TOP 10 บทความยอดนิยม

ดูทั้งหมด
จิตวิทยา การบริหารเงิน

สัญญาณของแท่งเทียนที่ควรรู้

มิถุนายน 16, 2022

ถอดรหัส “อารมณ์ตลาด” ด้วยสัญญาณแท่งเทียน: คู่มือนักลงทุนสายเทคนิค (Candlestick Patterns: Unlocking Market Psychology for Technical Traders)

สำหรับนักลงทุนในตลาดการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นเครื่องมือหลักในการตัดสินใจ การทำความเข้าใจ กราฟแท่งเทียน ถือเป็นหัวใจสำคัญอย่างยิ่ง แท่งเทียนไม่ใช่เพียงแค่การแสดงข้อมูลราคาในรูปแบบกราฟิก แต่ยังสะท้อนถึง “อารมณ์” และพฤติกรรมของนักลงทุนที่เข้ามามีส่วนร่วมในการซื้อขาย ณ ช่วงเวลานั้นๆ อย่างลึกซึ้ง บทความนี้จะเจาะลึกถึงความสำคัญของสัญญาณแท่งเทียนยอดนิยม ที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถคาดการณ์ทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคตอันใกล้ได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

ตาราง การออกกำลังกาย ภาพประกอบ 3 มิติ สีดำ

ทำไมกราฟแท่งเทียนจึงเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้สำหรับนักลงทุนสายเทคนิค?

กราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) ได้รับการพัฒนาขึ้นในประเทศญี่ปุ่นเมื่อหลายร้อยปีก่อน โดยพ่อค้าข้าวเพื่อใช้ในการวิเคราะห์ราคาข้าว และได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในตลาดการเงินสมัยใหม่จนเป็นที่แพร่หลายในปัจจุบัน สาเหตุที่แท่งเทียนมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนสายเทคนิคมีดังนี้:

  • แสดงข้อมูลราคาครบถ้วนในหนึ่งเดียว: แท่งเทียนแต่ละแท่งจะแสดงข้อมูลราคาที่สำคัญ 4 อย่าง ได้แก่ ราคาเปิด (Open), ราคาสูงสุด (High), ราคาต่ำสุด (Low), และราคาปิด (Close) ภายในกรอบเวลาที่กำหนด (เช่น 1 ชั่วโมง, 1 วัน, 1 สัปดาห์) ทำให้เราเห็นภาพรวมการเคลื่อนไหวของราคาในแต่ละช่วงได้อย่างชัดเจน
  • สะท้อนจิตวิทยาและอารมณ์ตลาด: สีของแท่งเทียน (เขียว/ขาว สำหรับราคาขึ้น, แดง/ดำ สำหรับราคาลง) และรูปร่างของแท่งเทียน (ลำตัวแท่งเทียน, ไส้เทียนด้านบนและล่าง) สามารถบอกเล่าเรื่องราวของความสัมพันธ์ระหว่างแรงซื้อกับแรงขายได้ทันที เช่น หากแท่งเทียนมีลำตัวยาวสีเขียว แสดงถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่งและมีชัยเหนือแรงขายอย่างชัดเจน
  • ระบุรูปแบบและสัญญาณการกลับตัว/ต่อเนื่องของราคา: การรวมกันของแท่งเทียนหลายๆ แท่งจะเกิดเป็น “รูปแบบแท่งเทียน” (Candlestick Patterns) ซึ่งนักวิเคราะห์ใช้ในการคาดการณ์ทิศทางราคาในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณการกลับตัว (Reversal Patterns) ที่บ่งบอกว่าแนวโน้มปัจจุบันกำลังจะสิ้นสุดลง หรือสัญญาณต่อเนื่อง (Continuation Patterns) ที่แสดงว่าแนวโน้มเดิมยังมีพลังที่จะดำเนินต่อไป
  • ใช้งานได้กับทุกตลาดและทุกกรอบเวลา: ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น, ตลาดฟอเร็กซ์, ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี หรือสินค้าโภคภัณฑ์ กราฟแท่งเทียนก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์ได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ได้กับกรอบเวลาที่หลากหลาย ตั้งแต่กราฟรายนาที (M1) สำหรับนักเทรดระยะสั้น (Scalping) ไปจนถึงกราฟรายเดือน (MN) สำหรับนักลงทุนระยะยาว

องค์ประกอบพื้นฐานของแท่งเทียนแต่ละแท่ง: บอกอะไรเราได้บ้าง?

