วิธีวิเคราะห์ราคาทองคำง่าย ๆ: 3 ขั้นตอนที่มือใหม่ก็ทำกำไรได้

หลังจากที่คุณเข้าใจพื้นฐานและกฎการบริหารความเสี่ยงเทรดทองแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเรียนรู้วิธี วิเคราะห์ราคาทองคำ เพื่อหาจุดเข้าซื้อ (Buy) และจุดขาย (Sell) ที่มีประสิทธิภาพ แม้การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะมีหลายรูปแบบ แต่สำหรับมือใหม่ เทคนิคที่ง่ายที่สุดและเป็นรากฐานของทุกกลยุทธ์คือ “แนวรับและแนวต้าน”
บทความนี้จะแนะนำ 3 ขั้นตอนง่าย ๆ ในการใช้แนวรับ-แนวต้าน เพื่อวิเคราะห์ราคาทองคำง่าย ๆ และหาจุดทำกำไรในการเทรดทองคำ (XAU/USD) โดยเฉพาะการเทรดในระยะสั้น
🔎 ขั้นตอนที่ 1: การระบุแนวรับและแนวต้าน (S&R) ที่สำคัญ
แนวรับ (Support) และแนวต้าน (Resistance) คือระดับราคาในอดีตที่ตลาดแสดงปฏิกิริยาอย่างชัดเจน เมื่อราคามาถึงบริเวณนี้ มักจะมีการหยุด, กลับตัว, หรือเกิดการต่อสู้ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
ความหมายและการตีเส้น
- แนวรับ (Support): ระดับราคาที่อยู่ด้านล่าง ซึ่งในอดีตเคยมีแรงซื้อเข้ามามาก ทำให้ราคาสามารถหยุดการลงหรือดีดตัวกลับขึ้นไปได้ (มองหาจุดต่ำสุดที่ราคาเคยหยุด)
- แนวต้าน (Resistance): ระดับราคาที่อยู่ด้านบน ซึ่งในอดีตเคยมีแรงขายเข้ามามาก ทำให้ราคาสามารถหยุดการขึ้นหรือกลับตัวลงมาได้ (มองหาจุดสูงสุดที่ราคาเคยหยุด)
เคล็ดลับมือใหม่: ใช้ Time Frame ที่ใหญ่กว่า เช่น H4 (4 ชั่วโมง) หรือ Daily (รายวัน) ในการกำหนด S&R หลัก เพราะระดับ S&R ที่มาจาก Time Frame ใหญ่จะมีความแข็งแกร่งและน่าเชื่อถือมากกว่า
🔄 ขั้นตอนที่ 2: มองหาสัญญาณการกลับตัวหรือทะลุ (Reversal or Breakout)
เมื่อราคาทองคำวิ่งมาถึงแนวรับหรือแนวต้านที่คุณขีดไว้ ตลาดจะมีปฏิกิริยาหลัก ๆ อยู่ 2 รูปแบบเท่านั้น:
1. สัญญาณการกลับตัว (Reversal)
คือการที่ราคาไม่สามารถผ่านแนวรับหรือแนวต้านไปได้ และเปลี่ยนทิศทางกลับไปทางเดิม เช่น:
- ที่แนวรับ: ราคาลงมาชนแนวรับ แล้วมีแท่งเทียนกลับตัว (เช่น Pin Bar หรือ Engulfing) เกิดขึ้น ให้พิจารณาเข้า Buy และตั้ง SL ใต้แนวรับ
- ที่แนวต้าน: ราคาขึ้นไปชนแนวต้าน แล้วมีแท่งเทียนกลับตัวเกิดขึ้น ให้พิจารณาเข้า Sell และตั้ง SL เหนือแนวต้าน
2. สัญญาณการทะลุแนว (Breakout)
คือการที่ราคาทะลุผ่านแนวรับหรือแนวต้านไปอย่างรุนแรงและชัดเจน โดยมักมาพร้อมกับ Volume ที่สูง การทะลุแนวต้าน (Resistance) มักเป็นสัญญาณของ ขาขึ้นที่แข็งแกร่ง และการทะลุแนวรับ (Support) เป็นสัญญาณของ ขาลงที่แข็งแกร่ง
กฎสำคัญ: เมื่อแนวต้านถูกทะลุ มันจะเปลี่ยนสถานะมาเป็น แนวรับใหม่ (และกลับกัน) คุณสามารถรอให้ราคาทองคำกลับมาทดสอบแนวที่ถูกทะลุ (Pullback) ก่อนเข้าเทรดตามทิศทาง Breakout เพื่อยืนยันสัญญาณ
📈 ขั้นตอนที่ 3: ใช้ Indicators เสริมเพื่อยืนยัน (Confirmation)
การใช้เพียง S&R อาจยังไม่เพียงพอต่อการตัดสินใจเข้าเทรดทองระยะสั้น คุณควรใช้เครื่องมือ (Indicators) เสริมเพื่อยืนยันโมเมนตัมและความแข็งแกร่งของสัญญาณ
Indicators ยอดนิยมสำหรับมือใหม่:
- RSI (Relative Strength Index): ใช้เพื่อดูว่าราคาทองคำอยู่ในโซน ซื้อมากเกินไป (Overbought – เหนือ 70) หรือ ขายมากเกินไป (Oversold – ใต้ 30) หรือไม่ สัญญาณ Overbought/Oversold ใกล้แนวรับ/แนวต้านคือการยืนยันที่ทรงพลังในการกลับตัว
- Moving Average (MA): ใช้เพื่อระบุทิศทางแนวโน้ม (Trend) หลัก หากราคาอยู่เหนือ MA แปลว่าอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Buy Bias) หากราคาอยู่ใต้ MA แปลว่าอยู่ในแนวโน้มขาลง (Sell Bias)
ตัวอย่างการใช้ร่วมกัน: หากราคาทองคำลงมาที่แนวรับ และ RSI เข้าสู่โซน Oversold นั่นคือการยืนยันสัญญาณ Buy ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าการดูแค่แนวรับเพียงอย่างเดียว
การนำไปใช้จริงกับการเทรดทองระยะสั้น
สำหรับการเทรดทองแบบ Day Trading หรือ Scalping M5 คุณสามารถใช้ S&R หลักจาก H4/Daily แล้วมาหาจุดเข้าทำกำไรที่ Time Frame เล็ก (M15 หรือ M5) โดย:
- กำหนด S&R หลักจาก H4 (ภาพใหญ่)
- เปลี่ยนไป Time Frame M15 หรือ M5 (ภาพเล็ก)
- เมื่อราคาวิ่งเข้าใกล้ S&R หลัก ให้รอสัญญาณกลับตัวที่ M15/M5
- เข้าเทรดเมื่อมีสัญญาณยืนยันจาก Indicators (เช่น RSI Oversold/Overbought)
บทสรุป: การวิเคราะห์ราคาทองคำง่าย ๆ ด้วยแนวรับ-แนวต้านเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ การฝึกฝนการตีเส้น S&R และการยืนยันสัญญาณด้วย Indicators อย่างมีวินัย จะช่วยให้คุณสามารถหาจุดเข้าทำกำไรที่ความเสี่ยงต่ำ-ผลตอบแทนสูงได้ในทุกวัน



No Comments