TOP 10 บทความยอดนิยม

ดูทั้งหมด
เทรดทองคำ

รีวิวผลงานเทรด EA AHG

สิงหาคม 21, 2024

Grid Trading: คู่มือฉบับสมบูรณ์เพื่อสร้างกำไรอย่างต่อเนื่องและปกป้องเงินทุนในตลาด Forex และทองคำ

ในโลกของการเทรด ไม่ว่าจะเป็นตลาด Forex หรือตลาดทองคำ การค้นหากลยุทธ์ที่สามารถสร้างผลกำไรได้อย่างสม่ำเสมอพร้อมทั้งบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นเป้าหมายสูงสุดของเทรดเดอร์ทุกระดับชั้น กลยุทธ์หนึ่งที่ได้รับความนิยมและพิสูจน์แล้วว่ามีศักยภาพสูงคือ Grid Trading ซึ่งเป็นระบบที่ออกแบบมาเพื่อใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาในทุกสภาวะตลาด บทความนี้จะเจาะลึกถึงแก่นแท้ของ Grid Trading เพื่อให้คุณเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่ากลยุทธ์นี้คืออะไร ทำงานอย่างไร มีข้อดีข้อเสียอย่างไร และจะนำไปประยุกต์ใช้เพื่อสร้างผลกำไรได้อย่างไร พร้อมทั้งนำเสนอระบบเทรด Grid Trading ฟรี เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับนักลงทุนที่สนใจ

Grid Trading คืออะไร? 🚀

Grid Trading คือกลยุทธ์การเทรดที่อาศัยการวางคำสั่งซื้อ (Buy) และคำสั่งขาย (Sell) ในช่วงราคาต่างๆ อย่างเป็นระบบ โดยสร้าง “เส้นกริด” ที่ระดับราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า พูดง่ายๆ คือ แทนที่จะคาดการณ์ทิศทางของตลาดเพียงอย่างเดียว กลยุทธ์นี้จะเตรียมพร้อมรับมือกับการเคลื่อนไหวของราคาไม่ว่าจะขึ้นหรือลง โดยจะทำการเปิดสถานะซื้อเมื่อราคาลงมาถึงเส้นกริดด้านล่าง และเปิดสถานะขายเมื่อราคาขึ้นไปถึงเส้นกริดด้านบน พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายทำกำไรในระยะสั้นๆ ในแต่ละช่วงกริด

หลักการทำงานของ Grid Trading

แนวคิดหลักคือการทำกำไรจากความผันผวนของราคา (Volatility) โดยไม่ต้องพึ่งพาทิศทางตลาดที่ชัดเจนมากนัก เมื่อราคามีการเคลื่อนไหวขึ้นลงภายในกรอบที่กำหนดไว้ ระบบจะทำการเปิดปิดออเดอร์อย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดกำไรสะสมเป็นจำนวนมาก กลยุทธ์นี้เหมาะอย่างยิ่งกับตลาดที่มีการเคลื่อนไหวแบบ Sideways หรือช่วงที่ราคามีการแกว่งตัวในกรอบ

ทำไมต้องใช้ Grid Trading? 📈📉

Grid Trading มีข้อดีหลายประการที่ทำให้เป็นที่น่าสนใจสำหรับเทรดเดอร์:

  • สร้างกำไรอย่างต่อเนื่อง: กลยุทธ์นี้เน้นการทำกำไรจากความผันผวนเล็กๆ น้อยๆ ของราคา ทำให้สามารถสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ แม้ในสภาวะตลาดที่ไม่มีเทรนด์ชัดเจน
  • ลดความเครียดจากการคาดการณ์ทิศทาง: แตกต่างจากการเทรดที่ต้องคาดการณ์ทิศทางตลาด Grid Trading ไม่ได้พึ่งพาทิศทางตลาดที่แน่นอน ทำให้ลดความกดดันทางจิตใจในการเทรดได้มาก
  • บริหารความเสี่ยงด้วยเส้นกริด: การวางเส้นกริดช่วยให้สามารถกำหนดจุดเข้าและออกได้อย่างเป็นระบบ ทำให้การบริหารความเสี่ยงทำได้ง่ายขึ้น
  • เหมาะสำหรับตลาด Sideways: กลยุทธ์นี้โดดเด่นอย่างยิ่งในตลาดที่เคลื่อนไหวแบบ Sideways หรือ Range-bound Market ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาไม่ไปไหนไกลแต่มีการแกว่งตัวขึ้นลง
  • สามารถปรับแต่งได้หลากหลาย: เทรดเดอร์สามารถปรับแต่งพารามิเตอร์ต่างๆ ของ Grid Trading ได้ตามความเหมาะสม เช่น ขนาดของกริด, จำนวนกริด, และขนาด Lot Size เพื่อให้สอดคล้องกับสไตล์การเทรดและความเสี่ยงที่ยอมรับได้


ประเภทของ Grid Trading

Grid Trading สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท ขึ้นอยู่กับแนวคิดและทิศทางของตลาดที่ต้องการจะเทรด

1. Buy Grid (กริดขาขึ้น)

ใน Buy Grid เทรดเดอร์จะวางคำสั่งซื้อหลายระดับที่ราคาต่ำกว่าราคาตลาดปัจจุบัน โดยมีเป้าหมายที่จะทำกำไรเมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้นและกลับมาปิดสถานะที่เปิดไว้ หากราคายังคงปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง ระบบจะทำการซื้อเพิ่มในแต่ละระดับกริดที่ต่ำลงเพื่อเฉลี่ยต้นทุน การทำกำไรจะเกิดขึ้นเมื่อราคาดีดตัวกลับขึ้นมายังกริดด้านบนที่กำหนดไว้

2. Sell Grid (กริดขาลง)

ตรงกันข้ามกับ Buy Grid, Sell Grid จะวางคำสั่งขายหลายระดับที่ราคาสูงกว่าราคาตลาดปัจจุบัน เพื่อทำกำไรเมื่อราคาปรับตัวลดลง หากราคายังคงปรับตัวสูงขึ้น ระบบจะทำการขายเพิ่มในแต่ละระดับกริดที่สูงขึ้น เพื่อเฉลี่ยต้นทุน การทำกำไรจะเกิดขึ้นเมื่อราคาปรับตัวลดลงมายังกริดด้านล่างที่กำหนดไว้

3. Bidirectional Grid (กริดสองทิศทาง)

Bidirectional Grid เป็นการผสมผสานระหว่าง Buy Grid และ Sell Grid โดยจะวางทั้งคำสั่งซื้อและคำสั่งขายในเวลาเดียวกัน เพื่อจับการเคลื่อนไหวของราคาไม่ว่าจะขึ้นหรือลง กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับตลาด Sideways ที่ราคาไม่มีทิศทางชัดเจน แต่มีการแกว่งตัวในกรอบ ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้ Grid Trading แตกต่างจากกลยุทธ์อื่นๆ ที่เน้นการคาดการณ์เทรนด์เป็นหลัก


การตั้งค่า Grid Trading ที่สำคัญ

การตั้งค่า Grid Trading ให้เหมาะสมกับสไตล์การเทรดและความเสี่ยงที่ยอมรับได้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง พารามิเตอร์หลักที่ควรพิจารณามีดังนี้:

1. Grid Size (ขนาดกริด)

Grid Size คือระยะห่างระหว่างแต่ละเส้นกริด ยิ่งขนาดกริดเล็กเท่าไหร่ จำนวนการซื้อขายก็จะยิ่งมากเท่านั้น ซึ่งหมายถึงโอกาสในการทำกำไรที่ถี่ขึ้น แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นเช่นกัน หากขนาดกริดกว้างเกินไป อาจทำให้พลาดโอกาสในการทำกำไรจากความผันผวนเล็กๆ น้อยๆ โดยทั่วไป ขนาดกริดจะถูกวัดเป็น Pip ในตลาด Forex หรือเป็นจุดในตลาดทองคำ

  • กริดขนาดเล็ก (เช่น 10-20 Pips): เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ชอบ Scalping และตลาดที่มีความผันผวนสูง ต้องการทำกำไรบ่อยครั้ง แต่ต้องมีเงินทุนเพียงพอเพื่อรองรับการเปิดออเดอร์จำนวนมาก
  • กริดขนาดกลาง (เช่น 30-50 Pips): เป็นที่นิยมสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการความสมดุลระหว่างความถี่ในการเทรดและความเสี่ยง เหมาะกับตลาดที่มีการแกว่งตัวปานกลาง
  • กริดขนาดใหญ่ (เช่น 100+ Pips): เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการลดความถี่ในการเทรดและไม่ต้องการเฝ้าหน้าจอมากนัก มักใช้ใน Timeframe ที่ใหญ่ขึ้น และต้องมีเงินทุนที่มากพอเพื่อรองรับการลากของราคาที่กว้าง

2. Number of Grids (จำนวนกริด)

จำนวนกริดที่ใช้จะกำหนดความกว้างของช่วงราคาที่ระบบจะทำงาน ยิ่งมีจำนวนกริดมากเท่าไหร่ ระบบก็จะสามารถครอบคลุมช่วงราคาที่กว้างขึ้นเท่านั้น ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่ราคาจะทะลุกรอบออกไป แต่ก็หมายถึงการใช้เงินทุนที่มากขึ้นในการเปิดออเดอร์

  • จำนวนกริดน้อย: เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่มีเงินทุนจำกัด หรือต้องการเทรดในช่วงราคาที่แคบลง
  • จำนวนกริดมาก: เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่มีเงินทุนมาก และต้องการให้ระบบครอบคลุมความผันผวนของราคาที่กว้างขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

3. Lot Size (ขนาด Lot)

ขนาด Lot ในแต่ละออเดอร์เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อกำไรและขาดทุนโดยตรง การเลือก Lot Size ที่เหมาะสมกับการบริหารความเสี่ยงและขนาดของพอร์ตเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

  • Lot Size คงที่: เป็นการกำหนด Lot Size เท่ากันทุกออเดอร์ เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
  • Lot Size แบบทวีคูณ (Martingale): เป็นการเพิ่ม Lot Size เมื่อราคาเคลื่อนที่ผิดทาง เพื่อให้สามารถทำกำไรชดเชยขาดทุนที่เกิดขึ้นได้ แต่มีความเสี่ยงสูงมากหากตลาดเคลื่อนที่ในทิศทางเดียวเป็นเวลานาน
  • Lot Size แบบลดหลั่น (Anti-Martingale): เป็นการลด Lot Size เมื่อราคาเคลื่อนที่ผิดทาง เพื่อลดความเสี่ยง

4. Take Profit (TP) และ Stop Loss (SL)

แม้ว่า Grid Trading จะเน้นการทำกำไรจากความผันผวน แต่การกำหนด TP และ SL ยังคงมีความสำคัญสำหรับการบริหารความเสี่ยงโดยรวม

  • Take Profit (TP): โดยปกติใน Grid Trading แต่ละออเดอร์ที่เปิดจะมีการตั้ง TP ในระยะสั้นๆ เช่น 10-20 Pips เหนือ/ใต้จุดเข้า เพื่อเก็บกำไรเล็กๆ น้อยๆ อย่างต่อเนื่อง
  • Stop Loss (SL): การตั้ง SL สำหรับ Grid Trading อาจจะแตกต่างจากการเทรดทั่วไป เนื่องจากระบบจะเปิดออเดอร์จำนวนมาก บางครั้งอาจใช้แนวคิดของ “Grid Stop Loss” คือการปิดทุกออเดอร์เมื่อพอร์ตขาดทุนถึงระดับที่ยอมรับได้ หรือไม่มีการตั้ง SL รายออเดอร์ แต่จะเน้นการบริหาร Margin และ Drawdown โดยรวม

ข้อดีและข้อเสียของ Grid Trading

เช่นเดียวกับกลยุทธ์การเทรดอื่นๆ Grid Trading มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่เทรดเดอร์ควรทำความเข้าใจก่อนนำไปใช้งานจริง

ข้อดี

  • ทำกำไรในตลาด Sideways: เป็นกลยุทธ์ที่โดดเด่นในการทำกำไรในตลาดที่ไร้ทิศทาง ซึ่งเป็นสภาวะที่กลยุทธ์ Trend Following มักจะประสบปัญหา
  • ลดผลกระทบจากการคาดการณ์ผิด: เนื่องจาก Grid Trading ไม่ได้พึ่งพาทิศทางตลาดเพียงอย่างเดียว การคาดการณ์ผิดพลาดในระยะสั้นๆ จึงไม่ส่งผลกระทบที่รุนแรงเท่ากับกลยุทธ์อื่นๆ
  • เป็นระบบและอัตโนมัติ: เมื่อตั้งค่าระบบแล้ว สามารถปล่อยให้ทำงานโดยอัตโนมัติได้ ทำให้ประหยัดเวลาและลดอารมณ์ในการเทรด
  • เหมาะกับตลาดที่มีสภาพคล่องสูง: การเปิดปิดออเดอร์จำนวนมากต้องการสภาพคล่องที่เพียงพอ Grid Trading จึงเหมาะกับคู่เงิน Forex หลักและทองคำ

