Pip และ Point คืออะไร? เจาะลึกหน่วยการเคลื่อนไหวของราคาในตลาด Forex ที่เทรดเดอร์มือใหม่ต้องรู้!
สำหรับผู้ที่กำลังก้าวเข้าสู่โลกของการเทรด Forex สิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องทำความเข้าใจคือคำศัพท์พื้นฐานที่ใช้ในการอธิบายการเคลื่อนไหวของราคา หนึ่งในนั้นคือคำว่า “Pip” และ “Point” ซึ่งเป็นหน่วยวัดการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าสองคำนี้มีความหมายเดียวกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว Pip และ Point มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งในด้านนิยามและวิธีการคำนวณ บทความนี้จะเจาะลึกรายละเอียดของ Pip และ Point เพื่อให้คุณเข้าใจหลักการเหล่านี้อย่างถ่องแท้ และสามารถนำไปใช้ในการวิเคราะห์และวางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Pip (Price Interest Point) คืออะไร? ความสำคัญและวิธีการคำนวณ
นิยามของ Pip
Pip ย่อมาจาก “Price Interest Point” เป็นหน่วยวัดการเปลี่ยนแปลงที่เล็กที่สุดของราคาคู่สกุลเงินส่วนใหญ่ในตลาด Forex โดยทั่วไปแล้ว Pip จะนับที่ตำแหน่งทศนิยมตัวที่สี่ของราคาเสนอซื้อ (Bid Price) และราคาเสนอขาย (Ask Price) สำหรับคู่สกุลเงินที่มี สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) เป็นสกุลเงินอ้างอิง (Quote Currency) เช่น EUR/USD, GBP/USD เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับคู่สกุลเงินที่มี เยนญี่ปุ่น (JPY) เป็นสกุลเงินอ้างอิง เช่น USD/JPY, EUR/JPY Pip จะนับที่ตำแหน่งทศนิยมตัวที่สอง เนื่องจากค่าของ 1 เยนนั้นมีค่าน้อยกว่า 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 1 ยูโร อย่างมีนัยสำคัญ
เหตุผลที่ Pip มีความสำคัญ
- การวัดผลกำไรและขาดทุน: Pip เป็นหน่วยพื้นฐานในการคำนวณผลกำไรหรือขาดทุนจากการเทรดในแต่ละครั้ง การเข้าใจว่าราคาเคลื่อนไหวไปกี่ Pip จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถประเมินผลลัพธ์ของตำแหน่ง (Position) ที่เปิดอยู่ได้
- การกำหนด Stop Loss (SL) และ Take Profit (TP): เทรดเดอร์จะใช้ค่า Pip ในการกำหนดระดับ Stop Loss เพื่อจำกัดความเสี่ยง และ Take Profit เพื่อล็อคกำไร การตั้งค่าที่เหมาะสมจะช่วยในการบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การสื่อสารในวงการ: Pip เป็นภาษามาตรฐานที่เทรดเดอร์ทั่วโลกใช้ในการสื่อสารและอธิบายการเคลื่อนไหวของราคา การเข้าใจคำนี้จะช่วยให้คุณสามารถเข้าร่วมสนทนาและเข้าใจข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ได้อย่างราบรื่น
ตัวอย่างการคำนวณ Pip
สมมติว่าคุณกำลังเทรดคู่เงิน EUR/USD:
- หากราคา EUR/USD เคลื่อนไหวจาก 1.1234 ไปเป็น 1.1235 หมายความว่าราคาได้เคลื่อนไหวขึ้น 1 Pip
- หากราคา EUR/USD เคลื่อนไหวจาก 1.1234 ไปเป็น 1.1244 หมายความว่าราคาได้เคลื่อนไหวขึ้น 10 Pip
สำหรับคู่เงิน USD/JPY (ซึ่งมีทศนิยม 2 ตำแหน่งในการนับ Pip):
- หากราคา USD/JPY เคลื่อนไหวจาก 105.67 ไปเป็น 105.68 หมายความว่าราคาได้เคลื่อนไหวขึ้น 1 Pip
