดและ แนวโน้ม

    ด้วยกลยุทธ์โดยรวมที่เหมาะสม การซื้อขายแบบ swing จึงค่อนข้างง่ายทั้งการเรียนรู้และนำไปใช้ในพอร์ตการลงทุน

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    Leverage ในการซื้อขายคืออะไร?

    กันยายน 26, 2022

    Leverage ในการซื้อขายคืออะไร?

     

    Leverage เป็นหนึ่งในแนวคิดที่สำคัญที่สุดที่ต้องทำความเข้าใจเมื่อทำการซื้อขายในตลาดการเงิน เช่น ฟอเร็กซ์, CFD หุ้น, CFD คริปโต และดัชนี

    เป็นเหตุผลที่เทรดเดอร์สามารถได้รับความเสี่ยงอย่างเต็มที่จากการค้าขาย และอาจเห็นผลตอบแทนที่มากขึ้นหรือขาดทุนมากขึ้น แม้จะไม่มีทุนเต็มจำนวน ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณต้องการเมื่อทำการซื้อขายหุ้นหรือพันธบัตรแบบเดิมๆ

    ในอีกทางหนึ่ง เลเวอเรจทำให้การซื้อขายสามารถเข้าถึงได้มากขึ้นโดยให้ผู้ค้าทำการค้ามากกว่าที่พวกเขามี สิ่งนี้เกิดขึ้นในลักษณะเดียวกับการซื้อบ้านโดยการกู้ยืมจากธนาคาร หากคุณสามารถฝากเงินเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่ารวมได้ ธนาคารจะรับผิดชอบส่วนต่างให้ เมื่อนำไปใช้กับการซื้อขาย คุณจะต้องเพิ่มส่วนหนึ่งของจำนวนการซื้อขายทั้งหมดกับนายหน้าของคุณครอบคลุมส่วนที่เหลือ

    ก่อนที่เราจะเจาะลึกลงไป เรามาทำความเข้าใจคำจำกัดความพื้นฐานของแนวคิดเรื่อง ‘เลเวอเรจ’ ในการซื้อขายกันก่อน

    เลเวอเรจในการซื้อขายคืออะไร?

    Leverage เป็นอัตราส่วนที่แสดงถึงระดับความเสี่ยงที่คุณต้องทำการซื้อขาย การใช้เลเวอเรจหมายความว่าคุณสามารถควบคุม การซื้อขายที่มีมูลค่าสูงกว่ามาร์จิ้นที่คุณถืออยู่

    เลเวอเรจทำงานอย่างไร

    สมมติว่าผู้ค้ามีเงิน 1,000 ดอลลาร์ในบัญชี แต่รู้สึกว่าไม่เพียงพอสำหรับการซื้อขาย พวกเขาอาจเลือกใช้เลเวอเรจที่นายหน้าจัดหาให้ หากพวกเขาเลือกใช้เลเวอเรจ 10:1 ศักยภาพในการลงทุนของพวกเขาจะกลายเป็น 10,000 ดอลลาร์ (1,000 X 10) โบรกเกอร์จะใช้เงินจำนวนหนึ่งเป็นมาร์จิ้น ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามเครื่องมือทางการเงินต่างๆ และให้ยืมส่วนที่เหลือเพื่อให้คุณเปิดโพซิชั่นได้

    ประโยชน์ของเลเวอเรจคือช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเข้าและควบคุมเงินทุนที่มากขึ้นโดยใช้มาร์จิ้นเพียงเล็กน้อย สิ่งนี้ดึงดูดเทรดเดอร์จำนวนมาก แต่สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าการซื้อขายมาร์จิ้นและเลเวอเรจอาจเป็นดาบสองคม เนื่องจากสามารถขยายทั้งการชนะและการขาดทุน

    Leverage หมายถึง ความสามารถในการเทรดหรือการเทรดปริมาณมากโดยไม่ใช้เงินของตัวเองเลเวอเรจทำให้ผู้ใช้มีโอกาสรับความเสี่ยงจากตลาด ซึ่งจะเพิ่มจำนวนเงินที่มีอยู่จริงในบัญชีเพื่อเป้าหมายในการเพิ่มผลกำไร ค่า Leverage ที่สูงและสามารถเทรดได้อย่างง่ายดายสำหรับค่า Leverage จะทำให้คุณใช้เงินลงทุนที่น้อย แต่ได้กำไรสูง เพราะเปิด Lot ที่ใหญ่ขึ้นLeverage ที่พบมากๆจะประกอบไปด้วย

    ค่า Leverage 1:1

    ค่า Leverage 1:2

    ค่า Leverage 1:100

    ค่า Leverage 1:200

    ค่า Leverage 1:1000

    ค่า Leverage 1:2000 (เช่นที่ exness.com)

    คุณมีเงินทุน $1,000 เลือก Leverage 1:1 คุณจะมีอำนาจซื้อขายสูงถึง $1,000

    คุณมีเงินทุน $1,000 เลือก Leverage 1:1,000 คุณจะมีอำนาจซื้อขายสูงถึง $1,000,000

    คุณมีเงินทุน $1,000 เลือก Leverage 1:2,000 คุณจะมีอำนาจซื้อขายสูงถึง $2,000,000
    เทรดเดอร์ Forex มือใหม่ เลือก Leverage เท่าไหร่
    ตัวอย่างการเลือก Leverage (เลเวอเรจ) ต่ำ

    ทุน 1,000$ Leverage 1:10 ทำให้คุณซื้อขายได้สูงสุด 0.1 Lot เมื่อคุณซื้อขายแบบสูงมากที่สุดหรือเกิดอารมณ์ Overtrade มากที่สุด คุณก็ยังจะซื้อขายได้มากที่สุดเพียงแค่ 0.1 Lot และถ้าหากว่าราคาเคลื่อนที่ไป 1pip เมื่อคุณเปิดออร์เดอร์ขนาด 0.1 Lot จะเป็นจำนวนเงิน 1$ ต่อการเคลื่อนที่ 1 pip ถ้าหากราคาเคลื่อนที่สวนทางไป 1,000 pip จะเป็นเงิน 1,000$ คุณจะล้างพอร์ตไปในทันทีที่ราคาเคลื่อนที่ผิดทางไป 1,000pip

    ตัวอย่างการเลือก Leverage (เลเวอเรจ) สูง

    ทุน 1,000$ Leverage 1:3,000 ซื้อขายได้สูงสุด 30 Lot เมื่อคุณซื้อขายแบบสูงมากที่สุดหรือเกิดอารมณ์ Overtrade มากที่สุด คุณจะซื้อขายได้มากที่สุด 30 Lot (ถือว่าเยอะมากสำหรับทุน 1,000$) และถ้าหากว่าราคาเคลื่อนที่ไป 1 pip เมื่อคุณเปิดออร์เดอร์ขนาด 30 Lot จะเป็นจำนวนเงิน 300$ ต่อการเคลื่อนที่ 1 pip ถ้าหากราคาเคลื่อนที่สวนทางไป 3pip จะเป็นเงิน 900$ คุณจะล้างพอร์ตไปในทันทีที่ราคาเคลื่อนที่ผิดทางไป 3 pip ยังไม่ถึง pip ที่ 4 ด้วยซ้ำ

    อัตราส่วนเลเวอเรจคืออะไร?

    อัตราส่วนเลเวอเรจจะวัดความเสี่ยงทั้งหมดของคุณเมื่อเทียบกับมาร์จิ้นของคุณ ตัวอย่างเช่น หากคุณเปิดการซื้อขายที่มีมูลค่า $10,000 ด้วยเงินทุนที่มีอยู่ $1,000 แสดงว่าคุณกำลังใช้เลเวอ  เรจ 10:1

    เลเวอเรจ 10:1

    มาร์จิ้นในการซื้อขายคืออะไร?

    มาร์จิ้นคือจำนวนเงินที่คุณต้องมีในบัญชีซื้อขายของคุณเพื่อเปิดการซื้อขาย เพื่อรักษาสถานะที่เปิดไว้ คุณต้องรักษามาร์จิ้นให้เพียงพอในบัญชีของคุณเสมอ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อขายมาร์จิ้นและทบทวนตัวอย่างด้านล่าง

    ตัวอย่างที่ 1: การคำนวณมาร์จิ้น

    คุณมีเงิน AU$10,000 ในบัญชีซื้อขายของคุณ ด้วยมาร์จิ้น 1% คุณจะสามารถเปิดสถานะเป็นมูลค่ารวม $1,000,000 [$10,000 ÷ 0.01 = $1,000,000]

    สมมติว่าคุณต้องการซื้อ AU$500,000 (เทียบเท่ากับ 5 สัญญามาตรฐาน) เทียบกับ USD ที่อัตราแลกเปลี่ยน 0.800 ข้อกำหนดมาร์จิ้นเริ่มต้นของคุณจะเท่ากับ AU$5,000:

    มาร์จิ้นเริ่มต้น: 5 ล็อต x [ขนาดสัญญา x 0.01] = $5,000

    หากค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับ USD ที่ 0.7950 Variation Margin ของคุณ (ขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง) จะเท่ากับ 2,500 ดอลลาร์สหรัฐ (AU$3,145) จากนั้น คุณสามารถคำนวณความต้องการมาร์จิ้นรวมของคุณได้ง่ายๆ โดยการเพิ่มมาร์จิ้นเริ่มต้นและมาร์จิ้นผันแปร:

    มาร์จิ้นทั้งหมด: AU$5,000 + AU$3,145 = AU$8,145

    หากต้องการแปลงเป็นอัตราส่วนมาร์จิ้น ให้แบ่งส่วนของบัญชีตามข้อกำหนดหลักประกัน:

    อัตราส่วนมาร์จิ้น: [AU$10,000 – AU$3,145] ÷ AU$5,000 = 137%

    ตัวอย่างเลเวอเรจในตลาดฟอเร็กซ์

    สมมติว่าคุณมี $1000USD ในบัญชีซื้อขายของคุณ คุณระบุโอกาสในการซื้อขายใน EUR/USD และต้องการซื้อที่ราคาตลาดปัจจุบัน (1.20) คุณวาง stop loss ที่ 1.1970 (ต่ำกว่าราคาตลาด 30 pip) และตั้งคำสั่ง take profit ที่ 1.21 (100 pip สูงกว่าราคาตลาด) สิ่งนี้ให้อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่มั่นคงที่ 1:3.33

    สูงสุดที่คุณต้องการเสี่ยงต่อการซื้อขายคือ 3% ของยอดเงินในบัญชีของคุณ – ซึ่งในกรณีนี้คือ €30 Stop Loss ของคุณมีมูลค่า 30 pip และด้วยการซื้อขาย 0.10 Lot (มูลค่า 10,000 ดอลลาร์) คุณจะต้องเสี่ยง 1 ดอลลาร์ต่อ pip อย่างแน่นอน

    คุณไม่สามารถเปิดการซื้อขายนี้ด้วยเงินเพียง $1,000 ในบัญชีของคุณ อย่างไรก็ตาม สมมติว่าคุณมีเลเวอเรจ 50:1 ในบัญชีของคุณ หลักประกันที่จะถูกหักจากบัญชีของคุณในกรณีนี้คือ 232 USD เท่านั้น

    ข้อดีของการซื้อขายแบบเลเวอเรจคืออะไร?

    ข้อดีหลักสองประการของการซื้อขายแบบเลเวอเรจคือ:

    • เพิ่มผลกำไรของคุณ (แต่ยังสามารถขยายการสูญเสีย) การใช้เลเวอเรจสามารถเพิ่มผลกำไรในการเทรดที่ประสบความสำเร็จได้
    • ปลดทุน. เนื่องจากคุณจำเป็นต้องจองยอดคงเหลือที่มีอยู่เพียงเล็กน้อยสำหรับสถานะใดสถานะหนึ่ง คุณจึงสามารถใช้มาร์จิ้นที่เหลือที่เหลือสำหรับการซื้อขายอื่นๆ ได้ หากไม่มีเลเวอเรจ คุณอาจไม่มีโอกาสนี้

    อะไรคือข้อเสียของการซื้อขายแบบเลเวอเรจ?

    • การสูญเสียครั้งใหญ่ – เลเวอเรจสามารถเพิ่มผลกำไรของคุณ แต่ยังเพิ่มการสูญเสียของคุณอีกด้วย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องใช้เลเวอเรจอย่างระมัดระวังและพิจารณาถึงข้อเสียที่อาจเกิดขึ้นหากการค้าผิดพลาด
    • Margin call – หากคุณมีเงินในบัญชีไม่เพียงพอสำหรับการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น การซื้อขายของคุณอาจถูกวางลงใน “Margin Call” หากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น นายหน้าของคุณสามารถปิดสถานะของคุณเพื่อลดความเสี่ยงสำหรับทั้งสองฝ่าย

    ฉันจะทำอย่างไรเพื่อลดความเสี่ยงเมื่อทำการซื้อขายด้วยเลเวอเรจ?

    1. มีแผนการจัดการความเสี่ยงที่ดี เช่น กำหนด % สูงสุดของยอดคงเหลือในบัญชีของคุณที่คุณต้องการเสี่ยงต่อการซื้อขาย

    2. ใช้คำสั่งหยุดการขาดทุนเพื่อควบคุมจำนวนเงินสูงสุดที่คุณสามารถสูญเสียต่อการซื้อขาย อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่าไม่รับประกันคำสั่งหยุดการขาดทุน และในช่วงเวลาที่มีสภาพคล่องต่ำ คุณอาจประสบกับ Slippage บ้าง

    3. ควบคุมอารมณ์ของคุณโดยใช้แผนการซื้อขายและ จัดทำบันทึก การซื้อขาย เลเวอเรจสามารถดึงดูดนักเทรดได้ เนื่องจากช่วยให้พวกเขาควบคุมขนาดตำแหน่งที่ใหญ่เมื่อเทียบกับยอดคงเหลือที่มีอยู่

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    ประโยชน์หลัก 17 ข้อของการซื้อขายฟอเร็กซ์คืออะไร?

    กันยายน 26, 2022

    การซื้อขายฟอเร็กซ์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและการเพิ่มขึ้นของแพลตฟอร์มที่เข้าถึงได้ทางมือถือทำให้การแลกเปลี่ยนสกุลเงินออนไลน์ง่ายขึ้นกว่าที่เคยจากทุกที่ในโลก

    และผู้ค้า forex อยู่ในธุรกิจการซื้อขายสกุลเงิน!

    เป็นกระบวนการที่ยากซึ่งต้องใช้ความอดทนและกลยุทธ์มากมาย ในปี 2022 จะมีโอกาสมากขึ้นสำหรับผู้ค้า เนื่องจากพวกเขาจะสามารถใช้กลยุทธ์การซื้อขาย forex ที่มีประสิทธิภาพ การซื้อขาย forex แบบ algorithmic และปัญญาประดิษฐ์ เช่นที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการซื้อขายของพวกเขาต่อไป

    ผู้ค้า forex ที่ดีที่สุดจะใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อให้ประสบความสำเร็จ รวมถึงกลยุทธ์การซื้อขายที่ผ่านการทดสอบตามเวลา ข้อมูลแบบเรียลไทม์ในตลาด ตลอดจนการพัฒนาใหม่จากนักลงทุน forex ที่ประสบความสำเร็จรายอื่นๆ

    มีประโยชน์มากมายในการซื้อขายฟอเร็กซ์ แต่ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจก่อนว่าการซื้อขาย forex คืออะไร

    การซื้อขายแลกเปลี่ยนคืออะไร?

    สำหรับผู้ที่อยู่ในกลุ่มนั้นที่ไม่รู้ว่าการซื้อขาย forex คืออะไร นี่คือการทบทวนอย่างรวดเร็ว

    Forex หรือ ‘FX’ ย่อมาจากคำว่า exchange และเป็นที่ที่การซื้อขายสกุลเงินเกิดขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกและสามารถเข้าถึงได้อย่างไม่น่าเชื่อ โดยผู้ค้ามีความสามารถในการซื้อขายจากทุกที่ทุกเวลา

    การซื้อขาย Forex ในรูปแบบพื้นฐานที่สุดคือการซื้อและขายสกุลเงินเพื่อทำกำไร ผู้ค้า forex จะเก็งกำไรในคู่สกุลเงินไม่ว่าจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงในมูลค่า การตัดสินใจนี้กำหนดว่าพวกเขาจะซื้อหรือขายคู่นี้

    แม้ว่าการซื้อขายฟอเร็กซ์อาจมีความเสี่ยงและคาดเดาไม่ได้แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้นักลงทุนบางคนสนใจ ความคาดเดาไม่ได้หรือความผันผวนในการซื้อขายคือสิ่งที่สร้างโอกาส และโอกาสในการซื้อขายฟอเร็กซ์อาจส่งผลให้เกิดผลกำไรหรือขาดทุนขึ้นอยู่กับด้านการค้าที่คุณอยู่

    17 ประโยชน์หลักของการซื้อขายForex

    รายการผลประโยชน์และข้อดีของการซื้อขายForex 

    1. ตลาด 24 ชม.

    ที่ตลาดหลักทรัพย์ส่วนใหญ่เปิดทำการตั้งแต่เวลา 9.00 น. – 16.00 น. (ขึ้นอยู่กับประเทศที่พวกเขาดำเนินการ) เวลาทำการของตลาด Forex จะต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มต้นสัปดาห์ในเช้าวันจันทร์ในนิวซีแลนด์จนถึงปิดในบ่ายวันศุกร์ตามเวลานิวยอร์ก นั่นหมายความว่าคุณสามารถซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ ทำให้คุณมีโอกาสในการซื้อขายมากขึ้น

    2. การศึกษาฟรีเพื่อเป็นผู้ค้า FX ที่ประสบความสำเร็จ

    การเทรด Forex นั้นเรียนรู้ได้ง่ายแต่ยากที่จะเชี่ยวชาญ ดังนั้นนี่คือเหตุผลที่หลายคนเรียกการเทรดว่าเป็น ‘การเดินทาง’ ที่ FTT เราต้องการมอบเนื้อหาการศึกษาที่ดีที่สุดแก่ผู้ค้าของเราทั้งหมดเพื่อเริ่มต้นเส้นทางการซื้อขายบนเส้นทางที่ถูกต้อง

     

    Forex eBook กราฟิก

    3. รูปแบบการซื้อขายทั้งหมดได้ผล

    ด้วยความสามารถในการทำกำไรจากการซื้อและขายระยะสั้น คุณสามารถประสบความสำเร็จโดยใช้รูปแบบการซื้อขาย Forex ที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่น มีกลยุทธ์การซื้อขาย Forex จำนวนหนึ่ง ที่อนุญาตให้ผู้ค้าใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์พื้นฐานเพื่อดำเนินการซื้อขายอย่างมั่นใจในขณะที่ปฏิบัติตามแนวทางการจัดการความเสี่ยงอย่างละเอียด

    รูปแบบการซื้อขายที่คุณตั้งใจจะใช้นั้นขึ้นอยู่กับระยะเวลาและความพยายามที่คุณมีเพื่ออุทิศให้กับการซื้อขายForex เช่นเดียวกับเป้าหมายสุดท้ายของคุณ แต่มีรูปแบบการซื้อขายมากมายให้ทดลองใช้: กลยุทธ์การเคลื่อนไหวของราคา การซื้อขายรายวัน การซื้อขายหนังศีรษะ การซื้อขายแบบสวิง และอีกมากมาย

    4. ค่าใช้จ่ายในการซื้อขายต่ำโดยไม่มีค่าคอมมิชชั่น

    เพื่อให้ง่ายขึ้น โบรกเกอร์ forex มักจะดูแลค่าธรรมเนียมใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขาย ซึ่งหมายความว่าคุณไม่ต้องชำระเงินสำหรับสิ่งต่าง ๆ เช่น การโอน การฝาก การถอน หรือค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยน

    ที่ FTT ผู้ใช้บัญชีมาตรฐานไม่มีค่าคอมมิชชั่นในขณะที่ผู้ใช้บัญชีมืออาชีพจะถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมคอมมิชชั่นเล็กน้อย มีข้อยกเว้นบางประการ ขึ้นอยู่กับประเภทของผลิตภัณฑ์ที่คุณกำลังซื้อขายและระยะเวลาที่คุณเปิดการซื้อขาย แต่โดยรวมแล้ว ค่าใช้จ่ายในการซื้อขายมักจะต่ำและโปร่งใสสูง

    5. ช่วงของเครื่องมือการบริหารความเสี่ยง

    การลงทุนในตลาดการเงินมีความเสี่ยงอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นฟอเร็กซ์ สินค้าโภคภัณฑ์ หุ้น หรือตลาดการเงินอื่นๆ เทคนิคการจัดการความเสี่ยง forex ที่ เหมาะสมเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ค้า forex ที่ต้องการประสบความสำเร็จในระยะยาว

    องค์ประกอบการจัดการความเสี่ยงที่สำคัญบางอย่างที่คุณสามารถใช้ได้เมื่อทำการซื้อขายฟอเร็กซ์ ได้แก่:

    • บัญชีซื้อขายทดลอง
    • การตั้งค่าคำสั่งหยุดและจำกัด
    • ตั้งเตือนราคา
    • ใช้รูปแบบการซื้อขายที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงของคุณ
    • อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่ปรับได้

    6. เลเวอเรจ

    ความสามารถในการใช้เลเวอเรจ ในตลาดนี้เป็นหนึ่งในผลประโยชน์ที่น่าดึงดูดที่สุดของการซื้อขายฟอเร็กซ์ เนื่องจากช่วยให้คุณสามารถเปิดสถานะการค้าขนาดใหญ่ด้วยเงินลงทุนเริ่มแรกเพียงเล็กน้อย

    จำนวนเลเวอเรจที่มีอยู่นั้นแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่าคุณกำลังซื้อขายอยู่ที่ใดในโลก แต่ลองใช้เลเวอเรจ 10:1 เป็นตัวอย่าง

    หากนักเทรดฟอเร็กซ์เลือกอัตราส่วนเลเวอเรจที่ 10:1 หมายความว่าทุก ๆ 1 ดอลลาร์ของเงินทุนในบัญชี พวกเขาสามารถซื้อขายได้สูงถึง 10 ดอลลาร์

    ประโยชน์ของการใช้เลเวอเรจคือศักยภาพในการเพิ่มผลกำไรของคุณ แต่การทำงานกลับตรงกันข้ามเช่นกัน ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสีย ดังนั้น เมื่อใช้เลเวอเรจ คุณต้องพิจารณาระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมเสมอ

    ตัวอย่างเลเวอเรจ

    7. กำไรจากการ ‘ยาว’ หรือ ‘สั้น’

    ในตลาดอื่น ๆ เป็นเรื่องปกติที่CFDsจะใช้สำหรับการเปิดสถานะซื้อและขายในตราสาร ในโลกของฟอเร็กซ์ มันเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ เนื่องจากคุณมักจะขายสกุลเงินหนึ่งเพื่อซื้ออีกสกุลเงินหนึ่งเสมอ

    ตัวอย่างเช่น คู่สกุลเงินจะแสดงด้วยสกุลเงินหลักเป็นคู่แรกและสกุลเงินอ้างอิงเป็นคู่ที่สองเสมอ นี่จะหมายความว่าคู่ AUD/USD กำหนดราคาตามหน่วยของ AUD ที่มีมูลค่าเป็น USD

    หากเราคิดว่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เราจะซื้อคู่นี้ (ระยะยาว) หากเราคิดว่าสิ่งที่ตรงกันข้ามกำลังจะเกิดขึ้น และเงินดอลลาร์ออสเตรเลียจะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เราจะขายคู่นี้ (ขายสั้น)

    8. ตลาดที่มีสภาพคล่องสูง

    สภาพคล่องเป็นคำทั่วไปที่ใช้อธิบายสินทรัพย์ที่สามารถซื้อได้ในตลาดโดยไม่กระทบต่อราคาโดยรวมของสินทรัพย์นั้น ฟอเร็กซ์ถือว่ามีสภาพคล่องสูงเพราะตลาดฟอเร็กซ์มีขนาดใหญ่มากและมีผู้คนจำนวนมากที่ซื้อขายกันจนยากที่จะควบคุมราคาได้อย่างไม่น่าเชื่อ แม้กระทั่งโดยผู้ที่ซื้อขายในปริมาณที่สูงมาก ดังนั้นสภาพคล่องจึงมีความสำคัญเนื่องจากทำให้ราคาค่อนข้างคงที่

    9. เริ่มต้นด้วยเงินเพียง $100

    คุณไม่จำเป็นต้องมีเงินจำนวนมากเพื่อเริ่มซื้อขาย forex เนื่องจากตลาดฟอเร็กซ์เป็นตลาดการเงินที่เข้าถึงได้มากที่สุดในโลก การเริ่มต้นเส้นทางการซื้อขายของคุณด้วยเงินเพียง 100 ดอลลาร์จึงเป็นตัวเลือกที่แน่นอน เมื่อคุณเริ่มซื้อขาย คุณต้องพิจารณาสิ่งที่คุณหวังว่าจะได้รับจากการเทรด และพิจารณาระดับความเสี่ยงที่คุณจะต้องรับ

    ผู้คนจำนวนมากมองว่าการซื้อขายเป็นวิธีเสริมรายได้ที่มีอยู่ อันที่จริง ผู้ค้าส่วนใหญ่เริ่มต้นด้วยการซื้อขายในเวลาว่างเพื่อหารายได้พิเศษจากการทำงานประจำวัน การซื้อขายด้วยวิธีนี้ช่วยให้คุณปรับตัวเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณ แทนที่จะทำให้เป็นศูนย์กลางของโลกของคุณ

    10. เริ่มต้นด้วยขนาดการค้าขนาดเล็ก

    ใน forex เมื่อคุณต้องการเปิดการซื้อขาย คุณต้องเลือกขนาดการซื้อขายซึ่งเรียกว่า ‘ล็อต’ ขนาดการค้าของคุณจะถูกกำหนดโดยจำนวนล็อตที่คุณจะซื้อหรือขายในการซื้อขาย ล็อตคำนวณโดยใช้สกุลเงินในบัญชีของคุณ และขนาดล็อตรวมถึง:

    • ล็อตมาตรฐาน = 100,000 หน่วยของสกุลเงิน
    • มินิล็อต = 10,000 หน่วยของสกุลเงิน
    • ไมโครล็อต = 1,000 หน่วยของสกุลเงิน

    ‘ไมโครล็อต’ คือขนาดล็อตที่แนะนำสำหรับผู้เริ่มต้น หากบัญชีของคุณได้รับเงินจากดอลลาร์สหรัฐ ก็จะเท่ากับ 1,000 ดอลลาร์ของสกุลเงินหลักที่คุณต้องการซื้อขาย เมื่อทำการซื้อขายคู่สกุลเงินดอลลาร์ มูลค่า 1 pip จะเท่ากับ 10 เซ็นต์ ทำให้ผู้ค้า forex รายใหม่สามารถจัดการความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น

    11. ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค

    ความสามารถในการอ่านและทำความเข้าใจแผนภูมิ forexและใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะมีประโยชน์อย่างยิ่งในการซื้อขายสกุลเงิน 

    ผู้ซื้อและผู้ขายสกุลเงินในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจะกำหนดอัตราของตราสาร FX แบบเรียลไทม์ ในขณะที่ธนาคารกลางยังคงรักษาเสถียรภาพและความผันผวนของสกุลเงิน

    ไม่มีใครสามารถทำนายการเคลื่อนไหวของตลาดได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ด้วยการเรียนรู้ตัวชี้วัดทางเทคนิคที่พบบ่อยที่สุดเช่น ระดับแนวรับและแนวต้าน และFibonacci retracementคุณสามารถระบุตำแหน่งที่คู่สกุลเงินต่ำและสูง และทำการคาดการณ์เพิ่มเติมเกี่ยวกับตลาดในอนาคต แนวโน้ม

     

    แผนภูมิตัวบ่งชี้ทางเทคนิคฟีโบนักชี

    12. แพลตฟอร์มการซื้อขายฟอเร็กซ์ฟรี

    เมื่อคุณสร้างบัญชีซื้อขายจริงกับ FTT คุณจะสามารถเข้าถึง MetaTrader 4 (MT4) ได้ฟรี แพลตฟอร์มการซื้อขายระดับโลกนี้ไม่เพียงแต่ให้คุณเข้าถึงคู่สกุลเงินกว่า 70 คู่เท่านั้น แต่ยังเข้าถึงCFD หุ้นดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ (เช่น น้ำมันและโลหะมีค่า)

    13. ฝึกฝนโดยไม่มีความเสี่ยงด้วยบัญชีทดลอง

    ก่อนที่จะเข้าสู่โลกแห่งความจริง คุณควรทำความเข้าใจกับประสบการณ์การซื้อขายแบบ ‘ลงมือปฏิบัติ’ โดยใช้เงินทุนเสมือนจริงในบัญชีทดลอง

    เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงที่ดี บัญชีทดลองฟรีช่วยให้ผู้ค้าสามารถลองใช้กลยุทธ์และรูปแบบการซื้อขายที่แตกต่างกันโดยไม่ต้องใช้เงินทุนจริงใดๆ

    เคล็ดลับ: ลงทะเบียนสำหรับบัญชีซื้อขายทดลองและเริ่มต้นด้วยเงินเสมือน $50,000

    14. ตลาด Forex ไม่มีความสัมพันธ์กับหุ้น

    ตลาดฟอเร็กซ์ไม่มีความสัมพันธ์โดยตรงกับตลาดหุ้น หมายความว่าหากตลาดหุ้นตกต่ำครั้งใหญ่ ก็ไม่ได้หมายความว่าคู่สกุลเงินที่คุณกำลังซื้อขายจะลดลงเช่นกัน

    ไม่ได้หมายความว่าไม่มีการเชื่อมต่อ ในอดีตเคยมีเหตุการณ์ที่ดัชนีหุ้นติดลบและคู่สกุลเงินได้ติดตาม เช่น USD/JPY และ Nikkei เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันในช่วงเริ่มต้นของภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกในปี 2550

    กราฟความสัมพันธ์ Nikkei และ USDJPY

    15. เทรดฟอเร็กซ์ได้จากทุกที่ในโลก

    ทุกวันนี้ คุณไม่จำเป็นต้องติดอยู่ที่โต๊ะทำงานเพื่อดูแผนภูมิหกหน้าจอเพื่อให้เข้าใจตลาดได้ดี เทคโนโลยีทำให้การซื้อขายเป็นเรื่องง่ายและพกพาสะดวก

    16. ช่องว่างข้ามคืนน้อยกว่าตลาดหุ้น

    ‘ช่องว่าง’ ในการซื้อขายหมายถึงการหยุดพักระหว่างชั่วโมงตลาดซื้อขายเมื่อราคาแตกต่างจากราคาของเซสชั่นก่อนหน้า หากราคาเปิดใหม่สูงกว่าราคาของเซสชันที่แล้ว จะเรียกว่า ‘ช่องว่าง’ ในขณะที่หากต่ำกว่าจะเรียกว่า ‘ช่องว่าง’

    เนื่องจากตลาดฟอเร็กซ์ทำงานอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมงในช่วงสัปดาห์ทำงาน มีช่องว่างเพียงช่องเดียว: ระหว่างการปิดตลาดในวันศุกร์และการเปิดในวันจันทร์ถัดไป สิ่งนี้นำเสนอกลยุทธ์การซื้อขายที่ค่อนข้างตรงไปตรงมาและน่าสนใจที่จะใช้โดยการซื้อขายช่องว่างช่วงสุดสัปดาห์ในคู่สกุลเงิน forex

    17. ไม่มีการแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์

    ตลาด forex ทั่วโลกไม่ได้ถูกควบคุมโดยการแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ แต่จะทำงานเกือบตลอดเวลาตามวัฏจักรดวงอาทิตย์ โดยแบ่งออกเป็นสามภูมิภาคหลัก: ออสตราเลเซีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ การดำเนินการซื้อขายอย่างต่อเนื่องระหว่างศูนย์กลางทางการเงินเหล่านี้ทำให้ผู้ค้าทั่วโลกมีโอกาสที่จะจับการค้าในตลาดที่กระจายอำนาจในเขตเวลาที่แตกต่างกัน

    ตัวอย่างเช่น หากคุณอาศัยอยู่ในเอเชีย คุณยังคงสามารถซื้อขายได้ระหว่างโซนเวลายุโรปหรืออเมริกาเหนือ หากคุณต้องการบันทึกการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ยูโร หรือปอนด์อังกฤษ เมื่อตลาดเหล่านั้นอยู่ในภาวะคับคั่งที่สุด

    หน่วยงานกำกับดูแลครอบคลุมเขตอำนาจศาลทั่วโลกที่โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์มีความโดดเด่นมากที่สุด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้แน่ใจว่ามีการปฏิบัติที่ยุติธรรมและมีจริยธรรมที่ดำเนินการโดยธุรกิจการค้า หน่วยงานกำกับดูแลที่สำคัญที่สุดบางแห่ง ได้แก่ Financial Conduct Authority (UK), Monetary Authority of Singapore (SG) และ Australian Securities and Investment Commission (AUS)

    ความเสี่ยงของการซื้อขายฟอเร็กซ์คืออะไร?

    อย่างที่คุณเห็น มีเหตุผลมากมายว่าทำไมการเป็นเทรดเดอร์ forex ที่ไม่เป็นทางการหรือมีประสบการณ์จึงสามารถทำกำไรได้ แต่ในแง่บวก ย่อมมีแง่ลบอยู่เสมอ ดังนั้นนี่คือความเสี่ยงทั่วไปบางประการที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขาย FX

    • การใช้เลเวอเรจในปริมาณที่มากขึ้นหมายถึงความเสี่ยงสูง – แม้ว่าเราจะกล่าวว่าเลเวอเรจเป็นหนึ่งในผลประโยชน์หลักของการเทรดฟอเร็กซ์ คุณก็ต้องตระหนักว่าความเสี่ยงก็เช่นกัน ผู้ค้า Forex จำเป็นต้องมีความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับอารมณ์ของพวกเขา ความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับเลเวอเรจ และการจัดสรรเงินทุนที่มั่นคงเพื่อให้สามารถตัดการขาดทุนในระยะสั้นได้หากการค้าไม่เป็นไปตามที่ต้องการ
    • กระบวนการกำหนดราคาตลาดเป็นเรื่องยาก – อัตราแลกเปลี่ยนของคู่สกุลเงินได้รับอิทธิพลจากองค์ประกอบต่างๆ เช่น การเมืองทั่วโลก ธนาคารกลาง หรือปัจจัยทางเศรษฐกิจ ซึ่งหมายความว่าอาจเป็นเรื่องยากที่จะสรุปผลที่มีความหมาย เนื่องจากวิธีการเทรดฟอเร็กซ์จำนวนมากนั้นขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและพื้นฐาน การตีความข้อมูลอย่างไม่ถูกต้องและการอ่านกราฟที่ไม่ถูกต้องอาจหมายถึงการจบลงด้วยการเทรดติดลบ
    • ความผันผวนสูง – ตลาดฟอเร็กซ์ที่มีความผันผวนสูงสามารถถูกมองว่าเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการทำเงิน แต่ยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นที่จะสูญเสียโดยไม่มีการควบคุมการพัฒนาด้านภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจมหภาค ตลาด 24/5 FX ทำให้ยากต่อความผันผวนและราคา และนี่คือเหตุผลว่าทำไมการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม เช่น การหยุดการขาดทุนสำหรับการเทรด forex ทั้งหมดเป็นสิ่งสำคัญ

    ข้อดีของการซื้อขายฟอเร็กซ์เหนือหุ้นคืออะไร?

    มีความคล้ายคลึงกันบางอย่างระหว่าง forex และตลาดหุ้น แต่ยังมีข้อดีที่ชัดเจนบางอย่างที่ตลาด forex มี

    • สภาพคล่องและปริมาณการซื้อขาย
    • โดยทั่วไปลดต้นทุนการทำธุรกรรม
    • ความผันผวนที่มากขึ้น
    • เวลาทำการของตลาด Forex นั้นดีกว่าเมื่อเทียบกับชั่วโมงที่จำกัดของตลาดหุ้น
    • ติดตามง่ายกว่าด้วยคู่สกุลเงินหลักน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับหุ้นที่มีอยู่นับพัน

    forex ดีสำหรับผู้เริ่มต้นหรือไม่?

    สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ ฟอเร็กซ์อาจเป็นตลาดที่ยอดเยี่ยมในการเริ่มต้น เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วจะมีต้นทุนที่ต่ำกว่า มีแหล่งการศึกษาฟรีมากมาย และความสามารถในการฝึกฝนโดยใช้บัญชีทดลอง ผู้ค้ารายใหม่ควรใช้ความระมัดระวังและให้แน่ใจว่าได้ทำการวิจัยและมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเพียงพอเกี่ยวกับตลาดฟอเร็กซ์ก่อนที่จะเริ่มซื้อขาย

    ตลาดสกุลเงินทั่วโลกมีความโดดเด่นในด้านขนาด ความสามารถในการเข้าถึง และโอกาสที่สามารถนำเสนอได้ การสละเวลาสักครู่เพื่อดูว่ามันทำงานอย่างไรและข้อดีที่ใหญ่ที่สุดของการซื้อขายฟอเร็กซ์ คุณจะค้นพบว่าทำไมตลาดระดับโลกแห่งนี้จึงเป็นที่นิยมในหมู่ผู้คนทั่วโลก

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________

     

    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    จิตวิทยาการซื้อขายคืออะไรและเหตุใดจึงสำคัญ

    กันยายน 26, 2022

    การมีกลยุทธ์ที่ถูกต้องจะมีความหมายเพียงเล็กน้อยหากผู้ค้าไม่จับคู่กับจิตวิทยาการซื้อขายที่ดี จำเป็นต้องควบคุมอารมณ์ของตนเอง และถือเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดสำหรับเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ

    เทรดเดอร์จะต้องเข้าหาการค้าขายในฐานะธุรกิจ และการเข้ามามีส่วนร่วมทางอารมณ์อาจส่งผลเสียต่อความสำเร็จของธุรกิจ นี่คือเหตุผลที่การทำความเข้าใจและนำแนวคิดการซื้อขายที่ถูกต้องมาใช้ในภายหลังจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ทุกคน

    ในบทความนี้ เราจะพูดถึงว่าจิตวิทยาการซื้อขายคืออะไร การพัฒนาจิตใจในการซื้อขายที่แข็งแกร่งมีความสำคัญเพียงใด และวิธีหลีกเลี่ยงความตกต่ำของการซื้อขายทางอารมณ์

    จิตวิทยาการซื้อขายคืออะไร?

