TOP 10 บทความยอดนิยม

ดูทั้งหมด
สอนเทรดมือใหม่

5 ทฤษฎีการซื้อขายรูปแบบ Elliott Wave (อีเลียตเวฟ)

กรกฎาคม 15, 2022

เปิดตำนาน Elliott Wave: 5 รูปแบบคลื่นกำหนดทิศทางตลาดที่คุณต้องรู้

ในโลกของการลงทุนและการเทรด รูปแบบกราฟและทฤษฎีการวิเคราะห์ทางเทคนิคมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้นักลงทุนเข้าใจและคาดการณ์ทิศทางของตลาด หนึ่งในทฤษฎีที่ได้รับการยอมรับและมีการศึกษาอย่างกว้างขวางคือ Elliott Wave (อีเลียตเวฟ) ซึ่งเป็นเครื่องมือทรงพลังที่ช่วยให้เทรดเดอร์วิเคราะห์วัฏจักรตลาดการเงิน ระบุจุดสูงสุดและต่ำสุดของราคา ตลอดจนเข้าใจถึงจิตวิทยาของนักลงทุนที่ขับเคลื่อนการเคลื่อนไหวของตลาด

ทฤษฎี Elliott Wave ชี้ให้เห็นว่า การเคลื่อนไหวของตลาดไม่ได้เกิดขึ้นแบบสุ่ม แต่เป็นไปตามลำดับของวงจรจิตวิทยาฝูงชนที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ในรูปแบบของคลื่น โดยคลื่นเหล่านี้จะสะท้อนความเชื่อมั่นของตลาดที่สลับกันระหว่างวัฏจักรขาขึ้น (Bull Market) และวัฏจักรขาลง (Bear Market) การทำความเข้าใจรูปแบบคลื่นเหล่านี้จึงเป็นกุญแจสำคัญในการนำทางในตลาดที่มีความผันผวน

Elliott Wave (อีเลียตเวฟ) คืออะไร? เจาะลึกถึงแก่นทฤษฎี

Elliott Wave (อีเลียตเวฟ) คือ ทฤษฎีที่พัฒนาโดย Ralph Nelson Elliott ในช่วงทศวรรษ 1930s โดยเชื่อว่า ราคาในตลาดการเงินมีการเคลื่อนไหวขึ้นและลงอย่างต่อเนื่องในรูปแบบที่เกิดซ้ำกัน ซึ่งเรียกว่า “คลื่น” (Waves) คลื่นเหล่านี้เกิดขึ้นจากจิตวิทยาของเทรดเดอร์ ซึ่งสะท้อนถึงอารมณ์ความรู้สึกของตลาดโดยรวม ไม่ว่าจะเป็นความโลภ ความกลัว หรือความตื่นตระหนก

หัวใจสำคัญของทฤษฎีนี้คือ การมองว่าตลาดมีการเคลื่อนไหวเป็นวัฏจักรและสามารถคาดการณ์ได้ โดยการสังเกตคลื่นที่เกิดขึ้น นักลงทุนสามารถรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มราคาได้อย่างต่อเนื่อง และยังช่วยในการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาในเชิงลึก อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่เทรดเดอร์ควรตระหนักคือ การตีความ Elliott Wave นั้นเป็นเรื่องส่วนบุคคล เนื่องจากนักลงทุนแต่ละคนอาจตีความรูปแบบคลื่นที่เห็นแตกต่างกันไป ซึ่งจำเป็นต้องใช้ประสบการณ์และการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ

ทฤษฎี Elliott Wave แบ่งคลื่นออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่:

  • คลื่นแรงจูงใจ (Motive Waves): คือคลื่นที่เคลื่อนที่ไปในทิศทางของแนวโน้มหลักของตลาด
  • คลื่นปรับฐาน (Corrective Waves): คือคลื่นที่เคลื่อนที่สวนทางกับแนวโน้มหลักของตลาด หรือเป็นการพักตัวของราคา

โดยทั่วไปแล้ว วัฏจักรของ Elliott Wave ที่สมบูรณ์จะประกอบด้วย 8 คลื่นย่อย โดย 5 คลื่นแรกเป็นคลื่นแรงจูงใจ (Impulse Waves) และ 3 คลื่นหลังเป็นคลื่นปรับฐาน (Corrective Waves) ในรูปแบบ 5-3 ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการวิเคราะห์ด้วย Elliott Wave

5 รูปแบบหลักของ Elliott Wave Pattern ที่เทรดเดอร์ควรรู้

การทำความเข้าใจรูปแบบคลื่นย่อยต่างๆ ในทฤษฎี Elliott Wave เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักเทรด เพื่อให้สามารถระบุและตีความการเคลื่อนไหวของราคาได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น รูปแบบหลักทั้ง 5 มีดังนี้



1. Impulse Waves (คลื่นแรงกระตุ้น): การเคลื่อนไหวหลักของตลาด

Impulse Wave ถือเป็นคลื่นแรงจูงใจที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดและมีความชัดเจนที่สุดในตลาด เป็นคลื่นที่บ่งบอกถึงการเคลื่อนที่ของราคาไปในทิศทางเดียวกับแนวโน้มหลักอย่างรุนแรงและมีพลัง

โครงสร้างของ Impulse Wave

Impulse Wave ประกอบด้วยคลื่นย่อย 5 คลื่น ซึ่งมีโครงสร้างเป็น 5-3-5-3-5 โดยแบ่งเป็น:

  • คลื่นแรงจูงใจ 3 คลื่น: ได้แก่ Wave 1, Wave 3, และ Wave 5 ซึ่งเป็นคลื่นที่ขับเคลื่อนราคาไปในทิศทางแนวโน้ม
  • คลื่นปรับฐาน 2 คลื่น: ได้แก่ Wave 2 และ Wave 4 ซึ่งเป็นการพักตัวชั่วคราวก่อนที่ราคาจะเคลื่อนที่ต่อไปในแนวโน้มเดิม

กฎสามข้อสำหรับการระบุ Impulse Wave ที่ถูกต้อง

การระบุ Impulse Wave ต้องเป็นไปตามกฎที่เข้มงวด 3 ข้อ หากมีการละเมิดกฎข้อใดข้อหนึ่ง คลื่นที่เห็นจะไม่ใช่ Impulse Wave ที่ถูกต้อง และจำเป็นต้องพิจารณาการนับคลื่นใหม่:

  1. Wave 2 ไม่สามารถย้อนกลับเกิน 100% ของ Wave 1 ได้: หมายความว่า จุดต่ำสุด (ในตลาดกระทิง) หรือจุดสูงสุด (ในตลาดหมี) ของ Wave 2 จะต้องไม่เกินจุดเริ่มต้นของ Wave 1 หากเกิดขึ้น แสดงว่าการนับคลื่นผิดพลาด
  2. Wave 3 ไม่เคยเป็นคลื่นที่สั้นที่สุดในบรรดาคลื่นแรงจูงใจ (Wave 1, 3, และ 5): โดยปกติแล้ว Wave 3 มักจะเป็นคลื่นที่ยาวที่สุดและทรงพลังที่สุด อย่างน้อยต้องไม่สั้นกว่า Wave 1 และ Wave 5
  3. Wave 4 ไม่สามารถทับซ้อนกับ Wave 1 ได้: จุดสูงสุด (ในตลาดกระทิง) หรือจุดต่ำสุด (ในตลาดหมี) ของ Wave 4 จะต้องไม่เข้าไปในช่วงราคาของ Wave 1 หากเกิดการทับซ้อน แสดงว่าไม่ใช่ Impulse Wave

ทำไม Impulse Wave จึงสำคัญ? เป้าหมายหลักของ Motive Wave รวมถึง Impulse Wave คือการขับเคลื่อนตลาดและสร้างแนวโน้มที่ชัดเจน การระบุ Impulse Wave ได้อย่างถูกต้องจะช่วยให้นักเทรดสามารถเข้าสู่ตลาดในทิศทางของแนวโน้มหลัก ทำให้มีโอกาสในการทำกำไรสูงขึ้นและสามารถกำหนดจุดทำกำไรและตัดขาดทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. Diagonal (คลื่นแนวทแยง): คลื่นแรงจูงใจในรูปแบบลิ่ม

Diagonal เป็นคลื่นแรงจูงใจอีกประเภทหนึ่งที่คล้ายคลึงกับ Impulse Wave ในแง่ของการเคลื่อนที่ไปในทิศทางของแนวโน้มหลัก แต่มีความแตกต่างกันในโครงสร้างและลักษณะการก่อตัว Diagonal Wave มักจะปรากฏในรูปแบบลิ่ม (Wedge) ซึ่งอาจเป็นลิ่มขยาย (Expanding Wedge) หรือลิ่มหดตัว (Contracting Wedge)

ลักษณะเฉพาะของ Diagonal Wave

  • โครงสร้างคลื่นย่อย: Diagonal Wave ประกอบด้วยคลื่นย่อย 5 คลื่นเช่นเดียวกับ Impulse Wave แต่คลื่นย่อยของ Diagonal อาจไม่นับเป็น 5-3-5-3-5 เสมอไป ขึ้นอยู่กับประเภทของ Diagonal ที่กำลังสังเกต
  • การทับซ้อนของคลื่น: หนึ่งในคุณสมบัติที่โดดเด่นของ Diagonal คือ คลื่นย่อย 4 อาจทับซ้อนกับคลื่นย่อย 1 ได้ ซึ่งแตกต่างจาก Impulse Wave อย่างชัดเจน
  • Wave 3 ไม่ใช่คลื่นที่สั้นที่สุด: เช่นเดียวกับ Impulse Wave, Wave 3 ของ Diagonal ไม่ใช่คลื่นที่สั้นที่สุดในบรรดาคลื่นแรงจูงใจ
  • การย้อนกลับของคลื่นย่อย: คลื่นย่อยแต่ละคลื่นของ Diagonal จะไม่ย้อนกลับคลื่นย่อยก่อนหน้าอย่างเต็มที่

ประเภทของ Diagonal Wave

Diagonal สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก:

  1. Ending Diagonal (เส้นทแยงมุมสิ้นสุด): มักจะเกิดขึ้นใน Wave 5 ของ Impulse Wave หรือในคลื่นสุดท้าย (Wave C หรือ Wave 5) ของคลื่นปรับฐาน บ่งบอกถึงการอ่อนแรงของแนวโน้มและการกลับตัวที่ใกล้เข้ามา
  2. Leading Diagonal (เส้นทแยงมุมนำ): มักพบใน Wave 1 ของ Impulse Wave หรือในตำแหน่ง Wave A ของคลื่นปรับฐานแบบ Zigzag บ่งบอกถึงการเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่หรือการเคลื่อนไหวที่รุนแรง

ความสำคัญของ Diagonal Wave: การระบุ Diagonal Wave ได้อย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากมักจะเป็นสัญญาณเตือนถึงการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มที่ใกล้เข้ามา การสิ้นสุดของ Ending Diagonal อาจเป็นสัญญาณที่ดีในการเตรียมตัวสำหรับการกลับตัวของตลาด ในขณะที่ Leading Diagonal อาจบ่งบอกถึงโอกาสในการเข้าสู่ตลาดในแนวโน้มใหม่ตั้งแต่ช่วงแรกๆ

