TOP 10 บทความยอดนิยม

ดูทั้งหมด
ระบบเทรดสั้น

เทคนิคการเทรดด้วย channel pattern

มิถุนายน 29, 2022

Channel Pattern คืออะไร? เจาะลึกกลยุทธ์การเทรดด้วยรูปแบบช่องสัญญาณ

ในโลกของการเทรด Forex และ Binary Options การทำความเข้าใจรูปแบบราคาเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจซื้อขายได้อย่างแม่นยำและเพิ่มโอกาสในการสร้างผลกำไร หนึ่งในรูปแบบราคาที่เทรดเดอร์นิยมใช้และมีความน่าเชื่อถือสูงคือ Channel Pattern หรือ รูปแบบช่องสัญญาณ ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ช่วยให้เรามองเห็นแนวโน้มการเคลื่อนที่ของราคาได้อย่างชัดเจน

Channel Pattern คืออะไร? ทำไมจึงสำคัญกับการเทรด?

Channel Pattern คือรูปแบบการเคลื่อนไหวของราคาที่ถูกจำกัดอยู่ในกรอบของแนวรับ (Support) และแนวต้าน (Resistance) สองเส้นที่ขนานกัน แนวรับและแนวต้านเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็น “เพดาน” และ “พื้น” ที่คอยกำหนดทิศทางการเคลื่อนที่ของราคา ทำให้เกิดเป็น “ช่องทาง” ที่ราคาเคลื่อนไหวอยู่ภายใน

การที่ราคายังคงอยู่ในช่องสัญญาณนี้ บ่งบอกว่าแนวโน้มปัจจุบันยังคงแข็งแกร่งและมีทิศทางที่ชัดเจน แต่เมื่อใดก็ตามที่ราคาทะลุออกจากกรอบช่องสัญญาณ ไม่ว่าจะเป็นแนวรับหรือแนวต้าน นั่นคือสัญญาณที่สำคัญว่าแนวโน้มเดิมกำลังจะสิ้นสุดลง และอาจมีการกลับตัวหรือเปลี่ยนทิศทางของราคาครั้งใหญ่เกิดขึ้น ซึ่งมักจะเกิดในทิศทางตรงกันข้ามกับทิศทางของช่องสัญญาณเดิม

ทำไม Channel Pattern ถึงมีความสำคัญ?

  • บ่งบอกแนวโน้มชัดเจน: ช่วยให้เทรดเดอร์ระบุได้ว่าตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend), ขาลง (Downtrend) หรืออยู่ในช่วงพักตัว (Consolidation)
  • กำหนดจุดเข้า-ออก: แนวรับและแนวต้านของช่องสัญญาณเป็นจุดอ้างอิงที่ดีในการกำหนดจุดเข้าซื้อ (Entry Point), จุดตัดขาดทุน (Stop-Loss) และจุดทำกำไร (Take-Profit)
  • คาดการณ์การกลับตัว: การทะลุออกจากช่องสัญญาณมักเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการกลับตัวของแนวโน้ม ซึ่งเป็นโอกาสในการเทรดที่สำคัญ
  • ใช้งานง่าย: เป็นรูปแบบที่เข้าใจง่าย แม้แต่มือใหม่ก็สามารถนำไปปรับใช้ในการวิเคราะห์ตลาดได้

ทำความรู้จัก Channel Pattern ทั่วไป 2 ประเภทหลัก

แม้ว่าจะมีรูปแบบช่องสัญญาณที่หลากหลาย เช่น รูปแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า (Rectangle Pattern) ที่เป็นช่องสัญญาณแนวนอน แต่ในบทความนี้ เราจะมุ่งเน้นไปที่รูปแบบช่องสัญญาณที่มีทิศทางเอียงขึ้นหรือลง ซึ่งเป็นรูปแบบที่พบบ่อยและมีความสำคัญในการวิเคราะห์แนวโน้มหลัก

1. Channel Up (ช่องสัญญาณขาขึ้น)

Channel Up คือรูปแบบช่องสัญญาณที่ประกอบด้วยแนวต้านและแนวรับสองเส้นที่ขนานกันและมีทิศทางเอียงขึ้น บ่งบอกถึง แนวโน้มขาขึ้น ที่ชัดเจน โดยที่ราคามีการทำจุดสูงสุดใหม่ (Higher Highs) และจุดต่ำสุดใหม่ (Higher Lows) อย่างต่อเนื่องภายในกรอบช่องสัญญาณ

