รูปแบบแท่งเทียน Bullish mat hold

สิงหาคม 30, 2022

รูปแบบแท่งเทียน Bullish Mat Hold: กลยุทธ์การยืนยันแนวโน้มขาขึ้นสำหรับนักลงทุน

ในโลกของการลงทุนและ การซื้อขาย Forex การทำความเข้าใจ รูปแบบแท่งเทียน เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการคาดการณ์ แนวโน้ม ราคา หนึ่งในรูปแบบที่บ่งบอกถึงการต่อเนื่องของแนวโน้มขาขึ้นได้อย่างน่าเชื่อถือคือรูปแบบแท่งเทียน Bullish Mat Hold รูปแบบนี้ไม่เพียงแต่ยืนยันถึงความแข็งแกร่งของผู้ซื้อ แต่ยังช่วยให้นักลงทุนสามารถวางแผนการเข้าและออกจากการเทรดได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น บทความนี้จะเจาะลึกถึงลักษณะเฉพาะ วิธีการระบุ ความหมายทางจิตวิทยาตลาด และกลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสมกับรูปแบบ Bullish Mat Hold เพื่อให้คุณนำไปประยุกต์ใช้ในการตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Bullish Mat Hold คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไรในตลาด?

รูปแบบแท่งเทียน Bullish Mat Hold เป็น รูปแบบแท่งเทียนต่อเนื่อง (Continuation Pattern) ที่ส่งสัญญาณถึงการดำเนินต่อไปของแนวโน้มขาขึ้น โดยทั่วไปจะประกอบด้วยแท่งเทียนห้าแท่งและมีลักษณะเฉพาะที่สำคัญคือการเกิด ช่องว่าง (Gap) ขึ้นในระหว่างการก่อตัวของรูปแบบ

ความแตกต่างจาก Rising Three Methods

รูปแบบ Bullish Mat Hold มีความคล้ายคลึงกับรูปแบบ Rising Three Methods อย่างมากในแง่ของการบ่งชี้แนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง แต่ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดคือการมีอยู่ของ ช่องว่าง (Gap) ที่เกิดขึ้นระหว่างแท่งเทียนแรกและแท่งเทียนที่สอง ในขณะที่ Rising Three Methods จะไม่เกิดช่องว่างนี้ การมีอยู่ของช่องว่างใน Bullish Mat Hold สะท้อนถึงแรงซื้อที่แข็งแแกร่งมากจนราคาเปิดกระโดดขึ้นสูงกว่าราคาปิดของแท่งเทียนก่อนหน้าอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงความมั่นใจของตลาดในทิศทางขาขึ้น

ลักษณะการเกิดในตลาด

รูปแบบ Bullish Mat Hold มักจะพบเห็นได้บ่อยในตลาด หุ้น และดัชนี มากกว่าตลาด Forex เหตุผลหลักคือ การเกิดช่องว่างราคานั้นเป็นเรื่องปกติในตลาดหุ้นและดัชนี ซึ่งมีการซื้อขายตามช่วงเวลาเปิด-ปิดตลาด ในทางกลับกัน ตลาด Forex มีการซื้อขายเกือบตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้การเกิดช่องว่างราคานั้นค่อนข้างหาได้ยากกว่ามาก ด้วยเหตุนี้ นักลงทุนจึงไม่นิยมใช้รูปแบบนี้ในการ ซื้อขายแบบรายวัน (Day Trading) หรือ การซื้อขายแบบสวิง (Swing Trading) ในตลาด Forex เท่าใดนัก

วิธีการระบุรูปแบบ Bullish Mat Hold บนกราฟราคา

การทำความเข้าใจกฎเกณฑ์ในการระบุรูปแบบ Bullish Mat Hold บน กราฟราคา เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุน นี่คือคำแนะนำ 4 จุดหลักสำหรับการค้นหารูปแบบนี้:

แท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่ (First Bullish Candle): แท่งเทียนแรกจะเป็นแท่งเทียนขาขึ้นที่มีลำตัวยาวและมีอัตราส่วนของลำตัวต่อไส้เทียนสูง ซึ่งบ่งบอกถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่งและแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจน
แท่งเทียนขาลงพร้อมช่องว่างขาขึ้น (Second Candlestick with Gap Up): แท่งเทียนที่สองจะเปิดขึ้นโดยมี ช่องว่าง (Gap Up) เหนือราคาปิดของแท่งเทียนแรก และปิดต่ำกว่าราคาเปิดของตัวมันเอง ซึ่งแสดงถึงการพักตัวระยะสั้นหรือการทำกำไรเพียงเล็กน้อย ขนาดของแท่งเทียนนี้จะเล็กลงเมื่อเทียบกับแท่งเทียนแรก
แท่งเทียนขาลงต่อเนื่องสองแท่ง (Third and Fourth Candlesticks): แท่งเทียนที่สามและสี่จะเป็นแท่งเทียนขาลงที่มีขนาดเล็กและคล้ายกับแท่งเทียนที่สอง ซึ่งบ่งชี้ถึงการถอยกลับของราคาอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ยังคงรักษาโมเมนตัมขาขึ้นโดยรวมไว้
แท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่ปิดยืนยัน (Fifth Bullish Candlestick): แท่งเทียนที่ห้าจะเป็นแท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่ที่ปิดเหนือราคาสูงสุดของแท่งเทียนทั้งสี่ก่อนหน้าทั้งหมดในรูปแบบนี้ เป็นการยืนยันว่าผู้ซื้อกลับเข้าสู่ตลาดอย่างเต็มกำลัง และแนวโน้มขาขึ้นกำลังจะดำเนินต่อไปอย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง

เคล็ดลับสำหรับมือโปร: จุดสังเกตที่สำคัญ

เคล็ดลับสำหรับมือโปร: แท่งเทียนแท่งที่สอง สาม และสี่ ควรปิดเหนือราคาเปิดของแท่งเทียนแท่งแรกเสมอ หากแท่งเทียนเหล่านี้ปิดต่ำกว่าราคาเปิดของแท่งเทียนแรกอย่างมีนัยสำคัญ รูปแบบที่เห็นอยู่อาจไม่ใช่รูปแบบ Bullish Mat Hold ที่สมบูรณ์และมีความน่าเชื่อถือสูง ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการกลับตัวของแนวโน้มมากกว่าการต่อเนื่อง

ทำความเข้าใจจิตวิทยาตลาดของรูปแบบ Bullish Mat Hold

การตีความรูปแบบแท่งเทียน Bullish Mat Hold นั้นสามารถทำได้โดยการวิเคราะห์จากหลักการ อุปสงค์และอุปทาน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเคลื่อนไหวราคาในตลาด เราจะแบ่งรูปแบบนี้ออกเป็น 3 ขั้นตอนหลักเพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้น:

ขั้นตอนที่ 1: คลื่นแรงกระตุ้นของผู้ซื้อ (Initial Impulse Wave)

แท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่แท่งแรกในรูปแบบ Bullish Mat Hold แสดงถึงคลื่นแรงกระตุ้นอันแข็งแกร่งของผู้ซื้อ (Buyer’s Impulse Wave) ณ จุดนี้ ตลาดแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าผู้ซื้อเป็นฝ่ายควบคุม ราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ บ่งบอกถึงความเชื่อมั่นและแรงผลักดันในทิศทางขาขึ้นอย่างเต็มที่ นี่คือช่วงเริ่มต้นของแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง

ขั้นตอนที่ 2: การพักตัวและการทำกำไร (Controlled Retracement)

แท่งเทียนสามแท่งถัดมา ซึ่งประกอบด้วยแท่งเทียนขาลงขนาดเล็ก พร้อมด้วย ช่องว่าง ที่เกิดขึ้นหลังแท่งแรก แสดงถึงคลื่นการถอยกลับ (Retracement Wave) หรือการพักตัวของราคา เป็นเรื่องปกติที่หลังจากราคามีการเคลื่อนไหวขึ้นอย่างรุนแรง จะมีการทำกำไรระยะสั้นเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม การที่แท่งเทียนขาลงเหล่านี้มีขนาดเล็กและยังคงปิดอยู่เหนือราคาเปิดของแท่งเทียนแรก บ่งชี้ว่าผู้ขายมีอำนาจจำกัดและไม่สามารถผลักดันราคาลงไปได้ลึกนัก ผู้ซื้อยังคงรักษาการควบคุมตลาดโดยรวมไว้ได้

ขั้นตอนที่ 3: การกลับมาของโมเมนตัมขาขึ้น (Resumption of Bullish Momentum)

ในระยะที่สาม แท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่แท่งที่ห้าจะก่อตัวขึ้น และปิดทะลุเหนือระดับราคาสูงสุดก่อนหน้าทั้งหมดในรูปแบบนี้ ทำให้เกิดจุดสูงสุดใหม่ (Higher High) ที่สูงขึ้นอย่างชัดเจน นี่เป็นการยืนยันว่าช่วงเวลาของการพักตัวได้สิ้นสุดลงแล้ว และผู้ซื้อได้กลับเข้าสู่ตลาดอย่างเต็มกำลัง พร้อมที่จะผลักดันราคาให้สูงขึ้นไปอีก