    จิตวิทยาการเทรดอธิบายว่าเทรดเดอร์จัดการกับการทำกำไรและการขาดทุนอย่างไร แสดงถึงความสามารถในการจัดการกับความเสี่ยงและไม่เบี่ยงเบนไปจากแผนการซื้อขายของพวกเขา แง่มุมทางอารมณ์ของการลงทุนจะพยายามกำหนดทุกธุรกรรมของคุณ และความสามารถในการจัดการอารมณ์ของคุณก็เป็นส่วนหนึ่งของจิตวิทยาการซื้อขายของคุณ

    เป็นไปไม่ได้ที่จะขจัดอารมณ์ในการซื้อขาย แต่สิ่งนี้ไม่ควรเป็นเป้าหมายตั้งแต่แรก ในทางกลับกัน เทรดเดอร์ควรเข้าใจว่าอคติหรืออารมณ์บางอย่างส่งผลต่อการซื้อขายของพวกเขาอย่างไร และใช้ข้อมูลนี้เพื่อประโยชน์ของตน นักเทรดแต่ละคนมีความแตกต่างกัน และไม่มีกฎเกณฑ์ง่ายๆ ที่ทุกคนควรปฏิบัติตาม

    พื้นฐานของจิตวิทยาการซื้อขาย

    ความกลัวและความโลภเป็นอารมณ์ที่ทรงพลังที่สามารถครอบงำกระบวนการคิดของเทรดเดอร์ตลอดอาชีพการค้าขาย เป้าหมายคือการเรียนรู้วิธีควบคุมอารมณ์เหล่านี้และพัฒนาความคิดที่ชนะ

    เทรดเดอร์สามารถใช้เทคนิคต่างๆ เพื่อสร้างจิตวิทยาการเทรดที่แข็งแกร่งและรักษาระเบียบวินัย นอกจากการอ่านหนังสือโดยนักจิตวิทยาการซื้อขายและนักลงทุนผู้เชี่ยวชาญแล้ว คุณยังสามารถสร้างแผนการซื้อขายได้อีกด้วย การพัฒนาแผนการซื้อขายจะช่วยให้คุณยึดติดกับกิจวัตรที่มั่นคงและหลีกเลี่ยงช่องว่างของสมาธิและการหลีกเลี่ยงการสูญเสีย

    เมื่อเริ่มทำการค้า อารมณ์จะอาละวาดได้อย่างแน่นอน หากราคาของสินทรัพย์เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เทรดเดอร์อาจเริ่มกลัวว่าจะพลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่และเป็นอารมณ์ที่มักจะปรากฏขึ้นบ่อยๆ อารมณ์อื่นๆ ที่ต้องจัดการคือ ความโลภ ความกลัวที่จะสูญเสียเงิน และความแข็งแกร่งทางจิตใจที่จะเอาชนะความผิดพลาดที่เคยทำมา สุดท้ายแต่ไม่ ท้ายสุด หนึ่งในแง่มุมที่สำคัญยิ่งของการพัฒนาจิตใจในการเทรดคือการเรียนรู้วิธีจัดการความเสี่ยง

    ผู้ค้าบางครั้งต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็ว แม้ว่าคุณจะทำตามแผนการซื้อขายของคุณ แต่ก็มีบางสถานการณ์ที่คุณต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การมีกลยุทธ์และการวางแผนการเทรดที่เหมาะสมจะช่วยคุณในการจัดการอารมณ์ และทำให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้ตัดสินใจอย่างรวดเร็วมากเกินไปซึ่งขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ของคุณ

    ความโลภเป็นอุปสรรคสำคัญอีกประการหนึ่งที่ผู้ค้าจำนวนมากต้องเอาชนะ วัตถุประสงค์ของการซื้อขายคือเพื่อสร้างผลกำไร หรืออีกนัยหนึ่งคือ เพื่อทำเงิน อย่างไรก็ตาม คุณต้องมีความคิดที่ถูกต้อง ตั้งเป้าหมายสำหรับตัวคุณเอง (เช่น เปอร์เซ็นต์ผลตอบแทนต่อเดือน) และดำเนินการไปให้ถึงเป้าหมายนั้น อย่าปล่อยให้ความโลภมาควบคุมการกระทำของคุณ

    วิธีที่ดีในการทำงานกับจิตวิทยาการซื้อขายของคุณคืออย่าหยุดค้นคว้า ตลาดมีวิวัฒนาการอยู่ตลอดเวลา และคุณอาจต้องปรับกลยุทธ์ของคุณเป็นครั้งคราว คุณอาจพบว่าคุณเปลี่ยนแปลงตัวเองในฐานะเทรดเดอร์ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมการจด  บันทึกการซื้อขายจึงเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้

    ความสำคัญของการพัฒนาจิตวิทยาการซื้อขาย

    อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับเทรดเดอร์ทุกคนคือความกลัวที่จะสูญเสียและทำผิดพลาด น่าเสียดายที่เมื่อทำการซื้อขาย ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเสี่ยงที่อาจส่งผลให้เกิดการสูญเสีย อารมณ์ของความกลัวจากการสูญเสียหรือที่เรียกว่าความเกลียดชังการสูญเสีย ในการเอาชนะสิ่งนี้ เทรดเดอร์จำเป็นต้องดำเนินกิจกรรมการซื้อขายในลักษณะเดียวกับการดำเนินธุรกิจ

    วิธีที่ดีคือการเน้นที่สถิติและการอ้างอิงข้อมูล ในขณะที่ป้องกันอารมณ์จากการตัดสินใจซื้อขายใดๆ ผู้ค้ามือใหม่ควรพิจารณาสร้างนิสัยนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นส่วนหนึ่งของจิตใจในการซื้อขายก่อนทำธุรกรรมครั้งแรก

    อีกวิธีหนึ่งในการพัฒนาทัศนคติในการซื้อขายที่ดีคือการสร้างกิจวัตร กิจวัตรนี้อาจรวมถึงวิธีการเริ่มต้นวันใหม่แบบไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า ตัวอย่างเช่น เทรดเดอร์อาจพิจารณาในขั้นต้นเพื่อติดตามข้อมูลที่เผยแพร่ขณะอยู่ในโหมดสลีป ซึ่งอาจตามมาด้วยการตรวจสอบตำแหน่งของคุณและประเมินการบริหารความเสี่ยงของคุณใหม่

    การปรับปรุงประสิทธิภาพการซื้อขายขึ้นอยู่กับวิธีการเรียนรู้ของคุณมากกว่าสิ่งที่คุณเรียนรู้ ดังนั้น สิ่งนี้ช่วยตอกย้ำความจำเป็นในการทำกิจวัตร เนื่องจากเป็นกุญแจสำคัญในการเรียนรู้และทำความเข้าใจวิธีการซื้อขายที่เหมาะสม

    ข้อผิดพลาดทางจิตวิทยาในการซื้อขายและผลกระทบที่อาจส่งผลเสียต่อผู้ค้า

    หนึ่งในข้อผิดพลาดในการซื้อขายที่พบบ่อยที่สุดที่ ทำโดยเทรดเดอร์มือใหม่คือการเข้าสู่ตำแหน่งตามความรู้สึกหรือสัญชาตญาณ โดยไม่ต้องมีกลยุทธ์เฉพาะ สิ่งนี้เกิดขึ้นจากการขาดข้อมูลและข้อมูลที่เหมาะสม ซึ่งส่งผลให้เกิดความกลัวว่าจะพลาดโอกาสทอง สิ่งนี้นำไปสู่ความกลัวที่จะสูญเสียเงินและดำรงตำแหน่งซึ่งทำให้การสูญเสียเกิดขึ้น

    ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เข้าสู่วงจรอุบาทว์นี้ นอกจากมีแผนการซื้อขายแล้ว เทรดเดอร์จะต้องรักษาวินัย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการซื้อขายแต่ละครั้งเป็นไปตามกฎหรือเป้าหมายที่กำหนดไว้ การซื้อขายโดยยึดตามความรู้สึกนึกคิดโดยไม่มีแผนการซื้อขายที่มีความเสี่ยงถือเป็นความผิดพลาด

    เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเหล่านี้ คุณต้องการพัฒนาระบบการจัดการความเสี่ยงซึ่งกำหนด:

    1. ระดับการหยุดขาดทุน
    2. เมื่อไหร่จะทำกำไร
    3. Trailing Stop Loss ใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้น
    4. ตัวบ่งชี้ที่ช่วยยืนยันระดับการหยุดการขาดทุนและระดับการทำกำไร

    เข้าสู่กรอบความคิดในการซื้อขายที่ประสบความสำเร็จ

    ความสามารถในการใช้ความคิดในการซื้อขายที่ประสบความสำเร็จนั้นไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อพัฒนากรอบความคิดในการซื้อขายที่แข็งแกร่ง ต้องใช้เวลาและความอดทนในระดับหนึ่งเพื่อเรียนรู้จากความสำเร็จและความผิดพลาด

    วิธีที่ดีที่จะช่วยคือฝึกซื้อขายด้วยบัญชีซื้อขายทดลอง ทั้งสองจะช่วยในการสร้างเสริมจิตใจการซื้อขายที่ดีในขณะที่ให้ผู้ค้าสามารถขัดเกลาทักษะและเทคนิคการซื้อขายของพวกเขา ที่สำคัญไม่เสี่ยง!

    การใช้เวลาในการซื้อขายในบัญชีทดลองเป็นระยะเวลาหนึ่ง จะช่วยให้ผู้ซื้อขายรายใหม่วัดการขึ้นและลงของการเคลื่อนไหวของราคา และอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในการซื้อขาย ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะช่วยสร้างความมั่นใจ 

    เช่นเดียวกับเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ อย่าปล่อยให้ความกลัวที่จะพลาดมาเป็นแรงผลักดันให้คุณเสียสมาธิจากกลยุทธ์การเทรด การมีวินัยเป็นแนวทางปฏิบัติทางจิตวิทยาที่สำคัญที่จะช่วยให้ผู้ค้าประสบความสำเร็จ

    วิธีหลีกเลี่ยงการซื้อขายทางอารมณ์

    มันไม่ได้เกี่ยวกับการกำจัดอารมณ์ของคุณ แต่เกี่ยวกับความเข้าใจและการควบคุมอารมณ์เหล่านั้น เพื่อให้บรรลุสิ่งนี้ เทรดเดอร์จะต้อง:

    1. มีแผนการซื้อขายที่มั่นคง

    คุณต้องมีแผนที่ชัดเจน – คุณจะใช้ระบบใด (ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์พื้นฐานหรือ  การวิเคราะห์ทางเทคนิค  หรือทั้งสองอย่างผสมกัน) ข้อดีและข้อเสียของมัน คุณจะระบุการค้าขายอย่างไร คุณจะจัดการอย่างไร

    สิ่งนี้จะต้องมาพร้อมกับวารสารการซื้อขาย ซึ่งคุณสามารถจดข้อสังเกตของคุณ ระบุจุดอ่อนของคุณ และสร้างจุดแข็งของคุณ ซึ่งสามารถช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดในการซื้อขายทั่วไปและกลายเป็นเทรดเดอร์ที่ทำกำไรได้ การข้ามจากกลยุทธ์ไปสู่กลยุทธ์จะไม่เป็นผลดีนักและการซื้อขายทางอารมณ์จะเข้ามาแทนที่

    2. เข้าใจความเสี่ยงของความอยากอาหาร

    เทรดเดอร์บางคนอาจสบายใจที่จะรับความเสี่ยงที่มากขึ้น และจัดการเพื่อให้ใจเย็นแม้ว่าพวกเขาจะเผชิญกับการขาดทุนที่ไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม หากคุณเพิ่งเริ่มต้นหรือโดยทั่วไปมีความเสี่ยงน้อยกว่า เรื่องนี้ก็ไม่น่าจะจบลงด้วยดี ก่อนอื่นคุณต้องระบุความเสี่ยงของคุณเองและวางแผนตามนั้น

    3. รู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุดพัก

    หากคุณรู้สึกเครียดและหมดแรง คุณมีแนวโน้มที่จะทำผิดพลาดหรือมีส่วนร่วมใน การซื้อขาย เพื่อแก้แค้น อาจเป็นความคิดที่ดีที่จะตั้งกฎสำหรับตัวคุณเองซึ่งจะกำหนดหลังจากจำนวนการเทรดที่ขาดทุนติดต่อกันที่คุณจะหยุดพักและหยุดการเทรดจนกว่าคุณจะได้ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น

    ท้ายที่สุด ไม่ใช่แค่การซื้อขายเท่านั้นที่อาจทำให้เกิดความเครียดและนำไปสู่การเสียสถิติได้ อาจมีปัจจัยภายนอกที่ส่งผลเสียต่อสภาพจิตใจของคุณ และอาจเป็นการดีกว่าที่จะหยุดพักจากการซื้อขายหากคุณกำลังเผชิญกับสถานการณ์ดังกล่าว

    เทรดเดอร์มองดูอารมณ์ที่โต๊ะทำงานของพวกเขา

    วิธีปรับปรุงจิตวิทยาการซื้อขายของคุณ

    ความสามารถในการพัฒนาและฝึกฝนจิตใจในการซื้อขายนั้นมีความสอดคล้องอย่างใกล้ชิดกับความสำเร็จ เนื่องจากช่วยให้ผู้ค้าสงบสติอารมณ์ในสภาพแวดล้อมของตลาดที่วุ่นวาย โดยการได้รับความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความเข้าใจผิดที่อาจเกิดขึ้น การตัดสินที่ดียิ่งขึ้นจะมีชัย 

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    วิธีอ่านแผนภูมิ forex: ประเภทของแผนภูมิ forex

    กันยายน 26, 2022

    กราฟราคาคืออะไร?

    แผนภูมิราคาเป็นภาพที่แสดงราคาของเครื่องมือเฉพาะในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นคู่สกุลเงินในการซื้อขาย forex ดัชนี หุ้น โลหะมีค่าหรือสินทรัพย์ทางการเงินอื่นๆ

    แผนภูมิราคาเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญที่สุดสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ในการเรียนรู้ พวกเขาต้องเข้าใจวิธีการทำงานเพื่อทำการวิเคราะห์ทางเทคนิคของตลาดที่พวกเขาต้องการจะซื้อขาย แผนภูมิจะแสดงช่วงเวลาที่กำหนดซึ่งกิจกรรมการซื้อขายเกิดขึ้นกับสินทรัพย์ – ที่ใดก็ได้ระหว่างหนึ่งนาทีถึงหนึ่งวันหรือเต็มสัปดาห์.

    แผนภูมิมีแกน x (แกนนอน) แสดงถึงมาตราส่วนเวลา ในขณะที่แกน y (แกนแนวตั้ง) แสดงถึงมาตราส่วนราคา ด้วยการรวมตัวชี้วัดทางเทคนิคและการวิเคราะห์แผนภูมิจากซ้ายไปขวา (ซึ่งการเปลี่ยนแปลงราคาล่าสุดจะแสดงที่ด้านขวาของแผนภูมิ) ผู้ค้าสามารถระบุรูปแบบและทำการประเมินความน่าจะเป็นที่สินทรัพย์จะเพิ่มขึ้นหรือลดลง

    แผนภูมิ forex คืออะไร?

    แผนภูมิ forex แสดงราคาที่เปลี่ยนแปลงของคู่สกุลเงินที่เลือกเมื่อเวลาผ่านไป เช่นเดียวกับแผนภูมิราคาอื่นๆ แกน x แสดงเวลาในขณะที่แกน y แทนราคา

    ภาพด้านล่างเป็นตัวอย่างของกราฟ forex ที่ใช้คู่สกุลเงิน EUD/USD

    กราฟฟอเร็กซ์คู่สกุลเงิน EUR/USD

    กรอบเวลาของแผนภูมิทำงานอย่างไร

    คุณสามารถเลือกกรอบเวลาของแผนภูมิเพื่อแสดงข้อมูลการซื้อขายในเครื่องมือทางการเงินที่คุณกำลังวิเคราะห์ได้ ตัวอย่างเช่น คู่สกุลเงินเฉพาะ

    แพลตฟอร์มการซื้อขายที่คุณใช้มักจะมีกรอบเวลาเริ่มต้นคือหนึ่งวัน แต่คุณสามารถเปลี่ยนแปลงได้เพื่อให้สะท้อนถึงระยะเวลาที่คุณต้องการ จากต่ำสุดหนึ่งนาทีถึงนานถึงหนึ่งเดือน

    ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องเปลี่ยนกรอบเวลาเป็นหนึ่งชั่วโมง แต่ละจุดบนแผนภูมิจะแสดงข้อมูลการซื้อขายของหนึ่งชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นบนแผนภูมิแท่ง กราฟเส้น หรือแท่งเทียน

    แผนภูมิ forex ประเภทต่างๆ

    มีแผนภูมิหลายประเภทที่ใช้ในการวิเคราะห์ forex และการวิเคราะห์ทางเทคนิคประเภทใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ทางการเงิน ขึ้นอยู่กับรูปแบบการซื้อขายหรือประเภทของการวิเคราะห์ แผนภูมิหนึ่งอาจให้บริการคุณได้ดีกว่าแผนภูมิอื่น

    แผนภูมิ forex ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด 3 ประเภท ได้แก่:

    1. แผนภูมิเส้น
    2. แผนภูมิแท่ง
    3. แผนภูมิแท่งเทียน

    1.แผนภูมิเส้น

    แผนภูมิเส้นใน MetaTrader 4

    แผนภูมิเส้นเป็นประเภทแผนภูมิที่ง่ายที่สุดในการอ่าน พวกเขาแสดงราคาปิดสำหรับช่วงเวลาที่กำหนด โดยทั่วไปจะแสดงด้วยเส้นโค้งต่อเนื่องที่เชื่อมต่อจุดที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของราคาในช่วงเวลาหนึ่ง

    แผนภูมิเส้นให้มุมมองที่ชัดเจนและเรียบง่ายของสถานการณ์ตลาดในปัจจุบัน และทำงานได้ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการภาพรวมอย่างรวดเร็วว่าตลาดกำลังมุ่งหน้าไปที่ใด แผนภูมิประเภทนี้เหมาะสำหรับผู้ค้ารายใหม่ที่ต้องการความเรียบง่ายและชัดเจน และยังสอนทักษะการอ่านแผนภูมิขั้นพื้นฐานซึ่งพวกเขาสามารถพัฒนาไปสู่ระดับที่สูงขึ้นได้ในภายหลังโดยใช้แผนภูมิแท่งเทียน

    เพื่อติดตามกลยุทธ์การซื้อขายอย่างใกล้ชิด ผู้ค้าที่มีประสบการณ์มักต้องการข้อมูลมากกว่าที่เสนอแผนภูมิเส้นแบบสแตนด์อโลน ต่างจากแผนภูมิแท่งเทียนซึ่งแสดงราคาเปิด ปิด ราคาสูงและต่ำรายวันของสินทรัพย์ แผนภูมิเส้นเสนอเฉพาะจุดราคาปิด ซึ่งกลยุทธ์จำนวนมากจะต้องการข้อมูลมากกว่านั้น

    ข้อดี  ข้อเสีย
    ความเรียบง่าย

    เข้าใจง่ายแม้สำหรับผู้เริ่มต้น

    ไม่แสดงช่องว่าง

    ตัวอย่างจะเป็นช่องว่างราคาระหว่างราคาปิดของวันศุกร์และราคาเปิดของวันจันทร์
    เหมาะสำหรับการวิเคราะห์กราฟิก

    การแสดงระดับแนวรับและแนวต้านอย่างตรงไปตรงมา และง่ายต่อการกำหนดรูปแบบ

    ไม่ให้ข้อมูลครบถ้วน

    เมื่อเทียบกับแผนภูมิอื่น ๆ จะไม่แสดงรายละเอียดอื่น ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างวัน

    2.แผนภูมิแท่ง

    แผนภูมิแท่งใน MetaTrader 4

    แผนภูมิแท่ง (หรือที่เรียกว่าแผนภูมิ OHLC) เป็นเวอร์ชันอัปเกรดของแผนภูมิเส้น โดยให้ข้อมูลเกี่ยวกับราคา ‘เปิด’ ‘สูงต่ำ’ และ ‘ปิด’ – จึงเป็นตัวย่อ

    โดยทั่วไปจะแสดงด้วยเส้นแนวตั้งที่มีเส้นแนวนอนสองเส้นทางซ้ายและขวา เส้นแนวนอนสองเส้นแสดงถึงราคาเปิดและราคาปิด ในขณะที่ด้านบนและด้านล่างของเส้นแนวตั้งระบุราคาสูงสุดและราคาต่ำสุดที่ไปถึงในช่วงเวลาที่กำหนด แผนภูมิแท่งสามารถใช้เพื่อแสดงช่วงเวลาใดก็ได้ ตั้งแต่ไม่กี่วินาทีจนถึงหนึ่งสัปดาห์หรือนานกว่านั้น

    เนื่องจากแต่ละแถบแสดงช่วงเวลา กรอบเวลาที่แตกต่างกันจะเป็นประโยชน์สำหรับนักลงทุนที่มีกลยุทธ์และเป้าหมายที่หลากหลาย นักลงทุนระยะยาวอาจพบว่าการใช้กรอบเวลาหนึ่งสัปดาห์มีประโยชน์มากกว่า ในขณะที่ผู้ค้ารายวันจะใช้กรอบเวลาที่สั้นกว่ามาก เช่น 30 วินาที หนึ่งนาที หรือห้านาที

    แผนภาพแผนภูมิแท่งแสดงค่าสูง ต่ำ เปิดและปิดบนแถบสีเขียวและสีแดง

    ข้อดี  ข้อเสีย
    ครอบคลุม

    ให้มุมมองที่ยอดเยี่ยมของราคาเปิด สูง ต่ำ และปิด

    ช่วงครอบงำภาพ

    ระดับเปิด/ปิดของแต่ละแท่งจะสังเกตเห็นได้ยากขึ้นเมื่อแผนภูมิเต็มไปด้วยแท่ง

    ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มและรูปแบบ

    สามารถสังเกตการหดตัวและการขยายตัวของช่วงราคาในช่วงแนวโน้มในช่วงเวลาที่กำหนด 

     

    3.แผนภูมิแท่งเทียน

    แผนภูมิแท่งเทียนใน MetaTrader 4

    แผนภูมิแท่งเทียนเป็นหนึ่งในประเภทแผนภูมิที่ผู้ค้านิยมใช้มากที่สุด ที่มาของแผนภูมิแท่งเทียน (บางครั้งเรียกว่าแท่งเทียนญี่ปุ่น) มีขึ้นตั้งแต่สมัยพ่อค้าข้าวญี่ปุ่นในสมัยศตวรรษที่ 18 ซึ่งได้จัดทำแผนภูมินี้ขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์ในการวิเคราะห์ตลาดข้าว

    เชิงเทียนประกอบด้วยสองส่วนที่เรียกว่าร่างกายและเงา ด้านบนและด้านล่างของร่างกายบอกเราถึงราคาเปิดและปิดในช่วงเวลาที่กำหนด ด้านบนและด้านล่างของเงาบอกเราว่าราคาสูงสุดและต่ำสุดที่ไปถึงในช่วงเวลาที่กำหนด

    แผนภูมิแท่งเทียนแสดงร่างกายและไส้ตะเกียง และราคาสูงสุด ราคาต่ำสุด เปิดและปิด

    ด้านบนและด้านล่างของแท่งเทียนสะท้อนราคาเปิดและปิดในช่วงเวลาที่กำหนด 

    โดยปกติ หากราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด ตัวเทียนจะเป็นสีแดงหรือสีดำ หากราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด ตัวจะเป็นสีเขียวหรือสีขาว 

    ในกรณีนี้ แท่งเทียนสีดำบอกเราว่าราคากำลังลดลง ในขณะที่แท่งเทียนสีขาวบอกเราว่าราคากำลังเพิ่มขึ้น

    แม้ว่าสีแดงและสีเขียวหรือสีดำและสีขาวเป็นสีที่ใช้กันทั่วไปในการแสดงการเคลื่อนไหวของราคาขึ้นและลง แต่สีเหล่านี้สามารถปรับแต่งได้อย่างง่ายดาย

    ข้อดี  ข้อเสีย
    ครอบคลุม

    คล้ายกับแผนภูมิแท่ง มันให้มุมมองที่ยอดเยี่ยมของราคาเปิด สูง ต่ำ และปิดของราคา

    ล้นหลาม

    อาจดูเหมือนเป็นข้อมูลที่มากเกินไปสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่

    สามารถระบุแนวโน้มและเชื่อมโยงจิตวิทยากับรูปแบบราคาได้

    มีการอ้างอิงแบบเต็มด้านล่างของ 1 bar ถึง 4 par battens ซึ่งช่วยให้ผู้ค้าตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทางของราคาในอนาคต

    แผนภูมิที่ดีที่สุดสำหรับ forex คืออะไร?

    แผนภูมิ forex ที่ใช้บ่อยที่สุดคือแผนภูมิแท่งเทียน นักเทรดทุกคนมีความชอบของตัวเอง แต่การวิเคราะห์เชิงเทียนสามารถให้การอ่านที่ชัดเจนเกี่ยวกับความเชื่อมั่นของตลาดในปัจจุบัน

    ทำไมแท่งเทียนจึงมีประโยชน์?

    เมื่อเปรียบเทียบกับแผนภูมิเส้นและแท่งแท่งเทียนแล้ว แท่งเทียนจะเก็บข้อมูลได้มากที่สุดและแสดงภาพการเปลี่ยนแปลงของราคาที่กว้างที่สุดในกรอบเวลาที่กำหนด

    คุณสามารถบอกอารมณ์เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของราคาได้ เช่น “ไส้เทียน” ที่ยาวสามารถเผยให้เห็นแนวรับและแนวต้านที่แข็งแกร่ง หากสังเกตเป็นระยะเวลานานและสามารถแสดงการเคลื่อนไหวที่รุนแรงได้ภายในวันเดียว

    แนวรับและแนวต้านคืออะไร?

    ระดับแนวรับและแนวต้านเป็นพื้นที่ที่ราคาของคู่สกุลเงินมีแนวโน้มที่จะกลับตัวหรือทำให้เกิดการฝ่าวงล้อม

    ระดับแนวรับคือระดับที่แนวโน้มราคาขาลงของคู่สกุลเงินหยุดชั่วคราวเมื่อความต้องการซื้อเพิ่มขึ้น ดังนั้นแนวโน้มจะกลับด้านและกลับด้านขึ้น เหตุผลเดียวกันนี้ใช้กับระดับแนวต้านที่โมเมนตัมราคาขึ้นของคู่สกุลเงินอ่อนตัวลงและราคามีแนวโน้มที่จะกลับตัวและมุ่งหน้าลง ระดับแนวรับและแนวต้านสามารถให้โอกาสที่ยอดเยี่ยมแก่ผู้ค้าในการเปิดการซื้อขายใหม่

    แผนภาพแนวรับและแนวต้าน

    การใช้แผนภูมิมีประโยชน์อย่างไร

    การทำความคุ้นเคยกับแผนภูมิประเภทต่างๆ สามารถปรับปรุงการซื้อขายของคุณได้เนื่องจากให้ประโยชน์มากมาย ได้แก่:

    • ภาพประกอบการเคลื่อนไหวของราคาที่ช่วยระบุแนวโน้มและรูปแบบที่สำคัญ
    • ช่วยให้คุณระบุระดับการเข้าและออกที่อาจไม่ชัดเจนหากไม่มีแผนภูมิ
    • ความเชื่อมั่นของตลาดและจิตวิทยาของผู้ค้า – แสดงในการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรง – ถูกจับในรูปแบบแผนภูมิ
    • ความสามารถในการใช้ร่วมกับการวิเคราะห์พื้นฐานเพื่อยืนยันระดับการเข้าและออกของการค้า
    • การใช้ข้อมูลในอดีตเพื่อแสดงมุมมองของการเคลื่อนไหวของราคาในกรอบเวลาที่ต่างกัน

    กรอบเวลา forex หลักสำหรับแผนภูมิคืออะไร?

    ผู้ค้าใช้กรอบเวลาที่แตกต่างกันมากมายขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การซื้อขาย forex แม้ว่าในกรอบเวลาของตลาด forex สามารถแบ่งออกเป็นสามตัวเลือกทั่วไป: ระยะยาว ระยะกลาง และระยะสั้น มันขึ้นอยู่กับผู้ค้าที่จะเลือกกรอบเวลาที่ดีที่สุดสำหรับสิ่งที่พวกเขาพยายามจะบรรลุ

    ผู้ค้าบางคนชอบใช้เทคนิคที่เรียกว่าการวิเคราะห์กรอบเวลาหลาย ๆ แบบ: แทนที่จะเลือกกรอบเวลาเดียว พวกเขาจะดูคู่สกุลเงินภายใต้กรอบเวลาที่ต่างกัน โดยทั่วไป ผู้ค้าจะใช้กรอบเวลาที่ยาวขึ้นเพื่อระบุแนวโน้มระยะยาว ในขณะที่กรอบเวลาที่สั้นกว่าจะใช้เพื่อค้นหาการเข้าตราสารที่ดีขึ้น

    ดูตารางด้านล่างเพื่อดูรูปแบบการซื้อขายที่แตกต่างกันและวิธีที่เข้ากับกรอบเวลาที่เหมาะสมที่สุดบนแผนภูมิการซื้อขายแลกเปลี่ยน

    แผนภูมิ เดย์เทรดดิ้ง สวิงเทรดดิ้ง การซื้อขายตำแหน่ง
    แผนภูมิเทรนด์ 30m – 4h รายวัน รายสัปดาห์
    แผนภูมิทริกเกอร์ 5ม. – 60ม 2 ชม. – 4 ชม รายวัน

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคเพิ่มความแม่นยำในการใช้เทรนไลน์(Trend line)

    กันยายน 23, 2022

    เทคนิคเพิ่มความแม่นยำในการใช้เทรนไลน์(Trend line)

    เทคนิคเพิ่มความแม่นยำให้การใช้ เทรนไลน์ Trend line
    Trend Line คือ เส้นที่แสดงทิศทางของกราฟราคาที่มีการเคลื่อนที่ไปในทิศทางต่างๆ ตามแนวโน้มที่เกิดขึ้นของราคาในแต่ละช่วงนั้นๆ หรือภาษาไทย ถ้าแปลแบบตรงตัวก็จะเรียกว่าเส้นแนวโน้มนั่นเอง
    ตัวเทรนด์ไลน์จะทำให้เราทราบถึงแนวโน้มของราคาที่จะเดินทางไปในอนาคต และสามารถนำเส้นแนวโน้มไปหาแนวต้าน, แนวรับ หรือหาทิศทางของราคาได้ หรือแม่กระทั่งคิดวิเคราะห์หาจุดเข้าทำการเทรดก็ได้
    เทรนด์หลักๆ จะมีอยู่ 3 รูปแบบ
    ✅ Up Trend
    ✅ Down Trend
    ✅Side Way
    การลากเส้น Trend Line ไม่มีกฏตายตัว
    และ ไม่มีใครลากเส้น Trend Line ผิด
    ??

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    NFP ใน Forex คืออะไร?

    กันยายน 23, 2022

    NFP ใน Forex คืออะไร?

    Non-Farm Payroll หรือ NFP เป็นการวัดมูลค่าทางเศรษฐกิจ นอกจากจำนวนงานที่เพิ่มเข้ามาแล้ว ยังรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนพนักงานของรัฐ ไม่รวมคนงานในฟาร์ม พนักงานบริการในครัวเรือนส่วนตัว และพนักงานขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไร บ่อยครั้ง นี่เป็น วันที่สำคัญที่สุด ของเดือนสำหรับตลาด Forex เทรดเดอร์ที่โชคไม่ดีอาจสูญเสียโชคลาภหากพวกเขาซื้อขายไม่ดีในวันนี้ ในขณะที่เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จอาจจบเดือนด้วยสีดำ

    การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นในตลาดฟอเร็กซ์อันเป็นผลมาจากการเปิดตัวครั้งนี้ แต่ NFP คืออะไรกันแน่? ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป เรามีคุณครอบคลุม!

    การจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP)

    การวัดการจ้างงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายงานรายเดือนที่แสดงให้เห็นว่ามีพนักงานกี่คนในบริษัทการผลิต การก่อสร้าง และสินค้าทั่วสหรัฐอเมริกา นอกจากจะเป็นตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจที่สำคัญแล้ว ยังระบุระดับรายได้อีกด้วย

    คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับองค์ประกอบ NFP เนื่องจากเป็นการประเมินจำนวนพนักงานเต็มเวลาและนอกเวลาในธุรกิจและภาครัฐ ตัวเลขเหล่านี้เผยแพร่ในวันศุกร์แรกของทุกเดือนและมีความผันผวนสูง มีนักวิเคราะห์จำนวนมากที่คาดการณ์ตัวเลข NFP ก่อนการเปิดตัว

    NFP ส่งผลต่อ Forex อย่างไร

    เนื่องจากมีการเผยแพร่ทุกเดือนข้อมูล NFP จึงเป็นเครื่องบ่งชี้ที่ดีถึงสถานะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ปฏิทินเศรษฐกิจจะแสดงเมื่อสำนักสถิติแรงงานจะเปิดเผยตัวเลขครั้งต่อไป

    Federal Reserve Bank ใช้การจ้างงานเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญ ในช่วงที่ว่างงานสูง นโยบายการเงินจะกระตุ้นด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำ ผลผลิตทางเศรษฐกิจและการจ้างงานเพิ่มขึ้นเมื่อนโยบายการเงินขยายตัว กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากการว่างงานสูงกว่าปกติ ผู้กำหนดนโยบายจะพยายามกระตุ้น อัตราดอกเบี้ยต่ำและความต้องการเงินดอลลาร์ที่ลดลงเป็นผลมาจากนโยบายการเงินที่กระตุ้น

    ความผันผวนที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันอาจส่งผลให้ผู้ค้าถูกหยุด ดังนั้นพวกเขาจึงต้องระวัง NFP สเปรดเพิ่มขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความผันผวน และสเปรดที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้เกิดการเรียกมาร์จิน

    คู่สกุลเงินใดได้รับผลกระทบ?

    NFP วัดระดับการจ้างงานในสหรัฐอเมริกา ดังนั้น คู่สกุลเงินทั้งหมดที่มีดอลลาร์สหรัฐ (EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD, AUD/USD, USD/CHF และอื่นๆ) มักจะได้รับผลกระทบมากที่สุด

    นอกจาก USD แล้ว คู่สกุลเงินอื่นๆ ยังแสดงความผันผวนที่เพิ่มขึ้นเมื่อมีการปล่อย NFP ผู้ค้าควรตระหนักถึงความเสี่ยงนี้เนื่องจากอาจถูกหยุด

    วันที่และเวลาที่วางจำหน่าย

    การคาดการณ์จะออกก่อนการประกาศการจ้างงานนอกภาคเกษตร โดยระบุจำนวนที่คาดหวัง เมื่อมีการเปิดเผยตัวเลขเงินเดือน ตลาดอาจสร้างความประหลาดใจและส่งผลกระทบต่อดอลลาร์สหรัฐ ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ และดัชนีตลาดหุ้นในเชิงลบหรือเชิงบวก

    โดยทั่วไปแล้วจะเผยแพร่ในวันศุกร์แรกของทุกเดือน เวลา 13:30 น. (เวลาสหราชอาณาจักร) หรือ 8:30 น. (EST) และให้การเปรียบเทียบ แบบเดือนต่อเดือนและแบบปีต่อปีแก่เทรดเดอร์ ตัวเลขรายเดือนเปรียบเทียบเดือนที่แล้วกับเดือนก่อนหน้า ในขณะที่ตัวเลขปีต่อปีเปรียบเทียบเดือนที่แล้วกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว

    วิธีอ่าน NFP

    ในช่วงเดือนก่อนหน้า NFP วัดจำนวนงานที่สร้างหรือสูญหายในเศรษฐกิจสหรัฐฯ ตัวอย่างเช่น -1000K หมายความว่างาน 100,000 ในธุรกิจนอกภาคเกษตรทั้งหมดหายไป

    เมื่อดู NFP รุ่นก่อนหน้า การตรวจสอบประวัติจะเป็นประโยชน์ วิเคราะห์แนวโน้มระยะยาวของตัวเลข NFP และพิจารณาว่าขึ้นหรือลง ตรวจสอบว่ารายงานล่าสุดอยู่ใกล้ระดับสูงสุดหรือต่ำสุดเป็นประวัติการณ์โดยการติดตามช่วง

    กลยุทธ์สำหรับการซื้อขายเงินเดือนนอกภาคเกษตร

    เนื่องจากนักลงทุนจำนวนมากเฝ้าดูการเปิดเผยข้อมูลนี้ ข้อมูลเงินเดือนอาจทำให้ตลาดการเงินเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะขึ้นหรือลง ขึ้นอยู่กับว่าตัวเลขจริงใกล้เคียงกับประมาณการที่ทำไว้ก่อนหน้าการเปิดเผยข้อมูลมากน้อยเพียงใด การซื้อขายด้วยการจ่ายเงินเดือนนอกภาคเกษตรสามารถทำได้หลายวิธี โดยกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจะทำให้การเคลื่อนไหวเริ่มต้นลดลงและซื้อขายตามแนวโน้ม

    คุณสามารถรอดูว่าตลาดจะตอบสนองอย่างไรหากมีข่าวออกมา เมื่อข้อมูลถูกเปิดเผยเป็นครั้งแรก มักจะมีปฏิกิริยาตอบสนองทันทีเพราะการเคลื่อนไหวของตลาดมีความผันผวน เป็นไปได้ที่จะต่อสู้กับสิ่งนี้โดย‘จาง’ การย้ายครั้งแรก

    นอกจากนี้ ผู้ค้าสามารถสันนิษฐานได้ว่าปฏิกิริยาเริ่มต้นนั้นแม่นยำ โดยทั่วไปตลาดจะเคลื่อนไหวหลังจากประกาศการจ้างงานนอกภาคเกษตร ดังนั้น นี่อาจบ่งชี้ถึงการเริ่มต้นของแนวโน้มสำหรับวันถัดไป

    เพื่อยืนยันแนวโน้มใหม่ เทรดเดอร์มักจะอ้างถึงการวัดประสิทธิภาพก่อนหน้า หากราคาทะลุระดับสูงสุดเมื่อวันก่อนก็มีแนวโน้มใหม่ ด้วยเหตุนี้ บางคนอาจเริ่มคาดหวังว่าตลาดจะขยับสูงขึ้นหากเป็นเรื่องจริง

    อีกวิธีหนึ่ง คุณสามารถแลกเปลี่ยนสองสามนาทีก่อนที่ตัวเลขจะออก หากมุมมองไม่ถูกต้อง การจัดการความเสี่ยงจะอนุญาตให้คุณปิดสถานะนั้นได้

    บทสรุป

    ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) เป็นตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจที่สำคัญสำหรับเศรษฐกิจสหรัฐฯ แสดงถึงจำนวนงานที่เพิ่ม ไม่รวมพนักงานฟาร์ม พนักงานของรัฐ พนักงานบ้านส่วนตัว และพนักงานขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไร

    คำถามที่พบบ่อย

    การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานนอกภาคเกษตรคืออะไร?

    อีกคำหนึ่งสำหรับการจ้างงานนอกภาคเกษตรคือการเปลี่ยนแปลงการจ้างงานนอกภาคเกษตร บางครั้งเรียกว่าการเปลี่ยนแปลงการจ้างงานนอกภาคเกษตรแทนที่จะเป็น NFP เนื่องจากตัวเลข NFP แสดงให้เห็นว่ามีการเพิ่มหรือสูญเสียงานจำนวนเท่าใดในภาคส่วนที่รวมอยู่ในรายงาน

    เหตุใด NFP จึงมีความสำคัญ

    นอกเหนือจากการให้ข้อมูลเชิงลึกที่สดใหม่เกี่ยวกับสุขภาพของเศรษฐกิจสหรัฐฯ แล้ว รายงานยังให้ภาพรวมว่าตลาดแรงงานเป็นอย่างไร ยิ่งตลาดแรงงานแข็งแกร่ง คนก็จะยิ่งมีรายได้มากขึ้น และใช้จ่ายมากขึ้น

    NFP มีผลกับคู่เงิน GBP หรือไม่

    รายงาน NFP อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อคู่สกุลเงินหลักทั้งหมดแต่หนึ่งในรายการโปรดคือ GBP/USD

    ฉันควรซื้อขายบน NFP หรือไม่

    กลยุทธ์ NFP เหมาะสำหรับแนวโน้มระยะยาว สถิติการว่างงานมักส่งผลกระทบต่อแนวโน้มในระยะยาว และราคามีแนวโน้มที่จะเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่กำหนดโดยข้อมูลเงินเดือนนอกภาคเกษตร ข้อมูลเหล่านี้เปิดเผยว่าเดือนนี้จะเป็นขาขึ้นหรือขาลงสำหรับผู้ค้า

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    การซื้อขายฟอเร็กซ์ HMRC คืออะไร?

    กันยายน 23, 2022

    คำว่า forex หมายถึงเครื่องมือทางการเงินชนิดหนึ่งที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยน สกุลเงินสำรองทั่วโลกที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุดคือสกุลเงินนี้ ซอฟต์แวร์ซื้อขายฟอเร็กซ์สามารถซื้อขายบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ รวมถึงการแลกเปลี่ยนหุ้นแบบดั้งเดิมเช่น NYSE หรือ Nasdaq และแพลตฟอร์มการซื้อขายทางอินเทอร์เน็ตเช่น Bittrex, Kraken และ Poloniex

    Forex เป็นตลาดการเงินทั่วโลก ผู้คนนับล้านทั่วโลกได้ใช้มัน ตลาดนี้เป็นตลาดที่ทันสมัยและปริมาณธุรกรรมเพิ่มขึ้นทุกวัน อุตสาหกรรม Forex มีการแข่งขันสูงและมีผู้เล่นมากมายในอุตสาหกรรมนี้ ซอฟต์แวร์การซื้อขายประเภททั่วไปที่มีอยู่ในปัจจุบันคือแพลตฟอร์มการซื้อขายที่ให้คุณแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศเป็นสกุลเงินอื่น เช่น ดอลลาร์สหรัฐ ยูโร ปอนด์ เป็นต้น

    เราสามารถใช้ซอฟต์แวร์การซื้อขาย Forex เพื่อสร้างเนื้อหาสำหรับลูกค้าของเราตามหัวข้อหรือเฉพาะกลุ่ม นอกจากนี้เรายังสามารถใช้ซอฟต์แวร์ Forex เพื่อสร้างเนื้อหาในหัวข้อที่เรามีความเชี่ยวชาญ เช่น กลยุทธ์การซื้อขาย forex และการวิเคราะห์ forex ทางเทคนิค Forex เป็นสกุลเงินที่ผู้คนทั่วโลกใช้ เป็นทรัพย์สินที่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นสินค้าและบริการอื่นได้

    การซื้อขายฟอเร็กซ์ HMRC คืออะไร?

    ระบบการซื้อขาย Forex ใช้วิธีการซื้อขายที่ซับซ้อน มีการใช้ indicators ทางเทคนิคและ algorithms มากมาย ซอฟต์แวร์สร้างแผนภูมิที่พบในแพลตฟอร์มการซื้อขาย Forex เป็นเทคนิคที่นิยมมากที่สุดในการซื้อขายในลักษณะนี้ ในการใช้กลยุทธ์การซื้อขายนี้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณต้องคุ้นเคยกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและวิธีการทำงานในตลาด ในส่วนนี้ คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับส่วนนั้นของการซื้อขายฟอเร็กซ์และความเกี่ยวข้องกับบริษัทของคุณเอง

    โปรแกรมสร้างแผนภูมิใดๆ ที่ไม่ต้องการให้คุณสร้างแผนภูมิโดยละเอียดหรือแผนภูมิที่มีตัวบ่งชี้มากมาย เช่น MACD, RSI, Bollinger Bands เป็นต้น อาจใช้ อย่างไรก็ตาม การแสดงโซนการเคลื่อนไหวของราคาต่างๆ แบบเรียลไทม์ยังช่วยให้คุณวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาเมื่อเวลาผ่านไปได้ คุณไม่สามารถใช้โปรแกรมสร้างแผนภูมิเดียวกันกับที่คุณเคยใช้ คุณสามารถประเมินตลาดได้อย่างรวดเร็วหลังจากที่คุณเข้าใจปัจจัยพื้นฐานและรู้วิธีใช้แผนภูมิเหล่านี้อย่างเหมาะสมแล้ว

    การซื้อขายรูปแบบใหม่ที่ใช้สินทรัพย์ เช่น หุ้น พันธบัตร สกุลเงิน และสินค้าโภคภัณฑ์ เรียกว่าการซื้อขายฟอเร็กซ์ ในตลาดหลักทรัพย์ มีการซื้อขายเครื่องมือทางการเงินหลายอย่าง การทำเงินจากมูลค่าของเครื่องมือทางการเงินเหล่านี้เป็นเป้าหมายพื้นฐาน

    เนื่องจากสามารถเพิ่มผลกำไรของคุณได้ ระบบการซื้อขาย Forex จึงเป็นองค์ประกอบสำคัญของตลาด สิ่งนี้ช่วยคุณได้อย่างมากในการหาวิธีใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของราคาในเครื่องมือทางการเงินเหล่านี้ในขณะที่เคลื่อนไหวเพียงลำพังหรือพร้อมกัน เนื่องจากความสามารถในการกระจายสินทรัพย์และใช้ประโยชน์จากสภาวะตลาดที่ไม่มีอยู่ในการซื้อขายประเภทอื่น เช่น หุ้น ออปชั่น และฟิวเจอร์ส ผู้ค้า forex ใช้ระบบเหล่านี้

    ทำไมซอฟต์แวร์การซื้อขายฟอเร็กซ์ของ HMRC จึงดีที่สุดสำหรับคุณ

    เทรดเดอร์จากทั่วทุกมุมโลกใช้เพื่อซื้อขาย Forex และผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ และมีให้บริการบนแพลตฟอร์มต่างๆ ด้านหนึ่งสามารถเข้าถึงได้บนอุปกรณ์พกพา แท็บเล็ต และเครื่องเดสก์ท็อป ในทางกลับกัน สามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บหรือติดตั้งบนคอมพิวเตอร์

    ซอฟต์แวร์การซื้อขาย Forex ที่ดีที่สุดช่วยให้คุณทำกำไรได้โดยไม่เสียเงิน แต่หลายคนใช้ซอฟต์แวร์เดียวกันนี้มาหลายปีแล้ว และพวกเขาก็ยังไม่สามารถทำกำไรได้ ถึงเวลาค้นหาซอฟต์แวร์ซื้อขาย Forex ที่ดีที่สุด

    1. ซอฟต์แวร์การซื้อขาย HMRC Forex เป็นซอฟต์แวร์การซื้อขายแบบครบวงจรที่สามารถจัดหาเครื่องมือที่ดีที่สุดในการซื้อขายในตลาดให้กับผู้ค้า ซอฟต์แวร์การซื้อขาย HMRC Forex มอบเครื่องมือให้ผู้ค้าทำการซื้อขายในตลาดนี้ ช่วยในการรับข้อมูลที่ถูกต้องและให้ตัวบ่งชี้ที่ชาญฉลาด

    แอพพลิเคชั่นนี้ยังช่วยให้นักเทรดสามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากการจัดเตรียมเครื่องมือวิเคราะห์อันทรงพลังให้กับพวกเขา

    1. ซอฟต์แวร์การซื้อขาย HMRC Forex เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับผู้ค้าและนักลงทุนที่ต้องการทำเงินตามวันซื้อขายในตลาดออนไลน์เช่น Forex, CFDs, CFD หรือเครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ
    2. ช่วยให้คุณวิเคราะห์ตลาดและพิจารณาแนวโน้ม

    คุณสมบัติ:

    – วิเคราะห์แนวโน้มการเคลื่อนไหวของราคา

    – ความสามารถในการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต

    – พยากรณ์ออก …

    1. ซอฟต์แวร์การซื้อขาย Forex เป็นวิธีการซื้อขายอัตโนมัติโดยใช้ตลาดการเงิน ยังสามารถใช้เป็นวิธีการอัตโนมัติในการเขียนเนื้อหาในหัวข้อใดก็ได้โดยไม่ต้องใช้ผู้เขียนที่เป็นมนุษย์ ทั้งผู้เริ่มต้นและผู้ค้าที่มีประสบการณ์สามารถใช้บริการเหล่านี้ได้

    พวกเขาสามารถช่วยคุณเขียนเกี่ยวกับหัวข้อเฉพาะหรือแม้แต่สร้างเนื้อหาสำหรับเว็บไซต์หรือบล็อกของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณไม่ใช่นักเขียนมืออาชีพ

    ผู้ค้า Forex HMRC คือผู้ที่ใช้ซอฟต์แวร์เพื่อซื้อขายในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ พวกเขาต้องพิจารณาปัจจัยหลายอย่างในการตัดสินใจซื้อขาย รวมถึงความผันผวนของราคา เลเวอเรจ และปัจจัยทางเทคนิคอื่นๆ ที่ส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไรของการซื้อขายของพวกเขา

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    กราฟราคารูปแบบธง (Bull Flag)

    กันยายน 22, 2022

    กราฟราคารูปแบบธง (Bull Flag)
    เข้าเทรดทำกำไรในตลาดขาขึ้น ??

    Bull Flag คือรูปแบบการพักตัวในช่วงตลาดขาขึ้น เทรดเดอร์เจอรูปแบบนี้ สามารถมองหาสัญญาณแท่งเทียนกับตัวได้เลย แล้วเข้าออเดอร์ buy ตามเทรนด์ขึ้นไป จังหวะเข้า Order ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ปลอดภัยเพราะราคาจะอยู่ในช่วง Side Way รอการระเบิดของเทรนเพื่อขึ้นต่อไป

    รูปแบบขาขึ้น

    Hammer
    Morning star
    Morning doji star
    Inverted hammer
    Piercing line
    Bullish harami
    Bullish harami cross

    _____________________________________________
    สนใจรับระบบเทรดคลิก
    ? https://bit.ly/GMI-TH
    สู่อิสรภาพทางการเทรด แบบไม่ต้องเฝ้ากราฟ ไม่ต้องเฝ้าจอ
    และไม่ต้องหลบข่าว
    ?? เพียงเปิดบัญชีวันนี้ ??
    ?? รับโบนัส 30% สูงสุด 500$ (ไม่มีขั้นต่ำ)
    ?? รับสิทธิ์เข้า VIP ฟรี! เพียงเติมเงินเข้าบัญชีเทรด $50
    ?? พร้อมระบบเทรดฟรีทุกตัวใช้กับบัญชีที่สมัครต่อ FTT ฟรีตลอดชีพ
    .
    ระบบเทรดฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย❗
    เงื่อนไขเพียงเปิดบัญชีเทรดต่อที่ IB ของทาง FTT
    ก็สามารถรับ ✅ระบบเทรดได้ฟรีตลอดชีพ

    ❌ ไม่มีค่าใช้จ่ายสักบาท
    ❌ ไม่เก็บรายเดือน
    ❌ ไม่แบ่งกำไร

    .
    ?เทรดยังไม่เป็น หรือยังไม่เก่ง
    ?อยากเทรดแต่ไม่มีคอม
    ?อยากเทรดแต่ติดตั้ง EA ไม่เป็น
    ?อยากเทรดแต่ไม่สะดวกเฝ้ากราฟเอง
    ทางเรามีทางออกให้คุณ ด่วน❗❗
    .
    ? เปิดบัญชีและเติมเงินเขาบัญชีเทรดเริ่ม $50
    เข้ากลุ่มไลน์ VIP ผู้ใช้ระบบเทรดทันที*
    รับโบนัสเงินฝาก และ รับระบบเทรดเปิดบัญชี ? https://bit.ly/GMI-TH
    _____________________________________________
    #ระบบเทรด #อีเอเทรด #ฟรีระบบเทรด #มือใหม่เริ่มต้นเทรด
    #เริ่มเทรด #forex #EA #ผลงานเทรด #GMI
    _____________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    ข้อผิดพลาดในการซื้อขาย Forex ที่พบบ่อย?

    กันยายน 22, 2022

    ข้อผิดพลาดในการซื้อขาย Forex ที่พบบ่อย?

    หลายอย่างสามารถไปถูกได้ แต่หลายอย่างก็ผิดพลาดได้เร็วมากเช่นกัน สิ่งสำคัญคือต้องรู้รายละเอียดเกี่ยวกับอุตสาหกรรมและวิธีการซื้อขายของคุณอย่างแท้จริง ง่ายที่จะเรียนรู้ว่าต้องทำอะไรโดยใช้สื่อการสอน แต่คำถามที่ยังคงหลงเหลืออยู่ก็คือข้อผิดพลาดทั่วไปในการซื้อขาย Forex ที่คุณสามารถหลีกเลี่ยงได้โดยไม่ต้องเรียนรู้วิธีที่ยากลำบาก

    ข้อผิดพลาดทั่วไปในการซื้อขาย Forex

    เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จในความพยายามในการซื้อขายของคุณ ซึ่งหมายความว่าในขณะที่เราให้เคล็ดลับและกลเม็ดเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำและเทคนิคหรือกลยุทธ์ในการซื้อขายต่างๆ เรายังต้องการให้ข้อผิดพลาดทั่วไปบางประการในการซื้อขาย Forex

    ข้อผิดพลาดในการซื้อขาย Forex

    ถอยออกมาเร็วเกินไป

    ข้อผิดพลาดในการซื้อขาย Forex ประการหนึ่งที่ผู้คนทำคือปล่อยให้อารมณ์เข้าครอบงำและพวกเขาก็เลิกซื้อขายเร็วเกินไป การสูญเสียไม่ได้หมายความว่าคุณควรหยุดการซื้อขายและรับการโจมตีและนับการผจญภัย Forex ของคุณว่าล้มเหลว

    ทางเลือกของคุณคือคุณควรทำการซื้อขายต่อไป อาจแค่ปรับกลยุทธ์โดยรวมของคุณให้มีความเสี่ยงน้อยลงและมีความหลากหลายมากขึ้น แต่การถอนตัวจากการซื้อขายอาจทำให้คุณสูญเสียผลกำไรที่อาจเกิดขึ้นหลังจากนั้น

    ตลาดย่อมมีทั้งขาขึ้นและขาลง ทุกคนมีการสูญเสียและกำไร ดังนั้นให้ทำตามคำแนะนำนี้และคิดให้ดีว่าคุณต้องการขี่ให้ต่ำเพื่อฟื้นตัวหรือถ้ามันมากเกินไปที่จะรับมือได้จริงๆ

    ออกจาก Stop Loss

    ตอนนี้ ข้อผิดพลาดทั่วไปนี้สามารถควบคู่ไปกับข้อผิดพลาดก่อนหน้านี้ได้ การใช้คำสั่งหยุดการขาดทุนช่วยขจัดความเสี่ยงที่อาจเกี่ยวข้องกับการซื้อขาย Forexโดยการกำหนดจุดที่แน่นอนในการหยุดการซื้อขายหากตลาดเริ่มเคลื่อนไหวต่อต้านการค้าขายของคุณและการขาดทุนเริ่มเกิดขึ้น

    การออกจากคำสั่งเหล่านี้ออกจากกลยุทธ์ Forex ของคุณ เท่ากับว่าคุณปล่อยให้ portfolio ของคุณมีความเสี่ยงมากขึ้น ไม่มีขีดจำกัดสำหรับการสูญเสียที่คุณมีได้ ดังนั้นการสูญเสียโดยรวมที่อาจเกิดขึ้นก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

    ดังนั้น อย่าลืมใช้คำสั่งเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณต้องการให้มี buffer ความเสี่ยงเพื่อทำการซื้อขายต่อไป

    ค่าเฉลี่ยลงเมื่อแพ้

    อีกครั้งที่จำเป็นต้องใช้การหยุดการขาดทุน หากคุณเฉลี่ยลงไปถึงการซื้อขายที่ขาดทุน คุณอาจสูญเสียเงินจำนวนมากได้ โดยการเพิ่มการสูญเสียในปัจจุบัน บางคนคิดว่ามันจะช่วยให้แนวโน้มกลับตัวและคุณสามารถเริ่มทำกำไรได้อีกครั้ง นี้อยู่ไกลจากความจริง ตลาดสามารถดำเนินการต่อเพื่อต่อต้านคุณได้อย่างง่ายดาย และในทางกลับกัน สิ่งที่คุณทำก็คือการป้อนอาหารที่ทำให้เกิดการสูญเสีย

    แทนที่จะทิ้งน้ำมันเบนซินลงในกองไฟ แค่ขี่มันออกไปแล้วปล่อยให้มันตาย เฉพาะสำหรับการเทรดเมื่อคุณเห็นว่าตลาดเปลี่ยน คุณจึงสามารถเริ่มทำกำไรได้อีกครั้ง เทรดอย่างชาญฉลาดและมีกลยุทธ์ อย่าตอบโต้ด้วยอารมณ์และความตื่นตระหนก

    เสี่ยงมากเกินไปต่อวัน

    บางคนยอมให้มีความเสี่ยงมากเกินไปที่จะแนบกับผลงานของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรากำลังพูดถึงคนที่ลงเอยด้วยความเสี่ยงมากกว่าที่พวกเขาจะเสียได้… เหมือนกับปัญหาการพนัน คุณไม่สามารถสรุปได้ว่าคุณจะสร้างธนาคารและชนะมากพอที่จะชดเชยความเสี่ยงสูงผิดปกติที่คุณอนุญาต

    แม้แต่ผู้ค้าที่มีความเสี่ยงไม่ควรเกินอัตราการสูญเสีย 3% ต่อการซื้อขายในแต่ละวัน การอนุญาตให้เพิ่มความเสี่ยงหรือเปอร์เซ็นต์การสูญเสียเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวแต่ละครั้ง มีโอกาสมากขึ้นที่จะสูญเสียมันทั้งหมด และในทางกลับกัน คุณจะต้องทิ้งเส้นทางการซื้อขาย Forex ของคุณไว้เบื้องหลัง

    เสี่ยงมากเกินไปในการพยายามกู้คืน

    ฉันคิดว่าคุณสามารถเห็นแนวโน้มได้ที่นี่ด้วยข้อผิดพลาดในการซื้อขาย Forex ทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับการเสี่ยงมากเกินไปในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ข้อผิดพลาดทั่วไปนี้ไม่แตกต่างกัน แต่แตกต่างจากข้อผิดพลาดอื่นๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงเมื่อพยายามกู้คืนจากการสูญเสีย

    อีกครั้งอย่าใช้อารมณ์มากเกินไป ผู้ค้าจำนวนมากจะมีความเสี่ยงมากเกินไปกับการซื้อขายหลังจากขาดทุนในบัญชีของพวกเขา นี่คือความพยายามที่จะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและเต็มที่จากการสูญเสียและยังคงแสดงผลกำไรโดยรวม

    อย่าทำเช่นนี้แม้ว่า อาจมีมาร์จิ้นที่บางมากที่คุณสามารถกู้คืนได้ มีความเสี่ยงมากกว่าที่สิ่งนี้จะย้อนกลับมาและทำให้เกิดความสูญเสียมหาศาลซึ่งจะไม่สามารถกู้คืนได้เลย ยอมรับว่าคุณสูญเสียครั้งใหญ่และพัฒนากลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงต่ำถึงปานกลางเพื่อฟื้นตัวแทนที่จะพยายามแก้ไขอย่างรวดเร็ว

    ก้าวไปข้างหน้าด้วยข่าว

    ตอนนี้ข่าวโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจหรือสังคมขนาดใหญ่ สามารถส่งผลกระทบต่อตลาดการลงทุนทั้งหมดตั้งแต่หุ้น สกุลเงิน พันธบัตร และอื่นๆ อย่าพยายามทำนายว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตลาดโดยอิงจากเหตุการณ์ล่าสุดหรือข่าวประชาสัมพันธ์ที่มีการนำเสนอข่าว

    ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ อาจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในทิศทางที่เป็นชั่วคราว อาจไม่มีการเปลี่ยนแปลงปฏิกิริยา หรืออาจมีการเปลี่ยนแปลงที่ยาวนาน มองหาตัวบ่งชี้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมากกว่าพยายามกระโดดปืนและเดา

    อาจมีโอกาสที่คุณจะพูดถูก แต่มีโอกาสมากขึ้นที่คุณจะพลาดเครื่องหมายโดยสมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม ดังนั้นจึงเป็นเรื่องดีที่จะติดตามข่าวสารและเหตุการณ์ของโลกเกี่ยวกับผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจโลกและค่าสกุลเงิน แต่อย่าใช้เป็นตัวบ่งชี้หลักหรือตัวบ่งชี้เพียงอย่างเดียวสำหรับการเคลื่อนไหวของตลาด

    คุณเลือกพันธมิตรผิด

    ตอนนี้เราทุกคนทำผิดพลาดในการเลือกพันธมิตร แต่ใน Forex ข้อผิดพลาดทั่วไปคือการเชื่อถือบัญชีและเงินทุนของคุณกับโบรกเกอร์ที่ไม่ถูกต้อง

    แม้ว่าจะมีโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงมากมายที่คุณสามารถทำได้เพื่อเชื่อมต่อบัญชี Forex ของคุณ แต่ก็มีโบรกเกอร์หลอกลวงมากมายที่จะลงเอยด้วยการรับเงินของคุณและทิ้งคุณให้อยู่ตามลำพัง

    ทำวิจัยของคุณ! มองหาบทวิจารณ์ ข่าวประชาสัมพันธ์ และอื่นๆ เกี่ยวกับนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่คุณอาจกำลังนึกถึงก่อนที่จะเข้าสู่ความสัมพันธ์นั้น การเลือกผิดที่นี่สามารถทำให้คุณล้มเหลวในที่สุด และคุณสามารถจูบเงินทั้งหมดของคุณลาก่อน

    การกระจายบัญชีของคุณในทางที่ผิด

    ในกลยุทธ์การซื้อขายใดๆ การกระจายความเสี่ยงช่วยหลีกเลี่ยงการใส่ไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าใบเดียว ดังที่เราทุกคนทราบดีว่านี่เป็นทางเลือกที่อันตราย เพราะหากมีสิ่งใดล้มเหลว บัญชีทั้งหมดจะอยู่ภายใต้

    ข้อผิดพลาดในการซื้อขาย Forex ทั่วไปที่มีการกระจายความเสี่ยงคือการวางการซื้อขายมากเกินไปในเวลาเดียวกันหรือในวันเดียวกัน สิ่งนี้ทำตรงกันข้ามกับสเปรดเชิงบวก แต่จะเพิ่มความเสี่ยงโดยรวมของคุณแทน เนื่องจากมีมากเกินไปในคราวเดียว และในทางกลับกันก็อาจทำให้สูญเสียมากขึ้น เทรดเดอร์หลายคนทำสิ่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจโดยวางการเคลื่อนไหวมากเกินไปจนมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ดังนั้นเมื่อล้มเหลว พวกเขาก็ล้มเหลวทั้งหมด

    มองแต่เศรษฐศาสตร์

    ข่าวและการเปลี่ยนแปลงภายในเศรษฐกิจมีผลและจะมีผลกระทบต่อตลาดและมูลค่าของสกุลเงินต่อกันอย่างไร ข้อผิดพลาดในการซื้อขาย Forex ที่เกิดขึ้นที่นี่คือผู้ค้าบางรายพึ่งพาสิ่งที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจมากเกินไปและไม่ใช่ตัวบ่งชี้ FXในแผนภูมิ

    การดูเศรษฐศาสตร์เพียงอย่างเดียวอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ฉับไวหรือผิดพลาดในขณะที่ข่าวหมุนเวียนไป ดังนั้นจึงไม่ใช่ตัวบ่งชี้เพียงอย่างเดียวที่น่าเชื่อถือสำหรับสิ่งที่นักเทรดควรทำการเคลื่อนไหว ท้ายที่สุด นี่หมายความว่าจะมีการพิจารณาตัวบ่งชี้ที่ไม่ถูกต้อง และตลาดสามารถเคลื่อนไหวตรงข้ามกับสิ่งที่เทรดเดอร์คาดหวังได้โดยง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณในฐานะเทรดเดอร์ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในด้านเศรษฐศาสตร์และการเงิน

    จะตาบอด

    กี่ครั้งแล้วที่คุณเข้าร่วมงานโดยไม่มีแผนใดๆ นอกจากคุณจะทำมัน? กี่ครั้งแล้วที่มันจบลงด้วยความสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์?

    อัตราความสำเร็จที่เพรียวบางใช่มั้ย?

    Forex ก็เหมือนกับการกระทำอื่นๆ ที่ไม่มีแผน คุณต้องมีแผนอย่างแน่นอนก่อนเริ่มลงทุน ความล้มเหลวในการวางแผน เท่ากับคุณกำลังวางแผนที่จะล้มเหลว คุณจำเป็นต้องรู้กลยุทธ์การซื้อขายที่คุณจะใช้และการเคลื่อนไหวอื่นๆ ที่คุณอาจทำ

    หากไม่มีแผน คุณจะมีจุดอ่อนที่สมบูรณ์และใครจะรู้ว่าคุณจะประสบความสำเร็จแค่ไหน…มีแนวโน้มว่าคุณจะขาดทุนมหาศาล แทนที่จะสร้างกำไรมหาศาลที่คุณหวังไว้

    คุณต้องค้นคว้ากลยุทธ์ ค้นหาสิ่งที่เหมาะสมกับคุณที่สุด และรักษาความสอดคล้องกับแผนของคุณตราบเท่าที่ยังคงประสบความสำเร็จ

    สรุปด่วน

    สรุปแล้ว ข้อผิดพลาดในการซื้อขาย Forex ทั่วไปจำนวนมากกำลัง rooting ในตัวตนของคุณในฐานะเทรดเดอร์ คุณต้องมีความรู้และมุ่งมั่นที่จะค้นคว้าและเรียนรู้ รวมทั้งกำหนดเงื่อนไขให้ตัวเองไม่ตอบสนองตามอารมณ์

    ด้วยการกำจัดปัจจัยเหล่านี้และฝึกฝนตัวเองให้ดีขึ้น คุณสามารถหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดในการซื้อขาย Forex ทั่วไปที่กล่าวถึงเหล่านี้ได้

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________

     

    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    ความลับของการเทรด Forex คืออะไร?

    กันยายน 22, 2022

    ความลับของการเทรด Forex คืออะไร?

    การซื้อขาย Forex เป็นอุตสาหกรรมที่ร่ำรวย นอกจากนี้ อุตสาหกรรมนี้มีความซับซ้อนอย่างยิ่ง ซึ่งจำเป็นต้องใช้ความรู้และประสบการณ์เพื่อการเจริญเติบโต ธุรกรรมทางการเงิน เช่น การซื้อและขายเงินตราต่างประเทศและตัวเลือกการซื้อขาย เป็นส่วนหนึ่งของการซื้อขายฟอเร็กซ์ คนส่วนใหญ่ซื้อขายในสกุลเงินที่ได้รับความนิยมสูงสุด เช่น ยูโร ปอนด์สเตอร์ลิงอังกฤษ และดอลลาร์สหรัฐ

    Forex เป็นเครื่องมือทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนสกุลเงินและราคา Forex เป็นตลาดที่มีผู้ซื้อและผู้ขายจำนวนมาก ในตลาดนี้ ราคาของสกุลเงินจะผันผวนตามอุปสงค์และอุปทาน ราคาอาจได้รับอิทธิพลจากนโยบายของรัฐบาล ภาวะเศรษฐกิจ ความคาดหวังของนักลงทุน และปัจจัยอื่นๆ

    การซื้อขาย Forex เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการสร้างรายได้และเป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับตลาด Forex ผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จในตลาด Forex จำเป็นต้องเข้าใจวิธีการทำงาน พวกเขาต้องการความรู้เกี่ยวกับการซื้อขาย Forex รวมถึงสกุลเงินประเภทต่างๆ และมูลค่าของสกุลเงินเหล่านั้น

    ระบบการซื้อขาย Forex คืออะไรและทำงานอย่างไร?

    วิธีการซื้อขาย Forex รวมวิธีการซื้อขายที่ซับซ้อน มีการใช้ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคและอัลกอริธึมมากมาย โปรแกรมสร้างแผนภูมิ หรือที่เรียกว่าแพลตฟอร์มการซื้อขาย Forex เป็นวิธีที่นิยมใช้กันมากที่สุดในการซื้อขาย ในการใช้กลยุทธ์การซื้อขายนี้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณต้องคุ้นเคยกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและวิธีการทำงานในตลาด ส่วนนี้จะให้ภาพรวมของส่วนนั้นของการซื้อขายฟอเร็กซ์และความเกี่ยวข้องกับบริษัทของคุณเอง

    โปรแกรมสร้างแผนภูมิใดๆ ที่ไม่ต้องการให้คุณสร้างแผนภูมิโดยละเอียดหรือแผนภูมิที่มีตัวบ่งชี้มากมาย เช่น MACD, RSI, Bollinger Bands เป็นต้น อาจใช้ โปรแกรมสร้างแผนภูมิที่คุณสามารถใช้ได้นั้นแตกต่างจากโปรแกรมที่คุณคุ้นเคย แต่ก็ยังช่วยให้คุณสามารถศึกษาการเคลื่อนไหวของราคาเมื่อเวลาผ่านไปโดยแสดงโซนการเคลื่อนไหวของราคาที่แตกต่างกันในแบบเรียลไทม์ คุณสามารถประเมินตลาดได้อย่างรวดเร็วหลังจากที่คุณเข้าใจปัจจัยพื้นฐานและรู้วิธีใช้แผนภูมิเหล่านี้อย่างเหมาะสมแล้ว

    การซื้อขาย Forex เป็นการซื้อขายรูปแบบใหม่ที่ใช้เครื่องมือทางการเงิน เช่น หุ้น พันธบัตร สกุลเงิน และสินค้าโภคภัณฑ์ ในตลาดหลักทรัพย์ มีการซื้อขายเครื่องมือทางการเงินหลายอย่าง การทำเงินด้วยวิธีการเหล่านี้เป็นเป้าหมายหลักของการใช้เครื่องมือทางการเงินเหล่านี้

    ระบบการซื้อขายฟอเร็กซ์มีความสำคัญเนื่องจากจะเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากการซื้อขายของคุณ สิ่งนี้จะช่วยคุณในการพิจารณาว่าจะทำกำไรจากการแกว่งตัวของราคาในตราสารทางการเงินเหล่านี้ได้อย่างไรเมื่อพวกมันเคลื่อนไหวสวนทางกันหรือร่วมกัน โดยการทำเช่นนั้น ผู้ค้า forex ใช้ระบบ Forex เพราะพวกเขาอาจกระจายการลงทุนและกำไรจากสถานการณ์ในตลาดที่ไม่มีอยู่ในการซื้อขายประเภทอื่น ๆ รวมถึงการซื้อขายหุ้นและฟิวเจอร์ส

    วิธีการค้าในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ

    การซื้อขาย Forex เป็นเทคนิคที่มีประสิทธิภาพและให้ผลกำไรในการทำเงิน หลายคนสนใจซื้อขายในตลาดเงินตราต่างประเทศเพราะสามารถทำเงินได้หากทำอย่างถูกต้อง ตลาดการเงินที่เป็นที่รู้จักและขยายตัวอย่างรวดเร็วทั่วโลกคือตลาด Forex อย่างไรก็ตาม การทำความเข้าใจวิธีการซื้อขายในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและทำกำไรนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้ค้าหลายราย

    ขั้นตอนที่ 1: ศึกษา forex และวิธีการทำงาน

    ดอลลาร์สหรัฐ ยูโร ปอนด์ และเยน สามารถใช้เป็นเกณฑ์มาตรฐานในการซื้อและขายสกุลเงินในตลาดฟอเร็กซ์ มันทำงานเหมือนตลาดหุ้น คุณซื้อในราคาหนึ่งและขายที่อื่น ช่วยให้คุณสามารถเก็งกำไรเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในตลาดสกุลเงินและรับเงินในระยะสั้น แม้ว่าจะสามารถทำกำไรได้ แต่ตลาดนี้มีการเก็งกำไรมากและมีความเสี่ยงสูง

    ขั้นตอนที่ 2: ทำความเข้าใจพื้นฐานของการตลาด Forex

    ไม่เป็นความลับที่การซื้อขายในตลาด Forex สามารถทำกำไรได้อย่างไม่น่าเชื่อและประสบความสำเร็จ แม้ว่าจะมีหลายสิ่งที่ต้องพิจารณาเพื่อการลงทุนที่ดี การซื้อขายหรือการลงทุนในบัญชี Forex ของคุณไม่จำเป็นต้องใช้ความรู้มากนัก คุณสามารถเข้าสู่ตลาดโดยใช้ระบบและกลยุทธ์การซื้อขาย Forex ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

    ขั้นตอนที่ 3: ทำความคุ้นเคยกับเครื่องมือต่างๆ

    ฟังก์ชันการวิเคราะห์ทางเทคนิคคือการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาดอย่างแม่นยำ เพื่อให้คุณสามารถติดตามการซื้อขายของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จ เรียนรู้วิธีการใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น ซอฟต์แวร์ซื้อขาย MT4 หรือ MT5 ผู้เชี่ยวชาญด้านการซื้อขายใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคมากขึ้น เนื่องจากซอฟต์แวร์นี้สร้างขึ้นสำหรับการทำ Scalping

    กลยุทธ์การซื้อขาย Forex

    ตลาดที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลกคือตลาด Forex นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในตลาดที่มีความผันผวนมากที่สุด

    ในการคาดการณ์ความผันผวนของราคาและซื้อขายตามปัจจัยเหล่านี้ ผู้ค้า forex ใช้ตัวบ่งชี้ที่หลากหลาย ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์พื้นฐานและทางเทคนิค

    เนื่องจากตลาด Forex มีการแข่งขันสูง ผู้ซื้อขายแต่ละรายจึงมีแนวคิดเกี่ยวกับวิธีการซื้อขายที่ดีที่สุดและตัวชี้วัดที่จะใช้ เพื่อประสบความสำเร็จในการซื้อขายในตลาด Forex ผู้ค้าจำนวนมากได้สร้างวิธีการซื้อขายที่โดดเด่น อย่างไรก็ตาม นักเทรดทุกคนควรปฏิบัติตามหลักเกณฑ์พื้นฐานบางประการเมื่อทำการซื้อขายในตลาดนี้

    1.หากคุณต้องการสร้างรายได้จากตลาดคู่สกุลเงินในธุรกิจหรือชีวิตส่วนตัวของคุณ กลยุทธ์การซื้อขายจะมีประโยชน์ cryptocurrencies สองสกุลที่ซื้อขายกันมากที่สุดในขณะนี้คือ bitcoin และ ethereum

    การซื้อขาย Forex (การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ) ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในตลาดซื้อขายที่เก่าแก่และมีกำไรมากที่สุดในโลก เนื่องจากมีข้อดีหลายประการ จึงเป็นโซลูชันที่สร้างสรรค์และให้ผลกำไรสูงสำหรับผู้ค้า

    2. ระบบการซื้อขายฟอเร็กซ์ที่ดีที่สุดช่วยให้คุณได้รับประโยชน์จากตลาดสกุลเงินและสามารถเพิ่มส่วนต่างกำไรของคุณนอกเหนือจากการเป็นเพียงเครื่องมือในการซื้อขาย

    บทสรุป

    ขั้นตอนแรกคือการระบุเป้าหมายของคุณก่อนที่จะเลือกกลยุทธ์การซื้อขาย Forex หากคุณต้องการทำเงินเพียงอย่างเดียว ให้เลือกเทคนิคที่สามารถสร้างผลกำไรได้อย่างรวดเร็ว สมมติว่าคุณต้องการทำความเข้าใจตลาดนี้ให้ดีขึ้น

    โลกของการซื้อขายฟอเร็กซ์นั้นค่อนข้างมีเทคนิคและท้าทาย คุณต้องมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความพากเพียร การเลือกบางอย่างที่จะช่วยให้คุณใช้เวลาอย่างสร้างสรรค์แทนที่จะอ่านออนไลน์หรือดูวิดีโอ YouTube จะดีกว่า

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    เลเวอเรจและมาร์จิ้นทำงานอย่างไรในการซื้อขาย Forex?

