TOP 10 บทความยอดนิยม

ดูทั้งหมด
ระบบเทรดสั้น

Drawdown 3 ประเภทใน forex

กรกฎาคม 26, 2022

การทำความเข้าใจ Drawdown 3 ประเภทสำคัญใน Forex: กลยุทธ์บริหารความเสี่ยงสำหรับนักลงทุนมืออาชีพ

ในโลกของการเทรด Forex ที่เต็มไปด้วยความผันผวน การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ “Drawdown” ถือเป็นหัวใจสำคัญในการบริหารความเสี่ยงและรักษาเงินทุนของนักลงทุน ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเทรดมือใหม่หรือมืออาชีพ การรู้ว่า Drawdown คืออะไร มีกี่ประเภท และแต่ละประเภทส่งผลต่อพอร์ตการลงทุนของคุณอย่างไร จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

บทความนี้จะเจาะลึกถึง Drawdown 3 ประเภทหลักที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในตลาด Forex พร้อมทั้งอธิบายความหมาย ตัวอย่างประกอบ และสูตรคำนวณ เพื่อให้คุณเห็นภาพชัดเจนและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการประเมินและปรับปรุง กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยง ของตนเองได้อย่างมืออาชีพ

Drawdown ใน Forex คืออะไร? ทำไมจึงสำคัญต่อนักเทรด?

Drawdown (DD) ในบริบทของการเทรด Forex ไม่ได้หมายถึงเพียงแค่ “การขาดทุน” ทั่วไป แต่เป็นคำศัพท์เฉพาะที่ใช้อธิบายถึง “การลดลงของเงินทุนในบัญชีเทรดจากจุดสูงสุด (Peak) ไปยังจุดต่ำสุด (Trough) ก่อนที่จะกลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง” หรือกล่าวได้อีกนัยหนึ่งคือ เป็นการวัดว่าพอร์ตการลงทุนของคุณได้สูญเสียมูลค่าไปมากน้อยเพียงใดจากยอดคงเหลือสูงสุดที่เคยทำได้

การทำความเข้าใจ Drawdown อย่างถ่องแท้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักเทรดทุกคน เพราะ:

  1. บ่งชี้ประสิทธิภาพของกลยุทธ์: Drawdown ที่สูงเกินไปอาจบ่งชี้ว่ากลยุทธ์การเทรดของคุณมีความเสี่ยงมากเกินไป หรือระบบเทรดของคุณยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการรับมือกับความผันผวนของตลาด
  2. ช่วยในการบริหารความเสี่ยง: การรู้ระดับ Drawdown ที่ยอมรับได้จะช่วยให้คุณสามารถกำหนดขนาดการเทรด (Lot Size) และการตั้งค่า Stop Loss (SL) ได้อย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญเสียเงินทุนจำนวนมาก
  3. ประเมินความยืดหยุ่นของพอร์ต: พอร์ตการลงทุนที่มี Drawdown ต่ำและฟื้นตัวได้เร็ว แสดงถึงความยืดหยุ่นและเสถียรภาพที่ดีกว่า
  4. ส่งผลต่อจิตวิทยาการเทรด: Drawdown ที่รุนแรงสามารถส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของนักเทรด ทำให้เกิดความเครียด ความกลัว และอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดได้ การเข้าใจและยอมรับ Drawdown ในระดับที่เหมาะสมจะช่วยให้นักเทรดมี วินัยในการเทรด และควบคุมอารมณ์ได้ดียิ่งขึ้น

ตัวอย่าง: สมมติว่าบัญชี MT4 ของคุณเริ่มต้นที่ $10,000 และหลังจากเทรดไปหลายวัน ยอดเงินในบัญชีลดลงเหลือ $9,000 นี่คือจุดต่ำสุด หลังจากนั้น คุณสามารถทำกำไรและเพิ่มยอดเงินในบัญชีเป็น $11,000 ได้ในที่สุด

  • จุดสูงสุดก่อนหน้า: $10,000
  • จุดต่ำสุดชั่วคราว: $9,000
  • Drawdown: $10,000 – $9,000 = $1,000
  • Drawdown เป็นเปอร์เซ็นต์: ($1,000 / $10,000) * 100% = 10%

