สุดยอดคู่มือ: เพิ่มประสิทธิภาพการเทรด Forex ด้วย EA ระบบเทรดสั้น (Scalping Expert Advisor)
ในโลกของการเทรด Forex ที่เต็มไปด้วยความผันผวนและโอกาส การแสวงหากลยุทธ์และเครื่องมือที่สามารถสร้างผลกำไรได้อย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่เทรดเดอร์ทุกคนปรารถนา หนึ่งในแนวทางที่ได้รับความนิยมอย่างสูง โดยเฉพาะในหมู่นักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนรวดเร็วและบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ ระบบเทรดสั้น (Scalping) และเมื่อผนวกเข้ากับเทคโนโลยีของ Expert Advisor (EA) หรือโรบอทช่วยเทรดอัตโนมัติ ยิ่งทำให้การทำกำไรในตลาด Forex เข้าถึงได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น บทความนี้จะเจาะลึกทุกแง่มุมของ EA ระบบเทรดสั้น เพื่อให้คุณเข้าใจอย่างถ่องแท้และสามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเทรดของคุณได้อย่างแท้จริง

EA ระบบเทรดสั้น (Scalping Expert Advisor) คืออะไร?
Expert Advisor (EA) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “โรบอทเทรด” หรือ “ระบบเทรดอัตโนมัติ” คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อดำเนินการซื้อขายในตลาด Forex โดยอัตโนมัติ ตามชุดคำสั่งและเงื่อนไขที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ด้วยความสามารถในการวิเคราะห์ตลาดและเปิด/ปิดคำสั่งซื้อขายได้เร็วกว่ามนุษย์ EA จึงเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับเทรดเดอร์
การเทรดสั้น (Scalping)
การเทรดสั้น (Scalping) เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การเทรด Forex ที่มุ่งเน้นการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อยในระยะเวลาอันสั้นมาก โดยทั่วไปแล้ว เทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์ Scalping จะเปิดและปิดคำสั่งซื้อขายภายในไม่กี่วินาทีหรือไม่กี่นาที และมักจะใช้ไทม์เฟรม (Timeframe) ที่ต่ำมาก เช่น M1 (1 นาที) และ M5 (5 นาที) เพื่อจับโอกาสในการทำกำไรจากความผันผวนของราคาที่เกิดขึ้นตลอดเวลา เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Scalping สำหรับมือใหม่
EA ระบบเทรดสั้นทำงานอย่างไร?
เมื่อรวม EA เข้ากับการเทรดสั้น จะได้เป็น EA ระบบเทรดสั้น (Scalping Expert Advisor) ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ถูกตั้งโปรแกรมให้สามารถระบุโอกาสในการเทรดสั้นได้เอง และดำเนินการซื้อขายโดยอัตโนมัติ หลักการทำงานคือ:
- วิเคราะห์ตลาดอย่างรวดเร็ว: EA จะใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิค (Indicators) และกฎการเทรดที่กำหนดไว้ เช่น การตัดกันของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages), RSI, Stochastic หรือรูปแบบแท่งเทียนเฉพาะ เทคนิค Scalping ทองด้วย Indicators
- ดำเนินการซื้อขายทันที: เมื่อเงื่อนไขการเทรดสั้นเป็นไปตามที่กำหนด EA จะเปิดคำสั่งซื้อขายทันที พร้อมกำหนดจุดทำกำไร (Take Profit) และจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ในระยะสั้นมาก
- ปิดคำสั่งรวดเร็ว: ไม่ว่าตลาดจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่คาดการณ์ไว้เพื่อทำกำไร หรือเคลื่อนไหวผิดทางจนถึงจุดตัดขาดทุน EA จะปิดคำสั่งซื้อขายอย่างรวดเร็ว เพื่อจำกัดความเสี่ยงและเก็บเกี่ยวผลกำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ จำนวนมาก