    กันยายน 22, 2022

    ไม่มีคำอธิบาย

    เทรดเดอร์ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากชอบและมักมีส่วนร่วมในการซื้อขาย Forex นอกจากจะเป็นหนึ่งในตลาดซื้อขายที่เก่าแก่ที่สุดแล้ว ยังยังคงเป็นตลาดการเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ด้วยปริมาณรายวันมากกว่า 5 ล้านล้านปอนด์

    ผู้คนจำนวนมากขึ้นต้องการมีส่วนร่วมในการซื้อขาย Forex หลังจากได้ยินคนอื่นเทศนาความสำเร็จ มีเหตุผลมากเกินพอที่จะเข้าร่วม และคุณอาจเป็นเทรดเดอร์อันดับต้นๆ คนต่อไป!

    อย่างไรก็ตาม การเริ่มต้นอาชีพใน forex นั้นไม่ตรงไปตรงมาเลย คุณจะต้องเรียนรู้คำศัพท์และกลยุทธ์ที่ซับซ้อนมากมาย หากคุณต้องการทำกำไรที่เหมาะสมด้วยตัวเอง การเดินทางก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน และคุณมีแนวโน้มที่จะต้องผ่านช่วงเวลาที่ท้าทายของการสูญเสียอย่างหนัก

    ยิ่งคุณเรียนรู้ในช่วงเริ่มต้นมากเท่าไหร่ การเดินทางของคุณก็จะยิ่งง่ายขึ้นเท่านั้น คำศัพท์สองคำที่คุณต้องเจอคือเลเวอเรจและมาร์จิ้น ทั้ง 2 สิ่งนี้เป็นปัจจัยสำคัญในการซื้อขาย Forex

    เลเวอเรจและมาร์จิ้นคืออะไร?

    ซื้อขายระยะยาว

    เลเวอเรจเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยให้คุณสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงราคา การเคลื่อนไหวของราคา Forex มีแนวโน้มที่จะเล็กน้อย ดังนั้นการเพิ่มราคาเพียงไม่กี่ pip ในบัญชี 100 ปอนด์จะทำให้คุณได้เงินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

    ขนาดของสัญญาจะถูกกำหนดโดยเงินฝากหรือส่วนต่างเมื่อใช้เลเวอเรจ มาร์จิ้นเป็นสัดส่วนเพียงเล็กน้อยของจำนวนเงินทั้งหมดที่ทำธุรกรรม นายหน้าให้เงินเพิ่มเติม

    ตัวอย่างเช่น หากคุณเปิดการซื้อขายด้วยมาร์จิ้น 1,000 ปอนด์แต่เลเวอเรจมูลค่าธุรกรรมคือ 100,000 ปอนด์ เนื่องจากคุณซื้อขายที่ 100 เท่าของมาร์จิ้น คุณจึงมีเลเวอเรจ 1:100

    มาร์จิ้นยังสามารถกำหนดเป็นจำนวนเงินที่คุณยืมจากโบรกเกอร์หรือแพลตฟอร์มการซื้อขายของคุณ การซื้อขายมาร์จิ้นคือการใช้เลเวอเรจหรือเงินที่ยืมมาเพื่อซื้อขาย

    จะเป็นประโยชน์ต่อคุณได้อย่างไร?

    คุณสามารถใช้เลเวอเรจเพื่อซื้อขายได้ทั้ง 2 วิธี คุณสามารถใช้เลเวอเรจเพื่อชอร์ตตลาด ซึ่งเป็นสัญญาณว่าคุณคาดว่าจะลดราคา วิธีนี้จะทำให้คุณมีตัวเลือกมากขึ้นในกลยุทธ์การซื้อขายของคุณและช่วยให้คุณได้รับผลกำไรสูงสุด

    ตลาด Forex จะให้อัตราเลเวอเรจที่มีประสิทธิภาพมากกว่าตลาดอื่นๆ ด้วยเหตุนี้ เมื่อทำการซื้อขาย Forex คุณอาจเพิ่มผลกำไรของคุณได้อย่างมาก

    ในฐานะมือใหม่ คุณมักจะมีบัญชีที่เล็กกว่า ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้องใช้ประโยชน์จากการสร้างรายได้จำนวนมากและสร้างบัญชีของคุณ

    อย่างไรก็ตาม โอกาสที่กำไรจะสูงขึ้นจะมาพร้อมกับโอกาสขาดทุนที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากเลเวอเรจอาจเพิ่มการสูญเสียและรายได้ คุณต้องจัดการความเสี่ยงอย่างระมัดระวัง

    ก่อนที่คุณจะเริ่มใช้การซื้อขายมาร์จิ้น คุณต้องมั่นใจในกลยุทธ์การซื้อขายของคุณ หากคุณไม่มั่นใจว่ากำลังทำอะไรอยู่ การลบบัญชีนับร้อยหรือหลายพันออกจากบัญชีของคุณนั้นค่อนข้างง่าย

    คำแนะนำอย่างหนึ่งคือพยายามหลีกเลี่ยงอัตราส่วนเลเวอเรจขนาดมหึมา แพลตฟอร์มการซื้อขายบางแห่งจะมีอัตราส่วนสูงถึง1:400 แม้ว่าจะมีโอกาสได้รับผลกำไรที่สูงขึ้น แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ 1 :400 จะส่งผลให้จำนวนเงินในบัญชีของคุณผันผวนอย่างมาก หากการค้าขายไม่เป็นไปตามที่คุณต้องการ แสดงว่าคุณมีความเสี่ยงสูง

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    Retracement ใน Forex คืออะไร?

    กันยายน 21, 2022

    Retracement ใน Forex คืออะไร?

    ในตลาด Forex คุณอาจได้ยินมามากมายเกี่ยวกับการพักตัว Fibonacci retracement มักถูกกล่าวถึงโดยเชื่อมโยงกับคำนี้ อย่างไรก็ตาม คำนี้ใช้ในบริบทที่กว้างกว่ามาก และบ่อยครั้งเมื่อผู้คนอ้างถึง retracement พวกเขาไม่ได้หมายถึงระดับ Fibonacci หมายความว่าอย่างไรใน Forex? 

    Retracements หมายถึงการกลับตัวของราคาชั่วคราวภายในแนวโน้มที่สำคัญ จำเป็นต้องเน้นคำว่า “ภายใน” การกลับตัวและการถอยกลับแตกต่างกันในแง่นี้

    บทความนี้อธิบายแนวคิด retracement ใน Forex และสร้างความแตกต่างด้วยการกลับตัว ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้รู้จักพวกเขาก่อนที่คุณจะลงทุนและซื้อขาย!

    Retracement : ทำงานอย่างไร

    ในแนวโน้มส่วนใหญ่ แม้แต่แนวโน้มที่ทรงอิทธิพล ตลาดจะย้อนกลับอย่างน้อยส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหว เหมือนกับการก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ถอยหลังหนึ่งก้าว ก้าวไปข้างหน้าสองก้าว และถอยหลังหนึ่งก้าว รูปแบบเหล่านี้เกิดขึ้นทั้งในช่วงแนวโน้มขาขึ้นและขาลง 

    อะไรคือเหตุผลที่คุณพิจารณาว่าการย้อนกลับจำเป็นในฐานะนักเทรด Forex?  Retracements มักสับสนกับ reversals แต่ถือได้ว่าเป็นเครื่องยืนยันแนวโน้ม  Retracements สู่ระดับ Fibonacci นั้นมีค่าสำหรับการค้นหาบริบทสำหรับการซื้อขายที่ดี 

    ก่อนทำการซื้อขายที่จุดเริ่มต้นของแนวโน้ม ผู้ค้าส่วนใหญ่จะรอให้เกิด Retracements นี่เป็นเพราะคุณจะไม่รู้ว่าคุณอยู่ในจุดกลับตัวหรือกลับตัวหากคุณเข้าก่อนการกลับตัว คุณมีโอกาสน้อยที่จะถูกหลอกโดยแนวโน้มที่ผิดพลาดหากคุณรอจนกระทั่งหลังจากการพักตัวเนื่องจากการกลับตัวเป็นแนวรับหรือแนวต้านในความโปรดปรานของคุณ

    คุณควรเรียนรู้ที่จะสังเกต Retracements เป็นหนึ่งในเครื่องมือ Forex ของคุณ  Retracementsที่ระดับ Fibonacci มักจะให้บริการคุณได้ดี แม้ว่าจะไม่จำเป็นก็ตาม 

    Retracement(การย้อนกลับ)และReversal(การกลับรายการ)

    การลดลงของราคาหุ้นที่เราเป็นเจ้าของมักจะทำให้เราสงสัยว่าการลดลงนั้นเป็นไปในระยะยาวหรือเป็นเพียงการสะดุดของตลาด หุ้นของเราได้เพิ่มขึ้นหลังจากขายในสถานการณ์เช่นนี้ และบางหุ้นก็ทำจุดสูงสุดใหม่ได้ เราเคยเจอสถานการณ์แบบนี้ ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ทั้งหมด แต่ประสิทธิภาพของคุณจะดีขึ้นหากคุณรู้วิธีระบุและแลกเปลี่ยนการย้อนกลับอย่างถูกต้อง

    การกลับตัวชั่วคราวของราคาที่เกิดขึ้นภายในแนวโน้มที่สำคัญกว่านั้นเรียกว่าการย้อนกลับ ไม่มีเหตุผลใดที่จะสรุปได้ว่าการกลับตัวของราคาเหล่านี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในแนวโน้มที่มีนัยสำคัญมากกว่า เนื่องจากเป็นการชั่วคราว การกลับตัวของแนวโน้มราคาเป็นสิ่งที่ตรงกันข้าม นี่หมายความว่าราคามีแนวโน้มที่จะอยู่ในทิศทางการกลับตัวนั้นเป็นระยะเวลาหนึ่ง แนวโน้มขาลงสามารถเปลี่ยนทิศทางเป็นขาขึ้นตามแนวโน้มขาลงหรือย้อนกลับหลังจากแนวโน้มขาขึ้น

    ข้อดีของRetracement(การย้อนกลับ)

    ที่สำคัญที่สุด หากเทรดเดอร์สังเกตเห็นสัญญาณตลาดที่แข็งแกร่งที่ระดับหลังการถอยกลับ เขาจะได้รับโอกาสที่ดีกว่าในการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาครั้งต่อไปอย่างแม่นยำ ระดับราคา “ค่าเฉลี่ย” หรือ “ค่าเฉลี่ย” มักจะให้ผลตอบแทน ดังนั้น ให้มองหาจุดเข้าเมื่อใดก็ตามที่คุณพบการถอยกลับหรือการหมุน นอกจากนี้ อาจอนุญาตให้เทรดเดอร์วาง Stop Loss ที่เหมาะสมได้ วิธีนี้จะช่วยให้พวกเขาหลีกเลี่ยงการสูญเสียจำนวนมากในขณะเดียวกันก็ไม่ถูกจับโดยความผันผวนของราคาอย่างกะทันหัน สิ่งที่แย่ที่สุดคือถ้าการทำนายของคุณถูกต้อง แต่ Stop Loss ที่ไม่ถูกต้องทำให้คุณออกจากตลาด อัตราส่วน ความเสี่ยงต่อผลตอบแทนก็เป็นไปได้เช่นกันเมื่อใช้การย้อนกลับ เป็นเรื่องปกติที่เทรดเดอร์จะตั้งเป้าหมาย 200 pip เพื่อวาง 100 pip ในกรณีนี้ คุณอาจกระชับ Stop Loss ของคุณโดยขึ้นอยู่กับระดับการย้อนกลับที่แน่นอน ตัวอย่างเช่น ระดับก่อนหน้าสามารถแปลงเป็นตัวเลขเป็นเป้าหมาย 250 pip โดยมีจุดหยุด 50 จุด

    ข้อเสียของRetracement(การย้อนกลับ)

    มีความเสี่ยงที่จะพลาดการซื้อขายบางส่วนเนื่องจากคุณควรรอการย้อนกลับ ไม่น่ากลัวเพราะไม่มีอะไรหายไป จะมีโอกาสน้อยลงในการเปิดการซื้อขายเนื่องจากราคาจะไม่หวนกลับ นอกจากนี้ การซื้อขาย ย้อนหลัง ต้องใช้ความอดทนแต่เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการพัฒนา

    ข้อเสียควรพิจารณา ค่าบวกมีค่ามากกว่าค่าลบในกรณีนี้

    บทสรุป

    ในช่วงแนวโน้มที่มีนัยสำคัญ การกลับตัวมักจะหมายถึงการกลับตัวของราคาชั่วคราว ผู้ค้าและนักลงทุนต้องทราบความแตกต่างระหว่างการย้อนกลับและการกลับรายการ นอกจากนี้ พวกเขาควรเรียนรู้เกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของการย้อนกลับ  

    คำถามที่พบบ่อย

    ระดับการย้อนกลับคืออะไร?

    เส้นแนวนอนเหล่านี้เรียกว่าระดับการย้อนกลับของ Fibonacci เส้นแนวนอนเหล่านี้สะท้อนถึงระดับลำดับ Fibonacci พวกเขาสอดคล้องกับเปอร์เซ็นต์ ราคาได้หวนกลับเปอร์เซ็นต์ของการเคลื่อนไหวก่อนหน้าที่ทำ

    คุณจะระบุการย้อนกลับใน forex ได้อย่างไร?

    ระดับฟีโบนักชีมักใช้เพื่อระบุการย้อนกลับ เป็นเรื่องปกติที่จะเห็นการพักตัวของราคาอยู่ที่ระดับ Fibonacci retracement ที่ 38.2%, 50.0% และ 61.8% ก่อนดำเนินการต่อแนวโน้มโดยรวม ราคาที่เพิ่มขึ้นเหนือระดับเหล่านี้อาจบ่งบอกถึงจุดเริ่มต้นของการกลับตัว

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    โครงสร้างตลาดใน Forex คืออะไร?

    กันยายน 20, 2022

    โครงสร้างตลาดใน Forex คืออะไร?

    Forex เป็นตลาดที่ผู้ค้าซื้อและขายสกุลเงิน ตลาด Forex เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดและมีสภาพคล่องมากที่สุดในโลก เป็นที่แลกเปลี่ยนสกุลเงินตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์

    โครงสร้างตลาดหมายถึงวิธีการซื้อและขายหลักทรัพย์ในตลาดต่างๆ ประเภทตลาดหลัก ๆ จะถูกจัดระเบียบตามวิธีการซื้อขาย (เช่น ในการแลกเปลี่ยนหรือที่ไม่ต้องสั่งโดยแพทย์) และโดยวิธีการควบคุม (เช่น โดยหน่วยงานเช่น FINRA)

    ตลาดฟอเร็กซ์

    โครงสร้างตลาดคืออะไร?

    การเคลื่อนไหวของราคาในตลาดสามารถอ่านได้โดยใช้โครงสร้างตลาดตามคำจำกัดความ เป็นการผสมผสานระหว่างแนวรับและแนวต้านบนกราฟ เช่นเดียวกับการแกว่งสูงและต่ำ นี่คือตัวอย่างระดับที่จดจำได้ง่ายและคงอยู่จนกว่าจะขาด การเคลื่อนไหวของสินทรัพย์จะถูกอ่านและตามด้วยเทรดเดอร์โดยใช้โครงสร้างตลาด ใช้ช่วงของการเคลื่อนไหวแบบกระทิงและหยาบคาย

    การเคลื่อนไหวของราคาในตลาดมักเรียกว่าโครงสร้างตลาด เนื่องจากนี่คือการเคลื่อนไหวของตลาดทั้งหมด เราจึงเรียกการศึกษานี้ว่า ” โครงสร้างตลาด ” เมื่อคุณเข้าใจแนวโน้มและการเคลื่อนไหวที่คาดการณ์ไว้ คุณสามารถรวมเกณฑ์อื่น ๆ เพื่อให้มีคุณสมบัติในการซื้อขายของคุณ คุณสามารถใช้ปริมาณ, จุดกลับตัว, เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ และอื่นๆ เพื่อให้มีคุณสมบัติในการซื้อขายของคุณ ฉันจะพูดถึงเรื่องนั้นในภายหลัง

    โครงสร้างตลาดประเภทต่าง ๆ มีอะไรบ้าง

    ความเข้าใจในการเคลื่อนไหวของตลาดสามารถเข้าใจได้โดยการดูจากโครงสร้าง โครงสร้างตลาดสามประเภททำให้เข้าใจง่าย ประเภทหนึ่งคือ Price Action ซึ่งราคาจะเคลื่อนไหวตามราคาเหล่านั้น แนวโน้มจะไม่ถูกนำมาพิจารณา เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จจะต้องสามารถระบุการเปลี่ยนแปลงของตลาดตามกรอบเวลาที่คุณดู ตลาดมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวในสามทิศทางในเวลาใดก็ตาม พวกเขามีดังนี้:

    • แนวโน้มขาขึ้น (Bullish trend)
    • แนวโน้มขาลง (Bearish trend)
    • เทรนด์ไซด์เวย์ (Sideways trend)

    ความสามารถในการอ่านโครงสร้างตลาดช่วยให้เราสามารถกำหนดแนวโน้มของตลาดในหนึ่งในสามทิศทางข้างต้น เช่นเดียวกับว่าแนวโน้มจะดำเนินต่อไปหรือล้มเหลว ตลาดมีแนวโน้มที่จะมีแนวโน้มไปด้านข้างเกือบตลอดเวลา เมื่อคุณมีระยะ คุณสามารถยิงในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว

    เสียงสูงและต่ำกำลังเพิ่มขึ้นในช่วงแนวโน้มขาขึ้น แนวโน้มราคาของสินทรัพย์จะดำเนินต่อไปตราบใดที่พิมพ์ราคาต่ำสุดที่ต่ำกว่า แนวโน้มแสดงสัญญาณของความอ่อนแอเมื่อไม่สามารถพิมพ์ราคาที่สูงกว่า “ระดับสูงสุด” ตามปกติในระหว่างที่มีแนวโน้ม

    ราคาต่ำและค่าสูงสุดต่ำเป็นแนวโน้มขาลง แนวโน้มขาลงจะสิ้นสุดลงเมื่อถึงระดับสูงสุดที่สูงขึ้น ตราบใดที่เสียงสูงต่ำยังคงพิมพ์ แนวโน้มหมีจะยังคงลดลง เมื่อราคาพิมพ์ระดับต่ำสุดที่สูงกว่าหรือต่ำสุดที่เท่ากัน แสดงว่ามีการกลับตัวของแนวโน้ม

    แนวโน้มสูงและต่ำที่เท่ากันเรียกว่าแนวโน้มด้านข้าง ในช่วงเวลานี้ แนวโน้มราคาจะผันผวน และตลาดอยู่ในสถานะควบรวมกิจการ เป็นไปได้ที่ตลาดจะรวมตัวกันเป็นเวลานาน การหลุดจากด้านบนหรือด้านล่างของช่วงเป็นสัญญาณว่าเทรนด์แตกแล้ว แนวโน้มขาขึ้นใหม่อาจจะอยู่ในผลงาน

    แผนภูมิ

    Diagramsและตัวอย่างโครงสร้างตลาด

    ตามกรอบเวลาที่ใช้ คุณสามารถระบุการเคลื่อนไหวของราคาโดยใช้โครงสร้างตลาดบนแผนภูมิ

    กระแสตลาดและโอกาสทางการค้าสามารถระบุได้โดยใช้การวิเคราะห์หลายกรอบเวลา เพื่อระบุพื้นที่ของแนวรับและแนวต้านหลักสำหรับสินทรัพย์ การพิจารณากรอบเวลาที่ใหญ่ขึ้นเป็นสิ่งสำคัญ หลังจากนั้น การเลือกกรอบเวลาที่คุณต้องการซื้อขายจะง่ายขึ้นมาก โครงสร้างตลาดจะแตกต่างกันไปตามกรอบเวลาที่คุณเลือก ปัจจุบันโครงสร้างจุลภาคของสินทรัพย์หมุนเวียนมีการเปลี่ยนแปลง

    ตัวอย่างเช่น ลองเปรียบเทียบมุมมองโครงสร้างมหภาคของช่วงเวลา 4 ชั่วโมงกับมุมมองโครงสร้างจุลภาคของช่วงเวลา 10 นาที เราจะตรวจสอบตลาดซื้อขายล่วงหน้าสำหรับ S&P 500 เนื่องจากสินทรัพย์มีการซื้อขายตลอดทั้งคืน และไม่มีราคาลดลง

    แผนภูมิด้านล่างแสดง S&P 500 ในช่วงสี่ชั่วโมงที่ผ่านมา เราได้ระบุแนวรับและแนวต้านที่แข็งแกร่งซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นขาขึ้น ระดับราคาจะถูกกำหนดโดยราคาที่สูงกว่าหรือต่ำกว่านั้น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการระบุระดับเหล่านี้เพื่อเล่นในแผนภูมิ 10 นาที การกลับตัวของแนวโน้มกระทิงสามารถตรวจพบได้ในการเคลื่อนไหวที่สร้างจุดสูงสุดใหม่

    แนวรับและแนวต้าน

     การดึงแนวรับและแนวต้านมีความสำคัญพอๆ กับการวิเคราะห์ตลาดและโครงสร้างแนวโน้ม คุณจะมีเวลาในการค้นหารายการและทางออกได้ง่ายขึ้นหากคุณรู้ว่าโซนการสนับสนุนและอุปสงค์ของคุณอยู่ที่ไหน มีหลายวิธีในการวาดแนวรับและแนวต้านตามกรอบเวลาที่คุณกำลังซื้อขาย

    เมื่อทำการซื้อขายแบบสวิง ขอแนะนำให้เริ่มต้นด้วยกรอบเวลาที่ใหญ่ขึ้น เริ่มต้นด้วยการวาดระดับที่สำคัญบนแผนภูมิรายสัปดาห์ คุณสามารถปรับแต่งระดับเหล่านั้นได้ในแผนภูมิรายวัน รายชั่วโมง หรือ 4 ชั่วโมง

    คุณสามารถวาดระดับแนวรับและแนวต้านได้หากคุณเริ่มต้นด้วยกราฟรายชั่วโมง เมื่อคุณลดระดับ 10 นาทีและ 5 นาทีแล้ว ให้ปรับแต่งระดับจนถึงจุดที่คุณไม่พลาดสิ่งสำคัญใดๆ

    แนวรับสามารถวาดได้สองวิธี:

    • ระบุพื้นที่การปฏิเสธที่รุนแรง
    • การทดสอบหลายครั้ง

    Microsoft ให้การสนับสนุนในสี่ประเด็นหลัก สำหรับนักเทรดวงสวิง นี่คือกราฟรายวัน สิ่งเหล่านี้สำคัญที่สุดในสี่ประการ

    สรุป: ตลาดต่างมีโครงสร้างตลาดที่แตกต่างกัน

    ตลาดฟอเร็กซ์

    ตลาดใด ๆ สามารถซื้อขายได้โดยใช้โครงสร้างตลาด! ขอแนะนำให้ซื้อขายโดยใช้โครงสร้างตลาดระหว่างวัน การวิเคราะห์ทางเทคนิคการซื้อขายขึ้นอยู่กับโครงสร้างตลาด คุณสามารถซื้อขายตลาดใดก็ได้หากคุณรู้วิธีการค้าโครงสร้างตลาด ผู้ค้า Forex ใช้โครงสร้างตลาดอย่างกว้างขวาง

    หลายคนได้รับผลกำไรจาก Forex โดยใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาหรือโครงสร้างตลาด ไม่ต้องใช้ตัวบ่งชี้หรือปริมาณเนื่องจากไม่มีการแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ในตลาด นักเทรดฟอเร็กซ์มักใช้สวิงเทรดดิ้งเพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสที่เสนอโดยโครงสร้างตลาด การใช้โครงสร้างตลาดทำให้ผู้ค้ารายวันเป็นไปได้ใน Forex และหาได้ยาก

    คำถามที่พบบ่อย

    โครงสร้างตลาดใน forex มีความสำคัญอย่างไร?

    ตลาดฟอเร็กซ์เป็นตลาดเสรี หมายความว่าไม่มีข้อบังคับ ซึ่งหมายความว่าตลาดไม่ได้ถูกควบคุมโดยรัฐบาลใด ๆ และซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง ตลาดฟอเร็กซ์ยังมีสภาพคล่องสูง ซึ่งหมายความว่าสกุลเงินที่คุณต้องการซื้อหรือขายสามารถซื้อขายได้ตลอดเวลาของวันโดยมีการคลาดเคลื่อนเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย

    คุณทำแผนที่โครงสร้างตลาดใน Forex ได้อย่างไร?

    ตลาด Forex ไม่ใช่ตลาดเดียว ประกอบด้วยตลาดต่างๆ มากมาย โครงสร้างตลาด Forex เป็นผลมาจากการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างตลาดต่างๆ เหล่านี้ ผู้ค้า Forex สามารถซื้อขายในตลาดใดตลาดหนึ่งดังต่อไปนี้:

    • ตลาดสปอตเป็นตลาดสำหรับซื้อขายคู่สกุลเงิน Forex
    • ตลาดซื้อขายล่วงหน้าเป็นเครื่องมือทางการเงินอนุพันธ์แบบมีเงื่อนไขที่ช่วยให้ผู้ค้าสามารถเก็งกำไรในราคาคู่สกุลเงินในอนาคต อัตราดอกเบี้ยล่วงหน้าอยู่ระหว่างสองอัตราดอกเบี้ย อัตราดอกเบี้ยคงที่และอัตราดอกเบี้ยลอยตัว เมื่ออัตราคงที่หมดอายุ หากอัตราแลกเปลี่ยนจริงต่ำกว่า (หรือสูงกว่า) อัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้า โพซิชั่นจะถูกชำระเป็นเงินสด
    • ตลาด Spot-Forward เป็นตราสารอนุพันธ์ทางการเงินร่วมที่ช่วยให้ผู้ค้าสามารถเก็งกำไรในราคาคู่สกุลเงินในอนาคต
    • ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ประกอบด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและสัญญาออปชั่นมากกว่า 500 รายการซึ่งซื้อขายกับวัตถุดิบหลายชนิด เช่น ทองคำ เงิน และน้ำมันดิบ- ตลาดผลิตภัณฑ์: โลหะดิบมักถูกใช้เป็นสินค้าโภคภัณฑ์สำหรับสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและสัญญาออปชั่น
    • ตลาดสินเชื่อเป็นตลาดการเงินสำหรับการกู้ยืม การฝากเงินเชิงพาณิชย์ตามอัตราดอกเบี้ย การให้เงินเบิกเกินบัญชี และการจัดหาวงเงินสินเชื่อ
    • ตลาดตราสารหนี้ที่มีอัตราคงที่เป็นตลาดสำหรับการซื้อขายพันธบัตรที่จ่ายอัตราดอกเบี้ยคงที่

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    กลยุทธ์การเคลื่อนไหวของราคาที่ได้รับความนิยม

    กันยายน 20, 2022

    กลยุทธ์การเคลื่อนไหวของราคาที่ได้รับความนิยม

    “เทรดตามเทรนด์!”

    การซื้อขายกับแนวโน้มนั้นยากมาก ก็เหมือนว่ายน้ำในแม่น้ำที่ไหลทวนน้ำ การซื้อขายกับแนวโน้มหมายความว่าคุณกำลังซื้อขายกับโมเมนตัมของตลาด นี้ stacks อัตราต่อรองทั้งหมดกับคุณ ลองนึกภาพคุณกำลังซื้อขายกับทั้งตลาด มันเหมือนกับว่าคุณต่อต้านโลกการค้า

    ดังนั้น เทรดเดอร์จำนวนมากจึงตัดสินใจลองซื้อขายกับเทรนด์ แต่เทรดเดอร์หน้าใหม่หลายคนที่ตัดสินใจเป็นเทรนด์ตามเทรดเดอร์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะระบุเทรนด์ได้อย่างไร เราจะเทรดกับเทรนด์ได้อย่างไร หากเราไม่ทราบวิธีระบุเทรนด์

    ผู้ค้าการเคลื่อนไหวของราคามักจะดูแผนภูมิเปล่าเพื่อระบุแนวโน้ม พวกเขากำหนดแนวโน้มขาขึ้นว่าเป็นสิ่งที่พิมพ์สูงที่สูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับจุดสูงสุดครั้งก่อน และยืนยันโดยจุดต่ำสุดที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับจุดต่ำสุดครั้งก่อน สำหรับแนวโน้มขาลง พวกเขากำหนดให้เป็นหนึ่งที่พิมพ์ค่าต่ำสุดที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับค่าต่ำสุดก่อนหน้าและยืนยันโดยค่าสูงสุดที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับค่าสูงสุดครั้งก่อน

    The ZigZag Indicator(ตัวบ่งชี้ซิกแซก)

    มือใหม่ในการซื้อขายการเคลื่อนไหวของราคา พบว่ามันยากที่จะประเมิน swing high และ low บนกราฟเปลือยโดยไม่มีข้อบ่งชี้ใด ๆ ที่ชี้ไปที่ swing high หรือ swing low ซึ่งอาจดูสับสนและทำให้ขาดความมั่นใจในการตั้งค่าการเทรด อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราสามารถทำได้คือใช้ ZigZag indicator เพื่อช่วยเราระบุจุดสูงและจุดต่ำสุดของวง swing สิ่งนี้ทำให้สิ่งต่าง ๆ ง่ายขึ้นมาก

    ทำเครื่องหมายพื้นที่สนับสนุน (Marking Support Areas)

    แนวคิดหนึ่งในการซื้อขายคือบริเวณแนวต้านเมื่อพังแล้วจะกลายเป็นแนวรับ ในตลาดที่มีแนวโน้ม พื้นที่แนวต้านที่เป็นไปได้จะถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้สร้างพื้นที่สนับสนุนให้เรา ซึ่งเราสามารถแลกเปลี่ยนได้

    เพื่อแลกเปลี่ยนระบบนี้ เราจะทำเครื่องหมายจุดสูงสุดที่แตกเป็นแนวรับ เพื่อทำเครื่องหมายบริเวณแนวรับเหล่านี้ ในแนวโน้มขาขึ้น เราจะทำเครื่องหมายจากไส้ตะเกียงบนของวง swing highไปจนถึงทั้งตัว

    ในแผนภูมิด้านล่าง สังเกตว่าราคาเคารพส่วนสนับสนุนเหล่านี้อย่างไรในช่วงตลาดขาขึ้นนี้

    การตั้งค่าการค้า: การเข้า, หยุดการขาดทุน & ทำกำไร

    เนื่องจากแผนภูมิที่วิเคราะห์เป็นตลาดขาขึ้น เราจะวิเคราะห์การตั้งค่าการซื้อ

    รายการ : เราจะรอให้ราคาย้อนกลับไปยังพื้นที่แนวรับ เมื่อราคาถึงพื้นที่เราจะมองหามันเพื่อเด้งออกจากพื้นที่ ทันทีที่ราคาสร้างรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวที่ปิดเหนือพื้นที่แนวรับ เราจะเข้าสู่การซื้อขาย

    Stop Loss : Stop Loss ควรอยู่ต่ำกว่าแนวรับเล็กน้อย

    Take Profit : จุดทำกำไรเป้าหมายควรอยู่ที่จุดสูงสุดของ swing high

    บทสรุป

    กลยุทธ์นี้เป็นกลยุทธ์การซื้อขายประเภทกระแสตลาดที่เรียบง่าย ซึ่งใช้พลังของการเคลื่อนไหวของราคาที่มีแนวโน้ม เนื่องจากทั้งกระแสตลาดและการเคลื่อนไหวของราคาที่มีแนวโน้มจะรวมกันเป็นกลยุทธ์การซื้อขาย การตั้งค่าการค้าจึงกลายเป็นการตั้งค่าการค้าที่มีความเป็นไปได้สูงมากขึ้น สิ่งนี้จะเพิ่มโอกาสที่จุดทำกำไรจะถูกโจมตีแทนการหยุดการขาดทุน

    กลยุทธ์การซื้อขายอื่นที่สามารถใช้ร่วมกับกลยุทธ์นี้ได้คือกลยุทธ์ bull flag หากคุณมองอย่างใกล้ชิด การถอยกลับอาจถือได้ว่าเป็น bull flag ที่ทะลุแนวต้านในแนวทแยง

    นอกจากนี้ หากคุณจะใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบ 3 แบนด์เป็นคำชมเชยสำหรับกลยุทธ์นี้ คุณจะพบว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบสามแถบนั้นเรียงซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบบนอีกด้านหนึ่ง ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้ม และจุดเริ่มต้นของ แรงผลักดันยังออกจากแนวรับแบบไดนามิกที่เกิดจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่

    ผู้ค้ารายอื่นที่ซื้อขายช่องในแนวทแยงก็สามารถเห็นได้ในมุมที่ต่างออกไป พวกเขาสามารถพูดได้ว่าการค้าขายเป็นการดีดตัวออกจากแนวรับแนวทแยง

    ข้อดีของการใช้กลยุทธ์การซื้อขายประเภทการเคลื่อนไหวของราคาหรือการไหลของตลาดคือช่วยให้ผู้ค้าสามารถกำหนดพื้นที่ที่พวกเขาสามารถมองหาการพลิกกลับหรือการตีกลับได้อย่างง่ายดาย แตกต่างจาก bull flag และแนวรับและแนวต้านเนื่องจากลักษณะแนวนอนของแนวรับและแนวต้านทำให้ผู้ค้าประเมินได้ง่ายขึ้นว่าการกลับตัวเกิดขึ้นในพื้นที่ที่ถูกต้องหรือไม่

    กลยุทธ์นี้เป็นกลยุทธ์ที่มีความเป็นไปได้สูงในตัวมันเอง ผู้ค้ามืออาชีพยังใช้แนวรับและแนวต้านในแนวนอน แต่เมื่อรวมกับกลยุทธ์อื่นแล้ว ก็ยิ่งมีพลังมากขึ้น

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    กลยุทธ์การซื้อขายด้วย High Frequency

    กันยายน 19, 2022

    กลยุทธ์การซื้อขาย High Frequency

    มีกลยุทธ์การซื้อขายมากมายที่ผู้ค้าทั่วโลกใช้ ทุกคนมีเหตุผลของตนเองในการใช้กลยุทธ์การซื้อขายบางอย่าง ในกรณีส่วนใหญ่ ผู้คนจะตัดสินใจว่าจะใช้กลยุทธ์ใดโดยขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ

    ประการแรกคือความรู้และประสบการณ์ในตลาดการเงิน จากนั้นระยะเวลาและความพยายามที่พวกเขาสามารถนำไปซื้อขายได้ นอกจากนี้ ปัจจัยหนึ่งที่สามารถมีอิทธิพลต่อกลยุทธ์ที่คุณต้องการใช้คือประเภทของรายได้ที่คุณต้องการ

    หากคุณเป็นคนที่ต้องการผลตอบแทนอย่างรวดเร็วจากการซื้อขาย คุณมีตัวเลือกค่อนข้างน้อย กลยุทธ์หนึ่งที่ผู้ค้าใช้บ่อยมากคือกลยุทธ์การซื้อขายความถี่สูง กลยุทธ์นี้รู้จักกันในนาม HFT สั้น ๆ เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดที่คุณต้องสร้างผลกำไรอย่างรวดเร็วและสูงในตลาดการซื้อขาย Forex

    HFT ค่อนข้างอธิบายตนเองได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ผู้เริ่มต้นบางคนอาจไม่รู้เกี่ยวกับ HFT ก็คือมีหลายประเภทให้เลือกใช้ กลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดบางส่วนที่ใช้ในการซื้อขายความถี่สูง ได้แก่ การซื้อขายคู่,Iceberg and Sniffer, คำสั่งแฟลช,การเทรด HFT / Scalping และอื่นๆ อีกมากมาย

    แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะแตกต่างกันมาก แต่ก็ยังมีหลายสิ่งที่เหมือนกัน ในตอนท้ายของวัน กลยุทธ์การซื้อขายทั้งหมดเหล่านี้เป็นกลยุทธ์ประเภท HFT ซึ่งหมายความว่าผู้ค้าจะต้องใช้เวลามากในการวิเคราะห์ เปิดสถานะ เปลี่ยนแปลงตำแหน่ง และปิด

    ด้านล่างนี้ เราจะพูดถึงกลยุทธ์ HFT ประเภทต่างๆ ดังนั้น ทำตามคำแนะนำโดยละเอียดของเราและค้นหากลยุทธ์ HFT ที่ดีที่สุดที่เหมาะกับความต้องการของคุณที่สุด

    Pair Trading(การซื้อขายคู่)

    เมื่อพูดถึงกลยุทธ์การซื้อขาย High Frequency มีเพียงไม่กี่กลยุทธ์ที่ควรพิจารณา ในตลาดการเงิน การซื้อขายคู่เป็นกลยุทธ์การซื้อขายที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งมองเห็นการจับคู่ตำแหน่งยาวกับตำแหน่งสั้นในสินทรัพย์สองรายการที่มีความสัมพันธ์สูง การซื้อขายคู่มีประวัติอันยาวนานมาก เปิดตัวในยุค 80 กลยุทธ์การซื้อขายนี้เน้นที่การวิเคราะห์ทางสถิติและทางเทคนิคเป็นส่วนใหญ่เพื่อค้นหาผลกำไรที่เป็นกลางในตลาด

