TOP 10 บทความยอดนิยม

ดูทั้งหมด
สอนเทรดมือใหม่

ซื้อขาย Forex ที่ไหน เมื่อไหร่ และอย่างไร?

สิงหาคม 11, 2022

เจาะลึก 3 คำถามสำคัญสำหรับผู้เริ่มต้นซื้อขาย Forex: คู่มือฉบับสมบูรณ์

3 คำถามพื้นฐานของการซื้อขาย Forex

สำหรับผู้ที่สนใจก้าวเข้าสู่โลกของการ เทรด Forex การทำความเข้าใจพื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง บทความนี้จะเจาะลึก 3 คำถามสำคัญที่นักเทรดมือใหม่มักสงสัย พร้อมขยายความและให้รายละเอียดเชิงลึกเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและครบถ้วน เพื่อให้คุณเตรียมพร้อมสำหรับการเริ่มต้นการลงทุนในตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้ได้อย่างมั่นใจ

เราสามารถซื้อขาย Forex ได้ที่ไหน?

ตลาด Forex หรือตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันสูงกว่า 6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คำว่า “การค้าแลกเปลี่ยน” นั้นครอบคลุมธุรกรรมการแลกเปลี่ยนสกุลเงินทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนเพื่อวัตถุประสงค์ส่วนตัว การค้า หรือการลงทุน

การทำธุรกรรม Forex ที่เราพบเห็นในชีวิตประจำวัน

โดยไม่รู้ตัว เราทุกคนต่างมีส่วนร่วมในธุรกรรม Forex อยู่บ่อยครั้ง ตัวอย่างเช่น:

  • การเดินทางต่างประเทศ: เมื่อคุณเดินทางไปยังประเทศอื่น คุณจะต้องแลกเปลี่ยนสกุลเงินท้องถิ่นของคุณเป็นสกุลเงินของประเทศปลายทาง นี่คือการทำธุรกรรม Forex โดยตรง
  • การซื้อสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศ: หากคุณสั่งซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ต่างประเทศ ราคาสินค้ามักจะแสดงเป็นสกุลเงินต่างชาติ และเมื่อชำระเงิน ธนาคารของคุณจะทำการแปลงสกุลเงินจากบัญชีของคุณเป็นสกุลเงินของผู้ขายโดยอัตโนมัติ ซึ่งมีอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามาเกี่ยวข้อง
  • การโอนเงินระหว่างประเทศ: การส่งเงินให้ญาติหรือเพื่อนที่อยู่ต่างประเทศ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการทำธุรกรรม Forex ที่มีการแปลงสกุลเงิน

การซื้อขาย Forex ในฐานะนักเก็งกำไรหรือนักลงทุน

หากคุณต้องการ ซื้อขาย Forex เพื่อเก็งกำไรจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน หรือเพื่อการลงทุนในระยะยาว คุณจะต้องทำการซื้อขายผ่าน โบรกเกอร์ Forex โบรกเกอร์เหล่านี้ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงคุณเข้ากับตลาด Forex ทั่วโลก

ประเภทของโบรกเกอร์ Forex

โบรกเกอร์ Forex มีหลากหลายประเภท ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะแบ่งตามลักษณะการดำเนินงานและบริการที่นำเสนอ:

  1. ธนาคาร: ธนาคารขนาดใหญ่หลายแห่งให้บริการซื้อขาย Forex แก่ลูกค้าสถาบันและลูกค้ารายย่อยที่มีเงินทุนสูง โดยมักจะเน้นที่ธุรกรรมขนาดใหญ่
  2. บริษัทโบรกเกอร์เอกชน (Retail Forex Brokers): นี่คือประเภทของโบรกเกอร์ที่นักเทรดรายย่อยส่วนใหญ่มักจะใช้บริการ มีทั้งแบบ Dealing Desk (Market Makers) และ Non-Dealing Desk (ECN/STP Brokers)
    • Dealing Desk (DD) / Market Makers: โบรกเกอร์ประเภทนี้จะสร้างตลาดภายในของตนเอง โดยจะเป็นคู่ค้าโดยตรงกับนักเทรด นั่นหมายความว่าคำสั่งซื้อขายของคุณจะถูกจับคู่ภายในโบรกเกอร์เอง พวกเขาสามารถเสนอสเปรดที่คงที่และมีสภาพคล่องสูง อย่างไรก็ตาม อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (conflict of interest) เนื่องจากโบรกเกอร์จะได้กำไรเมื่อนักเทรดขาดทุน
    • Non-Dealing Desk (NDD) / ECN/STP Brokers: โบรกเกอร์ประเภทนี้จะส่งคำสั่งซื้อขายของลูกค้าไปยังผู้ให้บริการสภาพคล่อง (Liquidity Providers) โดยตรง เช่น ธนาคารขนาดใหญ่ หรือสถาบันการเงินอื่นๆ ทำให้ไม่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์และมักจะเสนอ สเปรดที่ผันแปร และแคบกว่า ซึ่งสะท้อนถึงราคาตลาดจริงได้ดีกว่า
      สเปรด หมายถึง ส่วนต่างระหว่างราคา Bid (ราคาที่คุณสามารถขายได้) และราคา Ask (ราคาที่คุณสามารถซื้อได้) ยิ่งสเปรดแคบเท่าไหร่ ต้นทุนการซื้อขายของคุณก็จะยิ่งต่ำลงเท่านั้น
  3. ตัวแทน (Introducing Brokers – IBs): ไม่ใช่โบรกเกอร์โดยตรง แต่เป็นตัวแทนที่แนะนำลูกค้าไปยังโบรกเกอร์หลัก พวกเขาจะได้รับค่าคอมมิชชั่นจากการแนะนำลูกค้าและการซื้อขายของลูกค้า

ต้นทุนการทำธุรกรรมในการซื้อขาย Forex

หนึ่งในข้อดีของการซื้อขาย Forex คือ โดยทั่วไปแล้ว ไม่มีค่าธรรมเนียมหรือค่าคอมมิชชั่น ในการเปิดหรือปิดการซื้อขายเหมือนกับการซื้อขายหุ้นหรือกองทุน ต้นทุนหลักเพียงอย่างเดียวที่คุณจะต้องจ่ายคือ:

  • สเปรด (Spread): คือส่วนต่างระหว่างราคา Bid และ Ask ที่โบรกเกอร์เรียกเก็บ นี่คือรายได้หลักของโบรกเกอร์ ยิ่งสเปรดต่ำเท่าไหร่ ต้นทุนของคุณก็ยิ่งต่ำลงเท่านั้น โบรกเกอร์ Forex ที่ดีและแข่งขันได้มักจะเสนอสเปรดที่ “บางเฉียบ” เพื่อดึงดูดนักเทรดและลดภาระต้นทุนในการซื้อขาย
  • ค่า Swap/Rollover (ถ้ามี): หากคุณเปิดสถานะข้ามคืน คุณอาจต้องจ่ายหรือได้รับค่า Swap ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกันระหว่างสองสกุลเงินในคู่เทรด
  • ค่าธรรมเนียมการถอนเงิน (ถ้ามี): โบรกเกอร์บางรายอาจมีค่าธรรมเนียมสำหรับการถอนเงิน แต่หลายรายก็ไม่มี

การเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ ควรพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น การกำกับดูแล (Regulation), สเปรด, ประเภทบัญชี, แพลตฟอร์มการซื้อขาย และบริการลูกค้า

เราจะเทรด Forex ได้เมื่อไหร่?

ตลาด Forex มีความโดดเด่นอย่างมากในเรื่องของเวลาทำการ มันเป็น ตลาดซื้อขายเก็งกำไรที่แท้จริงตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เหมือนตลาดหุ้นที่เปิดเป็นเวลา ตลาด Forex เปิดทำการตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ (ตามเวลาท้องถิ่นของแต่ละภูมิภาค) เนื่องจากมีศูนย์กลางการเงินหลักทั่วโลกที่เปิดทำการในเวลาที่แตกต่างกัน

ช่วงเวลาทำการของตลาด Forex ทั่วโลก

ตลาด Forex เปิดทำการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเย็นวันอาทิตย์ (ตามเวลากรีนิช GMT หรือตามเวลาประเทศไทย) ไปจนถึงช่วงเย็นวันศุกร์ โดยอาศัยการหมุนเวียนของตลาดหลักๆ ทั่วโลก ได้แก่:

  1. ตลาดซิดนีย์/เวลลิงตัน (ออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์): เริ่มเปิดทำการเป็นอันดับแรก (ช่วงเย็นวันอาทิตย์ตามเวลา GMT/ประเทศไทย)
  2. ตลาดโตเกียว (เอเชีย): ตามมาด้วยตลาดในเอเชีย
  3. ตลาดลอนดอน (ยุโรป): เป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงสุดและมีปริมาณการซื้อขายมากที่สุด
  4. ตลาดนิวยอร์ก (อเมริกา): เป็นตลาดสุดท้ายที่เปิดทำการและเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับสอง

กฎที่ต้องจำ: คุณสามารถ แลกเปลี่ยน Forex ได้ตลอดเวลาระหว่าง วันอาทิตย์ 10:00 GMT (ประมาณ 17:00 น. ตามเวลาประเทศไทย) ถึงวันศุกร์ 10:00 GMT (ประมาณ 17:00 น. ตามเวลาประเทศไทย) ของทุกสัปดาห์

ข้อดีของการเปิดตลอด 24 ชั่วโมง

  • ความยืดหยุ่น: นักเทรดสามารถเลือกเวลาที่เหมาะสมกับตารางชีวิตของตนเอง ไม่ว่าจะทำงานประจำหรือมีภารกิจอื่นๆ
  • โอกาสในการทำกำไร: ความผันผวนของราคาเกิดขึ้นตลอดเวลา ทำให้มีโอกาสในการเข้าทำกำไรได้ไม่จำกัดช่วงเวลา
  • ลดความเสี่ยงจากการปิดตลาด: ไม่ต้องกังวลเรื่องข่าวสารหรือเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นนอกเวลาทำการเหมือนตลาดหุ้น เพราะคุณสามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์เหล่านั้นได้ทันที

อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดจะเปิด 24 ชั่วโมง แต่ ช่วงเวลาที่เหมาะสม ที่สุดในการเทรด คือช่วงที่ตลาดมีสภาพคล่องสูงและมีความผันผวนมาก ซึ่งมักจะเป็นช่วงที่ตลาดหลักๆ ซ้อนทับกัน เช่น ช่วงตลาดลอนดอนและนิวยอร์กเปิดพร้อมกัน

เราจะเทรด Forex ได้อย่างไร?

ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ต การซื้อขาย Forex จึงกลายเป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงได้จากทุกที่ในโลก

ความสะดวกสบายของเทคโนโลยีในการเทรด Forex

ในปัจจุบัน โบรกเกอร์ Forex เกือบทั้งหมดได้พัฒนาและให้บริการ ซอฟต์แวร์การซื้อขาย (Trading Software หรือ Trading Platform) ที่รองรับอุปกรณ์หลากหลายประเภท ทำให้นักเทรดสามารถเข้าถึงตลาดได้จาก:

  • คอมพิวเตอร์แล็ปท็อป/เดสก์ท็อป: โดยใช้โปรแกรมเช่น MetaTrader 4 (MT4) หรือ MetaTrader 5 (MT5) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมที่มีเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคและฟังก์ชันการซื้อขายครบครัน (วิธีการติดตั้ง EA ใน Metatrader 4)
  • แท็บเล็ต: แอปพลิเคชันการซื้อขายที่ออกแบบมาสำหรับแท็บเล็ตทำให้คุณสามารถวิเคราะห์กราฟและทำการซื้อขายได้อย่างสะดวกสบายในขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่าโทรศัพท์มือถือ
  • โทรศัพท์มือถือ (สมาร์ทโฟน): แอปพลิเคชันมือถือของโบรกเกอร์ช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบราคา เปิด/ปิดคำสั่งซื้อขาย จัดการพอร์ตโฟลิโอ และติดตามข่าวสารได้ทุกที่ทุกเวลา เพียงแค่มี การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

ปัจจัยสำคัญในการเริ่มต้นเทรด Forex

  1. การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต: เป็นสิ่งจำเป็นอันดับแรกสำหรับการเข้าถึงแพลตฟอร์มการซื้อขายและรับข้อมูลราคาแบบเรียลไทม์
  2. บัญชีกับโบรกเกอร์ Forex: คุณจะต้อง เปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ Forex ที่ได้รับการกำกับดูแลและเชื่อถือได้
  3. แพลตฟอร์มการซื้อขาย: เลือกใช้แพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ ซึ่งส่วนใหญ่โบรกเกอร์จะมีให้เลือกทั้งบน PC และ Mobile
  4. ความรู้และกลยุทธ์: การทำความเข้าใจพื้นฐานตลาด การวิเคราะห์กราฟ การใช้ อินดิเคเตอร์ และการพัฒนากลยุทธ์การซื้อขายเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง (คุณอาจสนใจ: Forex Trading Strategies)
  5. การบริหารความเสี่ยง: การตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อจำกัดความเสี่ยงและรักษากำไร

กล่าวโดยสรุป การเข้าถึงตลาด Forex ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป คุณสามารถเริ่มต้นได้ง่ายๆ เพียงแค่มีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม การเรียนรู้และฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเป็นหัวใจสำคัญสู่ความสำเร็จในการเทรด Forex

ตารางสรุป 3 คำถามพื้นฐานของการซื้อขาย Forex

คำถาม คำตอบโดยสรุป รายละเอียดเพิ่มเติม
เราสามารถซื้อขาย Forex ได้ที่ไหน? ผ่านโบรกเกอร์ Forex โบรกเกอร์ Forex มีทั้งธนาคารและบริษัทเอกชน เช่น Dealing Desk (Market Makers) และ Non-Dealing Desk (ECN/STP) โดยมีต้นทุนหลักคือสเปรด
เราจะเทรด Forex ได้เมื่อไหร่? ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันอาทิตย์ถึงวันศุกร์ ตลาดเปิดทำการต่อเนื่อง โดยอาศัยการหมุนเวียนของศูนย์กลางการเงินหลักทั่วโลก (ซิดนีย์, โตเกียว, ลอนดอน, นิวยอร์ก)
เราจะเทรด Forex ได้อย่างไร? ผ่านซอฟต์แวร์การซื้อขายบนอุปกรณ์ต่างๆ ใช้คอมพิวเตอร์ แล็ปท็อป แท็บเล็ต หรือมือถือ พร้อมการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและบัญชีโบรกเกอร์

FAQ Section (คำถามที่พบบ่อย)

1. การซื้อขาย Forex ปลอดภัยหรือไม่?

คำตอบ: การซื้อขาย Forex มีทั้งความปลอดภัยและความเสี่ยงในตัวของมันเอง ความปลอดภัย ขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานที่มีชื่อเสียงหรือไม่ (เช่น CySEC, FCA, ASIC) โบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลจะมีการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวดเพื่อปกป้องเงินทุนของลูกค้า อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยง มาจากลักษณะของตลาดเองที่มีความผันผวนสูงและมีการใช้ Leverage (การใช้เงินกู้ยืมเพื่อเพิ่มอำนาจการซื้อขาย) ซึ่งสามารถขยายทั้งกำไรและขาดทุนได้ หากปราศจากการจัดการความเสี่ยงที่ดีและมีความรู้ความเข้าใจ ตลาด Forex อาจเป็นอันตรายต่อเงินทุนของคุณได้ ดังนั้น ควรศึกษาให้ดีและเริ่มต้นด้วยบัญชีทดลอง (Demo Account) ก่อนเสมอ (ทำไมมือใหม่ควรเริ่มต้นด้วยบัญชี Demo)

2. ต้องใช้เงินเท่าไหร่ในการเริ่มต้นเทรด Forex?

คำตอบ: จำนวนเงินทุนเริ่มต้นในการเทรด Forex มีความยืดหยุ่นสูงมาก ขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์และประเภทบัญชีที่คุณเลือก โบรกเกอร์หลายแห่งเสนอ บัญชี Cent หรือ บัญชี Micro ที่ให้คุณสามารถเริ่มต้นได้ด้วยเงินเพียงไม่กี่ดอลลาร์ (เช่น $10-$100) ซึ่งเหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการฝึกฝนโดยใช้เงินจริงในปริมาณน้อย (บัญชี Cent คืออะไร) อย่างไรก็ตาม เพื่อให้สามารถบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีโอกาสทำกำไรที่สมเหตุสมผล ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่มักแนะนำให้มีเงินทุนเริ่มต้นอย่างน้อย $100-$500 ขึ้นไป ทั้งนี้ สิ่งสำคัญกว่าจำนวนเงินคือ การบริหารจัดการเงินทุน (Money Management) และ การบริหารความเสี่ยง ที่ดี

3. ควรเลือกโบรกเกอร์ Forex อย่างไร?

คำตอบ: การเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อประสบการณ์การเทรดของคุณ ควรพิจารณาจากปัจจัยหลักดังต่อไปนี้:

  • การกำกับดูแล (Regulation): ตรวจสอบว่าโบรกเกอร์ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานทางการเงินที่เป็นที่ยอมรับและเชื่อถือได้หรือไม่ เช่น FCA (สหราชอาณาจักร), CySEC (ไซปรัส), ASIC (ออสเตรเลีย) หรือหน่วยงานอื่นๆ ที่มีมาตรฐานสูง
  • สเปรดและค่าธรรมเนียม: เปรียบเทียบสเปรดและค่าคอมมิชชั่นของโบรกเกอร์ต่างๆ ควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีสเปรดที่แข่งขันได้และโปร่งใส (โบรกเกอร์สเปรดต่ำสำหรับ Scalping)
  • แพลตฟอร์มการซื้อขาย: โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ใช้ MetaTrader 4 (MT4) และ MetaTrader 5 (MT5) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มมาตรฐาน นอกจากนี้ ควรพิจารณาถึงความเสถียร ใช้งานง่าย และมีเครื่องมือที่จำเป็นครบครัน
  • ประเภทบัญชี: เลือกประเภทบัญชีที่เหมาะกับเงินทุนและสไตล์การเทรดของคุณ (เช่น บัญชี Standard, Raw Spread, Cent Account)
  • วิธีการฝาก-ถอนเงิน: ตรวจสอบว่ามีช่องทางการฝากและถอนเงินที่สะดวก รวดเร็ว และมีค่าธรรมเนียมต่ำหรือไม่ (วิธีการฝากเงินโบรกเกอร์ XM)
  • ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า: ควรมีทีมงานที่สามารถติดต่อได้ง่าย ให้บริการเป็นภาษาไทย และสามารถช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

4. EA (Expert Advisor) หรือระบบเทรดอัตโนมัติ คืออะไร?

คำตอบ: EA หรือ Expert Advisor คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อทำการซื้อขายในตลาด Forex โดยอัตโนมัติ ตามชุดกฎและเงื่อนไขที่กำหนดไว้ล่วงหน้า หรือที่เรียกว่า “ระบบเทรดอัตโนมัติ” (Free Automated Trading System) EA จะวิเคราะห์ตลาด ค้นหาสัญญาณการซื้อขาย เปิด/ปิดคำสั่งซื้อขาย รวมถึงจัดการคำสั่ง Stop Loss และ Take Profit โดยไม่ต้องมีการแทรกแซงจากมนุษย์ตลอดเวลา ข้อดีคือ ช่วยลดอารมณ์ในการตัดสินใจ ทำงานได้ 24 ชั่วโมง และสามารถทดสอบย้อนหลัง (Backtest) เพื่อดูประสิทธิภาพได้ อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้ EA ต้องศึกษาให้ดีและทำความเข้าใจถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง เช่น ความเสี่ยงจากการ Over-optimization หรือการทำงานที่ผิดพลาดในสภาวะตลาดที่ไม่คาดคิด (EA Forex Trading)

5. การเทรด Forex แตกต่างจากการลงทุนในหุ้นอย่างไร?

คำตอบ: การเทรด Forex และการลงทุนในหุ้นมีความแตกต่างกันหลายประการ:

  • สินทรัพย์ที่ซื้อขาย: Forex คือการซื้อขายคู่สกุลเงิน เช่น EUR/USD, GBP/JPY ส่วนหุ้นคือการซื้อขายหุ้นของบริษัทจดทะเบียน
  • เวลาทำการ: ตลาด Forex เปิด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ ในขณะที่ตลาดหุ้นมีเวลาทำการที่แน่นอนในแต่ละวัน
  • สภาพคล่อง: ตลาด Forex มีสภาพคล่องสูงกว่าตลาดหุ้นอย่างมาก ทำให้สามารถเข้าและออกจากตำแหน่งได้ง่ายกว่า
  • การวิเคราะห์: Forex มักใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) และการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจมหภาค ส่วนหุ้นมีการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานที่เน้นผลประกอบการและอุตสาหกรรมของบริษัทเป็นหลัก
  • Leverage: Forex มีการใช้ Leverage ที่สูงกว่าหุ้นมาก ทำให้สามารถควบคุมเงินทุนจำนวนมากด้วยเงินลงทุนที่น้อย แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงเช่นกัน
  • ค่าธรรมเนียม: Forex ส่วนใหญ่ไม่มีค่าคอมมิชชั่น มีเพียงสเปรด ส่วนหุ้นมักมีค่าคอมมิชชั่นในการซื้อขาย

Conclusion (สรุป)

การทำความเข้าใจพื้นฐาน 3 คำถามสำคัญเกี่ยวกับการซื้อขาย Forex – เราซื้อขายได้ที่ไหน? เมื่อไหร่? และอย่างไร? – เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญสำหรับทุกคนที่ต้องการก้าวเข้าสู่ตลาดการเงินที่น่าตื่นเต้นแห่งนี้ คุณได้เรียนรู้แล้วว่าการทำธุรกรรม Forex นั้นอยู่รอบตัวเรา และการซื้อขายเพื่อการลงทุนนั้นต้องทำผ่านโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้ คุณยังได้ทราบถึงความยืดหยุ่นของตลาด Forex ที่เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง และความสะดวกสบายในการเข้าถึงผ่านอุปกรณ์ดิจิทัลต่างๆ

อย่างไรก็ตาม การเริ่มต้นการลงทุนในตลาด Forex ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่การรู้พื้นฐานเหล่านี้ แต่ยังต้องอาศัยการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การฝึกฝน การพัฒนากลยุทธ์ และที่สำคัญที่สุดคือ วินัยในการเทรดและ การบริหารความเสี่ยงที่ดีเยี่ยม (สร้างวินัยเทรด) เราขอแนะนำให้คุณเริ่มต้นด้วยบัญชีทดลอง (Demo Account) เพื่อฝึกฝนทักษะและสร้างความมั่นใจก่อนที่จะใช้เงินทุนจริง

หากคุณมีความสนใจที่จะศึกษาเพิ่มเติม หรือต้องการ รับระบบเทรดอัตโนมัติ (EA) ฟรี เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยในการซื้อขาย โปรดพิจารณาเข้าร่วมกลุ่มผู้ใช้งานของเรา หรือติดต่อสอบถามเพิ่มเติมผ่านช่องทางที่ให้ไว้ด้านล่างนี้ ทีมงาน FTTinvesting ยินดีให้คำแนะนำและสนับสนุนการเดินทางสู่ความสำเร็จในการเทรด Forex ของคุณ

You Might Also Like

Contact Us on Line