ก่อนจะไปถึงรูปแบบแท่งเทียน เราต้องทำความเข้าใจองค์ประกอบของแท่งเทียนแต่ละแท่งเสียก่อน ซึ่งประกอบด้วย:

  1. ลำตัวแท่งเทียน (Real Body): แสดงถึงช่วงระหว่างราคาเปิดและราคาปิด
    • แท่งเทียนสีเขียว (Bullish Candlestick): ราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด แสดงถึงแรงซื้อที่เข้ามาผลักดันราคาให้สูงขึ้น
    • แท่งเทียนสีแดง (Bearish Candlestick): ราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด แสดงถึงแรงขายที่เข้ามาดึงราคาลง
  2. ไส้เทียน (Wick / Shadow): แสดงถึงราคาสูงสุดและราคาต่ำสุดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น
    • ไส้เทียนด้านบน (Upper Wick): ลากจากราคาปิด/เปิด ไปยังราคาสูงสุด บ่งบอกถึงแรงซื้อที่พยายามผลักดันราคาขึ้นไปแต่ถูกแรงขายกดลงมา
    • ไส้เทียนด้านล่าง (Lower Wick): ลากจากราคาปิด/เปิด ไปยังราคาต่ำสุด บ่งบอกถึงแรงขายที่พยายามกดราคาลงไปแต่ถูกแรงซื้อดันกลับขึ้นมา

การรวมกันขององค์ประกอบเหล่านี้ทำให้แท่งเทียนแต่ละแท่งมีรูปร่างเฉพาะตัว และสามารถสื่อสาร “อารมณ์” ของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สัญญาณแท่งเทียนยอดนิยมที่นักลงทุนใช้กันบ่อย

ในบรรดารูปแบบแท่งเทียนที่มีอยู่มากมาย มีบางรูปแบบที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับในการส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงทิศทางราคา มาดูกันว่ามีรูปแบบใดบ้างที่นักลงทุนควรรู้:

1. Doji (โดจิ) – สัญญาณแห่งความลังเล

แท่งเทียน Doji มีลักษณะเด่นคือราคาเปิดและราคาปิดอยู่ใกล้เคียงกันมาก จนลำตัวแท่งเทียนเกือบเป็นเส้นตรง แสดงว่าในกรอบเวลานั้น แรงซื้อและแรงขายมีความสมดุลกันอย่างสมบูรณ์ หรือไม่มีฝ่ายใดสามารถครองตลาดได้อย่างชัดเจน

  • บอกอะไรเราได้บ้าง: Doji มักปรากฏขึ้นในช่วงที่ตลาดกำลังมีความลังเล ไม่แน่ใจในทิศทางถัดไป เป็นสัญญาณเตือนว่าแนวโน้มปัจจุบันอาจจะอ่อนแรงลงและมีโอกาสกลับตัว
  • ประเภทของ Doji:
    • Standard Doji: ไส้เทียนทั้งบนและล่างมีความยาวใกล้เคียงกัน แสดงถึงความสมดุลของแรงซื้อและแรงขาย
    • Long-legged Doji: มีไส้เทียนที่ยาวทั้งสองด้าน แสดงถึงความผันผวนของราคาที่รุนแรงในช่วงนั้น แต่สุดท้ายราคากลับมาปิดใกล้ราคาเปิด
    • Gravestone Doji: มีไส้เทียนด้านบนยาวมาก แต่ไม่มีหรือมีไส้เทียนด้านล่างสั้นมาก ปรากฏที่ปลายเทรนด์ขาขึ้น บ่งบอกถึงแรงซื้อที่ถูกปฏิเสธอย่างรุนแรง และเป็นสัญญาณกลับตัวเป็นขาลงที่แข็งแกร่ง
    • Dragonfly Doji: มีไส้เทียนด้านล่างยาวมาก แต่ไม่มีหรือมีไส้เทียนด้านบนสั้นมาก ปรากฏที่ปลายเทรนด์ขาลง บ่งบอกถึงแรงขายที่ถูกปฏิเสธอย่างรุนแรง และเป็นสัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้นที่แข็งแกร่ง
  • เคล็ดลับการใช้งาน: Doji เพียงแท่งเดียวไม่สามารถยืนยันสัญญาณได้ ควรใช้ร่วมกับแท่งเทียนถัดไป หรือ อินดิเคเตอร์ อื่นๆ เช่น Volume หรือ RSI เพื่อยืนยันการกลับตัว