    ลักษณะสำคัญของธุรกรรมการซื้อขายนี้คือกลยุทธ์ที่เป็นกลางทางการตลาด นี่เป็นกระบวนการจับคู่ตำแหน่งยาวและสั้นในหลักทรัพย์สองชนิดที่แตกต่างกันโดยมีความสัมพันธ์เชิงบวก

    ผู้ที่ใช้กลยุทธ์นี้ต้องใช้เวลามากในการวิเคราะห์ตลาด มองหาโอกาส และเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับด้านเทคนิคของตลาดการเงิน ซึ่งอาจค่อนข้างเหนื่อย

    มีข้อดีและข้อเสียมากมายที่มาพร้อมกับกลยุทธ์การซื้อขาย High Frequency ประเภทนี้ สมมติว่าคู่สกุลเงินดำเนินการตามที่คาดไว้ ในกรณีนี้ นักลงทุนทำกำไร ในทางกลับกัน หากตลาดเป็นไปในทางอื่น นักลงทุนก็จะสูญเสียเงินไป ส่วนใหญ่ ผลกำไรสามารถสร้างขึ้นได้เมื่อการรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่ามูลค่ากลับมาและมูลค่าของสินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพดีกว่าลดลง

    แม้ว่าจะมีข้อเสียบางประการที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายคู่ แต่ก็ยังได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดการเงินหลายแห่งทั่วโลก

    Iceberg and Sniffer(ภูเขาน้ำแข็งและนักดมกลิ่น)

    เมื่อพูดถึงกลยุทธ์การซื้อขายแบบ algorithmic(อัลกอริธึม) และความถี่สูง กลยุทธ์ที่โดดเด่นที่สุดคือ Iceberg และ Sniffer กลยุทธ์การเทรดหรือ algorithmic(อัลกอริธึม) นี้มักถูกใช้โดยเทรดเดอร์ประเภทต่างๆ ในตลาด Iceberg และ Sniffer เป็น algorithmic(อัลกอริธึม) ที่ใช้บ่อยมากในตลาดเพื่อตรวจจับและตอบสนองต่อผู้ค้ารายอื่นที่พยายามซ่อนการซื้อขายบล็อกขนาดใหญ่ประเภทต่างๆ โดยใช้ algorithmic(อัลกอริธึม) ประเภทต่างๆ

    เช่นเดียวกับกลยุทธ์การซื้อขาย High Frequency อื่น ๆ Iceberg และ Sniffer เรียกร้องให้มีการอุทิศอย่างมากในส่วนของผู้ค้า เหตุผลหลักคือกลยุทธ์การซื้อขายนี้เรียกร้องให้มีการอุทิศและวิเคราะห์ตลาดอย่างมาก

    ในกรณีส่วนใหญ่ ผู้ที่ใช้กลยุทธ์นี้คือผู้ค้าที่เกี่ยวข้องกับตลาดการเงินมากและเข้าใจอย่างแท้จริงว่าสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นได้อย่างไรในโลกของการซื้อขาย หากปราศจากความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับตลาด อาจเป็นเรื่องยากที่จะใช้กลยุทธ์นี้ให้สำเร็จ

    อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุด กลยุทธ์การซื้อขายนี้ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การซื้อขายที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตลาด และมีคนจำนวนมากที่ใช้กลยุทธ์นี้ กลยุทธ์ Iceberg และ Sniffer เป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในกลยุทธ์การซื้อขาย High Frequency ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มักจะใช้เวลามากจากผู้ค้า ด้วยเหตุนี้ มีผู้ค้าจำนวนมากที่ใช้บอทซื้อขายและโปรแกรมที่คล้ายกันเพื่อค้นหาสภาวะตลาดที่เหมาะสมกับความต้องการของพวกเขามากที่สุด

    Flash Orders(คำสั่งแฟลช)

    แม้ว่าจะเป็นที่ถกเถียงกันมาก แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากทั่วโลกที่ใช้กลยุทธ์ Flash Trading นี่เป็นกลยุทธ์ประเภท HFT และเป็นที่นิยมทั่วโลก พูดง่ายๆ ก็คือ แนวคิดหลักที่อยู่เบื้องหลังกลยุทธ์นี้คือเมื่อใช้งาน ตลาดจะเปิดเผยหนังสือสั่งซื้อล่วงหน้าต่อ algorithmic(อัลกอริธึม) ที่เคยสมัครรับคำสั่งซื้อแบบแฟลชก่อนหน้านี้

    พูดง่ายๆ ก็คือ กลยุทธ์นี้จะสร้างตลาดสองระดับบางประเภท ซึ่งอาจเป็นอันตรายสำหรับผู้ค้าปลีกทั่วไปที่ตามหลัง เมื่อพูดถึงกลยุทธ์การซื้อขายที่มีความถี่สูงเพื่อให้ได้กำไรสูงสุด หลายคนเชื่อว่า Flash Orders เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ทำกำไรได้มากที่สุด

    แม้ว่ามันอาจจะได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่คนบางคน แต่ก็ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากคนอื่น ๆ ทั่วโลก การวิพากษ์วิจารณ์มีมากจนถูกระงับโดยการแลกเปลี่ยนและนายหน้าส่วนใหญ่ทั่วโลก

    แม้ว่าลักษณะที่แท้จริงและความเสี่ยงของกลยุทธ์นี้ไม่เคยเป็นความลับของการซื้อขายที่มีความถี่สูง แต่ก็ยังเคยเป็นที่นิยมในหมู่คนจำนวนมาก กลยุทธ์นี้ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่มีความซับซ้อนสูงและทรงพลังเพื่อให้ผู้ดูแลสภาพคล่องสามารถดูคำสั่งซื้อจากผู้เข้าร่วมตลาดรายอื่นได้

    ผู้ที่ขัดต่อกลยุทธ์นี้ส่วนใหญ่เชื่อว่าสามารถช่วยให้มีสภาพคล่องมากขึ้นในการแลกเปลี่ยนตลาดรอง นอกจากนี้ หลายคนเชื่อว่านี่เป็นกลยุทธ์ที่ไม่เป็นธรรมและมีความเสี่ยงสูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบไม่เฉพาะกับผู้ที่ใช้กลยุทธ์นี้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้เข้าร่วมตลาดรายอื่นๆ ด้วย

    การเทรด HFT / Scalping

    มีกลยุทธ์การซื้อขายที่ได้รับความนิยมมากมายทั่วโลก แต่กลยุทธ์หนึ่งที่ใช้ในตลาดจำนวนมากโดยผู้คนนับล้านทุกวันคือการ Scalping เป็นกลยุทธ์ประเภท HFT ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างวัน

    หลายคนมองว่าเป็นกลยุทธ์การซื้อขายรายวันประเภทหนึ่ง ในความเป็นจริง มีความคล้ายคลึงกันมากมายระหว่าง scalping และ day trading อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างก็คือการ scalping นั้นมีความต้องการมากกว่ามาก เมื่อคุณใช้กลยุทธ์การซื้อขายนี้ คุณจะต้องเปิดและปิดสถานะการซื้อขายจำนวนมากในระหว่างวัน

    ในกรณีส่วนใหญ่ ตำแหน่งเหล่านี้มีขนาดเล็กมากและสามารถให้ผลกำไรเพียงเล็กน้อยแก่ผู้ค้าเท่านั้น อย่างไรก็ตาม Scalping เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ HFT ที่ดีที่สุด และผู้คนจำนวนมากใช้กลยุทธ์นี้ เนื่องจากมีตำแหน่งมากมายที่คุณกำลังเปิดในระหว่างวัน มันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับเทรดเดอร์

    คุณไม่เพียงแต่ต้องใช้เวลามากขึ้นในการวิเคราะห์และค้นคว้าตลาดเท่านั้น แต่คุณยังต้องใช้เวลาเป็นจำนวนมากเพื่อจุดประสงค์ในการซื้อขายจริงด้วย เมื่อคุณทำการซื้อขายโดยใช้กลยุทธ์นี้ ผลกำไรที่คุณทำได้มักจะลดลง

    ด้วยเหตุนี้ เพื่อเพิ่มผลกำไร นักเก็งกำไรจำนวนมากจึงใช้เลเวอเรจที่สูงขึ้น แต่พึงระลึกไว้เสมอว่าเลเวอเรจนั้นค่อนข้างอันตรายสำหรับผู้ค้า เนื่องจากความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างมาก

    สรุปแล้ว Scalping เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของการเทรดความถี่สูง มีผู้คนจำนวนมากที่ใช้มันทุกวันทั่วโลก และได้รับการพิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จอย่างมากสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ต่างกัน

    คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกลยุทธ์การซื้อขาย Forex High Frequency ที่ดี

    การซื้อขาย High Frequency มีกำไรหรือไม่?

    ใช่ การเทรดด้วย High Frequency สามารถทำกำไรได้ตราบเท่าที่คุณทำถูกต้อง มีกลยุทธ์การซื้อขาย High Frequency หลายประเภทในตลาด และทั้งหมดนั้นให้ผลกำไรที่แตกต่างกันแก่ผู้ค้า แนวคิดทั่วไปเบื้องหลังกลยุทธ์เหล่านี้คือการได้รับผลกำไรโดยเร็วที่สุด แม้ว่าจะเป็นกลยุทธ์ระยะสั้น แต่ผลกำไรที่ทำได้ในหนึ่งหรือสองสัปดาห์ก็ค่อนข้างมาก

    คุณต้องการเงินเท่าไหร่สำหรับการซื้อขาย High Frequency ?

    จำนวนเงินที่คุณต้องการสำหรับกลยุทธ์ HFT จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของคุณและจำนวนผลกำไรที่คุณต้องการทำ อย่างไรก็ตาม ในกรณีส่วนใหญ่ จำนวนเงินที่คุณเริ่มซื้อขายมักจะต่ำกว่าที่คุณต้องการสำหรับการลงทุนระยะยาว การทำความเข้าใจกลยุทธ์การซื้อขายที่มี High Frequency นั้นมีประโยชน์มากสำหรับผู้ค้าในตลาดต่างๆ เนื่องจากสามารถช่วยให้พวกเขาทำกำไรได้ต่ำแต่รวดเร็ว

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    7 เทคนิคการเทรดรูปแบบฮาร์มอนิก (Harmonic)

    กันยายน 19, 2022

    7 เทคนิคการเทรดรูปแบบฮาร์มอนิก (Harmonic)

    รูปแบบฮาร์มอนิกคืออะไร?

    รูปแบบฮาร์มอนิกคือรูปแบบแผนภูมิที่เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การซื้อขายและช่วยให้ผู้ค้ามองเห็นแนวโน้มราคาโดยการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาดในอนาคต พวกเขาสร้างรูปแบบราคาเรขาคณิตโดยใช้ ตัวเลข ฟีโบนักชีเพื่อระบุการเปลี่ยนแปลงราคาที่อาจเกิดขึ้นหรือการกลับตัวของแนวโน้ม ผู้ค้าสามารถระบุรูปแบบเหล่านี้และใช้เพื่อแจ้งการตัดสินใจซื้อขายครั้งต่อไป

    มีรูปแบบแผนภูมิหลายแบบให้เลือกโดยแต่ละแบบสามารถใช้เพื่อค้นหาแนวโน้มประเภทต่างๆ ได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ควรทราบก่อนทำตามรูปแบบใดๆ คุณควรมั่นใจในความสามารถของคุณในการวิเคราะห์ทางเทคนิคของคุณเองเพื่อให้คุณสามารถทำการตัดสินใจซื้อขายที่ดีที่สุดและเร็วที่สุดได้เสมอ

    7  รูปแบบฮาร์มอนิก (Harmonic)

    1. รูปแบบ ABCD

    รูปแบบที่ง่ายที่สุดคือรูปแบบ ABCD (หรือ AB=CD) ประกอบด้วยการเคลื่อนไหวสามแบบและสี่จุด อย่างแรกคือมีการเคลื่อนไหวแบบหุนหันพลันแล่น (AB) ต่อด้วยการเคลื่อนไหวแก้ไข (BC) และการเคลื่อนไหวแบบหุนหันพลันแล่นอื่น (DC) ที่ไปในทิศทางเดียวกับ AB

    การใช้เครื่องมือ Fibonacci retracement บนขา AB ขา BC ควรไปถึง 0.618 อย่างแม่นยำ เส้นซีดีจะมีความยาวเท่ากับเส้น AB และเวลาที่ใช้สำหรับราคาจาก A ไป B ควรเท่ากับเวลาที่ใช้ไปจาก C ถึง D

    ผู้ค้าสามารถเลือกที่จะวางคำสั่งเข้าใกล้กับจุด C ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นโซนการกลับรายการที่เป็นไปได้ (PRZ); หรือพวกเขาสามารถรอจนกว่ารูปแบบทั้งหมดจะเสร็จสิ้นก่อนที่จะเข้าตำแหน่งยาวหรือสั้นจากจุด D

    2. ลายค้างคาว

    รูปแบบ BAT ได้ชื่อมาจากผลิตภัณฑ์สุดท้ายที่มีรูปทรงค้างคาว ระบุโดย Scott Carney ในปี 2544 รูปแบบ BAT ประกอบด้วยองค์ประกอบที่แม่นยำซึ่งระบุ PRZ

    มันมีขาข้างเดียวมากกว่ารูปแบบ ABCD และจุดพิเศษหนึ่งจุด ซึ่งเราจะเรียกว่า X ขาแรก (XA) จะนำไปสู่การเคลื่อนไหวย้อนกลับของ BC หากการถอยกลับจนถึงจุด B หยุดที่ 50% ของการเคลื่อนไหว XA เริ่มต้น แสดงว่าคุณกำลังดูรูปแบบ BAT

    นามสกุลของซีดีต้องมีอย่างน้อย 1.618 ของถัง BC และสามารถเข้าถึงได้สูงถึง 2.618 นามสกุลของซีดีต้องไม่น้อยกว่า BC มิฉะนั้นตัวเลขจะไม่ถูกต้อง จุดสิ้นสุด (D) สร้าง PRZ ซึ่งหมายความว่าผู้ค้าสามารถเปิดสถานะเพื่อซื้อขายทั้งการกลับตัวของราคารั้นหรือการผกผันของราคา

    3. ลายGartley (การ์ตลี่ย์)

    สร้างขึ้นโดย HM Gartley รูปแบบ Gartley มีกฎสำคัญสองข้อ:

    • การย้อนกลับของจุด B จะต้องเท่ากับ 0.618 ของ XA
    • การย้อนกลับของจุด D จะต้องเท่ากับ 0.786 ของการเคลื่อนที่ XA

    คล้ายกับรูปแบบ BAT โดยที่ขา XA นำไปสู่ ​​BC retracement ยกเว้นว่าการย้อนกลับของจุด B จะต้องเท่ากับ 0.618 ของ XA อย่างแม่นยำ จุดหยุดการขาดทุนมักจะอยู่ที่จุด X ในขณะที่จุดทำกำไรมักจะตั้งไว้ที่จุด C

    4. ลายbutterfly (ผีเสื้อ)

    รูปแบบผีเสื้อถูกค้นพบโดยไบรซ์ กิลมอร์ ซึ่งใช้การผสมผสานอัตราส่วนฟีโบนักชีที่แตกต่างกันเพื่อระบุการย้อนกลับที่อาจเกิดขึ้น มันคือรูปแบบการกลับตัวที่ประกอบด้วยสี่ขา ทำเครื่องหมาย XA, AB, BC และ CD

    อัตราส่วนที่สำคัญที่สุดในการกำหนดคือ 0.786 retracement ของขา XA ซึ่งช่วยในการพล็อตจุด B ซึ่งจะช่วยให้ผู้ค้าระบุ PRZ

    5. ลายcrab (ปู)

    การค้นพบของ Scott Carney อีกครั้ง Crab เป็นไปตามรูปแบบ XA, AB, BC และ CD ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์เข้าสู่ตลาดได้ในระดับสูงสุดหรือต่ำสุด คุณลักษณะที่สำคัญที่สุดของรูปแบบปูคือส่วนขยาย 1.618 ของการเคลื่อนไหว XA ที่กำหนด PRZ

    ในเวอร์ชันขาขึ้นของ Crab ขาแรกเกิดขึ้นเมื่อราคาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจากจุด X ถึงจุด A ขา AB จะถอยกลับระหว่าง 38.2% ถึง 61.8% ของ XA จากนั้นตามด้วยการคาดการณ์สุดขั้วของ BC (2.618 – 3.14 – 3.618) ซึ่งระบุพื้นที่ที่ถูกต้องสำหรับความสมบูรณ์ของรูปแบบและการพลิกกลับของแนวโน้มปัจจุบันที่อาจเกิดขึ้น

    ปูขาลงจะติดตามการลดลงจากจุด X ไปยังจุด A ตามด้วยการเพิ่มขึ้นของราคาเล็กน้อย การลดลงเล็กน้อย และการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วไปยังจุด D

    6. ลายปูลึก

    นี่เป็นรูปแบบปูที่แตกต่างออกไปเล็กน้อยที่ระบุไว้ข้างต้น ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวของมันคือ การย้อนกลับของจุด B ซึ่งจะต้องเท่ากับ 0.886 ของการเคลื่อนที่ XA โดยไม่เกินจุด X

    การฉายภาพ BC สามารถอยู่ในช่วงตั้งแต่ 2.24 ถึง 3.618

    7. ลายshark (ฉลาม)

    ค้นพบโดย Scott Carney รูปแบบฉลามมีความคล้ายคลึงกันกับรูปแบบปู มันคือรูปแบบการกลับตัวแบบห้าขา โดยมีจุดระบุเป็น O, X, A, B และ X

    รูปแบบฉลามต้องเป็นไปตามกฎฟีโบนักชีสามข้อต่อไปนี้:

    • ขา AB ควรแสดงการย้อนกลับระหว่าง 1.13 ถึง 1.618 ของขา XA
    • ขา BC จะเป็น 113% ของขา OX
    • ขา CD กำหนดเป้าหมาย 50% ของ Fibonacci retracement ของ BC leg

    การเทรดที่มีลวดลายฉลามทั้งหมดนั้นยึดตามจุด C ในขณะที่จุด D ถูกใช้เป็นเป้าหมายกำไรที่กำหนดไว้ล่วงหน้า

    ระบุและวาดรูปแบบฮาร์มอนิกได้อย่างไร?

    วิธีที่จะระบุและวาดรูปแบบฮาร์มอนิกนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของการเคลื่อนไหวของตลาด (ตลาดหมีกับตลาดกระทิง) ดังนั้น แม้ว่าจะมีรูปแบบฮาร์มอนิกที่แตกต่างกันมากมาย แต่ก็สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภท: รูปแบบหยาบคาย และรูปแบบกระทิง

    รูปแบบฮาร์มอนิก Bearish vs Bullish: อะไรคือความแตกต่าง?

    ผู้เทรด bullish เชื่อว่าตลาดของพวกเขากำลังจะประสบกับการเคลื่อนไหวของราคาที่สูงขึ้น ในขณะที่ผู้เทรดขาลงดำเนินการภายใต้ความเชื่อที่ว่าตลาดอยู่ในวิถีขาลง เมื่อพูดถึงการทำความเข้าใจรูปแบบฮาร์มอนิกขาขึ้นและขาขึ้น ใช้กฎเดียวกัน

    หากรูปแบบฮาร์มอนิกหลายชุดบ่งชี้ว่าตลาดอยู่ในช่วงขาขึ้น เทรดเดอร์ที่เป็นขาขึ้นอาจใช้ข้อมูลเชิงลึกนี้เพื่อรับตำแหน่งซื้อในตลาดที่เลือกไว้ เพื่อทำกำไรจากการกลับตัวใดๆ

    หากเทรดเดอร์สังเกตเห็นรูปแบบฮาร์โมนิกขาลง พวกเขาอาจต้องการเริ่มชอร์ตตลาด โดยการซื้อขายหุ้นหรือสินค้าโภคภัณฑ์ภายใต้สมมติฐานว่าราคาจะลดลง

    วิธีเริ่มเทรดด้วยรูปแบบฮาร์มอนิก

    ในการเริ่มต้นซื้อขายด้วยรูปแบบฮาร์มอนิก ให้ทำตามขั้นตอนเหล่านี้:

    1. ใช้เวลาสักครู่เพื่อเรียนรู้ทฤษฎีเบื้องหลังรูปแบบฮาร์มอนิก
    2. ตัดสินใจว่าคุณจะทำตามกลยุทธ์ขาลงหรือกลยุทธ์ขาขึ้น
    3. เปิดบัญชีซื้อขายกับเราและเริ่มมองหารูปแบบฮาร์โมนิกในตลาดที่คุณเลือก

    สรุปรูปแบบฮาร์มอนิก

    • ผู้เทรดใช้รูปแบบฮาร์มอนิกเพื่อช่วยทำนายการเคลื่อนไหวของตลาดในอนาคต
    • เทรดเดอร์สามารถเข้าสู่ตลาดหมีหรือกระทิงได้
    • รูปแบบฮาร์มอนิกหยาบคายบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาลงในตลาด
    • รูปแบบฮาร์โมนิกรั้นบ่งชี้ถึงการกลับตัวที่เป็นไปได้ในตลาด
    • คุณสามารถซื้อขายโดยใช้รูปแบบฮาร์โมนิกโดยเปิดบัญชีซื้อขายกับเรา

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    หุ่นยนต์ Forex คืออะไร?

    กันยายน 19, 2022

    หุ่นยนต์ Forex คืออะไร?

    เปิดตัวในทศวรรษ 1980 ตั้งแต่นั้นมา บริษัทการค้าขนาดใหญ่หลายแห่งได้ใช้งาน หุ่นยนต์ Forex เป็นวิธีการซื้อขายโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ พวกเขายังเรียกว่าที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ (EAs) หรือระบบการซื้อขายอัลกอริธึม ข้อมูลเมื่อเร็วๆนี้เปิดเผยว่าการซื้อขาย algorithmic(อัลกอริทึม) ถือประมาณ 20% ของการซื้อขาย FX สถาบันทั้งหมดและ 50% ของปริมาณการซื้อขายตราสารทุนทั้งหมด ประโยชน์หลักที่ผู้ค้าทั่วโลกดูเหมือนจะสนใจเมื่อหุ่นยนต์ FX เป็นข้อกำหนดด้านเงินทุนต่ำและการตั้งค่านั้นง่ายเพียงใด บางคนบอกว่าหุ่นยนต์ซื้อขายเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการเข้าสู่ตลาดการซื้อขาย Forex เนื่องจากเป็นมิตรกับผู้ใช้

    ในขณะที่หุ่นยนต์ Forex ดูเหมือนจะมีแนวโน้มที่ดี กระนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องคำนึงถึงแง่มุมที่น่าพึงพอใจน้อยกว่าด้วย มีหลายวิธีในการหลีกเลี่ยงหุ่นยนต์ซื้อขายที่ผิดปกติ แต่ในบทความนี้ เราจะเน้นที่หุ่นยนต์ที่ได้ผล

    อะไรเป็นตัวกำหนดหุ่นยนต์ Forex ที่ประสบความสำเร็จ?

    มีหลายแง่มุมที่กำหนดว่าหุ่นยนต์ซื้อขายประสบความสำเร็จหรือไม่ หนึ่งในสิ่งแรกๆ ซึ่งน่าจะค่อนข้างชัดเจนคือ algorithmic(อัลกอริทึม)ที่แข็งแกร่ง และสร้างขึ้นมาอย่าง ดี ข้อได้เปรียบหลักของการซื้อขาย algorithmic(อัลกอริทึม) คือการที่กระบวนการทั้งหมดเป็นแบบอัตโนมัติ algorithmic(อัลกอริทึม)ที่ดีควรทำธุรกรรมหลายรายการพร้อมกัน ที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ (EA)ขั้นสูงบางคนยังคำนึงถึงเหตุการณ์สำคัญของโลกและหยุดทำงานโดยอัตโนมัติเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียใดๆ นอกจากนั้น เป็นเรื่องปกติที่ตลาด Forex เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และเนื่องจากผู้ค้าอาจพลาดโอกาสที่จะเกิดขึ้น หากทำอย่างถูกต้อง ผู้ค้าหุ่นยนต์ Forex มีข้อได้เปรียบในการดูแลโอกาสเหล่านั้นที่มิฉะนั้นจะถูกมองข้าม

    ด้วยหุ่นยนต์ซื้อขายเช่นเดียวกับกลยุทธ์การซื้อขาย FX อื่น ๆ การทำกำไรเป็นสิ่งที่ผู้ค้าทุกคนควรตรวจสอบ ไม่มีใครอยากลงทุนในหุ่นยนต์ที่ไม่ทำเงิน เพื่อหลีกเลี่ยงการเลือกบอทการซื้อขายที่ไม่ถูกต้อง โปรดตรวจสอบประวัติการซื้อขาย ที่ตรวจสอบแล้ว พร้อมผลการทดสอบย้อนหลังและการซื้อขายจริงเพื่อสำรองคำสั่งและดูว่ามันดำเนินการอย่างไรในปีที่ผ่านมา เราจะพูดถึงเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำแนะนำของเราว่าหุ่นยนต์ซื้อขายตัวใดที่จะลงทุนในภายหลังในบทความ

    ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งคือจำนวนการมีส่วนร่วมที่หุ่นยนต์ซื้อขายต้องการจากผู้ค้า ในกรณีส่วนใหญ่ น้อยหมายถึงดีกว่า เมื่อหุ่นยนต์ซื้อขายอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา หนึ่งในเป้าหมายคือทำให้หุ่นยนต์ทำงานอัตโนมัติมากที่สุด หุ่นยนต์ซื้อขายที่มีส่วนร่วมเพียงเล็กน้อยช่วยให้ผู้ค้าสามารถจัดการการซื้อขายจากระยะไกลได้แม้ไม่ได้นั่งอยู่หน้าจอ นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้ค้าสามารถนั่งลงในขณะที่อัลกอริทึมกำลังทำการวิเคราะห์ตลาดในเชิงลึกก่อนที่จะดำเนินการตัดสินใจทางการค้าใด ๆ แนวคิดคือเพื่อให้หุ่นยนต์สามารถทำงานด้วยตนเองได้โดยไม่ต้องมีเสียงแทรกจากมนุษย์และให้ความสนใจเพียงเล็กน้อย

    สิ่งที่ต้องมองหาในหุ่นยนต์ Forex ที่ประสบความสำเร็จ?

    เราได้พูดถึงว่าหุ่นยนต์ FX ที่ประสบความสำเร็จควรมีลักษณะอย่างไร ในทางกลับกัน มีแง่มุมที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นที่ผู้ค้าต้องคำนึงถึง นี่คือรายการของทุกแง่มุมที่คุณควรมองหาในหุ่นยนต์ Forex ที่ประสบความสำเร็จ

    อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน

    หนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญของบอทซื้อขายคืออัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน ถือเป็นรางวัลที่เป็นไปได้ที่นักลงทุนจะได้รับจากทุกๆ $ ที่พวกเขาเสี่ยงในการลงทุน พูดให้เข้าใจง่ายขึ้น อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน Forex จะวัดว่าคุณเสี่ยงแค่ไหนสำหรับผลตอบแทนที่ได้มากเพียงใด อย่าลืมใช้ประวัติการซื้อขายและกลยุทธ์ที่มีอยู่ก่อนเพื่อวัดอัตราส่วนที่เหมาะสม ไม่มีถูกหรือผิด แต่ต้องแน่ใจว่าได้ทำวิจัยที่เหมาะสมเพื่อให้มั่นใจมากขึ้นกับการตัดสินใจของคุณในขณะลงทุน

    แม้ว่าจะไม่มีอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่สมบูรณ์แบบ แต่นักเทรด Forex ส่วนใหญ่ถือว่า 1:3 เหมาะสมที่สุดสำหรับการลงทุนของพวกเขา

    Drawdown

    Drawdown เป็นคำที่บ่งชี้ว่าบัญชีซื้อขาย/การลงทุนลดลงจากจุดสูงสุดก่อนที่จะฟื้นตัว ในการประมาณการขาดทุน คุณควรลบจำนวนเงินสูงสุดของการลงทุนของคุณออกเป็นส่วน ๆ ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดจนกว่าบัญชีจะเริ่มเติบโตกลับคืนมา ส่วนที่ยุ่งยากในการคำนวณการเบิกจ่ายคือคุณไม่สามารถประมาณค่ารางจนกว่าบัญชีจะคืนหรือเกินค่าสูงสุด ตรวจสอบไดอะแกรมของเราเพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและเห็นภาพแนวคิดของการเบิกจ่ายได้ดียิ่งขึ้น

    รูปแบบการซื้อขาย

    มีรูปแบบการซื้อขายที่แตกต่างกันมากมาย อย่าลืมเลือกรูปแบบใดที่คุณเข้าใจดีกว่าและดูเหมือนจะชอบตรรกะที่มันทำงานด้วย หนึ่งในสิ่งที่ใหม่และเป็นที่นิยมมากขึ้นคือ Grid Trading ซึ่งแตกต่างจากคนอื่น ๆ ส่วนใหญ่ บรรลุประสิทธิภาพสูงสุดในตลาดที่มีความหลากหลายอย่างต่อเนื่องซึ่งไม่มีทิศทางที่ชัดเจน แต่อย่างใด หากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Grid-Trading และหุ่นยนต์ที่ใช้งาน นอกจากนี้ยังมี Arbitrage Trading ซึ่งเป็นหนึ่งในรูปแบบการซื้อขายที่มีความเสี่ยงต่ำ แนวคิดทั้งหมดคือการใช้ความไร้ประสิทธิภาพของราคาในตลาดกับโบรกเกอร์ FX ต่างๆ เมื่อพูดถึงรูปแบบการซื้อขายที่ใช้มากที่สุดในตลาดการซื้อขายตามเทรนด์เป็นผู้นำ แม้ว่ารูปแบบการซื้อขายเฉพาะนี้จะได้รับความนิยมอย่างมาก แต่ก็ยากกว่ามากในการดำเนินการด้วยตัวเองเนื่องจากความต้องการการวิจัยตลาดที่เข้มงวดซึ่งต้องดำเนินการอย่างเหมาะสม

    ประสิทธิภาพการซื้อขายสด

    ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ในบทความ ประวัติการซื้อขายเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการประเมินว่าหุ่นยนต์ forex ทำงานได้ดีเพียงใด หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการตรวจสอบประสิทธิภาพคือเว็บไซต์ซื้อขาย เช่น MyFXbook

    นี่คือตัวอย่างว่าระบบตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร มันให้คุณเข้าถึงข้อมูลสำคัญทั้งหมด เช่น การเติบโตโดยรวมของหุ่นยนต์ซื้อขาย การขาดทุนที่เคยเห็นมาก่อนหน้านี้ ผลกำไรที่มันสร้างขึ้น ฯลฯ

    การตรวจสอบบุคคลที่ 3

    แม้ว่าการหลอกลวงหุ่นยนต์ Forex นั้นไม่ใช่เรื่องหายากในตลาด FX แต่ก็มีวิธีที่จะทำให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้กระโดดข้ามกลุ่มด้วยหุ่นยนต์ซื้อขายปลอม การตรวจสอบจากบุคคลที่สามเป็นการรับรองอย่างปลอดภัยว่าบอทซื้อขายไม่ใช่การฉ้อโกง นอกเหนือจากการเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดสำหรับการตรวจสอบ MyFXbook ยังเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการตรวจสอบอีกครั้งว่าหุ่นยนต์ซื้อขายได้รับการตรวจสอบโดยระบบหรือไม่

    ฉันต้องใช้ซอฟต์แวร์อะไรเพื่อใช้งานหุ่นยนต์ Forex?

    หุ่นยนต์ซื้อขาย Forex ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ Expert Advisors (EA) ซึ่งมีแพลตฟอร์มที่แตกต่างกันซึ่ง EA จำเป็นต้องใช้งานร่วมกันได้ รายการประกอบด้วย MetaTrader 4 (MT4) , MetaTrader 5 (MT5), Ctrader และอื่นๆ แพลตฟอร์มเหล่านี้ช่วยให้คุณเห็นความคืบหน้าของหุ่นยนต์ FX ของคุณ

    ในตลาดซื้อขาย Forex ที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญมีบทบาทสำคัญในการสร้างรากฐานสำหรับหุ่นยนต์ Forex อัตโนมัติใดๆ ก็ตาม สามารถตั้งโปรแกรมให้ดำเนินการต่างๆ เช่น การซื้อขายตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าได้ เกณฑ์กำหนดโดยอัลกอริธึมที่พัฒนาแล้วซึ่งทำงานส่วนใหญ่และทำให้เทรดเดอร์ดำเนินชีวิตได้ง่ายขึ้น

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________

     

    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    กลยุทธ์การเทรดด้วย Multi-Channel

    กันยายน 16, 2022

    กลยุทธ์การเทรดด้วย Multi-Channel

    Ascending channel คือรูปแบบแผนภูมิที่ประกอบด้วยเส้นแนวโน้มคู่ขนานขึ้น 2 เส้นที่แสดงแนวโน้มราคา bullish บนแผนภูมิราคา 

    นี่คือรูปแบบ channel ในการซื้อขายใช้เพื่อระบุแนวโน้มราคา bullish และการกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้นในการวิเคราะห์ทางเทคนิค 

    จะระบุ ascending channel ได้อย่างไร?

    ในการระบุรูปแบบ cending channel บนแผนภูมิ คุณต้องเข้าใจพื้นฐานเพื่อให้คุณสามารถ draw รูปแบบแผนภูมินี้ได้อย่างถูกต้องทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อ draw an ascending channel บนแผนภูมิ

    • ขั้นตอนแรกในการมองหาจุดต่ำสุดที่สูงขึ้นอย่างน้อย 3 ชุดในซีรีย์ที่สร้างแนวโน้มขาขึ้น จากนั้นวาดเส้นเทรนด์ไลน์ที่พบกับจุดต่ำสุดที่สูงกว่าทั้ง 3
    • Clone เทรนด์ไลน์แรกและปรับเทรนด์ไลน์ที่สองที่ราคาสูงสุดที่สูงขึ้น เส้นแนวโน้มสามารถปรับได้โดยใช้ไส้เทียนหรือราคาปิด
    • จำนวนเส้นแนวโน้มแสดงถึงความแข็งแกร่งของช่อง ช่องที่แข็งแกร่งกว่ามีจำนวนการสัมผัสมากกว่าเมื่อเทียบกับรูปแบบช่องที่อ่อนแอ

    การ draw ช่องเป็นเรื่องง่ายมาก แต่คุณควรหาจุดแกว่งเพื่อวาดเส้นแนวโน้ม ฝึกฝนขั้นตอนข้างต้น 20-30 ครั้งโดยทำการทดสอบย้อนหลังและวิเคราะห์การตั้งค่าเพื่อให้เชี่ยวชาญในการซื้อขายช่องทางเหล่านี้

    เคล็ดลับแบบมือโปร:โปรดทราบว่าแท่งเทียนไม่ควรปิดต่ำกว่าเส้นแนวโน้มขณะวาดช่องบนแผนภูมิ ราคาปิดต่ำกว่าเส้นแนวโน้มแสดงถึงการ breakout ของ channel.

    ascending channel ทำงานอย่างไร

    Ascending channel ช่วยในการระบุทิศทางของตลาดไม่ว่าจะอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นหรือเกิดการพลิกกลับของแนวโน้ม ดังนั้นจึงมีเทรนด์ 2 ประเภทที่สามารถวัดได้โดยใช้ Ascending channel

    • แนวโน้มขาขึ้น
    • การกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้น

    หากราคาขยับขึ้นภายในขอบเขตของ channel แสดงว่าราคาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นหรือตลาดเป็นขาขึ้น ขอบเขตของช่องหมายถึงเส้นแนวโน้มคู่ขนาน 2 เส้น

    ในอีกด้านหนึ่ง หากราคาทะลุเส้นแนวโน้มที่ต่ำกว่า แสดงว่ามีการกลับตัวของแนวโน้ม ตอนนี้แนวโน้มราคาจะเป็นขาลง

    จะตรวจจับการ ascending channel breakout ได้อย่างไร?

    การ breakout ของช่องจะเกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนปิดต่ำกว่าเส้นแนวโน้ม ในการระบุการ breakout ที่ถูกต้อง แท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่ต้องทะลุผ่านเส้นแนวโน้มและควรปิดฝั่งตรงข้าม คุณสามารถใช้กลยุทธ์เชิงเทียนขนาดใหญ่นี้เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดช่องที่ผิดพลาด 

    แผนการซื้อขาย

    มี 2 วิธีในการซื้อขายรูปแบบ ascending channel ในการซื้อขาย forex

    • กลยุทธ์ Trend reversal
    • กลยุทธ์ Multi-channel

    ก่อนอื่นมาพูดถึงการหยุดการขาดทุน การทำกำไร รายการ และการจัดการความเสี่ยงของรูปแบบ ascending channel

    เปิดคำสั่งขาย

    เปิดคำสั่งขายหลังจากการยืนยันการ breakout จากน้อยไปมาก คุณยังสามารถรอให้ราคามีการดึงกลับเล็กน้อยแล้ววางคำสั่งขายเพื่อเพิ่มอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนด้วยระดับการหยุดการขาดทุนที่เข้มงวดยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับสภาวะตลาด เพียงแค่รอการย้อน กลับ ก่อนที่จะเข้าคำสั่งหากอัตราส่วน RR ต่ำหรือเปิดคำสั่งขายหลังจากฝ่าช่องสัญญาณ

    ระดับการหยุดขาดทุน

    วาง stop-loss ไว้เหนือระดับ high ล่าสุดที่ทำโดยราคาภายใน channel.

