FTTinvesting
กลยุทธ์การเทรด, สอนเทรด และ ระบบเทรด

กลยุทธ์เทรดทองระยะสั้น: คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับมือใหม่ (Scalping & Day Trading)

พฤศจิกายน 10, 2025

กลยุทธ์เทรดทองระยะสั้น: คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับมือใหม่ ทำกำไรได้แม้ตลาดผันผวน

การเทรดทองคำ (XAU/USD) ในตลาด Forex ได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มนักเทรดมือใหม่ เนื่องจากทองคำมีสภาพคล่องสูง และมักมีความผันผวนของราคาที่ชัดเจน ทำให้เกิดโอกาสในการทำกำไรได้รวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ กลยุทธ์เทรดทองระยะสั้น แต่การจะประสบความสำเร็จกับการเทรดสั้นนั้นต้องอาศัยทั้งความรู้ ความแม่นยำ และวินัยที่สูง บทความนี้คือคู่มือฉบับสมบูรณ์ที่จะเจาะลึกกลยุทธ์สำคัญ การตั้งค่าเครื่องมือ และเคล็ดลับการบริหารเงินทุน ที่จะช่วยให้มือใหม่สามารถเริ่มต้นเทรดทองระยะสั้นได้อย่างมั่นใจและยั่งยืน

ทำความเข้าใจ “การเทรดทองระยะสั้น” คืออะไร?

กลยุทธ์เทรดทองระยะสั้น คือการเข้าซื้อขาย (เปิด/ปิดออเดอร์) ภายในกรอบเวลาที่สั้นมาก โดยมีเป้าหมายในการเก็บเกี่ยวผลกำไรเล็กๆ น้อยๆ แต่ทำซ้ำหลายครั้งในหนึ่งวัน ซึ่งแตกต่างจากการเทรดระยะกลางหรือระยะยาวที่ถือ Position เป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน

1. Scalping (การเก็บกำไรเป็นจุด/Pip)

  • นิยาม: การเข้าและออกจากการเทรดอย่างรวดเร็วที่สุด บางครั้งเพียงไม่กี่วินาทีหรือไม่กี่นาที เน้นทำกำไรเพียง 3-10 pips ต่อครั้ง
  • Timeframe ที่ใช้: มักใช้กราฟ M1 (1 นาที) และ M5 (5 นาที)
  • จุดเด่น: สามารถทำกำไรได้บ่อยครั้ง ไม่ต้องกังวลกับปัจจัยพื้นฐานในระยะยาว

2. Day Trading (การเทรดจบในวัน)

  • นิยาม: การเปิด Position และปิด Position ทั้งหมดภายในวันเดียวกัน ไม่มีการถือข้ามคืน (ป้องกันความเสี่ยงจาก Overnight Gap)
  • Timeframe ที่ใช้: มักใช้กราฟ M15 (15 นาที), M30 (30 นาที) และ H1 (1 ชั่วโมง)
  • จุดเด่น: มีเวลาวิเคราะห์ตลาดมากขึ้น ความเครียดน้อยกว่า Scalping

กลยุทธ์เทรดทองระยะสั้น 3 รูปแบบ ที่มือใหม่ทำตามได้

เพื่อให้การเทรดของคุณมีระบบระเบียบและโอกาสทำกำไรสูงขึ้น นี่คือ 3 กลยุทธ์เทรดทองระยะสั้น ที่เป็นที่นิยมและพิสูจน์แล้วว่าใช้งานได้จริง:

ตัวอย่างที่ 1: กลยุทธ์ Scalping โดยใช้ Moving Average และ Stochastic Oscillator (เน้น M5)

เครื่องมือการตั้งค่าเหตุผล
EMA (Exponential Moving Average)20 และ 50ใช้ดูแนวโน้มระยะสั้นและกำหนดจุดเข้า/ออก
Stochastic Oscillatorค่าเริ่มต้น (14, 3, 3)ใช้หาภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold)
  • เงื่อนไขเข้าซื้อ (Buy):
    1. ราคาทองคำอยู่เหนือ EMA 50 (ยืนยันแนวโน้มขาขึ้นระยะสั้น)
    2. เส้น EMA 20 ตัดขึ้นเหนือ EMA 50
    3. Stochastic Oscillator ตัดขึ้นจากโซน Oversold (ต่ำกว่า 20)
  • เงื่อนไขเข้าขาย (Sell):
    1. ราคาทองคำอยู่ใต้ EMA 50 (ยืนยันแนวโน้มขาลงระยะสั้น)
    2. เส้น EMA 20 ตัดลงใต้ EMA 50
    3. Stochastic Oscillator ตัดลงจากโซน Overbought (สูงกว่า 80)

เคล็ดลับ: กลยุทธ์นี้ได้ผลดีที่สุดเมื่อตลาดมีแนวโน้มชัดเจน (Trending Market) หากตลาด Sideways ควรระมัดระวัง

ตัวอย่างที่ 2: กลยุทธ์ Day Trading ด้วยแนวรับ-แนวต้าน (Support & Resistance) (เน้น H1)

