FTTinvesting
Browsing Tag

เทคนิคการทำกำไรจาก Trend Line

    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการเทรดในระบบเทรด Forex ระยะสั้น

    ตุลาคม 21, 2022

    ระบบเทรด Forex ระยะสั้น หมายถึงการเทรด โดยมีระยะเวลาการถือครอง position ตั้งแต่ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ถึงระยะเวลาประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ โดยไม่เกินนี้ โดยสัมพันธ์กับ Time Frame ที่ทำการเทรด หรือ Time Frame ที่ใช้ในระบบเทรด เช่น Time Frame 1H หรือ 4H ซึ่งระยะเวลาในการถือครองจะสอดคล้องกับการวิเคราะห์ โดยระบบเทรดระยะสั้นเป็นระบบเทรดที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากต้องการทำรอบในการทำกำไรที่รวดเร็ว  การทำรอบในการทำกำไรที่รวดเร็วสามารถเพิ่มกำไรได้อย่างรวดเร็ว สามารถสร้างการเจริญเติบโตของพอร์ทได้เร็ว ในกรณีที่ทำกำไรได้ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ระบบเทรด Forex แบบระยะสั้นก็ทำให้พอร์ทการลงทุนลดลงได้อย่างรวดเร็วในกรณีที่ขาดทุนอย่างต่อเนื่องอีกเช่นกัน ซึ่งจะมีอธิบายในเทคนิคระบบเทรด Forex ระยะสั้นนี้

    เทคนิคในระบบเทรด Forex สามารถแบ่งเป็น 3 ระยะหลัก ๆ ได้แก่ ระบบเทรดระยะสั้นมาก ๆ คือระบบเทรด Scalping ซึ่งเป็นการถือ Position ในระดับหลักชั่วโมง และถือไม่เกิน 1 วัน เรียกทั่วไปว่า Day Trader หรือถ้าหากเป็นระบบเทรดระยะสั้น คือระบบเทรดแบบ Swing Trade จะถือ position ยาวขึ้นมาหน่อย คือ ระยะ 1 วัน จนถึงระยะเวลา 1 – 2 สัปดาห์ ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวทำให้ต้นทุนการถือ position ไม่มีนัยสำคัญมากนัก ระบบเทรดระยะกลาง คือการถือ Position หลัก 1 – 2 เดือน ขณะที่ระบบเทรดระยะยาว หรือ Long Term Trading เกี่ยวข้องกับระบบเทรด โดยใช้พื้นฐานเศรษฐกิจ นโยบายการเงินในการวิเคราะห์ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนโยบาย 1 ครั้งต้องอาศัยผลของมันในระยะยาว จึงอาจจะเรียกว่า ระบบเทรดระยะยาวอาจจะต้องถือ position เป็นปี ๆ เลย ซึ่งวันนี้เราจะมาขยายความระบบเทรดระยะสั้นกันก่อน ดังนี้

    ข้อได้เปรียบและจุดอ่อนของระบบเทรดระยะสั้น

    ข้อได้เปรียบของระบบเทรดระยะสั้น คือ ระบบเทรดระยะสั้น สามารถคาดการณ์ได้ง่าย  การคาดการณ์ได้ง่ายหมายความว่า อย่างไร ระบบเทรดระยะสั้นคือการใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคล้วน ๆ ซึ่งการคาดการณ์ของการวิเคราะห์ทางเทคนิคสามารถใช้ Time Frame ที่ใหญ่ว่าในการคาดเดาทิศทาง สิ่งที่คนเทรดระยะสั้นต้องระวังคือ การไม่เผลอถือ position นอกเหนือแผนการเทรดของตัวเอง เพราะว่า ถ้าหากเราไม่ตั้ง Stop loss แล้วผลการเทรดที่ขาดทุนจะนำไปสู่การลดลงของพอร์ทอย่างใหญ่หลวง เนื่องจาก การเทรดระยะสั้น ระยะทางการวิ่งของราคาจะน้อย ทำให้ส่ง Lot ใหญ่เพื่อชดเชยกับระยะทาง ดังนั้น หากเราไม่ใส่ Stop loss ในระบบเทรดระยะสั้น คงไม่ต้องพูดถึงว่าจะต้องเผชิญชะตากรรมอะไรบ้าง

     

     

     

                                           เทคนิคในระบบเทรด Forex ระยะสั้น – ข้อดีข้อเสีย

     

    ข้อดีของระบบเทรดระยะสั้นอีกอย่าง คือ เราไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นในระยะยาว เราสามารถตั้ง Position และเปิด Stop loss ไว้ เมื่อมันชน Stop loss ก็คือ จบการเทรด เราไม่ต้องเผชิญกับภาวะจิตใจที่ต้องรู้สึกว่าจะต้องทนกับการถือ position ลองดูการเทรดระยะยาว ที่ต้องถือ position ข้ามปี และต้องถือต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทุกวัน (Swap) ทำให้กำไรที่กว่าจะได้มานั้นบางครั้งอาจจะไม่ Cover ขาดทุนจาก Swap ด้วยซ้ำ ซึ่งระบบเทรดระยะสั้นไม่ต้องเผชิญข้อนี้

    อย่างไรก็ตามระบบเทรดระยะสั้น นั้นยังมีข้อเสียที่ตามมาอย่างชัดเจน คือ การเผชิญกับภาวะจิตใจที่ขึ้น ๆ ลง เช่น ถ้าหากเราขาดทุนติด ๆ กันสัก 6 ครั้ง เราจะหงุดหงิดและโมโห อยากจะเอาคืน ซึ่งมันมีความเป็นไปได้สูงมากที่เราจะทำอะไรโดยไม่คิด ขาดสติจากการโมโหนั้นและโดยการส่ง Lot ขนาดใหญ่เพื่อจะเอาคืน ซึ่งหลายคนก็เกิดอาการฟิวส์ขาดนี้ได้บ่อย ๆ  นอกจากนี้ ระบบเทรดระยะสั้น อาจจะทำให้ผลตอบแทนลดลงอย่างรวดเร็วอย่างมีนัยสำคัญ นั่นเพราะว่า เมื่อเราขาดทุนในระยะสั้น เรายังขาดทุนได้บ่อยครั้งกว่าการถือ position ในระยะยาว เมื่อขาดทุนติด ๆ กันทำให้การกลับมาใหม่เพื่อทำให้ได้ระดับที่เท่าทุนนั้นยิ่งทำได้ยาก

    จากข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบดังกล่าว ระบบเทรดระยะสั้นนั้น เทรดเดอร์ต้องฝึกให้มีความชำนาญ และสามารถป้องกันปัญหาข้ออ่อนของมันไม่ให้เกิดขึ้น โดยการไม่ทำตามอารมณ์ ทำตามแผนการเทรด จะทำให้ไม่นำตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายได้

    กลยุทธ์การเทรด

    การเข้าเทรดในระบบเทรดระยะสั้น นั้นจะต้องใช้เครื่องมือให้เหมาะสมกับ Time Frame โดยกลยุทธ์การเทรดนี้จะพูดถึง การเข้า การออก จากการเทรด ซึ่งรวมถึงเครื่องมือและ indicator ต่างที่ควรใช้ ดังนี้

    การเข้าเทรด

    การเข้าเทรด ระบบเทรดระยะสั้น เป็นการเทรด Swing ประเภทหนึ่ง ซึ่งเครื่องมือประเภทเทรด Swing ก็จะสามารถใช้ Stochastic RSI  หรืออาจจะใช้เครื่องมือประเภทเทรนด์ได้ แต่ว่าจะต้องใช้ Time Frame เล็กกว่าที่กำหนด ในตัวอย่างนี้ผมจะใช้ Stochastic ในการจัดการการเข้าเทรด โดยเลือก Time Frame  4 ชั่วโมง ซึ่งรอบของการขึ้นลงต่อรอบเท่ากับ ประมาณหลักสัปดาห์

    การตั้ง Stop loss แล้ว เราควรทำการตั้ง Trailing Stop เพื่อป้องกันออเดอร์ที่กำไรกลับกลายเป็นออเดอร์ขาดทุน ในกรณีที่มีการถือ position ข้ามคืน ตอนกลางคืนไม่ได้ดูทำให้เราไม่ต้องกังวล แม้ว่ากำไรอาจจน้อยไปบ้างเพราะมันอาจจะย้อนกลับมาชนการแกว่งตัวของราคา แต่ก็ทำให้ความปลอดภัยนั้นเพิ่มขึ้น

    การจัดการการเงินและแผนในระบบเทรด

    การจัดการการเงิน และ แผนในระบบเทรด นั้นไม่ได้มีอะไรซับซ้อนสำหรับระบบเทรดระยะสั้น สิ่งที่ยากกว่าคือ การรักษาวินัยให้ได้ตามการวางแผนการลงทุน โดยการจัดการการเงินที่ดีที่สุดสำหรับระบบเทรดแบบนี้ คือ การเสี่ยงทีละ 1 – 2 % เท่านั้น ขณะที่ควบคุม Risk Reward ให้ได้ใกล้เคียงกับ 1:2 ทุกครั้ง สิ่งสำคัญที่สุดคืออย่างหนึ่งของแผนการเทรดคือ การทำ Journal เพื่อควบคุมอารมณ์ตัวเราเอง

    ขณะที่แผนการเทรดนั้น ควรจะต้องมีการวางเป้าหมาย โดยเป้าหมาย คือการอยู่ให้รอดในตลาดให้นานที่สุด ในตลาดเราไม่รู้ว่โอกาสของเราจะมาในวันไหนสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราทำได้คือ การอยู่รอดเพื่อให้วันที่เราจะทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำมาถึง นั่นคือวันที่เราสามารถทำกำไรติด ๆ กันได้ ถ้าหากอยากประสบความสำเร็จเราต้องให้ความสนใจกับ Consecutive win เพราะว่านั่นคือวิธีที่จะทำให้พอร์ทลงทุนเติบโต

     

    แผนการเทรดเป็นสิ่งที่จะทำให้เราเติบโตในระยะยาว ซึ่งเราควรพัฒนาแผนการเทรดและปรับปรุงมันอยู่เสมอ  การพัฒนาแผนการเทรดที่ดีนั้นควรจะต้องมีหลักการและเหตุผล โดยอ้างอิงตามลักษณะปัญหาของการเทรดที่เกิดขึ้น เทรดเดอร์ต้องทำหน้าที่เป็นนักจิตวิทยาของตัวเองในการแก้ไขปัญหาของตัวเอง

    _____________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )

    _____________________________________________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการเทรด forex ที่จะทำให้เราเทรดสำเร็จ

    ตุลาคม 19, 2022

    อะไรที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จในการเทรด Forex  แนะนำ 3 อย่างที่จะทำให้เราสำเร็จ ในการเทรด Forex เท่านั้น แต่ว่าไม่ได้หมายความว่า คุณมี 3 อย่างนี้ครบแล้วจะประสบความสำเร็จเลยก็อาจจะยังไม่ใช่ คุณยังต้องรู้จักรอจังหวะและโอกาสร่วมกันไปด้วย เรามาดูกันเลยดีกว่า

     

    1. ชุมชนนักเทรดforex

    ถ้าหากถามว่า ทำไมถึงยกว่า การมีชุมชนนักเทรดจึงมีโอกาสทำให้เราประสบความสำเร็จ ก็ต้องบอกว่า เพราะว่า ในช่วงแรก ๆ ที่ผมกำลังขาดทุน และเริ่มหาความรู้ ชุมชนนักเทรดจะคอยเป็นแหล่งความรู้ให้คุณ จะทำให้คุณเห็นวัฎจักรของเทรดเดอร์

    ก่อนหน้านี้นานมากมีเทรดเดอร์หลายกลุ่ม ปัจจุบัน เข้าไปแล้วไม่รู้จักใครอีกเลยในชุมชนเทรด นั่นเป็นเพราะว่า คนที่ยังเทรดอยู่มันเหลือน้อยจนเกินไป เพราะเขาต่างขาดทุนและล้มหายตายจากจากวงการ Forex กันหมด ผลหน่ะหรอ? ก็ทำให้เรามีประสบการณ์และความรู้มากกว่าคนอื่น ๆ ในตลาด ทำให้เราเรียนรู้ได้ไกลกว่าคนอื่น การไม่ยอมแพ้ทำให้เรายังอยู่ในวงการและเดินมาไกลกว่าคนที่ยอมแพ้ไปแล้ว

    เพราะว่าในชุมชนนักเทรด เช่น Webboard จะมีการแบ่งปัน EA หนังสือ หรือทรัพยากรต่าง ๆ ให้เราได้ลองได้ทดสอบ ความรู้แปลกใหม่ วิธีการแปลกใหม่ เพราะลำพังให้เราไปค้นหาก็คงไม่ได้เจอกันง่าย ๆ หรอกจริงไหมครับ ฉะนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คุณจะเป็นมือเก๋า มือใหม่ ก็ควรจะมีเว็บบอร์ดสักแห่งที่คอยเป็นแหล่งความรู้ที่ดีของคุณ ไม่ต้องเยอะครับ เอาแค่ 1 แห่งก็พอ ที่มีครบทุกอย่าง

    1. Mindset

    หลังจากที่คุณมีความรู้ประสบการณ์ต่าง ๆ แล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ Mindset หรือการกำหนดวิธีคิดการกำหนดทัศนคติของคุณที่คุณมีต่อ Forex ไม่ว่าคุณจะเรียนรู้ความรู้ในเชิงทฤษฎีได้เร็วขนาดไหน แต่การฝึก Mindset นั้นกำหนดมาจากประสบการณ์ และความเข้าใจ

    ถ้าหากคุณอยากจะเพิ่ม Mindset และความคิดความเข้าใจเกี่ยวกับการเทรด Forex มีวิธีฝึกง่าย ๆ คือ คุณต้องฝึกเทรดให้เยอะ ๆ เทรดไปเรื่อย ๆ โดยใช้เงินจริงนี่แหละเป็นตัวฝึก เพราะว่า ถ้าคุณเสียเงินที่เป็นเงินปลอมคุณไม่มีวันจำหรอกจริงรึเปล่า

    เมื่อก่อนเทรด Lot 0.10 Standard Lot โดยที่ใช้เงินแค่ 100 USD สำหรับขนาด Lot เท่านี้และจำนวนเงินเท่านั้ ถ้าเกิดว่ามั้นผิดพลาดราคาวิ่งสวนทางกับที่เราคิด สิ่งเดียวที่เกิดขึ้นและทำได้คือ ยอมรับการล้างพอร์ท ต้องบอกว่ามันคือการเดิมพัน เกมส์ที่ห้ามพลาด เทรดเท่าไหร์ก็ไม่เข้าใจ จนเสียหลาย ๆ ครั้งและเริ่มคิดว่า “ถ้าเราทำแบบนี้เทรดแล้วขาดทุนครั้งแล้วครั้งเล่า มาเป็น 10 กว่าครั้งแล้ว ถ้าเรารวบรวมเงิน 100 เหรียญ 10 ครั้งก็กลายเป็น 1 พัน เหรียญ และเมื่อเราเทรดโดยใช้ Lot เท่าเดิม เราก็น่าจะได้กำไรและไม่ต้องเสียเงินต้นเหมือนที่ผ่านมา นั่นทำให้เข้าใจว่า อนี่ไง ความรู้วิ่งมาหาเราละ ประสบการณ์ การคิดได้ ทำให้ทัศนคติของการลงทุนเปลี่ยนไป เมื่อเรามองมันเปลี่ยน เพราะเราเข้าใจได้จากการคิด หรือจากการเข็ดหลาบก็แล้วแต่ นั่นแหละเรียกว่า Mindset ที่ดีได้เกิดขึ้นแล้ว ดังนั้น คุณต้องเริ่มเทรดและฝึกประสบการณ์การเทรด เพราะว่า การเรียนแต่ทฤษฎีไม่สามารถนำอะไรมาให้คุณเป็นชิ้นเป็นอันได้อย่างแน่นอน

     

    1. การศึกษา

    เพื่อเน้นยำความสำคัญของความรู้เพิ่มเติม ต้องบอกว่า การศึกษา เป็นสิ่งที่ควรลงทุนเป็นอย่างยิ่ง จะว่าไปแล้ว ข้อ 1 ข้อ 2 นั่นคือ สิ่งที่จะต้องศึกษา แต่หลาย ๆ คนในตลาด Forex มีงบประมาณจำกัดและคาดหวังว่าจะเอาเงินงบลงทุนนั้นใช้เทรด แต่เราไม่เคยเตรียมตัวเรียนรู้เลย ไม่เคยมีใครพูดบอกว่า เราจะเตรียมเงินในการศึกษา Forex ไว้ 3 แสนบาท โดยจะแบ่งเป็นงบการศึกษาทดลอง 1 แสนบาท คือเรายอมเสีย และงบสำหรับฝึกวิชา 1 แสนบาท ขณะที่ งบเทรดจริงหลังจากเก่งแล้ว 1 แสนบาท มีคนทำอย่างนี้ไหม?  ไม่มี๊ ไม่เคยเห็น เคยเห็นมีแต่คนคิดว่า “ตรูจะทำเงิน 3 แสนให้เป็น 1 ล้านภายใน 3 เดือน” อะไรทำนองนั้น อย่างนี้แหละเยอะ ก็มันไม่ได้เตรียมตัวมาเพื่อที่จะเจ็บตัวนี่นา  นั้นเพราะเรามีความโลภ คิดแต่จะได้ฝ่ายเดียว ไม่คิดว่า เราจะมาเสีย แล้วจะเสียได้ยังไง

    สามอย่างที่ได้กล่าวมานี้ เป็นสิ่งที่มือใหม่และมือเก่าควรเก็บประสบการณ์ให้ครบก่อนตัดสินใจที่จะเป็นเทรดเดอร์เต็มตัว โลกเราไม่ได้ตรงไปตรงมาว่าจะต้องเรียนก่อนแล้วค่อยเทรด การเทรดไปเรียนไปเป็นสิ่งที่ธรรมชาติอย่างอื่น ๆ ของการเรียนรู้กระทำกัน

    _____________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )

    _____________________________________________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการดูเส้นแนวโน้ม

    ตุลาคม 17, 2022

    เทคนิคการดูเส้นแนวโน้ม

    การเทรดตามแนวโน้ม (trend) ก็เหมือนการว่ายน้ำตามกระแสน้ำที่ไหล ในขณะที่ทิศทางของแนวโน้มเป็นขาขึ้น คุณจะกล้าสวน Short ไหม? หรือคุณจะเทรดฝั่ง Long เกาะไปตามแนวโน้ม ซึ่งแน่นอนว่าเล่นตามกระแสของแนวโน้มนั้นง่ายกว่า แต่สิ่งที่มือใหม่มักพลาดคือ การเข้าตอนที่แนวโน้มนั้นใกล้จบแล้ว ดังนั้นจึงต้องอาศัยการวิเคราะห์แนวโน้มของราคาเพื่อสร้างประสิทธิภาพในการเทรดให้มากที่สุด โดยเทคนิคการดูทิศทางของแนวโน้มนั้น มีการเคลื่อนไหวของตลาดประกอบด้วย 3 สิ่ง คือ ขึ้น , ลง , Sideway

     

    1. Line graph
    วิธีที่ง่ายที่สุดและใช้ได้จริง คือการปรับกราฟเป็น Line graph จะทำให้มองแนวโน้มราคาออกได้ง่าย ตัดพวก noise ออกไปได้ (ใน bar graph และcandlestick graph แสดง High , Low ทำให้กราฟดูยาก) สามารถดูแนวโน้มโดยรวมได้ง่าย

    2. Highs และ Lows
    ตามหลักพื้นฐานของ Technical analysis เลยคือเมื่อราคาทำ Higher High และ Higher Low เป็นช่วงแนวโน้มขาขึ้น และถ้าราคาทำ Lower High และ Lower Low เป็นช่วงแนวโน้มขาลง

    3. Moving Averages
    เป็นเครื่องมือที่นิยมใช้ในการกรองแนวโน้มมากที่สุด และมีประสิทธิภาพมากเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม มีบางสิ่งที่ต้องระวังในการใช้เส้นค่าเฉลี่ย คือ ช่วงที่ใช้คำนวณ ค่ามาก หรือน้อย จะมีผลต่อจะวิเคราะห์ เช่นถ้าใช้ค่าน้อย เส้นค่าเฉลี่ยก็จะตอบสนองต่อราคาไวกว่า ให้สัญญาณเร็วกว่า แต่จะเจอสัญญาณหลอกบ่อยกว่า

    4. Channels และ Trend line
    Channels และ Trend line เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถใช้วิเคราะห์ทิศทางของแนวโน้มราคาได้ และสามารถพิจารณาในช่วงตลาด Sideway ได้เช่นกัน และยังสามารถใช้ประกอบกับเส้นค่าเฉลี่ยได้เช่นกัน

    5. ADX indicator
    เป็นเครื่องมือที่ใช้ดูทิศทางของแนวโน้มราคาและยังสามารถบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของแนวโน้มในช่วงนั้นได้อีกเช่นกัน โดย ADX indicator ประกอบด้วย 3 เส้น คือ +DI , -DI และ ADI … +DI เป็นการแสดงถึงความแข็งแกร่งของ Bullish ส่วน –DI เป็นการแสดงถึงความแข็งแกร่งของ Bearish ส่วน ADI แสดงถึงความแข็งแกร่งของแนวโน้มในช่วงนั้น

    อย่างไรก็ตามทุกเครื่องมือและทุกกลยุทธ์ล้วนมีข้อจำกัด ไม่จำเป็นที่เทรดเดอร์จะต้องได้ 100% ชนะในทุกการเทรด ขอแค่เพียงครั้งที่ชนะของคุณมันใหญ่กว่าครั้งที่แพ้แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    รูปแบบ Inside bar

    ตุลาคม 13, 2022

     

    รูปแบบ Inside bar

    คือกราฟแท่งเทียนสองแท่งขึ้นไป แท่งเเรกแรกว่าแท่งMOTHER
    .
    กราฟแท่งเทียนแท่งที่2จะมีแท่งเทียนที่อยู่ภายในแท่งจะเรียกว่าแท่งกลืนกินหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าInside bar
    .
    กฎการเกิด Inside bar
    .
    1. ไม่จำกัดสี เขียวก็ได้ แดงก็ได้

    2. ไม่จำกัดสภาวะของตลาด หมี หรือ กระทิงไม่มีผลทั้งนั้น

    2. แท่งเทียนแท่งแรก จะใหญ่สุดเสมอ เราจะเรียกว่า Mother Bar

    3. แท่งเทียนถัดๆไป จะสูงต่ำดำขาวยังไงก็ได้ขอแค่ไม่เกินจาก Mother Bar เป็นพอ (รวมใส้เทียนด้วย)

    Inside Bar คือ หนึ่งใน Set up การเทรดโดยใช้ Price action ที่เป็นที่นิยมของเหล่าเทรดเดอร์สาย Price Action เนื่องด้วยโอกาสการทำกำไรที่สามารถเกิดขึ้นได้สูง สามารถสร้างอัตราส่วนผลตอบแทนและความเสี่ยงที่ดี Risk reward ratio ที่ดี มีช่วง Stop loss ที่สั้นกว่ารูปแบบกราฟอื่น ๆ หรือ Set up อื่น ๆ และยิ่งถ้าใช้ประกอบกับสัญญาณอื่น ๆ อย่างเช่น การวิเคราะห์โดยใช้เทรนด์ หรือการใช้เครื่องมือในการวัดเทรนด์ เช่น Equidistance channel ร่วมด้ววย หรือตัวอย่างเช่น การใช้แนวรับแนวต้าน เช่น เครื่องมือ Fibonacci Level ก็จะยิ่งทวีความสามารถของมันได้อย่างดียิ่งขึ้นไปอีก

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการเทรด 7 ข้อสำหรับนักเทรดมือใหม่

    ตุลาคม 12, 2022

     

    มีนักเทรดหน้าใหม่ในตลาด Forex ทุกวัน ระบบเทรด Forex นั้นน่าตื่นเต้น สามารถเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสภาพคล่องปริมาณมหาศาลของตลาด คุณสามารถกำไรจากระบบเทรด Forex ได้หลายเท่าอย่างง่ายดายก่อนที่สภาพคล่องจะเป็นปัญหา และเทรดอย่างสบายจากบ้านของคุณ ระบบเทรดโดยใช้หุ่นยนต์จะช่วยลดภาระการเทรดของคุณลงได้มาก อินดิเคเตอร์ทางเทคนิคชั้นเลิศมีให้ใช้ฟรี และเรายังสามารถพูดถึงประโยชน์อีกนับไม่ถ้วนสำหรับผู้ที่มีส่วนร่วมและทำมาหากินจากระบบเทรด Forex

    เป็นเรื่องสำคัญที่จะทำการเทรด Forex อย่างถูกวิธีตั้งแต่เริ่มต้น อย่างไรก็ตาม การเทรด Forex ไม่ใช่ของง่ายและต้องทำตามขั้นตอนที่ถูกต้องเพื่อบรรลุเป้าหมายการทำกำไรอย่างสม่ำเสมอ นักเทรด Forex หน้าใหม่มักเผชิญกับความผิดพลาดที่ไม่น่าจะพลาดและการท้อแท้หมดกำลังใจ ข่าวดีก็คือ มีหนทางหลีกเลี่ยงความผิดพลาดที่ไม่น่าเกิดเหล่านี้ และความผิดพลาดบางอย่างที่อาจจะเกิดจากนักเทรดมือใหม่นั้นไม่ได้ส่งผลกระทบกับกำลังใจและบัญชีเทรดสักเท่าไหร่ เรามาดู 7 ข้อแนะนำที่มีประโยชน์สำหรับนักเทรด Forex หน้าใหม่กัน

    1.หัดเทรดในบัญชีทดลองก่อน!

    ฉันเชื่อว่า คุณเองก็คงเคยได้ยินกันมาบ้างแล้ว ปัญหาคือ มันไม่ได้ช่วยนักเทรดทั่ว ๆ ไปจากเพียงแค่การฟัง ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่น่าเศร้า รู้อะไรไหม คุณไม่สามารถลงสนามจริงโดยไม่หัดเทรดเสียก่อน การเทรดกับเงินจริงเร็วเกินไปจะทำให้คุณเสียเงิน อย่างที่คุณรู้ นักเทรดส่วนใหญ่ประเมินตลาด Forex ต่ำกว่าความเป็นจริง ตลาด Forex มีวิธีการหลอกนักเทรดหน้าใหม่ให้ทำการเทรดด้วยเงินจริงเร็วเกินไป นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น…

    นักเทรดหน้าใหม่มักจะใช้ขนาดตัวอย่างที่น้อยมากเมื่อประเมินผลลัพธ์การเทรด สมมติว่า คุณทดลองกลยุทธ์ระบบเทรดที่น่าสนใจบนคู่สกุลเงิน EUR/USD (ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐ ฯ) บนบัญชีทดลอง คุณเปิดตำแหน่งเทรดหลายครั้งในรอบหนึ่งสัปดาห์และมีอัตราชนะที่ค่อนข้างดี สมมติว่า คุณเทรดด้วยอัตราผลตอบแทนต่อความเสี่ยงที่ 1:1 และคุณเทรดชนะ 7 ใน 10 ครั้ง คุณอาศัยข้อมูลการเทรดเพียงหนึ่งสัปดาห์และคาดการณ์ว่า คุณจะสามารถทำกำไรจากตลาดอยู่เรื่อย ๆ

    เมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับนักเทรด Forex หน้าใหม่ พวกเขามักจะมั่นใจตนเองเกินไปและคาดการณ์ว่า พวกเขาจะสามารถทำกำไรแบบนี้ได้เรื่อย ๆ พวกเขารอที่จะทำเงินกับกลยุทธ์การเทรด ‘ชั้นเยี่ยม’ นี้ไม่ไหวและเริ่มเทรดด้วยเงินจริงแค่เพียงไม่กี่วัน ฉันคงไม่ต้องเล่าส่วนที่เหลือกับคุณ …

    ประเด็นของฉันคือ คุณจำเป็นต้องมีประสบการณ์และเรียนรู้เกี่ยวกับระบบเทรด Forex ให้ดีเสียก่อนที่จะเริ่มคิดถึงการทำกำไรจาก Forex ในระยะยาว หากใครสักคนต้องการลองขับเครื่องบินโดยไม่ผ่านการฝึกฝนหรือมีประสบการณ์มาก่อนนั้นฟังดูเป็นเรื่องที่โง่ การเทรด Forex บนบัญชีเทรดจริงโดยไม่เรียนรู้การเทรดและฝึกเทรดผ่านบัญชีทดลองมาก่อนก็ถือเป็นเรื่องที่โง่เช่นกัน การเทรด Forex ไม่ได้ง่ายอย่างที่ตาเห็น

    หลังจากผ่านการฝึกเทรดบนบัญชีทดลองแล้ว คุณจึงจะสามารถเทรดในฐานะ นักเทรด

    ใช้เวลากับการเทรดบนบัญชีทดลอง ทดลองกลยุทธ์และเทคนิคการเทรดต่าง ๆ หาประสบการณ์การเทรดให้แน่นและเทรดด้วยเงินจริงหลังจากทำกำไรอย่างต่อเนื่องบนบัญชีทดลองอย่างน้อย 6 เดือน จากนั้น คุณจึงควรเริ่มการเทรดจริงในปริมาณน้อยเพื่อหาประสบการณ์เทรดมากขึ้น

     

    2. เรียนรู้ระบบเทรด FOREX ที่ถูกต้อง

    นักเทรด Forex มักจะไม่เข้าใจว่า พวกเขา จะ‘ ทำกำไรจากความรู้อันน้อยนิดหรือไม่มีเลยได้สักแค่ไหน เชื่อหรือไม่ว่า การเรียนรู้ระบบเทรด Forex เป็นสิ่งจำเป็น

    น่าจะเป็นเรื่องที่น่าจะรู้กันดี แต่ก็เหมือนกับการเทรดบนบัญชีทดลองก่อนลงสนามจริงการเรียนรู้การเทรด Forex มักจะถูกละเลย การลงทุนในความรู้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้ ลงทุนกับความรู้ในเรื่องการเทรด Forex แล้วคุณจะไม่เสียใจ ถึงแม้คุณจะต้องจ่ายเงินเพื่อเรียนคอร์สการเทรดที่ดีสักคอร์สหนึ่งก็ยังดีกว่าโยนเงินทิ้งในตลาดเปล่า ๆ อย่าถูกตลาดหลอกล่อ เรียนรู้วิธีการเทรดเสียก่อนที่จะเทรดบนบัญชีเทรดจริง คุณจะได้ไม่ต้องกลายเป็นแค่สถิติ

     

    3. หลีกเลี่ยงกรอบเวลาระยะสั้น

    แท่งเทียน 5 นาทีจะให้ข้อมูลตลาดมากสักแค่ไหน เป็นคำถามที่ฟังดูค่อนข้างโง่ใช่ไหม อย่างไรก็แล้วแต่ นักเทรดจำนวนมากคิดว่า ตนสามารถตัดสินใจและ/หรือคาดการณ์การเทรดได้อย่างเทพจากการดูแท่งเทียน 5 นาทีหรือ 15 นาทีเพียงไม่กี่แท่ง ทั้งนักเทรดเชี่ยวประสบการณ์และนักเทรดที่ยังขาดประสบการณ์ วิธีการที่ดีที่สุดในการทำความเข้าใจตลาดคือใช้กรอบเวลาที่ใหญ่ขึ้น นักเทรดที่ใช้กรอบเวลาที่สั้นมักจะเสียเปรียบนักเทรดเชี่ยวประสบการณ์ที่ใช้กรอบรายวันหรือกรอบเวลาที่ใหญ่กว่าในการตัดสินใจเทรด

    เราไม่ได้บอกว่า คุณไม่สามารถทำกำไรจากการเทรดในกรอบเวลาระยะสั้นได้ แต่การเทรดบนกรอบเวลาที่ใหญ่กว่าจะเชื่อถือได้มากกว่าและเครียดน้อยกว่า วิธีการที่ดีในการเริ่มต้นเทรดของคุณคือใช้กรอบเวลาราย 4 ชั่วโมง รายวันและรายสัปดาห์ การเทรดบนกรอบเวลาที่ใหญ่กว่ายังทำให้คุณมีโอกาสแก้ตัวจากความผิดพลาดมากกว่า (ใช้ stop loss ที่กว้างกว่า) และมีเวลาตัดสินใจ/ดำเนินการโดยไม่ต้องรีบร้อน ตัวอย่างเช่น คุณมักจะมีเวลาพอที่คำนวณและตั้งค่าพารามิเตอร์เทรดเบื้องต้นของคุณ (ราคาเข้าเทรด, stop loss, และ take profit) และรวมทั้งการขยับ Stop lossหรือ take profit หากจำเป็น

     

    4. ไม่ไล่ตามตลาด

    หนึ่งในวิธีการเจรจาที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือ พูดคำว่า “ไม่” ทำไมคุณถึงต้องการเทรดในเงื่อนไขของคู่แข่งขันของคุณล่ะ เทรดบนเงื่อนไขของคุณในราคาที่เหมาะสมกับคุณสิในหลายกรณี (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดผันผวนที่มักจะเกิดการขึ้นแล้วลงต่อแรง) คุณจะได้ในราคาที่ไม่ดี หากคุณกระโดดเข้าซื้อร่วมกับ ‘คนอื่น ๆ’ (เมื่อราคาอยู่ในโซน overbought) ในสภาพตลาดดังกล่าว ให้รอการปรับตัวของราคาที่เหมาะสมก่อนกระโดดเข้าตลาด จุดเข้าเทรดเหล่านี้จะสามารถทำกำไรได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใช้กลยุทธ์การเทรดการสวิงราคาอันฉลาดเฉลียวผสมผสานกับการประเมิน ‘บริบท’ ตลาดที่ดี อินดิเคเตอร์ทางเทคนิคบางตัวและสัญญาณแท่งเทียนที่น่าเชื่อถือ อย่างเช่นแท่งเทียนกลับทิศทางรุนแรงที่อยู่ทางขวามือ (มักจะใกล้กับเส้นมูลค่าเฉลี่ย) แน่นอนว่า ในฐานะมือใหม่ คุณอาจจะยังไม่มีสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ให้คุณตั้งแต่เริ่ม แต่ในการเข้าเทรดในทิศทางของแนวโน้มที่แข็งแกร่งบนการขึ้นเพื่อลงต่อซึ่งสวนแนวโน้มหลักจะช่วยให้คุณได้ราคาที่ดีกว่านักเทรดที่วิ่งไล่ตามราคา จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณพลาดจังหวะเข้าล่ะ ไม่ต้องกังวลไป ยังมีโอกาสอื่น ๆ ที่คุณสามารถเทรดบนเงื่อนไขของคุณในราคาของคุณ เมื่อคุณทำสิ่งนี้ คุณมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นให้เป็นประโยชน์กับคุณ

     

    5. การบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เสี่ยงแต่น้อยในแต่ละครั้ง

    การเรียนรู้ว่า เงินทุนของคุณมีความเสี่ยงต่อครั้งหรือต่อหนึ่งวันมากน้อยแค่ไหนเป็นเรื่องสำคัญ จริง ๆ แล้ว สำคัญมาก ! บางที คุณควรจะใช้เวลาพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ชัดเจนเพราะเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่คุณควรทราบเกี่ยวกับการเทรด

    โดยทั่วไปแล้ว คุณไม่ควรเสี่ยงเกิน 2 เปอร์เซ็นต์ของยอดเงินในบัญชีทั้งหมดของคุณต่อการเทรดหนึ่งครั้ง ถึงแม้คุณจะทำการเทรดบนบัญชีทดลองก็ตาม เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่คุณจะต้องคุ้นเคยกับการเทรดที่มีความเสี่ยงน้อยในแต่ละครั้ง แน่นอน เมื่อคุณเริ่มเทรดจริง คุณสามารถเสี่ยงน้อยกว่า 2 เปอร์เซ็นต์ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง

    ทำไมคุณถึงควรเสี่ยงน้อยกว่า 2 เปอร์เซ็นต์ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง หากคุณมีกลยุทธ์การเทรดที่ให้ผลตอบแทนที่ดีมาก ๆ ล่ะ เป็นคำถามที่ดี อย่างไรก็ตาม หากคุณเสี่ยง 5 หรือ 10 เปอร์เซ็นต์ต่อการเทรด คุณจะทำเงินได้เร็วยิ่งขึ้น ! ลองคิดถึงวันหยุดแสนพิเศษ รถหรู ชีวิตแสนสบายดูสิ

    ผิดแล้ว การเทรดเกี่ยวกับความน่าจะเป็น คุณยังไม่ค่อยเข้าใจใช่ไหม มีสูตรทางคณิตศาสตร์ที่น่าสนใจอย่าง ความเสี่ยงจะหมดตัว ที่ใช้หลากหลายปัจจัย (อัตราชนะ เปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงของเงินทุน เป็นต้น) เพื่อคำนวณหาโอกาสที่กลยุทธ์การเทรดใดกลยุทธ์หนึ่งสามารถทำให้ยอดเงินในบัญชีของคุณเกลี้ยงโบ๋ เพื่อให้เข้าใจง่าย เรามาดูสิ่งสำคัญที่สูตรคำนวณนี้เปิดเผยให้ทราบคือ แม้กระทั่งกลยุทธ์การเทรดที่ดีที่สุดก็สามารถทำให้บัญชีของคุณเกลี้ยงโบ๋ หากเปิดตำแหน่งในขนาด lot ที่มากเกินไป ตัวอย่างเช่น ในการเสี่ยง 10 % ของบัญชีเทรดของคุณต่อการเทรดหนึ่งครั้งนั้นเสี่ยงเกินไป ถึงแม้จะเป็นกลยุทธ์ที่ให้อัตราชนะที่ 60 % (อัตราส่วนผลตอบแทนต่อความเสี่ยงที่ 1:1) คุณมีโอกาสที่ยอดเงินในบัญชีของคุณจะเกลี้ยงโบ๋สูง

    ในทางตรงกันข้าม หากคุณใช้กลยุทธ์เดียวกันและเสี่ยงน้อยกว่าสองเปอร์เซ็นต์ต่อการเทรด โอกาสที่คุณจะทำเงินเกลี้ยงบัญชีแทบจะไม่มี ส่วนความเสี่ยงที่น้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์จะลดโอกาสที่คุณจะทำเงินเกลี้ยงบัญชีเป็นศูนย์

    สิ่งสุดท้ายเกี่ยวกับการบริหารจัดการความเสี่ยงคือ หากคุณเสี่ยงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ต่อการเทรด แต่หากคุณเล่นเปิด 30 ตำแหน่งในเวลาเดียวกัน นั่นเท่ากับว่า คุณไม่ได้บริหารจัดการความเสี่ยงแต่อย่างใดเลย เพราะความเสี่ยงโดยรวมของคุณสูงมากและคุณอาจจะมีการเทรด ‘ในทิศทางเดียวกัน’ กับคู่สกุลเงินอื่น ๆ ที่สัมพันธ์กัน

    หากคุณต้องการอยู่ในวงการเทรดระยะยาว การบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม เป็นสิ่งที่ต้องทำ !

     

    6. เรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ของคุณ ทำการเทรดเหมือนหุ่นยนต์ (และคิดเหมือนคน)

    คุณอาจจะคิดว่าคุณค่อนข้างถึก สามารถปฏิบัติตามแผนการเทรดและยังสบาย ๆ ภายใต้สภาวะกดดัน แต่ขอให้คุณลองคิดแบบนี้ สมมติว่าคุณมีกลยุทธ์การเทรดอันยอดเยี่ยมที่คุณทดสอบผลลัพธ์ย้อนหลังและเทรดบนกระดาษที่ให้อัตราชนะที่ 65 % และสมมติว่า คุณเสี่ยงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของบัญชีเทรดต่อหนึ่งการเทรด คุณมีครอบครัวต้องดูแลและถึงแม้คุณทำการเทรดด้วยเงินที่สามารถเสียได้ คุณมีความคาดหวังอย่างมากกับเงินลงทุนของคุณ และภรรยาและลูก ๆ ของคุณก็คาดหวังแบบเดียวกันกับคุณ เอาละ สมมติว่า กลยุทธ์การเทรดนี้ทำให้เงินในบัญชีเทรดของคุณหายไป 32 % คุณจะยังสามารถทนความเครียดทางกายและทางใจจากการขาดทุนก้อนโตนี้ได้ไหม อย่าลืมว่า คุณมีคนอื่น ๆ ที่คอยตรวจสอบผลงานของคุณด้วยเช่นกัน

    คุณจำเป็นต้องค่อนข้างถึกถ้าจะเทรดแบบมืออาชีพ

    ประเด็นที่ฉันต้องการสื่อคือ คุณจำเป็นจะต้องถึกถ้าจะเทรดแบบมืออาชีพ ไม่มีประโยชน์ที่จะไม่พูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ การเทรดคือสงครามและคุณต้องการทัศนคติและวินัยแบบทหารเพื่อพิชิตตลาด การเทรดเสียส่งผลกระทบกับจิตใจของมนุษย์มากกว่าการเทรดที่ทำกำไรเสียอีก เชื่อไหมว่า แม้กระทั่งกลยุทธ์การเทรดที่ดีที่สุด คุณจะยังต้องเผชิญการสูญเสียและก้าวข้ามการขาดทุนเพื่อพิชิตเป้าหมายของคุณ โชคไม่ดีที่หนึ่งในลักษณะนิสัยที่สำคัญที่สุดในการเป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จคือ อดทนต่อการเทรดขาดทุน

     

    7. สนุกกับมัน!

    เอาตรง ๆ นะ คนที่สนุกกับที่สิ่งที่ทำและหลงใหลในสิ่งที่ทำ มักจะทำสิ่งนั้นได้ดีที่สุด บางครั้งเราก็ติดพันกับเป้าหมายและความมุ่งมั่นตั้งใจจนทำให้เราลืมสิ่งสำคัญในการเทรด Forex ให้ประสบความสำเร็จและยั่งยืนอย่าง ความสนุก

    ทำการเทรดให้ถูกต้องและสนุกกับระบบเทรด !

    ขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้คุณทำการเทรดได้ดียิ่งขึ้น (สนุก-ฉลาด):

    • อย่าเทรดมากเกินไป คุณไม่จำเป็นต้องเปิดตำแหน่งเป็นร้อย ๆ ตำแหน่งต่อวันเพื่อทำกำไรจากการลงทุน
    • เสี่ยงในปริมาณน้อยจากบัญชีของคุณ คุณจะประหลาดใจว่ามันส่งผลกระทบกับจิตใจง่ายแค่ไหน
    • อย่าจ้องหน้าจอตลอดทั้งวัน การดูกราฟไม่ได้ช่วยราคาวิ่งไปในทิศทางที่คุณต้องการ นอกจากนั้น นักเทรดที่เทรดตอนใกล้สิ้นวัดเทรดมักทำกำไรได้ดีกว่านักเทรดที่ทำการเทรดตลอดทั้งวัน
    • พักเบรคจากการเทรดเป็นช่วง ๆ หากจำเป็น

    ทำทุกสิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อทำกำไร ในแง่ของการเทรดแล้ว ไม่มีอะไรเพลิดเพลินใจกว่าการเห็นกำไรก้อนโตในบัญชีเทรดของคุณ

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการใช้ Market Sentiment ในการเทรด

    ตุลาคม 12, 2022

    เทคนิคการใช้ Market Sentiment ในการเทรด

    Market setiment  ถือว่าสำคัญเพราะจะบอกสถานะแต่ละคู่เงินว่าเป็นอย่างไรตอนนี้ ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายคุมตลาดเป็น Buyers หรือ Sellers เพราะข้อมูลตรงนี้สามารถประยุกต์เข้ากับเทคนิคการเทรดอย่างเช่นระบบเทรดตามเทรน ถ้าเทรนเพิ่งเริ่ม หรือระบบเทรดแบบสวนเทรนเมื่อ Setiment เกิดความไม่สมดุลย์มาก เช่นมีอีกข้างมากกว่า 70 % ก็จะเปิดโอกาสเทรดสวนเทรดเดอร์ที่เทรดใช้ OverBought/OverSold ก็จะดู market sentiment ประกอบ

    เดี๋ยวนี้หลายๆ โบรกเปิดเผย market sentiment ออกมาของโบรกตัวเอง เช่นอย่าง Dukascpy , Oanda หรือทุกโบรกที่ใช้ cTrader เพราะ trading platform cTrader มีฟีเจอร์นี้ในตัว หรือถ้าเป็น Metatrader ก็จะมีทูลเสริมประกอบ แล้วแต่ว่าโบรกเกอร์จะให้ฟรีหรือเปล่า ในที่นี้ยกตัวอย่างของ ICMarkets  จะได้ทูลชุดนี้ฟรีสำหรับลูกค้าที่เปิดบัญชีเทรดจริง

    Market sentiment แต่ละคู่เงินก็จะบอกสถานะว่ามีการเปิด positions คู่เงินนั้นๆ ทางไหนมากตอนนี้ ดังนั้นเทรดเดอร์เทรดแรกที่สนใจเรื่อง sentiment ระบบเทรดตามเทรน และระบบเทรดสวนเทรน หรือ contrarian  traders เพราะ sentiment ถือว่าเป็นตัวบอกหรือเป็น contrarian indicator ก็ว่าได้ ว่าจะได้เวลาเทรดหรือยังเมื่อต้องการเทรดสวน  ตัวอย่างที่จะยกเป็นการใช้สำหรับ contrarian traders

    เมื่อใส่อินดิเคเตอร์ประกอบที่บอกสถานะเรื่อง overbought/oversold คือ CCI และ RSI จะเห็นว่าสถานะคู่ EURUSD ตอนนี้ Overbought เพราะอินดิเคเตอร์อ่านตามข้อมูลที่เกิดขึ้น

    จากที่อธิบายมาและดู Oanda OrderBook ประกอบ ท่านจะพบว่าที่ยกมา Dukascopy, Oanda, cTrader, Metatrader และ Oanda Orderbook พร้อมตัวเลข Sentiment ที่ลูกศรชึ้ ถ้าอธิบาย market sentiment แต่ละคู่ด้วย Oanda Orderbook จะเข้าใจง่ายคือส่วนที่เป็น  Open Positions ที่เทรดเดอร์เปิดอยู่ในตลาดตอนนี้มีทั้ง Long positions (ตอนเปิดเทรด Buy order) และ short positions (ตอนเปิดเทรด Sell order) เมื่อมองจาก Histrogram จะเห็นว่าสัดส่วนของ short positions ตั้งแต่ 1.1200 ขึ้นไปหนาขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งราคามาเทส 1.125 ราคาก็เห็นเปิด short positions เยอะขึ้นไปอีก  positions พวกนี้ติดลบเป็นหลักตอนนี้ เลยทำให้เกิดเป็นสัดส่วนแล้วมีเทรดเดอร์ถือ short positions เป็นหลักหรือมากกว่า long positions ที่กำลังกำไรอยู่เยอะ และ market sentiment จากที่ยกมาไม่ว่าจะเป็นของ Dukascpy, cTrader, Metatrader และ Oanda Orderbook เป็นไปทางเดียวกันหมด ทำให้รู้ว่ารายย่อยเทรดอย่างไร เลยเป็นโอกาสขาใหญ่ที่เปิด long positions สวนตลาดที่มีสัดส่วนน้อยกว่า

    เทคนิคใช้ Sentiment พวกนี้ทั่วๆ ไปก็จะบอกว่าให้ใช้ sentiment เป็นตัวกรอง trading signal/setup ที่เกิดขึ้นก่อนเช่น กรณีเทรดด้วยอินดิเคเตอร์ MACD divergence หรือ MA crossovers เช่นถ้าเทรด trade signal/setup สำหรับ EURUSD บอก Buy แต่เมื่อท่านดู EURUSD sentiment เป็น overbought หรือมีสัดส่วนการเปิด long positions มากตอนนั้น ท่านก็ไม่ควรเปิดเทรด Buy   หรือถ้ากลยุทธ์การเทรด GBPUSD ท่านบอกให้เปิด Sell เมื่อท่านดู GBPUSD sentiment เห็นเป็น overbought ก็จะช่วยเพิ่มความเป็นไปได้ของการเปิดเทรด Sell คู่ GBPUSD จะเห็นว่าเป็นหลักการสำหรับเปิดเทรดแบบ contrarian traders หรือเทรดเดอร์ที่เทรดสวนเทรน เช่นการเทรดแบนสวน market sentiment เมื่อเข้าใจว่า sentiment ให้อะไร ลองมาดูคู่ EURJPY ดูภาพด้านบนของ Dukasopy (73.39% 26.61) ถือว่า Overbought หรือข้อมูลของ cTrader

    หรือดู Oanda Orderbook ประกอบ

    จากที่ยกมาของ Dukascoy, cTrader และของ Oanda Orderbook จะเห็นว่า long positions เยอะตอนนี้คือหมายความว่าที่ถือกำไรอยู่เยอะตอนนี้ของ cTrader จะเห็นว่าสัดส่วนมากสุดถึง 91% ตามด้วย Dukascoy มี 73.39% และ Oanda Orderbook มี 62.44 % ถือได้ว่า Overbought ลักษณะการที่ sentiment ไปทางเดียวแบบนี้จะเปิดโอกาสการเทรดสวนเทรนหรือที่ contrarian traders ต้องการเห็น ก็จะหาพื้นที่เพื่อกำหนด trade setup ประกอบเพื่อหาพื้นที่เข้าเปิด sell  นอกจากเรื่องอ่าน price levels แล้วเมื่อใช้ Oanda OrderBook ประกอบด้วยจะช่วยให้ท่านหาจุดได้เร็วและแม่นกว่าเดิม ดูด้านขวามือที่บอก Open Positions ฝั่งทาง Buy ในที่นี้คือถือ long positions ที่ติดลบ เพราะอยู่เหนือราคาปัจจุบัน เพราะมีการเข้าเปิดเทรดก่อน มองชาร์ตทางช้ายย้อนกลับมาจะเห็นร่องรอยประกอบกับราคาก็จะเป็นตอนที่ราคาเบรค 123 และราคาเกิด pinbar แล้วเด้งกลับมา ตรงกรอบสีเขียว ระยะห่างถ้าเทียบกับเวลาปัจจุบันที่ราคากลับมาพื้นที่ ระยะเวลาที่ถือ long positions พื้นที่นั้นถือว่านาน ที่เทรดเดอร์พวกนี้แบกความกดดันที่ราคาวิ่งสวนไปถ้าราคาไม่ไปต่อ หลังจากที่ราคามาถึง sell limit ที่หยุดราคาขึ้นมา ถ้าราคาไม่ไปต่อ เช่นเกิด pin bar, engulfing bar หรือสัญญาณอะไรก็ตามที่บอกว่าราคา rejection หรือไม่ไปต่อตรงนี้  เทรดเดอร์พวกนี้จะหันมาออกจากตลาด  และเทรดเดอร์ที่รอเข้าเห็นชาร์ตเปลี่ยนก็จะเข้าตลาดเลยบอกว่า market sentiment ให้ข้อมูล contrarian traders เริ่มสนใจว่าจะเทรดสวนที่ไหนและเมื่อไร และนั้นคือเหตุผลที่เมื่อพวกเขาเทรดสวน ก็จะทำให้ราคาวิ่งลงมาได้ง่าย อาจมีการ stop hunt เพื่อเข้าเทรดก่อน เป็นเรื่องปกติของวิธีการเข้าเทรดของขาใหญ่ ที่สำคัญคือรอให้ price action เปิดเผยก่อนค่อยเข้าเทรด เพราะการเทรดของขาใหญ่มากพอที่จะดันราคาไปจุดที่พวกเขาต้องการ อย่าเปิดเทรดทันทีรอให้ trade setup เกิดขึ้นก่อนค่อยจะใช้ประโยชน์ maket sentiment แบบเทรดสวนแบบนี้ได้ง่าย

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการอ่าน trend, ในระบบเทรดด้วย Price Action

    ตุลาคม 12, 2022

     

    เทคนิคที่ 1 : Big Time Frame มองภาพใหญ่ก่อนเสมอ

    • ข้อนี่คือสิ่งแรก ที่อยากจะบอก ว่าเป็นเรื่องแรกที่เราต้องทำแล้วตอบตัวเองให้ได้ว่า เราอยู่ในเทรนอะไรของ Time Frame (TF) ไหน
    • แล้วเราควรดูกี่ TF โดยส่วนตัวจะใช้อยู่แค่ 2-3 TF โดยที่ควนให้มีระยะห่างของแต่ละ TF ระดับนึง เช่น ถ้า ใช้ TF Day เป็นตัวคุม Trend หลัก จะ TF ย่อยที่จะใช้เข้าเทรด ควรใช้ระดับ 60 หรือ 120 นาที ในการหาจังหวะเข้าสถานะฝั่งเดียวกับ TF หลักตรงนี้ เพราะพลาดมาเยอะแล้วที่เข้าตาม TF ย่อย โดยไม่ดู TF หลัก ส่วนใครที่จะเทรดต่ำกว่า 60 นาที ก้อให้ใช้ 60 นาที เป็น TF หลักแทน
    • TF ยิ่งใหญ่ยิ่งแข็งแรงกว่าเสมอ เช่นแนวรับแนวต้านของระดับ TF Day ย่อมแข็งแรงกว่า TF 30 นาที เพราะฉะนั้น ถ้าในจังหวะที่ TF ย่อย ราคาวิ่งไปถึง แนวรับต้าน ของ TF ใหญ่เราควรต้องดูเป็นอย่างยิ่งว่า เมื่อราคาไปถึงแล้วจะมีสัญญาณอะไรบอกเราไหมว่า จะชนะหรือแพ้ ที่ตำแหน่งนั้น เช่น มี Pin bar หรือ Big Back หรือ Big White เกิดขึ้นตรงตำแหน่งนั้นหรือไม่
    • TF ที่อยากจะแนะนำคือ ตั้งแต่ 30 นาทีขึ้นไป เพราะความแข็งแรงของแท่งเทียนจะมีสูงระดับนึง และค่อยไปฝึกการใช้ Price Action และ Price Pattern ในการวางแผนเทรด

    เทคนิคที่ 2 : เทคนิคการอ่าน Trend ด้วย Price Pattern

    • เทคนิคการอ่าน Trend หรือ แนวโน้ม มักจะนิยามไว้ แค่ 2 นิยาม คือ มีแนวโน้ม (Trend) หรือ ไม่มีแนวโน้ม (Sideway)โดยที่การที่มีแนวโน้ม จะแยก เป็น 2 ลักษณะ คือ Up Trend หรือ Down Trend
    • ในช่วงที่ Up Trend ลักษณะการเคลื่อนไหวของราคา ดูได้จาก Higher High (HH) และ Higher Low (HL) หรือจะกล่าวว่า ทำจุดสูงสุด และ และจุดต่ำสุด สูงขึ้นเรื่อย ๆ ลักษณะนี้ แนวโน้มหลักและแนวโน้มรองจะเคลื่อนตัวในทิศทางเดียวกัน คือ ขึ้น Trade Setup ที่ควรเลือกใช้ คือ เทรดฝั่ง Long หรือ Buy
    • ในช่วงที่ Down Trend ลักษณะการเคลื่อนไหวของราคา ดูได้จาก Lower High (LH) และ Lower Low (LL) หรือจะทำจุดสูงสุดและจุดต่ำสุด ต่ำลงเรื่อยๆลักษณะนี้ แนวโน้มหลักและแนวโน้มรองจะเคลื่อนตัวในทิศทางเดียวกัน คือ ลง Trade Setup ที่ควรเลือกใช้ คือ เทรดฝั่ง Short หรือ Sell
    • ในช่วงที่ Sideway Trend เป็นลักษณะที่ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ ไม่มี Higher High (HH) และ Higher Low (HL) จุดสังเกตุ การดูแนวโน้ม Sideway คือ การที่แนวโน้มรองและแนวโน้มหลักเคลื่อนไหวไหนทิศทางที่ตรงกันข้ามกัน ถ้าเจอแบบนี้ Trade Setup ที่เราควรเลือกใช้ คือ การเล่นในกรอบ และปิดทำกำไรเมื่อราคาไปชน

    เทคนิคที่ 3 : Reversal is The King of King สัญญาญจุดกลับตัว สำคัญเสมอ

    • ในทีนี้คงไม่มาอธิบาย ว่าแท่งเทียนกลับตัวมันมีชื่อเรียกว่าอะไรบ้าง เราสามารถหาอ่านได้ ทั่วไปตาม google  แต่ทีจะเอาเทคนิคการใช้ที่ส่วนใหญ่มักจะได้ผลสรุปๆมาให้อ่านและรูปแบบสำคัญๆที่ใช้บ่อยๆ
    • Pin Bar Pattern เป็นรูปแบบที่ใช้กันบ่อย มันบอกถึงการที่ราคาวิ่งมาในทิศทางตรงกันข้าม แล้วเกิดการสวนกลับของราคา ตำแหน่งที่ แท่ง Pin bar มีนัยยะ คือบริเวณแนวรับต้านที่สำคัญ เช่น แนวรับต้าน ระดับ TF day หรือ Week หรือใน TF ที่เป็นแนวโน้มหลักที่เราใช้คุมการเข้าเทรด ถ้าเป็นแท่งเทียนนี้ขึ้นให้ระวังการกลับทิศทางของราคา และจะยืนยันเมื่อมีแท่งเทียนแท่งต่อๆมาเป็นแท่งในทิศทางเดียวกับ Pin Bar และ ห้ามย้อนลงมาหาปลายหางของแท่งเด็ดขาด
    • Inside Bar Pattern เป็นรูปแบบที่ราคาลงมาถึงแนวรับต้านที่สำคัญ แล้วมีราคา แท่งเทียนฝั่งตรงข้ามส่วนขึ้นมาประกบ บอกถึงการที่แรงซื้อหรือแรงขายที่อยู่ในทิศทางตรงกันข้าม มีความพยายามต่อสู้กลับ และเช่นเดียวกับ Pin Bar แต่จะตีความด้วย แท่งเทียน 2 แท่ง และเมื่อเกิดแท่งเทียนลักษณะนี้แล้ว ควรยืนยันด้วยแท่งเทียน แท่งถัดๆไป ที่ทำจุดสูงสุด หรือจุดต่ำสูง ที่สูงหรือต่ำกว่า คู่แท่งที่เกิดในทิศทางที่ตรงกันข้าม กับทิศทางก่อนหน้าที่จะเกิดแท่งเทียนเพื่อยืนยัน
    • จุดกลับตัว เป็นสิ่งสำคัญมากในการเข้าเทรด และที่เข้าใจและใช้กันผิดเสมอคือ Reversal ไม่ใช่จุดกลับ Trend เป็นแค่การเปลี่ยนแปลงของทิศทางราคา การกลับ Trend จะต้องดูรูปแบบตามเทคนิคที่ 2 เสมอ แต่เราสามารถใช้ Revarsal เพื่อหาจุดเข้าทำตาม Trend ในจังหวะ Buy on Dip หรือ Sell on Rally ได้
    • ข้อจำกัดของการใช้ Reversal คือ ผู้ใช้ต้องมีประสบการณ์ในการตีความ ต้องฝึกใช้จนชำนาญ และต้องใช้บน TF หลักเสมอ ยิ่ง TF ใหญ่ ความมีนัยยะของ Reversal ยิ่งสำคัญ ทั้งนี้ ไม่มีเทคนิคไหนที่ยืนยัน ความแม่นยำได้ 100% เป็นแค่เพียงการคาดการณ์ และโอกาสของการเกิดเท่านั้น บางครั้งอาจจะเกิดหรืออาจจะไม่เกิดตามที่เราคาดการณ์ไว้ก้อเป็นได้

    #แจกฟรี!ระบบเทรด

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการทำกำไรจาก Trend Line

    ตุลาคม 11, 2022

    เทคนิคการทำกำไรจาก Trend Line วิธีการลากเส้นเทรนไลน์ 

     

    Trend line แค่ลากก็ทำกำไร เทคนิคการเทรด Forex เรื่องการลากเทรนไลน์เป็นเรื่องง่ายๆ ที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดเป็นหลักการเบื้องต้นที่ควรรู้ก่อนที่ จะใส่อินดีเคเตอร์ อะไรลงไป ใน Chart เพราะจะทำให้คุณทราบถึง แนวโน้ม แนวรับแนวต้านก่อนที่จะใช้เครื่องมือหรือเทคนิค อื่นๆ หรือ Indicator เพื่อ คอนเฟิร์ม สัญญาณ
    ในทุกๆ Time frame สามารถที่จะ ลากเส้น Trend line ได้ทั้งหมด เพราะ สิ่งที่คุณต้องรู้ก่อน เทรด ทุกครั้งก็คือแนวโน้มใน Time Frame ที่ใหญ่ก่อนค่อยเรียงไปหาเล็ก
    การลากเส้นเทรนไลน์นั้น ไม่มีวิธีใดถูก หรือ ผิดไป เสียทั้งหมด วิธีการหักการลากเส้นเทรนไลน์ที่ดี ควรและสามารถ วัดผลความชำนาญหรือ พัฒนาการของการลากได้เลยก็คือใช้ Time frame เล็กๆ เช่น TF15 นาที เหมาะสำหรับการทดลอง และ เทรด จริง เหมาะ สำหรับการเล่นเป็นรอบๆ ถ้าผิดทางก็ SL แล้วก็ เข้า Order ใหม่
    ประโยชน์ ของ Trend line ลองอ่านจากกระทู้นี้ ครับ Trend line รูปแบบของกราฟ Forex และเมื่อเวลาท่านมองกราฟ ไม่ว่าจะรูปแบบกราฟ ลักษณะไหนท่านก็อาจใช้เพียงแค่สายตามมองเท่านั้น ท่านก็พอจะรู้ทิศทางของกราฟแล้ว
    จุดอ่อนของ การลากเส้นเทรนไลน์ คือ ช่วง Sideway แต่ เราจะรู้ได้อย่างไร ว่า ช่วงไหนเป็นช่วง Side way ก็จนกว่ากราฟ มันจะเป็นรูปแบบให้เราเห็นนั่นแหละ ครับ ทีนี้ มาดูเทคนิคป้องกันการเล่นในช่วง Side way กันดีกว่า จากประสบการผู้เขียน ช่วงที่กราฟ จะ วิ่ง มี อยู่ 2 ช่วงคือ ช่วง UK session เปิด คาบเกี่ยวกันจนถึงช่วง US session เปิดประมาณ 3-4 ชม แล้ว มันตรงเวลาไหน ในบ้าน เรา ประมาณ บ่าย 2 โมง จนถึง 5 ทุ่ม บ้านเราครับ แม้ตลาด Forex จะเปิดตลอด 24 ชม จันทร์-ศุกร์ แต่ ตลาด จะวิ่งแรง หรือมีเทรนเฉพาะ ช่วงนี้ หลังจากนั้น กราฟ ก็จะวิ่งเหมือนกันแต่จะ ไปแบบเอื่อยๆ เรื่อยๆ ดังนั้น การเทรด Forex ที่ดี ไม่จำเป็นต้องนั่งเฝ้าตลอด 24 ชม แค่รอเทรด เฉพาะ ช่วงนี้ก็เพียงพอแล้ว เอาเวลาที่เหลือไป ทำอย่างอื่นดีกว่า ครับ แม้ ช่วง Sideway จะไม่น่าเล่น แต่ ก็เหมาะ ที่ จะ ขีดเส้นเทรนไลน์รอ เพื่อรอ ทำกำไร เอาเป็นว่าฝึกไว้ ทำกำไรได้ ทุกช่วงครับ
    เอาล่ะครับ นอกเรื่อง Trend Line มามากแล้ว มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า มาเริ่มที่ Chart เปล่าๆ กันดีกว่านะ ครับ การลาก Trend Lin แบบเบื้องต้นคือลองลาก จากจุดสูงสุดหนึ่งไปยังจุดสูงสุดอีกจุดหนึ่ง และเช่นกัน แนว รับด้านล่างก็ ลาก จากเส้น ต่ำสุดหนึ่งไป ยัง เส้นต่ำสุดอีก หนึ่งจุด เหมือนกัน ลองลากดู ไม่มี่ ใครผิด ใคร ถูก และ ไม่มีอะไร ที่ 100 % บางที ราคาอาจจะวิ่งเลยไป นิดหนึ่งแต่สักพักก็จะวิ่งกลับมาทางเดิม มาดู ภาพประกอบการลาก เทรนไลน์ แบบต่างๆ กันดีกว่า

    #แจกฟรีระบบเทรด

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการเริ่มต้นเทรด forex ทีล่ะขั้นตอนง่ายๆ

    ตุลาคม 10, 2022

     

    เทคนิคการเริ่มต้นระบบเทรด forex

    เทคนิคที่ 1 – เปิดบัญชีเทรด Forex
    หากสงสัยว่าจะ เล่น forex ที่ไหน? ในภาพยนตร์ ชอบที่จะแสดงให้เห็นว่านักเทรดที่คลั่งไคล้ตะโกนส่งคำสั่งในห้องค้าตลาดหลักทรัพย์ในนิวยอร์ก แต่วันนี้การเทรด forex ส่วนน้อยมากที่จะเป็นแบบนั้น วันนี้มีทางเลือกที่ง่ายกว่านั้นในการเทรด forex ออนไลน์ ผ่านนายหน้า

    การเปิด บัญชีเทรด forex เป็นเรื่องง่ายเหมือนกับเปิดบัญชีธนาคาร คุณกรอกข้อมูลลงในใบสมัครเปิดบัญชี แสดงหลักฐานการระบุตัวตน และเลือกว่าคุณต้องการใส่เงินทุนอย่างไร คุณอาจจะฝากเงินโดยการโอนเงินอิเลคทรอนิคส์ผ่านผู้ให้บริการชำระเงินที่มีชื่อเสียง เช่น Skrill หรือ ZotaPay

    คุณจะค้นหาโบรกเกอร์ forex ให้คุ้มค่ากับเงินของคุณได้อย่างไร? ไม่ใช่เพียงแต่แค่ค้นหาโบรกเกอร์ที่มีค่าสเปรดและค่าคอมถูกที่สุด การจ่ายมากขึ้นเพียงไม่กี่ forex pips ในการเทรดกับโบรกเกอร์ forex ที่มีคุณภาพสูงในการให้บริการและช่วยเหลือลูกค้า นั้นคุ้มค่ามากกว่า โดยเฉพาะเมื่อคุณคือ นักเทรดหน้าใหม่ที่ เล่น forex

    สิ่งอื่นๆ ที่ควรพิจารณา :   คุณมีเงินเท่าไหร่ โบรกเกอร์ forex ออนไลน์ จำนวนมากมีข้อกำหนดขั้นต่ำตั้งแต่ $0 เพื่อตั้งค่าบัญชีพื้นฐานรายย่อย สำหรับบัญชีปกติขั้นต่ำสามารถอยู่ในช่วงตั้งแต่ $0 ถึง $1,000 หรือมากกว่า คุณวางแผนที่จะเทรดบ่อยแค่ไหน โบรกเกอร์ forex ส่วนใหญ่เหมาะกับนักลงทุนใหม่ สเปรดจะวิ่งอยู่ระหว่าง 0.5 และ 1.0 pip สำหรับ EURUSD และ คู่เงินหลักอื่นๆ ขณะที่คู่เงินที่ไม่มีค่าเงินหลักจะเพิ่มเป็น2 หรือ3เท่า ค่าคอมมิชชั่นจะเป็น 0 ตลอดสำหรับ STP โบรกเกอร์ ต้นทุนเทรดที่ต่ำจะสำคัญมากสำหรับการเทรดทำกำไรในช่วงสั้นๆ (Scalping) และการเทรดแบบจบในวันเดียว (day trade) ผู้ที่เทรดเล็กน้อยต่อวัน นักเทรดระยะยาวควรหลีกเลี่ยงโบรกเกอร์ที่คิดค่าธรรมเนียมการไม่ใช้งานคุณต้องการความช่วยเหลือมากแค่ไหน พิจารณาจากการข้อเสนอในเครื่องมือการเรียนรู้ของโบรกเกอร์ , การจัดการเงิน , robo-advisor , การวิจัยและการเข้าถึงของจริง , มีพนักงานติดต่อทางโทรศัพท์ , อีเมลล์ , การแชททางออนไลน์ หรือสำนักงานสาขา เพื่อเปรียบเทียมทางเลือกโบรกเกอร์ของคุณ ง่ายมากเพียงใช้ข้อเสนอของ AM broker ที่นี่อ่านต่อสำหรับข้อมูล หรือเริ่มต้น เล่น forex ผ่านบัญชีทดลองที่ปราศจากความเสี่ยง และสังเกต วิธี-เล่น forex ในเวลาจริง ที่ปราศจากความเสี่ยงหรือภาระผูกพันทางการเงิน

     

    เทคนิคที่ 2 – เลือกคู่เงิน forex
    เมื่อคุณตั้งค่าและใส่เงินในบัญชี forex แล้ว ถึงเวลาที่จะขับเคลื่อนธุรกิจในระบบเทรด ที่ที่ดีสำหรับเริ่มต้นคือทำการค้นคว้าหาคู่เงินที่มีสภาพคล่องสูงและผันผวนต่ำ

    คู่เงินที่มีการซื้อขายมากที่สุดในโลกนั้นเกี่ยวข้องกับเงินดอลลาร์สหรัฐ และสกุลเงินหลักอื่นๆ ทั่วโลก รวมถึงสกุลเงินเยน (สัญลักษณ์: JPY), สกุลเงินปอนด์อังกฤษ (GBP), สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียน (AUD), สกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD), สกุลเงินยูโร (EUR), สกุลเงินสวิสฟรังซ์ (CHF) และ สกุลเงินดอลลาร์แคนาเดียน (CAD) ดังนั้น สกุลเงินที่ซื้อขายกันทั่วไปคือ EUR/USD, GBPUSD, AUD/USD, USD/CHF, NZD/USD, USD/JPY and USD/CAD

    มีราคาที่เกี่ยวข้องกับคู่เงิน และราคานั้นจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ตัวอย่างเช่น ถ้าราคาอยู่ที่ 1.22501 นั่นหมายความว่าต้นทุน 1.22501 US เพื่อซื้อ1 ยูโร ถ้าราคาเป็น 1.25250 ดังนั้นจะมีต้นทุน 1.25250 US เพื่อซื้อ 1 ยูโร

    เป้าหมายของคุณในการเล่น forex คือกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคา แม้ว่า :  ซื้อต่ำ และ ขายสูง ในคู่เงินที่คาดการณ์ว่าสกุลเงินฐาน (ด้านซ้าย) จะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินรอง (ด้านขวา)  ขายสูง และ ซื้อต่ำ ในคู่เงินที่คาดการณ์ว่าสกุลเงินฐาน จะอ่อนค่า ตรงข้ามกับสกุลเงินรอง ไม่ว่าจะกรณีใด นักเทรด forex ก็สามารถมีรายได้เป็นเงินจำนวนหนึ่งจากส่วนต่างระหว่างราคาเปิดและราคาปิดของการเทรด จำนวนของกำไร/ขาดทุนนั้นถูกกำหนดโดยจำนวนราคาที่เคลื่อนไหวเป็น pips (ตำแหน่งทศนิยมที่สี่ในราคาของคู่เงิน) และขนาดของตำแหน่ง (forex lots เมื่อคุณซื้อหรือขาย)

     

    เทคนิคที่ 3 – ตัดสินใจเลือก position size

    การเคลื่อนไหวของคู่เงิน forex เรียกว่า pips, pip เป็นทศนิยมสี่ตำแหน่งในราคาของคู่เงิน ตัวอย่าง ใน 1.2232 ทศนิยมตำแหน่งที่4คือ (2) มีค่า1pip ถ้าราคาขยับขึ้นมาที่ 1.2233 นั่นคือราคาเคลื่อนที่มา 1pip

    คู่เงินมักอ้างถึง5pips ในทศนิยมตำแหน่งที่5 คือเศษของpip ตัวอย่าง ถ้าราคาเคลื่อนที่จาก 1.13415 ไปที่ 1.13420 นั่นคือการเคลื่อนที่ครึ่ง pip (0.00005)

    Pips มีความสำคัญเพราะ การเคลื่อนที่ของ pip มีผลต่อกำไรและขาดทุน เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักของกำไรและขาดทุน นั่นคือขนาดของตำแหน่ง โบรกเกอร์ forex ส่วนใหญ่อนุญาติให้นักเทรดทำการเทรดเพิ่มขึ้น $1,000 (หรือหน่วยอื่นๆของสกุลเงินขึ้นอยู่กับสกุลเงินที่ทำการซื้อขาย)

    ถ้าซื้อหรือขายในมูลค่า 1,000 ใน EUR/USD, การเคลื่อนไหว1pip จะมีผลต่อกำไรหรือขาดทุน $0.10 นี่เรียกว่า pip value, ถ้าซื้อขายในมูลค่า 10,000 ของคู่เงินจะมีผลกำไรหรือขาดทุน $1 สำหรับการเคลื่อนไหวในแต่ละ pip, ตำแหน่ง 100,000 หมายถึงการทำกำไร หรือขาดทุน $10 ต่อ pip, คู่เงิน forex โดยปกติจะเคลื่อนไหวประมาณ 100 pips ต่อวัน

    1,000 หน่วยของค่าเงินเรียกว่า micro lot, มูลค่า 10,000ของค่าเงินเรียกว่า mini lot และ 100,000 เรียกว่า standard lot, ซึ่งเป็นไปได้ที่จะเทรดในหลาย lots, ตัวอย่างเช่น นักเทรดสามารถขาย 7 micro lots, ซึ่งหมายความว่าการเคลื่อนไหวของ pip จะมีผลให้กำไรหรือขาดทุน $0.70

    จำไว้ว่าเนื่องจาก leverage, เพียง 0.2% ถึง 1% ที่ถูกใช้ในบัญชีเทรด (กำไร) เพื่อจะควบคุมเงินจำนวนมาก, leverage 1:500 ที่ส่วนใหญ่โบรกเกอร์จะนำเสนอ ต้องการเพียง $2 เพื่อเทรด 0.1lot หรือ $200 เพื่อเทรด 1 standard lot

     

    เทคนิคที่ 4 – เลือกรูปแบบการคำสั่ง

    อย่าเลื่อนตัวเลขทั้งหมดเหล่านั้นออกไป และคำพูดรวมๆที่ไร้สาระในหน้าคำสั่งซื้อ อ้างถึงกระดาษแผ่นนี้ที่หลอกลวง

     

    คำศัพท์การเทรดขั้นพื้นฐาน

    Ask สำหรับผู้ซื้อ : ราคาที่ผู้ขายจะยอมรับสำหรับคู่เงิน forex
    Bid สำหรับผู้ขาย : ราคาที่ผู้ซื้อจะจ่ายสำหรับคู่เงิน forex
    Spread ความแตกต่างระหว่างราคา bid ที่สูงที่สุด และ ราคา ask ที่ต่ำที่สุด
    Market order คำขอซื้อ หรือขาย คู่เงินที่ราคาที่ดีที่สุดตอนนั้น
    Limit order คำขอซื้อ หรือขาย คู่เงินที่เจาะจงราคาหรือราคาที่ดีกว่า
    Stop (หรือ stop-loss) order เมื่อคู่เงินมาถึงราคาที่ตั้งไว้, stop price หรือ stop level, ก็จะถูกดำเนินการตามคำสั่งของตลาดทั้งหมดในราคาที่มีอยู่ตอนนั้น
    Stop-limit order เมื่อราคามาถึง stop price การเทรดกลับมาที่ราคาที่ตั้งไว้ และถูกเติมมาถึงจุดที่ราคาจะพบกัน
    มีวิธีการเทรดและคำสั่งซื้อที่ซับซ้อนมากมาย แต่ไม่ต้องกังวลในตอนนี้ หรือไม่ต้องกังวลตลอดไปเลยก็ได้ นักเทรด forex สามารถสร้างความสำเร็จในอาชีพได้โดยใช้คำสั่งซื้อขายสองประเภทเท่านั้น : market orders และ limit orders

    Market Orders
    เมื่อมีคำสั่งซื้อในตลาด คุณกำลังแสดงให้เห็นว่าคุณจะซื้อหรือขายคู่เงิน forex ในราคาตลาดปัจจุบันที่ดีที่สุด เนื่องจากคำสั่งซื้อตลาดไม่มีการวัดค่าราคาในการเทรด คำสั่งซื้อของคุณจะถูกดำเนินการโดยทันทีและครบถ้วน เว้นแต่คุณจะพยายามซื้อหนึ่งล้านlots และพยายามปฏิวัติ อย่าแปลกใจถ้าราคาที่คุณจ่าย – หรือรับ ถ้าคุณขาย – นั่นไม่ใช่ราคาที่แน่นอนที่คุณเสนอในไม่กี่วินาทีก่อนหน้านี้ ราคา Bid และ ask มีความผันผวนอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงใช้คำสั่งซื้อในตลาดดีที่สุดเมื่อซื้อคู่เงิน ที่ไม่ได้สัมผัสกับการผันผวนของราคา – สภาพคล่องคู่เงินหลักตรงข้ามกับคู่เงินใหม่

    Limit Orders คำสั่งซื้อขายแบบ limit order ช่วยให้คุณควบคุมราคาที่คุณเทรดได้มากขึ้น หากหุ้น XYZ ทำการเทรดกันที่ $100ต่อหุ้น และคุณคิดว่าราคา $95 ต่อหุ้นนั้นเหมาะสมมูลค่าของบริษัทมากกว่า คุณจึงตั้งค่า limit order เพื่อบอกให้โบรกเกอร์ของคุณยึดมั่นและดำเนินการคำสั่งของคุณเฉพาะเมื่อราคา ask ลดลงมาถึงระดับนั้น ในด้านการขาย คำสั่ง limit order จะบอกโบรกเกอร์ของคุณในส่วนที่ราคา bid ขึ้นมาถึงระดับที่คุณตั้งไว้

    Limit orders เป็นเครื่องมือที่ดีสำหรับการซื้อและการขายของนักลงทุนในหุ้นบริษัทเล็กๆ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะพบกัน spreads ที่กว้างขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับกิจกรรมของนักลงทุน พวกเขาก็อาจจะลงทุนได้ดีเช่นเดียวกันในช่วงของตลาดหุ้นผันผวนในระยะสั้น หรือเมื่อราคาหุ้นสำคัญกว่าการบรรลุเป้าหมายคำสั่ง  มีเงื่อนไขเพิ่มเติมที่คุณสามารถวางคำสั่ง limit order เพื่อควบคุมระยะเวลาที่คำสั่งซื้อจะยังคงเปิดอยู่ คำสั่ง “all or none” (AON) จะใช้เฉพาะเมื่อหุ้นทั้งหมดที่คุณต้องการเทรดนั้นมีราคาอยู่ที่คำสั่ง limit order ของคุณ คำสั่ง “good for day” (GFD) จะหมดอายุตอนหมดวันในการซื้อขาย แม้ว่าการสั่งซื้อจะไม่ได้รับการเติมเต็ม คำสั่ง “good till canceled” (GTC) ที่เหลืออยู่ในตลาดจนกระทั่งดึงลูกค้าเข้ามาหรือคำสั่งหมดอายุ นั่นคือจาก 60-120 วันขึ้นไป

    วิธีเล่นระบบเทรด Forex ด้วยเงินทุนเล็กน้อย

    นักเทรดทุกคนต้องการที่จะเล่น forex ด้วยบัญชีการเทรด forex ที่สมเหตุสมผล (เช่นบัญชี $1,000,000), แต่น้อยคนนักที่จะทำแบบนี้ นักเทรดส่วนใหญ่ติดอยู่ที่บัญชีน้อยๆ (เช่น แค่ครอบคลุมมาร์จิ้นที่กำหนดเท่านั้น) การเล่น forex ด้วยบัญชีเล็กๆ ต้องเข้มงวดในเรื่องความเสี่ยง และการจัดการเงิน เพราะว่าไม่มีการรองรับความผิดพลาด หรือการขาดทุนโดยไม่ตั้งใจ

    การเทรดในบัญชีเล็กๆ จะยากกว่าการเทรดในบัญชีที่ใหญ่กว่า บัญชีใหญ่จะมีการรองรับความผิดพลาด, การขาดทุนที่ไม่ได้คาดไว้, และบางครั้งเมื่อนักเทรดรู้สึกแย่, แต่บัญชีเล็กไม่มีการรองรับ บัญชีใหญ่สามารถใช้ในการเทรดในตลาดใดก็ได้, แต่สำหรับบัญชีเล็กสามารถเทรดได้เพียงตลาดที่มีการกำหนดมาร์จิ้นที่ต่ำ และมีปริมาณต่ำ บัญชีใหญ่ยังมีความยืดหยุ่นในการเทรด (เช่น multiple contracts), ในขณะที่บัญชีขนาดเล็กมีข้อจำกัดมากมายในการจัดการกลยุทธ์การเทรดที่พวกเขาสามารถใช้ได้

    ด้วยความเสียเปรียบทั้งหมด, ดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่บัญชีขนาดเล็กจะสามารถทำกำไรได้ ไม่ใช่เสมอไป, และบัญชีขนาดเล็กก็สามารถทำกำไรได้โดยนักเทรดหลายๆคน (รวมถึงนักเทรดมืออาชีพ) คำแนะนำต่อไปนี้เกี่ยวกับวิธีการเล่น Forex ด้วยเงินทุนเล็กน้อย ภาพรวมของบัญชีที่เงินทุนน้อย:

    • เล่น Forex โดยการใช้ Leverage ที่สูงกว่า – Leverage ใน Forex ไม่ได้ทำเกิดความเป็นไปได้ในการกำไรหรือขาดทุน แต่เป็นการลดจำนวนเงินลงทุนในการเทรดที่ต้องใช้, ด้วยการปล่อยเงินทุนในการเทรดสำหรับการเทรดอื่นๆ ตัวอย่าง, ถ้านักเทรดต้องการซื้อ 1 lot EurUsd ที่ 1.2000 จะต้องการเพียง $240 ของเงินทุนการเทรด ถ้า leverage คือ 500:1, ดังนั้นจะมีทุนเหลือ $960 สำหรับการเทรดเทียบกันที่ 100:1 leverage นี่คือวิธีที่นักเทรดมืออาชีพ, วิธีที่ถูกต้อง
    • เล่น Forex โดยใช้ Forex Lot ขนาดเล็ก – นักเทรดด้วยบัญชีที่ดีจะเล่น forex ด้วยความเสี่ยงที่สูง (เช่น ความสัมพันธ์ของการ stop loss กับเป้าหมายของเขา) นักเทรดด้วยบัญชีขนาดเล็กต้องมีความระมัดระวังมากกว่า, และแน่ใจว่าอัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน และอัตราการชนะต่อการแพ้ นั้นได้มีการคำนวณไว้อย่างถูกต้องแล้ว
    • เล่น Forex ด้วยความเสี่ยงที่ต่ำ – การเล่น Forex ตามกฎของความเสี่ยงที่ 1เปอร์เซ็นต์สำหรับบัญชีขนาดเล็กด้วยการรองรับความเสี่ยงเหมือนเดิม (ป้องกันความผิดพลาด, การขาดทุนที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้, และอื่นๆ) เช่นเดียวกับบัญชีขนาดใหญ่ นักเทรดมืออาชีพหลายๆ คนใช้กฎความเสี่ยงที่ 2-3เปอร์เซ็นต์ โดยไม่คำนึงถึงขนาดบัญชีการเทรดของเขา, เพราะว่าเป็นเทคนิคการจัดการความเสี่ยงที่ได้ผลมากๆ

    นักเทรดบางคนยืนยันว่าไม่สามารถประสบความสำเร็จในการเล่น forex ด้วยบัญชีการเทรดที่ทุนต่ำ นี่เป็นเรื่องที่ไม่จริง การเทรดในบัญชีขนาดเล็กอาจจะยากกว่าที่จะประสบความสำเร็จ, แต่ถ้าเขาเทรดด้วยวิธีที่ถูกต้อง, ก็ไม่มีเหตุผลใดที่บัญชี Forex ขนาดเล็กจะไม่สามารถทำกำไรได้

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อระบบเทรด Forex

    ตุลาคม 10, 2022

    1. ปัจจัยสถานะภาพทางเศรษฐกิจของชาต
    2. ปัจจัยนโยบายของธนาคารกลางสกุลเงิน – อัตราดอกเบี้ย
    3. ปัจจัยงบการค้าระหว่างประเทศ – การนำเข้า การส่งออก
    4. ปัจจัยความมั่นคงของชาติ, การเมือง – การเลือกตั้ง นโยบายทางเศรษฐกิจของพรรคการเมือง
    5. ปัจจัยความเชื่อมั่นทางตลาดของนักลงทุน – ความคาดหวังและข่าวลือต่างๆ
    6. ปัจจัยการเข้ามาเก็งกำไรของนักลงทุนรายใหญ่

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    14 เทคนิคการเลือกใช้ระบบเทรด forex indicator ให้การเทรดมีแต่กำไร

    ตุลาคม 5, 2022

    1.เลือกระบบเทรด forex indicator ที่เสียเงินก่อนเสมอ

    ถ้าจะต้องเริ่มต้นใช้ระบบเทรด forex indicator แล้ว ผมแนะนำว่าให้ลองมองหาระบบเทรด forex indicator ที่คุณจะต้องจ่ายเงินซื้อมา เป็นอันดับแรกก่อนเลยนะครับ รู้ว่าของฟรีในวงการ forex indicator นั้นมีอยู่จริง แต่ในเมื่อเราเพิ่งเริ่มต้น เงินทุนของเราก็ยังมีไม่มาก การเลือกระบบเทรด forex indicator ที่เราต้องจ่ายเงินออกไปก่อน ส่งผลต่อความปลอดภัยในอนาคตของเรามากกว่าครับ ดังนั้น ยอมจ่ายก่อน แล้วคุณจะรู้ว่าการลงทุนด้วยเงิน บางทีมันก็ทำให้อะไรๆง่ายขึ้นมากทีเดียว

     

    2.ทดสอบระบบเทรด forex indicator ที่ฟรีบ้าง

    ในระหว่างที่คุณซื้อระบบเทรด forex indicator และเริ่มทำการทดสอบ อยากให้คุณลองเปิดบัญชีแกประเภทหนึ่ง จากนั้นเริ่มต้นทำการทดสอบระบบเทรด forex indicator ที่คุณไม่ต้องจ่ายเงินดูประกอบกัน   บางทีแล้วการเลือกระบบเทรด forex indicator ที่ไม่ต้องจ่ายเงิน ก็เป็นตัวช่วยที่สำคัญ ที่อาจส่งผลต่อความสำเร็จทางการเงินของคุณในอนรคตก็เป็นได้ และนี่ถือเป็นเรื่องสำคัญมากๆเลยทีเดียว เคยพบกับระบบเทรด forex indicator ที่สามารถช่วยตัดสินใจได้ดี และมีความคลาดเคลื่อนน้อย (ปัจจุบันยังใช้อยู่) จนแทบลืมของเสียเงินไปเลย

     

    3.อย่าดูเบาคนไทย

    ถ้าคุณเจอคนไทยทำระบบเทรด forex indicator ออกมา อย่าเพิ่งไปรังเกียจเขา หรือมองว่า ทำไมต้องทำด้วย มันน่าจะไม่ดี หรือไม่ Work คนไทยกันเองนี่ล่ะทำระบบเทรด forex indicator ได้เก่งสุดยอดมากเลย ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นนะหรือ เพราะคนไทย มีสัดส่วนของผู้ที่เทรด forex มากติดอันดับโลก และการที่มีคนเป็นจำนวนมากเทรด forex นี้เอง มันทำให้ผลักดันให้มีคนเก่งปรากฎเข้ามาในตลาดมากขึ้นนั่นเอง ดังนั้นอย่าดูเบาคนไทยโดยเด็ดขาด รับรองว่าระบบเทรด forex indicator ชองไทยนั้นเด็ด! แน่นอน

     

    4.Back Test สำคัญที่สุดใน โลก

    ในโลกของระบบเทรด forex indicator การเลือกที่จะ BT ข้อมูลก่อนอย่างน้อยสัก 3 เดือน ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยให้คุณสามารถทำกำไรในตลาด forex ได้จริงครับ อย่าลืมทำตามข้อนี้เสมอๆ ตั้งค่าทดสอบอย่างน้อย 3 เดือน และลองดูว่ามีค่าที่แสดงผล Error ออกมาคิดเป็น % ของความผิดพลาดนั้นเป็นกี่จุด สิ่งนี้จะเป็นตัวที่การันตีถึงความสำเร็จในการเทรด forex ในอนาคตเลยด้วย

     

    5.อย่าฟังหรือเชื่อข้อมูลที่คุณนั้นไม่ได้ทดสอบด้วยตนเอง

    เราเคยเสียเงินเป็นจำนวนมากจากการที่ มีคนบอกว่าระบบเทรด forex indicator นั้นดี โดยที่ผมไม่ได้ทดสอบด้วยตนเอง เพราะบางทีแล้วระบบเทรด forex indicator บางตัวนั้นไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้เราเป็นคนใช้ มันมีค่าที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นจงเลือกใช้แต่เฉพาะที่เราสามารถทดสอบได้เท่านั้นพอ ท่องเป็นหลักการสำคัญไปเลยว่า ถ้าไม่ทดสอบ ก็ไม่มีทางที่จะซื้อมาได้อย่างเด็ดขาด! อย่าไปลงทุนในสิ่งที่เรายังไม่มั่นใจ

     

    6.ย้อนหลังอย่างน้อย 3 เดือน

    กล่าวไปแล้วในข้อข้างต้น แต่อยากมาย้ำอีกรอบว่าคุณจะต้องทำการทดสอบระบบเทรด forex indicator อย่างน้อย 3 เดือน เพื่อตรวจสอบค่าที่มัน Error ครับ ยิ่งตรวจสอบมากเท่าไหร่ และคำนวณ % ของค่าความผิดพลาดออกมามากเท่าไหร่ คุณก็จะสามารถมองเห็นยอดเงิน % ในการทำกำไรของคุณมากยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ตรงนี้ล่ะถือเป็นผลลัพธ์ที่ดีมากๆ และผมมักพบว่าระบบเทรด forex indicator ที่ผ่านเกณฑ์การทดสอบ 3 เดือน มักสามารถทำกำไรได้ค่อนข้างดี

     

    7.ตรวจสอบระบบเทรด forex indicator ในช่วงข่าวด้วย

    มีอยู่อย่างหนึ่งที่คุณอาจต้องทำคือ อย่าลืมตรวจสอบระบบเทรด forex indicator ในช่วงที่มีข่าวด้วยนะครับ บางทีแล้วในช่วงนั้นอาจเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ  เพราะสามารถช่วยให้คุณมองเห็นโอกาสในทางธุรกิจเพิ่มขึ้น ดังนั้นอย่าลืมสิ่งที่บอกกล่าวไปว่า การตรวจสอบข้อมูลในช่วงข่าวก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง

     

    8.บางทีเว็บระบบบเทรด forex indicator ที่ดีมีคุณภาพก็เป็นตัวบ่งชี้

    ลองมองดูว่าเว็บที่เป็นระบบเทรด forex indicator นั้นมีคุณภาพมากน้อยแค่ไหนด้วยนะ บางทีสิ่งง่ายๆนี้เองก็เป็นตัวที่เราใช้บ่งชี้ถึงความแตกต่างในเรื่องของคุณภาพของระบบเทรด forex indicator ที่เราจะเลือกใช้งานด้วย ดังนั้นเน้นไปที่คุณภาพของการบ่งชี้คือสิ่งที่ดีที่สุด เว็บที่ดีกว่าย่อมได้เปรียบกว่าเว็บที่มีคุณภาพต่ำอยู่แล้ว

     

    9.ทดสอบเงินจริง 30% ก่อน

    จงทดสอบที่เงินจริงของคุณก่อน เมื่อเราได้ระบบเทรด forex indicator ที่เราถูกใจและผ่านการทดสอบในสนามมาเรียบร้อยแล้ว เมื่อถึงคราวที่จะต้องเทรดจริง ผมอยากให้คุณลงมือใช้เงินเพียง 30% เพื่อทำการทดสอบก่อน เพราะพบว่าสิ่งที่อยู่ในสนามสำรองนั้น เวลาขึ้นไปที่สนามจริง ก็จะมีผลลัพธ์ที่ต่างกันเช่นกัน

     

    10.อย่าลืมเรื่องของระบบ VPS ด้วยนะ

    อย่าลืมในเรื่องของ VPS ด้วยนะ เรื่องนี้ถือเป็นอีกจุดหนึ่งที่มีความสำคัญครับ กล่าวคือ หากคุณทำการใช้ระบบเทรด forex indicator และรันบน EA คุณมีความจำเป็นต้องเปิดโปรแกรมหรือเว็บไว้ ดังนั้นคุณจำเป็นต้องรันมันให้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นอย่าลืมในเรื่องของระบบ VPS ที่จะมารองรับเรื่องราวเหล่านี้ด้วย ไม่อย่างนั้นแล้วเวลาคอมดับ คุณอาจขาดทุนกะทันหันเลยก็ได้

     

    11.หมั่นตรวจสอบข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ

    เมื่อเริ่มใช้ระบบเทรด forex indicator ไปสักระยะ การตรวจสอบข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ คือวิธีการที่ดี และช่วยให้คุณไม่ต้องกังวลว่ารายได้ของคุณนั้นจะเป็นอย่างไร บางทีในระหว่างการรัน EA ด้วยการใช้ระบบเทรด forex indicator ที่คุณติดตั้ง อาจเกิดปัญหาค้าง หรือเป็นปัญหาทางเทคนิค ซึ่งถ้ามันเกิดขึ้น คุณจะสามารถแก้ปัญหาได้ทัน แต่ถ้าไม่หมั่นเข้ามาตรวจสอบเลย อันนี้อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ลุกลามไปในอนาคตสำหรับตัวคุณก็ได้

     

    12.แลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้ที่เคยใช้ Indicator นั้นๆ

    ไหนๆก็มีระบบเทรด forex indicator ที่เราซื้อมาใช้แล้ว อย่าลืมแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์กันระหว่างผู้ที่ใช้ กับคนอื่นๆด้วย เพราะสิ่งนี้จะเป็นเครื่องมือ และแหล่งข้อมูลสำคัญที่จะทำให้คุณตัดสินใจทั้งการเปลี่ยนแปลง การไม่ใช้งานมัน หรืออาจเป็นการอัพเดทระบบให้มันดีขึ้นกว่าเดิม สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อคุณได้แลกเปลี่ยนข้อมูลนี้กับคนอื่นๆ

     

    13.ถ้าขาดทุนต้องหยุด ห้ามใช้ต่อเด็ดขาด

    ถ้าระหว่างที่ใช้ระบบเทรด forex indicator แล้วเกิดภาวะขาดทุน ยังงี้ต้องหยุดการใช้ออกไปก่อนนะครับ เพราะอาจเกิดอันตรายอย่างมากต่อกระสุนของคุณที่มี บางทีระบบเทรด forex indicator ตัวนั้นๆอาจหมดอายุแล้ว หรือไม่สามารถที่จะใช้งานได้แล้วอีกต่อไป จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหยุดการใช้งาน

     

    14.อย่าใช้ forex indicator เพียงแค่เจ้าเดียว

    ถ้าคุณเจอของดี อย่าเลือกใช้บริการแต่เพียงเจ้าเดียวเท่านั้นแต่ให้เลือกใช้ระบบเทรด forex indicator ของเจ้าอื่นๆที่มีคุณภาพไม่แพ้กันประกอบไปด้วย เพื่อที่ว่าคุณจะได้มีโอกาสในการเพิ่มพูนแนวทางในการสร้างความสำเร็จทางการเงินเพิ่มเติมขึ้นมาได้อีกครั้งครับ อย่ารอช้า จงทำแล้วคุณจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการวิเคราะห์ Closr System ระบบเทรดforex

    ตุลาคม 5, 2022

    Close System  เป็นเหมือนฐานทัพ เป็น Base ของกองทุน หรือ Firm ต่างๆในโลก ที่เห็นเค้าเทรดๆๆ Day Trade หรือ Scalping ต่างๆ นั้นเค้าเทรดบนกำไร หรือ CF จาก Close system ทั้งนั้น ไม่มีหรอกที่จะให้มาเทรดบนเงินทุน

    การบริหาร Port ก็จะแบ่งเป็น 2 step
    1. ทำ Close System ( บริหารเงินทุนเริ่มต้น)
    2. เอา CF ไปต่อยอด (ทำ Day Trade)
    แต่จากข้อ 2. ก็จะแยกไปอีก 2. ข้อ คือ
    2.1 แบ่ง CF จาก Day Trade ที่ได้มาเล่น HFT (หรือ Scalping)
    2.2 แบ่ง CF อีกส่วนนึงมาเล่นกับ Trend (กินยาวๆ)

     

    เทคนิคการทำ Close System ระบบเทรดforex
    แต่ก่อนจะเข้า close system ต้องมี mindset ก่อน คือ วินัยสำคัญที่สุด สำคัญกว่าการถูกผิด แม้จะยิงถูกทางได้กำไร แต่ถ้าผิดวินัยก็ต้องถูกลงโทษ
    Close System = ระบบปิด เป็นระบบที่ไม่ต้องเติมเงินเข้า port แล้วก็ต้องไม่ตาย (ไม่ล้างพอร์ต)
    ซึ่งก็ทำได้โดยการที่เราต้องคำนวณ Buffer ของกระสุนแต่ละนัดของ close system ว่า จะใช้ทุนรองรับเท่าไหร่
    เช่น เรามีทุน $3,000 เราอยากเทรด ทอง กระสุน นัดละ 0.01 lot จะกำหนดได้กี่นัด ก็มาคำนวณ
    สมมติ ให้ worse case ทอง อาจจะลบไปมากสุดที่ $800 (กรณีเทรดฝั่ง Long) ก็เตรียมไว้เผื่อโดนลาก $500 / 0.01 lot
    เราก็จะมีกระสุน $3,000 / $500 = 6 นัด ( 0.01 x 6 )
    ถ้าคิดจะเสี่ยงขึ้นมาหน่อยก็ลด buffer ลงจาก $500 ต่อนัด อาจจะเหลือ $400 , $300 ก็ได้ เงิน $3,000 ก็จะมีกระสุนเยอะขึ้นแลกกับความเสี่ยงที่มากขึ้น (อยู่ที่เราออกแบบ)  ถ้าเราวางระบบไว้แบบนี้ เราก็ไม่มีความจำเป็นต้อง Cut Loss

    Close System ทำขึ้นมาเพื่อ
    1. สร้าง Cash Flow  ได้สม่ำเสมอ
    2. เป็น Passive Income ให้ port
    3. อยู่รอดในตลาดในนานๆๆๆๆๆ
    จากนั้นก็จะเป็นระบบเทรดของ Close System

    1. Direction Bias

    ฝึก Focus ทีละทิศทาง มีตัวกำหนดว่าตอนนี้เราจะเล่น Bias ทางไหน แล้วเมื่อไหร่จะเปลี่ยนทางเล่น ในตัวอย่างใช้ ถ้า Price ยืนเหนือ Moving ก็ให้เล่นฝั่ง Long ถ้าอยู่ต่ำก็เล่น Short Bias โดยจะเป็นการเล่นหน้าเดียวตาม Bias หลักที่เรา set ไว้
    เอาง่ายๆคือ กำหนด Bias หลักจาก TF ใหญ่ๆ เพราะ กราฟ TF ใหญ่ๆ เช่น TF Day  ซึ่ง Trend มันเปลี่ยนช้า ว่าตอนนี้เรามองทางไหน เช่นถ้าเรามองทาง Long Bias เราก็เลือกจิ้มเลยว่าจุดไหน จังหวะไหนเราจะ Long บ้าง  ทีนี้ก็จะต่อมาที่ข้อ 2

    2. ระบบ ลดต้นทุน   

    สมมุติเราเลือกเล่นทาง Long
    Long คู่ AUDJPY ที่ 94 แล้วไปปิดที่ 95 การลดต้นทุน คือ การรับคืนให้ถูกกว่าที่ปิดตะกี้ จะรับคืนก็ต่อเมื่อมันลงมาต่ำกว่า 95 พอมันลงมาต่ำกว่า 95 ก็จะเลือกจิ้มแบบข้อ 1 ว่าเราจะเข้าตรงไหน ยังไง ตามใจเรา
    แต่ถ้ามันไม่ลงมา กระสุนนัดนั้นก็จะไม่สามารถเอามาซื้อได้
    เช่นสมมุติเราตั้งใจจะเทรด คู่ AUDJPY 5 bullet นัดละ 0.01 lot
    หากเราปิดที่ 95 แล้วมันไปต่อ เราใช้นัด 1 ไปแล้ว โดน lock ที่ราคา 95 หากราคาเหนือ 95 ขึ้นมาเราก็ไม่สามารถเอานัด 1 มาไล่ราคาได้
    ต้องงัดนัด 2 ออกมาใช้
    แล้วหากนัด 2 ปิดแล้วไปต่อ นัด 2 ก็ โดน Lock จะซื้อโซนสูงๆ ก็ต้องงัดนัด 3
    ถ้าวางโซนไม่ดี กระสุนก็หมดนะจ๊ะ อิอิถ้าเราไม่เอากระสุนไล่ราคา กระสุนของเราก็จะมีต้นทุนลดลงเรื่อยๆๆ อันนี้คือระบบลดต้นทุนครับ

    3. แบ่งโซน
    แบ่งโซนด้วย ATR Day นับจากราคาที่เข้า position
    เช่น ทอง เราเข้า Long ที่ 1305 ATR Day วันนี้อยู่ที่ 15 หากมันร่วงลงมา เราจะเข้าได้ก็ต่อเมื่อมันลงไปต่ำกว่า 1290 เท่านั้น ( 1305 – 15 ) นั่นคือ safety factor ของเรามันเป็นการป้องกันไม่ให้เราเข้าถี่เกินไป เพราะเวลาเราเทรดแล้วติดดอย เราจะเกิดการอยากเอาชนะ ยิ่งลงยิ่งอัด ยิ่งลงยิ่งถัว ระยะ ATR ตรงนี้จะเป็นตัวช่วยเราไม่ให้เรายิงถี่ ติดดอยแบบซ้ำโซน

    4. เลือก Product
    ทำไมต้องเลือกระบบเทรด Forex ก็เพราะว่า Forex มันแกว่งในกรอบจำกัด ยกตัวอย่างเช่น USDTHB มันแกว่งกรอบ 25-50 มากี่ปีแล้วไม่เคยหลุดเลยแต่ที่เรารู้สึกว่า Forex มันโหด เพราะเราเล่นมันอยู่บน Leverage ที่สูง 1:500 อะไรงี้ เราเลยรู้สึกว่ามันโหดอีกข้อก็คือ สภาพคล่องมันสูง และ ความผันผวนเยอะด้วย market model ดักกินตังค์ได้ง่ายดี 555 อันนี้เติมเองนะ อิอิพอเราวางระบบ close system แล้วเทรดก็จะมี CF เรื่อยๆ ก็นำไปต่อยอดในระบบ Day Trade ต่อ

    มาเข้าการทดลองของระบบเทรด  Forex พอร์ตที่จะใช้ เทรด ใช้ บัญชี  Cent   ของ  EXNESS ,  FBS  และ  Micro ของ XM  ทุนเริ่มต้น อยู่ในช่วง  600 $ – 700 $  อาจจะไม่เต็มจำนวนของระบบ   Close System ใน  Forex   ราคาต่ำสุดของคู่เงินอยู่ที่  0.0000  ถึงจะล้างพอร์ตและ เทรดใน ขา  Long Only   ขอใช้คู่  AUD/CHF  และ  NZD/USD ส่วนคู่อื่น ๆ ไว้โอกาสต่อไป

    คู่ AUD/CHF  กราฟเดือน ราคาขณะที่เขียนบทความอยู่ที่  0.73586 แนวรับอยู่ที่ 0.66835  เดี๋ยวเราย่อยกราฟลงไปที่ระดับ  Week  เพื่อหาแนวรับที่จะสูงขึ้นกว่า กราฟเดือน

    กราฟ Weekly

    กราฟ Day

    กราฟใน  TF   ที่เล็กลง  Week  มีแนวรับเพิ่มขึ้นมา แนวรับที่ 1 => 0.70623  แนวรับที่ 2 ใช้แนวรับของกราฟเดือน  => 0.66835

    มาดูที่กราฟ Day  มีแนวรับเพิ่มขึ้นอีก ที่ => 0.72647    แนวรับที่ 2  ใช้ของกราฟ  Week => 0.70623    ลงไปที่  TF 4 hr ดู

    ใน กราฟ 4 hr ราคาได้ทะลุ แนวรับที่ 1  ลงมาแล้ว  รอดูว่าจะลงไปแนวรับที่ 2  ซึ่งเป้นแนวรับของกราฟ  Day  หรือเปล่า

     

    แนวการเทรดของคู่  AUD/CHF

    ก่อนอื่น คำนวณต้นทุนตามระบบ   ราคา => 0.73586   ทุนที่จะใช้จริง ๆ คือ 735 $  บัญชี  Mini ของ  Exness  จะเปิดได้ 0.01  เพียง 1  ออร์เดอร์  เมื่อราคาลงไปที่ 0.0000  จึงล้างพอร์ต  ในความจริง เป็นไปไม่ได้เลย  ….  บัญชี  Mini  ดูแล้วต้องใช้มือเทรด และต้องเฝ้าเปิด ออร์เดอร์ ตามแนวรับ ค่อนข้างยากในการเทรด

    เปลี่ยนมาเป็น บัญชี  Cent ทุน 735 $ => 73 500 usc  เปิด ออร์เดอร์ สูงสุด 1.0 lotเรามาแยกเป็น  0.5 , 0.5  หรือ 0.25,0.25,0.25,0.25  หรือ  0.1 X 10  ถ้าแบ่งออร์เดอร์ออกมาได้แล้ว ก็สามารถใช้  EA  เข้าช่วยเทรดได้ทันที

    ใช้  EA  ตัวไหนก็น่าจะได้  แล้วเปิด  Only Long   ถ้าเป็น EA  แนว  Martingel  ก็ตั้งค่าให้ ออร์เดอร์ที่  2,3,4  ให้เท่ากับ ออร์เดอร์ที่ 1  ส่วนการทดลองครั้งนี้ ใช้  My robot Plus  ซึ่งสามารถตั้งค่า ใน ออร์เดอร์ที่ 2,3,4,5 …..  เท่ากับ ออร์เดอร์แรก

    ราคาในวันเริ่มต้นการทดลอง  อยู่ที่   0.73586

    กราฟเดือน แนวรับที่ 0.62641   แนวรับที่ 2  0.4927  แนวรับที่ 2  คงไม่น่าลงไปถึง เดี๋ยวมาดูที่กราฟระดับ  Week

    กราฟ Week  แนวรับที่ 1 => 0.66824   แนวรับที่ 2 ใช้ของ กราฟ เดือน  => 0.62641

     

      กราฟ Day  ราคาผ่านทะลุแนวรับแรกลงมาแล้ว  แนวรับที่ 2  ใช้ของกราฟ  Day ที่ราคา  0.66824  ส่วนกราฟ 4 hr  นั้น ราคาหลุดทุกแนวรับเรียบร้อยแล้ว

     

    แนวการเทรดของคู่  NZD/USD

    บัญชี  Cent ทุน 680 $ => 68 000  usc  เปิด ออร์เดอร์ สูงสุด 1.0 lot เรามาแยกเป็น  0.5 , 0.5  หรือ 0.25,0.25,0.25,0.25  หรือ  0.1 X 10  ถ้าแบ่งออร์เดอร์ออกมาได้แล้ว ก็สามารถใช้  EA  เข้าช่วยเทรดได้ทันที ใช้  My robot Plus  เหมือน  AUD/CHF

     

    การตั้งค่า  EA    ตามภาพข้างบน เน้น  Long

    เริ่มการทดลอง พอร์ต เดโม ทุน  73500  เทรด คู่  AUD/CHF  และทุน 50000 เทรดคู่  NZD/USD  คิดว่า ทุน  50 000  น่าจะเอาอยู่

    ทั้ง 2  พอร์ต เปิด ออร์เดอร์  กราฟที่ 1 = 0.1 X 10   ,ส่วน กราฟที่ 2 = 0.11 X 10  จะใช้เมื่อกราฟผิดทางและลงมาลึก

    กราฟ Day  ก็ยังใช้ แนวรับของกราฟ  Week    ใช้ทุน   50 000 USD เปิด ออร์เดอร์  กราฟที่ 1 = 0.1 X 12   ,ส่วน กราฟที่ 2 = 0.13 X 10  จะใช้เมื่อกราฟผิดทางและลงมาลึก และจะล้างพอร์ตเมื่อราคาลงไปที่ ราว ๆ 40.xxx  (คงเป็นไปได้ยากมาก) แค่เรา ลดความโลภ

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการเลือกวิธีเทรดให้เหมาะกับคุณ

    ตุลาคม 5, 2022

    เทคนิคการเทรดด้วยระบบเทรด Forex แบ่งออกเป็น 4 แนวทางหลัก คือ 

    1.เทคนิคการเทรดด้วยระบบเทรดforexโดยยึดหลักการวิเคราะห์ด้วยกราฟ หรือ หรือเทคนิคอล(technical)  การเทรดด้วยระบบเทรด Forex ด้วยวิธีนี้เป็นที่นิยมมากที่สุดในบรรดาเทรดเดอร์ทั้งไทยและต่างประเทศ เพราะราคาที่เคลื่อนที่ทำให้เกิดกราฟขึ้นมา ทำให้เราเห็นสถานการณ์ต่างๆ ในตลาด ในการเลือกทิศทางที่เราจะซื้อ Buy หรือ Sell ซึ่งโดยส่วนใหญ่มืออาชีพจะมีระบบเทรดที่คาดการณ์ได้ถึง 70% และถ้าเซียนจริงๆ อาจมีเปอร์เซ็นต์ถูกถึง 90%

    ข้อดีของระบบเทรด Forex ด้วยเทคนิคอล คือ ไม่ต้องใช้ความรู้สึกในการวิเคราะห์, มีสูตรที่แน่นอน สามารถทำตามได้, มีระบบเทรด และอินดิเคเตอร์ (indicator) ขายอยู่มากมาย

    ข้อเสียของระบบเทรดforex ด้วยเทคนิคอลคือ สิ่งที่วิเคราะห์เป็นอดีต ไม่ใช่อนาคต เรามองไปในอดีตและหวังว่าอนาคตจะเป็นเช่นนั้นเราก็ได้แค่หวัง, สถิติต่างๆเกิดจากค่าเฉลี่ย ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้มีชีวิต บอกสถานการณ์คร่าวๆ เท่านั้น, ต้องอดทนเทรดโดยใช้วิธีเดิมจนกว่าจะครบกำหนดถึงจะนับสถิติการเทรดได้เพราะtradeทุกไม้ ไม่ชนะทุกไม้แน่นอน

    2.เทคนิคการเทรดโดยยึดหลักการวิเคราะห์ด้วยข่าว หรือการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจ ระบบเทรด Forex ด้วยเทคนิคนี้ต้องอ่านข่าว ซึ่งข่าวส่วนมากเป็นภาษาอังกฤษ หรือหาอ่านได้ตามข่าวการเงินประเทศต่างๆ ข่าวเหล่านั้นจะบอกสถานการณ์การเงินในประเทศนั้นๆ และจะบอกในภาพรวมใหญ่ๆ ส่วนข่าวที่ส่งผลในรายวันก็จะเป็นข่าวที่ประกาศตามเวลาซึ่งเมื่อขาวออกค่าเงินนั้นจะวิ่ง ส่วนจะวิ่งขึ้นหรือวิ่งลง ขึ้นอยู่กับข่าวนั้นเป็นผลดีหรือผลเสียต่อค่าเงินนั้นๆ และความแรงก็ขึ้นอยู่กับความแรงของข่าว

    ข้อดีของระบบเทรดด้วยข่าวคือ  รู้ถึงเหตุและผลของการขึ้นลงของกราฟ, เมื่อเข้าใจข่าวอย่างแจ่มแจ้งก็เทรดได้ด้วยความมั่นใจไม่เดาสุ่ม, รู้ก่อนรวยก่อน, ค่าเงินที่ส่งผลต่อตลาดโลกส่วนใหญ่ก็มีไม่กี่ประเทศ เช่น อเมริกา USD, ยุโรป EUD, ญี่ปุ่น JPY, อังกฤษ GBP

    ข้อเสียของระบบเทรดด้วยการวิเคราะห์ข่าวคือ  ถ้าไม่เข้าใจจริงๆก็สับสนได้ เช่น ในบางครั้งข่าวออกดี ส่วนค่าเงินอ่านลงเพราะค่าเงินแข็งไม่ได้แปลว่าเป็นข่าวดีก็ได้เพราะบางประเทศอยากให้ค่าเงินตัวเองอ่อนลง

     

    3.เทคนิคการเทรดโดย โปรแกรมเทรด หรือ EA(Expert Advisors)ระบบเทรด Forex ด้วย EA เป็นสิ่งที่ชอบมาก เพราะเราแค่ป้อนค่า แล้วหา VPS เซิฟเวอร์ รันต่อเนื่องเป็นเดือนๆได้โดยเราไม่จำเป็นต้องเข้าไปดูเลย EA จะทำงานตามคำสั่งที่เราระบุไว้ในโปรแกรมเทรด เมื่อถึงเวลาเราก็เปิดดู กำไรหรือขาดทุนก็ขึ้นอยู่กับ EA เราเจ๋งแค่ไหน

    อีเอ (EA)ดีๆคืออีเอซื้อ การไปต่อคนอื่นๆให้ได้อีเอดีๆ หายาก  อีเอที่สามารถทำเงินได้อยู่ในทุกวันนี้คืออีเอซื้อ ส่วนแหล่งก็ต้องค้นหากันดีๆหน่อย และไม่ควรซื้อแพงเกินไปเพราะไม่มีใครรับรองได้ว่าจะสามารถทำเงินจากมันได้  ส่วนใครจะให้คนเขียนอีเอให้ตามระบบของเราเองก็มีคนรับเขียนอยู่มากมาย สนนราคาอยู่ที่ 2000-5000 บาทต่อตัว ส่วนการซื้ออีเอก็ให้ระวังพวกต้มตุ๋นให้มากๆ  อันนี้ขึ้นอยู่กับสายตาของแต่ละคน อาจจะลองค้นหา scam ea ตามเว็บนอกก็ได้  ส่วน FREE EA อย่าไปยุ่งเลยเสียเวลา 

    ข้อดีของระบบเทรด Forex ด้วย EA คือ ทำครั้งเดียวไม่ต้องยุ่งยากอีก ไม่ต้องใช้อารมณ์คนเทรดมาเกี่ยวข้อง ไม่ต้องกดดัน ไม่ต้องอยู่หน้าจอ แค่หาอีเอดีๆก็พอ อีเอดีๆที่ทำกำไรเดือนละ 10% ของทุน แบบเสี่ยงน้อยๆ มีอยู่มากมายเลย กำไรสูงความเสี่ยงก็มักจะสูงตามเช่นกัน

    ข้อเสียของระบบเทรด Forex ด้วย EA คือ การหาอีเอดีๆ หาไม่ง่าย บางคนซื้อ บางคนจ้างเขียน บางคนไปสมัครต่อ IB เพื่อให้ได้ EA มา กว่าจะเจอของดีจริงๆ ก็อาจหมดทุนไปเยอะแล้ว

     

    4.เทคนิคเทรดโดยก๊อปปี้ออเดอร์คนอื่น หรือ Copy trade คือการ Copy ออเดอร์คนอื่น ตามข้อตกลงของคนที่ให้เรา Copy ถ้าเราอยาก Copyก็ให้หาโบรกเกอร์ที่บัญชีPAMM เช่น Forex4you, Roboforex, hotforex

    ข้อดีของระบบเทรด Forex ด้วย Copy Trade   คือ ไม่ต้องมีความรู้เรื่องการเทรด Forex เลยก็สามารถทำเงินได้ ถึงยังไงก็ต้องเปิดบัญชี ฝากถอนให้เป็นสักหน่อย, สามารถเลือกคนที่มีสถิติดีๆ เก่งๆ เพื่อ Copy ออเดอร์ได้, นอกจากนี้ก็มีข้อดีแบบเดียวกับการเทรดด้วยอีเอคือไม่ต้องเฝ้า ไม่ต้องตัดสินใจเอง ไม่ต้องเหนื่อย, ถ้าเมื่อไหร่เราเก่งก็สามารถเปิดบัญชีให้คนอื่น Copy ได้เช่นกัน

    ข้อเสียของระบบเทรด Forex ด้วย Copy Trade    คือ ส่วนใหญ่จะคิดค่า Copyจากกำไรประมาณ 20-30% ก็ถือว่าสูงนะครับ ถ้าเลือกจริงๆไม่ควรเกิน 20%, ความแน่นอนน้อยกว่า EA,  ก๊อปปี้จากคนเก่ง บางทีก็มีขอเสีย เพราะคนยังไงก็มีอารมณ์ความรู้สึกมาเกี่ยวข้องไม่เหมือน EA ครับคนเก่งยังไงก็แพ้เป็น

    ส่วนการเอาหลายแนวทางนี้มาประยุกต์ มาผสมกัน มีอย่างมากมายหลายหลาก สุดท้ายก็วนอยู่แค่ 4 แนวทางนี้ และส่วนใหญ่คนที่เก่งจริงๆ อาจใช้สามแนวทางแรกมารวมกันได้ ก็จะมีข้อดีของทุกแนวทางมารวมกันและก็ต้องจัดการกับข้อเสียของแต่ละแนวทางเหล่านั้นได้ด้วย

    การเลือกแนวทางระบบเทรด Forex : คุณชอบดนตรีจังหวะไหน ก็เต้นได้ดีกว่าใครในจังหวะนั้น !!!