Channel Up Pattern

ลักษณะสำคัญของ Channel Up:

  • แนวรับและแนวต้าน: ทั้งสองเส้นมีลักษณะขนานกันและเอียงขึ้น
  • การเคลื่อนที่ของราคา: ราคามักจะเด้งขึ้นจากแนวรับและถูกกดลงจากแนวต้าน สลับกันไป
  • จุดทะลุ (Breakout): การทะลุลงใต้แนวรับของ Channel Up มักจะเป็นสัญญาณของการกลับตัวเป็นแนวโน้มขาลง (Bearish Reversal) และหลังจากที่ราคาหลุดแนวรับไปแล้ว ราคาอาจมีการ retest แนวรับเดิมที่กลายเป็นแนวต้านใหม่ ก่อนที่จะปรับตัวลงต่อไป

ตัวอย่างการใช้งานจริงของรูปแบบ Channel Up:

Channel Up Real Example

จากภาพตัวอย่าง จะเห็นว่าราคาเคลื่อนไหวในกรอบขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อราคาแตะแนวรับ ก็จะดีดตัวขึ้น และเมื่อแตะแนวต้าน ก็จะย่อตัวลงเล็กน้อย จนกระทั่งเกิดการทะลุแนวรับลงมาอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นสัญญาณที่เทรดเดอร์สามารถใช้ในการเปิดสถานะขาย (Short) เพื่อทำกำไรจากการกลับตัวของราคา

2. Channel Down (ช่องสัญญาณขาลง)

Channel Down คือรูปแบบช่องสัญญาณที่ตรงกันข้ามกับ Channel Up โดยประกอบด้วยแนวต้านและแนวรับสองเส้นที่ขนานกันและมีทิศทางเอียงลง บ่งบอกถึง แนวโน้มขาลง ที่ชัดเจน โดยที่ราคามีการทำจุดสูงสุดต่ำลง (Lower Highs) และจุดต่ำสุดต่ำลง (Lower Lows) อย่างต่อเนื่อง

Channel Down Pattern

ลักษณะสำคัญของ Channel Down:

  • แนวรับและแนวต้าน: ทั้งสองเส้นมีลักษณะขนานกันและเอียงลง
  • การเคลื่อนที่ของราคา: ราคามักจะถูกกดลงจากแนวต้านและดีดตัวขึ้นจากแนวรับ สลับกันไป
  • จุดทะลุ (Breakout): การทะลุขึ้นเหนือแนวต้านของ Channel Down มักเป็นสัญญาณของการกลับตัวเป็นแนวโน้มขาขึ้น (Bullish Reversal) และเช่นเดียวกัน ราคาอาจมีการ retest แนวต้านเดิมที่กลายเป็นแนวรับใหม่ ก่อนที่จะปรับตัวขึ้นต่อไปอย่างแข็งแกร่ง

ตัวอย่างการใช้งานจริงของรูปแบบ Channel Down:

Channel Down Real Example

จากภาพตัวอย่าง จะเห็นว่าราคาเคลื่อนไหวในกรอบขาลงอย่างสม่ำเสมอ เมื่อราคาแตะแนวต้าน ก็จะปรับตัวลง และเมื่อแตะแนวรับ ก็จะดีดตัวขึ้นเล็กน้อย จนกระทั่งเกิดการทะลุแนวต้านขึ้นมา ซึ่งเป็นสัญญาณที่เทรดเดอร์สามารถใช้ในการเปิดสถานะซื้อ (Long) เพื่อทำกำไรจากการกลับตัวของราคา

ลักษณะสำคัญของ Channel Pattern ที่เทรดเดอร์ควรรู้

การเข้าใจลักษณะเฉพาะของ Channel Pattern จะช่วยให้คุณวิเคราะห์และเทรดได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น:

  • จุดสัมผัส (Peaks & Troughs): รูปแบบ Channel ที่สมบูรณ์แบบต้องมีอย่างน้อย 2 จุดสูงสุด (Peaks) เพื่อสร้างแนวต้าน และ 2 จุดต่ำสุด (Troughs) เพื่อสร้างแนวรับที่ชัดเจน การมีจุดสัมผัสหลายจุดจะช่วยยืนยันความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือของช่องสัญญาณนั้นๆ
  • ทิศทางการเทรด:
    • ใน Channel Up: ควรเน้นเปิดสถานะ “UP” (ซื้อ) เมื่อราคาย่อตัวลงมาใกล้แนวรับ เพื่อทำกำไรจากการดีดตัวขึ้นของราคา
    • ใน Channel Down: ควรเน้นเปิดสถานะ “DOWN” (ขาย) เมื่อราคาปรับตัวขึ้นไปใกล้แนวต้าน เพื่อทำกำไรจากการปรับตัวลงของราคา
  • ความชันของช่อง: ความชันของช่องสัญญาณสามารถบอกความแข็งแกร่งของแนวโน้มได้ หากช่องมีความชันมาก แสดงว่าแนวโน้มมีความแข็งแกร่งสูง แต่ก็อาจเกิดการกลับตัวได้เร็วเช่นกัน
  • ความกว้างของช่อง: ช่องที่กว้างบ่งบอกถึงความผันผวนของราคาที่สูงกว่า ในขณะที่ช่องที่แคบแสดงถึงความผันผวนที่ต่ำกว่า

วิธีเทรดอย่างมีประสิทธิภาพด้วย Channel Pattern

Channel Pattern สามารถนำมาปรับใช้ได้กับทั้งการเทรด Forex และ Binary Options โดยมีกลยุทธ์หลัก 2 ประเภท ได้แก่ การเทรดภายในช่องราคา (Trading within the Channel) และการเทรดตามรูปแบบการฝ่าวงล้อม (Breakout Trading)

การเทรด Forex อย่างมีประสิทธิภาพด้วย Channel Pattern

ในการเทรด Forex เราสามารถใช้ Channel Pattern ได้ 2 รูปแบบหลักๆ ดังนี้:

1. การเทรดภายในช่องราคา (Trading within the Channel)

กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการทำกำไรจากกรอบการเคลื่อนไหวของราคาที่ชัดเจนภายในช่องสัญญาณ โดยมีหลักการสำคัญคือการ “ซื้อที่แนวรับ” และ “ขายที่แนวต้าน” โดยยึดตามทิศทางของช่องสัญญาณ

กฎสำคัญ:

  • ใน Channel Up: เน้นเปิดคำสั่ง “BUY” (ซื้อ) เท่านั้น
  • ใน Channel Down: เน้นเปิดคำสั่ง “SELL” (ขาย) เท่านั้น

วิธีการเปิดออร์เดอร์:

รูปแบบ Channel จุดเข้าใช้งาน (Entry Point) จุดตัดขาดทุน (Stop-Loss) จุดทำกำไร (Take-Profit)
สำหรับ Channel Up เมื่อราคาแตะแนวรับของช่องราคา ที่ตำแหน่งต่ำกว่าจุดต่ำสุดก่อนหน้าซึ่งราคาแตะแนวรับ เมื่อราคาแตะแนวต้านของช่องราคา
โปรดดูภาพด้านล่างเพื่อทำความเข้าใจวิธีการเปิดคำสั่งซื้อด้วย Channel Up ให้ดียิ่งขึ้น
Forex Channel Up Strategy
สำหรับ Channel Down เมื่อราคาแตะแนวต้านของช่องราคา ที่ตำแหน่งสูงกว่าจุดสูงสุดก่อนหน้าซึ่งราคาแตะแนวต้าน เมื่อราคาแตะแนวรับของช่องราคา
Forex Channel Down Strategy

เคล็ดลับเพิ่มเติม: หากคำสั่งซื้อขายก่อนหน้าของคุณชนะ คุณสามารถพิจารณาใช้จุดเริ่มต้นของคำสั่งก่อนหน้าเป็นจุด Stop-Loss สำหรับคำสั่งถัดไปได้ เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงและรักษาผลกำไร

2. การซื้อขายตามรูปแบบการฝ่าวงล้อม (Trade as per the Breakout)