    ระดับเป้าหมายของ ascending channel

    ระดับเป้าหมายแรก (TP1) ควรอยู่ที่ระดับที่ ascending channel เริ่มต้นขึ้น ตอนนี้ลองวาด ascending channel อีกช่องหนึ่ง เกี่ยวกับราคาและปิดการซื้อขายที่เหลือหลังจากการ breakout ของ ascending channel ไปในทิศทางที่เป็นขาขึ้น สิ่งนี้ทำให้คุณเป็นเทรดเดอร์ที่อดทน

    การบริหารความเสี่ยง

    อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนขั้นต่ำสำหรับรูปแบบ ascending channel คือ 1:1 ขนาดความเสี่ยงต่อการค้าไม่ควรเกิน 2% ของยอดเงินในบัญชีทั้งหมด หากอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนต่ำกว่า 1:1 ให้รอให้ราคาย้อนกลับแล้วเปิดคำสั่งขายจนกว่าอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนจะมากกว่า 1

    กลยุทธ์ Multi-Channel

    ตามกลยุทธ์แบบหลายช่องทาง ผู้ค้าควรซื้อขายช่องกรอบเวลาที่ต่ำกว่าในทิศทางของช่องกรอบเวลาที่สูงขึ้นเพื่อเพิ่มความน่าจะเป็นที่จะชนะในการซื้อขาย

    ตัวอย่างเช่น รูปแบบ ascending channel ก่อตัวขึ้นในกรอบเวลาที่สูงกว่า จากนั้นในกรอบเวลาที่ต่ำกว่า ให้มองหารูปแบบ ascending channel และแลกเปลี่ยนช่องที่ breakout ไปในทิศทาง (ขาขึ้น) ของกรอบเวลาที่สูงขึ้น

    นี่เป็นวิธีเพิ่มความน่าจะเป็นของการตั้งค่าการค้าโดยการเพิ่มจุดบรรจบกัน การเพิ่มจุดบรรจบกันกรองการตั้งค่าการค้าที่ดีที่สุดจากฝูงชนและเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแลกเปลี่ยน

    บทสรุป

    รูปแบบ ascending channel เป็นรูปแบบแผนภูมิที่สำคัญที่คุณต้องรู้เพื่อซื้อขายกับสถาบันขนาดใหญ่และในทิศทางของแนวโน้ม ไม่สำคัญว่าคุณจะใช้กลยุทธ์การซื้อขาย ประเภทใดในการซื้อขาย แต่ถ้าคุณจะดึงช่องในกรอบเวลาที่สูงขึ้นแล้วใช้กลยุทธ์ของคุณไปในทิศทางของแนวโน้มของช่องเท่านั้น คุณก็จะได้กลยุทธ์ที่ชนะ

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    12 รูปแบบแท่งเทียน Reversal

    กันยายน 16, 2022

    บทนำรูปแบบแท่งเทียน trend reversal

    รูปแบบแท่งเทียนที่เปลี่ยนแนวโน้มจากขาลงเป็นขาขึ้นหรือขาขึ้นเป็นขาลงเรียกว่ารูปแบบแท่งเทียนแบบ trend reversal ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค

    หลายรูปแบบคาดการณ์การกลับตัวของแนวโน้ม แต่ละรูปแบบมีลักษณะเฉพาะ บางส่วนใช้ในการซื้อขาย forex บางส่วนใช้อย่างชัดเจนในการซื้อขายหุ้นหรือดัชนี และบางส่วนเป็นรูปแบบแท่งเทียนu niversal 

    รายการรูปแบบแท่งเทียน trend reversal

    จนถึงตอนนี้มีรูปแบบแท่งเทียน reversal 12 รูปแบบที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อทำนายการกลับตัวของแนวโน้ม ดังนี้

    1.รูปแบบแท่งเทียน Engulfing

    ประกอบด้วยแท่งเทียนสีตรงข้าม 2 แท่ง ซึ่งแท่งเทียนอันที่ 2 จะกลืนแท่งเทียนอันแรกไปจนหมด ในแง่เทคนิค ค่าสูงสุดและค่าต่ำสุดจะก่อตัวขึ้น

    แบ่งออกเป็น 2 ประเภทเพิ่มเติมตามลักษณะของแนวโน้ม

    1. แท่งเทียน Bullish engulfing
    2. แท่งเทียน Bearish engulfing

    2.รูปแบบแท่งเทียน Pin bar

    เป็นรูปแบบแท่งเทียนเดี่ยวที่มีหางยาวด้านบนหรือด้านล่างที่มีลำตัวเล็ก นอกจากนี้ยังถูกจัดประเภทเป็น pin bar ขาขึ้นและขาลง

    bullish ก่อตัวขึ้นที่ด้านล่างของแผนภูมิ และมีหางยาวอยู่ด้านล่าง ในการเปรียบเทียบ pin bar ขาลงจะอยู่ด้านบนสุดของแผนภูมิและมีหางยาวอยู่ด้านบน

    3.รูปแบบแท่งเทียนแบบ piercing

    รูปแบบแท่งเทียนแบบ piercing ประกอบด้วยแท่งเทียน 2 สีตรงข้ามกัน โดยแท่งเทียนแท่งที่ 2 จะต้องข้ามระดับ 50% ของ Fibonacci ของแท่งเทียนแท่งแรก

    รูปแบบนี้ถูกจัดประเภทเพิ่มเติมเป็นรูปแบบแท่งเทียนขาขึ้นและขาลง

    4.รูปแบบแท่งเทียน Tweezer top & Tweezer bottom 

    Tweezer top และ bottom เป็นรูปแบบแท่งเทียน 2 รูปแบบที่ตรงกันข้าม ที่ด้านล่างของ Tweezer แท่งเทียนขาขึ้นและขาลง จะไม่มีไส้เทียน/เงาที่ด้านล่าง และแท่งเทียนทั้ง 2 แท่งจะปิดและเปิดในราคาเดียวกัน

    ที่ด้านบนของ Tweezer แท่งเทียนทั้ง 2 แท่งจะไม่มีเงาที่ด้านบน และจะก่อตัวที่ด้านบนสุดของแผนภูมิ ราคาปิดของแท่งเทียนอันแรกจะเท่ากับราคาเปิดของแท่งเทียนอันที่ 2

    5.รูปแบบ Morning & Evening Doji Star 

    morning doji star เป็นรูปแบบแท่งเทียนการกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้น ซึ่งประกอบด้วยแท่งเทียน 2 แท่งที่ตรงกันข้ามและ Doji star  ที่อยู่ระหว่างนั้น ดูโครงสร้างของรูปแบบ morning doji star ภาพด้านล่าง

    evening doji star เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่กลับตัวของแนวโน้มขาลง ซึ่งประกอบด้วยแท่งเทียน 2 แท่งที่ตรงกันข้ามและ Doji star ที่ด้านบนของรูปแบบ

    6.รูปแบบเชิงเทียน Bullish & Bearish Abandoned Baby 

    เชิงเทียน abandoned baby คล้ายกับเชิงเทียน  morning/evening doji star ความแตกต่างคือแท่งเทียน Doji จะก่อตัวในรูปแบบ abandoned baby โดยมีช่องว่างขึ้นหรือช่องว่างลง

    ถูกจัดเป็นแท่งเทียน bullish abandoned baby และเชิงเทียน bearish baby

    7.ลายเชิงเทียน Three white soldiers

    ประกอบด้วยแท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่ 3 แท่งที่ด้านล่างของแผนภูมิราคา แท่งเทียน Three white soldiers เป็นรูปแบบการกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้น แนวโน้มก่อนหน้าควรเป็นขาลง

    รูปแบบนี้ควรเกิดขึ้นที่แนวรับหรือโซนอุปสงค์เพื่อรับสัญญาณการกลับตัวของแนวโน้มที่มีความน่าจะเป็นสูง

    8.ลายเชิงเทียน Three black crows

    ประกอบด้วยแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่ 3 แท่งที่ด้านบนของกราฟราคา แท่งเทียน 3 แท่งนี้ควรเรียงกันเป็นแถว

    แท่งเทียน Three Black Crows เป็นรูปแบบการกลับตัวของแนวโน้มขาลง แนวโน้มก่อนหน้าของแท่งเทียนนี้ควรเป็นขาขึ้น

    9.ลายเชิงเทียน Three stars in south 

    เชิงเทียน Three stars in south  ประกอบด้วยแท่งเทียนขาลง 3 แท่ง แต่แท่งเทียนแต่ละแท่งจะก่อตัวขึ้นภายในช่วงของแท่งเทียนก่อนหน้า เช่นเดียวกับแท่งเทียน inside bar

    ส่วนใหญ่จะก่อตัวในหุ้นหรือดัชนี อ่านบทความฉบับเต็มเพื่อทำความเข้าใจรูปแบบนี้ให้ดียิ่งขึ้น

    10.รูปแบบแท่งเทียน Deliberation 

    deliberation ยังเป็นรูปแบบการกลับตัวของแนวโน้มราคาขาลงที่ประกอบด้วยแท่งเทียน bullish 3แท่ง ดูภาพด้านล่างเพื่อค้นหาโครงสร้างของรูปแบบนี้

    ส่วนใหญ่จะใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคของหุ้นและดัชนี ไม่ได้ใช้ในการซื้อขายแลกเปลี่ยน

    11.รูปแบบแท่งเทียน Kicking 

    รูปแบบแท่งเทียน kicking ประกอบด้วยแท่งเทียน Marubozu สีตรงข้าม 2 แท่ง และช่องว่างระหว่าง แท่งเทียนทั้ง 2 นอกจากนี้ยังจำแนกเป็นรูปแบบการเตะขาขึ้นและรูปแบบการ kicking ขาลง

    12.รูปแบบแท่งเทียน Bullish & Bearish belt hold

    รูปแบบการ belt hold  ยังประกอบด้วยแท่งเทียน 2 สีที่ตรงข้ามกัน ในการถือครองแถบขาลง หลังจากแท่งเทียนขาขึ้น แท่งเทียนขาลงถัดไปจะเปิดขึ้นโดยมีช่องว่างขึ้น และจะปิดต่ำกว่าระดับ 50% ของแท่งเทียนขาขึ้นแท่งแรก

    ในการถือครองแถบขาขึ้น หลังจากการก่อตัวของแท่งเทียนขาลง แท่งเทียนขาขึ้นถัดไปจะเปิดขึ้นโดยมีช่องว่างลงและปิดเหนือระดับ 50% ของแท่งเทียนขาลงแท่งแรก

    บทสรุป

    หากกลยุทธ์การซื้อขายของคุณอิงจากการกลับตัวของแนวโน้ม คุณควรเพิ่มจุดบรรจบของรูปแบบแท่งเทียน reversal ของแนวโน้มเสมอ ขั้นตอนนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของกลยุทธ์การซื้อขายของคุณ

    อย่าลืม backtest รูปแบบแท่งเทียนทั้งหมดอย่างถูกต้อง

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    กลยุทธ์การซื้อขายรูปแบบ Descending Broadening Wedge

    กันยายน 16, 2022

    กลยุทธ์การซื้อขายรูปแบบ Descending Broadening Wedge

    Descending broadening wedge เป็นรูปแบบกราฟการกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้นที่ประกอบด้วยคลื่นที่กำลังขยายตัวในแนวโน้มขาลง เป็นการบ่งชี้ถึงการกลับตัวของแนวโน้ม ในระยะยาว ในตลาด

    ผู้ค้าปลีกใช้รูปแบบแผนภูมิในการคาดการณ์ตลาดอย่างกว้างขวาง เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นลวดลายธรรมชาติ และความสมมาตรของลวดลายเหล่านี้จึงทำให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

    ในบทความนี้ คุณจะได้เรียนรู้รูปแบบ  descending wedge โดยละเอียดด้วยกลยุทธ์การซื้อขาย

    จะระบุรูปแบบ descending wedge ได้อย่างไร

    Descending broadening wedge เป็นรูปแบบ wedge ชนิดหนึ่ง wedgeเป็นโครงสร้างหรือลวดลายที่มีปลายด้านหนึ่งหนาและปลายบางด้านหนึ่ง ในกรณีของDescending broadening wedge  จุดเริ่มต้นจะเป็นจุดสิ้นสุดที่แคบ และจุดสิ้นสุดจะเป็นจุดสิ้นสุดที่หนา เนื่องจากมันแสดงให้เห็นการขยายตัวของคลื่นราคา

    หากต้องการทราบรูปแบบนี้บนแผนภูมิ ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:

    1. ระบุจุดเริ่มต้นของคลื่น คลื่นราคาควรทำให้ระดับต่ำสุดที่ต่ำกว่าและระดับสูงสุดที่ต่ำกว่า
    2. คลื่นที่จะเกิดขึ้นแต่ละคลื่นควรมีขนาดใหญ่กว่าคลื่นก่อนหน้า
    3. Draw เส้นแนวโน้มสองเส้นที่พบกับจุดแกว่งสูงและจุดต่ำของคลื่น
    4. จุดเริ่มต้นของรูปแบบ wedge นี้ควรบาง และจุดสิ้นสุดควรหนา
    5. ต้องมีอย่างน้อยสามคลื่นในรูปแบบ Descending broadening wedge

    นี่เป็นเกณฑ์ง่ายๆ ในการระบุรูปแบบนี้บนกราฟราคา

    ดูภาพด้านล่างเพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้น

    Descending broadening wedge บอกอะไรกับเทรดเดอร์?

    การซื้อขายการเคลื่อนไหวของราคาเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดในการซื้อขายในตลาด แต่คุณสามารถเรียนรู้การเคลื่อนไหวของราคาได้ด้วยเวลาหน้าจอเท่านั้น

    การเคลื่อนไหวของราคาคือพฤติกรรมของราคาจากระดับหนึ่งหรือในบางเงื่อนไข เช่น รูปแบบแผนภูมิ

    รูปแบบ Descending broadening wedge ยังสามารถถูกควบคุมโดยเทคนิคการเคลื่อนไหวของราคาเนื่องจากแผนภูมิสกุลเงินจะเต็มไปด้วยสัญญาณเท็จและแนวคิดทางการค้า คุณยังสามารถทำกำไรได้ด้วยการกรองการซื้อขายที่ดีออกจากฝูงชน และคุณสามารถกรองได้เฉพาะเมื่อคุณมีประสบการณ์ในการซื้อขายรูปแบบแผนภูมินี้

    เป็นที่เข้าใจกันว่าผู้ค้าสถาบันมักจะจับการหยุดการสูญเสียของผู้ค้าปลีก พวกเขาจะซื้อเมื่อคุณขายสกุลเงินหรือสินทรัพย์ และจะขายเมื่อคุณซื้อสกุลเงินหรือสินทรัพย์

    ดังนั้น เมื่อราคาทำจุดต่ำสุดที่ต่ำกว่า และทุกคลื่นที่จะเกิดขึ้นจะมากกว่าคลื่นก่อนหน้า เป็นที่เข้าใจกันว่าราคาจะมีการตัดสินใจครั้งใหญ่ แต่ก่อนตัดสินใจพวกเขาจะกำจัดผู้ค้าปลีก ตัวอย่างเช่น คลื่นสุดท้ายของรูปแบบลิ่มขยายจากมากไปหาน้อยจะมากที่สุดเมื่อเทียบกับคลื่นก่อนหน้า

    เนื่องจากตลาดได้ขจัดผู้ค้าปลีกโดยราคาใหญ่ที่เคลื่อนตัวไปในทิศทางตรงกันข้าม และราคาก็อยู่ในสภาวะขายมากเกินไปเนื่องจากระดับต่ำสุดที่ลดลงต่อเนื่องกัน ตอนนี้การ กลับตัวของแนวโน้ม bullish จะเกิดขึ้น

    แต่ก่อนที่จะกลับตัวเป็นขาขึ้น ผู้ดูแลสภาพคล่องจะกำจัดผู้ซื้อรายย่อยโดยการให้สัญญาณที่ผิดพลาด ดังนั้นจึงเป็นตัวบ่งชี้ถึงการกลับตัวของแนวโน้ม

    วิธีการแลกเปลี่ยนรูปแบบ Descending broadening wedge ?

    กลยุทธ์การซื้อขายประกอบด้วยการเข้า หยุดการขาดทุน ระดับการทำกำไร และเทคนิคการบริหารความเสี่ยง

    ฉันจะอธิบายวิธีง่ายๆ ในการซื้อขายรูปแบบแผนภูมินี้ให้คุณฟัง อย่างไรก็ตาม คุณสามารถใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ ด้วยกลยุทธ์นี้เพื่อเพิ่มชัยชนะ

    • ลากเส้นแนวโน้มสองเส้นมาบรรจบกับคลื่นสูงและต่ำ ต้องมีอย่างน้อย 3 คลื่นภายในรูปแบบ wedge
    • รอการ breakout  ของเส้นแนวโน้มบนด้วยแท่งเทียนขนาดใหญ่
    • หลังจากการ breakout  มี 2 สถานการณ์ คุณสามารถเปิดการซื้อขายหลังจากเกิดการ breakout หรือรอให้ราคาย้อนกลับหลังการ breakout เพื่อรับการตั้งค่าการซื้อขายที่มีความเสี่ยงสูง ตัวเลือกหลังค่อนข้างอนุรักษ์นิยม แต่เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม
    • วาง stop-loss ไว้ต่ำกว่าค่าต่ำสุดล่าสุดที่เกิดจากคลื่นราคา
    • ปรับระดับการทำกำไรไปที่จุดเริ่มต้นของรูปแบบ descending broadening wedge

    นี่เป็นกลยุทธ์ง่ายๆ ในการซื้อขายรูปแบบแผนภูมินี้ อย่างไรก็ตาม คุณยังสามารถเพิ่มจุดบรรจบอื่นๆ เช่น indicator อุปสงค์และอุปทานหรือระดับที่สำคัญได้

    รูปแบบแผนภูมิเป็นส่วนประกอบสำคัญของการวิเคราะห์ทางเทคนิคในการซื้อขาย พวกเขาคาดการณ์ราคาได้อย่างแม่นยำมาก แต่การซื้อขายรูปแบบแผนภูมิเช่นรูปแบบ descending broadening wedge เพียงอย่างเดียวนั้นเป็นสิ่งที่ท้าทาย แต่ด้วยการบรรจบกันของเครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ คุณสามารถสร้างกลยุทธ์การซื้อขายที่ทำกำไรได้

    ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ทดสอบรูปแบบกราฟย้อนหลังอย่างถูกต้องก่อนที่จะใช้ในการซื้อขายจริง

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    ภาพรวมรูปแบบ Bullish Continuation

    กันยายน 16, 2022

    ภาพรวมรูปแบบ Bullish Continuation

    รูปแบบแผนภูมิที่แสดงถึงความต่อเนื่องของแนวโน้มราคาในคู่สกุลเงินเฉพาะคือรูปแบบ bullish continuation

    รูปแบบเหล่านี้มีน้อยและถือว่าสำคัญที่สุด เนื่องจากรูปแบบเหล่านี้บ่งชี้ว่ายังคงมีโอกาสที่ราคาของคู่สกุลเงินจะเพิ่มขึ้น สิ่งสำคัญอันดับสองคือรูปแบบเหล่านี้ก่อตัวขึ้นในช่วงแนวโน้มขาขึ้น และพวกเขายังคาดการณ์ทิศทางของแนวโน้มอีกด้วย ซึ่งเป็นการบรรจบกัน 2 ครั้ง

    ตัวอย่างเช่น เมื่อแนวโน้มเป็นขาขึ้นแล้ว รูปแบบแผนภูมิก็แสดงความต่อเนื่องเป็นขาขึ้นด้วย การคาดการณ์ของทั้งสองรูปแบบราคาจะสอดคล้องกัน และความน่าจะเป็นของแนวโน้มขาขึ้นจะเพิ่มขึ้น

    รูปแบบ bullish continuation 4 รูปแบบที่ดีที่สุดคืออะไร?

    รูปแบบกราฟหลักสี่รูปแบบในการวิเคราะห์ทางเทคนิคแสดงความต่อเนื่องของแนวโน้มขาขึ้น

    1. รูปแบบ Bullish pennan
    2. รูปแบบ Ascending triangle
    3. รูปแบบ Bullish Flag
    4. รูปแบบ Bullish rectangle

    นี่คือรูปแบบกราฟที่เทรดเดอร์ต้องจดจำในการเทรดเชิงวิเคราะห์ทางเทคนิค เทรดเดอร์ต้องเปิด Buy Trade เสมอในกรณีที่มีรูปแบบกราฟ bullish continuation

    จะหารูปแบบกราฟ bullish continuation ได้อย่างไร?

    ในที่นี้ ฉันได้อธิบายคำแนะนำสั้นๆ เกี่ยวกับรูปแบบแผนภูมิแต่ละรูปแบบเพื่อให้คุณทราบภาพรวมได้ อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการรับคำแนะนำโดยละเอียด คุณสามารถคลิกปุ่มเรียนรู้เพิ่มเติมที่ส่วนท้ายของแต่ละรูปแบบได้

    1.รูปแบบ Bullish Pennant

    รูปแบบ bullish pennant รวมคลื่น impulsive ขาขึ้นขนาดใหญ่และการพักตัวของราคาเล็กน้อย

    คลื่นราคา impulsive หมายถึงการถอยกลับเล็กน้อยหลังจากคลื่น impulsive บ่งชี้ flag จึงเป็นลาย flag และ pole

    ในระยะแรก คุณจะต้องระบุคลื่น bullish impulsive หมายความว่าเมื่อจะต้องมีแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง คลื่นการย้อนกลับจะเกิดขึ้นในระยะที่ 2 หลังจากคลื่น impulsive โปรดจำไว้ว่า retracement นี้จะมีขนาดที่เล็กกว่า

    คลื่นที่ต่อเนื่องกันระหว่างการย้อนกลับนี้จะน้อยกว่าคลื่นก่อนหน้า หลังจากคลื่นที่เล็กกว่าสามถึงสี่คลื่น แนวโน้มขาขึ้นอีกอันจะเริ่มต้นขึ้น สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความต่อเนื่องของแนวโน้มขาขึ้น

    2.รูปแบบ Ascending triangle

    รูปแบบกราฟ Ascending triangle ประกอบด้วยการรวมกันของ zone แนวต้านและคลื่นราคาที่เด้งจาก zone แนวต้าน

    ในรูปแบบนี้ ราคาดีดตัวจากแนวต้าน หลังจากการเด้งของราคาครั้งแรกและที่สำคัญที่สุด การเด้งของราคาที่ต่อเนื่องกันจาก zone แนวต้านจะน้อยกว่าการเด้งของราคาครั้งก่อน แต่ zone ฐาน/แนวต้านจะยังคงเท่าเดิม ปรากฏการณ์นี้จะนำรูปร่างของสามเหลี่ยมมาใช้ นั่นเป็นสาเหตุที่เรียกว่ารูปแบบสาม Ascending triangle

    หลังจากผ่านไปอย่างน้อย 3 คลื่น ราคาจะทะลุแนวต้าน และแนวโน้มขาขึ้นใหม่จะเริ่มต้นขึ้น

    3.รูปแบบ Bullish flag

    เป็นลาย flag และ pole เหมือนลาย pennant แต่ในรูปแบบ flag ขนาดของ flag จะใหญ่ขึ้น และคลื่น retracement ที่สำคัญจะก่อตัวขึ้น

    ประการแรก คลื่น bullish impulsive จะเกิดขึ้นพร้อมกับแรงผลักดันที่แข็งแกร่งของผู้ซื้อ จะทำหน้าที่เป็นเสาธง หลังจากสร้างขั้วแล้ว ราคาจะเริ่มถอยกลับลงมาที่ระดับ Fibonacci 50 หรือ 60 การกลับตัวจะสร้างเหมือนช่องทางราคา ที่ลดลง ที่มีขอบเขตบนและล่าง จากนั้นหลังจากการฝ่าช่องนี้ ราคาจะยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น และคลื่นแรงกระตุ้นขาขึ้นที่แข็งแกร่งจะก่อตัวขึ้นอีกครั้ง

    bullish flag เป็นรูปแบบแผนภูมิที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการซื้อขายและมีความเสี่ยงสูงมากและมีอัตราส่วนการชนะ

    4.รูปแบบ Bullish rectangle

    bullish rectangle เป็นรูปแบบกราฟต่อเนื่องที่ราคาเคลื่อนตัวไปด้านข้างบนกราฟ และหลังจากเกิดการทะลุแนวต้าน จะดำเนินต่อไปในแนวโน้มขาขึ้น

    รูปแบบ bullish rectangle ยังทำหน้าที่เป็นแผนภูมิการกลับตัวเมื่อทำลาย zone แนวรับ แต่ที่นี่ คุณจะมองหาเฉพาะรูปแบบ bullish rectangle ที่ทำลายแนวต้านเพื่อเปิดการซื้อขาย

    ราคาจะเคลื่อนที่ไปด้านข้างในรูปแบบกราฟนี้โดยไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจน มันจะทำเสียงสูงและต่ำด้วยแนวต้านและแนวรับ ราคาจะยังคงเคลื่อนไหวภายในแนวรับและแนวต้าน แนวโน้มขาขึ้นใหม่จะเริ่มขึ้นเมื่อราคาทะลุแนวต้าน

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    จะวางตำแหน่งการซื้อขาย forex ได้อย่างไร?

    กันยายน 15, 2022

    จะวางตำแหน่งการซื้อขาย forex ได้อย่างไร?

    ควรทำความเข้าใจว่า Forex คืออะไรและทำงานอย่างไร เพื่อให้คุณซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราจะแจกแจงรายละเอียดและเรียนรู้เกี่ยวกับคำศัพท์พื้นฐานทั่วไปบางข้อของ Forex ในท้ายที่สุด คุณจะสามารถวางตำแหน่งการซื้อขาย forex ได้

    อันดับแรก เราจะเข้าใจว่าการซื้อขายตำแหน่ง forex คืออะไร? และฉันจะวางตำแหน่งการซื้อขาย forex ได้อย่างไร?

    Long and Short (ยาวและสั้น)

    ในวางตำแหน่งการซื้อขาย forex ก่อนอื่นคุณต้องตัดสินใจว่าคุณต้องการซื้อหรือขาย การวิเคราะห์ของคุณควรจะสนับสนุนการตัดสินใจซื้อ (หมายถึงการซื้อสกุลเงินหลักและการขายสกุลเงินอ้างอิง) (หากคุณซื้อ คุณต้องการให้สกุลเงินหลักมีมูลค่าเพิ่มขึ้น) เพื่อขายในภายหลังในราคาที่สูงและทำให้ คุณกำไร

    ในการซื้อขาย การซื้อเท่ากับการได้รับ “ ตำแหน่งยาว(Long Position)” 

    พูดได้เลยว่า

    ซื้อ=ยาว 

    หากคุณขายคู่สกุลเงิน (ขายสกุลเงินหลักและซื้อสกุลเงินอ้างอิง) ในสถานการณ์สมมตินี้ คุณต้องการให้สกุลเงินหลักมีมูลค่าลดลง เพื่อให้คุณซื้อคืนในราคาที่ต่ำกว่า

    ดังนั้นการขายคู่สกุลเงินจึงเรียกว่า “การชอร์ต(going short)”

    พูดได้เลยว่า

    ขาย = สั้น

    นี้ตอบคำถามของคุณ ฉันจะวางตำแหน่งการซื้อขาย forex ได้อย่างไร?

    มีตำแหน่งอื่น ตำแหน่ง Flat หรือ Square ที่คุณไม่มีตำแหน่งที่เปิดอยู่

    ตอนนี้เราจะเข้าใจสิ่งที่เป็นราคาเสนอซื้อและถามในการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ?

    ในตลาด Forex  คู่สกุลเงินจะถูกเสนอราคาและเสนอขายเสมอ โดยปกติราคาเสนอซื้อจะต่ำกว่าราคาเสนอขายเสมอ

    ราคา Bid(ซื้อ) คืออะไร?

    พูดง่ายๆ คือ ราคาเสนอซื้อคือราคาของสกุลเงินหลักที่นายหน้าของคุณยินดีซื้อสกุลเงินหลักจากคุณในขณะนั้น

    ดังนั้นราคา “bid”คือราคาที่คุณสามารถเปิดสถานะ short หากคุณต้องการ

    ราคา Ask(ขาย) คืออะไร?

    ตอนนี้ ตั้งสติให้ดี จะได้ไม่สับสนในภายหลัง

    ราคาขาย(Ask)คือราคาของคู่สกุลเงินที่นายหน้าของคุณยินดีขายคู่สกุลเงินนั้น ๆ

    ดังนั้น หากคุณต้องการเปิดสถานะBid(ซื้อ) คุณจะต้องBid(ซื้อ)คู่สกุลเงินจากนายหน้าของคุณที่ราคา  “ขาย(Ask)”

    หากคุณจะจะวางตำแหน่งการซื้อขายและซื้อคู่สกุลเงินในตลาด Forex ราคาที่ดีที่สุดสำหรับคุณคือราคาขาย(Ask)

    ดังนั้นคุณจะซื้อคู่สกุลเงินที่ราคาขาย(Ask)เสมอ

    ราคาเสนอBid(ซื้อ)มักจะน้อยกว่าราคาขาย(Ask)เสมอ

    อะไรคือ spread ใน Forex?

    spread ใน Forex เป็นเพียงความแตกต่างระหว่างราคาเสนอBid(ซื้อ)และราคาเสนอขาย(Ask)

    ให้เราเข้าใจสิ่งนี้ผ่านตัวอย่าง

    พิจารณา GBP/USD ซึ่งราคาเสนอBid(ซื้อ)คือ 1.37264 และราคาเสนอขาย(Ask)คือ 1.37276 ซึ่งหมายความว่า,

    • หากคุณยินดีที่จะขาย GBP ของคุณ คุณจะคลิก “ขาย” และจะขาย GBP ให้คุณที่ราคาเสนอซื้อ 1.37264
    • หากคุณยินดีที่จะซื้อ GBP คุณจะคลิก “ซื้อ” และนายหน้าของคุณจะปฏิบัติตามคำสั่งซื้อของคุณในราคาเสนอขายที่ 1.37276

     compounding ใน Forex คืออะไร?

    หากคุณกำลังเริ่มต้น คุณต้องเข้าใจแนวคิดของ compounding และพลังของอย่างแข็งขัน

    compounding ใน Forex เป็นเทคนิคที่คุณลงทุนกลับการลงทุน เริ่มต้นของ คุณบวกกับกำไรของคุณเพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำกำไรและสร้างเงินทุนมากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป คุณจะสามารถสร้างเงินทุนในบัญชีซื้อขายของคุณได้

    หมายเหตุ:มุมมองทั้งหมดนี้เป็นไปตามกฎของการวิเคราะห์ทางเทคนิค เราไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ในการซื้อขายแลกเปลี่ยน

    _______________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    ระดับ Margin และระดับ Stop out ใน forex

    กันยายน 15, 2022

     

    ระดับ Margin และระดับ Stop out ใน forex

    ระดับ Margin ใน forex หมายถึงอัตราส่วนของ equity ที่มีให้สำหรับ Margin ที่ใช้แล้วในบัญชีซื้อขาย mt4 ระดับ Margin เป็นสัดส่วนโดยตรงกับความสมบูรณ์ของบัญชีซื้อขาย mt4 ของคุณ ระดับ Margin ที่สูงขึ้นบ่งชี้ถึงบัญชีซื้อขายที่ดีและคุณมี Margin มากขึ้นสำหรับการซื้อขายที่เปิดมากขึ้นในบัญชีซื้อขาย ในทางกลับกัน Margin ที่ต่ำกว่าบ่งชี้ว่าบัญชี ซื้อขายอ่อนแอและคุณมี Margin เพื่อเปิดการซื้อขายในบัญชีซื้อขายมากขึ้น

    ตัวอย่างเช่น คุณมี equity $10000 ในบัญชีซื้อขาย และคุณใช้ Margin $500 แล้ว ระดับ Margin ในบัญชีของคุณจะอยู่ที่ 2000% ระดับ Margin ที่ 2k% เป็น indication ถึงบัญชีซื้อขายที่ดีใน forex

    เช่นเดียวกับในตัวอย่าง เราใช้ equity ของบัญชีซื้อขายเป็นตัวเศษ หากบัญชีซื้อขายของคุณไม่มีสถานะที่เปิดอยู่ equity จะเป็นศูนย์ ระดับ Margin คำนวณด้วย equity เท่านั้น ไม่ใช่ยอดคงเหลือในบัญชี

    ระดับ Margin ปลอดภัยใน forex

    โบรกเกอร์ซื้อขายส่วนใหญ่ได้กำหนดข้อจำกัดเช่นจะไม่อนุญาตให้คุณเปิดสถานะการค้าเมื่อระดับ Margin ของบัญชีซื้อขายของคุณถึง 100% หรือน้อยกว่า คุณจะไม่สามารถป้องกันความเสี่ยงจากสถานะได้เมื่อบัญชีถึงระดับ Margin ที่ 100% จำไว้ว่าระดับ Margin ที่ใกล้ถึง 100% นั้นไม่ปลอดภัย ต้องมากกว่า 100%

    Margin call ใน mt4 คืออะไร?

    โบรกเกอร์แต่ละรายได้กำหนดเปอร์เซ็นต์ระดับ Margin เฉพาะ เมื่อถึงระดับ Margin นั้นแล้ว คุณจะได้รับการแจ้งเตือนการเรียก Margin จากโบรกเกอร์ว่าคุณจะไม่สามารถเปิดตำแหน่งใหม่ได้อีกต่อไป

    ดังนั้น ในการเปิดตำแหน่งใหม่ คุณต้องฝากเงินเพิ่มเพื่อเพิ่มระดับ Margin อย่างน้อยก็เหนือระดับ margin call. นี่เป็นคำศัพท์ที่สำคัญมากและผู้ค้าทุกคนต้องรู้เกี่ยวกับ Margin และ margin call.

    Stop out ใน forex คืออะไร?

    Stop out ใน forex หมายถึงระดับการเรียกหลักประกันซึ่งนายหน้าจะเริ่มปิดตำแหน่งของคุณทีละรายการตามหลักประกันที่มีอยู่ โบรกเกอร์ forex ส่วนใหญ่มักจะปิดตำแหน่งทั้งหมดที่ระดับการเรียก Margin 20%

    โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ให้การคุ้มครองยอดคงเหลือติดลบในกรณีที่มีการหยุด

    _______________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่?https://bit.ly/MTRatsamee
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    3 กลยุทธ์ในการซื้อขายรูปแบบ Inside Bar?

    กันยายน 15, 2022

    3 กลยุทธ์ในการซื้อขายรูปแบบ Inside Bar?

    วิธีการ Trade Inside Bar?

    การซื้อขายรูปแบบ inside bar ใน forex ด้วยการเคลื่อนไหวของราคาเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดและให้ผลกำไร ในบทความนี้ เราจะพูดถึงวิธีการซื้อขาย 3 อันดับแรกของรูปแบบ inside bar

    กลยุทธ์การซื้อขาย inside bar 3 ข้อต่อไปนี้

    • Inside bar ที่ระดับแนวรับและแนวต้าน
    • ซื้อขาย Inside bar ที่เทรนด์ไลน์
    • การก่อตัวของ Inside bar หลังการปลอมแปลง

    คุณสมบัติของรูปแบบ Inside bar ที่ดี

    รูปแบบ Inside bar ที่ดีมีแท่งเทียนขนาดใหญ่ เชิงเทียนแม่ขนาดใหญ่หมายความว่ามีอัตราส่วนลำตัวต่อไส้ตะเกียงขนาดใหญ่

    มีเหตุผลที่สมบูรณ์อยู่เบื้องหลัง ร่างใหญ่และไส้ตะเกียงขนาดเล็กแสดงถึงโมเมนตัมของตลาดที่สูง ตัวที่เล็กกว่าและไส้เทียนที่ใหญ่กว่าบ่งบอกถึงโมเมนตัมของตลาดที่ต่ำ นั่นคือเหตุผลที่ตรวจสอบลักษณะต่อไปนี้ของรูปแบบ Inside bar ก่อนที่จะใช้ในกลยุทธ์การซื้อขาย

    • เชิงเทียนแม่ควรมีลำตัวที่ใหญ่กว่าและขนาดไส้ตะเกียงที่เล็กกว่า
    • Inside bar ควรมีขนาดค่อนข้างเล็กเพื่อรับรางวัลความเสี่ยงที่สูงขึ้น (ไม่บังคับ)

    ตอนนี้เรามาดูกลยุทธ์การซื้อขาย Inside bar กัน

    กลยุทธ์ Inside bar ทำงานอย่างไร?

