3 ตัวชี้วัดพื้นฐาน Forex ที่นักลงทุนต้องรู้เพื่อความได้เปรียบในตลาด

ในโลกของการเทรด Forex ที่เต็มไปด้วยความผันผวนและโอกาส การทำความเข้าใจปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจนับเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลและแม่นยำยิ่งขึ้น การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) คือการศึกษาข้อมูลทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง เพื่อประเมินมูลค่าที่แท้จริงของสกุลเงินนั้นๆ และคาดการณ์ทิศทางราคาในอนาคต
บทความนี้จะเจาะลึก 3 ตัวชี้วัดพื้นฐานสำคัญที่สุดในตลาด Forex ที่นักลงทุนทุกคนไม่ควรมองข้าม ซึ่งแต่ละตัวล้วนมีอิทธิพลอย่างมากต่ออัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน และหากเข้าใจอย่างถ่องแท้ จะช่วยเพิ่มความได้เปรียบในการเทรดได้อย่างมหาศาล ไม่ว่าคุณจะเป็น นักเทรดมือใหม่ หรือผู้มีประสบการณ์ การทำความเข้าใจในตัวชี้วัดเหล่านี้คือรากฐานสู่ความสำเร็จในระยะยาว
1. ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product: GDP)
GDP คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไรในตลาด Forex?
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) คือมาตรวัดมูลค่ารวมของสินค้าและบริการขั้นสุดท้ายทั้งหมดที่ผลิตขึ้นในประเทศในช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยทั่วไปแล้วจะรายงานเป็นรายไตรมาสหรือรายปี GDP เป็นตัวบ่งชี้หลักของความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจมหภาคของประเทศนั้นๆ และเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่นักลงทุนทั่วโลกจับตาดูมากที่สุด
- ทำไม GDP จึงมีผลกระทบสูงสุดต่ออัตราสกุลเงิน?
เมื่อ GDP ของประเทศใดประเทศหนึ่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง นั่นหมายถึงเศรษฐกิจของประเทศนั้นกำลังขยายตัว มีการผลิต การจ้างงาน และการบริโภคที่เพิ่มขึ้น สถานการณ์เช่นนี้จะส่งสัญญาณเชิงบวกต่อนักลงทุนทั่วโลก ทำให้ประเทศนั้นๆ กลายเป็นแหล่งดึงดูดการลงทุน นักลงทุนต่างชาติจะมีความต้องการซื้อสกุลเงินของประเทศนั้นๆ เพื่อนำเงินมาลงทุนในตลาดหุ้น พันธบัตร หรือธุรกิจต่างๆ ในประเทศ ส่งผลให้ความต้องการสกุลเงินเพิ่มขึ้น และนำไปสู่การแข็งค่าของสกุลเงินในที่สุด
- องค์ประกอบของ GDP: ทำความเข้าใจจากมุมมองนักลงทุน
GDP ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ การบริโภคส่วนบุคคล (Consumption), การลงทุนภาคเอกชน (Investment), การใช้จ่ายภาครัฐ (Government Spending) และการส่งออกสุทธิ (Net Exports) การทำความเข้าใจองค์ประกอบเหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนสามารถวิเคราะห์ได้ว่าการเติบโตของ GDP มาจากส่วนใด หากการเติบโตมาจากภาคการบริโภคและการลงทุนที่แข็งแกร่ง มักจะถูกมองว่าเป็นสัญญาณที่ดีกว่าการเติบโตที่มาจากการใช้จ่ายภาครัฐเพียงอย่างเดียว
การตีความรายงาน GDP และผลกระทบต่อการเทรด
รายงาน GDP มักถูกเผยแพร่เป็นรายไตรมาส แต่มีการแก้ไขสามสถานะที่เผยแพร่โดยมีช่วงเวลารายเดือน ได้แก่:
- รายงานล่วงหน้า (Advance Estimate): เป็นการประมาณการเบื้องต้นที่ออกมาก่อน ซึ่งอาจมีการปรับเปลี่ยนได้มากที่สุด
- รายงานเบื้องต้น (Preliminary Estimate): เป็นการปรับปรุงข้อมูลจากการประมาณการล่วงหน้า
- รายงานขั้นสุดท้าย (Final Estimate): เป็นตัวเลขที่สมบูรณ์ที่สุด
เคล็ดลับการใช้ GDP ในการเทรด:
- ความผันผวนระยะสั้น: ในช่วงเวลาของการเปิดเผยรายงาน GDP โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายงานล่วงหน้าหรือเบื้องต้น ตลาดมักจะมีความผันผวนสูง หากตัวเลขที่ประกาศออกมาแตกต่างจากที่ตลาดคาดการณ์ไว้มาก คู่สกุลเงินอาจตอบสนองด้วยการเคลื่อนไหวของราคาที่รวดเร็วและรุนแรง นี่คือโอกาสสำหรับนักเทรดระยะสั้น (Day Trading/Scalping) ในการทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน
- แนวโน้มระยะยาว: การเติบโตของ GDP ที่แข็งแกร่งและยั่งยืน เป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการแข็งค่าของสกุลเงินในระยะยาว นักลงทุนระยะยาวจะใช้ข้อมูลนี้เพื่อปรับเปลี่ยนตำแหน่งการลงทุนของตน หากเศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตดี ก็อาจพิจารณาเปิดสถานะซื้อ (Long Position) ในสกุลเงินนั้นๆ
- ตัวอย่างสถานการณ์: หาก GDP ของสหรัฐฯ ประกาศออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก อาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ เช่น EUR/USD อาจปรับตัวลดลง หรือ USD/JPY อาจปรับตัวสูงขึ้น
2. อัตราดอกเบี้ย
อัตราดอกเบี้ย: เครื่องมือสำคัญของธนาคารกลาง
อัตราดอกเบี้ย หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่ง อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Policy Interest Rate) เป็นเครื่องมือหลักที่ธนาคารกลางของแต่ละประเทศใช้ในการดำเนินนโยบายการเงิน เพื่อควบคุมปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ จัดการกับเงินเฟ้อ และส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ ธนาคารกลางจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยนี้ในการประชุมนโยบายการเงิน ซึ่งมักจะจัดขึ้นเป็นประจำทุกๆ หนึ่งถึงสองเดือน
- ทำไมอัตราดอกเบี้ยจึงมีอิทธิพลต่อค่าสกุลเงิน?
อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะช่วยเพิ่มมูลค่าและความน่าสนใจให้กับสกุลเงินที่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากการฝากเงินในสกุลเงินนั้นๆ หรือจากการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงในประเทศนั้น (เช่น พันธบัตรรัฐบาล) สิ่งนี้เรียกว่า “Carry Trade” ซึ่งหมายถึงการที่นักลงทุนกู้ยืมเงินจากประเทศที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อนำไปลงทุนในประเทศที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง ทำให้ความต้องการสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงเพิ่มขึ้น และส่งผลให้สกุลเงินนั้นแข็งค่าขึ้น ในทางกลับกัน หากอัตราดอกเบี้ยต่ำลง ความต้องการสกุลเงินก็จะลดลง ทำให้สกุลเงินอ่อนค่าลง
- การตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับอะไร?
การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยไม่ได้เป็นไปตามอำเภอใจ แต่ขึ้นอยู่กับการประเมินสภาพเศรษฐกิจมหภาคหลายประการ รวมถึงการเติบโตของ GDP, อัตราเงินเฟ้อ, อัตราการว่างงาน และปัจจัยอื่นๆ หากเศรษฐกิจเติบโตดีและเงินเฟ้อสูง ธนาคารกลางมีแนวโน้มที่จะขึ้นดอกเบี้ยเพื่อชะลอเศรษฐกิจและควบคุมเงินเฟ้อ แต่หากเศรษฐกิจชะลอตัวและเงินเฟ้อต่ำ ก็มีแนวโน้มที่จะลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
การคาดการณ์และผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ย
- ความผันผวนจากการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด: คู่สกุลเงินจะตอบสนองด้วยความผันผวนสูงต่อการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยที่ไม่คาดคิด ตัวอย่างเช่น หากธนาคารกลางประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยสวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ สกุลเงินนั้นๆ อาจแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับนักเทรดที่ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด
- การติดตามแนวโน้มระยะยาว: สิ่งสำคัญคือต้องติดตามแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยเพื่อคาดการณ์แนวโน้มระยะยาวของสกุลเงิน การที่ธนาคารกลางส่งสัญญาณ “Hawkish” (มีแนวโน้มจะขึ้นดอกเบี้ย) หรือ “Dovish” (มีแนวโน้มจะลดดอกเบี้ย) จะเป็นตัวกำหนดทิศทางของสกุลเงินในระยะกลางถึงยาว
- ตัวอย่างประกอบ: หากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve – Fed) ส่งสัญญาณว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ย่อมส่งผลให้ USD แข็งค่าขึ้น และอาจกระทบต่อคู่เงินเช่น GBP/USD ให้ปรับตัวลดลงในระยะยาว
3. อัตราการว่างงาน
อัตราการว่างงาน: ดัชนีสุขภาพของตลาดแรงงาน
อัตราการว่างงาน เป็นตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่มีอิทธิพลอย่างมาก ไม่เพียงแต่สำหรับผู้เทรดสกุลเงินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงหน่วยงานการเงินเมื่อพิจารณากำหนดอัตราดอกเบี้ยอีกด้วย ตัวเลขนี้บ่งบอกถึงสัดส่วนของกำลังแรงงานที่ไม่มีงานทำแต่กำลังหางานอยู่ อัตราการว่างงานที่ต่ำมักจะเป็นสัญญาณของเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและตลาดแรงงานที่มีสุขภาพดี
- ตัวชี้วัดการว่างงานที่สำคัญที่สุดในสหรัฐอเมริกา: Non-Farm Payrolls (NFP)
การจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-Farm Payrolls – NFP) ถือเป็นตัวชี้วัดการว่างงานที่สำคัญที่สุดในสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะออกทุกเดือน NFP ไม่เพียงแต่รายงานจำนวนผู้ว่างงานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงจำนวนการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงในภาคส่วนต่างๆ (ยกเว้นภาคเกษตร) ซึ่งเป็นข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับสถานะของตลาดแรงงาน
- ทำไมอัตราการว่างงานถึงมีผลต่อ Forex?
อัตราการว่างงานที่ลดลง หมายถึงคนมีงานทำมากขึ้น มีรายได้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นเศรษฐกิจและอาจนำไปสู่เงินเฟ้อได้ สถานการณ์เช่นนี้จะเพิ่มโอกาสที่ธนาคารกลางจะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อควบคุมเงินเฟ้อและป้องกันเศรษฐกิจร้อนจัด ซึ่งท้ายที่สุดจะส่งผลให้สกุลเงินแข็งค่าขึ้น
การวิเคราะห์รายงานการว่างงานในการเทรด
- การตอบสนองของสกุลเงินหลัก: สกุลเงินหลักมักจะตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อการประกาศตัวเลขการว่างงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง NFP หากตัวเลข NFP ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ (มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาด) มักจะส่งผลให้ USD แข็งค่าขึ้น และอาจทำให้เกิดการฟื้นตัวในระยะสั้นหรือการพลิกกลับของแนวโน้มในคู่สกุลเงินที่เกี่ยวข้อง
- รายงานการขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์: นอกจาก NFP แล้ว รายงานรายสัปดาห์เกี่ยวกับการขอรับสวัสดิการว่างงาน (Initial Jobless Claims) ก็สามารถนำมาพิจารณาได้เช่นกัน แม้ว่าจะไม่ได้มีอิทธิพลเท่ากับ NFP แต่ก็เป็นตัวบ่งชี้ถึงแนวโน้มในระยะสั้นของตลาดแรงงาน หากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลงต่อเนื่อง ก็เป็นสัญญาณที่ดีต่อเศรษฐกิจ
- ตัวอย่างประกอบ: หาก NFP ของสหรัฐฯ ออกมาดีเกินคาดอย่างมีนัยสำคัญ เราอาจเห็น USD/CHF ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการเทรดเดอร์เข้าซื้อดอลลาร์ในทันที
ตารางสรุป 3 ตัวชี้วัดพื้นฐาน Forex สำคัญ
เพื่อให้นักลงทุนเข้าใจง่ายขึ้น เราได้สรุปข้อมูลสำคัญของตัวชี้วัดพื้นฐานทั้งสามไว้ในตารางด้านล่าง:
| ตัวชี้วัด | ความหมายโดยย่อ | ผลกระทบต่อสกุลเงิน | ความถี่การประกาศ | สิ่งที่ต้องจับตา |
|---|---|---|---|---|
| GDP (ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ) | มูลค่ารวมสินค้าและบริการที่ผลิตในประเทศ | เติบโต = สกุลเงินแข็งค่าขึ้น (ดึงดูดการลงทุน) | รายไตรมาส (พร้อมการแก้ไขรายเดือน) | ตัวเลข “Advance Estimate” และการเปลี่ยนแปลงจากประมาณการ |
| อัตราดอกเบี้ย | อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ธนาคารกลางกำหนด | สูงขึ้น = สกุลเงินแข็งค่าขึ้น (ดึงดูดเงินทุน) | ทุกๆ 1-2 เดือน (ตามการประชุมธนาคารกลาง) | การเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด และแถลงการณ์ของธนาคารกลาง |
| อัตราการว่างงาน | สัดส่วนของผู้ว่างงานที่กำลังหางาน | ต่ำลง = สกุลเงินแข็งค่าขึ้น (เศรษฐกิจแข็งแกร่ง, อาจขึ้นดอกเบี้ย) | รายเดือน (เช่น NFP) และรายสัปดาห์ (Initial Jobless Claims) | ตัวเลข NFP และการเปลี่ยนแปลงจากที่คาดการณ์ไว้ |
FAQ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับตัวชี้วัดพื้นฐาน Forex
Q1: การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) แตกต่างจากการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) อย่างไร?
A1: การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานมุ่งเน้นที่การศึกษาข้อมูลทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง เพื่อประเมินมูลค่าที่แท้จริงของสกุลเงินและคาดการณ์ทิศทางราคาในระยะยาว โดยเชื่อว่าราคาจะสะท้อนถึงปัจจัยพื้นฐานของประเทศนั้นๆ ในขณะที่การวิเคราะห์ทางเทคนิคมุ่งเน้นไปที่การศึกษาพฤติกรรมราคาในอดีตผ่านกราฟและตัวชี้วัดทางเทคนิค (Indicators) เพื่อคาดการณ์ทิศทางราคาในระยะสั้นถึงกลาง โดยไม่คำนึงถึงปัจจัยพื้นฐาน การเทรดเดอร์หลายคนนิยมใช้ทั้งสองแนวทางร่วมกันเพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจ
Q2: นักลงทุนมือใหม่ควรให้ความสำคัญกับตัวชี้วัดพื้นฐานเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน?
A2: นักลงทุนมือใหม่ควรให้ความสำคัญกับการทำความเข้าใจตัวชี้วัดพื้นฐานเหล่านี้เป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นรากฐานของการวิเคราะห์เศรษฐกิจและการเคลื่อนไหวของสกุลเงิน การรู้ว่าตัวชี้วัดเหล่านี้คืออะไร ทำไมจึงสำคัญ และจะส่งผลต่อตลาดอย่างไร จะช่วยให้นักเทรดสามารถทำความเข้าใจข่าวสารเศรษฐกิจได้อย่างลึกซึ้ง และวางแผนการเทรดได้อย่างมีเหตุผลมากยิ่งขึ้น แม้จะเริ่มต้นด้วยการเทรดระยะสั้น การมีความรู้พื้นฐานเหล่านี้จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมของตลาดได้ดีกว่า
Q3: มีตัวชี้วัดพื้นฐานอื่นๆ ที่สำคัญนอกเหนือจาก GDP, อัตราดอกเบี้ย และอัตราการว่างงานหรือไม่?
A3: แน่นอนว่ามีตัวชี้วัดพื้นฐานอื่นๆ ที่สำคัญอีกมากมาย เช่น อัตราเงินเฟ้อ (Inflation Rate), ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index: CPI), ยอดค้าปลีก (Retail Sales), ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (Purchasing Managers’ Index: PMI) และดุลการค้า (Trade Balance) ตัวชี้วัดเหล่านี้ล้วนให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสุขภาพเศรษฐกิจในด้านต่างๆ และสามารถส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนได้เช่นกัน การติดตามตัวชี้วัดเหล่านี้อย่างครบวงจรจะช่วยให้นักลงทุนมีมุมมองที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
Q4: การเปลี่ยนแปลงของตัวชี้วัดพื้นฐานเหล่านี้มีผลต่อคู่สกุลเงินทุกคู่เท่ากันหรือไม่?
A4: ไม่เท่ากัน การเปลี่ยนแปลงของตัวชี้วัดพื้นฐานมักจะมีผลกระทบโดยตรงและรุนแรงที่สุดต่อสกุลเงินของประเทศที่ประกาศตัวเลขนั้นๆ และคู่สกุลเงินที่เกี่ยวข้องโดยตรง ตัวอย่างเช่น รายงาน NFP ของสหรัฐฯ จะมีผลกระทบอย่างมากต่อ USD และคู่เงินหลักที่มี USD เป็นส่วนประกอบ (เช่น EUR/USD, GBP/USD, USD/JPY) ในขณะที่ GDP ของประเทศในยุโรปอาจส่งผลกระทบหลักต่อ EUR เป็นต้น
Q5: ควรติดตามข่าวสารและปฏิทินเศรษฐกิจอย่างไรเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตัวชี้วัดเหล่านี้?
A5: นักลงทุนควรใช้ปฏิทินเศรษฐกิจ (Economic Calendar) ที่มีอยู่ทั่วไปบนเว็บไซต์ Forex โบรกเกอร์ หรือแพลตฟอร์มข่าวเศรษฐกิจต่างๆ เพื่อติดตามกำหนดการประกาศตัวชี้วัดสำคัญ นอกจากนี้ ควรติดตามข่าวสารจากสำนักข่าวการเงินที่น่าเชื่อถือ เพื่อทำความเข้าใจบริบทและการตีความของตัวเลขที่ประกาศออกมา การวิเคราะห์ว่าตัวเลขที่ประกาศออกมา “ดีกว่าคาด” “แย่กว่าคาด” หรือ “ตรงตามคาด” มีความสำคัญอย่างยิ่งในการวางแผนการเทรด
Conclusion: สรุปและแนวทางการนำไปใช้
การทำความเข้าใจ 3 ตัวชี้วัดพื้นฐาน Forex ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP), อัตราดอกเบี้ย, และอัตราการว่างงาน ถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความได้เปรียบในตลาดเหล่านี้ ตัวชี้วัดแต่ละตัวสะท้อนถึงสุขภาพเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ และมีอิทธิพลโดยตรงต่ออุปสงค์และอุปทานของสกุลเงิน ซึ่งท้ายที่สุดจะส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยน
การวิเคราะห์ปัจจัยเหล่านี้อย่างรอบคอบ ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณคาดการณ์ทิศทางตลาดได้ดีขึ้น แต่ยังช่วยให้คุณเข้าใจถึงเหตุผลเบื้องหลังการเคลื่อนไหวของราคา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการสร้าง กลยุทธ์การเทรด Forex ที่ยั่งยืน อย่าลืมว่าข้อมูลคือพลังในตลาดการเงิน และการติดอาวุธด้วยความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับตัวชี้วัดเหล่านี้ จะเป็นก้าวสำคัญสู่การเป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จ
เพิ่มประสิทธิภาพการเทรดของคุณด้วยเครื่องมือและ EA ฟรี!
สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการยกระดับการเทรดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เรามี EA (Expert Advisor) และ Indicator คุณภาพสูงให้ใช้งานฟรี พร้อมรับสิทธิ์เข้ากลุ่ม Line VIP เพื่อรับข้อมูลเชิงลึกและเคล็ดลับการเทรดสุดพิเศษ เพียงแค่สมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ที่เราแนะนำ:
XM – โบรกเกอร์คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย: https://bit.ly/XmFree30USD (ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับการ เปิดบัญชี XM)
Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ: https://bit.ly/MTRatsamee
Exness – โบรกเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด: https://bit.ly/ExnessCom (เรียนรู้ วิธีเปิดบัญชี Exness)
**เมื่อสมัครเสร็จสิ้น ส่งเลข MT4 ของคุณไปที่ Line ID: @ft.th เพื่อขอรับ EA ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆ ที่จะเพิ่มเข้ามาในอนาคต!** (ดู ระบบเทรดอัตโนมัติฟรี เพิ่มเติม)
ช่องทางการพูดคุยและติดตามข่าวสาร:
- Line ID :: @ft.th
- Facebook :: https://fb.com/ForexTipsThailand
- กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กำไรอย่างยั่งยืน https://www.fb.com/groups/1179829495508247
*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจเงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน


