TOP 10 บทความยอดนิยม

ดูทั้งหมด
สอนเทรดมือใหม่

ขายหมู คือ อะไร ? ( FOREX )

พฤษภาคม 26, 2022

ขายหมูคืออะไรใน Forex: เจาะลึกความหมาย สาเหตุ ผลกระทบ และกลยุทธ์ป้องกันสำหรับนักเทรด

สำหรับนักลงทุนในตลาด Forex รวมถึงตลาดการเงินอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือผู้มีประสบการณ์ ย่อมคุ้นเคยกับศัพท์เฉพาะทางมากมาย หนึ่งในคำที่ได้ยินบ่อยครั้งและสร้างความรู้สึกเสียดายให้กับนักเทรดไม่น้อยคือคำว่า “ขายหมู” บทความนี้จะพาทุกท่านไปทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าการ “ขายหมู” คืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร มีผลกระทบอย่างไรต่อการเทรด และที่สำคัญที่สุดคือ จะมีกลยุทธ์ใดบ้างที่ช่วยให้นักเทรดสามารถหลีกเลี่ยงหรือจัดการกับสถานการณ์นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรสูงสุดตามศักยภาพของตลาด

ขายหมูคืออะไร FOREX

1. นิยามของการ “ขายหมู” ในโลกการเทรด

“ขายหมู” เป็นศัพท์สแลงที่ใช้กันแพร่หลายในวงการลงทุน โดยเฉพาะในตลาดหุ้นและตลาด Forex มีความหมายถึงการที่นักลงทุน ตัดสินใจปิดสถานะการซื้อขาย (Take Profit) เพื่อทำกำไรในช่วงเวลาที่สินทรัพย์นั้นๆ มีราคาเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย หรือยังไม่ถึงจุดสูงสุดที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งหลังจากที่ปิดสถานะไปแล้ว ราคาของสินทรัพย์กลับพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ทำให้ผู้ขายพลาดโอกาสในการทำกำไรก้อนโตที่ควรจะได้รับ

ยกตัวอย่างเช่น หากคุณซื้อคู่สกุลเงิน EUR/USD ที่ราคา 1.1000 และตั้งใจจะขายที่ 1.1200 แต่เมื่อราคาวิ่งขึ้นไปที่ 1.1050 คุณรู้สึกกังวลว่าราคาอาจจะกลับตัวลง จึงรีบปิดสถานะเพื่อรับกำไร 50 จุดทันที แต่หลังจากที่คุณปิดสถานะไปแล้ว ราคา EUR/USD กลับพุ่งขึ้นไปถึง 1.1300 ซึ่งหมายความว่าคุณได้พลาดโอกาสในการทำกำไรไปถึง 250 จุด (1.1300 – 1.1050) เหตุการณ์เช่นนี้เองที่เรียกว่า “ขายหมู” คือ การขายที่ได้กำไรแต่เป็นกำไรที่น้อยกว่าศักยภาพที่แท้จริงที่ควรจะได้รับ หากอดทนถือสถานะไว้

2. สาเหตุหลักที่นำไปสู่การ “ขายหมู”

การขายหมูไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดในการวิเคราะห์ตลาดเสมอไป แต่บ่อยครั้งมีรากฐานมาจากปัจจัยทางจิตวิทยาและการบริหารจัดการการเทรดที่ไม่เหมาะสม สาเหตุหลักที่มักจะทำให้เทรดเดอร์ต้องเผชิญกับสถานการณ์นี้ ได้แก่:

2.1 ระบบเทรดหรือกลยุทธ์ที่ไม่ชัดเจน

  • ขาดแผนการเทรดที่รัดกุม: การไม่มี ระบบเทรดที่ชัดเจน ตั้งแต่เริ่มต้น ทำให้เทรดเดอร์ไม่สามารถกำหนดจุดเข้า (Entry Point), จุดออก (Exit Point), จุดทำกำไร (Take Profit – TP) และจุดตัดขาดทุน (Stop Loss – SL) ได้อย่างมีหลักการ เมื่อไม่มีเป้าหมายที่แน่นอน เทรดเดอร์จึงมีแนวโน้มที่จะตัดสินใจตามอารมณ์หรือการเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อย
  • การวิเคราะห์กราฟไม่สมบูรณ์: หากเทรดเดอร์ยังขาดความเข้าใจในการอ่าน กราฟราคา หรือใช้ อินดิเคเตอร์ ไม่ถูกต้อง อาจทำให้ประเมินทิศทางและศักยภาพการเคลื่อนไหวของราคาผิดพลาด เมื่อเห็นกำไรเล็กน้อยจึงรีบปิดสถานะไปก่อน เพราะไม่มั่นใจในแนวโน้มระยะยาว
  • การเปลี่ยนกลยุทธ์บ่อยครั้ง: การขาดความมั่นคงในกลยุทธ์ที่ใช้ และการเปลี่ยนแนวทางการเทรดไปมาตามกระแสหรือคำแนะนำต่างๆ โดยไม่มีการทดสอบหรือทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ระบบเทรดไม่ชัดเจนและนำไปสู่การขายหมูได้ง่ายขึ้น

2.2 ความกลัวและความไม่มั่นใจ

  • ความกลัวที่จะสูญเสียกำไร: นี่คือสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด เมื่อสถานะการเทรดเริ่มมีกำไร แม้เพียงเล็กน้อย เทรดเดอร์มักจะมีความรู้สึกกลัวว่ากำไรที่ได้มาจะหายไป หากราคากลับตัวลง ความกลัวนี้จะกระตุ้นให้รีบปิดสถานะเพื่อรักษากำไรนั้นไว้ แทนที่จะปล่อยให้กำไรเติบโตต่อไปตามที่ควรจะเป็น
  • ความไม่มั่นใจในตนเองและระบบเทรด: หากเทรดเดอร์ไม่เชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง หรือในประสิทธิภาพของระบบเทรดที่ใช้ เมื่อเห็นราคาเคลื่อนไหวผันผวนเล็กน้อย หรือเมื่อตลาดมีความไม่แน่นอนสูง ก็จะขาดความกล้าที่จะถือสถานะไว้ และเลือกที่จะปิดทำกำไรเร็วเกินไป
  • ประสบการณ์ติดดอยในอดีต: เทรดเดอร์ที่เคยมีประสบการณ์ “ติดดอย” (ขาดทุนหนัก) มาก่อน อาจจะพัฒนาความระมัดระวังมากเกินไป จนกลายเป็นความกลัวที่ไม่กล้าถือสถานะกำไรนานๆ เพราะกังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิม

3. ผลกระทบจากการ “ขายหมู” ต่อการเทรด

แม้ว่าการขายหมูจะยังคงหมายถึงการทำกำไร แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นสามารถส่งผลเสียต่อการเทรดในระยะยาวได้หลายประการ:

  1. พลาดโอกาสทำกำไรสูงสุด: ผลกระทบที่ชัดเจนที่สุดคือการที่เทรดเดอร์ไม่ได้รับกำไรเต็มที่จากศักยภาพของตลาด ซึ่งอาจหมายถึงการสูญเสียผลตอบแทนที่สูงกว่าหลายเท่าตัวจากเงินลงทุนเท่าเดิม
  2. ส่งผลต่อจิตวิทยาการเทรด: ความรู้สึกเสียดายเมื่อเห็นราคาวิ่งไปต่อหลังจากที่เราขายไปแล้ว สามารถบั่นทอนกำลังใจ สร้างความหงุดหงิด และอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดในครั้งต่อไป เช่น การรีบเข้าออเดอร์ใหม่โดยไม่มีการวิเคราะห์ที่ดีพอเพื่อ “เอาคืน” หรือการถือสถานะขาดทุนนานเกินไปเพราะกลัวการขายหมูซ้ำอีก
  3. กระทบต่อแผนการเทรดและการบริหารความเสี่ยง: หากการขายหมูเกิดขึ้นบ่อยครั้ง อาจทำให้เทรดเดอร์เริ่มปรับเปลี่ยนแผนการเทรดโดยไม่มีหลักการ ทำให้กลยุทธ์ที่วางไว้ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และยังอาจส่งผลกระทบต่อ การบริหารความเสี่ยง โดยรวมของพอร์ตการลงทุน
  4. ลดประสิทธิภาพของระบบเทรด: หากระบบเทรดที่ใช้นั้นถูกออกแบบมาเพื่อให้จับรอบกำไรที่ใหญ่ขึ้น แต่เทรดเดอร์กลับขายหมูอยู่เสมอ จะทำให้ระบบเทรดไม่สามารถแสดงประสิทธิภาพได้อย่างเต็มที่

4. กลยุทธ์และวิธีแก้ไขอาการ “ขายหมู”

การแก้ไขอาการขายหมูต้องอาศัยทั้งการพัฒนาวินัย การปรับปรุงระบบเทรด และการจัดการด้านจิตวิทยา นี่คือวิธีการที่คุณสามารถนำไปปรับใช้ได้:

4.1 ออกแบบระบบเทรดให้ชัดเจนและเป็นระบบ

  • กำหนดแผนการเทรดล่วงหน้า: ก่อนเข้าสู่ตลาดในแต่ละครั้ง ควรมีการกำหนด แผนการเทรด ที่ชัดเจน ตั้งแต่จุดเข้า (Entry), จุดออก (Exit), จุดทำกำไร (Take Profit หรือ TP) และจุดตัดขาดทุน (Stop Loss หรือ SL) โดยยึดตามการวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานที่เชื่อถือได้
  • ทำความเข้าใจและเชี่ยวชาญในกลยุทธ์: เลือกใช้กลยุทธ์การเทรดเพียง 1-2 กลยุทธ์ที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของคุณ และฝึกฝนจนกว่าจะมีความเข้าใจและเชี่ยวชาญอย่างแท้จริง เช่น การใช้ แนวรับแนวต้าน, รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns) หรืออินดิเคเตอร์ต่างๆ
  • บันทึกการเทรด: การทำ Trading Journal จะช่วยให้คุณสามารถทบทวนและวิเคราะห์การเทรดที่ผ่านมาได้ว่าทำไมจึงเกิดการขายหมูขึ้น และสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาปรับปรุงพัฒนาระบบเทรดให้ดีขึ้น

4.2 กำหนดสัดส่วนกำไร-ขาดทุน (Risk-Reward Ratio)

  • ตั้งเป้าหมายกำไรที่เป็นจริง: กำหนดเป้าหมาย TP ที่สมเหตุสมผลตามการวิเคราะห์ทางเทคนิค โดยควรมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อความเสี่ยง (Risk-Reward Ratio) ที่ดี เช่น 1:2 หรือ 1:3 ซึ่งหมายความว่าทุกๆ การลงทุนที่มีความเสี่ยง 1 หน่วย คุณคาดหวังผลตอบแทน 2 หรือ 3 หน่วย
  • ใช้ Trailing Stop: Trailing Stop เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยป้องกันการขายหมูได้เป็นอย่างดี โดยระบบจะเลื่อนจุด Stop Loss ตามราคาที่เพิ่มขึ้น เพื่อรักษากำไรที่ได้มาแล้ว และยังเปิดโอกาสให้กำไรวิ่งไปได้ไกลที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
  • เลื่อน Stop Loss ด้วยตนเอง: หากคุณถนัดการเทรดด้วยตัวเอง คุณสามารถเลื่อนจุด Stop Loss มาที่จุดคุ้มทุน หรือเลื่อนตามแนวสวิง (Swing High/Low) หรือตามแท่งเทียนที่ยืนยันการขึ้น/ลงของราคา ซึ่งจะช่วยปกป้องกำไรและยังคงเปิดโอกาสให้ราคาวิ่งไปต่อ

4.3 บริหารจัดการอารมณ์และจิตวิทยาการเทรด

  • ฝึกฝนวินัยและความอดทน: การเทรด Forex ต้องอาศัย วินัยและความอดทนสูง หากคุณได้วิเคราะห์ตลาดอย่างรอบคอบและมีแผนการเทรดที่ชัดเจนแล้ว จงเชื่อมั่นในแผนนั้น และอดทนรอให้ราคาไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้
  • อย่าเฝ้าจอกราฟมากเกินไป: การเฝ้าดูกราฟตลอดเวลาอาจทำให้เกิดความกังวลและกระตุ้นให้ตัดสินใจตามอารมณ์ได้ง่ายขึ้น หากคุณตั้ง TP และ SL ไว้แล้ว ให้ปล่อยให้ตลาดทำงานไปตามกลไก
  • ยอมรับผลลัพธ์: ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะได้กำไรน้อยหรือขาดทุนเล็กน้อย จงยอมรับและเรียนรู้จากมัน การขายหมูไม่ใช่ความผิดพลาดที่ร้ายแรงนัก แต่เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ในตลาด

5. “ขายหมู” อย่างไรก็ยังดีกว่า “ติดดอย”

เป็นที่ยอมรับกันในหมู่นักลงทุนว่า “ขายหมู” คือ การที่ได้กำไรน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งแม้จะรู้สึกเสียดาย แต่ก็ยังดีกว่าการที่สถานะเปลี่ยนเป็นขาดทุน หรือที่เรียกว่า “ติดดอย” ซึ่งหมายถึงการถือสถานะขาดทุนจำนวนมากโดยหวังว่าราคาจะกลับตัว

ดังนั้น ในมุมมองของการ บริหารความเสี่ยง การขายหมูจึงถือเป็นการควบคุมความโลภและรักษาเงินทุนไว้ในระดับหนึ่ง การได้กำไรแม้เพียงเล็กน้อย ย่อมดีกว่าการปล่อยให้กำไรที่ได้มากลับกลายเป็นขาดทุนในที่สุด ในสถานการณ์ที่ตลาดมีความผันผวนสูง หรือมีความไม่แน่นอน การปิดสถานะเพื่อรักษากำไรไว้ก่อน อาจเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด เพื่อให้พอร์ตของคุณยังคงมีชีวิตรอดและพร้อมสำหรับโอกาสในการเทรดครั้งต่อไป

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรักษาสมดุลระหว่างความกล้าที่จะถือสถานะทำกำไร และความระมัดระวังในการบริหารความเสี่ยง การมีวินัยในการเทรด การยึดมั่นในแผนที่วางไว้ และการเรียนรู้จากประสบการณ์ จะช่วยให้คุณสามารถลดอาการขายหมู และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำกำไรในตลาด Forex ได้อย่างยั่งยืน

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q1: การขายหมูเกิดขึ้นได้เฉพาะกับมือใหม่เท่านั้นหรือไม่?

A1: ไม่ใช่เลยครับ การขายหมูสามารถเกิดขึ้นได้กับนักลงทุนทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือผู้มีประสบการณ์สูง สาเหตุหลักมักมาจากปัจจัยทางจิตวิทยา เช่น ความกลัวที่จะสูญเสียกำไร หรือความไม่มั่นใจในแผนการเทรด แม้แต่มืออาชีพก็อาจพลาดได้หากขาดวินัยหรือปล่อยให้อารมณ์เข้ามามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ

Q2: จะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไหร่คือการขายหมูที่แท้จริง?

A2: การขายหมูที่แท้จริงคือเมื่อคุณได้ปิดสถานะทำกำไรไปแล้ว และหลังจากนั้นราคาได้วิ่งไปในทิศทางที่คุณเปิดสถานะไว้ (เช่น ซื้อแล้วราคาวิ่งขึ้นต่ออีกมาก หรือขายแล้วราคาวิ่งลงต่ออีกมาก) ซึ่งทำให้คุณพลาดกำไรที่ควรจะได้รับมากกว่าเดิมอย่างมีนัยสำคัญ ตัวชี้วัดคือการเปรียบเทียบกำไรที่ได้กับศักยภาพกำไรสูงสุดที่ตลาดมอบให้หลังจากที่คุณปิดสถานะไปแล้ว

Q3: การตั้ง Take Profit (TP) ช่วยป้องกันการขายหมูได้หรือไม่?

A3: การตั้ง Take Profit (TP) เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการขายหมูได้ในระดับหนึ่ง เพราะเป็นการกำหนดเป้าหมายกำไรที่ชัดเจนตั้งแต่แรก หากราคาไปถึงจุด TP ที่ตั้งไว้ ระบบก็จะปิดสถานะให้อัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม หาก TP ที่ตั้งไว้ต่ำเกินไปเมื่อเทียบกับศักยภาพของตลาด ก็ยังถือเป็นการขายหมูได้อยู่ดี ดังนั้น การตั้ง TP ต้องอิงจากการวิเคราะห์ที่รอบคอบและเหมาะสมกับอัตราส่วน Risk-Reward ที่ต้องการ

Q4: Trailing Stop ช่วยลดการขายหมูได้อย่างไร?

A4: Trailing Stop เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการช่วยลดการขายหมู โดยจะเลื่อนจุด Stop Loss ตามราคาที่เคลื่อนที่ไปในทิศทางที่คุณทำกำไร เมื่อราคาวิ่งขึ้น (สำหรับ Buy Order) หรือลง (สำหรับ Sell Order) Trailing Stop ก็จะเลื่อนตามไปด้วย ทำให้คุณสามารถรักษากำไรที่ได้มาแล้ว และยังคงเปิดโอกาสให้ราคาวิ่งไปต่อได้สูงสุด หากราคากลับตัวลง Trailing Stop ก็จะช่วยปิดสถานะเพื่อรักษากำไรที่สะสมไว้ ไม่ให้กลับมาขาดทุน

Q5: ควรทำอย่างไรหากรู้สึกเสียดายหลังจากขายหมูไปแล้ว?

A5: ความรู้สึกเสียดายเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งสำคัญคือต้องจัดการกับอารมณ์นั้นอย่างมีสติ แทนที่จะรีบเข้าออเดอร์ใหม่เพื่อ “เอาคืน” ซึ่งอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาด ควรทำดังนี้: 1) ทบทวนแผนการเทรดและบันทึกการเทรด เพื่อวิเคราะห์สาเหตุของการขายหมู 2) เรียนรู้จากประสบการณ์ และนำไปปรับปรุงกลยุทธ์ 3) ยอมรับว่าการขายหมูยังดีกว่าการขาดทุน 4) ฝึกฝนวินัยและความอดทนในการเทรดอย่างสม่ำเสมอ.

สรุป

การ “ขายหมู” คือประสบการณ์ที่นักลงทุนทุกคนต้องเคยเจอ ซึ่งหมายถึงการปิดสถานะทำกำไรเร็วกว่าที่ควรจะเป็น ทำให้พลาดโอกาสในการทำกำไรที่มากกว่า แม้จะเป็นการได้กำไร แต่ก็สร้างความเสียดายและส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาการเทรดได้ สาเหตุหลักมาจากการขาดระบบเทรดที่ชัดเจนและความกลัวที่จะสูญเสียกำไร

อย่างไรก็ตาม การขายหมูนั้นยังคงดีกว่าการ “ติดดอย” หรือการถือสถานะที่ขาดทุนจำนวนมาก การควบคุมความโลภและรักษาเงินทุนเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดในโลกของการลงทุน เพื่อป้องกันอาการขายหมูและเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรด นักลงทุนควร:

  1. พัฒนาระบบเทรดให้ชัดเจน: กำหนดจุดเข้า จุดออก จุดทำกำไร และจุดตัดขาดทุนอย่างมีหลักการ.
  2. ใช้เครื่องมือบริหารความเสี่ยง: เช่น การตั้ง Take Profit ที่เหมาะสม และการใช้ Trailing Stop เพื่อปกป้องกำไรและเปิดโอกาสให้กำไรเติบโต.
  3. ฝึกฝนวินัยและจิตวิทยาการเทรด: เชื่อมั่นในแผนการเทรดที่ได้วิเคราะห์มาแล้ว และควบคุมอารมณ์ความกลัวหรือความโลภ.
  4. เรียนรู้จากประสบการณ์: บันทึกการเทรดเพื่อทบทวนและปรับปรุงกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง.

การเข้าใจและจัดการกับปรากฏการณ์ “ขายหมู” ได้อย่างถูกวิธี จะช่วยให้คุณเป็นนักเทรดที่มีประสิทธิภาพและสามารถทำกำไรในตลาด Forex ได้อย่างยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

ฟรี! ระบบเทรด
▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️

สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการใช้ EA indicator และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี
มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
.
เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆอื่นๆได้อีกในอนาคต
XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย
.
Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ
.
exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด
.
**”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อ
.
ขอรับ EA ได้ฟรี!”**
.
ช่องทางการพูดคุย
.
Line Id :: @ft.th
.
.
กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กําไรอย่างยั่งยืน
.
*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

You Might Also Like

Contact Us on Line