TOP 10 บทความยอดนิยม

ดูทั้งหมด
จิตวิทยา การบริหารเงิน

Candlestick Pattern ที่พบบ่อยในตลาด Forex

มิถุนายน 17, 2022

ถอดรหัส Candlestick Pattern ยอดนิยม: คู่มือวิเคราะห์และทำกำไรในตลาด Forex

ข้อดีของการเป็นเทรดเดอร์

ในโลกของการเทรด Forex ที่เต็มไปด้วยความผันผวนและโอกาส กราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ทรงพลังและให้ข้อมูลเชิงลึกมากที่สุด รูปแบบแท่งเทียนเหล่านี้ไม่เพียงแต่บอกทิศทางราคาในอดีตและปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงอารมณ์และจิตวิทยาของตลาด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการตัดสินใจซื้อขาย การทำความเข้าใจ Candlestick Pattern ที่พบบ่อย จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถระบุจุดกลับตัวของราคา (Reversal Patterns) และจุดต่อเนื่องของแนวโน้ม (Continuation Patterns) ได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น ถือเป็นกุญแจสำคัญในการจับจังหวะการเทรดเพื่อสร้างผลกำไรอย่างมีประสิทธิภาพ

ความสำคัญของ Candlestick Pattern ในการเทรด Forex

Candlestick Pattern คืออะไร?

Candlestick Pattern คือ รูปแบบของแท่งเทียนที่เกิดขึ้นบนกราฟราคา ซึ่งแต่ละแท่งเทียนจะประกอบด้วยข้อมูลสำคัญ 4 อย่าง ได้แก่ ราคาเปิด (Open), ราคาสูงสุด (High), ราคาต่ำสุด (Low) และราคาปิด (Close) ในช่วงเวลาหนึ่งๆ (เช่น 1 นาที, 1 ชั่วโมง, 1 วัน) ตัวแท่งเทียน (Real Body) แสดงช่วงราคาเปิดและราคาปิด ส่วนไส้เทียน (Shadow หรือ Wick) แสดงราคาสูงสุดและต่ำสุด สีของแท่งเทียนยังบ่งบอกทิศทางราคา โดยทั่วไป แท่งสีเขียว (หรือสีขาว) แสดงว่าราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด (ตลาดกระทิง หรือ Bullish) ขณะที่แท่งสีแดง (หรือสีดำ) แสดงว่าราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด (ตลาดหมี หรือ Bearish) การรวมกันของแท่งเทียนหลายๆ แท่งจะเกิดเป็นรูปแบบเฉพาะที่นักวิเคราะห์และเทรดเดอร์ใช้ในการคาดการณ์แนวโน้มราคาในอนาคต

ทำไม Candlestick Pattern จึงสำคัญต่อการเทรด Forex?

Candlestick Pattern มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเทรด Forex ด้วยเหตุผลหลายประการ:

  1. บ่งบอกจิตวิทยาตลาด: แต่ละรูปแบบแท่งเทียนไม่ได้เป็นเพียงแค่สถิติราคา แต่ยังสะท้อนถึงการต่อสู้ระหว่างแรงซื้อและแรงขาย ณ ช่วงเวลานั้นๆ ทำให้เราเข้าใจอารมณ์ของเทรดเดอร์ในตลาดได้ดียิ่งขึ้น
  2. สัญญาณการกลับตัวและต่อเนื่อง: รูปแบบแท่งเทียนจำนวนมากเป็น สัญญาณการกลับตัวของราคา หรือการยืนยันแนวโน้มเดิม ทำให้เทรดเดอร์สามารถเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงหรือการดำเนินต่อของทิศทางตลาด
  3. ใช้งานง่ายและเห็นภาพชัดเจน: แม้แต่เทรดเดอร์มือใหม่ก็สามารถเรียนรู้และจดจำรูปแบบพื้นฐานได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากภาพลักษณ์ที่ชัดเจนและคำอธิบายที่ตรงไปตรงมา
  4. ใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่นได้ดี: Candlestick Pattern สามารถใช้ร่วมกับ Indicator ทางเทคนิคอื่นๆ เช่น Moving Average, RSI หรือ MACD เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์และยืนยันสัญญาณการซื้อขาย
  5. ช่วยในการกำหนดจุดเข้าและออก: รูปแบบแท่งเทียนมักจะให้จุดอ้างอิงที่ชัดเจนสำหรับ การเปิดและปิดออเดอร์ รวมถึงการตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit

ประเภทของ Candlestick Pattern โดยรวม

Candlestick Pattern สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลักๆ ได้แก่:

  • รูปแบบการกลับตัว (Reversal Patterns): รูปแบบเหล่านี้บ่งบอกว่าแนวโน้มราคาปัจจุบันอาจกำลังจะสิ้นสุดลงและเปลี่ยนทิศทาง ตัวอย่างเช่น หากเกิดรูปแบบการกลับตัวขาลงในขณะที่ราคาเป็นเทรนด์ขาขึ้น อาจเป็นสัญญาณว่าราคากำลังจะปรับตัวลง
  • รูปแบบการต่อเนื่อง (Continuation Patterns): รูปแบบเหล่านี้บ่งบอกว่าแนวโน้มราคาปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไปหลังจากมีการพักตัวชั่วคราว ตัวอย่างเช่น หากเกิดรูปแบบการต่อเนื่องขาขึ้นในขณะที่ราคาเป็นเทรนด์ขาขึ้น อาจเป็นสัญญาณว่าราคาจะปรับตัวขึ้นต่อ

Candlestick Pattern ยอดนิยมที่พบบ่อยในตลาด Forex และวิธีใช้ทำกำไร

มาดูรูปแบบแท่งเทียนยอดนิยมที่เทรดเดอร์ควรรู้จักและวิธีนำไปใช้ในการเทรดกัน

1. Evening Star: สัญญาณการกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง

Evening Star Candlestick Pattern

ลักษณะของ Evening Star

Evening Star เป็นรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวขาลง (Bearish Reversal Pattern) ที่ประกอบด้วยแท่งเทียน 3 แท่ง มักจะเกิดขึ้นบริเวณยอดของแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) บ่งบอกถึงการอ่อนแรงของแรงซื้อและเป็นสัญญาณเตือนว่าราคาอาจกำลังจะปรับตัวลง

  1. แท่งที่ 1 (Bullish Candlestick): เป็นแท่งเทียนสีเขียวขนาดใหญ่ (หรือแท่งขึ้น) แสดงถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่งและต่อเนื่องในแนวโน้มขาขึ้นเดิม
  2. แท่งที่ 2 (Small-bodied Candlestick): เป็นแท่งเทียนขนาดเล็ก ซึ่งอาจจะเป็นแท่งสีเขียวหรือสีแดงก็ได้ และมักจะเปิดโดยมีช่องว่างราคา (Gap) อยู่เหนือแท่งแรก บ่งบอกถึงความไม่แน่ใจของตลาด (Indecision) หรือการชะลอตัวของแรงซื้อที่จุดสูงสุด อาจเป็น Doji หรือ Spinning Top ที่มี Body เล็กๆ
  3. แท่งที่ 3 (Bearish Candlestick): เป็นแท่งเทียนสีแดงขนาดใหญ่ (หรือแท่งลง) ที่เปิดต่ำกว่าแท่งที่ 2 และปิดลงมาในส่วนของ Body ของแท่งที่ 1 อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง แสดงถึงแรงขายที่เข้ามาอย่างรุนแรงและสามารถเอาชนะแรงซื้อได้

ความหมายของ Evening Star

รูปแบบ Evening Star สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของอำนาจในตลาดอย่างชัดเจน แท่งแรกที่แข็งแกร่งแสดงถึงการครอบงำของกระทิง (แรงซื้อ) แต่แท่งที่สองที่มีขนาดเล็กและมี Gap เกิดขึ้นนั้นบ่งบอกว่าแรงซื้อเริ่มอ่อนแอลงและไม่สามารถผลักดันราคาไปได้ไกลนัก ความลังเลนี้จะถูกยืนยันด้วยแท่งที่สาม ซึ่งเป็นแท่งหมี (แรงขาย) ที่ทรงพลัง เข้ามาครอบงำตลาดอย่างสมบูรณ์ และผลักดันราคาให้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ บ่งชี้ว่าแนวโน้มขาขึ้นเดิมได้สิ้นสุดลงแล้วและกำลังจะเข้าสู่แนวโน้มขาลง

วิธีใช้ Evening Star ในการเทรด

  • จุดเข้า: เทรดเดอร์มักจะรอให้แท่งเทียนที่ 3 ปิดสมบูรณ์ เพื่อยืนยันรูปแบบ จากนั้นอาจเข้าออเดอร์ Sell ในช่วงเปิดของแท่งถัดไป หรือเมื่อราคา pullback กลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่เกิดจากแท่งที่ 2
  • Stop Loss: ควรตั้ง Stop Loss เหนือจุดสูงสุดของแท่งเทียนที่ 2 หรือเหนือบริเวณสูงสุดของรูปแบบ Evening Star เล็กน้อย เพื่อป้องกันความเสี่ยงหากราคาเกิดการกลับตัวขึ้นไปผิดคาด
  • Take Profit: กำหนดจุดทำกำไรโดยใช้เครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ เช่น แนวรับที่สำคัญ หรือระดับ Fibonacci Retracement (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ Fibonacci)
  • การยืนยัน: เพิ่มความแม่นยำด้วยการใช้ Indicator อื่นๆ เช่น RSI ที่แสดงภาวะ Overbought หรือ MACD ที่เกิดสัญญาณ Bearish Divergence

2. Bullish Engulfing: สัญญาณแรงซื้อที่เข้าครอบงำ

Bullish Engulfing Candlestick Pattern

ลักษณะของ Bullish Engulfing

Bullish Engulfing เป็นรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวขาขึ้น (Bullish Reversal Pattern) ที่ประกอบด้วยแท่งเทียน 2 แท่ง เกิดขึ้นที่ส่วนท้ายของแนวโน้มขาลง (Downtrend) บ่งบอกถึงการกลับมาของแรงซื้อที่แข็งแกร่ง

  1. แท่งที่ 1 (Bearish Candlestick): เป็นแท่งเทียนสีแดงขนาดเล็ก (หรือแท่งลง) ที่ยังคงแสดงถึงการควบคุมของแรงขาย แต่ขนาดที่เล็กบ่งบอกถึงการอ่อนแรงของแรงขายที่กำลังจะหมดไป
  2. แท่งที่ 2 (Bullish Candlestick): เป็นแท่งเทียนสีเขียวขนาดใหญ่ (หรือแท่งขึ้น) ที่มี Body ยาวกว่าและ “กลืนกิน” Body ของแท่งเทียนสีแดงแท่งแรกได้อย่างสมบูรณ์ หมายถึง ราคาเปิดต่ำกว่าราคาปิดของแท่งแรก และราคาปิดสูงกว่าราคาเปิดของแท่งแรกอย่างชัดเจน

ความหมายของ Bullish Engulfing

รูปแบบ Bullish Engulfing แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของ sentiment ในตลาด จากที่แรงขายเคยครอบงำจนราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่แท่งที่ 1 แสดงถึงแรงขายที่เริ่มจะหมดลง และเมื่อแท่งที่ 2 ซึ่งเป็นแท่งเขียวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นและกลืนกินแท่งแดงก่อนหน้าอย่างสมบูรณ์ นี่คือสัญญาณที่ชัดเจนว่าแรงซื้อได้กลับเข้ามาในตลาดอย่างมหาศาล และมีกำลังมากพอที่จะผลักดันราคาให้พุ่งขึ้น เหนือกว่าแรงขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้า บ่งชี้ว่าแนวโน้มขาลงได้สิ้นสุดลงแล้วและมีโอกาสสูงที่จะเกิดแนวโน้มขาขึ้นใหม่

วิธีใช้ Bullish Engulfing ในการเทรด

  • จุดเข้า: รอให้แท่งเทียนที่ 2 ปิดสมบูรณ์ จากนั้นเข้าออเดอร์ Buy ในช่วงเปิดของแท่งถัดไป หรือเมื่อราคา pullback กลับลงมาทดสอบบริเวณแนวรับที่เกิดจากแท่งที่ 2
  • Stop Loss: ตั้ง Stop Loss ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่งเทียนที่ 2 เล็กน้อย เพื่อป้องกันความเสี่ยงหากสัญญาณกลับตัวไม่สำเร็จ
  • Take Profit: กำหนดจุดทำกำไรโดยใช้แนวต้านที่สำคัญ หรือใช้ Indicator อื่นๆ มาช่วยในการประเมิน
  • การยืนยัน: เพิ่มความน่าเชื่อถือด้วยปริมาณการซื้อขาย (Volume) ที่สูงขึ้นในแท่งที่ 2 หรือการเกิดรูปแบบใกล้กับแนวรับที่แข็งแกร่ง (เรียนรู้เรื่องแนวรับแนวต้าน)

3. Bearish Engulfing: สัญญาณแรงขายที่เข้าครอบงำ

Bearish Engulfing Candlestick Pattern

ลักษณะของ Bearish Engulfing

Bearish Engulfing เป็นรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวขาลง (Bearish Reversal Pattern) ตรงข้ามกับ Bullish Engulfing โดยประกอบด้วยแท่งเทียน 2 แท่ง เกิดขึ้นที่ส่วนท้ายของแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) บ่งบอกถึงการกลับมาของแรงขายที่แข็งแกร่ง

  1. แท่งที่ 1 (Bullish Candlestick): เป็นแท่งเทียนสีเขียวขนาดเล็ก (หรือแท่งขึ้น) ที่ยังคงแสดงถึงการควบคุมของแรงซื้อ แต่ขนาดที่เล็กบ่งบอกถึงการอ่อนแรงของแรงซื้อที่กำลังจะหมดไป
  2. แท่งที่ 2 (Bearish Candlestick): เป็นแท่งเทียนสีแดงขนาดใหญ่ (หรือแท่งลง) ที่มี Body ยาวกว่าและ “กลืนกิน” Body ของแท่งเทียนสีเขียวแท่งแรกได้อย่างสมบูรณ์ หมายถึง ราคาเปิดสูงกว่าราคาปิดของแท่งแรก และราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิดของแท่งแรกอย่างชัดเจน

ความหมายของ Bearish Engulfing

รูปแบบ Bearish Engulfing เป็นสัญญาณที่ชัดเจนของการเปลี่ยนแปลงอำนาจจากแรงซื้อไปสู่แรงขาย แท่งแรกที่เป็นแท่งเขียวขนาดเล็กบ่งบอกว่าแรงซื้อเริ่มหมดกำลังในการผลักดันราคาให้สูงขึ้นไปอีก การปรากฏของแท่งที่สองที่เป็นแท่งแดงขนาดใหญ่ที่เปิดสูงกว่าและปิดต่ำกว่าราคาเปิดและปิดของแท่งแรกอย่างสมบูรณ์ แสดงให้เห็นถึงการเข้ามาของแรงขายจำนวนมหาศาลที่สามารถกลืนกินกำไรทั้งหมดที่เกิดขึ้นในแท่งก่อนหน้าได้อย่างสิ้นเชิง สิ่งนี้เป็นสัญญาณที่ทรงพลังว่าแนวโน้มขาขึ้นได้สิ้นสุดลงแล้ว และกำลังจะมีการกลับตัวเป็นแนวโน้มขาลง

วิธีใช้ Bearish Engulfing ในการเทรด

  • จุดเข้า: รอให้แท่งเทียนที่ 2 ปิดสมบูรณ์ จากนั้นเข้าออเดอร์ Sell ในช่วงเปิดของแท่งถัดไป หรือเมื่อราคา pullback กลับขึ้นไปทดสอบบริเวณแนวต้านที่เกิดจากแท่งที่ 2
  • Stop Loss: ตั้ง Stop Loss เหนือจุดสูงสุดของแท่งเทียนที่ 2 เล็กน้อย เพื่อป้องกันความเสี่ยงหากราคาเกิดการกลับตัวขึ้นไปผิดคาด
  • Take Profit: กำหนดจุดทำกำไรโดยใช้แนวรับที่สำคัญ หรือใช้ Indicator อื่นๆ มาช่วยในการประเมิน
  • การยืนยัน: ควรยืนยันด้วยปริมาณการซื้อขาย (Volume) ที่สูงขึ้นในแท่งที่ 2 หรือการเกิดรูปแบบใกล้กับแนวต้านที่แข็งแกร่ง

4. Morning Star: สัญญาณการกลับตัวจากขาลงเป็นขาขึ้น

Morning Star Candlestick Pattern

ลักษณะของ Morning Star

Morning Star เป็นรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวขาขึ้น (Bullish Reversal Pattern) ที่ประกอบด้วยแท่งเทียน 3 แท่ง คล้ายคลึงกับ Evening Star แต่เกิดขึ้นในทิศทางตรงกันข้าม มักจะเกิดขึ้นบริเวณจุดต่ำสุดของแนวโน้มขาลง (Downtrend) บ่งบอกถึงการอ่อนแรงของแรงขายและเป็นสัญญาณเตือนว่าราคาอาจกำลังจะปรับตัวขึ้น

  1. แท่งที่ 1 (Bearish Candlestick): เป็นแท่งเทียนสีแดงขนาดใหญ่ (หรือแท่งลง) แสดงถึงแรงขายที่แข็งแกร่งและต่อเนื่องในแนวโน้มขาลงเดิม
  2. แท่งที่ 2 (Small-bodied Candlestick): เป็นแท่งเทียนขนาดเล็ก ซึ่งอาจจะเป็นแท่งสีเขียวหรือสีแดงก็ได้ และมักจะเปิดโดยมีช่องว่างราคา (Gap) อยู่ต่ำกว่าแท่งแรก บ่งบอกถึงความไม่แน่ใจของตลาด (Indecision) หรือการชะลอตัวของแรงขายที่จุดต่ำสุด อาจเป็น Doji หรือ Spinning Top ที่มี Body เล็กๆ
  3. แท่งที่ 3 (Bullish Candlestick): เป็นแท่งเทียนสีเขียวขนาดใหญ่ (หรือแท่งขึ้น) ที่เปิดสูงกว่าแท่งที่ 2 และปิดขึ้นมาในส่วนของ Body ของแท่งที่ 1 อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง แสดงถึงแรงซื้อที่เข้ามาอย่างรุนแรงและสามารถเอาชนะแรงขายได้

ความหมายของ Morning Star

รูปแบบ Morning Star สะท้อนถึงการฟื้นตัวของตลาดที่กำลังจะเกิดขึ้น แท่งแรกที่เป็นแท่งแดงขนาดใหญ่แสดงถึงการครอบงำของหมี (แรงขาย) แต่เมื่อถึงแท่งที่สองที่มีขนาดเล็กและมี Gap เกิดขึ้นต่ำกว่านั้น บ่งบอกว่าแรงขายเริ่มอ่อนแรงและไม่สามารถผลักดันราคาให้ต่ำลงไปได้อีกแล้ว ความลังเลนี้จะถูกสยบด้วยแท่งที่สาม ซึ่งเป็นแท่งกระทิง (แรงซื้อ) ที่ทรงพลัง เข้ามาครอบงำตลาดและผลักดันราคาให้สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ บ่งชี้ว่าแนวโน้มขาลงเดิมได้สิ้นสุดลงแล้วและกำลังจะเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น

วิธีใช้ Morning Star ในการเทรด

  • จุดเข้า: เทรดเดอร์มักจะรอให้แท่งเทียนที่ 3 ปิดสมบูรณ์ จากนั้นอาจเข้าออเดอร์ Buy ในช่วงเปิดของแท่งถัดไป หรือเมื่อราคา pullback กลับลงมาทดสอบแนวรับที่เกิดจากแท่งที่ 2
  • Stop Loss: ควรตั้ง Stop Loss ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่งเทียนที่ 2 หรือต่ำกว่าบริเวณต่ำสุดของรูปแบบ Morning Star เล็กน้อย เพื่อป้องกันความเสี่ยงหากราคาเกิดการกลับตัวลงไปผิดคาด
  • Take Profit: กำหนดจุดทำกำไรโดยใช้แนวต้านที่สำคัญ หรือใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ เช่น Fibonacci Extension
  • การยืนยัน: เพิ่มความแม่นยำด้วยการใช้ Indicator อื่นๆ เช่น RSI ที่แสดงภาวะ Oversold หรือ MACD ที่เกิดสัญญาณ Bullish Divergence

5. Hanging Man: สัญญาณเตือนภัยบนยอดดอย

Hanging Man Candlestick Pattern

ลักษณะของ Hanging Man

Hanging Man เป็นรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวขาลง (Bearish Reversal Pattern) แบบแท่งเดี่ยว มีรูปร่างคล้ายคนถูกแขวนคอ มักเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง (Uptrend) บ่งชี้ถึงการปรากฏตัวของแรงขายที่อาจเริ่มเข้ามาในตลาด

  1. Body ขนาดเล็ก: ตัวแท่งเทียน (Real Body) มีขนาดเล็กมาก ไม่ว่าจะเป็นสีเขียวหรือสีแดงก็ตาม แสดงถึงช่วงราคาเปิดและปิดที่ใกล้เคียงกัน
  2. ไส้เทียนด้านล่างยาว: มีไส้เทียนด้านล่าง (Lower Shadow) ที่ยาวอย่างน้อยเป็น 2 เท่าของ Body แสดงว่าผู้ขายได้พยายามผลักดันราคาให้ลดลงอย่างมากในช่วงเวลาหนึ่ง
  3. ไส้เทียนด้านบนสั้นหรือไม่มี: ไม่มีไส้เทียนด้านบน หรือมีขนาดสั้นมาก
  4. เกิดขึ้นในแนวโน้มขาขึ้น: ตำแหน่งการเกิดที่สำคัญคือบริเวณยอดของแนวโน้มขาขึ้น

ความหมายของ Hanging Man

Hanging Man บ่งบอกถึงสถานการณ์ที่ราคาพยายามปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง แต่ในระหว่างวันหรือช่วงเวลาดังกล่าว ผู้ขายได้พยายามกดราคาลงมาอย่างรุนแรง ทำให้เกิดไส้เทียนด้านล่างที่ยาว แม้ว่าราคาจะสามารถกลับขึ้นมาปิดใกล้เคียงกับราคาเปิดหรือสูงกว่าเล็กน้อย (ขึ้นอยู่กับสีของ Body) แต่ไส้เทียนที่ยาวนี้เป็นสัญญาณเตือนว่าแรงขายเริ่มมีกำลังและพร้อมที่จะเข้าควบคุมตลาด หากเกิดรูปแบบนี้หลังจากแนวโน้มขาขึ้นที่ยาวนาน มันเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าแนวโน้มขาขึ้นอาจกำลังจะสิ้นสุดลงและอาจมีการกลับตัวเป็นขาลงในไม่ช้า

วิธีใช้ Hanging Man ในการเทรด

  • จุดเข้า: เทรดเดอร์มักจะรอการยืนยันจากแท่งเทียนถัดไป เช่น แท่งแดงขนาดใหญ่ที่ปิดต่ำกว่า Hanging Man จึงจะเข้าออเดอร์ Sell
  • Stop Loss: ตั้ง Stop Loss เหนือจุดสูงสุดของแท่ง Hanging Man เล็กน้อย
  • Take Profit: กำหนดจุดทำกำไรโดยใช้แนวรับที่สำคัญ หรือใช้หลักการ Price Action (เรียนรู้ Price Action)
  • การยืนยัน: การเกิดรูปแบบนี้ใกล้กับแนวต้านที่สำคัญ หรือบริเวณที่ RSI แสดงภาวะ Overbought จะเพิ่มความน่าเชื่อถือ

6. Hammer: สัญญาณค้อนทุบเพื่อกลับตัวขึ้น

Hammer Candlestick Pattern

ลักษณะของ Hammer

Hammer เป็นรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวขาขึ้น (Bullish Reversal Pattern) แบบแท่งเดี่ยว มีรูปร่างคล้ายค้อน มักเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลงที่แข็งแกร่ง (Downtrend) บ่งชี้ถึงการปฏิเสธราคาต่ำและการกลับมาของแรงซื้อ

  1. Body ขนาดเล็ก: ตัวแท่งเทียน (Real Body) มีขนาดเล็กมาก ไม่ว่าจะเป็นสีเขียวหรือสีแดงก็ตาม แสดงถึงช่วงราคาเปิดและปิดที่ใกล้เคียงกัน
  2. ไส้เทียนด้านล่างยาว: มีไส้เทียนด้านล่าง (Lower Shadow) ที่ยาวอย่างน้อยเป็น 2 เท่าของ Body แสดงว่าผู้ซื้อได้พยายามผลักดันราคาให้สูงขึ้นอย่างมากหลังจากที่ราคาถูกกดลงไป
  3. ไส้เทียนด้านบนสั้นหรือไม่มี: ไม่มีไส้เทียนด้านบน หรือมีขนาดสั้นมาก
  4. เกิดขึ้นในแนวโน้มขาลง: ตำแหน่งการเกิดที่สำคัญคือบริเวณจุดต่ำสุดของแนวโน้มขาลง

ความหมายของ Hammer

Hammer บ่งบอกถึงสถานการณ์ที่ราคาถูกผลักดันลงอย่างมากในช่วงเวลาหนึ่งโดยแรงขาย ทำให้เกิดจุดต่ำสุดใหม่ แต่แรงซื้อได้เข้ามารับและผลักดันราคาให้กลับขึ้นไปปิดใกล้เคียงกับราคาเปิดหรือสูงกว่าเล็กน้อย (ขึ้นอยู่กับสีของ Body) การเกิดไส้เทียนด้านล่างที่ยาวนี้แสดงให้เห็นถึงการปฏิเสธราคาต่ำที่ชัดเจนและเป็นสัญญาณว่าแรงซื้อเริ่มมีกำลังอย่างมากและพร้อมที่จะเข้าควบคุมตลาด หากเกิดรูปแบบนี้หลังจากแนวโน้มขาลงที่ยาวนาน มันเป็นสัญญาณที่ทรงพลังว่าแนวโน้มขาลงอาจกำลังจะสิ้นสุดลงและอาจมีการกลับตัวเป็นขาขึ้นในไม่ช้า

วิธีใช้ Hammer ในการเทรด

  • จุดเข้า: เทรดเดอร์มักจะรอการยืนยันจากแท่งเทียนถัดไป เช่น แท่งเขียวขนาดใหญ่ที่ปิดสูงกว่า Hammer จึงจะเข้าออเดอร์ Buy
  • Stop Loss: ตั้ง Stop Loss ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของไส้เทียน Hammer เล็กน้อย
  • Take Profit: กำหนดจุดทำกำไรโดยใช้แนวต้านที่สำคัญ หรือใช้หลักการบริหารความเสี่ยง (การบริหารความเสี่ยงในการเทรด)
  • การยืนยัน: การเกิดรูปแบบนี้ใกล้กับแนวรับที่สำคัญ หรือบริเวณที่ RSI แสดงภาวะ Oversold จะเพิ่มความน่าเชื่อถือ

เคล็ดลับการใช้ Candlestick Pattern อย่างมีประสิทธิภาพ

การใช้ Candlestick Pattern ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ต้องอาศัยมากกว่าแค่การจดจำรูปแบบ ควรนำไปประยุกต์ใช้กับหลักการและเครื่องมืออื่นๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำ

การยืนยันสัญญาณด้วย Indicator อื่นๆ

Candlestick Pattern จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับ Indicator ทางเทคนิคอื่นๆ เพื่อยืนยันสัญญาณ ตัวอย่างเช่น:

  • Moving Average (MA): หากรูปแบบกลับตัวขาขึ้นเกิดขึ้นใกล้กับเส้น MA ที่ทำหน้าที่เป็นแนวรับ หรือหากราคาตัดผ่าน MA หลังเกิดรูปแบบกลับตัว ก็เป็นสัญญาณยืนยันที่แข็งแกร่ง
  • Relative Strength Index (RSI): หากเกิดรูปแบบกลับตัวขาขึ้นในขณะที่ RSI อยู่ในโซน Oversold (ต่ำกว่า 30) หรือเกิด Bullish Divergence จะช่วยยืนยันสัญญาณกลับตัวขึ้น
  • Moving Average Convergence Divergence (MACD): การเกิดสัญญาณ Cross หรือ Divergence บน MACD พร้อมกับรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวจะช่วยเพิ่มน้ำหนักให้กับสัญญาณ
  • Volume: ปริมาณการซื้อขายที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในแท่งเทียนที่ยืนยันการกลับตัว (เช่น แท่งที่ 3 ของ Evening/Morning Star หรือแท่งที่ 2 ของ Engulfing) จะบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของสัญญาณนั้นๆ

การพิจารณา Timeframe ที่เหมาะสม

ความน่าเชื่อถือของ Candlestick Pattern จะแตกต่างกันไปตาม Timeframe ที่ใช้:

  • Timeframe ขนาดใหญ่ (เช่น รายวัน, รายสัปดาห์): รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นใน Timeframe ขนาดใหญ่ (เช่น D1, W1) มักจะมีความน่าเชื่อถือสูงกว่า เนื่องจากสะท้อนถึงการเคลื่อนไหวของราคาที่มีนัยสำคัญและได้รับการยืนยันจากเทรดเดอร์จำนวนมาก
  • Timeframe ขนาดเล็ก (เช่น รายนาที, รายชั่วโมง): รูปแบบใน Timeframe ขนาดเล็ก (เช่น M1, M5, H1) อาจเกิดสัญญาณหลอกได้บ่อยกว่า เนื่องจากเป็นเพียงการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ที่ใช้ กลยุทธ์ Scalping หรือ Day Trade อาจยังคงใช้รูปแบบเหล่านี้ได้ แต่ต้องมีการยืนยันที่รัดกุมและบริหารความเสี่ยงอย่างเข้มงวด

การบริหารความเสี่ยง (Risk Management)

ไม่ว่า Candlestick Pattern จะแม่นยำแค่ไหน ก็ไม่มีอะไรรับประกันผลลัพธ์ได้ 100% การ บริหารความเสี่ยง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด:

  • การกำหนด Stop Loss: ตั้งจุด Stop Loss ทุกครั้งที่เข้าออเดอร์ เพื่อจำกัดการขาดทุนให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ตามหลักการของรูปแบบแท่งเทียนนั้นๆ (เช่น เหนือหรือต่ำกว่าจุดสูงสุด/ต่ำสุดของรูปแบบ)
  • การกำหนด Take Profit: วางแผนจุดทำกำไร (Take Profit) โดยอ้างอิงจากแนวรับ/แนวต้านที่สำคัญ หรือใช้สัดส่วน Risk-Reward Ratio ที่เหมาะสม
  • ขนาดการเทรด (Lot Size): คำนวณขนาด Lot Size ให้เหมาะสมกับ เงินทุนและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เพื่อไม่ให้พอร์ตเสียหายหนักหากเกิดการผิดพลาด

ความสำคัญของการฝึกฝนและประสบการณ์

การเรียนรู้ Candlestick Pattern เป็นเพียงจุดเริ่มต้น การจะเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง และการสร้าง วินัยในการเทรด:

  • บัญชี Demo: เริ่มต้นฝึกฝนการระบุและใช้ Candlestick Pattern บนบัญชี Demo (ทำความเข้าใจบัญชี Demo) เพื่อทำความคุ้นเคยกับตลาดและพัฒนากลยุทธ์ส่วนตัวโดยไม่มีความเสี่ยงทางการเงิน
  • บันทึกการเทรด: ทำบันทึกการเทรด (Trading Journal) เพื่อทบทวนการตัดสินใจ วิเคราะห์ข้อผิดพลาด และปรับปรุงกลยุทธ์ให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
  • ประสบการณ์: ยิ่งมีประสบการณ์ในการสังเกตรูปแบบและผลลัพธ์ในสถานการณ์ตลาดที่แตกต่างกันมากเท่าไร ความสามารถในการตัดสินใจก็จะยิ่งแม่นยำมากขึ้นเท่านั้น

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ Candlestick Pattern ในตลาด Forex

Q1: Candlestick Pattern สามารถใช้กับการเทรดสกุลเงินทุกคู่ได้หรือไม่?

A1: ใช่ Candlestick Pattern เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่เป็นสากล สามารถใช้ได้กับ คู่สกุลเงิน (Currency Pairs) สินค้าโภคภัณฑ์อย่างทองคำ (การวิเคราะห์ทองคำ) หรือแม้แต่ตลาดหุ้นและคริปโตเคอร์เรนซีได้ เนื่องจากหลักการพื้นฐานของการสะท้อนจิตวิทยาตลาดและแรงซื้อแรงขายนั้นเป็นสากล อย่างไรก็ตาม ความน่าเชื่อถืออาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาพคล่องและความผันผวนของสินทรัพย์นั้นๆ

Q2: รูปแบบแท่งเทียนกลับตัว (Reversal Patterns) มีความแม่นยำ 100% หรือไม่?

A2: ไม่ รูปแบบแท่งเทียนกลับตัวหรือรูปแบบอื่นๆ ไม่มีความแม่นยำ 100% ในการคาดการณ์ตลาด การเทรด Forex มีความซับซ้อนและได้รับอิทธิพลจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น ข่าวเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นของนักลงทุน และเหตุการณ์โลก Candlestick Pattern เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจที่ดีขึ้น เทรดเดอร์ควรรอการยืนยันจากแท่งเทียนถัดไป หรือใช้ Indicator อื่นๆ รวมถึงการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานประกอบการตัดสินใจเสมอ เพื่อลดความเสี่ยงจากสัญญาณหลอก (False Signals)

Q3: ควรใช้ Timeframe ใดในการวิเคราะห์ Candlestick Pattern?

A3: Timeframe ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดของคุณ หากคุณเป็น Day Trader หรือ Scalper อาจใช้ Timeframe เล็กๆ อย่าง M5, M15 หรือ H1 แต่ต้องแลกมาด้วยสัญญาณรบกวนที่มากขึ้นและต้องตัดสินใจรวดเร็ว สำหรับ Swing Trader หรือ Position Trader มักนิยมใช้ Timeframe ที่ใหญ่ขึ้น เช่น H4, D1 หรือ W1 ซึ่งให้สัญญาณที่มีความน่าเชื่อถือสูงกว่าและเหมาะกับการถือครองตำแหน่งระยะยาว การผสมผสานการวิเคราะห์แบบ Multi-Timeframe (การวิเคราะห์แบบ Multi-Timeframe) ก็เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ

Q4: หากพบรูปแบบ Candlestick Pattern ควรเข้าออเดอร์ทันทีหรือไม่?

A4: ไม่ควรเข้าออเดอร์ทันทีที่เห็นรูปแบบ Candlestick Pattern ปรากฏขึ้น ควรให้แท่งเทียนนั้นปิดสมบูรณ์ก่อน เพื่อยืนยันว่ารูปแบบนั้นสมบูรณ์จริง และอาจรอให้แท่งเทียนถัดไปเป็นไปในทิศทางที่คาดการณ์ไว้ (Confirmation Candle) หรือรอให้ราคามีการ Pullback กลับมาทดสอบแนวรับ/แนวต้านที่เกิดจากรูปแบบนั้นๆ นอกจากนี้ การยืนยันด้วยปริมาณการซื้อขาย (Volume) หรือ Indicator อื่นๆ เช่น RSI, MACD จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการเข้าออเดอร์มากยิ่งขึ้น

Q5: Candlestick Pattern มีข้อจำกัดอะไรบ้าง?

A5: Candlestick Pattern มีข้อจำกัดหลายประการ:

  • สัญญาณหลอก (False Signals): โดยเฉพาะใน Timeframe สั้นๆ หรือในช่วงตลาด Sideways ที่ไม่มีแนวโน้มชัดเจน อาจเกิดรูปแบบที่ดูเหมือนจะกลับตัว แต่สุดท้ายราคาก็กลับไปในทิศทางเดิม
  • ไม่ให้ข้อมูลเป้าหมายราคา: รูปแบบแท่งเทียนส่วนใหญ่บอกได้แค่ทิศทางการกลับตัวหรือต่อเนื่อง แต่ไม่ได้บอกเป้าหมายราคาที่ชัดเจน เทรดเดอร์จึงต้องใช้เครื่องมืออื่นๆ เช่น Fibonacci หรือแนวรับแนวต้าน ในการกำหนดจุดทำกำไร
  • ต้องอาศัยการยืนยัน: ความน่าเชื่อถือของรูปแบบจะเพิ่มขึ้นเมื่อมีการยืนยันจาก Indicator อื่นๆ หรือการเคลื่อนไหวของราคาในแท่งถัดไป ซึ่งหมายความว่าอาจไม่ได้เป็นเครื่องมือที่ใช้ตัดสินใจแบบเดี่ยวๆ ได้
  • ขึ้นอยู่กับการตีความ: การตีความรูปแบบอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และต้องใช้ประสบการณ์ในการแยกแยะรูปแบบที่สำคัญออกจากรูปแบบที่ไม่สำคัญ

สรุป

Candlestick Pattern เป็นเครื่องมือพื้นฐานแต่ทรงพลังที่เทรดเดอร์ทุกคนควรเรียนรู้และทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็น Evening Star, Bullish Engulfing, Bearish Engulfing, Morning Star, Hanging Man หรือ Hammer รูปแบบเหล่านี้ล้วนเป็นภาษาของตลาดที่บอกเล่าเรื่องราวการต่อสู้ระหว่างแรงซื้อและแรงขาย การถอดรหัสรูปแบบเหล่านี้ได้อย่างแม่นยำจะช่วยให้คุณสามารถระบุโอกาสในการเข้าทำกำไรและบริหารความเสี่ยงได้อย่างชาญฉลาด

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าไม่มีเครื่องมือวิเคราะห์ใดที่สมบูรณ์แบบ การใช้ Candlestick Pattern ควรทำควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ เช่น แนวรับแนวต้าน, Trendline และ Indicator ต่างๆ รวมถึงการบริหารความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอใน บัญชีทดลอง และการเรียนรู้อย่างไม่หยุดนิ่ง จะเป็นรากฐานสำคัญสู่ความสำเร็จในการเทรด Forex

หากคุณต้องการยกระดับการเทรดของคุณไปอีกขั้น ลองสำรวจ ระบบเทรดอัตโนมัติ (EA) และ Indicator ฟรีจาก FTT Investing ซึ่งสามารถช่วยคุณวิเคราะห์ตลาดและบริหารจัดการคำสั่งซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

………………………………………………………………………………………………………….

ฟรีระบบเทรด
สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการใช้ EA indicator และเข้ากลุ่ม Line VIP ฟรี
มีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย
.
เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ตามลิงค์ด้านล่าง ก็สามารถรับ EA ได้ฟรีทุกตัว และ EA ตัวใหม่ๆอื่นๆได้อีกในอนาคต
XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย
.
Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ
.
exness – โบรคเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด
.
**”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อ
.
ขอรับ EA ได้ฟรี!”**
.
ช่องทางการพูดคุย
.
Line Id :: @ft.th
.
.
กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กําไรอย่างยั่งยืน
.
*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

You Might Also Like

Contact Us on Line