TOP 10 บทความยอดนิยม

ดูทั้งหมด
ระบบเทรดสั้น

กลยุทธ์การซื้อขายรูปแบบ Descending Broadening Wedge

กันยายน 16, 2022

เจาะลึกกลยุทธ์ Descending Broadening Wedge: รูปแบบการกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้นที่คุณต้องรู้

ในโลกของการเทรด รูปแบบกราฟ (Chart Patterns) เปรียบเสมือนแผนที่ที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถคาดการณ์ทิศทางของตลาดได้แม่นยำยิ่งขึ้น หนึ่งในรูปแบบที่สำคัญและมักถูกมองข้ามคือ Descending Broadening Wedge ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนการกลับตัวของแนวโน้มจากขาลงเป็นขาขึ้นที่ทรงพลัง บทความนี้จะเจาะลึกถึงความหมาย วิธีการระบุ กลไกเบื้องหลัง และกลยุทธ์การเทรดที่ใช้รูปแบบนี้อย่างละเอียด เพื่อให้คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Descending Broadening Wedge คืออะไร: ความหมายและลักษณะสำคัญ

Descending Broadening Wedge เป็นรูปแบบกราฟแท่งเทียนที่จัดอยู่ในหมวดหมู่ของ รูปแบบการกลับตัวของแนวโน้ม (Reversal Pattern) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มันส่งสัญญาณถึงการสิ้นสุดของแนวโน้มขาลงและศักยภาพในการเริ่มต้นของแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาว.

ลักษณะทางกายภาพของ Descending Broadening Wedge

รูปแบบนี้โดดเด่นด้วยคลื่นราคาที่กำลังขยายตัวในขณะที่เคลื่อนที่ลงมา ประกอบด้วยเส้นแนวโน้มสองเส้นที่กางออก (Broadening) ในทิศทางขาลง (Descending) โดยมีรายละเอียดดังนี้:

  • จุดเริ่มต้นที่แคบ: รูปแบบจะเริ่มต้นด้วยการเคลื่อนไหวของราคาที่ค่อนข้างจำกัดและแคบลง
  • การขยายตัวของคลื่นราคา: เมื่อราคายังคงเคลื่อนที่ลงมา คลื่นราคาแต่ละลูกจะเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าคลื่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด นั่นหมายความว่าจุดสูงสุดที่ต่ำลง (Lower Highs) และจุดต่ำสุดที่ต่ำลง (Lower Lows) จะถูกสร้างขึ้นในระยะที่ห่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ
  • เส้นแนวโน้มที่กางออก: เมื่อลากเส้นแนวโน้มเชื่อมจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของคลื่นเหล่านี้ คุณจะสังเกตเห็นว่าเส้นทั้งสองจะกางออกจากกันคล้ายรูปพัดหรือปากแตรที่เปิดกว้างออกไปด้านล่าง

ความสมมาตรและลวดลายที่เป็นธรรมชาติของรูปแบบเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้มันมีเอกลักษณ์และเป็นที่นิยมในหมู่นักเทรดรายย่อยในการคาดการณ์ตลาด

วิธีการระบุรูปแบบ Descending Broadening Wedge บนกราฟราคา

การระบุรูปแบบ Descending Broadening Wedge บนกราฟอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเทรด เพื่อให้สามารถนำกลยุทธ์ไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือขั้นตอนและเกณฑ์ที่คุณควรปฏิบัติตาม:

  1. ระบุจุดเริ่มต้นของคลื่นราคา: สังเกตการเคลื่อนไหวของราคาที่แสดงแนวโน้มขาลง โดยเริ่มแรกราคาจะสร้างจุดต่ำสุดที่ต่ำกว่า (Lower Lows) และจุดสูงสุดที่ต่ำกว่า (Lower Highs) อย่างต่อเนื่อง
  2. การขยายตัวของคลื่น: คลื่นราคาแต่ละคลื่นที่เกิดขึ้นถัดไปควรจะมีขนาดหรือความกว้างของการแกว่งตัวที่ใหญ่ขึ้นกว่าคลื่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน บ่งบอกถึงความผันผวนที่เพิ่มขึ้นภายในแนวโน้มขาลง
  3. ลากเส้นแนวโน้ม (Trendlines):
    • เส้นแนวโน้มด้านบน: ลากเชื่อมจุดสูงสุดที่ต่ำลงอย่างน้อยสองจุด
    • เส้นแนวโน้มด้านล่าง: ลากเชื่อมจุดต่ำสุดที่ต่ำลงอย่างน้อยสองจุด

    คุณจะพบว่าเส้นแนวโน้มทั้งสองนี้จะกางออกจากกัน โดยมีปลายด้านซ้าย (จุดเริ่มต้นของรูปแบบ) แคบและปลายด้านขวา (จุดสิ้นสุดของรูปแบบ) กว้างออกไป

