ข้อดีของการเทรด Forex ที่คุณควรรู้: ทำไมตลาด FX จึงเป็นโอกาสทองสำหรับนักลงทุนทุกระดับ
การซื้อขาย Forex หรือตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มการซื้อขายที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายผ่านอุปกรณ์มือถือ ทำให้การซื้อขายสกุลเงินออนไลน์เป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกสบายยิ่งขึ้น ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดในโลกก็ตาม ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกถึงประโยชน์และข้อดีหลักของการซื้อขาย Forex พร้อมทั้งอธิบายรายละเอียดและแนวคิดสำคัญที่นักเทรดทุกคนควรทราบ เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้

การซื้อขาย Forex คืออะไร? ทำความเข้าใจพื้นฐาน
สำหรับผู้ที่ยังใหม่กับโลกของการลงทุน ตลาด Forex หรือที่ย่อมาจาก “Foreign Exchange” คือตลาดที่ทำการซื้อขายสกุลเงินต่างๆ ทั่วโลก เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันสูงกว่า 6.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นและตลาดอื่นๆ ดูเล็กไปเลยในทันที
การซื้อขาย Forex ในรูปแบบพื้นฐานที่สุดคือการแลกเปลี่ยนสกุลเงินหนึ่งเป็นอีกสกุลเงินหนึ่ง โดยมีเป้าหมายเพื่อทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน นักเทรด Forex จะทำการเก็งกำไรว่าคู่สกุลเงินใดจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงในมูลค่า จากนั้นจึงตัดสินใจว่าจะซื้อ (Long) หรือขาย (Short) คู่นั้นๆ
ตัวอย่างเช่น หากคุณคาดการณ์ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) จะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) คุณก็สามารถซื้อคู่สกุลเงิน USD/JPY ได้ และหากการคาดการณ์ของคุณถูกต้อง เมื่อ USD แข็งค่าขึ้น คุณก็จะสามารถขายคืนเพื่อทำกำไรได้ แต่ในทางกลับกัน หาก USD อ่อนค่าลง คุณก็จะขาดทุนได้เช่นกัน
แม้ว่าการซื้อขาย Forex อาจมีความเสี่ยงและความผันผวนสูง แต่สิ่งนี้ก็เป็นปัจจัยที่ดึงดูดนักลงทุนจำนวนมาก ความผันผวนของตลาดนี่เองที่สร้างโอกาสในการทำกำไร ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดผลกำไรหรือขาดทุนขึ้นอยู่กับทิศทางของการเทรดที่คุณเลือก นอกจากนี้ การพัฒนาทางเทคโนโลยี เช่น กลยุทธ์การซื้อขาย Forex ที่มีประสิทธิภาพ, การซื้อขาย Forex แบบ algorithmic (การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการเทรด) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่าง Expert Advisors (EA) ได้เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการซื้อขายและลดภาระของนักเทรดได้เป็นอย่างมาก ทำให้ในปี 2022 และต่อๆ ไป นักเทรดมีโอกาสมากขึ้นที่จะใช้เครื่องมือเหล่านี้เพื่อประสบความสำเร็จ
17 ประโยชน์หลักของการซื้อขาย Forex ที่นักเทรดต้องรู้
การลงทุนในตลาด Forex มีข้อดีหลายประการที่ทำให้เป็นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนทั่วโลก ตั้งแต่มือใหม่ไปจนถึงผู้มีประสบการณ์ ลองมาดูกันว่า 17 ประโยชน์หลักเหล่านี้มีอะไรบ้าง:
1. ตลาด 24 ชั่วโมง: โอกาสในการเทรดที่ไร้ขีดจำกัด
