TOP 10 บทความยอดนิยม

ดูทั้งหมด
สอนเทรดมือใหม่

รูปแบบกราฟ Chart Pattern

มิถุนายน 20, 2022

เจาะลึก Chart Pattern: กุญแจสำคัญในการทำนายทิศทางตลาด Forex และหุ้น

ในโลกของการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นตลาด Forex หรือตลาดหุ้น การทำความเข้าใจพฤติกรรมของราคาเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง หนึ่งในเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถวิเคราะห์และคาดการณ์ทิศทางของตลาดได้คือ “Chart Pattern” หรือ “รูปแบบกราฟราคา” บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงความหมาย ความสำคัญ ประเภทต่างๆ และวิธีการนำ Chart Pattern ไปใช้ในการเทรดอย่างมืออาชีพ เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลกำไรและลดความเสี่ยงในการลงทุน

Chart Pattern คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไรต่อการเทรด?

Chart Pattern คือ รูปแบบของกราฟราคาที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ในอดีต ซึ่งนักวิเคราะห์ทางเทคนิคได้รวบรวมและศึกษาเพื่อใช้ในการคาดการณ์ทิศทางราคาในอนาคต หลักการพื้นฐานของ Chart Pattern มาจากแนวคิดที่ว่า “ประวัติศาสตร์มักซ้ำรอย” โดยรูปแบบกราฟเหล่านี้สะท้อนถึงอารมณ์และพฤติกรรมของตลาดที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทำไม Chart Pattern จึงมีความน่าเชื่อถือ?

  • การสะสมสถิติ: รูปแบบกราฟแต่ละแบบได้ถูกบันทึกและรวบรวมสถิติมาเป็นระยะเวลานาน พบว่าเมื่อเกิดรูปแบบเหล่านี้ขึ้น มักจะส่งผลให้ราคามีแนวโน้มเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกันหรือใกล้เคียงกันอยู่บ่อยครั้ง
  • จิตวิทยาตลาด: Chart Pattern สะท้อนถึงการต่อสู้กันระหว่างแรงซื้อ (Bullish) และแรงขาย (Bearish) ในตลาด เมื่อรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งปรากฏขึ้น นักลงทุนจำนวนมากจะตีความไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของราคาตามที่คาดการณ์ไว้
  • การวิเคราะห์เชิงเทคนิค: Chart Pattern เป็นส่วนสำคัญของการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถระบุโซนสำคัญ เช่น แนวรับและแนวต้าน ซึ่งเป็นจุดที่ราคาอาจกลับตัวหรือไปต่อ

Chart Pattern บอกอะไรนักลงทุนได้บ้าง?

  1. บอกแนวรับ-แนวต้าน: รูปแบบกราฟหลายชนิดช่วยให้นักลงทุนสามารถระบุระดับราคาที่ทำหน้าที่เป็นแนวรับ (Support) ซึ่งเป็นระดับที่ราคาอาจหยุดลงและดีดตัวขึ้น และแนวต้าน (Resistance) ซึ่งเป็นระดับที่ราคาอาจหยุดลงและปรับตัวลง
  2. คาดการณ์ราคาเป้าหมาย: เมื่อเกิด Chart Pattern ที่สมบูรณ์ เทรดเดอร์สามารถใช้หลักการวัดเป้าหมายราคาตามทฤษฎีของแต่ละรูปแบบ เพื่อประมาณการระดับราคาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
  3. บอกจุดเข้า-ออก (Entry/Exit Points): Chart Pattern ช่วยให้เทรดเดอร์กำหนดจุดเข้าซื้อ (Entry) และจุดขาย (Exit) ที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) เพื่อบริหารความเสี่ยง
  4. บอกการกลับตัวของแนวโน้ม (Reversal Patterns): รูปแบบบางชนิดบ่งชี้ว่าแนวโน้มปัจจุบันกำลังจะสิ้นสุดลงและมีการกลับตัวเกิดขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสในการเปิดสถานะในทิศทางใหม่
  5. บอกการต่อเนื่องของแนวโน้ม (Continuation Patterns): รูปแบบบางชนิดบ่งชี้ว่าแนวโน้มปัจจุบันจะดำเนินต่อไปหลังจากที่มีการพักตัวชั่วคราว

Double Top และ Double Bottom Chart Pattern
Triple Top และ Triple Bottom Chart Pattern
Head and Shoulder Pattern
Inverse Head and Shoulder Pattern

