TOP 10 บทความยอดนิยม

ดูทั้งหมด
ระบบเทรดสั้น

การซื้อขาย forex algorithmic คืออะไร?

ตุลาคม 3, 2022

ปลดล็อกศักยภาพการเทรด Forex: เจาะลึกกลยุทธ์ Algorithmic Trading อย่างละเอียด

ภาพประกอบ Algorithmic Trading

ในโลกของการเทรด Forex ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและซับซ้อน การพึ่งพาเพียงสัญชาตญาณหรือการวิเคราะห์ด้วยตนเองอาจไม่เพียงพอที่จะสร้างความได้เปรียบที่ยั่งยืนได้อีกต่อไป เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์การเทรด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถือกำเนิดของ Algorithmic Trading หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า Algo Trading ซึ่งเป็นกระบวนการที่ระบบคอมพิวเตอร์จะถูกตั้งโปรแกรมให้ดำเนินการซื้อขายโดยอัตโนมัติตามชุดกฎและเงื่อนไขที่กำหนดไว้ล่วงหน้า

แม้ว่าแนวคิดนี้อาจฟังดูซับซ้อนสำหรับผู้เริ่มต้น แต่แท้จริงแล้ว Algo Trading เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ความแม่นยำ และความเร็วในการตัดสินใจซื้อขายได้อย่างมหาศาล บทความนี้จะเจาะลึกถึงแก่นแท้ของ Algo Trading ในตลาด Forex ตั้งแต่หลักการพื้นฐาน กลไกการทำงาน ประโยชน์และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง ไปจนถึงกลยุทธ์ยอดนิยมที่เทรดเดอร์มืออาชีพใช้ เพื่อให้คุณเข้าใจและสามารถนำแนวคิดนี้ไปปรับใช้กับการเทรดของคุณได้อย่างมั่นใจ

การทำความเข้าใจ Algorithmic Trading ในตลาด Forex: คืออะไรและทำงานอย่างไร?

Algorithmic Trading (Algo Trading) ในตลาด Forex คือการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์หรืออัลกอริทึมในการวิเคราะห์ข้อมูลตลาด กำหนดโอกาสในการซื้อขาย และส่งคำสั่งซื้อขายไปยังตลาดโดยอัตโนมัติ โดยที่มนุษย์มีส่วนร่วมน้อยที่สุดหรือไม่เกี่ยวข้องเลย ระบบ AI เหล่านี้จะทำงานตามชุดกฎทางคณิตศาสตร์ที่ถูกเขียนขึ้นอย่างแม่นยำ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ราคาปัจจุบัน ปริมาณการซื้อขาย และกรอบเวลา

หลักการพื้นฐานของ Algorithmic Trading

หัวใจสำคัญของ Algo Trading คือ อัลกอริทึม ซึ่งเป็นชุดคำสั่งหรือกฎที่ชัดเจนที่คอมพิวเตอร์ต้องปฏิบัติตามเพื่อแก้ไขปัญหาหรือทำงานเฉพาะอย่างให้สำเร็จลุล่วง ในบริบทของการเทรด Forex อัลกอริทึมเหล่านี้จะถูกออกแบบมาเพื่อ:

  • ระบุจุดเข้า (Entry Points): เมื่อใดที่ควรเปิดสถานะซื้อหรือขาย
  • ระบุจุดออก (Exit Points): เมื่อใดที่ควรปิดสถานะเพื่อทำกำไรหรือจำกัดการขาดทุน
  • การจัดการความเสี่ยง (Risk Management): กำหนดขนาดการเทรด (Lot Size) การตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit เพื่อควบคุมความเสี่ยงและผลตอบแทน

กฎเหล่านี้สามารถมีความเรียบง่าย เช่น “ซื้อเมื่อราคาสูงกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วัน” หรือซับซ้อนมากยิ่งขึ้น โดยพิจารณาจากตัวแปรหลายประการพร้อมกัน เช่น อัตราส่วนกำไร/ขาดทุนในอดีต ข้อมูลราคาในอดีต แนวโน้มของตลาด และแม้กระทั่งข่าวสารเศรษฐกิจที่สำคัญ