    การเรียนรู้โครงสร้างของรูปแบบ Inside bar เป็นสิ่งสำคัญ อะไรบอกผู้ค้า forex! บอกผู้ค้าว่าตลาดกำลังมองหาทิศทาง สถาบันขนาดใหญ่และผู้ค้ารายใหญ่กำลังตัดสินใจว่าจะขึ้นหรือลง

    จำไว้ว่าเมื่อใดก็ตามที่ตลาดเคลื่อนไหวเหมือนรูปแบบ broadening หรือรูปแบบ inward จะมองหาทิศทางอยู่เสมอ

    พื้นฐานของกลยุทธ์ Inside bar

    กลยุทธ์ Inside bar นี้ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่ว่าราคากำหนดทิศทางจากระดับหลัก แต่ถ้ามี Inside bar ที่ key levels จะทำให้ง่ายต่อการคาดการณ์ทิศทางของตลาด

    ตัวอย่างเช่น ตลาดมีแนวโน้มที่จะกลับตัวหรือไปต่อจากระดับแนวต้าน เมื่อราคาตลาดถึงระดับแนวต้าน มันจะตัดสินใจว่าจะทำลายระดับแนวต้านนี้หรือจะกลับตัวจากระดับนี้

    เมื่อ Inside bar ก่อตัวขึ้นที่ระดับแนวต้านนั้น ก็เป็นเครื่องบ่งชี้ชัดเจนว่าตลาดกำลังกำหนดทิศทางในอนาคต  Breakout ของ รูปแบบ Inside bar ยืนยันทิศทางของตลาด หากราคาทะลุระดับสูงของ Inside bar ก็จะดำเนินต่อไปตามแนวโน้ม (จะขึ้น) ราคาจะกลับทิศทางหากทะลุผ่านจุดต่ำสุดของ Inside bar

    ประโยชน์หลักของ Inside bar คือแสดงระดับการหยุดขาดทุนที่แน่นหนา

    กลยุทธ์ที่ 1

    กลยุทธ์ Inside bar นี้เกิดขึ้นจากการรวมกันของ breakout วงในและ breakout แนวรับ/แนวต้าน นี่เป็นกลยุทธ์การเคลื่อนไหวของราคาอย่างแท้จริง และมีอัตราการชนะที่สูงกว่า

    ส่วนประกอบของกลยุทธ์ inside bar

    • แนวรับและแนวต้าน
    • inside bar
    • เครื่องมือขยาย Fibonacci

    zone แนวรับและแนวต้านแสดงถึง key levels ที่แข็งแกร่ง เมื่อราคาทะลุระดับสำคัญเหล่านั้น ก็มีแนวโน้มที่จะย้ายไปยัง key levels ถัดไป เครื่องมือ Fibonacci เป็นเครื่องมือธรรมชาติที่ทรงพลัง และฉันใช้มันเพื่อปรับระดับการทำกำไร

    ขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติตาม

    ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ของกลยุทธ์การซื้อขาย Inside bar

    • Draw แนวรับ/แนวต้านที่แข็งแกร่ง (แข็งแกร่งหมายถึงราคาเด้งอย่างน้อย 3 ครั้งจาก zone)
    • ระบุแท่งเทียน inside bar หลังจากทะลุแนวรับ/แนวต้าน โปรดจำไว้ว่าเชิงเทียนที่ breakout จะต้องเป็นเชิงเทียนแม่และต้องมีลำตัวใหญ่และไส้เทียนขนาดเล็ก
    • วางจุดขายที่รอดำเนินการด้านล่าง inside bar กรณีที่แนวรับทะลุแนวรับ ในทางกลับกัน ให้วางจุดหยุดซื้อที่รอดำเนินการอยู่เหนือแท่งเทียน inside bar ในกรณีที่เกิดการทะลุแนวต้าน
    • ระดับการหยุดการสูญเสียจะถูกวางไว้ที่อีกด้านหนึ่งของ inside bar เสมอ เช่นถ้าคำสั่งเปิดที่ด้านบนของแถบ inside bar จากนั้น stop loss จะต่ำกว่า IB ที่ต่ำ
    • ใช้เครื่องมือส่วนขยายตามเทรนด์ Fibonacci และเน้นระดับส่วนขยาย Fibonacci 1.618 และ 1.272 ระดับการทำกำไรครั้งแรกจะอยู่ที่ 1.272 และ TP2 จะอยู่ที่ระดับ 1.618

    นี่คือแนวทางใน inside bar และกลยุทธ์การซื้อขายแนวรับ/แนวต้าน

    กลยุทธ์ที่ 2

    กลยุทธ์ที่ 2 inside bar 2 ประกอบด้วย breakout เส้นแนวโน้มและ inside bar breakout เส้นแนวโน้มประกอบด้วยการตีกลับของราคาอย่างน้อย 3 ครั้งติดต่อกันซึ่งทำให้เป็นระดับสำคัญ เป็นที่รู้จักกันว่าแนวรับหรือแนวต้าน

    กลยุทธ์นี้ประกอบด้วย parameters ต่อไปนี้

    • Trendline breakout
    • inside bar pattern
    • เครื่องมือขยาย Fibonacci

    ขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติตาม

    การก่อตัวของรูปแบบ inside bar หลังจาก breakout ของเส้นแนวโน้มทำงานได้ดีที่สุดและกลยุทธ์ breakout นี้ให้ผลกำไร

    ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

    • ระบุการตั้งค่าเส้นแนวโน้มที่ถูกต้อง (เส้นแนวโน้มต้องมีการตีกลับ/สัมผัสอย่างน้อยสามครั้ง)
    • ตรวจสอบการ breakout เส้นแนวโน้มด้วยแท่งเทียนแม่และการก่อตัวของแท่ง inside bar หลังแท่งแม่
    • วางคำสั่งหยุดการขายที่รอดำเนินการในกรณีที่เส้นแนวโน้มพุ่งขึ้นและคำสั่งหยุดซื้อที่รอดำเนินการในกรณีที่เส้นแนวโน้มลดลง
    • ระดับ Stop Loss และ Take Profit จะยังคงเหมือนเดิมตามที่อธิบายไว้ในหัวข้อด้านบน

    กลยุทธ์เส้นแนวโน้มและ inside bar มองเห็นได้ง่ายและมีโอกาสชนะสูงเมื่อเทียบกับแนวรับ/แนวต้าน

    กลยุทธ์ที่ 3

    บางครั้ง เมื่อแนวรับและแนวต้านหรือเส้นแนวโน้มแตกตัวด้วยแท่งเทียนขนาดใหญ่ ราคาก็จะกลับมาที่ระดับหลักอีกครั้ง แสดงถึงการปลอมแปลง

    กลยุทธ์นี้ประกอบด้วยการ fakey setup และมีอัตราส่วนการชนะสูงกว่าหากซื้อขายกับแนวโน้ม ตัวอย่างเช่น เส้นแนวโน้มและแนวรับ/แนวต้านแสดงถึงความต่อเนื่องของแนวโน้ม แต่บางครั้ง หลังการ breakout ราคาจะปิดอีกครั้งภายในระดับหลัก เป็นการตั้งค่าการกลับตัวของแนวโน้ม

    จำไว้ว่าในการ fakey setup นี้ คุณจะซื้อหรือขายในทิศทางตรงกันข้ามเมื่อเทียบกับกลยุทธ์ทั้ง 2 ที่กล่าวถึงในหัวข้อข้างต้น

    มีไม่กี่ขั้นตอนในการปฏิบัติตามกลยุทธ์การซื้อขายบาร์ inside bar

    • ค้นหาเส้นแนวโน้มหรือ S&R  breakou ด้วยแท่งเทียนแม่
    • การก่อตัวของ inside bar ในหลังเชิงเทียนแม่
    • วางคำสั่งซื้อหยุดที่ด้านบนของ inside bar ในกรณีที่เกิดการ breakou แนวรับที่ผิดพลาด ในทางกลับกัน ให้วางคำสั่ง sell stop ไว้ต่ำกว่าระดับต่ำสุดของ inside bar ในกรณีที่เกิดการฝ่าแนวต้านที่ผิดพลาด
    • Stop Loss จะถูกวางไว้ที่อีกด้านหนึ่งของแท่งเทียน inside bar
    • ในการตั้งค่าการ breakou เท็จนี้ ระดับการทำกำไร 1 จะเป็น 1.6 เท่าของขนาดของ inside bar และ TP2 จะเท่ากับ 2.6 เท่าของขนาดของ inside bar นี่คืออัตราส่วน Fibonacci

    บทสรุป

    กลยุทธ์การซื้อขายประกอบด้วยจุดบรรจบมากมายที่ทำให้กลยุทธ์สามารถซื้อขายได้ หากไม่มีจุดบรรจบ คุณจะไม่สามารถทำกำไรได้อย่างชัดเจน  inside bar เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่ดีที่สุด และฉันได้ใช้การเคลื่อนไหวของราคากับแท่งเทียน inside bar และทำกลยุทธ์ที่สามารถซื้อขายได้ดีที่สุด

    _______________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่?https://bit.ly/MTRatsamee
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    รูปแบบ QM (Quasimod) ในการซื้อขายคืออะไร?

    กันยายน 15, 2022

    รูปแบบ QM (Quasimod) ในการซื้อขายคืออะไร?

    Quasimodo คือการเคลื่อนไหวของราคาที่สำคัญที่สุด เช่นเดียวกับรูปแบบการกลับตัวของแนวโน้ม นี่เป็นข้อบ่งชี้ขั้นสูงสุดของการกลับตัวของแนวโน้มในราคา เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ หลายคนทำการเทรดรูปแบบ Quasimodo forex เนื่องจากรูปแบบนี้เป็น indication ถึงการสิ้นสุดของแนวโน้มก่อนหน้าและจุดเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่ การซื้อขายที่จับได้ตั้งแต่เริ่มต้นของแนวโน้มจะให้อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนสูง นั่นเป็นเหตุผลหลักที่มีความสำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิค forex กลยุทธ์การซื้อขายของ Quasimodo เป็น กลยุทธ์ ที่ดีที่สุดในการวิเคราะห์ทางเทคนิคฟอเร็กซ์

    รูปแบบ forex ของ Quasimodo คืออะไร?

    Quasimodo ใน forex หมายถึงรูปแบบกราฟกลับตัวที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อทำนายการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม แนวโน้มขาขึ้นประกอบด้วย จุดสูงสุดที่สูงกว่าอย่างน้อยสองครั้งและระดับต่ำสุดที่สูงกว่าสองครั้ง ในขณะที่แนวโน้มขาลงประกอบด้วยระดับต่ำสุดที่ต่ำกว่าอย่างน้อยสองครั้งและระดับต่ำสุดที่ต่ำกว่าสองครั้ง แล้วเมื่อไรจะกลับเทรนด์ ?

    • ในกรณีของแนวโน้มขาขึ้น หลังจากจุดสูงสุดสูงสุดสองครั้งและระดับต่ำสุดที่สูงขึ้นเมื่อระดับต่ำสุดที่ต่ำลงจะเกิดขึ้น แนวโน้มจะกลับตัว จะตัดสินใจว่าจะสร้างโครงสร้างที่หลากหลายในอนาคตหรือจุดเริ่มต้นของแนวโน้มขาลง
    • ในกรณีของแนวโน้มขาลง หลังจากอย่างน้อยสองจุดต่ำสุดที่ต่ำกว่าและจุดต่ำสุดที่ต่ำกว่า เมื่อระดับสูงสุดที่สูงขึ้นจะเกิดขึ้น จากนั้นแนวโน้มขาลงจะกลับตัว ที่นี่ ราคาจะตัดสินใจว่าจะไปกับแนวโน้มขาขึ้นหรือสร้างโครงสร้างราคาที่หลากหลาย

    หลังจากการพลิกกลับในแนวโน้มที่สูงขึ้นหรือต่ำลง ราคาจะให้การดึงกลับเพื่อเลือกคำสั่งที่ไม่สำเร็จ เป้าหมายของเราคือการค้าขายกับสถาบัน จุดประสงค์ของการดึงกลับโดยราคาคือการเลือกคำสั่งขาย (ในกรณีที่มีการกลับตัวเป็นตลาดกระทิง) หรือการซื้อ (ในกรณีที่มีการกลับรายการขาลง) คำสั่งที่ยังไม่ได้ดำเนินการ เราต้องจับตาดูระดับสำคัญที่นี่

    ระดับที่สำคัญ(Key Levels)

    ระดับสำคัญคือพื้นที่ที่ฝ่าย ITs วางคำสั่งซื้อที่ไม่สำเร็จ ในกรณีของรูปแบบ Quasimodo ไหล่ซ้ายจะทำหน้าที่เป็นคีย์และระดับที่แข็งแกร่ง ในระหว่างการดึงกลับ ราคาจะเลือกคำสั่งและเทรนด์ใหม่จะเริ่มขึ้นโดยผู้ค้าสถาบัน และในฐานะผู้ค้าปลีก เราจะขับเคลื่อนเทรนด์ที่สร้างโดยผู้ค้าสถาบันโดยใช้รูปแบบ Quasimodo นี่คือจิตวิทยาเบื้องหลังรูปแบบ Quasimodo forex รูปแบบ Quasimodo เรียกอีกอย่างว่ารูปแบบOver and Under

    การตั้งค่าการซื้อขาย Quasimodo

    การซื้อขายรูปแบบ Quasimodo นั้นง่ายมาก แต่การซื้อขายด้วยการบรรจบกันนั้นเป็นงานที่ยาก ให้ฉันแสดงให้คุณเห็นก่อนเกี่ยวกับการหยุดการขาดทุน การทำกำไร และระดับรายการ ในหัวข้อถัดไป เราจะพูดถึงการบรรจบกันที่จะเพิ่มด้วย

    รายการ:

    ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว เมื่อราคาจะให้การดึงกลับ จะเลือกคำสั่งที่ยังไม่สำเร็จ และระดับสำคัญที่นี่คือระดับ left shoulder เราจะรอให้ราคาย้อนกลับมาที่ระดับไหล่ซ้าย จากนั้นเราจะเข้าไป มีกลยุทธ์ที่ดีในการเพิ่มเขตอุปสงค์และอุปทานที่ระดับ left shoulder เป็นจุดเริ่มต้น ฉันจะแสดงให้คุณเห็นในหัวข้อถัดไป ที่นี่แค่จำ left shoulder เป็นระดับเริ่มต้น

    หยุดการสูญเสีย:

    ระดับการหยุดการขาดทุนจะสูงกว่าระดับสูงหรือต่ำกว่าระดับต่ำสุดที่ต่ำกว่า ดูภาพด้านล่างเพื่อความเข้าใจที่ชัดเจน

    ทำกำไร:

    ระดับการทำกำไรจะเป็นจุดต่ำสุดที่ต่ำกว่าล่าสุดในกรณีที่มีการกลับตัวเป็นขาขึ้น ในกรณีของการกลับตัวเป็นขาลง ระดับการทำกำไรจะอยู่ที่ระดับสูงขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้

    กลยุทธ์การซื้อขาย Quasimodo

    รูปแบบ Quasimodo forex เพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำกำไรได้ ถ้าไม่มีการบรรจบกันก็จะไม่ทำงานเลย เราต้องทำอย่างไร? เราต้องเพิ่มความน่าจะเป็นของรูปแบบนี้โดยการเพิ่มจุดบรรจบกัน เรียบง่าย!. ต่อไปนี้เป็นจุดบรรจบที่จำเป็นในการเพิ่ม

    • เขตอุปสงค์และอุปทาน
    • วิเคราะห์แนวโน้ม
    • การวิเคราะห์กรอบเวลาที่สูงขึ้น

    เขตอุปสงค์และอุปทานจะช่วยให้เราระบุรายการของเราได้ และการวิเคราะห์กรอบเวลาที่สูงขึ้นจะช่วยให้เราเลือกการค้าที่ถูกต้องเท่านั้นและขยายระดับการทำกำไร

    QML forex อุปสงค์และอุปทาน

    เนื่องจากระดับ left shoulder เป็นระดับสำคัญ เป้าหมายของเราคือมองหาเขตอุปทานหรือเขตอุปสงค์ที่ระดับ left shoulder เพราะราคาจะไม่กลับตัวจากราคาไหล่ซ้ายอย่างแน่นอน นั่นคือเหตุผลที่เขตอุปสงค์หรืออุปทานในระดับคีย์นี้จะช่วยเพิ่มพลังให้กับการตั้งค่าของเรา ระดับการหยุดการขาดทุนสามารถอยู่เหนือเขตอุปทานหรือต่ำกว่าโซนอุปสงค์ การจัดการการหยุดการขาดทุนจะเพิ่มอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน นี่เป็นจุดบรรจบครั้งแรกของคุณ

    วิเคราะห์แนวโน้ม

    ต้องมีแนวโน้มที่ชัดเจนก่อนการก่อตัวของรูปแบบ Quasimodo forex ฉันหมายถึงเสียงสูงที่สูงกว่า อย่างน้อยสองครั้ง และระดับต่ำสุดที่สูงกว่าสองครั้งก็เพียงพอแล้ว และ รูปแบบอัตราแลกเปลี่ยน QMLที่ระดับแนวต้านหรือแนวรับเป็นสัญญาณที่ดี กลยุทธ์ forex ของ QML นั้นเรียบง่ายและมีประสิทธิภาพมาก

    การวิเคราะห์กรอบเวลาที่สูงขึ้น

    การวิเคราะห์กรอบเวลาที่สูงขึ้นเป็นขั้นตอนที่จำเป็นในการปฏิบัติตามทุกครั้งก่อนเข้าร่วม แนวโน้มกรอบเวลาที่สูงขึ้นจะต้องตรงกับการตั้งค่ากรอบเวลาที่ต่ำกว่า เช่นเดียวกับหากแนวโน้มกรอบเวลาที่สูงขึ้นเป็นตลาดกระทิง คุณต้องจับรูปแบบ Quasimodo forex กลับตัวเป็นหมี ในทางกลับกัน หากแนวโน้มกรอบเวลาที่สูงกว่าเป็นขาลง คุณต้องเลือกรูปแบบการกลับตัวเป็นขาขึ้น

    มีกลยุทธ์ที่สำคัญบางประการในการกำหนดรูปแบบ Quasimodo ที่ถูกต้องโดยใช้ขีดจำกัดการตั้งค่าสถานะและ FTR

    คำถามที่พบบ่อย

    มีอินดิเคเตอร์ forex ของ mt4/mt5 Quasimodo หรือไม่?

    ใช่ คุณเพียงแค่ต้องได้รับ engulfing candlestick indicator เนื่องจากแท่งเทียนที่กลืนกินแสดงถึงรูปแบบเดียวกัน เช่น การก่อตัวของ high high และ lower low แต่สำหรับรูปแบบที่สมบูรณ์แบบ คุณต้องคิดออกด้วยตนเอง อินดิเคเตอร์จะช่วยประหยัดเวลาของคุณและจะแจ้งเตือนคุณเกี่ยวกับรูปแบบ จากนั้นคุณสามารถตัดสินใจเลือกรูปแบบหรือไม่ก็ได้

    ความหมายของ QML ใน forex คืออะไร?

    QML หมายถึงระดับ quasimodo หรือสาย quasimodo โดยพื้นฐานแล้วจะเป็นระดับที่ปลาย left shoulder ของรูปแบบ Quasimodo

    ความหมายของ MPL ใน forex คืออะไร?

    MPL หมายถึงระดับความเจ็บปวดสูงสุด โดยปกติ mpl จะอยู่ที่ระดับ Quasimodo (QML)

    _______________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่?https://bit.ly/MTRatsamee
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    FTR ใน forex หมายถึงอะไร?

    กันยายน 15, 2022

    FTR ใน forex หมายถึงอะไร?

    FTR ใน forex หมายถึงความล้มเหลวในการส่งคืน เงื่อนไขการดำเนินการด้านราคาที่สำคัญใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคของคู่สกุลเงินใน forex โดยค่าเฉลี่ยแล้ว ราคาทะลุระดับที่สำคัญแต่ไม่สามารถกลับจากระดับนั้นได้ เรียกว่า FTR ไม่สามารถส่งคืนได้ อ่านบทความเต็มในตอนท้ายเราจะบอกคุณเกี่ยวกับโซนFTR ที่แข็งแกร่ง

    โดยปกติหลังจากทำลายระดับที่แข็งแกร่งราคาจะดึงกลับมากขึ้นเนื่องจากมีผู้ขายหรือผู้ซื้อจำนวนมากในระดับนั้นซึ่งอยู่ภายใต้การพิจารณาของผู้ค้าหลายราย แต่แทนที่จะเป็นการดึงกลับครั้งใหญ่ ราคาให้การพักตัวเล็กน้อยเมื่อทะลุระดับที่แข็งแกร่งและยังคงเคลื่อนไหวต่อไป นี่คือจิตวิทยาของ FTR ใน forex หมายถึงไม่กลับมา เนื่องจากกลอุบายเล่นที่นี่จึงกลายเป็นระดับที่สำคัญ

    Bullish FTR

    หากราคาทะลุระดับแนวต้านที่แข็งแกร่งและหลังจากการพักตัวเล็กน้อย ให้การเคลื่อนไหวแบบ bullish ที่แข็งแกร่ง มันจะสร้าง bullish FTR zone.

    โปรดจำไว้ว่า การพักตัวเล็กน้อยหลังการ breakout จะต้องสร้างรูปแบบ drop base rally หากคุณไม่รู้เกี่ยวกับ drop base rally ฉันได้อธิบายไว้ด้านล่าง

    Bearish FTR

    หากราคาทะลุผ่านระดับแนวรับที่แข็งแกร่งและหลังจากการพักตัวเล็กน้อย ให้การเคลื่อนไหวแบบ bearish ที่แข็งแกร่ง จะสร้างรูปแบบ bearish FTR  ใน forex.

    โปรดจำไว้ว่า การถอยกลับเล็กน้อยหลังจากการทะลุ ระดับแนวรับจะต้องสร้างรูปแบบ rally base drop 

    วิธีการ draw FTR zone ใน forex

    ในการ draw the FTR zone เป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบในการเลือกรายการระบุตำแหน่งที่แน่นอน เมื่อ FTR ก่อตัว ขึ้น รูปแบบอุปสงค์และอุปทานก็จะก่อตัวขึ้นภายในนั้นด้วย ฐานสูงและต่ำอย่างง่ายจะสร้าง zone

    FTB (กลับมาครั้งแรก) ใน forex

    FTB หมายถึงการทดสอบซ้ำของ zone FTR ที่ทำล่าสุดโดยราคาในฟอเร็กซ์ เมื่อรูปแบบ zone FTR ใหม่ (ไม่ถูกแตะต้อง) ราคาจะกลับมาเลือกคำสั่งซื้อจาก zone นี้และดำเนินการต่อไป สิ่งนี้เรียกว่า FTB ในฟอเร็กซ์

    มาพูดถึงรูปแบบอุปสงค์และอุปทานที่สำคัญซึ่งจะช่วยให้คุณระบุ zone FTR ที่แข็งแกร่ง ฉันเชื่อในความจริงที่ทำให้ฉันรู้สึกบางอย่าง

    มี 4 รูปแบบอุปสงค์และอุปทาน

    • Rally base rally
    • Rally base drop
    • Drop base rally
    • Drop base drop

    Rally base rally

    เนื่องจากทุกสิ่งในธรรมชาติมีรูปแบบบางอย่าง เช่นเดียวกับการลุกลามของคลื่นในธรรมชาติการกดทับและการเกิดหายาก ดูโครงสร้างของแรงอัดและ rarefactions.

    เช่นเดียวกับกรณีขอ งrally base rally หลังจากเคลื่อนไหวอย่าง impulsive  ราคาจะสร้างโครงสร้างที่หลากหลายและเกิดการเคลื่อนไหวแบบ impulsive อีกครั้ง การเคลื่อนไหวที่ impulsive อย่างแข็งแกร่งจากนั้นจึงเปลี่ยนรูปแบบและการเคลื่อนไหว impulsive อีกครั้ง

    เราจะเรียกโครงสร้างที่หลากหลายของราคาเป็นฐาน การเคลื่อนไหว impulsive จะเป็นขาขึ้นเนื่องจากเรากำลังพูดถึง rally base rally.

    Drop base drop

    Drop base drop หมายถึงการเคลื่อนไหว bearish impulsive ที่แข็งแกร่งจากนั้นโครงสร้างที่หลากหลายในราคาและจากนั้นอีกครั้งเป็นขาลงที่แข็งแกร่ง

    พูดง่ายๆ หรือในกรอบเวลาที่สูงกว่าเราสามารถพูดได้ว่า drop base drop เป็นแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่ ตามด้วยเทียนฐาน และแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่อีกครั้ง

    Rally base drop

    Rally base drop หมายถึงรูปแบบของการเคลื่อนไหวแบบ impulsive แบบ bullish ตามด้วยโครงสร้างที่หลากหลายของราคา และการเคลื่อนไหวแบบ impulsive แล่นเป็นขาลง

    ฉันจะไม่ซับซ้อนในสิ่งต่าง ๆ แต่ฉันจะพยายามทำให้สิ่งต่าง ๆ ชัดเจนสำหรับคุณ ดูภาพด้านล่าง

    Drop base rally

    Drop base rally หมายถึงรูปแบบของการเคลื่อนไหวแบบ impulsive เป็นขาลง ตามด้วยโครงสร้างที่หลากหลายของราคา และการเคลื่อนไหวแบบ impulsive

    ทำตามสูตรง่ายๆ

    Big bearish candle + base candle + big bullish candle

    อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญสำหรับมือใหม่ หากคุณจะไปในกรอบเวลาที่ต่ำกว่า แท่งเทียนขนาดใหญ่หนึ่งแท่งจะแปลงเป็นแท่งเทียน จำนวนหนึ่ง ซึ่งแสดงถึงการเคลื่อนไหวที่ impulsive แท่งเทียนฐานจะแปลงเป็นโครงสร้างที่หลากหลาย นี่คือการวิเคราะห์หลายกรอบเวลา เรียนรู้เพิ่มเติมจากบล็อกของเรา

    กลยุทธ์ FTR ใน forex

    กลยุทธ์นี้จะทำให้คุณสามารถค้นหาโซน FTR ที่แข็งแกร่ง ในฟอเร็กซ์ได้

    • ขั้นตอนแรกคือการมองหาโซนที่แข็งแกร่ง ในการตรวจจับโซนที่แข็งแกร่ง ฉันใช้เครื่องมือ Fibonacci อย่างง่ายในกรณีของ FTR
    • ขั้นตอนที่สองคือการมองหา swing high ก่อน หน้า
    • ทั้งระดับ Fibonacci 50 และ swing high ก่อนหน้าจะต้องอยู่ในระดับเดียวกัน
    • โซน FTR ต้องสดชื่น

    ตอนนี้วาดโซน FTR โซน FTR สูงและต่ำสามารถทำงานเป็นโซนได้ แต่เพื่อเพิ่มผลตอบแทนความเสี่ยง และเลือกรายการที่ไม่มีโฟลต จากนั้นวาดโซนเฉพาะบนฐานของรูปแบบ FTR

    Stop Loss จะเป็น pip ที่ต่ำกว่าหรือสูงกว่าโซน FTR รายการจะอยู่ใน FTB (กลับมาครั้งแรก)

    นี่เป็นกลยุทธ์ง่ายๆ และมีโอกาสชนะสูง คุณสามารถใช้รูปแบบ FTR ในกลยุทธ์ของคุณเพื่อปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม

    _______________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่?https://bit.ly/MTRatsamee
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    การวิเคราะห์ Volume Spread คืออะไร?

    กันยายน 14, 2022

    การวิเคราะห์ Volume Spread คืออะไร?

    การวิเคราะห์ปริมาณการแพร่กระจายหรือการซื้อขาย VSA เป็นวิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้ในการพยากรณ์ราคาโดยใช้ปริมาณใน forex หรือการซื้อขายหุ้น

    ความสำคัญของวิธี VSA คือการวิเคราะห์เชิงเทียนทุกแท่งโดยพิจารณาจากปริมาณ นั่นเป็นเหตุผลที่การวิเคราะห์ปริมาณการแพร่กระจายเผยให้เห็นข้อมูลมากมายเกี่ยวกับเงินที่ชาญฉลาด 

    มีปัจจัยสำคัญ 3 ประการในการวิเคราะห์การกระจายปริมาณ

    • การแพร่กระจายของแท่งเทียน (แสดงถึงช่วงทั้งหมดของแท่งเทียนจากต่ำไปสูง ไม่ได้หมายถึงราคาเสนอซื้อหรือเสนอขายใน VSA)
    • ปริมาณ (ปริมาณหมายถึงธุรกรรมทั้งหมดที่ทำในช่วงเวลาที่กำหนด)
    • ราคาปิดของแท่งเทียน (วิธี VSA ราคาปิดมีความสำคัญต่อโมเมนตัมของผู้ซื้อหรือผู้ขาย)

    ขั้นตอนของตลาดในการวิเคราะห์ volume spread

    ในการวิเคราะห์ Volume Spread ราคาจะผ่าน 4 ขั้นตอน หมายถึงการกลับตัวของแนวโน้มในราคาที่เกิดขึ้นผ่าน 4 ขั้นตอน 

    การอ่านอย่างมีเหตุมีผลเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการวิเคราะห์ทางเทคนิค แทนที่จะเทรดโดยใช้ตัวชี้วัดอย่าง  สุ่มสี่สุ่มห้า

    มาพูดถึง 4 ขั้นตอนของการกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้น

    • Accumulation(สะสม) (Big Guys ซื้อในราคาส่ง)
    • Mark-up (มาร์กอัป)
    • Distribution(จำหน่าย) (Big Guys ขายในราคาปลีก)
    • ทำเครื่องหมายลง(Mark down)

    ส่วนประกอบของการวิเคราะห์ Volume Spread

    ขั้นตอนแรกของ VSA คือการอ่านแถบระดับเสียงที่สร้างขึ้นตามแท่งเทียน แถบปริมาณแบ่งออกเป็น 4 ประเภทในการวิเคราะห์ทางเทคนิคนี้

    • Low volume bar(แถบเสียงต่ำ)
    • Average volume bar(แถบระดับเสียงเฉลี่ย)
    • High Volume bar(แถบเสียงสูง)
    • Very High Volume bar(แถบปริมาณสูงมาก)

    จุดอ้างอิงคือแถบระดับเสียงเฉลี่ย ในการระบุปริมาณเฉลี่ย ให้เพิ่มตัวบ่งชี้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 21 ช่วง หากแถบระดับเสียงอยู่ใกล้กับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ จะถือเป็นแถบปริมาณเฉลี่ย แถบระดับเสียงด้านล่างเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่คือแถบระดับเสียงต่ำ และเหนือเส้น MA คือแถบปริมาณสูง 

    หากระดับเสียงสูงกว่าแถบระดับเสียงอื่นๆ โดยไม่คาดคิด (อย่างน้อย 61 แถบสุดท้าย) จะถือเป็นแถบระดับเสียงที่สูงมาก เปิดเผยข้อมูลมากมายเกี่ยวกับกิจกรรมของเทรดเดอร์มืออาชีพ

    Bullish Volume คืออะไร?

     volume bar ที่สอดคล้องกับแท่งเทียนขาขึ้นเรียกว่าปริมาณ bullish ในแนวโน้มขาขึ้นแท่ง bullish Volume bar จะมากกว่าแท่ง bearish volume bars.

    bearish volume คืออะไร?

     volume bar ที่สอดคล้องกับแท่งเทียนขาลงเรียกว่า bearish volume ในแนวโน้มขาลงแท่ง bearish volume bars จะมากกว่าแท่ง bullish Volume bars.

    การอ่านแผนภูมิโดยใช้ Volume Spread Analysis

    การอ่านแผนภูมิโดยใช้ VSA เป็นหัวข้อที่สำคัญที่สุด ตามวิธี VSA หากขนาดสเปรดเป็นค่าเฉลี่ยและขนาดของแถบระดับเสียงมากกว่าหรือน้อยกว่าค่าเฉลี่ย แสดงว่ามีเงินฉลาดในคำง่ายๆ ปริมาณต่ำบ่งชี้ว่าเงินที่ฉลาดไม่สนใจที่จะซื้ออีกต่อไป ปริมาณมากหมายถึงผู้ค้ารายใหญ่ขายให้กับผู้ค้าปลีกโดยการซื้อ 

    ปริมาณมากเป็นพิเศษแสดงถึงกลอุบายที่เล่นโดยผู้ค้ารายใหญ่ 

    Volume cycle คืออะไร?

    ตลาดเคลื่อนไหวในรูปแบบของวงจรที่ซ้ำซากจำเจ หลังจากรอบหนึ่งเสร็จสิ้น ถัดไปจะเริ่มขึ้น คุณยังสามารถตั้งชื่อมันว่าความผันผวนของตลาดได้ ในทำนองเดียวกัน แถบระดับเสียงจะดำเนินไปในรูปของรอบ วัฏจักรตลาดหนึ่งรายการแสดงถึงจุดไคลแม็กซ์ปริมาณหนึ่ง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการระบุวัฏจักรของตลาด

    volume spread analysis ทำงานอย่างไร

    Volume spread analysis ทำงานบนพื้นฐานของ 4 ขั้นตอนของตลาด ตาม VSA แท่งเทียนขาลงแสดงถึงความแข็งแกร่งของตลาด ในขณะที่แท่งเทียนขาขึ้นแสดงความอ่อนแอ สิ่งนี้ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ผู้ค้าปลีกคิด (แท่งเทียนขาขึ้นแสดงถึงความแข็งแกร่งและแท่งเทียนขาลงแสดงความอ่อนแอ)

    เฉพาะผู้เล่นรายใหญ่เท่านั้นที่สามารถย้าย/ย้อนกลับตลาดได้ หากราคาอยู่ในช่วงขาลง ผู้เล่นรายใหญ่ได้ขายไปแล้วจากราคาที่สูงขึ้น และจะดำเนินต่อไปจนกว่าช่วงลดราคาจะเสร็จสิ้น หลังจากช่วงลดราคา ระยะการสะสมเริ่มขึ้น ตอนนี้ผู้เล่นรายใหญ่กำลังซื้อในราคาขายส่ง จากนั้นระยะมาร์กอัปจะเสร็จสมบูรณ์ ในระยะการจัดจำหน่าย ผู้เล่นรายใหญ่จะขายในราคาขายปลีกที่สูงขึ้น

    นี่เป็นวงจรที่เรียบง่าย และจะดำเนินต่อไปในกรอบเวลาทั้งหมด ตอนนี้ฉันจะอธิบายการใช้ปริมาณและสเปรดเพื่อระบุการสะสมและการจัดจำหน่ายในตลาดเพื่อจับระยะ mark-up หรือ markdown

    กลยุทธ์การซื้อขาย Volume Spread Analysis

    มีวิธีการวิเคราะห์การแพร่กระจายของปริมาตร 2 วิธี วิธีแรกคือการใช้วิธี VSA เพียงอย่างเดียว และวิธีที่ 2 คือ การใช้การดำเนินการด้านราคากับ VSA ฉันจะใช้วิธีที่ 2 ซึ่งฉันจะแนะนำให้คุณ

    ทำตามขั้นตอนด้านล่างเพื่อซื้อขายโดยใช้ VSA (การวิเคราะห์ปริมาณการแพร่กระจาย) และPA (การเคลื่อนไหวของ ราคา)

    • ระบุแนวโน้มกรอบเวลาปัจจุบันโดยใช้เสียงสูงและเสียงต่ำที่สูงขึ้น หรือใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 ช่วงเพื่อระบุแนวโน้ม
    • ตรวจจับการย้อนกลับของราคา Retracement หมายถึง การเริ่มต้นของระยะ การ  สะสมหรือการกระจาย
    • ในระหว่างขั้นตอนการสะสมหรือการกระจาย ปริมาณควรลดลงตามเวลา จากปริมาณที่สูงขึ้นไปสู่ระดับเสียงที่ต่ำลง 
    • เมื่อสิ้นสุดระยะการแจกจ่ายหรือการสะสม / ระหว่างช่วงเริ่มต้นหรือการมาร์กอัปหรือการลดระดับ ให้ระบุแถบระดับเสียงที่มากกว่าแถบระดับเสียงเฉลี่ย ตรวจจับแถบปริมาณสูงหรือสูงมาก ในขณะที่ขนาดสเปรดของแท่งเทียนควรต่ำหรือโดยเฉลี่ย ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น เมื่อสถานการณ์นี้เกิดขึ้น ก็มีเงินที่ฉลาด ตอนนี้ เงินที่ฉลาดจะเดินหน้าต่อผู้ค้าปลีกต่อไป
    • ระบุพินบาร์หรือ engulfing หรือรูปแบบแท่งเทียนกลับด้านอื่น ๆที่ระดับนี้และเข้าสู่การค้าโดยวางคำสั่งซื้อที่รอดำเนินการสองสาม pip ด้านบนหรือด้านล่างของแท่งเทียนและปรับการหยุดการขาดทุนสองสาม pip ด้านบนหรือด้านล่างของแท่งเทียนและขี่เครื่องหมายหรือทำเครื่องหมาย ดาวน์เฟสจนสิ้นสุดโดยการวิเคราะห์ปริมาณการหยุด

    บทสรุป

    วิธีที่ดีที่สุดในการวิเคราะห์ทางเทคนิคคือการอ่านแผนภูมิ หากไม่มีตรรกะที่ถูกต้อง คุณจะไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างถูกต้องและสามารถชนะการซื้อขายได้เล็กน้อย แต่คุณจะล้มเหลวในระยะยาว ดังนั้นควรเทรดด้วยตรรกะเสมอ วิธีการวิเคราะห์การแพร่กระจายของปริมาณช่วยให้เราสามารถอ่านวิธีการของผู้ดูแลสภาพคล่องได้

    การวิเคราะห์ปริมาณการแพร่กระจายทำงานใน forex หรือไม่?

    ใช่ มันทำงานใน forex แต่ใน forex ปริมาณจะถูกสร้างขึ้นโดยใช้เครื่องหมายขีด ไม่ใช่ปริมาณดั้งเดิมเหมือนในหุ้นเนื่องจากระบบกระจายอำนาจ

    ปริมาณคำนวณใน forex เป็นอย่างไร?

    ในการซื้อขายฟอเร็กซ์ ปริมาณคำนวณโดยใช้ความถี่ของขีดและขนาดของขีดนั้นในกรอบเวลาที่กำหนด ขีดคือการเคลื่อนไหวที่เล็กที่สุดในตลาด

    _______________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่?https://bit.ly/MTRatsamee
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    Scalping กับ Day Trading คืออะไร?

