TOP 10 บทความยอดนิยม

ดูทั้งหมด
แจก EA & อินดิเคเตอร์

รีวิวผลงานเทรด EA JAV

กุมภาพันธ์ 14, 2023

“`html

เปิดโลกการเทรดอัตโนมัติ: รีวิว EA ทำกำไร 10-20% ต่อเดือน ด้วยความเข้าใจตลาดและระบบเทรด

ในโลกของการลงทุนและ เทรด Forex ที่ผันผวน การสร้างผลกำไรที่สม่ำเสมอเป็นความท้าทายที่เทรดเดอร์จำนวนมากต้องเผชิญ ด้วยความซับซ้อนของตลาดที่ต้องอาศัยการวิเคราะห์ปัจจัยมากมาย ทั้งเศรษฐกิจ ข่าวสาร และเทคนิคอล การตัดสินใจซื้อขายด้วยตนเองอาจนำมาซึ่งอารมณ์ที่เข้าแทรกแซงและส่งผลต่อประสิทธิภาพการเทรด แต่จะมีทางออกหรือไม่ที่ช่วยให้เราสามารถสร้างกำไรได้อย่างมีวินัยและลดภาระในการเฝ้าหน้าจอตลอดเวลา?

คำตอบอยู่ที่ Expert Advisor (EA) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Robot Trade” หรือ “ระบบเทรดอัตโนมัติ” EA เป็นโปรแกรมที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเทรดเดอร์ในการวิเคราะห์ตลาดและส่งคำสั่งซื้อขายโดยอัตโนมัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ล่วงหน้า บทความนี้จะเจาะลึกถึงศักยภาพของ EA โดยเฉพาะการรีวิว EA ที่สามารถทำกำไรได้ถึง 10-20% ต่อเดือน พร้อมทั้งอธิบายหลักการทำงาน, วิธีการเลือกใช้, และข้อควรพิจารณาต่างๆ เพื่อให้คุณเข้าใจและสามารถใช้ประโยชน์จากเครื่องมืออันทรงพลังนี้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

รีวิวการเทรดด้วย EA ทำกำไร

Expert Advisor (EA) คืออะไร และทำงานอย่างไร?

Expert Advisor (EA) คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อทำงานบนแพลตฟอร์ม MetaTrader 4 (MT4) หรือ MetaTrader 5 (MT5) โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือการดำเนินการซื้อขายในตลาด Forex โดยอัตโนมัติ ระบบเทรดอัตโนมัติฟรี เหล่านี้จะปฏิบัติตามชุดคำสั่งและเงื่อนไขที่โปรแกรมเมอร์หรือเทรดเดอร์ได้กำหนดไว้ล่วงหน้าอย่างเคร่งครัด ทำให้การตัดสินใจซื้อขายเป็นไปอย่างมีหลักการและปราศจากอคติทางอารมณ์

หลักการทำงานเบื้องต้นของ EA

  • การวิเคราะห์ตลาดอัตโนมัติ: EA จะใช้ อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค รูปแบบราคา (Price Patterns) หรือข้อมูลทางสถิติอื่นๆ เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มตลาด, แนวรับแนวต้าน, และ จุดเข้าออกที่เหมาะสม โดยไม่ต้องให้เทรดเดอร์เฝ้าหน้าจอ
  • การส่งคำสั่งซื้อขายอัตโนมัติ: เมื่อ EA ตรวจพบเงื่อนไขที่ตรงกับกลยุทธ์ที่ตั้งไว้ (เช่น สัญญาณซื้อหรือขาย) มันจะส่งคำสั่งไปยังโบรกเกอร์โดยทันที ซึ่งรวมถึงการตั้งค่า Stop Loss (SL) และ Take Profit (TP) เพื่อบริหารความเสี่ยงและล็อกกำไรโดยอัตโนมัติ
  • การบริหารจัดการคำสั่ง: EA ไม่เพียงแค่เปิดและปิดสถานะเท่านั้น แต่ยังสามารถจัดการคำสั่งที่เปิดอยู่ เช่น การเลื่อน Stop Loss (Trailing Stop) เพื่อป้องกันกำไร หรือปรับกลยุทธ์ตามสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป

ทำไม EA จึงเป็นเครื่องมือที่น่าสนใจสำหรับเทรดเดอร์?

