TOP 10 บทความยอดนิยม

ดูทั้งหมด
สอนเทรดมือใหม่

Harmonic Gartley Pattern ในการซื้อขายคืออะไร?

สิงหาคม 23, 2022

เจาะลึก Gartley Pattern: รูปแบบ Harmonic อันทรงพลังในตลาด Forex

ในโลกของการซื้อขาย Forex ที่เต็มไปด้วยความผันผวน การทำความเข้าใจรูปแบบราคาที่เกิดขึ้นซ้ำๆ เป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ รูปแบบ Gartley เป็นหนึ่งในรูปแบบ Harmonic ที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถคาดการณ์จุดกลับตัวของราคาได้อย่างแม่นยำ ด้วยการใช้อัตราส่วน Fibonacci ที่เป็นสากล รูปแบบนี้ได้กลายเป็นเครื่องมืออันทรงคุณค่าสำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิค บทความนี้จะเจาะลึกถึงหลักการ การระบุ และกลยุทธ์การซื้อขายด้วย Gartley Pattern เพื่อให้คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการตัดสินใจลงทุนได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพ

Gartley Pattern ในการซื้อขายคืออะไร?

รูปแบบ Gartley เป็นหนึ่งในตระกูลของ รูปแบบ Harmonic ที่มีความโดดเด่นและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในหมู่นักวิเคราะห์ทางเทคนิค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการซื้อขาย Forex และตลาดอื่นๆ ที่มีการเคลื่อนไหวของราคาที่ชัดเจน รูปแบบนี้ถูกค้นพบและนำเสนอโดย H.M. Gartley ในหนังสือ “Profits in the Stock Market” ซึ่งเป็นการใช้หลักการของอัตราส่วน Fibonacci มารวมกับการวิเคราะห์โครงสร้างราคาเพื่อระบุจุดกลับตัวที่มีศักยภาพสูง

หลักการสำคัญของ Gartley Pattern คือการสะท้อนถึงการถอยกลับและการเคลื่อนไหวแบบหุนหันพลันแล่นของราคา (Impulsive and Retracement waves) ซึ่งเป็นพฤติกรรมธรรมชาติของตลาดที่มักจะเกิดขึ้นซ้ำๆ กัน ด้วยเหตุนี้ การใช้เครื่องมือ Fibonacci เข้ามาช่วยในการยืนยันจุดต่างๆ ของรูปแบบ จึงทำให้ Gartley Pattern มีความน่าเชื่อถือและเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่นักวิเคราะห์ทางเทคนิค โดยเฉพาะผู้ที่มองหาโอกาสในการเข้าซื้อหรือขาย ณ จุดที่ตลาดมีโอกาสกลับตัวสูง

ทำไม Gartley Pattern จึงเป็นที่นิยม?

  • ความแม่นยำสูง: การอ้างอิงอัตราส่วน Fibonacci ที่เป็นสากล ทำให้รูปแบบนี้มีความแม่นยำในการระบุโซนกลับตัวของราคา
  • สะท้อนพฤติกรรมธรรมชาติ: แนวคิดที่ว่าทุกสิ่งในธรรมชาติเป็นไปตามรูปแบบบางอย่าง (เช่น ลำดับ Fibonacci) ทำให้การประยุกต์ใช้กับตลาดการเงินมีความสมเหตุสมผล
  • ใช้งานได้หลากหลาย: สามารถใช้ได้กับทุกกรอบเวลาและตลาด ไม่ว่าจะเป็น Forex, หุ้น, หรือสินค้าโภคภัณฑ์
  • ช่วยระบุจุดเข้า-ออก: มอบกรอบการซื้อขายที่ชัดเจนสำหรับจุดเข้า (Entry), จุดทำกำไร (Take Profit), และจุดตัดขาดทุน (Stop Loss)

ประเภทของ Gartley Pattern

รูปแบบ Gartley สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ขึ้นอยู่กับทิศทางของแนวโน้มตลาดที่กำลังจะเกิดขึ้น:

  1. Bullish Gartley Pattern: รูปแบบนี้บ่งชี้ถึงศักยภาพในการกลับตัวจากแนวโน้มขาลงเป็นแนวโน้มขาขึ้น มักจะปรากฏที่ด้านล่างของแนวโน้มหรือในสภาวะที่ตลาดถูกขายมากเกินไป (Oversold)
  2. Bearish Gartley Pattern: รูปแบบนี้บ่งชี้ถึงศักยภาพในการกลับตัวจากแนวโน้มขาขึ้นเป็นแนวโน้มขาลง มักจะปรากฏที่ด้านบนของแนวโน้มหรือในสภาวะที่ตลาดถูกซื้อมากเกินไป (Overbought)

จะหารูปแบบ Gartley Pattern ได้อย่างไร?

การระบุ Gartley Pattern อย่างถูกต้องนั้น ต้องอาศัยความเข้าใจในโครงสร้างของรูปแบบและอัตราส่วน Fibonacci ที่เกี่ยวข้อง รูปแบบนี้ประกอบด้วยจุดสำคัญ 5 จุด ได้แก่ X, A, B, C, และ D ซึ่งสร้างเป็นโครงสร้างคล้ายตัว “M” สำหรับ Bullish Gartley หรือ “W” สำหรับ Bearish Gartley

สิ่งสำคัญที่สุดคือการค้นหาจุด XABCD ทั้งห้าจุด ไม่ใช่การนับคลื่นแบบทั่วไป (แม้ว่าการเรียกส่วนประกอบของรูปแบบว่า “คลื่น” จะช่วยให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นก็ตาม) แต่ละจุดจะต้องสอดคล้องกับระดับ Fibonacci Retracement และ Extension ที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด หากมีจุดใดจุดหนึ่งไม่เป็นไปตามกฎของ Fibonacci รูปแบบนั้นจะไม่ใช่ Gartley Pattern ที่ถูกต้อง และควรหลีกเลี่ยงการเทรดในสถานการณ์นั้นๆ การเทรดที่ชนะเพียงสองครั้ง ย่อมดีกว่าการเทรดที่ขาดทุนสิบครั้ง ดังนั้นความแม่นยำในการระบุรูปแบบจึงเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด

กฎในการจดจำ Bearish Gartley Pattern

Bearish Gartley Pattern บ่งชี้ถึงการเริ่มต้นของแนวโน้มขาลงใหม่ มักจะเกิดขึ้นที่จุดสูงสุดของแนวโน้มขาขึ้น หรือเมื่อตลาดอยู่ในสภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) เพื่อให้ได้รูปแบบที่มีโอกาสสูงในการกลับตัวสู่ขาลง การระบุรูปแบบนี้ต้องปฏิบัติตามกฎ Fibonacci อย่างเคร่งครัด ดังนี้:

  1. จุด X: คือจุดเริ่มต้นของรูปแบบ และเป็นจุดสูงสุดของคลื่นแรก (XA)
  2. คลื่น AB: ต้องย้อนกลับ (Retrace) ลงมาที่ระดับ Fibonacci 61.8% ของคลื่น XA
  3. คลื่น BC: ต้องย้อนกลับ (Retrace) ไปที่ระดับ Fibonacci 38.2% หรือ 88.6% ของคลื่น AB (เป็นไปได้ทั้งสองระดับ)
  4. คลื่น CD: คือคลื่นสุดท้ายของรูปแบบ Gartley ต้องย้อนกลับ (Retrace) ลงมาที่ระดับ Fibonacci 78.6% ของคลื่น XA

หากขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งข้างต้นไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์ที่กำหนด ควรหลีกเลี่ยงการพิจารณารูปแบบนั้นๆ เพื่อลดความเสี่ยงจากการเทรดที่ไม่มีคุณภาพ

กฎในการรับรู้ Bullish Gartley Pattern

Bullish Gartley Pattern บ่งชี้ว่าแนวโน้มขาขึ้นใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น มักจะเกิดขึ้นที่จุดต่ำสุดของแนวโน้มขาลง หรือเมื่อตลาดอยู่ในสภาวะขายมากเกินไป (Oversold) เพื่อเพิ่มโอกาสในการเทรดที่ประสบความสำเร็จ การระบุรูปแบบนี้ต้องเป็นไปตามเกณฑ์ Fibonacci ดังต่อไปนี้:

  1. จุด X: คือจุดเริ่มต้นของรูปแบบ และเป็นจุดต่ำสุดของคลื่นแรก (XA)
  2. คลื่น AB: ต้องย้อนกลับ (Retrace) ขึ้นไปที่ระดับ Fibonacci 61.8% ของคลื่น XA ในทิศทางขาลง
  3. คลื่น BC: ต้องย้อนกลับ (Retrace) ลงมาที่ระดับ Fibonacci 38.2% หรือ 88.6% ของคลื่น AB (เป็นไปได้ทั้งสองระดับ)
  4. คลื่น CD: คือคลื่นสุดท้ายของรูปแบบ Gartley ต้องย้อนกลับ (Retrace) ขึ้นไปที่ระดับ Fibonacci 78.6% ของคลื่น XA ในทิศทางขาขึ้น

เช่นเดียวกับ Bearish Gartley Pattern การตรวจสอบความถูกต้องของแต่ละจุดตามอัตราส่วน Fibonacci เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง หากมีข้อใดข้อหนึ่งไม่เป็นไปตามกฎ รูปแบบนั้นๆ จะไม่ถือว่าเป็น Bullish Gartley ที่มีคุณภาพสำหรับการเทรด

Gartley Pattern มีความหมายว่าอย่างไร?

Gartley Pattern ไม่ได้เป็นเพียงแค่ชุดของตัวเลข Fibonacci ที่เรียงต่อกัน แต่มีความหมายที่ลึกซึ้งกว่านั้น มันสะท้อนถึงวัฏจักรของการเคลื่อนไหวของราคาที่ประกอบด้วย “คลื่นหุนหันพลันแล่น” (Impulsive wave) และ “คลื่นการถอยกลับ” (Retracement wave) ซึ่งเป็นพื้นฐานของการวิเคราะห์ทางเทคนิคโดยทั่วไป

ในโครงสร้างของ Gartley Pattern เราจะเห็นคลื่นหลักสองคลื่น:

  • Impulsive Wave (คลื่น XA): เป็นคลื่นเริ่มต้นที่แสดงถึงการเคลื่อนไหวของราคาที่มีแรงผลักดันสูง ไม่ว่าจะเป็นขาขึ้นหรือขาลง คลื่นนี้เป็นตัวกำหนดทิศทางเริ่มต้นของรูปแบบ
  • Retracement Wave (คลื่น AD): ประกอบด้วยคลื่นย่อยสามคลื่น (AB, BC, CD) ที่แสดงถึงการย้อนกลับของราคาหลังจากคลื่น Impulsive คลื่น Retracement นี้จะค่อยๆ พัฒนาไปจนถึงจุด D ซึ่งเป็นจุดที่คาดการณ์ว่าจะเกิดการกลับตัวของราคาครั้งสำคัญ

การที่รูปแบบนี้แสดงถึงความสมบูรณ์ของคลื่นหนึ่งและการเริ่มต้นของคลื่นถัดไป ทำให้ Gartley Pattern เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการคาดการณ์จุดเปลี่ยนสำคัญของตลาด หากคุณสามารถมองเห็นและเข้าใจโครงสร้างพื้นฐานนี้ได้อย่างถ่องแท้ คุณจะสามารถระบุรูปแบบนี้บนแผนภูมิได้อย่างถูกต้องและนำไปใช้ในการวางแผนการเทรดได้อย่างมีเหตุผลและมั่นใจมากยิ่งขึ้น

แผนการซื้อขายสำหรับ Gartley Pattern

การระบุรูปแบบ Gartley Pattern ได้อย่างถูกต้องเป็นเพียงครึ่งทางสู่ความสำเร็จ อีกครึ่งหนึ่งคือการมี “แผนการซื้อขาย” ที่ชัดเจนและรัดกุม หากปราศจากแผนการที่เหมาะสม คุณอาจประสบกับการขาดทุนได้ เพราะการตัดสินใจเข้าหรือออกจากการเทรดแบบสุ่ม ไม่ใช่วิธีการที่อ้างอิงหลักการวิเคราะห์ทางเทคนิค

ในการสร้างแผนการซื้อขายที่มีประสิทธิภาพ คุณต้องตอบคำถามสำคัญเหล่านี้อย่างรอบคอบ:

  • จะหารูปแบบแผนภูมิได้ที่ไหน? (การสแกนหาในกรอบเวลาและคู่สกุลเงินที่เหมาะสม)
  • เมื่อใดจะเปิดการซื้อขาย? (การรอการยืนยันการกลับตัวของราคา)
  • เมื่อใดที่จะออกจากการค้า? (การกำหนดเป้าหมายทำกำไร)
  • จะวาง Stop Loss ไว้ที่ไหนเพื่อความปลอดภัย? (การบริหารความเสี่ยง)
  • อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่เหมาะสมควรเป็นเท่าใด? (Risk-Reward Ratio)

เมื่อคุณสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน คุณจะมีความพร้อมมากขึ้นในการเทรดในบัญชีจริง หรือฝึกฝนใน บัญชีทดลอง เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจและประสบการณ์

สิ่งที่ควรจำ: การกรองรูปแบบ Gartley ที่ดี

เพื่อเพิ่มโอกาสในการเทรดที่ประสบความสำเร็จ คุณต้องให้ความสำคัญกับ “ตำแหน่ง” ของรูปแบบ Gartley บนแผนภูมิ:

  • สำหรับ Bullish Gartley Pattern: ควรค้นหารูปแบบนี้ที่ “ด้านล่างของแนวโน้มขาลง” หรือเมื่อตลาดอยู่ใน “สภาวะขายมากเกินไป (Oversold)” การเทรด Bullish Gartley ในตลาดที่กำลังเป็นขาขึ้นหรืออยู่ในสภาวะซื้อมากเกินไป อาจนำไปสู่การกลับตัวที่ไม่ยั่งยืน
  • สำหรับ Bearish Gartley Pattern: ควรค้นหารูปแบบนี้ที่ “ด้านบนของแนวโน้มขาขึ้น” หรือเมื่อตลาดอยู่ใน “สภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought)” การเทรด Bearish Gartley ในตลาดที่กำลังเป็นขาลงหรืออยู่ในสภาวะขายมากเกินไป อาจเพิ่มความเสี่ยงจากการเทรดสวนแนวโน้ม

การกรองรูปแบบตามตำแหน่งของตลาด จะช่วยให้คุณเลือกเทรดเฉพาะรูปแบบที่มีโอกาสสูงในการกลับตัวอย่างแท้จริง

เปิดการซื้อขาย (Entry Point)

หลังจากที่รูปแบบ Gartley สมบูรณ์ที่จุด D สิ่งสำคัญคือ “อย่ารีบเปิดการซื้อขายทันที” คุณควร “รอการก่อตัวของรูปแบบแท่งเทียนกลับตัว” เพื่อยืนยันว่าราคาได้กลับตัวตามที่คาดการณ์ไว้จริงๆ รูปแบบแท่งเทียนเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นสัญญาณยืนยันที่แข็งแกร่ง ช่วยลดความเสี่ยงจากการเข้าเทรดก่อนเวลาอันควร

ตัวอย่างของรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวที่ใช้ในการยืนยัน:

  • Pin Bar: แท่งเทียนที่มีไส้ยาวบ่งบอกถึงการปฏิเสธราคาในทิศทางหนึ่ง
  • Engulfing Candlestick: แท่งเทียนที่กลืนกินแท่งเทียนก่อนหน้าอย่างน้อยหนึ่งแท่ง แสดงถึงการเปลี่ยนโมเมนตัมอย่างมีนัยสำคัญ
  • Three Inside Up / Down: รูปแบบแท่งเทียน 3 แท่งที่บ่งบอกถึงการกลับตัวที่แข็งแกร่ง

เปิดการซื้อขาย “หลังจาก” ที่รูปแบบแท่งเทียนยืนยันการกลับตัวอย่างชัดเจนแล้วเท่านั้น

ระดับการหยุดขาดทุน (Stop Loss Level)

การกำหนดจุด Stop Loss ที่เหมาะสมเป็นหัวใจสำคัญของการ บริหารความเสี่ยง มีสองทางเลือกหลักในการวาง Stop Loss สำหรับ Gartley Pattern:

  1. สูงกว่า/ต่ำกว่าจุด X: หากคลื่น CD ย้อนกลับไปที่ระดับ Fibonacci 78.6% ของคลื่น XA จุด Stop Loss มักจะวางไว้เหนือจุด X เล็กน้อยสำหรับ Bearish Gartley หรือต่ำกว่าจุด X เล็กน้อยสำหรับ Bullish Gartley เหตุผลคือ จุด X ถือเป็นจุดเริ่มต้นของแนวโน้ม Impulsive หากราคากลับไปเกินจุดนี้ แสดงว่ารูปแบบ Gartley อาจไม่ถูกต้อง
  2. สูงกว่า/ต่ำกว่ารูปแบบแท่งเทียนยืนยัน: หากคลื่น CD ย้อนกลับไปที่ระดับ Fibonacci 38.2% ของคลื่น AB (ในกรณีที่เป็นไปได้) จุด Stop Loss อาจวางไว้สูงกว่า/ต่ำกว่ารูปแบบแท่งเทียนยืนยันเล็กน้อย เพื่อให้พื้นที่แก่ราคาในการเคลื่อนไหว แต่ยังคงจำกัดความเสี่ยง

การเลือกใช้แนวทางใดขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่ยอมรับได้และบริบทของตลาดในขณะนั้น สิ่งสำคัญคือต้องมี Stop Loss เสมอ เพื่อปกป้องเงินทุนของคุณ

ระดับการทำกำไร (Take Profit Level)

การกำหนดจุด Take Profit ที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณล็อกกำไรจากการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ จุด A มักถูกใช้เป็นระดับ Take Profit แรกสำหรับการเทรด Gartley Pattern แต่คุณสามารถพิจารณาขยายระดับการทำกำไรได้ โดยใช้ระดับส่วนขยาย Fibonacci 1.618 ของคลื่น XA

  • Take Profit แรก (จุด A): เป็นเป้าหมายที่มีความเป็นไปได้สูง เนื่องจากจุด A เป็นจุดสิ้นสุดของคลื่นแรกที่สำคัญ
  • Take Profit ขยาย (Fibonacci Extension 1.618 ของ XA): การใช้ระดับส่วนขยายนี้ช่วยเพิ่มอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk-Reward Ratio) ของคุณได้ ซึ่งหมายถึงคุณมีโอกาสทำกำไรได้มากขึ้นเมื่อเทียบกับความเสี่ยงที่รับ

การแบ่ง Take Profit ออกเป็นหลายระดับ หรือการใช้ Trailing Stop ก็เป็นกลยุทธ์ที่ดีในการบริหารการทำกำไร

กรอบเวลา (Timeframe)

กรอบเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการซื้อขายรูปแบบ Harmonic อย่าง Gartley Pattern คือ 15 นาทีถึง 4 ชั่วโมง กรอบเวลาเหล่านี้เหมาะสำหรับทั้งเทรดเดอร์สวิง (Swing Traders) และเทรดเดอร์ระหว่างวัน (Intraday Traders) ซึ่งต้องการจับการเคลื่อนไหวของราคาในระยะกลางถึงระยะสั้น

  • กรอบเวลา 15 นาที: เหมาะสำหรับ Scalping หรือ Day Trading ที่ต้องการเข้า-ออกรวดเร็ว
  • กรอบเวลา 1 ชั่วโมง: เป็นที่นิยมสำหรับ Day Trading และ Swing Trading สั้นๆ
  • กรอบเวลา 4 ชั่วโมง: เหมาะสำหรับ Swing Trading ที่มองหาการเคลื่อนไหวของราคาที่ใหญ่ขึ้น และต้องการถือ Position นานขึ้นเล็กน้อย

การเลือกกรอบเวลาควรสอดคล้องกับสไตล์การเทรดและความอดทนของคุณ และควรทำการวิเคราะห์ในกรอบเวลาที่ใหญ่ขึ้นก่อนเสมอ เพื่อให้เห็นภาพรวมของแนวโน้มตลาด

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

คำถาม คำตอบ
Gartley Pattern แตกต่างจากรูปแบบ Harmonic อื่นๆ อย่างไร? Gartley Pattern เป็นพื้นฐานของรูปแบบ Harmonic หลายรูปแบบ จุดเด่นคือการใช้ Fibonacci Retracement 61.8% สำหรับคลื่น AB และ 78.6% สำหรับคลื่น CD ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่จำเพาะเจาะจง ทำให้มีความแม่นยำในการระบุจุดกลับตัว รูปแบบ Harmonic อื่นๆ เช่น Bat, Butterfly หรือ Crab Pattern จะมีอัตราส่วน Fibonacci ที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละคลื่นย่อย
จำเป็นต้องใช้ Indicator อื่นๆ ร่วมกับ Gartley Pattern หรือไม่? การใช้ Indicator เสริม เช่น Moving Averages, RSI หรือ MACD สามารถช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งในการยืนยันสัญญาณการกลับตัวได้ โดยเฉพาะ RSI ที่ใช้ในการระบุสภาวะ Oversold/Overbought ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ Gartley Pattern อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจหลักยังคงอยู่ที่โครงสร้างของรูปแบบและอัตราส่วน Fibonacci
Gartley Pattern ใช้ได้กับทุกตลาดการเงินหรือไม่? ใช่ Gartley Pattern เป็นรูปแบบที่อิงหลักการทางคณิตศาสตร์และพฤติกรรมราคา จึงสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับตลาดการเงินทุกประเภทที่มีข้อมูลราคาที่เพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นตลาด Forex, หุ้น, สินค้าโภคภัณฑ์, หรือคริปโตเคอร์เรนซี อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาพคล่องและลักษณะเฉพาะของแต่ละตลาด
มีความเสี่ยงอะไรบ้างในการเทรดด้วย Gartley Pattern? ความเสี่ยงหลักคือการระบุรูปแบบที่ไม่ถูกต้อง หรือการเทรดโดยไม่รอการยืนยันจาก รูปแบบแท่งเทียน กลับตัว นอกจากนี้ ตลาดอาจมีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ ทำให้รูปแบบล้มเหลว ดังนั้น การมีแผนการบริหารความเสี่ยงที่ชัดเจน เช่น การกำหนดจุด Stop Loss ที่เหมาะสม จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
ควรฝึกฝนการใช้ Gartley Pattern อย่างไร? เริ่มต้นด้วยการฝึกระบุรูปแบบบนแผนภูมิย้อนหลัง (Backtesting) จากนั้นใช้ บัญชีทดลอง (Demo Account) เพื่อฝึกฝนการเทรดจริงภายใต้สภาวะตลาดจำลอง การจดบันทึกการเทรด (Trading Journal) จะช่วยให้คุณเรียนรู้จากประสบการณ์และพัฒนาทักษะการระบุและเทรดรูปแบบนี้ให้ดียิ่งขึ้น

สรุป

Gartley Pattern เป็นรูปแบบ Harmonic ที่ทรงพลังและเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางในหมู่นักลงทุนและนักวิเคราะห์ทางเทคนิค ด้วยการอ้างอิงอัตราส่วน Fibonacci ที่แม่นยำ ทำให้รูปแบบนี้เป็นเครื่องมืออันทรงคุณค่าในการระบุจุดกลับตัวของราคาที่มีศักยภาพสูงในตลาดต่างๆ แม้ว่าคุณอาจจะไม่พบรูปแบบนี้บ่อยเท่ารูปแบบกราฟอื่นๆ แต่เมื่อใดก็ตามที่คุณสามารถระบุ Gartley Pattern ได้อย่างถูกต้องบนแผนภูมิ ไม่ว่าจะเป็นในคู่สกุลเงิน, ทองคำ หรือสกุลเงินดิจิทัล มันคือโอกาสทางการค้าที่คุณไม่ควรพลาด

การทำความเข้าใจในโครงสร้างของ Bullish และ Bearish Gartley Pattern, กฎเกณฑ์ Fibonacci ที่เกี่ยวข้อง, และการมีแผนการซื้อขายที่รัดกุม ซึ่งรวมถึงจุดเข้า, จุดทำกำไร, และจุดหยุดขาดทุนที่ชัดเจน จะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการเทรดของคุณ โปรดจำไว้ว่า การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอในบัญชีทดลอง และการบริหารความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด เป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่ความเชี่ยวชาญในการใช้ Gartley Pattern และความยั่งยืนในการลงทุนของคุณ

สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
________________________________________________
✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
MTrading เทรดดีไม่มีสะดุด XAUUSD ไม่มีค่า Swap บนบัญชี M.Pro!
________________________________________________
✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่?https://bit.ly/MTRatsamee
Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
——–
ติดตามเราได้ที่
?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
_____________________________________________

You Might Also Like

Contact Us on Line