TOP 10 บทความยอดนิยม

ดูทั้งหมด
แจก EA & อินดิเคเตอร์

วิธีการวางคำสั่งซื้อที่รอดำเนินการ

สิงหาคม 11, 2022

กลยุทธ์การวางคำสั่งซื้อที่รอดำเนินการ (Pending Orders) ใน MT4: เครื่องมือสำคัญสำหรับนักเทรดมืออาชีพ

การบริหารจัดการคำสั่งซื้อขายในตลาด Forex และสินทรัพย์อื่นๆ ถือเป็นหัวใจสำคัญของการเทรดให้ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนักเทรดไม่สามารถเฝ้าหน้าจอได้ตลอดเวลา Pending Order หรือ คำสั่งซื้อที่รอดำเนินการ คือเครื่องมืออันทรงพลังบนแพลตฟอร์ม MetaTrader 4 (MT4) ที่ช่วยให้นักเทรดสามารถกำหนดจุดเข้าและออกจากการเทรดล่วงหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะเจาะลึกถึงความสำคัญ ประเภท และวิธีการใช้งาน Pending Order แต่ละชนิด เพื่อให้นักเทรดทุกระดับสามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและบริหารความเสี่ยงได้อย่างเหนือชั้น

Pending Order คืออะไร และเหตุใดจึงสำคัญ?

Pending Order คือคำสั่งที่นักเทรดตั้งไว้ล่วงหน้าเพื่อเปิดสถานะการซื้อขาย (Buy หรือ Sell) โดยอัตโนมัติเมื่อราคาตลาดเคลื่อนที่ไปถึงระดับที่กำหนดไว้ ซึ่งแตกต่างจาก Instant Execution หรือการส่งคำสั่งซื้อขายทันที ณ ราคาตลาดปัจจุบัน

ทำไม Pending Order จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักเทรด?

  • ความยืดหยุ่นในการเทรด: ช่วยให้นักเทรดไม่จำเป็นต้องเฝ้าหน้าจอตลอดเวลา สามารถวางแผนการเทรดล่วงหน้าและปล่อยให้ระบบจัดการตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้
  • การเข้าถึงจุดสำคัญของตลาด: นักเทรดสามารถตั้งคำสั่งเพื่อเข้าซื้อขาย ณ ระดับแนวรับ (Support) หรือแนวต้าน (Resistance) ที่สำคัญ ซึ่งเป็นจุดที่คาดการณ์ว่าราคาจะมีการกลับตัวหรือทะลุผ่าน
  • การควบคุมอารมณ์: การวางแผนล่วงหน้าด้วย Pending Order ช่วยลดผลกระทบจากอารมณ์ความรู้สึกที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการเทรดสด เช่น ความกลัวที่จะพลาดโอกาส (FOMO) หรือความโลภ
  • การบริหารความเสี่ยง: สามารถกำหนด Stop Loss และ Take Profit ไปพร้อมกับการตั้ง Pending Order ได้ทันที ซึ่งช่วยให้การบริหารความเสี่ยงเป็นไปตามแผนที่วางไว้

ประเภทของ Pending Order ใน MT4

ในแพลตฟอร์ม MT4 มี Pending Order หลักๆ 4 ประเภท ที่นักเทรดควรทำความเข้าใจและเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตลาดและกลยุทธ์การเทรดของตนเอง ได้แก่ Buy Stop, Sell Stop, Buy Limit และ Sell Limit

1. Buy Stop: ซื้อเมื่อราคาสูงขึ้นเพื่อทะลุแนวต้าน

Buy Stop คืออะไร: เป็นคำสั่งซื้อที่ตั้งไว้เหนือราคาตลาดปัจจุบัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดสถานะซื้อ (Long Position) เมื่อราคาตลาดเคลื่อนที่สูงขึ้นไปถึงจุดที่กำหนดไว้