    ต่ออีกสักนิด จากที่เกริ่นไว้ข้างต้น คือ แนวทางการเทรด คุณเป็นนักเทรดแนวไหน ก็ควรสร้างระบบเทรดในแนวนั้น เท่าที่พิสูจน์มา หลายปี ผมพบว่า ไม่ว่าแนวไหนก็ประสบความสำเร็จได้ ไม่จำเป็นต้องตามใคร สังเกตตัวเอง ในช่วง 1-4 ปีแรกของการเทรดแทบจับต้นชนปลายไม่ถูก คือ ตามคนโน้นคนนี้ไปเรื่อยๆ ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง สุดท้ายมาหยุดอยู่ตรงที่ “การยอมรับตนเอง จริงใจกับตนเองมากขึ้น” ยอมรับข้อเสียหรือด้านมืดของตัวเองว่าเราไม่ได้สมบูรณ์แล้วหาวิธีรับมือกับมัน เมื่อพบความจริงของตัวเองก็พบทางออก

    ย้อนกลับไปวันแรกของการเป็นเทรดเดอร์….แล้วค้นให้เจอ

    ลองถามตัวเองว่า …. อะไรที่ทำให้เราเชื่อว่ามันจะสำเร็จ ในวันแรกที่ตัดสินใจเป็นเทรดเดอร์? เราเชื่อจริงๆ หรือแค่อยากได้ อยากรวย อยากเท่เหมือนคนอื่น เชื่อว่าทุกคนอยาก และก็รู้ว่าในความอยากนั้น คุณมองเห็นเส้นทางบางอย่าง นั่นคือมีความชอบเป็นต้นทุน อยากให้คุณกลับไปสู่ต้นตอความคิดนั้น แล้วสานต่อมัน

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    4 เรื่องที่ต้องรู้ก่อนเทรด forex

    ตุลาคม 5, 2022

     

     

    สำหรับผู้ที่คิดจะเริ่มเข้ามาในตลาด Forex โดยมากอาจจะเกิดจากการชักชวนผ่านการโฆษณาตามเว็บไซต์ต่างๆ หรือแม้กระทั่งใน Youtube ถ้าพิมพ์เรื่องการลงทุนเข้าไป ก็จะมีเรื่องของวิธีเล่น forex มาให้เห็นในลำดับต้นๆ ประกอบกับการทำการตลาดของโบรกเกอร์ต่างๆ ที่ในปัจจุบัน มีเงินเพียง 1$ ประมาณ 33 บาท ก็สามารถเปิดพอร์ตเล่น Forex ได้แล้ว ยังไม่รวมการลด แลก แจก แถม โบนัสต่างๆ อีกมากมาย ที่กล่าวมาทั้งหมดไม่ได้หมายความในเชิงที่ไม่ดี แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งชักจูงใจในเริ่มแรก ทำให้เรามีความสนใจในตลาดนี้เกิดขึ้น แต่หากผู้ที่คิดจะจริงจัง และอยากทำกำไรอย่างยั่งยืนแล้วจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรู้ 4 เรื่อง ดังต่อไปนี้

    1.  เราทำกำไรในตลาด Forex ได้อย่างไร เราทำกำไรในตลาด Forex ผ่านการเก็งกำไรโดยการจับคู่เงิน เช่น EURUSD หมายถึงค่าเงินยูโรเทียบกับเงินดอลลาร์ และนอกจากคู่เงิน EURUSD ยังมีคู่เงินสกุลเงินอื่นอีกมาก ซึ่งสกุลเงินที่คนนิยมเล่นกันคือ USD EUR GBP JPY CHF เป็นต้น ส่วนปัจจัยที่คอยขับเคลื่อนตลาด Forex ให้เกิดการขึ้น-ลง พอจะมีปัจจัยหลักอยู่ 5 ปัจจัยคือ

    ทั้งนี้การเทรด forex นอกจากคู่เงิน EURUSD ยังมีคู่เงินสกุลเงินอื่นอีกมาก ซึ่งสกุลเงินที่คนนิยมเล่นกันคือ USD EUR GBP JPY CHF เป็นต้น ส่วนปัจจัยที่คอยขับเคลื่อนตลาด Forex ให้เกิดการขึ้น-ลง พอจะมีปัจจัยหลักอยู่ 5 ปัจจัยคือ

    • อัตราดอกเบี้ย เช่น การประกาศอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง
    • ภาวะทางเศรษฐกิจ เช่นการประกาศตัวเลข GDP ของประเทศ
    • การเมือง ประเทศที่ไม่มีการขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรงย่อมทำให้ค่าเงินของตนเองมีเสถียรภาพ
    • การค้าการลงทุน ประเทศไหนเป็นแหล่งลงทุนสำคัญย่อมหมายถึงการหมุนเวียนเงินภายในประเทศได้ดี เศรษฐกิจก็ดีตามไปด้วย
    • การซื้อกิจการของธุรกิจขนาดใหญ่ การซื้อกิจการจากประเทศใดก็แล้วแต่จำเป็นต้องใช้เงินสกุลของประเทศนั้น ทำให้ช่วงสั้นๆ มีผลต่อการกวัดแกว่งของค่าเงิน

     

    2. เวลาที่จะให้กับตลาด Forex มากน้อยแค่ไหน   การจะเทรดในตลาด Forex ให้ได้กำไร และมีความยั่งยืน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยการศึกษาควบคู่ไปกับการฝึกฝน ไม่ว่าจะเป็นการเทรดโดยอาศัยการวิเคราะห์เชิงเทคนิค หรือการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ดังนั้นเราจะต้องมีเวลาเพื่อแบ่งมาฝึกฝนตรงนี้ให้เกิดความชำนาญ เพราะโลกนี้ไม่มีอะไรฟรี และผมยืนยันได้เลยว่าอย่ามัวแต่ค้นหาจอกศักดิ์สิทธิ์   (Holy Grail) ในตลาดนี้ เพราะมันไม่มีจริงอย่างแน่นอน เบื้องต้นผมขอแบ่งเนื้อหาพื้นฐานที่ควรเติมให้เต็มก่อนคือ

    • เครื่องมือหรือแพลตฟอร์มการเทรด โปรแกรมเทรด forex ที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือ MetaTrader 4 การศึกษาฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ ให้คล่องแคล่วย่อมเพิ่มโอกาส ในการ  เทรด โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค
    • การใช้อินดิเคเตอร์พื้นฐาน เป็นเหมือนเครื่องมือที่ช่วยเราทำกำไรในตลาด Forex หากเราเข้าใจแล้ว ย่อมเหมือนกับการเลือกใช้เครื่องมือที่ถูกกับประเภทงาน
    • การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน กล่าวง่ายๆเลยคือ อ่านข่าวที่มีผลกระทบต่อค่าเงินเป็น ซึ่งทำความเข้าใจได้ง่าย ผ่านตารางข่าวของ Forex Factory ถ้าเข้าใจก็เปรียบเสมือนเรารู้ทิศทางลมก่อนออกเรือนั่นเอ

     

    3.เงินทุนและการจัดสรรถึงแม้ตลาด Forex จะเริ่มต้นเทรดได้เพียงมีเงินแค่ 1 $ หรือมีบัญชี Demo ให้ทดลองฝึกฝนเทรดได้อย่างไม่จำกัด แต่ท้ายที่สุดคุณต้องใช้เงินทุนจำนวนหนึ่งในการเทรดอยู่ดี เพราะเราจะหวังใช้เงิน 1 $ เพื่อทำเงินอย่างเป็นจริงเป็นจัง ผมตอบเลยว่าเป็นไปได้ยากมาก โดยเฉพาะมือใหม่ที่ยังขาดประสบการณ์ สามารถหมดภายในเวลาไม่กี่วินาทีได้เลย จึงเป็นที่มาของ การบริหารจัดการพอร์ต

    เมื่อคุณอยู่ในตลาดมาซักระยะเวลาหนึ่งจะทำให้ทราบว่า นอกจากจำนวนเงินทุนแล้วการบริหารจัดการ Positions ในพอร์ตมีความสำคัญอย่างยิ่ง ต่อการอยู่รอด ผมยกตัวอย่างที่นิยมสอนกันคือ ไม่ควรให้พอร์ตเกิดการขาดทุนเกิน 5-10% ของพอร์ต ขยายความคือ เช่น เรามีเงินทุน 1,000 $ เวลาเราเข้าเทรดแต่ละครั้ง เวลาเราขาดทุน ก็ควรคำนวณ Lot ที่เล่น ถ้าโดน Stop Loss ไม่ควรเกิน 50-100 $ เป็นต้น ซึ่งยังพอมีเงินทุนเหลือให้เราแก้ตัว ลองนึกภาพถ้าไม่มีการวางแผนดังกล่าว เล่นแบบ Over Trade เช่น เล่น Lot ที่เมื่อกราฟเคลื่อนที่ 1 จุด เท่ากับเงิน 100 $ แค่กราฟไปผิดทางที่เราคาดไว้ 10 จุด ก็ถึงขั้นล้างพอร์ต ไม่มีเงินเหลือให้แก้ตัว อย่างนี้ผมขอไม่เรียกเป็นการลงทุน แต่เป็นการเล่น Forex แบบการพนัน

     

    4.การรับมือกับการกำไรและขาดทุน    เทรดเดอร์ทั้งมือเก่าและมือใหม่ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงภาวะดังกล่าวไปได้เลย เป็นอีกหนึ่งความสำคัญที่ควรใส่ใจพอๆ กับระบบ เทรด forex ซึ่งเฉพาะเรื่องจิตวิทยาการลงทุนมีหนังสือให้ศึกษาเป็นเล่มอย่างจริงจังเลยทีเดียว จึงอยู่ที่ใครสามารถรับมือกับผลทางจิตวิทยาที่เกิดขึ้นได้อย่างมีวินัยมากกว่า เบื้องต้นผมให้น้ำหนักเท่ากันไม่ว่าจะเกิดการขาดทุน หรือกำไร ภาวะที่ต้องระมัดระวังกัน คือ

    • กรณีเกิดกำไร มากๆ หรือออเดอร์ปิดกำไรได้หลายออเดอร์ติดๆ กัน ภาวะนี้ทำให้เราเกิดการมั่นใจคิดว่าระบบเทรดของตนเองแม่นยำ อาจทำให้เกิดการความโลภ เพิ่ม Lot การ
      เทรดเพื่อหวังทำกำไรที่มากขึ้น หรือไม่ยอมปิดเมื่อกำไรถึงเป้าตามระบบ เป็นต้น
    • กรณีเกิดการขาดทุน มากๆ หรือออเดอร์ปิดขาดทุนหลายออเดอร์ติดๆ กัน ทำให้เกิดภาวะจิตตก หรือการเกิดอารมณ์ที่อยากต้องการเอาคืน โดยการเพิ่ม Lot การเล่นที่มากกว่าแผน หรือเกิดความกลัวการขาดทุนจนไม่กล้าเทรดเพราะเสียความมั่นใจ เป็นต้น

    เทรดเดอร์ทั้งมือเก่าและมือใหม่ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงภาวะดังกล่าวไปได้เลย เป็นอีกหนึ่งความสำคัญที่ควรใส่ใจพอๆ กับระบบ เทรด forex โดยภาวะที่ต้องระมัดระวังกันเป็นอย่างยิ่ง ก็คือ
    การเราเกิดการมั่นใจคิดว่าระบบเทรดของตนเองแม่นยำ อาจทำให้เกิดการความโลภ เพิ่ม Lot การเทรดเพื่อหวังทำกำไรที่มากขึ้น หรือไม่ยอมปิดเมื่อกำไรถึงเป้าตามระบบ เป็นต้น และอีก          กรณีเกิดการขาดทุน มากๆ หรือออเดอร์ปิดขาดทุนหลายออเดอร์ติดๆ กัน ทำให้เกิดภาวะจิตตก หรือการเกิดอารมณ์ที่อยากต้องการเอาคืน โดยการเพิ่ม Lot การเล่นที่มากกว่าแผน หรือเกิด        ความกลัวการขาดทุนจนไม่กล้าเทรดเพราะเสียความมั่นใจ ดังนั้นเราควรมีสติและดำเนินตามแผนที่เราได้วางไว้ตั้งแต่แรก

     

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการเทรด Bull trap

    ตุลาคม 4, 2022

     

    ระบบเทรดช่วงที่ราคา Breakout ทำ New High เทรดเดอร์มักเปิด Long ตาม แต่หลังจากที่เทรดเดอร์เปิด Long นั้น ราคากลับวกตัวกลับลงมาอย่างรวดเร็ว เหตุการณ์นี้มักเกิดขึ้นบ่อยๆ เรียกกันว่า “Bull trap” ซึ่ง Bull trap มักเกิดในช่วงที่ราคา เหมือนจะ ไปต่อ ทำให้พวกเทรดเดอร์มือใหม่มักเปิดสถานะในช่วงนั้น และมักตามมาด้วยการขึ้นต่อเพียงเล็กน้อย แล้วค่อยลงหนักๆ

    เบื้องหลังของ Bull trap
    1) เริ่มจากในช่วงแนวโน้มขาขึ้น คนที่ยังไม่มีของ เริ่มอยากเข้ามามีส่วนร่วม
    2) เมื่อราคากำลังปรับตัวขึ้น ดึงดูดให้เทรดเดอร์เข้ามีเปิด Position
    3) เมื่อราคาทะลุขึ้นทำ High ใหม่ เป็นตัวสร้างความมั่นใจให้เทรดเดอร์ว่ามาถูกทาง และรู้สึกปลอดภัย ซึ่งจุดนี้แหละที่เป็น “กับดัก”
    4) ราคาวกกลับลงมา เทรดเดอร์ส่วนมากถือออเดอร์นั้นไว้และคิดว่าเดี๋ยวมันก็กลับขึ้นไป
    5) ราคายังคงอ่อนตัวลงต่อ ทำให้เทรดเดอร์ที่เปิด Long ก่อนหน้านี้ประสบกับการขาดทุนอย่างมาก

    2 สิ่งสำคัญที่จะป้องกันเหตุการณ์นี้ได้คือ
           1. เข้าช้าหน่อย : หลักการนี้อาจยากที่จะเข้าใจหน่อย จะลองทำดูแล้วจะเห็นความแตกต่างอย่างมาก โดยไม่ควรขายเมื่อราคากำลังขึ้น และไม่ซื้อเมื่อราคากำลังลง ควรขายเมื่อราคาลง   แล้วและซื้อเมื่อราคาขึ้นแล้วเท่านั้น

    มีการเข้าอยู่ 3 ลักษณะ
      1.1 เร็วเกินไป : คาดการณ์ มโนไปเองว่าตลาดจะไปในทิศทางที่เราคิด
      1.2 พอดี : มีสัญญาณยืนยันว่าราคากลับตัวแล้ว
    1.3 ช้าเกินไป : ราคามักเคลื่อนไหวไปมากแล้ว ค่อยมาเข้า

          2. รอสัญญาณยืนยัน : สัญญาณที่จะเป็นตัวช่วยยืนยันในการกลับตัวจริงๆ อย่างง่ายคือการใช้เส้นค่าเฉลี่ย โดยทั่วไปนิยมใช้ เส้นค่าเฉลี่ย 20 วัน เป็นตัวแทนในการยืนยันทิศทาง คือคุณจะเทรด Bull trap ก็ต่อเมื่อราคาลงมาต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 20 วันก่อน

    ________________________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    ________________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการลงทุนในระบบเทรด Forex ง่ายได้กำไร

    ตุลาคม 4, 2022

    เทคนิคการลงทุนในระบบเทรด Forex ให้ได้กำไร เป็นคำถามสั้นๆ ที่ค่อนข้างตอบยาก การนำเสนอแนวทางระบบเทรดในตลาด Forex ให้สามารถทำกำไรได้อย่างยั่งยืนและอยู่รอดได้ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ทั้งสิ้น แต่ก็พอจะมีแนวทางก้าวไปสู่ความสำเร็จที่รวบรวมจากแนวคิดของเทรดเดอร์มืออาชีพทั้งไทยและต่างประเทศ โดยอาศัยหลักการ 4 วิเคราะห์ดังต่อไปนี้

    • วิเคราะห์ตนเอง โดยบันทึกผลการเทรด ถึงแม้ในปัจจุบันมีเว็บไซต์ เช่น Myfxbook สามารถนำข้อมูลบัญชีเทรดมา Link เพื่อประมวลผลค่าสถิติออกมาได้อย่างละเอียด หรือการดึง Output การเทรดจากโปรแกรม MT4 โดยตรง  แต่โดยความคิดเห็นส่วนตัวแล้ว ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าตัวเราเอง ซึ่งนอกจากจะบันทึกข้อมูลเป็นตัวเลขไว้แล้ว การบันทึกข้อผิดพลาด หรือปัจจัยในการตัดสินใจในการเทรด
      แต่ละวัน ถือเป็นการเรียนรู้ที่ให้ผลในด้านการพัฒนาการเป็นเทรดเดอร์ได้ดีมาก

    เพราะหากใครเคยศึกษาเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ ปัจจัยที่ส่งผลให้ระบบเทรดออกมาได้ดี แทบทุกคนจะผ่านกระบวนการการเก็บสถิติและจดบันทึกการเทรดของตนเอง เพราะทำให้เราได้มองซ้ำหรือทบทวนตนเองและเห็นจุดอ่อนหรือโอกาสที่สามารถแก้ไขได้ และสามารถเสริมประสบการณ์ เทรด forex ไปในทิศทางที่ดี

     

    • วิเคราะห์เงินทุน เพื่อสร้างแผนการ ในระบบเทรด Forex สิ่งหนึ่งที่เทรดเดอร์อาชีพให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งคือ การใช้ Money Management หรือกลยุทธ์การจัดการเงินทุนของตนเอง ซึ่งการตั้ง TP และ SL ก็เป็นหนึ่งในนั้นและมีความสำคัญในระยะยาว ถึงแม้ตัวเราเองจะไม่ใช่เทรดเดอร์อาชีพ เป็นเพียงผู้เริ่มต้นในตลาดหรือ Part time ก็ตาม การตั้ง TP และ SL เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดจำเป็นต้องทำความเข้าใจและใส่ใจให้กลายเป็นวินัยในการเทรด เพราะถ้าขาดตรงนี้ไปจะเปลี่ยนนิยามการลงทุนเป็นการพนันโดยทันที

      ยกตัวอย่างเช่น

    ทุกครั้งที่เราเข้าออเดอร์ไปแต่ละครั้ง เราจะมี TP และ SL ทุกครั้ง คือ TP 10 pips และ SL 10 pips แต่พอออเดอร์เริ่มบวก เราจะกังวล กลัวว่าจะไม่ถึง TP จึงมักจะรีบปิดออร์เดอร์ เพราะความกลัวก่อนถึง TP ทุกครั้ง คิดเสียว่ายังไงก็ได้กำไร ดีกว่าเสียเงิน แต่พอออเดอร์เริ่มติดลบ กลับไม่ยอมปิดเพราะกลัว  เทรด forex เสีย นั่งภาวนาว่ามันจะต้องกลับไปโดน TP ได้อย่างแน่นอน สุดท้ายชน SL หรือหนักยิ่งกว่า เลื่อนเส้น SL ออกไป แต่แล้ว…….  ก็ไปชน SL อยู่ดี    กลายเป็นว่าเมื่อมีกำไรประมาณ 5 pips จอร์จจะรีบปิดก่อน แต่เวลาชน SL กลับถือทนไปโดน ที่ 10 pips คำนวณ ได้ดังนี้ ชนะ 60 ครั้ง ได้กำไร                   60×5    เท่ากับ   300 pips

    แพ้ 40 ครั้ง ขาดทุน                 40×10  เท่ากับ   400 pips

    สรุปขาดทุนไป 100 pips จะเห็นได้ว่า ระบบที่มีเปอร์เซ็นต์ชนะ 60% ไร้ความหมายโดยทันทีหากไม่มีวินัยหรือไม่ทำตามแผนการเทรดที่วางไว้ ซึ่งทำให้เรารู้ได้เลยว่าปลายทางของพอร์ตนี้จะจบลงเช่นไร หากยังดื้อเดินอยู่

     

    • วิเคราะห์ตลาด ตอนเริ่มต้นระบบเทรดในตลาด Forex ใหม่ๆ มีเทรดเดอร์ท่านหนึ่งเคยบอกไว้ว่า หากคิดไรไม่ออก ให้ไปตาม Trend ไว้ก่อน มาถึงตอนนี้ ประโยคนี้ก็ยังใช้งานได้ดี นั่นเพราะเป็นพื้นฐานสำคัญก่อนตัดสินใจเข้าออเดอร์ หากตอบไม่ได้ว่าตลาดตอนนี้มีแนวโน้มเป็นเช่นไร ก็เหมือนเราล่องเรือโดยไม่รู้ทิศทางลม เช่นเดียวกับการที่ต้องวิเคราะห์ข่าวที่มีผลกระทบต่อกราฟราคาควบคู่กัน ซึ่งหากช่วงไหนมีข่าวทางเศรษฐกิจรุนแรง เทรดเดอร์ส่วนใหญ่มักหลีกเลี่ยงไปก่อน เพราะเหมือนกับการล่องเรือเข้าไปพายุ ดังนั้นต้องตอบคำถามนี้ให้ได้ก่อนการตัดสินใจคือ
    • แนวโน้มของตลาดตอนนี้เป็นเช่นไร
    • เราควรเปิดออเดอร์ในช่วงไหน
    • ทำไมเราต้องเข้า ณ จุดนี้ เช่น อาจเป็นแนวรับแนวต้านที่สำคัญ

     

    • วิเคราะห์ระบบเทรด Forex ให้แตก เมื่อเราเลือกระบบเทรดระบบใดระบบหนึ่งที่คิดว่าเหมาะสมกับตนเอง ทั้งด้านเวลา และความเข้าใจ และมีวินัยในการเทรดพอ ควรที่จะอยู่กับระบบไปนานๆ และใช้สถิติประมวลผลเพื่อตัดสินระบบเทรดระบบใดระบบหนึ่ง ขอยกตัวอย่างการเก็บสถิติการเทรด forex ตามระบบแบบรายเดือน การวัดผลหลักคือ

    – RRR อัตราส่วนความเสี่ยงของของราคาเมื่อโดน Stop Loss และ Target Point ที่เรา
    ตั้งไว้ เป็นตัวชี้วัดในการเข้าออเดอร์แต่ละครั้ง เช่น การเข้าออเดอร์ทุกครั้งตั้ง SL ไว้ที่ 10 จุด ส่วน TP ตั้งไว้ที่ 20 จุด นั่นหมายถึง เมื่อเราทำพลาด สองครั้ง ก็จะกลับมาเท่าทุน โดยการเทรดชนะเพียงแค่ครั้งเดียว เป็นต้น

    – เปอร์เซ็นต์ชนะ หรือ Win rate ที่ต้องกล่าวถึง ไม่ได้ต้องการให้ยึดติดกับความสมบูรณ์แบบที่ต้องชนะตลอด แต่ให้ดูประกอบความสัมพันธ์กับ RRR ที่ถึงแม้เราจะมี%ชนะแค่ 50% พอร์ตยังคงมีกำไรเนื่องจากการทำตาม RRR อย่างมีวินัย

    – เปอร์เซ็นต์ของจำนวนเงินขาดทุนที่มากที่สุด Drawdown (DD) เกิดจากการสะสมของการขาดทุนขณะนั้นว่าติดลบคิดเป็นกี่ % ของจำนวนเงินในพอร์ตปกติแล้ว ไม่ควรเกินกว่า 30% ของบัญชีเทรด แต่ทั้งนี้ก็ยังขึ้นอยู่กับระบบเทรดนั้นๆ ว่ายอมรับได้เท่าไร เพราะบางระบบแม้จะมี DD ถึง 50% แต่ระยะยาวก็ยังทำกำไรได้เป็นอย่างดี

     

    แจกฟรี!ระบบเทรด

    ________________________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    ________________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    กลยุทธ์การซื้อขายในระบบเทรด Forex

    ตุลาคม 4, 2022

    1. การทำความเข้าใจกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคในระบบเทรดforex

    การวิเคราะห์ทางเทคนิคเกี่ยวข้องกับการใช้กราฟราคาและตัวชี้วัดเพื่อวิเคราะห์ทิศทางตลาด การวิเคราะห์ทางเทคนิคช่วยคุณระบุจุดเข้าและออกที่เป็นไปได้สำหรับสถานะการซื้อขายของคุณตรงกันข้ามกับการวิเคราะห์ขั้นพื้นฐาน การวิเคราะห์ทางเทคนิคส่วนใหญ่มุ่งเน้นที่รูปแบบการตลาดและราคา ในทางกลับกัน การวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานเป็นเรื่องเกี่ยวกับปัจจัยที่ขับเคลื่อนราคาในตลาด วิธีการวิเคราะห์ทั้งสองวิธีนี้จะใช้แยกกันอย่างอิสระหรือร่วมกันก็ได้การวิเคราะห์ทางเทคนิคมุ่งเน้นที่รูปแบบการกำหนดจังหวะเวลาและราคา นั่นคือเหตุผลว่าทำไมมันจึงมักถูกพิจารณาว่าเป็นเครื่องมือที่เป็นกลาง เพื่อหาโอกาสในการซื้อขายฟอเร็กซ์จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค คุณต้องวิเคราะห์ราคาตลาดปัจจุบันและระบุระดับเป้าหมายที่เป็นไปได้ ในขณะที่การวิเคราะห์ทางเทคนิคไม่รับประกันผลลัพธ์ มันจึงให้การคำนวณความเป็นไปได้สำหรับการเคลื่อนไหวของตลาดที่แตกต่างกัน

    2.ความสำคัญของการวิเคราะห์ทางเทคนิคในระบบเทรดforex

    เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคในการกำหนดทิศทางตลาดที่คาดหวัง การเคลื่อนไหวของตลาดไม่ได้ไม่มีแบบแผนโดยสิ้นเชิง เมื่อเทรดเดอร์เห็นรูปแบบที่โผล่ขึ้นมา ก็มีโอกาสที่ดีที่คนอื่นจำนวนมากจะรับทราบถึงมันด้วยเช่นกัน คุณสามารถพิจารณาแนวโน้มในฐานะบางสิ่งที่เกือบจะทำให้ตัวเองเป็นจริง (Self-fulfilling) ในแง่นี้ คุณสามารถพูดได้ว่าเทรดเดอร์ช่วยสร้างรูปแบบที่พบในราคาตลาด

    3. การทำความเข้าใจกับการวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานในระบบเทรดforex

    ในส่วนก่อนหน้า คุณได้เรียนรู้ว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิคนั้นได้รับการมุ่งเน้นไปที่แนวโน้มและพฤติกรรมราคาเป็นหลัก การวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานมีวิธีการที่แตกต่างในการประเมินตลาด ซึ่งให้ภาพรวมของจุดอ่อนและจุดแข็งของตลาด นักวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานจะพิจารณาเหตุการณ์สำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อการแข็งค่าหรือการอ่อนค่าของสกุลเงินเฉพาะหนึ่ง ๆ เหล่านี้รวมถึงข้อมูลทางการเมืองและเศรษฐกิจ รวมทั้งภัยพิบัติทางธรรมชาติ  พูดสั้น ๆ คือ นักวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานใช้ข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อวัดการแข็งค่าของสกุลเงิน ความสนใจมุ่งเน้นไปที่รายงานและข้อมูลทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ซึ่งรวมถึงข้อมูล GDP และการว่างงาน ข้อมูลการผลิต และการประกาศอัตราดอกเบี้ย

    4. ปัจจัยพื้นฐานที่มีผลต่อราคาในระบบเทรดforex
    1. ภัยพิบัติทางธรรมชาติ

    ภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น พายุเฮอริเคน สึนามิ และน้ำท่วมสามารถส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อความแข็งค่าและความอ่อนค่าพื้นฐานของสกุลเงินได้ ตัวอย่างที่ดีคือสึนามิที่ถล่มญี่ปุ่นในปี 2010 มันทำให้ภาคการผลิตของประเทศอ่อนแอลงและทำให้การผลิตของผู้ผลิตรถยนต์และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่หยุดชะงักลงอย่างมีนัยสำคัญ

    1. การค้าระหว่างประเทศ

    เมื่อความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการจากประเทศใดประเทศหนึ่งเพิ่มขึ้น ความต้องการใช้สกุลเงินของประเทศนั้นก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วย

    1. ผลผลิตและการเติบโตทางเศรษฐกิจ

    GDP ของประเทศเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดของการเติบโตทางเศรษฐกิจ เป็นการสรุปผลการผลิตสินค้าและบริการในประเทศที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของประเทศ

    1. ภาวะเงินเฟ้อ – ปัจจัยนี้มีตัวชี้วัดสำคัญสองตัว ได้แก่
      1. ดัชนีราคาผู้บริโภค – ดัชนีตัวนี้จะวัดการเปลี่ยนแปลงของต้นทุนสินค้าและบริการโดยเฉลี่ยต่อผู้บริโภค
      2. ดัชนีราคาผู้ผลิต – ดัชนีตัวนี้จะวัดการเปลี่ยนแปลงในต้นทุนในการผลิตสินค้าและบริการสำหรับผู้ผลิต
    2. อัตราดอกเบี้ย
      อัตราดอกเบี้ยที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันอาจเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่กำหนดมูลค่าของสกุลเงิน เพราะพวกมันจะกำหนดการไหลเข้าและออกจากประเทศหรือภูมิภาคทางเศรษฐกิจของเงินทุนทั่วโลก
    3. สภาวะทางการเมือง
      ปกติแล้ว ความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้สกุลเงินของประเทศในทางลบ นักลงทุนมีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงประเทศและสกุลเงินในความวุ่นวายทางการเมือง
    4. นโยบายการคลัง
      นโยบายการคลังของประเทศ ซึ่งรวมถึงการใช้จ่ายของรัฐบาล การวางแผนงบประมาณ และการจัดเก็บภาษีสามารถมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนว่าจะลงทุนหรือไม่
    5. นโยบายการเงิน
      นโยบายการเงินใดก็ตามที่ธนาคารกลางนำมาใช้มีผลกระทบอย่างมากต่อความต้องการใช้สกุลเงินในระยะสั้น

    5. การเลือกจุดเข้าและออกของคุณในระบบเทรดforex

    เทรดเดอร์ที่ซื้อขายฟอเร็กซ์ถือว่ามีความเสี่ยงในการซื้อขาย ไม่ว่าพวกเขาจะใช้วิธีการใด นั่นคือเหตุผลว่าทำไมการทำความเข้าใจพฤติกรรมราคาจึงเป็นกุญแจสำคัญในการที่จะหาว่าเมื่อใดที่จะทำการซื้อขายและเมื่อใดที่จะออกจากสถานะ ตรงนี้ คุณจะได้เรียนรู้แนวคิดเกี่ยวกับพฤติกรรมราคาหลัก ๆ สี่ประการที่ใช้ในการซื้อขายฟอเร็กซ์เพื่อหาจุดเข้าและจุดออก

    • แนวรับและแนวต้าน: แนวรับ (Support) และแนวต้าน (Resistance) หมายถึงระดับการซื้อขายสำคัญที่ราคามาแตะและเด้งกลับหลาย ๆ ครั้ง คุณจะคิดว่าพวกมันเป็นจุดสำคัญที่ซึ่งอุปสงค์และอุปทานมาบรรจบกันก็ได้
    • การฝ่าวงล้อม: การฝ่าวงล้อม (Breakout) คือการฝ่าทะลุระดับแนวรับหรือแนวต้านที่ก่อตัวขึ้น การฝ่าวงล้อมเป็นสัญญาณที่แรง โดยเฉพาะเมื่อได้รับการยืนยันจากตัวชี้วัดอื่น เช่น ช่องว่าง
    • พฤติกรรมการเกิดช่องว่างGaping action: ช่องว่าง (Gap) นั้นสำคัญเนื่องจากพวกมันเป็นตัวบ่งบอกให้ทราบว่าผู้ขาย (ปรับตัวเพิ่มขึ้น) หรือผู้ซื้อ (ปรับตัวลดลง) กำลังเคลื่อนไหว แต่คุณจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจเพื่อยืนยันแนวโน้มใหม่นี้โดยใช้ตัวบ่งชี้หลาย ๆ ตัวก่อนที่จะกระโดดเข้าไป
    • ตลาดในสภาวะไร้แนวโน้ม: ตลาดฟอเร็กซ์ที่ซื้อขายในสภาวะไร้แนวโน้ม (Sideways) หมายถึง พฤติกรรมราคาภายในช่วงแคบ ๆ ระหว่างระดับแนวรับและแนวต้าน เมื่อตลาดซื้อขายในสภาวะไร้แนวโน้ม เทรดเดอร์กำลังเตรียมตัวสำหรับการฝ่าวงล้อม

    6. การบริหารความเสี่ยงในการซื้อขายในระบบเทรดforex

    ถึงตอนนี้ คุณควรทราบว่าการซื้อขายฟอเร็กซ์นั้นมีความเสี่ยง ตลาดค่อนข้างผันผวน และยิ่งคุณน่าจะได้กำไรมากเท่าใด ความเสี่ยงก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น และนี่คือเคล็ดลับบางประการในการควบคุมความเสี่ยง

    • หลีกเลี่ยงการซื้อขายมากเกินไป
      แม้ว่าตลาดที่ผันผวนอาจเป็นที่ล่อใจ หลักการง่าย ๆ ก็คือให้หลีกเลี่ยงการเสี่ยงมากกว่า 2% ของยอดเงินในบัญชีซื้อขายของคุณในการซื้อขายหนึ่งครั้ง การซื้อขายมากไปกว่านั้นจะทำให้คุณขาดทุนมากจนยากจะฟื้นคืนได้
    • ตั้งค่าคำสั่ง Stop Loss เพื่อลดการขาดทุนให้เหลือน้อยที่สุด
      ความสำเร็จในการซื้อขายไม่ได้ประกอบด้วยการซื้อขายที่ชนะเท่านั้น ในทางตรงกันข้าม มันเป็นผลรวมของการซื้อขายทั้งที่แพ้และชนะ นั่นคือสิ่งที่ทำให้การหยุดขาดทุน (Stop-Loss) เป็นปัจจัยสำคัญเมื่อพูดถึงความสามารถในการสร้างผลกำไร การวางคำสั่ง Stop-loss ยังช่วยลดความจำเป็นต้องคอยตรวจสอบสถานะของคุณอย่างสม่ำเสมออีกด้วย

    7. ทดสอบกลยุทธ์การซื้อขายของคุณในระบบเทรดforex

    แม้จะไม่สามารถลองเสี่ยงซื้อขายซ้ำ ๆ กับเงินจริงได้ แต่สภาพแวดล้อมแบบสาธิตสามารถช่วยคุณทดสอบความสมบูรณ์ของกลยุทธ์การลงทุนของคุณได้ กลยุทธ์ใหม่ทุกกลยุทธ์จะต้องผ่านช่วงเวลาของการลองผิดลองถูกก่อนที่คุณจะสามารถเอาเงินที่คุณหามาได้ยากไปลงทุนกับมันด้วยความมั่นใจ

    #แจกฟรี!ระบบเทรด

    ________________________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    ________________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    4 เทคนิคการตั้ง Stop loss

    ตุลาคม 4, 2022

    4 เทคนิคการตั้ง Stop loss ที่ควรใช้

    1. Equity stop เทคนิคนี้มาดูตัวที่เป็นพื้นฐานกันจริง ๆ ก่อน คือ Equity Stop หรือ จุดหยุดขาดทุนตามต้นทุน
    ซึ่งรู้จักกันอีกชื่อ คือเปอร์เซ็นต์ Stop เพราะว่า มันวัดจากขนาดของบัญชีของเทรดเดอร์ สมมุติว่า 2 % ซึ่งเทรดเดอร์อยากจะเสี่ยงในการเทรดเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงสามารถเป็นอะไรก็ได้แล้วแต่เทรดเดอร์ว่า อาจจะน้อยหน่อย หรือมากหน่อย ซึ่งอาจจะถึง 10 % ของบัญชีของพวกเขา หรือบางคนอาจจะใช้ 2 % จากเทรดเพียงหนึ่งครั้ง

    2. Volatility stop เทคนิคเพื่อให้มันฟังดูเข้าใจง่าย Volatility หรือความผันผวน นั้นคือความเคลื่อนไหวของตลาดที่อาจจะเคลื่อนไหวในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งได้การรู้ว่า ค่าเงินจะเคลื่อนไหวประมาณท่าไหร่จะช่วยคุณต้อง Stop Loss ได้อย่างถูกต้องและหลีเลี่ยงการถูก Stop loss ก่อนเวลาควรจะเป็นการใช้ Bollinger Band เพื่อให้คุณรู้ว่าตลาดนั้นผันผวนขนาดไหนซึ่งเหมาะกับการเทรดที่อาศัยการแกว่งตัวของราคา โดยการตั้งStop Loss นอกเส้น ถ้าราคาถึงจุดนั้นหมายความว่าความผันผวนเริ่มสูงและเราสามารถเล่นแบบเทรด Break out ได้

    3. Chart stop อีกเทคนิคที่ดีวิธีหนึ่ง คือการตั้ง Stop Loss ตาม สิ่งที่กราฟบอก เมื่อเราเทรดเราควรจะต้อง Stop loss ตามที่ตลาดบอกเรา พอเข้าใจไหม?
    สิ่งหนึ่งที่เรารู้คือพฤติกรรมราคา ซึ่งจะมีจุดที่ราคานั้นจะเคลื่อนไหวอยู่จุดใดจุดหนึ่งแน่นอนและบ่อยครั้งที่มันจะเคลื่อนไหวอยู่แถวแนวรับแนวต้าน หรือ มีการทดสอบแนวรับแนวต้าน บางครั้งก็
    อาจจะทะลุไปเฉย ๆการตั้ง Stop loss ให้ห่างจากแนวพวกนี้หน่อย จะเป็นการดีเพราะว่า ถ้าตลาดนั้นมีการเทรดอยู่ในพื้นที่นี้และเวลาที่มันเกิดจุด Break out จุดนั้นเทรดเดอร์ก็จะต้องปิดออร์เดอร์เพราะมีคนเข้ามาเทรดเพิ่มขึ้นทำให้ราคาเคลื่อนไหวตรงข้ามกับออร์เดอร์ของคุณ
    หรือ ถ้ามันเกิดจุด Break out มันอาจจะเกิดขึ้นทันทีทันใดในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง

    4. Time stop Time stops คือ คุณตัดสินใจไว้ก่อนว่า คุณจะออกจากการเทรดเวลาไหน ซึ่งสามารถตั้งเวลาได้เป็นวันเป็นสัปดาห์เป็นชั่วโมง

    #แจกฟรีระบบเทรด

    ________________________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    ________________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการเทรด forex ใน 4 ขั้นตอน

    ตุลาคม 3, 2022

    เริ่มต้นเทรด Forex ออนไลน์ สำหรับมือใหม่ที่หัดเทรด Forex คนไหนไม่รู้ว่าจะต้อง เริ่มเทรด Forex  อย่างไรดี ถึงจะเทรดเป็นเหมือนคนอื่นๆ เราขอแนะนำบทความนี้ ซึ่งภายในบทความนี้เราได้เขียนไว้เพื่อเป็นการแนะนำแนวทางในการเทรดให้กับมือใหม่ เพื่อเป็นแนวทางหรือไกด์ไลน์ให้แก่เพื่อนๆเหล่าเทรดเดอร์นั่นเอง  เทคนิคเริ่มต้นเทรด forex ง่ายๆ ใน 4 ขั้นตอน สำหรับใครที่สนใจจะเกร็งกำไรในตลาด forex แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เรามีแนวทางการเก็งกำไรง่ายๆทีล่ะขั้นตอนมาฝากทุกคน  สำหรับแนวทางใน การเริ่มต้นเทรด Forex ก็มีดังต่อไปนี้

    1. ศึกษาข้อมูลในระบบเทรดของ Forex การเริ่มต้นเทรด Forex ของมือใหม่ การศึกษาข้อมูลถือเป็นเรื่องที่ต้องทำอันดับแรก เพราะการศึกษาข้อมูลหรือการเรียนรู้เกี่ยวกับ Forex นั้นเป็นเหมือนการสร้างพื้นฐานเพื่อทำให้คุณเข้าใจระบบต่าง รายละเอียดที่หลากหลายในการลงทุน Forex ได้ อีกทั้งการเรียนการศึกษา Forex นั้นก็สามารถช่วยทำให้คุณมีความคิดในการเทรด Forex ได้ดีขึ้นอีกด้วย ดังนั้นการศึกษาข้อมูลในการเทรด Forex จึงเป็นเรื่องที่สำคัญไม่น้อย

     

    2. เปิดบัญชีเพื่อทำการเทรดกับโบรกเกอร์ Exness หรือ xm ในการลงทุนเพื่อเทรด Forex หากคุณมีเพียงแค่เงินในการลงทุนมันก็ยังไม่สามารถทำให้คุณเทรด Forex ได้ เพราะสิ่งที่จะทำให้คุณเทรด Forexได้นั่นก็คือ บัญชีเงินฝากที่เปิดกับโบรกเกอร์ เพราะตามปกติ บุคคลทั่วไปจะไม่สามารถเข้าไปเทรด Forex โดยตรงได้ มีเพียงธนาคารหรือสถาบันการเงินเท่านั้นที่เข้าไปเทรดโดยไม่ผ่านตัวกลางใดๆ แต่ในปัจจุบันโบรกเกอร์จะทำหน้าที่เป็นเหมือนแหล่งให้เรายืมเงินเพื่อนเข้าไปเทรดในตลาด Forex ได้นั่นเอง ซึ่งการเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ก็มีหลากหลายประเภท คุณจำเป็นที่จะต้องศึกษารายละเอียดของแต่ละบัญชีก่อนที่จะทำการเปิดบัญชี แต่ถ้าหากคุณไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ไหน เราขอแนะนำโบรกเกอร์ Exness โดยโบรกเกอร์ Exness นี้ถือได้ว่ามีรูปแบบต่างๆที่เหมาะสมกับมือใหม่อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องความปลอดภัยที่สูง เรื่องการฝากการถอนที่รวดเร็ว การบริการที่คอยดูแลผู้ใช้บริการอย่างดี ซึ่งถือว่าโบรกเกอร์ Exness เป็นโบรกเกอร์ที่ดีอันดับต้นๆของโลกอีกด้วยนั่นเอง

     

    3. ทดลองเทรดบนบัญชีทดลอง (Demo) ในการเริ่มต้นเทรด Forex ถึงแม้ว่าคุณจะมีทุนและบัญชีในการเทรดกับโบรกเกอร์แล้ว แต่นั่นก็ยังไม่พอที่จะทำให้คุณพร้อมในการเทรดในตลาด Forex สิ่งต่อมาที่คุณควรมีคือประสบการณ์เทรดโดยตรง ซึ่งคุณสามารถหาได้จากการเทรดบนบัญชีทดลอง (Demo) นั่น ซึ่งเราไม่แนะนำให้มือใหม่ไปเทรดบนบัญชีเงินจริงโดยไม่เคยเทรดบนบัญชีทดลอง (Demo) มาก่อน เพราะการที่คุณไปเทรดบนบัญชีเงินจริงๆเลยโดยที่ยังไม่มีประสบการณ์ที่มากพอ มันจะทำให้คุณขาดทุนในการเทรดได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งอาจะทำให้คุณล้างพอร์ตได้ง่ายๆ เพราะการเทรด Forex จริงๆแล้วมันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายแต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยาก เพราะตลาด Forex ความเสี่ยงสูงมาก จึงจำเป็นจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจ รวมถึงประสบการณ์ในการเทรดมาก่อน เพื่อที่จะทำให้คุณพร้อมในการเทรดบนบัญชีเงินจริงนั่นเอง

     

    4. เริ่มการลงทุนในตลาด Forex ด้วยการเทรดบนบัญชีจริง เมื่อคุณมีเงินทุน มีบัญชีที่เปิดกับโบรกเกอร์ และมีประสบการณ์จากการเทรดบนบัญชีทดลอง (Demo) มาพอสมควรแล้ว ก็ถึงเวลาที่คุณพร้อมแก่การเทรดบนบัญชีเงินจริง ซึ่งในการเทรดบนบัญชีเงินจริงก็แตกต่างจากการเทรดบนบัญชีทดลอง (Demo) อย่างแน่นอน เพราะการเทรดบนบัญชีเงินจริงนั้นจะมีเรื่องจิตวิทยามาเกี่ยวข้องอย่างมากเพราะจะเกิดความกดดันจากการเทรดที่คุณเสียเงินของคุณไปจริงๆ ซึ่งต่างกับการเทรดบนบัญชีทดลอง (Demo) เพราะการเทรดบนบัญชีดังกล่าวจะทำให้คุณไม่รู้สึกใดๆ เพราะคุณไม่ได้เทรดเสียเงินของคุณหรือได้เงินมาจริงๆ คุณเลยไม่รู้สึกถึงความกดดันบนบัญชีดังกล่าวนั่นเอง ดังนั้นแล้วการเทรดบนบัญชีเงินจริงคุณต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก โดยคุณจะต้องมีสติ มีเหตุผล และไม่โลภ เพื่อที่จะทำให้คุณสามารถเทรดได้กำไรอย่างต่อเนื่องบนบัญชีเงินจริงนั่นเอง

    ________________________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    ________________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    คนหรือ Bot ลงทุนให้เราดีกว่ากัน?

    ตุลาคม 3, 2022

    Robot or Ai trading

     

    ใช้คนหรือ Bot ลงทุนให้เราดีกว่ากัน

    การลงทุนล่ะ Robot จะทำได้ดีกว่าคนไหม

    แนวคิดในการนำระบบเทรดอัตโนมัติ หรือ Robot Trading มาใช้ในการลงทุน เกิดจากจุดอ่อนที่ว่า “มนุษย์มีจิตใจ” ส่งผลให้การวิเคราะห์และตัดสินใจนั้นมีอคติ อ่อนไหวง่าย ทำให้มีอารมณ์เหนือการตัดสินใจ นอกจากนี้มนุษย์คือเผ่าพันธุ์ที่ขี้เกียจ ไม่ชอบทำงานที่ต้องใช้เวลา และทำแบบเดิม ๆ ซ้ำไปซ้ำมา ที่สำคัญมนุษย์ไม่ได้มีหน้าที่ลงทุนเพียงอย่างเดียว การโฟกัสหรือสมาธิมักจะถูกดึงออกไปได้ง่าย ทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้เสมอ

    ดังนั้นจึงเกิดไอเดียการนำ Robot หรือคอมพิวเตอร์มาลงทุนแทนมนุษย์ โดยการสร้างระบบการเทรดอัตโนมัติขึ้น มีชื่อเรียกที่หลากหลาย เช่น Algorithmic Trading, Program Trading, Automated Trading, System Trading และ Robot Trading ซึ่งล้วนมีความหมายใกล้เคียงกัน นั่นคือ การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์มาส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นได้ด้วยตัวมันเองทันที เมื่อราคาหุ้น สภาวะตลาดหรือตัวแปรอื่น ๆ เข้าเงื่อนไขของโมเดลที่ถูกเขียนขึ้นโดยมนุษย์นั่นเอง

     

    Robot จะทำงานได้ดีกว่าคนได้อย่างไร

    1. Robot ไร้อารมณ์: ซึ่งทำให้มันมีความโดดเด่นในด้าน “ความคงที่ของการตัดสินใจ” เนื่องจากมันไม่มีความรู้สึก จึงทนต่อแรงกดดันจากสภาวะต่าง ๆ ได้ โดยไม่มีผลกระทบต่อการคิดและตัดสินใจ ต่างจากมนุษย์ที่หากวันไหนใจไม่นิ่ง ความสามารถในการเทรดหุ้นก็จะลดลง นักลงทุนส่วนใหญ่ที่อ่อนไหวกับการเทรดมักกอดหุ้นที่ขาดทุนโดยหวังว่าจะขึ้นในอนาคต และพอได้กำไรก็รีบขายไม่เก็บไว้ ซึ่งจะต่างกับหุ่นยนต์ที่จะซื้อขายตามโปรแกรมที่กำหนดเท่านั้น

    2. Robot ไม่ขี้เกียจ: ทำงานตามคำสั่งอย่างมีวินัย ด้วย Robot ทำงานตามกลยุทธ์การลงทุน เงื่อนไขต่าง ๆ ที่กำหนดขึ้นแล้ว พร้อมที่จะทำงานได้โดยอัตโนมัติอย่างไม่มีอิดออดแม้ว่าจะอยู่ในช่วงตลาดผันผวนก็ตาม หุ่นยนต์จะไม่มีวันเหลวไหล เพราะมันถูกป้อนคำสั่งให้ทำหน้าที่นั้นแล้ว เวลาได้กำไรก็จะไม่หลงระเริง เวลาตัดขาดทุนจะไม่มีอาการเสียดาย เวลาขายหมูก็จะไม่มานั่งคร่ำครวญเสียใจ

    3. เราสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้: โดยส่วนใหญ่แล้วโปรแกรมจะนำข้อมูลย้อนหลังมาทำการพิสูจน์ไอเดียหรือกลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลาย และนำไปออกแบบระบบเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างอัตโนมัติ การนำข้อมูลมาพิสูจน์ย้อนหลัง หรือ Backtesting นั้น จะช่วยให้เห็นภาพว่าผลตอบแทนและความเสี่ยงเป็นอย่างไร หากเราใช้กลยุทธ์แบบนี้แล้ว ความเป็นไปได้ที่จะได้กำไรนั้นมีมากน้อยแค่ไหน

    4. มีประสิทธิภาพมากกว่า: Robot จะตัดสินใจและส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นเข้าไปในระบบอัตโนมัติ จึงทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ มนุษย์ไม่จำเป็นต้องมานั่งเฝ้าหน้าจอให้เสียเวลา หรือต้องส่งคำสั่งซื้อขายเองด้วยมือ เพราะบางครั้งก็ส่งคำสั่งผิด ๆ ถูก ๆ หลายคนจะสั่งขายแต่ไปกดซื้อเสียอย่างนั้น สู้ดีเราเอาเวลาไปทำอย่างอื่น เช่น ค้นหากลยุทธ์ในการลงทุนใหม่ ๆ จะดีกว่า

    5. เพิ่มความเร็วในการซื้อขายได้ดีกว่า: หุ่นยนต์ทำได้เร็วกว่าแน่นอน เพราะถูกลงคำสั่งไว้ล่วงหน้าแล้ว เมื่อเกิดสัญญาณซื้อหรือขายก็จะทำตามคำสั่งทันที ต่างจากมนุษย์ที่ต้องประมวลการตัดสินใจในสมองก่อน ยิ่งปัจจุบันเทคโนโลยีการเทรดความเร็วสูง (High Frequency Trading) พัฒนาไปเร็วมากถึงขั้นส่งคำสั่งได้หลายครั้งในช่วงเวลาแค่กะพริบตา และทำให้เราสามารถเทรดหุ้นหรือสินทรัพย์อื่น ๆ ได้มากขึ้น บ่อยขึ้น เทรดข้ามตลาดหุ้นหรือแม้แต่เทรดตลอด 24 ชม. ในบางตลาด เช่น FOREX ก็ได้

    6. กระจายความเสี่ยงได้ดีและเลือกลงทุนได้หลายกลยุทธ์: การใช้ Robot เทรดหุ้นนั้นจะอนุญาตให้เราเทรดได้หลายบัญชีและหลากกลยุทธ์ เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง ระบบคอมพิวเตอร์สามารถสแกนเพื่อหาโอกาสการลงทุนข้ามตลาดได้ทั่วโลก พร้อมส่งคำสั่งซื้อและเฝ้าสังเกตให้กับเรา

     

    ข้อเสียของ Robot

    1. ระบบคอมพิวเตอร์อาจล้มเหลว: ต้องการการตรวจสอบดูแลตลอดเวลา แม้จะบอกว่าการเทรดด้วย Robot ทำให้เรามีเวลาไปทำอย่างอื่นมากขึ้น ไม่ต้องเฝ้าหน้าจอทั้งวัน แต่จริง ๆ แล้ว การทำงานอย่างอัตโนมัติก็ต้องมีการตรวจสอบและเฝ้าดูอยู่เป็นระยะ ๆ เพราะอาจเกิดเหตุระบบล้มเหลวได้ เช่น การเชื่อมต่อขัดข้อง เซิร์ฟเวอร์มีปัญหา ส่งผลทำให้การส่งคำสั่งซื้อขาย Error ตกหล่น หรือทำซ้ำก็ได้

    2. Robot ทำงานตามคำสั่งเป๊ะมากเกินไป: ด้วยความเถรตรงเกินไปของเจ้าหุ่นยนต์ บางครั้งราคาอาจไม่เป็นไปตามทฤษฎีใด ๆ หรืออาจจะมีเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อราคาหุ้น ซึ่งอยู่นอกเหนือการประเมินของหุ่นยนต์ จึงทำงานพลาดพลั้งได้ ดังเช่น เหตุการณ์ Black Monday ที่เกิดขึ้นในปี 1987 ที่ Robot ถล่มขายหุ้นออกจากตลาด เนื่องจากไม่ได้คำนวณแรงเทขายที่เกิดขึ้น จากความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยส่งผลให้นักลงทุนและกองทุนต่าง ๆ ต้องแห่ขายหุ้นตามกันไป กดดันให้ดัชนีดาวโจนส์ ดิ่งต่ำลงถึง 22% และใช้เวลานานถึง 14 เดือนกว่าตลาดจะฟื้นตัวกลับมาดังเดิม

    3. ความปลอดภัยและข้อมูลที่อาจรั่วไหล: ในกรณีที่มีผู้ล่วงรู้ถึงรูปแบบ ช่วงราคาการซื้อและขายของโปรแกรมก็อาจซื้อหรือขายหุ้นเพื่อดักทาง จนสร้างความเสียหายแก่นักลงทุนที่ใช้ระบบได้ จึงต้องมีการพัฒนาระบบบนมาตรฐานความปลอดภัย มีการป้องกันการเจาะข้อมูล และการรั่วไหลของข้อมูลเป็นอย่างดี

    #แจกฟรี!ระบบเทรด

    ____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคหาจังหวะเข้าจังหวะออกในระบบเทรด forex

    กันยายน 30, 2022

    ในการซื้อขายค่าเงิน หรือการเทรดคู่เงินในระบบเทรด Forex นั้น การหาจังหวะเข้า หรือออกออเดอร์ที่ดีที่สุด ก็เท่ากับเรามีชัยไปกว่าครึ่ง แต่ถ้าหากเราออกออเดอร์ผิดที่ เทรดกี่ทีก็ไม่ได้กำไร ต้องมาเสียเวลาแก้ไขอยู่ร่ำไป จนสุดท้ายก็ต้องไปตายเอาดาบหน้า  กุมชะตากรรม ยอมรับการขาดทุนไปในที่สุด

    ฉะนั้นการรู้จังหวะเข้า รู้จังหวะออก(ออเดอร์) จึงเป็นศาสตร์เชิงเทคนิคที่สำคัญในระบบเทรดให้ได้กำไร ช่วยให้สามารถอยู่ในตลาดได้นาน เพราะเมื่อเราเริ่มต้นมาดีแล้ว ย่อมมีความได้เปรียบมากกว่าเสียเปรียบนั่นเอง

    เทคนิคหาจังหวะเข้า หรือจากออกออเดอร์ด้วย Oscillators CCI , MACD

    เป็นเทคนิคหาจังหวะเข้าออกออเดอร์ง่ายๆ โดยอาศัยสัญญาณที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง จากจุดเข้า-จุดออกในตลาด ซึ่งประกอบด้วย 2 ตัวช่วย(อินดี้) คือการใช้ Oscillators CCI กับ MACD ในหน้าต่างเดียวกัน (ทับซ้อนกัน) ซึ่งจะใช้ได้ผล หรือให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด กับไทมเฟรมที่ M1 – H1 สำหรับไทมเฟรมที่แนะนำคือ M5
    การตั้งค่าตัวชี้วัดกำหนดตามนี้คือ

    • MACD: Period (Fast EMA – 12, slow EMA – 26, Signal SMA – 2)
    • CCI : Period – 14

