………………………………………………………………………………………………………………………………………………
- Bid Price คือ ราคาขายที่โบรกเกอร์เสนอให้ ใช้กับการเปิด Order แบบ Sell
- Ask Price คือ ราคาซื้อที่โบรกเกอร์เสนอให้ ใช้กับการเปิด Order แบบ Buy
- Spread สเปรด คือ ส่วนต่างระหว่างราคา bid และราคา ask
- สเปรดคงที่นั้นถูกเสนอโดยโบรกเกอร์ที่ใช้โมเดล ประเภท Market maker หรือ “dealing desk”
- สเปรดคงที่ มักจะอยู่ที่ประมาณ 3 pip หรือมากกว่า แล้วแต่คู่สกุลเงินและโบรกเกอร์นั้นๆ
- สเปรดแปรผันจะถูกเสนอโดยโบรกเกอร์ Non-dealing desk โดยโบรกเกอร์ประเภทนี้จะได้ราคามาจากผู้ให้บริการสภาพคล่องหลายแห่งและส่งต่อราคาให้กับเทรดเดอร์โดยปราศจากการแทรกแซง
- สเปรดแปรผัน อาจมีการเปลี่ยนแปลงสูงถึง 30 pip หรืออาจต่ำถึง 0.1 pip ก็ได้ ซึ้งขึ้นอยู่กับความผันผวนและการเปลี่ยนแปลงของตลาด
- สเปรดมีผลกับกำไรและขาดทุนกับออเดอร์โดยตรงตั้งแต่ครั้งแรก เพราะเมื่อคุณส่งคำสั่งซื้อขายหรือเทรด ออเดอร์ของคุณจะติดลบทันทีจากค่าสเปรดนั่นเอง
- การเลือกเทรดกับโบรกเกอร์ที่มี Spread ต่ำ ช่วยให้คุณมีโอกาสทำกำไรได้สูงขึ้นได้ เพราะมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำลง
- โดยมาตรฐานทั่วไป Spread สำหรับ EUR/USD ไม่ควรเกิน 2.0 Pips ( 20 Point )
- สมมุติถ้า Spread ของ 2 โบรกเกอร์ ต่างกัน 1 pip และ pip ละ $10 ถ้า
- จากการเทรด 100 ครั้งก็คือ $1000
- เลือกโบรกเกอร์ Forex ที่ Spread น้อยๆ จะทำให้เราได้กำไรมากกว่า Broker ที่ Spread สูง
- คุณจะต้องซื้อ (Bid) ทองคำในราคา 25,000 บาท
- แต่หากคุณจะขาย (Ask) คุณจะขายได้เพียง 24,500 บาท
- เท่ากับว่าคุณจะขาดทุน 500 บาท (Spread)
- สมุมติ ราคาปัจจุบันของ EURUSD = 1.15275
- และได้เคลื่อนไปเป็น 1.15293
- แบบนี้เรียกว่า : ราคาขึ้นมา 18 Point หรือ 1.8 Pip
- ราคาปัจจุบันของ USDJPY = 107.150
- และได้เคลื่อนไปเป็น 107.160
- แบบนี้เรียกว่า : ราคาขึ้นมา 10 Point หรือ 1.0 Pip
- ราคาปัจจุบันของ GBPUSD = 1.27314
- และได้เคลื่อนไปเป็น 1.27200
- แบบนี้เรียกว่า : ราคาลงมา 114 Point หรือ 11.4 Pip
- ตัวเลขจะออกเป็นรายเดือน และระหว่างเดือนปัจจุบัน (หรือเพียงแค่สองสามวันหลังจากนั้น)
- มันให้การคาดการณ์ที่ดีของข้อมูลในอนาคตเช่น GDP และรายงานภาคการผลิตของหน่วยงานราชการ
- รายงานจะแสดงคะแนนที่เปลี่ยนไปจากข้อมูลครั้งก่อน
- ทุกประเทศจะใช้วิธีการวัดแบบเดียวกันเพื่อให้สามารถทำการเปรียบเทียบข้อมูลกันได้
- มันเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล
- ช่วยให้เทรดเดอร์ไม่ต้องเฝ้าแต่หน้าจอ
- EA สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง
- EA ไม่ใช้อารมณ์
- ช่วยตรวจสอบและระบุช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดได้
- คำนึงถึงความเสี่ยงให้มากกว่ากำไร
- อย่าคิดว่าเราสามารถควบคุมตลาดได้
- มีสติรู้เท่าทันความโลภ
- ทำตามแผนการเทรดอย่างมั่นคง
- ปิดหน้าจอไปหรือหยุดพักการเทรด
ประเภทคำสั่งการซื้อขายใน Forex
คำสั่งซื้อขายราคาตลาด (Market Order) หรือคำสั่งซื้อหรือขายทันทีที่ราคาถัดไปที่ซื้อขายได้ คำสั่งซื้อขายราคาตลาดเป็นคำสั่งซื้อที่รวดเร็วและทันที อย่างไรก็ตาม ราคาถัดไปที่ซื้อได้อาจแตกต่างจากราคาปัจจุบันที่เทรดเดอร์กำลังดูอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ราคาตลาดมีความเคลื่อนไหวสูง ซึ่งเรียกว่า ตลาดแกร่งตัวสูง (slippage) คำสั่งซื้อราคาตลาดในช่วงที่ตลาดราคาเคลื่อนไหวสูงนี้หรือขาดสภาพคล่อง อาจทำให้เกิดการแกว่งตัวสูงได้
การตั้งราคาซื้อขาย (Limit Order) เป็นคำสั่งซื้อหรือขายที่ราคาที่กำหนดหรือราคาที่ดีกว่าเท่านั้น ซึ่งจะไม่เหมือนคำสั่งซื้อขายราคาตลาด การตั้งราคาซื้อขายนี้จะให้เราสามารถควบคุมราคาที่ซื้อขายได้เต็มที่ แน่นอนว่าหากราคาตลาดไม่ตรงกับราคาที่สั่งซื้อหรือขาย ณ เวลาที่ทำการซื้อขาย ระบบก็จะไม่ทำการซื้อขายให้เทรดเดอร์
ประเภทของคำสั่งรอการซื้อขาย (Pending Order) มีอะไรบ้าง
จุดทำกำไร (Take Profit) เป็นคำสั่งขีดจำกัดเพื่อปิดการซื้อขายเมื่อการซื้อขายหนึ่ง ๆ ทำกำไรไปจนถึงราคาที่ตั้งไว้แล้ว
การเลื่อนจุดตัดการขายขึ้น (Trailing stop) เป็นคำสั่งรอปิดการซื้อขายเมื่อถึงจำนวน Pip หนึ่ง ๆ ที่อยู่ห่างจากราคาสูงสุดที่ตั้งไว้
จุดตัดขาดทุน (Stop Loss) เป็นคำสั่งซื้อขายราคาตลาดเพื่อ “ปิด” การซื้อขายที่ราคาถัดไปที่ซื้อขายได้เมื่อขาดทุนจนถึงราคาที่ตั้งไว้แล้ว
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
แมงเม่า คือ อะไร ?
แมงเม่า หรือ เม่า หมายถึง นักเทรดรายย่อย ผู้มีเงินทุนเป็นของตัวเอง เทรดโดยใช้กลยุทธ์ที่เกิดจากการตัดสินใจคนเดียว ไม่ศึกษาจากที่อื่นหรือคนอื่นๆเลย บ้างก็หมายถึงคนที่ เทรด โดยที่ไม่มีกลยุทธ์อะไรเลย ใครว่าอย่างไรก็เทรดตามอย่างนั้น
แมงเม่าเป็นแมลง หลายคนอาจจะคิดว่ามันเป็นสัตว์ปีก แต่มันมีวงจรชีวิตของมันเริ่มมาจากปลวก และพอถึงฤดูผลสมพันธ์ มันก็่จะแตกปีกออกมาจากพื้นดินและบินไปหาแสงไฟ เพราะตัวผู้และตัวเมียก็จะบินไปเจอกันที่นั่น ด้วยความที่คิดว่ากองไฟเป็นแสงไฟ ก็จะบินไปและเข้าไปตายในกองไฟ เราจึงเปรียบว่า แมงเม่าบินเข้ากองไฟ เพราะว่าหลงเข้าใจผิด
ดังนั้นในการลงทุนก็ไม่แตกต่างกัน การที่เราเรียกใครว่ากลุ่มแมงเม่าย่อมหมายความว่า เขาถูกล่อด้วยกองไฟ เอ๊ย สิ่งเทียมที่เรียกว่าผลประโยชน์ ให้เข้ามาในไฟ (ตลาดลงทุน) เพราะคิดว่าเขาจะได้ผลประโยชน์กลับออกไป สำหรับตลาด Forex
วิธีการเป็นแมงเม่าที่สมบูรณ์แบบ
ขั้นตอนในการเป็นแมงเม่าในตลาด forex นั้นง่ายมากๆครับ ถ้าคุณดำเนินการตามนี้แล้ว มีองค์ประกอบเหล่านี้ครบถ้วน คุณก็เป็นแมงเม่าตัวหนึ่งในตลาดทุนครับ
1.เทรดด้วยตัวคนเดียว
จริงๆแล้วผมเชื่อว่าส่วนใหญ่ที่อ่านบทความนี้อยู่ ก็มีลักษณะที่ไม่แตกต่างจากผมเสียเท่าไหร่ นั่นคือเทรด forex ด้วยตัวคนเดียว ดังนั้นจึงจัดอยู่ในความเป็นแมงเม่าด้วยกันทั้งสิ้น
2.เทรดโดยขาดเครื่องมือ
หมายถึงเวลาคุณเทรด forex คุณจะนึกถึง ดินฟ้าอากาศ หรืออาจดูดวงจากหมอไพศาล เทรดโดยการโยนหัวก้อย ทำนายว่ามันจะขึ้นหรือมันจะลง แบบนี้เรียกว่า เทรดโดยขาดเครื่องมือ อย่างนี้ล่ะเรียกว่าเป็นแมงเม่าแบบเต็มตัว เต็มใจกันเลยครับ
3.เทรดโดยขาดความรู้ทุกส่วน
หากคุณนั้นเลือกเทรดโดยขาดความรู้จากทุกส่วน ทั้งการใช้กลยุทธ์ การบริหารจัดการการเงินและการลงทุน อย่างนี้ผมบอกเลยว่า คุณคือแมงเม่าโดยสมบูรณ์ในตลาดแห่งนี้
ข้อเสียของการเป็นแมงเม่า
จริงๆแล้วมีคนยุให้ผมนั้นเขียนข้อดีของการเป็นแมงเม่าเสียหน่อย แต่ผมคิดว่า อย่าไปหลอกลวงกันเลยครับ มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ถ้าคุณจะกลายเป็นแมงเม่าในตลาดสุดโหดอย่าง forex ดังนั้นผมจึงบอกข้อเสียของการเป็น แมงเม่าดีกว่า เพื่อที่ว่าคุณจะได้ระวังตัวและไม่ทำตัวเป็นแมงเม่าแบบนี้
1.ไม่มีหลักการทำกำไรเป็นของตนเอง
คนที่เทรด forex โดยขาดหลักการทำกำไรด้วยตนเอง ดูแต่กราฟของคนอื่น หรือทำแต่สิ่งที่เรียกว่า copy trading แบบนี้คงไม่เวิร์คอย่างแน่นอน เพราะว่า มีความเสี่ยงสูงและเป็นอันตรายมาก เพราะคุณจะไม่สามารถทำเงินได้เลยในระยะยาว
2.สุดท้ายคือเสียหมด
ผมกล่าวอย่างนี้จริงๆ และผมบอกเลยว่าคุณก็จะเป็นอย่างนี้แน่นอน ถ้าคุณไม่ต้องการหมดกำลังใจในการเทรดแล้ว อย่าทำแบบนี้โดยเด็ดขาดหลุดออกจากการเป็นแมงเม่า และสยายปีกของคุณให้กลายเป็นผีเสื้อทันที!
สรุป
สรุปคือ แมงเม่า เหล่านั้น เป็นนักพนัน ที่ไม่คิดจะหาความรู้ก่อนลงทุนครับ อย่างนี้มีเท่าไรก็หมด เมื่อใดก็ตามเมื่อเรารู้ทันตัวเองว่าเข้าใกล้นักพนันกว่านักลงทุนให้รีบหยุดทันทีครับผม
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
เทคนิคการเทรด สวนเทรน ตามเทรน เทรนยาว เทรนสั้น
มิถุนายน 9, 2022คำศัพท์คำนึงที่นักเทรดทุกท่านต้องเทรดได้ยินหรือได้ผ่านตากันบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นในยูทูป ในกลุ่ม facebook ในเว็บไซต์ก็มีมากมาย หลายๆคนอาจจะสงสัยหลายๆคนอาจจะทราบแล้ว แต่วันนี้เราจะมาอธิบายและให้ความรู้กันอีกครั้งหนึ่งครับ ซึ่งในวันนี้ผมจะให้ข้อมูลแยกออกมาให้ทราบไปเลยว่าแต่ละตัวนั้นหมายถึงอะไรบ้าง ซึ่งคำเหล่านี้เป็นคำที่นักเทรดทุกท่านควรรู้เพื่อให้เข้าใจในรูปแบบและสภาพของตลาดในการเทรด
สวนเทรนคืออะไร
สวนเทรน คือการเปิดคำสั่งออร์เดอร์ให้ตรงกันข้ามกับสภาพหรือแนวโน้มของตลาด เช่นในขณะนี้ตลาดอาจจะอยู่ใน สภาวะที่เป็นขาขึ้น แต่เราเลือกที่จะทำการเปิดออร์เดอร์ในขาลง (Sell) หรือ สภาวะที่เป็นขาลงแต่เราเลือกที่จะทำการเปิดออร์เดอร์ในขาขึ้น (Buy) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องใช้อินดิเคเตอร์หรือการวิเคราะห์กราฟเข้ามาใช้ร่วมด้วย เพื่อที่จะดูว่าแรงส่งกราฟไปยังทิศทางขาขึ้นหรือขาลงนั้นอ่อนแรงหรือยัง เพื่อที่จะใช้ทำการเปิดออร์เดอร์ต่อไป วิธีการนี้มีข้อดีคือให้ผลตอบแทนที่สูงมากแต่ก็มีความเสี่ยงที่สูงมากเช่นกัน
ตามเทรนคืออะไร
ตามเทรน หมายถึงการเลือกเปิดคำสั่งซื้อหรือขาย ตามเทรนที่กำหนด เช่น กราฟบ่งบอกว่าเป็นเทรนขาขึ้น อย่างนี้ ตลอดการเทรด forex ของเรา จะเปิดสัญญาณซื้อ (Buy) แต่เพียงอย่างเดียว โดยไม่เปิดคำสั่งขาย (Sell) โดยเด็ดขาด ซึ่งดูรูหลายท่านนั้น ต่างให้คำแนะนำว่า หากคุณเพิ่งเริ่มต้นเทรด forex สิ่งสำคัญที่สุดคือ จงเริ่มจากการเทรดแบบตามเทรน จะปลอดภัยที่สุด
เทรนสั้นคืออะไร
เทรนสั้นนั้น คือการเลือกเข้าเทรดโดยใช้ไทม์เฟรมเล็กๆ เช่นไทม์เฟรม 1 ชั่วโมง หรือ 4 ชั่วโมง ซึ่งปกตินิยมนำมาใช้การเทรด forex แบบ Day trade เหมาะกับคนที่ใช้เทคนิคเทรดแบบเก็บกินกำไรสั้นๆ หรือคนที่ทุนน้อยและต้องการปั้นพอร์ตให้โตไวๆ ก็จะใช้การเทรดแบบ เทรดสั้นวันต่อวัน หรืออาจจะหลายวันก็ไม่ผิดประการใด
เทรนยาวคืออะไร
เทรนยาว คือ เทรดโดยใช้ระยะเวลาของแท่งเทียนที่ยาวนานกว่า 1 วัน เช่นอาจเป็น รายสัปดาห์ รายเดือน หรือเป็นปี ซึ่งเหมาะกับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาเฝ้ากราฟ ก็จะใช้วิธีนี้ ในการเทรดซึ่งนอกจากใช้เพื่อเข้าออร์เดอร์แล้วยังใช้ดูทิศทางของกราฟในไทมเฟรมที่เล็กลงเพื่อประกอบการพิจารณ์เข้าเทรดในตลาดได้อีกด้วย
คำศัพท์ในวงการเทรด FOREX สำหรับมือใหม่
มิถุนายน 9, 2022…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
Margin call คือ อะไร ?
Margin ในทางตลาด Forex นั้น หมายถึงเงินทุน ที่อยู่ในบัญชีของเรา ที่สามารถใช้ซื้อ-ขายหุ้นได้ และมีสิทธิพิเศษมากกว่า การใช้เงินสดในการลงทุน สำหรับบทนี้ เราขอแนะนำข้อมูลเกี่ยวกับ Margin อีก1บท ที่จะทำให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนในตลาด Forex มากขึ้น เราจะพานักอ่านทุกท่านไปรู้จักกับ Margin call ที่มีบทบาทสำคัญในตลาดการลงทุน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่คุณต้องทำความเข้าใจ ก่อนที่จะเริ่มทำการลงทุน
Margin call หมายถึงอะไร
Margin Call คือ สถานการณ์ทางบัญชีเทรดของคุณ ที่มีมูลค่ารวมต่ำกว่าที่ระดับ Forex โบรกเกอร์ กำหนด และต้องการเตือนให้ฝากเงินเพิ่มหรือปิดทุกออเดอร์ให้หมด หากนักเทรด Forex ยังนิ่งเฉย ทางโบรกเกอร์ก็จะทำการปิดทุกออร์เดอร์หรือ Position ที่ถืออยู่ทั้งหมด ในบัญชีเทรดของคุณโดยอัตโนมัติ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Margin Closeout ดังนั้นคำตอบที่ง่ายที่สุดสำหรับคำถามที่ว่า “มาร์จิ้นคอล คืออะไร?” ก็คือการที่โบรกเกอร์ต้องการให้คุณเพิ่มเงินในบัญชีหากคุณอยากจะเทรดต่อนั่นเอง
Margin call จะเกิดขึ้นเมื่อใด
ในหมู่นักลงทุนมาร์จิ้นคอลไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย เว้นแต่นักลงทุนบางคนปล่อยให้ Margin ในบัญชีของตัวเองลดน้อยลง จนเกิดเป็น Margin Call เพราะหากยอดเงินในบัญชีของคุณเหลือน้อย ทางโบรกเกอร์จะใช้ Margin call ในการแจ้งคุณ เพื่อให้คุณดำเนินการแก้ไขกับบัญชีนั่นเอง การเทรดที่ดีไม่ควรมี Margin Call เกิดขึ้น เพราะมันแสดงถึงความไร้ระเบียบ ไร้การวางแผน ขาดการป้องกันความเสี่ยงในการเทรด
ความสำคัญของ Margin Call
Margin call เป็นเสมือนสัญญาณเตือน สำหรับนักลงทุน ว่าตอนนี้สถานะทางบัญชีเทรดของคุณ อยู่ในระดับต่ำ และต้องรีบดำเนินการในทันที ไม่ว่าจะเป็นการฝากเงินหรือการปิดออร์เดอร์ที่คุณเทรดอยู่ก็ตาม Margin call เป็นการแจ้งเตือนว่าเราควรจะดำเนินการอย่างไรต่อไปในตลาด Forex เพื่อให้เทรดเดอร์เกิดความเสียหายในการลงทุนน้อยที่สุด
จุดเด่นของ Margin call
หากกล่าวถึงจุดเด่นของ Margin call แล้ว แน่นอนว่าต้องเป็นการแจ้งเตือนข้อมูลข่าวสารให้กับนักลงทุน ผู้เป็นเจ้าของบัญชี เพื่อบอกกว่า ตอนนี้สถานะทางบัญชีเป็นอย่างไร ซึ่งส่วนใหญ่ มักจะแจ้งเตือนเมื่อยอด Marginในบัญชี ต่ำกว่าที่ทางโบรกเกอร์กำหนด จึงทำให้เป็นจุดเด่นในการแจ้งเตือน เพื่อแก้ไข และไม่ให้เกิดความเสียหายกับการลงทุนมากนัก
การเทรดที่ดีไม่ควรมี Margin Call เกิดขึ้น เพราะมันหมายความถึงการเทรดที่ไร้ระบบระเบียบ แบบแผน การขาดการป้องกันความเสี่ยงของการเทรด สิ่งที่คุณควรทำเกี่ยวกับเรื่องของ Margin Call คือ หยุดคิดและ หยุดการเทรด หันกลับมาทบทวนถึงความรู้ในการเทรดที่คุณมี และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการเทรด การเทรดอย่างมีระบบ การเทรดอย่างมีแผนการเสียใหม่ การโดน Margin Call ในตลาด Forex นั้นไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เนื่องจาก ตลาด Forex เป็นตลาดที่มี Leverage ที่สูง ทำให้การเกิด Margin Call นั้นเกิดได้ง่ายกว่า เนื่องจาก การใช้ Lot ที่สูง ทำให้ระยะการวิ่งของพอร์ทลงทุนนั้นมีระยะทางที่สั้นลงตามไปด้วย
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
สเปรด(Spread) คืออะไร?
สเปรด (Spread) คือ ความแตกต่างระหว่างราคาขาย (Bid) และราคาซื้อ (Ask) ของสกุลเงิน สินทรัพย์ หลักทรัพย์ หรือสินค้าโภคภัณฑ์ เป็นคำที่ใช้กันทั่ว ๆ ไป ในอุตสาหกรรมการเงิน
สเปรด(Spread) คืออะไร หมายถึง การคิดค่าบริการหรือค่าธรรมเนียมในการเทรดที่โบรกเกอร์คิดจากเทรดเดอร์ นั่นเอง จะเป็นส่วนต่างของราคา Bid Price กับ Ask Price ซึ่งเมื่อคุณเปิด Order ทุกครั้ง ไม่ว่าคุณจะเทรดคู่เงินตัวไหน ก็จะติดลบทันที ให้ลองนึกถึงราคาซื้อขายของร้านทอง ที่ราคารับซื้อจะถูกกว่าราคาขายออกเสมอ
Spread คืออะไร (สเปรด คืออะไร) ลองดูภาพประกอบด้านบนนี้ เพื่อให้เข้าใจในความหมายของคำว่า “สเปรด” มากขึ้นอย่างรวดเร็ว จะเห็นว่าระหว่างราคา Bid (1.15280) กับ Ask (1.15290) ต่างกันอยู่ 10 นั่นคือค่าสเปรดนั่นเอง ( 10 Point / 1.0 Pips )
ประเภทของ Spread ในตลาด Forex
สเปรดคงที่ (Fixed)
สเปรดคงที่ หมายความว่า จำนวนสเปรดจะไม่เปลี่ยนแปลงตามความผันผวนและการแปรปรวนของตลาด Forex ไม่ว่าสภาพตลาดจะเป็นอย่างไร
สเปรดแปรผัน (Variable)
สเปรดแปรผัน หรือ สเปรดลอยตัว คือ ราคา bid และ ask ของคู่สกุลเงินนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ตามความผันผวนและการแปรปรวนของตลาด Forex
Spread มีความสำคัญ หรือไม่?
โดยทั่วไปแล้ว Spread ยิ่งน้อยยิ่งดี เพราะการเทรดแต่ละครั้งเราจะได้กำไรมากขึ้น
สรุป Spread คืออะไร (สเปรด คืออะไร)
Spread คือ ส่วนต่างของราคา Bid Price กับ Ask Price ซึ่งเมื่อคุณเปิด Order ทุกครั้ง ไม่ว่าคุณจะเทรดคู่เงินตัวไหน ก็จะติดลบทันที หากจะให้เข้าใจง่ายๆ ให้คุณลองนึกถึงพวกร้านทองคำ ตามตลาดหรือในห้างสรรพสินค้าต่างๆ คุณจะสังเกตเห็นป้ายหน้าร้านที่เขียนว่า ขาย 25,000 บาท รับซื้อ 24,500 บาท ซึ่งหมายความว่า
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
บัญชี cent (เซ็นต์) คือ อะไร ? forex
การเปิดบัญชี Forex นั้น เราสามารถเปิดบัญชีได้หลายแบบ และมีรูปแบบบัญชีหลายประเภทให้เราได้เลือกมากมาย ซึ่งการเลือกใช้บัญชีแต่ละประเภท รวมทั้งลักษณะของบัญชีที่เปิดนั้นจะมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน ซึ่ง ทำให้มันส่งผลต่อกระบวนการเทรดที่แตกต่างกันออกไป สำหรับบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับบัญชี Forex ประเภทหนึ่ง ซึ่งเป็นบัญชีที่ได้รับความนิยมอีกบัญชีหนึ่งเนื่องจาก เป็นบัญชีขนาดเล็กและทำให้ทุกคน โดยเฉพาะมือใหม่สามารถเข้าถึง การเปิดบัญชี cent (เซ็นต์) ที่ว่านี้ซึ่งก็ถือว่าเป็นบัญชีที่ออกแบบมาให้เหมาะสมต่อนักเทรด forex มือใหม่ทุกคน
บัญชี cent (เซ็นต์)คืออะไร
บัญชี Cent (เซ็น) หมายถึง บัญชีที่มีหน่วยการเทรดที่เล็กที่สุด โดยปกติมักจะใช้หน่วย 1 cent ในการเทรด แทนที่จะเป็น 1 เหรียญ ขนาดของ 1 เซ็นต์ มีขนาดเล็กขนาดไหน ก็สามารถตีความได้ง่าย ๆ คือ 100 เซ็นต์ เท่ากับ 1 USD ขณะที่ถ้าเป็นเงินยูโร 100 เซ็นยูโร ก็เท่ากับ 1 ยูโร ถ้าเทียบเป็นเงินบาทไทย ก็เท่ากับ 1 สตางค์ ก็ว่าได้
ด้วยลักษณะที่กล่าวมาของบัญชี Cent ทำให้การเทรดบัญชี Cent นั้นเป็นบัญชีที่มีความเหมาะสมกับการทดลองเทรด การฝึกเทรดเป็นอย่างมาก ด้วยเงินขนาดที่ไม่ใหญ่เกินไป และทุกคนไม่ว่าจะมีเงินขนาดไหนก็สามารถฝึกได้ ซึ่งการเรียนรู้กับเงินจริงก็สามารถทำให้เราเรียนรู้ได้ไวกว่าการฝึกเทรดด้วย Demo เป็นไหน ๆ ดังนั้น การเทรดด้วยบัญชี Cent จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในบ้านเรา เพราะว่าบ้านเราก็ถือว่ามีค่าเงินที่มีขนาดเล็ก ทำให้บัญชี Cent ตอบโจทย์เทรดเดอร์หน้าใหม่ในประเทศไทยมาก
ลักษณะเด่นของบัญชี Cent
– ใช้จำนวนเงินในการเทรดต่อ Lot ที่ไม่สูงนัก โดยมากแล้วจะใช้ไม่เกิน 10 เหรียญ
– สามารถทำกำไรได้เช่นเดียวกับบัญชีประเภทอื่นๆ อาทิ บัญชี Mini เป็นต้น
– โอกาสที่จะล้างพอร์ตต่ำกว่าบัญชีทุกประเภท เนื่องมาจากจำนวนเงินที่ใช้น้อยมากในการเทรด
– เหมาะสมสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นเทรด forex เพื่อฝึกการใช้เครื่องมือ การทำกำไร การบริหารจัดการเงิน
– มีโบรกเกอร์หลายโบรกเกอร์ที่เปิดบัญชี cent (เซ็นต์) ไว้รองรับการเทรด สามารถเปิดบัญชีได้อย่างรวดเร็ว
บัญชี cent (เซ็นต์) เหมาะสมกับใคร
ถ้าหากว่าคุณเพิ่งเริ่มต้นในการเทรด forex สิ่งที่คุณควรจะทำมากที่สุดคือ เริ่มต้นจากการเทรดบัญชี Demo เพื่อฝึกความคุ้นเคยกับโปรแกรม หลังจากนั้น สิ่งที่คุณควรจะทำต่อไปคือ การฝึกใช้บัญชี Cent เพื่อมาทำการเทรดก่อน เพราะว่าในความเป็นจริงแล้ว การเทรด forex จำเป็นต้องเรียนรู้ทั้งการใช้เครื่องมือ และบริหารจัดการการเงิน การฝึกในเรื่องของจิตวิทยาการลงทุน(ข้อนี้มีผลมาก) ดังนั้น จงเริ่มจากบัญชี cent (เซ็นต์) ก่อนขึ้นไปเทรดในบัญชีที่สูงกว่า นอกจากนี้ผู้เขียนยังมีข้อแนะนำในระหว่างฝึกการเทรดกับบัญชี cent (เซ็น)ดังนี้
1.พยายามเรียนรู้เครื่องมือทำตัวที่มีอยู่ เพื่อทำความคุ้นเคย
2.ทดลองรูปแบบการเทรด โดยคิดเสมือนว่า 1 cent คือ 1 เหรียญ
3.ลองทดลองการเทรดแบบ over trade แล้วดูผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
4.ลองทดลองเทรดโดยการใช้จำนวน Lot ที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ และสังเกตผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
5.ทดสอบการเทรดในช่วงมีข่าว ว่าคุณจะจัดการกับ Port หรือวางกลยุทธ์ในการเทรดอย่างไรในช่วงที่มีข่าว
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
รีวิว!ผลงานเทรดจากผู้ใช้จริงในกลุ่ม
ฟรี!ระบบเทรดอัตโนมัติ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
Pip, Points คือ อะไร ? ทำความเข้าใจก่อนเริ่มต้นเทรด Forex
คำศัพท์ที่น่าสนใจคำต่อไปคือคำว่า Pip และคำว่า Point สองคำนี้เป็นคำที่ใช้เรียก หน่วยของค่าเงินซึ่งแน่นอนว่าคุณนั้นอาจยังไม่เข้าใจ หรืออาจคิดว่า ค่าสองตัวนี้น่าจะมีค่าเหมือนๆกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วค่า Pip และค่า Point มีค่าที่แตกต่างกันและมีวิธีการเรียกที่แตกต่างกันด้วย ดังนั้นเพื่อทำความเข้าใจกับสองค่านี้ เรามาศึกษาไปพร้อมๆกันนะครับ
Pip คืออะไร
คำว่า pip (Price Interest Point) หมายถึงการนับค่าจุดทศนิยมตัวสุดท้ายหรือทศนิยมตำแหน่งที่ 2 หรือ 4 ไล่ขึ้นมา เช่น สมมุติว่าราคาของคู่เงิน EUR/USD คือ 2.3453 และราคาเปลี่ยนไปที่ 2.3454 อย่างนี้เราเรียกว่า ราคาเคลื่อนไหวไป 1 pip ครับ
Point คืออะไร
คำว่า “Point” หรือจะเรียกอีกอย่างว่า “จุด” เราจะใช้นับการเคลื่อนไหวของจุดทศนิยมตำแหน่งที่ 3 หรือ 5 ไล่ขึ้นมา ซึ่งจะมีอยู่ไม่กี่คู่เงินนะครับ ยกตัวอย่างเช่น EUR/USD หรือ EUR/AUD โดยมากราคาที่ 2.34340 เปลี่ยนเป็น 2.34349 ถือว่าลักษณะแบบนี้ราคาขยับไปจำนวน 9 Point นั่นเอง ซึ่งคำว่า Point จะใช้กับทศนิยม 5 หรือ 3 ตำแหน่งนะครับ แต่ว่าเมื่อเอาเข้าจริงๆแล้ว บางทีคนเทรด forex ก็มีการเรียกสลับกันไปมาระหว่าง Pip กับ Point อยู่พอสมควรเลย
หลักการนับและอ่านค่า Pips & Point
1 Pip มีค่าเท่ากับ 10 Point เสมอ
ตัวอย่างที่ 1 คู่สกุลเงิน EURUSD ในตลาด Forex ซึ่งมี ทศนิยม 5 จุด
ตัวอย่างที่ 2 คู่สกุลเงิน USDJPY ในตลาด Forex ซึ่งมี ทศนิยม 3 จุด
ตัวอย่างที่ 3 คู่สกุลเงิน GBPUSD ในตลาด Forex ซึ่งมี ทศนิยม 5 จุด
ประโยชน์ที่เราได้รับจากการนับค่า Pip และ Point เป็น
จริงๆแล้วในแง่ของการปฏิบัติ เมื่อเราทำการเทรด forex สองค่านี้เรามักจะนำมาใช้เพื่อเรียกอธิบายความหมายของราคาคู่เงินเสียมากกว่า โดยที่ไม่ได้ลงรายละเอียดลึกลงไปที่ค่าอะไร ดังนั้นเราก็เพียงแต่ศึกษาถึงรูปแบบและวิธีการอ่านค่าไว้ เพื่อที่ว่าถ้าเราไปเจอข้อมูลในเว็บบอร์ดต่างประเทศ หรือภายในประเทศและต้องการอธิบายก็สามารถใช้คำเหล่านี้อธิบายความหมายออกมาได้
สรุป
สรุปแล้ว คำศัพท์สองคำนี้ ถือว่ามีความสำคัญพอสมควร เพราะช่วยให้เราทำความเข้าใจเรื่องของค่า pip และค่า point ได้มากยิ่งขึ้น ถ้าจะเปรียบเทียบเพิ่มอีกอย่างหนึ่งก็คือ หน่วยของค่า pip จะมีขนาดใหญ่กว่าหน่วยของค่า point 10 เท่า หรือแปลง่ายๆว่า 1 pip = 10 point แบบนี้ก็ได้ครับ
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
Copy trade คืออะไร
ความหมายของคำว่า Copy trade หมายถึง การที่เราทำการลอกวิธีการเทรดของคนอื่น ไม่ว่าเขาจะเทรดแบบไหน เราก็จะทำแบบนั้น การ Copy trade นั้นจึงต้องได้รับอนุจากเจ้าของบัญชี เพราะการ Copy นั้นหมายความว่า ถ้าเขาสั่ง Buy สินทรัพย์ใด ๆ ก็ตามเราก็ต้อง Buy ด้วยและเมื่อเขา Sell สินทรัพย์ใด ๆ ก็ตามเราก็จะต้อง Sell ด้วย ดังนั้น การ Copy Trade จึงเกี่ยวข้องกับคน 2 คน คือ คนที่ให้สัญญาณ กับคนที่รับสัญญาณในการเทรด
