TOP 10 บทความยอดนิยม

ดูทั้งหมด
แจก EA & อินดิเคเตอร์

รูปแบบแท่งเทียน Breakaway Bearish

สิงหาคม 31, 2022

รูปแบบแท่งเทียน Bearish Breakaway: การวิเคราะห์เชิงลึกเพื่อการตัดสินใจซื้อขายที่เหนือกว่า

ในโลกของการวิเคราะห์ทางเทคนิค รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns) ถือเป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถคาดการณ์ทิศทางราคาในอนาคตได้ หนึ่งในรูปแบบการกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้นที่สำคัญและมีความน่าเชื่อถือสูง แม้ว่าจะพบเห็นได้ไม่บ่อยนัก นั่นคือ รูปแบบแท่งเทียน Bearish Breakaway รูปแบบนี้เป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่าแรงซื้อกำลังอ่อนกำลังลง และแรงขายกำลังจะเข้ามาครอบงำตลาด ทำให้แนวโน้มขาขึ้นที่ดำเนินอยู่มีโอกาสสูงที่จะกลับตัวเป็นแนวโน้มขาลงอย่างมีนัยสำคัญ บทความนี้จะเจาะลึกถึงคำจำกัดความ โครงสร้างการก่อตัว จิตวิทยาเบื้องหลัง และกลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสมกับรูปแบบ Bearish Breakaway เพื่อให้คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการตัดสินใจซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทำความเข้าใจรูปแบบแท่งเทียน Bearish Breakaway คืออะไร?

รูปแบบแท่งเทียน Bearish Breakaway จัดอยู่ในกลุ่มของ รูปแบบแท่งเทียนกลับตัว (Reversal Candlestick Patterns) ซึ่งบ่งชี้ถึงการสิ้นสุดของแนวโน้มขาขึ้นและจุดเริ่มต้นของแนวโน้มขาลง สิ่งที่ทำให้รูปแบบนี้มีความโดดเด่นคือการประกอบด้วยแท่งเทียนถึง 5 แท่ง พร้อมกับการเกิดช่องว่างราคา (Gap) ที่มีนัยสำคัญ

คำจำกัดความและลักษณะเฉพาะ

  • การกลับตัวของแนวโน้ม: Bearish Breakaway เป็นรูปแบบที่เกิดขึ้นเมื่อตลาดอยู่ในภาวะแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) ที่ชัดเจน และเมื่อรูปแบบนี้ปรากฏขึ้น มันจะส่งสัญญาณว่าแรงซื้อที่เคยแข็งแกร่งกำลังหมดลง และแรงขายได้เข้ามาควบคุมตลาด ส่งผลให้ราคามีโอกาสสูงที่จะกลับตัวลง
  • โครงสร้าง 5 แท่งเทียน: ความซับซ้อนของรูปแบบนี้อยู่ที่การเรียงตัวของแท่งเทียน 5 แท่ง ซึ่งแต่ละแท่งมีบทบาทสำคัญในการบอกเล่าเรื่องราวของความขัดแย้งระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
  • การเกิด Gap: การปรากฏของช่องว่างราคาในช่วงต้นของรูปแบบเป็นสัญญาณสำคัญที่แสดงถึงความกระตือรือร้นของผู้ซื้อในช่วงเริ่มต้น อย่างไรก็ตาม ช่องว่างนี้จะถูกเติมเต็มในภายหลังโดยแรงขายที่เข้ามาอย่างรุนแรง
  • ความหายากและกฎที่เข้มงวด: รูปแบบ Bearish Breakaway ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนักบนกราฟราคา ซึ่งเป็นผลมาจากกฎการก่อตัวที่เข้มงวดของแท่งเทียนทั้ง 5 แท่ง การที่รูปแบบนี้ปรากฏขึ้นจึงมักจะมีความน่าเชื่อถือสูง เนื่องจากต้องผ่านเงื่อนไขหลายประการที่บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนผ่านอำนาจจากผู้ซื้อสู่ผู้ขายอย่างแท้จริง