การใช้ EA นำมาซึ่งข้อได้เปรียบหลายประการที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดความกดดันในการเทรด:

  • ลดอารมณ์ในการตัดสินใจ: มนุษย์มักถูกควบคุมด้วยอารมณ์ เช่น ความกลัวและความโลภ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความผิดพลาดในการเทรด EA ทำงานตามตรรกะที่กำหนดไว้เท่านั้น ปราศจากอารมณ์ ทำให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างมีวินัยสม่ำเสมอ
  • ประหยัดเวลาและพลังงาน: EA สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ (ตามเวลาทำการของตลาด) โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยหรือต้องการพักผ่อน ทำให้เทรดเดอร์มีเวลาไปทำกิจกรรมอื่น ๆ หรือเฝ้าติดตามตลาดน้อยลง
  • ความเร็วในการดำเนินการ: EA สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดและส่งคำสั่งซื้อขายได้เร็วกว่ามนุษย์มาก ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งใน กลยุทธ์การเทรดสั้น (Scalping) หรือการเทรดในช่วงข่าว
  • การ Backtest และ Optimization: คุณสามารถทดสอบประสิทธิภาพของ EA กับข้อมูลราคาในอดีต (Backtest) และปรับแต่งพารามิเตอร์ต่างๆ (Optimize) เพื่อหากลยุทธ์ที่เหมาะสมที่สุดก่อนนำไปใช้จริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ง่ายๆ กับการเทรดด้วยมือ
  • ความสามารถในการจัดการหลายคู่เงินพร้อมกัน: EA สามารถเฝ้าติดตามและเทรดในหลายคู่สกุลเงิน หรือสินทรัพย์พร้อมกันได้ ซึ่งเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและช่วยกระจายความเสี่ยง

การทำกำไร 10-20% ต่อเดือนด้วย EA: ความจริงและสิ่งที่ควรทราบ

การกล่าวอ้างว่า EA สามารถทำกำไรได้ 10-20% ต่อเดือนนั้น เป็นสิ่งที่ดึงดูดใจอย่างมาก แต่ก็มาพร้อมกับข้อควรพิจารณาหลายประการ เพื่อให้เข้าใจความเป็นจริงของผลตอบแทนดังกล่าว

ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลกำไรของ EA

  1. กลยุทธ์ของ EA: EA แต่ละตัวมีกลยุทธ์ที่แตกต่างกัน บาง EA อาจเน้นการ Scalping, บาง EA เน้น Trend Following, บาง EA เน้น Grid Trading หรือ Hedging กลยุทธ์ที่เหมาะสมกับสภาวะตลาดหนึ่ง อาจไม่เหมาะสมกับอีกสภาวะหนึ่ง การเข้าใจว่า EA ของคุณใช้กลยุทธ์ใดจึงเป็นสิ่งสำคัญ
  2. สภาวะตลาด: ตลาด Forex มีความผันผวนและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ บาง EA ทำงานได้ดีในตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน (Trending Market) ขณะที่บาง EA ทำกำไรได้ดีในตลาดที่เคลื่อนไหวในกรอบ (Ranging Market) EA ที่ให้ผลตอบแทนสูงในช่วงตลาดที่เอื้ออำนวย อาจให้ผลตอบแทนลดลงหรือขาดทุนในช่วงตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย
  3. การตั้งค่า (Parameters): การปรับแต่งค่าพารามิเตอร์ของ EA ให้เหมาะสมกับเงินทุน, คู่เงินที่เทรด และความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง หากตั้งค่าไม่เหมาะสม แม้ EA ที่ดีที่สุดก็อาจสร้างความเสียหายได้
  4. การบริหารจัดการเงินทุน (Money Management): แม้ EA จะเป็นระบบอัตโนมัติ แต่ การบริหารความเสี่ยง และการจัดการเงินทุนยังคงเป็นหน้าที่ของเทรดเดอร์ การกำหนด Lot Size ที่เหมาะสม, การตั้ง Stop Loss และ Take Profit ที่สมเหตุสมผล จะช่วยควบคุม Drawdown และรักษาวงเงินลงทุนของคุณ
  5. คุณภาพของโบรกเกอร์: ความเร็วในการดำเนินการคำสั่ง (Execution Speed), ค่า Spread ที่ต่ำ, และสภาพคล่องของ โบรกเกอร์ มีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพของ EA โดยเฉพาะ EA ที่เน้นการเทรดสั้น