2. Hammer (แฮมเมอร์) และ Hanging Man (แฮงกิ้งแมน) – สัญญาณกลับตัวจากแรงปฏิเสธ

ทั้งสองรูปแบบมีลักษณะคล้ายกันคือมีลำตัวเล็ก (สีเขียวหรือแดงก็ได้) มีไส้เทียนด้านล่างยาวมาก และมีไส้เทียนด้านบนสั้นหรือไม่ปรากฏเลย ความแตกต่างอยู่ที่ตำแหน่งที่ปรากฏในกราฟ

  • Hammer (ค้อน): ปรากฏที่ปลายเทรนด์ขาลง (แนวรับ) บ่งบอกว่าแรงขายพยายามกดราคาลงไปอย่างรุนแรง แต่ถูกแรงซื้อเข้ามาผลักดันกลับขึ้นมา ทำให้ราคาปิดใกล้เคียงหรือสูงกว่าราคาเปิดเล็กน้อย เป็นสัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้น (Bullish Reversal) ที่มีนัยสำคัญ (ดูเพิ่มเติม: Morning Star Candlestick Pattern)
  • Hanging Man (คนแขวนคอ): ปรากฏที่ปลายเทรนด์ขาขึ้น (แนวต้าน) บ่งบอกว่าแรงซื้อเริ่มอ่อนแรง และแรงขายเริ่มเข้ามาทำกำไรหรือกดดันราคาลง ทำให้ราคาปิดต่ำกว่าราคาสูงสุดมาก เป็นสัญญาณกลับตัวเป็นขาลง (Bearish Reversal) ที่ควรระมัดระวัง
  • ทำไมถึงดี: สองรูปแบบนี้แสดงถึงการปฏิเสธราคา (Price Rejection) อย่างชัดเจน ณ จุดสำคัญ ซึ่งมักจะเป็นสัญญาณล่วงหน้าของการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม
  • การยืนยัน: ควรยืนยันด้วยแท่งเทียนถัดไป เช่น หาก Hammer ปรากฏ แท่งเทียนถัดไปควรเป็นแท่งเขียวขนาดใหญ่เพื่อยืนยันการกลับตัวขึ้น

3. Engulfing Pattern (รูปแบบกลืนกิน) – สัญญาณการครอบงำของแรงซื้อ/ขาย

รูปแบบ Engulfing ประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่ง โดยแท่งเทียนที่สองมีขนาดลำตัวที่ใหญ่กว่าและ “กลืนกิน” ลำตัวของแท่งเทียนแรกได้อย่างสมบูรณ์