ทำไมต้องใช้ Buy Stop: เหมาะสำหรับกลยุทธ์การเทรดแบบ Breakout เมื่อนักเทรดคาดการณ์ว่าราคาจะทะลุแนวต้านสำคัญขึ้นไป และต้องการเข้าซื้อหลังจากราคายืนยันการทะลุแนวต้านแล้ว เพื่อจับเทรนด์ขาขึ้นที่กำลังจะเกิดขึ้น

ตัวอย่างการใช้งาน: สมมติว่าคู่เงิน EURUSD ราคาตลาดปัจจุบันอยู่ที่ 1.3710 และมีแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1.3750 นักเทรดเชื่อว่าหากราคา EURUSD ทะลุ 1.3750 ขึ้นไปได้ จะเกิดการเคลื่อนไหวขาขึ้นที่แข็งแกร่ง จึงสามารถวางคำสั่ง Buy Stop ที่ 1.3750 เมื่อราคาถึงจุดนี้ คำสั่งซื้อจะถูกเปิดโดยอัตโนมัติ

ขั้นตอนการวางคำสั่ง Buy Stop ใน MT4:

  1. คลิก “New Order” (คำสั่งซื้อใหม่)
  2. เลือก “Type” (ประเภทคำสั่งซื้อ): “Pending Order” (รอดำเนินการ)
  3. เลือก “Type” (ประเภทคำสั่งซื้อที่รอดำเนินการ): “Buy Stop”
  4. กำหนด “Price” (ราคา) ที่ต้องการให้คำสั่งเปิด (เช่น 1.3750)
  5. กำหนด “Expiration” (วันหมดอายุ) หากต้องการให้คำสั่งถูกยกเลิกอัตโนมัติเมื่อถึงเวลาที่กำหนด (หากไม่กำหนด คำสั่งจะยังคงอยู่จนกว่าจะถูกยกเลิกด้วยตนเองหรือมีการดำเนินการ)
  6. คลิก “Place” (วาง)

เคล็ดลับ: การตั้งวันหมดอายุ (Expiration) สำหรับ Pending Order เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง หากเงื่อนไขของตลาดเปลี่ยนแปลงไปหรือคำสั่งไม่ถูกดำเนินการภายในระยะเวลาที่เหมาะสม การตั้งวันหมดอายุจะช่วยป้องกันไม่ให้คำสั่งค้างอยู่ในตลาดและถูกดำเนินการในสภาวะที่ไม่เป็นไปตามแผนการเทรดเดิม

2. Sell Stop: ขายเมื่อราคาต่ำลงเพื่อทะลุแนวรับ

Sell Stop คืออะไร: เป็นคำสั่งขายที่ตั้งไว้ต่ำกว่าราคาตลาดปัจจุบัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดสถานะขาย (Short Position) เมื่อราคาตลาดเคลื่อนที่ต่ำลงไปถึงจุดที่กำหนดไว้

ทำไมต้องใช้ Sell Stop: เหมาะสำหรับกลยุทธ์การเทรดแบบ Breakout ในทิศทางขาลง เมื่อนักเทรดคาดการณ์ว่าราคาจะทะลุแนวรับสำคัญลงไป และต้องการเข้าขายหลังจากราคายืนยันการทะลุแนวรับแล้ว เพื่อจับเทรนด์ขาลงที่กำลังจะเกิดขึ้น

ตัวอย่างการใช้งาน: สมมติว่าคู่เงิน AUDNZD ราคาตลาดปัจจุบันอยู่ที่ 1.0793 และมีแนวรับสำคัญอยู่ที่ 1.0770 นักเทรดเชื่อว่าหากราคา AUDNZD ทะลุ 1.0770 ลงไปได้ จะเกิดการเคลื่อนไหวขาลงที่รุนแรง จึงสามารถวางคำสั่ง Sell Stop ที่ 1.0770 เมื่อราคาถึงจุดนี้ คำสั่งขายจะถูกเปิดโดยอัตโนมัติ