    เนื่องจากเราใช้อินดี้ 2 ตัว (MACD,CCI) ในหน้าต่างเดียวกัน เราจึงต้องลากอินดี้ทั้งสองตัวดังกล่าวมาทับซ้อนกัน โดยไปที่เมนู Navigator >> indicators >> แล้ว MACD ไปยังกราฟก่อน >> จากนั้นลาก CCI ไปทับซ้อนอีกที ในหน้าต่างโซนเดียวกัน และอย่าลืม Set ค่า MACD ไว้ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น

    ตัวอย่าง การดึงกราฟมาซ้อนในหน้าต่างเดียวกัน

    ตัวอย่างการ Set ค่า MACD: Period (Fast EMA – 12, slow EMA – 26, Signal SMA – 2)

    1. การจับหวะหาตำแหน่งเข้า-ออกออเดอร์กรณีซื้อ (ฺBuy)

    เปิดออเดอร์ซื้อ (เข้าออเดอร์) เมื่อเส้น CCI (สีฟ้า) ข้ามเส้น +100 จากล่างขึ้นบน ในขณะที่ตัวชี้วัด MACD จะต้องอยู่เหนือเส้นแบ่ง 0

    ปิดออเดอร์ซื้อ (ออกจากออเดอร์) เมื่อเส้น CCI ย้อนกลับมาที่ระดับ +100 หรือข้ามขอบ MACD แนะนำดูจากภาพตัวอย่างด้านล่างกรณีซื้อ

    2. การจับหวะหาตำแหน่งเข้า-ออกออเดอร์กรณีขาย (ฺSell)

    เปิดออเดอร์ขาย (เข้าออเดอร์) เมื่อเส้น CCI (สีฟ้า) ข้ามเส้น -100 ลงมา ในขณะที่ตัวชี้วัด MACD อยู่ต่ำกว่าเส้นแบ่ง 0

    ปิดออเดอร์ขาย (ออกจากออเดอร์) เมื่อเส้น CCI ย้อนกลับมาที่ระดับ -100 หรือข้ามขอบ MACD แนะนำดูจากภาพตัวอย่างด้านบนกรณีขาย

    ในการเทรดด้วยกลยุทธ์นี้คุณจะต้องเฝ้าติดตามเทอมินัลอ่านตัวชี้วัด เพราะตัวเลือกนี้ไม่ได้ให้ฟังก์ชั่นในการวาง stop loss หรือ take profit

    หมายเหตุ: มุมมองผู้เขียนจากการใช้เทคนิคนี้ มองว่า กรณีที่จะปิดหรือออกจากออเดอร์ไม่ว่าจะซื้อหรือขายนั้น ควรปิดทันทีเมื่อมองเห็นว่าราคาจะไม่ไปต่อ หรือมันกำลังจะสวนทาง

    #แจกฟรี!ระบบเทรด

    ____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการเริ่มต้นเทรดในระบบเทรด Forex

    กันยายน 29, 2022

    ก่อนเริ่มต้นเทรดในระบบเทรดForex สำหรับเทคนิคเทรดเดอร์มือใหม่กำลังหาข้อมูลการเทรดการลงทุนในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตรา เทรดเดอร์ควรหาข้อมูลศึกษาเกี่ยวกับระบบเทรดในตลาดForex หรือทดลองใช้กับบัญชีdemoเทรดที่มีการเคลื่อนไหวตริงๆแต่เป็นเงินจำลองเลือกโบรกเกอร์ที่ตรงกับสไตล์การเทรดของคุณ ค่าเสปรดที่ไม่เหมือนกันและเลเวอเรจที่จะช่วยให้ทำกำไรได้ รวบรวมสมาธิและวินัยให้พร้อมอย่าใจร้อนควบคุมอารมณ์เทรดในตลาดForexให้ได้ Continue Reading…

    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคเทรดสั้น 1-5 นาที

    กันยายน 29, 2022

    ระบบเทรดเน้นทำกำไรในช่วงสั้นๆ หรือที่เรียกว่า Scalping ตามภาษาทางเทคนิคที่เหล่าเทรดเดอร์ที่ใช้เรียกกัน ก็มีอยู่หลากหลายเทคนิค หลายกลยุทธ์เหมือนกัน

    ระบบเทรดสั้น 1 นาที ด้วยเทรนไลน์และพินบาร์

    ระบบเทรดนี้ผู้เทรดต้องมีความรู้ในการสังเกต Pinbar  และตีเส้นเทรนไลน์เป็น นะครับ คิดว่าทุกท่านที่มาอ่านบทความตีเส้นและสังเกต pinbar

    ในภาพเป็นคู่เงิน  GBP/AUD   ใช้กราฟ 1 นาที  กราฟเปล่า ๆ แล้วเรามา ตีเส้นเทรนไลน์ จากนั้นก็สังเกตหา  Pinbar  ในภาพ ตรง วงกลมสีแดงนั่นและ  pin bar  ในเทรนนี้มี 3  จังหวะเปิดออร์เดอร์

    เงื่อนไขการเปิดออเดอร์ Buy

    1. ลากเทรนไลน์ขาขึ้น
    2. รอราคากลับมาทดสอบเส้นเทรนไลน์ที่เราลากไว้
    3. จากนั้นให้เรารอราคาทดสอบเส้นแล้วเกิด Pin Bar  หลังจากนั้นให้เรา เปิดออเดอร์ Buy
    4. วาง Stoploss อยู่ล่าง Pin Bar 10 pips
    5. Take profit หรือทำกำไรจาก Pin Bar นี้ 10 pips หรือ มากกว่านั้น

                                           ในภาพ เข้า  Buy  ตาม วงกลมสีแดง แล้ว รอ ทำไรในระหว่าง  10 pips  ก็น่าจะพอ  ถ้าร้อนมาก ก็  6-7 pips  ปิดเลย ก็ยังไม่น่าเกลียด

    เงื่อนไขการเปิดออเดอร์ Sell

    1. ลากเทรนไลน์ขาลง
    2. รอราคากลับมาทดสอบเส้นเทรนไลน์ที่เราลากไว้
    3. จากนั้นให้เรารอราคาทดสอบเส้นแล้วเกิด Pin Bar  หลังจากนั้นให้เรา เปิดออเดอร์ Sell
    4. วาง Stoploss อยู่ล่าง Pin Bar 10 pips
    5. Take profit หรือทำกำไรจาก Pin Bar นี้ 10 pips หรือ มากกว่านั้น

                       ภาพเทรนขาลง

     

    เห็นได้ว่าในภาพ เกิด  pinbar ถึง  5  ครั้ง  จัด  Sell  ตามนั้น บวก 5-6 pips ออกเลยก็ไม่น่าเกลียด

    เทรดสั้น 1 นาที โดยแนวรับแนวต้าน

    เป็นระบบเทรดสั้นที่เรียกว่า เป็นการใช้  แนวรับและแนวต้าน  อย่างต่อเนื่อง ในที่นี้เราจะใช้ indicator หาแนวรับแนวต้านเข้ามาช่วยเพื่อ ทำการเทรดอย่างรวดเร็วเป้าหมายในการเทรดเพื่อทำกำไร 7-10 pips หรือ มากกว่านั้นหากคุณต้องการ แต่ที่สำคัญระบบเทรดนี้ ควรเลือก คู่เงินที่มี Spread ต่ำ เช่น EURSUD, GBPUSD, USDJPY AUDUSD, USDCHF

    คู่เงิน : คู่เงินที่มี Spread ต่ำๆ เช่น EURSUD, GBPUSD, USDJPY AUDUSD, USDCHF

    กฏของการเปิดออเดอร์ Buy

    1. แนวรับจะเป็นเส้นประจุดๆ สีน้ำเงิน แนวต้านจะเป็นเส้นประจุดๆ สีแดง
    2. ให้การดูกราฟ 1 นาที รอให้แท่งเทียน 1 นาที ปิดเหนือเส้นประสีแดง
    3. ให้เปิดออเดอร์ ฺBuy และ วาง Stop loss ต่ำกว่าจุดที่เปิดออเดอร์ 7-10 pips
    4. ปิดทำกำไรเมื่อราคาผ่านไป 7-10 pips หรือมากกว่านั้น และรอเทรดครั้งต่อไป

    กฏของการเปิดออเดอร์ Sell

    1. แนวรับจะเป็นเส้นประจุดๆ สีน้ำเงิน แนวต้านจะเป็นเส้นประจุดๆ สีแดง
    2. ให้การดูกราฟ 1 นาที รอให้แท่งเทียน 1 นาที ปิดเหนือเส้นประสีน้ำเงิน
    3. ให้เปิดออเดอร์ Sell และ วาง Stop loss สูงกว่าจุดที่เปิดออเดอร์ 7-10 pips
    4. ปิดทำกำไรเมื่อราคาผ่านไป 7-10 pips หรือมากกว่านั้น และรอเทรดครั้งต่อไป\

     

    เทรดสั้น 5 นาที ด้วย Bollinger Band

    หากเราเป็นเทรดเดอร์จำพวกเข้าเร็วออกเร็วหรือ Scalping  เราจะไม่สามารถคุมอารมณ์ตัวเองให้ใจเย็นได้นานอย่างแน่นอน แต่คนพวกนี้ จะมีความมั่นใจในตัวเองสูง คิด และ ตัดสินใจทำอะไรอย่างรวดเร็ว อย่างไม่ลังเล และเป็นพวกกล้าได้กล้าเสีย บ้างก็ประมาณ นักพนัน ในอารมณ์นั้นๆได้  แต่ก็ไม่เสมอไป หากสิ่งที่ปฏิบัติ ผ่านการฝึกและทดสอบ โดยใช้สถิติชี้วัดเช่น ในการลองทำสิ่งซ้ำเดิมๆ 10 ครั้ง คุณชนะถึง 7 ครั้งนั้นก็ คือ สิ่งที่คุณทดสอบนั้น  ผิดพลาดเพียง 30% มันเป็น 30% ที่เสียไป  โอเค เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า  ใน บทความนี้จะพูดถึงเรื่อง  การเทรดสั้นใน time frame 5 นาที โดยใช้ indicator : Bollinger Band เข้ามาช่วยในการตัดสินใจก่อนเข้าออเดอร์

    Indicator Bollinger Band  ค่า ตั้งเดิม

    ทามเฟรม  : 5 นาที

    ช่วงเวลาเทรด : ตลาดยุโรป หรือ อเมริกา

    คู่เงินที่ควรเทรด : EURUSD and GBPUSD

    กฏของการ BUY

    1. กรอบราคาจะต้องอยู่ในกรอบของBollinger Bands  ไม่เป็นเทรน ยาวไปทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
    2. รอและสังเกต เมื่อราคาแตะเส้นBollinger Bands เส้นล่าง
    3. เมื่อราคาแตะเส้น ให้ทำการBUY
    4. ตั้ง Stoploss ต่ำกว่า จุดที่เข้าออร์เดอร์ 10 pips
    5. เก็บกำไรตามใจชอบเมื่อกราฟพุ่งขึ้นเหนือ จุดที่เข้าออเดอร์ แนะนำควรตั้งแต่ 5-10 pips ขึ้นไป

    กฏของการ Sell

    1. กรอบราคาจะต้องอยู่ในกรอบของBollinger Bands  ไม่เป็นเทรน ยาวไปทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
    2. รอและสังเกต เมื่อราคาแตะเส้นBollinger Bands เส้นบน
    3. เมื่อราคาแตะเส้น ให้ทำการSell
    4. ตั้ง Stoploss ต่ำกว่า จุดที่เข้าออร์เดอร์ 10 pips
    5. เก็บกำไรตามใจชอบเมื่อกราฟพุ่งขึ้นเหนือ จุดที่เข้าออร์เดอร์ แนะนำควรตั้งแต่ 5-10 pips ขึ้นไป

    ____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    การทำกำไรด้วยรูปแบบแท่งเทียน

    กันยายน 28, 2022

    เทคนิคการทำกำไรด้วยรูปแบบแท่งเทียน

     

     

     

    Morning star ประกอบด้วย 3 แท่งเทียน
    ลักษณะของรูปแบบนี้คือ แท่งเทียนแรกเป็นสีแดง ตามด้วยแท่งเทียนที่อยู่ต่ำกว่าแท่งแรก (เป็นลักษณะเล็กๆ หรือเป็น Doji ก็ได้) และแท่งสุดท้ายเป็นสีเขียว ซึ่งแสดงถึงแรงขายที่มีในช่วงแรก ค่อยๆทยอยลดลงไป และสุดท้ายแรงซื้อกลับขึ้นมาเป็นฝ่ายชนะแทน มีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวขึ้นในอนาคต

    Evening star ประกอบด้วย 3 แท่งเทียน
    ตรงกันข้ามกับ Morning star โดยแท่งเทียนแรกเป็นสีเขียว ตามด้วยแท่งเทียนที่อยู่สูงกว่าแท่งแรก (จะขนาดเล็กๆ หรือเป็น Doji ก็ได้) และแท่งสุดท้ายเป็นสีแดง แสดงถึงช่วงแรกที่แรงซื้อยังหนาแน่น จากนั้นแรงซื้อเริ่มชะลอ สุดท้ายก็ไม่สามารถต้านทานแรงขายได้ เป็นสัญญาณกว่าราคามีโอกาสที่จะปรับตัวลงในอนาคต

    Bullish Engulfing ประกอบด้วย 2 แท่งเทียน
    โดยตัวเทียนของแท่งแรก (สีแดง) ต้องอยู่ภายใต้การปกคลุมของตัวเทียนของแท่งเทียนที่สอง (สีเขียว ขนาดใหญ่) แสดงถึงแรงซื้อที่หนาแน่น หนุนให้ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อในอนาคต

    Bearish Engulfing ประกอบด้วย 2 แท่งเทียน
    ตรงกันข้ามกับ Bullish Engulfing ตัวเทียนของแท่งแรก (สีเขียว) อยู่ภายใต้การปกคลุมของตัวเทียนของแท่งเทียนที่สอง (สีแดง ขนาดใหญ่) แสดงถึงแรงขายที่หนาแน่น หนุนให้ราคามีโอกาสปรับตัวลงในอนาคต

    Hammer ประกอบด้วย 1 แท่งเทียน
    เป็นแท่งเทียนที่มีไส้เทียนยาวๆออกด้านล่าง และมีตัวเทียนที่ขนาดเล็กๆที่ระดับบนของแท่งเทียน ที่แสดงให้เห็นว่า ถึงแม้ราคาจะเผชิญแรงขายในระหว่างวันที่ค่อนข้างมาก แต่สุดท้ายก็มีแรงซื้อกลับทำให้ราคากลับมาปิดที่บริเวณเดิม มีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวขึ้นในอนาคต

    Shooting star ประกอบด้วย 1 แท่งเทียนตรงกันข้ามกับ Hammer เป็นแท่งเทียนที่มีไส้เทียนยาวๆออกด้านบน และมีตัวเทียนที่ขนาดเล็กๆที่ระดับล่างของแท่งเทียน ที่แสดงให้เห็นว่า ถึงแม้จะมีแรงซื้อระหว่างวันที่รุนแรงเข้ามา แต่สุดท้ายก็มีแรงขายมามากเช่นเดียวกัน จนทำให้ราคากลับมาปิดที่บริเวณเดิม มีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวลดในอนาคต

    #แจกฟรีระบบเทรด

    ____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    .
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    8 เทคนิคในการใช้ Trend Lines

    สิงหาคม 10, 2022

    8 เทคนิคในการใช้ Trend Lines

    1. เส้นแนวโน้มยังสะท้อนถึงระดับราคาหลักเช่นเดียวกับระดับราคาแนวรับและแนวต้าน ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างสองสิ่งนี้คือจุดราคาเริ่มต้นที่จำเป็นในการสร้างเส้น ระดับราคาแนวรับและแนวต้านสามารถกำหนดได้ด้วยจุดราคาเดียว แต่เพื่อสร้างเส้นแนวโน้มมากกว่าจุดราคาเดียว สองเป็นพื้นฐานและมากกว่าสองเป็นที่ต้องการอย่างมาก

    2. เส้นแนวโน้มมีสามประเภท สองเส้นเป็นเส้นทแยงมุม และเส้นหนึ่งเป็นเส้นแนวนอน แต่ส่วนใหญ่ เส้นแนวโน้มที่มีความชัน เช่น เส้นทแยงใช้เพื่อกำหนดทิศทางแนวโน้มและความเร็ว

    3. Bullish (แนวโน้มขาขึ้น) เป็นเส้นแนวโน้มแนวทแยงที่วาดขึ้นในเวลาที่ราคากำลังเคลื่อนตัวและมีการแกว่งตัวของราคาขาขึ้นอย่างน้อย 2 ครั้ง เส้นแนวโน้มขาขึ้นจะถูกวาดโดยการเชื่อมต่อราคาของจุดต่ำสุดของสวิงที่สูงขึ้น เช่น จุดต่ำสุดของการแกว่งของราคาที่สูงขึ้น

    4. Bearish (Down Trend) เป็นเส้นแนวโน้มแนวทแยงที่วาดขึ้นในขณะที่ราคากำลังลดลงและได้เสร็จสิ้นการแกว่งของราคาขาลงอย่างน้อย 2 ครั้ง เส้นแนวโน้มขาลงถูกวาดโดยเพียงแค่เชื่อมต่อราคาของ swing high ที่ต่ำกว่า ie ที่ราคาต่ำกว่า swings tops

    5. จากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง (ช่องจากด้านข้าง) เป็นเส้นแนวโน้มแนวนอนที่วาดขึ้นในเวลาที่ราคาเคลื่อนไหวในช่วงคงที่ เช่น เมื่อราคาเคลื่อนไหวภายในกล่อง ทำซ้ำเพื่อสร้างค่าสูงสุดและค่าต่ำสุดที่คล้ายคลึงกัน เส้นแนวโน้มด้านข้างถูกวาดโดยเพียงแค่เชื่อมต่อราคาของ swing high และ swing low ที่คล้ายกัน

    6. โดยการเพิ่มจำนวนครั้งอย่างต่อเนื่องของการทดสอบเส้นแนวโน้ม มันจึงมีความสำคัญและแข็งแกร่งขึ้น

    7. ราคาอาจทะลุทะลวงในบางครั้ง แต่ไม่ควรปิดในทิศทางตรงกันข้ามกับเส้นแนวโน้ม เช่น ราคาไม่ควรตัดกัน (ตัดข้าม)

    8. อย่าพยายามพล็อตเส้นแนวโน้มโดยการปรับตามราคาตลาด เส้นแนวโน้มที่ปรับแล้วไม่ใช่เส้นแนวโน้มที่ถูกต้อง

    ________________________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    MTrading เทรดดีไม่มีสะดุด XAUUSD ไม่มีค่า Swap บนบัญชี M.Pro!
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่?https://bit.ly/MTRatsamee
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคเทรดOscillatorด้วย กับMomentum

    กรกฎาคม 1, 2022

    การใช้ Oscillator มีความโดดเด่นมากในโลกของการซื้อขาย ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้นหรือซื้อขายอย่างมืออาชีพมาหลายปี Oscillator ใช้สูตรคณิตศาสตร์และจัดประเภทเป็นสถิติอุปนัย ใน forex พวกเขาประกอบขึ้นเป็นส่วนสำคัญของการวิเคราะห์ทางเทคนิค เนื่องจากถูกใช้เพื่อยืนยันแนวโน้มของตลาด ส่งสัญญาณเมื่อการซื้อขายมีการซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไปภายใต้สภาวะที่รุนแรง และยังแจ้งให้ผู้เทรดทราบเมื่อการเคลื่อนไหวของตลาดกำลังจะกลับตัวเนื่องจากการขาดทุน ของโมเมนตัม

    Oscillator กับ Momentum Indicator
    อินดิเคเตอร์ทีให้สัญญาณเร็วกับให้สัญญาณช้าอินดิเคเตอร์ที่เป็น Oscillators และ Trend Following
    จุดประสงค์ของบทนี้ เพื่อที่จะแบ่งประเภทของอินดิเคเตอร์ของเราเป็นสองรูปแบบดังนี้
    1. Oscillators
    2. Trend following หรือ momentum
    Oscillator เป็นอินดิเคเตอร์ประเภท ให้สัญญาณเร็ว
    Momentum เป็นอินดิเคเตอร์ที่ให้สัญญาณช้า
    มีอินดิเคเตอร์สองประเภทคือ อินดิเคเตอร์ที่ให้สัญญาณเร็ว และ อินดิเคเตอร์ที่ให้สัญญาณช้า
     อินดิเคเตอร์ที่ให้ส ญญาณเร็วจะให้สัญญาณ BUY ก่อนที่จะเกิดเทรนด์หรือ เกิดจุดกลับตัวเกิดขึ้น
     อินดิเคเตอร์ที่ให้สัญญาณช้าจะให้สัญญาณการเข้าเทรด หลังจากที่เกิดเทรนด์ไปแล้ว
     เครื่องมือทางเทคนิคสามารถแบ่งได้เป็ นสองประเภทคือ Oscillators และ trend following หรือ
    momentum อินดิเคเตอร์
     Oscillators เป็นเครื่องมือที่ให้สัญญาณเร็ว
     Momentum เป็นเครื่องมือที่ให้สัญญาณช้า
     ถ้าคุณสามารถจะวิเคราะห์ทิศทางของตลาดได้ในช่วงที่คุณกำลังเทรด คุณจะเรียนรู้ว่าเครื่องชนิด
    ไหนที่ให้สัญญาณที่มีความแม่นย ากับคุณได้ และเครื่องมือชนิดไหนที่คุณไม่ควรจะใช้

    #แจกฟรีระบบเทรด

    สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการใช้ EA indicator และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี
    มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
    .
    เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆอื่นๆได้อีกในอนาคต
    XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย
    .
    Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ
    .
    exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด
    .
    **”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อ
    .
    ขอรับ EA ได้ฟรี!”**
    .
    ช่องทางการพูดคุย
    .
    Line Id :: @ft.th
    .
    .
    กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กําไรอย่างยั่งยืน
    .
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    แนวรับ แนวต้าน คืออะไร ?

    มิถุนายน 16, 2022

    เทคนิค แนวรับ แนวต้าน คืออะไร

    แนวรับ คืออะไร

    เทคนิค เส้นแนวรับ คือ จุดต่ำสุด 2-3 จุดขึ้นไป ที่มีนัยยะสำคัญหรือมีแรงซื้อขายจากจุดๆนั้น หรือ ราคา Forex นั้นไม่ผ่านจุดของราคานี้ลงไปเลย เช่น แนวรับที่ 2บาท แปลว่าไม่อย่างไรราคาก็จะไม่ลงต่ำกว่า 2 บาท ทำให้เราพอทำนายได้ว่าเมื่อถึงจุดที่ราคาวิ่งไปใกล้กับเส้น 2บาท ราคาก็จะเด้งกลับและถูกแรงซื้อเข้านั่นเอง ซึ่งใจจุดนี้ นักลงทุนทุกท่านจะเห็นตรงกันว่าเป็นราคาที่เหมาะสมในการเข้าซื้อนั่นเอง

    แนวต้าน คืออะไร

    แนวต้านนั้น จะมีความหมายที่ตรงกันข้ามกับแนวรับครับ จะเป็นจุดที่ราคาไปสูงสุด และไม่เคยไปเกินกว่านี้ ซึ่ง เทคนิค การลากเส้นแนวต้านนั้นก็ใช้หลักเทรนไลน์ยอดสูงสุด 3 ยอดมาเป็นตัววัด เช่นราคาไม่เคยเกิน 10บาท แปลว่าถ้าราคาขึ้นมาสูงใกล้เส้น 10บาท คุณก็สามารถเข้าใจได้ว่า นักลงทุนกำลังจะเทขาย Forex ตัวนัั้น ซึ่งจุดนั้นจะเป็นนัยยะสำคัญ ที่เรียกว่าแนวต้าน

    1.เทคนิค สามารถใช้หาจุดในการเปิดสัญญา Buy หรือ สัญญา Sell ได้อย่างง่ายๆ เพียงแค่ดูว่าราคาเข้าใกล้สู่เส้นแนวรับแนวต้านมากน้อยเพียงใดเป็นต้น แต่ว่าคุณอาจต้องใช้คู่กับอินดิเคเตอร์ตัวอื่นๆด้วยไม่ใช่ใช้แค่ตัวเดียวแล้วจบเลย

    2.ช่วยให้มองเห็นกรอบราคาของการวิ่งได้ ข้อดีประการต่อมาคือช่วยให้เรามองเห็นกรอบราคาของการวิ่งไปได้อย่างชัดเจน ตรงนี้เรามักมี

    เทคนิคจะลากทั้งเส้นแนวรับและเส้นแนวต้านควบคู่กันไปพร้อมๆกันนั่นเอง

    การหาอินดี้มาช่วยในการหาเส้นแนวรับและแนวต้าน

    1.คุณสามารถใช้ Fibonacci ในการหาเส้นแนวรับแนวต้านได้ด้วยเช่นเดียวกัน และสามารถทำนายกรอบแนวรับ แนวต้านได้ค่อนข้างแม่นยำมากๆเสียด้วย

    2.คุณสามารถใช้การลากเส้นเทรนไลน์ โดยการกำหนดยอด สูงสุดของราคา 3 จุดแล้วลากเส้น หรือ ยอดต่ำสุดของราคา 3 จุดแล้วลากเส้น เพื่อหาแนวรับแนวต้านก็สามารถทำได้

    Moving Average(MA) สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายๆอย่างเช่น ใช้ดูแนวโน้มของราคา ใช้หาแนวรับแนวต้าน และสามารถใช้ Moving Average(MA) เป็นสัญญาณในการซื้อ-ขายได้เช่นเดียวกัน

    ประเภทของแนวรับแนวต้าน

    นอกจากเราจะต้องรู้ว่า แนวรับแนวต้านคืออะไรแล้ว ในบทความนี้เราจะต้องพูดถึงประเภทของแนวรับแนวต้าน ประเภทของแนวรับแนวต้านนั้น ไม่มีที่ไหนจะบรรยาย และแบ่งองค์ประกอบได้เหมือนที่นี่อีกแล้ว เพราะว่า ผมแบ่งประเภทของ แนวรับ แนวต้าน ตามประสบการณ์ การเทรด

    ในการเทรดนั้นเราสามารถแบ่งประเภทของแนวรับแนวต้าน ได้ 2 รูปแบบ คือ แนวรับแนวต้านตามความชันของกราฟ และแนวรับแนวต้านตามแนวราบ

    รูปแบบของแนวรับแนวต้าน

    ประเภทของแนวรับแนวต้านกันไปแล้ว เรามาพูดถึงประเภทของแนวรับแนวต้านกันบ้างกันดีกว่า หลายคนอาจจะไม่คิดว่า แนวรับแนวต้านอาจจะใช้ได้หลายรูปแบบ ดังต่อไปนี้

    • รูปแบบกำหนดตายตัว – รูปแบบกำหนดตายตัว ของเครื่องมือได้แก่ รูปแบบราคา Price Pattern  ตัวอย่างของการเกิดรูปแบบ Double Top และ Double Bottom เราสามารถใช้รูปแบบของมันเป็นจุดแนวรับแนวต้าน หรือ รูปแบบหัวและไหล่ ในการกำหนดแนวรับแนวต้านของราคา รูปแบบกราฟแท่งเทียนบางประเภท หรือรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งรูปแบบเหล่านี้ตายตัว
    • รูปแบบของเครื่องมือประเภทวาดเอง – รูปแบบแนวรับแนวต้านของกลุ่มเครื่องมือที่ใช้ในกลุ่มนี้ได้แก่ Horizontal Line รูปแบบ Trend Line เครื่องมือประเภท Fibonnacci Retracement เครื่องมือประเภท Elliot Wave ก็สามารถใช้เป็นแนวรับแนวต้นได้
    • รูปแบบ indicator – รูปแบบ indicator นั้นก็สามารถแยกย่อยเป็นอีก 2 รูปแบบย่อยได้แก่ รูปแบบของ indicator ประเภท oscillator และรูปแบบของ indicator ที่เป็น Trend Following เช่น  การใช้ Moving Average ในการสร้างแนวรับแนวต้าน เราสามารถใช้เส้น Moving Average ความเร็วที่แตกต่างกันสร้างแนวรับแนวต้านที่ 1 และที่ 2 ได้ หรือแม้แต่การใช้ Stochastic ในการวัดแนวรับแนวต้าน ผ่าน Overbought และ Oversold Zone ในการกำหนด ซึ่งสามารถทำได้เช่นกัน

    ประโยชน์ของ การรู้เรื่องเส้น แนวรับ แนวต้าน

    1.ช่วยให้มองเห็นกรอบราคาของการวิ่งได้ ข้อดีประการต่อมาคือช่วยให้เรามองเห็นกรอบราคาของการวิ่งไปได้อย่างชัดเจน ตรงนี้เรามักจะลากทั้งเส้นแนวรับและเส้นแนวต้านควบคู่กันไปพร้อมๆ

    2.สามารถใช้หาจุดในการเปิดสัญญา Buy หรือ สัญญา Sell ได้อย่างง่ายๆ เพียงแค่ดูว่าราคาเข้าใกล้สู่เส้นแนวรับแนวต้านมากน้อยเพียงใด เป็นต้น แต่ว่าคุณอาจต้องใช้คู่กับอินดี้ตัวอื่นๆ ด้วยนะครับ ไม่ใช่ใช้แค่ตัวเดียวแล้วจบเลย

    สรุป

    ตลอดการเทรด forex ของคุณ คุณไม่มีทางที่จะหนีได้เลยกับคำว่าแนวรับ และแนวต้าน ดังนั้น จงเตรียมพร้อมที่จะทำความเข้าใจและพร้อมที่จะศึกษาเรื่องของการใช้เครื่องมือหรือกลยุทธ์ใดๆ เพื่อการเขียนเส้นแนวรับและแนวต้านออกมาให้ได้ แล้วมันจะช่วยให้คุณเทรด forex ง่ายขึ้น มีความสะดวกขึ้นในการเทรด มากกว่าที่จะปฏิเสธ แน่นอนว่ามันไม่มีกลยุทธ์ใด ที่มีความยั่งยืน หรือเทรดได้ 100 % แต่ว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เมื่ออยู่รวมกันก็จะทรงพลังมากขึ้น

    ………………………………………………………………………………………………………………………..

    #แจกฟรีระบบเทรด

    สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการใช้ EA indicator และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี
    มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
    .
    เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆอื่นๆได้อีกในอนาคต
    XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย
    .
    Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ
    .
    exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด
    .
    **”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อ
    .
    ขอรับ EA ได้ฟรี!”**
    .
    ช่องทางการพูดคุย
    .
    Line Id :: @ft.th
    .
    .
    กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กําไรอย่างยั่งยืน
    .
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    Divergence คือ อะไร ?

    มิถุนายน 14, 2022

    Divergence

    Divergence ในทาง Forex หมายถึง “สัญญาณกลับตัว” นั่นคือ เหตุการณ์ในช่วงราคาเคลื่อนไหวที่ไม่เป็นไปในรูปแบบเดียวกับ Indicator นั้นเป็นสัญญาณที่เรียกว่า Divergence ไดเวอร์เจนท์ช่วยให้เทรดเดอร์หาจังหวะการกลับตัวของราคา

    ประเภทของ Divergence

    1) Bullish Divergence :

     

    เกิดในช่วงแนวโน้มขาลง โดยราคาลงทำ Lower Low แต่ Indicator ทำ Higher Low เป็นสัญญาณการกลับตัวเป็นขาขึ้น

     

    2) Bearish Divergence:

     

    เกิดในช่วงแนวโน้มขาขึ้น โดยราคาขึ้นทำ Higher High แต่ Indicator ทำ Lower High เป็นสัญญาณการกลับตัวเป็นขาลง

     

    4 วิธีการเทรด Divergence 

    วิธีที่ 1 : เริ่มจากมอง Trend ให้ออกก่อน

    • ใครยังอ่าน Trend ไม่คล่อง เขียนเทคนิคอ่าน Trend อย่างละเอียด
    • ทำไมต้องอ่าน Trend ให้ออกก่อน ? เพราะ Divergence เป็นตัวบอกความขัดแย้งของราคากับโมเมนตัม เป็นตัวบอกความอ่อนแอของ Trend และบอกว่า ราคามีโอกาสที่จะกลับตัวในไม่ช้า (ย้ำนะว่า…มีโอกาส ไม่ใช่เกิดแน่ ๆ)
    • จะเห็นชัดเลยว่า Divergence เกิดใน Trend ในเมื่อ Divergence เกิดใน Trend นี่จึงเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมเราต้องอ่าน Trend ให้ออกไง
    • เพื่อให้ทุกท่านเห็นภาพชัดเจน ไปดูกันว่า Divergence เกิดใน Trend จริงหรือไม่

    วิธีที่ 2 : หา แนวรับ-แนวต้าน ให้เจอ 

    • แนวรับ-แนวต้าน เกี่ยวอะไรกับ Divergence ?  ตัวบอกว่า Divergence Signal ที่เกิดในขณะนั้น ของจริง หรือ ของปลอม 
    • วิธีการดูว่า Divergence อันไหนของจริง อันไหนของปลอม ก็คือ ดูการ Breakout Levels 
    • ในขาขึ้น หากเกิด Divergence และราคา “หลุดแนวรับ” ถ้าเกิด 2 สิ่งนี้พร้อมกัน = Divergence นั้นเป็นของจริง 
    • เช่นเดียวกับในขาลง ต้องดูว่าราคา “ทะลุแนวต้าน” หรือไม่ ถ้าใช่ = ของจริง / ถ้าไม่ใช่ = ของปลอม

    วิธีที่ 3 : ดู Divergence Signal ใน Time Frame Day เป็นหลัก

    • ข้อนี้เป็นสิ่งที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ไม่ให้ความสำคัญ หรือ อาจจะลืมไป
    • เทรดเดอร์ส่วนใหญ่จะชอบเทรดใน Time Frame เล็ก ๆ อย่าง 1 นาที, 15 นาที หรือ 30 นาที
    • Time Frame ยิ่งเล็ก ยิ่งมีน้ำหนักในการตัดสินใจน้อย พูดง่าย ๆ คือ เชื่อไม่ค่อยได้
    • เวลาเกิด Divergence ใน Time Frame เล็ก ๆ สัญญาณจึงอ่อน เพราะ เกิดบ่อยและยังเป็น Time Frame เล็ก ๆ ด้วย
    • เอาหลักฐานมาให้ดูว่า สัญญาณ Divergence ใน Time Frame เล็ก ๆ นั้น เชื่อไม่ค่อยได้ จริงหรือไม่

    วิธีที่ 4 : รอ Confirm Signal ก่อนเสมอ

    • คุณต้องไม่เปิด Order ทันที ที่เห็น Divergence ข้อนี้สำคัญมาก  ** 
    • ข้อนี้เป็นเคล็ดลับที่อยากบอกทุกท่าน หลังจากที่ผมฝึกเทรดมาพอสมควร เมื่อก่อนพอเห็นสัญญาณ Divergence จะบอกกับตัวเองว่า “เปิด Order เลย มันเป็น Trend แน่!!” แต่หลังจากทำแบบนั้นมาหลายครั้ง พอร์ตเจ๊งไม่เป็นท่ามาหลายพอร์ต (พอร์ต Demo นะครับ) ค้นพบว่า จุดสำคัญมันคือ ต้องรอ Confirm ก่อน!!
    • การ Confirm ที่ว่าก็คือ รอให้ราคา Breakout Levels ก่อนนั่นเองครับ วิธีนี้จะช่วยให้เราเจอ divergence หลอก น้อยลง เจอ divergence จริง มากขึ้น
    • ดังนั้น คราวหน้าถ้าอยากเทรด Divergence Signal ให้ทำตามคำแนะนำทั้ง 4 ข้อนี้นะครับ รับรองว่า ฝีมือคุณจะดีขึ้นอย่างแน่นอน รับประกัน 

    #แจกฟรี!ระบบเทรด

    สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการใช้ EA indicator และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี
    มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
    .
    เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆอื่นๆได้อีกในอนาคต
    XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย
    .
    Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ
    .
    exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด
    .
    **”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อ
    .
    ขอรับ EA ได้ฟรี!”**
    .
    ช่องทางการพูดคุย
    .
    Line Id :: @ft.th
    .
    .
    กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กําไรอย่างยั่งยืน
    .
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

     

     

    เทคนิคการใช้อีเอ

    ระบบเทรด forex สั้น (Scalping) คืออะไร

    พฤษภาคม 30, 2022

     

    Scalping คืออะไร

    Scalping คือระบบเทรดทำกำไรในช่วงสั้นๆ โดยมักจะอยู่ระหว่าง 5-20 pip ต่อการเทรดทำกำไรหนึ่งครั้ง โดยหลักเทคนิคระบบเทรดแบบนี้มีความเชื่อว่าการแกว่งตัวที่น้อยที่สุดนี้สามารถทำกำไรได้อย่างปลอดภัยมากที่สุด ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นพวกการเทรด Lot ใหญ่ๆ ซึ่งแม้เพียง 2-5 pip ก็สามารถทำเงินได้อย่างมหาศาลแล้ว

     

    เทคนิคระบบเทรด Scalping

    • หัวใจของระบบเทรดแบบ Scalping คือ “เข้าทำกำไรให้ไว รีบออกให้ไว เน้นกำไรจุดน้อยๆแต่บ่อยๆ” จะไม่ถือ position นานเด็ดขาด
    • ตั้ง risk/reward ประมาณ 1:1 ถ้ากำไรแล้วต้องรีบออกทันที อย่าคิด let profit run อย่ามัวแต่เสียดาย ตัวอย่างการตั้งค่าเช่น ซื้อ true 10 $ ตั้งขาย 10.10 $ Cut Loss 90 $
    • Win/loss ratio ต้องสูง การ Scalping เราอาศัยหลักการ “กำไรน้อยได้ง่าย กำไรมากได้ยาก” ดังนั้น%ความถูกต้องจะต้องสูงกว่า%ผิด คืออย่างน้อยควรมากกว่า 2:1
    • จงมีวินัยต่อ Cut Loss สูง ห้ามขาดทุนก้อนใหญ่เด็ดขาด การ Scalping จะอาศัยเก็บกำไรทีละน้อยๆแต่อาศัยบ่อยๆ ถ้าเราขาดทุนก้อนใหญ่กำไรที่สะสมเอาไว้จะหมดทันที
    • เน้นจำนวนรอบ ระบบเทรด Scalping เราต้องอาศัยความถี่ วันหนึ่งอาจเป็นสิบรอบ ถึงหลักร้อยรอบ

     

    สิ่งที่ต้องใส่ใจ ในการทำ Scalping

    เทคนิคการเทรดการทำ Scalping นั้นมีจุดที่ต้องระวังอยู่พอสมควร จุดหลักที่ต้องรู้คือ

    1. ค่าสเปรด การทำ Scalping โดยปกติจะทำอยู่ในระหว่างช่วง 5-20 pip เท่านั้น ดังนั้นคุณต้องไม่ลืมในการคิดค่าสเปรดเข้าไปด้วย ไม่อย่างนั้นแล้วเมื่อคุณทำ Scalping คุณจะขาดทุนในทุกออเดอร์ที่เข้าไปทันที
    1. อย่าลืมดูเงื่อนไขแต่ละบัญชีของแต่ละโบรกเกอร์ด้วย เพราะว่าในหลายๆโบรกและหลายๆประเภทบัญชีนั้นไม่อนุญาตให้มีการเทรดแบบ Scalping หรือสามารถเทรด Scalping ได้ แต่ว่าก็มีเงื่อนไขประกอบมากมาย ตรงนี้ต้องศึกษาให้ดี ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะงงว่าทำไมเปิดออเดอร์ และกดปิดไม้ทันทีไม่ได้
    1. traders ส่วนมากจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เมื่อเทรดด้วยเงินจริงๆ ดังนั้น กฎเหล็กข้อหนึ่งก็คือ ให้ทดลองการเทรด Scalping กับบัญชี Demo ก่อนให้ชำนาญและชิน เพราะไม่ได้ใช้เงินจริงๆในการเทรด ดังนั้นก็เลยไม่มีความเสี่ยงใดๆที่จะสูญเสียเงิน เทคนิคการเทรดแบบ scalping เทรดเดอร์จะต้องอยู่ในตลาดตลอดเวลา ซึ่งแน่นอนมันคือความเครียดที่จะนำไปสู่การกระทำที่ไม่รอบคอบและการตัดสินใจที่ผิดพลาดได้

     

    ข้อควรรู้ในการทำ Scalping

    1. เทคนิคระบบเทรด Scalping เป็นการทำการเปิดออเดอร์ซื้อขาย แบบเล็กๆ โดยจะเลือกทำกำไรที่จำนวน pip ไม่มาก อาจน้อยมากจนเหลือแค่ 1 pip หรือสูงสุดไม่เกิน 15 pip
    1. การทำ Scalping มีความเสี่ยงอยู่เหมือนกันและไม่น้อยกว่าระบบเทรดแบบอื่นๆ และเนื่องจากเทคนิคระบบเทรดแบบนี้เราจะต้องเฝ้ากราฟตลอดจึงถือว่าเป็นการเทรดที่ควบคุมความเสี่ยงได้มาก
    1. การทำ Scalping ต้องดูเงื่อนไขของบัญชีต่างๆด้วยว่ามีการอนุญาตมากน้อยแค่ไหนในการทำ แต่ละโบรกเกอร์ก็จะแตกต่างกันไป แต่โดยปกติแล้วโดยรวมๆจะเป็นดังนี้
    • บัญชีไมโคร – ไม่อนุญาตให้เทรดแบบ Scalping
    • บัญชีมินิ – ไม่อนุญาตให้เทรดแบบ Scalping
    • บัญชี Nano – ไม่อนุญาตให้เทรดแบบ Scalping
    • บัญชี ECN Interbank – ไม่อนุญาตให้เทรดแบบ Scalping
    • บัญชี ECN Scalping – อนุญาตให้เทรดแบบ Non-Aggressive Scalping ได้ (Scalping ได้ไม่เกิน 50% ของออเดอร์ทั้งหมด)
    1. เหมาะกับตลาดราคาวิ่งในกรอบ ถ้าตลาดมีเทรนด์หรือแกว่งแรง ความเสี่ยงจะสูงขึ้นตาม ถ้าจะเทรดโดยใช้เทคนิคการเทรด Scalping ก็ไม่ควรฝืน trend รอซื้อตามแนวรับ หรือรอรับในช่วงที่ย่อตัว

     

    บทสรุป

    โดยสรุปแล้วถือว่าระบบเทรด forex แบบ Scalping เป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่สามารถช่วยให้คุณทำกำไรได้ในระยะเวลาสั้นๆ และสามารถใช้ระบบเทรด Scalpingได้ดีในช่วงที่กราฟมีการสวิงตัวอย่างแรง โดยมากแล้วจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของข่าวต่างๆนั้นเอง แต่ด้วยความที่มันสั้นมากๆ คุณจึงต้องระวังอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการใช้กลยุทธ์นี้ในการเทรดประกอบด้วยเช่นเดียวกัน

    ………………………………………………………………………………………………………………..

    สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการใช้ EA indicator และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี
    มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
    .
    เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆอื่นๆได้อีกในอนาคต
    XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย
    .
    Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ
    .
    exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด
    .
    **”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อ
    .
    ขอรับ EA ได้ฟรี!”**
    .
    ช่องทางการพูดคุย
    .
    Line Id :: @ft.th
    .
    .
    กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กําไรอย่างยั่งยืน
    .
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    ไม่มีหมวดหมู่

    ระบบเทรดแบบฮาร์โมนิค (Harmonic)

    มกราคม 2, 2022

     ฮาร์โมนิค (Harmonic)

    ความคล้ายคลึงกันระหว่างรูปแบบแผนภูมิพื้นฐาน คือว่าสำหรับรูปร่างแต่ละรูปร่างและโครงสร้างเป็นปัจจัยสำคัญในการรับรู้และตรวจสอบความถูกต้องเฉพาะเจาะจง แบบแผน การเคลื่อนไหวของราคาต่อไปจึงสามารถคาดการณ์ได้โดยมีเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนรูปแบบเหล่านี้เป็นผลกำไร อย่างไรก็ตามความแตกต่างที่สำคัญคือรูปแบบฮาร์มอนิกมีการกำหนดอย่างแม่นยำมากขึ้น มีโครงสร้างการกลับรายการ 5 จุดซึ่งประกอบด้วยชุดค่าผสมที่ระบุไว้เป็นอย่างดี การย้อนกลับ Fibonacci และ ส่วนขยาย Fibonacci ทำให้ไม่สามารถตีความได้อย่างยืดหยุ่น
    รูปแบบฮาร์โมนิคทำซ้ำได้เองโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรวมตลาด มี 2 ​​ประเภทคือรูปแบบ: โครงสร้างการหักเห 5 จุดเช่น Gartley และ Bat และรูปแบบส่วนขยาย 5 จุดเช่น Butterfly และ Crab การค้ารูปแบบฮาร์โมนิต้องใช้ความอดทนเนื่องจากความจำเพาะของอัตราส่วนรูปแบบที่ปรากฏฮาร์มอนิกอาจไม่ได้หากไม่สอดคล้องกับการวัดที่เหมาะสม

    3 ขั้นตอนในระบบเทรดโดยใช้รูปแบบราคาแบบ Harmonic

    อย่างที่คุณได้รู้มาจากบทเรียนนี้ เราจะทำกำไรได้จากการเทรดแบบ ฮาร์โมนิคได้ก็ต่อเมื่อเราสามารถระบุการเกิดรูปแบบอย่างสมบูรณ์แบบ และส่ง order เมื่อมันเกิดรูปแบบที่สมบูรณ์แล้ว

    มีขั้นตอนพื้นฐานสามขั้นตอนในการระบุการเกิดของรูปแบบทิศทางราคาแบบ Harmonic :

    – ขั้นที่ 1: ระบุการเกิดรูปแบบ Harmonic

    – ขั้นที่ 2: ประเมินรูปแบบ Harmonic ว่าอยู่ในระดับใด (Fibonacci)

    – ขั้นที่ 3: ส่ง order Buy หรือ sell หลังจากที่รูปแบบ Harmonic เกิดขึ้นโดยสมบูรณ์แล้ว

    ตามขั้นตอนดังกล่าว คุณสามารถระบุการเกิดรูปแบบ Harmonic ที่มีความน่าจะเป็นสูงในการทำกำไรได้

     ขั้นที่ 1: ระบุการเกิดรูปแบบ Harmonic

    ดูเหมือนรูปแบบ Harmonic ขึ้นมาบ้างรึยัง และ ณ จุดนี้ เราไม่แน่ใจว่ามันเป็นรูปแบบอะไร มันเหมือนรูปแบบ three drive แต่ว่าอาจจะเป็นรุปแบบ Bat หรือ Crab อีกก็เป็นได้

    รึว่าอาจจะเป็นกวางมูส ก็ได้ แต่ช่างมันเถอะ เรามาหาจุดกลับตัวกันดีกว่า

    ขั้นที่ 2: ประเมินรูปแบบ Harmonic ว่าอยู่ในระดับใด (Fibonacci)

    ใช้เครื่องมือ Fibonacci ปากกา กระดาษ แล้วมาดูกัน

    1. เส้น BCอยู่ที่ระดับ .618 ของเส้น AB

    2. เส้น CD อยู่ที่ระดับ 1.272 extension ของเส้น BC

    3. ความยาวของเส้น AB จะมีความยาวใกล้เคียงกับความยาวของเส้น CD

    รูปแบบนี้ จะทำให้เกิดรูปแบบตลาดกระทิง ABCD ซึ่งเป็นสัญญาณให้เราซื้อ

    ขั้นที่ 3: ส่ง order Buy หรือ sell หลังจากที่รูปแบบ Harmonic เกิดขึ้นโดยสมบูรณ์แล้ว

    หลังจากที่เกิดรูปแบบราคาแล้ว สิ่งที่คุณจะต้องทำคือส่ง order ให้ถูกทาง ไม่ว่าจะเป็น Buy หรือ Sell

    ในกรณีนี้ คุณควรจะซื้อที่จุด D ซึ่งอยู่ที่ 1.272 ของเส้น Fibonacci extension ของเส้น CB และใส่ stop loss ให้ต่ำกว่าราคาที่คุณส่ง order นิดหน่อย

    มันจะง่ายไปหน่อยไหม?

    ไม่อย่างนั้นเสมอไปหรอก

    ปัญหาของรูปแบบ Harmonic คือมันยากที่จะระบุจุดที่มันเกิดได้ ยากที่จะระบุประเภทของมันได้

    นอกจากคุณจะเข้าใจขั้นตอนในการวิเคราะห์ต่าง ๆ แล้วคุณ่ต้องมีสายตาเฉียบคมในการระบุการเกิดรูปแบบฮาร์โมนิค และต้องอดทนเพื่อไม่ให้ตัวเองเขาไปในช่วงที่รูปแบบ Harmonic จะเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว

    สรุป รูปแบบราคาแบบ Harmonic

    รูปแบบทิศทางราคาแบบ Harmonic ทำให้เราบอกได้ว่าจุดไหนที่เทรนด์จะไปต่อหรือจะเกิดจุดกลับตัว

    รูปแบบทิศทางราคาแบบ Harmonic มี 6 แบบ :

    – รูปแบบ ABCD

    – รูปแบบ Three-Drive

    – รูปแบบ Gartley

    – รูปแบบ Crab (ปู)

    – รูปแบบ Bat (ค้างคาว)

    – รูปแบบ Butterfly (ผีเสื้อ)

    ขั้นตอนพื้นฐานในการระบุการเกิดรูปแบบทิศทางราคาแบบ Harmonic มีดังนี้

    – ขั้นที่ 1: ระบุการเกิดรูปแบบ Harmonic

    – ขั้นที่ 2: ประเมินรูปแบบ Harmonic ว่าอยู่ในระดับใด (Fibonacci)

    – ขั้นที่ 3: ส่ง order Buy หรือ sell หลังจากที่รูปแบบ Harmonic เกิดขึ้นโดยสมบูรณ์แล้ว

    และ อีกครั้งรูปแบบ Harmonic จะมีความสมบูรณ์แบบเพียงใด แต่ว่ามันยากในการระบุ

    #แจกฟรี!ระบบเทรด

    สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการใช้ EA indicator และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี
    มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
    .
    เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆอื่นๆได้อีกในอนาคต
    XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย
    .
    Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ
    .
    exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด
    .
    **”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อ
    .
    ขอรับ EA ได้ฟรี!”**
    .
    ช่องทางการพูดคุย
    .
    Line Id :: @ft.th
    .
    .
    กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กําไรอย่างยั่งยืน
    .
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคในระบบเทรด breakouts

    มกราคม 2, 2022

    Breakout (BOคืออะไร?

    Breakout ในทางหุ้น หรือ Forex คือการที่กราฟ มีราคาทะลุแนวรับ หรือแนวต้านที่เราตั้งไว้ (ราคาวิ่งทะลุกรอบ หรือที่แปลตรงๆจากภาษาอังกฤษ คือ (การฝ่าวงล้อม) ไม่ว่าจะเป็นการใช้ เทรนไลน์ การใช้ ฟิโนแนนซี่ (Fibonacci)การเกิด Break Out จะเกิดขึ้นเมื่อราคาเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ และหลังจากนั้นเมื่อมีการเคลื่อนไหวทะลุกรอบจึงเรียกว่า Break Out สามารถเกิดขึ้นได้ในเครื่องมือหลายชนิด คือเมื่อราคาของคู่เงินนั้นๆวิ่งมาจนสามารถทะลุแนวรับ หรือแนวต้านได้นั้น เราจะเรียกลักษณะอาการของกราฟช่วงนี้ว่าเกิดการ Breakout (อ่านว่า เบรก-เอ้าท์) ดังนั้นในทางเทคนิคและการนำไปใช้ก็คือ จึงเป็น Trade setupแบบหนึ่งที่เทรดเดอร์ Forex ใช้ โดยจะซื้อเมื่อกราฟทะลุแนวต้าน กรอบราคา หรือแนวการตัดสินใจที่วางเอาไว้ขึ้นไปได้

    เทคนิคระบบเทรด Breakout

    ระบบเทรด breakout น่าจะเป็นวิธีการหนึ่งที่เทรดเดอร์พยามหาเทคนิคการเทรดและใช้กันมานาน อาจเนื่องเพราะตลาดส่วนมากมักจะ sideway หรือ consolidation เสียส่วนใหญ่จากหลักการเทรดและออเดอร์ทำงาน เพราะส่วนมาก consolidation จะเกิดหลังจากที่ราคาวิ่งมาแรงๆ เป็นการพักตัว เพราะผลจากขาใหญ่ปิดทำกำไรออกจากตลาด และเป็นช่วงสะสมออเดอร์เพื่อเพิ่มจำนวน positionsไปในตัวด้วย

    เมื่อมีการ breakout ราคาค่อนข้างจะวิ่งแรงและเร็วจะเกิด retest ประจำ เป็นโอกาสครั้งที่สองที่เปิดโอกาสให้เทรดเดอร์ท่านเข้าใจตลาดทำงานอย่างไน ได้มีโอกาสเทรดไปกับขาใหญ่ ก่อนเกิด breaokut ราคาก็จะวิ่งอยู่ในกรอบราคา ใหญ่-เล็กแล้วแต่ timeframes ถ้าเป็น timeframe ใหญ่จะเห็นอาการ breakout แรง เพราะเป็นเรื่องออเดอร์ที่สะสมที่เปิดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ช่วงเวลาผ่านมาก่อนเปิด ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจโครงสร้างก่อน

     

    ราคา consolidation ในกรอบสีแดง ก่อนเกิด breakout เป็นการเพิ่ม positions ไปในตัวด้วย ยิ่งถ้ามีช่วงเวลานานประกอบ postions เป็นไปได้สูงที่จะมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างในภาพเป็นการ breakout ราคาขึ้นไปด้านบน ถ้าวิเคราะห์เรื่องออเดอร์ประกอบก็จะเข้าใจ ราคาอยู่ในช่วง consolidation หรือวิ่งอยู่ในกรอบราคาบน-ล่างพื้นที่เดียวกัน เทรดเดอร์ที่เปิดเข้าช่วงนี้ ก็จะมีการตั้ง stop loss ส่วนมากก็จะเป็นเหมือน high อย่างในภาพมีจุดอ้างอิง 2 จุด ที่จะตั้ง stop loss กลุ่มแรกพวกนี้ถ้าราคาวิ่งขึ้นอย่างรูปก็จะกลายเป็น trapped traders การตั้ง stop loss คือการจำกัดความเสี่ยงนี้คือแหล่งที่มา buy market orders กลุ่มแรกอีกกลุ่มคือเทรดเดอร์ที่รอเข้า เห็นราคาอยู่ในกรอบนานก็เข้าหลักการ stop ทำงาน อาจจะตั้ง buy stops เหนือกรอบราคาแถว 2 จุดที่กลุ่มแรกตั้ง stop loss  นี้เป็นอีกกลุ่มถ้าราคาวิ่งขึ้นไปแต่ด้านบน stop orders จาก เทรดเดอร์ทั้งสองกลุ่มนี้ก็จะทำให้เกิดโดมิโนของ market orders ทันที และอีกกลุ่มเทรดเดอร์ที่รอเปิดเทรดเอง อาจเปิดเทรดใน timeframe ที่เล็กลงไป เห็น breakout เกิดขึ้นก็จะเปิด market orders เข้าตลาดด้วยตัวเอง จากความเข้าใจแบบนี้ท่านจะเห็นว่า เป็นไปได้ที่ขาใหญ่จะใช้เทคนิคเทรดเพื่อให้เกิด breakout เพื่อใช้ประโยชน์จาก stop orders พวกนี้ เพราะเป็นออเดอร์ที่บังคับเปิดเองเมื่อราคาไปแตะ stop orders กลายเป็น buy market orders ก็จะแตะ stop orders ตัวต่อไปเองโดยอัตโนมัติ เป็นสิ่งที่ขาใหญ่ชำนาญและจัดการง่าย นั้นเลยเป็นเหตุผลว่าทำไมพอราคา breakout ราคาจึงวิ่งเร็ว แต่ในทางกลับกันเพราะ stop orders พวกนี้เป็นออเดอร์โดนบังคับและเกิดตรงที่ราคาสูงไป และมี liquidity น้อยเพราะไม่ได้มาจากการเปิดเทรด เลยเปิดโอกาสให้ขาใหญ่ปิดทำกำไรราคาเลยลงมาอย่างรวดเร็วและอีกพวกที่เป็น breakout traders ที่เปิด buy postions ตรงจุดที่เกิด พอเห็นกำไรเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ ก็จะออกจากตลาดให้เร็วที่สุด เลยทำให้ราคามาหาจุดที่เกิดได้เร็ว และเปิดโอกาสให้ขาใหญ่เทรดอีก เพราะขาใหญ่ก็จะใช้ออเดอร์จากพวกที่เปิด buy positons ออกจากตลาดมา ด้วยคำสั่งปิด ก็คือ sell orders เพื่อจะได้เปิด buy positions อีกรอบ นี้คือหลักการเมื่อเข้าใจการทำงาน breakout แล้วจะใช้ความรู้เพื่อเข้าเทรด retest อย่างไร

    พื้นที่ retest ในการเข้าเทรดก็อ้างอิงจากพื้นที่ราคาเบรกขึ้นไป อย่างกรอบสีน้ำเงิน เวลาเทรดก็ลงไป timeframe ที่เล็กกว่าเพื่อหา price action ประกอบ เช่น engulfing bar, pin bar เป็นต้น ก็เปิดเทรด

    อย่างภาพด้านบนนี้เป็นเทคนิคการเข้าเทรดเมื่อเห็น breakout เกิดขึ้นและเข้าใจหลักการที่กล่าวมาด้านบน ที่จะเปิดโอกาสให้เทรดตอนราคากลับมาอีกรอบ หรือ retest ท่านจะเห็นมี pin bar เกิดพื้นที่ retest เกิดขึ้นก็จะเปิดโอกาสให้เปิดเทรด

    ถ้ามองเรื่องออเดอร์เป็นหลัก จะพบว่าหลักการทำงานคล้ายๆกับเทคนิคการเทรด supply/demand หรือ support/resistance zone เพราะต้องการเห็นความไม่สมดุลย์เกิดขึ้นเป็นการยืนยัน และความเข้าใจตลาดด้วยการใช้จุดอ่อนของเงื่อนไขตลาด คือ พวกเทรดเดอรที่เป็น trapped traders ไม่มีทางเลือก ยิ่งถ้าเป็นพื้นที่กดดันมาก ยิ่งต้องรับจัดการออเดอร์และ stop ordes จากพวกที่รอเข้า  อีกอย่างต้องไม่ลืมเรื่อง liquidity และ postions ที่เปิดในพื้นที่ consolidaiton หรือกรอบราคาที่มาจากtimeframe ใหญ่ ยิ่งมีผลเยอะเพราะจำนวนออเดอร์สะสมที่มาจาก trapped traders จะเยอะ

    จากจุด retest เลข 1 ราคาวิ่งขึ้นไป 200 กว่าบีบ จุด retest เลข 2 ราคาวิ่งลงกว่า 130 บีบ และ จุดเลข 3 ราคาวิ่งขึ้นกว่า 100 บีบ และจุด retest เลข 4 ราคาลงกว่า 200 บีบ การข้าใจแหล่งที่มาออเดอร์หลังเกิด breakout จำเป็นเพราะถ้าเงื่อนไขที่ให้ market orders เข้ามาเรื่อยๆ ทั้งแบบโดนบังคับคือ stop loss หรือจากการที่ breakout เอาชนะ price levels ฝั่งตรงข้ามอีกทำให้เกิด trapped traders หลายจุดหนุนกันและเปลี่ยนข้อมูลเทรดเดอร์ที่รอเข้า ก็จะทำให้ออเดอร์ที่เข้ามาส่วนมากไปทางที่ breakout ไปก็เลยทำให้ราคาวิ่งไปได้เยอะ

     

    ภาพสุดท้าย พอเห็นเทคนิค breakout ในชาร์ต D1 เปิดมา ชาร์ต H1 เห็นจุดอ้างอิงที่ชัดเจนราคามา retest รอบแรก เลข 2 ก็เปิดโอกาสให้เทรดสะสมได้หลัง pin bar พื้นที่เหนือเลข 2 ราคาขึ้นไป ลงมาอีกต่ำกว่าเลข 2 เป็นการล่า stop ก่อน ลงมาถึงอีกจุดที่สนใจแล้วราคาก็เปิดเผย พอบาร์ล่าง stops ลงแล็วก็รีบกลับไปที่เดิมและพื้นที่เป็นจุด breakout บอกนัยว่าเป็นการเข้าเทรดหลังจากล่า stop ถ้าท่านมองดูโครงสร้างตรงนี้ที่ชาร์ต D1 ท่านจะไม่เห็นเปลี่ยนอะไรมาก เป็นแค่ราคามาเทรด เพื่อให้พวก trapped traders ออกจากตลาด จากตัวอย่างล่าสุดจะเห็นชัดว่า ยิ่ง breakout เกิดกับพื้นที่มาจาก timeframe ใหญ่ยิ่งมี trapped postions ที่อยู่เป็นส่วนประกอบ breakout ยิ่งเยอะ

    #แจกฟรี!ระบบเทรด
    สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการใช้ EA indicator และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี
    มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
    .
    เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆอื่นๆได้อีกในอนาคต
    XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย
    .
    Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ
    .
    exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด
    .
    **”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อ
    .
    ขอรับ EA ได้ฟรี!”**
    .
    ช่องทางการพูดคุย
    .
    Line Id :: @ft.th
    .
    .
    กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กําไรอย่างยั่งยืน
    .
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

     

    สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    Lot (ล็อต)ในระบบเทรด Forex คืออะไร?