ในแง่ของ อุปสงค์และอุปทาน ทั้งสามขั้นตอนนี้นี้แสดงถึงการก่อตัวของเขตอุปสงค์ (Demand Zone) ที่แข็งแกร่ง ซึ่งหมายความว่ามีผู้ซื้อจำนวนมากกำลังเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการในสินทรัพย์นั้นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยเหตุนี้ แนวโน้ม ขาขึ้นจึงมีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไปอย่างแข็งแกร่ง

Bullish Mat Hold กับ Rising Three Methods: ความแตกต่างเชิงลึก

แม้ว่าทั้งสองรูปแบบนี้จะเป็น รูปแบบแท่งเทียนต่อเนื่อง ที่บ่งบอกถึงแนวโน้มขาขึ้น แต่มีความแตกต่างที่สำคัญที่นักเทรดควรทำความเข้าใจเพื่อการใช้งานที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

การมีอยู่ของช่องว่าง (Gap): ความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดคือ ในรูปแบบ Bullish Mat Hold แท่งเทียนแท่งที่สองจะเปิดขึ้นโดยมี ช่องว่าง (Gap Up) หลังจากแท่งเทียนขาขึ้นแท่งแรก ซึ่งบ่งบอกถึงแรงซื้อที่รุนแรงและกระโดดข้ามราคาไป ในทางตรงกันข้าม แท่งเทียนแท่งที่สองในรูปแบบ Rising Three Methods จะเปิดที่ราคาปิดของแท่งเทียนก่อนหน้าหรือใกล้เคียง โดยไม่มีช่องว่างขึ้น
ความหมายทางจิตวิทยา: การมีช่องว่างใน Bullish Mat Hold แสดงถึงความกระตือรือร้นของผู้ซื้อที่มากยิ่งขึ้นและรุนแรงกว่า ทำให้ราคาเปิดกระโดดขึ้นทันที ในขณะที่ Rising Three Methods จะเป็นการพักตัวที่ค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า
ความถี่ในการเกิดในตลาด: เนื่องจากข้อจำกัดของการเกิดช่องว่างที่หาได้ยากในตลาด Forex รูปแบบ Bullish Mat Hold จึงเป็นรูปแบบที่พบเห็นได้ไม่บ่อยนักบน กราฟ Forex เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นหรือดัชนี

Bullish Mat Hold: ตารางข้อมูลสรุป

คุณสมบัติ	คำอธิบาย
จำนวนเชิงเทียน	5
คาดการณ์	แนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง
เทรนด์ก่อนหน้า	แนวโน้มขาขึ้น
รูปแบบที่เกี่ยวข้อง	Rising three methods

กลยุทธ์การซื้อขายและข้อควรพิจารณาสำหรับ Bullish Mat Hold

กรอบเวลาและตลาดที่เหมาะสม

สำหรับการค้นหารูปแบบแท่งเทียน Bullish Mat Hold ที่มีความแม่นยำสูง ควรใช้ กรอบเวลารายวัน (Daily Timeframe) หรือกรอบเวลาที่ใหญ่กว่าในการวิเคราะห์ กราฟราคา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดหุ้นและดัชนี ใน กรอบเวลา ที่เล็กลง เช่น รายชั่วโมงหรือราย 15 นาที ความแม่นยำและความน่าเชื่อถือของรูปแบบจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากข้อมูลราคามีความผันผวนสูงและสัญญาณรบกวน (Noise) เพิ่มมากขึ้น

การยืนยันด้วยเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ

เพื่อเพิ่มอัตราความสำเร็จในการซื้อขาย นักลงทุนควรใช้รูปแบบ Bullish Mat Hold ร่วมกับ เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค อื่น ๆ เช่น:

อินดิเคเตอร์ยืนยันแนวโน้ม: เช่น Moving Average Convergence Divergence (MACD) หรือ Relative Strength Index (RSI) เพื่อยืนยันว่า แนวโน้ม ขาขึ้นยังคงแข็งแกร่ง
ระดับแนวรับและแนวต้าน: การที่รูปแบบ Mat Hold เกิดขึ้นใกล้กับ แนวรับ ที่สำคัญจะยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือของสัญญาณ
ปริมาณการซื้อขาย (Volume): หากแท่งเทียนที่ห้ามีปริมาณการซื้อขายที่สูงอย่างมีนัยสำคัญ จะเป็นการยืนยันแรงซื้อที่แท้จริงและสนับสนุนการต่อเนื่องของแนวโน้ม

การบริหารความเสี่ยง

เช่นเดียวกับกลยุทธ์การเทรดอื่น ๆ การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด ควรตั้งจุดหยุดขาดทุน (Stop Loss) ให้เหมาะสม โดยทั่วไปอาจวางไว้ใต้จุดต่ำสุดของแท่งเทียนที่ห้า หรือใต้จุดต่ำสุดของแท่งเทียนแรกในรูปแบบ เพื่อจำกัดความเสียหายหากตลาดไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับรูปแบบแท่งเทียน Bullish Mat Hold

Q1: รูปแบบ Bullish Mat Hold บ่งบอกถึงอะไร?