แม้ว่ายอดเงินในบัญชีจะกลับมาทำกำไรสูงกว่าจุดเริ่มต้นได้ ($11,000) แต่ช่วงที่เงินทุนลดลงจาก $10,000 ไปยัง $9,000 นั้นคือ Drawdown ที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งในตัวอย่างนี้คือ 10%

ประเภทของ Drawdown (DD) ใน Forex

ในการซื้อขาย Forex มี Drawdown 3 ประเภทหลักที่นักลงทุนควรทำความเข้าใจอย่างละเอียดเพื่อใช้ในการวิเคราะห์และประเมินประสิทธิภาพของพอร์ตการลงทุน รวมถึงระบบการเทรด (เช่น EA หรือ Expert Advisor) ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนจริง การทำความเข้าใจความแตกต่างของแต่ละประเภทจะช่วยให้คุณสามารถบริหารความเสี่ยงได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

1. Relative Drawdown (DD)

Relative Drawdown (DD) คือการวัดการลดลงของเงินทุนในบัญชีโดยพิจารณาจาก Equity (ส่วนของผู้ถือหุ้น) ซึ่งหมายถึงยอดเงินในบัญชีที่รวมกำไรหรือขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง (Floating Profit/Loss) ของสถานะการเทรดที่เปิดอยู่ทั้งหมด

DD ประเภทนี้จะวัดความแตกต่างระหว่าง Equity สูงสุดที่เคยทำได้ กับ Equity ต่ำสุดที่เกิดขึ้นภายหลัง ภายในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งสะท้อนถึงความผันผวนของมูลค่าพอร์ตการลงทุนที่แท้จริงในขณะนั้น ไม่ใช่แค่ยอดเงินคงเหลือที่ปรากฏในบัญชีหลังปิดสถานะ

ทำไม Relative Drawdown ถึงสำคัญ?

  • สะท้อนสถานะจริงของพอร์ต: เนื่องจาก Equity รวมกำไรขาดทุนที่ยังไม่ปิดสถานะ จึงแสดงถึงมูลค่าที่แท้จริงของเงินทุนในบัญชีได้แม่นยำกว่า Balance (ยอดคงเหลือหลังปิดสถานะ)
  • ช่วยประเมินความเสี่ยงระหว่างวัน: นักเทรดที่เปิดหลายสถานะพร้อมกัน หรือใช้กลยุทธ์ที่ถือสถานะไว้เป็นเวลานาน จะได้รับประโยชน์จากการดู Relative Drawdown เพื่อประเมินความเสี่ยงที่แท้จริงในแต่ละช่วงเวลา
  • บ่งบอกถึงประสิทธิภาพของระบบ: ระบบเทรดที่ดีควรมี Relative Drawdown ที่จัดการได้และไม่สูงจนเกินไป แม้ในสภาวะตลาดที่มีความผันผวน

ตัวอย่าง: คุณเปิดสถานะซื้อขาย EURUSD สองรายการ โดยมียอดคงเหลือในบัญชีเริ่มต้นที่ $10,000

  • ใน 60 นาทีแรก มูลค่า Equity ในบัญชีของคุณลดลงเหลือ $9,500 (เนื่องจากสถานะที่เปิดอยู่มีผลขาดทุนลอยตัว)
  • ในอีก 60 นาทีถัดมา มูลค่า Equity เพิ่มขึ้นเป็น $10,500 (เนื่องจากสถานะกลับมามีกำไรลอยตัว)

หากถือว่า $9,500 เป็นค่า Equity ต่ำสุด และ $10,500 เป็นค่า Equity สูงสุดที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันในช่วงเวลานั้น

  • Relative Drawdown (มูลค่า): $10,500 – $9,500 = $1,000
  • Relative Drawdown (เปอร์เซ็นต์): ($1,000 / $10,500) * 100% ≈ 9.52%

สูตรคำนวณ Relative Drawdown:

Relative Drawdown = Equity สูงสุดที่เคยทำได้ – Equity ต่ำสุดที่เกิดขึ้นภายหลัง

Relative Drawdown เป็นเปอร์เซ็นต์ = (Equity สูงสุดที่เคยทำได้ – Equity ต่ำสุดที่เกิดขึ้นภายหลัง) / Equity สูงสุดที่เคยทำได้ × 100%

2. Absolute Drawdown

Absolute Drawdown คือการวัดการลดลงของเงินทุนจาก ยอดคงเหลือเริ่มต้น (Initial Balance) ของบัญชี ไปยัง ยอดขาดทุนสูงสุดที่เคยเกิดขึ้นจริง ในยอดคงเหลือของบัญชี (หลังจากปิดสถานะแล้ว) ในกรณีที่ยอดคงเหลือในบัญชีเคยลดลงต่ำกว่ายอดคงเหลือเริ่มต้น

DD ประเภทนี้จะเน้นไปที่การเปรียบเทียบกับจุดเริ่มต้นของเงินทุนที่คุณนำมาลงทุนเป็นครั้งแรก หรือจุดเริ่มต้นของรอบการประเมินผล

ทำไม Absolute Drawdown ถึงสำคัญ?

  • เป็นมาตรวัดความเสี่ยงพื้นฐาน: เป็นตัวบ่งชี้ที่ตรงไปตรงมาว่าเงินทุนเริ่มต้นของคุณเคยลดลงไปมากน้อยแค่ไหนเมื่อเทียบกับจุดเริ่มต้น
  • สำคัญสำหรับการประเมินผลเบื้องต้น: มักถูกใช้ในการประเมินผลการดำเนินงานของระบบเทรดหรือ EA ในช่วงแรกๆ หรือเมื่อต้องการดูว่าระบบนั้นเคยทำให้เงินทุนเริ่มต้นลดลงไปเท่าใด
  • ช่วยในการกำหนดขีดจำกัดความเสี่ยง: หาก Absolute Drawdown สูงเกินไป อาจบ่งชี้ว่ากลยุทธ์มีความเสี่ยงมากเกินกว่าที่เงินทุนเริ่มต้นจะรับได้

ตัวอย่าง: คุณเริ่มต้นบัญชีซื้อขายด้วยเงิน $10,000 หลังจากเทรดไปหลายเดือน ยอดเงินในบัญชีของคุณเพิ่มขึ้นเป็น $15,000

  • แต่ด้วยเหตุผลบางประการ (เช่น การขาดทุนจากการเทรด) ยอดเงินในบัญชีของคุณลดลงเหลือ $10,000 อีกครั้ง

ในกรณีนี้:

  • ยอดคงเหลือเริ่มต้น: $10,000
  • ยอดขาดทุนสูงสุดในยอดคงเหลือเริ่มต้น: หากยอดเงินในบัญชีไม่เคยลดลงต่ำกว่า $10,000 (ยอดเริ่มต้น) เลยหลังจากที่เคยขึ้นไปถึง $15,000 แล้วลดลงมาที่ $10,000
  • Absolute Drawdown (มูลค่า): $10,000 (ยอดคงเหลือเริ่มต้น) – $10,000 (ยอดขาดทุนสูงสุดในยอดคงเหลือเริ่มต้น) = $0
  • Absolute Drawdown (เปอร์เซ็นต์): ($0 / $10,000) * 100% = 0%

ข้อสังเกตสำคัญ: หากยอดเงินในบัญชีของคุณไม่เคยลดลงต่ำกว่ายอดคงเหลือเริ่มต้นเลย (แม้ว่าจะเคยทำกำไรและลดลงมาเท่าทุนก็ตาม) Absolute Drawdown จะเป็นศูนย์ แสดงให้เห็นว่าคุณยังไม่เคยขาดทุนจากเงินทุนเริ่มต้นเลย

สูตรคำนวณ Absolute Drawdown:

Absolute Drawdown = ยอดคงเหลือเริ่มต้น – ยอดขาดทุนสูงสุดในยอดคงเหลือเริ่มต้น (กรณีที่ยอดขาดทุนนั้นต่ำกว่ายอดคงเหลือเริ่มต้น)

Absolute Drawdown เป็นเปอร์เซ็นต์ = (ยอดคงเหลือเริ่มต้น – ยอดขาดทุนสูงสุดในยอดคงเหลือเริ่มต้น) / ยอดคงเหลือเริ่มต้น × 100%

การคำนวณ Absolute Drawdown นี้มีประโยชน์อย่างมากในการพิจารณาผลลัพธ์ของบัญชีซื้อขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนักเทรดต้องการทราบว่าเงินทุนตั้งต้นของตนมีความเสี่ยงที่จะถูกกัดกร่อนไปมากน้อยเพียงใด

3. Maximum Drawdown

Maximum Drawdown (Max DD) คือการวัด การลดลงสูงสุดของเงินทุนในบัญชีจากจุดสูงสุดตลอดกาล (All-Time High) ไปยังจุดต่ำสุดตลอดกาล (All-Time Low) ที่เคยเกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นการวัด Drawdown ที่สำคัญที่สุดและมักถูกนำมาใช้ในการประเมินความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ตการลงทุน หรือประสิทธิภาพของระบบเทรดในระยะยาว

Max DD จะบ่งบอกถึงการสูญเสียเงินทุนที่เลวร้ายที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในประวัติการเทรดทั้งหมดของบัญชีหรือระบบนั้นๆ

ทำไม Maximum Drawdown ถึงสำคัญที่สุด?

  • มาตรวัดความเสี่ยงที่แท้จริง: แสดงถึงสถานการณ์เลวร้ายที่สุดที่นักเทรดอาจต้องเผชิญ ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการตัดสินใจลงทุน
  • ช่วยในการวางแผนเงินทุน: นักลงทุนควรมีเงินทุนสำรองที่มากพอที่จะรับมือกับ Max DD ที่เคยเกิดขึ้นได้ในอดีต
  • ประเมินความแข็งแกร่งของระบบ: ระบบเทรดที่มี Max DD ต่ำกว่าย่อมแสดงถึงความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือที่สูงกว่าในระยะยาว
  • การเปรียบเทียบประสิทธิภาพ: Max DD เป็นตัวชี้วัดมาตรฐานที่ใช้ในการเปรียบเทียบประสิทธิภาพของระบบเทรดหรือกองทุนต่างๆ

ตัวอย่าง: บัญชีซื้อขายของคุณเริ่มต้นที่ $10,000 และเติบโตขึ้นเป็น $30,000 ภายในเวลาไม่กี่เดือน นี่คือจุดสูงสุดตลอดกาล

  • ในช่วงเวลาดังกล่าว ยอดเงินในบัญชีอาจมีการลดลงหลายครั้งจากยอดคงเหลือสูงสุดชั่วคราว แต่การลดลงที่รุนแรงที่สุดคือ $7,000 (เช่น จาก $25,000 เหลือ $18,000)

ในกรณีนี้:

  • ยอดคงเหลือสูงสุดตลอดกาล: $30,000
  • ยอดคงเหลือต่ำสุดตลอดกาล: $30,000 – $7,000 = $23,000
  • Maximum Drawdown (มูลค่า): $30,000 – $23,000 = $7,000
  • Maximum Drawdown (เปอร์เซ็นต์): ($7,000 / $30,000) * 100% ≈ 23.33%

ข้อควรระวัง: Max DD ไม่ได้บอกว่าคุณจะสูญเสียเงินทุน 100% แต่บอกว่าจากจุดสูงสุดที่พอร์ตเคยทำได้นั้น มูลค่าพอร์ตลดลงไปมากที่สุดเท่าใดก่อนที่จะฟื้นตัวกลับมา

สูตรคำนวณ Maximum Drawdown:

Maximum Drawdown = ยอดคงเหลือสูงสุดตลอดกาล – ยอดคงเหลือต่ำสุดตลอดกาล

Maximum Drawdown เป็นเปอร์เซ็นต์ = (ยอดคงเหลือสูงสุดตลอดกาล – ยอดคงเหลือต่ำสุดตลอดกาล) / ยอดคงเหลือสูงสุดตลอดกาล × 100%

การประยุกต์ใช้ Drawdown ในการเทรด Forex อย่างมีประสิทธิภาพ

การเข้าใจ Drawdown ทั้งสามประเภทเป็นเพียงจุดเริ่มต้น สิ่งสำคัญคือการนำความรู้นี้ไปประยุกต์ใช้ในการเทรดจริงเพื่อบริหารความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรอย่างยั่งยืน

1. การเลือกกลยุทธ์และระบบเทรด

  • ประเมินความเสี่ยงของกลยุทธ์: ก่อนนำกลยุทธ์หรือ EA มาใช้ ควรทดสอบย้อนหลัง (Backtest) เพื่อดูค่า Drawdown ทั้ง 3 ประเภท โดยเฉพาะ Maximum Drawdown
  • กำหนดระดับ Drawdown ที่ยอมรับได้: คุณต้องกำหนดขีดจำกัดความเสี่ยงของตนเองว่าสามารถรับ Drawdown ได้สูงสุดเท่าใด หากระบบเทรดมี Max DD สูงกว่าที่คุณยอมรับได้ ก็ไม่ควรนำมาใช้
  • พิจารณาการฟื้นตัวจาก Drawdown: นอกจากการดูขนาดของ Drawdown แล้ว ควรพิจารณาถึงระยะเวลาที่พอร์ตใช้ในการฟื้นตัวจาก Drawdown ด้วย (Recovery Factor) ระบบที่ฟื้นตัวได้เร็วย่อมดีกว่า

2. การบริหารเงินทุน (Money Management)

การบริหารเงินทุนที่ดีเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการจำกัด Drawdown ให้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้

  • กำหนดขนาดการเทรด (Lot Size) ที่เหมาะสม: การกำหนด Lot Size ที่ใหญ่เกินไปเมื่อเทียบกับเงินทุนสามารถทำให้ Drawdown สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ควรคำนวณ Lot Size ตามเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ต่อการเทรดแต่ละครั้ง
  • ตั้งค่า Stop Loss (SL) อย่างมีวินัย: SL คือเครื่องมือสำคัญในการจำกัดการขาดทุนในแต่ละสถานะ ซึ่งจะช่วยควบคุม Drawdown ไม่ให้บานปลาย
  • ไม่ Overtrade: การเปิดสถานะมากเกินไป หรือการเทรดบ่อยเกินความจำเป็น สามารถเพิ่มโอกาสในการเกิด Drawdown ได้ง่ายขึ้น

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยง: 7 วิธีบริหารความเสี่ยงในการเทรด Forex ให้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน

3. การประเมินผลและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

  • บันทึก Drawdown: ควรมีการบันทึกข้อมูล Drawdown ของพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อติดตามประสิทธิภาพและระบุปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
  • วิเคราะห์สาเหตุของ Drawdown: เมื่อเกิด Drawdown ขึ้น ควรวิเคราะห์หาสาเหตุว่าเกิดจากปัจจัยใด เช่น ความผิดพลาดของกลยุทธ์, การบริหารอารมณ์, หรือสภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย
  • ปรับปรุงกลยุทธ์: หากพบว่า Drawdown มีแนวโน้มสูงขึ้นหรือเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ควรพิจารณาปรับปรุงกลยุทธ์การเทรด หรือระบบบริหารความเสี่ยงให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดปัจจุบัน

ตารางสรุปประเภทของ Drawdown ใน Forex

เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้น นี่คือตารางสรุปความแตกต่างของ Drawdown ทั้ง 3 ประเภท:

ประเภท Drawdown นิยาม วัดจาก ความสำคัญ เหมาะสำหรับ
Relative Drawdown การลดลงของเงินทุนจาก Equity สูงสุดที่เคยทำได้ ไปยัง Equity ต่ำสุดที่เกิดขึ้นภายหลัง (รวมกำไร/ขาดทุนลอยตัว) Equity (ยอดเงินรวมกำไร/ขาดทุนที่ยังไม่ปิด) สะท้อนมูลค่าพอร์ตจริงระหว่างการเทรด, ประเมินความเสี่ยงระยะสั้น นักเทรดที่เปิดหลายสถานะพร้อมกัน, ใช้กลยุทธ์ถือสถานะนาน
Absolute Drawdown การลดลงของเงินทุนจากยอดคงเหลือเริ่มต้น ไปยังยอดขาดทุนสูงสุดที่เคยเกิดขึ้นจริง (หลังปิดสถานะ) ยอดคงเหลือเริ่มต้น (Initial Balance) มาตรวัดความเสี่ยงพื้นฐาน, ประเมินผลเบื้องต้นของระบบ การประเมินความเสี่ยงจากเงินทุนตั้งต้น, ระบบเทรดใหม่
Maximum Drawdown การลดลงสูงสุดของเงินทุนจากจุดสูงสุดตลอดกาล ไปยังจุดต่ำสุดตลอดกาลที่เคยเกิดขึ้น ยอดคงเหลือสูงสุดตลอดกาล (All-Time High) มาตรวัดความเสี่ยงที่แท้จริง, บ่งชี้สถานการณ์เลวร้ายที่สุด, ประเมินความแข็งแกร่งของระบบระยะยาว การประเมินประสิทธิภาพระบบเทรดระยะยาว, การวางแผนเงินทุน

FAQ Section: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Drawdown ใน Forex

Q1: Drawdown ที่ดีควรมีค่าเท่าไหร่?

A1: ไม่มีตัวเลขที่ตายตัวสำหรับ Drawdown ที่ “ดีที่สุด” เนื่องจากขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การเทรด, ระยะเวลาการลงทุน และความเสี่ยงที่นักเทรดยอมรับได้ อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้ว Drawdown ที่ต่ำกว่า 20-30% ถือเป็นระดับที่ยอมรับได้สำหรับพอร์ตการลงทุนที่มีการบริหารความเสี่ยงที่ดี สำหรับระบบเทรดอัตโนมัติ (EA) บางประเภทอาจมี Drawdown สูงกว่านั้นได้ แต่ต้องแลกมาด้วยผลตอบแทนที่สูงกว่าเช่นกัน สิ่งสำคัญคือการที่ Drawdown อยู่ในระดับที่คุณรู้สึกสบายใจและสามารถรับมือกับมันได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจในการเทรดของคุณ

Q2: Drawdown สูงหมายถึงอะไร? และควรทำอย่างไร?

A2: Drawdown ที่สูงหมายความว่าพอร์ตการลงทุนของคุณได้สูญเสียมูลค่าไปมากจากจุดสูงสุดที่เคยทำได้ ซึ่งบ่งชี้ว่ากลยุทธ์การเทรดหรือการบริหารความเสี่ยงของคุณอาจมีปัญหา หาก Drawdown สูงเกินไป คุณควรดำเนินการดังนี้:

  1. ทบทวนกลยุทธ์: วิเคราะห์ว่ากลยุทธ์การเทรดของคุณยังเหมาะสมกับสภาวะตลาดปัจจุบันหรือไม่ หรือมีจุดอ่อนใดที่ต้องปรับปรุง
  2. ลดขนาดการเทรด: หากคุณใช้ Lot Size ที่ใหญ่เกินไป ควรลดขนาดการเทรดลงเพื่อลดความเสี่ยงต่อการขาดทุนที่รุนแรง
  3. ปรับปรุงการบริหารความเสี่ยง: ตรวจสอบว่าคุณตั้งค่า Stop Loss อย่างเหมาะสมหรือไม่ และมีแผนสำรองเมื่อตลาดเคลื่อนไหวสวนทางหรือไม่
  4. พักการเทรด: บางครั้งการหยุดพักและประเมินสถานการณ์อย่างใจเย็นก็เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อหลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่ผิดพลาดจากอารมณ์

Q3: Drawdown ต่ำเสมอไปดีหรือไม่?

A3: Drawdown ที่ต่ำย่อมดีกว่า Drawdown ที่สูงในแง่ของการรักษาเงินทุน แต่ Drawdown ที่ต่ำมากจนเกินไปอาจบ่งชี้ว่าคุณกำลังพลาดโอกาสในการทำกำไรที่สูงขึ้น หรือกลยุทธ์การเทรดของคุณระมัดระวังมากเกินไปจนไม่สามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจได้ การหาจุดสมดุลระหว่าง Drawdown ที่ยอมรับได้กับผลตอบแทนที่คาดหวังเป็นสิ่งสำคัญ Drawdown ที่ต่ำแต่ผลตอบแทนก็น้อยมาก อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับนักลงทุนที่ต้องการการเติบโตของพอร์ตอย่างมีนัยสำคัญ

Q4: Drawdown แตกต่างจาก Loss (การขาดทุน) อย่างไร?

A4: Loss (การขาดทุน) คือการที่คุณสูญเสียเงินในการเทรดแต่ละครั้ง หรือเมื่อปิดสถานะแล้วพบว่าติดลบ ในขณะที่ Drawdown คือการวัดผลรวมของการลดลงของมูลค่าบัญชีจากจุดสูงสุดที่เคยทำได้ ซึ่งอาจเกิดจากการขาดทุนต่อเนื่องหลายครั้ง หรือเกิดจากกำไรลอยตัวที่ลดลงก่อนจะกลับมาทำกำไรใหม่ก็ได้ กล่าวคือ Loss คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากการเทรดแต่ละครั้ง ส่วน Drawdown คือผลลัพธ์สะสมของการขาดทุนที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่ง

Q5: Drawdown ส่งผลต่อการเลือกโบรกเกอร์อย่างไร?

A5: Drawdown ไม่ได้ส่งผลโดยตรงต่อการเลือกโบรกเกอร์ แต่การเลือกโบรกเกอร์ที่มีเงื่อนไขการเทรดที่เหมาะสมสามารถช่วยจัดการ Drawdown ได้ เช่น โบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำ (Best Broker Low Spread) และไม่มีการ Requote จะช่วยลดต้นทุนการเทรด ทำให้การขาดทุนต่อครั้งไม่มากเกินไป และโบรกเกอร์ที่มี Leverage ที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณสามารถบริหารขนาด Lot Size ได้อย่างยืดหยุ่น โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นจำนวนมากเกินไปจนส่งผลให้ Drawdown สูงเมื่อตลาดผันผวน


Conclusion: สรุปและแนวทางปฏิบัติ

การทำความเข้าใจ Drawdown ทั้ง 3 ประเภทใน Forex ได้แก่ Relative Drawdown, Absolute Drawdown และ Maximum Drawdown เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักเทรดทุกคนที่ต้องการประสบความสำเร็จในตลาด Forex ในระยะยาว การรู้ว่า Drawdown แต่ละประเภทวัดอะไร มีความสำคัญอย่างไร และจะนำไปประยุกต์ใช้ในการประเมินและปรับปรุงกลยุทธ์การเทรดได้อย่างไร จะช่วยให้คุณสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุมเงินทุน และรักษา วินัยในการเทรด ได้แม้ในสภาวะตลาดที่ไม่เป็นใจ

จงจำไว้ว่า Drawdown ไม่ใช่สิ่งที่คุณจะหลีกเลี่ยงได้ 100% ในการเทรด แต่เป็นสิ่งที่คุณต้องเรียนรู้ที่จะเข้าใจและบริหารจัดการมันอย่างชาญฉลาด การมีกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่แข็งแกร่ง การกำหนดขีดจำกัด Drawdown ที่ยอมรับได้ และการประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ คือกุญแจสำคัญที่จะนำพาคุณไปสู่การเป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จและยั่งยืนในตลาด Forex

Call to Action: เพื่อพัฒนาทักษะการเทรดของคุณให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น อย่ารอช้าที่จะนำความรู้เรื่อง Drawdown ไปประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์พอร์ตการลงทุนของคุณตั้งแต่วันนี้ และหากคุณกำลังมองหาระบบเทรดอัตโนมัติ (EA) ที่มีประสิทธิภาพและผ่านการทดสอบ Drawdown อย่างละเอียด สามารถเข้าร่วมกลุ่มผู้ใช้ EA ฟรี และรับข้อมูลเพิ่มเติมได้จากลิงก์ด้านล่างนี้

________________________________________________

สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
________________________________________________
✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
MTrading เทรดดีไม่มีสะดุด XAUUSD ไม่มีค่า Swap บนบัญชี M.Pro!
________________________________________________
✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่?https://bit.ly/MTRatsamee
Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
——–
ติดตามเราได้ที่
?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
_____________________________________________

You Might Also Like

Contact Us on Line