กลไกการทำงานของ Algorithmic Trading

สมมติว่าคุณต้องการสร้างอัลกอริทึมที่สแกนตลาด คู่สกุลเงิน ซื้อสกุลเงินในปริมาณที่กำหนดที่ราคาหนึ่ง และขายที่ราคาอื่น การเขียนชุดกฎสำหรับอัลกอริทึมนี้อาจเริ่มต้นจากการพิจารณาการเคลื่อนไหวของราคาแบบพื้นฐาน แต่โดยทั่วไปแล้ว จะต้องรวมปัจจัยที่ซับซ้อนและเชื่อมโยงกันมากกว่านั้น ตัวอย่างเช่น:

  • การวิเคราะห์ทางเทคนิค: ใช้อินดิเคเตอร์ต่างๆ เช่น Moving Average (MA), MACD, RSI หรือ Bollinger Bands เพื่อระบุสัญญาณการซื้อขาย
  • การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน: การประมวลผลข่าวสารเศรษฐกิจ การประกาศอัตราดอกเบี้ย หรือเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีผลกระทบต่อตลาด
  • การจัดการคำสั่ง: การส่งคำสั่งซื้อขายทันทีเมื่อเงื่อนไขตรงตามที่กำหนด การตั้งค่าคำสั่งแบบจำกัด (Limit Order) หรือคำสั่งหยุด (Stop Order)

ปัจจัยสนับสนุนทั้งหมดเหล่านี้ได้รับการประเมินภายในสภาพแวดล้อมที่สภาวะต่างๆ มีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง และมักจะเคลื่อนที่เร็วมาก นี่คือจุดที่ Algo Trading มีความได้เปรียบอย่างมากเหนือผู้ค้าที่เป็นมนุษย์ในสองประเด็นหลักคือ ขนาด (Scale) และ ความเร็ว (Speed)

อัลกอริทึมไม่ได้ทำงานทีละอย่างเท่านั้น คุณสามารถเรียกใช้ได้หลายร้อยรายการพร้อมกัน ทำให้คุณสามารถครอบคลุมตำแหน่งต่างๆ ได้มากมาย และติดตามกลยุทธ์ที่หลากหลายได้ในเวลาเดียวกัน แม้แต่ในบัญชีที่แยกต่างหาก สำหรับคนที่ใช้อัลกอริทึม ความเป็นไปได้ของสิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้นั้นดูไร้ขอบเขต

การซื้อขายอัลกอริทึม MetaTrader 4

กลยุทธ์ Algorithmic Trading ยอดนิยมในตลาด Forex

Algo Trading เปิดโอกาสให้เทรดเดอร์สามารถนำกลยุทธ์ที่หลากหลายมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว นี่คือกลยุทธ์การซื้อขายแลกเปลี่ยน algorithmic ทั่วไปและวิธีเพิ่มเติมบางประการในการใช้ algorithmic ในการเดินทางสู่การซื้อขายอัตโนมัติของคุณ:

1. Forex Scalping (การ Scalping ในตลาด Forex)

Forex Scalping เป็นกลยุทธ์ที่ผู้ค้าพยายามทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคาเล็กน้อยที่อาจเกิดขึ้นภายในไม่กี่วินาทีหรือนาที เป้าหมายคือการเปิดและปิดสถานะการซื้อขายจำนวนมากในแต่ละวันเพื่อสะสมกำไรเล็กๆ น้อยๆ ให้กลายเป็นผลรวมที่น่าพอใจ การซื้อขาย Algo อาจเหมาะสมเป็นพิเศษสำหรับการซื้อขายประเภทนี้ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการเปิดการซื้อขายจำนวนมากต่อวัน และสามารถปรับปรุงความเร็วในการดำเนินการได้อย่างมากเมื่อเทียบกับการซื้อขายด้วยตนเอง

ทำไม Algo Trading จึงเหมาะกับการ Scalping?