ความเป็นไปได้ของกำไร 10-20% ต่อเดือน

เป็นไปได้ที่ EA จะทำกำไรได้ในระดับ 10-20% ต่อเดือนในช่วงเวลาหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะตลาดที่เอื้ออำนวย หรือหากใช้ EA ที่มีกลยุทธ์ที่รุกและมีความเสี่ยงสูง อย่างไรก็ตาม การรักษาระดับผลตอบแทนนี้อย่างสม่ำเสมอในระยะยาวเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก

ถ้า EA สามารถทำกำไรได้สูงอย่างต่อเนื่องโดยไม่มี Drawdown หรือความเสี่ยงที่รับได้ นั่นอาจเป็นสัญญาณของกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงสูง หรืออาจเป็นผลลัพธ์จากการ Over-optimization ซึ่งหมายถึงการปรับแต่ง EA ให้ทำงานได้ดีเยี่ยมกับข้อมูลในอดีต แต่ไม่สามารถทำซ้ำได้ในสภาวะตลาดปัจจุบันหรืออนาคต

ผลลัพธ์เป็นยังไง? หาก EA ทำกำไรได้จริงตามที่กล่าวอ้าง จะช่วยให้คุณมีรายได้เสริมหรืออาจเป็นรายได้หลักได้ โดยลดความจำเป็นในการเฝ้าหน้าจอและลดความเครียดจากการตัดสินใจด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่า “ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต” ซึ่งเป็นข้อควรระวังมาตรฐานของการลงทุน

เคล็ดลับในการเลือกและใช้งาน EA อย่างชาญฉลาด

เพื่อให้การใช้งาน EA ของคุณประสบความสำเร็จและยั่งยืน ควรพิจารณาเคล็ดลับเหล่านี้:

1. ทำความเข้าใจระบบเทรดและกลยุทธ์ของ EA

ก่อนที่จะใช้งาน EA ใดๆ คุณต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า EA นั้นใช้กลยุทธ์การเทรดแบบไหน เช่น มันเป็น EA เทรดสั้น (Scalper), Trend Follower, หรือ Grid Trader? กลยุทธ์เหล่านี้มีความเสี่ยงและสไตล์การเทรดที่แตกต่างกัน การเข้าใจหลักการจะช่วยให้คุณประเมินประสิทธิภาพและคาดการณ์พฤติกรรมของ EA ได้ในสภาวะตลาดต่างๆ

2. เลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสม

โบรกเกอร์มีบทบาทสำคัญต่อประสิทธิภาพของ EA ควรเลือกโบรกเกอร์ที่มี:

  • ค่าสเปรดต่ำ: โดยเฉพาะ EA ที่เทรดบ่อยหรือใช้กลยุทธ์ Scalping
  • ความเร็วในการดำเนินการคำสั่ง (Execution Speed) สูง: เพื่อลด Slippage
  • อนุญาตให้ใช้ EA: โบรกเกอร์ส่วนใหญ่จะอนุญาต แต่ควรตรวจสอบให้แน่ใจ
  • บัญชีประเภท ECN/Raw Spread: มักจะเหมาะกับ EA มากกว่าบัญชี Standard

เราขอแนะนำโบรกเกอร์ยอดนิยมที่เทรดเดอร์นิยมใช้กับ EA:

3. ใช้บัญชี Demo ในการทดสอบอย่างละเอียด

ก่อนนำ EA ไปใช้กับบัญชีจริง ควรทดสอบอย่างน้อย 1-3 เดือนใน บัญชี Demo เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมของ EA ในสภาวะตลาดจริง รวมถึงทดสอบความคงทนต่อสภาวะตลาดที่แตกต่างกัน และตรวจสอบว่า EA ทำงานได้อย่างที่คาดหวังหรือไม่

4. พิจารณาใช้ VPS (Virtual Private Server)

VPS ช่วยให้ EA ของคุณทำงานได้อย่างต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องเปิดคอมพิวเตอร์ของคุณทิ้งไว้ตลอดเวลา ช่วยลดปัญหาไฟฟ้าดับ อินเทอร์เน็ตหลุด หรือคอมพิวเตอร์ขัดข้อง ซึ่งอาจส่งผลให้ EA หยุดทำงานและพลาดโอกาสในการทำกำไร

5. การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด

การบริหารความเสี่ยง เป็นหัวใจสำคัญของการลงทุน ไม่ว่าคุณจะเทรดด้วยมือหรือใช้ EA กำหนดจำนวนเงินที่พร้อมจะขาดทุนได้ (Risk per Trade) และใช้ Lot Size ที่เหมาะสมกับเงินทุนเสมอ การตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit ใน EA ควรสะท้อนถึงแผนการบริหารความเสี่ยงของคุณอย่างชัดเจน

6. ติดตามผลและปรับปรุง

EA ไม่ใช่ระบบที่ตั้งแล้วทิ้งไป คุณยังคงต้องติดตามผลการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ วิเคราะห์ว่า EA ทำกำไรได้ดีในช่วงใด ขาดทุนในช่วงใด และพิจารณาปรับปรุงการตั้งค่าให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป หรือแม้กระทั่งพิจารณาเปลี่ยน EA หากไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป

FAQ Section: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเทรดด้วย EA

เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการใช้งาน Expert Advisor (EA) ในตลาด Forex เราได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยพร้อมคำตอบที่ละเอียดและครอบคลุม

Q1: EA สามารถทำกำไรได้ 100% ตลอดเวลาจริงหรือไม่?

A1: ไม่มี EA หรือระบบเทรดใดในโลกที่สามารถทำกำไรได้ 100% ตลอดเวลาโดยไม่มีการขาดทุน การกล่าวอ้างดังกล่าวควรได้รับการพิจารณาด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง ตลาด Forex มีความผันผวนและไม่สามารถคาดเดาได้ 100% EA จะทำงานตามกลยุทธ์ที่ถูกตั้งโปรแกรมไว้ ซึ่งอาจทำกำไรได้ดีในบางสภาวะตลาดและอาจขาดทุนในสภาวะตลาดอื่นๆ ดังนั้น การทำความเข้าใจ การบริหารความเสี่ยง และการยอมรับการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นได้จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

Q2: ฉันจำเป็นต้องมีความรู้เรื่อง Forex มากน้อยแค่ไหนในการใช้ EA?

A2: แม้ว่า EA จะช่วยให้คุณไม่ต้องวิเคราะห์กราฟหรือเฝ้าหน้าจอด้วยตนเอง แต่การมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ ตลาด Forex, คู่สกุลเงิน, Pip, Lot Size, Spread, และ การบริหารความเสี่ยง เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง การมีความรู้เหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถ:

  • เลือก EA ที่เหมาะสมกับสไตล์การลงทุนและความเสี่ยงที่ยอมรับได้
  • ประเมินประสิทธิภาพของ EA และ Backtest ได้อย่างมีวิจารณญาณ
  • ปรับแต่งการตั้งค่า EA ให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป
  • แก้ไขปัญหาเบื้องต้นที่อาจเกิดขึ้นกับ EA ได้

Q3: จะ ติดตั้ง EA ใน MetaTrader 4 (MT4) ได้อย่างไร?

A3: การติดตั้ง EA ใน MT4 มีขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อนนัก:

  1. ดาวน์โหลดไฟล์ EA: ไฟล์ EA มักจะมีนามสกุล .ex4 หรือ .mq4
  2. เปิดแพลตฟอร์ม MT4: เข้าสู่ระบบด้วยบัญชี Demo หรือบัญชีจริงของคุณ
  3. เปิดโฟลเดอร์ Data Folder: ไปที่ “File” > “Open Data Folder”
  4. คัดลอกไฟล์ EA: เข้าไปที่ MQL4 > Experts และวางไฟล์ EA ที่ดาวน์โหลดมาในโฟลเดอร์นี้
  5. รีสตาร์ท MT4: ปิดและเปิดโปรแกรม MT4 ใหม่อีกครั้ง หรือคลิกขวาที่ “Expert Advisors” ในหน้าต่าง Navigator แล้วเลือก “Refresh”
  6. ลาก EA ไปที่กราฟ: ลาก EA จากหน้าต่าง Navigator ไปวางบนคู่เงินที่คุณต้องการเทรด
  7. ตั้งค่า EA: ในหน้าต่าง Properties ของ EA ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เลือก “Allow Live Trading” และปรับแต่งพารามิเตอร์ตามคำแนะนำของผู้พัฒนา EA
  8. ตรวจสอบสถานะ: ไอคอนรูปหน้ายิ้มที่มุมขวาบนของกราฟ แสดงว่า EA ทำงานอยู่

สำหรับคำแนะนำอย่างละเอียดพร้อมภาพประกอบ คุณสามารถดูได้ที่บทความของเรา: วิธีการติดตั้ง EA ใน MetaTrader 4

Q4: ควรเลือก EA ที่ เทรดสั้น หรือเทรดยาวดีกว่ากัน?

A4: การเลือกว่าจะใช้ EA ที่เทรดสั้น (Scalping/Day Trading) หรือเทรดยาว (Swing/Position Trading) ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ:

  • สไตล์การลงทุนส่วนตัว: หากคุณชอบความถี่ในการซื้อขายสูงและต้องการเห็นผลลัพธ์เร็ว EA เทรดสั้นอาจเหมาะกว่า แต่ถ้าคุณชอบความผ่อนคลายและไม่ต้องการเฝ้าบ่อย EA เทรดยาวจะตอบโจทย์
  • เงินทุน: EA เทรดสั้นมักต้องใช้เงินทุนที่ค่อนข้างสูงกว่าเพื่อรองรับ Drawdown ที่อาจเกิดขึ้นจากการเปิดหลายออเดอร์ หรือกลยุทธ์ Grid/Martingale
  • ความทนทานต่อความเสี่ยง: EA เทรดสั้นมักมีความเสี่ยงสูงกว่าเนื่องจากความถี่ในการเทรดและมาร์จิ้นที่ใช้
  • โบรกเกอร์: EA เทรดสั้นจะทำงานได้ดีที่สุดกับโบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำมากและความเร็วในการดำเนินการสูง
  • สภาวะตลาด: EA เทรดสั้นมักจะทำกำไรได้ดีในตลาดที่เคลื่อนไหวในกรอบเล็กๆ หรือช่วงที่มีความผันผวนสูงในระยะเวลาสั้นๆ ส่วน EA เทรดยาวจะดีในตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน

โดยรวมแล้ว ไม่มีแบบใดดีกว่าอีกแบบหนึ่งอย่างสมบูรณ์ ควรเลือกตามความเข้าใจในกลยุทธ์, เงินทุน, และความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้

Q5: EA ที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร?