    กันยายน 14, 2022

    การซื้อขายแบบ Scalping

    การซื้อขายแบบ Scalping หมายถึงรูปแบบการซื้อขายที่ผู้ค้า forex เปิดและปิดการซื้อขายภายในไม่กี่วินาทีหรือนาทีเพื่อรับผลกำไรเล็กน้อย ในการซื้อขายแบบ Scalping ความถี่ของการซื้อขายสูงและกำไรน้อย เทรดเดอร์ที่เทรดด้วยรูปแบบการเทรดแบบ scalping เรียกว่า scalper

    ตัวอย่างเช่น การเปิดและปิดการซื้อขายบ่อยๆ เพื่อให้ได้ 2 ถึง 3 pips ด้วยวิธีนี้ Scalper จะเปิดตำแหน่งจำนวนมากในหนึ่งวันเพื่อแปลงผลกำไรเล็กๆ น้อยๆ ให้เป็นกำไรที่ยิ่งใหญ่ กรอบเวลาใด ๆ ที่น้อยกว่า 5 นาทีใช้สำหรับการซื้อขายแบบ Scalping

    มีข้อ จำกัด มากมายในการซื้อขายแบบ Scalping

    • คุณสามารถซื้อขายคู่สกุลเงินหลักได้เท่านั้นเนื่องจาก ค่าสเปรด ที่แคบ คู่สกุลเงินอื่น ๆ มีช่วงราคาเสนอซื้อและเสนอขายที่กว้าง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะทำ scalping ในคู่สกุลเงินประเภทนี้ ฉันจะแนะนำโบรกเกอร์ตลาด IC ซึ่งมีบัญชีสเปรดเป็นศูนย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักเก็งกำไร
    • จำเป็นต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ดี เนื่องจากความล่าช้าในการดำเนินการเพียงเล็กน้อยสามารถเปลี่ยนการค้าที่ชนะให้กลายเป็นการสูญเสียได้

    เทรดเดอร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าการถลกหนังเป็นรูปแบบการซื้อขายที่เสี่ยงที่สุด แต่ฉันคิดว่าความเสี่ยงนั้นอยู่ในการควบคุมของคุณเสมอ

    Day trading

    Day trading หมายถึงรูปแบบการซื้อขายที่ผู้ค้า forex เปิดการซื้อขายเมื่อเริ่มต้นวันและปิดก่อนการปิดของแท่งเทียนรายวัน เทรดเดอร์ที่เทรดด้วยรูปแบบ day trading เรียกว่า day trader

    การซื้อขายรายวันไม่ชอบที่จะเปิดสถานะไว้ข้ามคืน เขาจะปิดสถานะทั้งหมดก่อนปิดรายวันไม่ว่าจะขาดทุนหรือกำไร

    เพราะเมื่อแท่งเทียนรายวันปิดลง สเปรดจะเพิ่มขึ้นจาก 2-3 pipเป็น 8-15 pip (ขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์ forex) และผู้ค้ารายวันกำลังมองหา pip สองสามจุดที่มี stop loss ที่แน่นหนา ดังนั้นจึงมีโอกาสมากมายที่สเปรด จะปกปิดผลกำไรของคุณ นี่เป็นเหตุผลที่พวกเขาปิดสถานะก่อนปิดรายวัน

    หากคุณไม่มีเวลาวิเคราะห์สถานะของคุณตลอดทั้งวัน การซื้อขายรายวันไม่เหมาะกับคุณ คุณควรเลือกรูปแบบการซื้อขายแบบ swing

    Scalping vs day trading

    มีความแตกต่างเล็กน้อยระหว่าง scalping และ day trading

    Timeframe

    ความแตกต่างของกรอบเวลาคือความแตกต่างที่สำคัญในการเทรดแบบ scalping กับ day trading Scalper ซื้อขายในช่วงเวลาสั้น ๆ จากวินาทีเป็นไม่กี่นาที เพื่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้น Scalper ใช้กรอบเวลาใดก็ได้ที่น้อยกว่า 5 นาที

    ในทางกลับกัน เทรดเดอร์รายวันจะทำการซื้อขายในช่วงเวลาที่ยาวนานจากนาทีเป็นชั่วโมง เช่น กรอบเวลา 15 นาที 30 นาที และ 1 ชั่วโมง แต่ทั้ง scalper และ day trader ปิดตำแหน่งก่อนปิดรายวัน

    Leverage

    สำหรับการ scalping คุณต้องมีบัญชีเลเวอเรจสูง เนื่องจากขนาดล็อต จะเพิ่มขึ้นเมื่อจำนวน pip ลดลงสำหรับจำนวนเงินที่แน่นอน ขนาดเลเวอเรจ 1:1000 หรือ 1:2000 นั้นมีไว้สำหรับนักเก็งกำไร

    สำหรับการซื้อขายรายวัน คุณต้องใช้ขนาดเลเวอเรจเฉลี่ย เช่น 1:100 ถึง 1:500

    เวลาดำเนินการสั่งซื้อ

    สำหรับการ scalping คุณไม่สามารถประนีประนอมกับระยะเวลาดำเนินการคำสั่ง คุณต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตคุณภาพสูงพร้อมค่า ping ต่ำเพื่อลดระยะเวลาดำเนินการตามคำสั่ง เพราะความล่าช้าเล็กน้อยอาจทำให้สูญเสียมากขึ้น

    สำหรับการซื้อขายรายวัน ความล่าช้าในการดำเนินการตามคำสั่งอาจถูกลดทอนลงได้เนื่องจากกรอบเวลาที่สูงขึ้นและขนาดล็อต ที่เล็ก

    สรุป

    จำ parameters ทั้ง 4 ไว้ในขณะที่เลือกรูปแบบการซื้อขายทั้งแบบ scalping หรือ day trading ทั้ง 2 รูปแบบการซื้อขายนั้นดีที่สุด เลือกรูปแบบการซื้อขายที่เหมาะสมกับอารมณ์ของคุณและเงื่อนไขบางประการที่อธิบายไว้ข้างต้น

    _______________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่?https://bit.ly/MTRatsamee
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    วิธีใช้ Fibonacci กับอุปสงค์และอุปทาน

    กันยายน 14, 2022

    วิธีใช้ Fibonacci กับอุปสงค์และอุปทาน

    ในบทความนี้ เราจะเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ Fibonacci ไม่เพียงแต่สำหรับการปรับฐานราคา แต่ยังรวมถึงการได้เป้าหมายของราคาด้วย เครื่องมือ Fibonacci สามารถใช้กับ เทคนิคการซื้อขาย อุปสงค์และอุปทานเพื่อจับจุดเข้าจุด การเข้าจุดตรึงใน forex จะเพิ่มอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนเนื่องจากการหยุดขาดทุนที่แน่นหนา ตัวอย่างเช่น การเทรดหนึ่งครั้งที่มีผลตอบแทนความเสี่ยง 1:5 จะเพิ่มยอดเงินของคุณได้ถึง 10% ( ความเสี่ยง 2% ต่อการค้า ) การค้าที่ดีสามถึงห้าครั้งก็เพียงพอแล้วในหนึ่งเดือน เราจะใช้รูปแบบแท่งเทียนแบบพินบาร์หรือแบบโอบล้อมเพื่อยืนยันการซื้อขาย ตอนนี้ เรามาคุยกันเรื่อง Fibonacci retracement และ Fibonacci targets กันก่อน

    การถอยกลับของFibonacci :

    เมื่อคุณจะดูแผนภูมิ สิ่งแรกที่คุณต้องคิดหาความผันผวนของราคาเป็นอย่างแรก การชิงช้าเหล่านี้ทำให้เสียงสูงหรือต่ำลงด้วยสภาพแวดล้อมที่สะอาด หรือราคาเรียงตามแนวนอนไปขวา หลีกเลี่ยงตลาดที่ขาด ๆ หาย ๆ เมื่อมีแนวโน้มของราคาด้วยสภาพแวดล้อมที่สะอาด ก็เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเข้าใช้ Fibonacci

    วิธีการ draw fibonacci retracement?

    เลือก made swing  ที่เพิ่งสร้างโดยราคาและทำเครื่องหมายจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของการ swing  คลิกที่เครื่องมือ Fibonacci ใน mt4  และmade Fibonacci จากต่ำไปสูงของวง swing ในกรณีที่มีแนวโน้มเป็นขาขึ้น
    ในกรณีที่มีแนวโน้มเป็นขาลง ให้made Fibonacci จากสูงไปต่ำของวง swing ระดับ Fibonacci ที่เราสนใจคือ 50, 61.8 และ 78.6 ลบระดับที่เหลือออกจากเครื่องมือ Fibonacci ในการตั้งค่า จากนั้นเราจะรอให้ราคาย้อนกลับไปยังระดับเหล่านี้ และแท่งเทียนหรือแท่งเทียน engulfing ที่ระดับเหล่านี้จะให้การยืนยันสำหรับการซื้อหรือขายการค้า

    ผู้ค้าปลีกส่วนใหญ่จะบอกว่า Fibonacci จะไม่ทำงาน แต่ในขณะที่เราจะมองหาอุปสงค์สดหรืออุปทานใหม่ที่ระดับ Fibonacci ด้วยการยืนยันเชิงเทียน นี่จะกลายเป็นการตั้งค่าความน่าจะเป็นสูง
    ตัวอย่างเช่น ราคากำลังถอยหลังขึ้นและมีเขตอุปทานที่ระดับ 61.8 fibo แต่ถ้าราคาทะลุเขตซัพพลาย เราจะไม่เข้าสู่การค้านั้นเพราะถ้าราคาถูกใช้ไปในเขตอุปทาน มันก็มีความเป็นไปได้ที่มันจะขึ้นไปยังเขตอุปทานถัดไป ดังนั้น Supply zone จะช่วยเราที่นี่เพื่อหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวที่ผิดพลาด

    วิธีการ draw เป้าหมาย Fibonacci (นามสกุล Fibonacci)?

    ฉันจะไม่ลงรายละเอียดเกี่ยวกับหัวข้อนี้ ฉันจะยังคงตรงไปตรงมา ในหัวข้อที่แล้ว ฉันได้บอกคุณเกี่ยวกับ Fibonacci retracement แล้ว หลังจากการเข้าเทรดจากการถอยกลับ เรามุ่งเน้นที่เป้าหมายเสมอ ผู้ค้าปลีกส่วนใหญ่จะปิดการซื้อขายก่อนเวลาและบางรายอาจถือมากเกินไป แต่ฉันจะให้กลยุทธ์ง่ายๆ แก่คุณในการใช้เป้าหมาย Fibonacci เพื่อให้ได้กำไรสูงสุดจากการซื้อขายด้วยกฎตายตัวและไม่มีปัญหาทางจิตใดๆ มาดูกันในภาพด้านล่าง

    • หากราคาย้อนกลับไปที่ระดับ 78.6 Fibonacci เป้าหมายของเราจะอยู่ที่จุดกำเนิดของการย้อนกลับ การกลับมาที่ระดับ 78.6 บ่งชี้แนวโน้มที่อ่อนแอ
    • หากราคาย้อนกลับไปที่ระดับ 61.8 Fibonacci เป้าหมายของเราจะอยู่ที่ระดับส่วนขยาย Fibonacci 1.272 เราจะวาด Fibonacci จาก retracement แล้วเราจะได้ fibonacci extension level การกลับมาที่ระดับ 61.8 บ่งชี้ถึงแนวโน้มที่แข็งแกร่ง
    • หากราคาย้อนกลับไปที่ระดับ 50 Fibonacci เป้าหมายของเราจะอยู่ที่ระดับส่วนขยาย Fibonacci 1.618 การย้อนกลับไปที่ระดับ Fibonacci 50 ระดับบ่งชี้ถึงแนวโน้มที่แข็งแกร่งขึ้น

    _______________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่?https://bit.ly/MTRatsamee
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    รูปแบบ Broadening ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนของตลาด forex

    กันยายน 13, 2022

    รูปแบบ Broadening

    ในบทความสำคัญนี้ จะพูดถึงรูปแบบ broadening ในแผนภูมิแท่งเทียนของตลาดฟอเร็กซ์ หลังจากเข้าใจรูปแบบนี้แล้ว คุณจะสามารถระบุได้ว่าผู้เล่นรายใหญ่ตามล่าผู้ค้าปลีกรายย่อยอย่างไร เราจะไม่สามารถซื้อขายในตลาด forex นี้ได้จนกว่าเราจะไม่รู้ว่าตลาดทำงานอย่างไร? ผู้ดูแลสภาพคล่องตามล่าผู้ค้าปลีกรายย่อยอย่างไร? วิธีเดียวคือเรียนรู้วิธีของพวกเขาแทนที่จะพึ่งพาตัวบ่งชี้ mt4 ที่ไร้ประโยชน์มากมาย

    ก่อนที่จะดำเนินการต่อไป ให้ฉันบอกคุณว่ารูปแบบการขยายธุรกิจไม่ใช่กลยุทธ์การซื้อขายหรือกลยุทธ์ forex ที่ให้ผลกำไร (คุณจะพบคำหลักนี้ในฟอรัมส่วนใหญ่) และนี่ไม่ใช่รูปแบบลิ่มที่ขยายจากน้อยไปมากหรือรูปแบบ wedge ที่ ขยายจากมากไปน้อยด้วย ฉันจะเรียกรูปแบบนี้ว่ารูปแบบ Broadening เท่านั้น รูปแบบ Broadening จะแสดงให้เราเห็นว่าการล่าของผู้ดูแลสภาพคล่องในตลาดหยุดลงอย่างไร ซึ่งจะทำให้ง่ายต่อการคาดการณ์ราคาเป้าหมายและหลีกเลี่ยงการหยุด ดูภาพด้านล่าง เป็นเพียงภาพรวมเพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจในภายหลัง

    การสร้างรูปแบบ Broadening

    ก่อน Origin ของรูปแบบ broadening จะมีแท่งเทียนขนาดใหญ่ (เช่นเทียน Marubozu) ในความเป็นจริงแท่งเทียนขนาดใหญ่หมายถึงอุปทานในราคาหรืออุปสงค์ในราคา หลังจากรูปแบบการขยายแท่งเทียนขนาดใหญ่จะเริ่มขึ้น ประการแรก ตลาดจะทำให้หนึ่งค่าต่ำและสูงในแผนภูมิราคา อ้างอิงจากกราฟแล้วราคาจะทะลุ Low ของราคา ตอนนี้ผู้ค้าจำนวนมากจะวางคำสั่งขายด้วยจุดตัดขาดทุนที่สูงกว่าระดับสูงสุดเป็นลำดับ หลังจากทำลายต่ำ แทนที่จะไปสั้น ราคาจะพลิกขึ้นและทำลายราคาสูง เทรดเดอร์จะได้รับ Stoploss

    แทนที่จะขายอีกครั้ง เทรดเดอร์จำนวนมากขึ้นจะซื้อโดยคิดถึงการกลับตัวของราคาที่แท้จริงโดยมีระดับ stoploss ต่ำกว่าราคาต่ำสุดครั้งสุดท้าย แต่ผู้ดูแลสภาพคล่องจะทำให้ราคาลดลง ราคาจะทะลุระดับต่ำสุดอีกครั้งและผู้ค้าจะได้รับสต็อปลอส หลังจากการหยุดการขาดทุนสองครั้งติดต่อกัน ปัญหาทางจิตวิทยาจะเอาชนะได้ และพวกเขาจะเริ่มเปลี่ยนกลยุทธ์อีกครั้งหรือซื้อขายโดยไม่มีการหยุดขาดทุน นี่เป็นข้อผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับมือใหม่ และ 90% ของผู้ค้าออกจาก forex ภายในสองปีแรกเนื่องจากปัญหาทางจิตวิทยา แทนที่จะเรียนรู้ฟอเร็กซ์จากการฝึกฝน พวกเขาพึ่งพาอินดิเคเตอร์หรือแผนภูมิโง่ๆ ที่เต็มไปด้วยอินดิเคเตอร์ ให้ฉันแสดงตัวอย่างแผนภูมิสดให้คุณดู

    ด้วยการซูมออกมากขึ้น

    รูปแบบภายใน Pattern

    ราคาจะยังคงทำลายเสียงสูงและต่ำ (ใน short stop loss hunting) จะมีรูปแบบ broadening หลายแบบภายในรูปแบบ broadening เดียว เราควรทำให้มันเรียบง่ายแทนที่จะทำให้มันซับซ้อน เราไม่ต้องมองหารูปแบบ broadening ทุกรูปแบบ เพียงมองหารูปแบบที่ชัดเจนเพียงรูปแบบเดียวแล้ว synchronize กับรูปแบบ broadening กรอบเวลาที่สูงขึ้น โดยการทำเช่นนี้คุณจะสามารถได้รับราคาเป้าหมาย ที่บอกว่าคุณจะรู้ว่าราคาเป้าหมายต่อไปคืออะไร? จะไปไหนต่อ? คนทำตลาดคิดอะไรอยู่? พวกเขากำลังมองหาระดับหรือเป้าหมายใด

    คาดเดาคำถามเหล่านี้โดยใช้รูปแบบที่กว้างขึ้น จากนั้นจึงนำกลยุทธ์ของคุณไปใช้ นั่นคือทั้งหมดที่

    เคล็ดลับ : Synchronize รูปแบบ broadening  กรอบเวลาที่สูงขึ้นกับรูปแบบกรอบเวลาที่ต่ำกว่า (เช่น H4, กรอบเวลาที่สูงกว่า H1 ในขณะที่ m15, กรอบเวลาที่ต่ำกว่า m5)

    การซื้อขายไม่ใช่เรื่องง่าย อย่าเปลี่ยนกลยุทธ์ไปเรื่อยๆ เทรดอย่างมีวินัยหลังจากทดสอบกลยุทธ์ด้วยตัวเองย้อนหลังด้วยวิธีที่ถูกต้อง แทนที่จะต้องค้นหากลยุทธ์จากอินเทอร์เน็ต

    หมายเหตุ: มุมมองทั้งหมดนี้เป็นไปตามกฎของการวิเคราะห์ทางเทคนิค เราไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ในการซื้อขายแลกเปลี่ยน

    ________________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่?https://bit.ly/MTRatsamee
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    วิธีการแลกเปลี่ยน Drop Base Drop Pattern ใน forex?

    กันยายน 13, 2022

    วิธีการแลกเปลี่ยน Drop Base Drop Pattern ใน forex?

    Drop base drop ในการซื้อขายคืออะไร?

    Drop base drop เป็นรูปแบบราคาที่ระบุการสร้างเขตอุปทานบนแผนภูมิ ผู้ขายจำนวนมากขึ้นยินดีที่จะขายจากเขตอุปทานที่สร้างโดยรูปแบบ drop base drop

    เป็นประเภทอุปทานและอุปสงค์ พื้นฐานที่สุด ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค คุณต้องเรียนรู้พื้นฐานของอุปสงค์และอุปทานเพื่อที่จะเป็นผู้ค้าอุปสงค์และอุปทาน

    ในระยะสั้น drop base drop เรียกอีกอย่างว่า DBD

    จะระบุ drop base drop ได้อย่างไร

    ประกอบด้วยคลื่น bearish impulsive 2 คลื่นและคลื่นย้อนกลับหนึ่งคลื่น คลื่นการย้อนกลับถูกประกบอยู่ระหว่างคลื่น impulsive ขาลงทั้งสอง

    หลังจากลงลึกในการวิเคราะห์ทางเทคนิคแล้ว สามารถเห็นคลื่น bearish impulsive ในแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่แท่งเดียว แท่งเทียน Doji แสดงถึงการเคลื่อนไหวด้านข้างของราคาหรือการพักตัวของราคา

    ดังนั้น ในการระบุรูปแบบ drop base drop บนแผนภูมิแท่งเทียน ให้มองหาแท่งเทียนขนาดใหญ่สองแท่งที่มีแท่งเทียน Doji ประกบระหว่างแท่งเทียนขาลง ขนาดใหญ่ 2 แท่งเหมือนในภาพด้านล่าง

    ทำตามสูตรง่าย ๆ ต่อไปนี้สำหรับ DBD

    DBD = แท่งเทียนหมีใหญ่ + แท่งเทียน Doji + แท่งเทียนหมีใหญ่

    อัตราส่วนร่างกายต่อไส้ตะเกียงของเชิงเทียน

    อัตราส่วนตัวต่อไส้เทียนของแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่ต้องมากกว่า 70% จำเป็นเพราะแท่งเทียนขนาดใหญ่บ่งบอกถึงโมเมนตัมมหาศาลของผู้ขาย

    แท่งเทียน Doji ต้องมีอัตราส่วนตัวต่อไส้ตะเกียงต่ำกว่า 25% การเปิดและปิดแบบเดียวกันของแท่งเทียนบ่งบอกถึงการเคลื่อนไหวด้านข้าง  ราคาบนแผนภูมิ นอกจากนี้ยังแสดงถึงความไม่แน่นอนในตลาด

    วิธีการ draw a supply zone ?

    ในการ draw a supply zone เพียงเน้นสูงและต่ำของเชิงเทียนฐาน ตอนนี้ draw สี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ตรงกับสูงและต่ำของเชิงเทียนฐานแล้วขยายสี่เหลี่ยมผืนผ้าไปทางขวาจนถึงความยาวที่เหมาะสม

    base zone นั้นเป็นเขตอุปทานในการวิเคราะห์ทางเทคนิค base zone สามารถประกอบด้วยแท่งเทียนได้มากกว่าหนึ่งแท่ง แต่คุณควรใช้ค่าสูงสุดและต่ำสุดของ base zone ทั้งหมดเพื่อวาดเขตอุปทาน

    รูปแบบ DBD บอกอะไรกับ traders ?

    จิตวิทยาที่อยู่เบื้องหลังรูปแบบนี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบตามธรรมชาติ เช่นเดียวกับธรรมชาติ ชีวิตจริงมีขึ้นมีลง ในทำนองเดียวกัน ตลาดเต็มไปด้วยคลื่น impulsive และการย้อนกลับ ราคาเดินทางจาก zone หนึ่งไปยังอีก zone หนึ่งในรูปแบบของคลื่น impulsive

    นี่คือธรรมชาติ และรูปแบบ DBD เป็นรูปแบบธรรมชาติล้วนๆ เมื่อรูปแบบ DBD เกิดขึ้น จะสร้างเขตอุปทานตามธรรมชาติ เขตอุปทานอยู่ภายใต้ความสนใจของผู้ค้ารายใหญ่และสถาบันขนาดใหญ่ที่เต็มใจขายจากโซนนั้นเสมอ

    เขตอุปทานในรูปแบบ DBD เป็นรอยเท้าของผู้ดูแลสภาพคล่องในการวิเคราะห์ทางเทคนิค หากคุณต้องการขายคู่สกุลเงิน คุณควรขายกับผู้ดูแลสภาพคล่องจากเขตอุปทาน

    วิธีการแลกเปลี่ยน Drop base drop pattern?

    มี 2 วิธีในการแลกเปลี่ยนรูปแบบ DBD

    • วิธีแรกคือการขายหลักทรัพย์เมื่อราคากลับมาแตะอุปทานหลังจากการก่อตัวของเขตอุปทาน
    • วิธีที่สองคือการขายหลักทรัพย์เมื่อราคากลับมาแตะ zone อุปทานหลังจากแกว่งเต็มที่

    หลังจากการทดสอบย้อนหลัง เราได้ผลลัพธ์ที่เขตอุปทานอ่อนตัวลงหากราคาใช้เวลามากขึ้นในการกลับไปยัง zone อุปทานเพื่อเลือกคำสั่งขาย ดังนั้นเราจึงได้จัดทำกลยุทธ์สำหรับวิธีการในภายหลัง

    แผนการซื้อขายสำหรับวิธีที่ 2

    หลังจาก drawing เขตอุปทานแล้ว เมื่อราคาจะกลับสู่ zone หลังจากแกว่งเต็มที่/บางครั้ง จากนั้นรอการก่อตัวของ แท่งเทียนขาลงหรือรูปแบบแท่งเทียนขาลงอื่นๆ

    เปิดคำสั่งขายในรูปแบบของพินบาร์ขาลงที่ zone อุปทาน และวางจุดตัดขาดทุนเหนือเขตอุปทาน base zone จะปกป้องการหยุดการขาดทุนจากการปลอมแปลง

    ในรูปแบบ drop base drop เขตอุปทานไม่ได้บอกเราเกี่ยวกับระดับการทำกำไร ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหานี้ คุณควรซื้อขายเขตอุปทานด้วยรูปแบบแผนภูมิอื่นหรือรูปแบบการซื้อขายอื่น ๆ

    บทสรุป

    DBD เป็นแนวคิดพื้นฐานในการวิเคราะห์ทางเทคนิค การใช้รูปแบบนี้เป็นการบรรจบกันเพื่อแลกเปลี่ยนรูปแบบกราฟ อื่นๆ หรือระดับสำคัญๆ จะเพิ่มโอกาสในการชนะ

    นอกจากนี้ยังช่วยแก้ไขการหยุดการขาดทุนที่เหมาะสมเหนือเขตอุปทาน และเพิ่มอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน

    ________________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่?https://bit.ly/MTRatsamee
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    Rally base drop ในการซื้อขายคืออะไร?

    กันยายน 13, 2022

    Rally Base Drop: กลยุทธ์การซื้อขาย Forex

    Rally base drop ในการซื้อขายคืออะไร?

    Rally Base Drop เป็นรูปแบบราคาที่ระบุการก่อตัวของเขตอุปทานในการซื้อขายฟอเร็กซ์ สถาบันขนาดใหญ่และผู้ค้ารายใหญ่วางคำสั่งขายที่รอดำเนินการที่เขตอุปทานเพื่อซื้อขาย

    เป็นอุปสงค์และอุปทาน ประเภท หนึ่ง ผู้ค้าปลีกใช้เพื่อค้นหาคำสั่งขายที่ซ่อนอยู่ของผู้ดูแลสภาพคล่อง วิธีการซื้อขายอุปสงค์และอุปทานเป็นที่มาของการวิเคราะห์ทางเทคนิคในการซื้อขาย

    จะระบุ Rally Base Drop ได้อย่างไร?

    รูปแบบราคานี้หมายถึงคลื่น bullish impulsive จะก่อตัวขึ้นบนแผนภูมิ หลังจากคลื่น bullish impulsive ราคาจะเคลื่อนตัวออกด้านข้างเหมือนคลื่นย้อนกลับ จากนั้นจะสร้างคลื่น bearish impulsive เหมือนในภาพด้านล่าง

    หากคุณมองลึกลงไปเหมือนเทรดเดอร์มืออาชีพ คุณจะเห็นแท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่ แท่งเทียนฐาน และแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่ แท่งเทียนที่มีตัวแท่งใหญ่และไส้เทียนเล็กน้อยแสดงถึงโมเมนตัมราคามหาศาล ในกรอบเวลาที่ต่ำกว่า แสดงว่าเวฟสมบูรณ์ นั่นเป็นเหตุผลที่เราได้เปลี่ยน wave เป็นแท่งเทียน

    เพื่อให้ง่ายสำหรับคุณ

    ทำตามสูตรง่ายๆ ต่อไปนี้เพื่อระบุรูปแบบการวางฐานของแรลลี่บนแผนภูมิแท่งเทียน

    RBD = แท่งเทียนขาขึ้นใหญ่ + แท่งเทียนฐาน + แท่งเทียนขาลงใหญ่

    อัตราส่วนร่างกายต่อไส้ตะเกียงของเชิงเทียน

    หลังจากการทดสอบย้อนหลังอย่างเหมาะสม ผลลัพธ์ที่ได้แสดงให้เห็นว่าอัตราส่วนร่างกายต่อไส้ตะเกียงของแท่งเทียนขนาดใหญ่ต้องมากกว่า 70% สำหรับแท่งเทียนฐาน จะต้องน้อยกว่า 25%

    หากแท่งเทียนไม่ตรงตามเกณฑ์ข้างต้น คุณควรหลีกเลี่ยงรูปแบบ RBD นั้น

    วิธีการวาด zone อุปทานในรูปแบบ RBD?

    base zone มักจะวาดบนสูงและต่ำของเชิงเทียนฐาน แท่งเทียนฐานสามารถมีได้มากกว่าหนึ่งแท่ง หากมีแท่งเทียนมากกว่าหนึ่งแท่งในฐาน คุณควรเลือกฐานสูงสุดและต่ำสุดที่สูงสุด

    วาดรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าบนจุดสูงสุดและต่ำสุดของ base zone และขยายสี่เหลี่ยมผืนผ้าไปทางขวา จะกลายเป็นbase zone base zoneเรียกอีกอย่างว่าเขตอุปทาน

    จิตวิทยาเบื้องหลังรูปแบบ RBD

    รูปแบบการวางฐาน Rally ส่วนใหญ่จะปรากฏในรูปแบบของการปลอมแปลงที่ระดับหลัก การปลอมแปลงเหล่านี้สร้างพื้นที่ที่น่าดึงดูดยิ่งขึ้นสำหรับผู้ขาย คุณสามารถระบุพื้นที่เหล่านั้นได้ในรูปแบบของการดรอปฐานของการชุมนุม

    ในชีวิตจริง ผู้ดูแลสภาพคล่องจะหยุดการไล่ล่าการสูญเสียในรูปแบบของการปลอมแปลง แต่ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค กลายเป็นรูปแบบการตกจากฐานชุมนุมเนื่องจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ

    รูปแบบแผนภูมิส่วนใหญ่สร้างขึ้นจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติในการวิเคราะห์ทางเทคนิค และ RBD เป็นหนึ่งในรูปแบบแผนภูมิที่เกี่ยวข้องกับอุปสงค์และอุปทาน

    วิธีการแลกเปลี่ยนรูปแบบ RBD?

    ในการแลกเปลี่ยนรูปแบบ RBD มี 2 วิธีที่กล่าวถึงใน rally base rally และ drop base drop รูปแบบ

    ในวิธีแรก ราคาจะให้การดึงกลับหลังจากสร้าง rally base drop เป็นการตั้งค่าที่มีประสิทธิภาพและมีโอกาสสูงที่สุด

    วิธีที่สองคือการค้าขายโซนอุปทาน RBD หลังจากแกว่งเต็มที่ ในวิธีการนี้ ราคาจะใช้เวลาในการดึงกลับไปที่ zone อุปทานเพื่อเลือกคำสั่งขายที่รอดำเนินการ เป็นเรื่องปกติที่ zone เวลาจะยังคงสูญเสียคุณค่าของมันไป  zone ที่สร้างขึ้นใหม่มีศักยภาพมากกว่า zone ที่สร้างขึ้นเมื่อ 10 วันก่อน นั่นเป็นเหตุผลที่แนะนำให้เพิ่มการบรรจบกันของแท่งเทียนในวิธีที่สอง

    วางคำสั่งขายที่รอดำเนินการสองสามจุดใต้ zone อุปทาน ในวิธีที่สอง ให้รอการก่อตัวของรูปแบบแท่งเทียนขาลงที่เขตอุปทาน ไม่เช่นนั้นให้ข้าม zone นั้น

    ปรับจุดหยุดขาดทุนสองสามจุดเหนืออุปทานหรือ zone ฐานในรูปแบบ RBD

    เขตอุปทานในรูปแบบการวางฐานการชุมนุมไม่ได้บอกเราเกี่ยวกับการวางระดับการทำกำไร นั่นเป็นเหตุผลที่คุณควรแลกเปลี่ยนรูปแบบ RBD เป็นจุดบรรจบกับรูปแบบแผนภูมิอื่นๆ วางจุดหยุดขาดทุนเล็กน้อยและเพลิดเพลินกับการตั้งค่ารางวัลที่มีความเสี่ยงสูง

    ฉันแนะนำให้คุณเรียนรู้อุปสงค์และอุปทานหากคุณต้องการเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ทางเทคนิค พยายามเรียนรู้ตรรกะที่อยู่เบื้องหลังการเกิดขึ้นของรูปแบบแผนภูมิทุกรูปแบบเสมอ เทคนิคการอ่านราคานี้จะทำให้คุณเป็นนักวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ดี

    ________________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่?https://bit.ly/MTRatsamee
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    Drop Base Rally ในการซื้อขายคืออะไร?

    กันยายน 13, 2022

    Drop Base Rally: รูปแบบอุปสงค์และอุปทาน

    Drop Base Rally ในการซื้อขายคืออะไร?

    Drop base rally (DBR) เป็นรูปแบบราคาที่แสดงถึงการก่อตัวของ zone อุปสงค์บนกราฟราคาในการวิเคราะห์ทางเทคนิค ผู้ดูแลสภาพคล่องเปิดคำสั่งซื้อจาก zone อุปสงค์เพื่อทำการซื้อขายระยะยาว

    เป็นประเภทของอุปสงค์และอุปทานในการวิเคราะห์ทางเทคนิคและรู้จักกันในชื่อ DBR รูปแบบเหล่านี้เป็นพื้นฐานของอุปสงค์และอุปทาน คุณไม่สามารถเชี่ยวชาญการซื้อขาย SnD ได้หากไม่เชี่ยวชาญรูปแบบพื้นฐานเหล่านี้อย่างถูกต้อง

    จะระบุ Drop base rally ได้อย่างไร?

    ตามที่ชื่อแนะนำการ drop, second base, and then third rally.  หมายความว่า DBR ประกอบด้วย 3 คลื่น

    • Bearish impulsive wave (Drop)
    • Sideways retracement wave (Base)
    • Bullish impulsive wave (Rally)

    เมื่อคลื่นทั้ง 3 นี้ก่อตัวในลำดับด้านบนบนแผนภูมิ แสดงว่ามีรูปแบบการขึ้นลงของฐานวางแล้ว

    หากคุณวิเคราะห์แท่งเทียนที่มีกรอบเวลาที่สูงกว่าซึ่งมีเนื้อหาที่ใหญ่กว่าและไส้เทียนขนาดเล็กในกรอบเวลาที่ต่ำกว่า คุณจะเห็นคลื่น impulsive สมบูรณ์ในกรอบเวลาที่ต่ำกว่า ด้วยการวิเคราะห์เชิงเทียนของกรอบเวลาที่สูงขึ้น คุณจะเห็นคลื่นตลาดด้านข้างในกรอบเวลาที่ต่ำกว่า

    จากผลลัพธ์ข้างต้น แทนที่จะวิเคราะห์คลื่นซึ่งเป็นส่วนที่ยาก คุณควรวิเคราะห์แท่งเทียน ทำตามสูตรต่อไปนี้เพื่อระบุโซนความต้องการบนแผนภูมิ

    DBR = แท่งเทียนตลาด หมีใหญ่ + แท่งเทียนฐาน + แท่งเทียนขาขึ้นใหญ่

    เกณฑ์สำหรับแท่งเทียน

    แท่งเทียนขนาดใหญ่ทั้งหมดไม่ได้แสดงถึงคลื่น impulsive นั่นเป็นเหตุผลที่คุณควรปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่เข้มงวด

    • อัตราส่วนร่างกายต่อไส้ตะเกียงของเชิงเทียนขนาดใหญ่ต้องมากกว่า 70%
    • แท่งเทียนฐานต้องมีอัตราส่วนตัวต่อไส้ตะเกียงน้อยกว่า 25%

    เมื่อคุณจะปฏิบัติตามกฎ 2 ข้อข้างต้น คุณจะระบุรูปแบบ drop base rally ที่ถูกต้อง

    จะวาด zone อุปสงค์ใน DBR ได้อย่างไร?

    base zone เป็นสัดส่วนโดยตรงกับ zone อุปสงค์ในรูปแบบ drop base rally วาดรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าโดยใช้แท่งเทียนฐานสูงและต่ำแล้วขยายไปทางขวา

    แท่งเทียนฐานสามารถมีได้มากกว่า 1 แต่คุณควรใช้แท่งเทียนที่มีฐานสูงและต่ำที่สุดเสมอเพื่อวาด zone อุปสงค์

    โปรดจำไว้ว่าแท่งเทียนขนาดใหญ่จะยังคงเป็น 2 แท่งเสมอ แต่แท่งเทียนพื้นฐานสามารถมีค่ามากกว่า 1 ได้

    รูปแบบ DBR บอกอะไรกับ traders ?

    ในการซื้อขาย คุณมักจะมองหาพื้นที่ในแผนภูมิราคาที่อยู่ภายใต้การพิจารณาของผู้ค้ารายใหญ่/ผู้ดูแลสภาพคล่อง เพราะคุณต้องการเทรดกับสถาบันและเทรนด์ที่สร้างโดยผู้ดูแลสภาพคล่อง

    รูปแบบอุปสงค์และอุปทานช่วยให้เราค้นหา zone ความน่าจะเป็นสูงเหล่านั้น รูปแบบ DBR สร้าง zone ที่แสดงความต้องการของผู้ค้าปลีกบนแผนภูมิ Demand Zone หมายถึงผู้ซื้อจำนวนมากขึ้นต้องการซื้อจาก zone นั้น เพราะตลาดมักจะย้ายจากโซนหนึ่งไปอีก zone หนึ่งเสมอในการวิเคราะห์ทางเทคนิค

    วิธีการแลกเปลี่ยน Drop base rally pattern?

    ในทำนองเดียวกันในรูปแบบอุปสงค์และอุปทานอีกสามรูปแบบ มี 2 วิธีในการแลกเปลี่ยนรูปแบบ DBR

    ในวิธีที่ 1 ราคาจะเลือกคำสั่งซื้อที่รอดำเนินการของผู้ค้าโดยแตะ zone อุปสงค์หลังจากการก่อตัวของรูปแบบ DBR บนแผนภูมิ เป็นวิธีที่ดีที่สุดเพราะราคาใช้เวลาน้อยที่สุดในการกลับ zone

    ในวิธีที่ 2 ราคาจะใช้เวลากลับสู่ zone อุปสงค์ หมายความว่าจะกลับสู่ zone อุปสงค์หลังจากคลื่นเต็มวงสวิงหรือมากกว่าหนึ่งคลื่น

    • demand zone จะอ่อนตัวหากราคาต้องใช้เวลามากขึ้นในการกลับสู่ zone
    • demand zone จะแข็งแกร่งหากราคาต้องใช้เวลาขั้นต่ำในการกลับสู่ zone

    ในการซื้อขายด้วยวิธีที่ 2 คุณควรเพิ่มจุดบรรจบของรูปแบบแท่งเทียน bullish ที่ zone หมายความว่าเมื่อราคาจะกลับสู่ zone คุณควรรอจนกว่าราคาจะเกิดรูปแบบแท่งเทียนขาขึ้น (bullish pin bar ) ที่ zone

    ขั้นตอนนี้จะกรองการซื้อขายที่ไม่ดีออกจากฝูงชน

    คุณควรซื้อขายด้วยตรรกะและพยายามปรับปรุงตรรกะนั้นโดยการวิเคราะห์ประวัติและอ่านราคาบนแผนภูมิแท่งเทียน อุปสงค์และอุปทานเป็นวิธีที่ดีที่สุดและเป็นวิธีแรกในการซื้อขายโดยการวิเคราะห์ทางเทคนิค คุณควรเชี่ยวชาญก่อนที่จะเรียนรู้สิ่งอื่น

    ________________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่?https://bit.ly/MTRatsamee
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________