  • ความเร็วในการดำเนินการ: อัลกอริทึมสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงราคาที่เล็กที่สุดได้เร็วกว่ามนุษย์มาก ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ Scalping ที่ต้องเข้าและออกอย่างรวดเร็ว
  • การขจัดอารมณ์: Scalping เป็นกลยุทธ์ที่ต้องใช้สมาธิและความเยือกเย็นสูง การเทรดด้วยอารมณ์อาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดได้ง่าย Algo Trading ช่วยขจัดปัจจัยนี้ออกไป
  • การจัดการหลายสถานะ: อัลกอริทึมสามารถจัดการการเปิดและปิดสถานะจำนวนมากพร้อมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตัวอย่าง: อัลกอริทึมอาจถูกตั้งโปรแกรมให้ซื้อคู่สกุลเงิน EUR/USD เมื่อราคาเข้าใกล้แนวรับระยะสั้นและมีสัญญาณ Bullish จากอินดิเคเตอร์ RSI ที่อยู่ในโซน Oversold และขายออกเมื่อราคาสูงขึ้นเล็กน้อยภายในไม่กี่ pip โดยมีการตั้ง Stop Loss ที่แคบมาก

2. Trend Following Strategy (กลยุทธ์ตามแนวโน้ม)

กลยุทธ์ตามแนวโน้ม เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในทิศทางของแนวโน้มที่ชัดเจนของตลาด เช่น การซื้อเมื่อสินทรัพย์อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) หรือการขายเมื่อสินทรัพย์อยู่ในแนวโน้มขาลง (Downtrend) กลยุทธ์นี้จะเน้นการจับการเคลื่อนไหวของราคาที่ยาวนานขึ้นและอาจถือสถานะเป็นระยะเวลานานกว่า Scalping

การประยุกต์ใช้ Algo Trading กับกลยุทธ์ตามแนวโน้ม

  • การระบุแนวโน้ม: อัลกอริทึมสามารถใช้อินดิเคเตอร์ต่างๆ เช่น Moving Average Crossover, Parabolic SAR หรือ Ichimoku Cloud เพื่อระบุและยืนยันแนวโน้มได้อย่างเป็นกลาง
  • การเข้าและออกที่เหมาะสม: ระบบจะเข้าสู่การซื้อขายเมื่อแนวโน้มได้รับการยืนยันและออกเมื่อมีสัญญาณบ่งชี้ว่าแนวโน้มกำลังจะสิ้นสุดหรือกลับตัว
  • การจัดการ Trailing Stop: อัลกอริทึมสามารถใช้ Trailing Stop เพื่อปกป้องกำไรที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อแนวโน้มดำเนินต่อไป

ตัวอย่าง: อัลกอริทึมอาจถูกตั้งโปรแกรมให้เปิดสถานะซื้อเมื่อเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้นตัดขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาว (Golden Cross) และยังคงถือสถานะจนกว่าจะเกิดสัญญาณ Death Cross หรือเกิดการกลับตัวของแนวโน้มที่ชัดเจน

3. Momentum Trading (การเทรดตามโมเมนตัม)

การเทรดตามโมเมนตัมเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การซื้อขายระยะสั้นที่เป็นที่นิยม ในขณะที่ผู้ค้าตามเทรนด์มักจะพยายาม “ซื้อต่ำ ขายสูง” ผู้ค้าที่มีโมเมนตัมกำลังไล่ตามโมเมนตัม นั่นคือ “ซื้อสูงและขายให้สูงขึ้น” กลยุทธ์นี้เน้นการเข้าซื้อหรือขายในทิศทางที่ราคามีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและมีปริมาณการซื้อขายสูง โดยคาดหวังว่าโมเมนตัมนั้นจะดำเนินต่อไปอีกระยะหนึ่ง

บทบาทของ Algo Trading ใน Momentum Trading

  • การตรวจจับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว: อัลกอริทึมสามารถตรวจจับการเร่งตัวของราคาหรือปริมาณการซื้อขายที่ผิดปกติได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสัญญาณของโมเมนตัม
  • การเข้าสู่ตลาดทันที: ความเร็วเป็นสิ่งสำคัญในกลยุทธ์นี้ และ Algo Trading สามารถส่งคำสั่งได้ภายในเสี้ยววินาทีเมื่อเงื่อนไขตรงตามที่กำหนด
  • การปรับปรุงประสิทธิภาพ: อัลกอริทึมสามารถวิเคราะห์อินดิเคเตอร์โมเมนตัม เช่น Stochastic Oscillator หรือ Relative Strength Index (RSI) เพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของโมเมนตัม

ตัวอย่าง: คู่สกุลเงิน EUR/USD อาจเข้าใกล้แนวต้านสำคัญที่ 1.20 หากคู่สกุลเงินสามารถทะลุระดับนี้ได้ โมเมนตัมอาจเริ่มสร้างขึ้นเมื่อมีการหยุดและผู้ค้าเริ่มซื้อโดยคาดว่าแนวโน้มขาขึ้นจะดำเนินต่อไป อัลกอริทึมจะถูกตั้งโปรแกรมให้เข้าซื้อทันทีเมื่อราคาทะลุแนวต้านที่ 1.20 พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

4. News Trading (การเทรดตามข่าว)

หากคุณติดตามการประชุมของธนาคารกลางหรือข่าวประชาสัมพันธ์ที่สำคัญ คุณจะสังเกตเห็นว่าความผันผวนเพิ่มขึ้นอย่างมากและราคาเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน การซื้อขายด้วยตนเองเกิดขึ้นน้อยมากในช่วงเวลานี้ เนื่องจากผู้ค้าสถาบันส่วนใหญ่จะมี algorithmic ในการซื้อขายระหว่างเหตุการณ์ดังกล่าว กลยุทธ์การเทรดข่าว จะใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรงและฉับพลันที่เกิดขึ้นหลังจากการประกาศข่าวเศรษฐกิจสำคัญ

Algo Trading กับการเทรดข่าว

  • ความเร็วในการตอบสนอง: อัลกอริทึมสามารถประมวลผลข้อมูลข่าวสารและส่งคำสั่งซื้อขายได้เร็วกว่ามนุษย์หลายเท่า ทำให้สามารถเข้าสู่ตลาดได้ก่อนที่การเคลื่อนไหวของราคาจะสมบูรณ์
  • การกรองข้อมูล: สามารถตั้งค่าอัลกอริทึมให้กรองเฉพาะข่าวสารที่มีผลกระทบสูงและเกี่ยวข้องกับคู่สกุลเงินที่ต้องการเทรด
  • การจัดการความเสี่ยง: แม้ว่าการเทรดข่าวจะมีความผันผวนสูง แต่อัลกอริทึมสามารถตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit ได้อย่างแม่นยำเพื่อจัดการความเสี่ยง

ตัวอย่าง: เมื่อมีการประกาศอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งมักจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อ EUR/USD อัลกอริทึมอาจถูกตั้งโปรแกรมให้วิเคราะห์ผลลัพธ์ของข่าว (เช่น อัตราดอกเบี้ยสูงกว่า/ต่ำกว่าที่คาดการณ์) และเปิดสถานะซื้อหรือขาย EUR/USD ทันทีตามทิศทางที่คาดว่าจะเกิดการเคลื่อนไหว

5. Arbitrage Trading (การเทรดแบบเก็งกำไรส่วนต่าง)

การเทรดแบบเก็งกำไร เกี่ยวข้องกับการค้นหาความไม่สมดุลของราคาและการทำกำไรจากส่วนต่างของราคา (Spread) ความแตกต่างของราคาเหล่านั้นอาจมีน้อยมากและโอกาสก็หายไปอย่างรวดเร็ว กลยุทธ์นี้อาศัยการใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของราคาในสินทรัพย์เดียวกันที่เสนอขายในตลาดหรือโบรกเกอร์ที่แตกต่างกัน

เหตุใด Algo Trading จึงจำเป็นสำหรับ Arbitrage?

  • การตรวจจับส่วนต่างราคา: อัลกอริทึมสามารถสแกนราคาจากโบรกเกอร์หรือตลาดหลายแห่งพร้อมกันเพื่อระบุส่วนต่างราคาที่เกิดขึ้นได้ทันที
  • ความเร็วในการดำเนินการ: โอกาสในการทำ Arbitrage มักจะอยู่ได้ไม่นาน อัลกอริทึมสามารถดำเนินการซื้อและขายในเวลาเดียวกันเพื่อล็อคกำไรได้อย่างรวดเร็ว
  • ความแม่นยำ: การคำนวณส่วนต่างราคาและขนาดการเทรดที่เหมาะสมต้องใช้ความแม่นยำสูง ซึ่งอัลกอริทึมสามารถทำได้ดีกว่ามนุษย์

ตัวอย่าง: อัลกอริทึมอาจสังเกตเห็นว่าคู่สกุลเงิน USD/JPY มีราคาเสนอซื้อที่โบรกเกอร์ A สูงกว่าราคาเสนอขายที่โบรกเกอร์ B เล็กน้อย ระบบจะทำการซื้อ USD/JPY ที่โบรกเกอร์ B และขายที่โบรกเกอร์ A ในเวลาเดียวกัน เพื่อทำกำไรจากส่วนต่างราคาที่เกิดขึ้น

กลยุทธ์ Algorithmic Trading เพิ่มเติม:

  • Statistical Arbitrage: การใช้แบบจำลองทางสถิติเพื่อระบุความสัมพันธ์ของราคาระหว่างสินทรัพย์และทำการซื้อขายเมื่อความสัมพันธ์นั้นเบี่ยงเบนไป
  • High-Frequency Trading (HFT): การส่งและยกเลิกคำสั่งซื้อขายจำนวนมหาศาลภายในเวลาเสี้ยววินาที เพื่อทำกำไรจากส่วนต่างราคาที่เล็กที่สุด
  • Automated Hedging: การสร้างระบบป้องกันความเสี่ยง (Hedging) โดยอัตโนมัติเพื่อลดความเสี่ยงของการลงทุนหลัก
  • Mean Reversion: สมมติฐานที่ว่าราคาจะกลับมาสู่ค่าเฉลี่ยในระยะยาว โดยระบบจะซื้อเมื่อราคาต่ำกว่าค่าเฉลี่ยและขายเมื่อราคาสูงกว่าค่าเฉลี่ย
  • Market Sentiment Systems: การวิเคราะห์ข่าวสารและข้อมูลจากโซเชียลมีเดียเพื่อวัดความรู้สึกของตลาดและทำการซื้อขายตามนั้น
  • Iceberg Order Systems: การแบ่งคำสั่งซื้อขายขนาดใหญ่เป็นคำสั่งย่อยๆ ขนาดเล็ก เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อตลาด
  • Price Action Strategies: การใช้รูปแบบแท่งเทียนและโครงสร้างราคาเพื่อระบุสัญญาณการซื้อขายโดยอัตโนมัติ
  • Combined Strategies: การรวมกลยุทธ์หลายอย่างเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดความเสี่ยง
  • Algorithmic Execution Strategies: กลยุทธ์ที่เน้นการดำเนินการคำสั่งซื้อขายขนาดใหญ่ให้มีประสิทธิภาพที่สุด โดยลดผลกระทบต่อราคา
  • Direct Market Access (DMA): การเข้าถึงตลาดโดยตรงโดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง ช่วยให้การดำเนินการรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ประโยชน์ของการใช้ Algorithmic Trading

Algorithmic Trading มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา และมีประโยชน์ที่ชัดเจนบางประการที่สามารถช่วยให้กลยุทธ์การซื้อขายของคุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น:

  • การขจัดอารมณ์จากการซื้อขาย: การตัดสินใจของมนุษย์มักจะถูกขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ เช่น ความกลัวและความโลภ ซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดได้ง่าย Algo Trading ตัดอารมณ์ออกไปโดยสิ้นเชิง โดยดำเนินการตามกฎที่กำหนดไว้ล่วงหน้าอย่างเคร่งครัด ทำให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างมีเหตุผลและสม่ำเสมอ
  • เครื่องมือกระจายความเสี่ยง: คุณอาจใช้บัญชีซื้อขายที่สองที่คุณซื้อขายด้วยตนเองเท่านั้น หรือใช้ Algo Trading เพื่อกระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์หรือกลยุทธ์ที่แตกต่างกัน การมีระบบอัตโนมัติช่วยให้สามารถบริหารพอร์ตโฟลิโอที่มีความซับซ้อนได้ง่ายขึ้น
  • สร้างความสม่ำเสมอ: อัลกอริทึมสามารถดำเนินการตามกลยุทธ์เดียวกันซ้ำๆ ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดและไม่มีความเหนื่อยล้า สิ่งนี้ช่วยให้คุณสร้างผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอมากขึ้น หากกลยุทธ์นั้นพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพ
  • ปรับปรุงการดำเนินการซื้อขาย: ด้วยความเร็วที่เหนือกว่ามนุษย์ Algo Trading สามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้ภายในเสี้ยววินาที ซึ่งช่วยลดปัญหา Slippage (ความแตกต่างระหว่างราคาที่คาดว่าจะได้กับราคาที่ได้จริง) และรับประกันการดำเนินการที่ราคาที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
  • การทดสอบย้อนหลัง (Backtesting) ที่ง่ายดาย: ด้วยการซื้อขาย Algo การทดสอบย้อนหลังเป็นเรื่องง่าย เนื่องจากคุณสามารถเรียกใช้อัลกอริทึมตามข้อมูลราคาในอดีตและประเมินประสิทธิภาพที่ผ่านมาได้ นี่เป็นเรื่องยากมากสำหรับการซื้อขายตามดุลยพินิจ เนื่องจากมีสถานการณ์มากมายไม่รู้จบ การ Backtesting ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถปรับปรุงและพัฒนากลยุทธ์ของตนเองได้อย่างมีข้อมูลสนับสนุน
  • ความเร็วและประสิทธิภาพ: สามารถวิเคราะห์ข้อมูลตลาดขนาดใหญ่และดำเนินการซื้อขายได้เร็วกว่ามนุษย์มาก ทำให้สามารถจับโอกาสที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวได้
  • ลดข้อผิดพลาดของมนุษย์: ข้อผิดพลาดจากการป้อนข้อมูล หรือความผิดพลาดในการคำนวณจะลดลงอย่างมากเมื่อใช้ระบบอัตโนมัติ

ความเสี่ยงของการใช้ Algorithmic Trading ในตลาด Forex

แม้ว่า Algorithmic Trading จะมีประโยชน์อย่างแน่นอน แต่ก็มีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน การทำความเข้าใจความเสี่ยงเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่พิจารณาใช้ระบบการซื้อขายอัตโนมัติ:

  • ข้อบกพร่องของอัลกอริทึมนำไปสู่การขาดทุนมหาศาล: Algos ทำงานด้วยความเร็วสูง ซึ่งหมายความว่าข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ ในโค้ดหรือตรรกะของอัลกอริทึมอาจนำไปสู่การขาดทุนจากการซื้อขายที่โดดเด่นภายในระยะเวลาอันสั้นได้อย่างรวดเร็วมาก หากไม่มีการตรวจสอบและทดสอบอย่างละเอียด
  • ขาดการควบคุมชั่วคราว: คุณยังใช้ algorithmic ในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และอาจพบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่คุณไม่สามารถควบคุมได้ชั่วคราว หากระบบเกิดข้อผิดพลาดหรือเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงก่อนที่คุณจะสามารถแก้ไขได้
  • ขาดสัญชาตญาณหรือ “ความรู้สึกนึกคิด”: Algorithmic ทำงานตามกฎ การขจัดอารมณ์ออกจากการซื้อขายอาจเป็นสิ่งที่ดี แต่ความจริงแล้วสัญชาตญาณหรือ “ความรู้สึกนึกคิด” มีบทบาทในการซื้อขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณใช้เวลาเป็นจำนวนมากในการติดตามตลาด Algos จะไม่มีข้อได้เปรียบนี้ ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหรือเหตุการณ์ “หางหาย” (Black Swan Events) ได้ดีเท่ามนุษย์
  • ความซับซ้อนในการพัฒนาและบำรุงรักษา: การสร้างอัลกอริทึมที่มีประสิทธิภาพต้องใช้ความรู้ด้านการเขียนโปรแกรม คณิตศาสตร์ และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในตลาดการเงิน นอกจากนี้ยังต้องมีการบำรุงรักษาและปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทันกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป
  • ความเสี่ยงด้านเทคนิค: ระบบ Algo Trading ขึ้นอยู่กับโครงสร้างพื้นฐานทางเทคนิคที่แข็งแกร่ง เช่น การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เสถียร แหล่งพลังงาน และเซิร์ฟเวอร์ หากเกิดปัญหาทางเทคนิคใดๆ เช่น ระบบล่ม หรือการเชื่อมต่อขาดหาย อาจส่งผลให้เกิดการขาดทุนได้
  • ความเสี่ยงของ Flash Crash: นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลว่า algorithmic และการซื้อขายความถี่สูง (HFT) มีส่วนทำให้เกิดการล่มของแฟลช (Flash Crash) เพิ่มขึ้น เราพูดถึงความผิดพลาดอย่างรวดเร็วเมื่อราคาของสินทรัพย์ลดลงอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาอันสั้นและฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว Flash Crash อาจเกิดจากการที่อัลกอริทึมหลายตัวตอบสนองต่อเหตุการณ์เดียวกันในทิศทางเดียวกันพร้อมๆ กัน

ความแตกต่างระหว่างการซื้อขายอัตโนมัติ (Automated Trading) และ Algorithmic Trading

แม้ว่าทั้งสองคำนี้จะถูกใช้สลับกันได้บ่อยครั้ง แต่ก็มีความแตกต่างที่สำคัญ:

  • การซื้อขายอัตโนมัติ (Automated Trading): เป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำให้กระบวนการซื้อขายทั้งหมดเป็นไปโดยอัตโนมัติ ซึ่งหมายความว่าระบบการซื้อขายอัตโนมัติจะเข้าควบคุมกระบวนการทั้งหมดตั้งแต่การคัดกรองโอกาสในเครื่องมือทางการเงินต่างๆ ไปจนถึงการตัดสินใจซื้อ/ขาย โดยเทรดเดอร์เพียงตั้งค่าและปล่อยให้ระบบทำงานเองทั้งหมด ตัวอย่างเช่น Expert Advisors (EAs) หรือโรบอทเทรดใน MetaTrader 4 (MT4) จัดเป็น Automated Trading
  • Algorithmic Trading: มุ่งเน้นไปที่ กระบวนการดำเนินการซื้อขาย โดยเฉพาะ โดยใช้ชุดกฎทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนเพื่อตัดสินใจว่าจะซื้อหรือขายเมื่อใด ด้วยราคาเท่าใด และปริมาณเท่าใด โดยทั่วไปแล้ว Algo Trading จะเป็นส่วนหนึ่งของระบบ Automated Trading ที่ใหญ่กว่า แต่ก็สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการดำเนินการคำสั่งซื้อขายที่ซับซ้อนโดยอัตโนมัติได้เช่นกัน แม้ว่าการตัดสินใจเลือกสินทรัพย์หรือกลยุทธ์หลักจะมาจากมนุษย์ก็ตาม

กล่าวคือ Automated Trading คือภาพรวมทั้งหมดของการเทรดที่ทำงานอัตโนมัติ ส่วน Algorithmic Trading คือส่วนย่อยที่เน้นการใช้ “อัลกอริทึม” ในการตัดสินใจและดำเนินการคำสั่ง

FAQ Section: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเทรด Forex แบบ Algorithmic

Q1: ผู้เริ่มต้นสามารถใช้ Algorithmic Trading ได้หรือไม่?

A1: ใช่ ผู้เริ่มต้นสามารถใช้ Algorithmic Trading ได้ แต่ควรเริ่มต้นด้วยความระมัดระวังและทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงหลักการทำงาน ความเสี่ยง และกลยุทธ์ที่ใช้ การใช้ Expert Advisor (EA) หรือระบบเทรดอัตโนมัติที่พัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่สิ่งสำคัญคือต้องศึกษาและทดสอบระบบเหล่านั้นอย่างละเอียดบนบัญชี Demo Account ก่อนที่จะนำไปใช้กับบัญชีจริง เพื่อให้เข้าใจถึงประสิทธิภาพและข้อจำกัดของระบบ

Q2: การสร้าง Algorithmic Trading System ต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ดหรือไม่?

A2: โดยทั่วไปแล้ว การสร้าง Algorithmic Trading System ที่ซับซ้อนและปรับแต่งได้ตามความต้องการจำเป็นต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ด เช่น ภาษา MQL4/MQL5 สำหรับ MetaTrader หรือ Python อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีแพลตฟอร์มและเครื่องมือบางอย่างที่ช่วยให้สามารถสร้างระบบเทรดอัตโนมัติได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ด (No-code/Low-code platforms) ซึ่งเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานการเขียนโปรแกรม

Q3: Algorithmic Trading สามารถทำกำไรได้แน่นอน 100% หรือไม่?

A3: ไม่มีระบบการซื้อขายใดๆ รวมถึง Algorithmic Trading ที่สามารถรับประกันผลกำไร 100% ได้อย่างแน่นอน ตลาด Forex มีความผันผวนและไม่สามารถคาดเดาได้อย่างสมบูรณ์ อัลกอริทึมจะทำงานตามกฎที่ตั้งไว้ แต่ก็ไม่สามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดหรือสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรงได้เสมอไป การบริหารความเสี่ยงยังคงเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด ไม่ว่าจะเทรดด้วยตนเองหรือด้วยระบบอัตโนมัติ

Q4: ควรใช้ Algorithmic Trading กับโบรกเกอร์ประเภทใด?

A4: ควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือ มีสภาพคล่องสูง มี Spread ต่ำ และมีการดำเนินการคำสั่งที่รวดเร็ว โบรกเกอร์ที่รองรับแพลตฟอร์มการเทรดที่ใช้กันทั่วไป เช่น MetaTrader 4 (MT4) หรือ MetaTrader 5 (MT5) ซึ่งมีฟังก์ชันการทำงานสำหรับ Expert Advisor (EA) จะเป็นตัวเลือกที่ดี นอกจากนี้ ควรพิจารณาโบรกเกอร์ที่มี VPS (Virtual Private Server) เพื่อให้ระบบ Algo Trading ของคุณทำงานได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีสะดุด

Q5: Algorithmic Trading แตกต่างจาก Copy Trade อย่างไร?

A5: Algorithmic Trading เป็นการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการตัดสินใจและดำเนินการซื้อขายตามกฎที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เป็นการสร้างระบบเทรดของคุณเองหรือใช้ระบบที่พัฒนาขึ้นมา ในขณะที่ Copy Trade คือการคัดลอกการซื้อขายจากเทรดเดอร์มืออาชีพคนอื่นโดยอัตโนมัติ โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องมีความรู้หรือสร้างระบบเทรดเอง เพียงแค่เลือกเทรดเดอร์ที่คุณต้องการคัดลอกเท่านั้น

Conclusion: สรุปและ Call to Action

Algorithmic Trading ในตลาด Forex เป็นเครื่องมือที่ปฏิวัติวงการเทรด ทำให้เทรดเดอร์สามารถใช้ประโยชน์จากความเร็ว ความแม่นยำ และการขจัดอารมณ์ในการตัดสินใจซื้อขาย ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์ Scalping, Trend Following, Momentum, News Trading หรือ Arbitrage ระบบ Algo Trading ล้วนเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการและโอกาสในการทำกำไร

อย่างไรก็ตาม การนำ Algo Trading มาใช้จำเป็นต้องมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงกลไกการทำงาน ประโยชน์ และที่สำคัญที่สุดคือ ความเสี่ยง ที่เกี่ยวข้อง การพัฒนาหรือการเลือกใช้ระบบที่ผ่านการทดสอบอย่างละเอียด การบริหารความเสี่ยงอย่างมีวินัย และการติดตามผลการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จในระยะยาว

หากคุณมีความสนใจในการนำ Algorithmic Trading หรือระบบเทรดอัตโนมัติมาปรับใช้กับการลงทุนของคุณ FTT Investing มี EA ฟรี ที่ผ่านการพิสูจน์แล้ว และยังเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผู้ใช้ EA ที่จะช่วยให้คุณเรียนรู้และเติบโตไปพร้อมกับชุมชนเทรดเดอร์ที่มีความรู้และประสบการณ์

สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
________________________________________________
✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
https://bit.ly/GMI-TH
________________________________________________
✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
——–
ติดตามเราได้ที่
?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
_____________________________________________
*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

You Might Also Like

Contact Us on Line