กลยุทธ์นี้เป็นที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้มที่แข็งแกร่ง เมื่อราคาทะลุออกจากช่องสัญญาณ เทรดเดอร์สามารถเข้าเปิดออร์เดอร์ในทิศทางของ Breakout

วิธีการเปิดออร์เดอร์:

รูปแบบ Channel จุดเริ่มต้น (Entry Point) จุดตัดขาดทุน (Stop-Loss) จุดทำกำไร (Take-Profit)
สำหรับ Channel Up เมื่อแท่งเทียนปิดตัวลงทะลุแนวรับของช่องสัญญาณอย่างชัดเจน ที่ตำแหน่งสูงกว่าจุดสูงสุดก่อนหน้าที่ราคาแตะแนวต้านภายในช่อง (หรือเหนือแนวต้านเดิม) เมื่อราคาลงมาแตะระดับแนวรับที่สร้างขึ้นใหม่ (ซึ่งอาจเกิดจากการทดสอบแนวรับเดิมที่กลายเป็นแนวต้าน) หรือใช้สัดส่วนความกว้างของช่อง
Forex Channel Up Breakout Strategy
สำหรับ Channel Down เมื่อแท่งเทียนปิดตัวขึ้นทะลุแนวต้านของช่องสัญญาณอย่างชัดเจน ที่ตำแหน่งต่ำกว่าจุดต่ำสุดก่อนหน้าที่ราคาแตะแนวรับภายในช่อง (หรือใต้แนวรับเดิม) เมื่อราคาขึ้นไปแตะระดับแนวต้านที่สร้างขึ้นใหม่ (ซึ่งอาจเกิดจากการทดสอบแนวต้านเดิมที่กลายเป็นแนวรับ) หรือใช้สัดส่วนความกว้างของช่อง
Forex Channel Down Breakout Strategy

ข้อควรระวัง: การเทรดแบบ Breakout มีความเสี่ยงสูงจากสัญญาณหลอก (Fakeout) ที่ราคาอาจทะลุออกไปเพียงชั่วครู่แล้วกลับเข้ามาในช่องสัญญาณเดิม ควรยืนยันการ Breakout ด้วยปริมาณการซื้อขาย (Volume) ที่สูงขึ้น หรือรอให้แท่งเทียนปิดนอกช่องสัญญาณอย่างสมบูรณ์ก่อนตัดสินใจเข้าเทรด

การเทรด Binary Options อย่างมีประสิทธิภาพด้วยรูปแบบช่องทาง

สำหรับการเทรด Binary Options กลยุทธ์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สุดเมื่อราคาอยู่ใน Channel Pattern คือการ “เปิดคำสั่งย้อนกลับ (Reversal)” ที่บริเวณแนวรับและแนวต้านของช่องสัญญาณ

ข้อกำหนดสำคัญ: เพื่อหลีกเลี่ยงสัญญาณราคาปลอม (False Signals) คุณควรเปิดคำสั่งที่มีเวลาหมดอายุ (Expiration Time) ที่นานพอสมควร ตัวอย่างเช่น หากคุณใช้กราฟแท่งเทียน 5 นาที ควรตั้งเวลาหมดอายุไว้ที่ 45-60 นาที เพื่อให้ราคาได้มีโอกาสเคลื่อนที่ตามที่คาดการณ์ไว้

วิธีการเปิดคำสั่งซื้อขาย Binary Options:

  • เปิดคำสั่ง “UP” (ซื้อ) เมื่อราคาแตะแนวรับของรูปแบบ Channel
  • เปิดคำสั่ง “DOWN” (ขาย) เมื่อราคาแตะแนวต้านของรูปแบบ Channel

Binary Options Channel Strategy

การใช้กลยุทธ์นี้ใน Binary Options อาศัยหลักการที่ว่าราคาจะเคารพแนวรับและแนวต้านของช่องสัญญาณตราบใดที่ยังไม่มีการ Breakout ที่ชัดเจน การกำหนดเวลาหมดอายุที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนระยะสั้นและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ Channel Pattern

Q1: Channel Pattern คืออะไร?