ทำไมต้องเลือก EA ระบบเทรดสั้น? ข้อดีที่เหนือกว่า
การใช้ EA ระบบเทรดสั้นมีข้อดีหลายประการที่ทำให้นักลงทุนหันมาให้ความสนใจ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพและลดอิทธิพลของอารมณ์ในการเทรด รีวิววิธีเลือก EA Forex เทรดสั้น
1. ทำกำไรทันใจและต่อเนื่อง (Quick & Consistent Profits)
EA ระบบเทรดสั้นถูกออกแบบมาเพื่อเก็บเกี่ยวผลกำไรเล็กน้อยในแต่ละครั้ง แต่ด้วยความถี่ในการเข้าออกตลาดที่สูง ทำให้สามารถสะสมกำไรเหล่านี้ให้กลายเป็นจำนวนที่น่าพอใจได้ภายในระยะเวลาอันสั้น
- การสะสมกำไร: แทนที่จะรอให้ราคาวิ่งไปไกลเพื่อทำกำไรก้อนใหญ่ EA จะมุ่งเน้นการเก็บ 2-5 pips ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง ซึ่งเมื่อรวมกับการเข้าออกหลายสิบหรือหลายร้อยครั้งต่อวัน กำไรที่ได้จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- ประสิทธิภาพด้านเวลา: เทรดเดอร์ไม่จำเป็นต้องเฝ้าหน้าจอตลอดเวลาเพื่อหาโอกาสในการเทรด ทำให้มีอิสระในการทำกิจกรรมอื่น ๆ มากขึ้น
- ลดผลกระทบทางจิตวิทยา: การเห็นผลกำไรเป็นประจำ แม้จะเป็นจำนวนเล็กน้อย ช่วยสร้างความมั่นใจและลดความกดดันจากการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นในการเทรดระยะยาว ความสำคัญของจิตวิทยาการเทรด
2. ลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดในระยะยาว (Reduced Long-Term Volatility Risk)
หนึ่งในความท้าทายของการเทรดคือความผันผวนของราคาที่อาจเปลี่ยนแปลงทิศทางอย่างรวดเร็ว แต่ด้วยกลยุทธ์การเทรดสั้น EA สามารถช่วยลดความเสี่ยงนี้ได้
- ระยะเวลาการถือครองสั้น: EA จะเปิดและปิดคำสั่งภายในไม่กี่นาที ทำให้เงินทุนของเราสัมผัสกับความเสี่ยงในตลาดเพียงช่วงสั้น ๆ
- ป้องกันข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญ: การเทรดสั้นจะช่วยให้เทรดเดอร์หลีกเลี่ยงผลกระทบจากข่าวเศรษฐกิจสำคัญ หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจทำให้ราคาผันผวนรุนแรงในระยะยาว
- ควบคุมการขาดทุนอย่างเข้มงวด: EA มักจะถูกตั้งค่าให้มี Stop Loss ที่ใกล้เคียงกับจุดเข้ามาก เพื่อจำกัดการขาดทุนให้เหลือน้อยที่สุดในแต่ละครั้ง
3. โอกาสทำกำไรในทุกสถานการณ์ตลาด (Profit Opportunities in All Market Conditions)
ไม่ว่าตลาดจะเป็นเทรนด์ขาขึ้น ขาลง หรือ Sideways EA ระบบเทรดสั้นก็ยังคงมีโอกาสในการทำกำไร
- การทำกำไรจาก Micro-Trends: แม้ในตลาด Sideways ที่ดูเหมือนไม่มีทิศทางที่ชัดเจน แต่ก็ยังคงมีการเคลื่อนไหวของราคาขึ้นลงเล็กน้อยที่ EA สามารถจับโอกาสในการทำกำไรได้
- ความยืดหยุ่นสูง: EA สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เข้ากับสภาวะตลาดที่แตกต่างกันได้ เช่น การเพิ่มความถี่ในการเทรดในตลาดที่มีสภาพคล่องสูง หรือลดความเสี่ยงในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนผิดปกติ
- ไม่ยึดติดกับเทรนด์ใหญ่: การเทรดสั้นไม่ได้พึ่งพาการเคลื่อนที่ของเทรนด์หลักเป็นสำคัญ ทำให้สามารถสร้างกำไรได้แม้ในสภาวะที่เทรนด์หลักไม่ชัดเจน
การเลือกไทม์เฟรม (Timeframe) ที่เหมาะสม: M1 และ M5
EA ระบบเทรดสั้นส่วนใหญ่จะทำงานได้ดีที่สุดบนไทม์เฟรมที่สั้นมาก เช่น M1 (1 นาที) และ M5 (5 นาที) เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่แสดงการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้นที่สุด ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเทรดแบบ Scalping
- M1 (1 นาที): เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการโอกาสในการเข้าออกตลาดสูงสุด และยอมรับความเสี่ยงที่สูงขึ้นเล็กน้อย แต่ก็แลกมาด้วยความถี่ในการทำกำไรที่อาจมากที่สุด
- M5 (5 นาที): ให้ภาพรวมการเคลื่อนไหวของราคาที่ชัดเจนกว่า M1 เล็กน้อย ลด Noise ที่ไม่จำเป็นลง ทำให้การตัดสินใจของ EA มีความแม่นยำมากขึ้นเล็กน้อย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความถี่ในการเทรดสูง แต่ก็ยังคงต้องการความเสถียร
เคล็ดลับและข้อควรพิจารณาในการใช้ EA ระบบเทรดสั้น
เพื่อให้การใช้งาน EA ระบบเทรดสั้นมีประสิทธิภาพสูงสุดและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ควรพิจารณาประเด็นสำคัญดังต่อไปนี้:
1. การเลือก EA ที่มีคุณภาพ
สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือก EA ที่ได้รับการพัฒนามาอย่างดี มีประวัติผลงานที่น่าเชื่อถือ และมีความโปร่งใสในการแสดงผลการทดสอบย้อนหลัง (Backtest) และการเทรดจริง (Forward Test) EA ระบบเทรดทำกำไรฟรี
- การทดสอบย้อนหลัง (Backtesting): ตรวจสอบว่า EA มีประสิทธิภาพในการทำกำไรในอดีตอย่างไรภายใต้สภาวะตลาดที่แตกต่างกัน
- การทดสอบในบัญชี Demo (Forward Testing): ควรทดลองใช้ EA ในบัญชี Demo ก่อนเสมอ เพื่อดูประสิทธิภาพในการทำงานจริงในสภาวะตลาดปัจจุบัน
- ความเสถียรและ Drawdown: EA ที่ดีควรมีค่า Drawdown (การขาดทุนสูงสุดของพอร์ต) ที่อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ และมีการทำกำไรที่สม่ำเสมอ
2. การเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสม
โบรกเกอร์มีผลอย่างมากต่อประสิทธิภาพของ EA ระบบเทรดสั้น เนื่องจากเป็นกลยุทธ์ที่อ่อนไหวต่อค่าธรรมเนียมและความเร็วในการประมวลผล
- ค่า Spread และ Commission ต่ำ: การเทรดสั้นมีการเข้าออกบ่อยครั้ง ค่า Spread และ Commission ที่สูงจะทำให้กำไรถูกบั่นทอนไปมาก 6 โบรกเกอร์สเปรดต่ำสำหรับ Scalping
- ความเร็วในการประมวลผลคำสั่ง (Execution Speed): ยิ่งโบรกเกอร์ประมวลผลคำสั่งได้เร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งลดโอกาสที่จะเกิด Slippage (การได้ราคาที่ไม่ตรงกับที่ตั้งใจ) ได้มากเท่านั้น
- บัญชี ECN/STP: แนะนำให้ใช้บัญชีประเภท ECN หรือ STP เนื่องจากจะมีการส่งคำสั่งเข้าสู่ตลาดโดยตรง ทำให้ได้ราคาที่ดีกว่าและมีการหน่วงเวลา (Latency) ที่น้อยกว่า
- อนุญาตให้ใช้ EA: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าโบรกเกอร์อนุญาตให้ใช้ Expert Advisor และ Scalping
3. การจัดการความเสี่ยง (Risk Management)
แม้ EA จะช่วยลดอารมณ์ในการเทรด แต่การจัดการความเสี่ยงยังคงเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด
- ขนาด Lot Size ที่เหมาะสม: กำหนดขนาด Lot Size ให้สัมพันธ์กับขนาดเงินทุนของคุณ ไม่ควรใช้ Lot Size ที่ใหญ่เกินไปจนทำให้พอร์ตรับความเสี่ยงไม่ไหว
- การตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit: แม้ EA จะจัดการให้ แต่การทำความเข้าใจหลักการและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมยังคงจำเป็น
- การตรวจสอบประสิทธิภาพอย่างสม่ำเสมอ: EA ไม่ได้ทำงานได้ดีตลอดเวลา ควรตรวจสอบผลงานและสภาวะตลาดอย่างสม่ำเสมอ หาก EA เริ่มทำกำไรได้ไม่ดี ควรหยุดการใช้งานและประเมินใหม่
4. การใช้ VPS (Virtual Private Server)
การรัน EA บน VPS เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้ EA ทำงานได้อย่างต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือไฟฟ้าขัดข้องของคอมพิวเตอร์ส่วนตัว
ความเสี่ยงที่ควรทราบของการใช้ EA ระบบเทรดสั้น
ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง การใช้ EA ระบบเทรดสั้นก็เช่นกัน:
- ค่าธรรมเนียมการเทรดสูง: ด้วยความถี่ในการเข้าออกตลาด ทำให้ค่า Spread และ Commission ที่สะสมกันอาจเป็นจำนวนมาก
- Slippage: ในสภาวะตลาดที่มีความผันผวนสูง คำสั่งซื้อขายอาจถูกจับคู่ที่ราคาแตกต่างจากที่คาดการณ์ไว้ได้ ทำให้ผลกำไรลดลงหรือขาดทุนมากขึ้น
- การ Over-Optimization: EA บางตัวอาจถูกปรับแต่งให้ดูดีในการทดสอบย้อนหลัง แต่กลับไม่สามารถทำกำไรได้จริงในตลาดปัจจุบัน
- ความผิดพลาดทางเทคนิค: ปัญหาเรื่องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต, Server ของโบรกเกอร์, หรือข้อผิดพลาดของโปรแกรม EA เอง อาจทำให้เกิดการขาดทุนได้
- ความไม่ยืดหยุ่น: EA ทำงานตามกฎที่ตั้งไว้เท่านั้น ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันหรือรูปแบบตลาดใหม่ ๆ ได้ดีเท่าการเทรดด้วยมือที่มีประสบการณ์
EA ที่น่าสนใจจาก FTT Investing
ที่ FTT Investing เรามีระบบเทรด EA ที่หลากหลายและได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพ อาทิ:
- EA ระบบเทรดอัตโนมัติฟรี
- EA Trading Profit System Free
- EA Hedged Grid
- EA All In V25
- EA M4A1 V2
- EA Jai Ge Re V1.2 ระบบเทรดสั้น
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q1: EA ระบบเทรดสั้นเหมาะกับมือใหม่หรือไม่?
A1: EA ระบบเทรดสั้นสามารถเป็นประโยชน์สำหรับมือใหม่ในแง่ของการลดอิทธิพลของอารมณ์และให้โอกาสในการทำกำไรอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม มือใหม่ควรทำความเข้าใจพื้นฐานของการเทรด Forex, กลยุทธ์ Scalping และหลักการทำงานของ EA อย่างถ่องแท้ รวมถึงการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม การเริ่มต้นด้วยบัญชี Demo และศึกษา คู่มือ Forex สำหรับมือใหม่ อย่างละเอียดก่อนเป็นสิ่งสำคัญ
Q2: ควรใช้ไทม์เฟรม M1 หรือ M5 ดีกว่ากันสำหรับ EA ระบบเทรดสั้น?
A2: การเลือกไทม์เฟรมขึ้นอยู่กับลักษณะของ EA และความชอบส่วนบุคคล EA บางตัวอาจถูกออกแบบมาเพื่อทำงานได้ดีบน M1 เพื่อจับโอกาสที่ถี่ที่สุด ในขณะที่บางตัวอาจมีประสิทธิภาพกว่าบน M5 ที่มีสัญญาณรบกวน (Noise) น้อยกว่า วิธีที่ดีที่สุดคือการศึกษาเอกสารของ EA และทดสอบในบัญชี Demo บนทั้งสองไทม์เฟรม เพื่อดูว่า EA ตัวนั้นทำงานได้ดีที่สุดบนไทม์เฟรมใด เทรดสั้นคืออะไร?
Q3: จะรู้ได้อย่างไรว่า EA ระบบเทรดสั้นนั้นดีจริง?
A3: การประเมินคุณภาพของ EA ทำได้โดยการดูจากหลายปัจจัย:
- ผลการทดสอบย้อนหลัง (Backtest): ตรวจสอบว่ามีค่า Drawdown ต่ำและ Profit Factor สูง
- ผลการเทรดจริง (Live Trading/Forward Test): หากมีผลลัพธ์การเทรดบนบัญชีจริง (Myfxbook หรือ Verified Performance) จะเพิ่มความน่าเชื่อถือ
- ความโปร่งใส: ผู้พัฒนาควรให้ข้อมูลเกี่ยวกับกลยุทธ์, ตัวชี้วัดที่ใช้, และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจน
- การสนับสนุน: มีทีมงานสนับสนุนที่คอยช่วยเหลือและอัปเดต EA อย่างสม่ำเสมอ
- รีวิวจากผู้ใช้งาน: ศึกษาจากประสบการณ์ของเทรดเดอร์คนอื่น ๆ
แจกฟรี EA ระบบเทรดอัตโนมัติ ลองศึกษาจาก EA ฟรีที่เรามีให้
Q4: EA ระบบเทรดสั้นสามารถเทรดได้ทั้งคู่เงินและทองคำหรือไม่?
A4: โดยทั่วไปแล้ว EA สามารถออกแบบมาเพื่อเทรดได้ทั้งคู่เงิน (Currency Pairs) และทองคำ (Gold/XAUUSD) อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของ EA จะแตกต่างกันไปในแต่ละสินทรัพย์ เนื่องจากพฤติกรรมของราคาคู่เงินและทองคำมีความแตกต่างกัน EA ที่ทำงานได้ดีกับคู่เงิน EURUSD อาจไม่ได้ผลดีกับ XAUUSD เสมอไป ดังนั้น ควรเลือก EA ที่ถูกพัฒนาและปรับแต่งมาโดยเฉพาะสำหรับสินทรัพย์ที่คุณต้องการเทรด หากคุณสนใจเทรดทอง 6 เคล็ดลับเทรดทองสำหรับมือใหม่ และ กลยุทธ์เทรดทองระยะสั้นสำหรับมือใหม่ อาจเป็นประโยชน์
Q5: ควรติดตั้ง EA บน Metatrader 4 หรือ Metatrader 5 ดี?
A5: EA ส่วนใหญ่ถูกพัฒนามาสำหรับแพลตฟอร์ม Metatrader 4 (MT4) ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง อย่างไรก็ตาม Metatrader 5 (MT5) เป็นแพลตฟอร์มที่ใหม่กว่า มีฟังก์ชันและเครื่องมือที่ทันสมัยกว่าบางประการ การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับว่า EA ที่คุณสนใจรองรับแพลตฟอร์มใดเป็นหลัก หาก EA ของคุณรองรับทั้งสองแพลตฟอร์ม MT5 อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเนื่องจากประสิทธิภาพที่สูงกว่า แต่ถ้า EA ถูกพัฒนามาสำหรับ MT4 โดยเฉพาะ การใช้ MT4 จะเป็นตัวเลือกที่ถูกต้อง วิธีการติดตั้ง EA ใน Metatrader 4
สรุปและข้อเสนอแนะ
EA ระบบเทรดสั้น (Scalping Expert Advisor) เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพและโอกาสในการทำกำไรในตลาด Forex ได้อย่างมหาศาล ด้วยความสามารถในการเข้าออกตลาดอย่างรวดเร็ว ทำกำไรทันใจ ลดความเสี่ยงจากความผันผวนระยะยาว และสร้างโอกาสในทุกสภาวะตลาด อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในการใช้งาน EA ระบบเทรดสั้นนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัว EA เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการเลือก EA ที่มีคุณภาพ การเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสม การบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ และการศึกษาทำความเข้าใจหลักการทำงานอย่างถ่องแท้
หากคุณกำลังมองหาทางเลือกในการเพิ่มประสิทธิภาพการเทรดและต้องการลดภาระการเฝ้าหน้าจอ EA ระบบเทรดสั้นอาจเป็นคำตอบที่คุณกำลังมองหา เริ่มต้นศึกษา ทดลองในบัญชี Demo และเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เพื่อที่คุณจะสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ได้อย่างเต็มศักยภาพ และประสบความสำเร็จในการเทรด Forex
แนะนำโบรกเกอร์สำหรับการเทรด Forex
เพื่อประสบการณ์การเทรดที่ดียิ่งขึ้น เราขอแนะนำโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือและมีโปรโมชั่นพิเศษ:
- XM: มีโบนัส $30 สำหรับลูกค้าใหม่ และโบนัส 100% สูงสุด $500 เปิดบัญชี XM ฟรีโบนัส $30 วิธีเปิดบัญชี XM
- CXM: ฝากถอนเร็ว ฟรี Free Swap ทุกบัญชี เปิดบัญชี CXM วิธีเปิดบัญชี CXM
- Exness: สมัครง่าย ฝากถอนเร็ว รหัสพาสเนอร์เลข 11000789 เปิดบัญชี Exness วิธีเปิดบัญชี Exness
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน