ถอดรหัส 5 รูปแบบแท่งเทียนขาขึ้น: เพิ่มโอกาสทำกำไรในตลาด Forex และหุ้นด้วยกลยุทธ์ผู้เชี่ยวชาญ
ในโลกของการเทรด ไม่ว่าจะเป็นตลาด Forex ตลาดหุ้น หรือสินทรัพย์ดิจิทัล การเข้าใจและตีความสัญญาณที่แสดงออกผ่าน รูปแบบแท่งเทียน ถือเป็นทักษะพื้นฐานแต่ทรงพลังอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รูปแบบแท่งเทียนขาขึ้น ที่สามารถเป็นดัชนีชี้วัดถึงการกลับตัวของราคาจากแนวโน้มขาลงไปสู่แนวโน้มขาขึ้น หรือการเคลื่อนที่ต่อเนื่องของแนวโน้มขาขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจเข้าทำกำไรได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น
บทความนี้จะเจาะลึกถึง 5 รูปแบบแท่งเทียนขาขึ้นที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพสูง อธิบายตั้งแต่หลักการพื้นฐาน จิตวิทยาเบื้องหลัง ไปจนถึงกลยุทธ์การนำไปใช้จริง เพื่อให้คุณสามารถนำความรู้นี้ไปปรับใช้และเพิ่มโอกาสในการสร้างผลกำไรให้กับการเทรดของคุณได้อย่างยั่งยืน

ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับแท่งเทียนและรูปแบบราคา
แท่งเทียนคืออะไร และเหตุใดจึงสำคัญ?
แท่งเทียน (Candlestick) เป็นเครื่องมือแสดงข้อมูลราคาที่พัฒนาขึ้นในญี่ปุ่นเพื่อใช้ในการวิเคราะห์ราคาข้าว และในปัจจุบันได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิคในตลาดการเงินทั่วโลก แต่ละแท่งเทียนจะบอกข้อมูลสำคัญ 4 อย่างในช่วงเวลาหนึ่งๆ ได้แก่:
- ราคาเปิด (Open Price): ราคาแรกที่มีการซื้อขายในช่วงเวลาดังกล่าว
- ราคาสูงสุด (High Price): ราคาสูงสุดที่มีการซื้อขายในช่วงเวลาดังกล่าว
- ราคาต่ำสุด (Low Price): ราคาต่ำสุดที่มีการซื้อขายในช่วงเวลาดังกล่าว
- ราคาปิด (Close Price): ราคาสุดท้ายที่มีการซื้อขายในช่วงเวลาดังกล่าว
ส่วนประกอบของแท่งเทียนประกอบด้วย ลำตัวแท่งเทียน (Real Body) ที่แสดงช่วงระหว่างราคาเปิดและราคาปิด และ ไส้เทียนหรือเงา (Wick/Shadow) ที่แสดงช่วงระหว่างราคาสูงสุดและราคาต่ำสุด สีของลำตัวแท่งเทียนจะบ่งบอกทิศทางของราคา: แท่งสีเขียว (หรือขาว) หมายถึงราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด แสดงถึงแรงซื้อที่เหนือกว่า ในขณะที่แท่งสีแดง (หรือดำ) หมายถึงราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด แสดงถึงแรงขายที่เหนือกว่า
ทำไมแท่งเทียนจึงสำคัญ? การวิเคราะห์แท่งเทียนไม่ใช่แค่การดูตัวเลขราคา แต่เป็นการตีความจิตวิทยาและอารมณ์ของตลาดในช่วงเวลานั้นๆ ลำตัวที่ยาวบ่งบอกถึงแรงผลักดันที่แข็งแกร่งในทิศทางนั้นๆ ในขณะที่ไส้เทียนที่ยาวบ่งบอกถึงการปฏิเสธราคาในระดับนั้นๆ รูปแบบที่เกิดจากการรวมกันของแท่งเทียนหลายๆ แท่ง หรือแม้แต่แท่งเดียว จึงสามารถบ่งบอกถึงแนวโน้มการกลับตัวหรือความต่อเนื่องของราคาได้อย่างมีนัยสำคัญ การทำความเข้าใจ เทคนิคการเทรดด้วยกราฟแท่งเทียน และ เทคนิคการอ่านกราฟแท่งเทียน จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักเทรดทุกระดับ
สัญญาณขาขึ้นในตลาด: ความหมายและประโยชน์
สัญญาณขาขึ้น (Bullish Signals) ในตลาดการเงินหมายถึงตัวบ่งชี้ที่บ่งบอกถึงแนวโน้มที่ราคาของสินทรัพย์จะปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งอาจเป็นการเริ่มต้นของแนวโน้มขาขึ้นใหม่ (Reversal) หรือการเคลื่อนไหวต่อเนื่องของแนวโน้มขาขึ้นเดิม (Continuation) สัญญาณเหล่านี้เป็นที่ต้องการของนักลงทุนที่ต้องการเข้าซื้อสินทรัพย์ในราคาที่เหมาะสม เพื่อทำกำไรจากการที่ราคาจะปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต
ประโยชน์ของการระบุสัญญาณขาขึ้น:
- โอกาสในการเข้าซื้อ: สัญญาณขาขึ้นมักจะเกิดขึ้นเมื่อแรงซื้อเริ่มเข้ามาในตลาดหลังจากช่วงเวลาที่ราคาปรับตัวลง ทำให้เป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับการเปิดสถานะซื้อ
- การยืนยันแนวโน้ม: หากสัญญาณขาขึ้นเกิดขึ้นในขณะที่ตลาดกำลังมีแนวโน้มขาขึ้นอยู่แล้ว มันจะช่วยยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้มนั้น และบ่งบอกถึงศักยภาพที่ราคาจะไปต่อ
- การบริหารความเสี่ยง: การใช้รูปแบบแท่งเทียนขาขึ้นร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ เช่น แนวรับแนวต้าน สามารถช่วยกำหนดจุด Stop Loss (ตัดขาดทุน) และ Take Profit (ทำกำไร) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เพิ่มความมั่นใจในการเทรด: เมื่อนักลงทุนสามารถระบุสัญญาณเหล่านี้ได้ พวกเขาจะมีความมั่นใจมากขึ้นในการตัดสินใจเทรด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม การระบุสัญญาณขาขึ้นเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น ปริมาณการซื้อขาย (Volume), Timeframe ที่ใช้ในการวิเคราะห์, และข่าวสารพื้นฐาน เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของสัญญาณและลดความเสี่ยงจากการตัดสินใจที่ผิดพลาด
5 รูปแบบแท่งเทียนขาขึ้นที่ทรงพลังและกลยุทธ์การเทรด
การทำความเข้าใจ รูปแบบแท่งเทียน ถือเป็นหัวใจสำคัญของการวิเคราะห์ทางเทคนิค ในส่วนนี้ เราจะมาเจาะลึก 5 รูปแบบแท่งเทียนขาขึ้นที่นักลงทุนควรเรียนรู้เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
1. รูปแบบแท่งเทียน Bullish Hammer Pattern (ค้อนขาขึ้น)

คืออะไร: ลักษณะของ Bullish Hammer
Bullish Hammer เป็นรูปแบบแท่งเทียนเดี่ยวที่บ่งบอกถึงสัญญาณการกลับตัวเป็นขาขึ้น มักจะปรากฏที่ก้นของแนวโน้มขาลง มีลักษณะที่สำคัญคือ:
- มีลำตัวแท่งเทียนที่สั้น (อาจเป็นสีเขียวหรือแดงก็ได้ แต่สีเขียวจะให้สัญญาณที่แข็งแกร่งกว่า)
- มีไส้เทียนด้านล่างที่ยาวมาก โดยความยาวของไส้เทียนด้านล่างควรมีอย่างน้อยสองเท่าของลำตัวแท่งเทียน
- ไม่มีไส้เทียนด้านบน หรือมีไส้เทียนด้านบนที่สั้นมากจนแทบมองไม่เห็น
ทำไม: จิตวิทยาเบื้องหลัง Bullish Hammer
รูปแบบ Hammer แสดงให้เห็นว่าในระหว่างช่วงเวลาของแท่งเทียนนั้น ผู้ขายพยายามกดราคาลงไปต่ำมาก แต่ในท้ายที่สุด ผู้ซื้อกลับเข้ามาในตลาดอย่างแข็งแกร่งและดันราคาให้กลับขึ้นมาปิดใกล้กับราคาเปิดหรือสูงกว่าราคาเปิดเล็กน้อย สิ่งนี้สะท้อนถึงการปฏิเสธราคาในระดับต่ำ และบ่งบอกว่าแรงขายเริ่มอ่อนกำลังลง ในขณะที่แรงซื้อกำลังเข้ามาควบคุมตลาด
อย่างไร: วิธีการระบุและการยืนยันสัญญาณ
กฎการระบุ:
- ต้องเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลงที่ชัดเจน
- ไส้เทียนด้านล่างต้องยาวอย่างน้อย 2 เท่าของลำตัวแท่งเทียน
- ลำตัวแท่งเทียนควรมีขนาดเล็ก
- ไส้เทียนด้านบนควรสั้นมากหรือไม่ปรากฏเลย
การยืนยัน: ควรได้รับการยืนยันด้วยแท่งเทียนถัดไปที่ปิดสูงกว่าราคาปิดของ Hammer และเป็นแท่งเทียนขาขึ้น (สีเขียว) นอกจากนี้ การที่ Hammer เกิดขึ้นที่บริเวณ แนวรับสำคัญ จะเพิ่มความน่าเชื่อถือของสัญญาณ
เคล็ดลับและกลยุทธ์การเทรด Bullish Hammer
- แบบไหนดี: Hammer จะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อปรากฏขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลงที่ยืดเยื้อ และมีปริมาณการซื้อขายที่สูงในช่วงที่เกิด Hammer แสดงถึงการต่อสู้กันอย่างดุเดือดระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย และการเข้ามาของแรงซื้อที่ทรงพลัง
- ผลลัพธ์เป็นยังไง: หากได้รับการยืนยันอย่างถูกต้อง ราคาคาดว่าจะมีการกลับตัวเป็นขาขึ้น
- ถ้า Hammer ไม่ได้รับการยืนยัน: หากแท่งเทียนถัดไปปิดต่ำกว่า Hammer หรือเป็นแท่งเทียนขาลง อาจบ่งบอกว่าสัญญาณนี้อ่อนแอและไม่ควรเข้าเทรด
- ตัวอย่างประกอบ: หากคุณเห็น Hammer เกิดขึ้นที่แนวรับที่แข็งแกร่ง หลังจากแนวโน้มขาลงมาหลายวัน และแท่งเทียนถัดไปเป็นแท่งเขียวใหญ่ คุณสามารถพิจารณาเปิดสถานะซื้อ โดยวาง Stop Loss ไว้ใต้ไส้เทียนต่ำสุดของ Hammer เล็กน้อย และตั้ง Take Profit ตามเป้าหมายราคาถัดไป
2. รูปแบบแท่งเทียน Bullish Belt Hold Pattern (โอบรัดขาขึ้น)

คืออะไร: ลักษณะของ Bullish Belt Hold
Bullish Belt Hold หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Tsutsumi-sen” ในภาษาญี่ปุ่น เป็นรูปแบบแท่งเทียนเดี่ยวที่บ่งบอกถึงการกลับตัวเป็นขาขึ้น โดยทั่วไปจะปรากฏหลังจากแนวโน้มขาลง มีลักษณะดังนี้:
- เป็นแท่งเทียนสีเขียว (Bullish Candlestick)
- ราคาเปิดจะอยู่ใกล้กับจุดต่ำสุดของแท่งเทียน (ไม่มีไส้เทียนด้านล่างหรือสั้นมาก)
- ราคาปิดจะอยู่ใกล้กับจุดสูงสุดของแท่งเทียน (ไม่มีไส้เทียนด้านบนหรือสั้นมาก) ทำให้ลำตัวแท่งเทียนยาวและดูเหมือนแท่งเทียน Marubozu หรือ Marubozu ใกล้เคียง
- ราคาเปิดของแท่งเทียน Bullish Belt Hold จะต้องต่ำกว่าราคาปิดของแท่งเทียนก่อนหน้า (ที่เป็นขาลง)
ทำไม: จิตวิทยาเบื้องหลัง Bullish Belt Hold
รูปแบบนี้แสดงให้เห็นว่าแม้ตลาดจะเปิดต่ำลงกว่าที่คาดการณ์ไว้หลังจากแรงขายในวันก่อนหน้า แต่ผู้ซื้อกลับเข้ามารับช่วงต่ออย่างแข็งแกร่งตั้งแต่ช่วงเปิดตลาด และผลักดันราคาขึ้นไปอย่างต่อเนื่องจนปิดใกล้จุดสูงสุดของวัน สิ่งนี้บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ตลาดจากแรงขายที่ครอบงำไปสู่แรงซื้อที่เข้ามาควบคุมอย่างเด็ดขาด เป็นสัญญาณว่าแนวโน้มขาลงอาจกำลังจะสิ้นสุดลง
อย่างไร: วิธีการระบุและการยืนยันสัญญาณ
กฎการระบุ:
- ต้องเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลงที่ชัดเจน
- เป็นแท่งเทียนสีเขียวที่มีลำตัวยาว
- ไม่มีไส้เทียนด้านล่างหรือสั้นมาก
- มีไส้เทียนด้านบนสั้นหรือไม่ปรากฏเลย
- ราคาเปิดของแท่ง Belt Hold ต่ำกว่าราคาปิดของแท่งเทียนก่อนหน้า
การยืนยัน: การที่แท่งเทียนถัดไปเป็นแท่งเทียนขาขึ้นที่แข็งแกร่งและมีปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น จะช่วยยืนยันสัญญาณการกลับตัวได้อย่างมีนัยสำคัญ
เคล็ดลับและกลยุทธ์การเทรด Bullish Belt Hold
- แบบไหนดี: มีความน่าเชื่อถือสูงเมื่อเกิดขึ้นที่ ระดับแนวรับที่แข็งแกร่ง หรือเมื่อตลาดอยู่ในสภาวะ Oversold (ขายมากเกินไป)
- ผลลัพธ์เป็นยังไง: คาดการณ์ว่าราคาจะกลับตัวเป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- ถ้า Bullish Belt Hold ไม่ได้บ่งชี้การกลับตัว: หากแท่งเทียนที่ตามมากลับเป็นแท่งขาลง หรือราคาไม่สามารถยืนเหนือระดับสูงสุดของแท่ง Belt Hold ได้ แสดงว่าสัญญาณนี้อาจล้มเหลว
- ตัวอย่างประกอบ: เมื่อพบ Bullish Belt Hold หลังจากการลดลงของราคาอย่างรุนแรง และราคาสามารถยืนเหนือแท่ง Belt Hold ได้ คุณอาจพิจารณาเปิดสถานะซื้อ โดยตั้ง Stop Loss ใต้ราคาเปิดของแท่ง Belt Hold และใช้เครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ เช่น RSI, Stochastic เพื่อยืนยันสัญญาณ
3. รูปแบบแท่งเทียน Bullish Engulfing Pattern (กลืนกินขาขึ้น)

คืออะไร: ลักษณะของ Bullish Engulfing