ขั้นตอนการวางคำสั่ง Sell Stop ใน MT4:

  1. คลิก “New Order” (คำสั่งซื้อใหม่)
  2. เลือก “Type” (ประเภทคำสั่งซื้อ): “Pending Order” (รอดำเนินการ)
  3. เลือก “Type” (ประเภทคำสั่งซื้อที่รอดำเนินการ): “Sell Stop”
  4. กำหนด “Price” (ราคา) ที่ต้องการให้คำสั่งเปิด (เช่น 1.0770)
  5. กำหนด “Expiration” (วันหมดอายุ) หากจำเป็น
  6. คลิก “Place” (วาง)

3. Buy Limit: ซื้อเมื่อราคาต่ำลงเพื่อกลับตัวขึ้น

Buy Limit คืออะไร: เป็นคำสั่งซื้อที่ตั้งไว้ต่ำกว่าราคาตลาดปัจจุบัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดสถานะซื้อ (Long Position) เมื่อราคาตลาดเคลื่อนที่ต่ำลงไปถึงจุดที่กำหนดไว้และคาดว่าจะมีการกลับตัวขึ้น

ทำไมต้องใช้ Buy Limit: เหมาะสำหรับกลยุทธ์การเทรดแบบ Reversal หรือการเทรดสวนแนวโน้มระยะสั้น เมื่อนักเทรดคาดการณ์ว่าราคาจะปรับตัวลงมาทดสอบแนวรับที่แข็งแกร่งและจะเด้งกลับขึ้นไปอีกครั้ง

ตัวอย่างการใช้งาน: สมมติว่าคู่เงิน AUDUSD ราคาตลาดปัจจุบันอยู่ที่ 0.9300 และมีแนวรับสำคัญอยู่ที่ 0.9270 นักเทรดคาดว่าราคาจะลงมาทดสอบแนวรับนี้ก่อนที่จะปรับตัวขึ้น จึงวางคำสั่ง Buy Limit ที่ 0.9270 เมื่อราคาถึงจุดนี้ คำสั่งซื้อจะถูกเปิดโดยอัตโนมัติ

ขั้นตอนการวางคำสั่ง Buy Limit ใน MT4:

  1. คลิก “New Order” (คำสั่งซื้อใหม่)
  2. เลือก “Type” (ประเภทคำสั่งซื้อ): “Pending Order” (รอดำเนินการ)
  3. เลือก “Type” (ประเภทคำสั่งซื้อที่รอดำเนินการ): “Buy Limit”
  4. กำหนด “Price” (ราคา) ที่ต้องการให้คำสั่งเปิด (เช่น 0.9270)
  5. กำหนด “Expiration” (วันหมดอายุ) หากจำเป็น
  6. คลิก “Place” (วาง)

4. Sell Limit: ขายเมื่อราคาสูงขึ้นเพื่อกลับตัวลง

Sell Limit คืออะไร: เป็นคำสั่งขายที่ตั้งไว้สูงกว่าราคาตลาดปัจจุบัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดสถานะขาย (Short Position) เมื่อราคาตลาดเคลื่อนที่สูงขึ้นไปถึงจุดที่กำหนดไว้และคาดว่าจะมีการกลับตัวลง

ทำไมต้องใช้ Sell Limit: เหมาะสำหรับกลยุทธ์การเทรดแบบ Reversal หรือการเทรดสวนแนวโน้มระยะสั้น เมื่อนักเทรดคาดการณ์ว่าราคาจะปรับตัวขึ้นมาทดสอบแนวต้านที่แข็งแกร่งและจะกลับตัวลงไปอีกครั้ง

ตัวอย่างการใช้งาน: สมมติว่าคู่เงิน USDJPY ราคาตลาดปัจจุบันอยู่ที่ 101.55 และมีแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 101.70 นักเทรดคาดว่าราคาจะขึ้นมาทดสอบแนวต้านนี้ก่อนที่จะปรับตัวลง จึงวางคำสั่ง Sell Limit ที่ 101.70 เมื่อราคาถึงจุดนี้ คำสั่งขายจะถูกเปิดโดยอัตโนมัติ

ขั้นตอนการวางคำสั่ง Sell Limit ใน MT4:

  1. คลิก “New Order” (คำสั่งซื้อใหม่)
  2. เลือก “Type” (ประเภทคำสั่งซื้อ): “Pending Order” (รอดำเนินการ)
  3. เลือก “Type” (ประเภทคำสั่งซื้อที่รอดำเนินการ): “Sell Limit”
  4. กำหนด “Price” (ราคา) ที่ต้องการให้คำสั่งเปิด (เช่น 101.70)
  5. กำหนด “Expiration” (วันหมดอายุ) หากจำเป็น
  6. คลิก “Place” (วาง)

การตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit สำหรับ Pending Order

การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดในการเทรด Stop Loss (SL) และ Take Profit (TP) เป็นเครื่องมือที่ช่วยจำกัดความเสี่ยงและล็อคกำไรที่คาดหวัง การตั้งค่า SL และ TP ไปพร้อมกับ Pending Order จะช่วยให้นักเทรดมีความอุ่นใจว่าทุกคำสั่งมีแผนการจัดการความเสี่ยงที่ชัดเจน

เหตุผลที่ควรตั้ง Stop Loss และ Take Profit เสมอ:

  • จำกัดการขาดทุน: Stop Loss ช่วยป้องกันการขาดทุนที่มากเกินไปหากตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับที่คาดการณ์ไว้
  • ล็อคกำไร: Take Profit ช่วยให้นักเทรดสามารถเก็บกำไรได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยไม่ต้องเฝ้าหน้าจอเพื่อปิดคำสั่งด้วยตนเอง
  • วินัยในการเทรด: การกำหนด SL และ TP ล่วงหน้าเป็นการสร้างวินัยในการเทรด ลดการตัดสินใจที่ใช้อารมณ์
  • การคำนวณ Risk-Reward Ratio: ช่วยให้นักเทรดสามารถคำนวณอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่ชัดเจนก่อนเข้าเทรด

วิธีการตั้งค่า: ขณะที่ท่านกำลังวางคำสั่ง Pending Order ในหน้าต่าง “New Order” ท่านจะเห็นช่องสำหรับใส่ “Stop Loss” และ “Take Profit” ท่านสามารถกรอกระดับราคาที่ต้องการลงไปได้ทันที หากท่านไม่แน่ใจเรื่องการคำนวณจุด Stop Loss และ Take Profit ที่เหมาะสม ท่านสามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เทคนิคการบริหารความเสี่ยง หรือใช้เครื่องมือช่วยคำนวณจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ

กลยุทธ์และเคล็ดลับในการใช้ Pending Order

การใช้ Pending Order อย่างมีประสิทธิภาพต้องอาศัยความเข้าใจในกลยุทธ์และวินัยในการเทรด นี่คือเคล็ดลับเพิ่มเติม:

  • การวิเคราะห์แนวรับและแนวต้านอย่างละเอียด: การกำหนดจุดวาง Pending Order ควรมาจาก การวิเคราะห์แนวรับและแนวต้าน ที่แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือ ไม่ใช่การคาดเดา
  • การใช้ Multiple Timeframe Analysis: พิจารณาแนวโน้มและระดับราคาสำคัญในหลายๆ Timeframe เพื่อให้ได้จุดเข้าที่แม่นยำยิ่งขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการวางคำสั่งใกล้ราคาปัจจุบันมากเกินไป: หากวางคำสั่งใกล้ราคาตลาดมากเกินไป อาจถูก Trigger โดยความผันผวนเพียงเล็กน้อยที่ไม่มีนัยสำคัญ
  • พิจารณาข่าวและเหตุการณ์สำคัญ: ในช่วงที่มีข่าวเศรษฐกิจสำคัญ ราคาอาจเคลื่อนไหวรุนแรงและผันผวน การวาง Pending Order ในช่วงดังกล่าวอาจมีความเสี่ยงสูง ควรพิจารณาเลี่ยงหรือปรับกลยุทธ์
  • การทดสอบในบัญชี Demo: ก่อนที่จะใช้ Pending Order ในบัญชีจริง ควรฝึกฝนและทดสอบกลยุทธ์ใน บัญชี Demo เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมของคำสั่งและผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้น

