TOP 10 บทความยอดนิยม

ดูทั้งหมด
สอนเทรดมือใหม่

Forex มีคู่เงินกี่ประเภท?

มิถุนายน 7, 2022

ประเภทของคู่เงิน Forex ที่นักเทรดควรรู้: เจาะลึก Major, Minor และ Exotic Pairs

การเทรด Forex หรือตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เป็นการซื้อสกุลเงินหนึ่งและขายอีกสกุลเงินหนึ่งไปพร้อมๆ กัน ซึ่งหมายความว่าทุกการเทรดในตลาดนี้จะต้องดำเนินการในรูปแบบของ “คู่เงิน” เสมอ โดยมีสกุลเงินหลายร้อยคู่ที่หมุนเวียนอยู่ในตลาด แต่ไม่ใช่ทุกคู่จะเหมาะสมกับการเทรดสำหรับทุกคน ในปัจจุบัน มีคู่เงินประมาณ 180 คู่ที่ได้รับการยอมรับและมีการซื้อขายอย่างแพร่หลาย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ คู่เงินหลัก (Major Currency Pairs), คู่เงินรอง (Cross Currency Pairs หรือ Minor Currency Pairs) และคู่เงินเกิดใหม่ (Exotic Currency Pairs) การทำความเข้าใจประเภทของคู่เงินเหล่านี้ถือเป็นรากฐานสำคัญสำหรับนักเทรดทุกคน ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือผู้มีประสบการณ์ เพื่อให้สามารถวางแผนกลยุทธ์และจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประเภทของคู่เงิน Forex

3 ประเภทหลักของคู่เงินในตลาด Forex

ในตลาด Forex คู่เงินที่ซื้อขายกันอย่างแพร่หลายสามารถจำแนกออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก ซึ่งแต่ละประเภทมีลักษณะเฉพาะตัวด้านสภาพคล่อง ความผันผวน และปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคา การเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้จะช่วยให้นักเทรดสามารถเลือกคู่เงินที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดและความเสี่ยงที่ยอมรับได้

1. คู่เงินหลัก (Major Currency Pairs)

คู่เงินหลักเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมสูงสุดและมีการซื้อขายมากที่สุดในตลาด Forex ทั่วโลก เนื่องจากมีปริมาณการซื้อขายสูงมาก จึงมี สภาพคล่อง สูง และมี สเปรด (ค่าส่วนต่างราคาซื้อขาย) ที่ค่อนข้างต่ำ ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับนักเทรดทุกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เทรดเดอร์มือใหม่ ที่ต้องการเริ่มต้น

สกุลเงินหลัก 8 สกุลที่เป็นส่วนประกอบ

สกุลเงินหลัก 8 สกุลที่สำคัญและมีการซื้อขายอย่างกว้างขวางทั่วโลก ได้แก่:

  • ดอลลาร์สหรัฐ (USD): เป็นสกุลเงินสำรองของโลกและมีอิทธิพลอย่างมากต่อตลาดการเงินทั่วโลก
  • ยูโร (EUR): สกุลเงินของกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นหนึ่งในเขตเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก
  • เยนญี่ปุ่น (JPY): สกุลเงินของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่และเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี
  • ปอนด์อังกฤษ (GBP): สกุลเงินของสหราชอาณาจักร มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์การเงินโลก
  • ฟรังก์สวิส (CHF): สกุลเงินของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความมั่นคงและสถานะเป็นแหล่งพักเงินที่ปลอดภัย (Safe-haven)
  • ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD): สกุลเงินของประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่
  • ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD): สกุลเงินของประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งเศรษฐกิจพึ่งพาสินค้าเกษตรและท่องเที่ยว
  • ดอลลาร์แคนาดา (CAD): สกุลเงินของประเทศแคนาดา ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและทรัพยากรธรรมชาติรายใหญ่

คู่เงินหลัก 7 คู่ที่ได้รับความนิยมสูงสุด

คู่เงินหลักจะประกอบด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) จับคู่กับสกุลเงินหลักอื่นๆ โดยมีทั้งหมด 7 คู่ ดังนี้:

  1. EUR/USD (ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐ): เป็นคู่เงินที่มีการซื้อขายมากที่สุดในโลก แสดงถึงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างยุโรปและสหรัฐอเมริกา
  2. USD/JPY (ดอลลาร์สหรัฐ/เยนญี่ปุ่น): เป็นคู่เงินที่สะท้อนถึงนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ และธนาคารกลางญี่ปุ่น รวมถึงความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ย
  3. GBP/USD (ปอนด์อังกฤษ/ดอลลาร์สหรัฐ): หรือที่รู้จักกันในนาม “เคเบิล” เป็นคู่เงินที่มีความผันผวนสูงและสะท้อนเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร
  4. AUD/USD (ดอลลาร์ออสเตรเลีย/ดอลลาร์สหรัฐ): อ่อนไหวต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์และเศรษฐกิจของจีนอย่างมาก
  5. USD/CAD (ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์แคนาดา): ได้รับอิทธิพลจากราคาน้ำมัน เนื่องจากแคนาดาเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่
  6. USD/CHF (ดอลลาร์สหรัฐ/ฟรังก์สวิส): มักถูกมองว่าเป็นคู่เงิน Safe-haven เนื่องจากฟรังก์สวิสเป็นสกุลเงินที่มีความมั่นคง
  7. NZD/USD (ดอลลาร์นิวซีแลนด์/ดอลลาร์สหรัฐ): คล้ายกับ AUD/USD คืออ่อนไหวต่อราคาสินค้าเกษตรและเศรษฐกิจโลก

ราคาของคู่เงินหลักมีการเคลื่อนไหวบ่อยครั้งและคาดการณ์ได้ง่ายกว่าคู่เงินประเภทอื่น ทำให้มีโอกาสในการเทรดสูง การเริ่มต้นเทรดด้วยคู่เงินหลักจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับนักเทรดที่ต้องการความเสถียรและสภาพคล่องที่ดี

คู่เงินหลัก Forex

2. คู่เงินรอง (Cross Currency Pairs หรือ Minor Currency Pairs)

คู่เงินรอง หรือที่เรียกว่า Cross Currency Pairs เป็นคู่เงินที่ประกอบด้วยสกุลเงินหลักสองสกุลที่ไม่ได้จับคู่กับดอลลาร์สหรัฐ (USD) ถึงแม้จะไม่มีปริมาณการซื้อขายมากเท่าคู่เงินหลัก แต่ก็ยังคงมีสภาพคล่องที่ดีพอสมควร และเปิดโอกาสในการเทรดที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นสำหรับนักเทรดที่มองหาความแตกต่าง

ลักษณะและคุณสมบัติของคู่เงินรอง

  • ไม่มี USD เป็นส่วนประกอบ: นี่คือคุณสมบัติหลักที่ทำให้คู่เงินเหล่านี้แตกต่างจากคู่เงินหลัก
  • สภาพคล่องปานกลาง: แม้จะน้อยกว่าคู่เงินหลัก แต่ก็ยังถือว่าเพียงพอสำหรับการซื้อขายโดยทั่วไป
  • สเปรดที่สูงขึ้นเล็กน้อย: โดยปกติจะมีสเปรดที่กว้างกว่าคู่เงินหลักเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลมาจากสภาพคล่องที่น้อยกว่า
  • ได้รับอิทธิพลจากข่าวเศรษฐกิจของสองประเทศโดยตรง: การเคลื่อนไหวของราคาจะขึ้นอยู่กับปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเมือง และเหตุการณ์สำคัญของประเทศที่เกี่ยวข้องโดยตรง
  • เหมาะสำหรับนักเทรดที่มีประสบการณ์: เนื่องจากความผันผวนที่อาจจะสูงกว่าและสเปรดที่กว้างกว่า ทำให้ต้องใช้ความเข้าใจและประสบการณ์ในการวิเคราะห์มากขึ้น

คู่เงินรองที่ได้รับความนิยม

คู่เงินรองที่มีการซื้อขายกันมากที่สุดมักจะเกี่ยวข้องกับสกุลเงินหลักอย่าง ยูโร (EUR), เยนญี่ปุ่น (JPY) และปอนด์อังกฤษ (GBP) ตัวอย่างเช่น:

  • คู่เงิน Cross-Euro (EUR ครอส):
    • EUR/GBP (ยูโร/ปอนด์อังกฤษ)
    • EUR/JPY (ยูโร/เยนญี่ปุ่น)
    • EUR/AUD (ยูโร/ดอลลาร์ออสเตรเลีย)
    • EUR/CAD (ยูโร/ดอลลาร์แคนาดา)
    • EUR/CHF (ยูโร/ฟรังก์สวิส)
    • EUR/NZD (ยูโร/ดอลลาร์นิวซีแลนด์)

    คู่เงินรอง Cross-Euro

  • คู่เงิน Cross-Yen (JPY ครอส):
    • GBP/JPY (ปอนด์อังกฤษ/เยนญี่ปุ่น)
    • AUD/JPY (ดอลลาร์ออสเตรเลีย/เยนญี่ปุ่น)
    • CAD/JPY (ดอลลาร์แคนาดา/เยนญี่ปุ่น)
    • CHF/JPY (ฟรังก์สวิส/เยนญี่ปุ่น)
    • NZD/JPY (ดอลลาร์นิวซีแลนด์/เยนญี่ปุ่น)

    คู่เงินรอง Cross-Yen

  • คู่เงิน Cross-Pound (GBP ครอส):
    • GBP/AUD (ปอนด์อังกฤษ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย)
    • GBP/CAD (ปอนด์อังกฤษ/ดอลลาร์แคนาดา)
    • GBP/CHF (ปอนด์อังกฤษ/ฟรังก์สวิส)
    • GBP/NZD (ปอนด์อังกฤษ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์)

    คู่เงินรอง Cross-Pound

การเทรดคู่เงินรองอาจให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ แต่ก็มาพร้อมกับความท้าทายที่มากกว่าคู่เงินหลัก นักเทรดควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและใช้ กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยง ที่รัดกุม

3. คู่เงินเกิดใหม่ (Exotic Currency Pairs)

คู่เงินเกิดใหม่ หรือ Exotic Currency Pairs เป็นคู่เงินที่จับคู่ระหว่างสกุลเงินหลัก (โดยส่วนใหญ่คือ USD) กับสกุลเงินของประเทศที่มีเศรษฐกิจกำลังพัฒนา หรือเศรษฐกิจขนาดเล็ก โดยทั่วไปแล้วคู่เงินประเภทนี้จะมีสภาพคล่องต่ำและมีความผันผวนสูงมากเมื่อเทียบกับคู่เงินหลักและคู่เงินรอง

ลักษณะและคุณสมบัติของคู่เงินเกิดใหม่

  • ประกอบด้วยสกุลเงินหลักและสกุลเงินตลาดเกิดใหม่: ตัวอย่างเช่น USD/THB (ดอลลาร์สหรัฐ/บาทไทย), USD/MXN (ดอลลาร์สหรัฐ/เปโซเม็กซิกัน), USD/BRL (ดอลลาร์สหรัฐ/เรียลบราซิล)
  • สภาพคล่องต่ำ: เนื่องจากมีปริมาณการซื้อขายไม่มากนัก ทำให้ยากต่อการเข้าและออกจากตำแหน่งเทรด
  • สเปรดสูงมาก: เป็นผลมาจากสภาพคล่องที่ต่ำและมักจะมีค่าคอมมิชชั่นในการเทรดที่สูงกว่าคู่เงินประเภทอื่นอย่างเห็นได้ชัด
  • ความผันผวนสูง: ราคาอาจเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงและคาดเดาได้ยาก เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากปัจจัยภายในประเทศ เช่น นโยบายการเมือง ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และเหตุการณ์เฉพาะประเทศ
  • ความเสี่ยงสูง: ด้วยสภาพคล่องที่ต่ำ สเปรดที่กว้าง และความผันผวนสูง ทำให้การเทรดคู่เงินเกิดใหม่มีความเสี่ยงสูงมาก
  • เหมาะสำหรับนักเทรดผู้เชี่ยวชาญ: คู่เงินประเภทนี้ไม่เหมาะสำหรับ นักเทรดมือใหม่ ควรเป็นนักเทรดที่มีประสบการณ์สูงและเข้าใจถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างถ่องแท้

ตัวอย่างคู่เงินเกิดใหม่ที่น่าสนใจ

ตัวอย่างคู่เงินเกิดใหม่ที่มักจะมีการซื้อขายในตลาด Forex:

  • USD/MXN (ดอลลาร์สหรัฐ/เปโซเม็กซิกัน)
  • USD/BRL (ดอลลาร์สหรัฐ/เรียลบราซิล)
  • USD/TRY (ดอลลาร์สหรัฐ/ลีราตุรกี)
  • USD/ZAR (ดอลลาร์สหรัฐ/แรนด์แอฟริกาใต้)
  • USD/THB (ดอลลาร์สหรัฐ/บาทไทย)
  • USD/HUF (ดอลลาร์สหรัฐ/โฟรินต์ฮังการี)

การเทรดคู่เงินเกิดใหม่อาจให้ผลตอบแทนที่สูงหากคาดการณ์ได้อย่างถูกต้อง แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะขาดทุนอย่างรวดเร็วเช่นกัน ดังนั้น การวิจัยข้อมูลและ การจัดการความเสี่ยง จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

คู่เงินเกิดใหม่ Forex

คู่เงินอื่นๆ ที่น่าสนใจและควรทราบ

นอกเหนือจากสามประเภทหลักข้างต้นแล้ว ยังมีกลุ่มคู่เงินอื่นๆ ที่น่าสนใจและเป็นที่รู้จักในหมู่นักเทรด ซึ่งมักจะจัดกลุ่มตามภูมิภาคหรือลักษณะทางเศรษฐกิจที่คล้ายคลึงกัน การทำความเข้าใจกลุ่มเหล่านี้จะช่วยให้นักเทรดมีมุมมองที่กว้างขึ้นในการเลือกคู่เงินที่อาจมีศักยภาพในการทำกำไร

The Scandies: สกุลเงินกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย

กลุ่มสกุลเงิน “The Scandies” หมายถึงสกุลเงินของประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย ซึ่งได้แก่:

  • โครนเดนมาร์ก (DKK): สกุลเงินของประเทศเดนมาร์ก
  • โครนนอร์เวย์ (NOK): สกุลเงินของประเทศนอร์เวย์
  • โครนาสวีเดน (SEK): สกุลเงินของประเทศสวีเดน

คู่เงินในกลุ่มนี้มักจะจับคู่กับสกุลเงินหลัก เช่น EUR/DKK, USD/NOK, EUR/SEK เป็นต้น เศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้มักได้รับอิทธิพลจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ (สำหรับนอร์เวย์) และมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งกับสหภาพยุโรป

CEE: สกุลเงินกลุ่มประเทศยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก

กลุ่ม “CEE” ย่อมาจาก Central and Eastern Europe ซึ่งเป็นสกุลเงินของประเทศในภูมิภาคยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก ตัวอย่างสกุลเงินในกลุ่มนี้ ได้แก่:

  • เลกแอลเบเนีย (ALL): สกุลเงินของประเทศอัลบาเนีย
  • เลฟบัลแกเรีย (BGN): สกุลเงินของประเทศบัลแกเรีย
  • คูนาโครเอเชีย (HRK): สกุลเงินของประเทศโครเอเชีย
  • โครูนาเช็ก (CZK): สกุลเงินของสาธารณรัฐเช็ก
  • และสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค เช่น โฟรินต์ฮังการี (HUF), ซวอตีโปแลนด์ (PLN)

คู่เงิน CEE มักจะจับคู่กับ EUR หรือ USD การเคลื่อนไหวของราคาสกุลเงินเหล่านี้ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคในยูโรโซน รวมถึงปัจจัยเฉพาะประเทศ

BRIICS: สกุลเงินกลุ่มประเทศเศรษฐกิจพิเศษ

กลุ่ม “BRIICS” เป็นการขยายตัวมาจากกลุ่ม BRICS เดิม ซึ่งหมายถึงกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ขนาดใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลกอย่างมาก ได้แก่:

  • Brazil (บราซิล) – เรียลบราซิล (BRL)
  • Russia (รัสเซีย) – รูเบิลรัสเซีย (RUB)
  • Indonesia (อินโดนีเซีย) – รูเปียห์อินโดนีเซีย (IDR)
  • India (อินเดีย) – รูปีอินเดีย (INR)
  • China (จีน) – หยวนจีน (CNY)
  • South Africa (แอฟริกาใต้) – แรนด์แอฟริกาใต้ (ZAR)

สกุลเงินในกลุ่ม BRIICS มักจะจับคู่กับ USD หรือ EUR การเทรดคู่เงินเหล่านี้มีความผันผวนสูงและมีความเสี่ยงเนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมภายในประเทศเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม หากวิเคราะห์ได้ถูกต้อง ก็อาจให้ผลตอบแทนที่สูงได้เช่นกัน

การทำความเข้าใจในรายละเอียดของแต่ละกลุ่มคู่เงินจะช่วยให้นักเทรดสามารถตัดสินใจเลือกคู่เงินที่เหมาะสมกับกลยุทธ์การเทรด ความรู้ และระดับความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้ การกระจายความรู้ไปยังคู่เงินที่หลากหลายจะเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาคู่เงินใดคู่เงินหนึ่งมากเกินไป

ตารางสรุปประเภทของคู่เงิน Forex

เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้น สามารถสรุปคุณสมบัติหลักของคู่เงินแต่ละประเภทได้ดังตารางนี้:

ประเภทคู่เงิน ลักษณะ สภาพคล่อง สเปรด ความผันผวน ความเสี่ยง ระดับที่แนะนำสำหรับนักเทรด
คู่เงินหลัก (Major Pairs) USD จับคู่กับสกุลเงินหลักอื่นๆ สูงมาก ต่ำ ปานกลาง ต่ำ-ปานกลาง มือใหม่ถึงมืออาชีพ
คู่เงินรอง (Cross/Minor Pairs) สกุลเงินหลัก 2 สกุล ไม่รวม USD ปานกลาง ปานกลาง-สูง ปานกลาง-สูง ปานกลาง-สูง มีประสบการณ์
คู่เงินเกิดใหม่ (Exotic Pairs) สกุลเงินหลัก (ส่วนใหญ่ USD) จับคู่กับสกุลเงินตลาดเกิดใหม่ ต่ำ สูงมาก สูงมาก สูงมาก ผู้เชี่ยวชาญ

FAQ Section: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับคู่เงิน Forex

Q1: ทำไมนักเทรดมือใหม่ควรเริ่มต้นเทรดด้วยคู่เงินหลัก (Major Currency Pairs)?

A1: นักเทรดมือใหม่ควรเริ่มต้นด้วยคู่เงินหลัก (Major Currency Pairs) เนื่องจากคู่เงินเหล่านี้มี สภาพคล่อง สูงที่สุดในตลาด Forex ทำให้ง่ายต่อการเข้าและออกจากตำแหน่งเทรดโดยไม่เกิด Slippage มากนัก นอกจากนี้ยังมี สเปรด (ค่าส่วนต่างราคาซื้อขาย) ที่ต่ำกว่าคู่เงินประเภทอื่น ซึ่งช่วยลดต้นทุนการเทรด และราคาของคู่เงินหลักมักจะเคลื่อนไหวตามข่าวเศรษฐกิจที่สำคัญและสามารถวิเคราะห์ได้ง่ายกว่า ทำให้มือใหม่สามารถเรียนรู้และทำความเข้าใจกลไกตลาดได้ดีขึ้น

Q2: คู่เงินรอง (Cross Currency Pairs) มีความแตกต่างจากคู่เงินหลักอย่างไร?

A2: ความแตกต่างหลักคือคู่เงินรองจะไม่มีสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) เป็นส่วนประกอบ แต่จะจับคู่กันระหว่างสกุลเงินหลักอื่นๆ เช่น EUR/JPY, GBP/AUD เป็นต้น ในทางกลับกัน คู่เงินหลักจะประกอบด้วย USD เสมอ (เช่น EUR/USD, USD/JPY) คู่เงินรองโดยทั่วไปมี สภาพคล่อง ต่ำกว่าและมี สเปรด ที่กว้างกว่าคู่เงินหลัก ทำให้ต้นทุนการเทรดสูงขึ้น และอาจมีความผันผวนมากกว่า ซึ่งต้องใช้ความระมัดระวังและประสบการณ์ในการเทรดมากกว่า

Q3: การเทรดคู่เงินเกิดใหม่ (Exotic Currency Pairs) มีความเสี่ยงอย่างไร?

A3: การเทรดคู่เงินเกิดใหม่มีความเสี่ยงสูงมากเนื่องจากหลายปัจจัย ประการแรกคือมี สภาพคล่อง ต่ำมาก ทำให้การเข้าและออกจากตำแหน่งเทรดทำได้ยากและอาจเกิด Slippage ขนาดใหญ่ ประการที่สองคือ สเปรด ที่กว้างมาก ทำให้ต้นทุนการเทรดสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และประการสุดท้ายคือความผันผวนของราคาที่สูงและคาดเดาได้ยาก เนื่องจากได้รับอิทธิพลอย่างมากจากเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองภายในประเทศนั้นๆ ซึ่งอาจไม่สามารถวิเคราะห์ได้ด้วยข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่อย่างจำกัด

Q4: คู่เงิน BRIICS คืออะไร และมีประเทศใดบ้าง?

A4: คู่เงิน BRIICS เป็นกลุ่มสกุลเงินของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งประกอบด้วย บราซิล (Brazil – BRL), รัสเซีย (Russia – RUB), อินโดนีเซีย (Indonesia – IDR), อินเดีย (India – INR), จีน (China – CNY) และแอฟริกาใต้ (South Africa – ZAR) การรวมกลุ่มนี้มีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศสมาชิก โดยสกุลเงินเหล่านี้มักถูกจับคู่กับสกุลเงินหลัก เช่น USD หรือ EUR ในการเทรด Forex และมีความเสี่ยงสูงเนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิจเฉพาะประเทศ

Q5: อะไรคือปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาก่อนเลือกคู่เงินสำหรับการเทรด?

A5: ก่อนเลือกคู่เงินสำหรับการเทรด ควรพิจารณาปัจจัยสำคัญหลายประการ ได้แก่:

  1. สภาพคล่อง: เลือกคู่เงินที่มีสภาพคล่องสูงเพื่อลด สเปรด และลดความเสี่ยงจาก Slippage
  2. ความผันผวน: พิจารณาว่าระดับความผันผวนของคู่เงินนั้นเหมาะสมกับ สไตล์การเทรด ของคุณหรือไม่
  3. ข่าวสารและปัจจัยทางเศรษฐกิจ: เลือกคู่เงินที่คุณสามารถติดตามข่าวสารและปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อสกุลเงินนั้นๆ ได้อย่างง่ายดาย
  4. ความรู้และประสบการณ์: เริ่มต้นจากคู่เงินที่คุณมีความรู้พื้นฐานและค่อยๆ ขยายไปยังคู่เงินที่ซับซ้อนขึ้นเมื่อมีประสบการณ์มากขึ้น
  5. การบริหารความเสี่ยง: ไม่ว่าจะเลือกคู่เงินประเภทใด การบริหารความเสี่ยง เป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพื่อปกป้องเงินทุนของคุณ

Conclusion: สรุปและข้อคิด

การทำความเข้าใจประเภทของคู่เงินในตลาด Forex ไม่ว่าจะเป็นคู่เงินหลัก (Major Currency Pairs), คู่เงินรอง (Cross Currency Pairs) หรือคู่เงินเกิดใหม่ (Exotic Currency Pairs) ถือเป็นรากฐานสำคัญสำหรับนักเทรดทุกคน การเลือกคู่เงินที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรด ระดับความรู้ และความเสี่ยงที่ยอมรับได้ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้

สำหรับ นักเทรดมือใหม่ การเริ่มต้นด้วยคู่เงินหลักที่มี สภาพคล่อง สูงและ สเปรด ต่ำ เช่น EUR/USD หรือ USD/JPY จะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและช่วยให้เรียนรู้กลไกตลาดได้ดีที่สุด เมื่อมีประสบการณ์และความเข้าใจมากขึ้น การขยับไปเทรดคู่เงินรองหรือคู่เงินเกิดใหม่ที่ให้โอกาสในการทำกำไรสูงขึ้นแต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่มากขึ้น ก็เป็นสิ่งที่เป็นไปได้

สิ่งสำคัญที่สุดคือการศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน วิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อราคาคู่เงิน และที่ขาดไม่ได้คือ การบริหารจัดการความเสี่ยง อย่างเคร่งครัด การมีวินัยในการเทรดและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องจะนำไปสู่การเป็นนักเทรด Forex ที่ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน

ฟรี! ระบบเทรดอัตโนมัติ และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี!
สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการใช้ EA indicator ระบบเทรดอัตโนมัติ และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี
มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ระบบเทรดอัตโนมัติ ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆ อื่นๆ ได้อีกในอนาคต
  • XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย

    https://bit.ly/XmFree30USD

  • Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ

    https://bit.ly/MtradingTH

  • Exness – โบรกเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด

    https://bit.ly/ExnessCom

**”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อขอรับ EA ได้ฟรี!”**
.
ช่องทางการพูดคุย
.
Line Id :: @ft.th
.
.
กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กำไรอย่างยั่งยืน
*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

You Might Also Like

Contact Us on Line