Bullish Engulfing เป็นรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวขาขึ้นที่ประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่ง มักเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลงที่ชัดเจน มีลักษณะดังนี้:
- แท่งเทียนแรก: เป็นแท่งเทียนขาลง (สีแดง) ที่มีขนาดเล็ก
- แท่งเทียนที่สอง: เป็นแท่งเทียนขาขึ้น (สีเขียว) ที่มีลำตัวยาวกว่ามาก โดยลำตัวของแท่งเทียนที่สองจะต้อง “กลืนกิน” ลำตัวของแท่งเทียนแรกได้อย่างสมบูรณ์
ทำไม: จิตวิทยาเบื้องหลัง Bullish Engulfing
รูปแบบ Engulfing แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงของอารมณ์ตลาด แท่งเทียนขาลงแรกบ่งบอกว่าผู้ขายยังคงควบคุมตลาดอยู่ แต่แท่งเทียนขาขึ้นที่สองที่ใหญ่กว่าและกลืนกินแท่งแรกทั้งหมด แสดงให้เห็นว่าผู้ซื้อเข้ามาในตลาดด้วยพละกำลังที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน ไม่เพียงแต่จะหยุดยั้งแรงขายได้เท่านั้น แต่ยังสามารถผลักดันราคาให้สูงขึ้นกว่าราคาเปิดของวันก่อนหน้าได้อีกด้วย นี่คือสัญญาณที่ชัดเจนว่าแรงซื้อได้กลับมาและมีศักยภาพที่จะผลักดันราคาขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง
อย่างไร: วิธีการระบุและการยืนยันสัญญาณ
กฎการระบุ:
- ต้องปรากฏในแนวโน้มขาลงที่ชัดเจน
- แท่งเทียนแรกเป็นแท่งแดงขนาดเล็ก
- แท่งเทียนที่สองเป็นแท่งเขียวขนาดใหญ่ที่ลำตัวกลืนกินลำตัวของแท่งแรกทั้งหมด (ไม่รวมไส้เทียน)
- ราคาเปิดของแท่งที่สอง (เขียว) ควรต่ำกว่าราคาปิดของแท่งแรก (แดง) และราคาปิดของแท่งที่สอง (เขียว) ควรสูงกว่าราคาเปิดของแท่งแรก (แดง)
การยืนยัน: หากมีปริมาณการซื้อขายที่สูงในแท่งเทียนที่สอง จะเพิ่มความน่าเชื่อถือของสัญญาณ การเกิดขึ้นที่ แนวรับที่สำคัญ ก็เป็นปัจจัยสนับสนุนที่แข็งแกร่ง
เคล็ดลับและกลยุทธ์การเทรด Bullish Engulfing
- แบบไหนดี: รูปแบบนี้จะมีพลังมากที่สุดเมื่อเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลงที่ยาวนาน และเมื่อลำตัวของแท่งเทียนที่สองยาวมากจนกลืนกินแท่งเทียนแรกได้ทั้งหมด
- ผลลัพธ์เป็นยังไง: คาดว่าจะมีการกลับตัวของราคาเป็นขาขึ้นอย่างรุนแรง
- ถ้า Engulfing ไม่ได้รับการยืนยัน: หากแท่งเทียนถัดไปกลับเป็นขาลง หรือราคาไม่สามารถทำ Higher High ได้หลังจากรูปแบบ Engulfing อาจบ่งชี้ว่าสัญญาณอ่อนแอ
- ตัวอย่างประกอบ: เมื่อเห็น Bullish Engulfing ที่บริเวณแนวรับ คุณสามารถเข้าซื้อเมื่อแท่งเทียนที่สองปิดตัวลง โดยวาง Stop Loss ไว้ใต้จุดต่ำสุดของแท่งเทียนที่สอง และตั้งเป้าหมายทำกำไรที่แนวต้านถัดไป
4. รูปแบบแท่งเทียน Bullish Harami Pattern (หญิงตั้งครรภ์ขาขึ้น)

คืออะไร: ลักษณะของ Bullish Harami
Bullish Harami เป็นรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวขาขึ้นที่ประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่ง มักปรากฏที่ท้ายแนวโน้มขาลง คำว่า “Harami” เป็นภาษาญี่ปุ่นหมายถึง “หญิงตั้งครรภ์” ซึ่งอธิบายลักษณะของรูปแบบได้อย่างชัดเจน:
- แท่งเทียนแรก: เป็นแท่งเทียนขาลง (สีแดง) ที่มีลำตัวยาว
- แท่งเทียนที่สอง: เป็นแท่งเทียนขาขึ้น (สีเขียว) ที่มีลำตัวสั้นกว่ามาก โดยลำตัวของแท่งเทียนที่สองจะต้องอยู่ภายในขอบเขตของลำตัวแท่งเทียนแรกทั้งหมด
ทำไม: จิตวิทยาเบื้องหลัง Bullish Harami
รูปแบบ Harami แสดงให้เห็นถึงการชะลอตัวของแรงขายหลังจากช่วงเวลาที่ราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง แท่งเทียนขาลงแรกบ่งบอกถึงแรงขายที่แข็งแกร่ง แต่แท่งเทียนขาขึ้นที่สองที่เปิด Gap ขึ้นเล็กน้อย (หรือเปิดใกล้กับราคาปิดของแท่งแรก) และมีลำตัวเล็กๆ อยู่ภายในแท่งแรกทั้งหมด บ่งชี้ว่าตลาดมีความลังเลและแรงขายเริ่มอ่อนกำลังลง ผู้ซื้อเริ่มเข้ามารับช่วงต่อบ้าง แต่ยังไม่มีแรงผลักดันที่ชัดเจน สิ่งนี้เป็นสัญญาณเตือนว่าแนวโน้มขาลงอาจกำลังจะจบลงและเตรียมกลับตัว
อย่างไร: วิธีการระบุและการยืนยันสัญญาณ
กฎการระบุ:
- ต้องเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลงที่ชัดเจน
- แท่งเทียนแรกเป็นแท่งแดงที่มีลำตัวยาว
- แท่งเทียนที่สองเป็นแท่งเขียวที่มีลำตัวสั้น และลำตัวของแท่งที่สองต้องอยู่ภายในลำตัวของแท่งแรกทั้งหมด
- ไส้เทียนของแท่งที่สองอาจยื่นออกไปนอกลำตัวแท่งแรกได้บ้าง แต่ลำตัวต้องอยู่ภายใน
การยืนยัน: Harami ถือเป็นสัญญาณกลับตัวที่อ่อนแอกว่า Engulfing เล็กน้อย จึงควรได้รับการยืนยันด้วยแท่งเทียนขาขึ้นที่แข็งแกร่งในวันถัดไป หรือใช้ อินดิเคเตอร์อื่นๆ เช่น RSI หรือ Stochastic เพื่อยืนยันภาวะ Oversold
เคล็ดลับและกลยุทธ์การเทรด Bullish Harami
- แบบไหนดี: Harami มีความน่าเชื่อถือสูงเมื่อเกิดขึ้นที่ แนวรับสำคัญ หรือหลังจากราคาได้ปรับตัวลงมามากจนอยู่ในโซน Oversold
- ผลลัพธ์เป็นยังไง: คาดการณ์ว่าราคาจะชะลอตัวและอาจมีการกลับตัวเป็นขาขึ้น
- ถ้า Harami ไม่ได้รับการยืนยัน: หากแท่งเทียนถัดไปเป็นแท่งขาลง หรือราคายังคงเคลื่อนที่อยู่ในกรอบแคบๆ อาจบ่งบอกว่าตลาดยังคงลังเลและยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจน
- ตัวอย่างประกอบ: หากคุณพบ Bullish Harami ที่แนวรับสำคัญ และ RSI อยู่ในโซน Oversold คุณอาจพิจารณาเข้าซื้อเมื่อแท่งเทียนถัดไปยืนยันการกลับตัว โดยตั้ง Stop Loss ใต้จุดต่ำสุดของแท่งเทียนแรก และกำหนดเป้าหมายทำกำไรตามระดับ Fibonacci Retracement หรือแนวต้านถัดไป
5. รูปแบบแท่งเทียน Bullish Doji Star Pattern (โดจิสตาร์ขาขึ้น)

คืออะไร: ลักษณะของ Bullish Doji Star
Bullish Doji Star เป็นรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวขาขึ้นที่ประกอบด้วยแท่งเทียนสามแท่ง ซึ่งมักปรากฏหลังจากแนวโน้มขาลงที่แข็งแกร่ง เป็นสัญญาณที่น่าเชื่อถือสูงในการบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางของตลาด มีลักษณะดังนี้:
- แท่งเทียนแรก: เป็นแท่งเทียนขาลง (สีแดง) ที่มีลำตัวยาว แสดงถึงแรงขายที่ยังคงแข็งแกร่ง
- แท่งเทียนที่สอง: เป็น Doji ที่เปิด Gap ต่ำกว่าราคาปิดของแท่งแรก ลำตัวของ Doji นั้นสั้นมากจนเป็นเส้นเดียว แสดงถึงความลังเลของตลาดที่แรงซื้อและแรงขายอยู่ในสภาวะสมดุล
- แท่งเทียนที่สาม: เป็นแท่งเทียนขาขึ้น (สีเขียว) ที่เปิด Gap สูงขึ้นจาก Doji และปิดตัวลึกเข้าไปในลำตัวของแท่งเทียนแรก
รูปแบบนี้มีความคล้ายคลึงกับ Morning Star แต่มี Doji เป็นองค์ประกอบตรงกลาง ซึ่งเน้นย้ำถึงความไม่แน่นอนของตลาดก่อนการกลับตัวที่ชัดเจน
ทำไม: จิตวิทยาเบื้องหลัง Bullish Doji Star
รูปแบบนี้บอกเล่าเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงอำนาจในตลาดได้อย่างชัดเจน แท่งแรกแสดงถึงการครอบงำของแรงขาย แต่การปรากฏตัวของ Doji ที่เปิด Gap ต่ำลง บ่งชี้ว่าแรงขายเริ่มเหนื่อยล้าและผู้ซื้อเริ่มเข้ามาต่อสู้ ทำให้ราคาปิดใกล้เคียงกับราคาเปิด แสดงถึงความลังเลใจอย่างรุนแรงในตลาด และการที่แท่งเทียนที่สามเป็นแท่งขาขึ้นที่แข็งแกร่งและเปิด Gap ขึ้นมาอย่างมีนัยสำคัญ บ่งบอกว่าผู้ซื้อได้เข้ามาควบคุมตลาดอย่างสมบูรณ์ และยืนยันการกลับตัวเป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน
อย่างไร: วิธีการระบุและการยืนยันสัญญาณ
กฎการระบุ:
- ต้องเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลงที่ชัดเจน