  4. จำนวนคลื่นที่เหมาะสม: เพื่อให้รูปแบบมีความน่าเชื่อถือ ควรมีคลื่นราคาภายในรูปแบบ Descending Broadening Wedge อย่างน้อยสามคลื่น
  5. การยืนยันการขยายตัว: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าจุดเริ่มต้นของรูปแบบมีความแคบ และเมื่อราคาวิ่งลงไปเรื่อยๆ ช่วงการแกว่งตัวจะกว้างขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นการยืนยันลักษณะ “Broadening” ของ Wedge

ตัวอย่างประกอบ: ลองดูภาพด้านล่างเพื่อทำความเข้าใจการระบุรูปแบบนี้บนกราฟราคาได้ดียิ่งขึ้น จะเห็นว่าราคาค่อยๆ ลดต่ำลง แต่ความผันผวนระหว่างจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดกลับเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างเส้นแนวโน้มที่กว้างขึ้น

Descending Broadening Wedge บอกอะไรกับเทรดเดอร์?

รูปแบบ Descending Broadening Wedge เป็นมากกว่าแค่รูปทรงบนกราฟ มันสะท้อนถึง พฤติกรรมราคา (Price Action) และจิตวิทยาของตลาดที่ซับซ้อน ซึ่งนักเทรดควรทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เพื่อใช้ในการตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด

กลไกทางจิตวิทยาและพฤติกรรมตลาด

เมื่อราคาสร้างจุดต่ำสุดที่ต่ำลงอย่างต่อเนื่อง และคลื่นราคาแต่ละลูกมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าคลื่นก่อนหน้า นี่คือสัญญาณที่บ่งชี้ถึงสภาวะที่สำคัญหลายประการ:

  1. ความลังเลของตลาด: แม้ว่าแนวโน้มโดยรวมจะเป็นขาลง แต่การที่คลื่นราคาเริ่มขยายตัว แสดงให้เห็นว่าแรงขายเริ่มอ่อนแอลง และแรงซื้อเริ่มมีความพยายามที่จะเข้าสู่ตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังไม่สามารถพลิกกลับแนวโน้มได้อย่างสมบูรณ์
  2. การไล่ล่า Stop Loss ของสถาบัน: ในช่วงปลายของรูปแบบนี้ ผู้เล่นรายใหญ่หรือ “Market Makers” มักจะใช้ประโยชน์จากความผันผวนที่เพิ่มขึ้น เพื่อ “กำจัด” หรือ “ไล่ล่า Stop Loss” ของนักเทรดรายย่อย โดยการผลักดันราคาให้เคลื่อนไหวอย่างรุนแรงในทิศทางตรงกันข้ามกับตำแหน่งของนักเทรดส่วนใหญ่ Stop Loss (SL) ของนักเทรดรายย่อยที่เปิดสถานะ Sell มักจะอยู่เหนือจุดสูงสุดก่อนหน้า การที่ราคาสามารถทะลุจุดสูงสุดเหล่านี้ได้ในช่วงสั้นๆ เป็นการเรียก Stop Loss และเก็บสภาพคล่อง
  3. สภาวะ Oversold: การที่ราคาทำจุดต่ำสุดที่ต่ำลงติดต่อกันหลายครั้ง บ่งชี้ว่าสินทรัพย์อยู่ในสภาวะ “ขายมากเกินไป” (Oversold) ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญที่เอื้อต่อการกลับตัวของราคา
  4. การสะสมกำลัง: คลื่นสุดท้ายของรูปแบบ Descending Broadening Wedge มักจะเป็นคลื่นที่ใหญ่ที่สุด บ่งบอกว่าตลาดได้ดูดซับแรงขายและกำจัดนักเทรดรายย่อยออกไปได้มากที่สุดแล้ว เหลือแต่ผู้เล่นที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพในการผลักดันราคาขึ้น

บทสรุปสำหรับเทรดเดอร์

ดังนั้น เมื่อคุณเห็นรูปแบบ Descending Broadening Wedge บนกราฟ ให้เข้าใจว่านี่คือสัญญาณที่มีความหมาย: ตลาดกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ และมีโอกาสสูงที่จะเกิดการกลับตัวเป็นแนวโน้มขาขึ้น (Bullish Reversal) อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องระมัดระวัง สัญญาณหลอก (False Signals) ที่ผู้ดูแลสภาพคล่องอาจสร้างขึ้นเพื่อหลอกล่อนักเทรดรายย่อย ดังนั้น ประสบการณ์และการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ ร่วมด้วยจึงเป็นสิ่งสำคัญในการยืนยันสัญญาณ