    มกราคม 2, 2022

    Lot (ล็อต) Forex

     

    Lots หมายถึง ปริมาณหรือขนาดของการซื้อขายในตลาด Forex โดยมีอยู่สองลักษณะคือ Mini Lot size และ Standard Lot Size โดย

    • Mini Lot size มีค่าเท่ากับการเทรด 10,000 units
    • Standard Lot Size มีค่าเท่ากับการเทรด 100,000 units

    ประเภทของ Lot ในระบบเทรด Forex

    ปัจจุบันมีขนาดล็อต 4 ประเภทในระบบเทรด Forex ได้แก่

    1. Lot มาตรฐาน (Standard Lot)

    ล็อตมาตรฐานประกอบด้วย 100,000 หน่วยของสกุลเงิน หากคุณเทรดด้วย USD ในกรณีนี้ล็อตมาตรฐานจะเท่ากับ $100,000 นอกจากนั้น ขนาดเฉลี่ยของ 1 pip ในล็อตมาตรฐานคือ $10 หากคุณสูญเสีย 10 pip หมายความว่าคุณสูญเสีย $100

    ล็อตประเภทนี้มักใช้ในบัญชีที่มีเงินในกระเป๋าอย่างน้อย $25,000 เพื่อเริ่มระบบเทรด

    2. Lot มินิ (Mini lot)

    ล็อตมินิประกอบด้วย 10,000 หน่วยของสกุลเงิน ในบัญชี USD ที่เทรดบนสกุลเงิน USD  ค่า 1 pip ในระบบเทรดจะเท่ากับประมาณ $1

    ขนาดล็อตนี้มักใช้โดยมือใหม่สำหรับตลาด Forex และผู้ที่กำลังเรียนรู้วิธีการเทรด นักเทรดไม่จำเป็นต้องมีเงินทุนมากนักในบัญชี ซึ่งจะพบกับความผันผวนที่น้อยกว่าในตำแหน่งที่เปิด

    ล็อตมินิจะใช้ในบัญชีมินิ Forex นักเทรดสามารถเริ่มต้นใช้ระบบเทรดได้ด้วยเงินทุนเพียง $100

    ล็อตมินิ 10 ล็อต เท่ากับล็อตมาตรฐาน 1 ล็อต

    3. Lot ไมโคร (Micro lot)

    ล็อตไมโครคือล็อตในระบบเทรดที่น้อยที่สุดที่นำเสนอโดยโบรกเกอร์ Forex ส่วนมาก ล็อตไมโครประกอบด้วย 1,000 หน่วยของสกุลเงิน หมายความว่า $1,000 ในบัญชี USD และ 10 เซนต์ ของ 1 pip ขนาดล็อตนี้เหมาะมากสำหรับมือใหม่ที่ต้องการเทรดเป็นครั้งแรกโดยลดข้อเสียที่อาจเกิดขึ้น ดังนั้นนักเทรดจะรู้สึกสบายใจเมื่อทำการเทรด

    โบรกเกอร์รายย่อยส่วนมากนำเสนอบัญชี Micro ให้กับนักเทรด ดังนั้นนักเทรดสามารถใช้ล็อตไมโครด้วยเงินฝากเริ่มต้นที่ต่ำ

    ในการวัด 100 ล็อตไมโคร จะเท่ากับ 1 ล็อตมาตรฐาน

    4. Lot นาโน (Nano lot)

    ตรงตามชื่อ ล็อตนาโนมีขนาดเล็กกว่าล็อตไมโคร 1 ล็อตนาโน ประกอบด้วย 100 หน่วยของสกุลเงิน หมายความว่า $100 ในบัญชี USD และค่า 1 เซนต์ ของแต่ละ pip ล็อตประเภทนี้ไม่ค่อยใช้ในกิจกรรมการเทรด Forex แต่โบรกเกอร์ Forex บางรายนำเสนอ บัญชี Forex เซนต์ (cemt)ที่ออกแบบมาสำหรับมือใหม่

     

    ความสำคัญของล็อต (lot) ในระบบเทรด Forex

    สิ่งสำคัญที่สุดคือในระบบเทรดด้วยขนาดล็อตที่เหมาะสม เพราะขนาดล็อตของคุณจะกำหนดระดับการเปลี่ยนแปลงและความผันผวนของตลาด Forex ที่จะส่งผลกับเทรดของคุณ

    ยกตัวอย่าง:

    EUR/USD 1.3500

    ค่า 1 pip = 0.0001 / 1.3500 = 0.00007407407 ยูโร

    นี่คือค่าของ 1 pip สำหรับทุกล็อต:

     ขนาดล็อตมาตรฐาน = 0.00007407407 x 100,000 = 7.407407 ≈ 7.407 ยูโร

     ขนาดล็อตมินิ = 0.00007407407 x 10,000 = 0.7407407 ≈ 0.740 ยูโร

     ขนาดล็อตไมโคร = 0.00007407407 x 1,000 = 0.07407407 ≈ 0.074 ยูโร

    และนี่คือค่าของ 1 pip ใน USD:

     ล็อตมาตรฐาน (USD) = 7.407 EUR x 1.3500 = $9.99945

     ล็อตมินิ (USD) = 0.740 EUR x 1.3500 = $0.999

     ล็อตไมโคร (USD) = 0.074 EUR x 1.3500 = $0.0999

    ดังนั้น ล็อตของคุณยิ่งมาก ค่า pip ของคุณก็จะยิ่งมากตาม เมื่อการเทรดของคุณประสบความสำเร็จ คุณจะได้รับกำไรเพิ่มขึ้นด้วยขนาดล็อตที่ใหญ่กว่า แต่กรณีที่สูญเสียคุณจะสูญเสียเงินเพิ่มขึ้นเช่นกัน

    ผู้เทรดฟอเร็กซ์รายย่อยส่วนมากเลือกเทรดเป็นล็อตมินิหรือล็อตไมโคร ซึ่งอาจดูน่าสนใจน้อยกว่าล็อตมาตรฐาน แต่การเทรดขนาดที่เล็กกว่าจะช่วยให้คุณไม่ต้องเสี่ยงมากเกินไป ล็อตมินิและล็อตไมโครมีสมดุลที่ยอดเยี่ยมในแง่ความต้องการของเงินทุนและความเสี่ยงที่ได้รับ ดังนั้น ขนาดล็อตทั้ง 2 นี้คือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณที่จะเริ่มต้นเทรดในตลาด Forex

    สรุป

    สรุปแล้วเมื่อคุณเริ่มต้นในระบบเทรด forex ส่วนสำคัญที่สุดที่ถือว่าทำให้คุณสามารถทำกำไรได้อย่างรวดเร็ว หรือว่าช้านั้น คือค่า lot ที่คุณเปิดนั่นเอง ดังนั้นจงบริหารการเปิดค่า lot ให้ดี เพื่อที่ว่าคุณนั้นจะได้สามารถใช้ระบบเทรด forex และทำกำไรได้อย่างยั่งยืนนั่นเอง

    #แจกฟรี!ระบบเทรด

    สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการใช้ EA indicator และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี
    มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
    .
    เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆอื่นๆได้อีกในอนาคต
    XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย
    .
    Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ
    .
    exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด
    .
    **”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อ
    .
    ขอรับ EA ได้ฟรี!”**
    .
    ช่องทางการพูดคุย
    .
    Line Id :: @ft.th
    .
    .
    กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กําไรอย่างยั่งยืน
    .
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการทำกำไรไปด้วย Stochastic Oscillator ในระบบเทรด Forex

    มกราคม 2, 2022

        Stochastic หรือเรียกได้อีกว่า Stochastic Oscillator คือ Indicator ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ใคร ๆ ก็ใช้ เป็น Indicator ที่ให้สัญญาณการซื้อขายเชื่อถือได้ในระดับหนึ่ง จึงเป็น Indicator ที่นิยมมากมาย ในเหล่า Trader เป็นอย่างมากโดย  Stochastic Oscillator จัดอยู่ในหมวด Oscillator ซึ่งเป็น Indicator ที่ใช้ในการวัดการแกว่งตัวของราคา Forex  หรือเป็น Indicator ที่เหมาะกับการวิเคราะห์ในสภาวะตลาดที่เป็น Sideway ก็คือจะใช้งานได้ดีในสภาวะกราฟที่มีการแกว่งตัวขึ้นลงในช่วงไม่กว้างนัก Stochastic  นั้นจะเคลื่อนไหวตาม Momentum ของราคา จากคำกล่าวที่ว่า “การเปลี่ยนทิศทางของ momentum จะเกิดขึ้นก่อน การเปลี่ยนทิศทางของราคา” อย่างใน Bullish และ Bearish Divergence จะเห็นได้ว่า Stochastic นำไปใช้แสดงถึงการกลับตัวของราคาที่จะเกิดขึ้นได้  ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้ Stochastic Oscillator ในการคาดการณ์การเกิดขึ้นของแนวโน้มในอนาคต

    การเปิดใช้งาน Stochastic

    เปิดโปรแกรม MT4  แล้วเข้ามาที่แถบเมนู Insert > Indicators > Oscillators > Stochastic Oscillator

    จากนั้น Stochastic ก็จะไปแสดงอยู่ด้านล้างของกราฟ ตามภาพข้างล่างเลย โดยจะไป

    เปิด Window1 ขึ้นมาเพิ่มอีก แล้วค่า Default ที่มาพร้อมก็จะเป็นค่า  20,80  ซึ่งเราสามารถปรับแต่งและเพิ่มเติมได้

    Stochastic Oscillator มีเส้นที่ชี้บอกสัญญาณคือ

    1. เส้น %k คือเส้น Stochastic ที่เป็นสีแดง
    2. เส้น %D คือเส้นค่าเฉลี่ยของ %K เป็นเส้นสีฟ้า

    Stochastic นั้นจะวิ่งอยู่ในช่อง 0-100 โดยโซน Overbought จะมีค่าตั้งแต่ 80 ขึ้นไป ซึ่งหมายถึงราคามีแรงซื้อเข้ามามากเกินไป อาจจะมีการปรับตัวลงในเร็วๆนี้ แถบสีน้ำเงิน

    โดยโซน Oversold จะมีค่าตั้งแต่ 20 ลงไป ซึ่งหมายถึงราคามีแรงขายเข้ามามากเกินไป อาจจะมีการปรับตัวขึ้นในเร็วๆนี้ แถบสีแดง

    Stochastic Oscillator  ทำหน้าที่อะไร

    • บอก Oversold/Overbought ตามหลักการแล้ว เมื่อราคาเข้ามาที่โซน Overbought ราคาอาจจะมีการปรับตัวลงในเร็วๆนี้ เตรียม Sell  ถ้าราคาเข้ามาที่โซน Oversold ราคาอาจจะมีการปรับตัวขึ้นในเร็วๆนี้ เตรียม Buy ย้ำว่าเป็นเพียงหลักการ
    • บอกการกลับทิศทางของราคา (Bullish กับ Bearish Divergence) , บอกการกลับทิศทางจากขาขึ้นเป็นขาลง , บอกการกลับทิศทางจากขาลงเป็นขาขึ้น
    • บอกจุดเข้าซื้อ – ขาย , เปิด ออร์เดอร์ Buy เมื่อเส้น %K ตกลงโซน Oversold แล้วขยับขึ้นมาเหนือ 20 / เปิด ออร์เดอร์ Sell เมื่อเส้น %K ขึ้นไปถึงโซน Overbought แล้วตกลงมาต่ำกว่า 80

    Stochastic จะใช้งานได้ดี ในกรณี ดังนี้

    –   เนื่องจาก Stochastic Oscillator เป็น indicator ประเภท momentum oscillator ดังนั้นสัญญาณซื้อ-ขายที่แม่นยำ จึงใช้ได้ดีกับตลาดที่ไม่เกิดแนวโน้ม (Sideway) เพราะตลาดจะแกว่งตัวขึ้นลงไปมา

    –    ดังนั้นในตลาดขาขึ้น (Uptrend) Stochastic จึงให้สัญญาณซื้อได้ดีกว่าสัญญาณขาย เพราะหากขายไปหุ้นมักจะขึ้นต่อ เนื่องจากมันแค่ย่อตัวลงมาเท่านั้น momentum ไม่ได้เปลี่ยนทิศทางแต่อย่างใดและตลาดมีลักษณะแกว่งตัวเป็นขาขึ้น

    –    ในตลาดขาลง (Downtrend) Stochastic จะให้สัญญาณขายที่แม่นยำกว่าสัญญาณซื้อ เพราะ หากซื้อจะทำให้ขาดทุนได้ เนื่องจาก ตลาดแกว่งตัวลง momentum ยังอยู่ในทิศทางขาลง

    –    สัญญาณ Bullish & Bearish Divergence นั้นจะเพิ่มความแม่นยำให้กับผู้ใช้เครื่องมือได้ แต่ต้องดูแนวโน้มประกอบในการตัดสินใจ หากเป็นขาลงที่แข็งแกร่ง การเกิด Bullish Divergence นั้น จะต้องรีบเข้าและรีบออกจากตลาด (โดยเฉลี่ย 3-5 วัน) เพราะ แนวต้านของแนวโน้มนั้นจะมีความแข็งแรง ราคาเพียงแค่เกิดการพักฐานในขาลงเท่านั้น

    การทำกำไรด้วย Divergence

    เราสามารถใช้ เจ้า  Stochastic ในการที่จะหาจังหวะการเปิดออร์เดอร์เพื่อทำกำไร กับสภาวะ   Divergence  ของกราฟได้ โดยใช้คู่ขนานไป => divergence ขาขึ้น  : Stochastic  ทะลุ 20

    เปิด ออร์เดอร์  Buy

    => Divergence ขาลง  : Stochastic  หลุด 80  เปิด ออร์เดอร์  Sell

    การทำกำไรด้วย Zone ของ  Stochastic

    ปกติ เจ้า Stochastic จะมีค่า Default อยู่ 2 ค่า คือ 80 , 20 ซึ่งเป็น Zone บางทีการที่จะรอให้ ราคาวิ่งลงมาที่ 20  หรือ ขึ้นไปที่ 80  อาจต้องใช้เวลา ยิ่งใช้ กราฟ  TF  ที่สูงกว่า H1

    คงรอเป็น 2 – 3 วัน  เราสามารถเพิ่มเส้น ขึ้นมาเองได้อีก  เพื่อกำหนด Zone  เพิ่มขึ้น ในการที่จะเข้าเทรดได้

    ในภาพ เพิ่มอีก 2 เส้น คือ  90  และ 10 เพื่อเพิ่มความชัดเจน และ ไล่ Zone  => 90 คือ เขต Overbougth  เตรียม  Sell , => 10  เขต  Oversold  เตรียม  Buy

    การทำกำไร โดยใช้ Stochastic ร่วมกับตัวอื่น  => MACD

    ด้วยความที่เป็น indicator แบบ การแกว่งตัว หากจะเพิ่มความแม่นยำในการเปิด ออร์เดอร์ควรจะหา indicator ตัวอื่นมาร่วมในการวิเคราะห์สัญญาณด้วย ก็จะเป็นการดียิ่ง ในตอนนี้ขอนำเอา  MACD มาร่วมด้วย

    กลยุทธ์การเข้าเข้าทำกำไรด้วย  Stochastic และ MACD นี้  เป็นระบบการซื้อขายที่อิงตาม MT4  ในบทความนี้ ขอใช้ MACD เป็นกลยุทธ์ที่ใช้เป็นตัวกรองเพื่อหลีกเลี่ยงสัญญาณการซื้อขายที่ผิดพลาดในขณะที่ตัวบ่งชี้ Stochastic จะเป็นตัวสร้างสัญญาณเปิด ออร์เดอร์ มาดูวิธีทำกำไรเลย

    • Indicator : MOVING AVERAGE CONVERGENCE DIVERGENCE (MACD)
    • Indicator : STOCHASTIC OSCILLATOR (STO)
    • คู่สกุลเงิน : ทุกคู่สกุลเงิน
    • ใช้กราฟ : 1 ชั่วโมงขึ้นไป

    การเปิด ออร์เดอร์ Buy

    • MACD จะต้องอยู่สูงกว่าเส้นระดับ 0 ซึ่งเป็นการแสดงถึงว่ากำลังจะเป็นแนวโน้มขาขึ้น
    • Stochastic จะต้องอยู่ใกล้ๆ และก้าวข้ามขึ้นมาจากเส้น Oversold หรือเส้น ระดับ 20 ขึ้นมาแล้ว
    • ที่กราฟราคาแท่งเทียนจะต้องมี แท่งเทียนที่สอดคล้อง Stochastic ทั้งสองเส้น
    • ให้วางคำสั่งซื้อล่วงหน้าไว้อย่างน้อย 2 PIPS ( Pending Order) ที่ด้านบนของแท่งเทียน
    • ให้วาง Stop loss ไว้ ที่อย่างน้อย 2-5 PIPS ที่บริเวณด้านล่างของกราฟราคาแท่งเทียนแท่งที่เปิดคำสั่งซื้อล่วงหน้าไว้นั้น แต่ถ้าเรายังมองเห็นว่ามันใกล้กับตำแหน่งการเปิดคำสั่งมากไป ให้มองหาตำแหน่งการแก่วงตัวของกราฟราคาแท่งเทียนที่ต่ำที่สุดก่อนหน้าที่ใกล้ที่สุดแทน
    • Risk Reward ที่ 1: 2 ขึ้นไป

    การเปิดออร์เดอร์ Sell

    • MACD จะต้องอยู่ต่ำกว่าเส้นระดับ 0 ซึ่งเป็นบ่งบอกว่ากำลังจะเป็นแนวโน้มขาลง
    • Stochastic จะต้องอยู่ใกล้ๆ และก้าวข้ามลงมาจากเส้น Overbougth หรือเส้น ระดับ 80 ลงมาแล้ว
    • กราฟราคาแท่งเทียนจะต้องมี แท่งเทียนที่สอดคล้องกับ Stochastic ทั้งสองเส้น
    • ให้วางคำสั่งขายล่วงหน้าไว้ ( Pending Order )อย่างน้อย 2 PIPS ที่ด้านล่างของกราฟราคาแท่งเทียน แท่งดังกล่าว
    • ให้เทรดเดอร์วาง Stop loss อย่างน้อย 2-5 PIPS ที่บริเวณด้านบนของกราฟราคาแท่งเทียนแท่งที่เปิดคำสั่งขายล่วงหน้าไว้นั้น แต่ถ้ามองเห็นว่า มันใก้ลกับตำแหน่งการเปิดคำสั่งมากไป ให้มองหาตำแหน่งการแกว่งตัวของกราฟราคาแท่งเทียนที่สูงที่สุด  ก่อนหน้า ที่ใกล้ที่สุดแทน
    • Risk Reward ที่ 1: 2 ขึ้นไป

    ทำกำไรในกราฟ 5 นาที กับ Stochastic และ Super Trend

    จริง ๆ แล้ว Stochastic นั้นเหมาะใช้กับ Timeframe M5 และ M15 ได้ดี ในช่วง sideways หรือช่วงราคาวิ่งอยู่ในกรอบแคบๆ เลยขอนำเสนอ ระบบเทรดสั้น ๆ กับ กราฟ  5 Min ซึ่งใช้ indicator เพิ่มเข้ามาก็คือ Supertrend  มาดูการทำงานของระบบกันเลย

    • Indicator =>    supertrend ,  stochastic Oscillator
    • Time frame : 5 นาที
    • ช่วงเวลา: ตลาดยุโรป และ อเมริกา
    • คู่เงินที่เทรด: EURUSD, GBPUSD, GBPJPY, EURJPY, AUDUSD, USDJPY, USDCHF

    การเปิดออเดอร์ BUY

    • ราคาจะต้องอยู่เหนือเส้นเทรน ตรวจสอบและรอให้ Stochastic วิ่งให้แตะถึงระดับ 20 % เมื่อทั้ง 2 เงื่อนไขตรงกันให้ทำการเปิดออเดอร์ Buy ทันที.
    • ให้วาง Stoploss อยู่ใต้ supertrend line (เส้นสีเขียว 50-100 pips).
    • เก็บกำไรตั้งแต่ 100 pips ขึ้นไป

    การเปิดออเดอร์ Sell

    • ราคาจะต้องอยู่ต่ำกว่าเส้นเทรน ตรวจสอบและรอให้ Stochastic วิ่งให้แตะถึงระดับ 80 % เมื่อทั้ง 2 เงื่อนไขตรงกันให้ทำการเปิดออเดอร์ Sell ทันที.
    • ให้วาง Stoploss อยู่เหนือ supertrend line (เส้นสีเขียว 50-100 pips).
    • เก็บกำไรตั้งแต่ 100 pips ขึ้นไป

    #แจกฟรี!ระบบเทรด

    สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการใช้ EA indicator และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี
    มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
    .
    เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆอื่นๆได้อีกในอนาคต
    XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย
    .
    Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ
    .
    exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด
    .
    **”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อ
    .
    ขอรับ EA ได้ฟรี!”**
    .
    ช่องทางการพูดคุย
    .
    Line Id :: @ft.th
    .
    .
    กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กําไรอย่างยั่งยืน
    .
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการใช้ Divergence ในระบบเทรด

    มกราคม 2, 2022

    เทคนิคการใช้ Divergence (ความขัดแย้งกัน) ในระบบเทรด

    Divergence สามารถจะมามองเห็นด้วยการเปรียบเทียบพฤติกรรมราคา กับ การเคลื่อนไหวของอินดิเคเตอร์ต่าง ๆ ไม่สำคัญว่าจะเป็น อินดิเคเตอร์ ประเภทไหน คุณจะใช้ RSI, MACD, stochastic, CCI, ฯลฯ. แต่สิ่งสำคัญส่าหรับ Divergences คือคุณสามารถใช้มันในการเป็นตัวน่าทาง ในการตัดสินใจในการเทรดและ วิธีใช้ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรมากนัก ปกติแล้วคุณสามารถจะทำก่าไรได้อย่างต่อเนื่องเองด้วยการเทรดด้วย Divergence และข้อดีของ Divergence คือ คุณแทบจะซื้อได้ในราคาต่ำสุดของเทรนด์ขาขึ้นและ Sell ได้สูงสุดของเทรนด์ขาลงเลย

    1. Regular divergence (bullish LL/HL) Divergence  ปรกติ
    2. Regular divergence (bearish HH/LH) Divergence  ปรกติ
    3. Hidden divergence (bullish HL/LL) Divergence  แฝง
    4. Hidden divergence (bearish LH/HH) Divergence  แฝง

     

     

    1. Regular divergence (bullish LL/HL) Divergence  ปรกติ
    2. Regular divergence (bearish HH/LH) Divergence  ปรกติ
    3. Hidden divergence (bullish HL/LL) Divergence  แฝง
    4. Hidden divergence (bearish LH/HH) Divergence  แฝง

    1.Regular divergence (bullish LL/HL) Divergence ปรกติ

    • Divergence ปกติจะใช้ในการบอกว่าอาจจะมีสัญญาณการกลับตัวของเทรนด์เกิดขึ้น
    • ถ้าราคาเกิดรูปแบบ Lower lows (LL), แต่ว่า ตัว oscillator เกิด higher lows (HL), เราเรียกลักษณะการเกิดแบบนี้ว่า regular bullish divergence. หรือว่าการเกิด Divergence ขาขึ้นแบบปกติ
    • ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังจากการจบเทรนด์ขาลง หรือหลังจากที่มีการเกิดรูป Double bottom ที่สองขึ้นมา ถ้า Oscillator ท่าท่าเหมือนจะเกิดราคาต่ำกว่าเดิม (New Low) แต่ว่าทิศทางราคาท่าท่าเหมือนว่าจะขึ้น และโมเมนตั้มของราคาก็ดูเหมือนจะขยับไปในทิศทางเดียวกัน
    • ข้างล่างนี้เป็นภาพตัวอย่างของ Regular bullish divergence หรือการเกิด Divergence ขาขึ้นแบบปกติ

    2.Regular divergence (bearish HH/LH) Divergence ปกติ

    ในรูปข้างล่างนี้ เราจะเห็นว่าราคาเกิดจุดกลับตัวหลังจากที่มันพยายามท่าราคาสูงสุดครั้งใหม่

     

    จากรูปข้างบน การเกิด Divergence แบบปกติเหมาะส่าหรับการเข้าออร์เดอร์ในจุดที่ต่ำสุดหรือสูงสุด ซึ่งคุณจะใช้ในการมองว่าจุดไหนจะเป็นจุดกลับตัว

    ส่วนตัวสัญญาณ Oscillator นั้น ถ้ามันเริ่มที่จะมีการ Divergence แล้ว ถึงแม้พฤติกรรมของราคายังจะเกิด higher high (or lower low) นั่นหมายความว่าเทรนด์จะไม่ยั่งยืนอีกต่อไป

    3.Hidden divergence (bullish HL/LL) Divergence แฝง

    • ตัว Divergence นั้นนอกจากจะให้สัญญาณจุดกลับตัวแล้วยังใช้ในการบอกสัญญาณว่าจะเกิดเทรนด์ต่อเนื่องหรือไม่ด้วย
    • Hidden bullish divergence หรือ divergence ขาลงแบบแฝง เกิดขึ้นเมื่อราคาได้เกิด higher low (HL) (การปิดสูงกว่าราคา Low) แต่ว่าตัว oscillator กลับให้สัญญาณ lower low (LL). สัญญาณนี้หมายความว่าค่าเงินนั้นกำลังจะเปลี่ยนเป็นขาขึ้น เมื่อราคาเกิด Higher low ให้จับตาดูว่าถ้าตัว oscillator มีความเคลื่อนไหวคล้ายกัน แต่ถ้าตัว Oscillator ไม่ได้เกิดสัญญาณ lower low คุณก็จะได้สัญญาณhidden divergence หรือสัญญาณ Divergence แฝงมา

    4.Hidden divergence (bearish LH/HH) Divergence  แฝง

    จากภาพเราจะได้สัญญาณ Hidden bearish divergence หรือสัญญาณ Divergence ขาขึ้นแฝง ซึ่งรูปแบบนี้จะเกิดเมื่อตลาดให้สัญญาณ lower high (LH) แต่ตัว oscillator กำลังท่ารูปแบบ higher high (HH). คุณอาจจะคิดว่าเป็นรูปแบบของเทรนด์ขาลง เมื่อคุณเจอรูปแบบ Hidden bearish divergence นั่นหมายความว่า โอกาสที่ราคาจะเคลื่อนไหวในทิศทางขาลง อย่างต่อเนื่องเป็นไปได้สูง

     

    Higher Highs and Lower Lows

    ถ้าราคา เกิด Higher highs, (ท่าราคาสูงสุดครั้งใหม่) ตัว oscillator (MACD RSI ฯลฯ) ควรจะมีรูปแบบ higher highs. ด้วย ถ้าราคาเกิดรูปแบบ Lower lows, ตัว oscillator ก็ควรจะมีรูปแบบ lower lows.ด้วยเช่นกัน แต่ถ้าไม่ นั่นหมายความว่าราคาและ Oscillator ก่าลังเกิดการขัดแย้ง Divergence ซึ่งกันและกัน และด้วยเหตุนี้เราจึงเรียกว่า Divergence

    การเทรดโดยใช้ Divergence เป็นเครื่องมือ ที่ยอดเยี่ยมที่คุณควรจะมีในกล่องเครื่องมือของคุณเพราะว่าสัญญาณ Divergence ที่คุณได้มานั้นจะบอกเราว่าจะมีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น และคุณควรจะจับตาดูอย่างใกล้ชิด

    การใช้ Divergence ในการเทรดในการหาจุดกลับตัว หรือว่าเมื่อตลาดหมดแรง บางครั้งคุณอาจจะใช้มันเป็นสัญญาณบอกว่าเทรนด์จะไปต่อรึเปล่าด้วยก็ได้!

    จ่าไว้เสมอว่า regular divergences เป็นสัญญาณว่าอาจจะเกิดจุดกลับเทรนด์ขณะที่ hidden divergences เป็นสัญญาณว่าเทรนด์จะยังคงมีต่อไป

     

    เทคนิค9ข้อในการใช้ Divergence

    1. ในการเกิด Divergence นั้น ราคามักจะมีรูปแบบดังต่อไปนี้:

    • Higher high สูงกว่าราคา high ก่อนหน้า
    • Lower low ต่ำกว่า ราคา low ก่อนห้า
    • Double top
    • Double bottom

    อย่าพึ่งไปดูตัวอินดิเคเตอร์ ถ้าเกิดว่าไม่มีการเกิดรูปแบบนี้ขึ้นมา ถ้าคุณไม่ได้ทำตาม คุณก็ไม่ได้เป็นนักเทรด Divergence หรอก คุณเป็นแค่นักเทรดที่ใช้จินตนาการคิดไปเอง

    2. วาดเส้นเทรนด์ไลน์ ที่ราคา สูงสุด และราคาต่ำสุด

    • คุณต้องลองวาดดูแล้ว(ตามราคาตอนนี้) ลองดูในกราฟที่เรามีตามภาพ จ่าไว้ว่า คุณจะต้องเห็นอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ก่อน : Higher high, หรือ New high, lower low, หรือ New low.
    • แล้วลองวาดเส้นจากจุดสูงสุดหรือต่ำสุดของราคาแล้วลากย้อนกลับจากจุดังกล่าวไปยังจุด ต่ำสุด หรือสูงสุดก่อนหน้านี้ ซึ่งมันก็น่าจะได้เส้นตามที่เราคาดไว้

    3. ให้ลาก TOPS และ BOTTOMSเท่านั้น

    • เมื่อคุณเห็นราคาท่า High สองครั้ง ให้คุณลากเส้นจากจุด Top อีกตัวหนึ่ง มายังจุด Top อีกที่หนึ่ง ตอนนี้คุณก็จะได้เส้นมา และในทางกลับกัน ถ้าเกิดราคาต่ำสุดสองครั้งคุณก็ท่าเช่นเดียวกัน กับ Bottoms

    4. จับตาดูที่ราคาตลอด

    • ถ้าคุณได้เชื่อมหรือลากเส้นจากจุด Top หรือ Bottom ทั้งสองมาชนกันแล้วตอนนี้ ให้มองหาอินดิเคเตอร์ที่คุณจะใช้ในการเปรียบเทียบกับพฤติกรรมราคานี้ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามที่คุณอยากใช้ จำไว้ว่าให้เปรียบเทียบ Top หรือ Bottom ซึ่งบางตัวอย่างเช่น MACD หรือว่า stochastic มีเส้นสองเส้นและวิ่งขึ้น ๆ ลง ๆ

    5. ให้ทำตัวเหมือนกับ Pip Diddy

    • ถ้าคุณลากเส้นเชื่อมระหว่างจุดสองจุดแล้ว คุณต้องลากเส้นเหมือนกับที่คุณทำในกราฟแท่งเทียนในอินดิเคเตอร์ของคุณด้วย ทั้ง High และ Low เพื่อให้มันสัมพันธ์กัน

    6. ให้ตรงกับแนว

    • จุด High หรือ low ที่คุณวิเคราะห์ออกมาในอินดิเคเตอร์ของคุณต้องเป็นแนวเดียวกันกับราคาในกราฟที่เกิดรูปแบบ High หรือ Low

    7. ใช้ความชันของกราฟ

    • Divergence จะเกิดขึ้นเมื่อ ความชันของกราฟนั้นแตกต่างกัน ระหว่างความชันของกราฟ กับความชันของ Indicator ซึ่งความชันอาจจะออกมาในรูปของ: Ascending (เฉียงขึ้น) descending (เฉียงลง) Flat (ราบ)

    8. ถ้าเราตกเรือแล้ว ให้รอลำต่อไป

    • ถ้าคุณจะเทรดโดยใช้ Divergence แต่ว่าราคานั้นได้วิ่งไปไกลแล้ว ซึ่งหมายความว่ามันเกิดเทรนด์ไปแล้วนั่นเอง สิ่งที่คุณควรจะทำคือ รอ แลรอให้มันเกิดการสวิง High Low ครั้งต่อไป

    9. กลับมาดูสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว

    • สัญญาณ Divergence นั้นดูจะใช้ได้ในกราฟที่ Time Frame ยาว ๆ คุณจะไม่ค่อยพบสัญญาณหลอกมากนัก ซึ่งหมายความว่าคุณก็ไม่ได้เทรดบ่อยมากนักด้วยแต่ถ้าคุณวางลักษณะการเทรดของคุณดี ๆ กำไรที่คุณจะได้ก็เป็นกำไรก้อนโต ๆ แต่ถ้าเราใช้ใน Time Frame ที่สั้นหน่อย มันก็จะไม่ค่อยน่าเชื่อถือซักเท่าไหร่ เราแนะนำให้คุณใช้กับกราฟ Time Frame หนึ่งชั่วโมงขึ้นไป
    #แจกฟรี!ระบบเทรด
    สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการใช้ EA indicator และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี
    มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
    .
    เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆอื่นๆได้อีกในอนาคต
    XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย
    .
    Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ
    .
    exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด
    .
    **”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อ
    .
    ขอรับ EA ได้ฟรี!”**
    .
    ช่องทางการพูดคุย
    .
    Line Id :: @ft.th
    .
    .
    กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กําไรอย่างยั่งยืน
    .
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการเทรดในระบบ Forex ให้ได้กำไร

    มกราคม 2, 2022

    เทคนิคการเทรดเพื่อทำกำไรในตลาด  Forex

    หากเรารู้หลักการด้านล่าง และปฏิบัติอย่างจริงจังแล้ว ระบบเทรด forex ให้รวยถือว่าทำได้ แม้ว่าอาจไม่รวยขนาดซื้อเครื่องบินเจ็ตมาขับเล่นได้ แต่รับรองว่าเพียงพอต่อการใช้ชีวิตอย่างแน่นอน

    1.หัวใจสำคัญคือ “วินัย”

    เรื่องง่ายๆ ที่จะกล่าวถึง แต่เป็นเรื่องยากที่จะลงมือทำ จะทำอย่างไรถ้าคุณเปิด Order Sell และกราฟแท่งเทียนก็ เกิดแท่งแดงจนถึงจุดทำกำไร แต่คุณคิดอย่างไร ขายเลย หรือ let Profit run เชื่อว่า ส่วนใหญ่ Let  แล้วเกิดอะไร ร้อยละ 80 กราฟเด้งไปปิดแท่งเขียวครับ และคุณก็ขาดทุน นั่นล่ะ วินัยจึงเป็นสิ่งสำคัญ ถึงจุดต้องปิดก็ปิด ทำตัวเป็นหุ่นยนต์ แค่นั้นจบ! รวย! เทคนิคการเทรดง่ายๆแต่ทำยากตรงนี้แหละบางคนถึงต้องพึ่ง EA มาช่วยเพราะ EA ทำงานตามระบบที่ตั้งไว้เสมอ มีวินัย 100% แต่ข้อเสียคือตัดสินใจแบบยืดหยุ่นตามสถานการณ์ไม่ได้ ไม่เหมือนคนเทรด EA ไม่มีจิตใจ

    2.คุณออกแบบ Money management อย่างไร

    ถ้าคุณไม่เคยรู้เรื่อง MM นี้มาก่อนเลย และสงสัยว่าเทรด forex ให้รวยเป็นเรื่องโกหก ขอบอกว่าคุณพลาดแล้ว เพราะนักเทรดมีเทคนิคการเทรด forex ไม่ได้ทำกำไรวันละ 100%-1000% แต่เขาทำกำไรกันวันละ 3-5% เท่านั้น เน้นอีกครั้งว่าเท่านั้นจริงๆ แล้วคุณล่ะ ต้องการเท่าไหร่ ยิ่ง% ต่อวันสูง นั่นคือ Risk คุณก็สูงขึ้นไปด้วย สุดท้ายแล้วมากต่อมากของนักเทรดที่กำไรหวือหว๋า จบลงด้วยล้างพอร์ต

    3.ลงทุนซื้อเครื่องมือบางตัว

    ระบบเทรด forex ให้รวย ต้องกล้าที่จะซื้อ Indicator บางตัว ที่สามารถช่วยให้ประสิทธิภาพในการตัดสินใจของคุณนั้นมีความเฉียบคมมากยิ่งขึ้น และอย่ามัวรอช้า อย่าให้คนซื้อเยอะ ซื้อก่อนใช้ก่อน ได้เปรียบก่อน และรวยก่อน

    4.สามารถฟังเรื่องเดิมๆจากคนใหม่ๆได้

    คุณเป็นคนไม่ชอบอ่านหรือฟังเรื่องเดิมๆจากคนใหม่ๆไหมครับ หากเป็นอย่างนั้นแล้วบอกเลยว่า เทคนิคการเทรด forex ให้รวยคงเป็นเรื่องยากสำหรับคุณ แต่ถ้าคุณทำตัวเป็นน้ำครึ่งแก้วเสมอ โอกาสรวยจะกลายเป็นของคุณทันที เพราะบางทีเรื่องเดิมๆที่ลึกซึ้งขึ้นนั้นแหละ มันจะทำให้คุณได้กำไรมหาศาล

    5.มีการบันทึกผลบนกระดาษ

    เทคนิคการเทรดนี้เป็นเทคนิคสำคัญในการเทรด อย่าลืมจดบันทึกทุกกำไร และความผิดพลาดของคุณลงบนกระดาษ เพราะมันสามารถช่วยคุณในการทำกำไรได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืน ซึ่งมันอาจไม่ทำเงินให้คุณได้อย่างทันใจเลยก็ได้ แต่การจดย่อมเห็นข้อผิดพลาดได้ดี การแก้ไขย่อมชัดแจ้ง และแน่นอนในระยะยาวคุณจะเข้าใจในวิถีของตลาดได้อย่างลึกซึ้ง เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วการทำกำไรอย่างยั่งยืนย่อมเกิดขึ้นกับคุณ

    ใช้เทคนิคการเทรดอย่างนี้ในการทำกำไรเสมอมา แล้วคุณล่ะ มีเทคนิคการเทรดในการทำกำไรในตลาด forex เหมือนหรือแตกต่างจากอย่างไรบ้าง  และถ้าคุณกำลังล้มเหลวจากการเทรดและคิดว่า เทรด forex ให้รวยเป็นเรื่องโกหกแล้ว ลองเทียบกับ 5 ข้อข้างบนและดูว่าข้อใดที่คุณขาด เติมให้เต็มและรวยซะ!

    จะทำเงินจากระบบเทรด Forex ได้อย่างไร?

    ผู้คนจะซื้อคู่สกุลเงินในราคาที่ต่ำกว่าและขายไปในราคาที่สูงกว่าและรายได้ของพวกเขาคือความต่างระหว่างราคาซื้อและราคาขาย โบรกเกอร์จะได้ค่าคอมมิชชั่นเล็กน้อยจากเทคนิคการเทรดของคุณที่เรียกว่าสเปรด

    ตัวอย่างเช่น:

    สมมติว่าคุณมีเงิน $100 ในบัญชีการเทรดของคุณและต้องการเทรด EUR/USD อัตราแลกเปลี่ยนของมันจะอยู่ที่ 1.25 ซึ่งหมายความว่าทุกๆ 1 ยูโรคุณจะได้รับ 1.25 ดอลลาร์สหรัฐ อัตราแลกเปลี่ยนก็เหมือนกับป้ายราคาในร้านขายของชำ – จะแตกต่างก็ตรงที่ป้ายราคาใน Forex มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

    โดยคุณจะต้องทำการคาดการณ์ – ตัวอย่างเช่น คุณเชื่อว่าเงินยูโรจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ

    จากนั้นคุณก็ซื้อเงิน 80 ยูโรด้วยเงิน $100 ของคุณและรอให้อัตราแลกเปลี่ยนมีการเปลี่ยนแปลง

    ลองนึกดูว่ามันได้เพิ่มขึ้นจาก 1.25 เป็น 1.35 – มันจะเป็นสถานการณ์ที่ทำให้คุณได้รับผลกำไร โดยคุณสามารถปิดการเทรดของคุณได้ในจุดนี้ ตอนนี้คุณสามารถเปลี่ยนเงิน 80 ยูโรของคุณให้กลายเป็นเงิน 108 ดอลลาร์ได้และได้รับกำไรของคุณ $8

    หากคุณคิดว่าเงินจำนวนนี้ไม่คุ้มค่าพอ มีข่าวดี: โบรกเกอร์ของคุณจะมรเทคนิคการเทรดที่สามารถช่วยให้คุณทำเงินได้มากขึ้นด้วยเครื่องมือสุดพิเศษที่เรียกว่า เลเวอเรจ เลเวอเรจคือเงินที่คุณยืมมาจากโบรกเกอร์ของคุณเพื่อเพิ่มเงินฝากของคุณเป็นทวีคูณ

    ตัวอย่างเช่น หากคุณใช้เลเวอเรจ 1:3000 ที่ FBS สำหรับการเทรดที่คล้ายกันจากตัวอย่างก่อนหน้า คุณจะได้รับ $2400 จากการเทรดเพียงแค่ครั้งเดียว กล่าวคือคุณลงทุนไป $100 คุณก็จะได้เทรด $300 000! ไม่เลวเลยใช่ไหม?

    โปรดจำไว้ว่า: ยิ่งกำไรสูงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเสี่ยงมากเท่านั้น ดังนั้นการบริหารความเสี่ยงจึงเป็นส่วนที่สำคัญของเทคนิคระบบเทรด!

    #แจกฟรี!ระบบเทรด

    สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการใช้ EA indicator และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี
    มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
    .
    เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆอื่นๆได้อีกในอนาคต
    XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย
    .
    Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ
    .
    exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด
    .
    **”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อ
    .
    ขอรับ EA ได้ฟรี!”**
    .
    ช่องทางการพูดคุย
    .
    Line Id :: @ft.th
    .
    .
    กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กําไรอย่างยั่งยืน
    .
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

     

    สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการ ทำกำไร IQ Option ในระบบเทรด Forex

    มกราคม 2, 2022

    ทำกำไร IQ Option ในระบบเทรด Forex

    ในระบบเทรด Forex นั้นค่อนข้างจะมีเทคนิคมากมายในการเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ อีกทั้งต้องใช้วงเงินค่อนข้างมากในระบบเทรดจริง แต่ปัจจุบันนี้เราสามารถเทรด Forex ผ่าน IQ Option ได้อย่างง่ายดาย และสามารถทำกำไร IQ Option ด้วยระบบเทรด Forex ได้แบบง่ายสุด มีความเสี่ยงน้อยกว่าระบบเทรดแบบไบนารี่ ออฟชั่น แทบไม่มีความกดดันใดๆมากมายเหมือนระบบเทรด ไบนารี่ ออฟชั่น แค่เปิดดูทุกๆ 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง เพื่อรอปิด Order เมื่อมีกำไรตามที่กำหนดไว้

     

    เทคนิคการ ทำกำไร IQ Option ในระบบเทรด Forex

    ในการเปิดบัญชีเทรดเงินจริงครั้งแรกไม่ควรเปิดมากควรเปิดไว้ที่ $10 – $30 ก็พอ ตามบทความนี้ผู้เขียนได้ทดสอบให้เห็นถึงสัดส่วนรายได้กำไรเงินเงินน้อยๆในพอร์ต $10 เมื่อทำกำไรให้พอร์ตโตขึ้นได้ก็ค่อยขยับจำนวนเงินมากขึ้น หลังจากสามารถทำกำไรได้ตามที่คาดการไว้แล้ว ก็ควรลิมิตจำนวนเงินในพอร์ตไว้จำนวนคงที่ เมื่อมีกำไรก็ถอนออกมาก่อน รักษาเงินไว้แค่ที่กำหนดไว้เท่านั้น หากทำเช่นนี้เราจะมีกำไรจากการเทรดจริงๆ

    ข้อมูลที่ได้จาก Investing.com เป็นข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์จะ Indicators จำนวนมาก และ สรุปออกมาเป็น ซื้อทันที ขายทันที ขาย ซื้อ หรือ ถือหุ้นไว้ ทำให้ไม่ไปซีเรียสกับเส้นสัญญาณของ Indicators ต่างๆ

    หรืออีกส่วนหนึ่งก็ต้องดูกราฟแท่งเทียนย้อนหลังหลายๆวัน หรือ ดูค่าแนวรับ แนวต้าน ต่ำที่สุดวันไหน สูงสุดวันไหน หากสถานะปัจจุบันลงมาถึงจุดต่ำสุด หรือ สูงสุด แล้ว แน่นอนมันต้องมีการกลับตัว แต่ในระบบเทรด Forex บน IQ Option เราระบุจุด Stop loss และ จุด Take profit ได้ค่อนข้างจำกัด เมื่อเปิด Order ในจังหวะต่ำสุด หรือ สูงสุด อาจทำให้ไปไม่ถึงจังหวะการกลับตัวก็อาจโดน Stop loss ไปก่อนเลยเป็นการยกเลิกไม้นั้นโดยอัตโนมัติ จุดหลับตัวอาจเลยจุด Stop loss ไปอีกนิดหน่อย เป็นที่น่าเสียดายมาก

    ดังนั้นการเปิด Order ในระบบเทรด Forex บน IQ Option ควรเปิด Order ในจังหวะตามเทรนด์ปัจจุบัน และ เทนด์หลักที่เรียกว่าเป็นระบบเทรดแบบ Follow Trend

     

    ผู้เขียนเทรดไว้ทั้งหมด 5 ไม้ เมื่อตัวเลขแตะที่ 50% ก็จะมาคอยดูว่าจะปิด Order ที่เท่าไหร่ในการทำกำไร

    ตอนจับภาพบนนั้นยังไม่ได้กดปิด Order ก็ทำบทความไปด้วยดูไปด้วย จนถึง $0.99 ก็เลยกด แต่ช้าไปนิดเลยได้ที่ $0.98 ซึ่งในบางช่วงเราจะมีส่วนส่วนกำไรมากกว่าไบนารี่ ออฟชั่นเสียอีก

    Order นี้เปิดไว้ตอน 9.00 น. ปิดตอน 15.07 น. ก็ประมาณ 6 ชั่วโมงเศษ บาง Order เคยเปิดไปประมาณ 10 นาที ก็มีกำไรแล้ว 50%

     

    สำคัญคืออย่าทิ้งนาน และ อย่าตั้งเป้ากำไรสูงเกินไป เอาแค่ 50% – 70% จะปลอดภัยกว่า แล้วคลิ๊กปิด Order ได้เลย และ ไม่ควรเปิด Order ทิ้งข้ามคืนเพราะมีโอกาสชนจุด Stop loss ได้หากตลาดเวลานั้นมันแกว่งตัวมาก แต่หากนอนดึกก็อาจมีจังหวะปิด Order ทัน ณ.จุดที่กำไรสูงได้

    ระบบเทรดทำกำไร Forex กับ IQ Option มันดีตรงที่สั่งปิดเมื่อมีกำไรตามที่พอใจ และ สั่งปิดมีเห็นว่าจะมีโอกาสขาดทุนเต็มจำนวนที่เทรดเมื่อทิศทางของการซื้อ-ขาย มันเปลี่ยนไปมากและเสี่ยงที่จะเสียไม้นั้น ก็สามารถสั่งปิดได้ก่อนก็จะเสียตามอัตราที่คำนวณจากจุดที่เปิดไว้กับจุดที่สั่งหยุด เช่น เปิดเทรดที่ $1 เมื่อตัวเลขขาดทุนปัจจุบันอยู่ที่ $0.2 และเห็นว่าทิศทางมันคงไม่หวนกลับมาก็มีโอกาสชนจุด Stop loss สูง(ทำให้เสีย $1 นิดๆ) เราก็สั่งปิด Order ทันทีก็จะเสียแค่ $0.2 เท่านั้น

    AUD/JPY กำลังจะมาในแดนบวก และเตรียมทำกำไรอีกสองตัว

    เก็บกำไร GBP/USD  ก่อน 93% นี้ถือว่าสูงมาก เดี๋ยวค่อยเปิดใหม่อีกรอบ

    GBP/USD เปิด Order ใหม่อีกรอบ ได้ 3 นาที ก็เข้าแดนบวก อาจมีขึ้นลงแต่ระยะยาวเข้าแดนบวกเต็มๆแน่นอน

     ภาพล่างนี้เห็นเป็นขาลงหนักเลยลองเทรดไบนารี่ ออฟชั่นแบบสดๆดู เสียแบบก้ำกึ่ง 2 ไม้ ตอนสายๆก่อนกลับมาเทรด Forex ต่อ

    เสียดาย USD/JPY มากพอดีติดภารกิจงานเลี้ยงส่งนักศึกษาฝึกงานจากต่างประเทศ เลยไม่ได้เทรด พึ่งมาเปิด Order ตอนเช้า ไม่งั้นไล่เก็บกินตามเทรนด์ยาวเลย

    เริ่มเข้าแดนบวกกันถ้วนหน้า รอปิด Order ทำกำไร ลองดูนะครับ จะเห็นว่าการเทรด Forex ด้วย IQ Option มันไม่ได้ยากอะไรเลย สามารถทำกำไรได้ง่าย ขอเพียงอย่าโลภมาก ค่อยๆเก็บตามแผนงานที่กำหนดไว้ว่า ได้แค่ไหนก็แค่นั้น

    EUR/USD จะลองปล่อยลากยาวดูเพราะตัวเลขบอกยังลงไปอีกยาวนาน

    ไล่ Update ให้เห็นสำหรับท่านที่ต้องการความชัวร์ เลยไล่เช็ครายชั่วโมงให้เห็นถึงการทำกำไรแบบความเสี่ยงต่ำ เพียงแต่ใช้เวลาคอยนานหน่อยแค่นั้น

    GBP/USD เมื่อได้กำไรเกินกว่าที่กำหนดไว้คือ 70% แต่จังหวะไหลได้เลยรอปิด Order ที่ $0.90 แล้วเปิดใหม่ต่ออีก จริงๆมันไหลไปเกิน $1 ขึ้นไป แต่เพื่อความชัวร์เก็บเงินไว้ก่อน

    GBP/USD เปิดใหม่ต่อทันที

    หากใช้การเทรดที่สูงกว่านี้ แล้ว ค่อยๆไล่เก็บตามแบบเล่นตามเทรนด์ ก็จะสามารถสร้างกำไรแบบความเสี่ยงต่ำได้ แถมไม่กดดันแบบการเทรด ไบนารี่ ออฟชั่น

    ภาพล่างนี้ ปิด Order ของ AUD/JPY เพราะขืนปล่อยไปอาจขาดทุนได้ เลยปิดก่อน

    กำไร 147% ถือว่ามากกว่าไบนารี่ออฟชั่นเป็นเท่าตัว บางครั้งขึ้นไปเกือบ 200% เมื่อแลกกับการรอคอยที่นานเป็นชั่วโมงๆก็ถือว่าคุ้มค่า

    คอยติดตามสถานะกาณ์ขึ้นลงของคู่เงินที่มีทิศทางที่แข็งแรงไม่เปลี่ยนแปลงวูบวาบ เพื่อเลือกเปิด Order

    ได้คู่เงินมา 5 คู่ จัดการเปิด Order ตามรายงานข้างบน เล่นแบบไม่ใช้ Indicator เลย ไม่ซีเรียส เปิดแล้วรอแค่นั้นเอง

    #แจกฟรี!ระบบเทรด

    สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการใช้ EA indicator และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี
    มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
    .
    เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆอื่นๆได้อีกในอนาคต
    XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย
    .
    Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ
    .
    exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด
    .
    **”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อ
    .
    ขอรับ EA ได้ฟรี!”**
    .
    ช่องทางการพูดคุย
    .
    Line Id :: @ft.th
    .
    .
    กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กําไรอย่างยั่งยืน
    .
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคในระบบเทรด Forex ด้วยกลยุทธ์ Alligator

    มกราคม 2, 2022

     

    เทคนิค Volatility channel breakout
    ระยะกรอบเวลาที่เหมาะสม =  M15 ขึ้นไป
    คู่สกุลเงินที่เหมาะสม =  ทุกคู่สกุลเงิน

    อินดิเคเตอร์และการตั้งค่า

    • Alligator (ตามต้นฉบบับ)
    • Moving Average (SMA 144)

    ตัวย่างการใส่อินดี้ Alligator (ตามต้นฉบับ) ลง MT4

    ตัวย่างการใส่ Moving Average (SMA 144)

     

    เงื่อนไขพิจารณาจังหวะ Short/Long/SL/TP และ Close ออเดอร์

    เงื่อนไขหาจังหวะเข้าออเดอร์ Long/SL/TP/Close Order

    •  ราคาตั้งอยู่เหนือ SMA (144) (บ่งบอกถึงแนวโน้มตลาดวัว)
    • เส้นสีเขียวของอินดี้ Alligator ได้ข้ามเส้นสีแดงและสีฟ้าจากด้านล่างขึ้นบน
    • เส้นสีแดงของอินดี้ Alligator ได้ข้ามเส้นสีฟ้าจากด้านล่างขึ้นบน
    • Stop Loss อาจตั้งไว้ต่ำกว่า SMA 144 ที่ 1 จุด หรือตามความเสี่ยงที่สามารถรับได้
    • Take Profit ใส่ตามที่ท่านพอใจหรือเห็นว่าสมควร
    • Close ออเดอร์เมื่อเส้นสีเขียวของ Alligator ได้ข้ามเส้นสีแดงจากด้านบนลงล่าง

    ตัวอย่างจังหวะเข้าและออกออเดอร์ กรณี long

     

    เงื่อนไขหาจังหวะเข้าออเดอร์ Short/SL/TP/Close Order

    • ราคาตั้งอยู่ด้านล่าง SMA (144) (บ่งบอกถึงแนวโน้มตลาดหมี)
    • เส้นสีเขียวของอินดี้ Alligator ได้ข้ามเส้นสีแดงและสีฟ้าจากด้านบนลงล่าง
    • เส้นสีแดงของอินดี้ Alligator ได้ข้ามเส้นสีฟ้าจากด้านบนลงล่าง
    • Stop Loss จะถูกตั้งไว้สูงกว่า SMA 144 1 จุด
    • Stop Loss อาจตั้งไว้สูงกว่า SMA 144 ที่ 1 จุด หรือตามความเสี่ยงที่สามารถรับได้
    • Take Profit ใส่ตามที่ท่านพอใจหรือเห็นว่าสมควร
    • Close ออเดอร์เมื่อเส้นสีเขียวของ Alligator ได้ข้ามเส้นสีแดงจากด้านล่างขึ้นบน