  • Bullish Engulfing (กลืนกินกระทิง): เกิดขึ้นที่ปลายเทรนด์ขาลง แท่งเทียนแรกเป็นสีแดงขนาดเล็ก และแท่งที่สองเป็นสีเขียวขนาดใหญ่ที่กลืนกินแท่งแรกทั้งหมด แสดงถึงแรงซื้อที่เข้ามาอย่างมหาศาล เอาชนะแรงขายได้อย่างเด็ดขาด เป็นสัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้นที่ทรงพลัง
  • Bearish Engulfing (กลืนกินหมี): เกิดขึ้นที่ปลายเทรนด์ขาขึ้น แท่งเทียนแรกเป็นสีเขียวขนาดเล็ก และแท่งที่สองเป็นสีแดงขนาดใหญ่ที่กลืนกินแท่งแรกทั้งหมด แสดงถึงแรงขายที่เข้ามาอย่างรุนแรง เอาชนะแรงซื้อได้อย่างเด็ดขาด เป็นสัญญาณกลับตัวเป็นขาลงที่แข็งแกร่ง (ดูเพิ่มเติม: Three Black Crows Candlestick Pattern)
  • ความแข็งแกร่งของสัญญาณ: ยิ่งแท่งเทียนที่สองมีขนาดใหญ่เท่าใด และกลืนกินแท่งแรกได้มากเท่าใด สัญญาณก็จะยิ่งมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นเท่านั้น

4. Pin Bar (พินบาร์) – สัญญาณการปฏิเสธราคาอย่างรุนแรง

แท่งเทียน Pin Bar หรือที่บางครั้งเรียกว่า “Hammer” หรือ “Shooting Star” แต่ Pin Bar เป็นคำที่ครอบคลุมกว่า มีลักษณะคือมีลำตัวเล็กมาก (เกือบจะเป็นเส้นตรง) และมีไส้เทียนยาวออกไปด้านใดด้านหนึ่งอย่างชัดเจน ซึ่งแสดงถึงการปฏิเสธราคา ณ ระดับราคานั้นๆ

  • Bullish Pin Bar: มีไส้เทียนด้านล่างยาวมาก ลำตัวอยู่ด้านบน (สีเขียวหรือแดงก็ได้ แต่เขียวจะแข็งแกร่งกว่า) ปรากฏที่แนวรับ บ่งชี้ว่าราคาถูกผลักดันลงไปมากแต่ถูกแรงซื้อดันกลับขึ้นมา เป็นสัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้น
  • Bearish Pin Bar: มีไส้เทียนด้านบนยาวมาก ลำตัวอยู่ด้านล่าง (สีเขียวหรือแดงก็ได้ แต่แดงจะแข็งแกร่งกว่า) ปรากฏที่แนวต้าน บ่งชี้ว่าราคาถูกผลักดันขึ้นไปมากแต่ถูกแรงขายกดกลับลงมา เป็นสัญญาณกลับตัวเป็นขาลง
  • เงื่อนไขความน่าเชื่อถือ: Pin Bar ที่ดีควรมีไส้เทียนยาวอย่างน้อย 2-3 เท่าของลำตัว และปรากฏในบริเวณแนวรับแนวต้านที่สำคัญ (ดูเพิ่มเติม: แนวรับแนวต้าน)

5. Morning Star (มอร์นิ่งสตาร์) และ Evening Star (อีฟนิ่งสตาร์) – รูปแบบสามแท่งเทียนกลับตัว

สองรูปแบบนี้เป็นสัญญาณกลับตัวที่ประกอบด้วยแท่งเทียนสามแท่ง ซึ่งให้ความน่าเชื่อถือสูงกว่ารูปแบบแท่งเทียนเดี่ยวหรือคู่

  • Morning Star (ดาวรุ่ง): สัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้น ปรากฏที่ปลายเทรนด์ขาลง
    1. แท่งแรกเป็นแท่งแดงขนาดใหญ่ แสดงถึงแรงขายที่ครอบงำ
    2. แท่งที่สองเป็นแท่งเล็กๆ (Doji, Hammer, หรือ Spinning Top) ที่มี Gap ลงมาจากแท่งแรก แสดงถึงความลังเลและแรงขายที่อ่อนแรงลง
    3. แท่งที่สามเป็นแท่งเขียวขนาดใหญ่ที่ Gap ขึ้นมาจากแท่งที่สอง และปิดเข้าในลำตัวของแท่งแรก แสดงถึงแรงซื้อที่เข้ามาอย่างแข็งแกร่งและเริ่มครอบงำตลาด
  • Evening Star (ดาวค่ำ): สัญญาณกลับตัวเป็นขาลง ปรากฏที่ปลายเทรนด์ขาขึ้น
    1. แท่งแรกเป็นแท่งเขียวขนาดใหญ่ แสดงถึงแรงซื้อที่ครอบงำ
    2. แท่งที่สองเป็นแท่งเล็กๆ (Doji, Hanging Man, หรือ Spinning Top) ที่มี Gap ขึ้นมาจากแท่งแรก แสดงถึงความลังเลและแรงซื้อที่อ่อนแรงลง
    3. แท่งที่สามเป็นแท่งแดงขนาดใหญ่ที่ Gap ลงมาจากแท่งที่สอง และปิดเข้าในลำตัวของแท่งแรก แสดงถึงแรงขายที่เข้ามาอย่างแข็งแกร่งและเริ่มครอบงำตลาด
  • ความสำคัญของ Gap: การเกิด Gap ระหว่างแท่งเทียนที่ 1 กับ 2 และ 2 กับ 3 เป็นสิ่งสำคัญที่เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับรูปแบบเหล่านี้อย่างมาก