กลยุทธ์การเทรด Descending Broadening Wedge อย่างมืออาชีพ

การเทรดด้วยรูปแบบ Descending Broadening Wedge ต้องอาศัยกลยุทธ์ที่ชัดเจน ประกอบด้วยจุดเข้า (Entry), จุดหยุดขาดทุน (Stop Loss), จุดทำกำไร (Take Profit) และที่สำคัญคือการบริหารความเสี่ยง (Risk Management) เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและจำกัดความเสี่ยง

ขั้นตอนการเทรด Descending Broadening Wedge

  1. การระบุและยืนยันรูปแบบ:
    • ลากเส้นแนวโน้มสองเส้นเชื่อมจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของคลื่นราคา
    • ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีคลื่นราคาอย่างน้อย 3 คลื่นภายในรูปแบบ
    • ยืนยันว่ารูปแบบมีการกางออก โดยจุดเริ่มต้นแคบและจุดสิ้นสุดกว้าง
  2. รอสัญญาณ Breakout:

    รอให้ราคาทะลุ เส้นแนวโน้มด้านบน ของรูปแบบด้วยแท่งเทียนขนาดใหญ่ (Strong Bullish Candlestick) การทะลุแนวต้านนี้เป็นสัญญาณแรกของการกลับตัวที่กำลังจะเกิดขึ้น

  3. กลยุทธ์การเข้าเทรด (Entry Strategy):

    มี 2 ทางเลือกหลักหลังจากการ Breakout:

    • เข้าทันทีเมื่อ Breakout: หากแท่งเทียน Breakout มีความแข็งแกร่งและมี Volume การซื้อขายสูง คุณสามารถพิจารณาเข้าสถานะ Long (ซื้อ) ได้ทันที
    • รอการ Retest (Pullback) – ทางเลือกที่อนุรักษ์นิยมและมีความเสี่ยงต่ำกว่า: นี่คือกลยุทธ์ที่แนะนำสำหรับนักเทรดที่ต้องการความมั่นใจมากขึ้น รอนให้ราคาย้อนกลับลงมาทดสอบเส้นแนวโน้มด้านบนที่ถูก Breakout ไปแล้ว (ซึ่งตอนนี้กลายเป็นแนวรับ) หากราคาสามารถรักษาระดับเหนือเส้นแนวรับนี้และแสดงสัญญาณ Bullish เช่น รูปแบบ Bullish Engulfing หรือ Pin Bar คุณสามารถเข้าสถานะ Long ได้ที่จุดนี้

    ทำไมถึงควรรอ Retest? การรอ Retest ช่วยยืนยันว่าการ Breakout นั้นเป็นของจริง ไม่ใช่สัญญาณหลอก (False Breakout) และยังช่วยให้ได้จุดเข้าที่ดีขึ้น ด้วยความเสี่ยงที่น้อยลงเนื่องจาก Stop Loss จะอยู่ใกล้กับจุดเข้ามากขึ้น

  4. การกำหนดจุดหยุดขาดทุน (Stop Loss – SL):

    วาง Stop Loss ไว้ต่ำกว่าจุดต่ำสุดล่าสุดที่เกิดจากคลื่นราคาก่อนการ Breakout เล็กน้อย หรือต่ำกว่าเส้นแนวรับที่ถูก Retest หากคุณใช้กลยุทธ์การรอ Retest การวาง SL ที่จุดนี้จะช่วยป้องกันการขาดทุนอย่างรุนแรงหากราคากลับมาเคลื่อนที่ในทิศทางขาลงอีกครั้ง

  5. การกำหนดจุดทำกำไร (Take Profit – TP):

    กำหนดจุดทำกำไรเป้าหมายที่จุดเริ่มต้นของรูปแบบ Descending Broadening Wedge หรือที่ระดับแนวต้านสำคัญก่อนหน้า การตั้งเป้าหมายนี้อิงจากหลักการที่ว่าราคาจะพยายามกลับไปทดสอบจุดเริ่มต้นของรูปแบบหลังจากเกิดการกลับตัว

การเสริมความแข็งแกร่งด้วยเครื่องมืออื่นๆ

แม้ว่ารูปแบบ Descending Broadening Wedge จะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ แต่การใช้ร่วมกับ เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของสัญญาณและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้อย่างมาก:

  • อินดิเคเตอร์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Indicator): การ Breakout ที่มีปริมาณการซื้อขายที่สูงอย่างมีนัยสำคัญ จะช่วยยืนยันความแข็งแกร่งของการเคลื่อนไหว
  • อินดิเคเตอร์ Momentum (เช่น RSI, MACD): ตรวจสอบว่าอินดิเคเตอร์เหล่านี้แสดงสัญญาณ Divergence แบบ Bullish ซึ่งบ่งชี้ว่าแรงขายกำลังอ่อนตัวลงและแรงซื้อกำลังเข้ามา
  • ระดับแนวรับและแนวต้าน (Support and Resistance): ใช้แนวรับและแนวต้านที่สำคัญเพื่อยืนยันจุดทำกำไรและประเมินความแข็งแกร่งของแนวโน้ม
  • รูปแบบแท่งเทียนยืนยัน: มองหารูปแบบแท่งเทียน Bullish Reversal (เช่น Hammer, Morning Star) ที่จุด Breakout หรือ Retest

คำแนะนำสำคัญ: ก่อนที่จะนำกลยุทธ์นี้ไปใช้ในการเทรดจริง ควรทำการทดสอบย้อนหลัง (Backtesting) อย่างละเอียด และฝึกฝนในบัญชีทดลอง (Demo Account) จนกว่าจะมั่นใจในความเข้าใจและทักษะของคุณ

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ Descending Broadening Wedge

คำถาม คำตอบ
Descending Broadening Wedge คืออะไร? เป็นรูปแบบกราฟ Wedge Pattern ชนิดหนึ่งที่บ่งชี้ถึงการกลับตัวของแนวโน้มจากขาลงเป็นขาขึ้น ประกอบด้วยคลื่นราคาที่ขยายตัวในขณะที่เคลื่อนที่ลง โดยเส้นแนวโน้มด้านบนและด้านล่างจะกางออกจากกัน
รูปแบบนี้บอกอะไรกับเทรดเดอร์? มันบอกว่าแนวโน้มขาลงกำลังจะสิ้นสุดลง และมีโอกาสสูงที่จะเกิดการกลับตัวเป็นแนวโน้มขาขึ้น เนื่องจากแรงขายเริ่มอ่อนแอลง และตลาดอยู่ในสภาวะ Oversold พร้อมที่จะเกิดการสะสมกำลังจากผู้ซื้อรายใหญ่
จะระบุรูปแบบ Descending Broadening Wedge ได้อย่างไร? ระบุจากจุดต่ำสุดที่ต่ำลงและจุดสูงสุดที่ต่ำลงอย่างต่อเนื่อง โดยคลื่นราคาแต่ละคลื่นจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ลากเส้นแนวโน้มสองเส้นเชื่อมจุดสูงสุดและจุดต่ำสุด ซึ่งจะกางออกจากกัน และควรมีอย่างน้อย 3 คลื่นภายในรูปแบบ
กลยุทธ์การเทรดด้วยรูปแบบนี้เป็นอย่างไร? รอยืนยันการ Breakout เหนือเส้นแนวโน้มด้านบน อาจเข้าทันทีหรือรอการ Retest จากนั้นตั้ง Stop Loss ใต้จุดต่ำสุดล่าสุด หรือใต้เส้นแนวโน้มที่ถูก Retest และตั้ง Take Profit ที่จุดเริ่มต้นของรูปแบบ
ควรใช้เครื่องมืออื่นใดร่วมด้วย? ควรใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์ปริมาณการซื้อขาย (Volume), อินดิเคเตอร์ Momentum (เช่น RSI, MACD), ระดับแนวรับ-แนวต้านที่สำคัญ และรูปแบบแท่งเทียนยืนยัน (Candlestick Reversal Patterns) เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของสัญญาณ

สรุป: Descending Broadening Wedge กุญแจสู่การจับจังหวะกลับตัว

Descending Broadening Wedge เป็นรูปแบบกราฟที่ทรงพลังซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม มันทำหน้าที่เป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าที่บ่งชี้ถึงการสิ้นสุดของแรงกดดันขาลงและศักยภาพในการเริ่มต้นของแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง การทำความเข้าใจความหมาย การระบุที่ถูกต้อง และการประยุกต์ใช้กลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสม จะช่วยให้นักลงทุนสามารถคว้าโอกาสในการทำกำไรจากการกลับตัวของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าไม่มีรูปแบบกราฟใดที่สมบูรณ์แบบ การผสมผสานรูปแบบนี้เข้ากับการวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ และการบริหารความเสี่ยงที่เข้มงวด จะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในระยะยาวในตลาดการเงิน

หากคุณสนใจที่จะเรียนรู้กลยุทธ์การเทรดเพิ่มเติม หรือต้องการเครื่องมือช่วยในการตัดสินใจ สามารถเข้าร่วมกลุ่มผู้ใช้ EA (Expert Advisor) ของเราได้ฟรี เพียง เปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ที่ร่วมรายการ และส่งเลข MT4 เพื่อรับลิงก์เข้ากลุ่ม

สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
________________________________________________
✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
https://bit.ly/GMI-TH
________________________________________________
✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
——–
ติดตามเราได้ที่
?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
_____________________________________________

You Might Also Like

Contact Us on Line