ซึ่งด้วยความทันสมัยของเทคโนโลยีทำให้การ Copy Trade นั้นทำได้ไม่ยากนัก นั่นคือ เราสามารถ Copy การเทรดของคนอื่น ๆ หรือคนที่เก่งโดยผ่านการใช้งานของโปรแกรม การ Copy Trade ทำได้ง่ายถึงขนาดว่า เราไม่ต้องไปนั่งวิเคราะห์อะไรยังไงเท่าไหร่ นอกจากนี้เรายังสามารถ Copy Trader เก่ง ๆ ได้หลายคนพร้อมกันอีกด้วยนะครับ
การเลือกบุคคลที่ทำการเทรด forex ที่เปิดให้เราสามารถทำ Copy trade ได้ โดยการ Copy trade สามารถทำบนเว็บไซต์ของทางโบรกเกอร์ที่ให้บริการเรา หรืออาจเป็นการทำ Copy trade บน MT4 หรือ MT5 ก็สามารถทำได้ ซึ่งการทำ Copy trade จะเหมาะสมมากสำหรับมือใหม่ เพราะสามารถทำกำไรจากตลาด forex แล้ว แม้ว่าเราจะยังไม่ชำนาญในการเทรดก็ตาม
แนวทางการเลือก Copy trade
หลักการง่ายๆต่อไปนี้คุณสามารถนำมาใช้ในการเลือกทำ Copytrade ได้อย่างง่ายดาย และมีความปลอดภัยอย่างมาก มาดูกันครับว่าการทำ Copytrade นั้นมีแนวทางการเลือกบุคคลอย่างไร
1.ตรวจสอบประวัติก่อน
โดยปกติแล้ว เราสามารถมองเห็นประวัติการเทรดได้จากในเว็บไซตทของโบรกเกอร์ที่มีการเปิดให้บริการ Copytrade หรืออาจเป็นการเข้าไปดูที่ fxbook เป็นต้น ซึ่งสิ่งที่เราต้องดูก็เป็นเรื่องของการทำผลกำไร ความนานในการเทรด และดูจุดขาดทุนด้วยว่า มีมากน้อยแค่ไหน
การเลือก Copy จะต้องมีประวัติการเทรดเพียงพอ ขั้นต่ำสำหรับการ Copy Trade ที่ดีควรจะประมาณ 2 ปีขึ้นไป เพราะว่า 1 ปีนั้นก็ยังไม่มีข้อมูลมากพอสำหรับการรับประกันได้ว่าเขาจะประสบความสำเร็จจริง ๆ
2.เลือกวงเงินให้ใกล้เคียงกัน
สิ่งสำคัญอีกข้อหนึ่งคือ คุณจะต้องเลือกวงเงินที่มีความใกล้เคียงกัน และมีการเปิดคู่เงินหรือว่า Lot ที่คุณมีความถนัด อย่าเพิ่งไปเลือกคนที่จะทำ Copytrade ในคู่เงินหรือแนวทางที่คุณไม่ชำนาญ เพราะว่าในอนาคตคุณอาจพลาดได้ ดังนั้นเลือกแบบที่กล่าวมานี้ถือว่าดีที่สุดครับ
3. ดูความเสี่ยงและผลตอบแทน
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความเสี่ยงและผลตอบแทนของคนที่คุณเลือก Copy ความเสี่ยงของลักษณะการลงทุนนั้นก็ไม่ควรจะเกิน 20 % ต่อปี ขณะที่ผลตอบแทนจะเท่าไหร่ก็ได้ เพราะว่า ความเสี่ยงไม่เกิน 20 % ต่อปี หมายความว่าเรายอมรับได้ว่า เงินของเราจะลดลงต่ำกว่าระดับ 80 % ต่อปี แต่ว่าต้องแลกมาด้วยผลตอบแทนที่คุ้มค่า ซึ่ง ถ้าเกิน 20 % ก็จะดีมาก แต่โดยปกติเสี่ยงไปเท่าไหร่ก็จะได้ผลตอบแทนเท่านั้นหรือน้อยกว่า ก็เพียงพอแล้ว
4. ลักษณะวิธีการเทรด
การเทรด ต้องมีลักษณะอย่างไรก็ได้ที่จะไม่ล้างพอร์ท เช่น มีการใช้ Stop loss การเทรดที่ไม่ทำการเบิ้ลลอทแบบไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งทำให้นำไปสู่การล้างพอร์ท การดูเพียงแค่ความเสี่ยงอย่างเดียวก็อาจจะนำไปสู่การล้างพอร์ทได้ ซึ่งไม่เพียงพอ วิธีการดูว่ามีจุด Stop loss หรือไม่ดูไม่ยาก โดยการดูที่ Position และดูว่าการใช้ Martingale คือ Lot คงที่หรือเปลี่ยนไปเมื่อขาดทุนหรือไม่เท่านั้นเอง
ข้อดีและข้อเสียของการเทรดเลียนแบบ (Copy trade)
ก่อนเริ่มการเทรดเลียนแบบ จำเป็นต้องทราบข้อดีและข้อเสียของรูปแบบการเทรดนี้เสียก่อน
ข้อดีของการเทรดเลียนแบบ (Copy trade)
1. กระจายพอร์ตการลงทุนของคุณด้วยสินทรัพย์ที่คุณไม่ค่อยเชี่ยวชาญ
ไม่น่าเป็นไปได้ที่เทรดเดอร์จะมีความรู้ขั้นสูงในสินทรัพย์ทุกประเภท เทรดเดอร์บางท่านอาจเก่งในการเทรดหุ้น ในขณะที่เทรดเดอร์ท่านอื่นอาจเข้าใจเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลได้ดีกว่า ตัวอย่างเช่น หากคุณไม่ต้องการพลาดการเติบโตของตลาดในสกุลเงินดิจิทัล แต่ไม่เข้าใจสินทรัพย์ว่าเป็นอย่างไร ดังนั้นคุณสามารถเลือกการเทรดเลียนแบบได้
การทำตามผู้เชี่ยวชาญตลาดสกุลเงินดิจิทัล นอกจากจะช่วยเรื่องกิจกรรมการเทรดแล้ว ยังช่วยกระจายพอร์ตการลงทุนของคุณได้ ดังนั้น การเทรดเลียนแบบจึงอนุญาตให้คุณเข้าถึงตลาดที่หลากหลายโดยไม่ต้องค้นคว้าหรือวิเคราะห์เครื่องมือที่อยู่นอกพื้นที่ของคุณ
2. Investing Without Experience การลงทุนโดยปราศจากประสบการณ์
ตัวอย่างเช่น ในตลาดฟอเร็กซ์ เทรดเดอร์ประมาณ 70–80% มักขาดทุน สถิติบอกให้เห็นว่า ผู้ที่ขาดทุนมักจะเป็นมือใหม่ที่ต้องการทำกำไรได้ในเวลาอันรวดเร็ว
การวิจัยแสดงให้เห็นว่า คนเราจะใช้เวลาประมาณ 5 ปีหรือมากกว่าในการเป็นผู้เชี่ยวชาญในตลาดนั้น ๆ แต่ถ้าคุณไม่อยากรอคอยนานขนาดนั้น? การเทรดเลียนแบบจึงได้นำเสนอการแก้ปัญหาสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ที่ต้องการรับข้อได้เปรียบของตลาดทางการเงินในขณะที่กำลังเรียนรู้ด้านการเทรด โดยคุณจะสามารถลงทุนผ่านเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ได้
เมื่อคุณพร้อมสำหรับการเทรดด้วยตัวเอง คุณสามารถเริ่มเทรดโดยไม่ต้องรับความช่วยเหลือใด ๆ ดังนั้นทำไมจะไม่ลองเริ่มใช้บริการการเทรดเลียนแบบของคุณเองเลยล่ะ!
3. พัฒนาประสิทธิภาพของคุณ
ไม่ใช่เทรดเดอร์ทุกท่านที่จะมีความเชี่ยวชาญในระดับเดียวกัน การเทรดเลียนแบบสามารถเป็นประโยชน์ให้คุณกระจายความเสี่ยงการลงทุนได้ แม้ว่าคุณจะเริ่มการเทรดด้วยตนเองไปแล้วก็ตาม ในระหว่างช่วงเวลาที่คุณประสบกับการขาดทุนสะสมอย่างต่อเนื่อง (drawdown) ต้นทุนการเทรดเลียนแบบอาจช่วยบรรเทาการขาดทุนของคุณได้
มาดูกรณีของเทรดเดอร์ที่สร้างผลตอบแทน 5% ต่อเดือนจากการเทรดด้วยตนเอง แต่ต้องการที่จะทำกำไรเพิ่มขึ้นในขณะที่ลดความเสี่ยงด้วย เทรดเดอร์ท่านนี้สามารถเพิ่มรายได้ต่อเดือนให้ตัวเองโดยการหาบริการการเทรดเลียนแบบที่เชื่อถือได้ซึ่งมีผลตอบแทนเฉลี่ย 10% ต่อเดือน
ข้อเสียของการเทรดเลียนแบบ (Copy trade)
แม้ว่าการเทรดเลียนแบบเป็นเหมือนการแก้ปัญหาที่สมบูรณ์แบบสำหรับนักลงทุน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีข้อเสียใด ๆ ข้อเสียหลักของการเทรดเลียนแบบคือคุณไม่ต้องควบคุมกิจกรรมการเทรดทั้งหมดด้วยตนเอง แม้ว่าแพลตฟอร์มการเทรดเลียนแบบมีเครื่องมือการจัดการความเสี่ยงให้คุณก็ตาม ในขณะที่อาจจะสามารถปรับจำนวนเปอร์เซ็นต์การขาดทุนสะสม (drawdown) ได้ หากแต่ก็ไม่สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ใด ๆ ที่เทรดเดอร์ที่คุณติดตามใช้งานอยู่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น ประสิทธิภาพที่ผ่านมาของผู้ให้บริการสัญญาณ แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม แต่ก็ไม่ได้รับประกันความสำเร็จเมื่อคุณติดตาม
สรุป
สรุปแล้วการเลือก Copy trade ก็ถือเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการทำกำไรจากการเทรด forex ของคุณ โดยที่มีความเสี่ยงคือ หากบุคคลที่เราทำการ Copy trade นั้นเกิดการเทรดที่ผิดพลาด นั่นหมายความว่า เราก็จะได้รับความผิดพลาดไปด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นโปรดระวังอย่าให้เกิด Copy trade กับคนเทรด forex ที่ไม่ดีครับ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่เราต้องศึกษาเกี่ยวกับการ Copy Trade คือ เครื่องมือในการ Copy และตัวชี้วัดผลงานของเทรดเดอร์ ว่าเทรดเดอร์แต่ละคนมีจุดดีจุดด้อยอย่างไรในการเทรด และเราจะสามารถใช้จุดเด่นในสถานการณ์ไหน เราจะสามารถเป็นนัก Copy ที่ดีได้โดยที่ไม่ต้องลงทุนลงแรงมากนัก และให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับการลงทุนมากกว่าครับ
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3 กุญแจสำคัญในการ Trade Forex คือ อะไร ?
มิถุนายน 6, 20223 กุญแจสำคัญในการ Trade Forex คือ อะไร ?
การเทรด Forex ก็เปรียบเสมือนการทำธุรกิจ ถ้าธุรกิจเรานั้นได้รับการจัดการที่ดีอยู่ตลอดเวลาก็ทำจะให้ธุรกิจนั้นดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็เทรดก็เช่นเดียวกัน หากจะประสบความสำเร็จในตลาด Forex แห่งนี้ เทรดเดอร์ Forex ก็ควรเตรียมตัวเองให้พร้อมอยู่เสมอ มีการจัดการตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพอยู่ตลอด เพื่อที่จะสามารถเดินไปสู่เส้นทางที่เรียกว่าความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน โดยกุญแจสำคัญที่เทรดเดอร์จะเป็นต้องศึกษา หรือต้องมีอยู่โดยเป็นนิสัย ได้แก่
1: มีความรับผิดชอบ เทรดเดอร์จะประสบความสำเร็จในอาชีพนี้ได้ อย่างแรกที่ต้องมีเลยคือ มีความรับผิดชอบที่เกิดขึ้นต่อการเทรดทุกครั้ง ต้องเข้าใจว่าทุกครั้งที่จะกด ซื้อ หรือ ขาย นั้นมันมาจากตัวเราเองทั้งสิ้น อย่าไปโทษคนอื่น เราตัดสินใจเอง เราต้องรับผิดชอบกับความจริงที่เกิดขึ้นในอนาคต ถ้าผิดพลาดต้องยอมรับ และปรับปรุงแก้ไขในส่วนนั้น ไม่ละเลิก ไม่โทษคนอื่นโดยเด็ดขาด
2: รับรู้ว่ารู้สึกอะไร เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเปิดสถานะ เราจะเริ่มมีอารมณ์ร่วมกับการเคลื่อนไหวของราคา หรือของตลาด ถ้ามาถูกทางแล้วเราจะรู้สึกดีกับมัน แต่ถ้าผิดทางเราจะเริ่มกลัว กังวล เครียด และอื่นๆอีกมากมาย จนกระทั่งเสียการควมคุมตัวเองไปเลยทีเดียว ซึ่งเทรดเดอร์ควรรู้ตัวเองว่า ณ ตอนนั้นอารมณ์เราเป็นอย่างไร เพื่อที่เราจะได้นำไปแก้ไขในสิ่งที่เกิดขึ้นได้
3: โฟกัสที่กระบวนการ และเลิกคาดหวัง เทรดเดอร์มืออาชีพทุกคนจะสนใจ “ความเสี่ยง” มากกว่า “ผลตอบแทน” เนื่องจาก ความเสี่ยง นั้นเป็นสิ่งที่เทรดเดอร์ควบคุมได้ ทั้งวิธีการเทรด , ขนาดออเดอร์ , จุดตัดขาดทุน และ อื่นๆ แต่ ผลตอบแทน นั้นเป็นสิ่งที่เทรดเดอร์ควบคุมไม่ได้ มันมีจากตลาด ซึ่งตลาดเราไม่มีทางคาดเดาได้เลย เราไม่รู้หรอกว่าเดือนนี้เราจะได้กำไรกี่ % ตลาดจะเป็นคนให้เรามาเอง
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
4 ประเภทของนักเทรด คุณเป็นนักเทรดแบบไหน?
มิถุนายน 3, 2022……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
Stop Order คืออะไร
คำแรกที่เราจะต้องทำความเข้าใจคือ คำว่า Stop Order คำนี้นั้น โดยรวมจะมีความหมายถึง การตั้ง Buy Stop Order เพื่อให้มีราคาที่สูงกว่าราคาที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน กับการเลือก Sell Stop order เพื่อให้มีราคาของสัญญาต่ำกว่าราคาในปัจจุบัน เทคนิคการทำ Stop Order นิยมมากที่สุดคือใช้เทรดตามที่กราฟกำลังรับกับข่าว หรือว่ามีข่าวกำลังจะเกิดขึ้น
Buy Stop Order คืออะไร
ความหมายของคำว่า Buy Stop Order คือการตั้งราคาซื้อให้มีราคาที่สูงเกินกว่าราคาปัจจุบัน เช่นๆ เราเทรดค่าเงิน EUR/USD ปรากฏว่าราคาปัจจุบันคือ 1.23456 การทำ Buy Stop Order ราคาจะตั้งล่วงหน้าในตำแหน่งที่สูงขึ้นคือ 1.32000 ถ้ากราฟวิ่งมาถึงราคานั้นก็จะเปิดสัญญา Buy ทันที ทำให้เราได้กำไรต่อเนื่องไปเรื่อยๆทันทีครับ
Sell Stop Order คืออะไร
ความหมายของคำว่า Sell Stop Order คือการตั้งราคาขายให้มีราคาต่ำกว่าราคาที่เป็นราคาปัจจุบัน เช่นตัวอย่างเดียวกันกับข้างต้นครับ เช่นๆ เราเทรดค่าเงิน EUR/USD ปรากฏว่าราคาปัจจุบันคือ 1.23456 การทำ Sell Stop Order ที่ 1.22000 แบบนี้ถ้ากราฟวิ่งลงมาถึงราคาของเรา ก็จะทำการเปิดสัญญา Sell ทันที ทำให้เรามีกำไรในส่วนของขาลงทันทีนั่นเอง
ประโยชน์ของการใช้ค่า เหล่านี้
1.ใช้เมื่อเรารู้ว่ากำลังจะเกิดข่าวขึ้นภายในเวลาไม่นาน ปกติเมื่อเกิดข่าวขึ้นมา กราฟจะมีการสวิงตัวที่แรงมากๆ ส่งผลให้เรานั้นไม่สามารถเข้าเทรดได้ทันเวลาแต่การทำ Stop Order จะช่วยให้เราสามารถเข้าเทรดได้ทันอย่างแน่นอน
2.ช่วยประหยัดเวลาในการเฝ้าหน้าจอ ข้อนี้ก็มีความสำคัญมากเช่นกัน หากคุณสามารถคำนวณได้แล้วว่า ระยะเวลาที่การเคลื่อนไหวของกราฟนั้นจะเป็นไปในทิศทางใดและรูปแบบใด คุณก็สามารถที่จะประหยัดเวลาในการเฝ้าหน้าจอได้เพราะตั้งค่ากราฟรอไว้เลยนั่นเอง
คำศัพท์เหล่านี้จะเกี่ยวพันกับเทคนิคในการตั้งราคาซื้อขายกันไว้ล่วงหน้า ทำให้เมื่อราคาวิ่งมาจนถึงตำแหน่งที่เราต้องการ เราก็จะสามารถเปิดสัญญาได้อย่างทันท่วงที เพราะบางครั้งนั้นระยะเวลาในการขยับของกราฟเข้ามาที่เส้นอาจใช้เวลาเร็วกว่าที่คิดมาก ทำให้เปิดออเดอร์ไม่ทันได้
สรุป
การเทรด Forex ต้องเรียนรู้พื้นฐานให้ครบถ้วน โดยเฉพาะเครื่องมือสำคัญ ตัวอย่างของ Stop Order เป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้เครื่องมือเพื่อลดภาระของการเทรด Stop Order จะช่วยให้ชีวิตการเทรดของเราง่ายขึ้น
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ข้อดีของอาชีพการเทรด Forex
ข้อดีของ การเทรด Forex เป็นอาชีพ หากจะพูดถึง Forex หลายๆคนอาจจะคิดว่ามันเป็นการลงทุนที่ดี ซึ่งหากเราจะทำมันเป็นงานอดิเรกก็ถือว่าคุ้ม เพราะเราใช้เวลากับการเทรดไปก็ได้กำไรกลับคืนมา ดีกว่าเอาเวลาไปเสียทิ้งกับสิ่งที่ทำให้เรายิ่งเสียเงินเยอะขึ้น แต่จริงๆแล้วการเทรด Forex นั้น ไม่ได้เหมาะกับการเทรดแบบเป็นงานอดิเรกอย่างเดียว เพราะมีนักลงทุนหลายคนที่ต่างสามารถเทรด Forex จนกลายเป็นการลงทุนหรือเป็นอาชีพได้เลยนั่นเอง
ซึ่งนักเทรดเหล่านั้นต่างสามารถทำกำไรจากตลาด Forex ได้มากมายจนนับไม่ถ้วน ซึ่งการที่จะสามารถก้าวไปสู่จุดนั้นได้ ตัวนักเทรดเองจำเป็นจะต้องมีวินัยอยู่ไม่น้อย รวมไปถึงความรู้และความเข้าใจที่ดี จึงจะสามารถทำเช่นนั้นได้ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ยากอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่สามารถทำได้ ถ้าหากว่าคุณมีทุน และตั้งใจศึกษา Forex ตั้งใจเทรดและฝึกฝนอยู่บ่อยๆผมรับรองเลยว่าในไม่ช้าคุณจะสามารถเทรด Forex เป็นอาชีพได้นั่นเอง ซึ่งในวันนี้ผมจะมาพูดถึงข้อดีของการเทรด Forex เป็นอาชีพว่ามันมีอะไรดี ดีอย่างไร นั่นเอง …..