- แท่งแรกเป็นแท่งแดงลำตัวยาว
- แท่งที่สองเป็น Doji ที่เปิด Gap ต่ำกว่าแท่งแรก
- แท่งที่สามเป็นแท่งเขียวลำตัวยาวที่เปิด Gap สูงขึ้นจาก Doji และปิดตัวอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของลำตัวแท่งแรก
การยืนยัน: Doji Star เป็นรูปแบบที่ให้สัญญาณค่อนข้างแข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่การยืนยันด้วยปริมาณการซื้อขายที่สูงในแท่งที่สาม และการเคลื่อนที่ของราคาในวันถัดไปที่ยังคงเป็นขาขึ้น จะเพิ่มความมั่นใจในการเทรดได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การปรากฏที่ แนวรับ จะทำให้สัญญาณแข็งแกร่งขึ้น
เคล็ดลับและกลยุทธ์การเทรด Bullish Doji Star
- แบบไหนดี: รูปแบบนี้ถือเป็นหนึ่งในรูปแบบกลับตัวที่ทรงพลังที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดขึ้นที่ระดับแนวรับที่สำคัญหรือเมื่อมีสัญญาณ Oversold จากอินดิเคเตอร์อื่นๆ
- ผลลัพธ์เป็นยังไง: คาดการณ์ว่าราคาจะกลับตัวและเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง
- ถ้า Doji Star ไม่ได้รับการยืนยัน: หากแท่งเทียนที่สามไม่สามารถปิดตัวลึกเข้าไปในแท่งแรกได้ หรือแท่งถัดไปกลับเป็นขาลง อาจบ่งบอกว่าแรงซื้อยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะผลักดันราคาให้กลับตัวอย่างยั่งยืน
- ตัวอย่างประกอบ: เมื่อคุณพบ Bullish Doji Star หลังจากแนวโน้มขาลงที่ยาวนาน คุณสามารถพิจารณาเข้าซื้อเมื่อแท่งเทียนที่สามปิดตัวลง โดยตั้ง Stop Loss ใต้จุดต่ำสุดของ Doji เล็กน้อย และตั้ง Take Profit ตามแนวต้านถัดไปหรือระดับ Fibonacci Expansion
ตารางสรุป 5 รูปแบบแท่งเทียนขาขึ้นที่สำคัญ
เพื่อความเข้าใจที่ง่ายและรวดเร็ว เราได้สรุปคุณลักษณะสำคัญและหลักการเทรดของแต่ละรูปแบบไว้ในตารางนี้:
| รูปแบบแท่งเทียน | ลักษณะสำคัญ | จิตวิทยาตลาด | ความน่าเชื่อถือ | กลยุทธ์เบื้องต้น |
|---|---|---|---|---|
| Bullish Hammer | แท่งเดี่ยว, ลำตัวสั้น, ไส้ล่างยาว 2 เท่าของลำตัว, ไม่มีไส้บน | แรงขายถูกปฏิเสธ, แรงซื้อเริ่มเข้า | ปานกลางถึงสูง (เมื่อได้รับการยืนยัน) | เข้าซื้อเมื่อได้รับการยืนยันด้วยแท่งถัดไป, Stop Loss ใต้ Hammer |
| Bullish Belt Hold | แท่งเดี่ยวสีเขียว, เปิดที่ต่ำสุด, ปิดใกล้สูงสุด, ลำตัวยาว | แรงซื้อเข้าควบคุมอย่างเด็ดขาดตั้งแต่เปิดตลาด | ปานกลางถึงสูง (เมื่อได้รับการยืนยัน) | เข้าซื้อเมื่อได้รับการยืนยัน, Stop Loss ใต้ราคาเปิดของ Belt Hold |
| Bullish Engulfing | 2 แท่ง, แท่งเขียวที่ 2 กลืนกินแท่งแดงที่ 1 | แรงซื้อเข้าครอบงำแรงขายอย่างสมบูรณ์ | สูง | เข้าซื้อเมื่อแท่งที่ 2 ปิด, Stop Loss ใต้จุดต่ำสุดของแท่งที่ 2 |
| Bullish Harami | 2 แท่ง, แท่งเขียวที่ 2 ลำตัวเล็ก อยู่ภายในแท่งแดงที่ 1 | แรงขายเริ่มชะลอ, ตลาดเกิดความลังเล | ปานกลาง (ต้องได้รับการยืนยันที่แข็งแกร่ง) | รอการยืนยันจากแท่งถัดไป, Stop Loss ใต้จุดต่ำสุดของแท่งที่ 1 |
| Bullish Doji Star | 3 แท่ง, แท่งแดงยาว, ตามด้วย Doji, ตามด้วยแท่งเขียวยาว | ตลาดลังเลหลังแรงขาย, แรงซื้อเข้าควบคุมชัดเจน | สูงมาก | เข้าซื้อเมื่อแท่งที่ 3 ปิด, Stop Loss ใต้ Doji |
โปรดจำไว้ว่า รูปแบบแท่งเทียนเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์ทางเทคนิค ควรใช้ร่วมกับเครื่องมือและกลยุทธ์อื่นๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำและลดความเสี่ยงในการเทรด
คำถามที่พบบ่อย (FAQ Section)
Q1: รูปแบบแท่งเทียนขาขึ้นมีความน่าเชื่อถือแค่ไหน?
A1: ความน่าเชื่อถือของรูปแบบแท่งเทียนขาขึ้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยทั่วไปแล้ว รูปแบบที่ประกอบด้วยแท่งเทียนหลายแท่ง เช่น Bullish Engulfing หรือ Bullish Doji Star มักจะมีความน่าเชื่อถือสูงกว่ารูปแบบแท่งเทียนเดี่ยวอย่าง Hammer หรือ Belt Hold นอกจากนี้ บริบทที่รูปแบบปรากฏก็มีผลอย่างมาก หากรูปแบบเกิดขึ้นที่บริเวณ แนวรับที่แข็งแกร่ง หลังจากแนวโน้มขาลงที่ยาวนาน หรือได้รับการยืนยันจาก อินดิเคเตอร์อื่นๆ เช่น RSI ที่แสดงภาวะ Oversold ความน่าเชื่อถือก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ไม่มีรูปแบบใดที่แม่นยำ 100% การบริหารความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งสำคัญเสมอ
Q2: ควรใช้รูปแบบแท่งเทียนขาขึ้นร่วมกับเครื่องมือใดบ้าง?
A2: เพื่อเพิ่มความแม่นยำและลดความเสี่ยง นักลงทุนควรใช้รูปแบบแท่งเทียนขาขึ้นร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ เช่น:
- แนวรับแนวต้าน (Support and Resistance): รูปแบบขาขึ้นที่เกิดขึ้นที่แนวรับจะให้สัญญาณที่แข็งแกร่งกว่า
- อินดิเคเตอร์ (Indicators): เช่น RSI, Stochastic Oscillator เพื่อยืนยันภาวะ Oversold หรือ MACD เพื่อดูโมเมนตัมของการกลับตัว
- ปริมาณการซื้อขาย (Volume): การเพิ่มขึ้นของ Volume ในช่วงที่เกิดสัญญาณขาขึ้นมักจะยืนยันความแข็งแกร่งของสัญญาณ
- เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages): ใช้เพื่อระบุแนวโน้มและยืนยันจุดกลับตัว
- รูปแบบกราฟ (Chart Patterns): เช่น Double Bottom, Triple Bottom ซึ่งเป็นการกลับตัวของราคาที่ใหญ่ขึ้น
Q3: ความแตกต่างระหว่าง Bullish Hammer และ Inverted Hammer คืออะไร?
A3: ทั้ง Bullish Hammer และ Inverted Hammer เป็นรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวขาขึ้นที่มักจะเกิดขึ้นที่ก้นของแนวโน้มขาลง แต่มีลักษณะที่แตกต่างกันดังนี้:
- Bullish Hammer: มีลำตัวสั้นและไส้เทียนด้านล่างที่ยาวมาก (เหมือนค้อน) บ่งบอกว่าผู้ขายพยายามกดราคาลง แต่ผู้ซื้อดันราคากลับขึ้นมาปิดใกล้ราคาสูงสุด
- Inverted Hammer: มีลำตัวสั้นและไส้เทียนด้านบนที่ยาวมาก (เหมือนค้อนกลับหัว) บ่งบอกว่าผู้ซื้อพยายามดันราคาขึ้น แต่ผู้ขายกดราคาลงมาปิดใกล้ราคาต่ำสุด แต่ก็ยังคงเป็นการส่งสัญญาณว่าแรงซื้อเริ่มเข้ามาแล้ว อย่างไรก็ตาม รูปแบบ Inverted Hammer ต้องการการยืนยันที่แข็งแกร่งกว่า Hammer เนื่องจากแรงซื้อยังไม่สามารถปิดราคาสูงได้อย่างสมบูรณ์
ทั้งสองรูปแบบบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของจิตวิทยาตลาดที่แรงขายเริ่มอ่อนกำลังลงและแรงซื้อเริ่มเข้ามา แต่ Inverted Hammer แสดงให้เห็นถึงความพยายามของแรงซื้อที่ยังไม่ประสบความสำเร็จเต็มที่ในการปิดราคาให้สูง
Q4: รูปแบบแท่งเทียนขาขึ้นสามารถใช้ได้กับทุก Timeframe หรือไม่?
