TOP 10 บทความยอดนิยม

ดูทั้งหมด
สอนเทรดมือใหม่

รูปแบบแท่งเทียน On Neck

กันยายน 1, 2022

เปิดโลกรูปแบบแท่งเทียน On-Neck: คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับนักเทรดมืออาชีพ

รูปแบบแท่งเทียน On-Neck

ในโลกของการวิเคราะห์ทางเทคนิค รูปแบบแท่งเทียนเป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่ช่วยให้นักเทรดสามารถทำความเข้าใจพฤติกรรมราคาและคาดการณ์ทิศทางตลาดในอนาคตได้อย่างมีนัยสำคัญ หนึ่งใน รูปแบบแท่งเทียน ที่สำคัญและมักปรากฏให้เห็นบ่อยครั้งในตลาดขาลงคือ “รูปแบบแท่งเทียน On-Neck” ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาลงที่ต่อเนื่อง รูปแบบนี้แม้จะดูเรียบง่าย แต่กลับแฝงไปด้วยนัยยะทางจิตวิทยาของตลาดที่ซับซ้อน และเป็นสัญญาณเตือนที่นักเทรดไม่ควรมองข้าม บทความนี้จะเจาะลึกถึงรูปแบบ On-Neck อย่างละเอียด ตั้งแต่คำจำกัดความ การระบุ การทำความเข้าใจจิตวิทยา ไปจนถึงกลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสม เพื่อให้คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการตัดสินใจซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

รูปแบบแท่งเทียน On-Neck คืออะไร?

รูปแบบแท่งเทียน On-Neck เป็นหนึ่งใน รูปแบบแท่งเทียน ที่บ่งชี้ถึงความต่อเนื่องของแนวโน้มขาลง (Bearish Continuation Pattern) โดยทั่วไปแล้วรูปแบบนี้จะปรากฏขึ้นหลังจากการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรงลงมา และทำให้นักเทรดสามารถคาดการณ์ได้ว่าแรงขายยังมีอิทธิพลเหนือตลาดอย่างต่อเนื่อง

คำจำกัดความและลักษณะเฉพาะ

รูปแบบ On-Neck ประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่งที่มีสีตรงข้ามกันและปรากฏขึ้นตามลำดับดังนี้:

  1. แท่งเทียนแรก: เป็นแท่งเทียนขาลง (Bearish Candlestick) ขนาดใหญ่ ซึ่งมักจะมีเนื้อเทียนยาวและมีไส้เทียน (Shadow) ขนาดเล็ก แท่งเทียนนี้แสดงให้เห็นถึงแรงขายที่แข็งแกร่งและเป็นส่วนหนึ่งของ แนวโน้ม ขาลงที่กำลังดำเนินอยู่
  2. แท่งเทียนที่สอง: เป็นแท่งเทียนขาขึ้น (Bullish Candlestick) ขนาดเล็ก ที่เปิดโดยมี “Gap Down” หรือช่องว่างราคาลงต่ำกว่าราคาปิดของแท่งเทียนขาลงก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม แท่งเทียนขาขึ้นนี้จะปิด “ใกล้เคียง” หรือ “บน” ราคาปิดของแท่งเทียนขาลงแท่งแรก ทำให้เกิดลักษณะคล้ายเส้นคอ (Neck) ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “On-Neck” นั่นเอง

ทำไมถึงเรียกว่า On-Neck? เหตุผลคือราคาปิดของแท่งเทียนขาขึ้นแท่งที่สองนั้น “อยู่บนเส้นคอ” หรือระดับราคาปิดของแท่งเทียนขาลงแท่งแรกอย่างพอดีหรือใกล้เคียงมากที่สุด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแม้ผู้ซื้อจะพยายามผลักดันราคาขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่สามารถปิดเหนือระดับต้านทานสำคัญที่เป็นราคาปิดของแท่งเทียนขาลงก่อนหน้าได้ ทำให้แรงซื้อไม่มีนัยยะเพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงทิศทางของตลาดได้

ตัวอย่างรูปแบบแท่งเทียน On-Neck

การแยกแยะ On-Neck จากรูปแบบอื่นๆ

สิ่งสำคัญคือการแยกแยะรูปแบบ On-Neck จาก รูปแบบแท่งเทียนกลับตัว หรือรูปแบบต่อเนื่องอื่นๆ ที่อาจมีลักษณะคล้ายกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการตีความผิดพลาด นักเทรดควรรู้จักความแตกต่างที่สำคัญ:

  • On-Neck vs. In-Neck: รูปแบบ In-Neck ก็เป็นแท่งเทียนขาลงตามด้วยแท่งเทียนขาขึ้นที่เปิด Gap Down เช่นกัน แต่แท่งเทียนขาขึ้นจะปิด “ภายใน” เนื้อเทียนของแท่งแรก (ต่ำกว่าราคาเปิดของแท่งแรก) ซึ่งยังคงบ่งชี้ถึงความต่อเนื่องขาลง แต่โดยทั่วไป On-Neck จะถือว่าเป็นสัญญาณที่แข็งแกร่งกว่าเล็กน้อยเนื่องจากปิดที่ระดับเดียวกับราคาปิดของแท่งแรก
  • On-Neck vs. Thrusting Pattern: รูปแบบ Thrusting Pattern จะมีแท่งเทียนขาขึ้นแท่งที่สองที่ปิด “สูงกว่า” จุดกึ่งกลางของเนื้อเทียนขาลงแท่งแรกอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการกลับตัวหรือความลังเลของตลาดมากกว่าความต่อเนื่องของขาลง

การทำความเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการตีความที่แม่นยำจะช่วยให้คุณตัดสินใจเทรดได้อย่างถูกต้องและลดความเสี่ยงจากการเข้าผิดทาง

วิธีการระบุรูปแบบ On-Neck อย่างแม่นยำ

การระบุรูปแบบแท่งเทียน On-Neck ที่สมบูรณ์แบบบนกราฟราคาต้องอาศัยการปฏิบัติตามข้อกำหนดและกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน เพื่อให้สัญญาณที่ได้มีความน่าเชื่อถือสูงสุด นักเทรดควรใช้คำแนะนำต่อไปนี้ในการค้นหาและยืนยันรูปแบบนี้:

กฎเกณฑ์สำคัญในการสังเกต

  1. แท่งเทียนแรกเป็นแท่งเทียนหมีขนาดใหญ่:
    • ลักษณะ: ต้องเป็นแท่งเทียนขาลง (สีแดงหรือดำ) ที่มีเนื้อเทียนยาว แสดงถึงแรงขายที่แข็งแกร่งและมีอำนาจเหนือตลาด แท่งเทียนนี้ควรมีไส้เทียน (Shadow) ด้านบนและด้านล่างที่เล็กมาก หรืออาจไม่มีเลย
    • นัยยะ: บ่งชี้ว่าราคาอยู่ในช่วงขาลงที่รุนแรงและผู้ขายกำลังควบคุมสถานการณ์ได้อย่างสมบูรณ์
    • กฎอัตราส่วน: อัตราส่วนของเนื้อเทียนต่อไส้เทียนควรมีอย่างน้อย 80% นั่นหมายความว่า เนื้อเทียนควรมีขนาดใหญ่กว่าไส้เทียนอย่างน้อย 4 เท่า ซึ่งยืนยันถึงความแข็งแกร่งของแรงขายที่แท้จริง ไม่ใช่เพียงแค่การแกว่งตัวของราคาชั่วคราว
  2. แท่งเทียนที่สองเป็นแท่งเทียนกระทิงขนาดเล็กพร้อม Gap Down:
    • ลักษณะ: หลังจากแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่ แท่งเทียนที่สองจะเป็นแท่งเทียนขาขึ้น (สีเขียวหรือขาว) ที่มีขนาดเล็กกว่ามาก
    • การเปิดราคา: แท่งเทียนขาขึ้นนี้จะเปิดโดยมี Gap Down จากราคาปิดของแท่งเทียนขาลงแท่งแรก นั่นหมายถึงราคาเปิดของแท่งเทียนขาขึ้นนั้นต่ำกว่าราคาปิดของแท่งเทียนขาลงก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด
    • การปิดราคา: สิ่งสำคัญที่สุดคือแท่งเทียนขาขึ้นขนาดเล็กนี้จะปิดที่ “ใกล้เคียงกับราคาปิด” หรือ “บนราคาปิด” ของแท่งเทียนขาลงก่อนหน้าอย่างพอดี นี่คือส่วนที่ทำให้เกิดคำว่า “On-Neck”
    • ทำไมต้องมี Gap Down? Gap Down แสดงให้เห็นว่าแม้จะมีแรงซื้อกลับเข้ามาบ้าง แต่ตลาดยังคงมีอคติเป็นขาลงตั้งแต่ช่วงเปิดตลาด
  3. การปิดราคาของแท่งเทียนขาขึ้น:
    • กฎข้อจำกัด: แท่งเทียนขาขึ้นขนาดเล็กไม่ควรปิดสูงกว่า 15% ของเนื้อเทียนของแท่งเทียนขาลงก่อนหน้า (วัดจากราคาเปิดของแท่งขาลง)
    • นัยยะ: หากแท่งเทียนขาขึ้นปิดสูงกว่าระดับนี้อย่างมีนัยสำคัญ อาจบ่งชี้ถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่งเกินกว่าจะเป็นสัญญาณต่อเนื่องขาลง และอาจเป็นสัญญาณของการกลับตัวหรือความลังเลของตลาดที่เพิ่มขึ้น
    • ถ้าปิดสูงกว่าจะเป็นอย่างไร? หากแท่งเทียนขาขึ้นปิดสูงกว่า 15% อาจทำให้รูปแบบ On-Neck ไม่มีความน่าเชื่อถือ หรือกลายเป็นรูปแบบอื่นที่บ่งชี้ถึงการกลับตัว เช่น Thrusting Pattern ซึ่งจะทำให้การตีความสัญญาณผิดพลาดและส่งผลต่อการตัดสินใจเทรดของคุณ

การทำความเข้าใจ กราฟแท่งเทียน และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์เหล่านี้อย่างเคร่งครัด จะช่วยให้คุณสามารถระบุรูปแบบ On-Neck ได้อย่างแม่นยำ และใช้ประโยชน์จากสัญญาณนี้ในการวางแผนการเทรดของคุณได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น

วิธีการระบุรูปแบบ On-Neck

รูปแบบแท่งเทียน On-Neck : ตารางข้อมูลสรุป

คุณสมบัติ คำอธิบาย
จำนวนแท่งเทียน 2
คาดการณ์ แนวโน้มขาลงต่อเนื่อง
แนวโน้มก่อนหน้า แนวโน้มขาลง
รูปแบบเคาน์เตอร์ Downside Tasuki Gap

จิตวิทยาเบื้องหลังรูปแบบแท่งเทียน On-Neck

การทำความเข้าใจ จิตวิทยา ของตลาดที่อยู่เบื้องหลังรูปแบบ On-Neck เป็นสิ่งสำคัญในการตีความสัญญาณได้อย่างลึกซึ้งและเพิ่มความมั่นใจในการเทรด รูปแบบนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การก่อตัวของแท่งเทียนสองแท่งเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงการต่อสู้ระหว่างแรงซื้อและแรงขายในตลาด

การต่อสู้ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย

รูปแบบแท่งเทียน On-Neck คาดการณ์ความต่อเนื่องของแนวโน้มขาลงหลังจากการกลับตัวของราคาในระยะสั้น ซึ่งสามารถอธิบายได้ด้วยหลักการของคลื่น Impulsive และคลื่น Retracement ในโครงสร้างตลาด:

  • คลื่น Impulsive ขาลง: แท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่แท่งแรกแสดงถึงคลื่น Impulsive ขาลงที่แข็งแกร่ง ในช่วงนี้ ผู้ขายมีอำนาจเหนือตลาดอย่างสมบูรณ์ ทำให้ราคาของสินทรัพย์หรือสกุลเงินใดๆ ลดลงอย่างรวดเร็วและมีนัยสำคัญ นี่คือการแสดงออกของความหวาดกลัวหรือการเทขายอย่างรุนแรง
  • คลื่น Retracement ระยะสั้น: หลังจากคลื่น Impulsive ที่รุนแรง จะเกิดแท่งเทียนขาขึ้นขนาดเล็กแท่งที่สองขึ้นมา แท่งเทียนนี้เป็นตัวแทนของคลื่น Retracement หรือการพยายามกลับตัวในระยะสั้นจากฝั่งผู้ซื้อ ผู้ซื้อพยายามดันราคาขึ้นหลังจากเห็นว่าราคาร่วงลงมามากเกินไป
  • ความล้มเหลวของผู้ซื้อ: อย่างไรก็ตาม พลังของผู้ซื้อนั้นอ่อนแอมาก พวกเขาสามารถดันราคาขึ้นมาได้เพียงเล็กน้อย และที่สำคัญคือไม่สามารถปิดเหนือ “คอ” หรือระดับราคาปิดของแท่งเทียนขาลงก่อนหน้าได้สำเร็จ ความล้มเหลวในการปิดเหนือระดับนี้แสดงให้เห็นว่าแนวต้านยังคงแข็งแกร่ง และผู้ซื้อไม่สามารถเอาชนะแรงขายได้
  • ผลลัพธ์เป็นอย่างไร? เมื่อผู้ซื้อล้มเหลวในการดันราคาให้สูงขึ้นกว่าระดับคอ แรงขายก็จะกลับเข้ามาครอบงำตลาดอีกครั้ง ทำให้ราคาลดลงอย่างต่อเนื่องด้วยคลื่น Impulsive ขาลงรอบใหม่

นี่คือ จิตวิทยาการเทรด ง่ายๆ ที่อยู่เบื้องหลังรูปแบบ On-Neck ซึ่งเน้นย้ำถึงการครอบงำของผู้ขายและความอ่อนแอของผู้ซื้อในการพลิกสถานการณ์ในระยะยาว

จิตวิทยาของรูปแบบ On-Neck

เงื่อนไขที่ดีที่สุดสำหรับการเทรดด้วยรูปแบบ On-Neck

เพื่อให้การเทรดด้วยรูปแบบ On-Neck มีอัตราส่วนการชนะที่สูงขึ้นและเพิ่มความน่าเชื่อถือของสัญญาณ นักเทรดควรพิจารณาปัจจัยเสริมหรือจุดบรรจบ (Confluence) ต่างๆ เพื่อยืนยันสัญญาณ รูปแบบ On-Neck ทำงานได้ดีที่สุดภายใต้เงื่อนไขตลาดที่เฉพาะเจาะจง

การใช้เครื่องมือยืนยันสัญญาณ

  • ก่อตัวขึ้นในช่วงแนวโน้มขาลงที่ชัดเจน:
    • ทำไมถึงสำคัญ? รูปแบบ On-Neck เป็นสัญญาณความต่อเนื่องของแนวโน้มขาลง ดังนั้นมันจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อปรากฏในบริบทของ แนวโน้ม ขาลงที่แข็งแกร่งเท่านั้น หากปรากฏในตลาดที่ไม่มีแนวโน้มชัดเจน หรือในช่วงขาขึ้น ความน่าเชื่อถือของสัญญาณจะลดลงอย่างมาก
    • มันจะไม่ทำงานในเขตสนับสนุน: หากรูปแบบ On-Neck ก่อตัวขึ้นที่บริเวณ แนวรับ ที่แข็งแกร่ง (Support Zone) สัญญาณอาจถูกบิดเบือนหรือกลายเป็นสัญญาณหลอก เนื่องจากบริเวณแนวรับมีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวสูง ดังนั้นการเทรดสวนแนวรับด้วยรูปแบบนี้จึงมีความเสี่ยงสูง
  • RSI Indicator แกว่งตัวระหว่าง 30 ถึง 70:
    • ทำไมต้องเป็นช่วงนี้? เมื่อใช้ RSI Indicator (Relative Strength Index) เพื่อยืนยันสัญญาณ รูปแบบ On-Neck จะทำงานได้ดีที่สุดเมื่อ RSI มีค่าอยู่ระหว่าง 30 ถึง 70 ค่าในกรอบนี้บ่งชี้ว่าตลาดไม่ได้อยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold) มากนัก
    • นัยยะ: หาก RSI อยู่ในช่วง 30-70 หมายความว่ายังมีพื้นที่ให้ราคาเคลื่อนที่ลงต่อไปได้อีก และการเคลื่อนไหวของราคาที่บ่งชี้โดย On-Neck มีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไป หาก RSI อยู่ต่ำกว่า 30 (Oversold) รูปแบบ On-Neck อาจเป็นสัญญาณหลอกเพราะราคาอาจเตรียมกลับตัวขึ้นได้ทุกเมื่อ
  • การใช้เครื่องมือเสริมอื่นๆ:
    • เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages): สามารถใช้ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ เช่น EMA หรือ SMA เพื่อยืนยันแนวโน้มขาลง หากราคายังคงอยู่ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สำคัญๆ อย่างต่อเนื่อง (เช่น EMA 20, 50, 200) รูปแบบ On-Neck จะยิ่งมีความน่าเชื่อถือ
    • เส้นแนวโน้ม (Trendlines): การที่รูปแบบ On-Neck ก่อตัวขึ้นและราคาเคารพ เส้นแนวโน้ม ขาลงที่ลากไว้ จะเป็นการเสริมความแข็งแกร่งของสัญญาณความต่อเนื่อง
    • ปริมาณการซื้อขาย (Volume): ปริมาณการซื้อขายที่สูงในแท่งเทียนขาลงแรก และปริมาณที่ลดลงในแท่งเทียนขาขึ้นขนาดเล็ก อาจเป็นสัญญาณยืนยันที่ดีว่าแรงขายยังคงแข็งแกร่งและแรงซื้ออ่อนแอ

กลยุทธ์การเข้าเทรดและบริหารความเสี่ยง

เมื่อคุณระบุรูปแบบ On-Neck ที่ได้รับการยืนยันแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการวางแผน กลยุทธ์การเทรด และ บริหารความเสี่ยง:

  • จุดเข้าเทรด (Entry Point):
    • โดยทั่วไปแล้ว นักเทรดจะเข้าออเดอร์ Short (ขาย) เมื่อแท่งเทียนถัดไปหลังจากการก่อตัวของรูปแบบ On-Neck ปิดเป็นแท่งเทียนขาลงที่ต่ำกว่าราคาปิดของแท่งเทียนขาขึ้นแท่งที่สอง (ซึ่งก็คือราคาปิดของแท่งเทียนขาลงแรก)
    • เคล็ดลับ: รอให้แท่งเทียนยืนยันปิดก่อนเสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงสัญญาณหลอกที่อาจเกิดขึ้นได้
  • การวางจุดตัดขาดทุน (Stop Loss):
    • ควรวาง Stop Loss เหนือจุดสูงสุดของแท่งเทียนขาขึ้นขนาดเล็ก หรือเหนือจุดสูงสุดของแท่งเทียนขาลงแท่งแรกเล็กน้อย
    • ทำไมต้องเป็นเช่นนั้น? การวาง Stop Loss ในตำแหน่งนี้เป็นการกำหนดขอบเขตความเสี่ยงที่ชัดเจน หากราคากลับตัวขึ้นไปสูงกว่าระดับนี้ หมายความว่ารูปแบบ On-Neck ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ และเป็นการป้องกันการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นมากเกินไป
  • การวางจุดทำกำไร (Take Profit):
    • สามารถตั้งจุดทำกำไรได้ที่ระดับแนวรับถัดไปที่สำคัญ หรือใช้เครื่องมืออย่าง Fibonacci Extensions เพื่อกำหนดเป้าหมายราคาที่เป็นไปได้
    • เคล็ดลับ: พิจารณาอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk-Reward Ratio) ที่เหมาะสม เช่น 1:2 หรือ 1:3 เพื่อให้การเทรดมีความคุ้มค่า

FAQ Section: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับรูปแบบแท่งเทียน On-Neck

1. รูปแบบแท่งเทียน On-Neck แตกต่างจากรูปแบบ In-Neck อย่างไร?

รูปแบบ On-Neck และ In-Neck เป็นรูปแบบความต่อเนื่องขาลงที่คล้ายกัน แต่มีข้อแตกต่างที่สำคัญคือตำแหน่งการปิดของแท่งเทียนขาขึ้นแท่งที่สอง
ในรูปแบบ On-Neck, แท่งเทียนขาขึ้นแท่งที่สองจะปิด “ที่ระดับราคาปิด” ของแท่งเทียนขาลงแท่งแรกพอดีหรือใกล้เคียงมาก
ในทางกลับกัน รูปแบบ In-Neck, แท่งเทียนขาขึ้นแท่งที่สองจะปิด “ภายในเนื้อเทียน” ของแท่งเทียนขาลงแท่งแรก (ต่ำกว่าราคาเปิดของแท่งขาลง)
การที่ On-Neck ปิดที่ระดับราคาปิดของแท่งแรกอาจบ่งชี้ถึงการทดสอบแนวต้านที่แข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย แต่ทั้งสองรูปแบบต่างก็เป็นสัญญาณความต่อเนื่องขาลง

2. On-Neck เป็นรูปแบบการกลับตัวหรือความต่อเนื่องของแนวโน้ม?

รูปแบบแท่งเทียน On-Neck เป็นรูปแบบที่บ่งชี้ถึง “ความต่อเนื่องของแนวโน้มขาลง” (Bearish Continuation Pattern) ไม่ใช่รูปแบบการกลับตัว
แม้ว่าจะเห็นแท่งเทียนขาขึ้นปรากฏขึ้น แต่การที่มันล้มเหลวในการปิดเหนือระดับราคาปิดของแท่งเทียนขาลงก่อนหน้า แสดงให้เห็นว่าแรงซื้อนั้นอ่อนแอ และแรงขายยังคงควบคุมตลาดอยู่ การปรากฏตัวของรูปแบบนี้มักจะนำไปสู่การลดลงของราคาต่อไป

3. ข้อจำกัดและความน่าเชื่อถือของรูปแบบ On-Neck มีอะไรบ้าง?

รูปแบบ On-Neck มีข้อจำกัดเช่นเดียวกับรูปแบบแท่งเทียนอื่นๆ คือไม่ควรใช้เดี่ยวๆ
ความน่าเชื่อถือ จะสูงขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับการวิเคราะห์แนวโน้มหลัก, ระดับแนวรับ-แนวต้าน, ปริมาณการซื้อขาย, และอินดิเคเตอร์ยืนยันอื่นๆ เช่น RSI หรือ Moving Averages
หากปรากฏในตลาดที่ไม่มีแนวโน้มชัดเจน หรือที่บริเวณแนวรับสำคัญ ความน่าเชื่อถือจะลดลงอย่างมาก และอาจกลายเป็นสัญญาณหลอกได้
ดังนั้น การยืนยันด้วยเครื่องมือหลายๆ อย่างจะช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จ

4. สามารถใช้รูปแบบ On-Neck ในทุก Timeframe ได้หรือไม่?

ใช่ รูปแบบ On-Neck สามารถปรากฏและถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์ได้ในทุก Timeframe ตั้งแต่ Timeframe ที่สั้นมาก (เช่น 1 นาที, 5 นาที) ไปจนถึง Timeframe ที่ยาวขึ้น (เช่น รายวัน, รายสัปดาห์)
อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้ว รูปแบบแท่งเทียนที่ปรากฏใน Timeframe ที่ใหญ่กว่า (เช่น H4, Daily) มักจะมีความน่าเชื่อถือและมีน้ำหนักมากกว่ารูปแบบที่ปรากฏใน Timeframe ที่เล็กกว่า
นักเทรดควรปรับกลยุทธ์และ การบริหารความเสี่ยง ให้เหมาะสมกับ Timeframe ที่เลือกใช้

5. ควรใช้ On-Neck เพื่อเข้าออเดอร์ประเภทใด?

เนื่องจากรูปแบบ On-Neck เป็นสัญญาณความต่อเนื่องของแนวโน้มขาลง จึงเหมาะสำหรับการ “เข้าออเดอร์ขาย (Short Position)”
เมื่อรูปแบบนี้ได้รับการยืนยัน คุณสามารถพิจารณาเข้าออเดอร์ Short โดยคาดการณ์ว่าราคาจะปรับตัวลงต่อไปตามแนวโน้มเดิม
การวางแผนจุดเข้า จุดตัดขาดทุน และจุดทำกำไรที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเสมอ

สรุป

รูปแบบแท่งเทียน On-Neck เป็นหนึ่งในสัญญาณความต่อเนื่องขาลงที่ทรงพลังและมีนัยยะสำคัญใน การวิเคราะห์แท่งเทียน การทำความเข้าใจองค์ประกอบทางกายภาพ จิตวิทยาเบื้องหลัง และเงื่อนไขที่ดีที่สุดในการใช้งาน จะช่วยให้นักเทรดสามารถตีความสัญญาณตลาดได้อย่างลึกซึ้งและแม่นยำยิ่งขึ้น แม้ว่าจะเป็นรูปแบบที่บ่งชี้ถึงความต่อเนื่องของแนวโน้ม แต่การยืนยันสัญญาณด้วยเครื่องมือและอินดิเคเตอร์อื่นๆ เสมอ (เช่น RSI, Moving Averages, แนวรับ-แนวต้าน) จะช่วยเพิ่มอัตราส่วนการชนะและลดความเสี่ยงในการเทรดได้อย่างมีนัยสำคัญ

ก่อนที่คุณจะนำรูปแบบ On-Neck ไปใช้ในการเทรดด้วยบัญชีจริง เราขอแนะนำให้คุณฝึกฝนและทดสอบกลยุทธ์นี้บน บัญชี Demo เพื่อสร้างความคุ้นเคยและเพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจ

หากคุณเป็นนักเทรดที่กำลังมองหาระบบเทรดอัตโนมัติ (EA) ที่มีประสิทธิภาพ หรือต้องการคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อยกระดับการเทรดของคุณ อย่าลังเลที่จะติดต่อเรา FTT Investing มีระบบเทรด EA ที่น่าเชื่อถือและให้บริการโบรกเกอร์ชั้นนำอย่าง XM, Exness, และ GMI พร้อมโบนัสพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่

สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย

________________________________________________

👍สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ

XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก

Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว

GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
https://bit.ly/GMI-TH
________________________________________________

♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่📱https://bit.ly/MTRatsamee
Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
——–

ติดตามเราได้ที่
✉️LINE: @ft.th (https://lin.ee/u0dwlLM )
🎬Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
_____________________________________________

You Might Also Like

Contact Us on Line