TOP 10 บทความยอดนิยม

ดูทั้งหมด
ระบบเทรดสั้น

Copy trade คือ อะไร ?

มิถุนายน 6, 2022

Copy Trade คืออะไร? คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับนักลงทุนมือใหม่และผู้ที่สนใจ

ในโลกของการลงทุนที่เต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทาย การเข้าถึงกลยุทธ์และประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลกำไร หนึ่งในนวัตกรรมที่เข้ามาตอบโจทย์นี้คือ Copy Trade ซึ่งเป็นวิธีการที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถ “คัดลอก” การซื้อขายของผู้เชี่ยวชาญได้อย่างอัตโนมัติ บทความนี้จะเจาะลึกถึงความหมาย กลไกการทำงาน ข้อดี ข้อเสีย รวมถึงแนวทางการเลือก Copy Trade ที่เหมาะสม เพื่อให้คุณเข้าใจและนำไปประยุกต์ใช้ในการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

Copy Trade คืออะไร? ทำความเข้าใจกลไกและประโยชน์

Copy Trade หรือ การคัดลอกการเทรด หมายถึง กระบวนการที่นักลงทุนรายย่อย (ผู้ติดตาม) สามารถเชื่อมโยงบัญชีการซื้อขายของตนเข้ากับบัญชีของนักลงทุนผู้เชี่ยวชาญ (ผู้ให้สัญญาณหรือ Master Trader) เพื่อทำการคัดลอกคำสั่งซื้อขายทั้งหมดที่ Master Trader ดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดสถานะซื้อ (Buy) หรือขาย (Sell) ในสินทรัพย์ใดๆ ก็ตาม ระบบจะทำการจำลองและดำเนินการในบัญชีของผู้ติดตามโดยอัตโนมัติและแบบเรียลไทม์ ซึ่งหมายความว่า ทุกการตัดสินใจของ Master Trader จะถูกสะท้อนในพอร์ตการลงทุนของคุณอย่างแม่นยำและเป็นสัดส่วน

หลักการทำงานของ Copy Trade

Copy Trade อาศัยเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการเชื่อมโยงและดำเนินการคำสั่งซื้อขายอัตโนมัติ โดยมีผู้เกี่ยวข้องหลัก 2 ฝ่าย ได้แก่:

  1. ผู้ให้สัญญาณ (Master Trader หรือ Strategy Provider): คือนักลงทุนที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการซื้อขาย มีประวัติผลงานที่น่าเชื่อถือ และยินยอมให้บัญชีของตนถูกคัดลอกการเทรด
  2. ผู้รับสัญญาณ (Follower หรือ Investor): คือนักลงทุนที่ต้องการคัดลอกกลยุทธ์การซื้อขายของ Master Trader เพื่อสร้างผลกำไร โดยไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์หรือใช้เวลาในการวิเคราะห์ตลาดด้วยตนเอง

ระบบจะทำงานโดยที่ผู้ติดตามไม่ต้องเข้าไปจัดการคำสั่งซื้อขายด้วยตนเองเลย เพียงแค่เลือก Master Trader ที่ต้องการคัดลอก และกำหนดเงินลงทุนที่ต้องการ ระบบก็จะจัดการทุกอย่างให้โดยอัตโนมัติ สัดส่วนของการลงทุนจะถูกปรับให้เหมาะสมกับเงินทุนของผู้ติดตาม เพื่อให้ความเสี่ยงและผลตอบแทนเป็นไปตามที่ Master Trader กำหนดไว้

ความแตกต่างระหว่าง Copy Trade, Mirror Trade และ Social Trading

  • Copy Trade: เน้นการคัดลอกคำสั่งซื้อขายแบบอัตโนมัติจาก Master Trader รายบุคคล ทุกการเคลื่อนไหวของ Master Trader จะถูกจำลองในบัญชีของคุณ
  • Mirror Trade: คล้ายกับ Copy Trade แต่เป็นการคัดลอก “กลยุทธ์” การซื้อขายทั้งหมด (เช่น กลยุทธ์การใช้ EA หรือ Expert Advisor) ไม่ใช่แค่การคัดลอกบุคคลใดบุคคลหนึ่ง EA หรือระบบเทรดอัตโนมัติ เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่สามารถ Mirror ได้
  • Social Trading: เป็นแพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถเชื่อมต่อ พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และดูประวัติการซื้อขายของผู้อื่นได้ การ Copy Trade เป็นเพียงฟังก์ชันหนึ่งภายใน Social Trading แพลตฟอร์ม เพื่อให้นักลงทุนสามารถเรียนรู้และตัดสินใจคัดลอกได้ตามความสมัครใจ