แตกต่างจากตลาดหลักทรัพย์ส่วนใหญ่ที่มีเวลาทำการที่จำกัด (โดยทั่วไปคือ 9:00 น. – 16:00 น. ขึ้นอยู่กับประเทศ) ตลาด Forex เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ โดยเริ่มต้นตั้งแต่เช้าวันจันทร์ในนิวซีแลนด์ ไปจนถึงบ่ายวันศุกร์ตามเวลาของนิวยอร์ก ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถซื้อขายได้ตลอดเวลาที่ตลาดเปิด ไม่ว่าคุณจะมีตารางเวลาที่ยุ่งแค่ไหนก็ตาม ความยืดหยุ่นนี้ทำให้คุณมีโอกาสในการเทรดมากขึ้น และสามารถปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณได้อย่างลงตัว ไม่ต้องกังวลว่าจะพลาดโอกาสสำคัญเพราะติดงานหรือกิจกรรมอื่นๆ
2. การศึกษาฟรีเพื่อเป็นผู้ค้า FX ที่ประสบความสำเร็จ
การเทรด Forex นั้นเรียนรู้ได้ง่ายในเบื้องต้น แต่การที่จะเชี่ยวชาญนั้นต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ หลายคนจึงเรียกการเทรดว่าเป็น “การเดินทาง” ที่ FTT Investing เรามุ่งมั่นที่จะมอบเนื้อหาการศึกษาที่ดีที่สุดแก่นักเทรดทุกคน เพื่อเริ่มต้นเส้นทางการซื้อขายบนเส้นทางที่ถูกต้อง มีแหล่งข้อมูลการศึกษาฟรีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบทความ, วิดีโอสอน, เว็บบินาร์, หรือแม้แต่บัญชีทดลอง ซึ่งจะช่วยให้คุณพัฒนาทักษะและความรู้ได้อย่างต่อเนื่อง การเข้าถึงการศึกษาฟรีเหล่านี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการเรียนรู้พื้นฐานและกลยุทธ์ต่างๆ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก

3. รูปแบบการซื้อขายที่หลากหลายและยืดหยุ่น
ในตลาด Forex คุณสามารถทำกำไรได้ทั้งจากการซื้อ (Long) และการขาย (Short) ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยการใช้รูปแบบการซื้อขายที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น:
- กลยุทธ์การเคลื่อนไหวของราคา (Price Action Trading): การวิเคราะห์พฤติกรรมราคาบนกราฟโดยตรง โดยไม่พึ่งพาอินดิเคเตอร์มากนัก
- การซื้อขายรายวัน (Day Trading): การเปิดและปิดสถานะภายในวันเดียวกัน เพื่อทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้น
- การซื้อขายแบบ Scalping: การเปิดและปิดสถานะอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่นาทีหรือวินาที เพื่อเก็บกำไรเล็กๆ น้อยๆ หลายครั้ง
- การซื้อขายแบบ Swing Trading: การถือสถานะนานขึ้น (หลายวันถึงหลายสัปดาห์) เพื่อจับการเคลื่อนไหวของราคาที่ใหญ่ขึ้น
- การซื้อขายแบบ Position Trading: การถือสถานะเป็นระยะเวลานาน (หลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน) โดยอิงตามแนวโน้มระยะยาว
แต่ละรูปแบบการซื้อขายมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน การเลือกรูปแบบที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับเวลาที่คุณมีให้กับการเทรด, ระดับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ และเป้าหมายการลงทุนของคุณ การใช้กลยุทธ์การซื้อขาย Forex ที่เหมาะสม ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน จะช่วยให้คุณดำเนินการซื้อขายได้อย่างมั่นใจ พร้อมกับการปฏิบัติตามแนวทางการจัดการความเสี่ยงอย่างละเอียด
4. ค่าใช้จ่ายในการซื้อขายต่ำและโปร่งใส
โดยทั่วไปแล้ว โบรกเกอร์ Forex จะเป็นผู้ดูแลค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขาย ซึ่งหมายความว่าคุณไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าธรรมเนียมการโอน, การฝาก-ถอน หรือค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยน ที่ FTT Investing ผู้ใช้บัญชีมาตรฐานส่วนใหญ่ไม่มีค่าคอมมิชชั่น ในขณะที่ผู้ใช้บัญชีมืออาชีพอาจมีค่าคอมมิชชั่นเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับประเภทของผลิตภัณฑ์ที่คุณกำลังซื้อขายและระยะเวลาที่คุณเปิดสถานะการซื้อขาย แต่โดยรวมแล้ว ค่าใช้จ่ายในการซื้อขาย Forex มักจะต่ำและมีความโปร่งใสสูง ทำให้นักเทรดสามารถคำนวณต้นทุนและผลตอบแทนได้ง่ายขึ้น
5. เครื่องมือการบริหารความเสี่ยงที่ครอบคลุม
การลงทุนในตลาดการเงินมีความเสี่ยงอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น Forex, สินค้าโภคภัณฑ์, หุ้น หรือตลาดอื่นๆ การมีเทคนิคการจัดการความเสี่ยง Forex ที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักเทรดที่ต้องการประสบความสำเร็จในระยะยาว เครื่องมือและเทคนิคสำคัญที่คุณสามารถใช้ได้เมื่อทำการซื้อขาย Forex ได้แก่:
- บัญชีซื้อขายทดลอง (Demo Account): ฝึกฝนการซื้อขายด้วยเงินเสมือนจริงโดยไม่มีความเสี่ยง
- การตั้งค่าคำสั่งหยุดการขาดทุน (Stop Loss) และจำกัดกำไร (Take Profit): กำหนดจุดออกจากการเทรดเพื่อจำกัดการขาดทุนและรับประกันกำไร
- การตั้งค่าการแจ้งเตือนราคา (Price Alerts): รับการแจ้งเตือนเมื่อราคาเคลื่อนไหวถึงระดับที่กำหนด
- การใช้รูปแบบการซื้อขายที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงของคุณ: เลือกกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงของคุณ
- การปรับอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk-Reward Ratio): คำนวณความเสี่ยงที่คุณยินดีรับเมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่คุณคาดว่าจะได้รับ
การใช้เครื่องมือเหล่านี้อย่างมีวินัยจะช่วยให้คุณควบคุมความเสี่ยงและปกป้องเงินทุนของคุณได้ดียิ่งขึ้น
6. เลเวอเรจ: เพิ่มพลังในการลงทุน
ความสามารถในการใช้เลเวอเรจ (Leverage) เป็นหนึ่งในข้อได้เปรียบที่น่าดึงดูดใจที่สุดของการซื้อขาย Forex เนื่องจากช่วยให้คุณสามารถเปิดสถานะการค้าขนาดใหญ่ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นเพียงเล็กน้อย จำนวนเลเวอเรจที่มีให้บริการจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์และภูมิภาคที่คุณทำการซื้อขาย
ตัวอย่าง: หากนักเทรดเลือกอัตราส่วนเลเวอเรจที่ 10:1 หมายความว่าทุกๆ 1 ดอลลาร์ของเงินทุนในบัญชี พวกเขาสามารถซื้อขายได้สูงถึง 10 ดอลลาร์

ประโยชน์ของการใช้เลเวอเรจคือศักยภาพในการเพิ่มผลกำไรของคุณ แต่สิ่งสำคัญที่ต้องจำคือมันสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนได้เช่นกัน ดังนั้น เมื่อใช้เลเวอเรจ คุณต้องพิจารณาระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมเสมอ และใช้มันอย่างระมัดระวังด้วยการจัดการความเสี่ยงที่เข้มงวด
7. ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง (Long or Short)
ในตลาด Forex คุณสามารถทำกำไรได้ไม่ว่าตลาดจะอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลง ซึ่งแตกต่างจากตลาดหุ้นทั่วไปที่มักจะทำกำไรได้เฉพาะเมื่อราคาหุ้นเพิ่มขึ้น ในโลกของ Forex คุณมักจะขายสกุลเงินหนึ่งเพื่อซื้ออีกสกุลเงินหนึ่งเสมอ
ตัวอย่าง: คู่สกุลเงินจะแสดงด้วยสกุลเงินหลักเป็นคู่แรกและสกุลเงินอ้างอิงเป็นคู่ที่สองเสมอ เช่น AUD/USD กำหนดราคาตามหน่วยของ AUD ที่มีมูลค่าเป็น USD
- หากคุณคิดว่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) จะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ (USD): คุณจะ “ซื้อ” คู่นี้ (เปิดสถานะ Long) โดยคาดหวังว่า AUD จะแข็งค่าขึ้น
- หากคุณคิดว่า AUD จะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับ USD: คุณจะ “ขาย” คู่นี้ (เปิดสถานะ Short) โดยคาดหวังว่า AUD จะอ่อนค่าลง
ความยืดหยุ่นนี้ทำให้นักเทรดมีโอกาสในการทำกำไรในทุกสภาวะตลาด ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญเมื่อเทียบกับตลาดการเงินอื่นๆ
8. ตลาดที่มีสภาพคล่องสูง (Highly Liquid Market)
สภาพคล่อง (Liquidity) คือคำที่ใช้อธิบายสินทรัพย์ที่สามารถซื้อหรือขายในตลาดได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อราคาโดยรวมของสินทรัพย์นั้น ตลาด Forex ถือว่ามีสภาพคล่องสูงมาก เนื่องจากเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกและมีผู้คนจำนวนมหาศาลทำการซื้อขายอยู่ตลอดเวลา ทำให้ยากที่จะควบคุมราคาได้อย่างไม่น่าเชื่อ แม้กระทั่งโดยผู้ที่ซื้อขายในปริมาณที่สูงมาก
สภาพคล่องสูงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะทำให้ราคาค่อนข้างคงที่ มีการซื้อขายเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้คุณสามารถเข้าและออกจากสถานะได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการหาคู่ค้า หรือผลกระทบต่อราคาอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ สภาพคล่องสูงยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิด Slippage (ราคาที่คาดว่าจะได้ไม่ตรงกับราคาที่ได้รับจริง) ในสถานการณ์ตลาดปกติ
9. เริ่มต้นด้วยเงินทุนต่ำ (Starting with Low Capital)
คุณไม่จำเป็นต้องมีเงินจำนวนมากเพื่อเริ่มซื้อขาย Forex เนื่องจากตลาด Forex เป็นตลาดการเงินที่เข้าถึงได้มากที่สุดในโลก การเริ่มต้นเส้นทางการซื้อขายของคุณด้วยเงินเพียง 100 ดอลลาร์จึงเป็นตัวเลือกที่แน่นอน โบรกเกอร์หลายรายมีบัญชีประเภท Micro หรือ Cent ที่ช่วยให้คุณสามารถเทรดด้วยขนาดล็อตที่เล็กมากได้
เมื่อคุณเริ่มซื้อขาย สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาเป้าหมายที่คุณหวังว่าจะได้รับจากการเทรด และระดับความเสี่ยงที่คุณยินดีรับ นักเทรดจำนวนมากมองว่าการซื้อขายเป็นวิธีเสริมรายได้ที่มีอยู่ และมักจะเริ่มต้นด้วยการเทรดในเวลาว่างเพื่อหารายได้พิเศษจากการทำงานประจำ การซื้อขายด้วยวิธีนี้ช่วยให้คุณปรับตัวเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณ แทนที่จะทำให้มันเป็นศูนย์กลางของโลกของคุณ
10. เริ่มต้นด้วยขนาดการค้าขนาดเล็ก (Small Trade Sizes)
ในตลาด Forex เมื่อคุณต้องการเปิดการซื้อขาย คุณต้องเลือกขนาดการซื้อขายซึ่งเรียกว่า “ล็อต” ขนาดการค้าของคุณจะถูกกำหนดโดยจำนวนล็อตที่คุณจะซื้อหรือขายในการซื้อขาย ล็อตคำนวณโดยใช้สกุลเงินในบัญชีของคุณและขนาดล็อตโดยทั่วไปประกอบด้วย:
- ล็อตมาตรฐาน (Standard Lot): 100,000 หน่วยของสกุลเงิน
- มินิล็อต (Mini Lot): 10,000 หน่วยของสกุลเงิน
- ไมโครล็อต (Micro Lot): 1,000 หน่วยของสกุลเงิน
“ไมโครล็อต” คือขนาดล็อตที่แนะนำสำหรับผู้เริ่มต้น หากบัญชีของคุณได้รับเงินจากดอลลาร์สหรัฐฯ ก็จะเท่ากับ 1,000 ดอลลาร์ของสกุลเงินหลักที่คุณต้องการซื้อขาย เมื่อทำการซื้อขายคู่สกุลเงินดอลลาร์ มูลค่า 1 pip (จุด) จะเท่ากับ 10 เซ็นต์ ทำให้ผู้ค้า Forex รายใหม่สามารถจัดการความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้นและเรียนรู้ตลาดโดยไม่ต้องเสี่ยงกับเงินทุนจำนวนมาก
11. การใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis)
ความสามารถในการอ่านและทำความเข้าใจกราฟ Forex และใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค จะมีประโยชน์อย่างยิ่งในการซื้อขายสกุลเงิน ผู้ซื้อและผู้ขายสกุลเงินในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจะกำหนดอัตราของตราสาร FX แบบเรียลไทม์ ในขณะที่ธนาคารกลางยังคงรักษาเสถียรภาพและความผันผวนของสกุลเงิน
ไม่มีใครสามารถทำนายการเคลื่อนไหวของตลาดได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ด้วยการเรียนรู้ตัวชี้วัดทางเทคนิคที่พบบ่อยที่สุด เช่น:
- ระดับแนวรับและแนวต้าน (Support and Resistance Levels): ราคาที่ตลาดมีแนวโน้มที่จะหยุดและกลับตัว
- Fibonacci Retracement: เครื่องมือที่ใช้วัดระดับการกลับตัวของราคาที่อาจเกิดขึ้น
- Moving Averages (MA): เส้นที่แสดงค่าเฉลี่ยของราคาในช่วงเวลาหนึ่ง
- Relative Strength Index (RSI): อินดิเคเตอร์ที่วัดความแข็งแกร่งของการเคลื่อนไหวของราคา
- Moving Average Convergence Divergence (MACD): อินดิเคเตอร์ที่ใช้บ่งชี้แนวโน้มและการกลับตัวของราคา
คุณสามารถระบุตำแหน่งที่คู่สกุลเงินต่ำสุดและสูงสุด และทำการคาดการณ์เพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดในอนาคตได้ การวิเคราะห์ทางเทคนิคช่วยให้คุณเข้าใจถึงพฤติกรรมของราคาในอดีตและนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจซื้อขายในปัจจุบันและอนาคต

12. แพลตฟอร์มการซื้อขาย Forex ฟรี
เมื่อคุณสร้างบัญชีซื้อขายจริงกับโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้ คุณจะสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มการซื้อขายระดับโลกอย่าง MetaTrader 4 (MT4) หรือ MetaTrader 5 (MT5) ได้ฟรี แพลตฟอร์มเหล่านี้ไม่เพียงแต่ให้คุณเข้าถึงคู่สกุลเงินกว่า 70 คู่เท่านั้น แต่ยังรวมถึง CFD หุ้น, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์ (เช่น น้ำมันและโลหะมีค่า) และคริปโตเคอร์เรนซีด้วย
การมีแพลตฟอร์มการซื้อขายฟรีที่มีฟังก์ชันการทำงานครบครันเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับนักเทรดทุกคน ช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์ตลาด, วางคำสั่งซื้อขาย, และจัดการบัญชีของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
13. ฝึกฝนโดยไม่มีความเสี่ยงด้วยบัญชีทดลอง (Demo Accounts)
ก่อนที่จะเข้าสู่โลกแห่งการซื้อขายจริง คุณควรทำความเข้าใจกับประสบการณ์การซื้อขายแบบ “ลงมือปฏิบัติ” โดยใช้เงินทุนเสมือนจริงในบัญชีทดลอง การใช้บัญชีทดลองเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงที่ดีเยี่ยม ช่วยให้นักเทรดสามารถลองใช้กลยุทธ์และรูปแบบการซื้อขายที่แตกต่างกันโดยไม่ต้องใช้เงินทุนจริงใดๆ
เคล็ดลับ: ลงทะเบียนสำหรับบัญชีซื้อขายทดลองและเริ่มต้นด้วยเงินเสมือนจริง 50,000 ดอลลาร์ เพื่อฝึกฝนและสร้างความมั่นใจก่อนที่จะลงทุนด้วยเงินจริง คุณสามารถทดสอบระบบเทรด, เรียนรู้การใช้อินดิเคเตอร์ต่างๆ, และทำความเข้าใจสภาพตลาดจริงโดยปราศจากความกดดันทางอารมณ์ที่มาพร้อมกับการใช้เงินจริง
14. ตลาด Forex ไม่มีความสัมพันธ์โดยตรงกับตลาดหุ้น