3. Zigzag (ซิกแซก): คลื่นปรับฐานที่รุนแรง

Zigzag เป็นรูปแบบคลื่นปรับฐานที่พบบ่อยและมักจะบ่งบอกถึงการปรับฐานราคาที่ค่อนข้างรุนแรงหรือการเคลื่อนที่ย้อนกลับแนวโน้มหลักอย่างรวดเร็ว ประกอบด้วยคลื่น 3 คลื่นย่อยที่มีการระบุเป็น A, B และ C ซึ่งเคลื่อนที่ขึ้นหรือลงอย่างชัดเจน

โครงสร้างของ Zigzag Wave

โครงสร้างของ Zigzag Wave มีลักษณะดังนี้:

  • Wave A: เป็นคลื่นแรงจูงใจ (Motive Wave) ประกอบด้วย 5 คลื่นย่อย
  • Wave B: เป็นคลื่นปรับฐาน (Corrective Wave) ประกอบด้วย 3 คลื่นย่อย มักจะย้อนกลับ Wave A ไม่เกิน 61.8%
  • Wave C: เป็นคลื่นแรงจูงใจ (Motive Wave) ประกอบด้วย 5 คลื่นย่อย และมักจะยาวเท่ากับ Wave A หรือยาวกว่า

รูปแบบ Zigzag คือการลดลงอย่างรวดเร็วในการปรับฐานของตลาดกระทิง หรือการเคลื่อนตัวของราคาหมี ซึ่งแก้ไขระดับราคาของรูปแบบ Impulse Wave ก่อนหน้าอย่างมาก

Combination Zigzag (ซิกแซกแบบผสม)

Zigzag อาจก่อตัวขึ้นในลักษณะการรวมกันที่ซับซ้อน ซึ่งเรียกว่า Double Zigzag (ซิกแซกคู่) หรือ Triple Zigzag (ซิกแซกสาม) โดยที่ Zigzag สองหรือสามรูปแบบเชื่อมต่อกันด้วยคลื่นปรับฐานอื่น (มักจะเป็นคลื่น X) ระหว่างกัน ซึ่งบ่งบอกถึงการปรับฐานที่ซับซ้อนและใช้เวลานานขึ้น

ทำไม Zigzag ถึงสำคัญ? การเข้าใจรูปแบบ Zigzag ช่วยให้นักเทรดสามารถระบุช่วงเวลาที่ตลาดกำลังปรับฐานและอาจมีการเคลื่อนที่ย้อนกลับแนวโน้มหลักอย่างรุนแรง การรู้ว่าตลาดกำลังอยู่ในช่วง Zigzag จะช่วยในการวางแผนการเทรดเพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุนในช่วงการปรับฐาน หรือใช้ประโยชน์จากการกลับตัวชั่วคราวเพื่อทำกำไรจากการเทรดสวนแนวโน้ม (Counter-trend Trading) อย่างไรก็ตาม การเทรดสวนแนวโน้มมีความเสี่ยงสูงกว่าและต้องใช้ประสบการณ์มากยิ่งขึ้น

4. Flat (แฟลต): คลื่นปรับฐานแบบออกข้าง

Flat เป็นอีกหนึ่งรูปแบบคลื่นปรับฐานที่ประกอบด้วย 3 คลื่นย่อย (A, B, C) แต่มีโครงสร้างภายในที่แตกต่างจาก Zigzag โดย Flat Wave จะมีโครงสร้างเป็น 3-3-5 ซึ่งบ่งบอกถึงการเคลื่อนไหวของราคาที่ค่อนข้างเป็นแนวราบหรือออกข้าง ไม่มีการปรับฐานที่รุนแรงเท่า Zigzag

โครงสร้างของ Flat Wave

โครงสร้างแบบ Flat มีลักษณะดังนี้:

  • Wave A: เป็นคลื่นปรับฐาน (Correction) ประกอบด้วย 3 คลื่นย่อย
  • Wave B: เป็นคลื่นปรับฐาน (Correction) ประกอบด้วย 3 คลื่นย่อย และมักจะย้อนกลับ Wave A เกือบทั้งหมด หรืออาจจะเลยจุดเริ่มต้นของ Wave A เล็กน้อย
  • Wave C: เป็นคลื่นแรงจูงใจ (Motive) ประกอบด้วย 5 คลื่นย่อย และมักจะจบลงในบริเวณใกล้เคียงกับจุดสิ้นสุดของ Wave A

รูปแบบนี้เรียกว่า “Flat” เนื่องจากราคามักจะเคลื่อนที่ไปด้านข้างในช่วงการก่อตัวของคลื่น การเคลื่อนไหวของ Wave B ที่มักจะย้อนกลับ Wave A เกือบทั้งหมด ทำให้ภาพรวมดูเหมือนเป็นกรอบราคาที่เคลื่อนที่ในแนวราบ

ตำแหน่งการเกิด Flat Wave

โดยทั่วไป ภายใน Impulse Wave คลื่นที่สี่ (Wave 4) มักจะมีแนวราบในขณะที่คลื่นที่สอง (Wave 2) ไม่ค่อยเกิดขึ้นในรูปแบบ Flat

ประเภทของ Flat Wave

Flat Wave สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท แต่ที่พบบ่อยคือ:

  • Regular Flat (แฟลตปกติ): Wave B จบลงใกล้จุดเริ่มต้นของ Wave A และ Wave C จบลงใกล้จุดสิ้นสุดของ Wave A
  • Expanded Flat (แฟลตแบบขยาย): Wave B สิ้นสุดเหนือจุดเริ่มต้นของ Wave A (ในตลาดกระทิง) หรือต่ำกว่าจุดเริ่มต้นของ Wave A (ในตลาดหมี) และ Wave C อาจสิ้นสุดเลยจุดเริ่มต้นของ Wave B ออกไป ซึ่งรูปแบบ Expanded Flat นี้พบได้ทั่วไปในตลาดมากกว่า Flat ปกติ
  • Running Flat (แฟลตแบบวิ่ง): คล้ายกับ Expanded Flat แต่ Wave C ไม่สามารถทำจุดต่ำสุดใหม่ (ในตลาดกระทิง) หรือจุดสูงสุดใหม่ (ในตลาดหมี) ได้

ความสำคัญของ Flat Wave: Flat Wave บ่งบอกถึงช่วงเวลาที่ตลาดกำลังสะสมพลังงานหรือเกิดการรวมฐานของราคา ก่อนที่จะเคลื่อนที่ต่อไปในทิศทางแนวโน้มเดิม การระบุ Flat Wave ได้อย่างถูกต้องช่วยให้นักเทรดเข้าใจว่าตลาดกำลังพักตัว และเตรียมพร้อมสำหรับการเคลื่อนไหวครั้งต่อไป การเทรดในช่วง Flat มักจะยากกว่าเนื่องจากขาดทิศทางที่ชัดเจน แต่ก็สามารถใช้กลยุทธ์การเทรดในกรอบ (Range Trading) ได้

5. Triangle (สามเหลี่ยม): คลื่นปรับฐานแบบรวมตัว

Triangle เป็นรูปแบบคลื่นปรับฐานที่แสดงถึงความสมดุลของแรงซื้อและแรงขายในตลาด โดยราคามีการเคลื่อนที่แบบออกข้างและค่อยๆ บีบตัวแคบลงเรื่อยๆ ก่อให้เกิดรูปทรงคล้ายสามเหลี่ยมบนกราฟ ประกอบด้วยคลื่นย่อย 5 คลื่นในโครงสร้าง 3-3-3-3-3 ที่มีการระบุเป็น A, B, C, D และ E

ลักษณะเฉพาะของ Triangle Wave

  • โครงสร้าง 3-3-3-3-3: คลื่นย่อยแต่ละคลื่น (A, B, C, D, E) ภายใน Triangle เป็นคลื่นปรับฐานที่ประกอบด้วย 3 คลื่นย่อย
  • การบีบตัวของราคา: จุดสูงสุดของแต่ละคลื่นย่อยจะต่ำลงเรื่อยๆ และจุดต่ำสุดของแต่ละคลื่นย่อยจะสูงขึ้นเรื่อยๆ (สำหรับสามเหลี่ยมแบบหดตัว) หรือในทางกลับกัน (สำหรับสามเหลี่ยมแบบขยาย)
  • บ่งบอกถึงการรวมพลัง: Triangle มักจะเกิดขึ้นก่อนที่จะมีการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรงในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง

ประเภทของ Triangle Wave

Triangle สามารถจัดประเภทได้ตามลักษณะการบีบตัวของราคา:

  1. Contracting Triangle (สามเหลี่ยมหดตัว): เป็นประเภทที่พบบ่อยที่สุด โดยราคาจะบีบตัวแคบลงเรื่อยๆ มี 4 ชนิดย่อย ได้แก่
    • Symmetrical Triangle (สามเหลี่ยมสมมาตร): ทั้งแนวต้านและแนวรับเป็นเส้นทแยงมุมเข้าหากัน
    • Ascending Triangle (สามเหลี่ยมยกตัวขึ้น): แนวต้านเป็นเส้นแนวนอน และแนวรับเป็นเส้นทแยงมุมยกตัวขึ้น
    • Descending Triangle (สามเหลี่ยมกดตัวลง): แนวรับเป็นเส้นแนวนอน และแนวต้านเป็นเส้นทแยงมุมกดตัวลง
    • Broadening Triangle (สามเหลี่ยมขยาย): เป็นรูปแบบตรงข้ามกับสามเหลี่ยมหดตัว โดยราคาจะแกว่งตัวกว้างขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งพบน้อยกว่า
  2. Expanding Triangle (สามเหลี่ยมขยาย): โดยที่คลื่นย่อยต่อไปนี้แต่ละอันจะใหญ่ขึ้น ซึ่งเป็นรูปแบบที่พบน้อยกว่า

ตำแหน่งการเกิด Triangle Wave: Triangle มักจะเกิดขึ้นใน Wave 4 ของ Impulse Wave หรือใน Wave B ของ Zigzag แบบ Double หรือ Triple หรือในคลื่นสุดท้ายของคลื่นปรับฐานที่ซับซ้อน

ทำไม Triangle ถึงสำคัญ? การระบุ Triangle ได้อย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากการทะลุออกจากรูปแบบสามเหลี่ยมมักจะนำไปสู่การเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรงและยาวนาน เทรดเดอร์สามารถใช้รูปแบบนี้ในการเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าสู่ตลาดหลังจากที่ราคาเบรกออกจากแนวรับหรือแนวต้านของสามเหลี่ยม อย่างไรก็ตาม แม้ในทางทฤษฎีอาจดูง่ายสำหรับการจำสามเหลี่ยม แต่ในทางปฏิบัติอาจต้องใช้การฝึกฝนและประสบการณ์พอสมควรในการระบุและตีความในตลาดจริง