ตรงกันข้ามกับรูปแบบ Bullish Breakaway ที่บ่งชี้ถึงการกลับตัวเป็นขาขึ้น ซึ่งอาจมี Gap เล็กๆ ก่อตัวขึ้นภายใน 2 แท่งแรกที่แสดงโมเมนตัมขาขึ้น สำหรับ Bearish Breakaway นั้น กฎเกณฑ์ที่เข้มงวดทำให้การระบุต้องอาศัยความเข้าใจที่ละเอียดถี่ถ้วนยิ่งขึ้น

เจาะลึกโครงสร้าง: วิธีการระบุรูปแบบ Bearish Breakaway อย่างแม่นยำ

การยืนยันรูปแบบ Bearish Breakaway ต้องอาศัยการตรวจสอบแท่งเทียนทั้ง 5 แท่งและ Gap ที่ก่อตัวขึ้นตามลำดับที่เฉพาะเจาะจงอย่างเคร่งครัด ดังนี้:

  1. แท่งเทียนที่ 1: สัญญาณเริ่มต้นของแรงซื้อที่แข็งแกร่ง

    แท่งเทียนแรกควรเป็น แท่งเทียนขาขึ้น (Bullish Candlestick) ที่มีขนาดใหญ่และมีลำตัว (Body) ยาว แสดงถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่งและต่อเนื่องในแนวโน้มขาขึ้น ไส้เทียน (Wick) อาจมีขนาดเล็กหรือไม่ปรากฏเลย ซึ่งยิ่งเน้นย้ำถึงอำนาจของผู้ซื้อในขณะนั้น

  2. แท่งเทียนที่ 2: การเปิด Gap และการต่อเนื่องของแรงซื้อ

    แท่งเทียนที่สองจะ เปิดขึ้นโดยมีช่องว่างราคา (Gap Up) เหนือราคาปิดของแท่งเทียนแรกอย่างชัดเจน และปิดที่ราคาสูงกว่าราคาเปิด (เป็นแท่งเทียนขาขึ้น) การเกิด Gap นี้แสดงถึงความกระตือรือร้นและแรงซื้อที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเปิดตลาด หรือข่าวสารเชิงบวกที่ผลักดันราคาให้สูงขึ้นอย่างกะทันหัน

  3. แท่งเทียนที่ 3 และ 4: การชะลอตัวของโมเมนตัมขาขึ้น

    แท่งเทียนที่สามและสี่จะเป็น แท่งเทียนขาขึ้นเช่นกัน โดยจะเปิดและปิดสูงขึ้นกว่าแท่งเทียนก่อนหน้า แต่สิ่งสำคัญคือขนาดของลำตัวแท่งเทียนเหล่านี้อาจจะเริ่มเล็กลง หรือมีความผันผวนของไส้เทียนที่มากขึ้น นี่เป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของโมเมนตัมขาขึ้น หรือแรงซื้อที่เริ่มอ่อนแรงลง ผู้ซื้อยังคงพยายามผลักดันราคาให้สูงขึ้น แต่ความเชื่อมั่นอาจไม่แข็งแกร่งเท่าช่วงเริ่มต้นแล้ว

  4. แท่งเทียนที่ 5: การกลับตัวอย่างรุนแรงของแรงขาย

    นี่คือแท่งเทียนที่สำคัญที่สุดในรูปแบบนี้ แท่งเทียนที่ห้าจะเป็น แท่งเทียนขาลง (Bearish Candlestick) ขนาดใหญ่ ที่เปิดอยู่ภายในช่วงราคาของแท่งเทียนที่สี่ (หรืออาจจะใกล้เคียงกับราคาปิดของแท่งที่สี่) และที่สำคัญที่สุดคือจะ ปิดลงมาภายในช่วงช่องว่างราคา (Gap) ที่เกิดขึ้นระหว่างแท่งเทียนแรกและแท่งเทียนที่สอง และต้องปิดต่ำกว่าราคาปิดของแท่งเทียนแรก แท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่และรุนแรงนี้แสดงถึงการเข้ามาของแรงขายจำนวนมหาศาลที่สามารถกลืนกินแรงซื้อที่สะสมมาในช่วงก่อนหน้าได้อย่างสิ้นเชิง เป็นการยืนยันถึงการกลับตัวของแนวโน้มอย่างชัดเจน

การปฏิบัติตามกฎข้างต้นทั้งหมดในลำดับที่ถูกต้องมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากความแม่นยำของโครงสร้างเป็นตัวบ่งชี้ถึงความน่าเชื่อถือของสัญญาณกลับตัว และเป็นเหตุผลว่าทำไมรูปแบบนี้จึงไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนักบนกราฟราคา

ตารางสรุปข้อมูลสำคัญของ Bearish Breakaway

เพื่อให้เห็นภาพรวมและเข้าใจคุณสมบัติหลักของรูปแบบแท่งเทียน Bearish Breakaway ได้ง่ายขึ้น ตารางด้านล่างนี้ได้สรุปข้อมูลสำคัญที่เทรดเดอร์ควรรู้:

คุณสมบัติ คำอธิบาย
จำนวนแท่งเทียน 5 แท่งเทียน
การคาดการณ์ การกลับตัวของแนวโน้มขาลงอย่างรุนแรง
แนวโน้มก่อนหน้า แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend)
รูปแบบที่เกี่ยวข้อง Evening Star, Three Black Crows

Bearish Breakaway บอกอะไรกับเทรดเดอร์: จิตวิทยาเบื้องหลังรูปแบบ

รูปแบบแท่งเทียน Bearish Breakaway ไม่ได้เป็นเพียงการรวมตัวของแท่งเทียนตามกฎเกณฑ์เท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึง จิตวิทยาการซื้อขาย ที่สำคัญระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายในตลาด การทำความเข้าใจเบื้องหลังจะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถตีความสัญญาณได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

โดยหลักแล้ว มีสองช่วงสำคัญที่บอกเล่าเรื่องราวของการเปลี่ยนผ่านอำนาจ:

  1. ช่วงที่ 1: ความพยายามสุดท้ายของแรงซื้อและสัญญาณการชะลอตัว

    ในช่วงแรกของรูปแบบ (แท่งเทียนที่ 1-4) ผู้ซื้อพยายามอย่างเต็มที่ที่จะผลักดันราคาให้สูงขึ้น ด้วยแท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่ในแท่งแรก และการเกิด Gap ที่บ่งบอกถึงความแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม การก่อตัวของแท่งเทียนขาขึ้นขนาดเล็กในแท่งที่ 3 และ 4 (แม้จะยังปิดสูงขึ้น) เป็นสัญญาณว่าโมเมนตัมของผู้ซื้อเริ่มลดลงแล้ว แรงซื้อไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนช่วงเริ่มต้น อาจเป็นเพราะราคากำลังเข้าใกล้ระดับ แนวต้าน (Resistance Level) สำคัญ หรือภาวะ Overbought ที่ทำให้ผู้ซื้อเริ่มลังเล

  2. ช่วงที่ 2: การเข้าครอบงำของแรงขาย

    ในช่วงสุดท้าย (แท่งเทียนที่ 5) ผู้ขายเข้าควบคุมตลาดอย่างรุนแรง ด้วยแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่ที่กลืนกินแรงซื้อที่สะสมมาในช่วงสามแท่งก่อนหน้า การที่แท่งเทียนขาลงนี้สามารถปิดลงมาภายในช่วง Gap ที่เคยเป็นสัญญาณความแข็งแกร่งของผู้ซื้อ และที่สำคัญคือ ปิดต่ำกว่าราคาปิดของแท่งเทียนแท่งแรก เป็นการยืนยันว่าผู้ขายได้เข้าควบคุมสถานการณ์ได้อย่างสมบูรณ์ และมีแนวโน้มสูงที่ราคาจะดำเนินต่อไปในทิศทางขาลงในอนาคต

ดังนั้น สิ่งสำคัญที่ Bearish Breakaway บอกกับเทรดเดอร์คือ การที่ราคาไม่สามารถรักษาระดับเหนือ Gap ที่สร้างขึ้นได้ และถูกผลักดันให้กลับลงมาอย่างรวดเร็ว เป็นสัญญาณเตือนที่รุนแรงถึงการกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้นเป็นขาลงอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากการก่อตัวของรูปแบบนี้ แนะนำให้รอการยืนยันเพิ่มเติมจากแท่งเทียนขาลงถัดไปเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการเข้าสู่สถานะขาย (Short Position)

กลยุทธ์การเทรดด้วยรูปแบบ Bearish Breakaway เพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไร

การเทรดด้วยรูปแบบ Bearish Breakaway ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการระบุรูปแบบเท่านั้น แต่ยังต้องผสมผสานกับการบริหารความเสี่ยง (Risk Management) และการวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ เพื่อเพิ่มอัตราส่วนการชนะและปกป้องเงินทุนของคุณ นี่คือแนวทางและจุดบรรจบกันที่สำคัญ:

การประเมินความเสี่ยงและผลตอบแทน (Risk-Reward Ratio)

ก่อนเข้าเทรดทุกครั้ง ควรประเมิน อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk-Reward Ratio) เสมอ รูปแบบ Bearish Breakaway ที่ชัดเจนมักจะให้เป้าหมายทำกำไรที่ชัดเจนจากการกลับตัวของแนวโน้ม ซึ่งช่วยให้คุณสามารถกำหนดจุด Take Profit ที่สมเหตุสมผลและมีอัตราส่วน R:R ที่ดี เช่น 1:2 หรือสูงกว่า

การบริหารจัดการความเสี่ยง (Risk Management)

เป็นหัวใจสำคัญของการเทรด การบริหารจัดการความเสี่ยง ที่ดีจะช่วยให้คุณอยู่รอดในตลาดได้ในระยะยาว ไม่ว่ารูปแบบ Breakaway จะมีความน่าเชื่อถือเพียงใด ก็ไม่มีอะไรรับประกันผลลัพธ์ 100% ควรกำหนดขนาดการเทรด (Lot Size) ให้เหมาะสมกับขนาดพอร์ต และไม่เสี่ยงเกินกว่า 1-2% ของเงินทุนในแต่ละครั้ง

การวิเคราะห์ทางเทคนิคเชิงลึก (In-depth Technical Analysis)

เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของสัญญาณจาก Bearish Breakaway ควรพิจารณาจุดบรรจบ (Confluences) กับเครื่องมือและแนวคิดทางเทคนิคอื่นๆ:

  1. การยืนยันตำแหน่งบนกราฟราคา

    รูปแบบ Bearish Breakaway ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดมักจะก่อตัวขึ้นที่ ด้านบนสุดของกราฟราคา (Top of the Chart) ซึ่งหมายถึงเป็นจุดสูงสุดของแนวโน้มขาขึ้น นอกจากนี้ ควรพิจารณาการเกิดขึ้นของรูปแบบนี้ใกล้กับ ระดับแนวต้าน (Resistance Level) ที่สำคัญ หรือ โซนอุปทาน (Supply Zone) ที่เคยเป็นจุดที่ราคาถูกปฏิเสธมาแล้วในอดีต การที่รูปแบบกลับตัวปรากฏในบริเวณดังกล่าวจะเพิ่มความแข็งแกร่งของสัญญาณอย่างมาก

  2. สภาวะตลาด Overbought

    การที่รูปแบบ Breakaway ขาลงก่อตัวขึ้นในช่วงที่ราคาอยู่ใน สภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) จะช่วยยืนยันสัญญาณกลับตัวได้ดียิ่งขึ้น คุณสามารถใช้เครื่องมือ Indicator ประเภท Oscillator เช่น RSI (Relative Strength Index) หรือ Stochastic Oscillator เพื่อระบุสภาวะ Overbought ที่มักจะอยู่เหนือระดับ 70-80 สำหรับ RSI หรือ 80 สำหรับ Stochastic ซึ่งบ่งบอกว่าแรงซื้อกำลังถึงจุดอิ่มตัว

  3. หลีกเลี่ยงตลาด Sideways หรือ Ranging

    รูปแบบ Bearish Breakaway ไม่ควรเกิดขึ้นภายใน โครงสร้างราคาที่หลากหลาย (Ranging Price Structure) หรือตลาด Sideways เนื่องจากในตลาดที่ไม่มีทิศทางที่ชัดเจน สัญญาณกลับตัวมักจะไม่น่าเชื่อถือเท่าที่ควร รูปแบบนี้จะทำงานได้ดีที่สุดในตลาดที่มีแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจนก่อนหน้า

การวาง Stop Loss อย่างปลอดภัย

ประโยชน์ของการเทรดโดยอิงจากโซนอุปทานหรือระดับแนวต้านคือ คุณสามารถวาง Stop Loss (SL) ได้อย่างปลอดภัยเหนือแนวต้านหรือเขตอุปทานนั้นๆ เล็กน้อย ซึ่งโซนเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันไม่ให้ Stop Loss ของคุณถูกชนโดยการพุ่งขึ้นของราคาที่ไม่รุนแรง หรือที่เรียกว่า “Spike” การกำหนด Stop Loss ที่ชัดเจนและมีเหตุผลเป็นสิ่งสำคัญในการจำกัดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q1: รูปแบบแท่งเทียน Bearish Breakaway มีความสำคัญหลักอย่างไร?

A1: ความสำคัญหลักของ Bearish Breakaway คือการเป็นสัญญาณกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้นเป็นขาลงที่มีความน่าเชื่อถือสูง แม้จะหายาก แต่เมื่อปรากฏขึ้น มันบ่งชี้ถึงการที่ผู้ซื้อได้พยายามผลักดันราคาขึ้นไปถึงจุดสูงสุดแล้ว แต่ไม่สามารถรักษาแรงซื้อไว้ได้ ส่งผลให้แรงขายเข้ามาครอบงำและกดดันราคาให้ลดลงอย่างรุนแรง เป็นสัญญาณเตือนให้นักลงทุนพิจารณาปิดสถานะซื้อ หรือเปิดสถานะขาย

Q2: ทำไมรูปแบบ Bearish Breakaway ถึงหายาก?

A2: รูปแบบ Bearish Breakaway ถือว่าหายากเนื่องจากมีกฎการก่อตัวของแท่งเทียน 5 แท่งที่ค่อนข้างเข้มงวดและซับซ้อน แต่ละแท่งต้องเรียงตัวกันอย่างแม่นยำ รวมถึงการเกิด Gap และการปิดของแท่งเทียนสุดท้ายที่ต้องกลับลงมาปิดใน Gap และต่ำกว่าราคาปิดของแท่งแรก การที่เงื่อนไขทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นพร้อมกันนั้นเป็นเรื่องที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนักในตลาด

Q3: Gap ในรูปแบบ Bearish Breakaway แตกต่างจาก Gap ในรูปแบบ Bullish Breakaway อย่างไร?

A3: ในรูปแบบ Bearish Breakaway Gap จะเกิดขึ้นระหว่างแท่งเทียนที่ 1 และ 2 ซึ่งเป็น Gap ขึ้น (Gap Up) ที่แสดงถึงความแข็งแกร่งของแรงซื้อที่ต่อเนื่อง แต่ Gap นี้จะถูก “เติมเต็ม” หรือ “ปิด” ด้วยการปิดของแท่งเทียนที่ 5 ที่ร่วงลงมาอย่างรุนแรง ในทางกลับกัน ในรูปแบบ Bullish Breakaway มักจะมี Gap ลง (Gap Down) ในช่วงเริ่มต้น ซึ่งแสดงถึงแรงขายที่อ่อนกำลัง ก่อนที่แรงซื้อจะกลับเข้ามาและดันราคาขึ้นไปปิด Gap นั้น

Q4: เทรดเดอร์สามารถใช้รูปแบบแท่งเทียนใดได้อีก หาก Bearish Breakaway หายาก?