ตลาด Forex ไม่มีความสัมพันธ์โดยตรงกับตลาดหุ้น หมายความว่าหากตลาดหุ้นตกต่ำครั้งใหญ่ ก็ไม่ได้หมายความว่าคู่สกุลเงินที่คุณกำลังซื้อขายจะลดลงตามไปด้วยเสมอไป ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบในการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าไม่มีการเชื่อมโยงกันเลย ในอดีตเคยมีเหตุการณ์ที่ดัชนีหุ้นติดลบและคู่สกุลเงินได้เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน เช่น คู่ USD/JPY และดัชนี Nikkei เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันในช่วงเริ่มต้นของภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกในปี 2550

ดังนั้น การศึกษาปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทั้งสองตลาดจึงเป็นสิ่งสำคัญ การไม่มีความสัมพันธ์โดยตรงช่วยให้นักลงทุนสามารถลดความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ตโฟลิโอได้ หากตลาดหนึ่งกำลังอยู่ในช่วงขาลง ตลาด Forex อาจยังคงมีโอกาสในการทำกำไรอยู่
15. เทรด Forex ได้จากทุกที่ในโลก
ในยุคปัจจุบัน คุณไม่จำเป็นต้องติดอยู่กับโต๊ะทำงานที่มีหน้าจอคอมพิวเตอร์หลายจอเพื่อทำความเข้าใจตลาดได้อย่างถ่องแท้ เทคโนโลยีได้ทำให้การซื้อขายเป็นเรื่องง่ายและพกพาสะดวก คุณสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มการซื้อขายผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของคุณได้จากทุกที่ที่มีอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าคุณจะเดินทาง, พักผ่อน, หรืออยู่ที่บ้าน ก็สามารถตรวจสอบสถานะการเทรด, วิเคราะห์ตลาด, และวางคำสั่งซื้อขายได้ตลอดเวลา ความสะดวกสบายนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การซื้อขาย Forex เป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุนทั่วโลก
16. ช่องว่างข้ามคืนน้อยกว่าตลาดหุ้น (Fewer Overnight Gaps)
“ช่องว่าง” (Gap) ในการซื้อขายหมายถึงการหยุดพักระหว่างชั่วโมงตลาดซื้อขายเมื่อราคาแตกต่างจากราคาของเซสชันก่อนหน้า หากราคาเปิดใหม่สูงกว่าราคาของเซสชันที่แล้ว จะเรียกว่า “ช่องว่างขึ้น” (Gap Up) ในขณะที่หากต่ำกว่าจะเรียกว่า “ช่องว่างลง” (Gap Down)
เนื่องจากตลาด Forex ทำงานอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมงในช่วงสัปดาห์ทำงาน จึงมีช่องว่างเพียงช่องเดียวเท่านั้นที่เกิดขึ้นเป็นประจำ คือระหว่างการปิดตลาดในวันศุกร์และการเปิดในวันจันทร์ถัดไป สิ่งนี้นำเสนอกลยุทธ์การซื้อขายที่ค่อนข้างตรงไปตรงมาและน่าสนใจที่จะใช้โดยการซื้อขายช่องว่างช่วงสุดสัปดาห์ในคู่สกุลเงิน Forex การมีช่องว่างน้อยกว่าหมายถึงความไม่แน่นอนที่น้อยลงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นที่มักจะมีช่องว่างเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงข้ามคืน
17. ไม่มีตลาดแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ (No Centralised Exchanges)
ตลาด Forex ทั่วโลกไม่ได้ถูกควบคุมโดยตลาดแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ แต่จะทำงานเกือบตลอดเวลาตามวัฏจักรของดวงอาทิตย์ โดยแบ่งออกเป็นสามภูมิภาคหลัก ได้แก่ ออสตราเลเซีย, ยุโรป และอเมริกาเหนือ การดำเนินการซื้อขายอย่างต่อเนื่องระหว่างศูนย์กลางทางการเงินเหล่านี้ทำให้นักเทรดทั่วโลกมีโอกาสที่จะจับการค้าในตลาดที่กระจายอำนาจในเขตเวลาที่แตกต่างกัน
ตัวอย่าง: หากคุณอาศัยอยู่ในเอเชีย คุณยังคงสามารถซื้อขายได้ระหว่างโซนเวลายุโรปหรืออเมริกาเหนือ หากคุณต้องการบันทึกการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (USD), ยูโร (EUR) หรือปอนด์อังกฤษ (GBP) เมื่อตลาดเหล่านั้นอยู่ในช่วงที่มีกิจกรรมมากที่สุด
หน่วยงานกำกับดูแลครอบคลุมเขตอำนาจศาลทั่วโลกที่โบรกเกอร์ Forex มีความโดดเด่นมากที่สุด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้แน่ใจว่ามีการปฏิบัติที่ยุติธรรมและมีจริยธรรมที่ดำเนินการโดยธุรกิจการค้า หน่วยงานกำกับดูแลที่สำคัญที่สุดบางแห่ง ได้แก่ Financial Conduct Authority (FCA) ของสหราชอาณาจักร, Monetary Authority of Singapore (MAS) ของสิงคโปร์ และ Australian Securities and Investment Commission (ASIC) ของออสเตรเลีย ซึ่งเป็นหลักประกันความปลอดภัยให้กับนักลงทุน
ความเสี่ยงของการซื้อขาย Forex ที่คุณต้องตระหนัก
อย่างที่คุณเห็น มีเหตุผลมากมายว่าทำไมการเป็นเทรดเดอร์ Forex ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือผู้มีประสบการณ์จึงสามารถทำกำไรได้ แต่ในแง่บวก ย่อมมีแง่ลบอยู่เสมอ ดังนั้นนี่คือความเสี่ยงทั่วไปบางประการที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขาย FX ที่คุณควรทราบและเข้าใจอย่างถ่องแท้:
- การใช้เลเวอเรจในปริมาณที่มากขึ้นหมายถึงความเสี่ยงสูง: แม้ว่าเราจะกล่าวว่าเลเวอเรจเป็นหนึ่งในผลประโยชน์หลักของการเทรด Forex คุณก็ต้องตระหนักว่ามันมาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงเช่นกัน เลเวอเรจสามารถขยายกำไรได้ แต่ก็สามารถขยายการขาดทุนได้เช่นกัน หากการเทรดไม่เป็นไปตามที่ต้องการ นักเทรด Forex จำเป็นต้องมีความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับอารมณ์ของตนเอง, ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับเลเวอเรจ และการจัดสรรเงินทุนที่มั่นคง เพื่อให้สามารถตัดการขาดทุนในระยะสั้นได้หากการค้าไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ การจัดการความเสี่ยงด้วยการกำหนด Stop Loss จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง
- กระบวนการกำหนดราคาตลาดเป็นเรื่องยาก: อัตราแลกเปลี่ยนของคู่สกุลเงินได้รับอิทธิพลจากองค์ประกอบต่างๆ มากมาย เช่น การเมืองทั่วโลก, นโยบายของธนาคารกลาง, หรือปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ซับซ้อน ซึ่งหมายความว่าอาจเป็นเรื่องยากที่จะสรุปผลที่มีความหมายและคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำ เนื่องจากวิธีการเทรด Forex จำนวนมากนั้นขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐาน การตีความข้อมูลอย่างไม่ถูกต้องและการอ่านกราฟที่ไม่ถูกต้องอาจหมายถึงการจบลงด้วยการเทรดที่ติดลบ การศึกษาและติดตามข่าวสารเศรษฐกิจอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งจำเป็น
- ความผันผวนสูง: ตลาด Forex ที่มีความผันผวนสูงสามารถถูกมองว่าเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการทำเงิน แต่ยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นที่จะสูญเสียโดยไม่มีการควบคุมพัฒนาการด้านภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจมหภาค ตลาด 24/5 FX ทำให้ยากต่อการคาดการณ์ความผันผวนและราคา และนี่คือเหตุผลว่าทำไมการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม เช่น การหยุดการขาดทุน (Stop Loss) สำหรับการเทรด Forex ทั้งหมดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด การเทรดในช่วงที่มีข่าวเศรษฐกิจสำคัญประกาศอาจทำให้เกิดความผันผวนรุนแรง และอาจส่งผลให้เกิดการขาดทุนอย่างรวดเร็วได้ หากไม่มีการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดี
ข้อดีของการซื้อขาย Forex เหนือหุ้นคืออะไร?
มีความคล้ายคลึงกันบางอย่างระหว่าง Forex และตลาดหุ้น แต่ก็ยังมีข้อได้เปรียบที่ชัดเจนบางอย่างที่ตลาด Forex มีเหนือตลาดหุ้น:
- สภาพคล่องและปริมาณการซื้อขาย: ตลาด Forex มีสภาพคล่องสูงกว่าและมีปริมาณการซื้อขายที่มากกว่าตลาดหุ้นอย่างมหาศาล ทำให้การเข้าและออกจากสถานะเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
- ต้นทุนการทำธุรกรรมต่ำ: โดยทั่วไปแล้ว ค่าใช้จ่ายในการซื้อขาย Forex (เช่น ค่าสเปรด) มักจะต่ำกว่าค่าคอมมิชชั่นและค่าธรรมเนียมอื่นๆ ในการซื้อขายหุ้น
- ความผันผวนที่มากขึ้น: แม้จะมีความเสี่ยง แต่ความผันผวนที่สูงในตลาด Forex ก็สร้างโอกาสในการทำกำไรได้มากกว่าในระยะเวลาอันสั้น
- เวลาทำการของตลาด: ตลาด Forex เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งดีกว่าเมื่อเทียบกับชั่วโมงที่จำกัดของตลาดหุ้น ทำให้มีความยืดหยุ่นในการเทรดสูง
- ติดตามง่ายกว่า: ตลาด Forex มีคู่สกุลเงินหลักที่สำคัญเพียงไม่กี่คู่ให้ติดตาม ซึ่งง่ายกว่ามากเมื่อเทียบกับการมีหุ้นนับพันรายการในตลาดหุ้น ทำให้สามารถมุ่งเน้นการวิเคราะห์ได้ดียิ่งขึ้น
Forex ดีสำหรับผู้เริ่มต้นหรือไม่?
สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ Forex อาจเป็นตลาดที่ยอดเยี่ยมในการเริ่มต้น เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วจะมีต้นทุนที่ต่ำกว่า, มีแหล่งการศึกษาฟรีมากมาย และความสามารถในการฝึกฝนโดยใช้บัญชีทดลอง อย่างไรก็ตาม ผู้ค้ารายใหม่ควรใช้ความระมัดระวังและให้แน่ใจว่าได้ทำการวิจัยและมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเพียงพอเกี่ยวกับตลาด Forex ก่อนที่จะเริ่มซื้อขายจริง การเรียนรู้พื้นฐาน, การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ, และการจัดการความเสี่ยงอย่างเคร่งครัดเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในระยะยาว
สรุป
ตลาดสกุลเงินทั่วโลกมีความโดดเด่นในด้านขนาด, ความสามารถในการเข้าถึง, และโอกาสที่สามารถนำเสนอได้ การสละเวลาสักครู่เพื่อดูว่ามันทำงานอย่างไรและข้อดีที่ใหญ่ที่สุดของการซื้อขาย Forex คุณจะค้นพบว่าทำไมตลาดระดับโลกแห่งนี้จึงเป็นที่นิยมในหมู่ผู้คนทั่วโลก แม้จะมีความเสี่ยงที่มาพร้อมกับความผันผวนและเลเวอเรจ แต่ด้วยความรู้, การฝึกฝน, และการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม นักเทรดทุกคนมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จและสร้างผลกำไรในตลาด Forex ได้อย่างยั่งยืน เริ่มต้นการเดินทางของคุณวันนี้ด้วยการเรียนรู้และใช้เครื่องมือที่มีให้ เพื่อปลดล็อกศักยภาพการลงทุนของคุณในตลาด Forex!
https://bit.ly/GMI-TH