ตารางสรุปสัญญาณแท่งเทียนยอดนิยม

ชื่อรูปแบบ ลักษณะสำคัญ สัญญาณ ความน่าเชื่อถือ (ในบริบทที่เหมาะสม)
Doji ราคาเปิด-ปิด ใกล้เคียงกันมาก (ลำตัวเล็ก) ความลังเล, มีโอกาสกลับตัว ปานกลาง (ต้องรอการยืนยัน)
Hammer ลำตัวเล็ก, ไส้ล่างยาวมาก, ไส้บนสั้น/ไม่มี (ที่ปลายขาลง) กลับตัวเป็นขาขึ้น (Bullish Reversal) สูง
Hanging Man ลำตัวเล็ก, ไส้ล่างยาวมาก, ไส้บนสั้น/ไม่มี (ที่ปลายขาขึ้น) กลับตัวเป็นขาลง (Bearish Reversal) สูง
Bullish Engulfing แท่งเขียวขนาดใหญ่กลืนแท่งแดงเล็ก (ที่ปลายขาลง) กลับตัวเป็นขาขึ้น (Bullish Reversal) สูงมาก
Bearish Engulfing แท่งแดงขนาดใหญ่กลืนแท่งเขียวเล็ก (ที่ปลายขาขึ้น) กลับตัวเป็นขาลง (Bearish Reversal) สูงมาก
Pin Bar (Bullish) ลำตัวเล็กอยู่ด้านบน, ไส้ล่างยาวมาก (ที่แนวรับ) กลับตัวเป็นขาขึ้น (Bullish Reversal) สูง
Pin Bar (Bearish) ลำตัวเล็กอยู่ด้านล่าง, ไส้บนยาวมาก (ที่แนวต้าน) กลับตัวเป็นขาลง (Bearish Reversal) สูง
Morning Star 3 แท่ง: แดงใหญ่ -> เล็ก (Gap ลง) -> เขียวใหญ่ (Gap ขึ้น) (ที่ปลายขาลง) กลับตัวเป็นขาขึ้น (Bullish Reversal) สูงมาก
Evening Star 3 แท่ง: เขียวใหญ่ -> เล็ก (Gap ขึ้น) -> แดงใหญ่ (Gap ลง) (ที่ปลายขาขึ้น) กลับตัวเป็นขาลง (Bearish Reversal) สูงมาก

เคล็ดลับการใช้งานสัญญาณแท่งเทียนให้เกิดประโยชน์สูงสุด

การทำความเข้าใจรูปแบบแท่งเทียนเป็นเพียงจุดเริ่มต้น การนำไปใช้จริงอย่างมีประสิทธิภาพนั้นต้องอาศัยประสบการณ์และการพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ควบคู่ไปด้วย:

  1. ยืนยันด้วยกรอบเวลาที่ใหญ่ขึ้น (Multiple Timeframe Analysis): หากพบสัญญาณกลับตัวในกราฟ 15 นาที ควรตรวจสอบในกราฟ 1 ชั่วโมง หรือ 4 ชั่วโมง เพื่อดูว่าสัญญาณนั้นสอดคล้องกับแนวโน้มในกรอบเวลาที่ใหญ่กว่าหรือไม่ การที่สัญญาณกลับตัวปรากฏในกรอบเวลาที่ใหญ่ขึ้น จะเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับสัญญาณนั้นอย่างมาก
  2. ใช้ร่วมกับแนวรับแนวต้าน (Support & Resistance): สัญญาณแท่งเทียนกลับตัวจะมีความน่าเชื่อถือสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อปรากฏในบริเวณแนวรับหรือแนวต้านที่แข็งแกร่ง การที่ราคาไม่สามารถทะลุแนวรับหรือแนวต้านได้ และเกิดสัญญาณกลับตัว จะเป็นจุดเข้าซื้อหรือขายที่มีความได้เปรียบสูง
  3. พิจารณาปริมาณการซื้อขาย (Volume): Volume ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญพร้อมกับการเกิดสัญญาณกลับตัว จะเป็นการยืนยันความแข็งแกร่งของสัญญาณนั้น เช่น หากเกิด Bullish Engulfing ที่มี Volume สูง แสดงว่ามีแรงซื้อเข้ามาในตลาดอย่างมหาศาลจริงๆ
  4. ใช้ร่วมกับ Indicator อื่นๆ: ไม่ควรพึ่งพาสัญญาณแท่งเทียนเพียงอย่างเดียว ควรใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ เช่น Moving Average, RSI, MACD, Stochastic เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจเทรด (ดูเพิ่มเติม: การใช้งาน Indicator ยอดนิยม)
  5. ทำความเข้าใจบริบทของตลาด: ตลาดอยู่ในภาวะเทรนด์ขาขึ้น ขาลง หรือ Sideway? สัญญาณแท่งเทียนบางรูปแบบอาจมีประสิทธิภาพสูงในภาวะตลาดที่มีเทรนด์ชัดเจน ในขณะที่บางรูปแบบอาจเหมาะสมกับตลาด Sideway มากกว่า
  6. ระมัดระวังในตลาดที่มีความผันผวนสูง (High Volatility): ในช่วงที่มีข่าวสำคัญหรือเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างรุนแรง รูปแบบแท่งเทียนอาจให้สัญญาณหลอก (False Signals) ได้ง่าย เนื่องจากราคาอาจเคลื่อนไหวอย่างไร้ทิศทางและผันผวนสูง
  7. การบริหารความเสี่ยง (Risk Management): ไม่ว่าจะใช้กลยุทธ์ใดๆ การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ควรกำหนดจุด Stop Loss (SL) และ Take Profit (TP) อย่างชัดเจนทุกครั้งก่อนเข้าเทรด และรักษาวินัยในการปฏิบัติตามแผน

FAQ Section (คำถามที่พบบ่อย)

Q1: แท่งเทียนสีเขียวและสีแดงบอกอะไรเราได้บ้าง?

A1: แท่งเทียนสีเขียว (หรือสีขาว) บ่งบอกว่าราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด แสดงถึงแรงซื้อที่มีอำนาจเหนือแรงขายในกรอบเวลานั้นๆ ในทางกลับกัน แท่งเทียนสีแดง (หรือสีดำ) บ่งบอกว่าราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด แสดงถึงแรงขายที่มีอำนาจเหนือแรงซื้อ

Q2: การเกิด “ไส้เทียนยาว” มีความหมายอย่างไร?

A2: ไส้เทียนที่ยาวแสดงถึงการปฏิเสธราคาอย่างรุนแรง หากไส้เทียนด้านบนยาว แสดงว่าราคาถูกผลักดันขึ้นไปสูงแต่ถูกแรงขายกดลงมาอย่างรุนแรง ในทางกลับกัน หากไส้เทียนด้านล่างยาว แสดงว่าราคาถูกกดลงไปต่ำแต่ถูกแรงซื้อดันกลับขึ้นมาอย่างรุนแรง ซึ่งมักเป็นสัญญาณของการกลับตัวของราคา

Q3: ควรใช้สัญญาณแท่งเทียนเพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจเทรดหรือไม่?

A3: ไม่ควรอย่างยิ่ง การใช้สัญญาณแท่งเทียนเพียงอย่างเดียวอาจนำไปสู่สัญญาณหลอกได้ง่าย ควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยอื่นๆ เช่น แนวรับแนวต้าน, ปริมาณการซื้อขาย (Volume), อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค (เช่น RSI, MACD), และการวิเคราะห์ในกรอบเวลาที่แตกต่างกัน เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและลดความเสี่ยงในการเทรด

Q4: รูปแบบแท่งเทียนแบบใดที่น่าเชื่อถือที่สุด?

A4: โดยทั่วไป รูปแบบแท่งเทียนที่ประกอบด้วยหลายแท่งเทียน เช่น Morning Star และ Evening Star มักจะให้สัญญาณที่น่าเชื่อถือกว่ารูปแบบแท่งเทียนเดี่ยว เนื่องจากเป็นการยืนยันอารมณ์ตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ความน่าเชื่อถือของรูปแบบยังขึ้นอยู่กับบริบทที่ปรากฏ เช่น ตำแหน่งที่เกิดบนกราฟ (แนวรับ/แนวต้าน) และปริมาณการซื้อขายประกอบด้วย

Q5: หากเกิด Doji บ่อยครั้งในกราฟ หมายความว่าอย่างไร?

A5: หากพบ Doji บ่อยครั้งในกราฟ แสดงว่าตลาดกำลังอยู่ในภาวะที่ไม่มีทิศทางชัดเจน (Sideway Market) หรือมีความลังเลสูงระหว่างแรงซื้อและแรงขาย ในสถานการณ์เช่นนี้ การเทรดอาจมีความเสี่ยงสูง ควรหลีกเลี่ยงการเข้าเทรดจนกว่าจะมีทิศทางที่ชัดเจน หรือใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมกับตลาด Sideway

สรุป (Conclusion)

การทำความเข้าใจ สัญญาณแท่งเทียน ถือเป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญสำหรับนักลงทุนสายเทคนิคทุกคน เพราะแท่งเทียนไม่เพียงแต่บอกเล่าข้อมูลราคา แต่ยังสะท้อนถึง “อารมณ์” และจิตวิทยาของตลาด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการคาดการณ์ทิศทางราคาในอนาคต การเรียนรู้และจดจำรูปแบบแท่งเทียนยอดนิยม เช่น Doji, Hammer, Engulfing Pattern, Pin Bar, Morning Star และ Evening Star จะช่วยให้นักลงทุนสามารถระบุจุดกลับตัวหรือต่อเนื่องของแนวโน้มได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือการใช้สัญญาณแท่งเทียนเหล่านี้ร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยอื่นๆ เช่น แนวรับแนวต้าน, Volume และ Indicator ทางเทคนิค รวมถึงการบริหารความเสี่ยงที่ดี เพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการเทรด

หากคุณต้องการยกระดับการเทรดของคุณไปอีกขั้น และมองหาระบบที่สามารถช่วยวิเคราะห์และดำเนินการเทรดได้โดยอัตโนมัติ เราขอแนะนำ ระบบเทรดอัตโนมัติ (EA) ที่สามารถช่วยให้คุณไม่พลาดโอกาสสำคัญในตลาด และยังสามารถเข้าถึงกลุ่ม Line VIP เพื่อรับการสนับสนุนและข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม

ฟรีระบบเทรด!

สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการใช้ EA, Indicator และเข้าร่วมกลุ่ม Line VIP ฟรี มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย:

เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงก์ด้านล่าง คุณก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆ อื่นๆ ได้อีกในอนาคต

  • XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย: https://bit.ly/XmFree30USD
  • Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ: https://bit.ly/MTRatsamee
  • Exness – โบรกเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด: https://bit.ly/ExnessCom

เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อขอรับ EA ได้ฟรี!

ช่องทางการพูดคุย:

*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจเงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

You Might Also Like

Contact Us on Line