โดยหลักๆมีอยู่ด้วยกัน 6 ข้อดังต่อไปนี้
1. อิสระด้านเวลา
สำหรับข้อดีข้อแรกในการทำอาชีพเป็นนักเทรด Forex ก็คือ มีอิสระด้านเวลา หากคุณทำงานประจำหรือสังเกตผู้คนที่เขาทำงานประจำกัน แน่นอนเลยเรื่องของเวลาในการทำงานต้องอยู่ราวๆ 6-7 ชั่วโมงไม่รวมชั่วโมงพิเศษ ซึ่งมันดูเหมือนว่าเวลาครึ่งวันได้หายไปกับการทำงานประจำ ส่วนอีกครึ่งวันก็คือการกลับมานอน แต่ถ้าหากว่าคุณผันตัวมาทำอาชีพเป็นนักเทรด Forex สิ่งที่คุณจะได้อันดับแรกเลยก็คือเรื่องของเวลา แน่นอนว่าการเทรด Forex ไม่ใช้เวลามากมาย เพียงแค่คุณนั่งวิเคราะห์สัก 1 ชั่วโมง ทั้งวันคุณก็สามารถทำกำไรได้แล้วนั่นเอง
2. ไม่มีใครมาจี้ดุด่า
สำหรับข้อดีข้อสองในการทำอาชีพเป็นนักเทรด Forex ก็คือ ไม่มีใครมาจู้จี้ดุด่าคุณ ทั้งนี้นั้นต้องบอกก่อนเลยว่าในการทำงานประจำบางสายงานส่วนใหญ่จะต้องมีหัวหน้าคอยคุมงาน หรือไม่ก็มีผู้คนที่ต้องมาคุมงานคุณ บ่อยครั้งที่คุณจะต้องเจอการจู้จี้ การบ่นการด่าจากหัวหน้างานหรือคนคุมงานเหล่านั้นจนน่าเบื่อ แต่ถ้าหากว่าคุณทำอาชีพเป็นนักเทรดแล้วล่ะก็ มันจะไม่มีใครมาดุด่า จู้จี้หรือมาตามงานคุณได้ เพราะการเทรด Forex ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่การตัดสินใจจากคุณคนเดียวนั่นเอง
3. ทุกที่บนโลกทำงานได้
สำหรับข้อดีข้อสามในการทำอาชีพเป็นนักเทรด Forex ก็คือ ทุกที่บนโลกเราสามารถทำงานได้หมด ถ้าหากว่าคุณเป็นพนักงานออฟฟิศ สถานที่ทำงานของคุณก็จะต้องอยู่แต่ออฟฟิศที่เดิม แต่ใน Forex ไม่ใช่เช่นนั้น การเทรด Forex เป็นการทำงานหรือการลงทุนในโปรแกรมเทรดผ่านโบรกเกอร์ นั่นหมายความว่าต่อให้คุณจะอยู่ที่ไหนคุณจะสามารถเทรด Forex ได้นั่นเอง
4. ทำไปด้วยผ่อนคลายไปด้วย
สำหรับข้อดีข้อสี่ในการทำอาชีพเป็นนักเทรด Forex ก็คือ ทำไปด้วยผ่อนคลายไปด้วย จากที่ได้กล่าวไปในข้อ 3 ว่า Forex ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ และการเทรด Forex ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่เราเพียงคนเดียว ดังนั้นถ้าหากว่าคุณเครียดจากการเทรด ก็ไม่ต้องกังวลเพราะคุณก็สามารถผ่อนคลายได้ด้วยตัวเอง อาจจะเทรด Forex ไปฟังเพลงไปก็ไม่มีใครห้ามคุณ
5. มีสังคม Forex รออยู่ไม่ต้องกลัวเหงา
สำหรับข้อดีข้อห้าในการทำอาชีพเป็นนักเทรด Forex ก็คือ มีสังคมรออยู่ไม่ต้องกลัวเหงา เพราะ Forex เป็นตลาดการลงทุนขนาดใหญ่ ถ้าหากว่าคุณอยากจะหาเพื่อนร่วมงานตามกลุ่มออนไลน์เฟสบุ้คมีอยู่มากมายให้คุณได้พบเจอพวกเขา
6. ถ้าเทรดเก่งแล้วโอกาสกำไรก็สูง
สำหรับข้อดีข้อสุดท้ายในการทำอาชีพเป็นนักเทรด Forex ก็คือ เมื่อคุณเซียนแล้ว โอกาสในการทำกำไรก็จะสูงขึ้น หากเปรียบกับงานประจำก็เหมือนกับการเลื่อนตำแหน่งงานทำให้คุณมีเงินเดือนเยอะขึ้นแต่มันก็ต้องแลกมาด้วยผลงาน ซึ่ง Forex ก็เช่นกัน หากคุณมีประสบการณ์มาก มีเทคนิคและเชี่ยวชาญมากขึ้น คุณก็จะสามารถสร้างกำไรได้สูงขึ้นอย่างแน่นอน
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
กฎการเทรด FOREX ที่ต้องมี หากอยากประสบความสำเร็จ
มิถุนายน 2, 2022กฎการเทรด FOREX ที่ต้องมี หากอยากประสบความสำเร็จ
การเทรด forex ที่ต้องมี หากอยากประสบความสำเร็จสำหรับ forex หลายๆคนอาจเคยรู้ได้ยินคำๆนี้มา แต่อาจจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร ? จริงๆแล้ว forex ก็คือตลาดลงทุนชนิดหนึ่ง โดยที่ภายในตลาด forex จะเป็นการลงทุนในรูปแบบซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินตราชนิดต่างๆไม่ว่าจะเป็น USD EUR เป็นต้น และนอกจากสกุลเงินเหล่านี้แล้วก็ยังมีทั้งโลหะมีค่าอย่างเช่น ทองคำ ซึ่งถือว่าตลาด forex แห่งนี้มีสภาพคล่องตัวเป็นอย่างมากในแต่ละวันมีผู้คนนับแสน ๆไปลงทุนในตลาด forex แห่งนี้นั่นเอง และ forex ก็ถือได้ว่าเป็นตลาดการลงทุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย ซึ่งต้องบอกเลยว่ากำไรจากการเทรด forex นั้นค่อนข้างสูงทีเดียว หลายต่อคนก็พยายามที่จะเข้าไปทำกำไรจากตลาด forex แห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย แต่ช้าก่อน !!
จริงๆแล้วตลาด forex แห่งนี้มีความน่ากลัวซ่อนอยู่ เพราะตลาด forex เป็นตลาดการลงทุนที่มีความผันผวนที่สุดในโลก ถ้าหากว่าคุณเทรด forex แบบสุ่มสี่สุ่มห้า รับรองเลยว่าขาดทุนหมดพอร์คได้อย่างแน่นอน ซึ่งในบทความนี้เราจะมาพูดคุยเกี่ยวกับกฎการเทรด forex ที่จะช่วยทำให้คุณอยู่รอดบนตลาดแห่งนี้ซึ่งมีด้วยการ 5 ข้อดังนี้
1. ห้ามหยุดเรียนรู้
กฎข้อแรกของการเทรด forex ที่เราจะมาทำความเข้าใจกันในครั้งนี้ ก็คือเรื่องของการเรียนรู้สิ่งต้องห้ามในการเทรด forex ที่คุณไม่ควรทำ ถ้าหากอยากจะเทรด forex ให้ได้กำไรนั่นก็คือ ห้ามหยุดเรียนรู้ เพราะใน forex นอกจากเงินจะเป็นต้นทุนสำคัญแล้ว ความรู้ก็เป็นทุนที่สำคัญเช่นเดียวกัน หากใครมีความรู้เยอะก็สามารถทำกำไรจากการเทรดได้มากกว่าและง่ายกว่านั้นเอง
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
PMI คืออะไร?
PMI คือ ดัชนีที่ใช้เป็นตัวบ่งชี้สภาวะทางเศรษฐกิจของภาคการผลิตและบริการ ย่อมาจาก Purchasing Managers’ Index หรือก็คือ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ จุดมุ่งหมายของดัชนีคือการให้ข้อมูลเกี่ยวกับเงื่อนไขทางธุรกิจในปัจจุบันให้กับนักวิเคราะห์, ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ, ผู้มีอำนาจตัดสินใจของบริษัท มันถูกสร้างจากห้าตัวชี้วัดหลัก เช่น ระดับสินค้าคงคลัง, การผลิต, การจัดส่งของซัพพลายเออร์, คำสั่งซื้อใหม่ และสภาพแวดล้อมการจ้างงาน
จุดประสงค์เพื่ออะไร?
เพื่อให้ข้อมูลทางด้านสภาวะทางเศรษฐกิจต่อนักลงทุน นักวิเคราะห์ ประชาชนทั่วไป
จัดทำโดยใคร?
ผู้ผลิตหลักของ PMI มี 2 ราย พวกเขาเป็นสถาบันการจัดการอุปทานที่ผลิตตัวชี้วัดสำหรับสหรัฐอเมริกาและ Markit Group ซึ่งดำเนินการในกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ดังนั้นพวกเขาจึงทำแบบสำรวจรายเดือนแล้วส่งไปยังฝ่ายจัดซื้อในเกือบ 300 บริษัท ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อจะเป็นผู้ตอบคำถามแต่ละข้อในแบบสำรวจ โดยจะให้การประเมิณในแต่ละข้อตามเกณฑ์เช่น “ปรับปรุง”, “ไม่เปลี่ยนแปลง”, “เสื่อมสภาพ”มีสูตรพิเศษที่กำหนดน้ำหนักให้กับแต่ละหัวข้อแล้ว x 1.0 สำหรับการปรับปรุง, x 0.5 สำหรับการไม่เปลี่ยนแปลง และ x 0 สำหรับการเสื่อมสภาพ สุดท้ายตัวเลขที่สูงกว่า 50.0 จะบ่งชี้ว่าอุตสาหกรรมมีการขยายตัว ส่วนตัวเลขที่ต่ำกว่านี้จะ – มีการหดตัว
ข้อดีและข้อเสียของ PMI
ข้อดี
ข้อเสีย
รายงานของภูมิภาคของสหรัฐอเมริกาจะออกมาก่อนใครและอาจมีค่าสหสัมพัทธ์สูงและทำให้การประกาศนี้ไม่ค่อยมีผล
ทำไมมันจึงมีความสำคัญมาก?
บางคนคิดว่าดัชนีนี้ไม่สำคัญนักเพราะเป็นเพียงการสำรวจความคิดเห็นของผู้จัดการ อย่างไรก็ตามมันเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดสำหรับนักลงทุนที่มองหาเบาะแสเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ พวกเขาใช้มาตรการนี้เป็นดัชนีชี้วัดการเติบโตหรือการเติบโตของ GDP สิ่งสำคัญคือธนาคารกลางใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการกำหนดนโยบายการเงินไม่เพียงแต่ข้อมูล PMI ทั้งหมดเท่านั้น แต่ส่วนประกอบแต่ละตัวก็สามารถนำไปใช้ในตลาดต่างๆได้ ตัวอย่างเช่น ในตลาดตราสารหนี้เฝ้าดูการเติบโตของการส่งมอบของผู้ขายและราคาที่จ่าย เพราะตัวเลขสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อได้ดัชนีนี้มีความสำคัญไม่เพียงแต่กับภาคการผลิตเท่านั้นแต่กับเศรษฐกิจทั้งหมดด้วยเนื่องจากภาคการผลิตเป็นส่วนสำคัญของมันดังนั้นหาก PMI ลดลงในประเทศหนึ่ง นักลงทุนอาจพิจารณาลดความเสี่ยงของพวกเขาในตลาดทุนของประเทศนั้น และเพิ่มการลงทุนในตลาดหุ้นของประเทศอื่นๆที่มีค่า PMI ที่สูงขึ้น
ประโยชน์ของ EA ระบบเทรดอัตโนมัติที่เทรดเดอร์ควรรู้
EA คืออะไร
EA ย่อมาจาก Expert Advisors ซึ่งเทรดเดอร์จำนวนมากมักเรียกติดปากกันว่า “บอท” เป็นโปรแกรมที่ถูกเขียนขึ้นมาให้เทรด forex ให้โดยอัตโนมัติ ซึ่ง EA ก็มีอยู่หลายประเภทด้วยกันแล้วแต่การใช้งาน
ประโยชน์ของการใช้ EA
จริงอยู่ที่ว่า EA นั้นไม่สามารถใช้ทดแทนการตัดสินใจของเทรดเดอร์ได้ทั้งหมด แต่โปรแกรมนี้ก็สามารถช่วยลดความเครียดในการ เทรด forexลงได้ เพราะเทรดเดอร์ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและพื้นฐานมากนัก เนื่องจากการคำนวณทั้งหมดจะรวมอยู่ในโปรแกรมแล้ว อีกทั้งยังช่วยให้เทรดเดอร์มีเวลามากขึ้นในการทำงานหรือทำกิจกรรมอย่างอื่น โดยไม่ต้องมานั่งเฝ้าหน้าจอเพื่อทำการ เทรด forexอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าเทรดเดอร์ที่รัน EA นั้น ไม่มีความรู้เกี่ยวกับเทคนิค Forex เลย ก็น่าจะเป็นการยากที่ประสบความสำเร็จได้ เพราะเทรดเดอร์รายนั้นจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้เลยนั่นเอง
เป็นความจริงว่า EA สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องหยุดพัก ในขณะที่เทรดเดอร์จำเป็นต้องพักผ่อนและมีหน้าที่ความรับผิดชอบอื่น ๆ ที่ต้องทำ ซึ่งในบางครั้งก็อาจทำให้พวกเขาพลาดช่วงเวลาในการ เทรด forexที่ดีมาก ๆ ไป ดังนั้นการใช้ EA ช่วยในการเทรดทำให้เทรดเดอร์ไม่พลาดช่วงเวลาในการซื้อขายที่เหมาะสมตลอด 24 ชั่วโมง
EA จะตัดสินใจไปตามเงื่อนไขที่เทรดเดอร์กำหนดเอาไว้ โดยไม่มีการใช้อารมณ์หรือความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ จึงช่วยลดความผิดพลาดในการเทรดลงได้มาก ในขณะที่เทรดเดอร์ซึ่งเป็นมนุษย์นั้น เต็มไปด้วยอารมณ์และความรู้สึกที่อาจส่งผลทำให้การตัดสินใจผิดพลาดได้ง่าย
EA สามารถตรวจสอบ และ ระบุช่วงเวลาในการซื้อขายที่เหมาะสมที่สุดและมีการตอบสนองต่อโอกาสต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว ทำให้เทรดเดอร์ที่ใช้โปรแกรม EA ไม่ต้องกังวลเรื่องการเสียโอกาสในการเทรด ซึ่งหากเป็นการเทรดด้วยตนเองบางครั้งการตัดสินใจและส่งคำสั่งซื้อที่ช้าไปเพียงเสี้ยววินาที ก็สามารถส่งผลถึงการขาดทุนและสูญเสียโอกาสในการเทรดที่ดีเยี่ยมไปอย่างน่าเสียดาย
EA เหมาะสมอย่างยิ่งกับเทรดเดอร์ที่ไม่ค่อยมีเวลาเทรด หรือไม่ค่อยมีเวลาติดตามการเคลื่อนไหวของตลาด หรือแม้แต่เทรดเดอร์มือใหม่ที่มีความรู้พื้นฐานอยู่บ้างแล้ว ก็สามารถทดลองใช้ EA ได้เช่นกัน ถือเป็นการฝึกฝนทักษะการใช้งาน เพื่อการ เทรด forexที่ดีขึ้น ทำกำไรได้มากขึ้นในอนาคต
5 วิธีขจัดความโลภเพื่อให้ เทรด Forex ได้อย่างไร้ความเสี่ยง
พฤษภาคม 31, 2022ความเสี่ยงที่น่ากลัวที่สุดไม่ได้ขึ้นอยู่กับตลาด Forex หรือสถานการณ์ทางเศรษฐกิจต่าง ๆ แต่อย่างใดความเสี่ยงที่น่ากลัวที่สุดส่วนเกิดขึ้นจากภายในจิตใจของเราซึ่ง ได้แก่ ความโลภ นั่นเอง
อย่างที่ทุกท่านทราบกันเป็นอย่างดีแล้วว่าความโลกมักนำพาให้เกิดหายนะต่าง ๆ มากมายโดยการเทรด Forex หากคุณยอมปล่อยให้ความโลกเข้ามาควบคุมการเทรดของคุณเมื่อนั้นคุณจะต้องพบกับความสูญเสียมากมายอาจจะเทรดจนล้างพอร์ตล้างกระดานหรือต้องออกจากการลงทุนไปก็มีและเพื่อไม่ให้คุณถูกความโลกครอบงำวันนี้เรามาแนะนำ 5 วิธีขจัดความโลภให้ทุกท่านได้นำไปปรับใช้กัน
บางคนเทรด Forex อยากได้กำไรเยอะ ๆ เลยเลื่อนจุด Take Profit จุดทำกำไรให้สูง ๆ เข้าไว้ก่อน การตั้ง TP ไว้สูง ถ้าหากราคาสามารถเคลื่อนที่ไปถึง เราจะได้กำไรมากก็จริง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความผันผวนในตลาดนั้นมีมาก การตั้ง TP สูงเกินไปเป็นความโลภที่ไม่ดี เราควรคำนึงถึงความเสี่ยงให้มาก ๆ กว่ากำไรที่เราจะได้รับ
การเคลื่อนไหวของราคาในตลาด Forex เกิดขึ้นไปตามกลไกทางเศรษฐกิจของโลก การที่เราคิดว่าเราสามารถควบคุมราคา และจะต้องได้กำไรมาก ๆ เป็นเรื่องที่ผิด หากเราเข้าใจว่าเราไม่สามารถควบคุมราคาตลาดได้ จะทำให้เราไม่โลภไม่หวังได้ผลลัพธ์มาก ๆ
การมีสติจะทำให้เรารู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ หากเรารู้ตัวว่าความโลภกำลังเข้าครอบงำ การมีสติที่ครบถ้วนจะช่วยระงับความโลภที่เกิดขึ้นให้ลดลงได้ เช่น เราเห็นว่าราคาในกำไรมีแนวโน้มจะพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนใกล้จะถึงเส้น TP ของเราแล้ว หากเราขยับเพิ่มขึ้น การเทรดครั้งนี้จะทำให้เราได้กำไรมากอย่างแน่นอน แต่หากเรามีสติรู้ตัว และไม่โลภทำกำไรให้มากขึ้นทันที เราเลือกที่จะได้กำไรเท่านี้ก่อน แล้วค่อยหาโอกาสเทรดให้ได้กำไรในรอบต่อไป
ถ้าเรามีแผนการเทรดที่แน่นอน มีการกำหนด TP และ SL อย่างชัดเจน ขอให้คุณมั่นคงกับแผนการเทรดของคุณให้ได้เป็นอย่างดี เมื่อคุณทำตามแผนของคุณได้ ความโลภไม่มีทางเกิดขึ้นในใจของคุณอีกเลย
หากคุณพยายามควบคุมไม่ให้เกิดความโลภจนถึงขีดจำกัดแล้ว ทางเลือกที่ดีที่สุดคือการปิดหน้าจอไปเลย คุณจะได้ไม่ต้องมาพะวงกับกราฟราคาตลาดที่มันกำลังเติบโต แล้วปล่อยให้การเทรด Forex ของคุณเป็นไปตามแผนที่คุณวางไว้ ให้ระบบจัดการเทรดให้คุณด้วยตัวมันเองไปเลย
ทั้งนี้ก็เป็นเพียงตัวช่วยระงับความเสี่ยงและความโลภในตัวคุณเท่านั้น แต่ใจหลักสำคัญที่จะควบคุมให้ทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมายก็คือ ‘ตัวคุณเอง’ เมื่อตัวคุณควบคุมมันได้ อดทนและเอาชนะตัวเองให้มากที่สุด แล้วชัยชนะจะไปไหนเสีย!!!!
รีวิว! ผลงานระบเทรดอัตโนมัติ
MT4 คือ อะไร ? ( เทรด Forex )
MT4 คือ โปรแกรม หรือ แพลตฟอร์ม สำหรับเทรด Forex ที่เทรดเดอร์นิยมใช้ สามารถใช้สำหรับการเทรดปกติ หรือการเทรดโดยการใช้ EA (Expert Advisor) หรือ โปรแกรมเทรดอัตโนมัติ
MT4 คืออะไร
MetaTrader 4 หรือ MT4 คือโปรแกรมใช้สำหรับการส่งคำสั่งซื้อขายค่าเงิน หรือผลิตภัณฑ์ CFD ของหลักทรัพย์ทางการเงินหลาย ๆ ตลาด โปรแกรม MT4 นั้นเป็นผลิตภัฑณ์ของบริษัท Metaquote Software ในปัจจุบัน MT4 ถูกพัฒนาให้สามารถใช้งานได้บน Mac, Window, รวมถึงแอปพลิเคชั่นบนมือถือ และกลายมาเป็นแพลตฟอร์มการเทรดที่รู้จักกันดีในหมู่นักเทรดค่าเงิน แต่แม้ว่าจะมีภาพลักษณ์แบบนั้นเทรดเดอร์ก็ยังใช้ MT4 เป็นแพลตฟอร์มการเทรดสินค้าอีกหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ค่าเงิน ดัชนี สกุลเงินดิจิตอล และสินค้าโภคภัณฑ์ที่อยู่ในรูปของสัญญาซื้อขายส่วนต่างราคา หรือ CFDs
เหตุผลที่ MT4 ได้รับความนิยมจากเทรดเดอร์ทั่วโลกก็คงหนีไม่พ้นฟังก์ชั่นการใช้งานที่สามารถปรับแต่งให้เข้ากับรสนิยมและความถนัดของเทรดเดอร์แต่ละคนได้ และยังสามารถประยุกต์ใช้เข้ากับ automate trading ซึ่งเป็นการใช้อัลกอริทึมมาส่งคำสั่งเปิดปิดสถานะด้วยการเซ็ตคาพารามิเตอร์แทนที่การเทรดของบุคคลได้
นอกจากนี้ ในการฝึกเทรด เพื่อให้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของการเทรดจริง เพื่อให้คุณเคยกับเงื่อนขไขของโบรคเกอร์เช่น ขนาดของ Spread หรือ ขนาดของ Swap สิ่งที่เราควรกำหนดคือ ถ้าหากเราต้องการเทรดกับ Forex Broker ไหนก็ควรจะไป Download โปรแกรม MT4 จากโบรคเกอร์นั้น เพราะโบรกเกอร์แต่ละตัวโบรกก็ใช้ MT4 ที่มีเงื่อนไขแตกต่างกันไป แต่ว่าลักษณะโดยรวมจะเหมือนกันครับ
จุดอ่อนและข้อได้เปรียบของ MT4
จากที่ผ่านมาเราคงเห็นกันคร่าว ๆ ไปบ้างแล้วว่าโปรแกรม MT4 คืออะไร ใช้ยังไง และหน้าตาเป็นอย่างไรบ้าง แต่ถึงโปรแกรมนี้จะเป็นที่นิยมของเทรดเดอร์ ก็ใช่ว่าจะมีข้อดีที่เพียบพร้อมไปเสียหมด และแน่นอนว่าก็ไม่ได้มีแต่จุดอ่อน ดังนั้นเรามาดูกันต่อเลยว่า MT4 นั้นมีข้อได้เปรียบจากแพลตฟอร์มการเทรดอื่น ๆ อย่างไร หรือมีจุดอ่อนอย่างไร เพื่อให้ได้นำไปใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาเลือกใช้กัน
1. ข้อได้เปรียบของ MT4
● เป็นเครื่องมือที่ปรับแต่งและประยุกต์ได้หลากหลาย จากฟังก์ชันมากมายให้เทรดเดอร์ได้ทำให้สามารถปรับแต่งเครื่องมือให้มีความเฉพาะตัวกับเทรดเดอร์แต่ละคนได้อย่างเฉพาะตัวที่สุดแพลตฟอร์มหนึ่งเลย
● ใช้ทรัพยากรในการประมวลผลไม่มาก สำหรับ Window MT4 เรียกร้องสเป็กเครื่องที่ Windows 2000 หรือใหม่กว่า ด้วยความเร็ว CPU 2.0 ขึ้นไป, แรมอย่างน้อย 512 MB หรือหากให้ดีควรเป็น 1 GB, หน้าจอควรมี screen resolution ที่ 1024 x 768 หรือมากกว่าและเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตความเร็ว 56 kbps ขึ้นไป