  • หลักการ: เทรดตามหลักการว่าราคาจะมีการกลับตัว (Reversal) หรือพักตัว (Pause) เมื่อถึงแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญในกรอบเวลา H1 หรือ H4
  • วิธีใช้:
    1. ระบุแนวรับ/แนวต้านที่แข็งแกร่งที่สุดในกราฟ H1 (ใช้แท่งเทียนอย่างน้อย 3-4 ครั้งที่มาชนแล้วดีดกลับ)
    2. เข้าซื้อ (Buy): เมื่อราคาลงมาแตะแนวรับที่แข็งแกร่ง และมีสัญญาณแท่งเทียนกลับตัว (เช่น Hammer, Engulfing Pattern)
    3. เข้าขาย (Sell): เมื่อราคาขึ้นไปแตะแนวต้านที่แข็งแกร่ง และมีสัญญาณแท่งเทียนกลับตัว (เช่น Shooting Star, Bearish Engulfing)
  • จุดเด่น: จุด Stop Loss และ Take Profit ค่อนข้างชัดเจน ทำให้บริหารความเสี่ยงง่าย

ตัวอย่างที่ 3: กลยุทธ์ Price Action Breakout (การทะลุแนวราคา) (เน้น M15)

  • หลักการ: เข้าเทรดเมื่อราคาทะลุออกจากกรอบราคาแคบๆ (Consolidation/Sideways) เพื่อตามทิศทางของแรงขับเคลื่อนใหม่
  • วิธีใช้:
    1. สังเกตการสร้างกรอบราคาระยะสั้นใน Timeframe M15
    2. เข้าเทรด: เมื่อราคาทะลุออกจากกรอบราคาอย่างรุนแรงด้วยแท่งเทียนที่เต็มแท่ง (Strong Candle)
    3. ตั้ง Stop Loss: ไว้ที่ขอบของกรอบราคาฝั่งตรงข้าม
  • จุดเด่น: สามารถทำกำไรได้มากในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง (Volatility) และช่วงที่มีข่าวสำคัญ (News Trading)

🧠 การบริหารความเสี่ยง (Risk Management): หัวใจสำคัญของการเทรดสั้น

ไม่ว่าคุณจะใช้ กลยุทธ์เทรดทองระยะสั้น ใดๆ ก็ตาม หากขาดการบริหารความเสี่ยงที่ดี โอกาสที่จะล้างพอร์ต (Margin Call) ก็มีสูง การเทรดสั้นต้องการวินัยด้านความเสี่ยงที่เข้มงวดกว่าการเทรดระยะยาว:

  1. การตั้ง Stop Loss (SL) ที่แน่นอน: การเทรด Scalping และ Day Trading ต้องมีการตั้ง SL ทันทีที่เปิดออเดอร์ โดยทั่วไป ไม่ควรเสี่ยงเกิน 1-2% ของเงินทุนรวมต่อการเทรด 1 ครั้ง (เช่น มีเงิน 1,000 USD ไม่ควรเสี่ยงเกิน 10-20 USD ต่อครั้ง)
  2. อัตราส่วน Risk:Reward (R:R): แม้จะเป็นการเทรดสั้น แต่ควรมีอัตราส่วน R:R ที่ดี เช่น 1:1.5 หรือ 1:2 หมายถึง หากเสี่ยง 10 จุด ควรตั้งเป้าหมายทำกำไร 15-20 จุด เพื่อให้การเทรดโดยรวมมีกำไรในระยะยาว
  3. ขนาด Position ที่เหมาะสม: คำนวณขนาด Lot Size ให้สอดคล้องกับ SL และความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (Risk per Trade)

🔥 สรุปเคล็ดลับสำหรับเทรดทองระยะสั้น

  • เน้นวินัย: เมื่อราคาถึง SL หรือ TP ต้องปิดทันที ห้าม “Hold” ออเดอร์เมื่อเริ่มขาดทุน
  • เลือกโบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำ: การเทรดสั้นมีต้นทุนจากค่าสเปรดสูงมาก การเลือกโบรกเกอร์ที่มีสเปรดทองคำ (XAUUSD) ต่ำจะช่วยเพิ่มกำไรสุทธิของคุณได้อย่างมาก
  • ใช้ Timeframe ใหญ่ช่วยกำหนดแนวโน้ม: แม้จะเทรดสั้นใน M5/M15 แต่ควรใช้ H1 หรือ H4 ในการกำหนดทิศทางหลักของตลาด (Trend Direction) เพื่อให้การเทรดสั้นของคุณไปในทิศทางเดียวกับเทรนด์ใหญ่ (Trade with the Trend)

การเทรดทองระยะสั้น สามารถเป็นแหล่งรายได้ที่น่าตื่นเต้นและรวดเร็วสำหรับมือใหม่ แต่ต้องเริ่มต้นด้วยการเรียนรู้ กลยุทธ์เทรดทองระยะสั้น ที่มีระบบ เข้าใจการใช้เครื่องมือ และมีวินัยในการบริหารความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด หากคุณทำตามขั้นตอนและฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ โอกาสในการทำกำไรจากตลาดทองคำก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม!

You Might Also Like

No Comments

Leave a Reply