- หากราคา USD/JPY เคลื่อนไหวจาก 105.67 ไปเป็น 105.77 หมายความว่าราคาได้เคลื่อนไหวขึ้น 10 Pip

Point (Pipette) คืออะไร? หน่วยย่อยของการเคลื่อนไหวราคา
นิยามของ Point หรือ Pipette
“Point” หรือที่บางครั้งเรียกว่า “Pipette” เป็นหน่วยย่อยของการเคลื่อนไหวของราคาที่ละเอียดกว่า Pip โดย Point จะนับที่ตำแหน่งทศนิยมตัวที่ห้าสำหรับคู่สกุลเงินส่วนใหญ่ และตำแหน่งทศนิยมตัวที่สามสำหรับคู่สกุลเงินที่มีเยนญี่ปุ่นเป็นสกุลเงินอ้างอิง
กล่าวคือ 1 Pip จะมีค่าเท่ากับ 10 Point เสมอ การใช้ Point ช่วยให้สามารถวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในการเทรดระยะสั้น (Scalping) หรือการวิเคราะห์ตลาดที่ต้องการความละเอียดสูง
เหตุผลที่ Point มีความสำคัญ
- ความละเอียดในการวิเคราะห์: Point ช่วยให้เทรดเดอร์มองเห็นการเปลี่ยนแปลงของราคาในระดับที่ละเอียดอ่อนกว่า Pip ซึ่งเป็นประโยชน์ในการวิเคราะห์แนวโน้มระยะสั้น หรือการหาจุดเข้า-ออกที่แม่นยำยิ่งขึ้น
- การเทรดด้วย Expert Advisor (EA) หรือระบบอัตโนมัติ: ในการเทรดด้วยระบบอัตโนมัติ (EA) ค่า Point มักถูกนำมาใช้ในการตั้งค่าพารามิเตอร์ต่างๆ เช่น Spread, Take Profit หรือ Stop Loss ที่ต้องการความละเอียดสูง
- โบรกเกอร์บางราย: โบรกเกอร์ Forex บางรายจะแสดงราคาเป็น 5 หรือ 3 ตำแหน่งทศนิยม ซึ่งหมายความว่าหน่วยที่เล็กที่สุดที่แสดงคือ Point ไม่ใช่ Pip เทรดเดอร์จึงจำเป็นต้องเข้าใจความแตกต่างนี้เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสน
ตัวอย่างการคำนวณ Point
สมมติว่าคุณกำลังเทรดคู่เงิน EUR/USD (ทศนิยม 5 ตำแหน่ง):
- หากราคา EUR/USD เคลื่อนไหวจาก 1.12345 ไปเป็น 1.12346 หมายความว่าราคาได้เคลื่อนไหวขึ้น 1 Point
- หากราคา EUR/USD เคลื่อนไหวจาก 1.12345 ไปเป็น 1.12355 หมายความว่าราคาได้เคลื่อนไหวขึ้น 10 Point หรือ 1 Pip
สำหรับคู่เงิน USD/JPY (ทศนิยม 3 ตำแหน่ง):
- หากราคา USD/JPY เคลื่อนไหวจาก 105.670 ไปเป็น 105.671 หมายความว่าราคาได้เคลื่อนไหวขึ้น 1 Point
- หากราคา USD/JPY เคลื่อนไหวจาก 105.670 ไปเป็น 105.680 หมายความว่าราคาได้เคลื่อนไหวขึ้น 10 Point หรือ 1 Pip

หลักการนับและอ่านค่า Pips & Point: คู่มือฉบับสมบูรณ์
เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการนับ Pip และ Point ในตลาด Forex สิ่งสำคัญคือต้องจำหลักการพื้นฐานนี้ไว้เสมอ:
1 Pip มีค่าเท่ากับ 10 Point เสมอ
ตารางสรุปต่อไปนี้จะช่วยให้เห็นภาพรวมและเข้าใจวิธีการคำนวณในสถานการณ์ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น:
| คู่สกุลเงิน | จำนวนทศนิยมที่แสดง (ตามโบรกเกอร์ทั่วไป) | ตำแหน่งทศนิยมที่นับเป็น 1 Pip | ตำแหน่งทศนิยมที่นับเป็น 1 Point | ตัวอย่างการเคลื่อนไหว 1 Pip |
|---|---|---|---|---|
| EUR/USD, GBP/USD (Major Pairs ส่วนใหญ่) | 5 ตำแหน่ง | ตำแหน่งที่ 4 | ตำแหน่งที่ 5 | จาก 1.15275 ไป 1.15285 (ขึ้น 1 Pip, 10 Point) |
| USD/JPY, EUR/JPY (Pairs ที่มี JPY) | 3 ตำแหน่ง | ตำแหน่งที่ 2 | ตำแหน่งที่ 3 | จาก 107.150 ไป 107.160 (ขึ้น 1 Pip, 10 Point) |
ตัวอย่างการคำนวณเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจที่ลึกซึ้ง:
ตัวอย่างที่ 1: คู่สกุลเงิน EUR/USD (ทศนิยม 5 ตำแหน่ง)
- สมมติว่าราคาปัจจุบันของ EUR/USD คือ 1.15275
- ต่อมา ราคาได้เคลื่อนไหวไปที่ 1.15293
- ในการคำนวณการเปลี่ยนแปลงเป็น Point: 1.15293 – 1.15275 = 0.00018 ซึ่งเท่ากับ 18 Point
- ในการคำนวณการเปลี่ยนแปลงเป็น Pip: 18 Point / 10 = 1.8 Pip
- สรุป: ราคาขึ้นมา 18 Point หรือ 1.8 Pip การทำความเข้าใจหน่วยที่ละเอียดระดับ Point มีประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อ Scalping หรือ เทรดระยะสั้น
ตัวอย่างที่ 2: คู่สกุลเงิน USD/JPY (ทศนิยม 3 ตำแหน่ง)
- สมมติว่าราคาปัจจุบันของ USD/JPY คือ 107.150
- ต่อมา ราคาได้เคลื่อนไหวไปที่ 107.160
- ในการคำนวณการเปลี่ยนแปลงเป็น Point: 107.160 – 107.150 = 0.010 ซึ่งเท่ากับ 10 Point
- ในการคำนวณการเปลี่ยนแปลงเป็น Pip: 10 Point / 10 = 1.0 Pip
- สรุป: ราคาขึ้นมา 10 Point หรือ 1.0 Pip ในกรณีนี้ การเคลื่อนไหว 1 Pip มีความสำคัญมากเนื่องจากมีผลต่อมูลค่ากำไรขาดทุนที่มากกว่าคู่สกุลเงินอื่น
ตัวอย่างที่ 3: คู่สกุลเงิน GBP/USD (ทศนิยม 5 ตำแหน่ง) – การเคลื่อนไหวลง
- สมมติว่าราคาปัจจุบันของ GBP/USD คือ 1.27314
- ต่อมา ราคาได้เคลื่อนไหวลงไปที่ 1.27200
- ในการคำนวณการเปลี่ยนแปลงเป็น Point: 1.27314 – 1.27200 = 0.00114 ซึ่งเท่ากับ 114 Point
- ในการคำนวณการเปลี่ยนแปลงเป็น Pip: 114 Point / 10 = 11.4 Pip
- สรุป: ราคาลงมา 114 Point หรือ 11.4 Pip ตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นว่าการเคลื่อนไหวของราคาอาจเกิดขึ้นได้ทั้งขาขึ้นและขาลง และการนับ Pip/Point ช่วยให้เราเข้าใจขนาดของการเปลี่ยนแปลงนั้น
ประโยชน์ของการทำความเข้าใจค่า Pip และ Point ในการเทรด Forex
การเข้าใจความแตกต่างและวิธีการคำนวณ Pip และ Point ไม่ใช่เพียงแค่การรู้คำศัพท์ แต่ยังเป็นพื้นฐานสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการเทรดของคุณอย่างมีนัยสำคัญ ประโยชน์หลักๆ ที่เทรดเดอร์จะได้รับจากการทำความเข้าใจเรื่องนี้อย่างถ่องแท้ มีดังนี้:
1. การประเมินความเสี่ยงและผลตอบแทน (Risk/Reward Ratio)
- กำหนดขนาดการเทรด (Lot Size) ได้อย่างเหมาะสม: เมื่อคุณเข้าใจว่า 1 Pip หรือ 1 Point มีมูลค่าเท่าไรในสกุลเงินบัญชีของคุณ คุณจะสามารถคำนวณ Lot Size ที่เหมาะสมกับขนาดของบัญชีและการยอมรับความเสี่ยงของคุณได้
- วางแผน Stop Loss และ Take Profit ที่แม่นยำ: การกำหนดระยะ Stop Loss (จุดตัดขาดทุน) และ Take Profit (จุดทำกำไร) เป็น Pip หรือ Point จะช่วยให้คุณมีแผนการเทรดที่ชัดเจน และควบคุมความเสี่ยงในแต่ละ Order ได้อย่างมีวินัย
- คำนวณมูลค่าต่อ Pip: โบรกเกอร์ Forex จะมีเครื่องมือหรือข้อมูลที่แสดงมูลค่าของ 1 Pip สำหรับ Lot Size ที่แตกต่างกัน การทำความเข้าใจส่วนนี้จะช่วยให้คุณประเมินผลกำไรและขาดทุนที่เป็นตัวเงินได้ทันที
2. การวิเคราะห์ตลาดและกลยุทธ์การเทรด
- เข้าใจความผันผวนของราคา: การเคลื่อนไหวของราคาเป็น Pip หรือ Point ช่วยให้คุณเห็นภาพรวมว่าตลาดมีความผันผวนมากน้อยเพียงใดในช่วงเวลาหนึ่ง หากราคาเคลื่อนไหวหลายร้อย Point ในเวลาอันสั้น แสดงว่าตลาดมีความผันผวนสูง
- ปรับใช้กลยุทธ์ให้เหมาะสม:
- Scalping: เทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์ Scalping (เทรดสั้นๆ เน้นทำกำไรน้อยแต่บ่อยครั้ง) จะให้ความสำคัญกับ Point มากเป็นพิเศษ เพราะทุกหน่วยการเคลื่อนไหวที่เล็กที่สุดมีผลต่อผลกำไรของพวกเขา
- Day Trading และ Swing Trading: สำหรับเทรดเดอร์รายวันหรือ Swing Trade อาจจะเน้นที่ Pip เป็นหลัก เนื่องจากเป็นการเทรดที่ถือ Position นานขึ้น และเป้าหมายกำไรมักจะใหญ่กว่าการ Scalping
- เปรียบเทียบ Spread ของโบรกเกอร์: Spread คือส่วนต่างระหว่างราคา Bid และ Ask ซึ่งจะถูกแสดงในหน่วย Pip หรือ Point การเปรียบเทียบ Spread ของโบรกเกอร์ต่างๆ จะช่วยให้คุณเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเป็น Scalper
3. การสื่อสารและการเรียนรู้
- ใช้ภาษาเดียวกันกับเทรดเดอร์ทั่วโลก: ในชุมชนเทรดเดอร์ทั้งในและต่างประเทศ การพูดถึง “ราคาเคลื่อนไหว 50 Pip” หรือ “เป้าหมายกำไร 200 Point” เป็นเรื่องปกติ การเข้าใจคำเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ อ่านบทวิเคราะห์ และเข้าร่วมการสนทนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ทำความเข้าใจบทความและสื่อการเรียนรู้: สื่อการเรียนรู้เกี่ยวกับการเทรด Forex จำนวนมากจะใช้คำว่า Pip และ Point ในการอธิบายแนวคิดต่างๆ หากไม่เข้าใจคำเหล่านี้ คุณอาจพลาดข้อมูลสำคัญไป
แม้ว่าในทางปฏิบัติโปรแกรมเทรดอย่าง MetaTrader 4 (MT4) หรือ MetaTrader 5 (MT5) จะคำนวณผลกำไรขาดทุนเป็นสกุลเงินบัญชีให้คุณโดยอัตโนมัติ แต่การเข้าใจหลักการเบื้องหลังของ Pip และ Point จะช่วยให้คุณตัดสินใจเทรดได้อย่างชาญฉลาด มีวินัย และบริหารความเสี่ยงได้อย่างมืออาชีพมากยิ่งขึ้น
FAQ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Pip และ Point
Q1: Pip และ Point แตกต่างกันอย่างไร?
A1: Pip (Price Interest Point) เป็นหน่วยวัดการเคลื่อนไหวของราคาที่ตำแหน่งทศนิยมหลัก (โดยทั่วไปคือตำแหน่งที่ 4 สำหรับคู่เงินส่วนใหญ่ และตำแหน่งที่ 2 สำหรับคู่เงินที่มี JPY) ในขณะที่ Point (หรือ Pipette) เป็นหน่วยย่อยที่ละเอียดกว่า โดย 1 Pip จะมีค่าเท่ากับ 10 Point เสมอ Point จะอยู่ที่ตำแหน่งทศนิยมที่ 5 หรือ 3 ตามลำดับ
Q2: ทำไมบางคู่เงินจึงมีทศนิยม 2 หรือ 3 ตำแหน่งในการนับ Pip?
A2: คู่เงินที่มี เยนญี่ปุ่น (JPY) เป็นสกุลเงินอ้างอิง เช่น USD/JPY จะมีทศนิยม 2 ตำแหน่งในการนับ Pip เนื่องจากมูลค่าของ 1 เยนนั้นต่ำมากเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ การใช้ทศนิยม 4 ตำแหน่งจะทำให้ Pip มีขนาดที่เล็กเกินไปจนไม่เหมาะสมกับการเทรดทั่วไป ดังนั้น เพื่อให้การคำนวณและการอ้างอิงง่ายขึ้น จึงใช้ทศนิยม 2 ตำแหน่งในการนับ Pip และ 3 ตำแหน่งสำหรับการนับ Point.
Q3: การรู้ค่า Pip และ Point มีประโยชน์อย่างไรต่อการบริหารความเสี่ยง?
A3: การรู้ค่า Pip และ Point ช่วยให้คุณสามารถคำนวณมูลค่าของแต่ละ Pip/Point ในสกุลเงินบัญชีของคุณได้ ทำให้คุณสามารถกำหนดขนาด Lot Size, Stop Loss และ Take Profit ได้อย่างแม่นยำ เพื่อควบคุมความเสี่ยงและจัดการเงินทุนให้สอดคล้องกับแผนการเทรดของคุณ เช่น ถ้าคุณยอมรับความเสี่ยงได้ 100 ดอลลาร์ และ 1 Pip มีมูลค่า 10 ดอลลาร์ คุณก็รู้ว่าสามารถตั้ง Stop Loss ได้สูงสุด 10 Pip
Q4: โบรกเกอร์ Forex ส่วนใหญ่แสดงราคาแบบ Pip หรือ Point?
A4: โบรกเกอร์ Forex สมัยใหม่ส่วนใหญ่จะแสดงราคาในแพลตฟอร์มการเทรด (เช่น MT4/MT5) เป็น 5 ตำแหน่งทศนิยมสำหรับคู่เงินส่วนใหญ่ และ 3 ตำแหน่งสำหรับคู่เงินที่มี JPY ซึ่งหมายความว่าราคาที่แสดงนั้นมีหน่วยย่อยถึงระดับ Point (หรือ Pipette) คุณจึงสามารถเห็นการเคลื่อนไหวที่ละเอียดที่สุดได้
Q5: ควรใช้ Pip หรือ Point ในการอ้างอิงการเคลื่อนไหวของราคา?
A5: การเลือกใช้ Pip หรือ Point ขึ้นอยู่กับบริบทและความละเอียดที่ต้องการ หากคุณพูดถึงการเคลื่อนไหวของราคาโดยรวม หรือกำหนดเป้าหมายการทำกำไร/ขาดทุนในระยะที่ค่อนข้างกว้าง การใช้ Pip จะเป็นที่นิยมและเข้าใจง่ายกว่า แต่หากคุณกำลังวิเคราะห์การเคลื่อนไหวที่เล็กน้อยมาก หรือต้องการความแม่นยำสูงในการตั้งค่าในระบบอัตโนมัติ การใช้ Point จะเหมาะสมกว่า โดยทั่วไปแล้ว เทรดเดอร์มักจะใช้ Pip ในการสื่อสารหลัก
สรุป: ทำความเข้าใจ Pip และ Point เพื่อการเทรด Forex ที่เหนือกว่า
การทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับ Pip และ Point ถือเป็นรากฐานสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ Forex ทุกระดับ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือผู้มีประสบการณ์ คำศัพท์เหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่หน่วยวัดการเคลื่อนไหวของราคา แต่เป็นกุญแจสำคัญในการวิเคราะห์ตลาด การบริหารความเสี่ยง และการวางแผนกลยุทธ์การเทรดได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ
การที่ 1 Pip มีค่าเท่ากับ 10 Point เสมอ เป็นหลักการที่คุณควรจำไว้เป็นอย่างดี เพราะมันช่วยให้คุณสามารถปรับการประเมินสถานการณ์ตลาดให้ละเอียดขึ้นเมื่อจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเทรดที่ต้องการความละเอียดอ่อนสูง เช่น Scalping
ดังนั้น จงใช้เวลาในการทำความเข้าใจความหมาย วิธีการคำนวณ และผลกระทบของ Pip และ Point ต่อการเทรดของคุณให้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คุณสามารถสื่อสารกับเพื่อนร่วมวงการได้อย่างราบรื่น วิเคราะห์ตลาดได้อย่างลึกซึ้ง และที่สำคัญที่สุดคือ สามารถควบคุมการเทรดของคุณให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ พร้อมรับมือกับความผันผวนของตลาดได้อย่างมั่นใจ และก้าวสู่ความสำเร็จในเส้นทางการเป็นเทรดเดอร์ Forex มืออาชีพ
พร้อมเริ่มต้นการเทรด Forex อย่างมีประสิทธิภาพแล้วหรือยัง?
หากคุณต้องการระบบเทรดอัตโนมัติ (EA) หรือ Indicator เพื่อช่วยในการวิเคราะห์และจัดการการเทรดให้ดียิ่งขึ้น ทาง FTTInvesting มีข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับคุณ
- XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย: https://bit.ly/XmFree30USD
- Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ: https://bit.ly/MtradingTH
- Exness – โบรกเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด: https://bit.ly/ExnessCom