● มีฟังก์ชั่นการใช้งานไม่ด้อยไปกว่าแพลตฟอร์มการเทรดอื่น ๆ สามาถใช้ได้ทั้งบน Mac, Window, iOs และ Android
2. จุดอ่อนของ MT4
● ข้อมูลที่นำมาใช้ทำ Backtest มีคุณภาพไม่สูงนัก การใช้ MT4 ทดสอบประสิทธิภาพของ EA ก่อนนำมาใช้งานจึงอาจมีความคลาดเคลื่อนได้ โดยข้อมูลในอดีตที่นำมาทำ Backtest ใน MT4 นั้นเชื่อถือได้เพียง 90% เท่านั้น
● ความเร็วในการส่งออเดอร์ยังไม่ถือว่าเร็วมาก ทำให้ MT4 ไม่เหมาะกับการใช้สำหรับระบบเทรดที่ใช้ความเร็วในการซื้อขายสูง (high-frequency trading)
● กราฟราคาไม่เปิดให้เทรดเดอร์ปรับแต่งช่วง Time Frame เอง จึงมีเลือกเพียงแค่ 1 นาที, 5 นาที, 15 นาที, 30 นาที, 1 ชั่วโมง, 4 ชั่วโมง, 1 วัน, 1 สัปดาห์ และ 1 เดือน เท่านั้น
ข้อแตกต่างระหว่าง MT4 และ MT5
เนื่องจากในปัจจุบันมี Metaquote ได้ทำการพัฒนาโปรแกรม Metatrader ออกมา 2 Version ได้แก่ Metatrader 4 (MT4) และ Metatrader 5 (MT5) ดังนั้นเรามาดูกันครับว่ามันมีความแตกต่างกันอย่างไร
ลักษณะ | MT4 | MT5 |
การติดตั้ง | – มีระบบติดต่อกับโบรกเกอร์โดยตรงและใช้งานได้ง่าย– ต้องการ รหัสที่อยู่ของ Server ในการเปิดบัญชี ระหว่างการติดตั้ง | – เซิร์ฟเวอร์ Metaquotes trading ในปัจจุบัน มีการบรรจุเซิร์ฟเวอร์ในการเปิดบัญชีในระหว่างการติดตั้งไว้ให้แล้ว แต่การส่ง ping ไปยังเซิร์ฟเวอร์ยังคงมีปัญหาเป็นบางครั้ง– สามารถเพิ่มเซิร์ฟเวอร์โดยเฉพาะสำหรับบัญชี Demoได้โดยไม่มีปัญหา |
จำนวนหน้าจอ/Time frame | – 9 Timeframe | – 21 Timeframe ตั้งแต่เวลา 1 นาที จนถึง 1 เดือน พร้อมไม่จำกัดจำนวนหน้าจอที่ใช้ได้– สามารถสั่งงานได้ถึง 100 หน้าจอพร้อมกัน |
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน(การเทรดตามข่าว) | – ไม่มีตารางข่าว | – มีการแบ่งหมวดหมู่ตารางข่าวออกเป็นแท็บต่างๆ พร้อม รายละเอียดข่าว, เวลา, ความรุนแรงของผลกระทบ, Forecast, เปรียบเทียบข้อมูลเก่า และอื่นๆอีกมากมาย |
การตลาด | – ไม่มีการเชื่อมโยงการซื้อขายเพิ่มเติมเข้าไปในโปรแกรม คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ เว็บ MQL4.com ในการซื้อขาย ต่างๆ | – คุณสามารถทำการซื้อขาย ผลิตภัณฑ์ทาง Forex ต่างๆ ภายในโปรแกรมได้ทันที ผ่าน แท็บ Market |
Indicator และการวิเคราะห์รูปแบบอื่น ๆ | – มีอินดิเคเตอร์ ติดมากับโปรแกรม 30 ตัว | มีอินดิเคเตอร์ ติดมากับโปรแกรม 38 ตัว, มีอินดิเคเตอร์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีก,มีอินดิเคเตอร์ที่เป็นวัตถุแสดงผลเพิ่มขึ้น 22 ตัว และอินดิเคเตอร์แสดงผลเป็นกราฟฟิก เพิ่มขึ้น 46 ตัว |
การส่งคำสั่ง ซื้อขาย | – วางได้ทีละ 2 ออเดอร์ และอีก 4 Pending Order | – วางได้ทีละ 2 ออเดอร์ ,4 Pending Order และ 2 Stop Order |
Expert Advisor | – มีโปรแกรม MT4 Editor & Strategy Tester มาพร้อมกับโปรแกรม EA ซึ่งถูกออกแบบด้วย ภาษา MQL และสามารถทำการคอมไพล์ได้รวดเร็ว– ไม่สามารถนำโค้ดของ EA MT4 ไปแปลงเป็น MT5 ได้ ดังนั้น EA ของMT4 จึงไม่สามารถนำไปใช้งานกับ MT5 ได้ | – มีโปรแกรม MT5 Editor ซึ่งมีการพัฒนา Strategy Tester– มีระบบ Strategy Tester Agent Managerสำหรับการปรับแต่ง EA จากภายนอกได้ และคุณสมบัติอื่นๆอีกมากมาย
– EA ถูกออกแบบด้วยภาษา C++ ทำให้มันทำการคอมไพล์ได้ช้าลง |
รูปร่างหน้าตา | – ง่ายต่อการแก้ไขให้เหมาะต่อการใช้งาน , ระบบ One Click Trading และ Drag & Drop มีให้ใช้งานเฉาพะMT4 Build 500 เท่านั้น | – มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในการออกแบบอินเตอร์เฟซ , มีการเพิ่มกล่องค้นหา, แท็บข้อมูลเพิ่มเติมบนหน้าต่าง Market Watch , มีระบบ One Click Trading และ Drag & Drop และอื่นๆ อีกมากมาย |
การรองรับเทคนิคการเทรด | – รองรับเทคนิคการเทรดทุกรูปแบบ แต่อย่างไรก็ตาม โบรกเกอร์ก็ยังมีกฎข้อบังคับ ไม่ให้มีการใช้งานเทคนิคบางอย่างได้ | – ไม่รองรับการ Hedging และ ทำตามข้อกำหนด FIFO ตามการตั้งค่าปกติ |
โบรคเกอร์ | – โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ยังคงรองรับ MT4 มากกว่า MT5 | – ถ้าเทียบกับ MT4 แล้ว ยังมีโบรกเกอร์ที่รองรับจำนวนน้อยกว่ามาก |
คราวนี้เราก็ได้มาทำความรู้จักกับ MT4 ได้รู้ว่า MT4 คืออะไร เป็นยังไง และสำหรับผู้ที่กำลังคิดตัดสินใจเริ่มใช้ MT4 หรือเลือกแพลตฟอร์มการเทรดอยู่ก็น่าจะได้ไอเดียสำหรับเลือกแพลตฟอร์มในการเทรดของตัวเองบ้างแล้ว แต่การเลือกใช้แพลตฟอร์มนั้นก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นและส่วนเล็ก ๆ ของการเทรดเท่านั้น สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยก็คือการคิดวางแผน กำหนดกลยุทธ์ และเริ่มทดลองเทรดจริง ๆ
สรุป
ถ้าหากคุณต้องการเทรด forex คุณต้องติดตั้งโปรแกรม MT4 ลงไปที่คอมพิวเตอร์หรือมือถือของคุณ และเรียนรู้ที่จะใช้มัน ในตอนแรกที่คุณใช้อาจจะงงๆเล็กน้อย แต่พอใช้เป็นแล้ว และศึกษาอย่างลึกซึ้งอย่างต่อเนื่องแล้ว คุณจะพบว่าการเทรดนั้นไม่ใช่เรื่องยากครับ
ตกรถ ตกขบวน คือ อะไร ? ( forex )
คำสำคัญที่คุณนั้นต้องพบเจอตลาดการเทรด forex คือคำว่า ตกรถ,ตกขบวน สำหรับใครที่ยังไม่เข้าใจความหมายว่าคำสองคำนี้ว่ามีความหมายว่าอย่างไรแล้ว ผมขอใช้พื้นที่ของบทความตรงนี้ในการอธิบายให้คุณได้เข้าใจไปพร้อมๆกันนะครับ เผื่อว่าตอนนี้คุณอาจมีอาการ ตกรถ,ตกขบวน อยู่ก็เป็นได้
ตกรถตกขบวนคืออะไร … ?
ตกรถตกขบวน หมายถึง การที่กราฟของคู่เงินคู้หนึ่งที่กำลังวิ่งอยู่ ซึ่งเป็นการเคลื่อนที่ของกราฟตามแบบคำคาดการณ์ของบรรดาโปรดเทรเดอร์ หรือตามสัญญาณของอินดเคเตอร์ที่เราใช้งาน แต่ตอนนั้นเทรดเดอร์กับไม่สามารถเปิด Order Buy หรือSell ได้ทัน ก็คือเป็นช่วงจังหวะที่น่าจะซื้อแต่ไม่รีบซื้อแต่แรก กราฟวิ่งไปแล้วคนอื่นเขาได้ ๆ กันหมด แต่เราดันไม่มี Order ช่วงนั้นซะงั้น ทำให้ตัวเทรเดอร์นั้นสูญเสียกำไรไปต่อหน้าต่อตา ราวกับตกรถตกขบวน ที่ไปรับผลประโยชน์ไม่ทันนั้นเอง
สาเหตุของการตกรถตกขบวน
1. ไม่ได้มีการตั้งค่าสำหรับเหตุการกระทันหัน
ไม่ทำการตั้งค่าEAเอาไว้ช่วยเมื่อคุณไม่ได้มาสิงอยู่หน้าจอ แหรือคุณอาจจะทำการวางจุด Take Profit เอาไว้ก้ได้หากว่าไม่ว่างจะมานั่งจ้องจริงๆหรือกลัวว่าจะกดเทรดไม่ทันราคาจะเปลี่ยนซะก่อนหรือกลัวว่าจะโดนรีโควต ซึ่งเป็นเทคนิคพื้นฐานที่เทรดเดอร์ควรพึงทราบจะได้ไม่พลาดตกขบวนแบบนี้อีก
2.ไม่เฝ้ากราฟ
เรื่องจริงที่สุดที่ทำให้คุณตกขบวนคือ การไม่เฝ้ากราฟในช่วงเวลาที่มีความสำคัญ เช่นช่วงข่าวเป็นต้น หากเทรดเดอร์รู้จักเฝ้ากราฟในช่วงข่าวแค่นี้ก็จะสามารถเปิดOrderได้ทันเมื่อสัญญาณเกิดขึ้น แต่หากคุณไม่เฝ้ากราฟ กว่าจะรู้ตัวคือตกรถตกขบวน ของคู่เงินที่คุณนั้นควรจะทำกำไรได้ไปเสียแล้ว
3.เน็ตมีปัญหา
อีกหนึ่งปัญหาที่ประสบพบเจอได้อย่าง่ายดายคือ ความเร็วของเน็ตของคุณนั้นไม่แรงพอทำให้เกิดอาการที่เรียกว่าการรีโควทบ่อยๆในการเทรด ซึ่งส่งผลให้คุณพลาดโอกาสหรือช่วงสำคัญของการทำเงินได้เช่นเดียวกัน วิธีการแก้แบบง่ายๆนั่นก็คือการต่อสายLANเพื่อรับอินเทอร์เนตโดยตรง หรือไม่ก็เพิ่มความเร็วอินเทอร์เนตให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มความแรงในการเทรด จะได้ไม่พลาดตกรถตกขบวนกันได้
วิธีแก้ไขอาการตกขบวน
เมื่อรู้สาเหตุแล้ว เราก็มาแก้ไขปัญหา และป้องกันให้ถูกจุดกัน
เริ่มจากการสำรวจว่าสาเหตุที่แท้จริงน่าจะมาจากอะไร เป็นเพราะเทรดเดอร์ลืมตั้งค่า EA เอาไว้ก่อนลุกออกไปจากที่นั่ง หรือเพราะ Internet ที่ใช้อยู่ไม่แรงพอ
หลังจากพบสาเหตุที่แท้จริงแล้วก็ตามแก้ไขไปตามจุดที่เป็นสาเหตุนั้น เพียงเท่านี้ก็จะอุดรอยรั่ว และป้องกันอาการตกขบวนในการ เทรด forexได้แล้ว
นอกจากการตั้งค่า EA และ Internet ที่ต้องแรงมากพอแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่จะมีส่วนช่วยให้เล่น forex ให้ รวยได้อีกมากมาย เช่น ความรู้ ประสบการณ์ การฝึกฝน จิตวิทยาการลงทุน และเทคนิค การ เทรด forexที่ต้องมีติดตัวมากในระดับหนึ่งนั่นเอง
ฟรี!ระบบเทรด