ตารางสรุปประเภทของ Pending Order

ประเภทคำสั่ง ทิศทาง ตำแหน่งราคาเมื่อเทียบกับราคาปัจจุบัน สถานการณ์ที่เหมาะสม
Buy Stop ซื้อ เหนือราคาปัจจุบัน คาดว่าราคาจะทะลุแนวต้านและขึ้นต่อไป (Breakout)
Sell Stop ขาย ต่ำกว่าราคาปัจจุบัน คาดว่าราคาจะทะลุแนวรับและลงต่อไป (Breakout)
Buy Limit ซื้อ ต่ำกว่าราคาปัจจุบัน คาดว่าราคาจะลงมาทดสอบแนวรับแล้วกลับตัวขึ้น (Reversal)
Sell Limit ขาย เหนือราคาปัจจุบัน คาดว่าราคาจะขึ้นไปทดสอบแนวต้านแล้วกลับตัวลง (Reversal)

FAQ Section: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการวางคำสั่งซื้อที่รอดำเนินการ

Q1: การใช้ Pending Order มีความเสี่ยงอย่างไรบ้าง?

A1: แม้ Pending Order จะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ แต่ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน หากการวิเคราะห์ผิดพลาด ราคาอาจเคลื่อนไหวไปถึงจุดที่ตั้งคำสั่งแล้วเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการขาดทุน นอกจากนี้ ในสภาวะตลาดที่มีความผันผวนสูง (เช่น ช่วงประกาศข่าวสำคัญ) อาจเกิด Slippage (การเปิดคำสั่งที่ราคาแตกต่างจากที่ตั้งไว้เล็กน้อย) ซึ่งอาจส่งผลต่อผลกำไรหรือขาดทุนได้ การตั้ง Stop Loss อย่างรัดกุมจึงเป็นสิ่งสำคัญในการจัดการความเสี่ยงเหล่านี้

Q2: สามารถแก้ไขหรือยกเลิก Pending Order ที่วางไปแล้วได้หรือไม่?

A2: ได้อย่างแน่นอน ท่านสามารถแก้ไขระดับราคาของ Pending Order, ระดับ Stop Loss และ Take Profit รวมถึงวันหมดอายุ หรือยกเลิกคำสั่งทั้งหมดได้ตราบใดที่คำสั่งยังไม่ถูกดำเนินการ วิธีการคือไปที่แท็บ “Trade” ใน MT4, คลิกขวาที่คำสั่งที่ต้องการแก้ไข/ยกเลิก และเลือก “Modify or Delete Order” (แก้ไขหรือลบคำสั่ง) ซึ่งความยืดหยุ่นนี้เป็นข้อดีที่ช่วยให้นักเทรดสามารถปรับแผนได้ตามสถานการณ์ตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป

Q3: ควรใช้ Pending Order ประเภทไหนหากต้องการเข้าเทรดตามเทรนด์?

A3: หากท่านต้องการเข้าเทรดตามเทรนด์เมื่อราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้านเพื่อยืนยันการต่อเนื่องของเทรนด์ ควรใช้ Buy Stop สำหรับเทรนด์ขาขึ้น (ราคาต้องทะลุแนวต้านขึ้นไป) และ Sell Stop สำหรับเทรนด์ขาลง (ราคาต้องทะลุแนวรับลงมา) คำสั่งเหล่านี้จะช่วยให้ท่านจับการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรงหลังจากเกิด Breakout ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Q4: Pending Order จะทำงานแม้ว่าแพลตฟอร์ม MT4 จะปิดอยู่หรือไม่?

A4: ใช่ Pending Order ที่ท่านวางไว้บนแพลตฟอร์ม MT4 จะถูกบันทึกและประมวลผลโดย Server ของ Broker โดยตรง ดังนั้น แม้ว่าท่านจะปิดโปรแกรม MT4 บนคอมพิวเตอร์หรือมือถือของท่านไปแล้ว คำสั่งเหล่านั้นก็จะยังคงทำงานและถูกดำเนินการโดยอัตโนมัติเมื่อราคาตลาดถึงระดับที่กำหนดไว้ นี่เป็นข้อดีที่ทำให้นักเทรดมีความยืดหยุ่นและไม่จำเป็นต้องออนไลน์ตลอดเวลา

Q5: อะไรคือความแตกต่างระหว่าง Pending Order และ Instant Execution?

A5: ความแตกต่างหลักคือเวลาและเงื่อนไขการดำเนินการ:

  • Instant Execution (คำสั่งซื้อขายทันที): เป็นการเปิดสถานะการซื้อขายทันที ณ ราคาตลาดปัจจุบันที่เห็นอยู่บนหน้าจอ เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่ต้องการเข้าเทรดอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องรอราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
  • Pending Order (คำสั่งซื้อที่รอดำเนินการ): เป็นการตั้งเงื่อนไขล่วงหน้าเพื่อเปิดสถานะการซื้อขายเมื่อราคาตลาดเคลื่อนที่ไปถึงระดับที่ท่านระบุไว้ คำสั่งจะไม่ถูกดำเนินการทันที แต่จะรอจนกว่าเงื่อนไขราคาจะบรรลุผล

การเลือกใช้ประเภทคำสั่งขึ้นอยู่กับกลยุทธ์และสถานการณ์การเทรดของแต่ละบุคคล

สรุป: เพิ่มประสิทธิภาพการเทรดด้วย Pending Order

การเข้าใจและประยุกต์ใช้ Pending Order ทั้งสี่ประเภทอย่างชาญฉลาด ไม่ว่าจะเป็น Buy Stop, Sell Stop, Buy Limit หรือ Sell Limit คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้นักเทรดสามารถบริหารจัดการการซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดบนแพลตฟอร์ม MT4 เครื่องมือเหล่านี้ไม่เพียงแต่เพิ่มความยืดหยุ่นในการวางแผนการเทรด แต่ยังช่วยลดอิทธิพลของอารมณ์และเสริมสร้างวินัยในการบริหารความเสี่ยง การใช้ Pending Order ร่วมกับการวิเคราะห์ตลาดที่แม่นยำและการกำหนด Stop Loss, Take Profit ที่เหมาะสม จะนำไปสู่ผลลัพธ์การเทรดที่ดีขึ้นและยั่งยืนในระยะยาว

เริ่มต้นฝึกฝนการใช้ Pending Order ใน บัญชีทดลอง วันนี้ เพื่อยกระดับกลยุทธ์การเทรดของคุณให้ก้าวไปอีกขั้น และหากคุณสนใจระบบเทรดอัตโนมัติหรือต้องการปรึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเทรด สามารถเข้าร่วมกลุ่มผู้ใช้ EA ของเราได้ทันที!

สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
________________________________________________
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
MTrading เทรดดีไม่มีสะดุด XAUUSD ไม่มีค่า Swap บนบัญชี M.Pro!
________________________________________________
✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่?https://bit.ly/MTRatsamee
Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
——–
ติดตามเราได้ที่
?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
_____________________________________________

You Might Also Like

Contact Us on Line