    ตัวอย่างจังหวะเข้าและออกออเดอร์ กรณี Short

    แจกฟรี!ระบบเทรด

    สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการใช้ EA indicator และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี
    มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
    .
    เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆอื่นๆได้อีกในอนาคต
    XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย
    .
    Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ
    .
    exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด
    .
    **”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อ
    .
    ขอรับ EA ได้ฟรี!”**
    .
    ช่องทางการพูดคุย
    .
    Line Id :: @ft.th
    .
    .
    กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กําไรอย่างยั่งยืน
    .
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการพัฒนา mindset

    มกราคม 2, 2022

     

    สิ่งที่เรียนรู้ยากที่สุดสำหรับเทคนิคในระบบเทรดน่าจะเป็นเรื่อง mindset เพราะต้องผ่านการฝึกฝนและการทำด้วยตัวเอง แม้ว่าจะมีคำแนะนำหรืออื่นๆ ทั่วไปทั้งหนังสือหรือสื่ออื่นๆ  แต่สิ่งนี้ท่านจะต้องฝึกให้เกิดกับตัวเองให้ได้ อาจจะได้ยินประจำว่าถ้าอยากเทรดแบบมืออาชีพให้ได้ เทคนิคแรกที่ต้องฝึก mindset ให้ได้แบบเทรดเดอร์มืออาชีพก่อน โดยทั่วไปอาจจะเข้าใจว่าเทรดเดอร์มืออาชีพเป็นพวกเทรดเดอร์สถาบันการเงินเฮดฟันด์ เทรดเดอร์พวกนี้ถือว่าเป็นมืออาชีพ แต่เทรดเดอร์แบบมืออาชีพเป็นใครก็ได้ที่ถือการเทรดเป็นเรื่องจริงจัง เป็นเหมือนงานหรือธุรกิจที่ต้องทำเป็นระบบ มีกฏ หรือข้อกำหนดที่ต้องดำเนินตามอย่างเข้มงวด Mindset มีผลต่อการเทรดเพราะมีผลต่อการตัดสินใจของเทรดเดอร์  รูปแบบโต้ตอบการเทรดเมื่อเทรดเดอร์ได้กำไร หรือเสีย หรืออย่างอื่นๆ เกี่ยวกับระบบเทรด เช่นการวิเคราะห์ trade setup ว่าจะเทรดอย่างไร ว่าจะตั้ง stop loss และ take profit อย่างไร ที่ต่างกันออกไปเพราะ mindset แต่ละเทรดเดอร์ไม่เหมือกัน  mindset แม้เป็นเรื่องที่ฝึกยาก แต่ก็ฝึกได้ด้วยการทำเป็นระบบหรือทำแบบเทรดเดอร์มืออาชีพเป็นอันดับ เพื่อสร้างและเปลี่ยน mindset

    เทคนิคแรกพัฒนากลยุทธ์ในระบบเทรด

    เทคนิคกลยุทธ์การเทรดหรือรูปแบบการเทรดถือว่าเป็นหลักเบื้องต้นที่เทรดเดอร์อยากเป็นมืออาชีพต้องสร้างขึ้นมาให้ได้ ศึกษาแล้วปรับจูนให้เข้ากับรูปแบบการเทรดในระบบเทรดของตัวเอง เทคนิคในระบบเทรดไม่ได้แค่ trade setup รวมไปถึงการตัดสินใจเทรด การตั้ง stop loss และการตั้ง take profit กลยุทธ์ในระบบเทรดจะเป็นการสร้างกรอบหรือหลักการเทรดของระบบเทรด และสิ่งที่ตามมาหลังจากเปิดเทรดที่ท่านต้องทำตามแบบไม่มีอารมณ์มาประกอบ พิจารณาการเทรดเป็นเรื่องแค่การเทรด ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเงิน เรื่องเงินเป็นเรื่องรองลงมา ระบบเทรดไม่อาจปล่อยให้อารมณ์เป็นเรื่องนำ หรือเรื่องความโลภเข้ามาครอบ ท่านถือเป็นธุรกิจ กลยุทธ์จะเป็นตัวช่วยยกำหนดระบบเทรดของท่าน

    เมื่อกำหนดกลยุทธ์ในระบบเทรด อย่างแรกต้องคำนึงผลระยะยาว การได้หรือเสียเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นในการเทรด แต่กลยุทธ์ท่านระยะยาวหรือตามระยะเวลาที่ท่านกำหนดต้องทำกำไร และที่สำคัญท่านต้องมีความสุขกับการเทรด ไม่ใช้สร้างความกดดันให้กับท่าน

     เทคนิคที่สองต้องทดสอบกลยุทธ์

    การทดสอบกลยุทธ์ท่านเป็นเรื่องสำคัญ ท่านจะได้เห็นว่ายังมีข้อผิดพลาดตรงไหน ท่านจะได้คุ้นเคยกับระบบเทรดของท่าน ท่านจะได้ปรับจูนตรงไหนเพื่อประสิทธภาพที่ดีขึ้น ถ้าราคาสวนหรือทำให้ระบบท่านติดลบ ท่านจะบริหารอย่างไรเพื่อแก้ระบบ การทดสอบกลยุทธ์ เป็นทางเดียวที่จะรู้ว่าระบบเทรดหรือกลยุทธ์ที่ท่านพัฒนามาเป็นอย่างไรในเงื่อนไขตลาดจริง ไม่ใช่แค่ทดลองเดโม เพราะการเทรดบัญชีจริงพอมีเรื่องเงินเข้ามา จะทำให้มีเรื่องของอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น ไม่ว่าจะได้หรือจะเสีย  trading strategy เดียวกับ supply/demand ต้องเทรดให้คุ้นว่า level หรือ zone แบบไหนที่แข็งพอที่จะเทรด เข้าตอนไหน ต้องการยืนยันหรือไม่ยืนยัน แต่ละ trade setup ก็จะมีตัวแปรที่ต่างออกไป การทดสอบจะทำให้ท่านมั่นใจขึ้น จะช่วยให้ mindset การเทรดของท่านดีขึ้น

    เทคนิคที่สาม ต้องเชื่อในกลยุทธ์การเทรดในระบบเทรดของท่านเอง

    ไม่ว่าจะทำอะไร ความเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองทำเป็นสิ่งแรกที่ต้องมี ผ่านการทดสอบมานานและหนักจะทำให้ท่านเกิดความเชื่อมั่นในระบบเทรดของท่าน การเทรดเป็นเรื่องความเป็นไปได้ แม้แต่ trade setup ก็เป็นแค่ความเป็นไปได้การเทรดมากแค่ไหนที่อยู่ข้างท่าน ท่านต้องมีช่วงเวลาสำหรับเทรด strategy ท่าน ไม่ใช่ว่าทดลองตั้งนานมั่นใจ พอเทรดจริงเป็นช่วงที่ตลาดไม่เข้าทางกลับกลายเป็นไม่เชื่อในระบบเทรดของตัวเองเพราะยังใหม่ต่อการเทรด เรื่องอารมณ์เข้ามามีบทบาทมาก ยังไม่ผ่านการเทรดเยอะ หรือการแก้พอร์ตสักระยะ แต่การเชื่อมั่น มุ่งมั่น ค่อยๆ เทรดไป ด้วยความเชื่อมั่นจะเป็นตัวช่วยสร้าง mindset ตามที่ท่านต้องการได้ ถ้าไม่เชื่อในระบบท่านก็จะพยายามหาหรือพัฒนาระบบเทรดใหม่ไปเรื่อย mindset ก็จะมีปัญหา ไม่สามารถปรับจูนได้ ดิ้นรนไปเรื่อยเมื่อไม่ได้ดังใจ

    เทคนิคที่สี่ ต้องมีวินัย

    วินัยถือว่าเป็นเรื่องสำคัญในการพัฒนา mindset แบบมืออาชีพ เพราะถ้าท่านขาดวินัย ไม่ทำตามที่กลยุทธ์ในระบบเทรด กำหนดแนวทางหรือเงื่อนไขในระบบเทรด ปล่อยให้เรื่องอารมณ์หรือเรื่องเงินเข้ามา เพราะวินัยจะช่วยให้ท่านใส่ใจที่จะทำตามขบวนการที่กำหนดในกลยุทธ์ในระบบเทรด วินัยจะทำให้ท่านเทรดสิ่งที่ท่านวางแผนไว้ วินัยจะเป็นกำหนดว่าท่านทำแบบเทรดเดอร์มืออาชีพได้หรือเปล่า เพราะการเทรดบางครั้งก็มีช่วงเวลาที่เทรดอะไรก็เข้าข้างไปหมด แต่ในระยะยาวเป็นเรื่องของวินัย การทำกำไรต่อเนื่อง สม่ำเสมอ ล้วนมีวินัยเป็นตัวหลัก

    เทคนิคสุดท้าย เรียนรู้อยู่ตลอด

    ตลาดเปลี่ยน เงื่อนไขตลาดเปลี่ยนทุกวัน การหมั่นเรียนรู้และปรับจูนระบบเทรดตัวเองแบบมีหลักการ ด้วยความเชื่อในระบบเทรดตัวเอง ทดลองและไม่ได้เปลี่ยนไปเรื่อยเมื่อเจอปัญหา จะเห็นการช่วยพัฒนา mindset ให้ระบบเทรดของท่านเป็นแบบมืออาชีพเรื่อยๆ เพราะขบวนการพวกนี้จะทำให้ท่านเทรดแบบมีระบบ ผ่านการทดสอบ เชื่อมั่น และมีวินัย ก็จะปรับ mindset ท่านดีขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งผ่านเวลาไปนาน ก็ยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถมี mindset แบบเทรดเดอร์มืออาชีพได้

    #แจกฟรี!ระบบเทรด

    สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการใช้ EA indicator และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี
    มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
    .
    เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆอื่นๆได้อีกในอนาคต
    XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย
    .
    Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ
    .
    exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด
    .
    **”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อ
    .
    ขอรับ EA ได้ฟรี!”**
    .
    ช่องทางการพูดคุย
    .
    Line Id :: @ft.th
    .
    .
    กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กําไรอย่างยั่งยืน
    .
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    5 เทคนิคการทำกำไรจากระบบเทรด Forex

    มกราคม 2, 2022

    5 เทคนิคการทำกำไรจากระบบเทรด Forex

     

     

    1.ตัดสินใจให้แน่นอนว่าคุณจะลงทุน forex ในแง่ใด

    Forex คือตลาดการแลกเปลี่ยนเงินตราที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งแต่ก่อนนั้นธนาคารคือผู้ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในตลาด แต่ในปัจจุบัน มันถูกแปลสภาพให้คนทั่วไปอย่างเราๆ สามารถเข้าไปทำเงินจากตลาดได้ ผ่านโบรกเกอร์ ที่อยู่ในต่างประเทศ แต่กระนั้นก็ตาม วิธีการลงทุน forex นั้นไม่ได้จำกัดแต่เฉพาะการเทรดอย่างเดียว ยังมีอะไรอีกมากมายซึ่งคุณสามารถเลือกลงมือทำได้ ขอสรุปออกมาเป็นข้อๆที่น่าสนใจดังต่อไปนี้

    1.1เป็นเทรดเดอร์: ข้อหนี้หลายๆคนรู้แล้วและสามารถทำเป็นได้ เพราะมีเครื่องมือความรู้สอนกันมากมาย

    1.2เป็น IB ข้อนี้คือแทนที่เราจะเป็นเทรดเดอร์ แต่เราไปเป็นคนที่เรียกว่า คนแนะนำหรือเราอาจเรียกกลุ่มนี้ affiliate

    1.3เป็นโบรกเกอร์: สำหรับหนทางนี้อาจยากสำหรับมือใหม่ แต่ถ้าทำได้ก็คุ้มมากๆ

    1.4เป็นคนทำสิ่งสนับสนุนเช่น EA หรือ Indicator: มีรายได้แบบ passive income ยาวๆ

    สรุปแล้วทั้ง 4 ข้อนี้ถือเป็นแนวทางที่คิดว่าคุณน่าจะเลือกไปลงทุนสักทางใดก็ทางหนึ่งคิดว่ามัน Work มากๆ หากคุณได้ลองทำ ทีนี้หลังจากที่เราเลือกเส้นทางแล้ว ส่วนต่อไปคือการมองหาเงินทุน

     

    2.เตรียมเงินทุนของคุณให้พร้อม

    จงเตรียมเงินทุนของคุณให้พร้อม! ถ้าคุณเป็นสาวกของลูกเสือ คุณคงเคยเจอคำว่า “จงเตรียมพร้อม” คำนี้มีความหมายที่ดีมาก เพราะในการลงทุน forex สิ่งที่คุณควรทำมากที่สุดคือ การเตรียมกระสุนของคุณนั้นให้พร้อมเพื่อการลงทุน คำถามที่น่าสนใจต่อมาคือ แล้วเราจะลงทุนที่เท่าไหร่ดี

    คำถามนี้หากเป็นมือใหม่ ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะตอบ  ขอนำจากประสบการณ์ตรงมาตอบได้ดังนี้คือ พยายามลงทุนด้วยเงินที่ไม่เกิน 40% ของรายได้ทั้งหมด แน่นอนว่าถ้าคุณมีรายได้เดือนละ 100,000 บาท จำนวนเงินของคุณที่ลงทุนก็คือ 40,000 บาท

    คำถามคือแล้วเราจะสามารถแหกกฎเหล่านี้ได้ไหม ขอตอบว่า แล้วแต่คุณเลย เพราะไม่มีอะไรแน่นอน เพียงแต่การที่เราทำตามกฎ มันช่วยให้เรามีความรู้สึกว่าปลอดภัยมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

    เคยลงทุน forex ด้วยการเทรดคู่เงิน USD/JPY ด้วยเงินทุนประมาณ 70-80% ของรายได้ แล้วสิ่งที่ตามมาคือหมดเงินทั้งหมดเพราะว่าพอร์ตระเบิดครับ แต่ด้วยการที่ลงเงินลงไปเยอะมาก สิ่งที่ตามมาคือ มันทำให้ผมไม่มีกระสุนมากพอที่จะไปลุยในตลาดต่อ ผลเสียคือผมต้องพักยาว รอสะสมกระสุนใหม่ จึงจะสามารถเติบโตได้

     

    3.เลือกเครื่องมือประกอบการลงทุน

    ถ้าคุณคิดว่าจะมาบอกเรื่องของ Indicator หรือว่า EA เรากำลังจะบอกคุณว่าหากคุณต้องการประสบความสำเร็จในการลงทุน forex สิ่งสำคัญที่สุดคือ การมองหาเครื่องมือประกอบการลงทุนที่ดี อันประกอบไปด้วย

    3.1การเรียนรู้ทักษะด้านการเทรด Indicator และการเขียน Code

    3.2การมีทีมที่สามารถช่วยเหลือคุณในด้านเทคนิค

    3.3ฝ่ายกฎหมาย

    คนเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการลงทุน forex ของคุณ เพราะเขาจะเป็นที่ปรึกษาและเป็นทีมงานในการทำการลงทุน forex ของคุณให้ประสบความสำเร็จเพิ่มมากขึ้น

     

    4.รายได้ Active VS Passive

    ยุทธวิธีในการมีรายได้จากการลงทุน forex นั้นมีด้วยกัน 2 ประเภทคือ การมีรายได้แบบ Active และการมีรายได้แบบ Passive ซึ่งทั้งสองตัวนี้ให้ผลลัพธ์ต่อตัวเราที่ต่างกัน และมีผลตอบแทนที่ต่างกันด้วย จึงอยากแชร์ข้อมูลตรงนี้สักเล็กน้อย กล่าวคือ บางทีแล้วหากเรามองเรื่องการเทรด forex เป็นเรื่องของการเป็นเทรดเดอร์นั้น เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเริ่มต้นก่อนเสมอ และมันมีข้อดีคือ เมื่อคุณเปิด Position ถูกทาง และมันทำกำไรมหาศาล คุณก็จะรู้สึกถึงความสุข และความสนุก

    แต่แน่นอนว่าถ้าผลมันออกมาในทางตรงกันข้าม คุณคงไม่มีความสุขเสียเท่าไหร่อย่างแน่นอนซึ่งถือว่า การเป็นเทรดเดอร์นั้นเป็นการมีรายได้แบบ Active มากกว่าเป็น Passive

    คุณต้องลงมือทำแล้วจะสำเร็จ ถ้าวันใดคุณไม่ลงมือทำและไม่เทรด นั่นเท่ากับว่าคุณหมดโอกาสในการประสบความสำเร็จไปเลยจากตลาด

    แต่หากคุณผันตัวเองจากการเป็นเทรดเดอร์ไปเป็น IB สิ่งหนึ่งที่จะเกิดขึ้นกับคุณก็คือ คุณจะมีรายได้ที่น้อยลงมาก แต่สิ่งที่ตามมาคือในระยะยาวรายได้ของคุณนั้นจะเติบโตขึ้นมาครับ อันเนื่องมจากการมีรายได้แบบ passive income ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นรายได้ที่หล่อเลี้ยงการลงทุน forex ของคุณให้ไปต่ออย่างยาวนาน

    ดังนั้นเมื่อคุณลงทุน forex จงเลือกทำท้องสองทางของรายได้ให้มันควบคู่ไปจะดีที่สุด เพราะอย่างน้อยแล้ว คุณก็สามารถมีอนาคตที่ปลอดภัยได้จากการมีรายได้แบบ passive income

     

    5.จุดทำกำไรที่น่าสนใจในตลาด forex

    เคล็ดลับอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะนำเสนอคุณ นั่นคือการทำกำไรในตลาด forex นั้นมีหลายวิธี บางทีแล้วมันอาจไม่จำเป็นต้องเป็นการรอจังหวะของ Indicator ในการแสดงผลก็ได้ แต่อาจเป็นเรื่องของการเทรดตามข่าว โดยเฉพาะข่าวอย่าง nonfarm

    ทีนี้คุณอาจอยากรู้ว่าจุดไหนบ้างที่เป็นจุดทำกำไรในตลาด forex ผมขอสรุปออกมาเป็นดังนี้

    5.1ลองเทรดตามข่าว

    5.2ลองเทรดโดยการดูกูรูที่อยู่ในโบรกเกอร์นั้นๆ ที่คุณใช้บริการดู (บางทีข้อมูลแม่นมากกว่าคนไทยอีก)

    5.3ลองใช้พวก EA เข้ามาช่วยสร้างจุดทำกำไรที่ยั่งยืนในการลงทุน forex

    5.4ลองมาเทรดในตลาดเหรียญดิจิตอล  เป็นตลาดที่เปิดใหม่และน่าสนใจอีกทั้งสามารถทำกำไรได้ง่ายมากๆ

    ตอนนี้เชื่ออย่างหนึ่งว่า องค์ความรู้ด้านการลงทุน forex ที่ผมเขียนไว้นี้น่าจะเป็นแนวทางที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับคนใหม่อย่างคุณ และ สิ่งสำคัญที่สุดคือ การลงทุนในตลาด forex สิ่งที่เป็นหัวใจของความสำเร็จที่เราจะต้องตระหนักเลยคือ การลงทุน forex อย่างสม่ำเสมอ และมีวินัยแห่งความสำเร็จ แม้ว่าคุณจะรู้ถึงเคล็ดลับทั้ง 10 ประการที่ผมกล่าวไปแล้วก็ตาม แต่ถ้าขาดเสียซึ่งวินัยโอกาสของความสำเร็จคงอยู่ห่างไปไกลทีเดียว

    #แจกฟรี!ระบบเทรด

    สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการใช้ EA indicator และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี
    มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
    .
    เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆอื่นๆได้อีกในอนาคต
    XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย
    .
    Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ
    .
    exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด
    .
    **”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อ
    .
    ขอรับ EA ได้ฟรี!”**
    .
    ช่องทางการพูดคุย
    .
    Line Id :: @ft.th
    .
    .
    กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กําไรอย่างยั่งยืน
    .
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

     

    สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการเทรดด้วย Order block

    มกราคม 2, 2022

    ระบบเทรดด้วย Order block

    การเข้าใจเรื่องการทำงานของออเดอร์ทำให้มองระบบเทรดหลายๆ อย่างได้หมดเช่น ในที่นี้จะกล่าวระบบเทรดแบบที่เรียกว่า Order Block โดยหลักการของการกำหนดของ Order Block ก็คือการเทรด Top หรือ Bottom หลังจากที่ราคาได้ทำเทรนมาโดย Order Block จะเป็นระบบเทรดสวนเทรนจากที่ทำเทรนขึ้นมา เมื่อเกิดขึ้นก็จะเป็นการเปิดโอกาสให้ระบบเทรดเปลี่ยนเทรน จากเทรนขึ้นเป็นเทรนลง หรือจากเทรนลงเป็นเทรนขึ้น

    กำหนด Order Block อย่างไร

     

    เทคนิคมอง Order Block เป็นการใช้หลักการออเดอร์ประกอบกับ Top หรือ Bottom ที่เป็น chart pattern ที่บอกการกลับเทรน ดังนั้นส่วนประกอบแรกที่ต้องเห็นเรื่องของเทรนที่มาก่อนแล้วราคาก็หยุด ทำกรอบหรือ Block ด้วยการกำหนด High และ Low   และสิ่งที่ตามมาคือเมื่อราคาออกจาก Order Block ต้องเป็นการออกมาอย่างแรง หรือเป็น momentum แล้วเราก็ได้กรอบที่เป็น Order Block เกิดขึ้น เพราะตัวเบรคที่ออกมาเป็นตัวยืนยัน และระบบเทรดจะรอการกลับมาทดสอบอีกครั้ง จุดสำคัญจะอยู่ที่ราคาเบรคหรือออกจาก Order Block ต้องเป็นการจากอย่างแรงที่บอกว่าเป็นการที่ขาใหญ่มีส่วนร่วมในการทำให้เกิดขึ้น

    Order Block และมุมมองเรื่องออเดอร์

    กรอบที่เกิดเป็น Block ที่เกิดขึ้นเพราะมี trading transaction ที่เกิดขึ้น ดังนั้นทั้ง long/short positions อยู่ตรงนั้น เมื่อราคาเบรคทางไหนแสดงว่า market ordersที่เข้ามาเกิน limit orders ทางที่ market orders วิ่งไป เมื่อเกิด beakout ขึ้นจึงทำให้เทรดเดอร์ที่ถือ positions อยู่ในกรอบฝ่ายที่ราคาวิ่งสวนกลายเป็น trapped traders ทันที ถ้ามีการกำหนด stop loss ก็จะเป็นตัวเร่งให้ breakout ไปได้เร็ว และตรงส่วนที่เป็น breakout ยังมีออเดอร์จากเทรดเดอร์ที่รอเข้าด้วยจาก breakout traders ที่จะเปิดตาม

    ที่สำคัญก่อนที่ราคาจะจากไปและทำให้เกิดเป็น Order Block จริง ก็จะเห็นเรื่องของ Stop hunt หรือ False Break อีกทางขึ้นเป็นเรื่องปกติเพราะเป็นการใช้ประโยชน์เพื่อเข้าตลาดจากเทรดเดอร์ที่เข้าก่อน ด้วยการดันราคาไปแตะ stop loss และพอราคากลับมาจริงทางที่เกิด breakout เพื่อใช้ stop loss อีกข้างเพื่อเร่งราคาอีกด้วย

    รูปแบบ Order Block เหมือน supply/demand

    หลักการทำงานและเรื่องออเดอร์ของ Order Block ก็จะแบบเดียวกับเรื่องของการเทรดหลักการ Demand/Supply เพราะตัว strong move ที่ออกไปจากกรอบ order block หรือถ้าเป็นระบบเทรดแนว demand/supply ก็จะเรียกตรงนี้ว่าเป็น Base เช่นอย่างข้างบนเป็น Demand Base ที่บอกว่าต้นตอความไม่สมดุล ในที่นี้คือ demand เกิน supply อยู่ตรงไหน ระบบเทรด demane/supply ก็จะอธิบายว่ามี unfilled orders ที่เหลืออยู่ตรงนั้นที่ยังไม่ได้ใช้ ดังนั้นเมื่อราคากลับมาด้วยการที่ขาใหญ่ดึงกลับมาเพื่อมาเปิดหรือให้ unfilled orders ที่เหลืออยู่ได้เข้าตลาด บอกว่าเป็นหลักการกระจายออเดอร์เพื่อเข้าเทรดพื้นที่เดียวกันของขาใหญ่ก็ว่าได้ เพราะขาใหญ่เปิดเทรดด้วยวอลลูมเยอะ ถ้าออเดอร์ตรงข้ามไม่มากพอพวกเขาก็จะหาทางทำให้ราคากลับมาเหมือนว่าราคาวิ่งสวนที่พวกเขาเปิดเทรดอีกรอบ เพราะพวกเขาจะได้เข้าเทรดเพิ่มได้ ทั้ง Order Block และ Supply/Demand ก็จะให้ความสำคัญที่เรื่อง Breakout ที่ออกจากกรอบ ต้องการเป็นการจากที่แรง เป็น momentum trading เมื่อการออกจบได้ ให้ออกมาเป็นรูปของ impulsive move หลักการออเดอร์ก็แบบเดียวกันกับที่อธิบายมาด้านบน ทั้งใช้เงื่อนไขเพื่อกดดันเทรดเดอร์ที่อยู่ในตลาดให้กลายเป็น trapped traders และส่งข้อมูลใหม่ออกไป ให้เทรดเดอร์ที่รอเข้ามี trading bias ไปทางที่พวกเขาเปิดเทรด ก็จะมีเทรดเดอร์ที่เปิด market orders ทางที่พวกเขาเปิดเทรดมาเอง

     

    เทคนิคระบบเทรด Order Block

    เนื่องจากเทคนิคระบบเทรดด้วย Order Block มีส่วน breakout ที่เป็นตัวยืนยัน การเทรดอย่างแรกเป็นการเทรดตอนราคากลับมาเทสพื้นที่กรอบ การเข้าเทรดให้รอจนกว่าราคามาถึงกรอบ และรอให้จนกว่าการทดสอบจบเพื่อความชัดเจน (แต่ถ้าท่านเทรดบ่อยๆ มั่นใจเรื่องออเดอร์ที่เกิดขึ้น สามารถเปิดทันทีแบบไม่ต้องรอการเทสก็ได้ แต่ต้องมีประสบการณ์มากพอ) หรืออาจเป็นการเปิดเทรดเพิ่มหลังจากที่ท่านได้เปิดเทรดตอนที่ราคาทำเบรคเกิดขึ้น และเมื่อเปิดเทรดแล้วใช้ stop loss ที่เกินกรอบมาหน่อยหรือจากเทสเสร็จสามารถขยับ stop loss ได้อีก

    เทคนิคที่ 2  ให้มอง Order Block เป็น key level ถ้าไม่เห็นราคากลับมาเทสทันทีนานพอสมควรกว่าจะกลับมาเทรดสร้าง price structure เกิดขึ้นอื่น ทำให้ดูเหมือว่าจุดที่ราคากลับมาเทสไกลหรือนานให้มองเป็น key level แต่ยังต้องรอให้ราคาทดสอบที่ level เป็นสำคัญก่อนว่าการโต้ตอบปัจจุบันเปิดเผยอย่างไร เพราะเงื่อนไขความกดดันที่มาจาก trapped traders ที่อยู่ในตลาดจะต่างจากกับตอนที่เมื่อเกิด Order Block และอีกไม่นานราคากลับมาทดสอบ แบบด้านบนจะมีความเป็นไปได้สูง และราคาวิ่งเร็วไม่รอนาน เพราะเทรดเดอร์ที่อยู่ในตลาดตรงกรอบ Order Block มีส่วนช่วยเยอะในการทำให้เกิด market orders

          จะเห็นว่าหลักการ ที่ออเดอร์ที่อยู่เบื้องหลัง Order Block นี้และการเข้าระบบเทรดไม่ได้ต่างจากเรื่องการเทรด Supply/Demand การเข้าใจว่าออเดอร์ทำงานอย่างไร มาจากไหนบ้าง เมื่อเพราะเงื่อนไขอะไร ก็จำเป็นต้องมองให้ออก เมื่อมองเป็นการอ่านชาร์ตเปล่าเพื่อหา trade setup ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเทรดชาร์ตเปล่าอย่างเดียวหรือเทรด chart patterns ก็ตาม

    ฟรี!ระบบเทรด

    สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการใช้ EA indicator และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี
    มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
    .
    เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆอื่นๆได้อีกในอนาคต
    XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย
    .
    Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ
    .
    exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด
    .
    **”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อ
    .
    ขอรับ EA ได้ฟรี!”**
    .
    ช่องทางการพูดคุย
    .
    Line Id :: @ft.th
    .
    .
    กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กําไรอย่างยั่งยืน
    .
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

     

    เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการเทรดโดยการใช้ช่อง (Trade with Channel)

    มกราคม 2, 2022

    เทคนิคการเทรดด้วยช่อง CHANNEL กับเส้นเทรนด์ไลน์

    นี่คือเทคนิคระบบเทรดตามเส้นเทรนด์ไลน์ ในการจะใช้ระบบเทรดแบบนี้ เทรดเดอร์ต้องมีช่อง CHANNEL ที่ลาดเอียงเพื่อยืนยันว่าตลาดกราฟราคากำลังมีแนวโน้ม ช่อง CHANNEL แบบเส้น   เทรนด์ไลน์เป็นเครื่องมือที่สมบูรณ์แบบสำหรับวิธีการเทรดในรูปแบบนี้    มาดูตัวอย่างการเทรดแบบช่อง CHANNEL

     

     

    ให้เทรดเดอร์ลากเส้นเทรนด์ไลน์ที่จุด HIGHER LOW ที่สูงขึ้นสองจุด จะได้เส้นเทรนด์ไลน์ ที่ลาดขึ้น จากนั้นให้เทรดเดอร์ใช้การดับเบิ้ลคลิกที่เส้นเทรนด์ไลน์เส้นแรกให้เกิดจุดสามจุด แล้วให้เทรดเดอร์กดปุ่มคอนโทรที่แป้นพิมพ์ในขณะเดียวกันก็ให้ลากเส้นเทรนด์ไลน์เส้นแรกออกมา เทรดเดอร์จะได้เส้นเทรนด์ไลน์เส้นที่สองที่คู่ขนาดกับเส้นแรก และให้เทรดเดอร์นำไปไว้ที่จุด HIGHER HIGH เทรดเดอร์ก็จะได้ช่อง CHANNEL สำหรับการเริ่มต้นในการเทรด     กราฟราคาวิ่งต่ำลงเพื่อทดสอบเส้นเทรนด์ไลน์เส้นล่างอีกครั้ง หลังจากที่ทดสอบไปแล้วสองครั้งในบริบทนี้ จึงถือว่าเป็นการมองเห็นที่ยอดเยี่ยมสำหรับระบบเทรดในตลาดขึ้นหรือตลาดกระทิง ให้เทรดเดอร์สามารถทำการเทรดตลาดกระทิงภายในช่อง CHANNEL ได้   เทรดเดอร์จะเห็นว่าเส้นเทรนด์ไลน์ช่อง CHANNEL นี้กลายเป็นเป้าหมายของการทำกำไรของกราฟราคาที่สมบูรณ์แบบสำหรับระบบเทรดในแนวโน้มนี้    เทรดเดอร์สามารถทำการเทรดระยะสั้นๆได้    โดยใช้เพียงเส้นเทรนด์ไลน์เท่านั้น อย่างไรก็ตามระบบเทรดแบบมีช่อง CHANNEL ก็ถือได้ว่าเป็นการหาจุดที่จะทำกำไรหรือจุดทางออกที่ชัดเจนให้สำหรับการเทรดในครั้งนี้

    เทคนิคระบบเทรดแบบ REVERSAL ด้วยช่อง CHANNEL

    เมื่อกราฟราคาสูงกว่าหรือต่ำกว่าเส้นเทรนด์ไลน์แล้ว (BREAKOUT TRENDLINE) อาจหมายถึงสภาพกราฟราคาแปรปรวนซึ่งหมายความว่าแนวโน้มได้หมดไปแล้ว จากนั้นเทรดเดอร์เริ่มที่จะสามารถดูรูปแบบกราฟราคาแท่งเทียนที่กลับตัวได้

    • ถ้าแนวโน้มขาขึ้นและมีการ BREAK OUT TRENDLINE ให้มองหากราฟแท่งเทียนกลับตัวขาลง
    • ถ้าแนวโน้มกราฟขาลงมีการ BREAK OUT TRENDLINE ให้มองหากราฟแท่งเทียนกลับตัวขาขึ้น

    กราฟแท่งเทียนกลับตัว มักจะมีความน่าจะเป็นแท่งที่อาจมีการทดสอบซ้ำๆ ดังนั้นเราต้องเลือกระบบเทรดที่ดีที่สุดเท่านั้น ให้เทรดเดอร์ปฏิบัติตามกฎเหล่านี้เพื่อค้นหากราฟแท่งเทียนรูปแบบการ กลับตัวที่เหมาะสมกับการเทรดที่สุด    ให้เทรดเดอร์ตรวจสอบให้แน่ใจว่าช่องสัญญาณ CHANNEL สอดคล้องกับแนวโน้มของกรอบเวลาที่สูงขึ้น เช่นกรอบเวลา 1 ชั่วโมงเริ่มมีการ BREAKOUT และมีแท่งเทียนกลับตัว ให้เทรดเดอร์ไปดูที่กรอบเวลา 4 ชั่วโมงว่ามีแนวโน้มต่างกับกรอบของ 1 ชั่วโมงหรือไม่? ถ้าเป็นไปในทิศทางเดียวกันก็แสดงว่าเทรดเดอร์เองกำลังมองหาการย้อนกลับของกราฟแท่งเทียนโดยมีของแนวโน้มของกรอบเวลาขนาดใหญ่และมีประสิทธิภาพมากขึ้นไปด้วย

          ถ้าช่อง CHANNEL ที่เทรดเดอร์ลากไว้มีความสูงชัน ให้ถือว่าเป็นความไม่แน่นอนเพราะกราฟยิ่งสูงชันยิ่งหมดแรงเร็ว

    เทคนิคระบบเทรดในโซนของช่อง CHANNEL

    ช่อง CHANNEL ไม่ได้มีไว้สำหรับตลาดที่มีแนวโน้มเท่านั้น ช่อง CHANNEL เหล่านี้ยังมีประโยชน์ในการหาจุดเข้าเทรดซื้อและขายได้ด้วยการมองหาเป็นโซนให้เทรดเดอร์อย่ามองเพียงแค่ว่าเป็นแนวโน้มแล้วตัวเทรดเดอร์จะเทรดตามแนวโน้มเท่านั้น ถ้าเทรดเดอร์ไม่มีอคติเทรดเดอร์จะสามารถเข้าเทรดคำสั่ง BUY เมื่อกราฟราคาชนเส้น CHANNEL ด้านล่าง (เปรียบเหมือนเส้นแนวรับ) และจะสามารถเข้าเทรดคำสั่ง SELL ได้เมื่อกราฟราคาชนเส้น CHANNEL ที่ด้านบน (เส้นแนวต้าน)

    เทคนิคระบบเทรดแบบ BREAK OUT ในช่อง CHANNEL

    เทคนิคหัวข้อก่อนหน้านี้กล่าวถึงการวิ่งไปของกราฟราคาเมื่อถึงเส้นแนวรับให้เปิด BUY เมื่อถึงเส้นแนวต้านให้เปิด SELL แต่ถ้าเกิดการผิดพลาดทางเทคนิคกราฟราคาวิ่งไปแล้วชนเส้นแนวต้านแล้ว และ BREAK OUT เส้นแนวต้านขึ้นไปจะเกิดอะไรขึ้น ?

    หลังจากการ BREAK OUT ช่อง CHANNEL แล้ว เหตุการณ์จะกลับกลายเป็นการจะต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็วของเทรดเดอร์ว่าจะเข้าเทรดตามการ BREAK OUT นั้นหรือไม่ ? เป็นการตัดสินใจที่ยากที่จะทำอย่างเชี่ยวชาญ อย่างไรก็ตามยังคงมีแนวทางดังนี้ :

    • ให้เทรดเดอร์ใส่ใจกับปริมาณการเข้ามาของจำนวนผู้เข้าตลาดว่า ก่อนการ BREAK OUT นี้มีความแข็งแกร่งและมีปริมาณเพิ่มขึ้นหรือไม่?
    • ให้ใส่ใจกับการมองหากราฟราคาแท่งเทียนว่ามีรูปแบบที่ต่อเนื่องกันในระหว่างแท่งเทียนหรือไม่?
    • หรือเทรดเดอร์อาจมีอินดิเคเตอร์ไว้ยืนยันอีกครั้งหนึ่ง เช่น  MACD หรือ RSI เพื่อยืนยันการ BREAK OUT ของช่อง CHANNEL นั่นเอง

    สำหรับเทคนิคระบบเทรดแบบช่อง CHANNEL นั้น ถือเป็นแนวทางการซื้อขายที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเน้นโอกาสในการซื้อขายสำหรับการตั้งค่าระบบเทรดขั้นพื้นฐานทั้ง 4 ประเภทอย่างไรก็ตามสำหรับเทรดเดอร์บางราย การมีตัวเลือกในการเข้าเทรดมากเกินไปอาจเป็นข้อเสียเปรียบบางครั้งกลายเป็นว่าเทรดเดอร์เหล่านั้นคอยมองหาการตั้งค่าการเทรดทุกที่ หลายครั้งทำให้เกิดการเทรดที่มากเกินกำลังพอร์ตของพวกเขา (OVER TRADE)     ทางออกที่ดีทางหนึ่งคือการวาดช่อง CHANNEL ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อวิเคราะห์บริบทราคาที่ใหญ่ขึ้นและทำการเทรดในทิศทางที่ถูกต้องเท่านั้น (ทิศทางของแนวโน้มหลัก) จริง ๆ แล้ว ส่วนตัวนั้น ชอบที่จะใช้อินดี้นำทางในระบบเทรดมากกว่า

    ………………………………………………………………………………………………………………..

    สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการใช้ EA indicator และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี
    มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
    .
    เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆอื่นๆได้อีกในอนาคต
    XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย
    .
    Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ
    .
    exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด
    .
    **”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อ
    .
    ขอรับ EA ได้ฟรี!”**
    .
    ช่องทางการพูดคุย
    .
    Line Id :: @ft.th
    .
    .
    กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กําไรอย่างยั่งยืน
    .
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

     

     

    เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการวิเคราะห์แบบ Multi-timeframe

    มกราคม 2, 2022

    การวิเคราะห์แบบ Multi-time frame: ถ้าเราเทรดด้วยผลการวิเคระห์ price chart เป็นหลัก หรือเราเชื่อว่าถ้าเราอ่านชาร์ตเปล่าเป็น ชาร์ตเปล่าเพียงพอที่จะให้ข้อมูลท่านในระบบเทรด โดยไม่ใช้อินดิเคเตอร์ตัวไหนเลย  การรู้-เข้าใจตลาด รู้เทรดเดอร์ประเภทต่างๆ และความสามารถในการอ่าน price chart เป็นสิ่งจำเป็น   เช่นเราคาขึ้น-ลงเพราะ จำนวนออเดอร์ระหว่าง sell และ buy orders เพิ่มไปในตลาดเพิ่ม liquidity แต่ละจุดๆ และ มี market orders หรือ market orders ที่มาจากการออกจากตลาด เช่น Stop loss เข้าไป  เพื่อลบจำนวน liquidity เข้าใจหลักมุมมองตลาดต่างๆ เช่น Support/Resistance, Supply/Demand, Fibo, Price Action การรตั้ง Take profit และ Stop loss   การวิเคราะห์จุดที่มอง ตั้งแต่ 2-3 timeframe จะทำให้ท่านเห็นโครงสร้างราคาที่เกิดขึ้น และกำลังให้ข้อมูลอะไรท่านและจะทำให้ท่านหาจุดเข้าระบบเทรดได้แคบลงและความเป็นไปได้การเทรดสูงขึ้น พวกนี้เราจะสามารถมองจากชาร์ตเปล่าอย่างไร

     

    เช่นถ้าเป็น Day Traders เราอาจจะมอง ภาพรวมหรือจุดวิเคระห์หลักๆ จาก D1 และ H4 เป็นหลัก อาจดูชาร์ต W1 ประกอบด้วย เราก็จะหารายละเอียดจุดที่เรามอง หรือหาโครงสร้างออเดอร์ผ่าน price chart ที่ชาร์ต H1 หรือ M30เพื่อหาจุดที่ชัดเจนของ D1 แล้วค่อยไปหาจุดเข้า-ออกที่ ชารต M15/M5 เราก็จะได้ภาพที่ชัดขึ้น แนะนำให้ใช้ 2-3 ชาร์ตพอ เกินจากนั้นไปอาจทำให้สับสนได้   การวิเคราะห์แบบหลาย timeframes ทำให้ท่านไม่หลงทางและหาจังหวะการเข้าได้แม่นขึ้นเพราะ เห็นโครงสร้างราคาที่เกิดขึ้นแบบหลายมิติ โดยเห็นภาพรวมและเห็นจุดเคลื่อนไหวรายละเอียดใน timeframe ย่อย

    การมองหาจุดเทรดจาก Supply/Deman, Support/Resistance หรือ key levels  ต้องอย่าลืมว่าออเดอร์ทำงานอย่างไร liquidity เพิ่มและลดอย่างไร เพราะถ้ามี liquidity มาก จะทำให้พื้นที่นั้นโต้ตอบได้ดี ยิ่งใน timeframe น้อยลงไปก็จะเห็นได้ชัด  อีกจุดหนึ่งที่ต้องใส่ใจ เมื่อท่านเห็นความเป็นไปได้สูงในการเข้าเทรดจาก timeframe ใหญ่ การลงไปดูใน timeframe ย่อยประกอบจะช่วยให้เห็นโครงสร้างราคาชัดเจนมากยิ่งขึ้น เช่น ถ้าเห็น D1 demand ลองไปดู H1/M30 เพื่อดูพัฒนาการของราคาต่อจุดที่ท่านมองว่าราคากำลังบอกอะไร แล้วลงย่อยไปที่ชาร์ต M15/M5 เพื่อหาไทม์มิ่งในการเข้าและออกจากตลาด ท่านจะเห็นรายละเอียดว่า ขาใหญ่เริ่มเทรดจริงหรือยัง สถานะ liquidity ตอนนี้เป็นยังไง  ดังนั้นการวิเคระห์ด้วยการมองชาร์ตต่าง timeframes จะทำให้ท่านหาจุดเข้าและออกได้ง่าย และที่สำคัญจะทำให้ท่านเห็นชัดว่าช่วงไหนที่ราคาน่าจะวิ่งผ่านไปไม่ยาก เพราะเรื่องหลักการออเดอร์  เมื่อ limit orders พื้นที่ๆ โดนลบไปด้วย market orders ช่วงผ่านมาตอนราคา retracement/test  หรือ unfilled orders โดน filled กลายเป็นตำแหน่งที่เปิดในตลาด Positions พวกนี้สำคัญมากโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ออเดอร์ที่เปิดอยู่ติดลบ เพราะทางเลือกของ trapped traders จะมีแค่ว่าจะปิดเสียมากน้อยแค่ไหน   จากมุมมองเรื่องออเดอร์ที่มองพวก Trapped Traders ประกอบ จะพบว่าอย่าง Imbalance ระหว่างออเดอร์ใหม่ๆ หรือไม่กี่วัน  ที่สะท้อนการเข้าตลาดจริงของขาใหญ่ที่เห็นจากชาร์ต D1 ราคาค่อนข้างจะโต้ตอบดีเพราะหลักการออเดอร์ที่มาจากเทรดเดอร์พวกที่อยู่ในตลาด โดยเฉพาะพวกที่ติดลบ จากหลักการนี้ อาจทำให้เรามองเห็นได้ว่า พื้นที่ๆ มี เทรดเดอร์ติดลบสามารถมองเป็นพื้นที่ supply/demand ได้ เช่นการหาโอกาสเทรด พวกแนวรับกลายเป็นแนวต้าน  แนวต้านกลายเป็นแนวรับ Supply กลายเป็น Demand และ Demand กลายเป็น Supply  การเทรดพวกนี้ใช้การมองต่าง timeframes ประกอบจะทำให้ท่านเป็นจุดเข้าได้ชัด  อีกอย่างหนึ่งต้องเข้าใจเมื่อวิเคระห์จุดที่สนใจต่าง timeframes รูปแบบแท่งเทียนจะต่างกันออกไป ท่านต้องเข้าใจหลักกการนำเสนอของแท่งเทียน Candlestick candles โดยเฉพาะรูปแบบแท่งเทียน price action เช่น Pin Bar หรือ Engulfing Bars เมื่อมองในชาร์ต timeframe ที่เล็กกว่า ต้องหัดฝึกการวิเคราะห์ต่าง timeframes และอาจใช้ tools ที่ช่วยสร้างขบวนการวิเคราะห์ต่าง timeframes จะได้ชำนาญยิ่งขึ้น การหาจุดเข้า-ออก จาก timeframe น้อย หลังจากผ่านการวิเคราะห์หลาย timeframes จะทำให้เข้า-ออกตรงจุดมากกว่าเดิม  เช่น วิเคราะห์ D1/H4 เป็นหลัก H1/M30 หากจุดที่ต้องการโฟกัสเรื่องออดอร์กับโครงสร้างที่กำลังเกิด และ หาจุดเข้าที่ M15/M5 จะทำให้เข้า-ออกได้ดียิ่งขึ้น

    อีกอย่างร่องร่อยการเปิดออเดอร์ที่มาจากตลาดจริง พร้อมมี trapped traders ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน จะเป็นพื้นที่ๆ ทำงานดีกว่าพื้นที่เกิดไกลๆ เมื่อมองหาจุดที่เป็นต้นตอ และจุดที่ราคากลับมา ดูอย่าง ชาร์ต D1 ประกอบต่อไปนี้ ถ้าระยะห่างมาก โดยเฉพาะ D1 ขึ้น ต้องรอ การโต้ตอบ D1 เปิดเผยข้อมูลใหม่ก่อนค่อยจะเห็นโอกาสเทรดชัดขึ้นการวิเคระห์ต่าง timeframes อาจประยุกต์ได้หลายอย่าง เช่น Day Traders อาจใช้ ชารต์ D1/H4 เป็นตัวหาจุดหลัก อาจมอง W1 ประกอบ ใช้ H1/M30 เพื่อดูโครงสร้างราคาและพัฒนาการราคาและหาจุดอ้างอิงที่ชัดเจน และ M15/M5 เป็นจุดเข้า-ออก, Scalper อาจจะใช้ H1 เป็นหลัก อาจมีตรวจเช็คกับชารต H4, หาจุดอ้างอิงชัดๆ จาก M30/M15 แล้วเปิดเข้าและออกที่ M5/M1 เป็นต้น ให้อ่านโครงสร้างราคาและ price action ประกอบ การอ่าน price action ทางแท่งเทียน อย่าไปอ่านแค่บาร์ต่อบาร์ ต้องอ่านเป็น อาการ (effort and result) ว่า บาร์พวกนี้ต่อเนื่องบอกอะไร เช่น ให้ความสำคัญการปิด (bar close) ของแท่งเทียนที่มีขนาดใหญ่ (body size) และ ดูหาง (wick) ยิ่งเป็นการปิดในพื้นที่แนวรับต้าน

    ฟรี!!ระบบเทรด
    สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการใช้ EA indicator และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี
    มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
    .
    เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆอื่นๆได้อีกในอนาคต
    XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย
    .
    Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ
    .
    exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด
    .
    **”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อ
    .
    ขอรับ EA ได้ฟรี!”**
    .
    ช่องทางการพูดคุย
    .
    Line Id :: @ft.th
    .
    .
    กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กําไรอย่างยั่งยืน
    .
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

     

     

    สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการเทรดด้วย ADX (Average Directional Index)

    มกราคม 2, 2022

     

    Directional Trading   คือ รูปแบบระบบเทรดที่เน้นเทรดกับทิศทางเป็นหลัก  หากถูกทางได้เงินและหากผิดทางก็ตัดขาดทุนออกมา โดยปกติรูปแบบนี้ ก็มีการเทรดคู่กับ Stop loss เสมอ

    พบเห็นได้ทั่วไป เช่น การเทรดแบบ System Trade , Technical มีจุดเข้าออกชัดเจน จะเข้าตรงไหน ออกตรงไหน

    ADX ไม่เหมือนกับอินดิเคเตอร์ทั่วไป

    ADX (Average Directional Index) เป็นอินดิเคเตอร์ที่ค่อนข้างแตกต่างจากอินดิเคเตอร์ตัวอื่น ซึ่งโดยปกติแล้วการปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงของอินดิเคเตอร์นั้นมักจะไปใช้ทิศทางเดียวกันกับราคา ยกตัวอย่างเช่น การปรับตัวหรือเคลื่อนไหวของ Stochastic ซึ่งจะเคลื่อนไหวตามราคาที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง กล่าวคือ เมื่อราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น เส้นกราฟของ Stochastic ก็จะปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม และเมื่อราคาปรับตัวลดลง เส้นกราฟของ Stochastic ก็ปรับตัวลดลงตาม ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวคือสิ่งที่พบเห็นได้จากการใช้อินดิเคเตอร์ทั่วไป แต่ไม่ใช่กับ ADX

    รูปที่1 แสดงการปรับตัวตามราคา Stochastic

     

    เมื่อราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น Stochastic ปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม

    และเมื่อราคาปรับตัวลดลง Stochastic ปรับตัวลดลงตาม

    ADX คืออะไร

    ADX จัดว่าเป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้วัดความแข็งแรงของแนวโน้ม ไม่ได้ใช้ในการพยากรณ์ทิศทางราคาขึ้นหรือลง นั่นคือ เมื่อ ADX แสดงค่าที่สูงขึ้น ไม่ได้หมายถึงว่า ทิศทางราคาจะเพิ่มสูงขึ้นแต่อย่างใด แต่เป็นการบอกว่า แนวโน้มของราคาจะยังคงเป็นไปในทิศทางเดียวกับที่เป็นอยู่ ขอเน้นย้ำอีกครั้งว่า ADX ไม่ได้ปรับตัวขึ้นลงตามราคาแบบอินดิเคเตอร์ทั่วไป แต่เป็นตัวชี้วัดความแข็งแรงของแนวโน้ม หากแนวโน้มมีความแข็งแรงมากขึ้น  ADX จะปรับตัวสูงขึ้นตาม และหากแนวโน้มอ่อนแรงลง ADX จะปรับตัวลดลง

    รูปที่2  ADX ในแนวโน้มขาขึ้น

     

    รูปที่ 3 ADX ในแนวโน้มขาลง

                จากรูปที่ 2 ราคาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (ในที่นี้พิจารณาแนวโน้มจากการที่ราคาอยู่เหนือเส้น moving average 50) จะเห็นว่า ADX ปรับตัวสูงขึ้นเช่นเดียวกับราคาที่ปรับตัวสูงขึ้น(เส้นสีเขียว) และ ADX ปรับตัวลดต่ำลงเมื่อราคาปรับตัวลดลง(เส้นสีแดง) และจากรูปที่ 3 ราคาอยู่ในแนวโน้มขาลง (ราคาอยู่ต่ำเส้น moving average 50) จะเห็นว่า ADX ปรับตัวสูงขึ้นในขณะที่ราคาปรับตัวลดลง (เส้นสีเขียว)ซึ่งการที่ ADX ปรับตัวสูงขึ้นนี้แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มขาลงของราคามีความแข็งแรงมากขึ้น ต่อมาเมื่อราคามีการรีบาวน์หรือเกิดแรงต้านของราคาขึ้น ADX จึงมีค่าลดลง (เส้นสีแดง) เนื่องจากแนวโน้มขาลงของราคาเริ่มอ่อนแรงลง

     

    นักลงทุนสามารถนำเอาความรู้ความเข้าใจที่ได้จาก ADX มาสร้างเป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ง่ายๆดังนี้

    1. Trading long เมื่อราคาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นและ ADX ปรับตัวเพิ่มขึ้น

    2. Trading short เมื่อราคาอยู่ในแนวโน้มขาลงและ ADX ปรับตัวเพิ่มขึ้น

    3. ในกรณีที่ ADX ยังมีค่าอยู่ในช่วงกึ่งกลาง แปลว่าแนวโน้มทิศทางของราคายังไม่มีความแข็งแรงและแน่นอน ยังไม่ควรเข้าซื้อขาย ยกเว้นว่ามีการยืนยันแนวโน้มจากอินดิเคเตอร์ตัวอื่นที่เชื่อถือได้    เนื่องจาก ADX เป็นตัวยืนยันความแข็งแรงของแนวโน้ม การที่ ADX ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่เป็นยืนยันว่าแนวโน้มในทิศทางของราคาที่เกิดขึ้นยังคงแข็งแรงอยู่ ทำให้โอกาสประสบความสำเร็จในการซื้อขายตามแนวโน้มขณะที่ ADX ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่นั้นมีมากกว่าการซื้อขายตามแนวโน้มขณะที่ ADX ปรับตัวลดลง

    แจกฟรี!ระบบเทรด

    สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการใช้ EA indicator และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี
    มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
    .
    เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆอื่นๆได้อีกในอนาคต
    XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย
    .
    Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ
    .
    exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด
    .
    **”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อ
    .
    ขอรับ EA ได้ฟรี!”**
    .
    ช่องทางการพูดคุย
    .
    Line Id :: @ft.th
    .
    .
    กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กําไรอย่างยั่งยืน
    .
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

     

    เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคเลือกใช้ forex indicator ในระบบเทรด forex ของคุณมีกำไร

    มกราคม 2, 2022

    Indicator คืออะไร?

    ตัวชี้วัด ถ้าแปลเป็นภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย ที่ใช้วิธีการทางคณิตศาสตร์ในการคำนวณ1 ในที่นี้เราพูดถึง Forex เราก็จะพูดถึงเรื่องของราคา เพราะมันคือตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ตัวชี้วัดนี้จึงเป็นตัวชี้วัดด้านราคาที่ใช้ในระบบเทรด forex เป็นตัวที่สามารถบอกข้อมูลสำหรับระบบเทรดของคุณ ได้แก่การบอกแนวโน้มของกราฟแท่งเทียน ซึ่งใช้ในการวิเคราะห์ทิศทางราคาว่าจะไปในทิศทางใด รวมถึงตัว Indicator บางตัวนั้นสามารถบอกจุดที่คุณจะเปิดคำสั่งซื้อ หรือคำสั่งขายได้ด้วยครับ โดยเจ้าIndicator มักมีชื่อเรียกสั้น ๆ สำหรับคนไทยอีกชื่อหนึ่งว่า “อินดี้”

    อินดิเคเตอร์ตัวไหนดีที่สุดบนระบบเทรด Forex?