ประเภทของ Chart Pattern ที่สำคัญและกลยุทธ์การเทรด

Chart Pattern สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ รูปแบบกลับตัว (Reversal Patterns) และ รูปแบบต่อเนื่อง (Continuation Patterns) ในบทความนี้ เราจะเน้นไปที่รูปแบบกลับตัวที่พบบ่อยและมีประสิทธิภาพสูง

1. Double Top และ Double Bottom Pattern: รูปแบบกลับตัวที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของเทรนด์

Double Top (รูปแบบยอดสองยอด)

  • คืออะไร: Double Top เป็นรูปแบบกลับตัวจากแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) ไปเป็นแนวโน้มขาลง (Downtrend) โดยกราฟจะขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุด 2 ครั้งในระดับราคาที่ใกล้เคียงกัน แต่ไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้
  • การก่อตัว:
    1. ราคาวิ่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดแรก (First Top) แล้วย่อตัวลงมาเล็กน้อย
    2. ราคาวิ่งขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมอีกครั้ง (Second Top) แต่ไม่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้
    3. ราคาเริ่มปรับตัวลงและทะลุแนวรับที่เรียกว่า “Neckline” หรือ “เส้นคอ” ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดระหว่างยอดทั้งสอง
  • บอกอะไร: บ่งบอกถึงแรงซื้อที่อ่อนแอลง และแรงขายที่เริ่มเข้ามามีอิทธิพล ทำให้ราคามีโอกาสกลับตัวลง
  • เคล็ดลับการเทรด:
    • จุดเข้า Sell: เมื่อราคาทะลุและปิดต่ำกว่า Neckline ลงมาอย่างชัดเจน
    • เป้าหมายราคา: วัดจากระยะห่างระหว่างจุดสูงสุด (Top) กับ Neckline แล้วนำมาวางเป็นเป้าหมายด้านล่างหลังจากที่ราคาเบรก Neckline ลงมา
    • จุด Stop Loss: วางไว้เหนือจุดสูงสุดที่สองเล็กน้อย
    • การยืนยัน: ควรใช้ร่วมกับ Price Action รูปแบบแท่งเทียนกลับตัว (Reversal Bar) เช่น Doji, Pin Bar หรือ Engulfing Pattern เพื่อยืนยันสัญญาณการกลับตัว
  • ผลลัพธ์: หากรูปแบบสมบูรณ์และได้รับการยืนยัน ราคาจะปรับตัวลงอย่างรุนแรง

Double Bottom (รูปแบบก้นสองก้น)

  • คืออะไร: Double Bottom เป็นรูปแบบกลับตัวจากแนวโน้มขาลง (Downtrend) ไปเป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) โดยกราฟจะลงไปทดสอบจุดต่ำสุด 2 ครั้งในระดับราคาที่ใกล้เคียงกัน แต่ไม่สามารถผ่านลงไปได้
  • การก่อตัว:
    1. ราคาวิ่งลงไปทำจุดต่ำสุดแรก (First Bottom) แล้วดีดตัวขึ้นมาเล็กน้อย
    2. ราคาวิ่งลงไปทดสอบจุดต่ำสุดเดิมอีกครั้ง (Second Bottom) แต่ไม่สามารถทำจุดต่ำสุดใหม่ได้
    3. ราคาเริ่มปรับตัวขึ้นและทะลุแนวต้านที่เรียกว่า “Neckline” หรือ “เส้นคอ” ซึ่งเป็นจุดสูงสุดระหว่างก้นทั้งสอง
  • บอกอะไร: บ่งบอกถึงแรงขายที่อ่อนแอลง และแรงซื้อที่เริ่มเข้ามามีอิทธิพล ทำให้ราคามีโอกาสกลับตัวขึ้น
  • เคล็ดลับการเทรด:
    • จุดเข้า Buy: เมื่อราคาทะลุและปิดสูงกว่า Neckline ขึ้นไปอย่างชัดเจน
    • เป้าหมายราคา: วัดจากระยะห่างระหว่างจุดต่ำสุด (Bottom) กับ Neckline แล้วนำมาวางเป็นเป้าหมายด้านบนหลังจากที่ราคาเบรก Neckline ขึ้นไป
    • จุด Stop Loss: วางไว้ใต้จุดต่ำสุดที่สองเล็กน้อย
    • การยืนยัน: ควรใช้ร่วมกับ Price Action รูปแบบแท่งเทียนกลับตัว (Reversal Bar) เพื่อยืนยันสัญญาณการกลับตัว
  • ผลลัพธ์: หากรูปแบบสมบูรณ์และได้รับการยืนยัน ราคาจะปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรง

2. Triple Top และ Triple Bottom Pattern: การกลับตัวที่แข็งแกร่งกว่า

Triple Top (รูปแบบยอดสามยอด)

  • คืออะไร: Triple Top เป็นรูปแบบกลับตัวจากแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) ไปเป็นแนวโน้มขาลง (Downtrend) คล้ายกับ Double Top แต่มีการทดสอบแนวต้านถึง 3 ครั้งในระดับราคาที่ใกล้เคียงกัน แสดงถึงการปฏิเสธราคาที่แข็งแกร่งกว่า
  • การก่อตัว:
    1. ราคาวิ่งขึ้นทำจุดสูงสุดแรก (First Top) แล้วย่อลงมาที่แนวรับ (Neckline)
    2. ดีดตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านเดิมเป็นครั้งที่สอง (Second Top) แล้วย่อกลับลงมาที่แนวรับเดิม
    3. ดีดตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านเดิมเป็นครั้งที่สาม (Third Top) แต่ไม่สามารถผ่านไปได้
    4. ราคาปรับตัวลงและทะลุ Neckline ลงมาอย่างรุนแรง
  • บอกอะไร: บ่งบอกถึงความพยายามของแรงซื้อที่จะผลักดันราคาให้สูงขึ้นถึง 3 ครั้ง แต่ล้มเหลวทุกครั้ง ทำให้แรงขายเข้ามามีอำนาจและผลักราคาลงอย่างรุนแรง
  • เคล็ดลับการเทรด:
    • จุดเข้า Sell: เมื่อราคาทะลุและปิดต่ำกว่า Neckline ลงมาอย่างชัดเจน
    • เป้าหมายราคา: วัดจากระยะห่างระหว่างจุดสูงสุด (Top) กับ Neckline แล้วนำมาวางเป็นเป้าหมายด้านล่าง
    • จุด Stop Loss: วางไว้เหนือจุดสูงสุดที่สามเล็กน้อย
    • การยืนยัน: Price Action รูปแบบ Engulfing “กลืนกิน” มักจะใช้ได้ดีในการยืนยันสัญญาณการกลับตัวนี้

Triple Bottom (รูปแบบก้นสามก้น)

  • คืออะไร: Triple Bottom เป็นรูปแบบกลับตัวจากแนวโน้มขาลง (Downtrend) ไปเป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) โดยกราฟจะลงไปทดสอบแนวรับถึง 3 ครั้งในระดับราคาที่ใกล้เคียงกัน แสดงถึงการปฏิเสธราคาที่แข็งแกร่งและโอกาสที่ราคาจะดีดตัวขึ้นสูง
  • การก่อตัว:
    1. ราคาวิ่งลงทำจุดต่ำสุดแรก (First Bottom) แล้วดีดขึ้นไปที่แนวต้าน (Neckline)
    2. ปรับตัวลงไปทดสอบแนวรับเดิมเป็นครั้งที่สอง (Second Bottom) แล้วดีดกลับขึ้นไปที่แนวต้านเดิม
    3. ปรับตัวลงไปทดสอบแนวรับเดิมเป็นครั้งที่สาม (Third Bottom) แต่ไม่สามารถผ่านลงไปได้
    4. ราคาปรับตัวขึ้นและทะลุ Neckline ขึ้นไปอย่างรุนแรง
  • บอกอะไร: บ่งบอกถึงความพยายามของแรงขายที่จะผลักดันราคาให้ต่ำลงถึง 3 ครั้ง แต่ล้มเหลวทุกครั้ง ทำให้แรงซื้อเข้ามามีอำนาจและผลักราคาขึ้นอย่างรุนแรง
  • เคล็ดลับการเทรด:
    • จุดเข้า Buy: เมื่อราคาทะลุและปิดสูงกว่า Neckline ขึ้นไปอย่างชัดเจน
    • เป้าหมายราคา: วัดจากระยะห่างระหว่างจุดต่ำสุด (Bottom) กับ Neckline แล้วนำมาวางเป็นเป้าหมายด้านบน
    • จุด Stop Loss: วางไว้ใต้จุดต่ำสุดที่สามเล็กน้อย
    • การยืนยัน: Price Action รูปแบบ Engulfing “กลืนกิน” มักจะใช้ได้ดีในการยืนยันสัญญาณการกลับตัวนี้