A4: หากรูปแบบ Bearish Breakaway ไม่ปรากฏขึ้นบ่อยนัก เทรดเดอร์สามารถพิจารณาใช้ รูปแบบแท่งเทียนกลับตัว อื่นๆ ที่พบบ่อยกว่าและมีความน่าเชื่อถือสูง เช่น Pin Bar (รูปแบบ Hammer หรือ Hanging Man), Engulfing Pattern (Bullish Engulfing หรือ Bearish Engulfing), Evening Star, Dark Cloud Cover, หรือ Three Black Crows ซึ่งรูปแบบเหล่านี้ก็เป็นสัญญาณการกลับตัวของแนวโน้มที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย

Q5: รูปแบบ Bearish Breakaway เหมาะสมกับการเทรดทุกประเภทและทุก Timeframe หรือไม่?

A5: รูปแบบ Bearish Breakaway มีประสิทธิภาพสูงในการเทรดหุ้นและดัชนีในระยะกลางถึงระยะยาว เนื่องจากเป็นตลาดที่มีสภาพคล่องและโครงสร้างแนวโน้มที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ในตลาด Forex โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการเทรดระยะสั้น (Intraday หรือ Swing Trading) รูปแบบนี้ไม่ควรถูกนำมาใช้บ่อยนักเนื่องจากความหายากและโอกาสที่จะเกิดสัญญาณหลอกใน Timeframe ที่สั้นกว่า หากต้องการเทรดใน Forex ระยะสั้น ควรพิจารณารูปแบบที่พบบ่อยกว่าและมีความแม่นยำใน Timeframe สั้นๆ เช่น Pin Bar หรือ Engulfing Pattern

สรุป

รูปแบบแท่งเทียน Bearish Breakaway เป็นหนึ่งใน รูปแบบการกลับตัวของแนวโน้ม ขาขึ้นที่มีความน่าเชื่อถือสูงและทรงพลัง การทำความเข้าใจโครงสร้าง 5 แท่งเทียนอันเป็นเอกลักษณ์ การเกิด Gap และจิตวิทยาเบื้องหลังการเปลี่ยนผ่านอำนาจจากผู้ซื้อสู่ผู้ขายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ทุกคน แม้ว่ารูปแบบนี้จะพบเห็นได้ไม่บ่อยนักเนื่องจากกฎเกณฑ์ที่เข้มงวด แต่เมื่อมันปรากฏขึ้น มันจะให้สัญญาณที่ชัดเจนและมีนัยสำคัญ

การประยุกต์ใช้ Bearish Breakaway ในกลยุทธ์การเทรดควรทำร่วมกับการยืนยันจากเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ เช่น ระดับแนวรับและแนวต้าน โซนอุปทาน และสภาวะ Overbought รวมถึงการบริหารจัดการความเสี่ยงที่รัดกุม แม้ว่ารูปแบบนี้จะเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการวิเคราะห์หุ้นและดัชนี แต่สำหรับตลาด Forex โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเทรดระยะสั้น อาจต้องพิจารณารูปแบบแท่งเทียนกลับตัวอื่นๆ ที่พบบ่อยกว่าและมีความเหมาะสมกับสภาพตลาดมากกว่า อาทิ Pin Bar หรือ Engulfing Pattern เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงให้น้อยที่สุด

การฝึกฝนและทดลองใช้รูปแบบนี้บนบัญชี Demo Account อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณเกิดความเข้าใจและมั่นใจในการนำไปประยุกต์ใช้ในการเทรดจริง อย่าลืมว่าความรู้ทางเทคนิคเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ แต่ต้องมาพร้อมกับวินัยและแผนการเทรดที่ชัดเจนเพื่อความสำเร็จในระยะยาว

You Might Also Like

Contact Us on Line