Price Action คืออะไร? เจาะลึกกลยุทธ์การเทรดที่เข้าใจง่ายแต่ทรงพลัง
ในโลกของการเทรด ไม่ว่าจะเป็นตลาด Forex, คริปโตเคอร์เรนซี, หุ้น หรือทองคำ มีกลยุทธ์มากมายให้เลือกใช้ หนึ่งในกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายและยืนหยัดมาอย่างยาวนานคือ Price Action (PA) หรือการวิเคราะห์พฤติกรรมราคา บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า Price Action คืออะไร ทำไมจึงเป็นที่นิยม และจะนำไปประยุกต์ใช้ในการเทรดได้อย่างไร เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Price Action (PA) คืออะไร?
Price Action คือ กลยุทธ์การซื้อขายที่เน้นการวิเคราะห์และตีความการเคลื่อนไหวของราคาเพียงอย่างเดียว โดยปราศจากการพึ่งพาอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคที่ซับซ้อน หรือข่าวสารทางเศรษฐกิจเป็นหลัก การตัดสินใจซื้อขายทั้งหมดของผู้เทรด Price Action จะมาจากข้อมูลที่ปรากฏบน แผนภูมิราคา โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปแบบของแท่งเทียน (Candlestick Patterns) ที่สะท้อนถึงอารมณ์และพฤติกรรมของผู้ซื้อและผู้ขายในตลาด ณ ขณะนั้น
ทำไม Price Action จึงเป็นที่รักของเทรดเดอร์?
- ความเรียบง่าย: ผู้เทรดไม่จำเป็นต้องติดตั้งอินดิเคเตอร์มากมายจนรกหน้าจอ ทำให้แผนภูมิสะอาดตาและโฟกัสไปที่การเคลื่อนไหวของราคาได้อย่างเต็มที่
- ความบริสุทธิ์ของข้อมูล: การเคลื่อนไหวของราคาคือข้อมูลที่แท้จริงที่สุดของตลาด อินดิเคเตอร์ต่าง ๆ ล้วนเป็นข้อมูลที่ประมวลผลมาจากราคาอีกทอดหนึ่ง ซึ่งอาจเกิดความล่าช้า (Lagging) ได้ การวิเคราะห์ Price Action จึงเปรียบเสมือนการอ่านเรื่องราวที่ตลาดกำลังบอกเราโดยตรง
- ความเข้าใจเชิงลึก: การทำความเข้าใจ Price Action จะช่วยให้เทรดเดอร์เข้าใจถึงหลักจิตวิทยาเบื้องหลังการเคลื่อนไหวของราคา แรงกดดันจากผู้ซื้อและผู้ขาย และจุดเปลี่ยนสำคัญที่อาจเกิดขึ้นในตลาด
แนวคิดหลักของกลยุทธ์ Price Action
การเทรดด้วย Price Action มีแนวคิดพื้นฐานที่สำคัญ ซึ่งเปรียบเสมือนเสาหลักในการตัดสินใจ ดังนี้:
- การระบุแนวโน้ม (Trend Identification): นี่คือขั้นตอนที่สำคัญที่สุด เนื่องจาก “เทรนด์คือเพื่อนของคุณ” (Trend is your friend) คำถามแรกที่เทรดเดอร์ Price Action ต้องถามตัวเองคือ “ตลาดกำลังอยู่ในแนวโน้มอะไร?”
- แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend): ราคาทำจุดสูงสุดใหม่ที่สูงขึ้น (Higher Highs) และจุดต่ำสุดใหม่ที่สูงขึ้น (Higher Lows)
- แนวโน้มขาลง (Downtrend): ราคาทำจุดสูงสุดใหม่ที่ต่ำลง (Lower Highs) และจุดต่ำสุดใหม่ที่ต่ำลง (Lower Lows)
- แนวโน้มไซด์เวย์ (Sideways/Range-bound): ราคาเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบ ๆ ไม่มีทิศทางที่ชัดเจน
การระบุแนวโน้มที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการเทรดไปในทิศทางเดียวกับแนวโน้มจะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงลงได้มาก
- การระบุระดับสำคัญ (Key Levels): หรือที่เรียกว่า โซนอุปสงค์และอุปทาน (Demand and Supply Zones) ซึ่งรวมถึงแนวรับ (Support) และแนวต้าน (Resistance) ระดับเหล่านี้เป็นบริเวณที่ราคาเคยมีการกลับตัวหรือพักตัวอย่างมีนัยสำคัญในอดีต และมักจะดึงดูดความสนใจจากเทรดเดอร์จำนวนมาก (เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวรับแนวต้าน)
ตัวอย่าง: หากราคาเคลื่อนที่ลงมาถึงแนวรับที่แข็งแกร่ง เทรดเดอร์อาจคาดการณ์ว่าจะมีแรงซื้อเข้ามาผลักดันราคาขึ้นไปได้
- รอสัญญาณ Price Action (Price Action Signal): เมื่อราคาเคลื่อนที่มายังระดับสำคัญที่ระบุไว้ สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือ “รอ” ให้ราคาแสดงปฏิกิริยาและสร้างสัญญาณการซื้อขายที่ชัดเจน สัญญาณเหล่านี้มักจะอยู่ในรูปแบบของ แท่งเทียนกลับตัว (Reversal Candlestick Patterns) หรือแท่งเทียนต่อเนื่อง (Continuation Candlestick Patterns)
ตัวอย่าง: การเกิดแท่งเทียน Pin Bar หรือ Engulfing Pattern บริเวณแนวรับ/แนวต้าน อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการกลับตัวของราคา
- การกำหนดจุดเข้า-ออกและบริหารความเสี่ยง (Entry, Stop Loss, Take Profit & Risk Management): เมื่อพบสัญญาณ Price Action ที่ยืนยัน เทรดเดอร์จะต้องกำหนดจุดเข้าซื้อหรือขาย จุดตัดขาดทุน (Stop Loss) เพื่อจำกัดความเสี่ยง และจุดทำกำไร (Take Profit) ที่เหมาะสม โดยคำนึงถึง อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk/Reward Ratio) เสมอ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารเงินทุน (Money Management) ที่มีประสิทธิภาพ (เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงในการเทรดทอง)

ทำไม Price Action จึงได้รับความนิยมอย่างสูง?
Price Action ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในหมู่นักเทรดมืออาชีพและมือใหม่ด้วยเหตุผลหลายประการที่ยืนยันถึงประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือของมัน
1. “ตลาดถูกต้องเสมอ” (The Market is Always Right)
วลีนี้เป็นหัวใจสำคัญของปรัชญา Price Action ราคาที่ปรากฏบนกราฟคือผลลัพธ์สุดท้ายของการตัดสินใจของเทรดเดอร์ทุกคนในตลาด สะท้อนถึงข้อมูลข่าวสาร ความคาดหวัง อารมณ์ และความเชื่อทั้งหมด ดังนั้น การที่เรามุ่งเน้นไปที่การเคลื่อนไหวของราคาโดยตรง คือการที่เรา “ฟัง” เรื่องราวที่ตลาดต้องการจะบอกเราอย่างแท้จริง แทนที่จะพึ่งพาตัวชี้วัดที่อาจล่าช้าหรือไม่สะท้อนภาพรวมทั้งหมด