3. Head And Shoulders Pattern: รูปแบบกลับตัวที่ทรงพลัง

รูปแบบ Head And Shoulders เป็นหนึ่งใน Chart Pattern ที่ได้รับความนิยมและมีความน่าเชื่อถือสูง โดยเฉพาะในตลาด Forex และตลาดหุ้น ซึ่งเป็นสัญญาณการกลับตัวของแนวโน้มที่ชัดเจน

Head And Shoulders (หัวและไหล่)

  • คืออะไร: เป็นรูปแบบกลับตัวจากแนวโน้มขาขึ้นไปเป็นแนวโน้มขาลง มีลักษณะคล้ายรูปคนที่มีไหล่สองข้างและศีรษะอยู่ตรงกลาง
  • การก่อตัว:
    1. ไหล่ซ้าย (Left Shoulder): ราคาวิ่งขึ้นทำจุดสูงสุดแรกแล้วย่อตัวลงมาที่แนวรับเดียวกัน ซึ่งเรียกว่า “Neckline”
    2. ศีรษะ (Head): ราคาวิ่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ที่สูงกว่าไหล่ซ้าย แล้วย่อตัวลงมาที่ Neckline เดิม
    3. ไหล่ขวา (Right Shoulder): ราคาวิ่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดอีกครั้ง แต่ไม่สามารถสูงเท่าศีรษะได้ และมักจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับไหล่ซ้าย จากนั้นก็ย่อตัวลงมาที่ Neckline เดิม
    4. การยืนยัน: เมื่อราคาหลุดและปิดต่ำกว่า Neckline อย่างชัดเจน จะเป็นการยืนยันการกลับตัวเป็นขาลง
  • บอกอะไร: บ่งบอกถึงแรงซื้อที่อ่อนกำลังลงอย่างต่อเนื่อง และแรงขายที่เริ่มมีอิทธิพลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนำไปสู่การกลับตัวของเทรนด์
  • เคล็ดลับการเทรด:
    • จุดเข้า Sell: เมื่อราคาทะลุ Neckline ลงมาและปิดต่ำกว่าอย่างชัดเจน
    • เป้าหมายราคา: วัดจากระยะห่างระหว่างจุดสูงสุดของศีรษะ (Head) กับ Neckline แล้วนำมาวางเป็นเป้าหมายด้านล่างหลังจากที่ราคาเบรก Neckline ลงมา
    • จุด Stop Loss: วางไว้เหนือไหล่ขวาเล็กน้อย
    • การยืนยัน: ควรใช้ Price Action รูปแบบ Engulfing “กลืนกิน” เพื่อยืนยันสัญญาณการกลับตัวที่ Neckline

Inverse Head And Shoulders (หัวและไหล่กลับหัว)

  • คืออะไร: เป็นรูปแบบกลับตัวจากแนวโน้มขาลงไปเป็นแนวโน้มขาขึ้น มีลักษณะคล้ายรูป Head And Shoulders กลับหัว
  • การก่อตัว:
    1. ไหล่ซ้ายกลับหัว (Inverse Left Shoulder): ราคาวิ่งลงทำจุดต่ำสุดแรกแล้วดีดตัวขึ้นไปที่แนวต้านเดียวกัน ซึ่งเรียกว่า “Neckline”
    2. ศีรษะกลับหัว (Inverse Head): ราคาวิ่งลงไปทำจุดต่ำสุดใหม่ที่ต่ำกว่าไหล่ซ้ายกลับหัว แล้วดีดตัวขึ้นไปที่ Neckline เดิม
    3. ไหล่ขวากลับหัว (Inverse Right Shoulder): ราคาวิ่งลงไปทำจุดต่ำสุดอีกครั้ง แต่ไม่สามารถต่ำเท่าศีรษะกลับหัวได้ และมักจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับไหล่ซ้ายกลับหัว จากนั้นก็ดีดตัวขึ้นไปที่ Neckline เดิม
    4. การยืนยัน: เมื่อราคาพุ่งทะลุและปิดสูงกว่า Neckline อย่างชัดเจน จะเป็นการยืนยันการกลับตัวเป็นขาขึ้น
  • บอกอะไร: บ่งบอกถึงแรงขายที่อ่อนกำลังลง และแรงซื้อที่เริ่มมีอิทธิพลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนำไปสู่การกลับตัวของเทรนด์
  • เคล็ดลับการเทรด:
    • จุดเข้า Buy: เมื่อราคาทะลุ Neckline ขึ้นไปและปิดสูงกว่าอย่างชัดเจน
    • เป้าหมายราคา: วัดจากระยะห่างระหว่างจุดต่ำสุดของศีรษะกลับหัว (Inverse Head) กับ Neckline แล้วนำมาวางเป็นเป้าหมายด้านบนหลังจากที่ราคาเบรก Neckline ขึ้นไป
    • จุด Stop Loss: วางไว้ใต้ไหล่ขวากลับหัวเล็กน้อย
    • การยืนยัน: ควรใช้ Price Action รูปแบบ Engulfing “กลืนกิน” เพื่อยืนยันสัญญาณการกลับตัวที่ Neckline

ตารางสรุป Chart Pattern และกลยุทธ์การเทรด

รูปแบบ Chart Pattern ลักษณะการก่อตัว สัญญาณบ่งชี้ จุดเข้าเทรด จุด Stop Loss การยืนยันเพิ่มเติม (Price Action)
Double Top ราคาทดสอบจุดสูงสุด 2 ครั้ง ไม่ผ่าน แล้วหลุด Neckline ลง กลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง Sell เมื่อราคาหลุด Neckline เหนือ Second Top Reversal Bar, Engulfing Bearish
Double Bottom ราคาทดสอบจุดต่ำสุด 2 ครั้ง ไม่ผ่าน แล้วทะลุ Neckline ขึ้น กลับตัวจากขาลงเป็นขาขึ้น Buy เมื่อราคาทะลุ Neckline ใต้ Second Bottom Reversal Bar, Engulfing Bullish
Triple Top ราคาทดสอบจุดสูงสุด 3 ครั้ง ไม่ผ่าน แล้วหลุด Neckline ลง กลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง (สัญญาณแข็งแกร่งกว่า Double Top) Sell เมื่อราคาหลุด Neckline เหนือ Third Top Engulfing Bearish
Triple Bottom ราคาทดสอบจุดต่ำสุด 3 ครั้ง ไม่ผ่าน แล้วทะลุ Neckline ขึ้น กลับตัวจากขาลงเป็นขาขึ้น (สัญญาณแข็งแกร่งกว่า Double Bottom) Buy เมื่อราคาทะลุ Neckline ใต้ Third Bottom Engulfing Bullish
Head And Shoulders ไหล่ซ้าย-ศีรษะ-ไหล่ขวา แล้วหลุด Neckline ลง กลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง Sell เมื่อราคาหลุด Neckline เหนือ Right Shoulder Engulfing Bearish
Inverse Head And Shoulders ไหล่ซ้ายกลับหัว-ศีรษะกลับหัว-ไหล่ขวากลับหัว แล้วทะลุ Neckline ขึ้น กลับตัวจากขาลงเป็นขาขึ้น Buy เมื่อราคาทะลุ Neckline ใต้ Inverse Right Shoulder Engulfing Bullish

FAQ Section: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Chart Pattern

Q1: Chart Pattern ใช้ได้กับทุกตลาดหรือไม่?

A: โดยทั่วไปแล้ว Chart Pattern สามารถนำไปใช้ได้กับตลาดที่มีสภาพคล่องสูง เช่น ตลาด Forex, ตลาดทองคำ, ตลาดหุ้น และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ เนื่องจากเป็นตลาดที่มีผู้เล่นจำนวนมาก ทำให้พฤติกรรมราคาค่อนข้างสอดคล้องกับหลักจิตวิทยาตลาด อย่างไรก็ตาม ความน่าเชื่อถืออาจแตกต่างกันไปในแต่ละสินทรัพย์และกรอบเวลา (Timeframe)

Q2: ควรใช้ Chart Pattern เพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจเทรดหรือไม่?

A: ไม่ควรอย่างยิ่ง การใช้ Chart Pattern เพียงอย่างเดียวอาจทำให้เกิดสัญญาณหลอก (False Signal) ได้ง่าย เทรดเดอร์มืออาชีพมักจะใช้ Chart Pattern ร่วมกับเครื่องมือและเทคนิคอื่นๆ เช่น

  • Price Action: รูปแบบแท่งเทียนต่างๆ เพื่อยืนยันสัญญาณกลับตัวหรือไปต่อ
  • Indicators: เช่น RSI, MACD, Bollinger Bands เพื่อช่วยยืนยันโมเมนตัมหรือภาวะซื้อมากเกินไป/ขายมากเกินไป
  • Trendline: เพื่อระบุแนวโน้มหลักและทิศทางของตลาด
  • Volume: ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นเมื่อเกิด Breakout จะช่วยยืนยันความแข็งแกร่งของสัญญาณ

การผสมผสานเครื่องมือเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความแม่นยำและลดความเสี่ยงในการเทรด

Q3: Chart Pattern แบบไหนที่น่าเชื่อถือที่สุด?

A: รูปแบบที่ซับซ้อนและใช้เวลาในการก่อตัวนาน มักจะมีความน่าเชื่อถือสูงกว่า เนื่องจากสะท้อนถึงการต่อสู้ระหว่างแรงซื้อและแรงขายที่ยาวนาน ตัวอย่างเช่น Head And Shoulders และ Triple Top/Bottom มักจะให้สัญญาณที่แข็งแกร่งกว่า Double Top/Bottom นอกจากนี้ รูปแบบที่เกิดขึ้นใน Timeframe ที่ใหญ่กว่า เช่น กราฟ Day, Week ก็มักจะมีความน่าเชื่อถือสูงกว่า Timeframe ที่เล็กกว่าอย่างกราฟ H1 หรือ M15

Q4: ถ้า Chart Pattern ที่พบไม่สมบูรณ์ตามตำรา ควรเทรดหรือไม่?

A: หากรูปแบบ Chart Pattern ที่คุณพบไม่สมบูรณ์หรือไม่ชัดเจนตามหลักการที่กำหนดไว้ ไม่ควรเข้าเทรด การพยายามตีความรูปแบบที่ไม่ชัดเจนอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดและขาดทุนได้ สิ่งสำคัญคือต้องอดทนรอให้รูปแบบก่อตัวจนสมบูรณ์และมีสัญญาณยืนยันที่ชัดเจนก่อนเสมอ

Q5: การบริหารความเสี่ยงกับการใช้ Chart Pattern มีความสำคัญอย่างไร?

A: การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเทรด ไม่ว่าจะใช้เทคนิคใดก็ตาม แม้ว่า Chart Pattern จะช่วยระบุจุดเข้าและจุด Stop Loss ได้ แต่ก็ไม่ได้การันตีผลกำไร 100% เทรดเดอร์ควรกำหนด Stop Loss ที่เหมาะสม และจัดการขนาดของการเทรด (Lot Size) ให้สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เพื่อปกป้องเงินทุนในบัญชี การใช้กฎ 1-2% Risk Rule (ไม่เสี่ยงเกิน 1-2% ของเงินทุนทั้งหมดต่อการเทรดหนึ่งครั้ง) เป็นแนวทางที่ดีที่ช่วยให้คุณอยู่รอดในตลาดได้ในระยะยาว

Conclusion: สรุปและ Call to Action

Chart Pattern เป็นเครื่องมืออันทรงพลังในโลกของการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถทำความเข้าใจพฤติกรรมราคา และคาดการณ์ทิศทางตลาดในอนาคตได้อย่างมีหลักการและสถิติรองรับ การทำความเข้าใจรูปแบบต่างๆ เช่น Double Top, Double Bottom, Triple Top, Triple Bottom, และ Head And Shoulders รวมถึงกลยุทธ์การเข้าเทรด การกำหนดจุด Stop Loss และการใช้ Price Action เป็นเครื่องมือยืนยัน จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องฝึกฝนการมองเห็นและตีความ Chart Pattern บนกราฟจริงอย่างสม่ำเสมอ และที่สำคัญที่สุดคือการใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำและลดสัญญาณหลอก นอกจากนี้ การบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดีเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จในการเทรดระยะยาว หากคุณต้องการพัฒนาทักษะการเทรดและเรียนรู้กลยุทธ์ขั้นสูงเพิ่มเติม อย่าลังเลที่จะศึกษาข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ หรือเข้าร่วมกลุ่มนักลงทุนเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์

สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการยกระดับการเทรดไปอีกขั้น Fttinvesting มีข้อเสนอสุดพิเศษ:

#แจกฟรีระบบเทรด สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการใช้ EA indicator และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆอื่นๆได้อีกในอนาคต
  • XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย: https://bit.ly/XmFree30USD
  • Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ: https://bit.ly/MTRatsamee
  • Exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด: https://bit.ly/ExnessCom

“เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อขอรับ EA ได้ฟรี!”

ช่องทางการพูดคุย:

*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจเงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

You Might Also Like

Contact Us on Line