A1: รูปแบบ Bullish Mat Hold เป็น รูปแบบแท่งเทียนต่อเนื่อง ที่บ่งบอกถึงการดำเนินต่อไปของ แนวโน้ม ขาขึ้นในตลาด แสดงถึงการที่ผู้ซื้อยังคงมีอำนาจควบคุมตลาดโดยรวม แม้จะมีการพักตัวหรือการทำกำไรระยะสั้นเกิดขึ้นบ้าง

Q2: ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง Bullish Mat Hold และ Rising Three Methods คืออะไร?

A2: ความแตกต่างหลักคือการมี ช่องว่าง (Gap Up) เกิดขึ้นระหว่างแท่งเทียนแรกและแท่งเทียนที่สองในรูปแบบ Bullish Mat Hold ในขณะที่รูปแบบ Rising Three Methods จะไม่ปรากฏช่องว่างนี้ การมีช่องว่างบ่งบอกถึงแรงซื้อที่รุนแรงและกระโดดข้ามราคา

Q3: รูปแบบ Bullish Mat Hold เหมาะกับการซื้อขายในตลาดใดมากที่สุด?

A3: รูปแบบนี้มักพบเห็นได้บ่อยและมีความน่าเชื่อถือสูงในตลาด หุ้น และดัชนี เนื่องจากเป็นตลาดที่การเกิดช่องว่างราคานั้นเป็นเรื่องปกติมากกว่า ตลาด Forex ไม่ค่อยพบรูปแบบนี้บ่อยนักเนื่องจากมีการซื้อขายเกือบตลอด 24 ชั่วโมง

Q4: ควรใช้กรอบเวลา (Timeframe) ใดในการวิเคราะห์ Bullish Mat Hold?

A4: เพื่อความแม่นยำสูงสุด ควรใช้ กรอบเวลารายวัน (Daily Timeframe) หรือกรอบเวลาที่ใหญ่กว่า ใน กรอบเวลา ที่เล็กลง ความน่าเชื่อถือของรูปแบบจะลดลงเนื่องจากความผันผวนและสัญญาณรบกวนที่เพิ่มขึ้น

Q5: มีอะไรที่ควรระวังเมื่อเทรดด้วยรูปแบบ Bullish Mat Hold?

A5: สิ่งสำคัญที่ต้องระวังคือ แท่งเทียนที่สอง สาม และสี่ ต้องปิดเหนือราคาเปิดของแท่งเทียนแท่งแรกเสมอ หากไม่เป็นเช่นนั้น รูปแบบอาจไม่สมบูรณ์และอาจบ่งชี้ถึงการกลับตัวแทนที่จะเป็นการต่อเนื่องของแนวโน้ม นอกจากนี้ ควรใช้ร่วมกับ เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค อื่น ๆ เพื่อการยืนยันที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

สรุป

รูปแบบแท่งเทียน Bullish Mat Hold เป็นเครื่องมือ การวิเคราะห์ทางเทคนิค ที่ทรงพลังสำหรับการยืนยันการต่อเนื่องของ แนวโน้ม ขาขึ้น แม้จะเป็นรูปแบบที่พบไม่บ่อยนัก โดยเฉพาะในตลาด Forex แต่เมื่อปรากฏขึ้น มันจะให้สัญญาณที่น่าเชื่อถือถึงความแข็งแกร่งของแรงซื้อและการที่ราคาจะยังคงเคลื่อนที่สูงขึ้นไปอีก การทำความเข้าใจองค์ประกอบของแท่งเทียนแต่ละแท่ง ช่องว่างราคา และจิตวิทยาที่อยู่เบื้องหลัง จะช่วยให้นักลงทุนสามารถระบุรูปแบบนี้ได้อย่างแม่นยำ และนำไปใช้ในการวางแผนการเทรดได้อย่างมีเหตุผลและมีโอกาสทำกำไรสูงขึ้นเสมอ อย่าลืมว่าการใช้รูปแบบนี้ร่วมกับ เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค อื่นๆ และการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม เป็นหัวใจสำคัญสู่ความสำเร็จในการลงทุน

__________________________________________

สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์

ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย

________________________________________________