A4: โดยหลักการแล้ว รูปแบบแท่งเทียนขาขึ้นสามารถใช้ได้กับทุก Timeframe (กรอบเวลา) ตั้งแต่ Timeframe สั้นๆ เช่น 1 นาที, 5 นาที ไปจนถึง Timeframe ยาวๆ เช่น รายวัน, รายสัปดาห์ หรือรายเดือน อย่างไรก็ตาม ความน่าเชื่อถือของสัญญาณจะเพิ่มขึ้นเมื่อใช้ Timeframe ที่ยาวขึ้น เนื่องจากสัญญาณใน Timeframe ที่ยาวกว่าจะสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ตลาดที่สำคัญกว่า และมีโอกาสที่จะถูกรบกวนจาก Noise (สัญญาณรบกวน) น้อยกว่าใน Timeframe สั้นๆ นักลงทุนระยะยาวมักจะให้ความสำคัญกับรูปแบบที่เกิดขึ้นใน Timeframe รายวันหรือรายสัปดาห์ ในขณะที่ Day Trader อาจใช้ Timeframe สั้นๆ เพื่อจับจังหวะการเข้าออกที่รวดเร็ว
Q5: การยืนยันสัญญาณจากรูปแบบแท่งเทียนขาขึ้นมีความสำคัญอย่างไร?
A5: การยืนยันสัญญาณจากรูปแบบแท่งเทียนขาขึ้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันช่วยลดโอกาสของการเกิดสัญญาณหลอก (False Signal) หรือสัญญาณที่ไม่แข็งแกร่งพอที่จะนำไปสู่การกลับตัวของราคาที่ยั่งยืน การยืนยันมักจะมาในรูปแบบของ:
- แท่งเทียนถัดไป: การที่แท่งเทียนถัดจากรูปแบบขาขึ้นนั้นเป็นแท่งเทียนขาขึ้นที่แข็งแกร่งและปิดสูงขึ้น บ่งบอกถึงการเข้ามาของแรงซื้ออย่างต่อเนื่อง
- ปริมาณการซื้อขาย (Volume): การเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของ Volume ในระหว่างหรือหลังการเกิดรูปแบบขาขึ้น เป็นสัญญาณยืนยันที่ทรงพลัง
- การทะลุแนวต้าน: หากรูปแบบขาขึ้นเกิดขึ้นที่แนวรับ และราคาปรับตัวสูงขึ้นจนทะลุ แนวต้านสำคัญ ได้ จะเป็นการยืนยันที่แข็งแกร่งมาก
- อินดิเคเตอร์อื่นๆ: การที่อินดิเคเตอร์เช่น RSI หรือ Stochastic ยืนยันสัญญาณ Oversold หรือการตัดกันของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ในทิศทางขาขึ้น
หากไม่มีการยืนยันที่ชัดเจน นักลงทุนควรหลีกเลี่ยงการเข้าเทรด หรือรอยืนยันที่แข็งแกร่งขึ้น เพื่อปกป้องเงินทุนและลดความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น
สรุป: การประยุกต์ใช้รูปแบบแท่งเทียนขาขึ้นเพื่อการเทรดที่ชาญฉลาด
การทำความเข้าใจและสามารถระบุ 5 รูปแบบแท่งเทียนขาขึ้น ที่เราได้กล่าวถึงไปนั้น ถือเป็นหัวใจสำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ช่วยให้คุณมองเห็นสัญญาณการกลับตัวของราคาและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ รูปแบบเหล่านี้ไม่เพียงแต่บอกเล่าเรื่องราวการต่อสู้ระหว่างแรงซื้อและแรงขาย แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจจิตวิทยาของตลาดในแต่ละช่วงเวลา
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในการเทรดไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพียงแค่การจดจำรูปแบบเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสามารถในการประยุกต์ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ เช่น แนวรับแนวต้าน, อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค, และการพิจารณา Timeframe ที่เหมาะสม ที่สำคัญที่สุดคือ การมีวินัยในการเทรดและการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดีเยี่ยม การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอในการระบุรูปแบบเหล่านี้บนกราฟจริง จะช่วยให้คุณพัฒนาทักษะและความแม่นยำในการตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น
เราหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการยกระดับความรู้และกลยุทธ์การเทรดของคุณ ให้คุณพร้อมที่จะคว้าโอกาสและสร้างผลกำไรในตลาดการเงินได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดและต้องการเครื่องมือช่วยในการวิเคราะห์ที่ทันสมัย FTT Investing มีข้อเสนอสุดพิเศษ:
- XM – คุณภาพอันดับหนึ่งตลอดสิบปีในไทย: https://bit.ly/XmFree30USD
- Mtrading – สเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip ค่าคอมต่ำ: https://bit.ly/MTRatsamee
- Exness – โบรกเกอร์ที่ฝากและถอนเร็วที่สุด: https://bit.ly/ExnessCom
เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อขอรับ EA ได้ฟรี!
ช่องทางการพูดคุย:
- Line Id :: @ft.th
- Facebook :: https://fb.com/ForexTipsThailand
- กลุ่มพูดคุย :: เทรดฟอเร็กซ์ให้ได้กำไรอย่างยั่งยืน https://www.fb.com/groups/1179829495508247
*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจเงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