ข้อเสีย

  • ความเสี่ยงสูงในตลาดมีเทรนด์ที่แข็งแกร่ง: หากราคาเคลื่อนที่ในทิศทางเดียวอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง ระบบ Grid Trading อาจเปิดออเดอร์สะสมในฝั่งที่ผิดทางเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิด Drawdown ที่สูงและอาจถึงขั้น Margin Call ได้
  • ใช้เงินทุนสูง: การวางกริดที่กว้างหรือใช้จำนวนกริดมาก อาจต้องใช้ Margin จำนวนมาก เพื่อรองรับสถานะที่เปิดอยู่
  • กำไรต่อออเดอร์น้อย: แต่ละออเดอร์ใน Grid Trading มักจะทำกำไรในระยะสั้นๆ ทำให้กำไรต่อออเดอร์ไม่สูงนัก แต่จะเน้นการสะสมกำไรจากจำนวนออเดอร์ที่มาก
  • ซับซ้อนในการตั้งค่าสำหรับมือใหม่: การกำหนดพารามิเตอร์ต่างๆ เช่น Grid Size, Number of Grids, และ Lot Size ให้เหมาะสม อาจเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่


การประยุกต์ใช้ Grid Trading ในตลาด Forex และทองคำ

การเลือกคู่เงิน/ทองคำที่เหมาะสม

Grid Trading ทำงานได้ดีที่สุดกับคู่เงินที่มีสภาพคล่องสูงและมีพฤติกรรมการเคลื่อนไหวแบบ Sideways บ่อยครั้ง เช่น EUR/USD, GBP/USD, USD/JPY หรือ ทองคำ (XAU/USD) ควรหลีกเลี่ยงคู่เงินที่มีความผันผวนรุนแรงและมีแนวโน้มที่ชัดเจนเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้เกิด Drawdown ที่สูงจนเกินควบคุมได้

การจัดการความเสี่ยง

การจัดการความเสี่ยงเป็นหัวใจสำคัญของ Grid Trading เนื่องจากระบบจะเปิดออเดอร์จำนวนมาก หากไม่มีการบริหารจัดการที่ดี อาจนำไปสู่การขาดทุนมหาศาลได้

  • กำหนดเงินทุนที่ใช้สำหรับ Grid โดยเฉพาะ: ไม่ควรใช้เงินทุนทั้งหมดในพอร์ตเพื่อเทรด Grid Trading ควรแบ่งเงินทุนส่วนหนึ่งสำหรับกลยุทธ์นี้โดยเฉพาะ
  • คำนวณ Margin Requirement: ต้องแน่ใจว่ามี Margin เพียงพอที่จะรองรับจำนวนออเดอร์สูงสุดที่อาจเปิดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากราคาเคลื่อนที่ผิดทางไปเป็นเวลานาน
  • ใช้ Stop Loss รวม: สำหรับระบบ Grid Trading บางประเภท อาจพิจารณาตั้ง Stop Loss รวม (Total Stop Loss) ที่จะปิดทุกออเดอร์เมื่อพอร์ตขาดทุนถึงระดับที่ยอมรับได้ เพื่อป้องกันการขาดทุนที่เกินควบคุม
  • ตรวจสอบข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญ: ในช่วงที่มีข่าวสารเศรษฐกิจสำคัญหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ตลาดอาจเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ซึ่งเป็นอันตรายต่อระบบ Grid Trading ควรพิจารณาหยุดการทำงานของระบบในช่วงเวลาดังกล่าว

การใช้ EA (Expert Advisor) หรือระบบเทรดอัตโนมัติ

เนื่องจาก Grid Trading ต้องมีการเปิดปิดออเดอร์เป็นจำนวนมากและมีความถี่สูง การใช้ EA (Expert Advisor) หรือระบบเทรดอัตโนมัติจึงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างมาก EA สามารถทำการคำนวณและส่งคำสั่งซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยปราศจากอารมณ์และข้อผิดพลาดของมนุษย์ ทำให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

หากคุณสนใจในระบบเทรด Grid Trading และต้องการทดลองใช้เพื่อทำกำไรอย่างต่อเนื่องและปกป้องเงินทุน เรามี ระบบเทรด Grid Trading ฟรี พร้อมให้คุณนำไปใช้งาน 📩

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ Grid Trading

Q1: Grid Trading เหมาะกับมือใหม่หรือไม่?
A1: Grid Trading สามารถสร้างกำไรได้จริง แต่ต้องอาศัยความเข้าใจในการตั้งค่าและการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม หากเป็นมือใหม่ ควรเริ่มต้นด้วยบัญชีทดลอง (Demo Account) เพื่อทำความคุ้นเคยกับระบบและพารามิเตอร์ต่างๆ ก่อนนำไปใช้กับบัญชีจริง นอกจากนี้ การศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจหลักการทำงานของ Grid Trading อย่างละเอียดเป็นสิ่งสำคัญ อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้บัญชี Demo
Q2: Grid Trading ใช้ได้กับทุกสภาวะตลาดหรือไม่?
A2: Grid Trading ทำงานได้ดีที่สุดในตลาดที่มีการเคลื่อนไหวแบบ Sideways หรือ Range-bound Market ที่ราคาไม่มีทิศทางชัดเจน แต่มีการแกว่งตัวในกรอบ อย่างไรก็ตาม Grid Trading มีความเสี่ยงสูงในตลาดที่มีเทรนด์ที่แข็งแกร่งและเคลื่อนที่ในทิศทางเดียวอย่างรุนแรง ซึ่งอาจทำให้เกิด Drawdown สูง ดังนั้นจึงควรระมัดระวังและปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม
Q3: ควรเริ่มต้นด้วยเงินทุนเท่าไหร่สำหรับ Grid Trading?
A3: จำนวนเงินทุนเริ่มต้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ขนาดกริด จำนวนกริด และ Lot Size ที่ต้องการใช้ โดยทั่วไป ยิ่งขนาดกริดแคบลงและจำนวนกริดมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องการเงินทุนมากขึ้นเท่านั้น เพื่อรองรับการเปิดออเดอร์จำนวนมาก หากเป็นมือใหม่ แนะนำให้เริ่มต้นด้วยเงินทุนจำนวนน้อยและใช้ Lot Size ที่เหมาะสมกับการบริหารความเสี่ยง
Q4: จะรู้ได้อย่างไรว่าควรใช้ Grid Size เท่าไหร่?
A4: การกำหนด Grid Size ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับลักษณะของคู่เงินหรือทองคำที่เทรด และ Timeframe ที่ใช้ เทรดเดอร์สามารถทดลองย้อนหลัง (Backtest) หรือทดสอบในบัญชีทดลอง เพื่อหา Grid Size ที่เหมาะสมกับพฤติกรรมราคาของสินทรัพย์นั้นๆ
Q5: มีความเสี่ยงอะไรบ้างที่ควรระวังเป็นพิเศษในการใช้ Grid Trading?
A5: ความเสี่ยงหลักคือการที่ราคาเคลื่อนที่ในทิศทางเดียวอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง (Strong Trend) ซึ่งอาจทำให้ระบบ Grid เปิดออเดอร์สะสมในฝั่งที่ผิดทางเป็นจำนวนมากจนเกิด Drawdown สูงและอาจนำไปสู่ Margin Call ได้ นอกจากนี้ หากไม่มีการบริหารจัดการเงินทุนและ Margin ที่ดี ก็อาจเป็นอันตรายต่อพอร์ตได้เช่นกัน

สรุปและ Call to Action

Grid Trading เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการทำกำไรจากความผันผวนของราคา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่ไม่มีเทรนด์ชัดเจน ด้วยการวางคำสั่งซื้อและขายอย่างเป็นระบบ เทรดเดอร์สามารถสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอและบริหารความเสี่ยงได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม การทำความเข้าใจหลักการทำงาน การตั้งค่าที่เหมาะสม และการจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้กลยุทธ์นี้เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในตลาดได้อย่างยั่งยืน

หากคุณพร้อมที่จะยกระดับการเทรดของคุณด้วยระบบ Grid Trading ที่ผ่านการพิสูจน์แล้ว เราขอเสนอ ระบบเทรด Grid Trading ฟรี ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณเริ่มต้นได้อย่างมั่นใจ ระบบนี้จะช่วยให้คุณสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องและปกป้องเงินทุนของคุณในตลาด Forex และทองคำ

สนใจรับระบบเทรด Grid Trading ฟรี หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม:

📩 ติดต่อ Admin ผ่าน inbox เพจได้เลยค่ะ (Link นี้เชื่อมไปที่โบรกเกอร์ XM ซึ่งให้โบนัส $30 สำหรับลูกค้าใหม่ และโบนัส 100% สูงสุด $500 ซึ่งเป็นประโยชน์ในการเริ่มต้นใช้ Grid Trading)

เรายังแนะนำโบรกเกอร์อื่นๆ ที่น่าสนใจสำหรับ Grid Trading:

  • CXM: ฝากถอนเร็ว ฟรี Free Swap ทุกบัญชี https://bit.ly/CXMFTT
  • Exness: สมัครง่าย ฝากถอนเร็ว https://bit.ly/ExnessCom (รหัสพาร์ทเนอร์: 11000789)

อย่าพลาดโอกาสที่จะเพิ่มศักยภาพในการทำกำไรของคุณด้วย Grid Trading! เริ่มต้นวันนี้เพื่ออนาคตทางการเงินที่ดีกว่า

You Might Also Like

Contact Us on Line