TOP 10 บทความยอดนิยม

ดูทั้งหมด
สอนเทรดมือใหม่

6 วิธีในการซื้อขายสกุลเงิน Forex ที่แตกต่างกัน

สิงหาคม 4, 2022

เจาะลึก 6 วิธีการเทรด Forex: เส้นทางสู่การเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ

ตลาดการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หรือที่รู้จักกันในชื่อ Forex (Foreign Exchange) เป็นหนึ่งในตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดและมีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าการซื้อขายหมุนเวียนหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ความน่าสนใจของตลาดนี้อยู่ที่โอกาสในการทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน อย่างไรก็ตาม การจะประสบความสำเร็จในตลาด Forex ได้นั้น จำเป็นต้องมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับกลไกของตลาดและวิธีการซื้อขายที่หลากหลาย บทความนี้จะเจาะลึกถึง 6 วิธีหลักในการซื้อขายสกุลเงิน ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับเป้าหมายและสไตล์การลงทุนของคุณได้

ภาพรวมของตลาด Forex

ก่อนที่จะลงลึกถึงวิธีการซื้อขาย เรามาทำความเข้าใจพื้นฐานของตลาด Forex กันก่อน ตลาด Forex คือตลาดที่มีการซื้อขายสกุลเงินในรูปแบบของ “คู่สกุลเงิน” เสมอ ซึ่งหมายถึงการซื้อสกุลเงินหนึ่งและขายอีกสกุลเงินหนึ่งไปพร้อมกัน

องค์ประกอบของคู่สกุลเงิน

  • สกุลเงินหลัก (Base Currency): เป็นสกุลเงินแรกในคู่สกุลเงิน เช่น ในคู่ EUR/USD, EUR คือสกุลเงินหลัก
  • สกุลเงินอ้างอิง (Quote Currency หรือ Counter Currency): เป็นสกุลเงินที่สองในคู่สกุลเงิน ซึ่งใช้ในการกำหนดมูลค่าของสกุลเงินหลัก เช่น ในคู่ EUR/USD, USD คือสกุลเงินอ้างอิง

ตัวอย่าง: หากราคาของคู่สกุลเงิน EUR/USD คือ 1.2345 หมายความว่า 1 ยูโร (EUR) มีมูลค่าเท่ากับ 1.2345 ดอลลาร์สหรัฐ (USD) การเปลี่ยนแปลงของตัวเลขนี้เองคือสิ่งที่เทรดเดอร์ใช้ในการ ทำกำไร

6 วิธีหลักในการซื้อขายสกุลเงิน (Forex)

1. ตลาดสปอต Forex (Spot Forex Market)

ตลาดสปอต Forex เป็นวิธีการซื้อขายสกุลเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและเข้าถึงได้ง่ายที่สุดสำหรับนักลงทุนรายย่อย “สปอต” หมายถึงการซื้อขายสกุลเงินทันที ณ ราคาปัจจุบันของตลาด การทำธุรกรรมจะเกิดขึ้นเกือบจะในทันที (T+2 คือการชำระบัญชีภายใน 2 วันทำการ แต่ในทางปฏิบัติมักจะเกิดขึ้นทันทีสำหรับนักเทรดรายย่อยผ่านโบรกเกอร์)

ทำไมถึงได้รับความนิยม?

  • ความเรียบง่าย: เทรดเดอร์เพียงแค่คาดการณ์ว่าราคาของคู่สกุลเงินจะขึ้นหรือลง
  • ไม่มีค่าคอมมิชชั่น: โบรกเกอร์ส่วนใหญ่จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมผ่าน “สเปรด” (ส่วนต่างระหว่างราคาซื้อและราคาขาย) แทนค่าคอมมิชชั่น ทำให้ต้นทุนการซื้อขายโปร่งใสและคำนวณง่าย
  • สเปรดที่บางเฉียบ: ด้วยสภาพคล่องที่สูงมากในตลาดสปอต ทำให้สเปรดมักจะต่ำ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเทรดเดอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ใช้กลยุทธ์ Scalping หรือ Day Trading
  • สภาพคล่องสูง: สามารถเข้าและออกจากตำแหน่งได้ง่ายและรวดเร็ว ไม่ต้องกังวลเรื่องการหาคู่ค้า
  • ดำเนินการตลอด 24 ชั่วโมง: ตลาด Forex เปิดทำการ 5 วันต่อสัปดาห์ ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถซื้อขายได้เกือบตลอดเวลาที่ตลาดโลกเปิดทำการ
  • ความสะดวกในการเข้าถึง: การเปิดบัญชีกับ โบรกเกอร์สปอต Forex ทำได้ง่ายและรวดเร็ว โดยมีเงินทุนเริ่มต้นที่หลากหลาย (แม้เริ่มต้นด้วยเงินจำนวนน้อยก็สามารถทำได้ แต่ผู้เชี่ยวชาญมักแนะนำให้เริ่มด้วยเงินทุนที่เพียงพอสำหรับการบริหารความเสี่ยง)
  • เครื่องมือฟรี: โบรกเกอร์จำนวนมากให้บริการเครื่องมือวิเคราะห์ฟรี เช่น แผนภูมิ Forex สด, ข่าว Forex สด และบทวิเคราะห์ เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจของเทรดเดอร์

เคล็ดลับ: แม้จะเริ่มต้นด้วยทุนต่ำได้ แต่การมี เงินทุนที่เพียงพอ จะช่วยให้คุณสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และหลีกเลี่ยงการโดน Margin Call ได้ง่าย

2. ตลาดซื้อขายล่วงหน้า Forex (Forex Futures Market)

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าสกุลเงิน (Currency Futures) ถือกำเนิดขึ้นในปี 1972 โดย Chicago Mercantile Exchange (CME) ซึ่งเป็นตลาดอนุพันธ์ขนาดใหญ่ สัญญา Futures แตกต่างจาก Spot ตรงที่เป็นการตกลงซื้อขายสกุลเงินใน ราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า และ วันที่ในอนาคตที่แน่นอน

ลักษณะสำคัญ:

  • สัญญามาตรฐาน: สัญญา Futures มีขนาดและข้อกำหนดที่เป็นมาตรฐาน ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจชอบ ซึ่งทำให้มีความโปร่งใสและง่ายต่อการทำความเข้าใจ
  • ซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์: Futures มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่มีการควบคุม เช่น CME ทำให้มีข้อมูลราคาและปริมาณการซื้อขายที่โปร่งใสและเข้าถึงได้ง่าย
  • ราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า: เทรดเดอร์ตกลงที่จะซื้อหรือขายสกุลเงินในราคาหนึ่ง ณ วันที่ในอนาคต ไม่ใช่ราคาปัจจุบัน การเก็งกำไรจึงอยู่บนพื้นฐานของการคาดการณ์ราคาในอนาคต
  • ความโปร่งใสและการกำกับดูแล: เนื่องจากมีการซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ สัญญา Futures จึงอยู่ภายใต้การกำกับดูแลที่เข้มงวด ทำให้มีความน่าเชื่อถือและลดความเสี่ยงจากการถูกหลอกลวง
  • ขนาดและค่าธรรมเนียม: ขนาดของสัญญาและค่าธรรมเนียมการซื้อขายจะแตกต่างกันไปตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์และปริมาณการซื้อขาย

ข้อควรพิจารณา: ตลาด Futures อาจมีความซับซ้อนมากกว่าตลาด Spot และมักจะเหมาะกับนักลงทุนสถาบันหรือเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์มากกว่า เนื่องจากมีข้อกำหนดด้านมาร์จิ้นและวิธีการบริหารความเสี่ยงที่แตกต่างกัน

3. ตัวเลือก Forex (Forex Options)

ออปชั่น Forex (Currency Options) คือสัญญาที่ให้สิทธิ์แก่ผู้ถือ แต่ ไม่ใช่ข้อผูกมัด ในการซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิง (ในที่นี้คือคู่สกุลเงิน) ในราคาที่กำหนด (Strike Price) ณ วันหมดอายุหรือก่อนวันหมดอายุ

หลักการทำงาน:

  • สิทธิ ไม่ใช่ภาระผูกพัน: นี่คือหัวใจสำคัญของ Options ผู้ซื้อ Options มีสิทธิ์ที่จะใช้สัญญานี้หรือไม่ก็ได้ แต่ผู้ขาย Options มีภาระผูกพันที่จะต้องปฏิบัติตามสัญญาหากผู้ซื้อเลือกที่จะใช้สิทธิ์
  • ราคาใช้สิทธิ์ (Strike Price): คือราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้าว่าผู้ซื้อ Options มีสิทธิ์ที่จะซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิง
  • วันหมดอายุ (Expiration Date): คือวันที่กำหนดว่าสิทธิ์ในการซื้อขายตามสัญญา Options จะสิ้นสุดลง
  • เบี้ยประกันภัย (Premium): คือราคาที่ผู้ซื้อ Options ต้องจ่ายให้กับผู้ขายเพื่อแลกกับสิทธิ์ในการซื้อขาย
  • ตลาดซื้อขาย: Options Forex มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่มีการควบคุม เช่น Chicago Board Options Exchange, The International Securities Exchange และ The Philadelphia Stock Exchange
  • ข้อดีสำหรับนักเก็งกำไร: นักเก็งกำไรสามารถใช้ Options เพื่อล็อกตำแหน่งที่ต้องการในราคาที่คาดการณ์ไว้ และได้รับประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาโดยไม่ต้องตั้งค่า Stop Loss สำหรับตำแหน่งที่เปิดอยู่ในตลาด Spot หรือ Futures โดยความเสี่ยงสูงสุดคือเบี้ยประกันภัยที่จ่ายไป

คำแนะนำ: Options Forex เป็นเครื่องมือที่มีความยืดหยุ่นสูงสำหรับการบริหารความเสี่ยงและการเก็งกำไร อย่างไรก็ตาม ความเข้าใจในกลไกของ Options เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากมีความซับซ้อนมากกว่าการซื้อขาย Spot ทั่วไป

4. ฟอเร็กซ์ ETF (Forex ETFs – Exchange Traded Funds)

Forex ETF (Exchange Traded Fund) คือกองทุนรวมที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามผลตอบแทนของสกุลเงิน หรือตะกร้าสกุลเงินที่เฉพาะเจาะจง นี่เป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตลาด Forex ในระยะกลางถึงระยะยาว หรือเพื่อกระจายความเสี่ยงของพอร์ตโฟลิโอ

กลไกการทำงาน:

  1. การจัดตั้งกองทุน: บริษัทจัดการ ETF จะรวบรวมเงินจากนักลงทุนเพื่อซื้อและถือครองสกุลเงินจริงในกองทุน หรือลงทุนในสัญญาอนุพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงิน
  2. การออกหุ้น ETF: หลังจากจัดตั้งกองทุนแล้ว บริษัทจะออกหุ้นของกองทุนนั้น ๆ เพื่อให้นักลงทุนสามารถซื้อและขายได้ในตลาดหลักทรัพย์
  3. การซื้อขายเหมือนหุ้น: นักลงทุนสามารถซื้อและขายหุ้น ETF ได้เช่นเดียวกับการซื้อขายหุ้นทั่วไป ทำให้เข้าถึงการลงทุนในสกุลเงินได้ง่ายและสะดวก

ข้อดี:

  • การกระจายความเสี่ยง: Forex ETF ช่วยให้นักลงทุนสามารถกระจายความเสี่ยงไปยังตลาดสกุลเงินได้ โดยไม่ต้องซื้อขายสกุลเงินจริงโดยตรง
  • เข้าถึงแนวโน้มระดับโลก: ช่วยให้นักลงทุนสามารถใช้ประโยชน์จากแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาคและนโยบายการเงินของประเทศต่าง ๆ ได้อย่างเป็นระบบ
  • การกำกับดูแล: Forex ETF อยู่ภายใต้กฎระเบียบเดียวกันกับที่ควบคุมตลาดหุ้น ทำให้มีความโปร่งใสและปลอดภัย
  • ค่าธรรมเนียม: ค่าธรรมเนียมสำหรับการซื้อขาย Forex ETF จะคล้ายกับการซื้อขายหุ้น

ใครเหมาะสม: Forex ETF เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตลาดสกุลเงินในระยะยาว โดยเน้นการสร้างพอร์ตโฟลิโอและการกระจายความเสี่ยง มากกว่าการเก็งกำไรระยะสั้น

5. การเดิมพันฟอเร็กซ์สเปรด (Forex Spread Betting)

Forex Spread Betting เป็นรูปแบบการซื้อขายที่ได้รับความนิยมในบางประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหราชอาณาจักร เนื่องจากมีข้อได้เปรียบด้านภาษีที่สำคัญ รูปแบบนี้มีความคล้ายคลึงกับการซื้อขายในตลาดสปอต Forex แต่แทนที่จะซื้อหรือขายสกุลเงินจริง เทรดเดอร์จะ “วางเดิมพัน” ในทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาคู่สกุลเงิน

ลักษณะสำคัญ:

  • การเดิมพันในทิศทางราคา: เทรดเดอร์จะคาดการณ์ว่าราคาของคู่สกุลเงินจะขึ้นหรือลง และวางเดิมพันตามนั้น
  • กำไรปลอดภาษี (ในบางประเทศ): ในสหราชอาณาจักร กำไรจากการ Spread Betting มักได้รับการยกเว้นภาษีกำไรจากการขาย (Capital Gains Tax) ซึ่งเป็นจุดเด่นที่สำคัญ
  • ไม่มีการเป็นเจ้าของสินทรัพย์จริง: เช่นเดียวกับการเทรด CFD (Contract for Difference) การ Spread Betting ไม่ได้ทำให้คุณเป็นเจ้าของสกุลเงินจริง คุณเพียงแค่เก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคา
  • ไม่มีค่าคอมมิชชั่นหรือค่าบริการ: ต้นทุนการทำธุรกรรมหลักคือ “สเปรด” ซึ่งเป็นส่วนต่างระหว่างราคาซื้อและราคาขายที่โบรกเกอร์เสนอ

ข้อควรทราบ: แม้จะดูน่าสนใจด้วยข้อดีด้านภาษี แต่ Spread Betting ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นเดียวกับการซื้อขาย Forex ทั่วไป และอาจไม่สามารถใช้ได้ในทุกประเทศเนื่องจากข้อจำกัดทางกฎหมายและข้อบังคับ

6. ตัวเลือกไบนารี Forex (Forex Binary Options)

Binary Options Forex เป็นการซื้อขายรูปแบบหนึ่งที่ค่อนข้างแปลกใหม่และมีความเข้าใจง่าย เนื่องจากผลลัพธ์ของการซื้อขายมีเพียงสองทางเท่านั้น คือ “ได้กำไร” หรือ “เสียเงินลงทุน”

กลไกการทำงาน:

  • คาดการณ์ทิศทาง: เทรดเดอร์คาดการณ์ว่าราคาของคู่สกุลเงินจะสูงขึ้นหรือต่ำลงกว่าราคาที่กำหนด (Strike Price) ณ เวลาที่กำหนด (วันหมดอายุ)
  • ผลลัพธ์แบบ “ทั้งหมดหรือไม่มีเลย”:
    • หากการคาดการณ์ถูกต้อง: การซื้อขายจะ “หมดอายุในเงิน” (In The Money) และเทรดเดอร์จะได้รับผลตอบแทนที่กำหนดไว้ล่วงหน้า (มักจะแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ของเงินลงทุน)
    • หากการคาดการณ์ผิดพลาด: การซื้อขายจะ “หมดอายุนอกเงิน” (Out Of The Money) และเทรดเดอร์จะสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด
  • แสดงเป็นดัชนี: Binary Options ของ Forex มักแสดงเป็นดัชนีระหว่าง 0 ถึง 100 ซึ่งหมายถึงความเป็นไปได้ในการชนะหรือแพ้
  • ไม่มีค่าคอมมิชชั่น: โดยทั่วไปแล้ว Binary Options Forex ไม่มีค่าคอมมิชชั่น แต่ต้นทุนการทำธุรกรรมจะอยู่ในรูปของส่วนต่างระหว่างราคาซื้อและราคาขายของสกุลเงินที่เสนอโดยแพลตฟอร์ม
  • เครื่องมือลดความเสี่ยง: สำหรับเทรดเดอร์บางราย Binary Options อาจเป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพในการลดความเสี่ยง เนื่องจากพวกเขารู้จำนวนเงินสูงสุดที่จะเสียก่อนที่จะเข้าสู่การซื้อขาย

ข้อควรระวัง: Binary Options มีความเสี่ยงสูงมากและอาจไม่เหมาะสำหรับนักลงทุนทุกคน แม้จะเข้าใจง่าย แต่การคาดการณ์ทิศทางราคาให้ถูกต้องอย่างสม่ำเสมอเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง

ตารางสรุปเปรียบเทียบวิธีการเทรด Forex

วิธีการเทรด ลักษณะสำคัญ ความซับซ้อน ความเสี่ยง เหมาะสำหรับ ข้อดี ข้อเสีย
ตลาดสปอต Forex ซื้อขายทันที ณ ราคาปัจจุบัน ต่ำ ปานกลางถึงสูง ผู้เริ่มต้น, Day Trader, Scalper สภาพคล่องสูง, เปิด 24 ชม., สเปรดต่ำ, เข้าถึงง่าย ความเสี่ยงสูงหากไม่มีการบริหารจัดการที่ดี
ตลาดซื้อขายล่วงหน้า Forex (Futures) สัญญามาตรฐาน ซื้อขายราคาอนาคต ปานกลาง สูง นักลงทุนสถาบัน, เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ โปร่งใส, มีการควบคุม, ข้อมูลตลาดชัดเจน ซับซ้อนกว่า Spot, ข้อกำหนดมาร์จิ้นสูง
ตัวเลือก Forex (Options) สิทธิ์ในการซื้อ/ขาย ไม่ใช่ภาระผูกพัน สูง ปานกลาง (สำหรับผู้ซื้อ), สูงมาก (สำหรับผู้ขาย) นักเก็งกำไร, ผู้บริหารความเสี่ยง ยืดหยุ่น, จำกัดความเสี่ยง (สำหรับผู้ซื้อ) ซับซ้อน, ต้องใช้ความเข้าใจเชิงลึก
ฟอเร็กซ์ ETF (ETFs) กองทุนรวมที่ติดตามสกุลเงิน ซื้อขายเหมือนหุ้น ต่ำ ปานกลาง นักลงทุนระยะกลางถึงยาว, ผู้ต้องการกระจายความเสี่ยง กระจายความเสี่ยง, เข้าถึงตลาดสกุลเงินง่าย, โปร่งใส ไม่เหมาะกับการเก็งกำไรระยะสั้น, มีค่าธรรมเนียมจัดการกองทุน
การเดิมพันฟอเร็กซ์สเปรด (Spread Betting) เดิมพันในทิศทางราคา ไม่เป็นเจ้าของสินทรัพย์ ปานกลาง สูง เทรดเดอร์ในสหราชอาณาจักร (ข้อดีด้านภาษี) กำไรปลอดภาษี (ในบางประเทศ), ไม่มีค่าคอมมิชชั่น ความเสี่ยงสูง, ไม่ถูกกฎหมายในทุกประเทศ
ตัวเลือกไบนารี Forex (Binary Options) คาดการณ์ทิศทางราคา ผลลัพธ์ “ทั้งหมดหรือไม่มีเลย” ต่ำ (เข้าใจง่าย) สูงมาก ผู้ที่ต้องการความเรียบง่ายและรับความเสี่ยงสูง เข้าใจง่าย, รู้ความเสี่ยงสูงสุดล่วงหน้า ความเสี่ยงสูงมาก, อาจถูกมองว่าเป็นการพนัน

FAQ Section: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเทรด Forex

Q1: ตลาด Forex มีความเสี่ยงสูงจริงหรือไม่?

A1: ใช่ การซื้อขาย Forex มีความเสี่ยงสูงอย่างมาก เนื่องจากราคาของคู่สกุลเงินสามารถผันผวนได้รวดเร็วและรุนแรงจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเมือง และข่าวสารต่างๆ นอกจากนี้ การใช้ Leverage (เลเวอเรจ) ซึ่งช่วยให้คุณสามารถควบคุมตำแหน่งการซื้อขายที่มีมูลค่าสูงกว่าเงินทุนที่คุณมี ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงอย่างมาก หากไม่มีการ บริหารความเสี่ยง ที่ดีพอ คุณอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ด้วยความรู้ที่ถูกต้อง การวางแผนที่ดี และการมีวินัย เทรดเดอร์สามารถจัดการและลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้

Q2: มือใหม่ควรเริ่มต้นเทรด Forex ด้วยวิธีไหนดีที่สุด?

A2: สำหรับ มือใหม่ ควรเริ่มต้นด้วย ตลาดสปอต Forex บน บัญชีทดลอง (Demo Account) ก่อน การเทรดแบบสปอตนั้นตรงไปตรงมาและเรียนรู้ได้ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับ Futures หรือ Options การใช้บัญชีทดลองช่วยให้คุณได้ฝึกฝนกลยุทธ์ ทำความเข้าใจแพลตฟอร์ม และเรียนรู้การเคลื่อนไหวของตลาดโดยไม่ต้องใช้เงินจริง หลังจากที่คุณมีความเข้าใจและมั่นใจในกลยุทธ์ของคุณแล้ว จึงค่อยพิจารณาการเทรดด้วยบัญชีจริงด้วยเงินทุนจำนวนน้อย

Q3: ควรเลือกโบรกเกอร์ Forex อย่างไร?

A3: การเลือก โบรกเกอร์ Forex ที่ดีเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ควรพิจารณาปัจจัยดังต่อไปนี้:

  • การกำกับดูแล: โบรกเกอร์ควรได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานที่มีชื่อเสียง เช่น FCA (สหราชอาณาจักร), ASIC (ออสเตรเลีย), CySEC (ไซปรัส) หรือ CFTC/NFA (สหรัฐอเมริกา) เพื่อความปลอดภัยของเงินทุนของคุณ
  • สเปรดและค่าธรรมเนียม: เปรียบเทียบสเปรดและค่าคอมมิชชั่นที่โบรกเกอร์เรียกเก็บ โดยเลือกที่ให้สเปรดที่แข่งขันได้และค่าธรรมเนียมที่โปร่งใส
  • แพลตฟอร์มการซื้อขาย: ตรวจสอบว่าโบรกเกอร์มีแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย มีเครื่องมือวิเคราะห์ครบครัน และมีความเสถียร เช่น MetaTrader 4 (MT4) หรือ MetaTrader 5 (MT5)
  • ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า: ควรมีการสนับสนุนลูกค้าที่ดีและตอบสนองรวดเร็ว
  • เครื่องมือและทรัพยากร: โบรกเกอร์ที่ดีมักมีแหล่งข้อมูลการเรียนรู้ บทวิเคราะห์ตลาด และเครื่องมือการซื้อขายที่เป็นประโยชน์

Q4: การใช้ EA (Expert Advisor) หรือระบบเทรดอัตโนมัติ มีข้อดีข้อเสียอย่างไร?

A4: EA (Expert Advisor) หรือระบบเทรดอัตโนมัติ คือโปรแกรมที่ถูกออกแบบมาเพื่อดำเนินการซื้อขายในตลาด Forex โดยอัตโนมัติตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้

ข้อดี:

  • กำจัดอารมณ์: การเทรดด้วย EA ช่วยขจัดอคติทางอารมณ์ เช่น ความกลัวและความโลภ ซึ่งมักเป็นสาเหตุของการตัดสินใจผิดพลาด
  • ดำเนินการ 24/5: EA สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ โดยไม่จำเป็นต้องเฝ้าหน้าจอ
  • ความเร็วและประสิทธิภาพ: EA สามารถดำเนินการคำสั่งซื้อขายได้เร็วกว่ามนุษย์มาก ทำให้ไม่พลาดโอกาสสำคัญ
  • ทดสอบย้อนหลัง (Backtesting): สามารถทดสอบประสิทธิภาพของกลยุทธ์กับข้อมูลในอดีตได้

ข้อเสีย:

  • ขาดความยืดหยุ่น: EA ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วได้ดีเท่ามนุษย์
  • ต้องดูแลและปรับแต่ง: EA ต้องได้รับการตรวจสอบและปรับแต่งอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ความเสี่ยงจากข้อผิดพลาด: หากโปรแกรมมีข้อผิดพลาด หรือการตั้งค่าไม่เหมาะสม อาจนำไปสู่การขาดทุนจำนวนมากได้
  • พึ่งพิงสภาพตลาด: EA ที่ออกแบบมาสำหรับตลาดบางประเภท อาจทำงานได้ไม่ดีในสภาวะตลาดอื่น ๆ

Q5: อะไรคือความแตกต่างระหว่างสกุลเงินหลักและสกุลเงินอ้างอิง?

A5: ในคู่สกุลเงิน เช่น EUR/USD:

  • สกุลเงินหลัก (Base Currency) คือสกุลเงินแรกในคู่สกุลเงิน (ในที่นี้คือ EUR) เป็นสกุลเงินที่เรากำลังซื้อหรือขาย
  • สกุลเงินอ้างอิง (Quote Currency หรือ Counter Currency) คือสกุลเงินที่สองในคู่สกุลเงิน (ในที่นี้คือ USD) เป็นสกุลเงินที่ใช้ในการกำหนดมูลค่าของสกุลเงินหลัก หรือก็คือจำนวนเงินของสกุลเงินอ้างอิงที่คุณต้องใช้ในการซื้อสกุลเงินหลักหนึ่งหน่วย

ตัวอย่างเช่น หาก EUR/USD เท่ากับ 1.0850 หมายความว่าคุณต้องใช้ 1.0850 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อซื้อ 1 ยูโร

Conclusion: สรุปและคำแนะนำสำหรับเทรดเดอร์

ตลาด Forex มีความหลากหลายและนำเสนอโอกาสมากมายสำหรับเทรดเดอร์และนักลงทุนทุกระดับ ตั้งแต่ มือใหม่ ที่เริ่มต้นด้วยตลาดสปอต ไปจนถึงนักลงทุนสถาบันที่ใช้สัญญาอนุพันธ์ที่ซับซ้อนอย่าง Futures และ Options การทำความเข้าใจใน 6 วิธีการเทรดที่ได้กล่าวมานี้ จะช่วยให้คุณสามารถเลือกเส้นทางที่เหมาะสมกับความรู้ ประสบการณ์ และระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีการใด สิ่งสำคัญที่สุดคือ การศึกษาเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การมี แผนการซื้อขายที่ชัดเจน และ วินัยในการบริหารความเสี่ยง การเริ่มต้นด้วยบัญชีทดลอง (Demo Account) เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะจะช่วยให้คุณได้ฝึกฝนโดยไม่มีความเสี่ยงทางการเงิน เมื่อคุณพร้อมที่จะเข้าสู่ตลาดจริงแล้ว จงเริ่มต้นด้วยเงินทุนจำนวนน้อยและเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปเมื่อคุณได้รับประสบการณ์และความมั่นใจมากขึ้น

สำหรับพี่ๆ ที่สนใจระบบเทรดอัตโนมัติหรือ EA (Expert Advisor) ฟรี และต้องการเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA สามารถเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ที่เราแนะนำและส่งเลข MT4 เพื่อรับลิงก์ได้เลยค่ะ

  • ✅ สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
  • XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก เปิดบัญชี XM
  • Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว https://bit.ly/ExnessCom
  • MTrading เทรดดีไม่มีสะดุด XAUUSD ไม่มีค่า Swap บนบัญชี M.Pro! https://bit.ly/MTRatsamee

✅❤️ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line id : @ft.th

ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ เพิ่มเติมได้ที่:

You Might Also Like

Contact Us on Line