เหตุผลที่ Copy Trade ได้รับความนิยม โดยเฉพาะในตลาด Forex

การ เทรด Forex หรือตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงและเปิดตลอด 24 ชั่วโมง แต่ก็มีความซับซ้อนและผันผวนสูง ซึ่งทำให้ผู้เริ่มต้นประสบความสำเร็จได้ยาก Copy Trade จึงเป็นทางออกที่ดีเยี่ยมด้วยเหตุผลดังนี้:

  • ลดอุปสรรคสำหรับมือใหม่: นักลงทุนไม่จำเป็นต้องมีความรู้ ประสบการณ์ หรือทักษะการวิเคราะห์ตลาดเชิงลึก สามารถเริ่มต้นสร้างผลกำไรได้ทันที
  • ประหยัดเวลา: ไม่ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการวิเคราะห์กราฟและข่าวสารตลาด
  • ลดอคติทางอารมณ์: การตัดสินใจซื้อขายเป็นไปตามกลยุทธ์ของ Master Trader ซึ่งมักจะอยู่บนพื้นฐานของการวิเคราะห์เชิงวัตถุประสงค์ ช่วยลดความเสี่ยงจากการตัดสินใจด้วยอารมณ์ส่วนตัว เช่น ความกลัวและความโลภ
  • กระจายความเสี่ยงและพอร์ตการลงทุน: สามารถคัดลอก Master Trader ได้หลายคนพร้อมกัน หรือเลือก Master Trader ที่เชี่ยวชาญในสินทรัพย์ที่แตกต่างกัน เพื่อกระจายความเสี่ยงและเข้าถึงตลาดที่หลากหลาย เช่น ทองคำ การเริ่มต้นเทรดทองคำ, คริปโตเคอร์เรนซี หรือหุ้น
  • โอกาสในการเรียนรู้: ผู้ติดตามสามารถเรียนรู้กลยุทธ์และวินัยในการเทรดจาก Master Trader ได้โดยตรง แม้จะไม่ได้ลงมือเทรดเองก็ตาม

แนวทางการเลือก Copy Trade ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย

การเลือก Master Trader ที่เหมาะสมเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จในการ Copy Trade หากเลือกผิดพลาด อาจนำไปสู่การขาดทุนได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น คุณควรพิจารณาจากแนวทางต่อไปนี้อย่างรอบคอบ:

1. ตรวจสอบประวัติและผลงานการเทรดอย่างละเอียด

ประวัติการเทรดคือกระจกสะท้อนความสามารถของ Master Trader คุณสามารถตรวจสอบได้จากแพลตฟอร์มของโบรกเกอร์ที่ให้บริการ Copy Trade หรือจากเว็บไซต์วิเคราะห์อิสระ เช่น Myfxbook ซึ่งแสดงข้อมูลการเทรดอย่างโปร่งใส สิ่งที่ต้องพิจารณาประกอบด้วย:

  • ระยะเวลาการเทรด: ควรเลือก Master Trader ที่มีประวัติการเทรดอย่างน้อย 2 ปีขึ้นไป
    ทำไมต้อง 2 ปีขึ้นไป? เพราะระยะเวลา 1 ปี อาจจะยังไม่เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการรับมือกับสภาวะตลาดที่หลากหลาย เช่น ตลาดขาขึ้น (Bull Market), ตลาดขาลง (Bear Market), ตลาด Sideways หรือตลาดที่มีความผันผวนสูง (Volatile Market) การมีประวัติยาวนานจะช่วยยืนยันว่ากลยุทธ์ของ Master Trader สามารถทำกำไรได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว
  • ผลกำไร (Profit): ดูอัตราผลกำไรเฉลี่ยต่อเดือน/ปี และความสม่ำเสมอของผลกำไร
  • จุดขาดทุนสูงสุด (Max Drawdown): ค่านี้แสดงถึงเปอร์เซ็นต์การลดลงของเงินทุนสูงสุดจากจุดสูงสุดไปยังจุดต่ำสุดในบัญชี เป็นตัวชี้วัดความเสี่ยงที่สำคัญ หากค่า Max Drawdown สูงมาก แสดงว่ากลยุทธ์มีความเสี่ยงสูง
  • สัดส่วนกำไรต่อขาดทุน (Win Rate/Loss Rate): ดูว่าจำนวนครั้งที่ชนะการเทรดมีสัดส่วนเท่าใดเมื่อเทียบกับจำนวนครั้งที่ขาดทุน
  • กำไรเฉลี่ยต่อการเทรด vs ขาดทุนเฉลี่ยต่อการเทรด (Average Profit per Trade vs Average Loss per Trade): แม้จะมี Win Rate สูง แต่ถ้าขาดทุนเฉลี่ยต่อครั้งมากกว่ากำไรเฉลี่ยต่อครั้ง ก็อาจไม่ดีในระยะยาว
  • สินทรัพย์ที่เทรด: Master Trader เทรดสินทรัพย์ประเภทใดบ้าง และมีความเชี่ยวชาญในสินทรัพย์เหล่านั้นจริงหรือไม่
  • สไตล์การเทรด: เช่น Scalping, Day Trading, Swing Trading หรือ Position Trading ซึ่งจะมีผลต่อความถี่ในการเทรดและระยะเวลาการถือครองสถานะ

2. เลือกวงเงินลงทุนที่ใกล้เคียงกับ Master Trader และสินทรัพย์ที่ถนัด

การปรับขนาดคำสั่งซื้อขาย (Lot Size) ให้เหมาะสมกับเงินทุนของคุณเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง:
ทำไมถึงสำคัญ? ระบบ Copy Trade จะปรับ Lot Size โดยอัตโนมัติตามสัดส่วนเงินทุนของคุณเมื่อเทียบกับ Master Trader หากเงินทุนของคุณน้อยกว่า Master Trader มาก การปรับสัดส่วน Lot Size อาจทำให้เกิดปัญหา เช่น ไม่สามารถเปิดออเดอร์ได้ (เนื่องจาก Lot Size ต่ำกว่าขั้นต่ำที่โบรกเกอร์กำหนด) หรือสัดส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนผิดเพี้ยนไป

ตัวอย่าง: หาก Master Trader มีเงินทุน 10,000 USD และเปิดออเดอร์ 1 Lot ในคู่เงิน EUR/USD แต่คุณมีเงินทุนเพียง 1,000 USD ระบบอาจปรับให้คุณเปิดออเดอร์ 0.1 Lot ในคู่เดียวกัน หากโบรกเกอร์ที่คุณใช้มีขั้นต่ำ 0.01 Lot ก็ไม่มีปัญหา แต่หากคุณมีเงินทุนเพียง 100 USD ระบบจะพยายามเปิด 0.01 Lot ซึ่งอาจเล็กเกินไปเมื่อเทียบกับความเสี่ยงที่ Master Trader รับ หรืออาจไม่สามารถเปิดได้เลยถ้า Master Trader เทรดด้วย Lot Size ที่ใหญ่กว่ามากในสัดส่วนเงินทุนของเขา

เคล็ดลับ: ควรเลือก Master Trader ที่มีสไตล์การเทรดและสินทรัพย์ที่คุณมีความเข้าใจหรือสนใจเป็นพิเศษ เพราะในอนาคตคุณอาจจะนำความรู้จากการคัดลอกมาพัฒนาเป็นการเทรดด้วยตนเองได้

3. ประเมินความเสี่ยงและผลตอบแทนที่ยอมรับได้

นี่คือปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการตัดสินใจลงทุนใดๆ ไม่ใช่แค่ Copy Trade คุณต้องทำความเข้าใจว่าผลตอบแทนที่สูงมักจะมาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงตามไปด้วย

  • ความเสี่ยง (Risk):
    • Max Drawdown: ควรเลือก Master Trader ที่มี Max Drawdown ไม่เกิน 20-30% ต่อปี นี่คือเกณฑ์ที่นักลงทุนส่วนใหญ่ยอมรับได้ว่าเงินทุนจะไม่ลดลงฮวบฮาบจนเกินไป Drawdown ที่สูงกว่านี้บ่งชี้ถึงกลยุทธ์ที่ก้าวร้าวหรือการบริหารความเสี่ยงที่ไม่ดีพอ
    • การบริหารความเสี่ยง: ตรวจสอบว่า Master Trader มีการตั้งค่า Stop Loss (SL) หรือไม่ และมีการใช้กลยุทธ์ที่เพิ่มความเสี่ยงสูง เช่น Martingale หรือการเปิด Lot แบบไม่จำกัดหรือไม่
  • ผลตอบแทน (Return):
    • ไม่มีตัวเลขผลตอบแทนที่ “ดีที่สุด” แต่ควรเป็นผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ ตัวอย่างเช่น ผลตอบแทน 10-20% ต่อปี โดยมี Drawdown ไม่เกิน 10-15% อาจจะดีกว่าผลตอบแทน 50% ต่อปี แต่มี Drawdown ถึง 50%
    • เปรียบเทียบผลตอบแทนกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากหรือการลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ เพื่อดูว่า Copy Trade ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจเพียงพอหรือไม่

4. วิเคราะห์ลักษณะและวิธีการเทรดของ Master Trader

การทำความเข้าใจกลยุทธ์ของ Master Trader จะช่วยให้คุณประเมินความเสี่ยงและมั่นใจในการลงทุนได้มากขึ้น:

  • การใช้ Stop Loss: Master Trader ที่ดีจะมีการตั้ง Stop Loss ในทุกการเทรดเพื่อจำกัดการขาดทุนสูงสุด
    ทำไมถึงสำคัญ? การไม่มี Stop Loss เปรียบเสมือนการขับรถโดยไม่มีเบรก ซึ่งอาจนำไปสู่การล้างพอร์ต (Margin Call) ได้อย่างรวดเร็วเมื่อตลาดเคลื่อนไหวสวนทาง
  • หลีกเลี่ยง Martingale ที่ไม่มีที่สิ้นสุด: Martingale คือกลยุทธ์ที่เพิ่มขนาด Lot Size เมื่อเกิดการขาดทุน เพื่อหวังว่าเมื่อตลาดกลับตัวเพียงเล็กน้อยก็จะสามารถกู้คืนทุนและทำกำไรได้
    ทำไมถึงอันตราย? หากตลาดเคลื่อนไหวสวนทางเป็นเวลานาน กลยุทธ์นี้จะเพิ่มความเสี่ยงมหาศาลและนำไปสู่การล้างพอร์ตได้ง่ายดาย การบริหารความเสี่ยง เป็นสิ่งสำคัญมากในการเทรด
  • Lot Size: ตรวจสอบว่า Master Trader ใช้ Lot Size แบบคงที่ หรือมีการปรับเปลี่ยน Lot Size ตามความผันผวนของตลาดหรือขนาดของบัญชี
    วิธีสังเกต: ดูจากประวัติการเทรดในแต่ละ Position ว่า Lot Size มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรเมื่อมีการขาดทุนต่อเนื่องหรือไม่ หากพบการเพิ่ม Lot Size อย่างมีนัยสำคัญหลังจากการขาดทุน ควรพิจารณาความเสี่ยงให้ดี
  • ระยะเวลาการถือครองสถานะ: Master Trader ถือครองสถานะนานแค่ไหน? การถือครองสถานะที่นานเกินไป อาจบ่งชี้ถึงการ “ติดดอย” หรือการไม่ยอมตัดขาดทุน

ข้อดีและข้อเสียของการเทรดเลียนแบบ (Copy Trade)

ก่อนตัดสินใจเข้าร่วม Copy Trade การทำความเข้าใจทั้งข้อดีและข้อเสียอย่างถ่องแท้เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างรอบคอบและวางแผนการลงทุนได้อย่างเหมาะสม

Copy Trading ข้อดีและข้อเสียของการเทรดเลียนแบบ (Copy trade)

ข้อดีของการเทรดเลียนแบบ (Copy Trade)

  1. กระจายพอร์ตการลงทุนของคุณด้วยสินทรัพย์ที่คุณไม่เชี่ยวชาญ

    นักลงทุนแต่ละคนมีความถนัดและเชี่ยวชาญในสินทรัพย์ที่แตกต่างกัน เช่น บางคนอาจเก่งในการเทรดหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ขณะที่บางคนมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล หรือ เคล็ดลับการเทรดทองคำ

    ทำไมถึงเป็นข้อดี? หากคุณต้องการลงทุนในตลาดใหม่ๆ ที่คุณไม่มีความรู้เพียงพอ เช่น ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี หรือตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ แต่ไม่ต้องการพลาดโอกาสในการเติบโตของตลาดเหล่านั้น Copy Trade ช่วยให้คุณสามารถคัดลอก Master Trader ที่เชี่ยวชาญในสินทรัพย์นั้นๆ ได้ คุณจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดที่หลากหลาย โดยไม่ต้องเสียเวลาค้นคว้าและวิเคราะห์ด้วยตนเอง ซึ่งช่วยลดอุปสรรคในการเข้าถึงตลาดที่ซับซ้อน

    ผลลัพธ์: การกระจายพอร์ตการลงทุนไปยังสินทรัพย์หลายประเภทที่ดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญที่แตกต่างกัน จะช่วยลดความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ต และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากความเคลื่อนไหวของตลาดที่หลากหลาย

  2. การลงทุนโดยปราศจากประสบการณ์ (Investing Without Experience)

    สถิติในตลาด Forex ชี้ให้เห็นว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ประมาณ 70-80% มักจะขาดทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เริ่มต้นที่มักจะรีบร้อนต้องการทำกำไรในเวลาอันรวดเร็ว การจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในตลาดการเงินใดๆ โดยทั่วไปแล้วต้องใช้เวลาและประสบการณ์สะสมอย่างน้อย 5 ปีหรือมากกว่านั้น

    ทำไมถึงเป็นทางออก? สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ไม่ต้องการรอคอยนานขนาดนั้น Copy Trade นำเสนอทางเลือกที่ยอดเยี่ยม คุณสามารถเข้าร่วมตลาดการเงินและสร้างผลกำไรได้ทันทีผ่านการคัดลอก Master Trader ที่มีประสบการณ์และพิสูจน์ผลงานมาแล้ว

    เคล็ดลับ: ในระหว่างที่คุณคัดลอกการเทรด คุณสามารถใช้โอกาสนี้ในการเรียนรู้กลยุทธ์ การวิเคราะห์ และการบริหารความเสี่ยงจาก Master Trader ได้ เมื่อคุณมีความมั่นใจและประสบการณ์มากพอ ก็สามารถเริ่ม เทรดด้วยตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาการคัดลอกอีกต่อไป ดังนั้น Copy Trade จึงเป็นเสมือนโรงเรียนสอนการเทรดที่ได้กำไรไปด้วยในตัว

  3. พัฒนาประสิทธิภาพการเทรดของคุณ

    แม้แต่นักลงทุนที่มีประสบการณ์ ก็อาจมีช่วงเวลาที่กลยุทธ์ของตนเองไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง หรือประสบกับการขาดทุนต่อเนื่อง (Drawdown) การ Copy Trade สามารถเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการเพิ่มประสิทธิภาพและกระจายความเสี่ยงให้พอร์ตของคุณ

    ทำไมถึงช่วยพัฒนาประสิทธิภาพ? สมมติว่าคุณเป็นเทรดเดอร์ที่สามารถสร้างผลตอบแทน 5% ต่อเดือนจากการเทรดด้วยตนเอง แต่คุณต้องการเพิ่มผลตอบแทนและลดความเสี่ยงในช่วงเวลาที่ตลาดไม่เอื้ออำนวย คุณสามารถเลือกใช้บริการ Copy Trade กับ Master Trader ที่มีผลตอบแทนเฉลี่ย 10% ต่อเดือน ซึ่งมีกลยุทธ์ที่แตกต่างจากของคุณ

    Copy Trading พัฒนาประสิทธิภาพของคุณ

    ผลลัพธ์: การทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มรายได้ต่อเดือนโดยรวมของคุณ แต่ยังเป็นการกระจายความเสี่ยง ลดผลกระทบของการขาดทุนในช่วงที่คุณเทรดเองได้ไม่ดี และเปิดโอกาสให้คุณได้เรียนรู้แนวคิดหรือกลยุทธ์ใหม่ๆ จากผู้เชี่ยวชาญ

ข้อเสียของการเทรดเลียนแบบ (Copy Trade)

แม้ว่า Copy Trade จะดูเหมือนเป็นโซลูชั่นที่สมบูรณ์แบบสำหรับนักลงทุน แต่ก็มีข้อจำกัดและความเสี่ยงที่ต้องทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้:

  • ขาดการควบคุมเต็มรูปแบบ

    ข้อจำกัด: ข้อเสียหลักคือคุณจะไม่สามารถควบคุมกิจกรรมการซื้อขายทั้งหมดด้วยตนเองได้ คุณไม่มีสิทธิ์ในการแก้ไขหรือปิดสถานะที่ Master Trader เปิดไว้ก่อนเวลา หรือเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์การเทรดที่ Master Trader ใช้อยู่

    ผลลัพธ์: แม้ว่าแพลตฟอร์ม Copy Trade ส่วนใหญ่จะมีเครื่องมือในการจัดการความเสี่ยง เช่น การกำหนดเปอร์เซ็นต์การขาดทุนสูงสุดที่ยอมรับได้ (Drawdown Limit) หรือการกำหนด Lot Size ขั้นต่ำ/สูงสุด แต่คุณก็ยังคงต้องพึ่งพาการตัดสินใจและทักษะของ Master Trader เป็นหลัก หาก Master Trader มีการตัดสินใจที่ผิดพลาด คุณก็จะได้รับผลกระทบนั้นไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

  • ผลงานในอดีตไม่ได้รับประกันผลงานในอนาคต

    ความเสี่ยง: นี่คือหลักการพื้นฐานของการลงทุนทุกประเภท ประวัติผลงานที่ยอดเยี่ยมของ Master Trader ในอดีต ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานเพียงใด ก็ไม่สามารถรับประกันความสำเร็จในอนาคตได้

    ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? สภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา กลยุทธ์ที่เคยได้ผลดีในอดีตอาจไม่เหมาะสมกับสภาวะตลาดปัจจุบันหรือในอนาคต นอกจากนี้ Master Trader เองก็เป็นมนุษย์ ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงในประสิทธิภาพการเทรด หรือประสบกับปัญหาทางอารมณ์ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจได้เช่นกัน

    ผลลัพธ์: คุณต้องตระหนักถึงความเสี่ยงนี้และไม่ควรลงทุนเกินกว่าที่คุณจะรับความเสียหายได้ หากผลงานของ Master Trader เริ่มไม่ดีเท่าเดิม คุณต้องพร้อมที่จะถอนตัวและพิจารณาเลือก Master Trader คนใหม่

  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายแอบแฝง

    ค่าใช้จ่าย: บริการ Copy Trade มักมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม นอกเหนือจากค่า Spread และค่า Commission ปกติที่โบรกเกอร์เรียกเก็บ ค่าใช้จ่ายเหล่านี้อาจมาในรูปแบบของ:

    • ค่าธรรมเนียมประสิทธิภาพ (Performance Fee): หักเปอร์เซ็นต์จากกำไรที่คุณได้รับ (เช่น 20-30% ของกำไร)
    • ค่าสมัครสมาชิกรายเดือน (Subscription Fee): ค่าธรรมเนียมคงที่รายเดือนเพื่อเข้าถึงบริการคัดลอก
    • ค่า Markup Spread/Commission: โบรกเกอร์หรือแพลตฟอร์มอาจเพิ่มส่วนต่าง (Spread) หรือค่าคอมมิชชั่นในการเทรดของคุณ เพื่อเป็นรายได้ให้กับผู้ให้บริการและ Master Trader

    ผลลัพธ์: ค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะลดทอนผลกำไรสุทธิของคุณลง ดังนั้น คุณต้องคำนวณและทำความเข้าใจโครงสร้างค่าธรรมเนียมทั้งหมดก่อนตัดสินใจใช้บริการ

  • ความเสี่ยงจากแพลตฟอร์มและโบรกเกอร์

    ปัจจัยภายนอก: ความสำเร็จในการ Copy Trade ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ Master Trader เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์ม Copy Trade และโบรกเกอร์ที่คุณเลือกใช้ด้วย

    ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น:

    • Slippage: ราคาที่เปิดหรือปิดออเดอร์อาจคลาดเคลื่อนไปจากราคาของ Master Trader เนื่องจากความล่าช้าของระบบหรือความผันผวนของตลาด
    • เทคโนโลยีขัดข้อง: ระบบ Copy Trade อาจมีปัญหาทางเทคนิค ทำให้การคัดลอกคำสั่งไม่เป็นไปตามที่ควรจะเป็น
    • ความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์: ควรเลือก โบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาต และมีชื่อเสียงดี มีระบบฝากถอนที่รวดเร็ว เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับการจัดการเงินทุนของคุณ

    ผลลัพธ์: ควรศึกษาและเลือกแพลตฟอร์มและโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้ มีรีวิวที่ดี และมีระบบสนับสนุนลูกค้าที่พร้อมให้บริการ

ตารางสรุปข้อดีและข้อเสียของ Copy Trade

ข้อดี (Advantages) ข้อเสีย (Disadvantages)
ไม่ต้องมีประสบการณ์เทรดก็ทำกำไรได้ ขาดการควบคุมการเทรดอย่างเต็มที่
ประหยัดเวลาในการวิเคราะห์ตลาด ผลงานในอดีตไม่ได้รับประกันอนาคต
ลดอคติทางอารมณ์ในการตัดสินใจ มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
กระจายพอร์ตการลงทุนได้ง่ายขึ้น มีความเสี่ยงจากแพลตฟอร์มและโบรกเกอร์
โอกาสในการเรียนรู้กลยุทธ์จากผู้เชี่ยวชาญ อาจเกิดการพึ่งพามากเกินไป ไม่พัฒนาทักษะตนเอง

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ Copy Trade

1. Copy Trade เหมาะกับใคร?

Copy Trade เหมาะสำหรับนักลงทุนหลากหลายกลุ่ม ได้แก่:

  • มือใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์: ผู้ที่สนใจตลาดการเงินแต่ไม่มีความรู้หรือเวลาในการเรียนรู้การเทรดด้วยตนเอง
  • ผู้ที่มีเวลาน้อย: ผู้ที่ต้องการลงทุนแต่มีข้อจำกัดด้านเวลาในการติดตามและวิเคราะห์ตลาด
  • ผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยง: นักลงทุนที่ต้องการเพิ่มความหลากหลายให้กับพอร์ตการลงทุน โดยเข้าถึงตลาดหรือสินทรัพย์ที่ตนเองไม่เชี่ยวชาญ
  • ผู้ที่ต้องการเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ: ผู้ที่ต้องการสังเกตกลยุทธ์และวินัยในการเทรดจาก Master Trader เพื่อนำไปพัฒนาทักษะของตนเองในอนาคต

2. ฉันสามารถหยุดคัดลอก Master Trader ได้ทุกเมื่อหรือไม่?

โดยทั่วไปแล้ว คุณสามารถหยุดคัดลอก Master Trader ได้ทุกเมื่อที่ต้องการผ่านแพลตฟอร์ม Copy Trade ซึ่งหมายความว่าระบบจะหยุดคัดลอกคำสั่งซื้อขายใหม่ๆ จาก Master Trader ทันที และคุณสามารถเลือกได้ว่าจะปิดสถานะที่เปิดอยู่ทั้งหมดในบัญชีของคุณ หรือจะปล่อยให้สถานะเหล่านั้นดำเนินต่อไปจนกว่าคุณจะตัดสินใจปิดด้วยตนเอง

3. Copy Trade มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?

ค่าใช้จ่ายหลักๆ ของ Copy Trade มักประกอบด้วย:

  • Performance Fee: ค่าธรรมเนียมที่จ่ายให้กับ Master Trader เมื่อบัญชีของคุณทำกำไรได้ มักจะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของกำไรที่เกิดขึ้น (เช่น 20-30%)
  • Subscription Fee: ค่าธรรมเนียมรายเดือนหรือรายปีสำหรับการเข้าถึงบริการคัดลอกของ Master Trader บางราย
  • Spread/Commission: ค่าธรรมเนียมการซื้อขายตามปกติที่โบรกเกอร์เรียกเก็บ ซึ่งอาจสูงกว่าบัญชีเทรดปกติเล็กน้อยในบางแพลตฟอร์ม
  • Swap Fee: ค่าธรรมเนียมการถือครองสถานะข้ามคืน หาก Master Trader ถือครองสถานะเป็นเวลานาน

4. ฉันควรมีเงินทุนเท่าไหร่ในการเริ่มต้น Copy Trade?

จำนวนเงินทุนที่แนะนำจะแตกต่างกันไปในแต่ละโบรกเกอร์และแต่ละ Master Trader บางแพลตฟอร์มอาจอนุญาตให้เริ่มต้นได้ด้วยเงินทุนเพียง 50-100 USD อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การคัดลอกเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถบริหารความเสี่ยงได้ดีขึ้น หลายแพลตฟอร์มแนะนำให้มีเงินทุนเริ่มต้นอย่างน้อย 200-500 USD หรือมากกว่านั้น นอกจากนี้ การเลือก Master Trader ที่มีวงเงินลงทุนใกล้เคียงกับคุณ จะช่วยให้การปรับ Lot Size เป็นไปอย่างราบรื่นและลดความคลาดเคลื่อนของผลลัพธ์

5. Copy Trade ปลอดภัยหรือไม่?

Copy Trade มีความปลอดภัยในแง่ของระบบการทำงานที่บัญชีของคุณจะถูกเชื่อมโยงกับ Master Trader ผ่าน API ที่ปลอดภัย ทำให้ Master Trader ไม่สามารถเข้าถึงหรือถอนเงินจากบัญชีของคุณได้ อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยในการลงทุนขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ:

  • ความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์: ควรเลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานทางการเงินที่เชื่อถือได้
  • ความเสี่ยงของ Master Trader: หาก Master Trader มีกลยุทธ์การเทรดที่มีความเสี่ยงสูง ก็อาจนำไปสู่การขาดทุนในบัญชีของคุณได้
  • การบริหารความเสี่ยงส่วนบุคคล: การกำหนด Drawdown Limit และการลงทุนด้วยเงินทุนที่คุณยอมรับความเสี่ยงได้ จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับการลงทุนของคุณ

สรุป

Copy Trade ถือเป็นนวัตกรรมที่มีบทบาทสำคัญในการเปิดโอกาสให้แก่ผู้ที่สนใจลงทุนในตลาดการเงิน โดยเฉพาะตลาด Forex ที่มีความซับซ้อน ช่วยให้นักลงทุนสามารถสร้างผลกำไรได้แม้จะไม่มีประสบการณ์หรือมีข้อจำกัดด้านเวลา

อย่างไรก็ตาม การเลือก Copy Trade ไม่ใช่เรื่องของการ “ลอก” โดยไม่คิด คุณต้องทำความเข้าใจถึงกลไกการทำงาน ข้อดี ข้อเสีย และที่สำคัญที่สุดคือ แนวทางการเลือก Master Trader ที่เหมาะสม โดยพิจารณาจากประวัติผลงานที่ยาวนานและโปร่งใส การบริหารความเสี่ยงที่น่าเชื่อถือ และกลยุทธ์การเทรดที่สอดคล้องกับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้

การลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ แม้แต่ใน Copy Trade การศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน การประเมินความเสี่ยงและผลตอบแทนอย่างรอบคอบ รวมถึงการติดตามผลงานของ Master Trader อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณเป็น “นักคัดลอก” ที่ดี และสามารถสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับการลงทุนในระยะยาว

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ฟรี!ระบบเทรดอัตโนมัติ
สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการใช้ EA indicator ระบบเทรดอัตโนมัติ และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี
มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ระบบเทรดอัตโนมัติ ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆอื่นๆได้อีกในอนาคต
XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย
Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ
exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด
**”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อ
ขอรับ EA ได้ฟรี!”**
.
ช่องทางการพูดคุย
.
Line Id :: @ft.th
.
.
กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กําไรอย่างยั่งยืน
*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

You Might Also Like