2. กลยุทธ์การซื้อขายตามแนวโน้มที่ปลอดภัย (Safe Trend Trading Strategy)
Price Action เป็นกลยุทธ์ที่เน้นการเทรดไปตาม แนวโน้มของตลาด ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญที่สุดเมื่อเทียบกับการใช้อินดิเคเตอร์ทางเทคนิคบางตัวที่อาจส่งสัญญาณสวนทางกับแนวโน้มหลัก
- การไม่ต่อสู้กับตลาด: นักเทรดมักเปรียบเทียบการต่อสู้กับแนวโน้มตลาดว่าเหมือนกับการพยายามหยุดรถไฟที่วิ่งด้วยความเร็วสูงสุด ซึ่งผลลัพธ์มักจะเป็นหายนะ การเทรดตามแนวโน้มจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการอยู่รอดและทำกำไรในระยะยาว
- เพิ่มความน่าจะเป็น: เมื่อตลาดมีแนวโน้มที่ชัดเจน การเข้าเทรดไปในทิศทางเดียวกับแนวโน้มนั้นจะมีความน่าจะเป็นที่จะประสบความสำเร็จสูงกว่ามาก
- การค้นหาจุดเริ่มต้นที่เหมาะสม: Price Action ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถระบุจุดเข้าเทรดที่มีความเสี่ยงต่ำและมีโอกาสทำกำไรสูง โดยการรอให้ราคากลับตัวหรือพักตัว ณ ระดับสำคัญในทิศทางเดียวกับแนวโน้ม

3. ที่สุดของความเรียบง่าย (The Pinnacle of Simplicity)
“ยิ่งง่ายยิ่งดี” เป็นปรัชญาที่ Price Action ยึดถือ การเทรดไม่จำเป็นต้องซับซ้อนด้วยหน้าจอที่เต็มไปด้วยอินดิเคเตอร์หรือการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากที่ทำให้สับสน
- ลดความสับสน: การมีอินดิเคเตอร์มากเกินไปอาจทำให้เกิดสัญญาณที่ขัดแย้งกัน (Conflicting Signals) และนำไปสู่ความลังเลในการตัดสินใจ การใช้ Price Action จะช่วยลดความซับซ้อนเหล่านี้ ทำให้จิตใจของผู้เทรดสงบและตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผลมากขึ้น
- ประหยัดเวลา: ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการเรียนรู้และปรับแต่งอินดิเคเตอร์มากมาย สามารถโฟกัสไปที่การอ่านกราฟและทำความเข้าใจพฤติกรรมราคาได้โดยตรง
4. ความยืดหยุ่นสูง (Flexibility)
Price Action เป็นกลยุทธ์ที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับใช้ได้กับตลาดและรูปแบบการเทรดที่หลากหลาย
- ใช้ได้กับทุกตลาด: ไม่ว่าจะเป็น Forex (คู่สกุลเงิน), สินค้าโภคภัณฑ์ (น้ำมัน, ทองคำ), หรือหุ้น Price Action ก็สามารถนำมาใช้ในการวิเคราะห์และคาดการณ์ราคาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะหลักการพื้นฐานของพฤติกรรมราคาไม่เปลี่ยนแปลงไปตามประเภทของสินทรัพย์
- ใช้ได้กับทุก Timeframe: ไม่ว่าจะเป็นการเทรดระยะสั้นแบบ Scalping (M15) หรือการเทรดระยะยาวแบบ Swing Trading (D1) Price Action ก็ยังคงมีประสิทธิภาพในการให้สัญญาณที่น่าเชื่อถือ (เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการวิเคราะห์ Multi-Timeframe)
ความรู้พื้นฐานที่ต้องเตรียมก่อนเริ่มต้น Price Action
เพื่อให้สามารถใช้กลยุทธ์ Price Action ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เทรดเดอร์จำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานที่สำคัญดังต่อไปนี้:

- ความเข้าใจเรื่องแนวโน้มตลาด:
คุณต้องสามารถระบุได้อย่างแม่นยำว่าตลาดกำลังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend), แนวโน้มขาลง (Downtrend) หรืออยู่ในช่วงไซด์เวย์ (Sideways) ซึ่งเป็นพื้นฐานของการเทรดตาม Price Action หากคุณยังไม่คุ้นเคย ควรศึกษาบทความเหล่านี้อย่างละเอียด:
- Uptrend และ Downtrend คืออะไร
- วิธีการระบุแนวโน้มตลาด
- การเคลื่อนไหวแบบ Sideways (ราคาไม่มีทิศทางชัดเจน)
- Retest คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร
การเข้าใจแนวโน้มอย่างลึกซึ้งจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าจะมองหาโอกาสในการซื้อ (ในแนวโน้มขาขึ้น) หรือขาย (ในแนวโน้มขาลง) และหลีกเลี่ยงการเทรดสวนทางแนวโน้ม
- การกำหนดโซนอุปสงค์และอุปทาน (Demand and Supply Zones):
ระดับเหล่านี้คือบริเวณที่นักเทรดคาดการณ์ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมราคา การระบุโซนที่สำคัญได้อย่างถูกต้องเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการหาจุดเข้าและออกที่มีคุณภาพ
- ศึกษาบทความ: วิธีการระบุและการเทรดกับเขตอุปสงค์และอุปทาน ซึ่งจะสอนวิธีการหาโซนเหล่านี้อย่างละเอียด รวมถึงหลักการของ Rally-Base-Rally, Drop-Base-Drop และ Rally-Base-Drop
- ความสำคัญของแนวรับและแนวต้าน: ทำความเข้าใจว่าทำไมราคาจึงมักมีปฏิกิริยาเมื่อชนกับระดับเหล่านี้
- ความรู้เกี่ยวกับแท่งเทียน (Candlestick Patterns):
แท่งเทียนคือภาษาของ Price Action ผู้เทรดต้องสามารถอ่านและตีความความหมายของแท่งเทียนแต่ละรูปแบบได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแท่งเทียนที่บ่งบอกถึงการกลับตัว (Reversal) หรือความต่อเนื่อง (Continuation) ของราคา
- Marubozu: แท่งเทียน Marubozu คืออะไร และบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของแรงซื้อหรือแรงขายอย่างไร
- Pin Bar: Pin Bar คืออะไร และเป็นสัญญาณกลับตัวที่มีนัยสำคัญอย่างไร
- นอกจากนี้ ควรศึกษาแท่งเทียนรูปแบบอื่น ๆ ที่สำคัญ เช่น Engulfing Bar, Inside Bar, Doji เป็นต้น (รวมรูปแบบแท่งเทียนที่ใช้บ่อย)
- การบริหารความเสี่ยงและเงินทุน (Risk and Money Management):
ไม่ว่ากลยุทธ์จะดีเพียงใด หากขาดการบริหารความเสี่ยงที่ดีก็อาจนำไปสู่การขาดทุนได้
- อัตราส่วนความเสี่ยง/ผลตอบแทน (Risk/Reward Ratio): ทำความเข้าใจว่า 1R = 2% ของทุนทั้งหมด หรือการกำหนดความเสี่ยงต่อการเทรด 1 ครั้งที่ไม่เกิน 1-2% ของเงินทุนรวมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
- ศึกษาบทความ: วิธีการใช้อัตราส่วนความเสี่ยง/ผลตอบแทนอย่างมีประสิทธิภาพในการซื้อขาย Forex
- การกำหนดจุด Stop Loss และ Take Profit: เรียนรู้เทคนิคในการวางตำแหน่ง Stop Loss เพื่อจำกัดการขาดทุน และ Take Profit เพื่อล็อกกำไรให้เหมาะสมกับกลยุทธ์

ตัวอย่างการซื้อขายด้วย Price Action
การเรียนรู้ Price Action ต้องอาศัยการสังเกตตลาดและฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง นี่คือตัวอย่างการวิเคราะห์และตัดสินใจซื้อขายโดยใช้หลักการ Price Action:
ตัวอย่างที่ 1: การขายคู่สกุลเงิน EUR/USD
สมมติว่าคุณต้องการเข้าเทรดคู่สกุลเงิน EUR/USD ด้วยข้อมูลดังนี้:
- จุดเข้า (Entry): Sell EUR/USD ที่ 1.1815
- จุดตัดขาดทุน (Stop Loss): 30 pips
- จุดทำกำไร (Take Profit): 90 pips
- อัตราส่วนความเสี่ยง/ผลตอบแทน (R:R): 1:3 (เสี่ยง 1 ส่วนเพื่อกำไร 3 ส่วน)
เหตุผลในการเข้าสถานะ (Sell)
- แนวโน้มหลัก: ในกราฟรายวัน (Daily Timeframe) คู่สกุลเงิน EUR/USD กำลังอยู่ใน แนวโน้มขาลง (Downtrend) ที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการมองหาโอกาสในการขาย
- การกลับสู่ระดับอุปทาน: ราคาได้กลับขึ้นมาทดสอบบริเวณ ระดับอุปทาน (Supply Zone) ซึ่งเป็นโซนที่เคยมีแรงขายเข้ามาจำนวนมากในอดีต ทำให้เกิดแรงกดดันราคาให้ลดลงอีกครั้ง
- สัญญาณแท่งเทียนกลับตัว: ในกราฟ H4 (4-Hour Timeframe) ปรากฏสัญญาณ Price Action ที่สำคัญคือ “แท่งเทียนสีแดงกลับตัวเป็นขาลงที่แข็งแกร่งมาก” หรืออาจเป็นรูปแบบเช่น Bearish Engulfing, Shooting Star หรือ Pin Bar ที่มีไส้ยาวด้านบน ซึ่งบ่งบอกถึงแรงขายที่เข้าครอบงำอย่างชัดเจน ณ ระดับอุปทาน

สรุปเหตุผลในการเข้า: เรามีองค์ประกอบที่สำคัญครบทั้ง 3 ประการในการเปิดสถานะขายตามหลัก Price Action ได้แก่ แนวโน้มขาลง, ราคาเข้าสู่ระดับอุปทาน, และเกิดสัญญาณแท่งเทียนกลับตัวขาลง ที่ยืนยันแรงขายอย่างชัดเจน

ตัวอย่างที่ 2: การรอโอกาสเทรดคู่สกุลเงิน GBP/JPY
ในสถานการณ์นี้ คู่สกุลเงิน GBP/JPY กำลังเคลื่อนที่เข้าสู่ระดับอุปทานในช่วงที่ตลาดยังคงอยู่ในแนวโน้มขาลง
- สิ่งที่ต้องรอ: สิ่งที่คุณต้องรอคือ “สัญญาณการกลับตัวของตลาดหมี” หรือสัญญาณขาลงที่ชัดเจน ณ บริเวณระดับอุปทานนั้น
- สัญญาณที่คาดหวัง: สัญญาณนี้อาจเป็นแท่งเทียนขาลงที่แข็งแกร่งเพียง 1 แท่ง (เช่น Marubozu สีแดง) หรืออาจเป็นรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวอื่นๆ ที่บ่งบอกถึงแรงขายที่เข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ

กฎการรอ: การรอให้เกิดสัญญาณที่ชัดเจนก่อนการเข้าเทรดเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในกลยุทธ์ Price Action การกระโดดเข้าเทรดก่อนที่สัญญาณจะปรากฏครบถ้วนอาจนำไปสู่การขาดทุนได้
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ Price Action
| Price Action คืออะไร? | Price Action คือกลยุทธ์การเทรดที่ใช้การวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาบนแผนภูมิโดยตรง โดยไม่พึ่งพาอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคเป็นหลัก ผู้เทรดจะตีความรูปแบบแท่งเทียน แนวโน้ม และระดับราคาสำคัญเพื่อตัดสินใจซื้อขาย |
| ทำไม Price Action ถึงได้รับความนิยม? | ได้รับความนิยมเนื่องจากความเรียบง่าย ใช้ข้อมูลราคาที่แท้จริง ไม่มีการล่าช้าจากอินดิเคเตอร์ และมีความยืดหยุ่นสูง สามารถใช้ได้กับทุกตลาดและทุกกรอบเวลาการเทรด นอกจากนี้ยังเป็นกลยุทธ์ที่เน้นการเทรดตามแนวโน้มซึ่งเพิ่มโอกาสทำกำไร |
| ต้องมีความรู้อะไรบ้างในการเทรด Price Action? | ความรู้พื้นฐานที่จำเป็นคือ การระบุแนวโน้มตลาด (ขาขึ้น ขาลง ไซด์เวย์), การกำหนดระดับอุปสงค์และอุปทาน (แนวรับ แนวต้าน), การอ่านและตีความรูปแบบแท่งเทียน (เช่น Marubozu, Pin Bar) และที่สำคัญที่สุดคือการบริหารความเสี่ยงและเงินทุน (Risk/Reward Ratio) |
| Price Action แตกต่างจาก Technical Analysis ทั่วไปอย่างไร? | Price Action เป็นส่วนหนึ่งของ Technical Analysis แต่เน้นการวิเคราะห์กราฟเปล่า (Naked Chart) โดยตรง โดยไม่ใช้อินดิเคเตอร์ซับซ้อนเข้ามาช่วยตัดสินใจ ในขณะที่ Technical Analysis ทั่วไปอาจใช้เครื่องมือและอินดิเคเตอร์หลากหลายชนิดประกอบการตัดสินใจ |
| Price Action เหมาะกับใคร? | เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ทุกระดับ ตั้งแต่มือใหม่ไปจนถึงผู้มีประสบการณ์ที่ต้องการความเรียบง่าย ไม่ชอบความซับซ้อนของอินดิเคเตอร์ และต้องการทำความเข้าใจพฤติกรรมตลาดจากแก่นแท้ของราคาโดยตรง |
สรุป: Price Action กุญแจสู่ความสำเร็จในการเทรดด้วยความเข้าใจตลาดที่แท้จริง
Price Action เป็นกลยุทธ์การเทรดที่ทรงพลังและได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพ ด้วยหลักการที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้งในการอ่านและตีความพฤติกรรมราคาโดยตรงบนแผนภูมิ การเข้าใจแนวโน้ม ระบุระดับสำคัญ และรอสัญญาณแท่งเทียนที่ชัดเจน คือหัวใจสำคัญของการเทรดด้วย Price Action
การนำกลยุทธ์นี้ไปใช้จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจซื้อขายได้อย่างมีเหตุผล ลดความสับสนจากข้อมูลที่มากเกินไป และที่สำคัญที่สุดคือช่วยให้คุณ “ฟัง” สิ่งที่ตลาดกำลังบอกได้อย่างแท้จริง
สิ่งที่คุณต้องทำคือ ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ สังเกตการเคลื่อนไหวของราคาบนกราฟจริง และนำความรู้ที่ได้เรียนรู้ไปประยุกต์ใช้เพื่อสร้าง วินัยในการเทรด และพัฒนาทักษะของคุณให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น โปรดจำไว้ว่า การเทรดที่ประสบความสำเร็จไม่ได้มาจากความซับซ้อน แต่มาจากความเข้าใจที่ลึกซึ้งและการปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด
หากคุณสนใจศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์การเทรด หรือต้องการรับระบบเทรดอัตโนมัติ (EA) ฟรี คุณสามารถติดต่อเราได้ที่:
_______________________________________
สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์ ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
________________________
✅ 👍สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
XM: มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก (วิธีเปิดบัญชี XM)
Exness: สมัครง่าย ฝากถอนเร็ว https://bit.ly/ExnessCom
MTrading: เทรดดีไม่มีสะดุด XAUUSD ไม่มีค่า Swap บนบัญชี M.Pro! https://bit.ly/MTRatsamee
________________________
✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่📱https://bit.ly/MTRatsamee
Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
——–
ติดตามเราได้ที่
📩LINE: @ft.th (https://lin.ee/u0dwlLM)
🎬Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe)
📱Tiktok: https://vt.tiktok.com/ZSdVyv7Ny/
_____________________________________________