A5: EA ที่ดีควรมีลักษณะสำคัญหลายประการ เพื่อให้คุณสามารถเทรดได้อย่างมั่นใจและยั่งยืน:

  1. กลยุทธ์ที่เข้าใจได้: ผู้พัฒนาควรมีคำอธิบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับกลยุทธ์ของ EA
  2. ผล Backtest และ Forward Test ที่โปร่งใส: ควรมีผลการทดสอบย้อนหลัง (Backtest) ที่ครอบคลุมและผลการทดสอบในบัญชีจริง (Forward Test) ที่น่าเชื่อถือจาก Myfxbook หรือแหล่งข้อมูลอื่น
  3. มีการบริหารความเสี่ยงที่ดี: EA ควรมีกลไกการจัดการความเสี่ยง เช่น การใช้ Stop Loss, Trailing Stop, หรือการควบคุม Lot Size
  4. ความยืดหยุ่นในการปรับแต่ง: สามารถปรับพารามิเตอร์ต่างๆ ให้เข้ากับสภาวะตลาดหรือเงินทุนของคุณได้
  5. มี Support ที่ดี: ผู้พัฒนาควรให้การสนับสนุนและอัปเดต EA อย่างสม่ำเสมอ
  6. ไม่ Over-optimization: ผลลัพธ์จากการ Backtest ควรมีความสมเหตุสมผล ไม่ใช่กำไรสูงลิบแบบไม่มี Drawdown ซึ่งอาจบ่งบอกถึงการ Over-optimization
  7. มีความน่าเชื่อถือ: เลือก EA จากผู้พัฒนาหรือแหล่งที่มาที่มีชื่อเสียงและมีการรีวิวที่ดี

สรุป: โอกาสและความรับผิดชอบในการเทรดด้วย EA

Expert Advisor (EA) หรือระบบเทรดอัตโนมัติ เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สามารถเปลี่ยนแปลงวิธีการเทรดของคุณได้อย่างสิ้นเชิง โดยมอบโอกาสในการสร้างผลกำไรที่สม่ำเสมอ ลดอคติทางอารมณ์ และประหยัดเวลาอันมีค่า การรีวิว EA ที่สามารถทำกำไร 10-20% ต่อเดือน ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพที่น่าทึ่งของเทคโนโลยีนี้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการเข้าใจว่าเครื่องมือเหล่านี้ไม่ใช่ “เครื่องพิมพ์เงิน” ที่ทำงานได้เองโดยสมบูรณ์

ความสำเร็จในการใช้ EA ไม่ได้ขึ้นอยู่กับโปรแกรมเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับความเข้าใจของคุณต่อตลาด, กลยุทธ์ของ EA, การตั้งค่าที่เหมาะสม, และ การบริหารความเสี่ยง อย่างเคร่งครัด การทดสอบใน บัญชี Demo อย่างละเอียด และการเลือก โบรกเกอร์ ที่มีประสิทธิภาพ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว

FTTinvesting ขอเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการเดินทางในโลกการเทรดของคุณ หากคุณสนใจที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ EA หรือต้องการรับ ระบบเทรดอัตโนมัติฟรี เพื่อเริ่มต้นประสบการณ์การเทรดที่แตกต่างออกไป เรายินดีให้คำแนะนำและมอบเครื่องมือที่ผ่านการทดสอบมาแล้ว

อย่ารอช้า! มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จกับเรา:

  • สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือรับระบบเทรดฟรี: ติดต่อได้ทาง inbox หรือแอดไลน์ @ft.th
  • ศึกษาหลักการทำงานของระบบเทรดเพิ่มเติม: เยี่ยมชมช่อง YouTube ของเรา FTTinvesting Official

*คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

“`

You Might Also Like

Contact Us on Line