A1: Channel Pattern คือรูปแบบราคาที่เกิดขึ้นเมื่อการเคลื่อนไหวของราคาถูกจำกัดอยู่ระหว่างแนวรับและแนวต้านสองเส้นที่ขนานกัน โดยเส้นทั้งสองนี้จะสร้าง “ช่องทาง” ที่ราคาเคลื่อนที่อยู่ภายใน รูปแบบนี้ช่วยให้เทรดเดอร์ระบุแนวโน้มและคาดการณ์จุดกลับตัวของราคาได้

Q2: Channel Pattern มีกี่ประเภทหลักๆ?

A2: Channel Pattern หลักๆ ที่นิยมใช้ในการเทรดมี 2 ประเภทคือ Channel Up (ช่องสัญญาณขาขึ้น) และ Channel Down (ช่องสัญญาณขาลง) นอกจากนี้ยังมี Horizontal Channel (ช่องสัญญาณแนวนอน) หรือ Rectangle Pattern อีกด้วย

Q3: จะระบุ Channel Pattern ได้อย่างไร?

A3: ในการระบุ Channel Pattern คุณต้องลากเส้นแนวต้านเชื่อมโยงจุดสูงสุดอย่างน้อยสองจุด และลากเส้นแนวรับเชื่อมโยงจุดต่ำสุดอย่างน้อยสองจุด โดยเส้นทั้งสองควรขนานกันและมีทิศทางเดียวกัน (เอียงขึ้น, เอียงลง หรือแนวนอน)

Q4: ควรใช้ Channel Pattern ร่วมกับเครื่องมืออื่นหรือไม่?

A4: ควรอย่างยิ่ง! การใช้ Channel Pattern ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ เช่น Moving Averages, RSI, MACD หรือ รูปแบบแท่งเทียน จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการยืนยันสัญญาณซื้อขายและลดความเสี่ยงจากสัญญาณหลอกได้

Q5: อะไรคือสัญญาณการ Breakout ของ Channel Pattern ที่น่าเชื่อถือ?

A5: สัญญาณการ Breakout ที่น่าเชื่อถือมักจะมาพร้อมกับปัจจัยเหล่านี้:

  1. แท่งเทียนปิดนอกช่องสัญญาณ: แท่งเทียนควรปิดตัวอยู่นอกเส้นแนวรับหรือแนวต้านอย่างชัดเจน ไม่ใช่แค่ไส้เทียนทะลุผ่านไปชั่วคราว
  2. ปริมาณการซื้อขาย (Volume) ที่เพิ่มขึ้น: การ Breakout ที่มี Volume สูงบ่งบอกถึงแรงผลักดันที่แท้จริง
  3. การ Retest: ราคาอาจกลับมาทดสอบแนวรับ/แนวต้านเดิมที่ถูกทะลุไป (ซึ่งตอนนี้ได้เปลี่ยนบทบาทเป็นแนวต้าน/แนวรับ) ก่อนที่จะเคลื่อนที่ต่อในทิศทางใหม่

สรุป

Channel Pattern เป็นหนึ่งในรูปแบบกราฟทางเทคนิคที่มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับเทรดเดอร์ทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็น Channel Up หรือ Channel Down ก็ล้วนให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มของราคาและจุดที่น่าสนใจในการเข้าและออกจากการเทรด การทำความเข้าใจลักษณะสำคัญของแต่ละรูปแบบ การกำหนดจุดเข้า-ออกที่ชัดเจน พร้อมทั้งการบริหารความเสี่ยงด้วย Stop-Loss และ Take-Profit จะช่วยให้คุณสามารถนำ Channel Pattern ไปใช้ในการสร้างผลกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม การเทรดในตลาดการเงินย่อมมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด ทำความเข้าใจเงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ และควรฝึกฝนการใช้งานบนบัญชีทดลอง (Demo Account) จนเกิดความชำนาญก่อนที่จะใช้เงินจริง

……………………………………………………………………………………………

แจกฟรีระบบเทรด

สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการใช้ EA indicator และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี
มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
.
เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆอื่นๆได้อีกในอนาคต
XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย
.
Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ
.
exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด
.
**”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อ
.
ขอรับ EA ได้ฟรี!”**
.
ช่องทางการพูดคุย
.
Line Id :: @ft.th
.
.
กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กําไรอย่างยั่งยืน
.
*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

You Might Also Like

Contact Us on Line