    อินดิเคเตอร์บนระบบเทรด Forex ที่ดีที่สุดจะเป็นอินดิเคเตอร์ที่เหมาะสมกับสไตล์การซื้อขายและจิตวิทยาของคุณ ดังนั้นมันจึงไม่มีอินดิเคเตอร์ที่ดีที่สุดบนระบบเทรด Forex มีแต่ตัวที่เหมาะกับสไตล์การซื้อขายโดยรวมและครอบคลุม แต่ข่าวดีก็คือ มีอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคบนระบบเทรด Forex มีให้เลือกอยู่อย่างหลายรูปแบบ และจากประสบการณ์ของคุณบวกกับใช้เวลาทดลองกับอินดิเคเตอร์ และคุณก็จะสามารถหาอินดิเคเตอร์ที่เหมาะสมสำหรับคุณเอง

    เทคนิคการเลือกใช้  forex indicator ให้การเทรด forex ของคุณมีกำไร

    1.เลือกระบเทรด forex indicator ที่เสียเงินก่อนเสมอ

    ถ้าจะต้องเริ่มต้นใช้ระบบเทรด forex indicator แล้ว แนะนำว่าให้ลองมองหาระบบ forex indicator ที่คุณจะต้องจ่ายเงินซื้อมาเป็นอันดับแรก รู้ว่าของฟรีในวงการระบบเทรด forex indicator นั้นมีอยู่จริง แต่ในเมื่อเราเพิ่งเริ่มต้น เงินทุนของเราก็ยังมีไม่มาก การเลือกระบบเทรด forex indicator ที่เราต้องจ่ายเงินออกไปก่อน ส่งผลต่อความปลอดภัยในอนาคตของเรามากกว่า ดังนั้นยอมจ่ายก่อน แล้วคุณจะรู้ว่าการลงทุนด้วยเงิน บางทีมันก็ทำให้อะไรๆง่ายขึ้นมากทีเดียว

     

    2.ทดสอบระบบเทรด forex indicator ที่ฟรีบ้าง

    ในระหว่างที่คุณซื้อระบบเทรด forex indicator และเริ่มทำการทดสอบ อยากให้คุณลองเปิดบัญชีแกประเภทหนึ่ง จากนั้นเริ่มต้นทำการทดสอบระบบเทรด forex indicator ที่คุณไม่ต้องจ่ายเงินดูประกอบกัน บางทีแล้วการเลือกระบบเทรด forex indicator ที่ไม่ต้องจ่ายเงิน ก็เป็นตัวช่วยที่สำคัญ ที่อาจส่งผลต่อความสำเร็จทางการเงินของคุณในอนรคตก็เป็นได้ และนี่ถือเป็นเรื่องสำคัญมากๆเลยทีเดียว เคยพบกับระบบเทรด forex indicator ที่สามารถช่วยตัดสินใจได้ดี และมีความคลาดเคลื่อนน้อย (ปัจจุบันยังใช้อยู่) จนแทบลืมของเสียเงินไปเลย

     

    3.อย่าดูถูกคนไทย

    ถ้าคุณเจอคนไทยทำระบบเทรด forex indicator ออกมา อย่าเพิ่งไปรังเกียจเขา หรือมองว่า ทำไมต้องทำด้วย มันน่าจะไม่ดี หรือไม่ Work บอกเลย คนไทยกันเองนี่ล่ะทำระบบเทรด forex indicator ได้เก่งสุดยอดมากเลย ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นนะหรือ เพราะคนไทย มีสัดส่วนของผู้ที่เทรด forex มากติดอันดับโลก และการที่มีคนเป็นจำนวนมากเทรด forex นี้เอง มันทำให้ผลักดันให้มีคนเก่งปรากฎเข้ามาในตลาดมากขึ้นนั่นเอง ดังนั้นอย่าดูเบาคนไทยโดยเด็ดขาด รับรองว่าระบบเทรด forex indicator ชองไทยนั้นเด็ด! แน่นอน

     

    4.Back Test สำคัญที่สุดใน โลก

    ในโลกของระบบเทรด forex indicator การเลือกที่จะ BT ข้อมูลก่อนอย่างน้อยสัก 3 เดือน ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยให้คุณสามารถทำกำไรในตลาด forex ได้จริงครับ อย่าลืมทำตามข้อนี้เสมอๆ ตั้งค่าทดสอบอย่างน้อย 3 เดือน และลองดูว่ามีค่าที่แสดงผล Error ออกมาคิดเป็น % ของความผิดพลาดนั้นเป็นกี่จุด สิ่งนี้จะเป็นตัวที่การันตีถึงความสำเร็จในการเทรด forex ในอนาคต

     

    5.อย่าฟังหรือเชื่อข้อมูลที่คุณนั้นไม่ได้ทดสอบด้วยตนเอง

    เคยเสียเงินเป็นจำนวนมากจากการที่ มีคนบอกว่าระบบเทรด forex indicator นั้นดี โดยที่ผมไม่ได้ทดสอบด้วยตนเอง เพราะบางทีแล้วระบบเทรด forex indicator บางตัวนั้นไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้เราเป็นคนใช้ มันมีค่าที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นจงเลือกใช้แต่เฉพาะที่เราสามารถทดสอบได้เท่านั้นพอ ท่องเป็นหลักการสำคัญไปเลยว่า ถ้าไม่ทดสอบ ก็ไม่มีทางที่จะซื้อมาได้อย่างเด็ดขาด! อย่าไปลงทุนในสิ่งที่เรายังไม่มั่นใจ

     

    6.ย้อนหลังอย่างน้อย 3 เดือน

    กล่าวไปแล้วในข้อข้างต้น แต่อยากมาย้ำอีกรอบว่าคุณจะต้องทำการทดสอบระบบเทรด forex indicator อย่างน้อย 3 เดือน เพื่อตรวจสอบค่าที่มัน Error ยิ่งตรวจสอบมากเท่าไหร่ และคำนวณ % ของค่าความผิดพลาดออกมามากเท่าไหร่ คุณก็จะสามารถมองเห็นยอดเงิน % ในการทำกำไรของคุณมากยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ตรงนี้ล่ะถือเป็นผลลัพธ์ที่ดีมากๆ และมักพบว่าระบบเทรด forex indicator ที่ผ่านเกณฑ์การทดสอบ 3 เดือน มักสามารถทำกำไรได้ค่อนข้างดี

     

    7.ตรวจสอบระบบเทรด forex indicator ในช่วงข่าวด้วย

    มีอยู่อย่างหนึ่งที่คุณอาจต้องทำคือ อย่าลืมตรวจสอบระบบเทรด forex indicator ในช่วงที่มีข่าวด้วยนะครับ บางทีแล้วในช่วงนั้นอาจเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ  เพราะสามารถช่วยให้คุณมองเห็นโอกาสในทางธุรกิจเพิ่มขึ้น ดังนั้นอย่าลืมสิ่งที่ผมบอกกล่าวไปว่า การตรวจสอบข้อมูลในช่วงข่าวก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง

     

    8.บางทีเว็บระบบเทรด forex indicator ที่ดีมีคุณภาพก็เป็นตัวบ่งชี้

    ลองมองดูว่าเว็บที่เป็นระบบเทรด forex indicator นั้นมีคุณภาพมากน้อยแค่ไหนด้วย บางทีสิ่งง่ายๆนี้เองก็เป็นตัวที่เราใช้บ่งชี้ถึงความแตกต่างในเรื่องของคุณภาพของระบบเทรด forex indicator ที่เราจะเลือกใช้งานด้วย ดังนั้นเน้นไปที่คุณภาพของการบ่งชี้คือสิ่งที่ดีที่สุด เว็บที่ดีกว่าย่อมได้เปรียบกว่าเว็บที่มีคุณภาพต่ำอยู่แล้ว

     

    9.ทดสอบเงินจริง 30% ก่อน

    จงทดสอบที่เงินจริงของคุณก่อนเมื่อเราได้ระบบเทรด forex indicator ที่เราถูกใจและผ่านการทดสอบในสนามมาเรียบร้อยแล้ว เมื่อถึงคราวที่จะต้องเทรดจริง อยากให้คุณลงมือใช้เงินเพียง 30% เพื่อทำการทดสอบก่อน เพราะผมพบว่าสิ่งที่อยู่ในสนามสำรองนั้น เวลาขึ้นไปที่สนามจริง ก็จะมีผลลัพธ์ที่ต่างกันเช่นกัน

     

    10.อย่าลืมเรื่องของระบบ VPS 

    อย่าลืมในเรื่องของ VPS เรื่องนี้ถือเป็นอีกจุดหนึ่งที่มีความสำคัญครับ กล่าวคือ หากคุณทำการใช้ระบบเทรด forex indicator และรันบน EA คุณมีความจำเป็นต้องเปิดโปรแกรมหรือเว็บไว้ ดังนั้นคุณจำเป็นต้องรันมันให้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นอย่าลืมในเรื่องของระบบ VPS ที่จะมารองรับเรื่องราวเหล่านี้ด้วย ไม่อย่างนั้นแล้วเวลาคอมดับ คุณอาจขาดทุนกะทันหันเลยก็ได้

     

    11.หมั่นตรวจสอบข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ

    เมื่อเริ่มใช้ระบบเทรด forex indicator ไปสักระยะ การตรวจสอบข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ คือวิธีการที่ดี และช่วยให้คุณไม่ต้องกังวลว่ารายได้ของคุณนั้นจะเป็นอย่างไร บางทีในระหว่างการรัน EA ด้วยการใช้ระบบเทรด forex indicator ที่คุณติดตั้ง อาจเกิดปัญหาค้าง หรือเป็นปัญหาทางเทคนิค ซึ่งถ้ามันเกิดขึ้น คุณจะสามารถแก้ปัญหาได้ทัน แต่ถ้าไม่หมั่นเข้ามาตรวจสอบเลย อันนี้อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ลุกลามไปในอนาคตสำหรับตัวคุณก็ได้

     

    12.แลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้ที่เคยใช้ Indicator นั้นๆ

    ไหนๆก็มีระบบเทรด forex indicator ที่เราซื้อมาใช้แล้ว อย่าลืมแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์กันระหว่างผู้ที่ใช้ กับคนอื่นๆด้วย เพราะสิ่งนี้จะเป็นเครื่องมือ และแหล่งข้อมูลสำคัญที่จะทำให้คุณตัดสินใจทั้งการเปลี่ยนแปลง การไม่ใช้งานมัน หรืออาจเป็นการอัพเดทระบบให้มันดีขึ้นกว่าเดิม สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อคุณได้แลกเปลี่ยนข้อมูลนี้กับคนอื่นๆ

     

    13.ถ้าขาดทุนต้องหยุด ห้ามใช้ต่อเด็ดขาด

    ถ้าระหว่างที่ใช้ระบบเทรด forex indicator แล้วเกิดภาวะขาดทุน ยังงี้ต้องหยุดการใช้ออกไปก่อน เพราะอาจเกิดอันตรายอย่างมากต่อกระสุนของคุณที่มี บางทีระบบเทรด forex indicator ตัวนั้นๆอาจหมดอายุแล้ว หรือไม่สามารถที่จะใช้งานได้แล้วอีกต่อไป จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหยุดการใช้งาน

     

    14.อย่าใช้ระบบเทรด forex indicator เพียงแค่เจ้าเดียว

    ถ้าคุณเจอของดี อย่าเลือกใช้บริการแต่เพียงเจ้าเดียวเท่านั้นแต่ให้เลือกใช้ระบบเทรด forex indicator ของเจ้าอื่นๆที่มีคุณภาพไม่แพ้กันประกอบไปด้วย เพื่อที่ว่าคุณจะได้มีโอกาสในการเพิ่มพูนแนวทางในการสร้างความสำเร็จทางการเงินเพิ่มเติมขึ้นมาได้อีกครั้งครับ อย่ารอช้า จงทำแล้วคุณจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน

    ประโยชน์ของ Indicator

    1.ช่วยบอกเทรน trend ว่าเป็นไปในทิศทางใด หรือว่าคุณนั้นสามารถเทรดไปในทิศทางใดจึงจะปลอดภัยที่สุด ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณใช้ indicator ประเภทไหน เนื่องจาก indicator สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลัก ๆ คือ indicator ที่ใช้บอกทิศทาง (เทรนด์) indicator ที่ใช้บอกจุดกลับตัว Oscillator ซึ่งจะเป็นลักษณะการแกว่งของราคา การบอกปริมาณการซื้อขาย Valume เป็นต้น

    2.สามารถบอกจุดทำสัญญาณซื้อ หรือขายได้อย่างชัดเจน พร้อมทั้งบอกจุดที่เราจะทำการปิดคำสั่งซื้อ เมื่อเราสามารถวิเคราะห์และสามารถใช้เครื่องมือ indicator ได้มันก็จะบอกเราถึงจุดซื้อขาย ตามเงื่อนไขที่เราได้ทำการศึกษาและกำหนดในการเทรด

    3.ช่วยลดความเสี่ยงในการเทรด forex ให้เป็นมากกว่าการพนัน แต่คุณสามารถพยากรณ์สิ่งต่างๆได้จากกราฟ ทำให้มันเป็นมากกว่าการแทงหวยขึ้นหรือลงของราคานั่นเอง

    4.บอกจุด stop loss ของคุณได้อย่างชัดเจน ทำให้คุณมีข้อมูลตัดสินใจก่อนทำการเทรดต่อ เพื่อใช้ในการป้องกันความเสี่ยง มันบอกเราว่า ราคาเท่านี้มีความเสี่ยงสูงและคุณต้องหยุดการเทรด ณ จุดนี้

    5.บอกจุดที่คุณนั้นควรที่จะ  let Profit Run อย่างชัดเจนว่าจะต้องทำอย่างไร ซึ่งจะบอกว่า ช่วงเวลานี้ราคายังไปต่อ ทำให้เรานั้นสามารถคาดเดาได้ว่า มันไม่หยุดแต่เพียงเท่านี้ และสามารถสร้างกำไรเพิ่มขึ้นได้

    #แจกฟรี!ระบบเทรด

    สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการใช้ EA indicator และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี
    มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
    .
    เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆอื่นๆได้อีกในอนาคต
    XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย
    .
    Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ
    .
    exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด
    .
    **”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อ
    .
    ขอรับ EA ได้ฟรี!”**
    .
    ช่องทางการพูดคุย
    .
    Line Id :: @ft.th
    .
    .
    กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กําไรอย่างยั่งยืน
    .
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

     

     

    สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการหา trade setup

    มกราคม 2, 2022

    Trade Setup คือ การหาจุดซื้อหุ้น

    เทคนิคการ “หา Trade Setup” ระบบเทรด ซึ่งเป็นเทคนิคที่ใช้ค้นหา Trade Setup ที่มีโอกาสชนะสูงทุกรูปแบบ

    เทคนิคสำคัญในการหา Trade Setup ที่มีโอกาสชนะสูง ให้เจอ คือ ไม่จำเป็นที่คุณจะต้องรู้ “วิธีการอ่านกราฟทุกรูปแบบ” ขอเพียงรู้แค่วิธีเดียว แต่เป็นวิธีที่คุณเชี่ยวชาญ การหา Trade Setup ก็จะเป็นเรื่องง่ายดาย

    เทคนิคการหา Trade Setup จากกลยุทธ์ Price Action

    เทคนิคที่ 1 : แยก Trend ให้ออก

    • Trend นี่แหละจะเป็นสิ่งที่บอกว่า เรากำลังหา Trade Setup แบบไหน ?
    • แม้ว่าเทคนิคที่คุณใช้เทรดจะใช้ในตลาด Sideway คุณก็ต้องแยก Trend ให้ออกก่อน
    • เพราะ ถ้าแยกไม่ออกแล้ว เผลอไปเทรดในช่วงที่เป็น Trend ขาลงล่ะก็จะขาดทุนเอาง่าย ๆ
    • เทคนิคในการหาจุดซื้อที่มีโอกาสชนะสูง ก็คือ คุณต้องมองหาหุ้นที่อยู่ใน Trend ขาขึ้น เพราะ Trend ขาขึ้นจะช่วยให้ Trade Setup ที่เกิดขึ้นมีความแม่นยำมากขึ้น
    • สำหรับเทรดเดอร์ที่เป็นมือใหม่ การเล่นหุ้นสวน Trend จะเป็นเรื่องยาก และทำให้ขาดทุนเอาง่าย ๆ ด้วย เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่เทรดเดอร์มือใหม่อาจจะยังไม่รู้
    • ดังนั้น เวลาคุณเปิดดูกราฟสิ่งแรกที่ต้องมองหาก่อนก็คือ หาหุ้นที่อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น ทำแค่นี้โอกาสขาดทุนก็ลดลง

    ถ้าใครที่ยังอ่าน Trend ไม่คล่อง มีเทคนิคง่าย ๆ ที่มักจะใช้เป็นประจำมาแนะนำ

    • อย่างแรกคือ มองคร่าว ๆ จากซ้ายมาขวาก่อน ดูว่า ความชัน (Slope) ของราคาเป็นอย่างไร ถ้ากราฟชันขึ้น แปลว่า ราคาอยู่ใน Trend ขาขึ้น ถ้าชันลง แปลว่า ราคาอยู่ใน Trend ขาลง
    • ต่อมา ให้ดูจุดสูงสุด (High) และต่ำสุด (Low) ที่เกิดขึ้นในกราฟ ถ้าเรามองหา Trend ขาขึ้น ให้หารูปแบบกราฟที่มีลักษณะ ทั้ง High และ Low ยกสูงขึ้น (ดูตัวอย่างในรูปข้างล่าง)

     

     

    เทคนิคที่ 2 : เทคนิคการหาแนวรับให้เจอ
    แนวรับ จะเป็นตัวบอกว่า Trade Setup จะไปเกิดตรงไหน
    แนวรับ เป็นจุดที่ผู้คนในตลาดยอมรับกันว่า จะไม่ให้ราคาหุ้นร่วงไปมากกว่านี้ จึงมีแรงซื้อเข้ามาพยุงราคาหุ้นตลอด ถึงแม้ว่าจะมีแรงขายเกิดขึ้นก็ตาม
    พูดง่าย ๆ ก็คือ แนวรับ เป็นจุดรับหุ้นไว้ไม่ให้ลง นั่นเอง
    ถ้าต้องการจะหา Trade Setup ที่มีโอกาสชนะสูง Trade Setup นั้นควรเกิดตรงแนวรับ!!
    เทรดเดอร์คนไหนที่ยังหาแนวรับไม่คล่อง มีเทคนิคมาแนะนำ
    วิธีหาแนวรับที่ง่ายที่สุด คือ การลากเส้นแนวนอนโดยใช้ จุดต่ำสุด (Low) หรือ จุดสูงสุด (High) เป็นแนวรับ
    อีกวิธีทำได้โดยลากเส้นแนวนอนเชื่อม High หรือ Low 2 จุด
    การลากเส้นแนวรับนั้น ทำได้โดยการมองจากขวามาซ้าย ถ้าเจอ High หรือ Low ที่อยู่ก่อนหน้าราคาปัจจุบัน ก็จะถือว่า จุดนั้นเป็นแนวรับ  (ดูตัวอย่างในรูป)

     

    เทคนิคที่ 3 : หาสัญญาณซื้อ

    • เทรดเดอร์มือใหม่มักจะเข้าใจผิดว่า การตัดขึ้น-ตัดลงของ indicator เป็นตัวบอกให้ซื้อแล้ว
    • จากบทความนี้จะเห็นว่า เราจะหาสัญญาณซื้อหลังสุด นั่นก็เพราะ ถึงแม้จะเกิดสัญญาณซื้อจาก indicator จริง แต่หากปัจจัยแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย สัญญาณที่เกิดขึ้นนั้นจะมีโอกาสชนะต่ำมาก
    • สัญญาณซื้อหุ้น ที่เกิดขึ้นในกราฟจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีองค์ประกอบอื่นเข้ามาพิจารณา นั่นก็คือ Trend กับ แนวรับ
    • สัญญาณจะมีโอกาสชนะสูง ก็ต่อเมื่อ สัญญาณนั้นเกิดตรงจุดที่เป็น Trend ขาขึ้น และ เกิดตรงแนวรับพอดี
    • สัญญาณซื้อที่ไปเกิดใน Trend ขาลง และ เกิดตรงแนวต้าน มีโอกาสชนะสูงมากที่ถ้าซื้อหุ้นตรงนี้จะขาดทุน
    • เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน ตัวย่างเทคนิคการหา Trade Setup ที่มีโอกาสชนะสูง ให้ดู 2 แบบครับแบบแรกใช้ indicator Stochastic Oscillator อีกแบบใช้กลยุทธ์ Price Action ที่ถนัด

    รูปแรกจะเห็นว่า สัญญาณซื้อจาก Price Action ที่เป็นแท่งเทียน Pin Bar หรือ Hammer นั้น เกิดใน Trend ขาขึ้น และที่สำคัญเกิดตรงแนวรับพอดี เห็นได้ชัดว่าถ้าเทรดตามเทคนิคการหา Trade Setup นี้ จะให้กำไร

    รูปที่สองจะเห็นว่า สัญญาณซื้อจาก Stochastic Oscillator เกิดใน Trend ขาขึ้น และที่สำคัญเกิดตรงแนวรับพอดี เห็นได้ชัดว่าถ้าเทรดตามเทคนิคการหา Trade Setup นี้ จะให้กำไรเช่นกัน

    สรุป ถ้าคุณต้องการเทคนิคหา Trade Setup ที่มีโอกาสชนะสูง 3 สิ่งที่คุณต้องดูเมื่อเปิดกราฟหุ้น ก็คือ อย่างแรก แยก Trend ให้ออกก่อนว่า ณ ตอนนั้นราคาหุ้นอยู่ใน Trend อะไร ต่อมา หาแนวรับให้เจอ เพราะ แนวรับ จะเป็นตัวบอกว่า Trade Setup จะเกิดตรงไหน และที่สำคัญ นวรับยังถือเป็นตัวเพิ่มความแม่นให้กับ Trade Setup อีกด้วย สุดท้ายดูสัญญาณซื้อ ถึงแม้สัญญาณซื้อของเทรดเดอร์แต่ละคนจะไม่เหมือนกัน แต่เทคนิคหา Trade Setup จะเหมือนกัน ดังตัวอย่างที่ให้ไว้ จะเห็นว่าถึงแม้สัญญาณที่ใช้จะต่างกัน แต่ใช้หลักการหาเหมือนกัน ลองนำเทคนิคการหาTrade Setup นี้ไปใช้กันดูมรับรองว่า คุณจะหา Trade Setup ที่มีโอกาสชนะสูงได้ง่ายขึ้นอย่างแน่นอน สุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่านโชคดีมีกำไร

    #แจกฟรี!ระบบเทรด

    สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการใช้ EA indicator และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี
    มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
    .
    เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆอื่นๆได้อีกในอนาคต
    XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย
    .
    Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ
    .
    exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด
    .
    **”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อ
    .
    ขอรับ EA ได้ฟรี!”**
    .
    ช่องทางการพูดคุย
    .
    Line Id :: @ft.th
    .
    .
    กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กําไรอย่างยั่งยืน
    .
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

     

    สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการใช้ Line charts ช่วยระบบเทรด forex

    มกราคม 1, 2022

    Line charts ช่วยระบบเทรดอย่างไร

    Line charts เป็นการแสดงผลเพียงราคาปิด โดยไม่สนใจเรื่อง price action ที่เกิดขึ้นระหว่างราคาเปิดและราคาปิด ดังนั้น Line chart จึงสะท้อนตลาดที่แท้จริง แม้ว่า price action ที่เกิดขึ้นจะให้ข้อมูลหลายอย่างก็จริงแต่ก็หลอกได้ ถ้าไม่ชำนาญหรือมองด้วยความละเอียดมากพอ แต่ Line charts เป็นชาร์ตที่นำเสนอตรงประเด็นว่าเมื่อจบตลาดเป็นอย่างไรไม่ได้สนใจรูปลักษณ์หรือการปั่นราคาเพื่อหลอกตามรายทาง Line charts ต่างจาก Bar charts และ Candlestick charts ที่แสดงทั้งราคาเปิดและราคาปิด เลยมักจะเป็นชาร์ตที่ใช้ในการวิเคราะห์ price action ที่เกิดขึ้นระหว่างราคาเปิดและราคาปิด ส่วน Line charts จะแสดงแค่ราคาปิด แสดงเป็นเส้นที่ต่อเนื่องกันของราคาปิดที่จบลงแต่ละช่วงเวลา

    เนื่องจาก line charts นำเสนอแค่เส้นเดียวที่ต่อเนื่องกันจากราคาปิดแต่ละช่วง เลยไม่มีเรื่อง market noise ที่เกิดจาก price action ที่เกิดขึ้นระหว่างช่วงราคาเปิดและราคาปิดได้  market noise ที่เกิดขึ้นใน candlestick charts หรือ bar charts  ที่เป็นสิ่งหลอกหรือเปลือกที่เกิดขึ้นเพราะรูปแบบที่มาจาก price action เป็นตัวทำให้เกิดการวิเคราะห์ผิดพลาดได้ ดังนั้นเมื่อ price action เกิดขึ้นระหว่างราคาเปิดและราคาปิด เมื่อใช้ bar charts หรือ candlestick charts ก็มีเรื่อง market noise เกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา (ดังนั้นการอ่าน Price action ที่เกิดขึ้นต้องให้ความสำคัญเรื่องปริบทประกอบ) เมื่อเรื่อง Market noise ไม่มีที่ line charts เลยทำให้สะท้อนสภาพตลาดที่แท้จริงเป็นอย่างไร

    ดังนั้นเมื่อไม่มีเรื่องพวก Market noise เข้ามา เรื่องของเทรนก็เห็นง่ายขึ้น จุดพวกกลับตัวก็เห็นชัดเจนขึ้น และถ้าใช้ประกอบกับพวก patterns ต่างๆ ก็จะทำให้ท่านเทรด pattern ต่างๆ ได้ดีขึ้น

    Line charts กับแนวรับแนวต้านหาได้ง่ายขึ้น

    หรือเมื่อเปรียบเทียบกับแท่งเทียนที่มี Price action เกิดขึ้นด้วยจะเห็นว่า line charts จะทำให้ท่านหาต้นตอของแต่ละ price levels ได้ง่ายและตรงจุด เพราะไม่โดนหลอกหรือมีสิ่งรบกวนหรือ market noise ที่เกิดจากรูปแบบต่างๆ ผลจาก price action เพราะ line charts ไม่มีเรื่อง market noise เกิดขึ้น ดังนั้นเมื่อใช้ line charts ประกอบจะทำให้ท่านเห็นว่าราคาอยากไปทางไหนจริง

     การเทรด line charts เป็นตัวช่วย

                    แม้ว่า line charts จะให้ความชัดเจนเรื่องแนวรับแนวต้าน แต่การเทรดท่านควรใช้ไปควบคู่กับ price action ที่เกี่ยวข้องจะมีประสิทธภาพกว่าการเทรดแค่มอง line charts อย่างเดียว  อย่างเช่นที่เลข 1 เมื่อดู line chart ท่านจะเห็นว่าเป็นจุดที่น่าสนใจเมื่อมองรูปแบบเส้นที่เกิดขึ้น  แต่เมื่อมองมาที่แท่งเทียนประกอบท่านจะพบว่า พื้นที่หางบาร์ยาวลงไปก็เยอะ ถ้าราคากลับมาอาจลงไปเกินที่ราคาปิดอย่างที่เปิดเผยใน line charts ได้เพราะ limit orders เมื่อมองใน candlestick charts จะเห็นว่าพื้นที่ลงไปอีก ท่านต้องใช้แท่งเทียนประกอบเพื่อหาพื้นที่ stop loss orders  ด้วยหรือหากรอบพื้นที่ที่เกิด positions ด้วย เพื่อหาว่าพื้นที่กว้างถึงตรงไหน เพื่อคำนวณสิ่งที่เกี่ยวข้อง positions เช่น stop loss orders

    อย่างที่เลข 2 จะเห็นจุดที่อธิบายได้ชัดเป็นจุดแรก จะเห็นว่าเมื่อมอง line charts ท่านจะเห็นผลความพยายามที่ชัดเจนและจบด้วยเป็นฝ่ายชนะ ราคาสามารถทำ impulsive move เมื่อมองจาก candlestick charts และจะเห็นพื้นที่เทรดเดอร์ที่ติดลบและ positions อยู่ในตลาด แต่ถ้ามองที่ line charts ท่านจะพบว่าแค่มีการดันราคาลงมามีการเข้าเทรด แต่ท่านจะไม่เห็นพื้นที่ชัดเจนแบบมองที่ candlestick charts ดูผลตอนราคากลับมาที่เลข 2 ที่บอกว่า Buy เมื่อมองมาที่ line charts จะเห็นว่าพอราคาไปที่เลข 2 ราคาหักลงมา 2 รอบแล้วราคาค่อยไปต่อ จะเห็นความพยายามที่ราคาจะเอาชนะผ่าน sellers ตรงนี้ ค่อยเกิดบาร์แรงๆ ขึ้นพื้นที่ราคาสู้กัน เมื่อท่านมองไปที่ candlestick charts ท่านจะเห็นว่ากว้าง พอราคากลับมาตรงที่ Buy เลยเกิด false breakout แล้วราคาค่อยกลับ เพราะเทรดเดอร์ที่เปิด short positions กินพื้นที่เยอะเมื่อมองที่ candlestick charts ตรงที่เป็นต้นตอของ demand ที่เลข 2 พร้อมทั้ง stop loss ด้วยหรือจุด buy 2 ก็หลักการเดียวกัน

    จากตัวอย่างการใช้ประกอบกับ line charts และ candlesticks จะเห็นว่า line charts เปิดเผยจุดที่เป็นแนวรับแนวต้านได้ดี แต่การเข้าเทรดต้องดูเรื่อง price action ประกอบที่เกิดจาก candlestick charts จะให้รายละเอียดช่วยมากกว่าว่าท่านควรเปิดเทรดตรงไหน เพราะรูปแบบ price action ต่างๆ ที่เกิดขึ้นแม้ว่าจะเป็น market noise ได้ถ้าดูไม่เป็น แต่ถ้าดูเป็น จะช่วยให้ท่านเข้าหรือออกเทรดได้จุดที่ดีกว่า โดยเฉพาะมีเรื่อง trapped traders และ stop loss orders เข้ามาประกอบท่านจะหาพื้นที่พวกนี้ได้ดีกว่าจาก candlestick charts

    ดังนั้นการใช้ line charts ต้องเข้าใจว่าทำให้ท่านเห็นอะไรชัดเจน และไม่ชัดเจนตรงไหน จะใช้ควบคู่กับ candlestick charts หรือ bar charts อย่างไร เพราะมีเรื่อง price action เข้ามาประกอบช่วงราคาเปิดและราคาปิด เลยทำให้เกิด market noise แต่เพราะ line charts มีแต่ราคาปิดเลยไม่มีเรื่อง market noise ที่เกิดจาก price action จึงทำให้ท่านใช้ line charts เพื่อดูเรื่องแนวรับหรือแนวต้านได้ชัดเจนกว่า แต่การหาพื้นที่จำเป็นต้องใช้ candlestick charts หรือ bar charts ประกอบกันไป  เมื่อเห็นจุดที่เป็นแนวรับหรือแนวต้านหรือ demand/suply หรือ pivots หรือหลักการเทรดแบบไหนก็ตามที่เกี่ยวข้องกับ price levels ให้ท่านเปิดดู line charts ประกอบไปด้วย เพราะวิเคราะห์อย่างที่ยกตัวอย่างมา จะได้รู้ว่าควรเข้าตรงไหนเพราะ maket orders ที่ทำให้ราคาขึ้นหรือลง ไม่ได้มาจากการเปิดเพื่อเข้าเทรดอย่างเดียว แต่มาจากการปิด positions ที่อยู่ในตลาด เพื่อออกจากการเทรดด้วยโดยเฉพาะ positions ที่ติดลบ การมอง positions จะเห็นชัดเมื่อเปิด candlestick charts  เพราะพื้นที่พวกนี้จะทำให้เห็นว่าพวก stop orders ที่มาจาก stop loss ที่อยากออกจากตลาดและ buy/sell stop orders ที่อยากเข้าตลาดอยู่แถวไหน เพราะจะเป็นตัวเร่งราคาจากจุดที่เป็นแนวรับหรือแนวต้าน

    ………………………………………………………………………………………………………………

    สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการใช้ EA indicator และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี
    มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
    .
    เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆอื่นๆได้อีกในอนาคต
    XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย
    .
    Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ
    .
    exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด
    .
    **”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อ
    .
    ขอรับ EA ได้ฟรี!”**
    .
    ช่องทางการพูดคุย
    .
    Line Id :: @ft.th
    .
    .
    กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กําไรอย่างยั่งยืน
    .
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

     

    สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการหาจุดเปลี่ยนด้วย Parabolic SAR

    มกราคม 1, 2022

    Parabolic SAR ถูกคิดค้นและพัฒนาโดย Mr. J. Welles Wilder จากที่เขาได้เล็งเห็นถึงปัญหา ของการวิเคราะห์ทางเทคนิค นั่นก็คือ ความล่าช้าของเวลา เพราะเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคชนิดต่างๆ มักจะเคลื่อนที่ตามหลังราคาหรือดัชนีตลอด แนวโน้มที่ได้จึงดูไม่น่าเชื่อถือ เพราะเกิดจากสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว เขาจึงสร้างเครื่องมือเทคนิคตัวใหม่ที่เรียกว่า พารา-โบลิก (Para – bolic) โดยการเพิ่มความเร่งของสัญญาณแนวโน้มเข้าไป ในขณะที่ราคาสามารถทำยอดสูงใหม่ หรือต่ำใหม่ได้  โดยพิจารณาให้ความสำคัญไปที่ราคาและเวลาเป็นหลัก สัญญาณดังกล่าวนี้เรียกว่า Parabolic SAR ซึ่งคำว่า SAR นั้น ย่อมาจากคำว่า Stop and  Reversal ที่หมายถึง จุดเปลี่ยนแนวโน้มนั่นเอง

    ประโยชน์และการนำมาใช้งาน

    • บอกว่าตลาดกำลังอยู่ในช่วงไหน
    • บอกการแกว่งตัวของราคาว่าเคลื่อนที่เร็วหรือช้า
    • บอกถึงความยาวของเทรนด์ และจุดกลับตัว
    • เป็นสัญญาณ ซื้อหรือขาย

    1.บอกว่าตลาดกำลังอยู่ในช่วงไหน โดยให้ดูจากจุดไข่ปลา (Parabolic SAR) ว่าอยู่บนหรือล่าง

    • ถ้าเกิดจุดไข่ปลาเป็นแถวด้านล่าง หมายถึงเป็นตลาดขาขึ้น  (Bull Market, กระทิง)
    • ถ้าเกิดจุดไข่ปลาเป็นแถวด้านบน หมายถึงเป็นตลาดขาลง (Bear Market, หมี)

     

    2.บอกการแกว่งตัวของราคาว่าเคลื่อนที่เร็วหรือช้า

    • ถ้าจุดไข่ปลาอยู่ใก้ลกัน หมายถึงตลาด(ราคา) แกว่งตัวเคลื่อนที่ช้า
    • ถ้าจุดไข่ปลาอยู่ห่างกัน หมายถึงตลาด(ราคา) แกว่งตัวเคลื่อนที่เร็ว

     

    3.บอกถึงความยาวของเทรนด์ และจุดกลับตัว ซึ่งดูได้จาก

    • ถ้าจุดไข่ปลาวิ่งเข้าหาใกล้แท่งเทียน = ตลาด(ราคา) มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยน (กลับตัว)
    • ถ้าจุดไข่ปลาวิ่งอยู่ห่างจากแท่งเทียน = ตลาด(ราคา) ยังคงมีแนวโน้มเช่นเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง

    ตัวอย่าง

     

    4.เป็นสัญญาณซื้อหรือขายโดยแยกออกเป็นดังนี้

    • เป็นสัญญาณซื้อ เมื่อเกิดจุดที่ด้านล่างของกราฟ (แท่งเทียน) โดยยึดหลัก
    • เป็นสัญญาณขาย เมื่อเกิดจุดที่ด้านบนของกราฟ (แท่งเทียน) โดยยึดหลัก

     

    4.1 เป็นสัญญาณซื้อ เมื่อเกิดจุดที่ด้านล่างของกราฟ (แท่งเทียน) โดยยึดหลัก

    Buy เมื่อเกิดจุด (Parabolic SAR) แล้ว 3 จุด ที่อยู่ด้านล่างของกราฟแท่งเทียน

    ปิดออเดอร์ Buy เมื่อเกิดจุด Parabolic SAR แล้ว 3 จุด ที่อยู่ด้านบนของกราฟแท่งเทียน

    4.2 เป็นสัญญาณขาย เมื่อเกิดจุดที่ด้านบนของกราฟ (แท่งเทียน) โดยยึดหลัก

    Sell เมื่อเกิดจุด Parabolic SAR แล้ว 3 จุด ที่อยู่ด้านบนของกราฟแท่งเทียน

    และปิดออเดอร์ Sell เมื่อเกิดจุด Parabolic SAR แล้ว 3 จุด ที่อยู่ด้านล่างของกราฟแท่งเทียน

    …………………………………………………………………………………………………………….

    สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการใช้ EA indicator และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี
    มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
    .
    เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆอื่นๆได้อีกในอนาคต
    XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย
    .
    Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ
    .
    exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด
    .
    **”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อ
    .
    ขอรับ EA ได้ฟรี!”**
    .
    ช่องทางการพูดคุย
    .
    Line Id :: @ft.th
    .
    .
    กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กําไรอย่างยั่งยืน
    .
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

     

    เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการสังเกตรูปแบบของชาร์ต (Spike Base)

    มกราคม 1, 2022

    Spike Base

    ชาร์ต pattern  อีกอย่างที่ง่ายต่อการสังเกต เพราะเมื่อมองจาก price chart จะเห็นบาร์ยาวๆ ที่เรียกกว่า spike แล้วตามด้วย consolidation แล้วราคาก็ consolidation ทางทางใดทางหนึ่ง เช่น consolidation ขึ้นไปก็ให้รอเปิด Buy ที่ต้นตอตอนที่ราคาทำ Base หรือที่เป็นจุด Low ของ Base ตรงนั้นก็ถือว่าเป็น support ให้โอกาสการเข้าเทรดได้ง่าย หรือในทางตรงข้ามเมื่อราคา spike ลงแล้วทำ Base ก่อน แล้วก็ consolidation ไปทางลงเมื่อราคากลับมาก็ให้ถือว่า high ที่พื้นที่ Base เป็น Resistance ให้เปิด Sell

    Spike Base อาจได้ยินเรียกเป็น Flag Limit อีกด้วยแล้วแต่ แต่หลักการเดียวกันคือ ราคาเกิด spike หรือบาร์ยาวๆ ไปทางใดทางหนึ่ง แล้วราคาทำ Flag pattern หรือ Base pattern ตรรกะที่อยู่เบื้องหลังคือ เมื่อราคาเกิด spike หรืออาจได้ยินเรียกว่า pole ยาวๆ ราคาพยายามย่อตัวแต่ไม่สามารถทำได้แล้วราคาไปต่อ ตรงที่ราคาทำ Spike Base หรือ Flag Limit ถือว่าเป็นการตัดสินใจว่าราคาจะขึ้นไปต่อ ผลเพราะการเทรดของเทรดเดอร์โดยเฉพาะขาใหญ่ว่าต้องการเทรดต่อทางที่เกิด spike หรือ pole ดังนั้นจึงมีการคาดหวังว่าการโต้ตอบจะเกิดขึ้นที่ spike base เมื่อราคากลับมาครั้งแรก และอาจจะโต้ตอบมากกว่าครั้งเดียวก็ได้จนกว่าจะโดนเบรคหรือ Engulf ดังนั้นเมื่อ spike base โดน engulf ราคาก็จะวิ่งกลับไปทางที่ราคา spike ได้ง่าย

    อย่างแรกที่ต้องถาม ทำไม Spike Base จึงน่าสนใจพอที่จะเทรด ต้องเข้าใจตรรกะที่อยู่เพราะ Spike Base หรือ Flag Limit การเคลื่อนไหวแรงๆ ของราคาหรือ Big move ที่บอกว่าเป็นการเข้าเทรดจริง และตามด้วย Flag/Base หรือช่วงที่ยังไม่แน่ใจว่าจะไปทางไหนต่อ (indecision) แต่สุดท้ายราคาไปทางใดทางหนึ่ง แสดงว่าขาใหญ่ตัดสินใจต่อว่าจะดันราคาไปทางไหน ดังนั้นเมื่อมอง Spike Base หรือ Flag Limit เป็นการเทรดจุดพวกนี้ตอนราคากลับมาครั้งแรกค่อนข้างจะมีความเป็นไปได้สูง

    ถ้ามองรูปแบบแนว Demand/Supply patterns ก็จะมองเรื่อง Spike Base อยู่ในส่วนของ Rally-Base-Rally หรือ spike base สำหรับเปิด Buy และ Drop-Base-Drop หรือ spike base สำหรับเปิด Sell

    เมื่อมองจาก price chart จะเห็นตัวประกอบแบบภาพด้านบนคือ support/resistance หรือ supply/demand ที่ราคา spike หรือทำ pole แล้วเอาชนะไปได้ปิดล่าง ราคาย่องตัวกลับมาทำ Base/Flag เกิดขึ้นไปแล้วต่อทางที่เทรดเลยทำให้เกิด demand/supply ใหม่เกิดขึ้นตรงนั้น หรือเรื่องออเดอร์บอกว่าหลังจากขาใหญ่เข้าเทรดเพื่อเอาชนะปิดทำกำไรแล้วขาใหญ่ตัดสินในเปิดเทรดต่อ ณ ตรงพื้นที่นั้น ดังนั้นการรอเทรดตอนราคากลับมาพื้นที่ demand/supply ใหม่ที่พื้นที่เกิด ย่อมมี unfilled orders เหลืออยู่และมีเทรดเดอร์ที่เห็นอีกเพิ่ม limit orders เข้าไปตรงพื้นที่ๆ นั้นหรือขาใหญ่เปิดออเดอร์เพิ่มอีก เป็นหลักการเข้าเทรดทั่วไปแค่เป็น pattern ที่มักจะเกิดขึ้นหลังจากราคา spike หรือทำ pole ราคาจะกลับมาทางที่เกิด spike base ได้ก็ต่อเมื่อราคาได้ engulf พื้นที่ (engulf พื้นที่คือการที่ราคาสามารถเอาชนะพื้นที่ตรงนั้นได้ด้วยการปิดบนหรือปิดล่าง ยิ่งลักษณะที่ engulf เกิดขึ้นด้วยบาร์ยาวๆ ยิ่งดี เพราะบอกว่ามีการเข้าเทรดเพื่ออยากเอาชนะ อาจมองเป็น impulsive move ได้)

    หลักการต่างๆ เรื่องออเดอร์ก็ยังทำงานแบบเดิมแต่อาจเป็นเรื่อง pattern ที่เปลี่ยนไปเท่านั้นเอง อีกอย่างหนึ่งจะเห็นว่า spike base หรือ flag limit ค่อนข้างจะง่ายต่อการสังเกตเพราะเกิดขึ้นหลังจากที่ราคาวิ่งแรงๆ ไปทางใดทางหนึ่งหรือเรียกว่า spike เมื่อมองบน price charts จะเห็นได้ง่ายและมักจะเกิดขึ้นประจำ อย่างภาพบนจะเห็นว่า spike base เกิดหลังจากที่ราคาเกิดการเข้าเทรดแล้วมาเจอ demand แล้วราคาก็ทำ Base หรือ Flag ในพื้นที่ Demand หรือเรื่องราคาทำแบบนี้อาจมองเป็น indecision ไม่รู้ว่าราคาจะไปทาง buyers หรือ sellers จนกว่าราคาเบรคพื้นที่ จำเป็นการยืนยันการตัดสินใจที่เกิดขึ้นว่าไปทางไหน เมื่อราคากลับมาครั้งแรกจึงมักจะคาดหวังการโต้ตอบจะเกิดทางนั้นจากทั้ง trapped traders ที่สู้กันตอนราคาทำ Base หรือ Flag พอราคากลับมาแล้วไม่มี price structure ราคาจะไปทางที่พวกเขาเทรด พวกเขาจำเป็นต้อง liquidate ออเดอร์เลยทำให้เกิด market orders ตรงนั้น  เทรดเดรอื่นๆ ที่เห็น price structure เปลี่ยนไปก็หาโอกาสเทรดก็ตั้ง limit orders ด้วย เทรดเดอร์ที่เปิดสวนเทรนขึ้นมาหรือพอราคาไม่ไปต่อจำต้องปิดทำกำไรก็เป็น sell market orders

    แหล่งที่มาออเดอร์เมื่อ spike base เกิดขึ้นเพราะขาใหญ่เทรด เป็นไปได้ว่าอาจมีการเข้าเทรดอีกถ้าออเดอร์ตรงข้ามไม่พอเลยมี unfilled orders/limit orders เหลือหรืออาจเปิดเพิ่ม เทรดเดอร์อื่นๆ ที่เห็นก็เริ่มหันมาตั้ง limit orders ราคาพื้นที่นั้นๆ อาจมีเปิด market orders อีกครั้งตอนราคากลับมาถึง ดังนั้น limit orders ที่พื้นที่นี้ก็จะหยุดราคาที่วิ่งขึ้นมาและเมื่อเทรดเดอร์ที่เป็น trapped traders ตอนที่ราคาลงไปและยืนยัน trade decision เมื่อราคาไม่ไปต่อ เพื่อจำกัดความเสี่ยงก็ต้องออกก็เป็น sell market orders เทรดเดอร์ที่เทรดสวนขึ้นมาเมื่อราคาไม่ไปต่อก็จะปิดทำกำไรก็เป็น sell market orders เทรดเดอร์อื่นๆ ที่รอเปิดเองเมื่อเห็นราคาเริ่มลงไปทางที่ spike base เกิดก็จะเปิด sell market orders พอราคาลงไปยิ่งกดดันให้ trapped traders และเทรดเดอร์ที่เทรดสวนต้องรีบออกก็ยิ่งทำให้ราคาวิ่งไปได้ง่าย

    Spike Base เมื่อเกิดขึ้น การเทรดการกลับมาครั้งแรกเลยค่อนข้างจะมีความเป็นไปได้สูงเพราะเงื่อนไขออเดอร์แบบที่อธิบายมาประกอบกัน

    …………………………………………………………………………………………………………….

    สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการใช้ EA indicator และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี
    มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
    เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆอื่นๆได้อีกในอนาคต
    XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย
    .
    Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ
    .
    exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด
    .
    **”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อ
    .
    ขอรับ EA ได้ฟรี!”**
    .
    ช่องทางการพูดคุย
    .
    Line Id :: @ft.th
    .
    .
    กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กําไรอย่างยั่งยืน
    .
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการสร้างกำไรจากรูปแบบกราฟทั้ง 7

    มกราคม 1, 2022

    โดยทั่วไป รูปลักษณ์ของกราฟแท่งเทียน หรือรูปแบบของราคา (Price Pattern)ที่ปากฎในแต่ล่ะช่วงเวลา (Time frame) มีลักษณะหลากหลายรูปแบบ ในบทความนี้ จะขอหยิบยกเอาเฉพาะ รูปแบบของกราฟแท่งเทียนหรือรูปแบบของราคา ที่นักลงทุน forex ส่วนใหญ่ นิยมใช้วิเคราะห์หาจุดเข้าเทรดเพื่อทำกำไร  ซึ่งประกอบด้วยกราฟ Forex ที่มีรูปแบบทั้ง 7 ดังนี้

    • สามเหลี่ยมธง (Symmetrical Triangles)
    • สามเหลี่ยมเฉียงขึ้น (Ascending Triangles)
    • สามเหลี่ยมเฉียงลง (Descending Triangles)
    • หัวยก (Double Top)
    • ก้นหยัก (Double Bottom)
    • หัวและไหล่ (Head and Shoulders)
    • หัวและไหล่กลับหัว (Reverse Head and Shoulders)

    1.สามเหลี่ยมธง (Symmetrical Triangles) แบ่งย่อยออกเป็น 2 รูปแบบ คือ

    • สามเหลี่ยมธง-ขาขึ้น (Symmetrical Triangles in an up trend)
    • สามเหลี่ยมธง-ขาลง (Symmetrical Triangles in a downtrend)

    สามเหลี่ยมธง  (Symmetrical Triangles in an up trend) ลักษณะของกราฟแท่งเทียนก็เหมือนกับชื่อที่เรียกคือ เป็นรูปสามเหลี่ยมธง ที่เกิดจากปลายเส้นของแนวรับกับแนวต้าน เฉียงเข้าหากันจนเป็นรูปสามเหลี่ยม การที่เส้นแนวต้านกับแนวรับเฉียงบีบเข้าหากันมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดแรงอัดฉีด ของราคา จนราคาระเบิดทำให้ทะลุ (Break out) เส้นแนวรับหรือแนวต้าน จากแรงของระเบิด ราคาจึงพุ้งกระฉูด แล้วกระโดนไปอย่างรวดเร็ว รูปแบบกราฟเช่นนี้ จึงเป็นอีกโอกาสหนึ่ง ในการหาจังหวะเข้าซื้อหรือขายของนักเก็งกำไรเป็นอย่างดี

     

    จากตัวอย่างภาพข้างบน ซึ่งเป็นการอธิบายเกี่ยวกับการหาจังหวะเข้าเทรด และกำหนดเป้าหมายกำไร  ของกราฟแท่งเทียนรูปแบบสามเหลี่ยมธง-ขาลง (Symmetrical Triangles in a downtrend) ในกรณีที่เป็นขาขึ้น (Symmetrical Triangles in an up trend) หลักการหรือวิธีใช้ก็มีลักษณะแบบเดียวกัน แต่เป็นคนล่ะเทรนด์เท่านั้นเอง

     

    2.สามเหลี่ยมเฉียงขึ้น (Ascending Triangles)

    กราฟแท่งเทียนรูปแบบสามเหลี่ยมเฉียงขึ้น เกิดจากเส้นแนวต้านเป็นเส้นตรงหรือใกล้เคียง และมีเส้นแนวรับ เฉียงขึ้น เข้าหาเส้นแนวต้าน เมื่อเฉียงเข้าใกลักันมากๆ จะเกิดเป็นรูปแบบสามเหลี่ยมเฉียงขึ้น ทำให้ราคามีโอกาสที่จะระเบิด แล้วทะลุ (Break out)เส้นแนวรับหรือแนวต้านได้   ความหมายของกราฟรูปแบบนี้คือ แรงซื้อไม่สามารถทะลุแนวต้านได้ แต่แรงซื้อก็ยังสามารถผักดันราคาที่ต่ำ ให้สูงขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ  จากกราฟที่มีรูปแบบนี้ ในหลายๆสำนัก(หนังสือหรืออาจารย์) มักกล่าวว่าราคาที่อยู่ในเทรนด์ขาขึ้นนั้น จะยังคงขึ้นต่อไป รูปแบบของกราฟ บางครั้ง (บ่อยเหมือนกัน) อาจจะการเกิด double top or triple top (false) หลอกเกิดขึ้นแต่ท้ายสุดราคาก็สามารถดีดตัวขึ้นไปต่อ หรืออาจจะสวนเทรนด์กลับก็ได้เช่นกัน

    ในมุมมองนักเขียนบทความนี้ ในฐานะที่เชื่อและได้ทำตามคำแนะนำของอาจารย์หลายๆท่าน ด้วยประสบการณ์ (เกือบ 20 ปี) และผ่านการขาดทุนมาอย่างโซกโซน ข้าพเจ้าเชื่อว่า 50/ 50 เนื่องจากดูจากหลายๆกราฟที่ผ่านมา ค่อนข้างจะตรงกันข้ามกับทฤษฎีเพราะมันมักกลับตัวจากขึ้นเป็นลงบ่อยเหมือนกัน

    ฉนั้นเรื่องกราฟควรฟังหูไว้หู ไม่ใช่เชื่อสนิทแล้วทำตามทั้งหมด เพราะบางสถานะการ ราคามันก็ไม่วิ่งตามทฤษฎีที่กล่าวอ้างกัน

     

    3.สามเหลี่ยมเฉียงลง (Descending Triangles)

    แท่งเทียนรูปแบบสามเหลี่ยมเฉียงลง ลักษณะรูปแบบของมัน ก็ตรงกันข้ามกับกราฟแท่งเทียนรูปแบบสามเหลี่ยมเฉียงขึ้น รายละเอียดโดยรวมทั้งหมดก็คล้ายคลึงกัน ต่างกันแค่มันเฉียงไปคนล่ะทาง (รู้แล้วล่ะครับอิอิ) สรุปรูปแบบของมันคือ เส้นแนวรับเป็นเส้นตรง ส่วนเส้นแนวต้านเป็นเส้นเอียง คือมันจะเอียงหรือเฉียงลงมาบรรจบกับเส้นแนวรับ รูปแบบเช่นนี้หมายถึง เส้นแนวต้านมีความแข็งแกร่งมาก  สถานะการณ์ตอนนี้บอกว่า ผู้ขายกำลังมาแรง แบบแซงทางโค้ง ผู้ขายอยู่เหนือผู้ซื้อ มีความได้เปรียบอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาที่สูงสุด (High) ทยอยต่ำลงเรื่่อยๆ จนสามารถทะลุแนวรับได้ และยังคงปรับตัวลดลงต่อไป

    ปกติโดยทั่วไป ตลาดที่เป็นช่วงขาลง จะวิ่งเร็วกว่าตลาดช่วงขาขึ้น ฉะนั้นการเข้าออเดอร์ Sell จึงเป็นโอกาสของทำกำไรที่ดีและเร็วกว่า ออเดอร์ Buy นั่นเอง แต่ก็ต้องเข้าให้มันถูกทางด้วย ไม่ใช้่ไปเข้าออเดอร์ sell กับตลาดที่มันกำลังวิ่งขึ้น

     

    4.หัวหยัก หรือ ตัว M  (Double Top)

    กราฟเเท่งเทียนรูปแบบหัวหยัก หรือตัว M มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Double Top มีลักษณะคือ ราคาวิ่งขึ้นมาชนแนวต้าน 2 ครั้ง โดยที่ไม่ทะลุ ทำให้เกิดเป็นเหมือนหัวหยักหรือรูปตัว M ที่ใช้เราเรียก

    จากภาพตัวอย่าง จะเห็นว่ากราฟรูปแบบ Double Top มีการกลับตัวคือ เปลี่ยนจากขาขึ้นเป็นขาลง และเมื่อราคาทะลุ (Break out) เส้น Neckline แล้ว ราคาก็ยังมีการปรับตัวลงอยู่ตลอด เราจึงสามารถใช้กราฟ Double Top นี้ เป็นสัญญาณเตือนบอกว่า ราคาอาจจะมีการกลับตัวหรือสวนเทรนด์ และยังใช้เป็นสัญญาณบอกจุดเข้าออเดอร์ Sell หากราคาวิ่งทะลุ (Break out) เส้น Neckline แล้ว

     

    5.ก้นหยัก หรือตัว w (Double Bottom)

    กราฟแท่งเทียนรูปแบบก้นหยัก หรือที่ชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Double bottoms มีรูปแบบลักษณะเช่นเดียวกันกับ หัวหยัก จะต่างกันก็เพียงแค่มันกลับหัวเท่านั้น สาเหตุที่ทำให้เป็นเช่นนี้คือ มีแรงขายวิ่งเข้ามาชนเส้นแนวรับ 2 ครั้ง โดยที่ไม่สามารถทะลุเส้นแนวรับได้ นี่จึงเป็นเหมือนสัญญาณบอกว่า เทรนด์ที่กำลังเป็นอยู่ อาจจะมีการกลับตัว หรือสวนทาง เพราะแรงขายกำลังจะอ่อนตัว หรือหมดกำลังลงไป และถ้าหากเด้งกลับแล้วทะลุ (Break out) เส้น Neckline ขึ้นมา นั่นคือจุดที่เทรดเดอร์ ควรเข้าออเดอร์ Buy ทันที ตามตัวอย่าง

    6.หัวและไหล่ (Head and Shoulders)

    กราฟแท่งเทียนที่มีรูปแบบ หัวและไหร่ ก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่บ่งบอกถึงการกลับตัวของเทรนด์ รูปลักษณ์ของกราฟชนิดนี้ คือจะมีจุดสูงสุด 3 จุด โดยจุดแรกกับจุดสุดท้าย(จุดที่ 3 ) จะมีความสูงเท่ากันหรือใกล้เคียงกัน ส่วนจุดที่ 2 ซึ่งอยู่ตรงกลาง จะสูงกว่าพื้นเพื่อน จึงทำให้เหมือนรูป หัวและไหล่ (Head and Shoulders) ตามที่เราเรียก

    ตัวอย่าง กราฟแท่งเทียนรูปแบบหัวและไหร่  (Head and Shoulders)

    จากภาพตัวอย่าง จะเห็นว่าเทรนด์มีการกลับตัว เปลี่ยนจากขาขึ้นเป็นขาลง เมื่อราคาทะลุแนวรับ (เส้น Neck Line) นั่นคือจุดที่ควรเข้าออเดอร์ sell และควรกำหนดเป้าหมายการทำกำไร ตามระยะห่วงจากจุด Head กับเส้นแนวรับ

     

    7.หัวและไหล่กลับหัว (Reverse Head and Shoulders)

    กราฟแท่งเทียนที่มีรูปแบบ หัวและไหร่กลับหัว ก็จะเหมือนกับ Head and Shoulders เพียงแต่มันกลับหัวเท่านั้น สามารถใช้เป็นสัญญาณเตือนว่า ราคาอาจจะเกิดการกลับตัวหรือสวนเทรนด์ได้

    จากภาพตัวอย่าง จุดที่ควรเข้าออเดอร์ คือจุดที่ราคาทะลุ (Break out) เส้นแนวต้าน (Neck Line) จะสังเกตเห็นว่า ราคาเริ่มขยับตัวขึ้นไปเรื่อยๆ และอาจจะมีลงบ้าง แต่ท้ายสุดก็สามารถขยับตัวเป็นขาขึ้นต่อไปในที่สุด

    สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการใช้ EA indicator และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี
    มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
    .
    เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆอื่นๆได้อีกในอนาคต
    XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย
    .
    Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ
    .
    exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด
    .
    **”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อ
    .
    ขอรับ EA ได้ฟรี!”**
    .
    ช่องทางการพูดคุย
    .
    Line Id :: @ft.th
    .
    .
    กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กําไรอย่างยั่งยืน
    .
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการวิเคราะห์ระบบเทรด forex

    มกราคม 1, 2022

    การวิเคราะห์ระบบเทรด Forex มีวัตถุประสงค์เพื่อการพยากรณ์ ทิศทางของราคา เพื่อนำไปใช้ในการเทรด Forex การวิเคราะห์ระบบเทรด Forex มีหลายรูปแบบ โดยหลัก ๆ แล้วแบ่งเป็น 2 องค์ประกอบหลักใหญ่ก่อน นั่นคือ การวิเคราะห์ที่ไม่มีพื้นฐานของราคา กับ การวิเคราะห์ที่ใช้ราคาในการสร้างเครื่องมือ ตัวอย่างเช่น RSI , Moving Average  เป็นตัวอย่างสำหรับเครื่องมือที่ใช้ราคาในการวิเคราะห์ ขณะที่ Fibonacci เป็นเครื่องมือที่ไม่ได้ใช้ราคาในการวิเคราะห์  ขณะที่การวิเคราะห์ที่ใช้ราคายังแบ่งแยกได้อีกหลายรูปแบบ และการวิเคราะห์ที่ไม่ใช้ราคาก็ยังแบ่งการวิเคราะห์ไปได้อีกหลายรูปแบบ โดยเราจะอธิบายรูปแบบทั้งหมด ในบทความต่อไปนี้

     

    ภาพที่ 1 การวิเคราะห์ระบบเทรด  forex – โครงสร้างภาพการวิเคราะห์

    การวิเคราะห์แบบใช้ราคา จะประกอบด้วยการใช้ Trend Oscillator Index และ Panel ขณะที่การวิเคราะห์ที่ไม่ใช้ราคา ประกอบด้วย Line Volume และ Point ซึ่งรูปแบบและรายละเอียดการวิเคราะห์ระบบเทรด Forex จะกล่าวดังหัวข้อต่อไปนี้

    การวิเคราะห์แบบใช้ราคา

    การวิเคราะห์แบบใช้ราคา คือ การวิเคราะห์บนพื้นฐานเครื่องมือที่ใช้ราคาในการคำนวณ ตัวอย่างของเครื่องมือเหล่านี้ได้แก่ Moving Average หรือ Stochastic Indicator ซึ่งเครื่องมือแบบการวิเคราะห์ใช้ราคา เป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมสูงสุด เครื่องมือประเภทนี้ เป็นเครื่องมือประเภท Lag Analysis โดยจะใช้ค่าเฉลี่ยในการคำนวณเป็นส่วนใหญ่ ทำให้การวิเคราะห์แบบใช้ราคา สำหรับการพยากรณ์จะช้ากว่าการเคลื่อนไหวของราคาเสมอ เราเพราะว่า  ถ้าหากว่า Moving Average 20 หมายความว่า แท่งกลาง ๆ คือแท่ง ที่ 10 ย้อนไปข้างหลัง และแท่งที่ย้อนไปข้างหลัง 10 แท่งใช้พยากรณ์ราคาในแท่งปัจจุบัน มันช้าไป 10 แท่ง จึงเป็นไปได้ยากที่จะเคลื่อนไหวตอบโจทย์ให้ทันการเคลื่อนไหวของราคา

    ตัวอย่างของ Moving Average ในการวิเคราะห์ระบบเทรด Forex

    ภาพที่ 2 การวิเคราะห์ระบบเทรด Forex – Moving Average

    ในภาพที่ 2 จะเห็นได้ว่า Moving Average กับราคาในจุดวงกลมจะอยู่ห่างจากกัน สาเหตุก็เรพาะว่า ราคานั้นเคลื่อนไหวลงมาแล้วแต่เส้น Moving Average ถูกถ่วงน้ำหนักโดยราคาของแท่งอื่น ๆ เช่น ในภาพคือ Moving Average 20 แท่ง มันจึงของ 20 แท่งก่อนหน้า ทำให้การเคลื่อนไหวกว่าจะเกิดขึ้นก็นานมากกว่าที่มันจะบอกอะไรเราได้

    การที่เราจะใช้ Moving Average ในการบอกว่า เมื่อราคาต่ำกว่าเส้น แนวโน้มจึงเป็นเทรนด์ขาลง ความจริงแล้วไม่ใช่ การตีความเส้น Moving Average หมายความได้ว่า ถ้าหากเราซื้อทุกแท่งราคาเฉลี่ยของเราจะอยู่ข้างบนนั้น  แต่เราไม่ซื้อทุกแท่ง การซื้อตอนที่ Moving Average เป็นขาลง จึงเป็นการซ้ำเติม ตัวเอง เพราะว่า เรากำลังเฉลี่ยขาลงที่ยังไม่รู้จะไปสิ้นสุดเท่าไหร่ การ Buy มาเรื่อย ๆ ก็จะได้ราคาที่ค่าเฉลี่ย ขณะที่ราคาอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ดังนั้น การใช้งานและการวิเคราะห์ MA จึงใช้ในขาขึ้นเพื่อเฉลี่ยราคาขาขึ้นเสียมากกว่า จึงจะได้ผลเพื่อที่จะฉวยโอกาสจังหวะที่ราคาดีดขึ้นห่างจากค่าเฉลี่ยมาก ๆ

    การวิเคราะห์โดยใช้ Stochastic

    ตัวอย่างของ Moving Average เป็นตัวอย่างเครื่องมือในหมวดของเทรนด์ ขณะที่อีกตัวอย่างผมจะยกตัวอย่างของเครื่องมือที่เป็นหมวดของ Oscillator ซึ่งเป็นหมวดวัดการแกว่งตัว  ส่วนแรกที่เราจะต้องดูคือ สูตรของการคำนวณ Stochastic ดังนี้

    %K = (C-L14/H14-L14) x 100

    จากสูตร จะเห็นว่า จริง ๆ แล้วมันไม่ได้ต่างจาก กระบวนการ Moving Average แม้แต่น้อย เพราะว่า เราก็ทำการขยับ ราคา L14 และ H14 ไปเรื่อย ๆ นั่นเอง เมื่อมันกล่าวถึงค่า Moving หมายความว่า การเคลื่อนไหวของกรอบราคาของ Stochastic ย่อมไม่แตกต่างจาก กระบวนการของ Moving Average ก็คือ การเคลื่อนไหวที่ Lag ไปจำนวนหนึ่ง

    ภาพที่ 3 การวิเคราะห์ Forex – Stochastic Oscillator

    ในรูปที่ 3 โปรดสังเกตุร่องของราคา Chanel ที่ผมขีดขึ้นมาเอง พร้อมกับกรอบของการแกว่งตัว %K 14 วันที่ ซึ่งปรากฏตามกรอบ Stochastic ในจุดกลับตัววงกลมสีเหลืองจะสอดคล้องกับ กรอบแชนแนลที่ผมขึ้น อย่างไรก็ตาม จุดที่เป็นปัญหาคือ วงกลมสีแดง ซึ่งวงกลมสีแดงควรจะแสดงจุดกลับตัวแต่ว่าในกราฟมันดิ่งจมลงเรื่อย ๆ จนถึงขนาดที่ว่าไม่โงหัวขึ้นมาเลย นั่นคือ Error ของ Stochastic ที่เกิดขึ้น ซึ่งลักษณะเช่นนี้ ทำให้การเทรดไม่สามารถใช้วิเคราะห์ได้

    ตัวอย่างของ Indicator ประเภท Index หรือ Panel

    เครื่องมือประเภท index ใน การวิเคราะห์ Forex ได้แก่ Money Flow Index ซึ่งเครื่องมือประเภทนี้จะวัดเป็น Composit index เพื่อคำนวณตัวชีวัดของอะไรบางอย่าง ในกราฟ เป็น Money Flow index ของ Bill Williams ซึ่งวัดปริมาณเงินในแต่ละครั้งที่มีการซื้อขาย Forex

     

    ภาพที่ 4 การวิเคราะห์ระบบเทรด Forex – Money Flow Index

    จากภาพที่ 4 จะเห็นว่า สิ่งที่ใช้คือ ปริมาณแท่งที่มีความยาวของ Money Flow Index  อย่างไรก็ตามปริมาณเงินเข้าและออกก็ไม่ได้สอดคล้อง ทำให้การวิเคราะห์ทำได้ยาก แม้หลายคนจะมีตำราและวิธีการที่แตกต่างกันไปก็ตาม

    การใช้งานเครื่องมือทั้ง 3 ประเภทในการวิเคราะห์ราคา มักจะมีข้อดีและข้อเสียปะปนกันอยู่เป็นธรรมดา แต่สิ่งสำคัญของการวิเคราะห์ราคา คือ การทำความเข้าใจกับพื้นฐานของเครื่องมือ  เช่น หลักการของ Moving average การแก้ไขปัญหาของ Stochastic ซึ่งไม่ได้ให้สัญญาณผิดพลาดตลอดเวลา สิ่งที่เราต้องทำคือ เราจะป้องกันสัญญาณ ผิดพลาดนั้นได้อย่างไร เพราะว่า เราไม่รู้ว่าสัญญาณผิดพลาดนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ การแก้ไขโดยการที่จะพยากรณ์ให้ถูกทุกครั้งนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ ซึ่งทางที่ดีที่สุดคือ การป้องกันความเสียหายจากความผิดพลาด ยอมรับว่ามันผิดพลาดได้จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด

     

    ต่อไปเป็นตัวอย่างรูปแบบการวิเคราะห์แบบไม่ใช้ราคาเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ดังนี้

    การวิเคราะห์แบบไม่ใช้ราคา

    การวิเคราะห์แบบไม่ใช้ราคาประกอบด้วย Line   Volume และ Point ทั้ง 3 รูปแบบปรากฏอยู่ในเครื่องมือ MT4 ที่ติดมาให้ใช้ในการวิเคราะห์อยู่แล้ว โดยแต่ละตัวอย่างจะยกตัวอย่าง มีดังนี้

    ตัวอย่าง Line ในการวิเคราะห์ราคา

    ตัวอย่างทีเด่นชัดและเป็นที่นิยมอย่างมากในการวิเคราะห์ราคา คือ การวัดเส้นแนวโน้ม หรือเส้นเทรนด์ไลน์

    รูปที่ 5 การวิเคราะห์ระบบเทรด Forex – ภาพเส้นเทรนด์ไลน์

    การวิเคราะห์เส้นแนวโน้ม จะเห็นว่า เราสามารถปรับให้ยืดหยุ่นได้ค่อนข้างมากกว่าเส้น Moving Average จะว่าไปแล้วการวิเคราะห์โดยไม่ใช้การอ้างอิงของราคาในการคำนวณ indicator นั้นจะมีพื้นฐานมาจากจินตนาการเสียมากกว่า ซึ่งแต่ละคนก็มีจินตนาการที่แตกต่างกันไป

    แต่สิ่งที่ไม่แตกต่างกันเลยสำหรับการวิเคราะห์โดยไม่ใช้ราคากับการวิเคราะห์แบบใช้ราคาในการพยากรณ์คือ ความล่าช้าในการวิเคราะห์ เพราะว่าในกรณีการวัดเทรด เราก็ต้องรอให้เทรนด์มันเกิดขึ้นไปสักระยะหนึ่งเสียก่อน ถึงจะทำการวิเคราะห์ออก ใครจะรู้ครับว่ามันใกล้จะจบแล้วหรือมันจะไปต่อไปไกลอีกเท่าไหร่ ซึ่งนี่ก็เป็นข้อจำกัดอีกข้อที่สำคัญ และจะเห็นว่ามันไม่แตกต่างกันเลยระหว่างการวิเคราะห์โดยใช้เทรนด์ และไม่ใช้เทรนด์ สิ่งที่เราต้องระลึกอยู่เสมอคือ เราจะป้องกันความผิดพลาดของการวิเคราะห์ผิดได้อย่างไร

    ตัวอย่างการวิเคราะห์ด้วย Volume

    เนื่องจากว่า ปริมาณการเทรดไม่ได้ถูกใช้คำนวณในกลุ่มเทรนด์ หรือว่ากลุ่มราคาเลย แต่ใช้การคำนวณในกลุ่มของตัวมันเองโดยเฉพาะ คือปริมาณ มันจึงแบ่งไว้ใช้ในรูปแบบอื่น ๆ

     

    ภาพที่ 6 การวิเคราะห์ระบบ forex – การใช้ volume

    ในภาพที่ 6 คุณสามารถเห็น Volume ที่ลดลงเพิ่มขึ้นได้ ในแต่ละกราฟในแต่ละช่วงเวลา และสร้างสร้างแนวทางในการใช้ indicator ได้ด้วยตัวของคุณเอง แต่สิ่งหนึ่งที่เราจะทราบและไม่แตกต่างจากการอธิบายในหลาย indicator ที่ผ่านมาคือ เรากำลังใช้ข้อมุลในอดีตมาทำนายอนาคต นั่นคือผลและปลายทางของการทำนาย ทำให้มันจะช้ากว่าความเป็นจริงอยู่เสมอ เช่นกัน

    ตัวอย่างการวิเคราะห์ด้วย Point เครื่องมือประเภทจุด

    ซึ่งเครื่องมือประเภทนี้ไม่แตกต่างจากการใช้เทรนด์ Line เท่าไหร่ เป็นเครื่องมืออีกประเภทหนึ่งที่บอกจุดลักษณะราคา ณ จุดใดจุดหนึ่งของกราฟ โดยตัวอย่างของเครื่องมือประเภทนี้ ได้แก่  Fractal Indicator เป็นต้น

    ภาพที่ 7 การวิเคราะห์ระบบเทรด Forex – Fractal Indicator

    ในภาพที่ 7 Fractal Indicator เป็น เครื่องมือที่ไม่ได้นำราคาในอดีตมาเกี่ยวข้องในการคำนวณ ไม่ได้มีการคำนวณใด ๆ มีการเปรียบเทียบระหว่างจุดสูงสุดต่ำสุดของราคา แต่ไม่ได้มีการคำนวณ ซึ่งอย่างไรก็ตามการวิเคราะห์ Fractal ก็ต้องใช้ pattern ของการวิเคราะห์เช่นเดียวกับ เครื่องมืออื่น ๆ

    ซึ่งถ้าหาก เราบอกว่า ทุกรูปแบบของการวิเคราะห์ ของกราฟ Forex จะต้องมีจุดบอดอยู่ดี สิ่งที่เราทำได้ คือการป้องกันความเสียหาย แต่เราไม่สามารถป้องกันความผิดพลาดได้

    ……………………………………………………………………………………………………………

    สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการใช้ EA indicator และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี
    มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
    .
    เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆอื่นๆได้อีกในอนาคต
    XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย
    .
    Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ
    .
    exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด
    .
    **”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อ
    .
    ขอรับ EA ได้ฟรี!”**
    .
    ช่องทางการพูดคุย
    .
    Line Id :: @ft.th
    .
    .
    กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กําไรอย่างยั่งยืน
    .
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิค 3 ข้อในระบบเทรดโดยใช้ Fibonacci Retracement

    มกราคม 1, 2022

    Fibonacci Retracement เป็นเครื่องมือยอดฮิตของนักเทรด เนื่องจากนักเทรดสามารถใช้ Fibonacci Retracement ในการกำหนดตำแหน่งออเดอร์ (เปิด), ราคาเป้าหมายหรือ stop loss ได้ ซึ่งข้อมูลจะถูกวิเคราะห์อยู่บนพื้นฐานของการเคลื่อนไหวของราคาตลาด โดยการใช้อัตราส่วนที่ได้จาก Fibonacci sequence  (มักใช้ 23.6%, 38.2% and 61.8%) ในการกำหนดการตอบสนองต่อราคาในตลาด และวิธีนี้สามารถระบุแนวโน้มการกลับตัวและแนวโน้มของแนวรับและแนวต้านได้อีกด้วย

    แล้วอะไรคือประเด็นสำคัญในการเทรดโดยใช้ Fibonacci Retracement Level?

    1. ระบุระดับแนวต้านและแนวรับ

    เหตุผลแรกที่นักเทรดใช้ Fibonacci retracement  ก็คือ นักเทรดสามารถใช้วิธีนี้ในการระบุระดับแนวต้านและแนวรับได้ เนื่องจากทิศทางของราคาจะขึ้นหรือลงมักมีความเกี่ยวข้องกับระดับแนวต้านและแนวรับ

    นักเทรดมักจะสังเกตุระดับแนวต้านและแนวรับที่ไปตามแนว Fibonacci level เพราะเส้นเหล่านั้นเป็นตัวบ่งบอกถึงระดับราคาและจำนวนออเดอร์

    2. วิธีนี้เหมาะที่สุดเมื่อตลาดกำลังเป็นที่ต้องการ

    เมื่อราคาตลาดมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้น คุณควรหาจุดซื้อบนเส้น Fibonacci support level และเมื่อราคาตลาดมีแนวโน้มที่จะลดต่ำลง คุณควรหาจุดขายบนเส้น Fibonacci support level

    ราคาเหล่านั้นมักจะถูกพบบนเส้น Fibonacci support level ซึ่งช่วยให้นักเทรดโฟกัสไปที่ทิศทางของราคาได้แม่นยำขึ้น เพื่อทำกำไรจากการเทรด (หรือเราเรียกส่วนนี้ว่า trend trading)

    3. ใช้วิธีนี้กับอินดิเคเตอร์และรูปแบบราคาเพื่อได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น

    Fibonacci level ควรถูกใช้ควบคู่กับอินดิเคเตอร์และกราฟ เพราะ retracement level เป็นตัวบ่งบอกถึงจุดกลับตัวของราคาและจุดที่ยากต่อการกลับตัว

    มากไปกว่านั้นการใช้ Fibonacci level สามารถใช้ควบคู่กับการวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น moving averages, volume, แท่งเทียน หรือ trendlines เพื่อใช้ในการยืนยันตำแหน่งราคา

    เรามาดูตัวอย่างกันดีกว่าค่ะ นักเทรดรอแท่งเทียนสองถึงสามแท่ง ในการปิดออเดอร์เมื่ออยู่เหนือหรือต่ำกว่า retracement level  เพื่อกำหนัดระกับแนวต้านและแนวรับก่อนที่จะทำการเทรด และสิ่งสุดท้ายที่นักเทรดควรจำเอาไว้ก็คือ ยิ่งอินดิเคเตอร์หรือสัญญาณมาบรรจบกันมากเท่าไหร่ แนวโน้มการกลับตัวของราคาจะมีมากเท่านั้น

    …………………………………………………………………………………………………………..

    สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการใช้ EA indicator และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี
    มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
    .
    เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆอื่นๆได้อีกในอนาคต
    XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย
    .
    Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ
    .
    exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด
    .
    **”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อ
    .
    ขอรับ EA ได้ฟรี!”**
    .
    ช่องทางการพูดคุย
    .
    Line Id :: @ft.th
    .
    .
    กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กําไรอย่างยั่งยืน
    .
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคระบบเทรด forex แบบไหนที่เหมาะกับเรา

    มกราคม 1, 2022

     

     

    จริตหรือนิสัยตามธรรมชาติของคนเรานั้น ค่อนข้างจะไม่เหมือนกัน เช่น บางท่านอาจจะชอบความสันโดษ ชอบอยู่คนเดียว เงียบๆสงบๆ ไม่วุ่นวาย แต่ในขณะที่บางท่านอาจชอบชีวิตแบบสังคมที่มีผู้คนมากมายพลุกพ่าน ดูแล้วครึกครื้น ไม่เงียบเหงาวังเวง ในการลงทุนในตลาด forex จริต, นิสัย ในการเทรดของเหล่าเทรดเดอร์ของแต่ล่ะท่าน ก็เช่นกัน จะแตกต่างกันไปตามความถนัดที่ชอบของแต่ล่ะท่าน สำหรับบทความในวันนีั การลงทุนเชิงกลยุทธ์แบบไหนทีเป็นสไตล์ของคุณ หรือที่คุณถนัดนั่นเอง บางท่านอาจจะงวยงงว่า กลยุทธ์หรือสไตล์การเทรดมันคืออะไร
    สำหรับสไตล์หรือรูปแบบเชิงกลยุทธ์ในการลงทุน โดยหลักๆ แล้วจำแนกออกเป็น 5 ข้อดังนี้

    1. Scalping  คือเน้นทำกำไรระยะสั้น ๆ
    2. Day trading คือการเข้าออเดอร์เน้นที่ช่วงของราคามีจังหวะสะบัดหรือสวิงนั่นเอง
    3. Swing trading คือการเทรดโดยเน้นยึดเทรนด์เป็นหลัก
    4. Trend trading คือการเทรด เน้นยึดเทรนด์เป็นหลัก

    ในแต่ละรูปแบบ มีข้อดี ข้อเสียดังนี้

    1. Scalping

    คือการเทรดเน้นที่ความถี่ของออเดอร์ เน้นทำกำไรระยะสั้นๆ ส่วนใหญ่ก็จะเล่นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เช่นไม่เกิน 2-3 ชั่วโมงหรือบางทีอาจจะมากกว่า หรือน้อยกว่านี้ ทามเฟรมที่นิยมเล่นกันคือตั้งแต่ 1 นาทีไปจนถึง 5,15, 30 นาที โดยใช้ทามเฟรม 1 ชั่วโมงเป็นตัวคุมภาพรวม ใช้ทามเฟรมรายวันเพื่อดูแนมโน้มในวันถัดไป ข้อดี ข้อเสีย ของการเล่นแบบ Scalping มีดังนี้ครับ

       ข้อดี

    •  สามารถทำกำไรปริมาณมากๆ ในเวลาสั้นๆ (ประมาณ 1-200 จุด , 10 – 20 pip หรือมากกว่า)
    • ยิ่งเข้าถี่ๆยิ่งสร้างกำไรได้เยอะ (เสี่ยงขาดทุนสูงเช่นกัน)
    • เลือกเข้าตลาด(เทรด) เน้นช่วงที่ตลาดมีความผันผวนชัดเจน (ใช้เวลาน้อย)
    • รู้ผลกำไร/ขาดทุนรวดเร็วทันใจ เพราะเน้นลงทุนระยะสั้น เริ่มตั้งแต่ 1 นาที
    • ไม่ต้องวิเคราะห์ตลาดในระยาวให้ปวดหัว เพราะไม่ถือยาวอยู่แล้ว

    ข้อเสีย

    • ต้องเฝ้าหน้าจอ
    • มีความเสี่ยงสูง ความถี่ของออเดอร์ช่วยทำกำไรเยอะก็จริง แต่เสี่ยงขาดทุนเยอะเช่นกัน
    • จังหวะที่ตลาดผันผวนมากๆ หากไม่มีการจัดการความเสี่ยงที่ดี มีโอกาสโดนล้างพอร์ต หรือหมดตัวเร็ว
    • ต้องมีประสบการณ์และความชำนาญในตลาดไม่น้อย หากเล่นแนวนี้

    2. Day trading

    เป็นกลยุทธ์การซื้อขายที่เน้นทำกำไร ที่จะเทรดจบในวันเดียว ไม่ถือออเดอร์ข้ามคืน เพื่อหลีกเลี่ยงค่า Swap (ค่าดอกเบี้ยถือข้ามคืน) กลยุทธ์ Day trading จะต้องสนใจข่าว ต้องตามข่าว ก่อนออกออเดอร์เสมอ โดยจะเน้นทำกำไร ในช่วงที่มีข่าวสำคัญประกาศ ดังนั้น เทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์นี้จะต้องมีเวลาพอ ต้องติดตามข่าว และเฝ้าหน้าจออย่างต่อเนื่อง

     ข้อดี

    • มีโอกาสทำกำไรได้สูง ถ้าวิเคราะห์ข่าวเป็น
    • ไม่ต้องเสียค่า Swap เพราะไม่ถือข้ามคืน
    • มีข้อมูลในการวิเคราะห์ตลาดภาพรวม เนื่องจากมีการติดตามข่าวตลอด เป็นคนทันโลก ทันเหตุการณ์

    ข้อเสีย

    • ต้องเฝ้าหน้าจอ
    • ต้องคิดวิเคราะห์ข่าว
    • โอกาสทำกำไร มากน้อย ขึ้นอยู่กับสถานะการข่าว

    3. Swing trading

    กลยุทธ์การซื้อขายแบบ Swing Trading  ของเทรดเดอร์ในตลาด Forex นั้นมีทั้งระยะสั้นและแบบระยะยาว ไม่ขึ้นกับระยะเวลา การถือยาวหรือสั้นจะขึ้นอยู่กับ Timeframe ที่ใช้ เนื่องจากจังหวะที่เทรด เหมาะกับสภาวะตลาดที่มีการแกว่งตัวรุนแรงหรือสภาวะตลาดที่เป็น Sideway ดังนั้นทักษณะเรื่องการมองกราฟราคาให้ออกว่าอยู่ในแนวโน้มแบบใดจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก การเทรดด้วยวิธีนี้จะนิยมใช้การจัดการความเสี่ยงด้วยการทำ Hedging หรือการจัดการความเสี่ยงแบบ เฮดจ์ฟันด์ (Hedge Fund) อาจจะใช้การจัดการความเสี่ยงด้วยวิธีอื่นๆ ซึ่งมีอยู่มากมาย เช่น Stop loss (แบบมีชั้นเชิง), ฯล แต่ส่วนมากแล้วจะนิยมใช้ Hedging กันชะเป็นส่วนใหญ่ สำหรับสวิงเทรดดิ่งนี้ สามารถเป็นได้ทั้งระยะสั้น- ระยะกลาง -ระยะยาว เช่นจากรายชั่วโมง – รายวัน – รายสัปดาห์ รายเดือน ไปจนถึงรายไตรมาสก็ได้ (day trade, week trade, month trade) ปกติแล้วเทรดเดอร์เมื่อเข้ามาอยู่ในตลาดชักระยะแล้ว มักจะไต่เต้าเป็นสวิงเทรดดิ่งไปเองโดยอัตโนมัต โดยไม่รู้ตัว เนื่องจากทนกำไรไม่ได้ (แต่ทนขาดทุนได้) คือเมื่อเห็นเป็นกำไรก็มักจะปิดออเดอร์ แล้วหาจังหวะเข้าใหม่นั่นเอง(ส่วนมากเป็นกันทุกคน)

    ข้อดี

    • เหมาะกับตลาดที่มี leverage มีความผันผวน
    • เน้นที่จังหวะเข้าเท่านั้น ไม่ต้องสนใจเทรนด์หรือแนวโน้ม
    • ไม่ต้องเฝ้าหน้าจอ (มีเวลาไปไหนมาไหนได้ตามสะบาย)
    • ไม่ต้องเข้าออเดอร์บ่อย (ในวันหนึ่งเข้าไม่กี่ไม้หรือเข้าเพียงไม้เดียว)
    • สามารถซื้อได้หลายๆคู่ พร้อมกัน (เน้นเข้าให้ถูกจังหวะ ถ้าผิดตัดขาดทุนด้วย stop loss ไป)
    • เหมาะกับรูปแบบการจัดการความเสี่ยงโดยใช้ Fixed ล็อท เพื่อความคล่องตัว

    ข้อเสีย

    • ต้องหาจุดเข้าให้เป็นและแม่นด้วย (จุดเข้าสำคัญกว่าการมองเทรนด์)
    • โดนลากบ่อย เมื่อเข้าผิดจุด
    • ไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการถือกำไรระยะยาว

    4. Trend trading

    สิ่งสำคัญของการใช้กลยุทธ์สไตล์นี้คือ การอ่านเทรนด์ให้ขาด มองเทรนด์ใหญ่เป็นหลัก พูดง่ายก็คือ จังหวะเข้าไม่สำคัญเท่าการมองเทรนด์ขาด (การอ่านเทรนด์สำคัญกว่าหาจังหวะเข้า) และเราจะต้องปล่อยกำไรให้วิ่งไปจนสุดเทรนด์ ไปจนกว่าเราเห็นว่าราคาหรือเทรนด์มันหมด จะไม่ไปต่อแล้ว ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอันใด แล้วคุณก็ปิดจ๊อบ(ปิดออเดอร์) เอากำไรก้อนโต เป็นอันว่าเสร็จภาระกิจ แต่ก็มีบางท่านที่สับสนกับ Trend follow กับ Swing trading อธิบายง่ายๆก็คือ ในการเทรดหากคุณตั้ง stop loss และ take profit ไปเรื่อยๆ ของในแต่ล่ะช่วง ก็เท่ากับว่าเป็นการจำกัดกำไร จำกัดการขาดทุน อย่างนี้ก็ไม่ใช่ Trend follow แต่จะเป็น swing trade ทันที ฉนั้น Trend follow จึงมีแค่ตั้ง stop loss แล้วรันไปเรื่อยๆ โดยไม่ตั้ง take profit ไปจนกว่าเรามองเห็นว่ามันสุดเทรนด์ แล้วปิดออเดอร์รอบเดียว ถึงแม้ว่าจะมีการขาดทุนหลายๆรอบ ในช่วงที่สวนเทรนด์ แต่เมื่อราคากลับมา แลัววิ่งไปตามเทรนด์หลักจนสุด หรือเห็นว่ามีสัญญาณที่ไม่ดี ที่เทรนด์จะไม่ไปต่อแล้ว ก็ปิดทำกำไรรอบเดียว โดยกำไรที่ได้นี้ก็จะ cover การขาดทุนทั้งหมด ไปโดยปริยาย

    ข้อดี

    • สามารถนำไปใช้ได้ทุกตลาด เช่น หุ้น
    • ไม่ต้องเฝ้าหน้าจอ (มีเวลาไปไหนมาไหนได้ตามสะบาย)
    • ไม่ต้องเข้าออเดอร์บ่อย (ในวันหนึ่งเข้าไม่กี่ไม้หรือเข้าเพียงไม้เดียว)
    • เลือกระยะการเทรดได้ง่าย เพราะดูจากเทรนด์เป็นหลัก
    • เหมาะกับผู้ที่ไม่ค่อยว่าง เพราะเล่นรอบใหญ่ ระยะยาว
    • ลดความกังกลเพราะไม่ต้องมาคลุกคลีกับกราฟเกินไป
    • ไม่ต้องปวดหัว เพราะใช้ Stop loss ตัดขาดทุนถ้าไปผิดทาง (ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม)
    • สามารถเล่นทามเฟรมระยะสั้นได้เหมือนกัน แต่ต้องมองเป็นเทรนด์ เช่นทามเฟรมรายวัน

    ข้อเสีย

    • ไม่เหมาะกับผู้มองเทรนด์ไม่เป็น หรือมองไม่ขาด
    • เป็นการลงทุน ระยะยาว ต้องใช้งบลงทุนสูง
    • ต้องมีความอดทนสูง ใจเย็นมากๆ ไม่ว่ากำไรหรือขาดทุน ในช่วงที่เทรนด์กำลังวิ่ง
    • ในตลาด forex ใช้ระบบมาร์จิ้น มี leverage สูง หากจะถือยาวจริงๆ ต้องมีการคำนวณ วางแผนการที่รัดกุมมากๆ แล้วพอร์ตที่ถือต้องใหญ่มากๆ ตามเทรนด์บวกระยะเวลาที่กำหนด
    • ไม่เหมาะกับนักลงทุนระยะสั้น ที่ต้องการหมุนเงิน

    สไตล์หรือเทคนิคเชิงกลยุทธ์แบบไหนที่เหมาะกับเรา  สไตล์หรือเทคนิคเชิงกลยุทธ์รูปแบบไหนที่เหมาะกับเรา

    • Scalping  หากท่านต้องการปั่นพอร์ต ทำกำไรให้เติบโตในระยะสั้นๆ โดยไม่ซีเรียสกับการเฝ้าหน้าจอ
      ก็โฟกัสไปที่ การฝึกกลยุทธ์ ต่างๆ เกี่ยวกับ Sclapping เช่น วิธีจัดการความเสี่ยงแบบ Sclapping, กลยุทธ์การทำกำไรแบบ Sclapping, ระยะเวลา(ทามเฟรม)ที่เหมาะกับ Sclapping
    • Day trading หากท่านคือสายโหด กำไรหรือขาดทุน มันเร็วฟ้าผ่าในช่วงพริบตาเพียงไม่กี่นาที อย่างไรก็ตาม ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเร็วแบบฟ้าผ่าสักเพียงไหน หากเราอยู่กับมันนานๆ เราก็จะมีแผนรับมือกับมันเอง โดยการใช้กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง ที่มีชั้นเชิงทางเทคนิคที่สูงขึ้น เช่นการทำ Hedging เชิงลึก,การจัดการความเสี่ยงโดยวิเคราะห์จาก Maximum Draw-down ที่เหมาะสม เป็นต้น
    • Swing trading หากคุณอยากมีเวลาว่าง ไม่ชอบเฝ้าหน้าจอ ไม่ต้องเข้าออเดอร์หลายไม้
      ก็โฟกัสไปที่ การหาจุดเข้าให้แม่นๆ ฝึกกลยุทธ์ต่างที่ใช้กับ swing trade
    • Trend trading ถ้าท่านเป็นคนที่มีทุนหนา มีงบลงทุน(เงิน) ที่เย็นมากๆ ไม่ได้นำไปหมุนใช้อะไร เเละตัวท่านเองก็เป็นคนที่ใจเย็น(มากๆ) แบบอดเปรี้ยวไว้กินหวาน มีความเด็ดเดี่ยวและมั่นคง ทนกำไรหรือขาดทุนในระยะยาวได้(ไปจนสุดเทรนด์) เป็นคนมองการไกล
    ——————————————————————
    สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการใช้ EA indicator และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี
    มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
    .
    เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆอื่นๆได้อีกในอนาคต
    XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย
    .
    Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ
    .
    exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด
    .
    **”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อ
    .
    ขอรับ EA ได้ฟรี!”**
    .
    ช่องทางการพูดคุย
    .
    Line Id :: @ft.th
    .
    .
    กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กําไรอย่างยั่งยืน
    .
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการรับมือกับความเสี่ยงของระบบเทรด forex

    มกราคม 1, 2022

    Risk Management คืออะไร

    คำว่า Risk Management แปลเป็นไทยได้ว่า “การบริหารความเสี่ยง” โดยเป็นการบริหารความเสี่ยงจากการลงทุนในตลาด forex ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงมากในเรื่องของความเสี่ยง การบริหารความเสี่ยงในการเทรดที่ดี จะส่งผลให้คุณนั้นมีโอกาสสูงในการทำกำไรครับ โดยความเสี่ยงทั้งหมดนั้นจะเกี่ยวข้องกับเงินทุน (Asset) ที่คุณมีในพอร์ตการลงทุน

     

    เทคนิคในการจัดการกับความเสี่ยงสำหรับตลาด Forex

    1. การควบคุมการสูญเสีย

    การที่เราได้เรียนรู้ว่าเมื่อไหร่ที่เราควรจะ Cut loss หรือ ขายตัดขาดทุน หรือวาง SL ทุกครั้งที่เราเทรด เป็นวิธีจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด อาจจะพูดง่าย แต่เป็นการกระทำที่ยากมากๆ นอกจากเสียจากว่า คุณใช้แพลตฟอร์มหรือเครื่องมือการเทรดที่ตั้งค่าพวกนี้ไว้แล้ว

    ทำไมมันจึงเป็นสิ่งที่ยาก เพราะเทรดเดอร์ส่วนใหญ่โดยเฉพาะมือใหม่ มักอดทนต่อการถูกลาก หรือ อดทนต่อการขาดทุนได้ เพราะมีความหวังในใจว่า ราคามันจะดีดขึ้น หรือ ลงมารับ มีบางรายถึงกับยอมเปลี่ยนจุด หรือลาก SL ให้สูงขึ้นไปกว่าเดิมอีกด้วยซ้ำ
    แต่พอเวลาที่ได้กำไร กลับรีบออกจากออเดอร์ ทั้งๆที่ยังไม่ถึงจุด TP ที่ได้ตั้งเอาไว้ ทั้งนี้เป็นเรื่องของจิตวิทยาการเทรดด้วย

    1. เปรียบเทียบ winrate และ reward:risk ด้วยกันเสมอ

    เทรดเดอร์หลายคนอ้างว่าอัตราการชนะ (winrate) นั้นไร้ประโยชน์ สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าคุณไม่จำเป็นต้องได้รับผลตอบแทนสูงอย่างบ้าคลั่งหรือต้องใช้เวลาในการเทรดนานมาก ตัวอย่างเช่นระบบที่มีอัตราการชนะ 40% (ซึ่งเป็นสิ่งที่เทรดเดอร์มืออาชีพจำนวนมากชอบใช้) ต้องการ reward:risk ratio ความเสี่ยงมากกว่า 1.6 เพื่อการค้ากำไร

    หรือ ด้วยอัตรา R:R ที่ 1:1 ผู้ค้าจะต้องชนะ 51% และมากกว่านั้นเพื่อทำกำไร แต่ในทางปฏิบัติมันจะดีกว่าไหมถ้า จะชนะ 60% หรือมากกว่านั้น ซึ่งจะตรงกับ 2:1 R:R ที่เทรดเดอร์จะชนะเพียง 35% เท่านั้น นี่คือสถิติทางคณิตศาสตร์ทั้งหมดเพื่อให้แน่ใจว่าคุณเป็นเทรดเดอร์ ที่สามารถทำกำไรได้

    ด้วย 0.5: 1 R: R …คุณต้องชนะอย่างน้อย 67% และต้องมากกว่าเพื่อได้กำไร

    ด้วย 1: 1 R: R … คุณต้องชนะอย่างน้อย 55% + เพื่อชนะและได้กำไร

    ด้วย 2: 1 R: R … คุณต้องการอย่างน้อย 35% + เพื่อชนะและได้กำไร

    ด้วย 3: 1 R: R … คุณต้องการชัยชนะอย่างน้อย 28% +

    ด้วย 4: 1 R: R … คุณต้องชนะอย่างน้อย21% +

    ด้วย 5: 1 R: R … คุณต้องชนะอย่างน้อย 17% +

    ด้วย 10: 1 R: R … คุณต้องชนะอย่างน้อย 11% +

    ด้วย 20: 1 R: R … คุณต้องชนะอย่างน้อย 6% +

    ไม่ใช่ตัวเลขลอยๆ แต่มาจากสูตร Win % x Take profit size – Loss % x Stop Loss size

    ตัวอย่างเช่น 30% x 55- 70% x 20 = 2.5

    1. Position Sizing (ขนาดของการเปิดออเดอร์)

    การปรับ Position Sizing มีความสำคัญเนื่องจากจะทำให้เทรดเดอร์สามารถปรับขนาดของการซื้อขายให้สอดคล้องกับสภาพตลาด หากเทรดเดอร์ใช้ Position Sizing คงที่ที่ 1 มินิตัวอย่างการสูญเสียอาจแตกต่างกันไปตามขนาดของ SL  ตัวอย่างเช่น:

    เราฝาก = 5,000 USD

    Risk = 1% จากการฝาก = 50 USD

    คู่สกุลเงิน = EUR / USD

    SL = 30p = 300 USD ตามล็อตมาตรฐาน

    ขนาดที่จะเปิดเพื่อไม่ให้เราเสี่ยงเกิน 1% = Risk / SL = 50/300 = 0.16 ลอต

    ซึ่งคุณไม่ควรจะเปิดออเดอร์ต่อลอตที่มากกว่า 0.16 นั่นเอง

    1. ค่าเลเวอเรจ (Leverage)

    การซื้อขายฟอเร็กซ์ด้วยเลเวอเรจนั้นเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น โอกาสในการขยายมูลค่าของการซื้อขายของคุณนั้นมีอยู่เพียงแค่ปลายนิ้ว เช่น ถ้าคุณฝากเงินเข้าบัญชี $1,000 และโบรคเกอร์ของคุณให้ค่าเลเวอเรจ 50: 1 คุณจะมีอำนาจการซื้อขาย สูงถึง $50,000 และถ้าคุณฝากเงิน $100 เมื่อเลือกค่าเลเวอเรจ 100:1 ก็เท่ากับว่าคุณสามารถซื้อขายได้ถึง $10,000 เลยทีเดียว

    เนื่องจากมันทำให้คุณมีอำนาจในการซื้อขาย จึงทำให้คุณเผลอที่จะเข้าออเดอร์ซื้อขายมากตามไปด้วย สมมุติว่า คุณควรจะเทรดแค่ 5 ออเดอร์ แต่เมื่อได้ค่าเลเวอเรจสูง จะทำให้คุณเพิ่มออเดอร์เข้าไปได้อีก เป็น 10 ออเดอร์ และเมื่อคุณใช้อารมณ์ในการเทรดด้วย การเสี่ยงที่จะทำให้คุณล้างพอร์ตมีมากขึ้นด้วย

    1. แผนการซื้อขาย

    การซื้อขายฟอเร็กซ์นั้นมาพร้อมกับความเสี่ยงในระดับหนึ่งและด้วยเหตุนี้การสร้างแผนการซื้อขายที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญ หากไม่มีแผนการซื้อขาย ก็จะทำให้คุณเสี่ยงต่อการขาดทุน, เทรดด้วยความตึงเครียดและส่งผลถึงอารมณ์และสุขภาพ

    ในทางตรงกันข้ามเมื่อคุณทำตามแผนการซื้อขายอย่างระมัดระวัง คุณมักจะซื้อขายด้วยวินัย, ความอดทนความเป็นกลางและไม่มีอารมณ์มาเกี่ยวข้อง ซึ่งจะทำให้การเทรดของคุณมีระบบมากขึ้น สามารถพัฒนาปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ตามลำดับ

    การบริหารความเสี่ยงอย่างจริงจัง

    การซื้อขายฟอเร็กซ์ เป็นกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูงซึ่งตลาดสามารถเคลื่อนไหวได้ในพริบตา ดังนั้นจึงไม่มีวิธีใดที่จะซื้อขายโดยที่ไม่ขาดทุนเลย อย่างไรก็ตามมีนักลงทุนบางคนที่มีแนวโน้มที่จะได้รับเปอร์เซ็นต์ที่สูงกว่า นี่เป็นเพราะพวกเขาสร้างมาตรการการบริหารความเสี่ยงที่สอดคล้องกันล่วงหน้าซึ่งพวกเขาปฏิบัติตามอย่างพิถีพิถัน

     

    ข้อดีของการทำ Risk Management

    1.ช่วยให้คุณนั้นสามารถรักษาเงินต้นของคุณไว้ได้อย่างปลอดภัย

    2.ช่วยให้คุณนั้นสามารถมองหาโอกาสอย่างง่ายๆในการทำกำไร และที่สำคัญคือ ปัญหาเรื่องของการล้างพอร์ตจะไม่เกิดขึ้นกับคุณ

    3.ช่วยให้คุณนั้นสามารถทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ และรู้ว่าการเทรด forex คือการลงทุนไม่ใช่การพนัน

    4.ห้ามลืมว่าการทำ Risk Management นั้นเกี่ยวข้องกับการบริหารเงินหน้าตักของคุณนะครับ

    5.อย่าดูเบาเรื่องความรู้เกี่ยวกับ Risk Management คุณต้องหมั่นเรียนรู้สูตรต่างๆของ Risk Management ด้วยเสมอๆ

    ……………………………………………………………………………………………………………

    สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการใช้ EA indicator และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี
    มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
    .
    เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆอื่นๆได้อีกในอนาคต
    XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย
    .
    Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ
    .
    exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด
    .
    **”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อ
    .
    ขอรับ EA ได้ฟรี!”**
    .
    ช่องทางการพูดคุย
    .
    Line Id :: @ft.th
    .
    .
    กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กําไรอย่างยั่งยืน
    .
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการจัดการ Lot ระบบเทรดforex

    มกราคม 1, 2022

    โดยทั่วไปแล้ว การจัดการ Lot ระบบเทรดforex เป็นสิ่งหลักที่ต้องพูดถึง การจัดการา Lot มันคือ Money Managent คือ การลดความเสี่ยง การเพิ่มความน่าจะเป็นในการทำกำไร  ถ้าจะให้บอกว่า วิธีการจัดการ Lot แบบไหนที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และดีที่สุดสำหรับระบบเทรด Forex คงต้องบอกว่า มันคือวิธีการส่ง Lot เท่ากันหมดทุกออเดอร์ ทำไมการส่งทุกออเดอร์เท่ากันหมดถึงเป็นการจัดการ Lot ที่ดีได้อย่างนั้นหรือ?  ก็เพราะว่า ด้วยความไม่รู้ของเรานั่นแหละครับ ทำให้เราจะจัดการ Lot ให้เท่ากันหมด แล้วการจัดการ Lot แบบไหนที่ผมชื่นชอบเป็นพิเศษ ก็เรียกว่า การจัดการ Lot ตามความเสี่ยงครับ  โดยบทความนี้เราก็จะมาพูดถึงเรื่องการจัดการ Lot เป็นหลัก ดังต่อไปนี้

    การจัดการ Lot คืออะไร?

    การจัดการ Lot คือ การบริหารจัดการความเสี่ยง ดังนั้น การจัดการความเสี่ยง หมายความว่าเรารู้ว่ามันเสี่ยง ความเสี่ยง คือ การที่เราไม่สามารถคาดเดาได้ว่า ผลของมันจะไม่แน่นอน ซึ่งก็คือ เราไม่รู้นั่นเอง ถ้าเราไม่รู้ว่า จะเกิดเหตุการณ์แบบไหนและจะเป็นอย่างไร นั่นเรียกว่า ความเสี่ยง  และเพื่อให้ความเสี่ยงน้อยลง เราก็ต้องมีการจัดการ Lot การจัดการ Lot สามารถแบ่งได้เป็นหลายรูปแบบ เรามาดูรูปแบบ ของการจัดการ Lot กัน

    1. รูปแบบ คงที่ – รูปแบบคงที่คือ ส่งเท่ากันทุกครั้ง ซึ่งทำให้ เวลาขาดทุนก็จะได้คืนในสัดส่วนที่เท่ากัน การจัดการ lot แบบนี้จึงมีความน่าสนใจ
    2. รูปแบบปีรามิด – รูปแบบ ปีรามิด มี 2 แบบ คือ ปีรามิด คว่ำและหงาย ซึ่ง ปีรามิด หมายความว่า ยิ่งราคาลดต่ำลงก็จะส่ง Lot มากขึ้น หรือ่ในทางกลับกัน ยิ่งราคาสูงขึ้นก็จะส่ง lot สูงขึ้น
    3. รูปแบบตามความเสี่ยง – เช่น เสี่ยงมากก็จะส่งน้อย เมื่อเสี่ยงน้อยก็จะส่งมาก

    ใน 3 รูปแบบที่ว่ามา ผมชอบ lot แบบรูปแบบตามความเสี่ยงมากที่สุด เพราะว่าจัดการได้ง่าย แต่อย่างไรก็ตาม มันก็มีจุดอ่อนอยู่บ้าง ซึ่งเดี๋ยวเราจะว่ากันในรายละเอียดต่อไป การจัดการ Lot ใน 3 รูปแบบที่กล่าวมานั้น อาจจะมีรูปแบบย่อยอีก เช่น รูปแบบปีรามิด ก็คือ รูปแบบ Martinagle หรือ การเทรดแบบ เบิ้ลลอท ที่เราคุ้นเคย ซึ่งจะมีทั้งใส่ Stop loss และไม่ใส่ Stop loss เป็นต้น ขณะที่รูปแบบตามความเสี่ยง ก็สามารถแยกรายออเดอร์ หรือรายจุดได้ ระบบที่เป็นที่รู้จักระบบหนึ่งในรูปแบบตามความเสี่ยง คือ Kelly formula นั่นเอง

     

    รูปแบบตามความเสี่ยง

    ในรูปแบบตามความเสี่ยงที่ผมจะพูดถึงวันนี้เป็นรูปแบบตามความเสี่ยงแบบธรรมดา เช่น ถ้าหากเราคิดว่า ค่าเงินจะลง แล้วคิดว่ามันมีโอกาสเท่าไหร่ที่จะลงกันหล่ะ ถ้ามีโฮกาสมาก เราก็ส่ง Sell และถ้ามันมีโอกาสน้อย แต่คิดว่ามีโอกาสกลับตัว เราก็ควร ส่ง Sell แต่ Lot น้อย ๆ ครับ และเพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น ผมเลยยกตัวอย่างในกราฟดังต่อไปนี้

    ในรูปผมใส่กราฟ ลงมาเป็นกราฟ ของ EURUSD ในกราฟเป็นกราฟ 1 ชั่วโมง ผมได้ทำการสร้างวงกลมไว้ 3 ประเภท โดยแบ่งตามสี ซึ่งมี 4 สถานการณ์ตัวอย่าง เรามาดูสถานการณ์แรก

    สีเหลืองวงกลมแรก จะเห็นว่า เป็นวงกลมที่ราคามีแนวโน้มว่าจะขึ้น แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะขึ้นหรือไม่ เพราะว่า ราคาเคลื่อนไหวอยู่กึ่งกลาง Envelope indicator ผมจึงคิดว่า ผมจะให้ความเสี่ยงของโอกาสที่จะไม่ขึ้น เท่ากับ 60 % นั่นหมายความว่า มีโอกาสที่จะไม่ขึ้น 60 % แต่ก็ยังคิดว่ามีโอกาสไม่ขึ้นอยู่ด้วย ถ้าเดิมทีผมจะส่ง Lot 1 Micro Lot ผมจะส่งแค่ 0.3 หรือ 0.4 ของที่จะส่งเท่านั้น

    วงกลมสีฟ้า จะเห็นว่า เป็นกราฟที่มีแนวโน้มว่าราคาจะขึ้น และค่อนข้างที่จะมีแรงสนับสนุนจากการเคลื่อนไหว พฤติกรรมราคาที่แกว่งตัวอยู่ในกรอบค่อนข้างบน  ผมคิดว่าน่าจะขึ้น แต่ว่าราคามันเคลื่อนไหวอยู่ช่วงกลางจึงคิดว่า จะให้สัก 60 % ของ lot ที่จะส่งคือ Lot Micro 1 โดยส่งแค่ 0.6

    อีกตัวอย่างหนึ่ง คือ สีเหลือง ที่ผมคิดว่า มีโอกาสที่กราฟจะกลับตัวเป็นขาลงสูง แต่ว่าผมก็ยังไม่แน่ใจเพราะที่ผ่านมา กราฟ EURUSD นั้นเป็นขาขึ้น ผมจึงคิดว่า จะส่งแค่ 0.3 เหมือนกับ Position แรก ซึ่งแน่นอนว่าผมเดาถูกเพราะมันกลายเป็นขาขึ้น

    และกราฟรูปแบบสุดท้าย เนื่องจากมันแตะจุดสูงสุดแล้วดีดกลับ จึงคิดว่า มีโอกาสูงมากที่ราคาจะลง จึงได้ส่ง Lot 1  สูงสุดของที่คำนวณว่าจะต้องเทรดเท่านั้น

     

    ข้อดีข้อเสียของการส่ง Lot ตามความเสี่ยงระบบเทรดforex

    ข้อดี – การส่ง lot ตามความเสี่ยงทำให้บางจังหวะสามารถทำกำไรได้เร็ว และเมื่อเป็นไปตามความคิดของเรามันก็จะสามารถป้องกันความเสี่ยงของการที่จะขาดทุนไว้ด้วย เนื่องจาก ส่ง lot น้อย

    ข้อเสีย – เนื่องจากเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นการส่งตามความเสี่ยง เมื่อเรามั่นใจสูงเราก็จะส่ง lot ใหญ่ แต่ถ้ามันผิดหล่ะ การเอาคืนจากการผิดพลาดออเดอร์แรก จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ดังนั้น ถ้าเราขาดทุนและครั้งต่อไปเราส่ง lot เล็กก็จะไม่สามารถ Cover ขาดทุนครั้งเก่าได้ ดังนั้น การส่ง lot แบบนี้จึงเป็นอะไรที่ต้องเสี่ยงกันบ้างและต้องใช้การคาดการที่แม่นยำด้วยเช่นกัน

     

    ……………………………………………………………………………………………………………..
    สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการใช้ EA indicator และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี
    มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
    .
    เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆอื่นๆได้อีกในอนาคต
    XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย
    .
    Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ
    .
    exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด
    .
    **”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อ
    .
    ขอรับ EA ได้ฟรี!”**
    .
    ช่องทางการพูดคุย
    .
    Line Id :: @ft.th
    .
    .
    กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กําไรอย่างยั่งยืน
    .
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    เทคนิคการใช้อีเอ

    ข้อดีและความเสี่ยง:ระบบเทรดForex Copy Trading

    มกราคม 1, 2022

    Copy trading โดยทั่วไปแล้วก็คือการลอกเลียนแบบการเทรดจากนักเทรดคนอื่นที่มีความชำนาญในการเทรดแล้วนั่นเอง และโบรคเกอร์ฟอเร็กซ์ก็สามารถใช้วิธีการเทรดในลักษณะนี้ได้

    แล้ว Copy Trading ต้องทำอย่างไร?

    นักเทรดที่มีความชำนาญในการเทรดสามารถเผยแพร่วิธีการเทรดของตนเองผ่านไลฟ์ แล้วจากนั้นนักเทรดคนอื่นๆสามารถลอกเลียนแบบวิธีการเทรดจากพวกเขาได้

    วิธีนี้กำลังเป็นที่นิยม โดยเฉพาะในกลุ่มนักเทรดฟอเร็กซ์ที่พึ่งหัดเทรด แต่อย่างไรก็ตามวิธีนี้ก็เหมือนวิธีการเทรดลักษณะอื่นๆ ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย

    เพราะฉะนั้นเรามาดูกันดีกว่าค่ะว่า ข้อดีและข้อเสียของการใช้วิธีนี้ในโลกของฟอเร็กซ์มีอะไรบ้าง

     

    ข้อดีของระบบเทรด Copy Trading

    สร้างรายได้ไปพร้อมกับการเรียนรู้

    Copy Trading  สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการขาดทุนจากระบบเทรด นักเทรดมือใหม่ทำการเทรดในขณะที่กำลังทำความรู้จักกับฟอเร็กซ์และเรียนรู้วิธีการต่างๆ ซึ่งวฺิธีการนี้ใช้เวลาค่อนข้างนาน และคุณก็อาจขาดทุนเนื่องจากคุณยังเรียนรู้วิธีการเทรดได้ไม่เพียงพอนัก

    ในทางกลับกัน copy trading  เป็นเสมือนทางลัดให้กับนักเทรดมือใหม่หลายๆคน เพราะพวกเขาสามารถก้อปปี้วิธีการเทรดจากนักเทรดที่มีประสบการณ์แล้วนั่นเอง มากไปกว่านั้นนักเทรดมือใหม่สามารถดูตัวอย่างจากนักเทรดเหล่านั้นแล้วเรียนรู้เทคนิคจากพวกเขาได้เรียนรู้เทคนิคจากนักเทรดที่มีความชำนาญ

    คุณสามารถเรียกวิธีการนี้ว่า “passive-learning” เพราะโปรแกรมที่รองรับระบบเทรด copy-trading มีหลากหลายให้คุณได้เลือก ซึ่งโปรแกรมเหล่านั้นมาพร้อมกับคุณสมบัติในการแชท ที่ช่วยให้นักเทรดสามารถสื่อสารกันได้ อย่างไรก็ตามอาจมีบางโปรแกรมที่นักเทรดไม่สามารถสื่อสารกันได้ แต่พวกเขายังคงสามารถลอกเลียนแบบวิธีการเทรดจากนักเทรดคนอื่นได้

    ยกตัวอย่างเช่น นักเทรดมือใหม่สังเกตตำแหน่งที่นักเทรดคนอื่นเปิดออเดอร์ เขาสามารถสังเกตขนาดการเทรด เมื่อแนวโน้มของตลาดมีความไม่แน่นอน

    เห็นไหมล่ะคะว่า ทุกอย่างเปรียบเสมือนการเรียนรู้แบบเปิด  ซึ่งวิธีการเรียนรู้ในรูปแบบนี้ขึ้นอยู่กับนักเทรด ว่าพวกเขาจะสามารถนำวิธีการเรียนรู้เหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ได้มากน้อยเพียงใด

    ไม่มีเวลาที่จะเทรด? ไม่ใช่ปัญหาค่ะ

    คุณสามารถย้อนกลับไปดูกิจกรรมการเทรดในแต่ละวันได้จากบัญชีของคุณเอง และในขณะเดียวกันคุณสามารถเลือกนักเทรดที่คุณต้องการก้อปปี้ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามคุณต้องรู้จักเลือกนักเทรดที่มีประวัติการเทรดที่ดี ซึ่งการเลือกเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะเงินที่คุณลงทุนไป จะขึ้นอยู่กับพวกเขานั่นเอง

     

    ความเสี่ยงของระบบเทรด Copy Trading

     เลือกนักเทรดแบบผิดๆ

    บางทีความเสี่ยงที่น่ากลัวที่สุดจากการใช้ระบบเทรด copy trading ก็คือ การเลือกนักเทรดแบบผิดๆ เพราะฉะนั้นการเลือกนักเทรดที่ดี คุณควรคุยหรือแลกเปลี่ยนความเห็นจากนักเทรดคนอื่นๆ

    นอกจากนั้นคุณควรตรวจดูประวัติการเทรดของพวกเขาอย่างระมัดระวังก่อนที่คุณจะทำการก้อปปี้ เพราะไม่ว่าเงินที่คุณลงทุนจะมีจำนวนมากหรือน้อยก็ตาม เงินเหล่านั้นจะขึ้นอยู่กับการเลือกของคุณนั่นเอง

    โบรกเกอร์ที่ไม่จริงใจ

    คุณสมบัติของโบรกเกอร์ที่จริงใจนั้น นอกจากจะให้ความสะดวกสบายในเรื่องของการเทรดแล้ว พวกเขาจะช่วยคุณมองหานักเทรดที่คุณสามารถก้อปปี้จากพวกเขาได้ ซึ่งในทางกลับกันโบรกเกอร์ที่ไม่มีความจริงใจ พวกเขามักจะให้ข้อมูลกับลูกค้าอย่างรวดเร็ว โดยปราศจากการเช็คประวัติของนักเทรดคนอื่นๆ

    เพราะฉะนั้นนักเทรดที่โบรกเกอร์ที่ดีควรแนะนำก็คือ นักเทรดที่มีประวัติการเทรดเป็นระยะเวลานาน และมีผลกำไรที่ค่อนข้างคงที่ แต่ข้อควรระวังก็คือ นักเทรดที่มีประวัติในการเทรดที่ได้รับผลตอบแทนทีละเยอะๆ แต่นานทีครั้ง นั่นก็ดูจะเสี่ยงเกินไปที่จะก้อปปี้วิธีการเทรดตามพวกเขา

    ใช้วิธีการ Mirroring trades จากหลายบัญชี

    ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ถ้าเราทำมันมากเกินไป มันก็ไม่ดีทั้งนั้นถูกไหมล่ะคะ แม้แต่การ mirroring ก็ไม่มีข้อยกเว้นด้วยเช่นกัน การมีบัญชีมากเกินไปจะทำให้เราเทรดมากจนเกินไปนั่นเอง  ซึ่งอาจทำให้คุณขาดทุนในจำนวนเยอะๆเช่นเดียวกัน

    การที่คุณก้อปปี้การเทรดจากนักเทรดหลายๆคน วิธีนี้ก็จะส่งผลต่อกำไรของคุณด้วยเช่นกันค่ะ โดยเฉพาะถ้าการตัดสินใจเหล่านั้นเป็นการตัดสินใจที่ผิด เพราะฉะนั้นคำแนะนำที่เราอยากจะให้คุณก็คือ คุณควรก้อปปี้ในระดับขั้นต่ำสุด จากนั้นลองเทรดแบบผสมในหลากหลายวิธี ซึ่งการผสมผสานวิธีการเทรดจากนักเทรดคนอื่นๆนั้นขึ้นอยู่กับกระบวนการเทรดของพวกเขานั่นเอง

    ซึ่งการป้องกันในลักษณะนี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการขาดทุนให้น้อยที่สุด

    เพราะฉะนั้นระบบเทรด Copy trading เป็นทางเลือกที่น่าตื่นเต้นเลยทีเดียว โดยเฉพาะกับนักเทรดมือใหม่ทั้งหลาย คุณต้องทำการบ้านเยอะๆ และเรียนรู้วิธีนี้อย่างระมัดระวัง และแน่นอนค่ะว่า มันมาพร้อมกับข้อดีหลายอย่าง แต่ถึงอย่างไรก็ตาม คุณก็ไม่ควรลืมข้อเสียของมันไป

    ……………………………………………………………………………………………………………..

    สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการใช้ EA indicator และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี
    มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
    .
    เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆอื่นๆได้อีกในอนาคต
    XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย
    .
    Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ
    .
    exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด
    .
    **”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อ
    .
    ขอรับ EA ได้ฟรี!”**
    .
    ช่องทางการพูดคุย
    .
    Line Id :: @ft.th
    .
    .
    กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กําไรอย่างยั่งยืน
    .
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน