
💡 ระบบเทรดสั้น ฉบับมือใหม่: ปูพื้นฐานสู่กำไรรายวันในตลาด Forex
การเทรด Forex ระยะสั้น หรือ “ระบบเทรดสั้น” คือการซื้อขายที่มุ่งเน้นการทำกำไรจากความผันผวนของราคาภายในระยะเวลาอันสั้น อาจเป็นเพียงไม่กี่นาที (Scalping) หรือภายในวันเดียว (Day Trading) สาเหตุที่ระบบนี้ได้รับความนิยมในกลุ่ม Forex มือใหม่ เนื่องจากเป็นวิธีที่ให้ผลตอบแทนที่รวดเร็ว, ไม่ต้องถือออเดอร์ข้ามคืน (ลดความเสี่ยงจากข่าวสารช่วงตลาดปิด), และสามารถใช้ทุนเริ่มต้นที่ไม่สูงมากนัก บทความนี้จะเจาะลึกทุกแง่มุมของ ระบบเทรดสั้น ที่คุณต้องรู้ เพื่อนำไปสู่การสร้างกำไรรายวันอย่างยั่งยืน
1. ทำความเข้าใจ “ระบบเทรดสั้น” (Short-Term Trading) คืออะไร?
ระบบเทรดสั้น คือชุดของกฎเกณฑ์และเครื่องมือที่กำหนดวิธีการเข้า (Entry) และออก (Exit) จากตลาด Forex โดยมีเป้าหมายในการปิดทำกำไรภายในเวลาอันรวดเร็ว แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักที่นักเทรดนิยมใช้:
- 1.1 Scalping (สแคปปิ้ง): เป็นการเทรดที่สั้นที่สุด โดยเน้นการทำกำไรเพียง 2-10 Pips ต่อออเดอร์ อาศัยการเปิด-ปิดออเดอร์อย่างรวดเร็ว (มักใช้ Timeframe M1 หรือ M5) ในหนึ่งวันอาจมีการเทรดนับสิบครั้ง ต้องอาศัยสมาธิและวินัยสูงมาก
- 1.2 Day Trading (เดย์เทรด): การเทรดที่เปิดและปิดออเดอร์ภายในวันเดียวกันทั้งหมด โดยไม่ถือข้ามคืน (Timeframe M15, M30 หรือ H1) เป้าหมายกำไรใหญ่กว่า Scalping แต่ยังคงรักษาความเสี่ยงต่ำจากการไม่ถือข้ามวัน
2. องค์ประกอบสำคัญของ “ระบบเทรดสั้น” ที่ดี
ไม่ว่าคุณจะเลือกกลยุทธ์ไหน ระบบเทรดสั้น ที่มีประสิทธิภาพจะต้องประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ดังนี้:
2.1. กฎการเข้า (Entry Rules) – จะเข้าตลาดเมื่อไหร่?
นี่คือกฎที่บอกว่าเมื่อไหร่ที่ตลาดมีเงื่อนไขเหมาะสมกับการเข้าซื้อ (Long) หรือขาย (Short) เทคนิคการเทรดสั้น ส่วนใหญ่มักใช้ Indicators หรือรูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns) เพื่อระบุสัญญาณ:
2.2. กฎการออก (Exit Rules) – จะทำกำไร/ตัดขาดทุนเมื่อไหร่?
นี่คือส่วนที่สำคัญที่สุดของ ระบบเทรดสั้น เพราะความสำเร็จไม่ได้วัดที่จำนวนครั้งที่ชนะ แต่อยู่ที่การบริหารความเสี่ยง:
Stop Loss (SL): ต้องมีทุกครั้ง! กำหนดจุดตัดขาดทุนที่ยอมรับได้ (เช่น 10-15 Pips) โดยทั่วไป อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk/Reward Ratio) มักอยู่ที่ 1:1 ถึง 1:2
2.3. กฎการบริหารความเสี่ยง (Money Management)
ควบคุมขนาดการเทรด (Lot Size) ให้เหมาะสมกับเงินทุน เพื่อให้แน่ใจว่าการขาดทุนในแต่ละครั้งจะไม่ทำให้พอร์ตเสียหายอย่างรุนแรง กฎทองคือ ห้ามเสี่ยงเกิน 1-2% ของเงินทุนรวมต่อการเทรด 1 ครั้ง
3. ตัวอย่าง “ระบบเทรดสั้น” ยอดนิยม (3 กลยุทธ์) ที่ใช้ได้จริง
3.1. ระบบเทรดสั้นที่ 1: Scalping แบบ MA Crossover
Timeframe: M5 | Indicator: Exponential Moving Average (EMA) 5, EMA 20
สัญญาณเข้า: EMA 5 ตัดขึ้น/ลง เหนือ/ใต้ EMA 20
TP/SL: ตั้ง TP 10 Pips และ SL 15 Pips
3.2. ระบบเทรดสั้นที่ 2: Day Trading แบบ Breakout ด้วย แนวรับ-แนวต้าน
Timeframe: M15 | Indicator: None (เน้น Price Action)
สัญญาณเข้า: เมื่อแท่งเทียนขนาดใหญ่ทะลุ (Breakout) แนวต้าน/แนวรับ อย่างชัดเจน
TP/SL: ตั้ง TP ที่แนวรับ/แนวต้านถัดไป และตั้ง SL ไว้ที่ด้านตรงข้ามของจุด Breakout
3.3. ระบบเทรดสั้นที่ 3: Scalping ด้วย Bollinger Bands + RSI
Timeframe: M1 | Indicator: Bollinger Bands, RSI (14)
สัญญาณเข้า: ราคาลงแตะขอบล่างของ BB และ ค่า RSI อยู่ในโซน Oversold (ต่ำกว่า 30)
TP/SL: ตั้ง TP 5 Pips และ SL 10 Pips
✅ สรุป: กุญแจสู่ความสำเร็จใน “ระบบเทรดสั้น”
ระบบเทรดสั้น เป็นเส้นทางที่น่าตื่นเต้นและท้าทายสำหรับมือใหม่ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์รวดเร็ว การเริ่มต้นที่ถูกต้องคือการมี ระบบเทรดสั้น ที่ชัดเจน ทดสอบ (Backtest) ในบัญชี Demo จนมั่นใจ และที่สำคัญที่สุดคือการควบคุม ความเสี่ยง ด้วยกฎ Money Management ที่เข้มงวด หากคุณทำตามขั้นตอนเหล่านี้ โอกาสที่คุณจะทำกำไรรายวันในตลาด Forex ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม