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ Elliott Wave

คำถาม คำตอบ
Elliott Wave มีความแม่นยำแค่ไหน? Elliott Wave เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีประโยชน์อย่างมากในการระบุแนวโน้มและจุดกลับตัวของตลาด อย่างไรก็ตาม ความแม่นยำขึ้นอยู่กับความสามารถในการตีความของแต่ละบุคคล เนื่องจากเป็นเรื่องที่เป็นอัตวิสัยและต้องใช้ประสบการณ์สูง ผู้เชี่ยวชาญบางท่านอาจตีความแตกต่างกันไป ซึ่งส่งผลต่อผลลัพธ์ในการเทรด
ควรใช้ Elliott Wave ควบคู่กับเครื่องมืออื่นหรือไม่? การใช้ Elliott Wave เพียงอย่างเดียวอาจมีความท้าทายสูง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้ควบคู่กับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ เช่น Fibonacci Retracement, Moving Average, แนวรับ-แนวต้าน หรือ รูปแบบแท่งเทียน เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและยืนยันสัญญาณการซื้อขาย
Elliott Wave ใช้ได้กับตลาดประเภทใดบ้าง? ทฤษฎี Elliott Wave สามารถนำไปใช้ได้กับการวิเคราะห์ตลาดการเงินเกือบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น ตลาดหุ้น, ตลาดฟอเร็กซ์ (Forex), ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ (ทองคำ), และตลาดคริปโตเคอร์เรนซี เนื่องจากพื้นฐานของทฤษฎีนี้อิงกับจิตวิทยาของมนุษย์ ซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนตลาดในวงกว้าง
มือใหม่สามารถเรียนรู้ Elliott Wave ได้หรือไม่? มือใหม่สามารถเรียนรู้ Elliott Wave ได้ แต่ต้องใช้ความอดทนและเวลาในการฝึกฝนทำความเข้าใจทฤษฎีและกฎต่างๆ อย่างถ่องแท้ รวมถึงการฝึกฝนการนับคลื่นบนกราฟจริงอย่างสม่ำเสมอ การเริ่มต้นจากการศึกษาพื้นฐานและค่อยๆ ซับซ้อนขึ้นเป็นวิธีที่ดีที่สุด
มีข้อควรระวังในการใช้ Elliott Wave หรือไม่? ข้อควรระวังที่สำคัญคือ การตีความที่เป็นอัตวิสัย ซึ่งอาจนำไปสู่การนับคลื่นที่แตกต่างกันในหมู่เทรดเดอร์ นอกจากนี้ ควรระวังความซับซ้อนของรูปแบบคลื่นที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งอาจทำให้การวิเคราะห์ผิดพลาดได้ ควรใช้ร่วมกับ การบริหารความเสี่ยง และการยืนยันจากปัจจัยอื่นเสมอ

สรุป: Elliott Wave กุญแจสู่การเข้าใจวัฏจักรตลาด

Elliott Wave เป็นทฤษฎีการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ลึกซึ้งและทรงพลัง ช่วยให้นักลงทุนสามารถมองเห็นวัฏจักรของตลาดที่เกิดจากจิตวิทยาของฝูงชน ด้วยการทำความเข้าใจรูปแบบคลื่นหลักทั้ง 5 ได้แก่ Impulse Wave, Diagonal, Zigzag, Flat และ Triangle เทรดเดอร์จะได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของราคา แนวโน้ม และจุดกลับตัวที่อาจเกิดขึ้น

แม้ว่าการตีความ Elliott Wave จะมีความเป็นอัตวิสัยและต้องใช้ประสบการณ์ แต่การฝึกฝนอย่างต่อเนื่องและการนำไปใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจซื้อขายได้อย่างมาก การเรียนรู้และประยุกต์ใช้ทฤษฎี Elliott Wave อย่างเชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณสามารถนำทางในตลาดการเงินที่มีความผันผวนได้อย่างมั่นใจและมีกลยุทธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

หากคุณสนใจศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์การเทรดและเครื่องมือต่างๆ ที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการลงทุนของคุณ อย่าลังเลที่จะสำรวจบทความอื่นๆ บนเว็บไซต์ของเรา หรือเข้าร่วมกลุ่มผู้ใช้ EA เพื่อรับข้อมูลเชิงลึกและระบบเทรดอัตโนมัติที่จะช่วยให้การเทรดของคุณง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

______________________________________
สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
________________________
✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
MTrading เทรดดีไม่มีสะดุด XAUUSD ไม่มีค่า Swap บนบัญชี M.Pro!
________________________
✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่?https://bit.ly/MTRatsamee
Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
——–
ติดตามเราได้ที่
?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
_____________________________________________

You Might Also Like

Contact Us on Line