FTTinvesting

Archives

    รีวิวผลงานเทรดผู้ใช้อีเอ

    รีวิวผลงานเทรด EA M4A1 SEMI AI

    กุมภาพันธ์ 13, 2023
    เห็นคนอื่นรีวิวขอรีวิวบ้าง??
    สุดดดดปัง!!ผลงานเทรดจากผู้ใช้งานจริง กำไร +38.97% ??
    .
    ? ไม่มีเวลาก็สามารถเทรดได้…ให้โรบอททำงานให้คุณ 24 ชม. ไม่ต้องเทรดเอง ไม่ต้องเฝ้าจอ ใช้งานง่ายยยยย โรบอทพร้อมทำงานเพื่อคุณแล้ววววว?
    .
    ?สนใจติดต่อรับรายละเอียดเพิ่มเติมใต้คอมเม้นได้เลยค่ะ?
    .
    ✅เปิดบัญชีวันนี้ รับฟรีทันทีโบนัส 50$ (สำหรับลูกค้าใหม่เท่านั้น)
    .
    _______________
    Review จากสมาชิกครอบครัวเทรดเดอร์?
    .
    ทำกำไรกันรัวๆ!! มารวมเป็นครอบครัวเดียวกันกับเรา
    ?เรียนรู้การเทรดไปพร้อมกันฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
    _______________
    สนใจรับ EA เทรดฟรี แอดไลน์ : @ft.th ❤️
    _______________

    ?

    สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ

    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก

    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    https://bit.ly/ExnessCom
    รหัสพาสเนอร์เลข 11000789

    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด
    ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    รหัส IB GMP28407

    ______________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
    รีวิวผลงานเทรดผู้ใช้อีเอ

    รีวิวผลงานเทรดผู้ใช้ EA จาก FTT

    กุมภาพันธ์ 13, 2023
    เรียบง่ายแต่ทรงพลังในแบบฉบับ EA ของทาง FTT ระบบเทรดแนวผู้ช่วยจัดการออเดอร์ ที่จะช่วยให้การเทรดของคุณง่ายขึ้น
    เทรด 3 วันกำไร +$21 EA นี้จะปิดออเดอร์ทั้งหมดให้คุณอัตโนมัติตามสภาวะของตลาดเป็นผู้ช่วยที่ดีสำหรับเทรดเดอร์ที่เทรดที่ชอบเทรดมือจะปิดทำกำไรให้คุณอัตโนมัติแม้ในช่วงที่คุณหลับหรือไม่ได้อยู่บนหน้าจอ
    _______________
    Review จากสมาชิกครอบครัวเทรดเดอร์?
    .
    ทำกำไรกันรัวๆ!! มารวมเป็นครอบครัวเดียวกันกับเรา
    ?เรียนรู้การเทรดไปพร้อมกันฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
    _______________
    สนใจรับ EA เทรดฟรี แอดไลน์ : @ft.th ❤️
    _______________

    สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ

    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก

    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    https://bit.ly/ExnessCom
    รหัสพาสเนอร์เลข 11000789

    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด
    ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    รหัส IB GMP28407

    ______________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เป้าหมาย Forex – อะไรคือเป้าหมายที่เป็นจริงสำหรับผู้ซื้อขาย Forex?

    กุมภาพันธ์ 13, 2023

    เป้าหมาย Forex – อะไรคือเป้าหมายที่เป็นจริงสำหรับผู้ซื้อขาย Forex?

    เป้าหมายมีความสำคัญอย่างยิ่งในการประสบความสำเร็จในทุกสิ่ง และรวมการซื้อขายสกุลเงินไว้ด้วย อย่างไรก็ตาม เป้าหมาย forex อาจเป็นปัญหาได้ เนื่องจากปกติแล้วมนุษย์จะตั้งเป้าหมายไว้สูงเกินไป และอยู่นอกขอบเขตของสิ่งที่เป็นไปได้จริงในเวลาที่น้อยลง ตัวอย่างเช่น คุณไม่สามารถเป็นนักเทรดฟอเร็กซ์แบบเต็มเวลาได้หากคุณไม่รู้อะไรเลย

    แม้ว่าการมีเป้าหมายระยะยาวอันล้ำสมัยที่น่าทึ่งนั้นเป็นเรื่องถูกต้อง แต่คุณไม่ได้พยายามแก้ไขในระดับรากเหง้าและทำลายเป้าหมายเหล่านั้นในกรอบเวลาที่สั้นลง แต่ก็ยากที่จะปฏิบัติตาม การทำเช่นนี้จะป้องกันคุณจากการมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและจะทำให้คุณอยู่ในเส้นทาง

    ความผิดพลาดหลักที่นักเทรดทำในขณะที่ตั้งเป้าหมาย forex คือพวกเขาวางตำแหน่งไว้สูงจนไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้และหมดแรงทางการเงินภายใน 6 ถึง 12 เดือน สิ่งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากพวกเขาไม่สมเหตุสมผลกับเป้าหมายของพวกเขา มาพูดคุยกันเกี่ยวกับการซื้อและขายเป้าหมายการซื้อขายฟอเร็กซ์ที่คุณจำเป็นต้องมีเพื่อให้คุณสามารถก้าวต่อไปในตลาดฟอเร็กซ์

    เป้าหมายที่เป็นจริงสำหรับผู้ซื้อขาย Forex คืออะไร?

    เป้าหมาย Forex คือ:

    • ลดความคาดหวังของคุณ
    • เทรดเดอร์มืออาชีพ กำไร 20% ต่อปีถือว่าประสบความสำเร็จ
    • อย่ามีชีวิตอยู่จากการซื้อขายทันที
    • เป็นเทรดเดอร์พาร์ทไทม์แล้วเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ
    • วางแผนการซื้อขายแต่ละครั้งเป็นเป้าหมายหลักของอัตราแลกเปลี่ยน
    • เป้าหมายของคุณคือการสังเกตตลาด
    • คุณต้องรักการซื้อขายอย่างหลงใหล
    • ติดตามข่าวสารพื้นฐานแม้คุณจะเป็นเทรดเดอร์ระยะสั้น
    • วางแผนที่จะทำงานให้กับบริษัทประกอบฉากในวันหนึ่ง (แม้จะเป็นผู้ค้าทางไกล)

    การเทรด Forex และความคาดหวังที่ต่ำลง

    เทรดเดอร์มือใหม่ฝันถึงการเพิ่มเงินเป็นสองเท่าหลังจากเดือนแรก อย่างไรก็ตาม นักเทรดมืออาชีพใฝ่ฝันที่จะสร้างรายได้ 20% จากพอร์ตการลงทุนของพวกเขาในสิ้นปีนี้ นี่คือข้อแตกต่างระหว่างมืออาชีพและผู้ค้าปลีกที่จะระเบิดบัญชีในไม่ช้า ความคาดหวังที่เป็นจริงเป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุดของอัตราแลกเปลี่ยน

    สิ่งที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้ในขณะที่เริ่มต้นเป็นเทรดเดอร์ฟอเร็กซ์มือใหม่คือการมีความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสาขานี้และวิธีที่คุณสามารถใช้การซื้อและขายสกุลเงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด

    ความตั้งใจแรกที่คุณต้องมีคือเปลี่ยนความคิดของคุณเพื่อเรียนรู้ไม่ใช่แค่ทำเงิน เรียนรู้ให้มากที่สุดเพื่อไม่ให้เสียเงินและประสบความสำเร็จในระยะยาว

    แน่นอนว่าสิ่งนี้ไม่ได้ติดตามทุกคนอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นเทรดเดอร์ forex สมัครเล่นที่เพิ่งเริ่มต้น ไม่ควรนับการทำเงินสดจำนวนมากหรือ ‘รายได้’ จากการซื้อขาย ปีแรก ๆ เหล่านี้เป็นช่วงการศึกษาของคุณ คุณควรดำเนินการตามขั้นตอนการเรียนรู้ของคุณให้ดีที่สุด ลองใช้กับการซื้อขายในบัญชีขนาดเล็กและขยายขนาดต่อไปตามกาลเวลา

    ดังนั้น บทเรียนที่นี่คือ ในฐานะเทรดเดอร์มือใหม่ เป้าหมายในทางปฏิบัติของคุณคือการรักษาบัญชีซื้อขายฟอเร็กซ์ของคุณเสมือนเป็นแบบฝึกหัดเพื่อการเรียนรู้ ไม่ใช่แค่เครื่องมือการพิมพ์เงิน เช่นเดียวกับอาชีพอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นกีฬา บันเทิง หรืออะไรก็ตาม คุณไม่สามารถคาดเดาสิ่งต่างๆ และค้นคว้าข้อมูลเพียงเล็กน้อยได้ ไม่มีอะไรที่เหมือนกับความสำเร็จชั่วข้ามคืนในทุกสาขา

    อย่าหวังว่าจะได้เงินจำนวนมากทันที

    เมื่อคุณทำสิ่งพื้นฐานเสร็จแล้วและเรียนรู้เกี่ยวกับฟอเร็กซ์และได้ฝึกฝนการซื้อและขายมาระยะหนึ่งแล้ว คุณจะมั่นใจที่จะเริ่มเพิ่มความเสี่ยงต่อการค้าขาย และพร้อมที่จะอยู่ในโลกแห่งการซื้อขายจริง แม้ว่าอีกครั้ง มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้น และคุณอยู่ไกลจากการเป็นเทรดเดอร์เต็มเวลา และนี่คือเหตุผล

    ผู้ค้า forex ส่วนใหญ่จะเริ่มต้นด้วยบัญชีที่ต่ำกว่า $4000-5,000 ในมุมมองนี้ คุณจะต้องสร้างผลตอบแทน 1,000% จากบัญชีนั้นทุกปีเพื่อหาเลี้ยงชีพ เป้าหมายที่ใช้งานได้จริงคือเปลี่ยนกำไรทีละน้อยและสม่ำเสมอ กดปุ่ม ‘singles’ และ ‘doubles’ เพื่อสร้างบัญชีของคุณ

    ผลตอบแทนร้อยละห้าสิบถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ต่อปีจะเป็นผลตอบแทนที่เป็นประโยชน์หากคุณตีตัวเลข ตั้งใจทำมาหากินแต่ยังไม่ทำมาหากิน’ ดังนั้นอย่าปิดตากับความคาดหวังอันยิ่งใหญ่ของการทำเงิน

    คุณยังไม่มีเงินสดหรือความสามารถ ตามที่กำหนดไว้ข้างต้น คุณไม่สามารถสร้างที่อยู่อาศัยในบัญชีขนาดเล็กได้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถและต้องพยายามสร้างมันขึ้นมา การซื้อและการขายควรลดการสูญเสียให้น้อยที่สุดและพยายามสม่ำเสมอเพื่อให้ได้กำไรอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ อย่าใช้เลเวอเรจหรือหนี้สินมากเกินไป เนื่องจากการซื้อขายเกินหรือเลเวอเรจมากเกินไปนั้นมีความเสี่ยงและสามารถให้ผลลัพธ์ในทิศทางตรงกันข้าม

    เริ่มเป็นผู้ค้านอกเวลาก่อน

    ดังที่เราได้กล่าวไว้ข้างต้น มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่สามารถและจะไม่ได้รับชื่อเสียงของนักเทรดเต็มเวลาในช่วงเริ่มต้นของอาชีพการงาน ดังนั้น จุดเริ่มต้นที่ดีคือเปลี่ยนเป็นพ่อค้านอกเวลาก่อน และพยายามหารายได้ให้มากกว่ารายได้จากงานเต็มเวลาของคุณ มีข้อดีหลายประการเนื่องจากจะช่วยเพิ่มความมั่นใจของคุณและจะช่วยให้คุณมีความมั่นคงที่จำเป็นในการเป็นเทรดเดอร์เต็มเวลาในอนาคต

    หากคุณจัดการเงินในบริษัทซื้อขายหลักทรัพย์บางแห่ง คุณสามารถรับเงินได้มากกว่าผู้ค้าปลีกรายย่อย 10 ถึง 20 เท่า ตั้งเป้าหมาย forex ทำงานเป็น prop trader สักวันหนึ่ง!

    พยายามเปลี่ยนการเป็นดีลเลอร์ที่ดี

    ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือเทรดเดอร์มืออาชีพ คุณต้องตั้งใจที่จะให้ความสนใจกับเทคนิคในการซื้อและขาย และเปลี่ยนเป็นเทรดเดอร์ที่ดีขึ้นด้วยการเรียนรู้เทคนิคและเครื่องมือต่างๆ เช่น การวิเคราะห์ทางเทคนิค การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน เป็นต้น คุณทำได้ พยายามเอาชนะผู้ค้ารายอื่น นั่นอาจเป็นข้อได้เปรียบเพิ่มเติมของคุณ

    ตัวแทนจำหน่ายควรเน้นที่การค้าขายและไม่ใช่แค่รายได้และผลตอบแทนเท่านั้น จุดประสงค์พื้นฐานสำหรับสิ่งนี้คือ วิธีหลักในการทำให้ตัวแทนจำหน่ายที่คุ้มค่าคือขั้นตอนของการเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ และคุณไม่สามารถทำเช่นนั้นได้หากคุณกังวลเกี่ยวกับการทำเงินมากเกินไปเนื่องจากการที่คุณจะทำ แล้วเทรดด้วยอารมณ์ อารมณ์และตลาดไม่ได้ไปด้วยกันอย่างแน่นอน

    สังเกตตลาด

    ขั้นตอนที่สมเหตุสมผลอีกประการหนึ่งที่คุณควรทำคือการสังเกตตลาดต่อไปและจดบันทึกว่าตลาดมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อใดและอย่างไร เพื่อให้คุณได้ผลลัพธ์ที่มีความน่าจะเป็นสูง คุณไม่จำเป็นต้องอยู่ในตลาดสำหรับขั้นตอนนี้ คุณสามารถสังเกตได้โดยไม่ต้องเสียเงินสักบาทเดียว

    ข้อเท็จจริงที่สำคัญที่สุดก็คือนักเทรดส่วนใหญ่สูญเสียเงินสดเพราะเทรดมากเกินไป พวกเขาอยู่ในตลาดมากเกินไปอย่างแน่นอน การสูญเสียการซื้อขายทำให้พวกเขามีอารมณ์ และในสถานะนั้น พวกเขาทำการซื้อขายที่ผิดพลาดมากขึ้น ส่งผลให้เกิดหายนะ ต้องมีวินัยในตนเองและความอดทนในการออกจากตลาดในเวลาที่เหมาะสม แม้ว่าคุณจะขาดทุน เช่นเดียวกับผลกำไร การสูญเสียทวีคูณเช่นกัน

    ทำให้การซื้อขายความรักของคุณ

    เป็นที่ชัดเจนว่าผู้ที่ทำเงินจากตลาด forex รักการซื้อขาย มีความหลงใหลในเรื่องนี้ และทำงานอย่างหนักเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย forex ของพวกเขา นักฟุตบอลชอบเกมนี้ ฝึกฝนเพื่อสิ่งนี้ และฝึกฝนเกมนี้มาหลายปี เช่นเดียวกับการบรรลุเป้าหมายในการเทรดฟอเร็กซ์ทั้งหมด เทรดเดอร์ต้องอุทิศตนเพื่อมัน ซื่อสัตย์กับตัวเองและรักในสิ่งที่คุณทำ! นั่นเป็นทางลัดเดียวสู่ความสำเร็จ

    หากคุณเป็นเทรดเดอร์เต็มเวลา คุณจะรู้ว่าเพื่อให้บรรลุเป้าหมายและประสิทธิภาพการทำงาน พื้นที่ทำงานที่ดีและในกรณีนี้ การตั้งค่าโต๊ะซื้อขายที่ดีมีบทบาทสำคัญ

    เทรดเดอร์ทุกคนมีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ ตั้งแต่สร้างสรรค์ไปจนถึงขาวดำ คุณสามารถเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับคุณที่สุด คุณสามารถจับคู่การตั้งค่าโต๊ะซื้อขายหลักทรัพย์ที่บ้านกับธีมที่คุณชื่นชอบหรือแม้แต่รูปแบบการทำงาน ในบทความนี้ เรามีเคล็ดลับที่น่าทึ่งในการจัดการการตั้งค่าโต๊ะซื้อขายของคุณ

    สะท้อนสไตล์การเทรดของคุณ

    ลักษณะทั่วไปอย่างหนึ่งของเทรดเดอร์คือการมีมอนิเตอร์มากกว่าหนึ่งจอ และไม่มีอะไรมากเท่ากับเทรดเดอร์ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดูทิกเกอร์หลายตัวและตัดสินใจซื้อขายอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ผู้ค้าบางรายทำการค้าโดยใช้แล็ปท็อปหรือเดสก์ท็อป โดยพิจารณาว่าไม่มีสิ่งใดสามารถเอาชนะความเรียบง่ายได้ ดังนั้น เลือกสิ่งที่เหมาะกับคุณ

    การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่มั่นคง

    การสูญเสียการค้าเนื่องจากอินเทอร์เน็ตไม่ดีเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผู้ค้าจะต้องการสูญเสียการค้า การใช้ลิงก์อีเทอร์เน็ตแบบมีสายทำงานได้ดี แต่การใช้อุปกรณ์ไร้สายมีความต้องการและเชื่อถือได้มากขึ้น คุณยังสามารถเลือกการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยความเร็ว ‘เทอร์โบ’ ได้หากต้องการ

    ลดความฟุ้งซ่าน

    หากคุณมีโต๊ะซื้อขายสินค้าที่บ้าน คุณควรมีห้องหรือพื้นที่แยกต่างหากสำหรับการซื้อขายเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกรบกวนจากสมาชิกในครอบครัวของคุณ คุณควรตัดสินใจช่วงเวลาเฉพาะสำหรับการซื้อขายของคุณและส่งต่อให้สมาชิกในครอบครัวของคุณทราบ นอกจากนี้ โปรดอย่าใช้โทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์อื่นๆ ของคุณในขณะทำการซื้อขาย เนื่องจากอาจทำให้ขาดสมาธิได้

    พยายามทำตัวให้สบาย

    นอกจากโต๊ะซื้อขายแล้ว เก้าอี้ที่คุณนั่งก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน หากคุณไม่สะดวก คุณก็จะไม่สามารถให้ความสนใจเพียงพอ ดังนั้นคุณจึงสามารถวางเบาะเสริมหรือเก้าอี้ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อความสบายของคุณได้

    ในท้ายที่สุด ทั้งหมดอยู่ที่ความสบาย การโฟกัส และความเหมาะสมของคุณ ฟังตัวเองและทำตามสัญชาตญาณของคุณ!

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    รูปแบบแผนภูมิ Hikkake

    ตุลาคม 21, 2022

    รูปแบบแผนภูมิ Hikkake

    Hikkake แปลจากภาษาญี่ปุ่นแปลว่า “กับดัก” หรือ “กับดัก” เป็นรูปแบบ breakout เท็จที่พยายามหารูปแบบวันที่ล้มเหลวภายใน เป็นทั้งรูปแบบต่อเนื่องและการกลับตัวในแง่ของที่สามารถพบได้ในแนวโน้มขาขึ้น/ขาลง และเสนอโอกาสการค้าซื้อ/ขาย นอกจากนี้ยังสามารถพบได้ในแนวโน้มขาขึ้น/ขาลง และเสนอโอกาสในการขาย/ซื้อ

    รายละเอียด Hikkake

    รูปแบบประกอบด้วยสองแท่ง (แม้ว่าอันแรกจะขึ้นอยู่กับแท่งก่อนหน้าด้วย) แถบแรก (แถบสีน้ำเงินตามภาพด้านล่าง) คือแถบด้านใน แถบสูงควรต่ำกว่าค่าสูงสุดของแท่งก่อนหน้า และระดับต่ำสุดควรสูงกว่าแถบค่าต่ำสุดของแถบก่อนหน้า แท่งที่สอง ( สีม่วงแดง ) ควรมีทั้ง high และ high ที่สูงขึ้นสำหรับ bearish hikkake หรือ lower low และ lower high สำหรับ bullish hikkake แท่งสองแท่งนี้มีการตั้งค่า Hikkake ซึ่งจะทริกเกอร์หากแท่งใดแท่งหนึ่งในสามแท่งถัดไปทะลุผ่านจุดสูงสุดของแถบด้านใน (สำหรับแท่ง Hikkake แบบกระทิง) หรือผ่านระดับต่ำสุด (สำหรับแท่ง Hikkake แบบหยาบคาย):

    ลวดลาย Hikkake รั้น ลายหมีฮิคคาเคะ
    กระทิง Hikkake หมี Hikkake

    รูปแบบที่แสดงด้านบนแสดงให้เห็นถึงเส้นแบ่ง (เส้นประ) ซึ่งถูกละเมิดโดยแท่งที่สองหลังจากรูปแบบเสร็จสิ้น ทำให้เกิดสัญญาณการซื้อขาย

    ดังที่คุณเห็นในแผนภูมิ ทิศทางของแท่ง (ความสัมพันธ์เปิด/ปิด) ไม่สำคัญ รูปแบบ Hikkake นั้นดีเป็นพิเศษสำหรับผู้ค้า Forex เนื่องจากไม่คำนึงถึงระดับการเปิด/ปิดของแท่งเทียน สิ่งนี้ให้ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ซึ่งปิดและเปิดเพียงสัปดาห์ละครั้งเท่านั้น

    การซื้อขาย

    กลยุทธ์การซื้อขายที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบฮิกคาเคะนั้นชัดเจนจากตัวอย่างข้างต้น ผู้ค้าตั้งค่าคำสั่งหยุดเข้าที่รอดำเนินการใกล้กับแถบด้านในสูงหรือต่ำ การ  หยุดการขาดทุนถูกตั้งค่าไว้ที่ระดับสูง (สำหรับตลาดหมี Hikkake) หรือระดับต่ำ (สำหรับกลุ่มตลาดกระทิง) ของแถบที่สองของรูปแบบ สามารถกำหนด ระดับการทำกำไรได้ตามความต้องการของเทรดเดอร์ การเพิ่มค่า  หยุดการขาดทุน (1×SL, 2×SL หรือ 3×SL) ทำงานได้ดี และการหยุดต่อท้ายเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง

    ตัวอย่างการซื้อขาย Hikkake

    มาดูตัวอย่างในชีวิตจริงของการซื้อขายแบบสมมุติฐานกัน แถบด้านในเป็นสีน้ำเงิน ส่วนแถบ Hikkake ที่สองมีสีม่วงแดง แถบสีเขียวสดใสคือแถบด้านในที่ไม่ได้ตามด้วยแท่งสูงที่สูงขึ้น + สูงขึ้น ต่ำหรือต่ำลง + แถบสูงที่ต่ำกว่า ดังนั้นจึงไม่ถือเป็นการเดินป่าที่ถูกต้อง

    ตัวอย่างที่แสดงในแผนภูมิแรกมาจากช่วงเดือนพฤศจิกายน 2549 – มีนาคม 2550 สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่  ตัวอย่าง ที่เลือกเอง — พวกมันเป็นตัวแทนของสายพันธุ์เฉลี่ยของรูปแบบแผนภูมิ รูปแบบAและ  Dจะไม่ถูกกระตุ้นโดยแท่งใดแท่งหนึ่งในสามแท่งหลังรูปแบบฮิคคาเคะ รูปแบบBถูกทริกเกอร์ในแถบถัดไปและในสองวันจะถึงเป้าหมายที่ 1×SL ( stop-loss ) รูปแบบCถูกกระตุ้นโดยแถบหลังการก่อตัว ที่สอง และหลังจาก 5 วัน มันก็ถึงเป้าหมายที่ 1×SL

    ตัวอย่างการซื้อขาย Hikkake ในกราฟรายวัน GBP/USD

    แผนภูมิที่สองแสดงตัวอย่างจากช่วงเดือนมีนาคม-มิถุนายน 2550 แผนภูมินี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับ hikkake โดยเฉพาะที่ไม่เคยเรียก รูปแบบA , C , D , G , H , Iและ  Jไม่สามารถทริกเกอร์ได้ รูปแบบBถ่ายทำในวันที่สองและเป้าหมาย 1×SL สำเร็จในวันที่สี่ รูปแบบEกลายเป็นรูป  แบบระยะยาวแม้ว่าจะเริ่มในวันแรก แต่ระดับการ  ทำกำไรยังไม่ถึงวันที่ 13 รูปแบบFค่อนข้างโชคร้าย — มันถูกกระตุ้นและหยุดในวันที่ #1 เป็นผู้แพ้เพียงคนเดียว (โดยมีการหยุดการขาดทุน ค่อนข้างแน่น ) ในแผนภูมิทั้งสองนี้

    ตัวอย่างการซื้อขาย Hikkake ที่มากขึ้นในกราฟรายวัน GBP/USD

    บทสรุป

    Hikkake อยู่ไกลจากการเป็นแบบ  กันกระสุน นอกจากนี้ยังไม่ให้โอกาสในการซื้อขายมากเกินไป อย่างไรก็ตาม เป็นกราฟที่ยืดหยุ่นซึ่งให้โอกาสในการซื้อขายโดยใช้คำสั่งที่รอดำเนิน การ และได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีความน่าเชื่อถือเพียงพอที่จะทดสอบต่อไปเป็นอย่างน้อย

    _____________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )

    _____________________________________________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการเทรดในระบบเทรด Forex ระยะสั้น

    ตุลาคม 21, 2022

    ระบบเทรด Forex ระยะสั้น หมายถึงการเทรด โดยมีระยะเวลาการถือครอง position ตั้งแต่ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ถึงระยะเวลาประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ โดยไม่เกินนี้ โดยสัมพันธ์กับ Time Frame ที่ทำการเทรด หรือ Time Frame ที่ใช้ในระบบเทรด เช่น Time Frame 1H หรือ 4H ซึ่งระยะเวลาในการถือครองจะสอดคล้องกับการวิเคราะห์ โดยระบบเทรดระยะสั้นเป็นระบบเทรดที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากต้องการทำรอบในการทำกำไรที่รวดเร็ว  การทำรอบในการทำกำไรที่รวดเร็วสามารถเพิ่มกำไรได้อย่างรวดเร็ว สามารถสร้างการเจริญเติบโตของพอร์ทได้เร็ว ในกรณีที่ทำกำไรได้ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ระบบเทรด Forex แบบระยะสั้นก็ทำให้พอร์ทการลงทุนลดลงได้อย่างรวดเร็วในกรณีที่ขาดทุนอย่างต่อเนื่องอีกเช่นกัน ซึ่งจะมีอธิบายในเทคนิคระบบเทรด Forex ระยะสั้นนี้

    เทคนิคในระบบเทรด Forex สามารถแบ่งเป็น 3 ระยะหลัก ๆ ได้แก่ ระบบเทรดระยะสั้นมาก ๆ คือระบบเทรด Scalping ซึ่งเป็นการถือ Position ในระดับหลักชั่วโมง และถือไม่เกิน 1 วัน เรียกทั่วไปว่า Day Trader หรือถ้าหากเป็นระบบเทรดระยะสั้น คือระบบเทรดแบบ Swing Trade จะถือ position ยาวขึ้นมาหน่อย คือ ระยะ 1 วัน จนถึงระยะเวลา 1 – 2 สัปดาห์ ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวทำให้ต้นทุนการถือ position ไม่มีนัยสำคัญมากนัก ระบบเทรดระยะกลาง คือการถือ Position หลัก 1 – 2 เดือน ขณะที่ระบบเทรดระยะยาว หรือ Long Term Trading เกี่ยวข้องกับระบบเทรด โดยใช้พื้นฐานเศรษฐกิจ นโยบายการเงินในการวิเคราะห์ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนโยบาย 1 ครั้งต้องอาศัยผลของมันในระยะยาว จึงอาจจะเรียกว่า ระบบเทรดระยะยาวอาจจะต้องถือ position เป็นปี ๆ เลย ซึ่งวันนี้เราจะมาขยายความระบบเทรดระยะสั้นกันก่อน ดังนี้

    ข้อได้เปรียบและจุดอ่อนของระบบเทรดระยะสั้น

    ข้อได้เปรียบของระบบเทรดระยะสั้น คือ ระบบเทรดระยะสั้น สามารถคาดการณ์ได้ง่าย  การคาดการณ์ได้ง่ายหมายความว่า อย่างไร ระบบเทรดระยะสั้นคือการใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคล้วน ๆ ซึ่งการคาดการณ์ของการวิเคราะห์ทางเทคนิคสามารถใช้ Time Frame ที่ใหญ่ว่าในการคาดเดาทิศทาง สิ่งที่คนเทรดระยะสั้นต้องระวังคือ การไม่เผลอถือ position นอกเหนือแผนการเทรดของตัวเอง เพราะว่า ถ้าหากเราไม่ตั้ง Stop loss แล้วผลการเทรดที่ขาดทุนจะนำไปสู่การลดลงของพอร์ทอย่างใหญ่หลวง เนื่องจาก การเทรดระยะสั้น ระยะทางการวิ่งของราคาจะน้อย ทำให้ส่ง Lot ใหญ่เพื่อชดเชยกับระยะทาง ดังนั้น หากเราไม่ใส่ Stop loss ในระบบเทรดระยะสั้น คงไม่ต้องพูดถึงว่าจะต้องเผชิญชะตากรรมอะไรบ้าง

     

     

     

                                           เทคนิคในระบบเทรด Forex ระยะสั้น – ข้อดีข้อเสีย

     

    ข้อดีของระบบเทรดระยะสั้นอีกอย่าง คือ เราไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นในระยะยาว เราสามารถตั้ง Position และเปิด Stop loss ไว้ เมื่อมันชน Stop loss ก็คือ จบการเทรด เราไม่ต้องเผชิญกับภาวะจิตใจที่ต้องรู้สึกว่าจะต้องทนกับการถือ position ลองดูการเทรดระยะยาว ที่ต้องถือ position ข้ามปี และต้องถือต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทุกวัน (Swap) ทำให้กำไรที่กว่าจะได้มานั้นบางครั้งอาจจะไม่ Cover ขาดทุนจาก Swap ด้วยซ้ำ ซึ่งระบบเทรดระยะสั้นไม่ต้องเผชิญข้อนี้

    อย่างไรก็ตามระบบเทรดระยะสั้น นั้นยังมีข้อเสียที่ตามมาอย่างชัดเจน คือ การเผชิญกับภาวะจิตใจที่ขึ้น ๆ ลง เช่น ถ้าหากเราขาดทุนติด ๆ กันสัก 6 ครั้ง เราจะหงุดหงิดและโมโห อยากจะเอาคืน ซึ่งมันมีความเป็นไปได้สูงมากที่เราจะทำอะไรโดยไม่คิด ขาดสติจากการโมโหนั้นและโดยการส่ง Lot ขนาดใหญ่เพื่อจะเอาคืน ซึ่งหลายคนก็เกิดอาการฟิวส์ขาดนี้ได้บ่อย ๆ  นอกจากนี้ ระบบเทรดระยะสั้น อาจจะทำให้ผลตอบแทนลดลงอย่างรวดเร็วอย่างมีนัยสำคัญ นั่นเพราะว่า เมื่อเราขาดทุนในระยะสั้น เรายังขาดทุนได้บ่อยครั้งกว่าการถือ position ในระยะยาว เมื่อขาดทุนติด ๆ กันทำให้การกลับมาใหม่เพื่อทำให้ได้ระดับที่เท่าทุนนั้นยิ่งทำได้ยาก

    จากข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบดังกล่าว ระบบเทรดระยะสั้นนั้น เทรดเดอร์ต้องฝึกให้มีความชำนาญ และสามารถป้องกันปัญหาข้ออ่อนของมันไม่ให้เกิดขึ้น โดยการไม่ทำตามอารมณ์ ทำตามแผนการเทรด จะทำให้ไม่นำตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายได้

    กลยุทธ์การเทรด

    การเข้าเทรดในระบบเทรดระยะสั้น นั้นจะต้องใช้เครื่องมือให้เหมาะสมกับ Time Frame โดยกลยุทธ์การเทรดนี้จะพูดถึง การเข้า การออก จากการเทรด ซึ่งรวมถึงเครื่องมือและ indicator ต่างที่ควรใช้ ดังนี้

    การเข้าเทรด

    การเข้าเทรด ระบบเทรดระยะสั้น เป็นการเทรด Swing ประเภทหนึ่ง ซึ่งเครื่องมือประเภทเทรด Swing ก็จะสามารถใช้ Stochastic RSI  หรืออาจจะใช้เครื่องมือประเภทเทรนด์ได้ แต่ว่าจะต้องใช้ Time Frame เล็กกว่าที่กำหนด ในตัวอย่างนี้ผมจะใช้ Stochastic ในการจัดการการเข้าเทรด โดยเลือก Time Frame  4 ชั่วโมง ซึ่งรอบของการขึ้นลงต่อรอบเท่ากับ ประมาณหลักสัปดาห์

    การตั้ง Stop loss แล้ว เราควรทำการตั้ง Trailing Stop เพื่อป้องกันออเดอร์ที่กำไรกลับกลายเป็นออเดอร์ขาดทุน ในกรณีที่มีการถือ position ข้ามคืน ตอนกลางคืนไม่ได้ดูทำให้เราไม่ต้องกังวล แม้ว่ากำไรอาจจน้อยไปบ้างเพราะมันอาจจะย้อนกลับมาชนการแกว่งตัวของราคา แต่ก็ทำให้ความปลอดภัยนั้นเพิ่มขึ้น

    การจัดการการเงินและแผนในระบบเทรด

    การจัดการการเงิน และ แผนในระบบเทรด นั้นไม่ได้มีอะไรซับซ้อนสำหรับระบบเทรดระยะสั้น สิ่งที่ยากกว่าคือ การรักษาวินัยให้ได้ตามการวางแผนการลงทุน โดยการจัดการการเงินที่ดีที่สุดสำหรับระบบเทรดแบบนี้ คือ การเสี่ยงทีละ 1 – 2 % เท่านั้น ขณะที่ควบคุม Risk Reward ให้ได้ใกล้เคียงกับ 1:2 ทุกครั้ง สิ่งสำคัญที่สุดคืออย่างหนึ่งของแผนการเทรดคือ การทำ Journal เพื่อควบคุมอารมณ์ตัวเราเอง

    ขณะที่แผนการเทรดนั้น ควรจะต้องมีการวางเป้าหมาย โดยเป้าหมาย คือการอยู่ให้รอดในตลาดให้นานที่สุด ในตลาดเราไม่รู้ว่โอกาสของเราจะมาในวันไหนสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราทำได้คือ การอยู่รอดเพื่อให้วันที่เราจะทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำมาถึง นั่นคือวันที่เราสามารถทำกำไรติด ๆ กันได้ ถ้าหากอยากประสบความสำเร็จเราต้องให้ความสนใจกับ Consecutive win เพราะว่านั่นคือวิธีที่จะทำให้พอร์ทลงทุนเติบโต

     

    แผนการเทรดเป็นสิ่งที่จะทำให้เราเติบโตในระยะยาว ซึ่งเราควรพัฒนาแผนการเทรดและปรับปรุงมันอยู่เสมอ  การพัฒนาแผนการเทรดที่ดีนั้นควรจะต้องมีหลักการและเหตุผล โดยอ้างอิงตามลักษณะปัญหาของการเทรดที่เกิดขึ้น เทรดเดอร์ต้องทำหน้าที่เป็นนักจิตวิทยาของตัวเองในการแก้ไขปัญหาของตัวเอง

    _____________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )

    _____________________________________________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    3 ข้อดี การเทรด Forex ระยะสั้น

    ตุลาคม 20, 2022

     

     

     

     

    3 ข้อดีของการเทรด Forex ระยะสั้น

    การซื้อขายในช่วงเวลาสั้น ๆ ในตลาด Forex มักถูกมองว่าเป็นแนวทางปฏิบัติที่ได้รับความนิยมมากกว่าการซื้อขายระยะยาว ในการซื้อขายระยะสั้น สถานะของคุณมักจะอยู่ได้ไม่เกินหนึ่งวัน ในขณะที่การซื้อขายระยะยาวสามารถเปิดได้หลายปี

    การซื้อขาย Forex ระยะสั้นมีข้อดี ดังนี้

    1. คุณสามารถซื้อขายได้หลายพันโอกาสเมื่ออัตราแลกเปลี่ยนมีการเปลี่ยนแปลงโดยมีความผันผวนสูง คุณสามารถจับทุกวงสวิง — ขึ้นหรือลง ซื้อขายภายในช่วงและช่องทาง แม้แต่ตลาดไซด์เวย์ก็สามารถซื้อขายได้ในระยะสั้น เมื่อคุณซื้อขายระยะยาว คุณพลาดโอกาสเหล่านี้
    2. คุณไม่จำเป็นต้องผูกเงินของคุณเป็นเวลานาน เงินทุนหลักประกันของคุณถูกล็อคไว้ในช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น และคุณสามารถเอามันออกจากบัญชีซื้อขายได้อย่างง่ายดายหากคุณต้องการจริงๆ แล้วนำมันกลับคืนมาและทำการซื้อขายต่อไปโดยไม่มีปัญหาใดๆ ในการซื้อขายระยะยาว เงินของคุณจะถูกยึดไว้ในตำแหน่งเป็นเวลาหลายเดือน
    3. สัญญาณการซื้อขาย Forexส่วนใหญ่  ใช้ได้กับการซื้อขายระยะสั้นเท่านั้น โดยปกติ ทั้งสัญญาณทางเทคนิคและสัญญาณพื้นฐานจะให้โอกาสในการซื้อขายที่หมดไปภายในเวลาไม่ถึงหลายชั่วโมง จำนวนสัญญาณและเหตุการณ์ที่มีอิทธิพลต่ออัตราสกุลเงินในระยะยาวมีน้อยมาก

    นี่คือสิ่งที่คุณจะได้รับหากคุณชอบที่จะซื้อขายระหว่างวันและใช้เทคนิคต่างๆ เช่น การซื้อขายฝ่าวงล้อม การถลกหนังการ ซื้อขายตาม ข่าว การซื้อขายช่วง และกลยุทธ์ระยะสั้นอื่นๆ แน่นอนว่ายังมีข้อเสียอยู่บ้างในการซื้อขายระยะสั้น แต่ก็ไม่ใช่หัวข้อของคู่มือนี้ การเทรด Forex ระยะสั้นค่อนข้างดึงดูดนักเทรดรายใหม่ แต่ความเสี่ยงของพวกเขาอยู่ในความผันผวน หากคุณสามารถตั้งค่า stop-loss ที่สมเหตุสมผลและยังคงทำเงินได้ นั่นเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุดที่จะอยู่ในสถานะ short front

    _____________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )

    _____________________________________________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    10 ข้อเสียของการเทรดรูปแบบฮาร์มอนิก (Harmonic)

    ตุลาคม 20, 2022

    10 ข้อเสียของการเทรดรูปแบบฮาร์มอนิก (Harmonic)

    รูปแบบฮาร์มอนิกช่วยให้ผู้เทรดระบุระดับราคาที่แนวโน้มของสินทรัพย์อาจเกิดการพลิกกลับ ดังนั้นจึงทำให้เทรดเดอร์ได้เปรียบในการเข้าเทรดตั้งแต่เนิ่นๆ ตราบใดที่การคาดการณ์เป็นจริง อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับระบบการซื้อขายอื่น ๆ รูปแบบฮาร์มอนิกก็มีข้อเสียเหมือนกัน

    ข้อเสียที่สำคัญของการซื้อขายรูปแบบฮาร์มอนิก (Harmonic)

    1. รูปแบบมากเกินไป

    ขาที่สร้างรูปแบบฮาร์มอนิกจะใช้อัตราส่วนฟีโบนักชีเฉพาะซึ่งกันและกัน หากมีเพียงรูปแบบเดียว เทรดเดอร์อาจจำอัตราส่วนได้ ในทางตรงกันข้าม มีรูปแบบฮาร์มอนิกอย่างน้อยครึ่งโหล (Bat, Butterfly, Crab, AB=CD, Gartley เป็นต้น) ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากสำหรับผู้เทรดที่จะศึกษา จดจำ และระบุรูปแบบเหล่านั้นโดยไม่ต้องใช้ซอฟต์แวร์พิเศษ หรือindicators นอกจากนี้ เทรดเดอร์จะพบว่าเป็นการยากที่จะระบุรูปแบบฮาร์มอนิกที่ไม่เพียงแต่มีโอกาสประสบความสำเร็จสูงเท่านั้น แต่ยังให้ผลกำไรที่น่าชื่นชมอีกด้วย

    2. สัญญาณที่ขัดแย้งกัน

    เป็นปัญหาที่พบบ่อยที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้น รูปแบบฮาร์มอนิกซึ่งพัฒนาในกรอบเวลาที่ต่างกัน อาจแสดงสัญญาณที่ขัดแย้งกัน เราอาจเห็นรูปแบบตลาดกระทิงและตลาดหมีในสองกรอบเวลาทันที สิ่งนี้อาจสร้างความสับสนในใจของเทรดเดอร์ กราฟ USD/JPY ด้านล่างแสดงรูปแบบฮาร์โมนิกรวมขาลงในกรอบเวลา 15 นาที และรูปแบบฮาร์โมนิกของฉลามกระทิงในกรอบเวลา 30 นาที ในสถานการณ์ดังกล่าว เฉพาะประสบการณ์ในการซื้อขายก่อนหน้านี้เท่านั้นที่จะช่วยให้ผู้ค้าสามารถประเมินสถานการณ์และตัดสินใจซื้อขายได้อย่างเหมาะสม ความรู้เกี่ยวกับรูปแบบฮาร์มอนิกเพียงอย่างเดียวจะไม่เพียงพอ

    Bearish Total Harmonic Pattern
    USD/JPY – Bearish Total Harmonic Pattern ในกรอบเวลา M15
    Bullish Shark รูปแบบฮาร์มอนิก
    USD/JPY – รูปแบบฮาร์โมนิกของ Bullish Shark ในกรอบเวลา M30

    3. มีโอกาสสูงที่จะหยุดการขาดทุน

    ผู้เทรดที่ปฏิบัติตามกฎของการซื้อขายรูปแบบฮาร์มอนิกอย่างเคร่งจะรับรองรายการที่แม่นยำและระดับการหยุดการขาดทุน อย่างไรก็ตาม เป็นที่เข้าใจได้ว่ากฎการเข้าและหยุดการขาดทุนมักจะถูกผู้เล่นหลักบิดเบือนได้ง่าย และอาจกลายเป็นข้อเสียเปรียบหลักได้ ในตลาด Forex อีกสองสาม pip ที่ลึกลงไปใน Potential Reversal Zone (PRZ) จะมากเกินพอที่จะกระตุ้นคำสั่งหยุดการขาดทุนได้ค่อนข้างง่ายในช่วงที่มีความผันผวน

    4. การคาดการณ์ส่วนขยาย

    แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วรูปแบบฮาร์มอนิกจะถูกมองว่ามีกฎการซื้อขายที่แน่นอน แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป ขาที่ประกอบเป็นลวดลายสามารถต่อขยายได้ในรูปแบบฮาร์โมนิกหลายแบบ ตัวอย่างเช่น ในรูปแบบ AB=CD ทางเลือกง่ายๆ ความยาวของขา CD สามารถเป็น 1.27 หรือ 1.618 เท่าของความยาวของขา AB ในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้เชี่ยวชาญที่ช่ำชองจะคำนวณความยาวที่น่าจะเป็นของขาซีดีโดยศึกษาขา BC ไม่จำเป็นต้องพูดว่าประสบการณ์เท่านั้นที่สามารถสอนเทคนิคเหล่านั้นให้กับผู้ค้าได้ ดังนั้นจึงเป็นการชำระล้างแนวคิดทั้งหมดของการตัดสินใจอย่างชาญฉลาดโดยการเรียนรู้รูปแบบฮาร์มอนิก

    5. กรอบเวลา

    รูปแบบฮาร์มอนิกจะจัดการกับอัตราส่วนระหว่างการแกว่งของราคาเท่านั้น ไม่ได้พูดถึงกรอบเวลาที่จะเลือกหรือเวลาที่จำเป็นในการบรรลุหรือละเมิดรูปแบบเฉพาะ นอกจากนี้ รูปแบบฮาร์มอนิกส่วนใหญ่จะใช้โดยผู้ค้าสวิง การซื้อขายรูปแบบฮาร์มอนิกไม่เหมาะกับกรอบเวลาระยะสั้นและการซื้อขายรายวันโดยทั่วไป

    6. ทางเทคนิคล้วนๆ

    รูปแบบฮาร์มอนิกตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่ามนุษย์มักจะทำซ้ำพฤติกรรมในอดีตของพวกเขาโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว หากปัจจัยพื้นฐานของสินทรัพย์เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ก็แน่นอนว่ารูปแบบจะล้มเหลว ผู้เทรดสกุลเงินมืออาชีพควรให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐานที่ทำให้ค่าเงินแข็งค่าหรืออ่อนค่าลงอย่างแน่นอน เมื่อผู้ค้าจำนวนมากส่งคำสั่งซื้อหรือขายเพียงเพราะรูปแบบบ่งชี้การกลับตัว ณ จุดใดจุดหนึ่ง มันจะกลายเป็นคำทำนายที่ตอบสนองด้วยตนเอง ผู้จัดการกองทุนอัจฉริยะสามารถหยุดการหยุดได้อย่างง่ายดายในเวลาไม่นาน แม้ว่าจะไม่มีการปฏิเสธว่าความผันผวนในระยะสั้นไม่สามารถอธิบายได้เสมอผ่านข้อมูลทางเศรษฐกิจ แต่ถึงกระนั้น การวางคำสั่งซื้อหรือขายโดยอาศัยรูปแบบฮาร์มอนิกล้วนๆ ก็ไม่ใช่การตัดสินใจที่ฉลาดอย่างแน่นอน

    7. รูปแบบสามารถเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้

    ไม่มีการรับประกันว่ารูปแบบฮาร์มอนิกจะสมบูรณ์ตามที่คาดไว้ ขาข้างหนึ่งสามารถยืดออกได้ ส่งผลให้เกิดความล้มเหลวของรูปแบบ นอกจากนี้ รูปแบบยังสามารถแปลงเป็นรูปแบบอื่นได้อีกด้วย สมมติว่ารูปแบบ Gartley กำลังพัฒนาในกราฟราคา สำหรับรูปแบบ Gartley ที่สมบูรณ์แบบ ขา AB ควรเท่ากับ CD ขา อย่างไรก็ตาม ความชันของแผ่นซีดีอาจไม่เท่ากับความชันของ AB ให้ X แทนค่า swing high ล่าสุด จากนั้น สำหรับรูปแบบ Harmonic Gartley จุด B และจุด D ไม่ควรเกิน X ในขณะที่จุด C ไม่ควรเกิน A หากจุด D เกิน X รูปแบบจะกลายเป็น a ความล้มเหลว. นอกจากนี้ รูปแบบยังสามารถแปลงเป็นรูปแบบฮาร์มอนิกของผีเสื้อ ความเป็นไปได้ดังกล่าวจะทำให้ผู้เทรดมือใหม่อยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

    8. ปัญหาเกี่ยวกับเขตกลับตัวที่อาจเกิดขึ้น (PRZ)

    PRZ ของรูปแบบฮาร์มอนิกบางรูปแบบประกอบด้วยจุดสุดยอดของอัตราส่วนฟีโบนักชีหลายอัตราส่วน ปัญหาคือระดับที่ระบุโดยอัตราส่วน Fibonacci อาจกระจายมากกว่า 50 pips หรือมากกว่า ตัวอย่างเช่น อัตราส่วนที่ประกอบเป็น PRZ ในรูปแบบ Gartley คือ 0.786 XA, 1.27 BC และ 1.618 BC นอกจากนี้ ระดับที่ AB=CD อาจสิ้นสุดใน PRZ ด้วย ดังนั้นจึงไม่สามารถทำการสั่งซื้อทันทีและรอให้ราคาไปถึง PRZ ผู้ค้าปลีกต้องคอยติดตามการก่อตัวของจุดต่ำสุดที่สูงขึ้นหรือจุดต่ำสุดที่ต่ำกว่าเพื่อเข้าสู่ตำแหน่งยาวหรือสั้น สิ่งนี้ทำให้การซื้อขายตามรูปแบบฮาร์มอนิกเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน

    9. Clumsy charts

    กราฟราคาจะดูงุ่มง่ามเมื่อใดก็ตามที่แนบindicators รูปแบบฮาร์มอนิกเข้ากับแผนภูมิ เทรดเดอร์ที่ช่ำชองมักจะแนะนำให้ผู้เริ่มต้นใช้แผนภูมิราคาที่ชัดเจน เพื่อให้สามารถเห็นระดับแนวรับและแนวต้านได้อย่างชัดเจน การมีเส้นจำนวนมากบนกราฟราคาสามารถเบี่ยงเบนความสนใจของเทรดเดอร์จากระดับที่สำคัญได้

    แผนภูมิรก
    สัญญาณรบกวนของแผนภูมิมากเกินไปเนื่องจากมาร์กอัปรูปแบบฮาร์มอนิก

    10. ไม่มีการขาดแคลนรูปแบบใหม่

    ไม่มีการเรียกร้องของรูปแบบฮาร์มอนิกใหม่ในอินเทอร์เน็ต เกือบทั้งหมดมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยจากรูปแบบฮาร์มอนิกหลักหกรูปแบบ อันที่จริง การอ้างสิทธิ์ดังกล่าวเพิ่มความซับซ้อนของการซื้อขายรูปแบบฮาร์มอนิกเพิ่มเติม

    _____________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )

    _____________________________________________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    ข้อดีและข้อเสียของการซื้อขาย Forex ?

    ตุลาคม 20, 2022

    ข้อดีและข้อเสียของการซื้อขาย Forex ?

    ข้อดีของการซื้อขาย Forex

    • ตลาด Forex เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในแง่ของปริมาณการซื้อขายรายวันในโลก และดังนั้นจึงมีสภาพคล่องมากที่สุด ง่ายต่อการเข้าและออกจาก  ตำแหน่ง  ในสกุลเงินหลักใดๆ ภายในเสี้ยววินาทีสำหรับสเปรดเล็กน้อยในสภาวะตลาดส่วนใหญ่
    • ตลาดฟอเร็กซ์มีการซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง ห้าวันครึ่งต่อสัปดาห์ เริ่มในแต่ละวันในออสเตรเลียและสิ้นสุดที่นิวยอร์ก ขอบเขตเวลาและความครอบคลุมที่กว้างทำให้เทรดเดอร์มีโอกาสมากมายในการทำกำไรหรือปกปิดการขาดทุน ตลาดฟอเร็กซ์ที่สำคัญ ได้แก่ แฟรงก์เฟิร์ต ฮ่องกง ลอนดอน นิวยอร์ก ปารีส สิงคโปร์ ซิดนีย์ โตเกียว และซูริก
    • การใช้เลเวอเรจอย่างกว้างขวางในการเทรดฟอเร็กซ์หมายความว่าคุณสามารถเริ่มต้นด้วยเงินทุนเพียงเล็กน้อยและเพิ่มผลกำไรของคุณ

      ระบบอัตโนมัติของตลาดฟอเร็กซ์ช่วยให้ดำเนินการกลยุทธ์การซื้อขายได้อย่างรวดเร็ว

    • การซื้อขาย Forex มักทำตามกฎเดียวกันกับการซื้อขายปกติและต้องการเงินทุนเริ่มต้นน้อยกว่ามาก ดังนั้นจึงง่ายกว่าที่จะเริ่มซื้อขาย forex เมื่อเทียบกับหุ้น
    • ตลาดฟอเร็กซ์มีการกระจายอำนาจมากกว่าตลาดหุ้นหรือตลาดตราสารหนี้แบบดั้งเดิม ไม่มีการแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ที่ครอบงำการดำเนินการซื้อขายสกุลเงิน และโอกาสในการยักย้ายผ่านข้อมูลภายในเกี่ยวกับบริษัทหรือหุ้นก็ต่ำกว่า

    ข้อเสียของการซื้อขาย Forex

    • แม้ว่าจะเป็นตลาดที่มีสภาพคล่องมากที่สุดในโลก แต่การซื้อขายแลกเปลี่ยนมีความผันผวนมากกว่าตลาดปกติ
    • เลเวอเรจจำนวนมากทำให้ตัวแทนจำหน่ายจำนวนมากล้มละลายโดยไม่คาดคิด
    • ธนาคาร โบรกเกอร์ และตัวแทนจำหน่ายในตลาดฟอเร็กซ์อนุญาตให้มีเลเวอเรจจำนวนมาก ซึ่งหมายความว่าผู้ค้าสามารถควบคุมตำแหน่งขนาดใหญ่ด้วยเงินของตัวเองที่ค่อนข้างน้อย เลเวอเรจในช่วง 100:1 ไม่ใช่เรื่องแปลกใน forex เทรดเดอร์ต้องเข้าใจการใช้เลเวอเรจและความเสี่ยงที่เลเวอเรจแนะนำในบัญชี
    • การซื้อขายสกุลเงินอย่างมีประสิทธิผลจำเป็นต้องมีความเข้าใจพื้นฐานทางเศรษฐกิจและตัวชี้วัด ผู้ค้าสกุลเงินจำเป็นต้องมีความเข้าใจในภาพรวมเกี่ยวกับเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ และความเชื่อมโยงถึงกันเพื่อทำความเข้าใจพื้นฐานที่ขับเคลื่อนมูลค่าสกุลเงิน
    • ลักษณะการกระจายอำนาจของตลาดฟอเร็กซ์หมายความว่ามีความรับผิดชอบต่อกฎระเบียบน้อยกว่าตลาดการเงินอื่นๆ ขอบเขตและลักษณะของกฎระเบียบในตลาดฟอเร็กซ์ขึ้นอยู่กับเขตอำนาจของการซื้อขาย
    • ตลาด Forex ไม่มีเครื่องมือที่สร้างรายได้ประจำ เช่น การจ่ายเงินปันผลเป็นประจำ ซึ่งอาจดึงดูดใจนักลงทุนที่ไม่สนใจผลตอบแทนแบบทวีคูณ
    _____________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )

    _____________________________________________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    Slippage ใน Forex คืออะไร?

    ตุลาคม 20, 2022

    Slippage คืออะไร?

    Slippage หมายถึงความแตกต่างระหว่างราคาที่คาดหวังของการซื้อขายและราคาที่ดำเนินการซื้อขาย Slippage สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาแต่จะแพร่หลายมากที่สุดในช่วงที่มีความผันผวนสูง เมื่อมีการใช้คำสั่งของตลาด นอกจากนี้ยังสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อมีการดำเนินการคำสั่งจำนวนมาก แต่มีปริมาณไม่เพียงพอที่ราคาที่เลือกเพื่อรักษาส่วนต่างราคาเสนอ/สอบถามปัจจุบัน

    Slippage ทำงานอย่างไร?

    Slippage ไม่ได้แสดงถึงการเคลื่อนไหวเชิงลบหรือเป็นบวก เนื่องจากความแตกต่างใดๆ ระหว่างราคาส่งคำสั่งที่ตั้งใจไว้และราคาดำเนินการจริงจะถือเป็นการเลื่อนหลุด เมื่อมีการดำเนินการตามคำสั่ง หลักทรัพย์จะถูกซื้อหรือขายในราคาที่เหมาะสมที่สุดที่เสนอโดยการแลกเปลี่ยนหรือผู้ดูแลสภาพคล่องรายอื่น สิ่งนี้สามารถให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า เท่ากับหรือน้อยกว่าราคาดำเนินการที่ตั้งใจไว้ ราคาส่งคำสั่งสุดท้ายกับราคาส่งคำสั่งที่ตั้งใจไว้สามารถจัดประเภทเป็นค่า Slippage เชิงบวก ไม่มี Slippage หรือ Slippage เชิงลบ

    ราคาในตลาดสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการเลื่อนหลุดระหว่างความล่าช้าระหว่างคำสั่งเทรดและเมื่อเสร็จสิ้น คำนี้ใช้ในสถานที่ทางการตลาดหลายแห่ง แต่คำจำกัดความเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ความคลาดเคลื่อนมักจะเกิดขึ้นในสถานการณ์ที่แตกต่างกันสำหรับแต่ละสถานที่

    แม้ว่าคำสั่งจำกัดจะป้องกัน Slippage ติดลบ แต่ก็มีความเสี่ยงโดยธรรมชาติของการซื้อขายที่ไม่ถูกดำเนินการหากราคาไม่กลับสู่ระดับที่จำกัด ความเสี่ยงนี้จะเพิ่มขึ้นในสถานการณ์ที่ความผันผวนของตลาดเกิดขึ้นเร็วขึ้น ซึ่งจำกัดระยะเวลาสำหรับการซื้อขายให้เสร็จสิ้นตามราคาดำเนินการที่ตั้งใจไว้อย่างมาก

    Slippage และตลาด Forex

    ความคลาดเคลื่อนของ Forex เกิดขึ้นเมื่อมีการดำเนินการคำสั่งของตลาดหรือหยุดการสูญเสียปิดตำแหน่งในอัตราที่แตกต่างจากที่กำหนดไว้ในคำสั่ง Slippage มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในตลาดฟอเร็กซ์มากขึ้นเมื่อมีความผันผวนสูง อาจเนื่องมาจากเหตุการณ์ข่าว หรือในช่วงเวลาที่คู่สกุลเงินทำการซื้อขายนอกเวลาทำการของตลาดสูงสุด ในทั้งสองสถานการณ์ ผู้ค้า forex ที่มีชื่อเสียง จะทำการซื้อขายในราคาที่ดีที่สุดถัดไป

    _____________________________________________

    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )

    _____________________________________________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    แนวคิด 3 M ในการเทรด

    ตุลาคม 20, 2022

    แนวคิด 3 M  ในการเทรด

        กฎ 3 ข้อที่สำคัญมากต่อการเทรด forex คือ กลยุทธ์, Money Management, และจิตวิทยาการลงทุน ในบทความนี้ ผมต้องการเจาะลึกลงไปที่คำว่า Money Management ซึ่งไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ชอบคำนี้ก็ตาม การพัฒนาตนเองจนกลายเป็น trader forex มืออาชีพ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ Money Management

     

    Money Management แปลว่า

    Money Management หากเขียนเป็นคำไทย น่าจะหมายถึงการบริหารจัดการเงินทุนของคุณ สำหรับการเทรด forex บางทีแล้วคุณอาจได้เห็นเป็นตัวอักษรย่อ เช่น MM

    แนวคิด 3M ถือว่าเป็นหลักการพื้นฐานในการเทรดเลยก็ว่าได้ที่ว่า จะประสบความสำเร็จในการเทรดได้นั้นต้องประกอบด้วย 3M คือ

    • M1 – Method (วิธีการเทรด)

    ทุกคนต้องมีวิธีการเทรดเป็นของตัวเอง โดยวิธีการเทรดใน Forex นั้นมีค่อนข้างหลากหลายทั้ง Trend following , Mean reversion , Scalping , Breakout และอีกมากมาย ซึ่งไม่ซีเรียสว่าเราจะนำอันนั้นมาใช้ เพราะทุกวิธีการนั้นมีข้อดีที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่ว่าเทรดเดอร์ถูกจริตกับวิธีการไหนมากกว่าแค่นั้น แต่อย่างไรก็ดี วิธีการในโลกการเทรดนั้นมีทั้ง “ถูกต้อง” และ “ไม่ถูกต้อง” ซึ่งตรงนี้เทรดเดอร์ต้องระมัดระวังอย่างมากๆ อย่าไปใช้วิธีการที่ไม่ถูกต้อง ในวงการนี้เต็มไปด้วยของจริงและของปลอมปะปนกัน ยังมีพวกกูรูปลอมๆ มากมายที่ชอบมาโม้ว่ามีเครื่องมือเทพ สามารถทำให้รวยได้ไวๆ ซึ่งเราอย่าใช้ความโลภไปตกเป็นเหยื่อพวกนี้นะครับ … คำถามคือเราจะแยกแยะได้อย่างไรก็วิธีการไหนถูกต้อง วิธีการไหนไม่ถูกต้อง ซึ่งอยากจะแนะนำง่ายๆคือ ถ้าวิธีการไหนมันซับซ้อนเกินไป มันดูครุมเครือ ให้เปลี่ยนไปหาวิธีการใหม่ดีกว่า อย่าไปฝืนใช้มัน

    • M2 – Money management (การจัดการความเสี่ยง)

    จากประสบการณ์ของเทรดเดอร์หลายๆคนที่ประสบความสำเร็จ ต้องบอกว่าเสาหลักต้นนี้นั้น โคตรสำคัญ! เทรดเดอร์มือใหม่หลายท่านละเลิกเสาต้นนี้ ซึ่งอย่าลืมนะครับว่าการเทรดนั้นต้องอาศัย เงินทุน ถึงการเทรดได้ ถ้าเงินทุนเราหมด อาชีพการเทรดเราก็จบ เหมือนกับนักฟุตบอลที่ไม่มีลูกบอลมาเตะ ดังนั้นสิ่งสำคัญของเทรดเดอร์คือ รักษาเงินลงทุนให้ได้ การรักษาเงินลงทุนนั้นก็มีจากการจัดการความเสี่ยงที่ดี สามารถประคองพอร์ตเราให้เติบโตได้อย่างเหมาะสม

    • M3 – Mindset (จิตวิทยา)

    การที่เราจะประคองการเทรดให้อยู่ในมาตรฐานปกติของเราอยู่สม่ำเสมอนั้นต้องอาศัย Mindset ของจิตวิทยาที่ดี เพราะในตลาดนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์มากมายทั้ง โลภ กลัว กังวล เครียด ต่างๆ นี้ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เทรดเดอร์นำอารมณ์เข้ามาเทรด มันจะนำไปสู่หายนะของเทรดเดอร์ทุกคน ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีในหมู่เทรดเดอร์มืออาชีพ ดังนั้นอาชีพเทรดเดอร์ต้องอาศัย Mindset ที่เหมาะสม เข้าใจกลยุทธ์ที่เราใช้ เข้าใจด้านมืดของตลาด ซึ่งจะสามารถอยู่รอดในตลาดแห่งนี้ได้

    ข้อดีของการมี Money Management

    สิ่งที่คุณจะได้รับจากการทำ Money Management คือ คุณสามารถเทรด forex ได้อย่างปลอดภัย และโอกาสน้อยมากครับที่จะเกิดการล้างพอร์ต (จริงๆแล้วมันจะไม่เกิดขึ้นเลย) ดังนั้นคุณคงไม่ต้องการให้สิ่งนี้เกิดคุณอยู่แล้ว จงใช้ Money Management เข้ามาช่วยในการเทรด forex

    ข้อเสียของการไม่ทำ Money Management

    สำหรับข้อเสียของการไม่วาง Money Management ไว้ คือ คุณจะไม่มีแนวทางในการเทรดและทำกำไรจากตลาด forex อย่างถูกต้อง แน่นอนว่าคุณอาจได้กำไร แต่เมื่อถึงตาที่คุณเสีย คุณจะขาดแผนการรับรองที่ดี และในที่สุดคุณก็จะขาดทุนนั่นเอง

    _____________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )

    _____________________________________________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการเทรด forex ที่จะทำให้เราเทรดสำเร็จ

    ตุลาคม 19, 2022

    อะไรที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จในการเทรด Forex  แนะนำ 3 อย่างที่จะทำให้เราสำเร็จ ในการเทรด Forex เท่านั้น แต่ว่าไม่ได้หมายความว่า คุณมี 3 อย่างนี้ครบแล้วจะประสบความสำเร็จเลยก็อาจจะยังไม่ใช่ คุณยังต้องรู้จักรอจังหวะและโอกาสร่วมกันไปด้วย เรามาดูกันเลยดีกว่า

     

    1. ชุมชนนักเทรดforex

    ถ้าหากถามว่า ทำไมถึงยกว่า การมีชุมชนนักเทรดจึงมีโอกาสทำให้เราประสบความสำเร็จ ก็ต้องบอกว่า เพราะว่า ในช่วงแรก ๆ ที่ผมกำลังขาดทุน และเริ่มหาความรู้ ชุมชนนักเทรดจะคอยเป็นแหล่งความรู้ให้คุณ จะทำให้คุณเห็นวัฎจักรของเทรดเดอร์

    ก่อนหน้านี้นานมากมีเทรดเดอร์หลายกลุ่ม ปัจจุบัน เข้าไปแล้วไม่รู้จักใครอีกเลยในชุมชนเทรด นั่นเป็นเพราะว่า คนที่ยังเทรดอยู่มันเหลือน้อยจนเกินไป เพราะเขาต่างขาดทุนและล้มหายตายจากจากวงการ Forex กันหมด ผลหน่ะหรอ? ก็ทำให้เรามีประสบการณ์และความรู้มากกว่าคนอื่น ๆ ในตลาด ทำให้เราเรียนรู้ได้ไกลกว่าคนอื่น การไม่ยอมแพ้ทำให้เรายังอยู่ในวงการและเดินมาไกลกว่าคนที่ยอมแพ้ไปแล้ว

    เพราะว่าในชุมชนนักเทรด เช่น Webboard จะมีการแบ่งปัน EA หนังสือ หรือทรัพยากรต่าง ๆ ให้เราได้ลองได้ทดสอบ ความรู้แปลกใหม่ วิธีการแปลกใหม่ เพราะลำพังให้เราไปค้นหาก็คงไม่ได้เจอกันง่าย ๆ หรอกจริงไหมครับ ฉะนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คุณจะเป็นมือเก๋า มือใหม่ ก็ควรจะมีเว็บบอร์ดสักแห่งที่คอยเป็นแหล่งความรู้ที่ดีของคุณ ไม่ต้องเยอะครับ เอาแค่ 1 แห่งก็พอ ที่มีครบทุกอย่าง

    1. Mindset

    หลังจากที่คุณมีความรู้ประสบการณ์ต่าง ๆ แล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ Mindset หรือการกำหนดวิธีคิดการกำหนดทัศนคติของคุณที่คุณมีต่อ Forex ไม่ว่าคุณจะเรียนรู้ความรู้ในเชิงทฤษฎีได้เร็วขนาดไหน แต่การฝึก Mindset นั้นกำหนดมาจากประสบการณ์ และความเข้าใจ

    ถ้าหากคุณอยากจะเพิ่ม Mindset และความคิดความเข้าใจเกี่ยวกับการเทรด Forex มีวิธีฝึกง่าย ๆ คือ คุณต้องฝึกเทรดให้เยอะ ๆ เทรดไปเรื่อย ๆ โดยใช้เงินจริงนี่แหละเป็นตัวฝึก เพราะว่า ถ้าคุณเสียเงินที่เป็นเงินปลอมคุณไม่มีวันจำหรอกจริงรึเปล่า

    เมื่อก่อนเทรด Lot 0.10 Standard Lot โดยที่ใช้เงินแค่ 100 USD สำหรับขนาด Lot เท่านี้และจำนวนเงินเท่านั้ ถ้าเกิดว่ามั้นผิดพลาดราคาวิ่งสวนทางกับที่เราคิด สิ่งเดียวที่เกิดขึ้นและทำได้คือ ยอมรับการล้างพอร์ท ต้องบอกว่ามันคือการเดิมพัน เกมส์ที่ห้ามพลาด เทรดเท่าไหร์ก็ไม่เข้าใจ จนเสียหลาย ๆ ครั้งและเริ่มคิดว่า “ถ้าเราทำแบบนี้เทรดแล้วขาดทุนครั้งแล้วครั้งเล่า มาเป็น 10 กว่าครั้งแล้ว ถ้าเรารวบรวมเงิน 100 เหรียญ 10 ครั้งก็กลายเป็น 1 พัน เหรียญ และเมื่อเราเทรดโดยใช้ Lot เท่าเดิม เราก็น่าจะได้กำไรและไม่ต้องเสียเงินต้นเหมือนที่ผ่านมา นั่นทำให้เข้าใจว่า อนี่ไง ความรู้วิ่งมาหาเราละ ประสบการณ์ การคิดได้ ทำให้ทัศนคติของการลงทุนเปลี่ยนไป เมื่อเรามองมันเปลี่ยน เพราะเราเข้าใจได้จากการคิด หรือจากการเข็ดหลาบก็แล้วแต่ นั่นแหละเรียกว่า Mindset ที่ดีได้เกิดขึ้นแล้ว ดังนั้น คุณต้องเริ่มเทรดและฝึกประสบการณ์การเทรด เพราะว่า การเรียนแต่ทฤษฎีไม่สามารถนำอะไรมาให้คุณเป็นชิ้นเป็นอันได้อย่างแน่นอน

     

    1. การศึกษา

    เพื่อเน้นยำความสำคัญของความรู้เพิ่มเติม ต้องบอกว่า การศึกษา เป็นสิ่งที่ควรลงทุนเป็นอย่างยิ่ง จะว่าไปแล้ว ข้อ 1 ข้อ 2 นั่นคือ สิ่งที่จะต้องศึกษา แต่หลาย ๆ คนในตลาด Forex มีงบประมาณจำกัดและคาดหวังว่าจะเอาเงินงบลงทุนนั้นใช้เทรด แต่เราไม่เคยเตรียมตัวเรียนรู้เลย ไม่เคยมีใครพูดบอกว่า เราจะเตรียมเงินในการศึกษา Forex ไว้ 3 แสนบาท โดยจะแบ่งเป็นงบการศึกษาทดลอง 1 แสนบาท คือเรายอมเสีย และงบสำหรับฝึกวิชา 1 แสนบาท ขณะที่ งบเทรดจริงหลังจากเก่งแล้ว 1 แสนบาท มีคนทำอย่างนี้ไหม?  ไม่มี๊ ไม่เคยเห็น เคยเห็นมีแต่คนคิดว่า “ตรูจะทำเงิน 3 แสนให้เป็น 1 ล้านภายใน 3 เดือน” อะไรทำนองนั้น อย่างนี้แหละเยอะ ก็มันไม่ได้เตรียมตัวมาเพื่อที่จะเจ็บตัวนี่นา  นั้นเพราะเรามีความโลภ คิดแต่จะได้ฝ่ายเดียว ไม่คิดว่า เราจะมาเสีย แล้วจะเสียได้ยังไง

    สามอย่างที่ได้กล่าวมานี้ เป็นสิ่งที่มือใหม่และมือเก่าควรเก็บประสบการณ์ให้ครบก่อนตัดสินใจที่จะเป็นเทรดเดอร์เต็มตัว โลกเราไม่ได้ตรงไปตรงมาว่าจะต้องเรียนก่อนแล้วค่อยเทรด การเทรดไปเรียนไปเป็นสิ่งที่ธรรมชาติอย่างอื่น ๆ ของการเรียนรู้กระทำกัน

    _____________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )

    _____________________________________________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    วิธีการหรือเทคนิคในการซื้อขายในตลาด Forex

    ตุลาคม 19, 2022

    วิธีการหรือเทคนิคในการซื้อขายในตลาด Forex

    ตลาด Forex มอบโอกาสมากมายให้กับเทรดเดอร์และสามารถทำกำไรได้อย่างมากในการเทรดและยังน่าตื่นเต้นอีกด้วย ตลาด Forex ที่สำคัญที่สุดคือตลาดสปอตเนื่องจากมีปริมาณมาก ตลาดเรียกว่าตลาดสปอตเพราะการซื้อขายจะถูกตัดสินทันทีหรือ “ทันที”

    ด้วยการซื้อขาย Forex ยังมีปัจจัยเสี่ยงมากมาย เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่คุณจะต้องเข้าใจความหมายของการซื้อขายมาร์จิ้นและข้อผิดพลาดเฉพาะและโอกาสที่การซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเสนอให้ มีประโยชน์เฉพาะสำหรับการซื้อขายในตลาด Forex แต่คุณต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าการซื้อขายแต่ละครั้งที่คุณป้อนทำงานอย่างไร กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เหตุใดคุณจึงเข้าสู่การค้าขาย และสามารถมีจิตใจที่สงบนิ่งได้ ความกลัวและความโลภเป็นศัตรูของเทรดเดอร์ Forex ที่ประสบความสำเร็จอย่างไม่ต้องสงสัย

    มี 2 วิธีหรือเทคนิคทั่วไปในการซื้อขายในตลาด Forex 

    1. การวิเคราะห์ทางเทคนิคมุ่งเน้นไปที่รูปแบบราคาและใช้แผนภูมิเพื่อแยกความแตกต่าง การวิเคราะห์ทางเทคนิคมุ่งเน้นไปที่การเคลื่อนไหวของราคาและพฤติกรรมของตลาด ด้วยการใช้อินดิเคเตอร์ที่หลากหลาย คุณจะสามารถจดจำและรวมการจดจำรูปแบบเข้ากับอินดิเคเตอร์ที่คุณชื่นชอบเพื่อยืนยันการซื้อขายได้ ไม่จำเป็นต้องใช้อินดิเคเตอร์ที่หลากหลาย โดยปกติแล้ว 2-3 ตัวก็เพียงพอแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณรวมอินดิเคเตอร์เข้ากับรูปแบบราคา

    อินดิเคเตอร์มีอยู่ในซอฟต์แวร์การซื้อขายส่วนใหญ่ และการคำนวณทั้งหมดจะทำโดยอัตโนมัติภายในซอฟต์แวร์ ปัญหาของตัวบ่งชี้การซื้อขายเท่านั้นคือ อย่างแรกคือราคาที่ล้าหลัง และจากนั้นคุณมองเพียงด้านขวาของแผนภูมิของคุณ รอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น แล้วด้านซ้ายหรือด้านข้างของแผนภูมิที่บอกคุณว่าเกิดอะไรขึ้นแล้ว นี่เป็นแง่มุมที่สำคัญมากของการซื้อขาย ฉันเรียกสิ่งนี้ว่าภาพรวมที่ใหญ่กว่า แผนภูมิที่ดีจะไม่มีค่าหากช่วยในการระบุโอกาสที่ดี

    การวิเคราะห์โมเมนตัมคือการวัดการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มการซื้อขาย Forex ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง อินดิเคเตอร์โมเมนตัมบางตัวจะแสดงว่าสกุลเงินมีการซื้อมากเกินไปหรือขายเกิน และสิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องมือทั่วไปและมีประโยชน์มากสำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิค

    2. – การวิเคราะห์พื้นฐาน – พิจารณาพฤติกรรมราคาเป็นผลจากเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมือง การวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานเกี่ยวข้องกับการใช้ข้อมูลทางเศรษฐกิจ การตัดสินใจทางการเมืองที่สำคัญ หรือประเด็นทางสังคมต่างๆ ที่มีอิทธิพลต่อราคา อัตราดอกเบี้ยและจำนวนการจ้างงานเป็นข้อมูลทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่สามารถขับเคลื่อนตลาดได้อย่างมาก

    การซื้อขายขั้นพื้นฐานเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากในการคาดการณ์สภาวะเศรษฐกิจ แต่ไม่จำเป็นต้องมีราคาตลาดที่แน่นอนเสมอไป

    อย่าใส่ข้อมูลมากเกินไปในความคิดของคุณ วิธีที่ดีที่สุดในการซื้อขายคือวิธีง่ายๆ อย่างไรก็ตาม การเข้าใจการวิเคราะห์พื้นฐานและทางเทคนิคเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อนำไปใช้ในการซื้อขาย Forex ของคุณ

    _____________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )

    _____________________________________________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    7 เคล็ดลับพื้นฐานในการเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่ดี

    ตุลาคม 19, 2022

    7 เคล็ดลับพื้นฐานในการเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่ดี

    1. จำนวนสเปรด

    ค่าสเปรดซึ่งคำนวณเป็น pip คือความแตกต่างระหว่างจำนวนเงินที่คุณสามารถซื้อหรือขายสกุลเงิน ณ จุดใดเวลาหนึ่ง

    สกุลเงิน Forex ไม่ได้ซื้อขายผ่านตลาดแลกเปลี่ยนกลาง ดังนั้นสเปรดอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์ Forex ที่คุณใช้ โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ออนไลน์บางรายมีสเปรดผันแปร บางแห่งมีจำนวนเงินสเปรดสองค่าขึ้นอยู่กับกลางวันและกลางคืน

    ค่าสเปรดบางส่วนขึ้นอยู่กับตำแหน่งของตลาด เมื่อตลาดเงียบสเปรดจะเล็ก และเมื่อตลาดไม่ว่าง สเปรดจะสูง ฉันชอบโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่มีสเปรดคงที่เพราะว่าค่าคงที่ระยะยาวนั้นปลอดภัยกว่า

    2. การดำเนินการ

    — การดำเนินการคำสั่งของโบรกเกอร์เร็วแค่ไหน?

    — พวกเขาเสนอการดำเนินการอัตโนมัติหรือไม่?

    — คุณสามารถซื้อขายได้เท่าไหร่ก่อนที่จะขอใบเสนอราคา?

    — พวกเขาค้าขายกับลูกค้าของพวกเขาหรือไม่?

    3. ตัวเลือกเลเวอเรจ

    เลเวอเรจจะแสดงเป็นอัตราส่วนระหว่างเงินทุนทั้งหมดที่สามารถซื้อขายได้กับเงินทุนจริงของคุณ ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณมีอัตราส่วน 100:1 โบรกเกอร์ Forex ของคุณจะให้คุณยืม $100 สำหรับทุก ๆ $1 ของทุนจริงที่คุณมี เลเวอเรจเป็นสิ่งจำเป็นในการซื้อขาย Forex เนื่องจากการเบี่ยงเบนของราคาในสกุลเงินถูกกำหนดไว้ที่เศษเสี้ยวเซ็นต์

    ก่อนเลือกโบรกเกอร์ Forex ออนไลน์ สังเกตว่าเลเวอเรจของพวกเขาคืออะไร โบรกเกอร์หลายแห่งเสนอมาร์จิ้นที่ยืดหยุ่นซึ่งช่วยให้คุณเลือกเลเวอเรจที่เหมาะสมกับคุณ

    4. ประเภทบัญชี

    สังเกตว่าโบรกเกอร์ Forex ที่คุณเลือกมีบัญชีขนาดเล็กหรือไม่ บัญชีขนาดเล็กออกแบบมาสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มซื้อขายสกุลเงินออนไลน์และผู้ที่มีเงินลงทุนจำกัด มีเงินฝากขนาดเล็กที่จำเป็นในการเริ่มต้นซื้อขายเพียง $300 หรือน้อยกว่า

    5. แพลตฟอร์มการซื้อขาย

    ซอฟต์แวร์ซื้อขายที่ดีจะแสดงราคาจริงที่คุณสามารถซื้อขายได้ ไม่ใช่แค่ราคาบ่งชี้ มันจะเสนอคำสั่ง Limit และ Stop และจะให้คุณสามารถแนบคำสั่งเหล่านี้กับคำสั่งซื้อของคุณ ยกเลิกครั้งเดียว-คำสั่งอื่นๆ เป็นอีกคุณสมบัติที่มีประโยชน์ — หมายความว่าคุณสามารถตั้งค่าการค้าของคุณ แล้วปล่อยให้ซอฟต์แวร์ดำเนินการต่อไป

    6. เครื่องมือการซื้อขายและบริการเสริม

    ค้นหาโบรกเกอร์ Forex ออนไลน์ที่นำเสนอทรัพยากรและข้อมูลที่ดีที่สุดเพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจซื้อขายได้อย่างชาญฉลาดที่สุด บริษัทที่ดีควรนำเสนอแผนภูมิแบบเรียลไทม์ เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค ข่าวสารและข้อมูลแบบเรียลไทม์ และซอฟต์แวร์หรือการสนับสนุนเว็บไซต์ เบื่อหน่ายกับบริษัทใด ๆ ที่ปฏิเสธที่จะแบ่งปันข้อมูลหรือรุ่นทดลองก่อนเปิดบัญชี คุณจะต้องทดลองใช้ระบบก่อนที่จะเลือกนำเงินไปลงทุน

    7. สนับสนุน

    Forex เป็นตลาดที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นโบรกเกอร์ Forex ออนไลน์ของคุณควรให้การสนับสนุนตลอด 24 ชั่วโมง คุณควรตรวจสอบด้วยว่าคุณสามารถปิดตำแหน่งทางโทรศัพท์ได้หรือไม่ จำเป็นในกรณีที่พีซีหรือการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณขัดข้องในช่วงเวลาสำคัญ คุณสามารถติดต่อโต๊ะช่วยเหลือทางอินเทอร์เน็ตเพื่อดูว่าพวกเขาตอบคำถามได้เร็วแค่ไหน

    _____________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )

    _____________________________________________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    4 ขั้นตอนง่ายๆ ในการขจัดอารมณ์ออกจากการซื้อขาย Forex ของคุณ

    ตุลาคม 19, 2022

    4 ขั้นตอนง่ายๆ ในการขจัดอารมณ์ออกจากการซื้อขาย Forex ของคุณ

    อารมณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้เป็นหนึ่งในปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของผู้ค้า Forex เทรดเดอร์ที่เริ่มต้นเกือบทุกรายที่เริ่มต้นด้วยบัญชีทดลอง ประสบกับความสำเร็จอย่างมากในการซื้อขาย แต่ล้มเหลวในการนำความสำเร็จนี้มาสู่บัญชีเงินจริง อะไรคือปัญหา? อารมณ์! เมื่อเราแพ้ เรารู้สึกหงุดหงิดและบางครั้งถึงกับสิ้นหวัง การชนะอาจทำให้เราสูญเสียการควบคุมการกระทำของเราและเปลี่ยนการซื้อขายของเราให้กลายเป็นการพนันหรือทำให้เกิดการซื้อขายเกินจริงอย่างร้ายแรง ต่อไปนี้คือ 4 ขั้นตอนง่ายๆ ในการหยุดอารมณ์ไม่ให้ทำลายการซื้อขาย Forex ของคุณ :

    1. การสูญเสียครั้งเดียวไม่ใช่ความผิดของคุณ มันไม่ใช่ความผิดของตลาดด้วยซ้ำ และไม่ใช่ความผิดของระบบของคุณ มันเป็นเพียงการสูญเสีย ไม่มีผู้ค้าและไม่มีระบบใดที่สามารถรับประกันอัตราการชนะได้ 100% ดังนั้นการสูญเสียควรเกิดขึ้น หากคุณแพ้ แสดงว่าระบบของคุณทำงาน มันอาจจะสูญเสียอีกครั้ง แต่นั่นไม่ควรเปลี่ยนการรับรู้ของคุณเกี่ยวกับความมีชีวิตของระบบ การซื้อขายไม่ได้ผลกับการสูญเสียหรือชนะเพียงครั้งเดียว ใช้ได้กับอัตราการสูญเสียและ  อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน ดังนั้น ครั้งต่อไปที่คุณแพ้ จำไว้ว่าไม่มีใครถูกตำหนิ เพราะไม่มีความผิดในการสูญเสีย
    2. หากการขาดทุนมีชัยเหนือตำแหน่งที่ชนะ ให้ตรวจสอบอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน ของคุณก่อน หากการสูญเสียแต่ละครั้งของคุณน้อยกว่าหนึ่งในสามของตำแหน่งที่ชนะเพียงครั้งเดียว ระบบของคุณอาจตั้งใจที่จะทำงานกับ 65% ของตำแหน่งของคุณในโซนสีแดง หาก อัตราส่วน ความเสี่ยงต่อผลตอบแทนของคุณไม่สามารถชดเชยอัตราส่วนการสูญเสียต่อการชนะที่ไม่ดีได้ คุณก็ไม่ต้องโทษตัวเอง ตลาด หรือระบบของคุณ อาจเป็นเพียงระบบที่ผิดสำหรับตลาดที่คุณกำลังซื้อขาย เวลาเปลี่ยนแปลง และระบบเก่าหยุดทำงานในขณะที่ระบบใหม่ถูกสร้างขึ้น เพียงเปลี่ยนไปใช้อย่างอื่นและดำเนินการแสวงหาความสำเร็จของคุณต่อไป
    3. ตำแหน่งที่ชนะเพียงตำแหน่งเดียวไม่ใช่ตัวบ่งชี้ความสำเร็จของคุณ เช่นเดียวกับการสูญเสีย อย่าถือว่าการชนะครั้งเดียวเป็นความสำเร็จของคุณ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของขั้นตอนปกติของการซื้อขาย Forex
    4. หากอัตราการชนะของคุณสูงในช่วงเวลาที่ยาวนานและ  อัตราส่วน ความเสี่ยงต่อผลตอบแทนค่อนข้างต่ำ ฉันสามารถแสดงความยินดีกับคุณด้วยการค้นหากลยุทธ์ที่เหมาะสมซึ่งทำงานได้ดีสำหรับตลาดประเภทที่คุณทำการซื้อขายในช่วงเวลานั้น 
    _____________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )

    _____________________________________________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    รูปแบบกราฟแท่งเทียน

    ตุลาคม 19, 2022

    1.ขาขึ้น Piercing Pattern เป็นรูปแบบแท่งเทียนสีเขียวของหุ้นหรือค่าเงินที่อยู่ในเทรนด์ขาลง โดยตัวแท่งเทียน (Body) มีลักษณะที่ค่อนข้างยาว และมีราคาปิดที่สูงเกินกว่าครึ่งของแท่งเทียนสีแดงก่อนหน้า ซึ่งตัวแท่งเทียนก่อนหน้าที่เป็นสีแดงนั้นก็มีความยาวอยู่ในระดับหนึ่ง แล้วมีราคาปิดเกือบถึงราคาต่ำสุดของแท่งเทียนที่อยู่ในเทรนด์ขาลงก่อนหน้านั้นเช่นกัน รูปแแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเช่นนี้ บ่งบอกถึงสัญญาณการกลับตัวของหุ้นหรือค่าเงินที่มีความรุนแรง ความหมายก็คือ อาจมีกลับตัวเปลี่ยนทิศทางจากขาลงเป็นขึ้นได้

    2.ขาลง Dark Cloud Cover เป็นรูปแบบแท่งเทียนสีเเดงของหุ้นหรือค่าเงินที่อยู่ในเทรนด์ขาขึ้น โดยตัวแท่งเทียน (Body) มีลักษณะที่ค่อนข้างยาว และมีราคาปิดที่สูงเกินกว่าครึ่งของแท่งเทียนสีเขียวก่อนหน้า ซึ่งตัวแท่งเทียนก่อนหน้าที่เป็นสีเขียวนั้นก็มีความยาวอยู่ในระดับหนึ่ง แล้วมีราคาเปิดที่ใกล้เคียงกับราคาสูงสุดของแท่งเทียนที่อยู่ในเทรนด์ขาขึ้นก่อนหน้านั้นเช่นกัน รูปแแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเช่นนี้ บ่งบอกถึงสัญญาณการกลับตัวของหุ้นหรือค่าเงินที่มีความรุนแรง ความหมายก็คือ อาจมีกลับตัวเปลี่ยนทิศทางจากขาขึ้นเป็นขาลงได้

    3.ขาขึ้น Bullish Engulfing เป็นรูปแบบที่มีแท่งเทียนแท่งที่สอง(แท่งสีเขียวขวามือ) มีขนาด body (ตัวแท่ง) ยาวกว่า body ตัวแรก (แท่งสีแดง) ตามความหมายของ engulfing คือการกลืนกิน หรือห้อมล้อมครอบงำ ในการพิจารณานั้นจะไม่เกี่ยวกับไส้เทียน (Shadow) ลักษณะของ Engulfing ที่ดีสุดคือ แท่งตัวแรก(สีแดง)ควรจะเล็กสั้นๆ ส่วนแท่งที่สอง(สีเขียน) ควรจะยาวๆ และเพื่อความมั่นใจอาจจะรอยืนยันแท่งที่สอง-สาม (สีเขียว) ในวันถัดไป โดยแท่งต้องยาวขึ้น และมีแรงซื้อหนาแน่นเพิ่มขึ้น เช่นเปิดราคากระโดดจนมี Gapd ความหมาย: บอกแรงซื้อหุ้นหรือค่าเงินเพิ่มมากขึ้น ขาขึ้นกำลังมีอิทธิพล สามารถเอาชนะขาลงได้

    4.ขาลง Bearish engulfing กรณีตรงกันข้ามกับ Bullish Engulfing คือเกิดแท่งเทียนสีแดงขึ้น โดยมีลักษณะครอบงำกลืนกินแท่งเดิมที่เป็นสีเขียว ส่วนรูปแบบของ Bearish engulfing ที่ดีที่สุดก็เช่นกันคือ แท่งเดิม(สีเขียว)ควรจะสั้นๆ เพื่อความแม่นยำขึ้นควรรอดูความหนาแน่นในการขายของแท่งเทียนในอีกสอง- สามวันต่อไป
    ความหมาย: บอกเริ่มมีแรงขายเข้ามาในจำมาก ตอนนี้ขาลงสามรถชนะขาขึ้นได้แล้ว มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น

    5.ขาขึ้น Bullish Harami รูปแบบแท่งเทียนจะเหมือนคนท้อง ซึ่งมาจากคำว่า “Harami” เป็นภาษาญี่ปุ่นที่ใช้เรียกคนท้อง จะประกอบด้วยแท่งเทียนในวันเเรก(สีแดง)ที่ยาวกว่า ตามมาด้วยแท่งเที่ยนวันที่สองล่าสุดที่สั้นกว่า(สีเขียว) ปัจจัยสำคัญคือสัดส่วนของแท่งเทียนทั้งสองต่างกันมาก จึงยังไม่สามารถยืนยันการกลับทิศทางของหุ้นหรือค่าเงินได้ ฉนั้นจึงต้องรอการยืนยันจากแท่งเทียนในวันที่สาม ในการยืนยันการกลับทิศทางของค่าเงินหรือหุ้นที่ชัดเจนคือ แท่งเทียนตัวที่สามจะต้องเป็นสีเขียว และมีราคาเปิดแบบกระโดดจากแท่งเดิม(สีเขียว) มาอยู่ในราคาปิดของแท่งสีเขียวตัวที่สาม ในราคาที่สูงขึ้นไปมากๆ

    6.ขาลง Bearish Harami รูปแบบแท่งเทียนก็เหมือนคนท้อง เช่นเกียวกับ Harami ขาขึ้น จะประกอบด้วยแท่งเทียนในวันเเรก(สีเขียว)ที่ยาวกว่าแท่งเที่ยนในวันที่สอง(สีแดง) ปัจจัยสำคัญคือสัดส่วนของแท่งเทียนทั้งสองต่างกันมาก จึงยังไม่สามารถยืนยันการกลับทิศทางของหุ้นหรือค่าเงินได้ ฉนั้นจึงต้องรอการยืนยันจากแท่งเทียนในวันที่สาม ในการยืนยันการกลับทิศทางของค่าเงินหรือหุ้นที่ชัดเจนนั้น แท่งเทียนตัวที่สามจะต้องเป็นสีเเดง และมีราคาเปิดแบบกระโดดจากแท่งเดิม(สีเเดง) มาอยู่ในราคาปิดของแท่งสีเเดงตัวที่สาม ในราคาที่สูงขึ้นไปมากๆ

    _____________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )

    _____________________________________________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    จะหาไอเดียสำหรับกลยุทธ์การซื้อขายได้ที่ไหน?

    ตุลาคม 18, 2022

     

    จะหาไอเดียสำหรับกลยุทธ์การซื้อขายได้ที่ไหน?

    ไม่ว่ากลยุทธ์ปัจจุบันของคุณจะไม่ให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ หรือคุณจำเป็นต้องเสริม  ระบบการซื้อขาย ระยะสั้นกับระบบระยะ  กลางหรือคุณเพียงแค่เบื่อที่จะปฏิบัติตามกฎเดิมๆ ที่น่าเบื่อ คุณจะต้องมีแนวคิดสำหรับการซื้อขายใหม่ของคุณ กลยุทธ์. มีหลายวิธีในการพัฒนากลยุทธ์ใหม่ แม้ว่ากระบวนการทั้งหมดจะเกี่ยวข้องกับความชอบ สไตล์ ประสบการณ์ การวิจัย และการลองผิดลองถูกของเทรดเดอร์เอง แนวคิดหลักของกลยุทธ์มักถูกนำกลับมาใช้ใหม่จากที่อื่น

    • จินตนาการ. เทรดเดอร์ที่มีความคิดสร้างสรรค์เพียงพออาจได้รับแนวคิดสำหรับระบบการเข้าและออกจากหัวของพวกเขา วิธีนี้เป็นวิธีที่มีศักยภาพมากที่สุด แต่ก็มักจะนำไปสู่ความผิดหวัง
    • หนังสือและวารสารเกี่ยวกับการซื้อขาย มีแนวคิดในการซื้อขายมากมายใน  หนังสือ Forex และวารสารทางการเงิน (ทั้งนิตยสารและวิชาการ) ข้อได้เปรียบหลักในที่นี้คือ ปกติแล้วจะมีการทดสอบอย่างละเอียดและอธิบายอย่างละเอียด ข้อเสียเปรียบคือ ปกติต้องมีการปรับตัวอย่างมาก เนื่องจากเป็นการบอกเป็นนัยถึงสมมติฐานมากมาย และไม่ค่อยเหมาะกับรูปแบบการซื้อขายของผู้อ่านเองทุกประการ
    • เว็บไซต์ที่ให้ข้อมูล ไซต์เช่น Wikipedia และ EarnForex.com นั้นยอดเยี่ยมสำหรับการเรียนรู้เกี่ยวกับการซื้อขายโดยทั่วไป อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค แนวคิดในการสร้างแผนภูมิ ฯลฯ แม้ว่าจะดูเหมือนเป็นแหล่งความคิดที่ไม่รู้จบ แต่ฐานความรู้ที่นำเสนอนั้นค่อนข้างจำกัดในความเป็นจริง
    • ชุมชนออนไลน์ ปฏิสัมพันธ์ของเทรดเดอร์มักจะจบลงด้วยดี  เฉพาะทางช่วยให้พวกเขาสร้างความคิดที่เกิดจากความพยายามร่วมกันและการระดมสมอง อย่าหลงอยู่ในทะเลของความคิดที่สามารถครอบงำและเต็มไปด้วย  แอปเปิ้ลหนอน บล็อกเป็นการ  โต้ตอบแบบทางเดียว มากกว่า แต่ข้อดีที่นี่คือความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลาย
    • การสัมมนาผ่านเว็บ การประชุมและนิทรรศการ เมื่อผู้คนมารวมตัวกันที่งานใหญ่อย่างงานเอ็กซ์โป พวกเขามักจะมีบางสิ่งที่จะแบ่งปัน พูดคุย และเสนอความคิดเห็นร่วมกัน เทรดเดอร์ที่กำลังมองหาแนวคิดสำหรับกลยุทธ์ของตัวเองสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มากมายจากเพื่อนของเขา ในทางกลับกัน Webinars มี ‘การสื่อสาร’ น้อยกว่า แต่ให้อัตราข้อมูลต่อหน่วยเวลาสูงกว่าการประชุมออฟไลน์
    • ซอร์สโค้ดของที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และ indicators ด้วยอินดิเคเตอร์ โอเพนซอร์ ซ ฟรีหลายพันตัวและที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่มีให้สำหรับ MetaTrader 4 และ MetaTrader 5 (และอย่าลืมแพลตฟอร์มอื่นๆ ด้วย!) มีอะไรใหม่ๆ ให้ได้รับจากพวกเขาเสมอ คุณอาจไม่พอใจกับประสิทธิภาพโดยรวมของ EA หรือความแตกต่างของกลยุทธ์ แต่รายละเอียดบางอย่างอาจให้คำแนะนำหรือแรงบันดาลใจอันมีค่าแก่คุณในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของคุณเอง หรือแม้แต่พัฒนากลยุทธ์ใหม่
    • จับตาตลาดอย่างใกล้ชิด หากคุณเป็นนักเก็งกำไรหรือเป็นเทรดเดอร์ระหว่างวันบ่อยครั้ง การติดตามตลาดอย่างต่อเนื่องอาจทำให้คุณสังเกตเห็นโดยไม่คาดคิด การสังเกตดังกล่าว หากจัดระบบแล้ว สามารถให้ผลเบื้องหลังที่สำคัญสำหรับการสร้างกลยุทธ์การซื้อขาย
    • การปรับระบบการซื้อขายหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ มีความแตกต่างที่แท้จริงระหว่างตลาดหุ้นและตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ การแลกเปลี่ยนสินค้าโภคภัณฑ์ดำเนินการแตกต่างจาก  ตลาดสปอต FX ที่ไม่ต้องสั่งโดยแพทย์ในขณะที่การ  ซื้อขาย สกุลเงิน ตลอดทั้งวันเพิ่มระดับการแยกจากการซื้อขายตราสารทุนแบบดั้งเดิม แม้จะมีความแตกต่างเหล่านั้น แต่บางครั้งกลยุทธ์ที่ใช้ในหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ก็สามารถนำมาใช้ใน Forex ได้ ต้องใช้ วิธีการ ที่ไม่สำคัญเพื่อปรับตัว
    _____________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )

    _____________________________________________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    โบรกเกอร์ Forex มีปฏิกิริยาอย่างไรต่อข่าว?

    ตุลาคม 18, 2022

    เทรดเดอร์หลายคนติดตามข่าว Forex เพราะพวกเขาคิดว่ามันเป็นส่วนสำคัญของการซื้อขาย มันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ที่มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันใน  การซื้อขายข่าวสาร (อย่างไรก็ตาม เรามีคำอธิบายกลยุทธ์สำหรับ  การซื้อขายข่าวสำคัญ ) โบรกเกอร์ที่ทำการซื้อขายในช่วงที่มีข่าวที่มีผลกระทบสูง ต้องรับมือกับความผันผวนสูงอย่างผิดปกติ ซึ่งส่งผลให้เกิดปัญหาบางอย่างสำหรับกระบวนการดำเนินการตามคำสั่ง

    • การขยายสเปรด เป็นวิธีง่ายๆ สำหรับโบรกเกอร์ในการจัดการกับความผันผวนที่เพิ่มขึ้นและสภาพคล่องต่ำ โดยการเสนอราคา Bid/Ask ที่ต่ำกว่าและสูงกว่าระดับปกติ บริษัทจะปกป้องตนเองจากผู้ค้าที่เปิดตำแหน่งในระดับที่ไม่ใช่ตลาด การแก้ไขสเปรดที่กว้างขึ้นนั้นเป็นเรื่องง่าย เว้นแต่จะกว้างเกินไป คุณเพียงแค่ต้องปรับระดับการ  หยุดการขาดทุนและ  การทำกำไรตามลำดับ แน่นอนว่า Scalping มีความเสี่ยงมากขึ้นในช่วงสเปรดที่กว้างขึ้น
    • Slippage คือการตอบสนองทั่วไปต่อ  ช่องว่างราคา ในระหว่างการเผยแพร่ข่าวเศรษฐกิจมหภาคที่เคลื่อนไหวอัตราสกุลเงินภายในไม่กี่วินาทีหรือแม้กระทั่งมิลลิวินาที ช่องว่างระหว่างขีดหรือแท่งจะปรากฏขึ้นบนแผนภูมิของคุณ การเข้า, หยุดการขาดทุนหรือ  การทำกำไรที่ดำเนินการในราคาที่เสียเปรียบทำให้เกิดการสูญเสียโดยตรงต่อผู้ซื้อขาย ผู้ค้าข้ามการลื่นไถลของราคาโดยเข้าสู่การค้าก่อนที่จะมีการปล่อยข่าวและโดยออกจากการค้าเมื่อความผันผวนสงบลง
    • Requotes เกิดขึ้นเมื่อโบรกเกอร์ FX ใช้งาน  รูปแบบการดำเนินการทันทีและ Slippage ของราคาเกินค่าเบี่ยงเบนสูงสุดที่ผู้ค้าอนุญาต Requotes อาจทำให้คุณหงุดหงิดเพราะป้องกันไม่ให้เทรดเดอร์ดำเนินการซื้อขาย แต่พวกเขายังให้โอกาสในการรับราคาที่รับประกันและเพื่อหลีกเลี่ยงการเปิดโพซิชั่นในอัตราที่ไม่ได้วางแผนไว้
    • การซื้อขายที่ถูก ปิด (การซื้อขายแบบปิดเท่านั้น) เป็นปฏิกิริยาที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นกับข่าวประชาสัมพันธ์ที่สำคัญในหมู่โบรกเกอร์ แต่ก็ยังเกิดขึ้นกับบางโบรกเกอร์ ดูเหมือนเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ยุติธรรม — โบรกเกอร์ปกป้องตัวเองจาก การดำเนินการตามราคา ที่ไม่ใช่ของตลาดและลูกค้าจากปัญหาที่ระบุไว้ข้างต้น นายหน้ารักษาชื่อเสียงไว้ในขณะที่ผู้ค้าประหยัดเงินจากการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นด้วยต้นทุนของกำไรจากการซื้อขายข่าวที่อาจเกิดขึ้น
    • ไม่มีการเชื่อมต่อ เป็นสิ่งสุดท้ายที่ผู้ค้าต้องการเห็นเมื่อมีส่วนร่วมในการซื้อขายข่าว ไม่มีทางที่จะเข้าหรือออกจากการค้าขาย เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเห็นว่าการเคลื่อนไหวของราคาพัฒนาไปอย่างไร โชคดีที่มีโบรกเกอร์เพียงไม่กี่รายที่ใช้วิธีที่รุนแรงเช่นนี้กับผู้ค้าข่าว หากเป็นของคุณ คุณควรเริ่มมองหาสิ่งใหม่อย่างแน่นอน
    • ข้อกำหนดมาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้น ไม่ได้ใช้บ่อยเกินไป แต่เมื่อนายหน้าคาดว่าระดับความผันผวนที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในระหว่างการประกาศข่าว (บ่อยครั้งในการประชุมของธนาคารกลาง) จะทำให้เลเวอเรจลดลงในคู่สกุลเงินที่ได้รับผลกระทบ นี่คือสิ่งที่คุณควรเตรียมพร้อมเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มาร์จิ้นคอลจากการเทรดของคุณ โชคดีที่โบรกเกอร์ที่ดีสามารถสื่อสารถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้ล่วงหน้า

    โบรกเกอร์ส่วนใหญ่เพียงแค่เพิ่มสเปรดในคู่สกุลเงินที่ได้รับผลกระทบ เมื่อความผันผวนที่เกิดจากข่าวเข้าครอบงำตลาด อย่างไรก็ตาม การตระหนักถึงวิธีการทั้งหมดที่ระบุไว้ข้างต้นนั้นไม่เสียหาย วิธีนี้จะช่วยให้คุณวางแผนการเทรดได้ดียิ่งขึ้น

    _____________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )

    _____________________________________________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    7 สิ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อเลือกโบรกเกอร์ Forex

    ตุลาคม 18, 2022

    7 สิ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อเลือกโบรกเกอร์ Forex

    การหาโบรกเกอร์ Forex ที่เหมาะสมเป็นก้าวแรกสู่ประสบการณ์การซื้อขายออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จ แม้ว่างานนี้อาจดูยากในตอนแรก แต่ก็มีคุณสมบัติของโบรกเกอร์จำนวนหนึ่งที่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีความสำคัญต่อการตัดสินใจขั้นสุดท้ายของคุณ เราได้พยายามจำกัดรายการให้เหลือเพียงเจ็ดสิ่งที่สำคัญที่สุดที่คุณควรมองหาในโบรกเกอร์ Forex

    1. ประเภทบัญชี Forex

    หากคุณเพิ่งเริ่มซื้อขาย Forex กับโบรกเกอร์ คุณจะต้องตัดสินใจเกี่ยวกับประเภทบัญชีที่คุณต้องการเปิด ประเภทบัญชีขึ้นอยู่กับจำนวนเงินฝากและมีชื่อต่างกัน เช่น บัญชีไมโคร บัญชีขนาดเล็ก บัญชีมาตรฐาน และบัญชีวีไอพี เป็นต้น แต่ละบัญชีมีเงินฝากขั้นต่ำและข้อกำหนดล็อตขั้นต่ำ ตัวอย่างเช่น ล็อตมาตรฐานมี 100,000 หน่วย ในขณะที่เจ้าของบัญชีไมโครและบัญชีขนาดเล็กได้รับอนุญาตให้ซื้อขายด้วยล็อตที่เท่ากับ 10,000 หรือ 1,000 หน่วย เลเวอเรจยังแตกต่างกันสำหรับแต่ละประเภทบัญชีและสามารถอยู่ที่ใดก็ได้ตั้งแต่ 1:1 ถึง 1,000:1 ตรวจสอบประเภทบัญชีที่โบรกเกอร์เสนอให้ เพื่อดูว่าคุณพบประเภทบัญชีที่ตรงกับความต้องการของคุณหรือไม่

    2. ประเภทโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์

    การซื้อขายฟอเร็กซ์ทำให้คุณสามารถซื้อขายกับโบรกเกอร์และตัวแทนจำหน่ายได้ พูดง่ายๆ ก็คือ โบรกเกอร์คือพ่อค้าคนกลางระหว่างผู้ค้ารายย่อยและผู้ดูแลสภาพคล่อง พวกเขาดำเนินการตามคำสั่งซื้อของคุณโดยระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเรียกว่า Non Dealing Desk สเปรดที่เสนอให้กับผู้ค้าอาจคงที่หรือผันแปร และบางครั้งโบรกเกอร์จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเป็นเปอร์เซ็นต์ของสเปรด (เช่น $5 ต่อล็อตการซื้อขาย) ตัวแทนจำหน่ายคือผู้ดูแลสภาพคล่องและมี Dealing Desk ซึ่งดำเนินการตามคำสั่งซื้อ โมเดล ECN ยังได้รับความนิยมและช่วยให้ผู้ค้าปลีกสามารถเข้าถึงข้อเสนอที่เสนอโดยผู้ดูแลสภาพคล่องโดยตรง ซึ่งส่งผลให้สเปรดต่ำมาก

    3. บริการลูกค้า

    เนื่องจาก Forex มีการซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง จึงคาดว่านายหน้าของคุณสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง คุณสามารถทดสอบความพร้อมของทีมสนับสนุนลูกค้าได้โดยพยายามติดต่อพวกเขาผ่านช่องทางการสื่อสารทั้งหมดที่มี สิ่งสำคัญคือต้องได้รับคำตอบในช่วงเวลาสั้นๆ และนี่เป็นความจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับบริการแชทสด ปัญหาทางเทคนิคอาจเกิดขึ้นในบางครั้ง และคุณไม่ต้องการรอหลายชั่วโมงก่อนที่จะขอความช่วยเหลือ สิ่งอื่นที่ควรพิจารณาก่อนลงทะเบียนบัญชีกับโบรกเกอร์ Forex คือคุณภาพ ความรวดเร็ว และความสุภาพของการบริการลูกค้า

    4. ข้อบังคับเกี่ยวกับนายหน้า

    ใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลถือเป็นการรับรองที่สำคัญสำหรับโบรกเกอร์ Forex แม้ว่าการทำธุรกิจกับโบรกเกอร์ที่ได้รับการควบคุมจะไม่รับประกันการซื้อขายที่ปราศจากปัญหา แต่ก็สามารถใช้เป็นประกันต่อปัญหาการฉ้อโกงที่อาจเกิดขึ้นได้ เป็นการดีที่จะตรวจสอบว่าบริษัทตั้งอยู่ที่ใด เนื่องจากข้อกำหนดทางกฎหมายสำหรับการจดทะเบียนทางการเงินนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ และประการที่สอง เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อความมั่นคงทางการเงินของรัฐที่เกี่ยวข้อง

    5. วิธีการฝากและถอนเงิน

    การฝากเงินและการถอนเงินจากบัญชีของคุณมีความสำคัญมาก คุณควรค้นหาวิธีการระดมทุนที่โบรกเกอร์เสนอให้ ตัวอย่างเช่น โบรกเกอร์เกือบทั้งหมดยอมรับบัตรเครดิต/เดบิต การโอนเงินผ่านธนาคาร Skrill (Moneybookers) และ PayPal ขอแนะนำให้ตรวจสอบวิธีการฝากเงินที่มีอยู่ทั้งหมด และค่าธรรมเนียมใดที่ใช้สำหรับแต่ละวิธี นอกจากนี้ ตรวจสอบว่าโบรกเกอร์มีข้อกำหนดการฝากและถอนขั้นต่ำหรือไม่

    6. โบนัสฟอเร็กซ์

    โบรกเกอร์ส่วนใหญ่เสนอโบนัสให้กับลูกค้าใหม่ ซึ่งเป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มทุนในการซื้อขายของคุณ ตัวอย่างเช่น โบรกเกอร์อาจให้โบนัสสูงถึง 30% หรือ 50% ในการฝากครั้งแรกของคุณ ซึ่งหมายความว่าจำนวนโบนัสจะถูกเพิ่มเข้าไปในบัญชีซื้อขายของคุณทันที และคุณสามารถใช้สำหรับการซื้อขายได้ โบรกเกอร์มักจะอนุญาตให้คุณถอนโบนัสได้ในภายหลังหากคุณมีปริมาณการซื้อขายถึงระดับหนึ่ง ขอแนะนำให้อ่านข้อกำหนดและเงื่อนไขโบนัสของโบรกเกอร์ เพื่อให้คุณเข้าใจข้อดีและข้อจำกัดทั้งหมดที่มาพร้อมกับการรับโบนัส

    7. มาร์จิ้นคอลและเลเวอเรจ

    ก่อนทำการสั่งซื้อกับโบรกเกอร์ใดๆ คุณต้องรับทราบข้อกำหนดของ Margin Call ก่อน อย่างที่คุณอาจทราบ โบรกเกอร์ Forex มีสิทธิ์ออกการเรียกหลักประกันเมื่อหลักประกันในบัญชีซื้อขายของเราไม่เพียงพอ กฎที่ใช้ในสถานการณ์ดังกล่าวอาจแตกต่างกันระหว่างโบรกเกอร์ที่อาจต้องการปิดข้อตกลงของนักลงทุนหรือขอให้เขาเพิ่มมาร์จิ้น เลเวอเรจก็มีความสำคัญเช่นกัน และคุณต้องเลือกระดับที่เหมาะสมกับความต้องการและความสามารถในการซื้อขายของคุณมากที่สุด

    เนื่องจากมีโบรกเกอร์ Forex อยู่หลายร้อยราย การเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้ซึ่งมีคุณสมบัติทั้งหมดที่คุณต้องการจึงเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อคุณได้เลือกโบรกเกอร์แล้ว คุณก็เข้าใกล้ประสบการณ์การซื้อขายที่ประสบความสำเร็จอีกขั้นแล้ว

    _____________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )

    _____________________________________________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    4 เหตุผลที่ควรฝึกฝนกับบัญชีจริงขนาดเล็กก่อนใช้บัญชีขนาดใหญ่ใน Forex

    ตุลาคม 18, 2022

    4 เหตุผลที่ควรฝึกฝนกับบัญชีจริงขนาดเล็กก่อนใช้บัญชีขนาดใหญ่ใน Forex

    การฝึกฝนในบัญชีทดลองก่อนทำการซื้อขายด้วยเงินจริงนั้นเป็นข้อกำหนดที่ชัดเจนสำหรับการเข้าร่วมที่ประสบความสำเร็จในตลาด Forex จะดีกว่าเสมอที่จะเสียเงินเสมือนในขณะที่คุณเรียนรู้ทฤษฎีตลาดใหม่ พัฒนาระบบการซื้อขายของคุณ หรือพัฒนาทักษะ Forex ที่ใช้งานได้จริงของคุณ แต่มันถูกต้องหรือไม่ที่จะกระโดดจากบัญชีเสมือนไปเป็นเงินจริงขนาดใหญ่เมื่อคุณรู้ว่าคุณสามารถทำกำไรได้เป็นเวลานานในการซื้อขายทดลองของคุณ? ต่อไปนี้คือเหตุผลบางประการในการย้ายไปยังบัญชีจริงขนาดเล็กก่อนที่จะเสี่ยงกับเงินที่หามาได้ยากใน Forex :

    1. การซื้อขายจริงแตกต่างจากเสมือนจริงเพราะคุณจะได้รับอารมณ์ที่แท้จริงเมื่อคุณสูญเสียหรือได้รับเงิน การเทรดด้วยเงินสด $100 จะทำให้คุณรู้สึกสมจริงมากกว่าการเทรดด้วยเงินทดลอง $10,000 จะดีกว่าที่จะสูญเสีย 50 ถึง 100 ดอลลาร์มากกว่าหลายพันดอลลาร์เพื่อเรียนรู้การควบคุมอารมณ์เหล่านั้น
    2. ทราบพฤติกรรมของเซิร์ฟเวอร์บัญชีจริงของโบรกเกอร์ของคุณ กับโบรกเกอร์บางราย การซื้อขายเสมือนจริงนั้นราบรื่นและรวดเร็ว ในขณะที่บัญชีจริงทำให้เกิดความประหลาดใจอันไม่พึงประสงค์ด้วยความล่าช้าของคำสั่ง การรีโควต การปฏิเสธคำสั่ง การเลื่อนหลุด และการหยุดล่าสัตว์ การซื้อขายด้วยบัญชีจริงขนาดเล็กสามารถประหยัดเงินได้มาก หากคุณโชคไม่ดีที่บังเอิญเจอนายหน้าที่ไม่ดี
    3. รู้จัก แนวทางปฏิบัติในการจัดการกองทุนของโบรกเกอร์ อย่าเสี่ยงกับการฝากเงินหลายพันดอลลาร์ก่อนที่จะลองฝากเงินจำนวนเล็กน้อยเพื่อดูว่าการโอนเงินไปกับโบรกเกอร์ นี้ราบรื่น เพียงใด ให้ความสนใจกับการสนับสนุนผู้ใช้หากคุณประสบปัญหาเกี่ยวกับการฝากหรือถอนเงินของคุณ หากนายหน้าของคุณไม่รับฝาก/ถอนเงินเพียงเล็กน้อย คุณควรระมัดระวังกับพวกเขา พวกเขาอาจใช้เงินจำนวนมากในลักษณะเดียวกัน
    4. การฝึกฝนในบัญชีจริงขนาดเล็กมีข้อได้เปรียบอีกประการหนึ่งเมื่อเทียบกับการเทรดเดโม – คุณจะได้รับรางวัลจริงเมื่อคุณเทรดอย่างถูกต้อง และคุณจะขาดทุนจริงเมื่อคุณทำอะไรผิด ด้วยวิธีนี้ คุณจะเรียนรู้ที่จะทำทุกอย่างได้อย่างรวดเร็วและจะไม่ทำผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีก

    การซื้อขายตัวอย่างเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ดีที่สุดในการเรียนรู้การซื้อขาย Forex อย่าลืมว่าไม่มีอะไรจะสอนคุณได้ดีไปกว่าการซื้อขายในบัญชีจริง แต่ทำไมต้องเสี่ยงครั้งใหญ่ก่อนที่จะมั่นใจในทักษะของคุณ ในเมื่อคุณสามารถเริ่มต้นด้วยบัญชีจริงขนาดเล็กได้

    _____________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )

    _____________________________________________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    6 ปัจจัยสำคัญสำหรับการเทรด Forex ที่ประสบความสำเร็จ

    ตุลาคม 18, 2022

    การซื้อขาย Forex ออนไลน์รายวันได้รับความนิยมไปทั่วโลกตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 2000 นักลงทุนบางคนประสบความสำเร็จอย่างมากและได้รับผลกำไรมหาศาลในช่วงเวลาสั้น ๆ อย่างไม่น่าเชื่อ อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายคนที่ประสบความสูญเสียครั้งใหญ่เพราะพวกเขาไม่ได้ใช้ประโยชน์จากปัจจัยสำคัญ 6 ประการที่จำเป็นสำหรับการซื้อขาย Forex ที่ประสบความสำเร็จ

    ความสำเร็จในอาชีพใด ๆ สามารถแบ่งออกเป็นปัจจัยสำคัญหลายประการ การซื้อขายก็ไม่ต่างกัน กลยุทธ์การซื้อขายสกุลเงินที่ประสบความสำเร็จประกอบด้วย 6 ปัจจัยต่อไปนี้ :

    1. การกำหนดความได้เปรียบ : การซื้อขายในตลาด Forexเป็นจุดที่ไม่มีผลรวม ต้องมีความได้เปรียบที่สามารถระบุตัวตนได้เหนือผู้เข้าร่วมตลาดรายอื่น
    2. การดำเนินการอย่างมี วินัย : การระบุขอบไม่มีประโยชน์หากไม่มีวินัยในการปฏิบัติตามกลยุทธ์ของคุณสร้างแผนยึดติดกับมัน แล้วพิจารณาว่าแผนสำเร็จหรือไม่ หากไม่เป็นเช่นนั้น ให้เปลี่ยนแผน สิ่งสำคัญคือการปฏิบัติตามระเบียบวินัย
    3. การจัดการเงิน : หากความเสี่ยงต่อการซื้อขายสูงเกินไป มีโอกาสสูงที่จะทำลายบัญชีของคุณ หากการเทรดมีความระมัดระวังเกินไป คุณจะพลาดโอกาสในการปรับผลตอบแทนของคุณให้เหมาะสม สิ่งสำคัญคือต้องสร้างการเบิกจ่ายที่คาดหวังสูงสุดของระบบใดๆ จากนั้นตั้งกฎการจัดการเงินของคุณตามนั้น
    4. สร้างแผนการซื้อขาย : แผนการซื้อขายจะกำหนดสิ่งที่จะทำในสถานการณ์ใดก็ตามในช่วงอายุของการซื้อขาย แผนช่วยให้ตัวเองจดจ่อกับการดำเนินการและไม่ฟุ้งซ่าน
    5. ความรับผิดชอบ : ความรับผิดชอบอยู่กับผู้ค้า กำไร ขาดทุน สำเร็จ หรือล้มเหลว ถูกกำหนดโดยทักษะ ความมุ่งมั่น และวินัยของเทรดเดอร์
    6. ความมุ่งมั่น : ต้องมีความมุ่งมั่นในการวางทุกการซื้อขายตามแผน แม้จะผ่านช่วงเวลาที่สูญเสียซึ่งทุกการค้าดูเหมือนจะจบลงด้วยสีแดง การซื้อขายดูเหมือนจะทำให้เกิดช่วงเวลาที่ดีและเลวร้าย เราต้องไม่มั่นใจมากเกินไปในช่วงเวลาที่ดี และต้องไม่ยอมแพ้ในช่วงเวลาที่เลวร้าย คุณต้องอุทิศช่วงเวลาเพื่อเปรียบเทียบผลการปฏิบัติงานจริงของคุณกับแผนการซื้อขายของคุณ ควรทำทุกวันหรือทุกสัปดาห์ขึ้นอยู่กับจำนวนการซื้อขายที่คุณทำ
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )

    _____________________________________________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    สัญญาณการซื้อขาย Forex คืออะไร? – ผู้ให้บริการสัญญาณ Forex คืออะไร?

    ตุลาคม 17, 2022

    สัญญาณการซื้อขาย Forex คืออะไร? – ผู้ให้บริการสัญญาณ Forex คืออะไร?

    แน่นอนคุณได้ยินหรืออ่านเกี่ยวกับข้อตกลงการซื้อขายสัญญาณและผู้ให้บริการสัญญาณแต่ถ้าคุณเป็นมือใหม่ คุณอาจสับสนเกี่ยวกับความหมายของมัน ในคู่มือนี้ คุณจะเห็นว่าสัญญาณการซื้อขาย Forex คืออะไรและผู้ให้บริการสัญญาณ Forex คืออะไร เพื่อที่ครั้งต่อไปคุณจะรู้ว่าสัญญาณเหล่านี้คืออะไร

    สัญญาณการซื้อขาย Forex คืออะไร?

    แนวคิดของสัญญาณการซื้อขายนั้นง่ายมาก — สัญญาณการซื้อขายเป็นตัวกระตุ้นให้เปิดการซื้อขาย โดยปกติ สัญญาณการซื้อขายเป็นผลมาจากสภาวะตลาดเฉพาะที่ประกอบกันเป็นการตั้งค่าการซื้อขาย

    สัญญาณการซื้อขายใน Forex อาจเป็นสัญญาณในการซื้อหรือขายสกุลเงินที่สัมพันธ์กับอีกสกุลเงินหนึ่ง และอาจเป็นผลมาจากข่าว การเคลื่อนไหวของราคา indicatorsบางอย่าง และอื่นๆ

    ทุกกลยุทธ์มีสัญญาณการซื้อขาย หากคุณต้องการ คุณสามารถเห็นสัญญาณการซื้อขายเป็นสัญญาณเข้า

    ตัวอย่างของสัญญาณการซื้อขาย Forex

    ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้าสัญญาณการซื้อขายอาจเป็นผลมาจากสภาวะตลาดเฉพาะหรือสถานะของตัวบ่งชี้ โดยปกติ สัญญาณการซื้อขายจะถูกสร้างขึ้นผ่านการวิเคราะห์ทางเทคนิค อย่างไรก็ตาม อาจมีบางครั้งที่สัญญาณการซื้อขายเป็นผลมาจากการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานหรือแม้แต่ การวิเคราะห์ ความเชื่อมั่น

    ตัวอย่างของสัญญาณการซื้อขาย ได้แก่ :

    • crossover ของ indicators สองตัว — ตัวอย่างเช่นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สองตัว
    • ราคาถึงแนวต้านหรือแนวรับ
    • การก่อตัวของรูปแบบ engulfing
    • ข่าวผลการเลือกตั้งทางการเมือง

    อย่างที่คุณเห็น สัญญาณการซื้อขาย Forex อาจขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายอย่าง — ทั้งหมดขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ที่ใช้

    สัญญาณการซื้อขาย Forex - ซื้อหรือขาย

    ผู้ให้บริการสัญญาณการซื้อขาย Forex คืออะไร?

    เมื่อคุณทราบแล้วว่าสัญญาณการซื้อขายคืออะไร เราสามารถดำเนินการกับผู้ให้บริการสัญญาณได้ มันค่อนข้างง่ายที่จะเดาว่าที่จริงแล้วผู้ให้บริการสัญญาณการซื้อขาย Forex เป็นผู้ให้บริการสัญญาณการซื้อขาย Forex ผู้ให้บริการสัญญาณคือบริการที่จะให้คำแนะนำแก่คุณในการดำเนินการตามคำสั่ง

    ผู้ให้บริการสัญญาณมักจะเป็นบริการที่คุณชำระเงินผ่านการสมัครสมาชิก การสมัครสมาชิกจะทำให้คุณเข้าถึงสัญญาณการซื้อขายที่สร้างโดยผู้ให้บริการ ขึ้นอยู่กับบริการที่คุณสมัคร คุณจะสามารถเปิดการซื้อขายด้วยตนเองหรือทำการซื้อขายอัตโนมัติโดยทำตามสัญญาณโดยไม่ต้องมีการแทรกแซงของคุณ

    สัญญาณการซื้อขายที่ให้มาโดยทั่วไปจะรวมถึงประเภทของคำสั่ง ราคาเปิด ราคาทำกำไร และหยุดการขาดทุน เพื่อให้คุณสามารถเปิดตำแหน่งที่สมบูรณ์ได้

    โดยปกติ ผู้ให้บริการสัญญาณจะเผยแพร่ผลลัพธ์ในอดีตของสัญญาณของพวกเขา เพื่อให้คุณสามารถกำหนดความคาดหวังเกี่ยวกับสิ่งที่คุณจะได้รับจากการสมัครรับข้อมูล โปรดจำไว้ว่าผลลัพธ์ในอดีตไม่ได้รับประกันผลตอบแทนในอนาคต อย่างไรก็ตาม อาจเป็นตัวบ่งชี้ที่ควรพิจารณาในการเลือก

    ตัวอย่างของผู้ให้บริการสัญญาณ Forex

    ผู้ให้บริการสัญญาณออนไลน์มีจำนวนมากและเป็นไปไม่ได้ที่จะแสดงรายการแม้เพียงเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องบอกว่าผู้ให้บริการสัญญาณที่ดีนั้นไม่ฟรี แต่ต้องระวัง เพราะหลายครั้งที่จ่ายไป คุณก็จะไม่ได้บริการที่ดี จำนวนการหลอกลวงในอุตสาหกรรมนี้ก็มีมากเช่นกัน

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งการซื้อขายทางสังคมสามารถเรียกได้ว่าเป็นผู้ให้บริการสัญญาณ การซื้อขายทางโซเชียลสามารถจัดประเภทเป็นผู้ให้บริการสัญญาณได้ เนื่องจากคุณจะได้รับสัญญาณการซื้อขายจากผู้ค้ารายอื่น

    สัญญาณการซื้อขายเป็นตัวกระตุ้นในการเปิดคำสั่งและอาจขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของราคา การวิเคราะห์ทางเทคนิค การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน หรือปัจจัยอื่นๆ ผู้ให้บริการสัญญาณการซื้อขายคือบริการ (โดยปกติจ่ายโดยการสมัครรับข้อมูล) ที่ให้สัญญาณการซื้อขายแก่สมาชิกของตน เพื่อให้คนหลังได้รับแนวคิดในการซื้อขายหรือคัดลอกการซื้อขายของผู้อื่น

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    5 สิ่งที่คุณไม่ควรทำในตลาด Forex

    ตุลาคม 17, 2022

    5 สิ่งที่คุณไม่ควรทำในตลาด Forex

    1.อย่าวางการหยุดการขาดทุน  บางครั้งคุณเพียงแค่ลืมวางการหยุดการขาดทุนบางครั้งคุณหวังว่าราคาจะไป “ถูกทาง” ในที่สุด และคิดว่าการหยุดการขาดทุนจะเป็นอุปสรรค นี่มันผิด! วาง Stop Loss ไว้เสมอ  — ควรวางอย่างมีกลยุทธ์เพื่อป้องกันการค้าที่ไม่เป็นไปตามแผนของคุณไม่ให้ทำลายบัญชีทั้งหมดของคุณ

    2.ซื้อขายล็อตใหญ่เกินไป  แม้ว่าคุณจะมั่นใจ 100% ว่าตำแหน่งนี้จะทำกำไรได้ อย่าทำให้มันใหญ่เกินไป ขนาดความเสี่ยง 1%-5% ของขนาดบัญชีของคุณก็มากเกินพอ การสูญเสีย 20% ของเงินฝากของคุณจะต้องได้รับมากถึง 25% เพื่อกู้คืนการสูญเสียนั้น!

    3.Overtrade  — ทุกคนบอกว่าการค้าเกินนั้นไม่ดี แต่สำหรับเทรดเดอร์ การอยู่ห่างจากตลาดมักจะเป็นเรื่องยากเสมอเมื่อมีโอกาสมากมาย เพียงพยายามกำหนดขีดจำกัดสำหรับการซื้อขายรายวัน/รายสัปดาห์สำหรับตัวคุณเอง Overtrading เป็นผลมาจากการตอบสนองทางอารมณ์ต่อกลไกของตลาด การตัดสินใจซื้อขายดังกล่าวไม่ได้กำหนดจิตใจของคุณ ดังนั้นจงหลีกเลี่ยงทุกวิถีทาง

    4.การปิดโพซิชั่นที่ชนะเร็วเกินไป  — ดูเหมือนว่าโอเคที่จะได้กำไรที่รับประกัน เมื่อเทียบกับการเสี่ยงที่จะรอมากกว่านั้น อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์การซื้อขายทั่วไปพิสูจน์ให้เห็นว่าการปิดตำแหน่งที่ชนะก่อนกำหนดและการรอให้สถานะที่แพ้เป็นสีเขียวนั้นเป็นแนวทางที่ผิดทั้งหมด ปล่อยให้ตำแหน่งที่ชนะของคุณทำงานและตัดตำแหน่งที่แพ้ของคุณออกไปก่อน!

    5.การปฏิบัติตาม การคาดการณ์และสัญญาณ  — สำหรับผู้เทรดบางราย เป็นการยากที่จะหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีกูรู Forex บางคนที่พวกเขาเคารพ การเทรดด้วยกลยุทธ์ของคุณเองและความรับผิดชอบอย่างเต็มที่เป็นวิธีเดียวที่จะเป็นนักเทรด Forex มืออาชีพและประสบความสำเร็จ

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    กลยุทธ์การซื้อขาย Forex 9 ประเภท

    ตุลาคม 17, 2022

    มีหลายวิธีในการเข้าถึงการซื้อขาย Forex และตั้งฐานการเข้าและออกของคุณ ผู้ค้าที่มุ่งหวังที่จะบรรลุผลกำไรอัพเกรดวิธี  การลองผิด ลองถูกให้ เป็นระบบการซื้อขายที่มีกฎเกณฑ์เฉพาะ ในกรณีส่วนใหญ่ ระบบการซื้อขาย (หรือกลยุทธ์) เหล่านี้ใช้พื้นฐานหลักในการสร้างสัญญาณสำหรับการเข้าและออกจากตลาด วิธีการพื้นฐานในการสร้างกลยุทธ์การซื้อขายมีดังต่อไปนี้

    1.อินดิเคเตอร์ ทางเทคนิคมาตรฐาน (เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ , RSI , สุ่ม(stochastic) เป็นต้น) น่าจะเป็นประเภทระบบการซื้อขายที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ค้ารายใหม่ที่มักจะเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคด้วยตัวบ่งชี้พื้นฐาน การซื้อขายข้าม EMA ดูน่าสนใจเมื่อคุณเพิ่มเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โปเนนเชียลสองตัวลงในแผนภูมิ น่าเสียดายที่กลยุทธ์การซื้อขายดังกล่าวไม่ค่อยได้ผลในระหว่างการทดสอบย้อนหลัง

    2.อินดิเคเตอร์ ทางเทคนิคที่กำหนดเอง เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการสร้างกลยุทธ์การซื้อขาย Forex อินดิเคเตอร์แบบกำหนดเองมีหลายรสชาติและมีหลายพันแบบออนไลน์ และผู้ค้าทุกรายสามารถสร้างอินดิเคเตอร์ที่กำหนดเองสำหรับการวิเคราะห์และการซื้อขาย อินดิเคเตอร์ที่กำหนดเองบางตัวกลายเป็นตำนาน — เช่น Better Volume หรือ  Fisher หรือ  Currency Strength. ดูเหมือนว่าผู้ค้าจำนวนมากทำการค้าโดยใช้ตัวบ่งชี้ที่กำหนดเอง แต่ปัญหาของระบบการซื้อขายเหล่านี้คือมักจะทำ backtest ได้ยากเนื่องจากความซับซ้อน แน่นอน เช่นเดียวกับอินดิเคเตอร์มาตรฐาน อินดิเคเตอร์ที่กำหนดเองจะมีประโยชน์มากเมื่อใช้ร่วมกับวิธีการวิเคราะห์อื่นๆ สิ่งสำคัญคือต้องไม่หลงทางในทะเลของอินดิเคเตอร์ที่กำหนดเองและรู้ว่าเมื่อใดควรหยุด ไม่เช่นนั้น คุณอาจเสี่ยงที่จะจบลงด้วยแผนภูมิเช่นนี้:

    3.รูปแบบกราฟแบบคลาสสิก (เช่น สามเหลี่ยม แชนเนลหัวและไหล่และอื่นๆ) เป็นสิ่งที่นักเทรดวงสวิงหลายคนต้องการใช้ในกลยุทธ์ของตน ในกรณีส่วนใหญ่ การ ซื้อขาย รูปแบบแผนภูมิเกี่ยวข้องกับการฝ่าวงล้อมการซื้อขาย (แต่นั่นไม่ใช่กรณีเสมอไป) จากชุดของรูปแบบที่กำหนดไว้ล่วงหน้าและไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับวิธีการวิเคราะห์อื่นใด แม้ว่าจะยังสามารถหาสัญญาณยืนยันจากการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานหรือปัจจัยอื่นๆ ได้

    4.รูปแบบแท่งเทียนญี่ปุ่น (เช่น bearish/bullish engulfing, doji, hammer, hanging man เป็นต้น) ก็ค่อนข้างเป็นที่นิยมในหมู่นักเทรด Forex เนื่องจากรูปแบบที่เรียบง่าย — แทบจะไม่มี แท่งเทียนมากกว่า 3 แท่ง โดยปกติแล้ว การทดสอบย้อนกลับของระบบรูปแบบแท่งเทียนล้วนๆ จะไม่ประสบความสำเร็จอย่างน่าเสียดาย

    5.ระบบที่ใช้การเคลื่อนไหวของราคาบริสุทธิ์ เป็นระบบการซื้อขายชนิดหนึ่งที่ยากต่อการกำหนด โดยปกติ การเคลื่อนไหวของราคาจะเข้าใจว่าเป็นการซื้อขายโดยไม่มีตัวบ่งชี้ และมักเกี่ยวข้องกับการใช้รูปแบบแผนภูมิทุกประเภท — ทั้งแบบคลาสสิกและเชิงเทียน นอกจากนี้เรายังสามารถกำหนดการเคลื่อนไหวของราคาเป็นการซื้อขายนอก แนว รับและแนวต้านและเส้นแนวโน้ม

    6.การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานระยะยาว เป็นหนึ่งในรากฐานที่ซับซ้อนที่สุดสำหรับระบบการซื้อขาย ไม่เพียงแต่ต้องใช้ความรู้มากมายในด้านเศรษฐศาสตร์มหภาคและการเงินระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับการอัปเดต ข้อมูลที่เกี่ยวข้องจำนวนมหาศาลที่เผยแพร่ทุกวัน .

    7.การซื้อขายตามข่าว เป็นทั้งระบบการซื้อขายที่น่าดึงดูดและอันตรายอย่างยิ่งที่ต้องปฏิบัติตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเป็นผู้ค้ามือใหม่ เทรดเดอร์ที่ต้องการใช้ประโยชน์จาก  ข่าวเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างเซอร์ไพรส์ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสเปรดที่กว้างขึ้น การคลาดเคลื่อนมาก และความล่าช้าในการดำเนินการ ด้วยเหตุผลนี้เองที่ backtest ของกลยุทธ์การซื้อขายข่าวจึงไม่มีประโยชน์ไม่มากก็น้อย

    8.ตามอินดิเคเตอร์ความเชื่อมั่น (เช่นรายงาน CoTหรือ  ดัชนีความเชื่อมั่นที่โบรกเกอร์จัดหาให้) สามารถใช้เป็นพื้นฐานสำหรับ  การซื้อขายที่มาจากฝูงชนหรือที่ตรงกันข้าม มีหลายวิธีในการใช้ข้อมูลความเชื่อมั่นของตลาดในระบบการซื้อขาย แต่สำหรับฉันแล้วดูเหมือนว่าการซื้อขายเพียงข้อมูลความเชื่อมั่นจะไม่สามารถทำกำไรได้ เนื่องจากมักขาดเวลาและข้อมูลเกี่ยวกับระดับอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเหมาะสม

    9.การวิเคราะห์การกระจายตามปริมาณ / วิธี Wyckoff เป็นส่วนย่อยของกลยุทธ์การซื้อขายที่อิงจากการศึกษาเขตอุปสงค์และอุปทานของตลาดโดยใช้ข้อมูลที่รวมกันเกี่ยวกับปริมาณ ราคา และเวลา หากคุณมีประสบการณ์เพียงเล็กน้อยกับระบบดังกล่าวและไม่เคยทำการทดสอบย้อนกลับมาก่อน มันอาจจะคุ้มค่าที่จะดูว่าผู้ค้า FX ที่มีประสบการณ์ใช้ VSA รูปแบบนี้หรือรูปแบบนั้นในการซื้อขายในวิดีโอเพื่อการศึกษาของพวกเขาอย่างไร

    เป็นไปได้ที่จะใช้กลยุทธ์การซื้อขายหลายอย่างร่วมกัน ตัวอย่างเช่น อาจใช้รูปแบบหนึ่งตามรูปแบบกราฟแบบคลาสสิก รูปแบบหนึ่งสำหรับการซื้อขายตามข่าว และอีกรูปแบบหนึ่งสำหรับ  การวิเคราะห์พื้นฐานระยะยาว มักจะคุ้มค่าที่จะทดลองกับอินดิเคเตอร์ที่กำหนดเองที่น่าสนใจ ด้วยความเชื่อมั่นของเทรดเดอร์ หรือด้วยวิธีการใหม่อื่นๆ ท้ายที่สุด คุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอะไรจะทำงานได้ดีที่สุดในตลาด FX ในวันพรุ่งนี้

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการดูเส้นแนวโน้ม

    ตุลาคม 17, 2022

    เทคนิคการดูเส้นแนวโน้ม

    การเทรดตามแนวโน้ม (trend) ก็เหมือนการว่ายน้ำตามกระแสน้ำที่ไหล ในขณะที่ทิศทางของแนวโน้มเป็นขาขึ้น คุณจะกล้าสวน Short ไหม? หรือคุณจะเทรดฝั่ง Long เกาะไปตามแนวโน้ม ซึ่งแน่นอนว่าเล่นตามกระแสของแนวโน้มนั้นง่ายกว่า แต่สิ่งที่มือใหม่มักพลาดคือ การเข้าตอนที่แนวโน้มนั้นใกล้จบแล้ว ดังนั้นจึงต้องอาศัยการวิเคราะห์แนวโน้มของราคาเพื่อสร้างประสิทธิภาพในการเทรดให้มากที่สุด โดยเทคนิคการดูทิศทางของแนวโน้มนั้น มีการเคลื่อนไหวของตลาดประกอบด้วย 3 สิ่ง คือ ขึ้น , ลง , Sideway

     

    1. Line graph
    วิธีที่ง่ายที่สุดและใช้ได้จริง คือการปรับกราฟเป็น Line graph จะทำให้มองแนวโน้มราคาออกได้ง่าย ตัดพวก noise ออกไปได้ (ใน bar graph และcandlestick graph แสดง High , Low ทำให้กราฟดูยาก) สามารถดูแนวโน้มโดยรวมได้ง่าย

    2. Highs และ Lows
    ตามหลักพื้นฐานของ Technical analysis เลยคือเมื่อราคาทำ Higher High และ Higher Low เป็นช่วงแนวโน้มขาขึ้น และถ้าราคาทำ Lower High และ Lower Low เป็นช่วงแนวโน้มขาลง

    3. Moving Averages
    เป็นเครื่องมือที่นิยมใช้ในการกรองแนวโน้มมากที่สุด และมีประสิทธิภาพมากเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม มีบางสิ่งที่ต้องระวังในการใช้เส้นค่าเฉลี่ย คือ ช่วงที่ใช้คำนวณ ค่ามาก หรือน้อย จะมีผลต่อจะวิเคราะห์ เช่นถ้าใช้ค่าน้อย เส้นค่าเฉลี่ยก็จะตอบสนองต่อราคาไวกว่า ให้สัญญาณเร็วกว่า แต่จะเจอสัญญาณหลอกบ่อยกว่า

    4. Channels และ Trend line
    Channels และ Trend line เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถใช้วิเคราะห์ทิศทางของแนวโน้มราคาได้ และสามารถพิจารณาในช่วงตลาด Sideway ได้เช่นกัน และยังสามารถใช้ประกอบกับเส้นค่าเฉลี่ยได้เช่นกัน

    5. ADX indicator
    เป็นเครื่องมือที่ใช้ดูทิศทางของแนวโน้มราคาและยังสามารถบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของแนวโน้มในช่วงนั้นได้อีกเช่นกัน โดย ADX indicator ประกอบด้วย 3 เส้น คือ +DI , -DI และ ADI … +DI เป็นการแสดงถึงความแข็งแกร่งของ Bullish ส่วน –DI เป็นการแสดงถึงความแข็งแกร่งของ Bearish ส่วน ADI แสดงถึงความแข็งแกร่งของแนวโน้มในช่วงนั้น

    อย่างไรก็ตามทุกเครื่องมือและทุกกลยุทธ์ล้วนมีข้อจำกัด ไม่จำเป็นที่เทรดเดอร์จะต้องได้ 100% ชนะในทุกการเทรด ขอแค่เพียงครั้งที่ชนะของคุณมันใหญ่กว่าครั้งที่แพ้แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    10 กฎพื้นฐานของการซื้อขาย Forex

    ตุลาคม 17, 2022

    กฎการซื้อขายคืออะไรและมีไว้เพื่ออะไร?

    กฎ Forex เป็นแนวทางที่ไม่เป็นทางการที่ผู้ค้ายอมรับ ตามกฎเหล่านี้ คุณสามารถจัดระเบียบกระบวนการซื้อขายและเพิ่มผลกำไรได้ดีขึ้น กล่าวอีกนัยหนึ่งคือประสบการณ์ที่สะสมมาตลอดหลายปีที่ผู้ค้าที่เป็นผู้ใหญ่แบ่งปันกับผู้เริ่มต้น

    กฎการซื้อขาย Forex ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้เข้าร่วมตลาดพัฒนาทักษะและบรรลุชัยชนะครั้งใหม่ หากผู้ค้าเรียนรู้กฎเหล่านี้และนำไปใช้อย่างชำนาญในการทำธุรกรรมจริง พวกเขาจะสามารถเข้าใจการซื้อขายทั้งหมดในช่วงเวลาหนึ่ง และเพิ่มผลกำไรของพวกเขาได้

    สำคัญ!คุณต้องเข้าใจว่าแม้แต่กฎฟอเร็กซ์ที่มีรายละเอียดก็ไม่ใช่กุญแจวิเศษในการทำกำไรทันทีและไร้ขีดจำกัด การใช้กฎเหล่านี้ในการซื้อขายรายวันเป็นกระบวนการที่ยาวนานและต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ซึ่งต้องอาศัยความเอาใจใส่ ความพากเพียร และการมีส่วนร่วมจากผู้ค้า

    10 กฎพื้นฐานของการซื้อขาย Forex

    1. อย่าซื้อขายตามกำหนดเวลา

    คุณไม่ควรเริ่มซื้อขายเพียงเพราะคุณเปิดคอมพิวเตอร์และมีเวลาสองสามชั่วโมง ผู้เชี่ยวชาญด้าน Forex แนะนำให้เตรียมตัวก่อนเปิดดีล ดังนั้น คุณต้องพัฒนาแผนการซื้อขาย พิจารณาสถานการณ์การเคลื่อนไหวของตลาดที่เป็นไปได้มากมาย และวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดโดยละเอียด หลังจากกำหนดทิศทางแนวโน้มและกำหนดคำสั่งที่จำเป็นแล้วเท่านั้น คุณสามารถเข้าสู่ตลาดได้อย่างปลอดภัย

    2. คุมอารมณ์ให้อยู่หมัด

    อย่าปล่อยให้ความรู้สึกของคุณอยู่เหนือเหตุผลและเหตุผล ผู้มาใหม่ในตลาด Forex มักมีอารมณ์อ่อนไหวและมีแนวโน้มที่จะถูกโจมตีอย่างตื่นตระหนกในขณะซื้อขาย การสูญเสียการควบคุมตนเองนำไปสู่การตัดสินใจที่หุนหันพลันแล่นและเป็นผลให้เกิดการสูญเสียทางการเงิน รักษาความสงบไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น: หยุด หยุดชั่วคราว พิจารณาสถานการณ์จากทุกมุม แล้วลงมือทำเท่านั้น

    3. กระจายพอร์ตการลงทุนของคุณ

    มีคู่สกุลเงินจำนวนมากสำหรับการซื้อขายใน Forex ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์กระจายพอร์ตการลงทุนได้ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยง คู่สกุลเงินบางคู่มีความเสี่ยงน้อยกว่า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระดับของความผันผวน ในขณะที่บางคู่อาจทำกำไรได้มากกว่า แต่บ่งบอกถึงความเสี่ยงที่จะขาดทุนมากขึ้น หากเทรดเดอร์แบ่งปันเงินทุนระหว่างคู่เงินสองประเภทที่แตกต่างกัน พวกเขาจะสามารถลดความเสี่ยงได้

    4. ลงทุนเงินที่คุณสามารถจะสูญเสียได้

    มันไม่ฉลาดที่จะลงทุนทุกอย่างที่คุณมีหรือได้รับเงินกู้เพื่อจุดประสงค์นั้น การซื้อขาย Forex ไม่ใช่ลอตเตอรีแบบ win-win บางครั้ง กำไรจะเกิดขึ้นหลังจากการเทรดที่ขาดทุนหลายครั้งเท่านั้น เมื่อผู้ค้าเสี่ยงเงินออมทั้งหมดของพวกเขา พวกเขาไม่สามารถประเมินสถานการณ์อย่างเป็นกลางและมีสติ ดังนั้นพวกเขาถึงวาระที่จะทำผิดพลาด คุณควรเดิมพันเงินที่คุณสามารถจะสูญเสียได้ กล่าวคือ การสูญเสียจะไม่ทำให้เกิดปัญหาร้ายแรงใดๆ กับคุณ ในกรณีเช่นนี้ คุณจะสามารถหลีกเลี่ยงการสูญเสียที่ไม่พึงประสงค์ได้อย่างง่ายดายและกลืนกินรสชาติอันหอมหวานของการซื้อขายที่ชนะ

    5. พึ่งพาการวิเคราะห์ตลาด

    กฎการซื้อขาย Forex ขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและพื้นฐาน การซื้อขายสุ่มสี่สุ่มห้าหรือหวังว่าจะได้รับโชคดีจะถึงวาระที่จะล้มเหลว เทรดเดอร์ทุกคนควรพึ่งพาข้อเท็จจริงและสถิติที่ยาก ในการประเมินสถานการณ์ตลาดอย่างถูกต้อง จำเป็นต้องมีข้อมูลทางเศรษฐกิจและการเงินที่ทันสมัย สัญชาตญาณและสมมติฐานไม่มีประโยชน์ที่นี่ เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ทุกคนรู้ดีว่าการเข้าสู่ตลาดมีความเสี่ยงเกินไปโดยไม่ได้เรียนรู้พื้นฐานของการวิเคราะห์ทางเทคนิคและพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม คุณสามารถศึกษาแนวคิดพื้นฐานและหลักการวิเคราะห์พื้นฐานบน

    6. ใช้เวลาของคุณ

    กฎและกลยุทธ์ forex ส่วนใหญ่ได้รับการออกแบบมาสำหรับการซื้อขายระยะยาวและมีเสถียรภาพ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดก็ไม่มีเคล็ดลับใด ๆ ที่สามารถทำให้ผู้ค้าร่ำรวยได้ในหนึ่งวัน การซื้อขาย Forex เป็นงานหนักในแต่ละวัน ซึ่งกำไรเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปเท่านั้น คุณต้องอดทนและใช้เวลาของคุณ รอช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเปิดการซื้อขายและอย่าดำเนินการที่วุ่นวายซึ่งอาจทำให้คุณขาดทุนอย่างมาก บางทีกฎหลักของตลาดฟอเร็กซ์ก็คือเทรดเดอร์ที่กระสับกระส่ายและใจร้อนมักจะแพ้

    7. สื่อสารกับผู้ค้ารายอื่น

    ชุมชนการซื้อขาย Forex เป็นกลุ่มผลประโยชน์ที่มีบรรยากาศที่เป็นกันเอง ผู้เข้าร่วมแบ่งปันความรู้และสิ่งที่ค้นพบซึ่งกันและกัน นอกจากนี้ พวกเขายังแลกเปลี่ยนวิธีแก้ปัญหาในทางปฏิบัติ กลยุทธ์ที่ปรับปรุง และการพัฒนาใหม่ เข้าร่วมในพอร์ทัลการลงทุนที่สำคัญ

    8. คิดบวกและยอมรับการสูญเสียอย่างใจเย็น

    ความล้มเหลวเกิดขึ้นบ่อยครั้งใน Forex เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์จะขาดทุนอย่างใจเย็นไม่เหมือนกับมือใหม่ที่มักจะเครียดกับการขาดทุน สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าไม่มีผู้ค้ารายใด แม้แต่ผู้ค้าที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จมากที่สุดก็สามารถหลีกเลี่ยงการสูญเสียได้ นี่เป็นส่วนสำคัญของการซื้อขาย จากการขาดทุนที่เกิดขึ้น เทรดเดอร์จะได้รับประสบการณ์อันมีค่า และสิ่งนี้สำคัญกว่าเงินเพราะประสบการณ์หลายปีทำให้กระบวนการซื้อขายง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    9. อย่าลืมพักผ่อนเสมอ

    การซื้อขาย Forex ดำเนินต่อไปตลอด 24 ชั่วโมง การทนต่อภาระทางอารมณ์ห้าวันต่อสัปดาห์นั้นยากแม้สำหรับเทรดเดอร์ที่ช่ำชองที่สุด ประการแรก การทำงานหนักเกินไปและการออกแรงมากเกินไปทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพ และประการที่สอง เมื่อคุณเหนื่อย คุณจะทำผิดพลาด วิธีแก้ปัญหานั้นง่าย – พักสมองจากการซื้อขาย Forex สิ่งสำคัญคือต้องสร้างตารางเวลาที่ชัดเจนสำหรับการสังเกตตลาดและรวมถึงช่วงพัก

    สำคัญ!หลังจากเปิดการซื้อขายแล้ว ผู้เริ่มต้นหลายคนอดไม่ได้ที่จะดูกราฟ โดยกังวลใจกับการเปลี่ยนแปลงราคา แท้จริงแล้วมันไร้ประโยชน์ ไม่มีผู้ค้ารายใดสามารถมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้ คำสั่งหยุดการขาดทุนและทำกำไรสามารถช่วยให้คุณรู้สึกมั่นใจมากขึ้นและใช้แนวทางที่ผ่อนคลายในการตรวจสอบแผนภูมิ

    10. ติดตามข่าวสารล่าสุด

    การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นหนึ่งในวิธีการวิจัยตลาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์พื้นฐานก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน เนื่องจากเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองทั่วโลกเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของการเปลี่ยนแปลงราคา นักเทรด Forex ทุกคนควรจับตาดูการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ อัตราการเติบโตของ GDP ในสหภาพยุโรป และข่าวประชาสัมพันธ์ที่สำคัญอื่นๆ

    สรุป

    การปฏิบัติตามกฎข้างต้นของการซื้อขายฟอเร็กซ์ไม่รับประกันผลกำไร 100% และไม่สามารถหลีกเลี่ยงการสูญเสียได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม กฎเหล่านี้สามารถนำผู้ค้าไปสู่ความสำเร็จในตลาดสกุลเงินได้ พวกเขามีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้น พื้นฐานการซื้อขายเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดทั่วไป เลือกกลยุทธ์การซื้อขายอย่างละเอียดยิ่งขึ้น และปกป้องเงินทุนของคุณจากการขาดทุน

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    ระดับจิตวิทยาใน forex คืออะไร?

    ตุลาคม 13, 2022

    ระดับจิตวิทยาใน forex คืออะไร?

    ระดับทางจิตวิทยาแสดงถึงระดับราคาที่แข็งแกร่งซึ่งแสดงด้วยตัวเลขกลม (กลยุทธ์การซื้อขายจำนวนเต็ม) หรือระดับราคาสูงหรือต่ำหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน หากราคาในตลาดฟอเร็กซ์ทะลุระดับเหล่านี้ เทรดเดอร์คาดหวังว่าจะได้รับกำไรอย่างรวดเร็วในทิศทางของแนวโน้ม

    ความสนใจของเทรดเดอร์ถูกดึงมาสู่ตลาดโดยระดับวิกฤตในฟอเร็กซ์ สิ่งเหล่านี้เป็นต้นทุนทางจิตวิทยาที่เชื่อมโยงกับจิตใจของมนุษย์และรูปแบบการคิด ประเด็นที่ระบุไว้ด้านล่างเกี่ยวกับระดับทางจิตวิทยาและตัวเลขรอบในการซื้อขายแลกเปลี่ยนมีการกล่าวถึงในบทความนี้:

    • นิยามของระดับจิตวิทยา
    • วิธีการระบุระดับจิตวิทยา
    • วิธีการใช้ระดับจิตวิทยาในการเทรด forex
    • ข้อดีและข้อเสียของระดับจิตวิทยา

    การทำความเข้าใจระดับจิตวิทยาและวิธีการทำงาน

    ระดับราคาตลาด ซึ่งเป็นระดับอัตราแลกเปลี่ยนที่สำคัญและแสดงด้วยตัวเลขกลม เรียกว่าระดับจิตวิทยา ตัวเลขกลมเหล่านี้มักใช้เป็นแนวต้านหรือแนวรับ

    เนื่องจากธรรมชาติของมนุษย์ขั้นพื้นฐาน การต่อต้านและการสนับสนุนทางจิตวิทยาจึงทำงานอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมนุษย์ชอบความเรียบง่าย มูลค่าจึงถูกกำหนดให้กับจำนวนเต็มในแง่ของการซื้อขาย ตัวเลขเหล่านี้มักใช้เป็นระดับเข้า ระดับออก และระดับหยุด ขั้นตอนการสั่งซื้อและความผันผวนของราคาอาจได้รับผลกระทบจากการหยุดและข้อจำกัดเหล่านี้

    วิธีการระบุระดับทางจิตวิทยาในแผนภูมิ Forex

    ช่วงเวลาจำนวนเต็มเหล่านี้มักถูกเรียกว่า “ศูนย์สองเท่า” โดยผู้ค้าเพราะราคาเท่ากัน ตัวอย่างบางส่วน – 1.31000 สำหรับ EUR/USD, 1.57000 สำหรับ GBP/USD หรือ 132.00 สำหรับ GBP/JPY

    ผู้ค้าบางรายอาจก้าวไปอีกขั้นหนึ่งและดูตัวเลขที่อยู่ท่ามกลางตัวเลขทั้งหมดเหล่านี้ ซึ่งมักเรียกกันว่า “ยุคห้าสิบ” ระดับเหล่านี้ เช่น 1.31500 ใน EUR/USD หรือ 131.50 สำหรับ GBP/JPY มักใช้เหมือนกับ “ศูนย์สองเท่า”

    เมื่อราคาขึ้นหรือลง เทรดเดอร์จะสังเกตเห็นความแออัดในระดับวิกฤตเหล่านี้อย่างมาก

    เป็นที่น่าสังเกตว่าความผันผวนของราคาจำนวนมากในแผนภูมิด้านบนเกิดขึ้นใกล้กับระดับใดระดับหนึ่งเหล่านี้ เป็นผลให้ผู้ค้าพยายามที่จะรวมระดับเหล่านี้ในการแก้ไขระดับแนวรับและแนวต้าน

    เป็นผลให้ราคาเหล่านี้เป็นแนวจิตวิทยาที่ทำหน้าที่เป็นทั้งการสนับสนุนและอุปสรรค แม้ว่าจะไม่ใช่ราคาทั้งหมดที่เป็นแนวรับหรือแนวต้าน แต่หลายราคาก็รับประกันความสนใจของเทรดเดอร์

    ข้อดีและข้อจำกัดของระดับจิตวิทยา

    ใน forex ระดับที่สำคัญควรได้รับการประเมินโดยคำนึงถึงแนวโน้มปัจจุบัน ควรประเมินด้วยว่าคำแนะนำทางเทคนิครองใด ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการค้าหรือไม่ ต่อไปนี้เป็นข้อดีและข้อจำกัดของระดับจิตวิทยา :

    ข้อดี

    • ทำหน้าที่เป็นแนวต้านและแนวรับที่สำคัญ
    • สามารถระบุได้โดยผู้ค้ามือใหม่

    ข้อจำกัด

    • ระดับคีย์ไม่น่าเชื่อถือ 100% เสมอไป

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    FOREX FUTURES : คืออะไร ซื้อและสร้างรายได้อย่างไร?

    ตุลาคม 13, 2022

    FOREX FUTURES : คืออะไร ซื้อและสร้างรายได้อย่างไร?

    คำว่า “FUTURES” นั้นอธิบายได้ชัดเจน – สัญญาเหล่านี้จะตกลงกันในอนาคต

    ดังนั้นสัญญาซื้อขาย FUTURES คืออะไร? เป็นสัญญาที่ต้องส่งมอบทรัพย์สินบางอย่างในราคาที่แน่นอนในอนาคต ผู้ซื้อสัญญาซื้อขาย FUTURES จำเป็นต้องซื้อสินทรัพย์ในวันที่กำหนดไว้ ในขณะที่ผู้ขายจำเป็นต้องขายสินทรัพย์นั้น ภาระผูกพันทั้งสองมีผลบังคับใช้กับปริมาณมาตรฐานของสินทรัพย์และจะต้องปฏิบัติตามในอนาคตในราคาที่ตกลงกันในขณะที่ซื้อ

    กล่าวคือ สัญญาซื้อขาย FUTURES ควรชำระในวันที่ระบุในสัญญา futuresสำหรับการส่งมอบสินค้าในชีวิตประจำวันเป็นสิ่งที่พบได้บ่อยที่สุด เหล่านี้เป็นสัญญาสำหรับ : แก๊ส น้ำมันดิบ น้ำมันเบนซิน ทอง ข้าว สกุลเงิน เหล็ก ฝ้าย ไม้

    ประเภทของ FUTURES

    futures มี 2 ประเภท :

    • ที่เรียกร้องให้มีการส่งมอบทรัพย์สิน
    • ที่ไม่ต้องการมัน

    ประเภทแรกใช้ในภาคเศรษฐกิจจริง ตัวอย่างเช่น เกษตรกรทำสัญญาซื้อขาย futures เพื่อขายสินค้าในราคาที่เหมาะสมในอนาคต ผู้ซื้อจำเป็นต้องทำสัญญาเพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถซื้อสินค้าได้ ดังนั้นคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจึงรับประกันตนเองจากสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในตลาด

    สัญญาซื้อขาย futures ประเภทที่ 2 มักใช้โดยผู้ค้าที่ต้องการทำกำไรจากความผันผวนของราคา แต่พวกเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะซื้อสินทรัพย์อ้างอิง ตัวอย่างเช่น หากนักลงทุนซื้อน้ำมันล่วงหน้าที่ 48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาเพิ่มขึ้นเป็น 56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล พวกเขาก็จะได้รับ 8 ดอลลาร์ ในทางกลับกัน พวกเขาสามารถสูญเสีย $8 เหมือนเดิมหากราคาขยับลงไปที่ $40 ผู้ค้าไม่จำเป็นต้องจัดเก็บหรือขนส่งสินทรัพย์ หากพวกเขาซื้อมัน พวกเขาสามารถชำระสัญญาได้ด้วยการคลิกเมาส์เพียงไม่กี่ครั้ง

    สัญญาซื้อขาย FUTURES มีการซื้อขายที่ไหน?

    สัญญาซื้อขาย FUTURES มีการซื้อขายในการแลกเปลี่ยน FUTURES นี่คือการแลกเปลี่ยนสินค้าโภคภัณฑ์และ FUTURES ที่มีชื่อเสียงที่สุด :

    • นิวยอร์ค เมอร์แชนไทล์ เอ็กซ์เชนจ์ (NYMEX)
    • คณะกรรมการการค้าชิคาโก (CBOT)
    • ชิคาโก เมอร์แคนไทล์ เอ็กซ์เชนจ์ (CME)
    • การแลกเปลี่ยนปิโตรเลียมระหว่างประเทศ (IPE)
    • London International Financial Futures Exchange (LIFFE)
    • London Metals Exchange (LME)

    ข้อมูลจำเพาะของการซื้อขาย FUTURES

    การซื้อขาย FUTURES นั้นคล้ายกับการซื้อขายแลกเปลี่ยน หลักการของการวิเคราะห์ทางเทคนิคและพื้นฐานยังใช้กับตลาด FUTURES ด้วย : ผู้ค้าใช้ตัวบ่งชี้ แผนภูมิ และวางคำสั่งซื้อในลักษณะเดียวกับที่ทำใน Forex นอกจากนี้ ในขั้นต้นเครื่องมือเหล่านี้มีไว้สำหรับการซื้อขายในตลาดซื้อขายล่วงหน้าซึ่งปรากฏก่อนการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม การซื้อขายล่วงหน้ามีความแตกต่างที่สำคัญบางประการ

    • ประการแรก การค้าขายใน Forex สามารถอยู่ได้จนถึงสิ้นเวลา กล่าวอีกนัยหนึ่ง เมื่อผู้ค้าซื้อคู่ GBP/USD พวกเขาสามารถเปิดข้อตกลงไว้ได้เป็นเดือนหรือเป็นปี ผู้ค้า FUTURES ไม่มีโอกาสดังกล่าว สัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีวันหมดอายุ ดังนั้นหากนักลงทุนไม่ปิดโพซิชั่น จะถูกปิดโดยอัตโนมัติที่ราคาล่าสุดที่กำหนดไว้ในวันซื้อขายล่าสุด ดังนั้น เราควรจำไว้เสมอว่าวันหมดอายุและซื้อสัญญาระยะยาวในเวลาที่เหมาะสม
    • รหัส FUTURES ประกอบด้วยสัญลักษณ์หลายอย่าง สัญลักษณ์แรกระบุสินทรัพย์อ้างอิง (ทอง น้ำมัน ฝ้าย และอื่นๆ) สัญลักษณ์ถัดไปแสดงเดือนและปีที่ส่งมอบ ตัวอย่างเช่น NGQ0 เป็น FUTURES สำหรับการส่งมอบก๊าซในเดือนสิงหาคม

    เหล่านี้เป็นสัญลักษณ์พิเศษที่แสดงถึงเดือนที่ส่งมอบ :

    • มกราคม – F
    • กุมภาพันธ์ – G
    • มีนาคม – H
    • เมษายน – J
    • พฤษภาคม – K
    • มิถุนายน – M
    • กรกฎาคม – N
    • สิงหาคม – Q
    • กันยายน – U
    • ตุลาคม – V
    • พฤศจิกายน – X
    • ธันวาคม – Z

    ฟอเร็กซ์เป็นตลาดนอกการแลกเปลี่ยนที่เสนอราคาโดยธนาคารและตัวแทนจำหน่าย นั่นเป็นสาเหตุที่ราคาอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์ ในเวลาเดียวกัน การซื้อขาย FUTURES จะดำเนินการในตลาดแลกเปลี่ยน ดังนั้นราคาจะคงที่และไม่เปลี่ยนแปลงตามที่กำหนดโดยผู้ซื้อและผู้ขายบางราย ใบเสนอราคาแต่ละรายการมีมูลค่าและปริมาณ เว็บไซต์การแลกเปลี่ยนให้ราคาที่ถูกต้องสำหรับช่วงการซื้อขายก่อนหน้า นั่นเป็นเหตุผลที่โบรกเกอร์ฟิวเจอร์สทั้งหมดมีราคาที่คล้ายคลึงกัน

    ปริมาณของสัญญาซื้อขาย FUTURES เป็นมาตรฐาน การแลกเปลี่ยนกำหนดคุณภาพและปริมาณของสินทรัพย์อ้างอิง ตัวอย่างเช่น FUTURES หมูสามชั้น (PB) กำหนดการส่งมอบเนื้อหมูสามชั้น 40,000 ปอนด์; โกลด์ฟิวเจอร์สให้ส่งมอบทองคำ 100 ทรอยออนซ์ที่มีความละเอียด 995 ขึ้นไป สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเรียกร้องให้ส่งมอบน้ำมันดิบ 1K บาร์เรล ราคาฟิวเจอร์สนั้นเป็นสากลและเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนทั้งโลก

    จะซื้อสัญญาซื้อขาย FUTURES ได้อย่างไร?

    ในการซื้อสัญญาซื้อขาย FUTURES คุณต้องลงทะเบียนบัญชีซื้อขายกับโบรกเกอร์และฝากเงินด้วยจำนวนเงินที่จะเพียงพอสำหรับการซื้อ จำนวนเงินนี้เป็นประกันประเภทหนึ่งจากค่าเสื่อมราคาสัญญา

    ขึ้นอยู่กับการแลกเปลี่ยนที่คุณเลือกและโดยไม่คำนึงถึงสินทรัพย์อ้างอิง ยอดรวมที่ฝากควรเป็น 2-10% ของมูลค่าสินทรัพย์ ผลรวมนี้เรียกว่ามาร์จิ้นเริ่มต้น คำนวณโดยใช้ระบบ SPAN ที่อิงตามการประเมินการเปลี่ยนแปลงราคาของสินทรัพย์อ้างอิง

    นอกเหนือจากมาร์จิ้นเริ่มต้นแล้ว ยังมีมาร์จิ้นเพื่อการบำรุงรักษา — ผลรวมที่จำเป็นในการรักษาการซื้อขายที่เปิดอยู่ ตัวอย่างเช่น หากนักลงทุนต้องการซื้อหรือขายฟิวเจอร์สสำหรับเกณฑ์มาตรฐานน้ำมันดิบเบรนท์ พวกเขาต้องมีมาร์จิ้นเริ่มต้นที่ 4,000 ดอลลาร์และมาร์จิ้นเพื่อการบำรุงรักษาที่ 2,000 ดอลลาร์

    หลังจากปิดการซื้อขาย ณ วันที่หมดอายุ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ประมวลผลคำสั่งซื้อจะคำนวณกำไรขาดทุนโดยอัตโนมัติ

    วันหมดอายุของ FUTURES คืออะไร?

    วันหมดอายุคือวันที่ควรปฏิบัติตามเงื่อนไขของสัญญา ในวันนี้ สัญญาซื้อขาย FUTURES จะกลายเป็นโมฆะ

    วันหมดอายุแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสินทรัพย์อ้างอิง ดังนั้นสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสำหรับดัชนี S&P 500 จะหมดอายุสี่ครั้งต่อปี: ในเดือนมีนาคม มิถุนายน กันยายน และธันวาคม

    วันหมดอายุนั้นง่ายต่อการปฏิบัติตามตามที่ระบุไว้ในข้อกำหนดของ FUTURES

    เมื่อวันหมดอายุใกล้เข้ามา ผู้ค้าและนักลงทุนจำนวนมากปิดการซื้อขายและรอให้วงจรการค้าใหม่เริ่มต้นขึ้น มันเกิดขึ้นในขณะที่ตลาดสามารถจัดการได้และไดนามิกของราคาไม่สามารถคาดเดาได้ในขณะที่หมดอายุ ผู้ค้าบางคนคิดว่าในขณะนั้นผู้เล่นรายใหญ่เข้าสู่ตลาดและกำหนดทิศทางของแนวโน้ม

    จะใช้ FUTURES เพื่อป้องกันตำแหน่งได้อย่างไร?

    นักลงทุนมักใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงตำแหน่ง เนื่องจากเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการประกันความผันผวนของราคา อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการป้องกันความเสี่ยงนี้จะลดความเสี่ยง แต่ก็อาจทำให้กำไรลดลงได้เช่นกัน การป้องกันความเสี่ยงมีสองประเภท:

    • ซื้อป้องกันความเสี่ยง
    • การป้องกันความเสี่ยงการขาย

    การป้องกันความเสี่ยงในการซื้อหรือที่เรียกว่าการป้องกันความเสี่ยงแบบยาว ช่วยให้ผู้ค้ามั่นใจได้ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะเพิ่มขึ้น การป้องกันความเสี่ยงจากการขาย (หรือการป้องกันความเสี่ยงระยะสั้น) หมายความว่าผู้ค้าขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อลดความเสี่ยงจากการที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง

    วิธีหาเงินจากการซื้อขาย FUTURES ?

    ไม่มีอะไรใหม่เกี่ยวกับการทำกำไรจากการซื้อขาย FUTURES : คุณต้องซื้อสัญญาในราคาที่ต่ำกว่าและขายในราคาที่สูงกว่า จากนั้นคุณสามารถซื้อสัญญานี้ได้อีกครั้งเมื่อราคาลดลง และหลังจากนั้นก็ขายออกไป

    นี่เป็นวิธีการที่รู้จักกันดีซึ่งใช้ในการรับผลกำไรจากการซื้อขายเครื่องมืออื่นๆ เช่น หุ้น พันธบัตร สกุลเงิน และออปชั่น

    สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่มีวันหมดอายุใกล้เคียงที่สุดถือเป็นการทำกำไรสูงสุด พวกเขาดึงดูดนักลงทุนมากขึ้นเนื่องจากสภาพคล่องของพวกเขาสูงขึ้น ราคาสำหรับฟิวเจอร์สดังกล่าวใกล้เคียงกับของจริงและการแกว่งที่เฉียบขาดไม่น่าเป็นไปได้

    การซื้อขาย FUTURES ดูเหมือนจะเป็นกระบวนการที่ค่อนข้างซับซ้อนในแวบแรก แต่จริงๆ แล้วคุณจะพบว่ามันง่ายหากคุณฝึกฝนและสำรวจตลาดที่เฉพาะเจาะจง การซื้อขายต้องใช้ความรู้มากมาย ดังนั้นควรอ่านหนังสือ อบรมหลักสูตร และเข้าร่วมการสัมมนาทางเว็บ ลองแล้วคุณจะทำได้! ขอให้โชคดี!

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    รูปแบบ Inside bar

    ตุลาคม 13, 2022

     

    รูปแบบ Inside bar

    คือกราฟแท่งเทียนสองแท่งขึ้นไป แท่งเเรกแรกว่าแท่งMOTHER
    .
    กราฟแท่งเทียนแท่งที่2จะมีแท่งเทียนที่อยู่ภายในแท่งจะเรียกว่าแท่งกลืนกินหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าInside bar
    .
    กฎการเกิด Inside bar
    .
    1. ไม่จำกัดสี เขียวก็ได้ แดงก็ได้

    2. ไม่จำกัดสภาวะของตลาด หมี หรือ กระทิงไม่มีผลทั้งนั้น

    2. แท่งเทียนแท่งแรก จะใหญ่สุดเสมอ เราจะเรียกว่า Mother Bar

    3. แท่งเทียนถัดๆไป จะสูงต่ำดำขาวยังไงก็ได้ขอแค่ไม่เกินจาก Mother Bar เป็นพอ (รวมใส้เทียนด้วย)

    Inside Bar คือ หนึ่งใน Set up การเทรดโดยใช้ Price action ที่เป็นที่นิยมของเหล่าเทรดเดอร์สาย Price Action เนื่องด้วยโอกาสการทำกำไรที่สามารถเกิดขึ้นได้สูง สามารถสร้างอัตราส่วนผลตอบแทนและความเสี่ยงที่ดี Risk reward ratio ที่ดี มีช่วง Stop loss ที่สั้นกว่ารูปแบบกราฟอื่น ๆ หรือ Set up อื่น ๆ และยิ่งถ้าใช้ประกอบกับสัญญาณอื่น ๆ อย่างเช่น การวิเคราะห์โดยใช้เทรนด์ หรือการใช้เครื่องมือในการวัดเทรนด์ เช่น Equidistance channel ร่วมด้ววย หรือตัวอย่างเช่น การใช้แนวรับแนวต้าน เช่น เครื่องมือ Fibonacci Level ก็จะยิ่งทวีความสามารถของมันได้อย่างดียิ่งขึ้นไปอีก

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    ความรู้พื้นฐานในระบบเทรด Forex

    ตุลาคม 13, 2022

    ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับระบบเทรด Forex

     

    Forex(ฟอเร็กซ์) คืออะไร ?

    ฟอเร็กซ์ ย่อมาจากคำว่า Foreign Exchange Market คือ ตลาดเเลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตัวอย่างเช่นคุณอาจคิดว่ายูโร (EUR) กำลังขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) คุณจึงดำเนินการเทรดโดยซื้อคู่สกุลเงิน EUR/AUD หากยูโรขึ้น คุณอาจได้กำไร แต่หากตกลง คุณก็จะขาดทุน ในทางกลับกัน หากคุณคิดว่ายูโรกำลังลดลง คุณอาจดำเนินการเทรดซึ่งจะได้ประโยชน์จากความเคลื่อนไหวของราคาในลักษณะดังกล่าว  แพลตฟอร์มการเทรดทางออนไลน์ทำให้การเทรดสะดวกอย่างยิ่ง เนื่องจากทำให้คุณสามารถเข้าใช้เครื่องมือการเทรด แหล่งข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์ และสื่อการศึกษา ก่อนเริ่มต้นด้วยบัญชีจริง เทรดเดอร์ควรใช้เวลาทำความคุ้นเคยกับลักษณะที่ตลาด Forex เคลื่อนไหวและสร้างกลยุทธ์การเทรดที่ปฏิบัติได้จริงตามเป้าหมายส่วนตัวของตน

    ประโยชน์ของระบบเทรด Forex คืออะไร ?

    มีเหตุผลจำนวนมากที่ทำให้คนเลือกระบบเทรด Forex ตั้งแต่ต้องการหารายได้เสริมไปจนถึงหาอาชีพใหม่ๆ นี่คือเหตุผลหลักสามข้อที่ลูกค้าของเราสนุกกับการเทรด Forex:

    1. ตลาดเปิด 24 ชั่วโมง
      ด้วยเวลาเปิดตลาดที่แตกต่างกันรอบโลก คุณจึงสามารถเทรดค่าเงินได้ 24 ชั่วโมงต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ โดยปกติแล้ว เวลาดังกล่าวจึงเหมาะกับเทรดเดอร์ที่ทำงานในช่วงกลางวันเนื่องจากพวกเขาจะสามารถเทรดได้ที่บ้านในช่วงเย็น นอกจากนี้ ยังหมายความว่าคุณจะไม่พบกับช่องว่างของราคาในช่วงกลางคืน
    2. Forex มีค่าใช้จ่ายต่ำ
      เมื่อคุณเทรด Forex คุณไม่ต้องเสียค่าคอมมิชชันเหมือนการเทรดหุ้น แต่คุณจะเสียยอดที่บวกเพิ่มไปในราคาเพียงเล็กน้อย ซึ่งเรียกว่าสเปรด) ปกติแล้ว ในการเทรดแต่ละดอลลาร์ ค่าสเปรดจะไม่ถึงหนึ่งเซนต์
    3. Forex ช่วยให้คุณเริ่มต้นได้ด้วยเงินเพียงเล็กน้อย
      เมื่อคุณเริ่มเทรด Forex คุณจะสามารถเริ่มต้นได้ในปริมาณที่น้อยมากๆ และด้วยการเทรดจำนวนเล็กน้อย ค่าคอมมิชชันของคุณก็จะน้อยตามไปด้วย จึงแตกต่างจากหุ้นที่กำไรของคุณจะถูกหักค่าคอมมิชชัน

    ใครที่ควรเทรดในระบบเทรด Forex ?

    ไม่เป็นไรหากคุณไม่เคยเทรดมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นมืออาชีพที่ประสบการณ์สูง มีเวลาเทรดเยอะ หรือมีเวลาน้อยมาก เพราะการเทรด Forex มีหลากหลายแบบและให้โอกาสกับทุกคน การเทรด Forex ได้รับความนิยมเป็นพิเศษในบรรดาเทรดเดอร์ต่อไปนี้:

    • เทรดเดอร์ใหม่ที่กำลังเริ่มต้นในตลาด
    • เทรดเดอร์รายวันที่เทรดหลายครั้งต่อวัน
    • เทรดเดอร์ที่เทรดตามการแกว่งของราคาโดยถือไม่กี่วัน
    • เทรดเดอร์ที่ถือสถานะเป็นเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน
    • เทรดเดอร์ที่ชื่นชอบความสะดวกในการเทรดบนอุปกรณ์เคลื่อนที่

     

    เครื่องมือใดที่คุณต้องใช้ในการเทรดระบบเทรด Forex ?

    เป็นเรื่องง่ายที่เทรดเดอร์มือใหม่จะใช้เวลามากในการศึกษาแพลตฟอร์มการเทรดที่จะใช้หรือมองหาโซลูชั่นด้านเทคโนโลยีล่าสุด ความเป็นจริงก็คือเทรดเดอร์มือใหม่ไม่รู้จริงๆ ว่าพวกเขาต้องการอะไรจนกว่าจะค้นพบสไตล์การเทรดของตนเอง จึงหมายความว่าการเริ่มต้นจากสิ่งพื้นฐานและโฟกัสที่การเรียนรู้ก็เพียงพอที่จะเริ่มต้นโดยมีความเสี่ยงน้อยที่สุด

    คำแนะนำก็คือเทรดเดอร์มือใหม่ควรพิจารณาที่จะเริ่มต้นด้วยสิ่งพื้นฐานต่อไปนี้:

    • แพลตฟอร์มการเทรด Forex ออนไลน์ที่มีตัวเลือกกราฟ เช่นMT4
    • บัญชีทดลองที่ทำให้คุณสามารถฝึกเทรดได้ด้วยเงินเสมือน จึงไม่มีความเสี่ยง
    • การเรียนการสอน เช่นวิธีใช้แพลตฟอร์ม
    • การศึกษา Forex เบื้องต้น

    ขณะที่คุณพัฒนาการเทรดของคุณ คุณอาจต้องการใช้เครื่องมือต่อไปนี้:

    • แพลตฟอร์มการเทรด Forex ระดับสูงกว่าเดิม
    • การศึกษาที่เจาะลึกยิ่งขึ้น
    • การวิเคาระห์ทางเทคนิคจากเทรดเดอร์ผู้เชี่ยวชาญ
    • รายงานการเทรดอัตโนมัติ

    บัญชี Pro(สำหรับเทรดเดอร์ที่มีปริมาณการซื้อขายสูง)

     

    คุณจะเริ่มต้นเทรดระบบเทรด Forex ได้อย่างไร ?

    กำลังมองหาแผนง่ายๆ เพื่อเริ่มต้นโดยไม่ยุ่งยากใช่ไหม ทำตามขั้นตอนง่ายๆ เหล่านี้:

    1. เปิดบัญชีฝึกหัด
    2. ดูวิดีโอคำแนะนำสำหรับบัญชีฝึกหัด
    3. ศึกษาคอร์ส Forex ฟรี
    4. เทรด 10 ครั้งด้วยบัญชีฝึกหัดของคุณโดยตั้ง Stop Loss ไว้ที่ 50 pip และ Profit Target ที่ 100 pip

    นอกจากนี้ ยังคุ้มที่จะสละเวลาดูความผิดพลาดในการเทรด Forex เหล่านี้และใช้จิตวิทยาด้านการเทรดของคุณในบทความต่อไปนี้:

    • คู่มือค้นหาเทรดเดอร์ที่อยู่ในตัวคุณ
    • พลังของความเชื่อและวิธีที่พลังเหล่านี้จะพัฒนาจิตวิทยาด้านการเทรดของคุณ
    • 10 เครื่องมือด้านจิตใจที่จะกระตุ้นให้ผลการดำเนินการเทรดดีที่สุด

    #แจกฟรี!ระบบเทรด

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการเทรด 7 ข้อสำหรับนักเทรดมือใหม่

    ตุลาคม 12, 2022

     

    มีนักเทรดหน้าใหม่ในตลาด Forex ทุกวัน ระบบเทรด Forex นั้นน่าตื่นเต้น สามารถเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสภาพคล่องปริมาณมหาศาลของตลาด คุณสามารถกำไรจากระบบเทรด Forex ได้หลายเท่าอย่างง่ายดายก่อนที่สภาพคล่องจะเป็นปัญหา และเทรดอย่างสบายจากบ้านของคุณ ระบบเทรดโดยใช้หุ่นยนต์จะช่วยลดภาระการเทรดของคุณลงได้มาก อินดิเคเตอร์ทางเทคนิคชั้นเลิศมีให้ใช้ฟรี และเรายังสามารถพูดถึงประโยชน์อีกนับไม่ถ้วนสำหรับผู้ที่มีส่วนร่วมและทำมาหากินจากระบบเทรด Forex

    เป็นเรื่องสำคัญที่จะทำการเทรด Forex อย่างถูกวิธีตั้งแต่เริ่มต้น อย่างไรก็ตาม การเทรด Forex ไม่ใช่ของง่ายและต้องทำตามขั้นตอนที่ถูกต้องเพื่อบรรลุเป้าหมายการทำกำไรอย่างสม่ำเสมอ นักเทรด Forex หน้าใหม่มักเผชิญกับความผิดพลาดที่ไม่น่าจะพลาดและการท้อแท้หมดกำลังใจ ข่าวดีก็คือ มีหนทางหลีกเลี่ยงความผิดพลาดที่ไม่น่าเกิดเหล่านี้ และความผิดพลาดบางอย่างที่อาจจะเกิดจากนักเทรดมือใหม่นั้นไม่ได้ส่งผลกระทบกับกำลังใจและบัญชีเทรดสักเท่าไหร่ เรามาดู 7 ข้อแนะนำที่มีประโยชน์สำหรับนักเทรด Forex หน้าใหม่กัน

    1.หัดเทรดในบัญชีทดลองก่อน!

    ฉันเชื่อว่า คุณเองก็คงเคยได้ยินกันมาบ้างแล้ว ปัญหาคือ มันไม่ได้ช่วยนักเทรดทั่ว ๆ ไปจากเพียงแค่การฟัง ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่น่าเศร้า รู้อะไรไหม คุณไม่สามารถลงสนามจริงโดยไม่หัดเทรดเสียก่อน การเทรดกับเงินจริงเร็วเกินไปจะทำให้คุณเสียเงิน อย่างที่คุณรู้ นักเทรดส่วนใหญ่ประเมินตลาด Forex ต่ำกว่าความเป็นจริง ตลาด Forex มีวิธีการหลอกนักเทรดหน้าใหม่ให้ทำการเทรดด้วยเงินจริงเร็วเกินไป นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น…

    นักเทรดหน้าใหม่มักจะใช้ขนาดตัวอย่างที่น้อยมากเมื่อประเมินผลลัพธ์การเทรด สมมติว่า คุณทดลองกลยุทธ์ระบบเทรดที่น่าสนใจบนคู่สกุลเงิน EUR/USD (ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐ ฯ) บนบัญชีทดลอง คุณเปิดตำแหน่งเทรดหลายครั้งในรอบหนึ่งสัปดาห์และมีอัตราชนะที่ค่อนข้างดี สมมติว่า คุณเทรดด้วยอัตราผลตอบแทนต่อความเสี่ยงที่ 1:1 และคุณเทรดชนะ 7 ใน 10 ครั้ง คุณอาศัยข้อมูลการเทรดเพียงหนึ่งสัปดาห์และคาดการณ์ว่า คุณจะสามารถทำกำไรจากตลาดอยู่เรื่อย ๆ

    เมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับนักเทรด Forex หน้าใหม่ พวกเขามักจะมั่นใจตนเองเกินไปและคาดการณ์ว่า พวกเขาจะสามารถทำกำไรแบบนี้ได้เรื่อย ๆ พวกเขารอที่จะทำเงินกับกลยุทธ์การเทรด ‘ชั้นเยี่ยม’ นี้ไม่ไหวและเริ่มเทรดด้วยเงินจริงแค่เพียงไม่กี่วัน ฉันคงไม่ต้องเล่าส่วนที่เหลือกับคุณ …

    ประเด็นของฉันคือ คุณจำเป็นต้องมีประสบการณ์และเรียนรู้เกี่ยวกับระบบเทรด Forex ให้ดีเสียก่อนที่จะเริ่มคิดถึงการทำกำไรจาก Forex ในระยะยาว หากใครสักคนต้องการลองขับเครื่องบินโดยไม่ผ่านการฝึกฝนหรือมีประสบการณ์มาก่อนนั้นฟังดูเป็นเรื่องที่โง่ การเทรด Forex บนบัญชีเทรดจริงโดยไม่เรียนรู้การเทรดและฝึกเทรดผ่านบัญชีทดลองมาก่อนก็ถือเป็นเรื่องที่โง่เช่นกัน การเทรด Forex ไม่ได้ง่ายอย่างที่ตาเห็น

    หลังจากผ่านการฝึกเทรดบนบัญชีทดลองแล้ว คุณจึงจะสามารถเทรดในฐานะ นักเทรด

    ใช้เวลากับการเทรดบนบัญชีทดลอง ทดลองกลยุทธ์และเทคนิคการเทรดต่าง ๆ หาประสบการณ์การเทรดให้แน่นและเทรดด้วยเงินจริงหลังจากทำกำไรอย่างต่อเนื่องบนบัญชีทดลองอย่างน้อย 6 เดือน จากนั้น คุณจึงควรเริ่มการเทรดจริงในปริมาณน้อยเพื่อหาประสบการณ์เทรดมากขึ้น

     

    2. เรียนรู้ระบบเทรด FOREX ที่ถูกต้อง

    นักเทรด Forex มักจะไม่เข้าใจว่า พวกเขา จะ‘ ทำกำไรจากความรู้อันน้อยนิดหรือไม่มีเลยได้สักแค่ไหน เชื่อหรือไม่ว่า การเรียนรู้ระบบเทรด Forex เป็นสิ่งจำเป็น

    น่าจะเป็นเรื่องที่น่าจะรู้กันดี แต่ก็เหมือนกับการเทรดบนบัญชีทดลองก่อนลงสนามจริงการเรียนรู้การเทรด Forex มักจะถูกละเลย การลงทุนในความรู้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้ ลงทุนกับความรู้ในเรื่องการเทรด Forex แล้วคุณจะไม่เสียใจ ถึงแม้คุณจะต้องจ่ายเงินเพื่อเรียนคอร์สการเทรดที่ดีสักคอร์สหนึ่งก็ยังดีกว่าโยนเงินทิ้งในตลาดเปล่า ๆ อย่าถูกตลาดหลอกล่อ เรียนรู้วิธีการเทรดเสียก่อนที่จะเทรดบนบัญชีเทรดจริง คุณจะได้ไม่ต้องกลายเป็นแค่สถิติ

     

    3. หลีกเลี่ยงกรอบเวลาระยะสั้น

    แท่งเทียน 5 นาทีจะให้ข้อมูลตลาดมากสักแค่ไหน เป็นคำถามที่ฟังดูค่อนข้างโง่ใช่ไหม อย่างไรก็แล้วแต่ นักเทรดจำนวนมากคิดว่า ตนสามารถตัดสินใจและ/หรือคาดการณ์การเทรดได้อย่างเทพจากการดูแท่งเทียน 5 นาทีหรือ 15 นาทีเพียงไม่กี่แท่ง ทั้งนักเทรดเชี่ยวประสบการณ์และนักเทรดที่ยังขาดประสบการณ์ วิธีการที่ดีที่สุดในการทำความเข้าใจตลาดคือใช้กรอบเวลาที่ใหญ่ขึ้น นักเทรดที่ใช้กรอบเวลาที่สั้นมักจะเสียเปรียบนักเทรดเชี่ยวประสบการณ์ที่ใช้กรอบรายวันหรือกรอบเวลาที่ใหญ่กว่าในการตัดสินใจเทรด

    เราไม่ได้บอกว่า คุณไม่สามารถทำกำไรจากการเทรดในกรอบเวลาระยะสั้นได้ แต่การเทรดบนกรอบเวลาที่ใหญ่กว่าจะเชื่อถือได้มากกว่าและเครียดน้อยกว่า วิธีการที่ดีในการเริ่มต้นเทรดของคุณคือใช้กรอบเวลาราย 4 ชั่วโมง รายวันและรายสัปดาห์ การเทรดบนกรอบเวลาที่ใหญ่กว่ายังทำให้คุณมีโอกาสแก้ตัวจากความผิดพลาดมากกว่า (ใช้ stop loss ที่กว้างกว่า) และมีเวลาตัดสินใจ/ดำเนินการโดยไม่ต้องรีบร้อน ตัวอย่างเช่น คุณมักจะมีเวลาพอที่คำนวณและตั้งค่าพารามิเตอร์เทรดเบื้องต้นของคุณ (ราคาเข้าเทรด, stop loss, และ take profit) และรวมทั้งการขยับ Stop lossหรือ take profit หากจำเป็น

     

    4. ไม่ไล่ตามตลาด

    หนึ่งในวิธีการเจรจาที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือ พูดคำว่า “ไม่” ทำไมคุณถึงต้องการเทรดในเงื่อนไขของคู่แข่งขันของคุณล่ะ เทรดบนเงื่อนไขของคุณในราคาที่เหมาะสมกับคุณสิในหลายกรณี (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดผันผวนที่มักจะเกิดการขึ้นแล้วลงต่อแรง) คุณจะได้ในราคาที่ไม่ดี หากคุณกระโดดเข้าซื้อร่วมกับ ‘คนอื่น ๆ’ (เมื่อราคาอยู่ในโซน overbought) ในสภาพตลาดดังกล่าว ให้รอการปรับตัวของราคาที่เหมาะสมก่อนกระโดดเข้าตลาด จุดเข้าเทรดเหล่านี้จะสามารถทำกำไรได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใช้กลยุทธ์การเทรดการสวิงราคาอันฉลาดเฉลียวผสมผสานกับการประเมิน ‘บริบท’ ตลาดที่ดี อินดิเคเตอร์ทางเทคนิคบางตัวและสัญญาณแท่งเทียนที่น่าเชื่อถือ อย่างเช่นแท่งเทียนกลับทิศทางรุนแรงที่อยู่ทางขวามือ (มักจะใกล้กับเส้นมูลค่าเฉลี่ย) แน่นอนว่า ในฐานะมือใหม่ คุณอาจจะยังไม่มีสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ให้คุณตั้งแต่เริ่ม แต่ในการเข้าเทรดในทิศทางของแนวโน้มที่แข็งแกร่งบนการขึ้นเพื่อลงต่อซึ่งสวนแนวโน้มหลักจะช่วยให้คุณได้ราคาที่ดีกว่านักเทรดที่วิ่งไล่ตามราคา จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณพลาดจังหวะเข้าล่ะ ไม่ต้องกังวลไป ยังมีโอกาสอื่น ๆ ที่คุณสามารถเทรดบนเงื่อนไขของคุณในราคาของคุณ เมื่อคุณทำสิ่งนี้ คุณมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นให้เป็นประโยชน์กับคุณ

     

    5. การบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เสี่ยงแต่น้อยในแต่ละครั้ง

    การเรียนรู้ว่า เงินทุนของคุณมีความเสี่ยงต่อครั้งหรือต่อหนึ่งวันมากน้อยแค่ไหนเป็นเรื่องสำคัญ จริง ๆ แล้ว สำคัญมาก ! บางที คุณควรจะใช้เวลาพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ชัดเจนเพราะเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่คุณควรทราบเกี่ยวกับการเทรด

    โดยทั่วไปแล้ว คุณไม่ควรเสี่ยงเกิน 2 เปอร์เซ็นต์ของยอดเงินในบัญชีทั้งหมดของคุณต่อการเทรดหนึ่งครั้ง ถึงแม้คุณจะทำการเทรดบนบัญชีทดลองก็ตาม เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่คุณจะต้องคุ้นเคยกับการเทรดที่มีความเสี่ยงน้อยในแต่ละครั้ง แน่นอน เมื่อคุณเริ่มเทรดจริง คุณสามารถเสี่ยงน้อยกว่า 2 เปอร์เซ็นต์ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง

    ทำไมคุณถึงควรเสี่ยงน้อยกว่า 2 เปอร์เซ็นต์ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง หากคุณมีกลยุทธ์การเทรดที่ให้ผลตอบแทนที่ดีมาก ๆ ล่ะ เป็นคำถามที่ดี อย่างไรก็ตาม หากคุณเสี่ยง 5 หรือ 10 เปอร์เซ็นต์ต่อการเทรด คุณจะทำเงินได้เร็วยิ่งขึ้น ! ลองคิดถึงวันหยุดแสนพิเศษ รถหรู ชีวิตแสนสบายดูสิ

    ผิดแล้ว การเทรดเกี่ยวกับความน่าจะเป็น คุณยังไม่ค่อยเข้าใจใช่ไหม มีสูตรทางคณิตศาสตร์ที่น่าสนใจอย่าง ความเสี่ยงจะหมดตัว ที่ใช้หลากหลายปัจจัย (อัตราชนะ เปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงของเงินทุน เป็นต้น) เพื่อคำนวณหาโอกาสที่กลยุทธ์การเทรดใดกลยุทธ์หนึ่งสามารถทำให้ยอดเงินในบัญชีของคุณเกลี้ยงโบ๋ เพื่อให้เข้าใจง่าย เรามาดูสิ่งสำคัญที่สูตรคำนวณนี้เปิดเผยให้ทราบคือ แม้กระทั่งกลยุทธ์การเทรดที่ดีที่สุดก็สามารถทำให้บัญชีของคุณเกลี้ยงโบ๋ หากเปิดตำแหน่งในขนาด lot ที่มากเกินไป ตัวอย่างเช่น ในการเสี่ยง 10 % ของบัญชีเทรดของคุณต่อการเทรดหนึ่งครั้งนั้นเสี่ยงเกินไป ถึงแม้จะเป็นกลยุทธ์ที่ให้อัตราชนะที่ 60 % (อัตราส่วนผลตอบแทนต่อความเสี่ยงที่ 1:1) คุณมีโอกาสที่ยอดเงินในบัญชีของคุณจะเกลี้ยงโบ๋สูง

    ในทางตรงกันข้าม หากคุณใช้กลยุทธ์เดียวกันและเสี่ยงน้อยกว่าสองเปอร์เซ็นต์ต่อการเทรด โอกาสที่คุณจะทำเงินเกลี้ยงบัญชีแทบจะไม่มี ส่วนความเสี่ยงที่น้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์จะลดโอกาสที่คุณจะทำเงินเกลี้ยงบัญชีเป็นศูนย์

    สิ่งสุดท้ายเกี่ยวกับการบริหารจัดการความเสี่ยงคือ หากคุณเสี่ยงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ต่อการเทรด แต่หากคุณเล่นเปิด 30 ตำแหน่งในเวลาเดียวกัน นั่นเท่ากับว่า คุณไม่ได้บริหารจัดการความเสี่ยงแต่อย่างใดเลย เพราะความเสี่ยงโดยรวมของคุณสูงมากและคุณอาจจะมีการเทรด ‘ในทิศทางเดียวกัน’ กับคู่สกุลเงินอื่น ๆ ที่สัมพันธ์กัน

    หากคุณต้องการอยู่ในวงการเทรดระยะยาว การบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม เป็นสิ่งที่ต้องทำ !

     

    6. เรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ของคุณ ทำการเทรดเหมือนหุ่นยนต์ (และคิดเหมือนคน)

    คุณอาจจะคิดว่าคุณค่อนข้างถึก สามารถปฏิบัติตามแผนการเทรดและยังสบาย ๆ ภายใต้สภาวะกดดัน แต่ขอให้คุณลองคิดแบบนี้ สมมติว่าคุณมีกลยุทธ์การเทรดอันยอดเยี่ยมที่คุณทดสอบผลลัพธ์ย้อนหลังและเทรดบนกระดาษที่ให้อัตราชนะที่ 65 % และสมมติว่า คุณเสี่ยงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของบัญชีเทรดต่อหนึ่งการเทรด คุณมีครอบครัวต้องดูแลและถึงแม้คุณทำการเทรดด้วยเงินที่สามารถเสียได้ คุณมีความคาดหวังอย่างมากกับเงินลงทุนของคุณ และภรรยาและลูก ๆ ของคุณก็คาดหวังแบบเดียวกันกับคุณ เอาละ สมมติว่า กลยุทธ์การเทรดนี้ทำให้เงินในบัญชีเทรดของคุณหายไป 32 % คุณจะยังสามารถทนความเครียดทางกายและทางใจจากการขาดทุนก้อนโตนี้ได้ไหม อย่าลืมว่า คุณมีคนอื่น ๆ ที่คอยตรวจสอบผลงานของคุณด้วยเช่นกัน

    คุณจำเป็นต้องค่อนข้างถึกถ้าจะเทรดแบบมืออาชีพ

    ประเด็นที่ฉันต้องการสื่อคือ คุณจำเป็นจะต้องถึกถ้าจะเทรดแบบมืออาชีพ ไม่มีประโยชน์ที่จะไม่พูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ การเทรดคือสงครามและคุณต้องการทัศนคติและวินัยแบบทหารเพื่อพิชิตตลาด การเทรดเสียส่งผลกระทบกับจิตใจของมนุษย์มากกว่าการเทรดที่ทำกำไรเสียอีก เชื่อไหมว่า แม้กระทั่งกลยุทธ์การเทรดที่ดีที่สุด คุณจะยังต้องเผชิญการสูญเสียและก้าวข้ามการขาดทุนเพื่อพิชิตเป้าหมายของคุณ โชคไม่ดีที่หนึ่งในลักษณะนิสัยที่สำคัญที่สุดในการเป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จคือ อดทนต่อการเทรดขาดทุน

     

    7. สนุกกับมัน!

    เอาตรง ๆ นะ คนที่สนุกกับที่สิ่งที่ทำและหลงใหลในสิ่งที่ทำ มักจะทำสิ่งนั้นได้ดีที่สุด บางครั้งเราก็ติดพันกับเป้าหมายและความมุ่งมั่นตั้งใจจนทำให้เราลืมสิ่งสำคัญในการเทรด Forex ให้ประสบความสำเร็จและยั่งยืนอย่าง ความสนุก

    ทำการเทรดให้ถูกต้องและสนุกกับระบบเทรด !

    ขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้คุณทำการเทรดได้ดียิ่งขึ้น (สนุก-ฉลาด):

    • อย่าเทรดมากเกินไป คุณไม่จำเป็นต้องเปิดตำแหน่งเป็นร้อย ๆ ตำแหน่งต่อวันเพื่อทำกำไรจากการลงทุน
    • เสี่ยงในปริมาณน้อยจากบัญชีของคุณ คุณจะประหลาดใจว่ามันส่งผลกระทบกับจิตใจง่ายแค่ไหน
    • อย่าจ้องหน้าจอตลอดทั้งวัน การดูกราฟไม่ได้ช่วยราคาวิ่งไปในทิศทางที่คุณต้องการ นอกจากนั้น นักเทรดที่เทรดตอนใกล้สิ้นวัดเทรดมักทำกำไรได้ดีกว่านักเทรดที่ทำการเทรดตลอดทั้งวัน
    • พักเบรคจากการเทรดเป็นช่วง ๆ หากจำเป็น

    ทำทุกสิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อทำกำไร ในแง่ของการเทรดแล้ว ไม่มีอะไรเพลิดเพลินใจกว่าการเห็นกำไรก้อนโตในบัญชีเทรดของคุณ

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการใช้ Market Sentiment ในการเทรด

    ตุลาคม 12, 2022

    เทคนิคการใช้ Market Sentiment ในการเทรด

    Market setiment  ถือว่าสำคัญเพราะจะบอกสถานะแต่ละคู่เงินว่าเป็นอย่างไรตอนนี้ ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายคุมตลาดเป็น Buyers หรือ Sellers เพราะข้อมูลตรงนี้สามารถประยุกต์เข้ากับเทคนิคการเทรดอย่างเช่นระบบเทรดตามเทรน ถ้าเทรนเพิ่งเริ่ม หรือระบบเทรดแบบสวนเทรนเมื่อ Setiment เกิดความไม่สมดุลย์มาก เช่นมีอีกข้างมากกว่า 70 % ก็จะเปิดโอกาสเทรดสวนเทรดเดอร์ที่เทรดใช้ OverBought/OverSold ก็จะดู market sentiment ประกอบ

    เดี๋ยวนี้หลายๆ โบรกเปิดเผย market sentiment ออกมาของโบรกตัวเอง เช่นอย่าง Dukascpy , Oanda หรือทุกโบรกที่ใช้ cTrader เพราะ trading platform cTrader มีฟีเจอร์นี้ในตัว หรือถ้าเป็น Metatrader ก็จะมีทูลเสริมประกอบ แล้วแต่ว่าโบรกเกอร์จะให้ฟรีหรือเปล่า ในที่นี้ยกตัวอย่างของ ICMarkets  จะได้ทูลชุดนี้ฟรีสำหรับลูกค้าที่เปิดบัญชีเทรดจริง

    Market sentiment แต่ละคู่เงินก็จะบอกสถานะว่ามีการเปิด positions คู่เงินนั้นๆ ทางไหนมากตอนนี้ ดังนั้นเทรดเดอร์เทรดแรกที่สนใจเรื่อง sentiment ระบบเทรดตามเทรน และระบบเทรดสวนเทรน หรือ contrarian  traders เพราะ sentiment ถือว่าเป็นตัวบอกหรือเป็น contrarian indicator ก็ว่าได้ ว่าจะได้เวลาเทรดหรือยังเมื่อต้องการเทรดสวน  ตัวอย่างที่จะยกเป็นการใช้สำหรับ contrarian traders

    เมื่อใส่อินดิเคเตอร์ประกอบที่บอกสถานะเรื่อง overbought/oversold คือ CCI และ RSI จะเห็นว่าสถานะคู่ EURUSD ตอนนี้ Overbought เพราะอินดิเคเตอร์อ่านตามข้อมูลที่เกิดขึ้น

    จากที่อธิบายมาและดู Oanda OrderBook ประกอบ ท่านจะพบว่าที่ยกมา Dukascopy, Oanda, cTrader, Metatrader และ Oanda Orderbook พร้อมตัวเลข Sentiment ที่ลูกศรชึ้ ถ้าอธิบาย market sentiment แต่ละคู่ด้วย Oanda Orderbook จะเข้าใจง่ายคือส่วนที่เป็น  Open Positions ที่เทรดเดอร์เปิดอยู่ในตลาดตอนนี้มีทั้ง Long positions (ตอนเปิดเทรด Buy order) และ short positions (ตอนเปิดเทรด Sell order) เมื่อมองจาก Histrogram จะเห็นว่าสัดส่วนของ short positions ตั้งแต่ 1.1200 ขึ้นไปหนาขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งราคามาเทส 1.125 ราคาก็เห็นเปิด short positions เยอะขึ้นไปอีก  positions พวกนี้ติดลบเป็นหลักตอนนี้ เลยทำให้เกิดเป็นสัดส่วนแล้วมีเทรดเดอร์ถือ short positions เป็นหลักหรือมากกว่า long positions ที่กำลังกำไรอยู่เยอะ และ market sentiment จากที่ยกมาไม่ว่าจะเป็นของ Dukascpy, cTrader, Metatrader และ Oanda Orderbook เป็นไปทางเดียวกันหมด ทำให้รู้ว่ารายย่อยเทรดอย่างไร เลยเป็นโอกาสขาใหญ่ที่เปิด long positions สวนตลาดที่มีสัดส่วนน้อยกว่า

    เทคนิคใช้ Sentiment พวกนี้ทั่วๆ ไปก็จะบอกว่าให้ใช้ sentiment เป็นตัวกรอง trading signal/setup ที่เกิดขึ้นก่อนเช่น กรณีเทรดด้วยอินดิเคเตอร์ MACD divergence หรือ MA crossovers เช่นถ้าเทรด trade signal/setup สำหรับ EURUSD บอก Buy แต่เมื่อท่านดู EURUSD sentiment เป็น overbought หรือมีสัดส่วนการเปิด long positions มากตอนนั้น ท่านก็ไม่ควรเปิดเทรด Buy   หรือถ้ากลยุทธ์การเทรด GBPUSD ท่านบอกให้เปิด Sell เมื่อท่านดู GBPUSD sentiment เห็นเป็น overbought ก็จะช่วยเพิ่มความเป็นไปได้ของการเปิดเทรด Sell คู่ GBPUSD จะเห็นว่าเป็นหลักการสำหรับเปิดเทรดแบบ contrarian traders หรือเทรดเดอร์ที่เทรดสวนเทรน เช่นการเทรดแบนสวน market sentiment เมื่อเข้าใจว่า sentiment ให้อะไร ลองมาดูคู่ EURJPY ดูภาพด้านบนของ Dukasopy (73.39% 26.61) ถือว่า Overbought หรือข้อมูลของ cTrader

    หรือดู Oanda Orderbook ประกอบ

    จากที่ยกมาของ Dukascoy, cTrader และของ Oanda Orderbook จะเห็นว่า long positions เยอะตอนนี้คือหมายความว่าที่ถือกำไรอยู่เยอะตอนนี้ของ cTrader จะเห็นว่าสัดส่วนมากสุดถึง 91% ตามด้วย Dukascoy มี 73.39% และ Oanda Orderbook มี 62.44 % ถือได้ว่า Overbought ลักษณะการที่ sentiment ไปทางเดียวแบบนี้จะเปิดโอกาสการเทรดสวนเทรนหรือที่ contrarian traders ต้องการเห็น ก็จะหาพื้นที่เพื่อกำหนด trade setup ประกอบเพื่อหาพื้นที่เข้าเปิด sell  นอกจากเรื่องอ่าน price levels แล้วเมื่อใช้ Oanda OrderBook ประกอบด้วยจะช่วยให้ท่านหาจุดได้เร็วและแม่นกว่าเดิม ดูด้านขวามือที่บอก Open Positions ฝั่งทาง Buy ในที่นี้คือถือ long positions ที่ติดลบ เพราะอยู่เหนือราคาปัจจุบัน เพราะมีการเข้าเปิดเทรดก่อน มองชาร์ตทางช้ายย้อนกลับมาจะเห็นร่องรอยประกอบกับราคาก็จะเป็นตอนที่ราคาเบรค 123 และราคาเกิด pinbar แล้วเด้งกลับมา ตรงกรอบสีเขียว ระยะห่างถ้าเทียบกับเวลาปัจจุบันที่ราคากลับมาพื้นที่ ระยะเวลาที่ถือ long positions พื้นที่นั้นถือว่านาน ที่เทรดเดอร์พวกนี้แบกความกดดันที่ราคาวิ่งสวนไปถ้าราคาไม่ไปต่อ หลังจากที่ราคามาถึง sell limit ที่หยุดราคาขึ้นมา ถ้าราคาไม่ไปต่อ เช่นเกิด pin bar, engulfing bar หรือสัญญาณอะไรก็ตามที่บอกว่าราคา rejection หรือไม่ไปต่อตรงนี้  เทรดเดอร์พวกนี้จะหันมาออกจากตลาด  และเทรดเดอร์ที่รอเข้าเห็นชาร์ตเปลี่ยนก็จะเข้าตลาดเลยบอกว่า market sentiment ให้ข้อมูล contrarian traders เริ่มสนใจว่าจะเทรดสวนที่ไหนและเมื่อไร และนั้นคือเหตุผลที่เมื่อพวกเขาเทรดสวน ก็จะทำให้ราคาวิ่งลงมาได้ง่าย อาจมีการ stop hunt เพื่อเข้าเทรดก่อน เป็นเรื่องปกติของวิธีการเข้าเทรดของขาใหญ่ ที่สำคัญคือรอให้ price action เปิดเผยก่อนค่อยเข้าเทรด เพราะการเทรดของขาใหญ่มากพอที่จะดันราคาไปจุดที่พวกเขาต้องการ อย่าเปิดเทรดทันทีรอให้ trade setup เกิดขึ้นก่อนค่อยจะใช้ประโยชน์ maket sentiment แบบเทรดสวนแบบนี้ได้ง่าย

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    ความแตกต่างระหว่างการซื้อขาย Forex กับ Futures Day?

    ตุลาคม 12, 2022

    ความแตกต่างระหว่างการซื้อขาย Forex กับ Futures Day?

    ด้วยความก้าวหน้าทางเวลา มีตัวเลือกการลงทุนมากมายให้คุณลงทุนเงินและทำกำไร วิธีการลงทุนถือว่าดีเมื่อมีความเสี่ยงด้านเงินน้อยกว่าและมีอัตราผลตอบแทนสูง แต่การหาทางเลือกในการลงทุนไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นในบทความนี้ คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการลงทุนที่ดีที่สุดสองวิธี: forex และ Futures นักลงทุนที่มีประสบการณ์หลายคนชอบตัวเลือกการลงทุนทั้งสองนี้

    การซื้อขาย Forex กับ Futures Day

    ความแตกต่างระหว่างผู้ค้ารายวัน forex และผู้ค้ารายวันคือสัญญาซื้อขาย futures เป็นข้อตกลงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายในการซื้อหรือขายสินทรัพย์เฉพาะในราคาที่กำหนดในวันที่ระบุ ในทางกลับกัน forex กำลังซื้อ ขายสกุลเงินเทียบกับสกุลเงินของประเทศอื่น ในทางกลับกัน นักเทรดสปอต forex นั้นจำกัดอยู่ที่ตลาดสกุลเงินเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ฟอเร็กซ์ CFD สามารถซื้อขายตราสารต่างๆ เช่น สกุลเงิน ดัชนี หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ ฯลฯ เช่นเดียวกับเทรดเดอร์ฟิวเจอร์ส

    ตอนนี้คำถามใหญ่ที่อยู่ในใจของทุกคนคือ ตัวเลือกการลงทุนไหนดีกว่ากัน มันขึ้นอยู่กับงบประมาณของแต่ละบุคคลและเขาเป็นเทรดเดอร์ประเภทไหน

    หากคุณมีงบประมาณต่ำ การซื้อขายฟอเร็กซ์จะดีที่สุดสำหรับคุณเพราะต้องใช้เงินลงทุนน้อยกว่าฟิวเจอร์ส หากคุณต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม ด้านล่างนี้คือคำอธิบายโดยละเอียดของการซื้อขายทั้ง forex และ futures ด้านล่าง เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า

    การซื้อขายฟอเร็กซ์

    การซื้อขาย Forex หรือที่เรียกว่าการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นตลาดสกุลเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก พูดง่ายๆ ก็คือมันเป็นตลาดโลกที่กระจายอำนาจซึ่งทุกสกุลเงินของประเทศต่าง ๆ หรือคุณสามารถพูดได้ว่าการค้าสกุลเงินทั้งหมดของโลก ในปี พ.ศ. 2418 การซื้อขายเงินตราต่างประเทศได้เริ่มต้นขึ้นและถือเป็นเหตุการณ์สำคัญเช่นกัน ข้อดีของการซื้อขายฟอเร็กซ์คือ คุณสามารถใช้บัญชีทดลองได้ หากคุณเพิ่งเริ่มเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้

    จุดประสงค์แรกของบัญชีทดลองคือการให้ข้อมูลทั่วไปแก่ผู้เริ่มต้นและเข้าใจแนวคิดของตลาดมากขึ้น จุดประสงค์ที่สองคือ หากใครต้องการลองใช้กลยุทธ์ใหม่ๆ บัญชีทดลองจะมีประโยชน์ในการหลีกเลี่ยงการสูญเสียใดๆ จุดประสงค์ที่สามคือบัญชีทดลองสามารถช่วยระบุบริการของโบรกเกอร์ได้ก่อนที่จะลองใช้งานจริง

    แม้ว่าบัญชีทดลองสามารถให้แนวคิดบางอย่างได้ แต่ก็ไม่ได้ผลเช่นนั้น และหากคุณต้องการได้รับประสบการณ์ การซื้อขายแบบไมโครเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบ และต้องการเพียง 100$ ในการลงทะเบียนและเริ่มซื้อขาย นี่เป็นข้อได้เปรียบสำหรับการซื้อขายฟอเร็กซ์เนื่องจากโบรกเกอร์ในฟิวเจอร์สต้องการเงินฝากจำนวนมากประมาณ 10,000 ดอลลาร์เพื่อเริ่มต้น

    การซื้อขาย futures กับ forex

    ข้อดีของการซื้อขายฟอเร็กซ์

    1- เลเวอเรจ- โอกาสในการทำกำไรสูงเพราะให้การเข้าถึงตำแหน่งเลเวอเรจที่สูง

    2-โอกาสที่มากขึ้น- การซื้อขาย Forex ปิดเฉพาะในวันเสาร์และวันอาทิตย์ และยังคงเปิดทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน และเพิ่มโอกาสในการซื้อขาย

    3- สภาพคล่อง- สภาพคล่องในตลาดซื้อขายฟอเร็กซ์สูงเมื่อเทียบกับฟิวเจอร์ส และอัตราค่าคอมมิชชันน้อยกว่า

    ข้อเสียของการซื้อขาย futures

    1- ปัญหาสำหรับผู้ซื้อขายรายย่อย- สถาบันขนาดใหญ่ทั้งหมดเช่นธนาคารกำลังซื้อขายกันอยู่ และเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ค้ารายย่อยที่จะทำกำไรสูงเพราะมีข้อมูลน้อยกว่า และเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะมีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของราคา

    2- ผันผวน- การซื้อขาย Forex มีความผันผวน และผู้ที่หวังผลกำไรในระยะสั้นอาจต้องเผชิญกับสิ่งนี้ ส่งผลให้กลยุทธ์ของพวกเขาไม่ทำกำไร

    การซื้อขาย Futures

    ดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นข้อตกลงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายในการซื้อขายสินทรัพย์ที่แตกต่างกันในราคาที่กำหนดในเวลาที่กำหนด สินทรัพย์ที่ซื้อขายล่วงหน้าเรียกว่าอนุพันธ์ สินทรัพย์สามารถเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ใดก็ได้ เช่น ทองคำ น้ำมัน ฯลฯ โดยทั่วไปแล้วนักลงทุนจะใช้การซื้อขายในอนาคตเพื่อลดความเสี่ยง และยังมีวันหมดอายุอีกด้วย สิ่งที่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้คือไม่มีข้อสงสัยหรือความสับสนใดๆ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายหารือกันทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการค้าขาย

    ข้อกำหนดสกุลเงินการค้า วันหมดอายุ วันซื้อขายล่าสุด เดือนที่ส่งมอบเป็นข้อกำหนดที่สำคัญบางประการ จุดสำคัญอีกประการหนึ่งที่ทุกคนควรรู้คือราคาจะเปลี่ยนแปลงทุกวันในอนาคต และเรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับราคาจะต้องพูดคุยกันทุกวันเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสน ทุกคนรู้ว่าตลาดมีความไม่แน่นอนและเปลี่ยนแปลงบ่อย นี่คือเหตุผลที่นักลงทุนจำนวนมากเลือกใช้ตัวเลือกการซื้อขายล่วงหน้าเพราะเป็นแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและลดโอกาสในการขาดทุน

    ข้อดีของการซื้อขาย Futures

    1- การจัดการความเสี่ยง- หนึ่งในข้อได้เปรียบที่ดีที่สุดของการซื้อขายล่วงหน้าคือการจัดการความเสี่ยง สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Futures คือจุดประสงค์ที่มีอยู่คือการบริหารความเสี่ยง ช่วยลดความเสี่ยงและความไม่แน่นอนของตลาดจะไม่ส่งผลกระทบต่อคุณ

    2- เงินที่เร็วขึ้น- ข้อดีอีกอย่างของ Futures ผู้ที่มีประสบการณ์เพียงพอและมีความรู้และวิจารณญาณที่เหมาะสมในตลาดสามารถทำเงินได้เร็วขึ้น

    3- มีประสิทธิภาพ- ประสิทธิภาพของตลาด Futures สนั้นสูงและเมื่อเทียบกับตัวเลือกอื่น ๆ มันเป็นตลาดที่ยุติธรรม

    ข้อเสียของตลาดซื้อขาย Futures

    1- ปัญหาเลเวอเรจ- การเคลื่อนไหวของราคาตลาดบางครั้งเร็วมาก และราคาในสัญญาสามารถขึ้นและลงได้ทุกวัน ดังนั้นเลเวอเรจที่กำหนดไว้ในสัญญาสามารถสร้างปัญหาได้

    2-Time Issues- สัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีวันหมดอายุตายตัว และราคาจะมีความน่าสนใจน้อยลงเมื่อวันหมดอายุมาถึง ซึ่งอาจส่งผลให้สัญญาหมดอายุ

    บทสรุป

    Forex และ Futures มีทั้งข้อดีและข้อเสีย และหากคุณวางแผนที่จะลงทุนด้วยเงินของคุณ คุณจำเป็นต้องวางแผนทุกอย่างและค้นคว้าข้อมูลทุกอย่างอย่างเหมาะสม อีกสิ่งหนึ่งคือก่อนที่จะมาที่แพลตฟอร์มใด ๆ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ให้ความรู้กับตัวเองและรับความรู้ให้มากที่สุด นักลงทุนจำนวนมากใช้ทั้งสองแพลตฟอร์ม และคุณต้องระบุความต้องการของคุณก่อนเข้าสู่แพลตฟอร์มใดๆ

    สิ่งหนึ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในไม่ช้าคือที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ซึ่งสามารถแบ่งปันตัวอย่างและเคล็ดลับในชีวิตจริงได้ และคุณต้องอดทนเพราะจะต้องเข้าใจตลาดให้ดีขึ้น

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    การวิเคราะห์ทางเทคนิค Forex สำหรับผู้เริ่มต้น

    ตุลาคม 12, 2022

    การวิเคราะห์ทางเทคนิค Forex สำหรับผู้เริ่มต้น

    ในฐานะนักเทรดฟอเร็กซ์ คุณอาจเคยคิดหาวิธีต่างๆ ที่คุณสามารถเข้าและออกจากการเทรดในเวลาที่เหมาะสมเพื่อทำกำไร ใช่ไหม? หนึ่งในวิธีดังกล่าวคือการวิเคราะห์ทางเทคนิคฟอเร็กซ์ การวิเคราะห์ทางเทคนิค Forex เป็นที่แพร่หลายในหมู่ผู้เล่นในตลาด และสามารถทำได้โดยใช้แผนภูมิและ indicator การค้า แม้ว่าคุณจะยังใหม่ในสาขานี้ แต่บทความนี้จะขจัดข้อสงสัยทั้งหมดของคุณเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค forex และวิธีที่จะช่วยให้คุณคาดการณ์แนวโน้มของตลาดได้

    การวิเคราะห์ทางเทคนิค Forex สำหรับผู้เริ่มต้น

    การวิเคราะห์ทางเทคนิคช่วยวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาในตลาดผ่านแผนภูมิและ indicators ในอดีต เพื่อให้ผู้ค้าสามารถรับแนวโน้มของตลาดในอนาคตได้ ใช้แนวโน้มที่ผ่านมาในการคาดการณ์แนวโน้มในอนาคตและประสิทธิภาพของตลาดก่อนเข้าสู่การค้า รูปแบบแท่งเทียนหรือแผนภูมิต่างๆ ช่วยสร้างรูปแบบอินดิเคเตอร์ ผู้ค้า forex ใช้ข้อมูลราคาและปริมาณเป็นส่วนใหญ่ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค

    ความแตกต่างระหว่างการวิเคราะห์พื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิคอยู่ในข้อเท็จจริงที่ว่าในขณะที่การวิเคราะห์พื้นฐานพิจารณาการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและประเด็นที่เกี่ยวข้องเป็นปัจจัยหลัก การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะพิจารณาถึงแนวโน้มในอดีต เทรดเดอร์ต้องตระหนักถึงพื้นฐานการวิเคราะห์พื้นฐานและทางเทคนิคเพื่อให้เขา/เธอสามารถใช้ประโยชน์จากการรวมเข้าด้วยกัน

    ประโยชน์ของการใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค

    การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับการบริหารความเสี่ยงเพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านลบ ด้วยการทำความเข้าใจหลักการและแนวคิดการวิเคราะห์ทางเทคนิคฟอเร็กซ์ต่างๆ ผู้ค้าสามารถพัฒนากลยุทธ์ที่เหมาะสมของตนเองเพื่อซื้อขายสกุลเงินต่างๆ การวิเคราะห์ทางเทคนิคช่วยค้นหาแนวโน้มและรูปแบบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงปัจจัยพื้นฐานต่างจากการวิเคราะห์พื้นฐานซึ่งช่วยหามูลค่าที่แท้จริงของตลาด

    มีประโยชน์หลักสามประการของการใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคในการซื้อขายฟอเร็กซ์

    •       สามารถใช้เป็น indicator เพื่อเข้าและออกจากตลาด
    •       สามารถใช้ได้ในทุกกรอบเวลาของตลาด
    •       ช่วยในการระบุแนวโน้มของตลาด

    เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค forex ที่ดีที่สุด

    เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค forex ที่ดีที่สุดคือ:

    • แนวรับและแนวต้านก่อนหน้า (เช่น สูงหรือต่ำ 20 วันที่ผ่านมา)
    • เส้นแนวโน้ม
    • ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ RSI หรือ indicator  MACD
    • ระดับฟีโบนักชี

    เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค Forex – แผนภูมิ

    แผนภูมิประวัติศาสตร์มีประโยชน์มากในการวิเคราะห์ทางเทคนิค forex แผนภูมิประกอบด้วยสองสิ่ง คือ ราคาในอดีตและปัจจุบันของตลาด ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการตัดสินใจว่าการค้าที่ทำกำไรได้จะเป็นอย่างไร ราคาตลาดเป็นตัวแทนที่สำคัญที่สุดของตลาดและถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

    กราฟทางเทคนิคสามารถช่วยหาแนวโน้มตลาดโดยรวมจากการตัดสินใจว่าตลาดจะทะยานหรือตกต่ำในช่วงเวลาใด ๆ รวมถึงเฟรมรายชั่วโมง รายวัน รายสัปดาห์ หรือแม้แต่รายเดือน ราคาจะถูกตรวจสอบในรูปแบบแท่งเทียนต่างๆ (เช่น รูปแบบ cup and handle ) หรือแผนภูมิที่เรียกว่าช่วงราคา แผนภูมิที่ใช้กันทั่วไปในเวลาปัจจุบัน ได้แก่ แผนภูมิแท่ง แผนภูมิแท่งเทียน และแผนภูมิเส้น

    กราฟทางเทคนิคมีสี่จุดหลัก – ราคาเปิด, ราคาปิด, จุดสูงสุด และจุดต่ำสุด ความสัมพันธ์ระหว่างราคาและรูปแบบสามารถให้สัญญาณแก่ผู้ค้าในการเข้าและออกจากการซื้อขาย ด้วยการทำความเข้าใจพื้นฐานการวิเคราะห์ทางเทคนิค forex ผู้เริ่มต้นสามารถใช้และรวมแผนภูมิและตัวบ่งชี้เพื่อคาดการณ์อนาคตได้

    Indicators การวิเคราะห์ทางเทคนิค Forex คืออะไร?

    indicators การวิเคราะห์ทางเทคนิค Forex มีประโยชน์เมื่อผู้ซื้อขายกำลังมองหาโอกาสในการซื้อขาย indicatorsการวิเคราะห์ทางเทคนิคส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับปริมาณและราคา เช่นเดียวกับแผนภูมิ แม้ว่า indicator จะช่วยในการค้นหาระดับแนวรับและแนวต้านและระยะเวลาที่ผู้ค้าควรถือการค้า ผู้ค้าสามารถรับมุมมองของตลาดในปัจจุบันโดยใช้การวิเคราะห์กรอบเวลาหลายช่วงสำหรับราคาหรือช่วงและการเปลี่ยนแปลงตามปริมาณ

    นี่คืออินดิเคเตอร์การวิเคราะห์ทางเทคนิค forex ที่ใช้มากที่สุด

    • ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (RSI)
    • ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
    • ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่คอนเวอร์เจนซ์ไดเวอร์เจนซ์ (MACD)
    • Bollinger Bands
    • Stochastics
    • MACD

    ในขณะที่ MACD และเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เป็นกุญแจสำคัญในการค้นหาแนวโน้มของตลาด RSI จะระบุจุดเข้าและออก

    บทสรุป

    ในฐานะที่เป็นมือใหม่ในตลาดฟอเร็กซ์ คุณยังสามารถอัปเดตตัวเองด้วยเทรนด์ล่าสุด ข่าวสาร และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก มันจะทำให้คุณได้เปรียบเหนือการค้าขายของคุณ เนื่องจากตลาดฟอเร็กซ์อ่อนไหวต่อเหตุการณ์ระดับโลก

    ในฐานะนักเทรดมือใหม่ คุณควรซื้อขายในบัญชีทดลองและสามารถลองใช้รูปแบบการวิเคราะห์ทางเทคนิคและเครื่องมือต่างๆ ในระบบจำลองเหล่านี้เพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ โดยการทำเช่นนี้ คุณจะทำผิดพลาดแต่จะไม่สูญเสียเงินจริงของคุณ คุณสามารถค้นหาบัญชีทดลองดังกล่าวได้จากโบรกเกอร์ทั่วโลก เนื่องจากมันได้กลายเป็นเทรนด์ในยุคปัจจุบัน

    ________________________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการอ่าน trend, ในระบบเทรดด้วย Price Action

    ตุลาคม 12, 2022

     

    เทคนิคที่ 1 : Big Time Frame มองภาพใหญ่ก่อนเสมอ

    • ข้อนี่คือสิ่งแรก ที่อยากจะบอก ว่าเป็นเรื่องแรกที่เราต้องทำแล้วตอบตัวเองให้ได้ว่า เราอยู่ในเทรนอะไรของ Time Frame (TF) ไหน
    • แล้วเราควรดูกี่ TF โดยส่วนตัวจะใช้อยู่แค่ 2-3 TF โดยที่ควนให้มีระยะห่างของแต่ละ TF ระดับนึง เช่น ถ้า ใช้ TF Day เป็นตัวคุม Trend หลัก จะ TF ย่อยที่จะใช้เข้าเทรด ควรใช้ระดับ 60 หรือ 120 นาที ในการหาจังหวะเข้าสถานะฝั่งเดียวกับ TF หลักตรงนี้ เพราะพลาดมาเยอะแล้วที่เข้าตาม TF ย่อย โดยไม่ดู TF หลัก ส่วนใครที่จะเทรดต่ำกว่า 60 นาที ก้อให้ใช้ 60 นาที เป็น TF หลักแทน
    • TF ยิ่งใหญ่ยิ่งแข็งแรงกว่าเสมอ เช่นแนวรับแนวต้านของระดับ TF Day ย่อมแข็งแรงกว่า TF 30 นาที เพราะฉะนั้น ถ้าในจังหวะที่ TF ย่อย ราคาวิ่งไปถึง แนวรับต้าน ของ TF ใหญ่เราควรต้องดูเป็นอย่างยิ่งว่า เมื่อราคาไปถึงแล้วจะมีสัญญาณอะไรบอกเราไหมว่า จะชนะหรือแพ้ ที่ตำแหน่งนั้น เช่น มี Pin bar หรือ Big Back หรือ Big White เกิดขึ้นตรงตำแหน่งนั้นหรือไม่
    • TF ที่อยากจะแนะนำคือ ตั้งแต่ 30 นาทีขึ้นไป เพราะความแข็งแรงของแท่งเทียนจะมีสูงระดับนึง และค่อยไปฝึกการใช้ Price Action และ Price Pattern ในการวางแผนเทรด

    เทคนิคที่ 2 : เทคนิคการอ่าน Trend ด้วย Price Pattern

    • เทคนิคการอ่าน Trend หรือ แนวโน้ม มักจะนิยามไว้ แค่ 2 นิยาม คือ มีแนวโน้ม (Trend) หรือ ไม่มีแนวโน้ม (Sideway)โดยที่การที่มีแนวโน้ม จะแยก เป็น 2 ลักษณะ คือ Up Trend หรือ Down Trend
    • ในช่วงที่ Up Trend ลักษณะการเคลื่อนไหวของราคา ดูได้จาก Higher High (HH) และ Higher Low (HL) หรือจะกล่าวว่า ทำจุดสูงสุด และ และจุดต่ำสุด สูงขึ้นเรื่อย ๆ ลักษณะนี้ แนวโน้มหลักและแนวโน้มรองจะเคลื่อนตัวในทิศทางเดียวกัน คือ ขึ้น Trade Setup ที่ควรเลือกใช้ คือ เทรดฝั่ง Long หรือ Buy
    • ในช่วงที่ Down Trend ลักษณะการเคลื่อนไหวของราคา ดูได้จาก Lower High (LH) และ Lower Low (LL) หรือจะทำจุดสูงสุดและจุดต่ำสุด ต่ำลงเรื่อยๆลักษณะนี้ แนวโน้มหลักและแนวโน้มรองจะเคลื่อนตัวในทิศทางเดียวกัน คือ ลง Trade Setup ที่ควรเลือกใช้ คือ เทรดฝั่ง Short หรือ Sell
    • ในช่วงที่ Sideway Trend เป็นลักษณะที่ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ ไม่มี Higher High (HH) และ Higher Low (HL) จุดสังเกตุ การดูแนวโน้ม Sideway คือ การที่แนวโน้มรองและแนวโน้มหลักเคลื่อนไหวไหนทิศทางที่ตรงกันข้ามกัน ถ้าเจอแบบนี้ Trade Setup ที่เราควรเลือกใช้ คือ การเล่นในกรอบ และปิดทำกำไรเมื่อราคาไปชน

    เทคนิคที่ 3 : Reversal is The King of King สัญญาญจุดกลับตัว สำคัญเสมอ

    • ในทีนี้คงไม่มาอธิบาย ว่าแท่งเทียนกลับตัวมันมีชื่อเรียกว่าอะไรบ้าง เราสามารถหาอ่านได้ ทั่วไปตาม google  แต่ทีจะเอาเทคนิคการใช้ที่ส่วนใหญ่มักจะได้ผลสรุปๆมาให้อ่านและรูปแบบสำคัญๆที่ใช้บ่อยๆ
    • Pin Bar Pattern เป็นรูปแบบที่ใช้กันบ่อย มันบอกถึงการที่ราคาวิ่งมาในทิศทางตรงกันข้าม แล้วเกิดการสวนกลับของราคา ตำแหน่งที่ แท่ง Pin bar มีนัยยะ คือบริเวณแนวรับต้านที่สำคัญ เช่น แนวรับต้าน ระดับ TF day หรือ Week หรือใน TF ที่เป็นแนวโน้มหลักที่เราใช้คุมการเข้าเทรด ถ้าเป็นแท่งเทียนนี้ขึ้นให้ระวังการกลับทิศทางของราคา และจะยืนยันเมื่อมีแท่งเทียนแท่งต่อๆมาเป็นแท่งในทิศทางเดียวกับ Pin Bar และ ห้ามย้อนลงมาหาปลายหางของแท่งเด็ดขาด
    • Inside Bar Pattern เป็นรูปแบบที่ราคาลงมาถึงแนวรับต้านที่สำคัญ แล้วมีราคา แท่งเทียนฝั่งตรงข้ามส่วนขึ้นมาประกบ บอกถึงการที่แรงซื้อหรือแรงขายที่อยู่ในทิศทางตรงกันข้าม มีความพยายามต่อสู้กลับ และเช่นเดียวกับ Pin Bar แต่จะตีความด้วย แท่งเทียน 2 แท่ง และเมื่อเกิดแท่งเทียนลักษณะนี้แล้ว ควรยืนยันด้วยแท่งเทียน แท่งถัดๆไป ที่ทำจุดสูงสุด หรือจุดต่ำสูง ที่สูงหรือต่ำกว่า คู่แท่งที่เกิดในทิศทางที่ตรงกันข้าม กับทิศทางก่อนหน้าที่จะเกิดแท่งเทียนเพื่อยืนยัน
    • จุดกลับตัว เป็นสิ่งสำคัญมากในการเข้าเทรด และที่เข้าใจและใช้กันผิดเสมอคือ Reversal ไม่ใช่จุดกลับ Trend เป็นแค่การเปลี่ยนแปลงของทิศทางราคา การกลับ Trend จะต้องดูรูปแบบตามเทคนิคที่ 2 เสมอ แต่เราสามารถใช้ Revarsal เพื่อหาจุดเข้าทำตาม Trend ในจังหวะ Buy on Dip หรือ Sell on Rally ได้
    • ข้อจำกัดของการใช้ Reversal คือ ผู้ใช้ต้องมีประสบการณ์ในการตีความ ต้องฝึกใช้จนชำนาญ และต้องใช้บน TF หลักเสมอ ยิ่ง TF ใหญ่ ความมีนัยยะของ Reversal ยิ่งสำคัญ ทั้งนี้ ไม่มีเทคนิคไหนที่ยืนยัน ความแม่นยำได้ 100% เป็นแค่เพียงการคาดการณ์ และโอกาสของการเกิดเท่านั้น บางครั้งอาจจะเกิดหรืออาจจะไม่เกิดตามที่เราคาดการณ์ไว้ก้อเป็นได้

    #แจกฟรี!ระบบเทรด

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    10 เทคนิคเทรดอย่างมืออาชีพในระบบเทรด forex

    ตุลาคม 11, 2022

    เทคนิคความสำเร็จของนักเทรดforex สู่การเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ

     

    10 เทคนิคเทรดอย่างมืออาชีพในระบบเทรด forex

    1. เตรียมตัวให้พร้อมหาข้อมูล การทำความเข้าใจแผนระบบเทรด เตรียมร่างกาย และจิตใจ เพื่อรับมือกับสิ่งที่จะเกิดในตลาด
    2. มีเทคนิคการเทรดหรือการเก็งกำไร ไม่ใช่การเสี่ยงโชควัดดวงหรือซื้อขายไปตามอารมณ์ ไปตามข่าวลือ เทรดเดอร์มืออาชีพจะต้องมีแผนการเทรด มีการวางแผนการเทรดล่วงหน้าก่อน เข้าไปซื้อขายในตลาดเสมอ เพราะการพัฒนาระบบเทรด การสร้างแผนการเทรดขึ้นมาจะทำให้เรา รู้ว่าควรจะตัดสินใจรับมือกับพฤติกรรมราคาอย่างไร อย่างน้อยต้องรู้จุดเข้า/จุดออก และการประเมินความเสี่ยง เพื่อคำนวณขนาด position size ที่แน่นอนก่อนเข้าไปเทรด
    3. โบรกเกอร์ที่เลือกก็มีเทคนิคความสำคัญในการเลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับความไว้วางใจจากคนส่วนใหญ่อยู่แล้ว จะช่วยลดปัญหาที่ยุ่งยากตามมาในอนาคต
    4. ฝึกปฏิบัติด้วยบัญชีเดโม่เสียก่อนภายหลังจากการสมัครเป็นเทรดเดอร์ forex แล้ว เทคนิคสิ่งแรกที่ผมอยากให้คุณทำคือ การทดลองเทรด forex ด้วยบัญชีเดโม่ก่อนครับ จริงๆผมว่าใน   ปัจจุบัน คนทั้งหลายต่างละเลยกฎเกณฑ์ข้อนี้ไปอย่างมาก ส่งผลให้การเทรด forex มีปัญหา เช่นพอร์ตระเบิด หรือต้องล้างพอร์ตเป็นต้น
    5. ตั้งค่าการเทรดให้เหมาะสม คุณต้องตั้งค่าการเทรด และบริหารจัดการเงินหน้าตักเทรด forex ให้เหมาะสม ห้ามเทรด forex แบบการพนันนะครับ หรือนั่งเดากราฟแล้วใส่ราคามั่วๆเข้าไป โดยหวังว่ามันจะต้องถูกต้องและง่ายกว่าการพนัน!
    6. มีวินัยเมื่อพัฒนาแผนการเทรด หรือระบบเทรดขึ้นมาแล้ว สิ่งสำคัญคือเทรดเดอร์ต้องมีวินัยในการบังคับตัวเองให้ตัดสินใจลงมือทำตามแผนให้ได้ แน่นอนว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆในข้ามคืนโดยเฉพาะมือใหม่ ประสบการณ์น้อย เนื่องจากราคาสินค้าที่เคลื่อนไหวไปมาแต่ละวัน บวกกับข้อมูลข่าวสารที่ได้รับมีผลต่ออารมณ์ของเทรดเดอร์ อาจจะทำให้เกิดความโลภ ความกลัว การตัดสินใจไปตามอารมณ์เกิดขึ้นได้ง่าย
    7. รู้หลักการ 3 หน่อเพื่อความสำเร็จอินดิเคเตอร์ (Indicator) การบริหารจัดการเงินหน้าตัก (Money Management) หลักจิตวิทยา (Physiology)
    8. บันทึกสถิติของการเทรด forex ทุกครั้งดบันทึกข้อมูลทางสถิติไว้ทุกครั้ง ไม่ว่าผลการเทรดของเราจะเป็นอย่างไรก็ตาม จดไปเรื่อยๆ จากประสบการณ์ของผมผมแนะนำให้จดต่อไปอย่างน้อยสักราวๆ 2-3 เดือน แล้วคุณจะพบว่าจำนวนตาของการทำนายราคาที่ผิดพลาดนั้นลดลงอย่างเห็นได้ชัด!
    9. เครื่องมือที่เหมาสมนำพาซึ่งกำไรในการเทรด
    10. มีความอดทนตลาดหุ้นมีความผันผวนเสมอเป็นธรรมชาติ เทรดเดอร์ต้องเทรดบนราคาที่เปลี่ยนแปลงไปมาได้ตลอดเวลา ดังนั้นคุณสมบติเรื่องความอดทนจำเป็นต้องมีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์การเทรดที่ดี บางกรณีอาจจะอดทนเพื่อรอโอกาส รอจังหวะที่ดีที่คุ้มค่ากับการเสี่ยง ถ้าเทรดเดอร์มีความอดทนต่ำ รอไม่เป็นการรีบเข้าตามอารมณ์ ตามกระแส สุดท้ายก็ผิดพลาด

    #แจกฟรีระบบเทรด

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการทำกำไรจาก Trend Line

    ตุลาคม 11, 2022

    เทคนิคการทำกำไรจาก Trend Line วิธีการลากเส้นเทรนไลน์ 

     

    Trend line แค่ลากก็ทำกำไร เทคนิคการเทรด Forex เรื่องการลากเทรนไลน์เป็นเรื่องง่ายๆ ที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดเป็นหลักการเบื้องต้นที่ควรรู้ก่อนที่ จะใส่อินดีเคเตอร์ อะไรลงไป ใน Chart เพราะจะทำให้คุณทราบถึง แนวโน้ม แนวรับแนวต้านก่อนที่จะใช้เครื่องมือหรือเทคนิค อื่นๆ หรือ Indicator เพื่อ คอนเฟิร์ม สัญญาณ
    ในทุกๆ Time frame สามารถที่จะ ลากเส้น Trend line ได้ทั้งหมด เพราะ สิ่งที่คุณต้องรู้ก่อน เทรด ทุกครั้งก็คือแนวโน้มใน Time Frame ที่ใหญ่ก่อนค่อยเรียงไปหาเล็ก
    การลากเส้นเทรนไลน์นั้น ไม่มีวิธีใดถูก หรือ ผิดไป เสียทั้งหมด วิธีการหักการลากเส้นเทรนไลน์ที่ดี ควรและสามารถ วัดผลความชำนาญหรือ พัฒนาการของการลากได้เลยก็คือใช้ Time frame เล็กๆ เช่น TF15 นาที เหมาะสำหรับการทดลอง และ เทรด จริง เหมาะ สำหรับการเล่นเป็นรอบๆ ถ้าผิดทางก็ SL แล้วก็ เข้า Order ใหม่
    ประโยชน์ ของ Trend line ลองอ่านจากกระทู้นี้ ครับ Trend line รูปแบบของกราฟ Forex และเมื่อเวลาท่านมองกราฟ ไม่ว่าจะรูปแบบกราฟ ลักษณะไหนท่านก็อาจใช้เพียงแค่สายตามมองเท่านั้น ท่านก็พอจะรู้ทิศทางของกราฟแล้ว
    จุดอ่อนของ การลากเส้นเทรนไลน์ คือ ช่วง Sideway แต่ เราจะรู้ได้อย่างไร ว่า ช่วงไหนเป็นช่วง Side way ก็จนกว่ากราฟ มันจะเป็นรูปแบบให้เราเห็นนั่นแหละ ครับ ทีนี้ มาดูเทคนิคป้องกันการเล่นในช่วง Side way กันดีกว่า จากประสบการผู้เขียน ช่วงที่กราฟ จะ วิ่ง มี อยู่ 2 ช่วงคือ ช่วง UK session เปิด คาบเกี่ยวกันจนถึงช่วง US session เปิดประมาณ 3-4 ชม แล้ว มันตรงเวลาไหน ในบ้าน เรา ประมาณ บ่าย 2 โมง จนถึง 5 ทุ่ม บ้านเราครับ แม้ตลาด Forex จะเปิดตลอด 24 ชม จันทร์-ศุกร์ แต่ ตลาด จะวิ่งแรง หรือมีเทรนเฉพาะ ช่วงนี้ หลังจากนั้น กราฟ ก็จะวิ่งเหมือนกันแต่จะ ไปแบบเอื่อยๆ เรื่อยๆ ดังนั้น การเทรด Forex ที่ดี ไม่จำเป็นต้องนั่งเฝ้าตลอด 24 ชม แค่รอเทรด เฉพาะ ช่วงนี้ก็เพียงพอแล้ว เอาเวลาที่เหลือไป ทำอย่างอื่นดีกว่า ครับ แม้ ช่วง Sideway จะไม่น่าเล่น แต่ ก็เหมาะ ที่ จะ ขีดเส้นเทรนไลน์รอ เพื่อรอ ทำกำไร เอาเป็นว่าฝึกไว้ ทำกำไรได้ ทุกช่วงครับ
    เอาล่ะครับ นอกเรื่อง Trend Line มามากแล้ว มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า มาเริ่มที่ Chart เปล่าๆ กันดีกว่านะ ครับ การลาก Trend Lin แบบเบื้องต้นคือลองลาก จากจุดสูงสุดหนึ่งไปยังจุดสูงสุดอีกจุดหนึ่ง และเช่นกัน แนว รับด้านล่างก็ ลาก จากเส้น ต่ำสุดหนึ่งไป ยัง เส้นต่ำสุดอีก หนึ่งจุด เหมือนกัน ลองลากดู ไม่มี่ ใครผิด ใคร ถูก และ ไม่มีอะไร ที่ 100 % บางที ราคาอาจจะวิ่งเลยไป นิดหนึ่งแต่สักพักก็จะวิ่งกลับมาทางเดิม มาดู ภาพประกอบการลาก เทรนไลน์ แบบต่างๆ กันดีกว่า

    #แจกฟรีระบบเทรด

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    รูปแบบ Rising Wedge คืออะไร?

    ตุลาคม 11, 2022

    รูปแบบ Rising Wedge คืออะไร?

    รูปแบบ Rising Wedge แสดงถึงรูปแบบการต่อเนื่องของตลาดหมีที่เกิดขึ้นหลังจากการปรับฐานที่เพิ่มขึ้น ในแนวโน้มขาขึ้น ราคาจะเด้งกลับระหว่างสองความลาดชันเริ่มต้นที่ด้านล่างกว้างและหดตัวเมื่อราคาขยับสูงขึ้น หลังจากการปรับฐานที่เพิ่มขึ้น รูปแบบความต่อเนื่องจะเป็นไปตามแนวโน้มขาลงที่สำคัญ

    สังเกตได้ทั่วไปในตลาดที่มีแนวโน้มลดลงรูปแบบ Rising Wedge อยู่ตรงข้ามกับรูปแบบลิ่มที่ตกลงมา ดังนั้น ผู้ค้าต้องรู้ทั้งรูปแบบ falling wedge และรูปแบบ Rising Wedge เพื่อระบุแนวโน้มและตัดสินใจซื้อขายได้ดีที่สุด

    สามเหลี่ยมจากน้อยไปมากกับ Rising Wedge

    ความแตกต่างระหว่างรูปสามเหลี่ยมจากมากไปน้อยกับ falling wedge คือ:

    • สามเหลี่ยมจากน้อยไปมากมีแนวราบที่มีจุดต่ำสุดที่สูงกว่าหรือเส้นแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ลิ่มที่พุ่งขึ้นนั้นไม่มีส่วนบนที่ราบเรียบ
    • rising wedge เป็นรูปแบบขาลงและเป็นไปตามแนวโน้มขาลงที่สำคัญ ในขณะที่สามเหลี่ยมจากมากไปน้อยเป็นรูปแบบขาขึ้น

    rising wedge เป็น bearish หรือ bullish?

    rising wedge มักจะเป็นรูปแบบขาลง ตามคำจำกัดความ rising wedgeมักจะตามหลังแนวโน้มขาลงที่สำคัญและมีสามขั้นตอน: แนวโน้มขาลงที่สำคัญ การปรับฐาน และความต่อเนื่องของแนวโน้มขาลง

    รูปแบบ rising wedge ซึ่งเป็นหนึ่งในรูปแบบการกลับตัวที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ช่วยทำนายทิศทางและระยะทางของการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของราคา เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังความนิยมของรูปแบบนั้นอยู่ที่การใช้งานและการระบุตัวตนที่ง่ายดาย อ่านกับเราเพื่อรวบรวมความรู้เกี่ยวกับรูปแบบลิ่มที่เพิ่มขึ้น ระบุและแลกเปลี่ยนโดยใช้รูปแบบลิ่มที่เพิ่มขึ้น และข้อดีและข้อเสียของการใช้รูปแบบนี้

    รูปแบบ rising wedge หรือที่เรียกว่า wedge จากน้อยไปมากคือรูปแบบราคาที่เกิดขึ้นเมื่อราคาถูกผูกไว้ตรงกลางของเส้นแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นสองเส้น เป็นไปได้ที่จะตรวจสอบรูปแบบการกลับตัวและความต่อเนื่องจากการสร้างกราฟตลาดหมีโดยพิจารณาจากตำแหน่งและแนวโน้มต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม โดยไม่คำนึงถึงตำแหน่งของแนวโน้มนี้ คุณต้องจำไว้ว่าแนวโน้มนี้เป็นขาลงเสมอ

    หากต้องการระบุรูปแบบ wedge ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คุณต้องทราบด้วยว่ารูปแบบ wedge ที่ตกลงมานั้นปรากฏอย่างไร รูปแบบ wedge ที่ตกลงมาหรือจากมากไปน้อยนั้นแตกต่างอย่างมากจากรูปแบบ wedge ที่เพิ่มขึ้นโดยความลาดเอียงของรูปสามเหลี่ยม  wedgeที่ตกลงมานั้นสามารถเห็นได้จากมากไปน้อยตรงกลางของเส้นแนวโน้มสองเส้นบรรจบกัน ในที่สุดก็ถึงจุดสุดยอด ซึ่งระบุรูปแบบกระทิง

    การระบุรูปแบบ Rising Wedge ขณะทำการซื้อขาย

    อาจมีข้อสงสัยในการระบุรูปแบบเนื่องจากการตีความที่เป็นไปได้ว่าเป็นทั้งรูปแบบการกลับตัวของตลาดหมีและรูปแบบการกลับตัวของตลาดหมี ในทั้งสองกรณีนี้มีมาตรการระบุตัวตนที่แตกต่างกันที่ต้องคำนึงถึง

    การระบุรูปแบบการต่อเนื่องของ wedge ที่เพิ่มขึ้น:

    1. แนวโน้มขาลงคงที่จะเกิดขึ้น
    2. สามารถสังเกตการก่อตัวของการรวม wedge ที่เพิ่มขึ้นได้
    3. ลิงค์ของจุดต่ำสุดที่ต่ำกว่าและจุดสูงสุดที่สูงขึ้นด้วยความช่วยเหลือของเส้นแนวโน้มที่ก่อตัวขึ้นสู่จุดที่แคบ
    4. ค้นหาความแตกต่างระหว่างราคาและปริมาณโดยใช้ฟังก์ชันระดับเสียง (คุณสามารถใช้ MACD ได้เช่นกัน)
    5. การยืนยันสัญญาณซื้อเกินโดยใช้เครื่องมือทางเทคนิค เช่น ออสซิลเลเตอร์
    6. จับตาดูการหยุดพักที่เกิดขึ้นภายใต้จุดสนับสนุนสำหรับการทำรายการสั้น ๆ

    การระบุรูปแบบการกลับตัวของ wedge ที่เพิ่มขึ้น:

    1. มีแนวโน้มขาขึ้นคงที่
    2. สามารถสังเกตการก่อตัวของการรวม wedge ที่เพิ่มขึ้นได้
    3. ลิงค์ของจุดต่ำสุดที่ต่ำกว่าและจุดสูงสุดที่สูงขึ้นด้วยความช่วยเหลือของเส้นแนวโน้มที่ก่อตัวขึ้นสู่จุดที่แคบ
    4. ค้นหาความแตกต่างระหว่างราคาและปริมาณโดยใช้ฟังก์ชันระดับเสียง (คุณสามารถใช้ MACD ได้เช่นกัน)
    5. การยืนยันสัญญาณซื้อเกินโดยใช้เครื่องมือทางเทคนิค เช่น ออสซิลเลเตอร์
    6. จับตาดูการหยุดพักที่เกิดขึ้นภายใต้จุดสนับสนุนสำหรับการทำรายการสั้น ๆ

    รูปแบบ Rising Wedge สามารถสังเกตได้ทั้งในรูปแบบความต่อเนื่องและรูปแบบการกลับตัว ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว ลองพิจารณารูปแบบลิ่มที่เพิ่มขึ้นที่เกิดขึ้นเป็นความต่อเนื่อง คุณสามารถสังเกตรูปแบบแนวโน้มขาขึ้นได้โดยการใช้เครื่องมือปริมาณบนแผนภูมิที่ชี้ไปที่ปริมาณการซีดจางในการเชื่อมโยงไปยังราคาที่สูงขึ้นที่แพร่หลายในตลาด นี่เรียกอีกอย่างว่าไดเวอร์เจนซ์ ซึ่งหมายความว่าการเคลื่อนไหวขาขึ้นใกล้จะเสร็จสิ้น

    อาจมีจุดเริ่มต้นเมื่อเส้นแนวรับแนวโน้มถูกละเมิดบนลิ่มที่เพิ่มขึ้น วิธีทั่วไปสองวิธีในการเข้าคือรอแท่งเทียนที่อยู่ต่ำกว่าจุดของแนวโน้มแนวรับก่อนที่จะทำการเข้าหรือเข้าสู่ตำแหน่งขายเมื่อเส้นแนวรับถูกทำลายโดยราคาโดยไม่คำนึงถึงการปิดของแท่งเทียน

    ระดับการหยุดถูกระบุจากจุดสูงสุดของรูปแบบบนเส้นแนวโน้มของแนวต้าน เมื่อมีการระบุแล้ว คุณสามารถค้นหาระดับการหยุดสำหรับผู้ซื้อขายได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้เทรดเดอร์มีอัตราส่วนความเสี่ยงและผลตอบแทนที่ดีในทุกกรณี

    ข้อดีและข้อเสียของรูปแบบ Rising Wedge

    มีข้อดีและข้อเสียหลายประการสำหรับแต่ละรูปแบบ ซึ่งช่วยให้ผู้ค้าระบุรูปแบบที่ดีที่สุดสำหรับตนเอง ดังนั้น ก่อนทำการซื้อขายด้วยรูปแบบลิ่มที่เพิ่มขึ้น คุณต้องพิจารณาข้อดีและข้อเสียของมัน

    ข้อดีของการซื้อขายรูปแบบ wedge :

    1. รูปแบบ wedge ที่เพิ่มขึ้นนั้นง่ายต่อการระบุหากมีการปฏิบัติตามขั้นตอนที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ค้าที่มีประสบการณ์
    2. รูปแบบนี้เป็นเหตุการณ์ปกติในตลาดการเงิน
    3. มันชี้จุดหยุด เข้าเป็นระดับจำกัด
    4. มีโอกาสสูงที่จะให้รางวัลคุณด้วยอัตราส่วนความเสี่ยงและผลตอบแทนที่เป็นบวก

    ข้อเสียของการซื้อขายรูปแบบ wedge :

    1. ด้วยความเป็นไปได้สองทาง การระบุรูปแบบ wedgeที่เพิ่มขึ้นอาจเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ค้ารายใหม่
    2. มีโอกาสสูงที่จะระบุรูปแบบที่ไม่ถูกต้อง
    3. จำเป็นต้องใช้ตัวชี้วัดอื่นๆ เพื่อวัตถุประสงค์ในการยืนยัน เช่น ตัวชี้วัดทางเทคนิคและออสซิลเลเตอร์
    4. สามารถบ่งชี้ทั้งการกลับตัวและรูปแบบความต่อเนื่อง

    ดังนั้นรูปแบบ Rising Wedge จะเป็นประโยชน์หากเราสามารถระบุได้อย่างถูกต้องและแลกเปลี่ยนกับมันในเวลาที่เหมาะสม มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีอัตราส่วนความเสี่ยงและผลตอบแทนที่เป็นบวก อย่างไรก็ตาม หากคุณไม่สามารถระบุแนวโน้มได้อย่างถูกต้อง คุณต้องคิดให้รอบคอบก่อนทำการซื้อขาย ก่อนที่จะใช้ทิศทางใด ๆ ในตลาดฟอเร็กซ์ จำเป็นต้องรู้ว่ามันทำงานอย่างไร และการใช้งานที่ถูกต้องและการระบุแนวโน้ม

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    รูปแบบการซื้อขาย Forex Cup and Handle คืออะไร?

    ตุลาคม 11, 2022

    รูปแบบการซื้อขาย Forex Cup and Handle คืออะไร?

    รูปแบบกราฟจำนวนมากพิสูจน์ได้ว่ามีประโยชน์สำหรับการซื้อขายในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ รูปแบบแผนภูมิเป็น indicators ที่เกิดขึ้นกับการเคลื่อนไหวของราคาที่เฉพาะเจาะจงและซ้ำๆ คล้ายกับรูปแบบในอดีตและเป็นวิธีเข้าหรือออกจากการซื้อขาย

    รูปแบบ forex cup and handle

    รูปแบบ forex cup and handle  เป็นรูปแบบการต่อเนื่องแบบ bullish ที่คล้ายกับถ้วยที่มีด้ามจับ โดยที่รูปแบบ cup เป็นรูปตัว “U” รูปแบบ handle มีการเลื่อนลงเล็กน้อย” รูปร่าง U” ดูเหมือนถ้วยและที่จับดูเหมือนสามเหลี่ยม เช่นเดียวกับรูปแบบอื่น ๆ รูปแบบตลาด forex  cup and handle พิสูจน์ได้ว่าเป็นประโยชน์สำหรับการซื้อขายเนื่องจากมีจุดเริ่มต้นเฉพาะ การหยุดการขาดทุน และราคาเป้าหมายเพื่อออกและทำกำไร รูปแบบแผนภูมิ cup ที่มีด้ามจับบางครั้งเรียกว่ารูปแบบ cup น้ำชาของ Forex เช่นกัน

    ในภาพด้านล่าง เราจะเห็นว่าแผนภูมิ cup and handle มีลักษณะอย่างไร:

     cup and handle เป็นรูปแบบกระทิง แต่มีรูปแบบกลับด้านของ cup and handle เป็นหมีที่แสดงด้านล่าง:

    ถ้วยคว่ำและด้ามจับรูปแบบหมี

    รูปแบบ Cup and Handle Forex

    รูปแบบ Cup and Handle Forex forex เกิดขึ้นเมื่อคลื่นราคาลดลง และช่วงเวลาที่มีเสถียรภาพตามมา หลังจากนั้นราคาจะปรับตัวขึ้นด้วยขนาดที่เท่ากันของคลื่นขาลง ดังนั้นรูปร่างจึงดูเหมือนตัว “U” หรือถ้วย รูปแบบนี้สามารถเห็นได้ในกรอบเวลาที่เล็กกว่า เช่น แผนภูมิ 1 นาที 3 นาที แผนภูมิรายวัน รายสัปดาห์ และแม้แต่แผนภูมิรายเดือน หลังการขึ้นราคา มันจะไปด้านข้างหรือลดลงเล็กน้อยและสร้าง “จุดจับ” ซึ่งอาจดูเหมือนสามเหลี่ยม

    รูปแบบ cup and handle forex สามารถส่งสัญญาณความต่อเนื่องหรือรูปแบบการกลับรายการ รูปแบบที่ต่อเนื่องคือเมื่อราคาสกุลเงินพุ่งสูงขึ้น และกราฟสร้างรูปแบบถ้วยและด้ามจับ หลังจากนั้นราคาจะพุ่งขึ้นอีก ในรูปแบบการกลับตัว ราคากำลังลดลง จากนั้นแผนภูมิจะแสดงรูปแบบถ้วยและด้ามจับ หลังจากนั้นแนวโน้มจะเปลี่ยนแปลงและราคาจะเพิ่มขึ้น

    แนวปฏิบัติที่ดีที่สุดคือรอให้ handle อยู่ในรูปแบบ ที่จับมักจะไปด้านข้างหรือลงไปหรือโฟมเป็นรูปสามเหลี่ยม เมื่อราคาสกุลเงินเคลื่อนตัวออกนอกที่จับ อาจกล่าวได้ว่ารูปแบบเสร็จสมบูรณ์ และคาดว่าราคาจะปรับขึ้น

    แม้ว่านี่จะเป็นเพียงบางส่วน แต่สาระสำคัญอยู่ที่การตั้งค่าการหยุดการขาดทุนเนื่องจากราคาไต่ระดับสามารถขยับขึ้นเล็กน้อยและหลังจากนั้นสามารถไปด้านข้างหรือลดลงได้ มันสร้างความเสี่ยงด้านลบของการสูญเสีย

    การเลือกเป้าหมายรูปแบบแผนภูมิ Cup and Handle

    ความสูงของ cup ไม่สำคัญ สิ่งที่คุณต้องทำคือเพิ่มความสูงของ cup ไปที่จุดฝ่าวงล้อมของ handle นั่นจะเป็น cup ในอุดมคติของคุณและจัดการเป้าหมายรูปแบบแผนภูมิ ตัวอย่างเช่น หากมองเห็นรูปแบบถ้วยระหว่าง $10 ถึง $9 และจุดฝ่าวงล้อมของแฮนเดิลคือ $10 เป้าหมายในอุดมคติของคุณควรเท่ากับ $11

    ในหลายกรณี ด้านซ้ายของถ้วยมีความสูงต่างจากด้านขวา ในสถานการณ์เช่นนี้ คุณสามารถใช้ความสูงที่เล็กกว่าได้ คุณสามารถเพิ่มไปที่จุดฝ่าวงล้อมของแฮนเดิล และนั่นจะกลายเป็นเป้าหมายของคุณ คุณยังสามารถใช้ด้านขวาของด้านที่มีความสูงขนาดใหญ่กว่าได้หากต้องการให้เป้าหมายก้าวร้าว

    คุณยังสามารถใช้ Fibonacci Extension เป็น indicator ได้ที่นี่ คุณสามารถวาดเครื่องมือขยายจากถ้วยต่ำไปสูงทางด้านขวาของ cup และเชื่อมต่อกับที่จับที่ต่ำ ระดับหนึ่งหรือ 100% ที่นี่จะแสดงราคาเป้าหมายที่ระมัดระวัง 1.618 หรือ 162% จะให้ราคาเป้าหมายเชิงรุก คุณสามารถวางเป้าหมายของคุณได้ระหว่าง 100% ถึง 162%

    หากคุณไม่ถึงราคาเป้าหมายของคุณในช่วงสิ้นสุดหรือเวลาปิดของตลาดในถ้วยและจัดการกับรูปแบบ forex คุณควรขายตำแหน่งก่อนที่ตลาดจะปิด คุณสามารถเลือก Trailing Stop Loss ได้หากราคาเป้าหมายของคุณเข้าใกล้มากขึ้น แต่การลดลงมักเกิดขึ้นก่อนจะไปถึงที่นั่น มันจะช่วยให้คุณได้ราคาที่ใกล้เคียงกับราคาเป้าหมายของคุณ

    “V” Shape รูปแบบ forex cup handle

    รูปแบบ forex cup handle ที่ก้าวร้าวหมายความว่า cup อยู่ในรูป “V” แทนที่จะเป็น “U” ในรูปแบบรูปตัว “V” ราคาจะลดลงและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เทรดเดอร์ส่วนใหญ่พยายามหลีกเลี่ยงรูปแบบนี้ แต่บางคนพบว่ามันน่าดึงดูดใจในการแลกเปลี่ยน การก่อตัวของ cup รูปตัว “V” ยังหมายถึงจุดยืนของผู้ค้าเกี่ยวกับรูปแบบการกลับตัว

    อาจกล่าวได้ว่าผู้ค้าซื้อขายกันอย่างดุเดือดซึ่งทำให้ราคาพุ่งขึ้นเป็นรูปตัว “V” ที่คมชัด อย่างไรก็ตาม เนื่องจากรูปแบบนี้ไม่มีช่วงเสถียรภาพ ราคาจึงอาจตกต่ำได้ง่ายเหมือนที่ขึ้น โดยรวมแล้วหากราคาไปไกลกว่ารูปแบบที่จับ แสดงว่ามีแนวโน้มกลับตัว

    สิ่งที่คุณควรพิจารณา?

    รูปแบบ cup and handle มีช่วงหยุดชั่วคราวหรือช่วงที่ทรงตัวซึ่งราคาจะเคลื่อนที่ไปด้านข้างหรือเกิดจุดต่ำสุดที่กลม นั่นอาจหมายความว่าราคาอยู่ที่ระดับแนวรับและจะไม่ตกไปเกินกว่านั้น ท้ายที่สุดหมายความว่าหลังจากจุดหนึ่ง โอกาสที่ราคาจะเพิ่มขึ้นสูงขึ้น

    หากแนวโน้มเป็นขาขึ้น และรูปแบบ forex cup handle ช่วงกลางของแนวโน้ม ก็จะได้ประโยชน์มากขึ้น อย่างไรก็ตาม คุณต้องระมัดระวังในการสังเกตระดับแนวรับระยะยาวและเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ การก่อตัวของ cup and handle ในช่วงขาลงบ่งบอกถึงแนวโน้มการกลับตัวและแสดงให้เห็นว่าราคามีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น

    ผู้ค้า forex จะต้องได้รับการฝึกฝนในการระบุและใช้รูปแบบนี้ เนื่องจากการเข้าหรือออกจากจุดที่ไม่ถูกต้องจะทำให้ประโยชน์ของการใช้รูปแบบ forex นี้ลดลง ด้วยความสามารถในการฝึกฝนและการเทรดที่พิถีพิถัน คุณสามารถเชี่ยวชาญเทคนิคนี้ในเวลาอันสั้น 

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    รูปแบบ Inside Bar คืออะไร?

    ตุลาคม 11, 2022

    รูปแบบ Inside Bar คืออะไร?

    รูปแบบ inside bar แสดงถึงรูปแบบสองแท่งโดยที่แถบที่สองมีช่วงราคาที่อยู่ภายในช่วงราคาของวันแรกอย่างสมบูรณ์ แถบด้านใน (แถบที่สอง) มีขนาดเล็กกว่าเนื่องจากค่าสูงต่ำกว่าค่าสูงสุดของแถบแรก และค่าต่ำสุดจะสูงกว่าแถบค่าต่ำสุดของแถบแรก โดยปกติ แนวโน้มจะยังคงติดตามแนวโน้มหลักที่ตามหลังเทียนแท่งแรก

    การก่อตัวของเทียนต่อเนื่อง/กลับตัวที่มีชื่อเสียงอย่างหนึ่งคือ inside bar ต้องใช้เทียนไม่เกินสองเล่มเพื่อนำเสนอตัวเอง รูปแบบ inside bar เป็นการเล่นโดยตรงที่สามารถใช้กับความเชื่อมั่นของตลาดในระยะสั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณต้องการเข้าสู่ตลาดก่อนที่จะมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในตลาด 

    inside barแสดงให้เห็นว่าราคาไม่เต็มใจที่จะก้าวหน้าด้านล่างหรือสูงกว่าสูงหรือต่ำที่เกิดขึ้นจากแท่งเทียนก่อนหน้า ซึ่งบ่งบอกถึงความไม่แน่นอนของตลาด

    การระบุ Inside Bar 

    หากคุณต้องการระบุการก่อตัวของแถบนี้บนแผนภูมิ Forex คุณสามารถใช้ขั้นตอนต่อไปนี้:

    • ใช้ indicators ทางเทคนิคหรือการเคลื่อนไหวของราคาเพื่อระบุแนวโน้มก่อนหน้า
    • มองหาจุดที่แท่งด้านในถูกกลืนโดยแท่งเทียนก่อนหน้า ต่ำหรือสูง

    ตัวอย่างรูปแบบวันภายใน

    รูปแบบเทียน Inside Day คืออะไร?

    รูปแบบเทียน inside day แสดงถึงรูปแบบราคาสองวัน โดยที่วันที่สองมีช่วงราคาที่อยู่ภายในช่วงราคาของวันแรกโดยสมบูรณ์ ราคาหลังจากวันที่สองมักจะยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางหลัก (รูปแบบต่อเนื่อง)

    วิธีการใช้รูปแบบ Inside Bar สำหรับการซื้อขาย?

    มีหลายวิธีที่คุณสามารถอัพเกรดกลยุทธ์การซื้อขายของคุณโดยใช้รูปแบบแท่งเทียนนี้ เรากำลังแบ่งปันกลยุทธ์และเคล็ดลับยอดนิยมกับคุณ

    ถือได้ว่าเป็นรูปแบบความต่อเนื่องโดยผู้ค้าบางราย แม้ว่าจะเป็นไปได้ที่จะเห็นการฝ่าวงล้อมไปในทิศทางตรงกันข้าม หลังจากที่ราคามีแนวโน้มลดลงหรือเพิ่มขึ้นเป็นระยะเวลาหนึ่ง การหยุดการเคลื่อนไหวของราคาก่อนการกลับตัวของแนวโน้ม เนื่องจากรูปแบบแถบด้านในแสดงถึงการหยุดชั่วคราว ผู้ค้าจึงใช้รูปแบบนี้สำหรับการซื้อขายระยะสั้นหรือการซื้อขายแบบสวิงที่ทำในแนวต้าน เป้าหมายที่นี่คือเพื่อถือการค้าเฉพาะน้อยกว่าสิบบาร์ 

    นี่ไม่ใช่วิธีเดียวในการใช้รูปแบบแท่งเทียนนี้ในการซื้อขาย อีกวิธีหนึ่งมีรากฐานในข้อมูลที่ไม่เปิดเผยโดยรูปแบบแถบด้านใน การก่อตัวของรูปแบบนี้บอกผู้ค้าว่าตลาดไม่ต้องการผลักดันราคาไปในทิศทางใด พวกเขาจะไม่ขึ้นหรือลง ราคาที่ซบเซาอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น

    • รายงานสำคัญกำลังจะออก 
    • ตลาดได้เห็นการก้าวกระโดดครั้งสำคัญ ทำให้ผู้ค้าระวังราคาประมูลที่ต่ำหรือสูงเกินไป

    โดยไม่คำนึงถึงเหตุผล เทรดเดอร์ทุกคนมีแรงจูงใจเหมือนกัน เพื่อแสวงหาความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นเพื่อผลกำไรต่อไป เมื่อตลาดติดอยู่ในบริเวณขอบรก ผู้ค้าไม่เต็มใจที่จะทำลายราคาที่มีอยู่โดยเสนอราคาให้สูงขึ้นหรือต่ำลง อาจถูกมองว่าเป็นสัญญาณของความผันผวนที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต ในกรณีนี้ แถบด้านในไม่ได้บอกเราเกี่ยวกับราคาหุ้น ค่อนข้างจะบอกเราว่าตลาดกำลังรอคอยสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ผู้ค้าควรถือม้าของพวกเขาและกระตือรือร้นเมื่อโอกาสที่อาจเกิดขึ้นเหล่านี้ปรากฏให้เห็น

    กลยุทธ์การฝ่าวงล้อมของ Inside Bar

    inside bar แสดงให้เราเห็นการรวมบัญชีระยะสั้นภายในตลาดที่มีแนวโน้มซึ่งมีความผันผวนต่ำ ในสถานการณ์นี้ ผู้ค้ากำลังมองหาการฝ่าวงล้อมเมื่อมีการสร้างราคาสูงสุดหรือต่ำสุดใหม่ในตลาด

    รูปแบบ Inside Bar เชื่อถือได้หรือไม่?

    มาเริ่มคำตอบนี้โดยระบุข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ไม่มีอะไรที่น่าเชื่อถืออย่างแน่นอนในโลกแห่งการซื้อขาย  indicators ทางเทคนิคทั้งหมดมีแนวโน้มที่จะบกพร่องและการจัดการ และรูปแบบ inside bar ก็ไม่ต่างกัน หากเราเก็บคำเตือนทั่วไปไว้ข้างๆ กัน มีรูปแบบ inside bar มากมายที่สามารถเสนอให้เทรดเดอร์ได้ การกลับตัวหรือความต่อเนื่องที่ส่งสัญญาณโดยรูปแบบนี้ทำให้ซับซ้อน นอกจากนั้น คุณยังสามารถเห็นการฝ่าวงล้อมที่ผิดพลาดซึ่งลดความน่าเชื่อถือ นี้สามารถเอาชนะได้หากคุณใช้รูปแบบนี้กับ indicators อื่น ๆ หรือส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การซื้อขายโดยรวมของคุณ

    ด้านบวก แท่งเทียนนี้เป็นมิตรกับผู้ค้ารายใหม่ ไม่เหมือนกับ indicators และรูปแบบอื่นๆ ที่เข้าใจยาก แถบนี้ค่อนข้างตรงไปตรงมา มันเกิดขึ้นบ่อยครั้งและมีอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่ดี

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการเริ่มต้นเทรด forex ทีล่ะขั้นตอนง่ายๆ

    ตุลาคม 10, 2022

     

    เทคนิคการเริ่มต้นระบบเทรด forex

    เทคนิคที่ 1 – เปิดบัญชีเทรด Forex
    หากสงสัยว่าจะ เล่น forex ที่ไหน? ในภาพยนตร์ ชอบที่จะแสดงให้เห็นว่านักเทรดที่คลั่งไคล้ตะโกนส่งคำสั่งในห้องค้าตลาดหลักทรัพย์ในนิวยอร์ก แต่วันนี้การเทรด forex ส่วนน้อยมากที่จะเป็นแบบนั้น วันนี้มีทางเลือกที่ง่ายกว่านั้นในการเทรด forex ออนไลน์ ผ่านนายหน้า

    การเปิด บัญชีเทรด forex เป็นเรื่องง่ายเหมือนกับเปิดบัญชีธนาคาร คุณกรอกข้อมูลลงในใบสมัครเปิดบัญชี แสดงหลักฐานการระบุตัวตน และเลือกว่าคุณต้องการใส่เงินทุนอย่างไร คุณอาจจะฝากเงินโดยการโอนเงินอิเลคทรอนิคส์ผ่านผู้ให้บริการชำระเงินที่มีชื่อเสียง เช่น Skrill หรือ ZotaPay

    คุณจะค้นหาโบรกเกอร์ forex ให้คุ้มค่ากับเงินของคุณได้อย่างไร? ไม่ใช่เพียงแต่แค่ค้นหาโบรกเกอร์ที่มีค่าสเปรดและค่าคอมถูกที่สุด การจ่ายมากขึ้นเพียงไม่กี่ forex pips ในการเทรดกับโบรกเกอร์ forex ที่มีคุณภาพสูงในการให้บริการและช่วยเหลือลูกค้า นั้นคุ้มค่ามากกว่า โดยเฉพาะเมื่อคุณคือ นักเทรดหน้าใหม่ที่ เล่น forex

    สิ่งอื่นๆ ที่ควรพิจารณา :   คุณมีเงินเท่าไหร่ โบรกเกอร์ forex ออนไลน์ จำนวนมากมีข้อกำหนดขั้นต่ำตั้งแต่ $0 เพื่อตั้งค่าบัญชีพื้นฐานรายย่อย สำหรับบัญชีปกติขั้นต่ำสามารถอยู่ในช่วงตั้งแต่ $0 ถึง $1,000 หรือมากกว่า คุณวางแผนที่จะเทรดบ่อยแค่ไหน โบรกเกอร์ forex ส่วนใหญ่เหมาะกับนักลงทุนใหม่ สเปรดจะวิ่งอยู่ระหว่าง 0.5 และ 1.0 pip สำหรับ EURUSD และ คู่เงินหลักอื่นๆ ขณะที่คู่เงินที่ไม่มีค่าเงินหลักจะเพิ่มเป็น2 หรือ3เท่า ค่าคอมมิชชั่นจะเป็น 0 ตลอดสำหรับ STP โบรกเกอร์ ต้นทุนเทรดที่ต่ำจะสำคัญมากสำหรับการเทรดทำกำไรในช่วงสั้นๆ (Scalping) และการเทรดแบบจบในวันเดียว (day trade) ผู้ที่เทรดเล็กน้อยต่อวัน นักเทรดระยะยาวควรหลีกเลี่ยงโบรกเกอร์ที่คิดค่าธรรมเนียมการไม่ใช้งานคุณต้องการความช่วยเหลือมากแค่ไหน พิจารณาจากการข้อเสนอในเครื่องมือการเรียนรู้ของโบรกเกอร์ , การจัดการเงิน , robo-advisor , การวิจัยและการเข้าถึงของจริง , มีพนักงานติดต่อทางโทรศัพท์ , อีเมลล์ , การแชททางออนไลน์ หรือสำนักงานสาขา เพื่อเปรียบเทียมทางเลือกโบรกเกอร์ของคุณ ง่ายมากเพียงใช้ข้อเสนอของ AM broker ที่นี่อ่านต่อสำหรับข้อมูล หรือเริ่มต้น เล่น forex ผ่านบัญชีทดลองที่ปราศจากความเสี่ยง และสังเกต วิธี-เล่น forex ในเวลาจริง ที่ปราศจากความเสี่ยงหรือภาระผูกพันทางการเงิน

     

    เทคนิคที่ 2 – เลือกคู่เงิน forex
    เมื่อคุณตั้งค่าและใส่เงินในบัญชี forex แล้ว ถึงเวลาที่จะขับเคลื่อนธุรกิจในระบบเทรด ที่ที่ดีสำหรับเริ่มต้นคือทำการค้นคว้าหาคู่เงินที่มีสภาพคล่องสูงและผันผวนต่ำ

    คู่เงินที่มีการซื้อขายมากที่สุดในโลกนั้นเกี่ยวข้องกับเงินดอลลาร์สหรัฐ และสกุลเงินหลักอื่นๆ ทั่วโลก รวมถึงสกุลเงินเยน (สัญลักษณ์: JPY), สกุลเงินปอนด์อังกฤษ (GBP), สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียน (AUD), สกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD), สกุลเงินยูโร (EUR), สกุลเงินสวิสฟรังซ์ (CHF) และ สกุลเงินดอลลาร์แคนาเดียน (CAD) ดังนั้น สกุลเงินที่ซื้อขายกันทั่วไปคือ EUR/USD, GBPUSD, AUD/USD, USD/CHF, NZD/USD, USD/JPY and USD/CAD

    มีราคาที่เกี่ยวข้องกับคู่เงิน และราคานั้นจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ตัวอย่างเช่น ถ้าราคาอยู่ที่ 1.22501 นั่นหมายความว่าต้นทุน 1.22501 US เพื่อซื้อ1 ยูโร ถ้าราคาเป็น 1.25250 ดังนั้นจะมีต้นทุน 1.25250 US เพื่อซื้อ 1 ยูโร

    เป้าหมายของคุณในการเล่น forex คือกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคา แม้ว่า :  ซื้อต่ำ และ ขายสูง ในคู่เงินที่คาดการณ์ว่าสกุลเงินฐาน (ด้านซ้าย) จะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินรอง (ด้านขวา)  ขายสูง และ ซื้อต่ำ ในคู่เงินที่คาดการณ์ว่าสกุลเงินฐาน จะอ่อนค่า ตรงข้ามกับสกุลเงินรอง ไม่ว่าจะกรณีใด นักเทรด forex ก็สามารถมีรายได้เป็นเงินจำนวนหนึ่งจากส่วนต่างระหว่างราคาเปิดและราคาปิดของการเทรด จำนวนของกำไร/ขาดทุนนั้นถูกกำหนดโดยจำนวนราคาที่เคลื่อนไหวเป็น pips (ตำแหน่งทศนิยมที่สี่ในราคาของคู่เงิน) และขนาดของตำแหน่ง (forex lots เมื่อคุณซื้อหรือขาย)

     

    เทคนิคที่ 3 – ตัดสินใจเลือก position size

    การเคลื่อนไหวของคู่เงิน forex เรียกว่า pips, pip เป็นทศนิยมสี่ตำแหน่งในราคาของคู่เงิน ตัวอย่าง ใน 1.2232 ทศนิยมตำแหน่งที่4คือ (2) มีค่า1pip ถ้าราคาขยับขึ้นมาที่ 1.2233 นั่นคือราคาเคลื่อนที่มา 1pip

    คู่เงินมักอ้างถึง5pips ในทศนิยมตำแหน่งที่5 คือเศษของpip ตัวอย่าง ถ้าราคาเคลื่อนที่จาก 1.13415 ไปที่ 1.13420 นั่นคือการเคลื่อนที่ครึ่ง pip (0.00005)

    Pips มีความสำคัญเพราะ การเคลื่อนที่ของ pip มีผลต่อกำไรและขาดทุน เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักของกำไรและขาดทุน นั่นคือขนาดของตำแหน่ง โบรกเกอร์ forex ส่วนใหญ่อนุญาติให้นักเทรดทำการเทรดเพิ่มขึ้น $1,000 (หรือหน่วยอื่นๆของสกุลเงินขึ้นอยู่กับสกุลเงินที่ทำการซื้อขาย)

    ถ้าซื้อหรือขายในมูลค่า 1,000 ใน EUR/USD, การเคลื่อนไหว1pip จะมีผลต่อกำไรหรือขาดทุน $0.10 นี่เรียกว่า pip value, ถ้าซื้อขายในมูลค่า 10,000 ของคู่เงินจะมีผลกำไรหรือขาดทุน $1 สำหรับการเคลื่อนไหวในแต่ละ pip, ตำแหน่ง 100,000 หมายถึงการทำกำไร หรือขาดทุน $10 ต่อ pip, คู่เงิน forex โดยปกติจะเคลื่อนไหวประมาณ 100 pips ต่อวัน

    1,000 หน่วยของค่าเงินเรียกว่า micro lot, มูลค่า 10,000ของค่าเงินเรียกว่า mini lot และ 100,000 เรียกว่า standard lot, ซึ่งเป็นไปได้ที่จะเทรดในหลาย lots, ตัวอย่างเช่น นักเทรดสามารถขาย 7 micro lots, ซึ่งหมายความว่าการเคลื่อนไหวของ pip จะมีผลให้กำไรหรือขาดทุน $0.70

    จำไว้ว่าเนื่องจาก leverage, เพียง 0.2% ถึง 1% ที่ถูกใช้ในบัญชีเทรด (กำไร) เพื่อจะควบคุมเงินจำนวนมาก, leverage 1:500 ที่ส่วนใหญ่โบรกเกอร์จะนำเสนอ ต้องการเพียง $2 เพื่อเทรด 0.1lot หรือ $200 เพื่อเทรด 1 standard lot

     

    เทคนิคที่ 4 – เลือกรูปแบบการคำสั่ง

    อย่าเลื่อนตัวเลขทั้งหมดเหล่านั้นออกไป และคำพูดรวมๆที่ไร้สาระในหน้าคำสั่งซื้อ อ้างถึงกระดาษแผ่นนี้ที่หลอกลวง

     

    คำศัพท์การเทรดขั้นพื้นฐาน

    Ask สำหรับผู้ซื้อ : ราคาที่ผู้ขายจะยอมรับสำหรับคู่เงิน forex
    Bid สำหรับผู้ขาย : ราคาที่ผู้ซื้อจะจ่ายสำหรับคู่เงิน forex
    Spread ความแตกต่างระหว่างราคา bid ที่สูงที่สุด และ ราคา ask ที่ต่ำที่สุด
    Market order คำขอซื้อ หรือขาย คู่เงินที่ราคาที่ดีที่สุดตอนนั้น
    Limit order คำขอซื้อ หรือขาย คู่เงินที่เจาะจงราคาหรือราคาที่ดีกว่า
    Stop (หรือ stop-loss) order เมื่อคู่เงินมาถึงราคาที่ตั้งไว้, stop price หรือ stop level, ก็จะถูกดำเนินการตามคำสั่งของตลาดทั้งหมดในราคาที่มีอยู่ตอนนั้น
    Stop-limit order เมื่อราคามาถึง stop price การเทรดกลับมาที่ราคาที่ตั้งไว้ และถูกเติมมาถึงจุดที่ราคาจะพบกัน
    มีวิธีการเทรดและคำสั่งซื้อที่ซับซ้อนมากมาย แต่ไม่ต้องกังวลในตอนนี้ หรือไม่ต้องกังวลตลอดไปเลยก็ได้ นักเทรด forex สามารถสร้างความสำเร็จในอาชีพได้โดยใช้คำสั่งซื้อขายสองประเภทเท่านั้น : market orders และ limit orders

    Market Orders
    เมื่อมีคำสั่งซื้อในตลาด คุณกำลังแสดงให้เห็นว่าคุณจะซื้อหรือขายคู่เงิน forex ในราคาตลาดปัจจุบันที่ดีที่สุด เนื่องจากคำสั่งซื้อตลาดไม่มีการวัดค่าราคาในการเทรด คำสั่งซื้อของคุณจะถูกดำเนินการโดยทันทีและครบถ้วน เว้นแต่คุณจะพยายามซื้อหนึ่งล้านlots และพยายามปฏิวัติ อย่าแปลกใจถ้าราคาที่คุณจ่าย – หรือรับ ถ้าคุณขาย – นั่นไม่ใช่ราคาที่แน่นอนที่คุณเสนอในไม่กี่วินาทีก่อนหน้านี้ ราคา Bid และ ask มีความผันผวนอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงใช้คำสั่งซื้อในตลาดดีที่สุดเมื่อซื้อคู่เงิน ที่ไม่ได้สัมผัสกับการผันผวนของราคา – สภาพคล่องคู่เงินหลักตรงข้ามกับคู่เงินใหม่

    Limit Orders คำสั่งซื้อขายแบบ limit order ช่วยให้คุณควบคุมราคาที่คุณเทรดได้มากขึ้น หากหุ้น XYZ ทำการเทรดกันที่ $100ต่อหุ้น และคุณคิดว่าราคา $95 ต่อหุ้นนั้นเหมาะสมมูลค่าของบริษัทมากกว่า คุณจึงตั้งค่า limit order เพื่อบอกให้โบรกเกอร์ของคุณยึดมั่นและดำเนินการคำสั่งของคุณเฉพาะเมื่อราคา ask ลดลงมาถึงระดับนั้น ในด้านการขาย คำสั่ง limit order จะบอกโบรกเกอร์ของคุณในส่วนที่ราคา bid ขึ้นมาถึงระดับที่คุณตั้งไว้

    Limit orders เป็นเครื่องมือที่ดีสำหรับการซื้อและการขายของนักลงทุนในหุ้นบริษัทเล็กๆ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะพบกัน spreads ที่กว้างขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับกิจกรรมของนักลงทุน พวกเขาก็อาจจะลงทุนได้ดีเช่นเดียวกันในช่วงของตลาดหุ้นผันผวนในระยะสั้น หรือเมื่อราคาหุ้นสำคัญกว่าการบรรลุเป้าหมายคำสั่ง  มีเงื่อนไขเพิ่มเติมที่คุณสามารถวางคำสั่ง limit order เพื่อควบคุมระยะเวลาที่คำสั่งซื้อจะยังคงเปิดอยู่ คำสั่ง “all or none” (AON) จะใช้เฉพาะเมื่อหุ้นทั้งหมดที่คุณต้องการเทรดนั้นมีราคาอยู่ที่คำสั่ง limit order ของคุณ คำสั่ง “good for day” (GFD) จะหมดอายุตอนหมดวันในการซื้อขาย แม้ว่าการสั่งซื้อจะไม่ได้รับการเติมเต็ม คำสั่ง “good till canceled” (GTC) ที่เหลืออยู่ในตลาดจนกระทั่งดึงลูกค้าเข้ามาหรือคำสั่งหมดอายุ นั่นคือจาก 60-120 วันขึ้นไป

    วิธีเล่นระบบเทรด Forex ด้วยเงินทุนเล็กน้อย

    นักเทรดทุกคนต้องการที่จะเล่น forex ด้วยบัญชีการเทรด forex ที่สมเหตุสมผล (เช่นบัญชี $1,000,000), แต่น้อยคนนักที่จะทำแบบนี้ นักเทรดส่วนใหญ่ติดอยู่ที่บัญชีน้อยๆ (เช่น แค่ครอบคลุมมาร์จิ้นที่กำหนดเท่านั้น) การเล่น forex ด้วยบัญชีเล็กๆ ต้องเข้มงวดในเรื่องความเสี่ยง และการจัดการเงิน เพราะว่าไม่มีการรองรับความผิดพลาด หรือการขาดทุนโดยไม่ตั้งใจ

    การเทรดในบัญชีเล็กๆ จะยากกว่าการเทรดในบัญชีที่ใหญ่กว่า บัญชีใหญ่จะมีการรองรับความผิดพลาด, การขาดทุนที่ไม่ได้คาดไว้, และบางครั้งเมื่อนักเทรดรู้สึกแย่, แต่บัญชีเล็กไม่มีการรองรับ บัญชีใหญ่สามารถใช้ในการเทรดในตลาดใดก็ได้, แต่สำหรับบัญชีเล็กสามารถเทรดได้เพียงตลาดที่มีการกำหนดมาร์จิ้นที่ต่ำ และมีปริมาณต่ำ บัญชีใหญ่ยังมีความยืดหยุ่นในการเทรด (เช่น multiple contracts), ในขณะที่บัญชีขนาดเล็กมีข้อจำกัดมากมายในการจัดการกลยุทธ์การเทรดที่พวกเขาสามารถใช้ได้

    ด้วยความเสียเปรียบทั้งหมด, ดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่บัญชีขนาดเล็กจะสามารถทำกำไรได้ ไม่ใช่เสมอไป, และบัญชีขนาดเล็กก็สามารถทำกำไรได้โดยนักเทรดหลายๆคน (รวมถึงนักเทรดมืออาชีพ) คำแนะนำต่อไปนี้เกี่ยวกับวิธีการเล่น Forex ด้วยเงินทุนเล็กน้อย ภาพรวมของบัญชีที่เงินทุนน้อย:

    • เล่น Forex โดยการใช้ Leverage ที่สูงกว่า – Leverage ใน Forex ไม่ได้ทำเกิดความเป็นไปได้ในการกำไรหรือขาดทุน แต่เป็นการลดจำนวนเงินลงทุนในการเทรดที่ต้องใช้, ด้วยการปล่อยเงินทุนในการเทรดสำหรับการเทรดอื่นๆ ตัวอย่าง, ถ้านักเทรดต้องการซื้อ 1 lot EurUsd ที่ 1.2000 จะต้องการเพียง $240 ของเงินทุนการเทรด ถ้า leverage คือ 500:1, ดังนั้นจะมีทุนเหลือ $960 สำหรับการเทรดเทียบกันที่ 100:1 leverage นี่คือวิธีที่นักเทรดมืออาชีพ, วิธีที่ถูกต้อง
    • เล่น Forex โดยใช้ Forex Lot ขนาดเล็ก – นักเทรดด้วยบัญชีที่ดีจะเล่น forex ด้วยความเสี่ยงที่สูง (เช่น ความสัมพันธ์ของการ stop loss กับเป้าหมายของเขา) นักเทรดด้วยบัญชีขนาดเล็กต้องมีความระมัดระวังมากกว่า, และแน่ใจว่าอัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน และอัตราการชนะต่อการแพ้ นั้นได้มีการคำนวณไว้อย่างถูกต้องแล้ว
    • เล่น Forex ด้วยความเสี่ยงที่ต่ำ – การเล่น Forex ตามกฎของความเสี่ยงที่ 1เปอร์เซ็นต์สำหรับบัญชีขนาดเล็กด้วยการรองรับความเสี่ยงเหมือนเดิม (ป้องกันความผิดพลาด, การขาดทุนที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้, และอื่นๆ) เช่นเดียวกับบัญชีขนาดใหญ่ นักเทรดมืออาชีพหลายๆ คนใช้กฎความเสี่ยงที่ 2-3เปอร์เซ็นต์ โดยไม่คำนึงถึงขนาดบัญชีการเทรดของเขา, เพราะว่าเป็นเทคนิคการจัดการความเสี่ยงที่ได้ผลมากๆ

    นักเทรดบางคนยืนยันว่าไม่สามารถประสบความสำเร็จในการเล่น forex ด้วยบัญชีการเทรดที่ทุนต่ำ นี่เป็นเรื่องที่ไม่จริง การเทรดในบัญชีขนาดเล็กอาจจะยากกว่าที่จะประสบความสำเร็จ, แต่ถ้าเขาเทรดด้วยวิธีที่ถูกต้อง, ก็ไม่มีเหตุผลใดที่บัญชี Forex ขนาดเล็กจะไม่สามารถทำกำไรได้

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    ความแตกต่างระหว่างบัญชีทดลอง Forex และบัญชีจริง

    ตุลาคม 10, 2022

    ความแตกต่างระหว่างบัญชีทดลอง Forex และบัญชีจริง

    เหตุผลหลักประการหนึ่งที่ผู้คนชอบไปทดลองเทรดฟอเร็กซ์เพราะช่วยให้คุณสามารถซื้อขายด้วยเงินเสมือนได้

    ช่วยในการฝึกฝนตัวเองและทำความเข้าใจการซื้อขายก่อนที่คุณจะเลือกลงทุนเงินที่หามาอย่างยากลำบาก โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ให้บัญชีทดลองแก่ลูกค้า ลูกค้าที่ยังใหม่ต่ออุตสาหกรรมสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองโดยการซื้อขายด้วยความช่วยเหลือจากบัญชีเหล่านี้

    ความแตกต่างระหว่างบัญชีทดลอง forex และบัญชีจริงคือ บัญชีทดลอง forex เป็นบัญชีฝึกหัดที่เทรดเดอร์สามารถฝึกซื้อขายได้โดยไม่ต้องใช้เงินจริง โดยไม่มีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง ในอีกด้านหนึ่ง บัญชีจริงทำงานโดยใช้เงินจริง และผู้ค้าเสี่ยงเงินสด

    อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาพบว่า แม้ว่าบุคคลจะได้รับประสบการณ์เพียงพอหลังจากซื้อขายด้วยบัญชีทดลองเหล่านี้ สิ่งต่าง ๆ อาจเปลี่ยนไปเมื่อพวกเขาเริ่มเปลี่ยนแปลงด้วยความช่วยเหลือของเงินจริง การซื้อขายด้วยเงินเสมือนนั้นเข้าถึงได้ง่ายกว่าการซื้อขายด้วยเงินจริง เนื่องจากคุณไม่จำเป็นต้องเสี่ยงอะไรเลย

    บัญชีทดลองคืออะไร?

    บัญชีทดลอง Forex หมายถึงบัญชีทดลองที่นักลงทุนใช้เงินเสมือนในจำนวนที่กำหนดเมื่อยังใหม่ต่อการซื้อขาย ถือได้ว่าเป็นเครื่องมือทางการศึกษาและให้การเริ่มต้นซื้อขายโดยปราศจากความเสี่ยง

    นอกจากนี้ คุณสามารถทดสอบกลยุทธ์ของคุณโดยไม่ต้องเสี่ยงอะไรเลย การซื้อขายในบัญชีทดลองให้บริการที่ดีมากมายแก่มือใหม่ที่อาจสูญเสียเงินจริงเป็นจำนวนมาก

    เมื่อคุณเลือกบัญชีทดลอง คุณสามารถเรียนรู้เคล็ดลับในการเฝ้าดูตลาดอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังให้ความรู้สึกและความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับวิธีการทำงานของตลาดฟอเร็กซ์โดยไม่ต้องเสี่ยงภัยใดๆ นอกจากนี้ ยังช่วยให้คุณเรียนรู้คุณสมบัติล่าสุดของบัญชีซื้อขายได้อีกด้วย

    บัญชีจริงคืออะไร?

    ในบัญชีเทรดฟอเร็กซ์จริง คุณจะประสบความสำเร็จในการฝากและซื้อขายด้วยเงินจริง ดังนั้น กำไรหรือขาดทุนจะแม่นยำเมื่อคุณเริ่มใช้บัญชีจริง หากคุณยินดีที่จะเริ่มซื้อขายด้วยบัญชีจริง จำเป็นต้องตรวจสอบความถูกต้องก่อน อย่างไรก็ตาม โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์จำนวนมากอนุญาตให้คุณฝากเงินและเริ่มซื้อขายโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบใดๆ

    ในทางกลับกัน บางคนอาจขอให้คุณยืนยันบัญชีและดำเนินการดังกล่าว คุณต้องระบุเอกสารและอัปโหลดหลักฐานยืนยันตัวตนก่อนฝากเงินและเริ่มซื้อขายจริง

    ความแตกต่างที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างบัญชีจริงและบัญชีทดลอง

    มีความแตกต่างเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างบัญชีทดลองและบัญชีจริง ส่งผลให้เกิดความแตกต่างด้านประสิทธิภาพมากมายในขณะทำการซื้อขาย ตัวอย่างเช่น เมื่อใช้บัญชีทดลองสำหรับการซื้อขาย จะไม่มีการพัฒนาความผูกพันทางอารมณ์เนื่องจากคุณไม่ได้นำเงินจริงมาเดิมพัน อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณใช้บัญชีซื้อขายจริง ผู้ค้าอาจประสบปัญหาทางจิตวิทยา ความกลัวและความกังวลเกี่ยวกับการสูญเสียเงินจริงอาจทำให้เสียสมาธิและแข็งแกร่ง

    คุณจะประหลาดใจที่รู้ว่าจิตวิทยาการซื้อขายถือเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้บัญชีจริงและบัญชีทดลองมีความแตกต่างกันอย่างมาก เนื่องจากเงินของคุณไม่ได้เสี่ยงในขณะที่ใช้บัญชีทดลอง คุณสามารถคิดให้ชัดเจนและกลายเป็นคนไร้อารมณ์และมีเหตุผล แต่ทันทีที่คุณเริ่มใช้บัญชีจริง ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป

    อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้ที่จะก้าวข้ามสิ่งกีดขวางทางจิตวิทยาเหล่านี้และฝึกฝนตัวเองให้คงอยู่อย่างไร้เหตุผลและไร้เหตุผล คุณต้องให้เวลาตัวเองบ้างในการเอาชนะช่วงเปลี่ยนผ่าน ขอแนะนำให้เริ่มซื้อขายในบัญชีจริงโดยลงทุนในบางบัญชีและฝึกฝนในทำนองเดียวกันกับบัญชีเสมือนของคุณ

    หากบุคคลล้มเหลวขณะซื้อขายด้วยบัญชีทดลอง จะไม่มีการขาดทุนจริง อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์อาจพัฒนานิสัยที่เกี่ยวข้องกับวินัยบางอย่าง ซึ่งอาจต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากระหว่างการซื้อขายจริง

    ผู้ค้ามีแนวโน้มที่จะเพิ่มความเสี่ยงหรือซื้อขายเกินกำลังในขณะที่ซื้อขายในบัญชีทดลองเนื่องจากไม่มีการเดิมพัน อย่างไรก็ตาม จะช่วยได้หากคุณระลึกไว้เสมอว่าพฤติกรรมดังกล่าวอาจมีผลเสียร้ายแรง เนื่องจากพวกเขาวางแผนที่จะใช้การซื้อขายจริง

    ความแตกต่างที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการ

    มีปัญหาการดำเนินการมากมายที่พิจารณาความแตกต่างด้านประสิทธิภาพระหว่างบัญชีทดลองและบัญชีจริง ตัวอย่างเช่น โบรกเกอร์ Forex มักไม่ทำการรีโควตราคาในขณะที่ใช้บัญชีทดลอง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพวกเขาใช้บัญชีจริง พวกเขาอาจทำการรีโควตราคาบ่อยครั้ง

    ค่าสเปรดการซื้อขายและฟีดราคาของการเทรดเดโมนั้นแตกต่างจากบัญชีจริง ในบัญชีซื้อขายทดลอง นายหน้าอาจดำเนินการหยุดการขาดทุนสำหรับสาธิต อย่างไรก็ตาม มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากความคลาดเคลื่อนจำนวนมากในการซื้อขายจริง

    หากข้อผิดพลาดของโบรกเกอร์เฉพาะเกิดขึ้นเมื่อทำการซื้อขายด้วยบัญชีจริง จะต้องใช้เงิน ความพยายาม และเวลาในการแก้ไขปัญหาอย่างมากเมื่อพวกเขาติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของโบรกเกอร์ forex

    อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ไม่ประสบกับปรากฏการณ์ดังกล่าว เนื่องจากพวกเขาทำการค้าโดยใช้บัญชีทดลอง ในบางครั้ง โบรกเกอร์ไม่ได้จัดเตรียมแพลตฟอร์มการซื้อขายจริงสำหรับวัตถุประสงค์ในการสาธิต มันบ่งชี้ว่าในขณะที่เทรดเดอร์ใช้บัญชีจริง พวกเขาอาจต้องการการเรียนรู้และปรับให้เข้ากับแพลตฟอร์มจริงเฉพาะ

    ฟีดข้อมูลมีส่วนทำให้เป็นเหตุผลหลักว่าทำไมความแตกต่างดังกล่าวจึงเกิดขึ้นระหว่างสภาพแวดล้อมการซื้อขายแบบสดและแบบทดลอง นายหน้าต้องชำระค่าธรรมเนียมเฉพาะสำหรับการเข้าถึงราคาตลาดจริง

    เมื่อคุณได้ฝึกฝนการซื้อขายในสภาพแวดล้อมการซื้อขายแบบทดลองแล้ว และถึงเวลาที่ต้องย้ายไปยังบัญชีจริงแล้ว ขอแนะนำให้ใช้บัญชีขนาดเล็กในตอนเริ่มต้น จะเป็นประโยชน์สำหรับพวกเขาในการทำความเข้าใจเงื่อนไขการซื้อขายจริง

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    Spread หมายถึงอะไรใน Forex?

    ตุลาคม 10, 2022

    Spread หมายถึงอะไรใน Forex?

    การคำนวณสเปรด forex สำหรับการซื้อขายสกุลเงิน

    ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (ย่อมาจาก forex) เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุด และมีบริษัท ผู้ค้า และตัวแทนจำหน่ายจำนวนมากที่ซื้อและขายสกุลเงินต่างๆ โดยปกติ ผู้ซื้อและผู้ขาย forex จะไม่ทำการซื้อขายกันโดยตรง พวกเขาจะใช้บริการของผู้ค้าหรือตัวแทนจำหน่ายเพื่อซื้อหรือขายสกุลเงินที่ต้องการ เทรดเดอร์ที่ซื้อสกุลเงินจะระบุจำนวนเงินสูงสุดที่เขาจะจ่าย ซึ่งก็คือราคาเสนอซื้อ ในทำนองเดียวกัน ตัวแทนจำหน่ายที่ขายสกุลเงินจะระบุราคาต่ำสุดที่จะขายสกุลเงินนั้นด้วย

    คำนิยามสเปรดของ Forex

    spread ใน forex คืออะไร? สเปรด forex หรือที่เรียกว่าสเปรด bid-ask คือความแตกต่างระหว่างราคา bid และราคา ask สำหรับคู่สกุลเงินที่ระบุ ส เปรดคือความแตกต่างระหว่างอัตราแลกเปลี่ยนที่ โบรกเกอร์ forexขายสกุลเงินและอัตราที่นายหน้าซื้อสกุลเงิน

    ผู้ค้าและตัวแทนจำหน่าย forex ทราบดีว่าบริษัทและองค์กรต่างๆ ทั่วโลกต่างประเมินค่าสกุลเงินของแต่ละประเทศแตกต่างกันไปตามอุปสงค์และอุปทาน ดังนั้นการใช้ข้อมูลที่พวกเขามี พวกเขากำลังขายและซื้อสกุลเงิน การเทรดฟอเร็กซ์ใช้ประโยชน์จากข้อเท็จจริงที่ว่าข้อมูลในตลาดไม่สมดุล ผู้ค้าและตัวแทนจำหน่ายทั้งหมดไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลเดียวกันได้ และจะส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อขายที่พวกเขาทำ

    สูตรสเปรด forex

    สเปรด forex มักจะคำนวณเป็นเปอร์เซ็นต์ และสูตรสำหรับคำนวณค่าสเปรด forex แสดงไว้ด้านล่าง

    สเปรด % = ((ราคาเสนอขาย – ราคาเสนอซื้อ)/ราคาเสนอขาย) X 100

    ที่ไหนสำหรับข้อตกลงเฉพาะ

    ราคา Ask คือราคาต่ำสุดที่ตัวแทนจำหน่ายจะขายหน่วยสกุลเงิน

    ราคาเสนอซื้อเป็นราคาสูงสุดที่ผู้ค้าจะซื้อหน่วยสกุลเงินสำหรับดีล

    การแพร่กระจายในการซื้อขายสกุลเงิน

    ในทางทฤษฎี ราคาที่ควรทำการซื้อขายคือจุดกึ่งกลางของสเปรด forex จุดกึ่งกลางนี้คำนวณโดยการเพิ่มราคาเสนอและราคาขอสำหรับดีลและรับค่าเฉลี่ยโดยการหารผลรวมที่ได้รับด้วยสอง เนื่องจากราคาสกุลเงินมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้ค้าและตัวแทนจำหน่ายมีความเสี่ยงในการขายและการซื้อสกุลเงิน และสเปรดจะชดเชยผู้ค้า ตัวแทนจำหน่ายสำหรับความเสี่ยงที่พวกเขาได้รับ

    ต้นทุนของสเปรด
    เมื่อซื้อขาย 10k EUR/USD ล็อต คุณจะต้องเสียค่าใช้จ่ายทั้งหมด 0.00005 (0.5pips) X 10,000 (10k ล็อต) = 0.5 ดอลลาร์ หากคุณซื้อขายล็อตมาตรฐาน (สกุลเงิน 100,000 หน่วย) ค่าสเปรดของคุณจะเป็น 0.00006pips (0.5pips) X 100,000 (1 ล็อตมาตรฐาน) = $5

    สเปรดเฉลี่ยใน forex อยู่ที่ประมาณ 0.5 ถึง 1 pip สำหรับคู่สกุลเงินหลักและสามารถ 10 pips ขึ้นไปสำหรับคู่สกุลเงินแปลกใหม่เมื่อมีความผันผวนสูงและสภาพคล่องต่ำ

    ปัจจัยที่มีผลต่อสเปรด forex สำหรับดีล

    สเปรด forex ได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย ซึ่งแตกต่างกันไปตามคู่สกุลเงินที่กำลังพิจารณา ปัจจัยเหล่านี้บางส่วนจะกล่าวถึงด้านล่าง

    ผู้ค้าหุ้นจำนวนมากประหลาดใจเมื่อเห็นค่าคอมมิชชั่นเล็กน้อยในอุตสาหกรรม forex หากคุณเป็นเทรดเดอร์ Scalper คุณจะพูดว่า “ทำไมค่าสเปรด forex ถึงสูงมาก?” อย่างไรก็ตาม สเปรดถูกกำหนดโดยโบรกเกอร์ และผู้ค้าสามารถเปลี่ยนได้เฉพาะโบรกเกอร์เท่านั้น

    ปริมาณการซื้อขาย

    โดยปกติ เมื่อปริมาณการซื้อขายสูงขึ้น แสดงว่ามีสภาพคล่องในตลาดมากขึ้น ซึ่งมักจะหมายความว่าส่วนต่างราคาเสนอซื้อจะลดลง เมื่อสเปรด forex ลดลง ความแตกต่างในการประเมินมูลค่าของตัวแทนจำหน่าย ผู้ซื้อสกุลเงินเฉพาะจะลดลงด้วย ดังนั้น ตัวแทนจำหน่าย forex จะหาผู้ซื้อที่ราคาเสนอซื้อใกล้เคียงกับราคาที่ขอและทำการซื้อขายให้เสร็จสิ้นได้ง่ายขึ้น ในทำนองเดียวกัน สำหรับตลาดที่มีสภาพคล่อง ผู้ซื้อสกุลเงินจะหาผู้ค้าได้ง่ายขึ้น โดยยอมรับข้อเสนอเพื่อซื้อสกุลเงินในราคาที่กำหนด โดยปกติ สเปรด forex จะสูงขึ้นเมื่อปริมาณการซื้อขายลดลงเนื่องจากตัวแทนจำหน่าย ผู้ซื้อจะพบว่าเป็นการยากที่จะหาคู่ค้าสำหรับสกุลเงินในราคาที่พวกเขาระบุ

    ความเสี่ยงทางการเมืองและเศรษฐกิจ

    ในประเทศที่เศรษฐกิจและบรรยากาศทางการเมืองไม่คงที่ สกุลเงินมักจะมีความเสี่ยงมากขึ้น เนื่องจากมูลค่าของสกุลเงินอาจผันผวนบ่อยครั้ง ในประเทศเหล่านี้ อัตราเงินเฟ้อโดยทั่วไปจะสูงขึ้น และแนวทางนโยบายการเงินไม่ได้มีระเบียบวินัยมากนัก ดังนั้นสำหรับสกุลเงินของประเทศเหล่านี้ สเปรดฟอเร็กซ์จะสูงขึ้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ ผู้ค้าจะถือว่าสกุลเงินของประเทศเหล่านี้เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยง พวกเขาจะขายสกุลเงินในราคาที่สูงขึ้นเพื่อชดเชยความเสี่ยง ในทำนองเดียวกัน ผู้ซื้อจะต้องการซื้อสกุลเงินในราคาลดพิเศษเพื่อชดเชยความเสี่ยงที่พวกเขาจะได้รับ ดังนั้นค่าสเปรดของ bid-ask จะเพิ่มขึ้นในประเทศเหล่านี้ ซึ่งทำให้ปริมาณการซื้อขาย forex ลดลง

    สกุลเงินผันผวน

    อัตราแลกเปลี่ยนสำหรับสกุลเงินของประเทศนั้นขึ้นอยู่กับการมีธนาคารกลางที่มั่นคงและวินัยนโยบายการเงินเป็นหลัก หากธนาคารกลางไม่มั่นคงและไม่มีวินัย อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราจะเปลี่ยนแปลงบ่อยขึ้น ดังนั้นเพื่อชดเชยความเสี่ยงที่พวกเขารับ ดีลเลอร์จะเพิ่มราคาขอสกุลเงิน และสิ่งนี้จะทำให้ค่าสเปรดฟอเร็กซ์สำหรับสกุลเงินนั้นสูงขึ้นด้วย

    ทำไมค่าสเปรด forex ถึงสูงมาก?
    เมื่อเรามีคู่สกุลเงินในตลาดเกิดใหม่ (เช่น คู่ที่แปลกใหม่และคู่ forex ที่ไม่ใช่คู่สำคัญ) เราก็มีสเปรดสูง (ความแตกต่างอย่างมากระหว่างราคาเสนอและราคาที่ขอ) และสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความผันผวนสูงในตลาด และ/หรือสภาพคล่องต่ำสำหรับคู่สกุลเงินนั้น

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อระบบเทรด Forex

    ตุลาคม 10, 2022

    1. ปัจจัยสถานะภาพทางเศรษฐกิจของชาต
    2. ปัจจัยนโยบายของธนาคารกลางสกุลเงิน – อัตราดอกเบี้ย
    3. ปัจจัยงบการค้าระหว่างประเทศ – การนำเข้า การส่งออก
    4. ปัจจัยความมั่นคงของชาติ, การเมือง – การเลือกตั้ง นโยบายทางเศรษฐกิจของพรรคการเมือง
    5. ปัจจัยความเชื่อมั่นทางตลาดของนักลงทุน – ความคาดหวังและข่าวลือต่างๆ
    6. ปัจจัยการเข้ามาเก็งกำไรของนักลงทุนรายใหญ่

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    วิธีเลือก EA ในระบบเทรด Forex ที่ดีที่สุด

    ตุลาคม 10, 2022

     

    Expert Advisors (EA) หรือที่บางคนเรียกว่า Bot คือโปรแกรมช่วยการเทรดอัตโนมัติ ที่เราสามารถติดตั้งลงไปบน MT4 เสมือนว่าเป็นตัวของเราที่ทำการเทรดเองแต่จริงๆแล้วเป็นการใช้เครื่องมือในการเทรดต่างหาก ถือว่า Expert Advisors (EA) เป็นตัวช่วยที่สำคัญมากๆ โดยเฉพาะสำหรับคนที่มีเวลาในการเทรด forex ค่อนข้างน้อย EA คือการให้ระบบหรือสคริปต์ ซึ่งได้ถูกกำหนดไว้ตามหลักทฤษฎีการเทรดให้ซื้อขายแทนเรา

    วิธีเลือก EA ในระบบเทรด Forex

    1.เลือก EA ที่มีการแสดงโชว์ที่ Myfxbook เสมอๆ
    EA ในระบบเทรด Forex ที่ดีที่สุดคือ EA ที่มีการแสดงผลย้อนหลัง หรือการทำ back test ให้เราดูได้ ยิ่งมีการทำ back test ให้เราดูย้อนหลังได้มากเท่าไหร่  อย่างน้อย 1  ปีย้อนหลังย่อมแสดงโอกาสใน  การทำกำไรที่มากขึ้นเท่านั้น แต่ไม่ใช่ว่า back test ดีจะสามารถทำกำไรได้ในตลาดจริง แต่สิ่งที่ดีกว่าการดูผลลัพธ์จาก back test คือผลงานการเทรดในตลาดจริงผ่าน Myfxbook อย่างต่อเนื่อง และสามารถเข้าไปเช็ค EA ได้

    2.หาอ่านบทความรีวิวเกี่ยวกับ EA ตัวนั้นๆ
    นอกเหนือจากการทำตามข้อแรกแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือ ควรอ่านบทความรีวิวที่กล่าวถึง EA นั้นๆประกอบด้วย ตรวจสอบและเช็คดูว่า มีอะไรที่คนทั่วๆไป เขียนถึงหรือพยายามรีวิวถึง มันจะเป็นการง่ายมากๆ หากอ่านภาษาอังกฤษออก ดังนั้นฝึกทักษะในข้อนี้ของคุณไว้ด้วยเสมอๆ วึ่งปกติ มักจะเป็นเว็บต่างประเทศ ที่มีการ รีวิว เว็บไทย

    3.ติดต่อผู้พัฒนา EA เพื่อสอบถามข้อสงสัย
    เมื่อมีข้อมูลเกี่ยวกับ EA นั้นๆมากพอ ข้อต่อไปที่ควรทำคือการสอบถามข้อสงสัยที่อาจมีกับทางผู้พัฒนา อยากให้ถาม เพราะการถามเป็นประตูที่สร้างความสนิทใจในการซื้อหรือเลือกใช้บริการ EA นั้นๆให้เพิ่มขึ้น คิดว่าแนวทางนี้สำคัญ และควรทำความเข้าใจอย่างยิ่ง แต่ส่วนมาก มักจะ โหลดมาเก็บ เก็บลงเครื่องไว้ก่อน

    4.ทดสอบสัก 3 เดือนก่อนที่เริ่มเทรด
    เมื่อคุณถามจนมั่นใจแล้ว จงทำการทดสอบ EA นั้นสัก 3 เดือนเป็นอย่างน้อย ทดสอบในที่นี้หมายถึง การรัน EA ในตลาดจริงด้วยบัญชี Demo เนื่องจากว่าข้อมูลจาก back test อย่างเดียวไม่เพียงพอ ลองดูว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอย่างไร ส่วนใหญ่แล้วถ้าเป็น EA ที่ไม่ดี มักมีผลตามมาคือ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอาจส่งผลให้คุณขาดทุน แต่นั่นเป็นการดีครับ เพราะเราจะได้ทำการยกเลิกการใช้ EA นั้นทันทีก่อนที่คุณจะเสียเงินจากบัญชีจริง ส่วนตัวนั้นทำ forward test มากกว่า เรื่องกำไร ไม่เน้นมาก เน้น อัตรา drawdown

    5.ทำ A/B Test อย่างน้อย  2 ตัว เพื่อช่วยให้า EA ในระบบเทรด Forex ที่ดีที่สุด
    วิธีการทำ A/B Test คือการทดสอบและทำการตรวจสอบดูว่า EA ตัวไหนที่สามารถสร้างผลกำไรได้ดีที่สุด โดยการนำ EA ที่คุณเลือกไว้ทั้ง 2 ตัวมารันพร้อมกันและเปรียบเทียบ วิธีการนี้ช่วยให้เรามองเห็น EA ในระบบเทรด Forex ที่ดีที่สุด ที่เหมาะสำหรับคุณ

    6.ต้องรู้ว่า  EA  ตัวนั้น ทำงานแบบไหน

    EA  มีการทำงานหลายแบบ  แบบเบื้ลล็อต ( Martingale ) แบบ  Grid ,  แบบ EMA Cross   , แบบที่เขียนขึ้นตามระบบของบุคคล   ถ้าคิดจะใช้  EA  ต้องรู้ว่ามันทำงานยังงัย ไม่งั้น ล้างพอร์ต

    #แจกฟรี!ระบบเทรด

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    รูปแบบ Forex ของ Morning Star คืออะไร?

    ตุลาคม 7, 2022

    รูปแบบ Forex ของ Morning Star คืออะไร?

    หนึ่งในแท่งเทียนที่กลับตัวคือรูปแบบแท่งเทียนของ Morning Star อย่างที่เราทราบ แท่งเทียนกลับตัวเป็นรูปแบบการซื้อขายที่แนะนำการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปได้ในการกลับตัวของแนวโน้มในอนาคต

    รูปแบบ Forex ของ Morning Star คืออะไร?

    รูปแบบ Morning Star Forex แสดงถึงรูปแบบแท่งเทียนการกลับตัวที่คาดการณ์การกลับตัวของราคาในอนาคตโดยสมมุติว่าเป็นอัพไซด์ รูปแบบ Morning Star ประกอบด้วยแท่งเทียนสามแท่ง: แท่งเทียนหมีขนาดใหญ่ เทียนแท่งเล็ก และแท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่

    รูปแบบ morning star ประกอบด้วยเทียน 3 เล่ม:

    1. เทียน bearish ขนาดใหญ่
    2. แท่งเทียนขาขึ้นหรือขาลงหรือ Doji ขนาดเล็ก
    3. เทียน bullish ขนาดใหญ่

    แท่งเทียนอันที่สองสามารถเป็นแท่งเทียนขนาดเล็กอะไรก็ได้ โดยปกติแล้ว มันคือเทียนโดจิหรือเทียนขาลงขนาดเล็ก แต่บางครั้งอาจเป็นเทียนขาลงขนาดเล็กได้

    รูปแบบ Morning star สามารถเห็นได้ในทุกส่วนของอุตสาหกรรมการซื้อขาย เช่น การซื้อขายหุ้น การซื้อขายแลกเปลี่ยน ดัชนี ETF สินค้าโภคภัณฑ์ ฯลฯ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์รูปแบบแท่งเทียนการกลับตัวที่นักวิเคราะห์ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค

    รูปแบบแท่งเทียนที่ตรงกันข้ามสำหรับ Morning stara คือรูปแบบแท่งเทียนของ morning staเป็นรูปแบบตลาดหมีของรูปแบบ bullish evening star 

    ไม่มีการคำนวณดังกล่าวเกี่ยวข้องกับMorning star มันเป็นเพียงการแสดงภาพ คุณจะพบว่ามันทำงานหลังจากผ่านไปสามเซสชัน หรือไม่เกิดขึ้นเลย แต่มีรูปแบบอื่นๆ ที่เฉพาะเจาะจงเช่นกัน ซึ่งคุณจะเห็นว่าดาวกำลังก่อตัว บางกรณีอาจระบุการเคลื่อนไหวของราคาที่ให้การสนับสนุนหรือตัวบ่งชี้ความแข็งแกร่งที่สัมพันธ์กันซึ่งแสดงยอดขายที่มากเกินไปของหุ้นนั้น

    คุณเทรดกับ Morning Star อย่างไร? ตัวอย่างทั่วไป

    รูปแบบแท่งเทียน Morning star เหมาะอย่างยิ่งสำหรับสัญญาณภาพ โดยแสดงแนวโน้มจากตลาดหมีไปจนถึงตลาดกระทิง และในทางกลับกัน โดยทั่วไปอาจไม่มีความสำคัญมากนัก แต่ตัวบ่งชี้ที่สนับสนุนสามารถสร้างความแตกต่างได้มาก ปริมาณที่มาสำหรับการก่อตัวของรูปแบบก็มีความสำคัญเช่นกัน และโดยปกติ ผู้ค้าส่วนใหญ่ต้องการเห็นปริมาณส่วนใหญ่ที่ระดับสูงสุดในวันที่สาม หลังจากสร้างรูปแบบมากถึงสามเซสชัน

    ปริมาณที่มากขึ้นจะปรากฏเป็นการยืนยันโดยไม่คำนึงถึงตัวบ่งชี้อื่น ๆ ที่ยืนยันในการแสดงผลเดียวกัน ดังนั้นผู้ค้าที่ใช้รูปแบบนี้จะมีแนวโน้มที่จะเข้ารับตำแหน่งขาขึ้นเนื่องจากรูปแบบมีแนวโน้มที่จะก่อตัวในช่วงสุดท้ายพร้อมกับแนวโน้มขาขึ้นและยังคงมีเหมือนเดิมจนกว่าหุ้นที่มีรูปแบบดาวรุ่งบ่งชี้การกลับตัวอื่น ๆ

    ความแตกต่างระหว่างแท่งเทียน evening star และ morning star

    evening star และ morning star มีความแตกต่างกันเล็กน้อย และดาวรุ่งมีเชิงเทียนตรงกลางที่ประจบสอพลอ ก่อตัวเป็น Doji ไม่มีสัญญาณทั่วไปแสดงอะไรเลย และสามารถแสดงรูปแบบได้ชัดเจนกว่าแท่งเทียนตรงกลางแบบหนา เมื่อ Doji ถูกสร้างด้วยแท่งเทียนสีดำ ปริมาณจะเพิ่มขึ้นในความถี่ที่มีนัยสำคัญมากขึ้น โดยแท่งเทียนสีขาวจะยาวขึ้น แสดงว่าดาวถูกกำหนดให้ก่อตัว

    สรุป: มีข้อ จำกัดใดบ้างที่ Morning Star Doji Candle มี?

    เป็นรูปแบบที่เหมาะสมซึ่งนักวิเคราะห์ทางเทคนิคระบุ แต่การซื้อขายโดยใช้สัญญาณภาพอาจไม่ใช่การตัดสินใจที่ดีที่สุด Morning starsมีตัวสำรองที่ดีที่สุดสำหรับอินกิเตชคเตอร์และทำงานได้อย่างดีที่สุดด้วยการสนับสนุนของพวกเขา หากไม่ใช่สำหรับพวกเขา จะเป็นการง่ายดายในการระบุการก่อตัวของดาวรุ่งทุกครั้งที่เทียนเริ่มเข้าสู่แนวโน้มขาลง

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    รูปแบบ Evening Star Forex คืออะไร?

    ตุลาคม 7, 2022

    รูปแบบ Evening Star Forex คืออะไร

    รูปแบบ Evening Star Forex แสดงถึงรูปแบบการกลับตัวของแท่งเทียนที่คาดการณ์การกลับตัวของราคาในอนาคตที่สมมุติฐานเป็นขาลง รูปแบบดาวยามเย็นประกอบด้วยแท่งเทียนสามแท่ง: แท่งเทียนกระทิงขนาดใหญ่ เทียนแท่งเล็ก และแท่งเทียนสีแดงขนาดใหญ่ 

    รูปแบบ Evening Star ประกอบด้วยเทียน 3 เล่ม:

    1. เทียน bullish ขนาดใหญ่
    2. แท่งเทียนขาขึ้นหรือขาลงหรือ Doji ขนาดเล็ก
    3. เทียน bearish ขนาดใหญ่

    รูปแบบ Evening Star สามารถเห็นได้ในการซื้อขายหุ้น การซื้อขายฟอเร็กซ์ ดัชนี ที่สินทรัพย์การซื้อขายใดๆ มันเป็นส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์ทางเทคนิค การวิเคราะห์รูปแบบแท่งเทียนกลับตัว

    เทียนเล่มที่สองสามารถเทียนขนาดเล็กใดๆ โดยปกติแล้ว จะเป็นเทียนโดจิหรือเทียนขาลงขนาดเล็ก แต่บางครั้งอาจเป็นเทียนขาขึ้นขนาดเล็กได้

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    Bullish Reversal คืออะไร?

    ตุลาคม 7, 2022

    Bullish Reversal คืออะไร?

    ผู้ค้ามักจะได้รับผลกำไรจากการกำหนดแนวโน้มราคาล่วงหน้าและปรับการกระทำของตนอย่างเหมาะสม กลยุทธ์ที่ประกาศมากที่สุดในการค้นหาเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นคือการศึกษาการเคลื่อนไหวตามแนวโน้มล่าสุด การวิเคราะห์แนวโน้มนี้ให้ภาพรวมของตลาดกระทิง หรือเพียงแค่ตลาดที่ราคาเพิ่มขึ้น โชคไม่ดีที่มันมักจะพลิกไพ่โดยการเหยียบลงไปที่ตลาดหมี แต่ความหมายของการกลับตัวรั้นคืออะไร?

    เมื่อตลาดหมีเคลื่อนตัวตรงข้ามกับทิศทางขาลง การกลับตัวของขาขึ้นจะเกิดขึ้น สิ่งนี้ช่วยให้ผู้ค้ามองเห็นโอกาสในการออกที่สมบูรณ์แบบหรือโอกาสที่จะดื่มด่ำกับกิจกรรมการซื้อขายที่มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ภาพรวมแทบจะไม่เพียงพอที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการตระหนักถึงการกลับตัวของตลาดกระทิง ดังนั้นเราจึงได้จัดทำบทความนี้เพื่อให้คุณมีความรู้เกี่ยวกับการกลับตัวของขาขึ้นอย่างกระชับยิ่งขึ้น

    Bullish Reversal คืออะไร?

    การกลับตัวของ Bullish แสดงถึงรูปแบบการซื้อขายเมื่อแนวโน้มขาลงบนแผนภูมิเริ่มเคลื่อนไปในทิศทางตรงกันข้าม รูปแบบการกลับตัวของ Bullish บ่งชี้ถึงแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นในอนาคต

    การกลับตัวของตลาดกระทิงดีหรือไม่?

    ใช่ รูปแบบการกลับตัวเป็นขาขึ้นเป็นตัวกระตุ้นที่ยอดเยี่ยมสำหรับการซื้อขาย ซื้อ แต่เมื่อใช้ร่วมกับตัวกระตุ้นทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานอื่นๆ รูปแบบการกลับตัวของตลาดกระทิงที่ดีที่สุดจะให้เมื่อราคาแตะระดับที่สำคัญ (สูงรายสัปดาห์ ต่ำสุดรายสัปดาห์ สูงรายเดือน ต่ำสุดรายเดือน ฯลฯ) การเพิ่มขึ้นแบบกระทิงอาจมีนัยสำคัญ

    ตลาดหุ้นประกอบด้วยผู้เล่น 2 ประเภท ประการแรกคือคนที่ตั้งใจจะซื้อหลักทรัพย์และเพิ่มราคา ในทางกลับกัน บางคนมีความตั้งใจที่จะขายหุ้นและลดราคาลง การวิเคราะห์แนวโน้มคือการศึกษาการรับรู้โอกาสจากทั้งสองฝ่ายและตัดสินใจลงทุนอย่างเหมาะสม ตัวอย่างเช่น ตลาดกระทิงบ่งชี้ว่าจะไม่ขายหุ้นของคุณ ดังนั้น ความเชี่ยวชาญในการระบุขั้นตอนของตลาดจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการสร้างพอร์ตการทำเงิน

    แท่งเทียนญี่ปุ่นช่วยในการแสดงข้อมูลการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ ประกอบด้วยการเคลื่อนไหวขึ้นและลงพร้อมกับสรุปราคาเปิดและราคาปิด ดังนั้นจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ผู้ค้าใช้ในการวิเคราะห์ตลาดและเลื่อนข้อมูลเกี่ยวกับราคาสินทรัพย์

    สามลักษณะของแท่งเทียนคือ:

    • ขั้นแรกให้ร่างกายกำหนดช่วงเปิดและปิด
    • สีเป็นตัวกำหนดทิศทางราคา ตัวอย่างเช่น สีแดงและสีดำเป็นสัญลักษณ์ของราคาที่ลดลง ในขณะที่สีขาวและสีเขียวหมายถึงราคาที่เพิ่มขึ้น
    • ไส้ตะเกียงบ่งบอกถึงจุดที่ต่ำและสูง

    รูปแบบแท่งเทียนกลับตัว Bullish 

    รูปแบบแท่งเทียนBullish ถูกกระตุ้นตามแนวโน้มขาลง ซึ่งบ่งชี้ถึงการผกผันในการเคลื่อนไหวของราคา ผู้ค้าใช้เทคนิคการจดจำรูปแบบนี้เพื่อค้นหาเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเปิดตำแหน่งยาวและทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงที่สูงขึ้นนี้

    แท่งเทียนขาขึ้นบ่งบอกถึงหลายสิ่งหลายอย่าง รวมถึงการมีอยู่ของกำลังซื้อหรือสัญญาณการกลับตัว อย่างไรก็ตาม ต่อไปนี้คือรูปแบบบางส่วนที่ช่วยผู้ค้าในการค้นหาจุดยืนของตนในตลาดสำหรับวันที่ดี

     bullish hammer

    แท่งกระทิงสามารถมองเห็นได้ใกล้กับฐานของแนวโน้มขาลง ประกอบด้วยไส้ตะเกียงยาวที่ต่ำในขณะที่ลำตัวสั้นอยู่ด้านบน ชื่อได้มาจากลักษณะที่ปรากฏ รูปแบบนี้บ่งชี้ว่าแม้ว่าจะมีแรงกดดันให้ขายในเวลากลางวัน แต่ราคาก็จะเพิ่มขึ้นอีกครั้งเนื่องจากแรงกดดันในการซื้อที่สูง ตลาดกระทิงยังคงแข็งแกร่งหากสีของแท่งเทียนไม่ใช่สีแดงแต่เป็นสีเขียว

    แท่งเทียนพลิกกลับ

    Bullish inverted hammer

    hammer และ inverted hammerมีความคล้ายคลึงกันในบางแง่มุม โดยมีความแตกต่างบางประการในรูปลักษณ์ inverted hammerมีลำตัวสั้นพร้อมกับไส้ตะเกียงบนที่มีความยาวยาว รูปแบบนี้สามารถเห็นได้ในแนวโน้มขาลงหลังจากตัวสีดำ

    รูปแบบนี้กำหนดว่าแรงกดดันในการขายหลังจากแนวโน้มการซื้อไม่เพียงพอที่จะลดราคาหุ้นลง ในทางกลับกัน หากมีไส้ตะเกียงขึ้น ให้เข้าใจว่ากระทิงกำลังพยายามเข้ายึดครองตลาดโดยใช้กลวิธีในการขึ้นราคา

    shooting star และ inverted hammer มักสับสนกัน อย่างไรก็ตาม ดาวตกแตกต่างออกไป เพราะมันมีอิทธิพลเหนือแนวโน้มราคาที่พุ่งสูงขึ้น และบ่งบอกถึงตลาดขาลง

    Bullish engulfing

    รูปแบบ bullish engulfing ประกอบด้วย 2 รูปแบบแท่งเทียน เทียนเล่มแรกมีลำตัวสั้น เทียนอีกอันกลืนอดีต เทียนแท่งแรกมักเป็นสีแดงและสีดำ และแท่งที่ 2 คือสีขาวหรือสีเขียว

    Bullish Three white soldiers

    สิ่งนี้เกิดขึ้นต่อหน้าแท่งเทียนขาขึ้นยาว 3 อันที่ชี้ไปยังแนวโน้มขาลงที่กลับด้าน แท่งเทียนสามแท่งมีช่องเปิดที่ต่ำกว่าทุกครั้ง และราคาปิดจะเพิ่มขึ้นทุกครั้ง ตัวเทียนเหล่านี้มีความยาวและมีไส้เทียนสั้นทำให้ดูเหมือนบันได

    กระทิงมีความโดดเด่นในรูปแบบนี้ และนำไปสู่ราคาปิดที่สูง These three whiteนี้สามารถใช้เป็นจุดเข้าและออกโดยผู้ค้า

    หากคุณกำลังโน้มตัวไปสู่ตำแหน่งขาขึ้น นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับคุณ ในขณะเดียวกัน คุณควรออกถ้าคุณมีหลักทรัพย์น้อยกว่า อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจใด ๆ โปรดศึกษารูปแบบก่อน

    หากแท่งเทียนเหล่านี้ยาว ผู้ขายระยะสั้นสามารถเข้ายึดครองและทำให้สินทรัพย์ตกต่ำได้

    Bullish morning star

    รูปแบบนี้ยังประกอบด้วยแท่งเทียน 3 แท่งที่ส่งสัญญาณการกลับตัวด้านล่าง รูปแบบเริ่มต้นด้วยแท่งเทียนสั้น แท่งเทียนยาวสีแดงหรือสีดำ ที่ก่อตัวเป็นดาวโดยการอ้าปากค้าง เทียน 3 สามารถเป็นสีเขียวหรือสีขาว เซสชันแรกของตัวสีดำถูกปิดโดยเทียนนี้

    bullish morning star แสดงการเคลื่อนตัวลงอย่างช้าๆ ซึ่งนำไปสู่แนวโน้มขาขึ้นก่อนการเคลื่อนไหวขาขึ้น ตลาดราบเรียบที่นี่เพราะความไม่แน่ใจหายไป และความกดดันในการขายลดลง บูลส์ระบุว่านี่เป็นโอกาสและกีดกันการขายหุ้น

    Bullish piercing line

    รูปแบบนี้เอื้อต่อตลาดขาขึ้นและปรากฏขึ้นใกล้กับจุดต่ำสุดของแนวโน้มขาลง ประกอบด้วยเชิงเทียนสองแท่งที่มีลำตัวยาว เทียนสีดำหรือสีแดงตามด้วยเทียนสีขาวหรือสีเขียวที่อยู่ด้านล่าง

    นี้บีบให้ซื้อเพราะมีการปรับขึ้นราคาจนถึงราคากลางของวันก่อนหน้า รูปแบบนี้จะคงอยู่เป็นเวลาสองวัน เนื่องจากรูปแบบที่ 1 สำหรับผู้ขาย และรูปแบบที่ 2 สำหรับผู้ซื้อ

    บทสรุป

    รูปแบบแท่งเทียนเหล่านี้ช่วยให้เข้าใจจุดเข้าและจุดออกที่เหมาะสม และให้ข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับราคา การเตือนการกลับตัว และสัญญาณแนวโน้ม

    เมื่อคุณเชี่ยวชาญในการอ่านรูปแบบเหล่านี้ คุณจะพบการเปลี่ยนแปลงในความรู้สึกและกำหนดการกลับตัวของแนวโน้มขาลงด้วยลู่ทางสำหรับการทำกำไรระยะยาว รูปแบบแท่งเทียนเหล่านี้มีประโยชน์ในการค้นหาเกี่ยวกับการกลับตัวของแนวโน้มในอนาคต อย่างไรก็ตาม ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้ตรวจสอบการกลับรายการอีกครั้งโดยทำตามการเคลื่อนไหวของราคาก่อนที่จะทำการซื้อขาย

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    รูปแบบแท่งเทียน Bullish Inverted Hammer คืออะไร?

    ตุลาคม 7, 2022

    รูปแบบแท่งเทียน Bullish Inverted Hammer คืออะไร?

    Bullish Inverted Hammer แสดงถึงแท่งเทียนแท่งเล็ก ไส้ตะเกียงบนยาว และไส้ตะเกียงน้อยหรือไม่มีเลย โดยปกติ แท่งเทียนนี้เป็นจุดเริ่มต้นของรูปแบบแผนภูมิการกลับตัวแบบ bullish และบ่งชี้ถึงแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นในอนาคต

    รูปแบบแท่งเทียน inverted hammer เป็นที่รู้จักกันดีในการทำความคุ้นเคยกับผู้เทรดเกี่ยวกับโมเมนตัมของตลาด มักใช้ในตลาดฟอเร็กซ์ ช่วยในการตรวจสอบและทราบการกลับตัวที่อาจเกิดขึ้นในตลาด โปรดอ่านบทความนี้เพื่อทำความเข้าใจว่ารูปแบบแท่งเทียนแบบ inverted hammer คืออะไร ข้อดีและข้อเสียของรูปแบบนี้คืออะไร รวมทั้งทำความคุ้นเคยกับวิธีใช้งานในขณะซื้อขาย

    โครงสร้างของเทียน inverted hammer สามารถอธิบายได้ว่ามีร่างจริงขนาดเล็กที่มีไส้ตะเกียงด้านบนยาวและไส้ตะเกียงล่างขนาดเล็ก โดยทั่วไปแล้ว เราพบว่ามันอยู่ที่จุดต่ำสุดของแนวโน้มขาลง เตือนผู้เทรดว่าอาจเกิดการกลับตัวเป็นขาขึ้น เราสามารถเข้าใจได้จากไส้เทียนด้านบนที่ขยายออกไปซึ่งวัวตั้งเป้าที่จะเพิ่มราคาในตลาด

    มักเกิดขึ้นบ่อยที่เชิงเทียน inverted hammer ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นดาวตกเพราะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกัน อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารูปแบบทั้ง 2 นี้จะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกัน แต่ก็มีความหมายที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง เนื่องจากเป็นสัญญาณขาลง ดาวตกจึงอยู่ที่จุดสูงสุดของแนวโน้มขาขึ้น ในทางตรงกันข้าม แท่งเทียนแบบ inverted hammer ซึ่งเป็นสัญญาณตลาดกระทิงมักจะแสดงอยู่ที่ด้านล่างสุดของแนวโน้มขาลง ให้เรามาดูวิธีสังเกตรูปแบบนี้ขณะทำการซื้อขาย

    วิธีแลกเปลี่ยน inverted hammer ?

    ผู้เทรด inverted hammer สามารถซื้อขายตำแหน่ง bullish ได้หากมีการกำหนดรูปแบบแท่งเทียน inverted hammer :

    • ด้านล่างของแนวโน้มขาลง
    • ร่างจริงขนาดเล็กพร้อมกับไส้ตะเกียงขนาดใหญ่และไส้ตะเกียงขนาดเล็กหรืออาจจะไม่มีเลย
    • แท่งเทียนอยู่ใกล้กับระดับแนวรับหลักหรือระดับราคาที่สำคัญ

    หลังจากระบุรูปแบบแล้ว ให้เราเรียนรู้ว่ารูปแบบหมายถึงอะไร

    รูปแบบแท่งเทียน inverted hammer บ่งบอกอะไร:

    • หมายถึงการกลับตัวของแนวโน้มเป็นขาขึ้น ซึ่งอาจเข้าใจได้ว่าเป็นการกลับตัวแบบกระทิง
    • แสดงถึงการไม่ยอมรับราคาที่ต่ำกว่าที่ระดับคีย์

     inverted hammer เป็นขาขึ้นหรือขาลง?
    inverted hammer เป็นขาขึ้น แต่เฉพาะในกรณีที่ตำแหน่งเทียนอยู่ใกล้กับแนวรับหรือด้านล่างของแนวโน้มขาลง (ดูภาพด้านบน)

    ทำไม inverted hammer ถึงเป็นขาขึ้น?
    inverted hammer ใกล้บริเวณแนวรับเป็นขาขึ้นเนื่องจากรูปร่างเทียนบ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้ม ไส้เทียนยาวด้านบนที่มีลำตัวเป็นขาขึ้นหรือ doji มักจะบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงในแนวโน้ม

    ข้อดีและข้อเสียของรูปแบบแท่งเทียน inverted hammer

    เนื่องจากรูปแบบแท่งเทียนทั้งหมดมาพร้อมกับข้อดีและข้อเสีย ดังนั้นจึงสร้างรูปแบบแท่งเทียนแบบ inverted hammer เพื่อให้เข้าใจการใช้รูปแบบนี้ดีขึ้น เป็นการดีที่สุดที่จะเข้าใจข้อดีและข้อจำกัดของรูปแบบนี้

    แง่บวก: 

    • จุดเริ่มต้นที่สะดวก: เนื่องจากรูปแบบแท่งเทียนแบบ inverted hammer มีศักยภาพที่จะกระตุ้นแนวโน้มขาขึ้น ผู้เทรดจะได้รับโอกาสในการเข้าสู่ตลาดเมื่อเริ่มต้นของแนวโน้มและลงทุนเมื่อมีการเคลื่อนไหวขึ้น
    • สังเกตได้ง่าย: รูปแบบแท่งเทียน inverted hammer สามารถระบุได้ง่ายเมื่อดูบนแผนภูมิ

    เชิงลบ: 

    • การพึ่งพาเชิงเทียนอย่างสุดขั้ว: รูปแบบเชิงเทียน inverted hammer เป็นเทียนแต่ละอันที่แสดงถึงการเคลื่อนไหวของราคา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงข้อนี้ทั้งหมด การเพิกเฉยต่ออินดิเคเตอร์อื่นๆ อาจส่งผลให้ประสิทธิภาพต่ำเกินไปหรือดำเนินการที่ไม่เหมาะสม
    • การหวนกลับเวลาที่จำกัด: รูปแบบแท่งเทียน inverted hammer สามารถชี้ให้เห็นการเพิ่มขึ้นของราคารั้นซึ่งอาจไม่นำไปสู่การพลิกกลับในระยะยาวในแนวโน้ม กรณีนี้อาจเกิดขึ้นได้เมื่อผู้ซื้อไม่สามารถรับมือกับแรงกดดันในการซื้อท่ามกลางแนวโน้มขาลงอย่างต่อเนื่อง

    วิธีการใช้รูปแบบแท่งเทียน Inverted Hammer ในขณะทำการซื้อขาย

    การใช้รูปแบบแท่งเทียน inverted hammer ไม่ได้จบลงเพียงแค่การระบุแนวโน้มนี้ ปัจจัยสำคัญอื่น ๆ ที่ต้องพิจารณาและทำความเข้าใจ ได้แก่ ตำแหน่งของแท่งเทียนและการเคลื่อนไหวของราคาที่สอดคล้องกับแนวโน้มอย่างต่อเนื่อง

    วิธีแลกเปลี่ยนรูปแบบแท่งเทียน Inverted Hammer ใกล้กับแนวรับ

    พื้นฐานของการกลับตัวของตลาดกระทิงนั้นมาจากลักษณะของแท่งเทียนคว่ำใกล้กับแนวรับ ผู้ค้ามีตัวเลือกในการจำกัดความเสี่ยงในกรณีที่ตลาดเคลื่อนไหวไปในทิศทางอื่นโดยวางจุดหยุดใต้แนวรับ

    เมื่อเป้าหมายอยู่ในตำแหน่งที่ระดับแนวต้านก่อนหน้านี้ จะสามารถรักษาอัตราส่วนความเสี่ยงและผลตอบแทนที่เป็นบวกได้ เป้าหมายหลักของรูปแบบแท่งเทียนค้อนคว่ำคือการชี้ไปที่แนวโน้มการกลับตัว ซึ่งอาจมีอยู่เป็นเวลานานเช่นกัน ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดสำหรับผู้เทรดที่จะใช้ Trailing Stop หรือสังเกตหลายระดับเป้าหมาย

    การวิเคราะห์ทางเทคนิคของรูปแบบแท่งเทียน Inverted Hammer: Fibonacci Retracement

    ข้อดีอีกประการของรูปแบบแท่งเทียนแบบ inverted hammer คือช่วยในการระบุการย้อนกลับในตลาด ผู้เทรดมักจะจับตาดูแผนภูมิเพื่อค้นหาสัญญาณเสริม ซึ่งจะช่วยปรับปรุงความเป็นไปได้ของการค้าที่เป็นประโยชน์ ช่วยด้วยการสนับสนุนหรือยืนหยัดต่อต้านแนวคิดการค้าก่อนที่จะดำเนินการ

    มีรูปแบบแท่งเทียนอื่นๆ อีกมากมายที่คุณสามารถศึกษาพร้อมกับรูปแบบการกลับตัวของตลาดกระทิงที่หลากหลาย รวมถึงรูปแบบดาวรุ่งขาขึ้น จุดต่ำสุดสองเท่า และรูปแบบหัวและไหล่ผกผัน จะช่วยได้หากคุณคุ้นเคยกับแผนภูมิแท่งเทียนเป็นอย่างดีก่อนที่จะเริ่มซื้อขาย ตามมาตรการเหล่านี้ คุณก็พร้อมที่จะเริ่มซื้อขายโดยใช้รูปแบบแท่งเทียนแบบค้อนคว่ำ

    ______________________________________
    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย

    ________________________

    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    MTrading เทรดดีไม่มีสะดุด XAUUSD ไม่มีค่า Swap บนบัญชี M.Pro!
    ________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่?https://bit.ly/MTRatsamee
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    Triple Divergence คืออะไร?

    ตุลาคม 7, 2022

    Triple Divergence คืออะไร?

    divergence แสดงถึงรูปแบบกราฟเมื่อราคาของสินทรัพย์เคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงกันข้ามกับ oscillator

    ผู้ค้าส่วนใหญ่ใช้ indicators เพื่อทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความแตกต่าง เนื่องจากพวกเขาบอกคุณเกี่ยวกับแนวโน้มที่เป็นไปได้และความแข็งแกร่งและการกลับรายการที่เป็นไปได้  indicators ส่วนใหญ่เน้นความแตกต่างด้วยความช่วยเหลือของ peaks และ troughs  สิ่งเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นบนแผนภูมิราคาพร้อมกับชุดของเสียงสูงและต่ำที่คล้ายคลึงกัน คุณสามารถคาดหวังการกลับรายการที่เป็นไปได้เมื่อ indicators ไม่สามารถเลียนแบบรูปแบบกราฟราคาได้ นอกจากนี้ยังบ่งชี้ว่าแนวโน้มอาจอ่อนแอ

    หากมีแนวโน้มขาขึ้น และราคาแตะระดับสูงสุดใหม่  indicatorsไม่สามารถทำได้ ความแตกต่างเป็นขาลง หากมีแนวโน้มขาลงและราคาแตะระดับต่ำสุดใหม่ แต่ indicators ไม่สามารถทำได้ divergenceจะเป็นขาขึ้น

    อย่างไรก็ตาม ยกเว้น bullish และ bearish divergence มีอีกหนึ่งอย่าง – triple divergence

    ความแตกต่าง 3 ประการคืออะไร?

    Triple divergence แสดงถึงสัญญาณ divergence ที่ผิดพลาดเมื่อราคาทำจุดสูงสุดใหม่และสูงขึ้น (ในช่วงขาขึ้น) หรือจุดต่ำสุดที่ต่ำกว่า (ในช่วงขาลง) ยังคงทิศทางไม่ย้อนกลับหลังจากพยายาม 3 ครั้ง

    ตัวอย่างเช่น การกลับตัวของตลาดหมีสามครั้งติดต่อกันสามครั้งติดต่อกัน:

    Triple divergence หยาบคาย

     

    ไม่ควรคำนึงถึง Triple divergence เมื่อแนวโน้ม fragile และเมื่อ:

    • เมื่อราคาและอินดิเคเตอร์ตามลำดับ ให้สูงเท่ากันและสูงต่ำกว่า
    • เมื่อราคาและอินดิเคเตอร์ทำค่าต่ำสุดและค่าต่ำสุดที่เท่ากัน
    • เมื่อทั้งราคาและอินดิเคเตอร์ทำให้สูงเท่ากัน
    • เมื่อทั้งราคาและอินดิเคเตอร์ทำให้ต่ำเท่ากัน
    • ความแตกต่างในความสูงของยอดเขาและรางน้ำนั้นแทบไม่มีนัยสำคัญ

     

    บทสรุป

    สัญญาณการซื้อขายทั้งหมดเหล่านี้มีความสำคัญและทำงานแตกต่างกันในการสร้างกลยุทธ์การซื้อขาย ผู้ค้าต่างใช้อินดิเคเตอร์ที่แตกต่างกัน โปรดทราบว่าการใช้อินดิเคเตอร์เดียวสามารถก่อให้เกิดอันตรายมากกว่าผลดี ควรใช้ตัวบ่งชี้เสริมอย่างน้อยสามตัวพร้อมกันจะดีกว่า

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เว็บไซต์ข่าวการซื้อขาย Forex ที่น่าติดตาม

    ตุลาคม 7, 2022

    ทุกวันนี้ มีเว็บไซต์ข่าว forex มากมาย แต่คำถามคือเว็บไซต์ใดเป็นเว็บไซต์ข่าว forex ที่ดี หรือเว็บไซต์ใดเป็นเว็บไซต์วิเคราะห์พื้นฐานที่ดีที่สุดสำหรับ forex! ไซต์บางแห่งอาจโพสต์ข่าวบ่อยเกินไป ในขณะที่ไซต์อื่นๆ อาจโพสต์บทความเกี่ยวกับการวิจัย แต่ปริมาณจะน้อยมาก

    เว็บไซต์ข่าวการซื้อขาย Forex ที่ดีมีการอัปเดตเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับ forex เป็นประจำ เช่น TradingView, FXStreet, Forex Factory, Investing.com, DailyFX, Investopedia, Action Forex, Forexlive, BabyPips เป็นต้น ผู้อ่านสามารถวิเคราะห์ตลาด forex บนเว็บไซต์เหล่านี้ รับข่าวสารพื้นฐาน ความคิดเห็นของโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ และบทความการศึกษาฟอเร็กซ์

    รายชื่อเว็บไซต์ข่าวการซื้อขายแลกเปลี่ยนที่ดีคือ:

    1. TradingView
    2. FxStreet
    3. Forex Factory
    4. DailyFx
    5. Investopedia
    6. Investing.com
    7. Forexlive
    8. Baby Pips
    9. FX Empire
    10. ForexNews
    11. Forex Action
    12. EARNFOREX

    บทความนี้ครอบคลุมเว็บไซต์ข่าวฟอเร็กซ์ชั้นนำหลายแห่งเพื่อให้คุณได้ศึกษาและปรับปรุงการซื้อขายฟอเร็กซ์ของคุณ เริ่มกันเลย

    1.TradingView

    TradingView เป็นสถานที่แรกสำหรับผู้ค้าทั้งหมดที่จะเยี่ยมชม ผู้ซื้อขายสามารถใช้แผนภูมิการซื้อขายที่มีการออกแบบที่ยอดเยี่ยมฟรี รับการวิเคราะห์การซื้อขายจากผู้เชี่ยวชาญ อ่านและเรียนรู้เกี่ยวกับการซื้อขาย

    2. FXStreet

    FXStreet ให้ผู้อ่านมีตัวเลือกในการกรองบทความตามคู่สกุลเงินเฉพาะ และรับข่าวสารและข้อมูลที่ต้องการ นอกจากนั้น เว็บไซต์นี้เปิดโอกาสให้ผู้อ่านเลือกข่าวตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน หรือ Brexit เป็นต้น หากคุณสนใจในสกุลเงินดิจิทัล ไซต์ข่าวนี้มีเนื้อหาครอบคลุมด้วยเช่นกัน

    หากคุณเป็นผู้ค้า forex คุณต้องตรวจสอบเว็บไซต์นี้ทุกวันเนื่องจากเป็นเว็บไซต์ข่าว forex ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน FXStreet เผยแพร่บทความจำนวนมากทุกวันและบางครั้งทุกสองสามนาที หากมีอะไรใหม่ในตลาด คุณอาจเห็นการปรับปรุงดังกล่าวในเว็บไซต์นี้

    หัวข้อที่ครอบคลุมโดยเว็บไซต์นี้มีตั้งแต่คู่สกุลเงินหลักและรอง ไปจนถึงเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ FXStreet ยังเชิญโบรกเกอร์และธนาคารที่มีชื่อเสียงมาเขียนบนแพลตฟอร์มของพวกเขา ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่บทความทั้งหมดที่เขียนโดยทีมงาน

    3. Forex Factory

    Forex Factory มาเป็นอันดับ 3 ในรายการของเราสำหรับสถานที่ที่ดีสำหรับข่าว forex เนื่องจากข่าว forex ที่มีค่าและชาญฉลาดของพวกเขา เว็บไซต์นี้ไม่เผยแพร่บทความที่เขียนโดยนักเขียน แต่เผยแพร่บทความที่ดีที่สุดที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ข่าว forex ต่างๆ การรวมนี้ทำให้เป็นหนึ่งในคู่แข่งที่ดีที่สุดสำหรับเว็บไซต์ข่าว forex ชั้นนำ

    เว็บไซต์นี้ทำให้แน่ใจได้ว่าคุณไม่จำเป็นต้องไปที่เว็บไซต์ข่าว forex ต่างๆ สำหรับข่าวประเภทต่างๆ พวกเขาเลือกสิ่งที่ดีที่สุดและมอบให้คุณ Forex Factory ยังมีคุณสมบัติที่น่าสนใจที่พวกเขาเน้นเรื่องราวโดยพิจารณาจากผลกระทบที่มีต่อตลาด เช่น สีแดง (ผลกระทบสูง) สีส้ม (ผลกระทบปานกลาง) และสีเหลือง (ผลกระทบต่ำ)

    Forex Factory ช่วยให้ผู้ค้าทั่วโลกเชื่อมต่อและแบ่งปันมุมมองของพวกเขา Forex Factory ยังเผยแพร่การซื้อขายที่เทรดเดอร์ชั้นนำดำเนินการ เพื่อให้ผู้ค้ามือใหม่หรือผู้เรียนรู้สามารถคัดลอกหรือดูว่าพวกเขาสามารถซื้อขายอย่างมืออาชีพได้อย่างไร

    4. DailyFX

    ด้วยเหตุผลที่ดี DailyFX เป็นอันดับสามในรายการของเราในการให้ข่าว forex ที่มีคุณภาพ ความสนใจของพวกเขาเป็นเพียงข่าว forex และทีมงานที่ยอดเยี่ยมของพวกเขาเขียนบทความและรายงานการตลาดของนักวิเคราะห์ตลาด

    DailyFX ยังมีบทความแบบสั้น รวมถึงการวิเคราะห์ทางเทคนิค เช่นเดียวกับเว็บไซต์ข่าว forex ชั้นนำอื่นๆ ส่วนที่ดีที่สุดคือเว็บไซต์นี้มีหน้าเว็บทั้งหน้าที่ทุ่มเทให้กับการวิเคราะห์ทางเทคนิค ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าเป็นสวรรค์สำหรับผู้ค้าทางเทคนิค

    เว็บไซต์นี้ยังแสดงให้คุณเห็นว่ามีผู้ค้าตลาดกระทิงและตลาดหมีกี่รายในตลาดในช่วงเวลาใดก็ตามจากเปอร์เซ็นต์ของคู่สกุลเงินที่ซื้อและขาย คุณยังสามารถค้นหาข่าวที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนี และสกุลเงินดิจิตอลบน DailyFX

    5. Investopedia

    Investopediaไม่ใช่เว็บไซต์ฟอเร็กซ์ มีมุมมองกว้างๆ เกี่ยวกับตลาดการค้า แต่นี่คือเว็บไซต์ความรู้ที่ใหญ่ที่สุดสำหรับผู้ค้าทุกรายที่ผู้ค้าสามารถกำหนดเงื่อนไขการซื้อขายที่สำคัญได้มากมาย

    6. Investing.com

    Investing.com: เรามั่นใจว่าคุณจะเคยได้ยินเกี่ยวกับเว็บไซต์ข่าว forex ชั้นนำนี้ ไซต์นี้ครอบคลุมหลายขอบเขตของฟิลด์นี้ รวมถึงตลาดหุ้น สกุลเงินดิจิทัล สินค้าโภคภัณฑ์ และแน่นอน ตลาดฟอเร็กซ์

    โดยทั่วไปแล้วพวกเขาแบ่งบทความออกเป็นสองส่วน – การเมืองและเศรษฐกิจ นอกจากนั้น แผนภูมิสดของพวกเขายังสร้างความสุขให้กับเทรดเดอร์ เนื่องจากพวกเขาแสดงเหตุการณ์สำคัญที่เฉพาะเจาะจงพร้อมกับรูปแบบแท่งเทียน ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ค้าเข้าและออกจากตลาดในเวลาที่เหมาะสม

    Investing.com ยังมีเครื่องมือและข้อมูลทางเทคนิคมากมายสำหรับผู้ค้าที่สนใจในการตัดสินใจโดยพิจารณาจากปัจจัยทางเทคนิค จุดสนใจหลักของพวกเขายังคงอยู่ที่จุดกลับตัวและเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ แต่นอกจากนั้นแล้ว พวกเขายังมีตัวชี้วัดทางเทคนิคที่สำคัญส่วนใหญ่เพื่อช่วยให้ผู้ค้าผ่อนคลายการซื้อขายของพวกเขา

    Investing.com ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับการเงินส่วนบุคคลภายใต้ ‘เงิน’ เพื่อเผยแพร่และให้ความรู้แก่เทรดเดอร์และนักลงทุนทั่วโลก

    7. Forexlive

    เว็บไซต์นี้เป็นเว็บไซต์ข่าว forex ที่ดีในตลาดอย่างไม่ต้องสงสัย พวกเขาตีพิมพ์บทความจำนวนมากทุกวัน พวกเขาส่วนใหญ่เผยแพร่บทความข่าวสั้น ๆ ซึ่งบางครั้งมีประมาณร้อยคำ เนื่องจากยังคงเน้นที่การครอบคลุมหัวข้อต่างๆ ให้ได้มากที่สุดเพื่ออัปเดตผู้อ่าน

    Forexlive ให้แนวทางในการดูข่าวและวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้นให้คุณ พวกเขายังมีส่วนสำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิคสำหรับผู้ค้าที่มีความเกี่ยวข้องมากขึ้น บทความทางเทคนิคเหล่านี้ยังสั้นแม้ว่าจะเต็มไปด้วยสถิติ แผนภูมิ และข้อมูลที่จำเป็น

    นอกจากนี้ Forexlive ยังให้บริการส่วนข่าว crypto สำหรับผู้ค้าที่สนใจใน cryptocurrencies

    8. BabyPips

    ในการให้ความรู้แก่เทรดเดอร์ BabyPips ถือว่าค่อนข้างมีชื่อเสียงและเป็นเว็บไซต์ข่าว forex ชั้นนำ พวกเขาเผยแพร่บทความที่น่าสนใจและให้ความรู้ บางครั้งมีการเพิ่มไหวพริบตลกๆ เพื่อสร้างความบันเทิงให้กับพวกเขา

    นอกจากเงื่อนไข forex แล้ว พวกเขายังเผยแพร่บทความด้วย ส่วนใหญ่ใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ BabyPips เผยแพร่การพยากรณ์รายสัปดาห์ทุกวันจันทร์และบทวิจารณ์สกุลเงินต่างๆ ทุกวันศุกร์

    บทความของพวกเขามุ่งเน้นไปที่ประเด็นพื้นฐาน หากคุณกำลังมองหาปัจจัยทางเทคนิค คุณสามารถผสมข่าวทางเทคนิคที่เผยแพร่บนเว็บไซต์อื่น ๆ กับ BabyPips เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากปัจจัยพื้นฐานและทางเทคนิคทั้งสองอย่าง

    BabyPips ยังมีฟอรัมสำหรับผู้ค้าเพื่อแบ่งปันมุมมองและสร้างชุมชน

    9. Fx Empire

    หากเรากำลังพูดถึงสถานที่ชั้นนำสำหรับข่าว forex เราต้องพูดถึง FX Empire ส่วนข่าวฟอเร็กซ์ของพวกเขาจะเผยแพร่บทความหนึ่งบทความทุกวัน แต่สำหรับนักเทรด ส่วนการคาดการณ์ของพวกเขาพิสูจน์แล้วว่าทำกำไรได้

    FX Empire เผยแพร่ข่าวบ่อยครั้งภายใต้หัวข้อนี้และให้ผู้ค้ามีตัวกรองเพื่อค้นหาหัวข้อที่ต้องการ สิ่งที่ดีที่สุดเกี่ยวกับเว็บไซต์ข่าว forex นี้คือมันยังเผยแพร่บทความเกี่ยวกับเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ เช่น ตราสารทุน ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์ และอื่นๆ

    10. ForexNews

    หากคุณสนใจในด้านอื่นๆ ของการซื้อขาย เช่น cryptos และ forex เว็บไซต์นี้เหมาะสำหรับคุณ เผยแพร่บทความเกี่ยวกับตลาดรายวันพร้อมกับผลิตภัณฑ์การซื้อขายอื่นๆ พวกเขายังให้รายละเอียดเกี่ยวกับโบรกเกอร์โดยขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของคุณ เช่น หากคุณเป็นมือใหม่หรืออยู่ในสาขานี้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง คุณจะได้รับคำวิจารณ์ตามนั้น

    ForexNews เน้นข่าวธุรกิจภายใต้หมวดการเงินซึ่งทำงานได้ดีสำหรับผู้ค้าในตลาดหุ้น เว็บไซต์นี้เผยแพร่บทความไม่บ่อยนัก แต่คุณภาพของบทความทำให้เว็บไซต์นี้เป็นเว็บไซต์ข่าว forex ชั้นนำ

    แม้ว่าจะมีโอกาสที่ความสนใจของพวกเขาอาจเปลี่ยนไปเป็น cryptocurrencies โดยสิ้นเชิงจากข่าว forex ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

    11. Forex Action

    หากคุณกำลังมองหาข่าวคู่สกุลเงิน ไซต์นี้เหมาะสำหรับคุณ เนื่องจากครอบคลุมคู่สกุลเงินหลักและรองทั้งหมด พวกเขายังมีรายงานแนวโน้มรายสัปดาห์ที่เผยแพร่ทุกวันจันทร์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรายการเรื่องรออ่านของพวกเขา

    Action Forex  เน้นที่การวิเคราะห์ทางเทคนิคมากขึ้น ทำให้ตัวเองเป็นที่ที่ดีที่สุดสำหรับข่าว forex และให้ไหวพริบในแง่มุมทางเทคนิคและพื้นฐานของทิศทางตลาด

    ต้องสังเกตว่าพวกเขาไม่ได้เขียนบทความทั้งหมดที่เผยแพร่ใน Action Forex; หลายแห่งเขียนโดยโบรกเกอร์และธนาคารที่มีชื่อเสียง ทำให้ภาพรวมมีประสบการณ์

    หากคุณต้องการรายงานฟอเร็กซ์เชิงลึกที่มีส่วนร่วมด้านเทคนิคและพื้นฐาน Action Forex คือจุดหมายปลายทางของคุณ พวกเขายังให้บทความเกี่ยวกับวิธีที่จิตวิทยาการซื้อขายส่งผลต่อกลยุทธ์การซื้อขาย

    12. EARNFOREX

    หากคุณกำลังมองหาข่าวเกี่ยวกับสกุลเงินเฉพาะ EARNFOREX ดีที่สุดสำหรับคุณ เผยแพร่บทความประมาณเจ็ดบทความทุกวัน ทำให้เป็นเว็บไซต์ข่าว forex ชั้นนำ หากคุณต้องการกรองข่าวสำหรับสกุลเงินต่างๆ คุณสามารถทำได้และดูบทความเก่าของพวกเขาผ่านที่เก็บถาวร

    EARNFOREX เผยแพร่บทความสั้น ๆ ที่มีลิงก์ สถิติ และคำพูดที่เกี่ยวข้อง พวกเขาครอบคลุมข่าวของหลายสกุลเงินและไม่ใช่แค่สกุลเงินที่สำคัญเท่านั้น บทความตอนเช้าของพวกเขามักเน้นที่การเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในตลาด ตามด้วยการเปลี่ยนแปลงรายชั่วโมง ในระยะสั้นพวกเขาเผยแพร่บทความตลอดทั้งวัน

    สิ่งที่ดีที่สุดเกี่ยวกับไซต์ข่าว forex นี้คือมันเชื่อมโยงบทความต่าง ๆ ทำให้ผู้อ่านสามารถดูข่าวที่เกี่ยวข้องของสกุลเงินบางสกุลได้ง่ายขึ้นและประหยัดเวลา นอกจากนั้น ยังช่วยให้ผู้ค้าทราบภาพรวมของสกุลเงินพร้อมกับข้อมูลในอดีตอีกด้วย

    EARNFOREX ยังมอบสิทธิประโยชน์อื่นๆ เช่น eBooks, เครื่องมือการซื้อขาย forex และฟอรัม forex สำหรับผู้ค้า

    บทสรุป

    รายการนี้ไม่ได้สิ้นสุดที่นี่ เนื่องจากมีเว็บไซต์ข่าว forex ชั้นนำอื่นๆ ในตลาดที่ให้บริการที่มีคุณภาพ ในฐานะผู้ค้า forex คุณต้องอ่านข่าวและอัพเดทตัวเองอยู่เสมอหากคุณวางแผนที่จะอยู่ในฟิลด์นี้ในระยะยาวและต้องการทำการซื้อขายที่ทำกำไร

    • โดยสรุปแล้ว เราได้เน้นประเด็นสำคัญที่ควรจดจำจากบทความนี้
    • เว็บไซต์ข่าว forex จำนวนมากมีบทความเกี่ยวกับเครื่องมือทางการตลาดอื่นๆ ที่ไม่ใช่ forex
    • เว็บไซต์ข่าว forex ชั้นนำหลายแห่งเผยแพร่บทความจากแหล่งที่น่าเชื่อถืออื่นๆ เพื่อให้ผู้อ่านได้รับข่าวสารและมุมมองที่หลากหลาย
    • เว็บไซต์ Forex ส่วนใหญ่ยังให้ส่วนผสมทางเทคนิคและพื้นฐาน ทำให้เหมาะสำหรับผู้ค้าทั้งสองประเภท
    • ในฐานะเทรดเดอร์ คุณควรมองหาข่าวและเครื่องมือการซื้อขายที่หลากหลายเพื่อทำการซื้อขายตามปัจจัยพื้นฐานและดำเนินการอย่างมืออาชีพ

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    ความแตกต่างระหว่าง Stop Loss และ Take Profit

    ตุลาคม 7, 2022

    ความแตกต่างระหว่าง Stop Loss และ Take Profit

    Stop Loss Order คือคำสั่งเทรดที่จะปิดการเทรดที่ขาดทุนโดยอัตโนมัติที่ระดับราคาหนึ่ง คำสั่ง Take Profit ช่วยให้คุณสามารถปิดการซื้อขายที่ทำกำไรได้โดยอัตโนมัติที่ระดับราคาหนึ่ง ดังนั้น ความแตกต่างระหว่างคำสั่ง Stop Loss และคำสั่ง Take Profit คือวิธีที่เราใช้คำสั่งประเภทนี้ เนื่องจากคำสั่ง Stop-Loss จะปิดการเทรดที่ขาดทุนและการทำกำไรจะปิดการเทรดที่ทำกำไรได้ หากราคาปัจจุบันคือ $100 และเรามีการซื้อขาย BUY คำสั่งหยุดการขาดทุนอาจเป็น $99 (ระดับราคาต่ำกว่าราคาปัจจุบัน) และคำสั่ง Take profit อาจเป็น forex เช่น $101 (ระดับราคาสูงกว่าปัจจุบัน ราคา)

    ความแตกต่างระหว่าง Stop Loss และ Take Profit

    คำสั่งที่ถือเป็นการหยุดการขาดทุนเป็นคำสั่งที่มีวัตถุประสงค์ในการปิดอัตโนมัติของการเทรดที่ไม่ทำกำไรเนื่องจากประสบการณ์ของการสูญเสียที่ จุดราคาที่กำหนดไว้เพื่อให้สามารถรับประกันการจำกัดจำนวนเงินที่ผู้เทรดสูญเสีย แน่นอนว่าเป็นที่เข้าใจกันว่าคำสั่งประเภทนี้สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นประโยชน์สำหรับคุณในฐานะเทรดเดอร์ในฐานะหนึ่งในเครื่องมือหลักสำหรับการบริหารความเสี่ยง

    เมื่อคำสั่งถูกจัดประเภทเป็นการทำกำไร หมายความว่าคำสั่งประเภทนี้อนุญาตให้คุณมีส่วนร่วมในการดำเนินการปิดอัตโนมัติของการเทรดที่ถือว่าทำกำไรได้สำหรับจุดราคาที่กำหนด คำสั่งประเภทนี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างมากเกี่ยวกับการจัดการความเสี่ยง  ในบทความคำสั่ง stop-limit คืออะไร เราได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม

    รายละเอียดเพิ่มเติม คำสั่งที่ถือเป็นการทำกำไรถือเป็นประเภทของคำสั่งที่มีข้อจำกัดที่กำหนดไว้ มันกำหนดข้อกำหนดเกี่ยวกับราคาที่กำหนดเพื่อปิดตำแหน่งที่เปิดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของกำไร ความจริงก็คือผู้ค้าส่วนใหญ่มีส่วนร่วมในการใช้คำสั่งที่ทำกำไรร่วมกับการใช้คำสั่งที่ระบุว่าเป็นการหยุดการสูญเสียเพื่อดำเนินการจัดการตำแหน่งของตนที่ถือได้ว่าเปิดอยู่

    หากมีการเพิ่มความปลอดภัยเกี่ยวกับจุดสำหรับคำสั่งที่ทำกำไร คำสั่งสำหรับการทำกำไรจะได้รับการดำเนินการ และมีการปิดสถานะเพื่อให้ได้กำไร ในกรณีเช่นนี้ ความปลอดภัยเกี่ยวกับจุดหยุดการขาดทุนลดลง คำสั่ง s/l อยู่ระหว่างการดำเนินการ และมีการปิดสถานะที่ขาดทุน

    ประโยชน์ของการใช้คำสั่งที่ทำกำไร มีข้อสังเกตว่าผู้เทรดไม่ต้องพิจารณาการดำเนินการใด ๆ ที่ทำด้วยตนเอง และไม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วมในการคาดเดาครั้งที่สอง อันที่จริง คำสั่งซื้อที่ระบุว่าเป็นการทำกำไรจะดำเนินการเพื่อจุดราคาที่เหมาะสมที่สุดโดยไม่มีพฤติกรรมด้านความปลอดภัย

    เป็นการดีที่สุดสำหรับผู้เทรดที่ทำกำไรเพื่อดำเนินการโดยผู้เทรดที่ทำการค้าที่ระบุไว้ในระยะสั้นเมื่อพวกเขาต้องการระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อจัดการระดับความเสี่ยงของพวกเขา โดยอิงจากสมมติฐานที่ว่าผู้เทรดสามารถยกเลิกการค้าเมื่อบรรลุเป้าหมายกำไรที่วางแผนไว้ เนื่องจากจะส่งผลให้เกิดการป้องกันความเสี่ยงเกี่ยวกับการลดลงของตลาดที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เทรดเดอร์ที่มักจะใช้กลยุทธ์ที่ถือเป็นระยะยาวมักจะไม่ให้ความสำคัญกับคำสั่งประเภทนี้มากนัก เนื่องจากยอมรับว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะลดผลกำไรที่พวกเขาทำได้

    ประโยชน์ของคำสั่งที่จัดประเภทเป็น Stop Loss คือความจริงที่ว่าคุณไม่จำเป็นต้องตรวจสอบบัญชีของคุณทุกวัน ในทางกลับกัน พบว่ามีข้อเสียของคำสั่งประเภทนี้เช่นกัน ซึ่งเป็นที่ยอมรับว่าเป็นความผันผวนของราคาในระยะสั้น อันที่จริง อาจส่งผลให้เกิดการเปิดใช้งานการหยุดซึ่งจะทำให้เกิด การขายที่ไม่จำเป็น

    ________________________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    ________________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    จะสร้างแผนการลงทุนในการซื้อขาย Forex ได้อย่างไร?

    ตุลาคม 6, 2022

    จะสร้างแผนการลงทุนในการซื้อขาย Forex ได้อย่างไร? – แผนการลงทุน Forex ที่ดีที่สุด

    การซื้อขาย Forex อาจเป็นพื้นที่ที่ซับซ้อนสำหรับผู้เริ่มต้นและผู้ซื้อขายที่มีประสบการณ์เนื่องจากความซับซ้อน เช่นเดียวกับพื้นที่การลงทุนอื่นๆ ยิ่งคุณพิจารณาว่าเบาเท่าไหร่ กระเป๋าของคุณก็จะยิ่งเบาขึ้นเท่านั้น

    แผนการลงทุนในการซื้อขาย Forex มักจะหมายถึงการซื้อขายตำแหน่งระยะยาวซึ่งผู้ค้าวางแผนที่จะลงทุนในสกุลเงินบางสกุลและถือการซื้อขายเป็นเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน อย่างไรก็ตาม มีหลายวิธีในการวางกลยุทธ์สำหรับแผนการลงทุนในการซื้อขายฟอเร็กซ์ เช่น การติดตามแนวโน้มการค้า การซื้อขายรายวัน หรือการมองหาปัจจัยพื้นฐานในการซื้อขาย เทรดเดอร์สามารถผสมผสานและจับคู่เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการลงทุน ในทางปฏิบัติ ผู้ค้าสามารถมีเป้าหมายระยะยาวหรือทำการซื้อขายในสกุลเงินหรือดัชนีเป็นประจำทุกวัน

    ในภาพรวม การลงทุนในฟอเร็กซ์สำหรับผู้เริ่มต้นหมายถึงการฝากเงินกับโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ เริ่มเทรดเดโม่ เรียนรู้จากหนังสือการวิเคราะห์ทางเทคนิคและพื้นฐาน แล้วเทรดในบัญชีจริง

    ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความรู้ ทักษะ ความต้องการ และความเต็มใจของคุณ ต่อไปนี้เป็นกลยุทธ์บางประการในการลงทุนใน forex สำหรับผู้เริ่มต้น

    แผนการลงทุน forex ที่ดีที่สุด

    หนึ่งในแผนการลงทุน forex ที่ดีที่สุดคือเมื่อเทรดเดอร์ทำการซื้อขายในหลายบัญชี ตัวอย่างเช่น เทรดเดอร์จะใช้บัญชีซื้อขายระยะยาวหนึ่งบัญชี (โพซิชั่นสองสามสัปดาห์ถึงสองสามเดือน) บัญชีสำหรับการเทรดแบบสวิงและการเทรดรายวัน ในทั้งสองบัญชี ผู้ค้าจะจัดการเงินจำนวนเล็กน้อยและเพิ่มเงินในอนาคตหากผลการซื้อขายเป็นที่น่าพอใจ การเทรดฟอเร็กซ์ระยะยาวอาจเป็นโอกาสในการลงทุนที่ยอดเยี่ยม

    ผู้ค้ามักจะจัดการการซื้อขายในบัญชีระยะยาวทุกสองสามสัปดาห์หรือเดือนละครั้ง กระบวนการปรับสมดุลนี้มีความสำคัญเนื่องจากสองสิ่ง ผู้ค้าจะปิดคู่สกุลเงินบางคู่และเพิ่มตำแหน่งใหม่ หรือผู้ค้าจะหยุดการสูญเสียและกำหนดเป้าหมายตามสภาพแวดล้อมของตลาดในปัจจุบัน

    ติดตามเทรนด์ในช่วงเวลาปกติ

    นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเรียนรู้การซื้อขายสกุลเงินโดยการวิเคราะห์ ติดตาม และติดตามแนวโน้มรายวันหรือรายสัปดาห์ ตลาดฟอเร็กซ์มีความผันผวนสูง เนื่องจากเหตุการณ์ต่างๆ ทั่วโลกส่งผลกระทบต่อสกุลเงินต่างๆ เช่น เงินดอลลาร์สหรัฐอาจปรับขึ้นได้หากธนาคารกลางสหรัฐปรับลดอัตราดอกเบี้ย หรือสงครามในอิหร่านอาจทำให้มูลค่าลดลงเช่นกัน ดังนั้นจึงมีความอ่อนไหวต่อเหตุการณ์ต่างๆ ในประเทศต่างๆ

    คุณสามารถดูกราฟรายวันหรือรายสัปดาห์อย่างใกล้ชิดเพื่อสังเกตรูปแบบในตลาดฟอเร็กซ์ สิ่งที่น่าสนใจในที่นี้คือ แม้แต่การซื้อขายหรือการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็สามารถส่งผลกระทบที่มากขึ้นต่อกำไรหรือขาดทุนได้ คุณต้องสอดคล้องกับการซื้อขายของคุณและสังเกตการเปลี่ยนแปลง เพียงแค่ตั้งจุดแวะที่เหมาะสมเป็นเป้าหมาย คุณก็พร้อมแล้ว!

    ศิลปะแห่ง ‘Carry Trading’

    การค้าขายเป็นศิลปะ และเพื่อให้เป็นเลิศ คุณต้องฝึกฝน คุณสามารถรวมการซื้อขายในแผนการลงทุนการซื้อขายฟอเร็กซ์ของคุณ เมื่อคุณซื้อสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงเทียบกับสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ จะทำให้เกิดกรณีการค้าขาย เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ลองมาดูตัวอย่างกัน

    Leila เป็นผู้ค้าสกุลเงินและชอบที่จะรวมการซื้อขายแลกเปลี่ยนในแผนการลงทุนของเธอ เธอซื้อ GBP ที่ 1.1250 ซึ่งหมายความว่าเธอจะได้รับ 1125 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับ 1,000 ปอนด์ ตอนนี้ USD เป็นสกุลเงินที่จ่ายดอกเบี้ยสูงซึ่งจ่ายดอกเบี้ย 0.05% และ GBP เป็นสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำซึ่งมีอัตราดอกเบี้ย 0.01% Leila ไม่แลกเปลี่ยนสกุลเงิน แต่เธอจะได้รับรายได้ดอกเบี้ยที่ 0.04 (0.05-0.01) เปอร์เซ็นต์ของการลงทุนของเธอทุกวันเนื่องจากมีการซื้อขายแลกเปลี่ยน (หมายเหตุ: อัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลงทุกวัน และด้วยเหตุนี้รายได้ดอกเบี้ยจึงอาจนำไปสู่การจ่ายจำนวนหนึ่งได้ หากสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงของคุณสลับตำแหน่งที่มีดอกเบี้ยต่ำ ตัวอย่างนี้ทำให้เข้าใจง่ายขึ้นเพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้น)

    สิ่งที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับกลยุทธ์นี้คือ คุณไม่จำเป็นต้องทำการซื้อขายจริงทุกวันในฐานะเทรดเดอร์ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยทำงานเอง คุณยังได้รับเลเวอเรจตามขนาดของการค้าของคุณ แม้ว่า พึงระลึกไว้เสมอว่าเมื่อกำไรสามารถเพิ่มขึ้นได้ การขาดทุนก็จะยิ่งลึกขึ้น

    การซื้อขายแบบพกติดตัวมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับความท้าทายต่างๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยบ่อยครั้ง เหตุการณ์ทั่วโลกและปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น และความสามารถในการรับความเสี่ยงของคุณ หากเหตุการณ์เป็นไปในเชิงบวก คุณอาจได้รับผลกำไร แต่ช่วงเวลาที่ลดลงอาจทำให้คุณล้มละลายได้เช่นกัน

    เรียนรู้การซื้อขายวัน

    หากคุณต้องการเรียนรู้การลงทุนในฟอเร็กซ์ในฐานะมือใหม่ คุณต้องตระหนักว่าตลาดฟอเร็กซ์เป็นตลาดแบบไดนามิกและมีชีวิตชีวา

    เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ มีหลายครั้งสำหรับการแลกเปลี่ยนต่างๆ

    • ลอนดอน – 03:00 ถึง 12:00 น. (เที่ยงวัน)
    • โตเกียว – 19.00 น. ถึง 04.00 น.
    • นิวยอร์ก – 8.00 น. ถึง 17.00 น.
    • ซิดนีย์ – 17:00 น. ถึง 02:00 น. (เที่ยงคืน)

    ดังนั้น คุณต้องระบุเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนที่คุณต้องการซื้อขาย คุณยังสามารถทำการวิเคราะห์ทางเทคนิคสำหรับสกุลเงินผ่านแผนภูมิและรูปแบบแท่งเทียน และใช้ประโยชน์จากมันในแผนการลงทุนของคุณ

    ไล่ตามหลักพื้นฐาน

    การลงทุนขั้นพื้นฐานเป็นแนวคิดที่รู้จักกันดีในโลกของการลงทุน ผู้ค้าต้องการให้มองลึกลงไปในปัจจัยที่เพิ่มมูลค่าและระยะยาวมากกว่าปัจจัยทางเทคนิคและระยะสั้น หากคุณเป็นเทรดเดอร์ที่ชอบหลีกเลี่ยงความเสี่ยง การซื้อขายฟอเร็กซ์ขั้นพื้นฐานสามารถทำงานได้ดีที่สุดสำหรับคุณ

    ในขณะที่ผู้ค้าดูแลแผนภูมิและรูปแบบในการซื้อขายวันทางเทคนิค พวกเขามองหาโอกาสที่กว้างขึ้นเช่นสถานการณ์เศรษฐกิจมหภาคในการซื้อขายพื้นฐาน มันมีน้ำหนักมากกว่าในการได้รับในระยะยาว เนื่องจากมันเกี่ยวข้องกับแนวทางระยะยาวในการประเมินสภาพเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________

     

    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    Bid และ Ask Price ความหมายใน Forexคืออะไร?

    ตุลาคม 6, 2022

    Bid และ Ask Price ความหมายใน Forexคืออะไร?

    Bid และ Ask Price เป็นราคาดีที่สุดที่สามารถขายและ/หรือซื้อหลักทรัพย์ได้ในเวลาปัจจุบัน พูดง่ายๆ คือ ราคา “bid” สำหรับฝั่งซื้อและราคา “ask” สำหรับฝั่งขาย

    มีหลักทรัพย์หลายประเภทที่สามารถซื้อขายในตลาดการเงินได้ ในตลาดฟอเร็กซ์ สกุลเงินของประเทศต่างๆ และอัตราแลกเปลี่ยนเป็นหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายในตลาด ในตลาดการเงิน โดยเฉพาะตลาดฟอเร็กซ์ ผู้ซื้อและผู้ขายส่วนใหญ่เช่นธุรกิจและนักลงทุนจะไม่โต้ตอบกันโดยตรง แทน, การซื้อขายหลักทรัพย์เช่น forex จะถูกส่งผ่านตัวกลางเช่นผู้ค้าและตัวแทนจำหน่ายที่จะซื้อและขายการรักษาความปลอดภัยในนามของลูกค้าของพวกเขา.

    เนื่องจากผู้ค้าและตัวแทนจำหน่ายมีความเสี่ยงในการซื้อและขายฟอเร็กซ์ จึงมีแนวโน้มว่ามูลค่าของราคาที่จะซื้อและขายหลักทรัพย์จะมีความแตกต่างกัน โดยทั่วไปแล้ว เทรดเดอร์ฟอเร็กซ์จะเสนอราคาที่ต่ำกว่าสำหรับสกุลเงินหนึ่ง หากเขาซื้อและขายในราคาที่สูงขึ้นให้กับผู้ซื้อสกุลเงินเพื่อชดเชยความเสี่ยงที่เขาได้รับเมื่อนำเงินของเขาไปลงทุนในสกุลเงินในช่วงเวลาหนึ่งๆ ดังนั้นผู้ที่ซื้อขาย forex ควรตระหนักถึงการเสนอราคาและขอความหมายใน forex เนื่องจากคำเหล่านี้มักใช้โดยผู้ที่ขายและซื้อ forex

    Bid price คืออะไร?

    Bid price หมายถึงระดับราคาซื้อที่ผู้ค้าเต็มใจที่จะซื้อสินทรัพย์บางอย่าง เช่น หุ้น สกุลเงิน สินค้าโภคภัณฑ์ ฯลฯ ราคาเสนอของ forex คืออัตราแลกเปลี่ยนสูงสุดที่ผู้ค้า forex สามารถจ่ายสำหรับคู่สกุลเงิน

    ผู้ซื้อฟอเร็กซ์มักจะสนใจที่จะจ่ายราคาต่ำสุดสำหรับสกุลเงินที่เขาต้องการซื้อและจะระบุราคาเสนอซื้อต่ำสุด ราคาเสนอซื้อนี้จะได้รับการพิจารณาโดยผู้ค้า forex ที่ต้องการขายสกุลเงินที่ระบุ อย่างไรก็ตาม สกุลเงินจะถูกซื้อก็ต่อเมื่อผู้ซื้อสกุลเงินสามารถหาผู้ขายที่ยินดีจะจับคู่ราคาเสนอของเขา หากผู้ซื้อไม่พบผู้ขายที่ตรงกับราคาเสนอซื้อ เขาอาจต้องเพิ่มราคาดังกล่าว

    ask price คืออะไร?

    ask price หมายถึงระดับราคาขายที่ผู้ค้ายินดีที่จะขายสินทรัพย์บางอย่าง เช่น หุ้น สกุลเงิน สินค้าโภคภัณฑ์ ฯลฯ ราคาเสนอขายหรือราคาเสนอซื้อเป็นราคาต่ำสุดที่ตัวแทนจำหน่ายหรือผู้ค้า forex ยินดีที่จะขาย สกุลเงินสำหรับ.

    บ่อยครั้ง ตัวแทนจำหน่าย forex ทำหน้าที่ในนามของธุรกิจที่ขายสกุลเงินเฉพาะที่ได้รับเป็นการชำระเงินสำหรับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ขาย ตัวแทนจำหน่ายมักจะดูราคาเสนอซื้อของสกุลเงินเพื่อกำหนดราคาเสนอขาย ข้อตกลงจะสิ้นสุดลงเมื่อตัวแทนจำหน่าย forex พบผู้ค้าที่ยินดีจ่ายราคาที่ขอ แม้ว่าตัวแทนจำหน่ายต้องการเพิ่มผลกำไรให้สูงสุด โดยตั้งราคาเสนอขายให้สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เขาจะพบว่าเป็นการยากที่จะหาผู้ซื้อสกุลเงินหากราคาสูงกว่าอัตราตลาดมาก

     

    ทำความเข้าใจกับการเสนอราคา bid และราคา ask

    การเสนอราคา bid และราคา ask มีความสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อขายในตลาดฟอเร็กซ์ เนื่องจากเป็นการระบุอัตราที่ธุรกรรมน่าจะได้รับการสรุปผล เทรดเดอร์ forex ที่ต้องการซื้อสกุลเงินจะพบว่าเขาจ่ายราคาสูงกว่าราคาขายปัจจุบันของสกุลเงิน เนื่องจากต้นทุนในการทำธุรกรรมเกี่ยวข้องกับทุกการซื้อขาย ข้อมูลการเสนอราคาและขอให้ผู้ซื้อหรือผู้ขาย forex ใช้ราคาที่ผู้ค้า forex และตัวแทนจำหน่ายต่างๆ ให้มาเพื่อเลือกผู้ค้าหรือตัวแทนจำหน่ายที่เสนอราคาที่ดีที่สุด

    ราคาเสนอซื้อระบุต้นทุนการทำธุรกรรมที่บุคคลจะเกิดขึ้นหากพวกเขาซื้อสกุลเงินและขายทันที ราคาเสนอซื้อและเสนอขายจะขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจของประเทศ เสถียรภาพทางการเงินด้วย ในบางประเทศ อัตราเงินเฟ้อสูงและมูลค่าสกุลเงินลดลงอย่างรวดเร็ว ในกรณีเหล่านี้ ผู้ค้า forex จะพบว่าเป็นการยากที่จะหาผู้ซื้อสำหรับสกุลเงินของประเทศ ดังนั้นหากพวกเขาลงทุนในสกุลเงินนี้ พวกเขามักจะให้ราคาที่ขอสูงขึ้น

    Spread

    ความแตกต่างระหว่างราคา bid และราคา ask สำหรับคู่สกุลเงินหนึ่งเรียกว่า สเปรดฟอเร็กซ์ หรือ สเปรด-ถาม บ่งบอกถึงสภาพคล่องของตลาด ความยากง่ายหรือยากสำหรับผู้ขายในการหาผู้ซื้อที่ยินดีจ่ายในราคาที่เขาต้องการ เมื่อมีสภาพคล่องสูงในตลาด สเปรดก็จะต่ำ และเมื่อสภาพคล่องในตลาดมีน้อย สเปรดก็จะสูงขึ้น เมื่อตลาด forex เปิด สเปรดสำหรับคู่สกุลเงินหลัก เช่น USD/Euro จะต่ำกว่า ในช่วงสุดสัปดาห์ ผู้ค้า forex รายใหญ่จะปิดตัวลง ทำให้สภาพคล่องของตลาดลดลง และสเปรดก็จะสูงขึ้นด้วย

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    วิธีการใช้เลเวอเรจในการเทรด Forex – อธิบายเลเวอเรจการเทรด Forex

    ตุลาคม 6, 2022

    วิธีการใช้เลเวอเรจในการเทรด Forex – อธิบายเลเวอเรจการเทรด Forex

    อย่างที่เราทราบ การซื้อขายฟอเร็กซ์ได้กลายเป็นหนึ่งในประเภทการซื้อขายที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ที่นี่ เทรดเดอร์หรือนักลงทุนจะซื้อขายในคู่สกุลเงิน เช่น – USD/EUR, JPY/USD เพื่อทำกำไร คุณซื้อและขายสกุลเงินของคู่เงินที่คุณเลือกพร้อมกัน ตำแหน่งการค้าและระดับเลเวอเรจของคุณส่งผลต่อกลยุทธ์การค้าของคุณ เมื่อคุณซื้อสกุลเงิน เรียกว่าสถานะซื้อ และเมื่อคุณขายสกุลเงิน คุณจะเปิดสถานะขาย แต่ถ้าคุณซื้อสกุลเงินที่ 1.3 และมันเพิ่มขึ้นสองสาม pip คุณจะมีรายได้อย่างไร? ผู้ค้าต้องการเงินจำนวนมากเพื่อให้สามารถทำกำไรได้อย่างเหมาะสม พวกเขาต้องการเลเวอเรจ คำถามต่อไปคือ เลเวอเรจคืออะไร? อ่านเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความหมายของการซื้อขาย Forex

    เลเวอเรจในฟอเร็กซ์คืออะไร?

    เลเวอเรจ Forex คืออัตราส่วนของเงินทุนของเทรดเดอร์ต่อขนาดเครดิตของโบรกเกอร์ (เช่น 1:100) บัญชีนายหน้าอนุญาตให้ใช้เลเวอเรจผ่านการซื้อขายมาร์จิ้น หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง โบรกเกอร์ให้เงินที่ยืมมาแก่ผู้ค้าเพื่อเพิ่มสถานะการซื้อขาย อัตราส่วนเลเวอเรจสามารถขยายทั้งผลกำไรและขาดทุน เลเวอเรจสามารถใช้เงินทุนจำนวนเล็กน้อยในบัญชีของเทรดเดอร์เพื่อควบคุมตลาดที่ใหญ่ขึ้น

    ดังนั้น เงินทุนหรือเงินที่ยืมมาที่คุณลงทุนในคู่สกุลเงินเรียกว่าเลเวอเรจ นี่คือเงินที่แตกต่างจากเงินฝากขั้นต่ำของคุณ แต่เลเวอเรจทำงานอย่างไรในการซื้อขาย? เทรดเดอร์ขอยืมเงินจากโบรกเกอร์ของตนเพื่อให้พวกเขาสามารถซื้อขายตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้นใน Forex โบรกเกอร์คิดเปอร์เซ็นต์จากเงินที่ยืมมานี้ สำหรับทุกดอลลาร์ที่คุณได้รับจากการใช้เงินที่ยืมมา คุณต้องให้ส่วนหนึ่งของเงินนั้นแก่ผู้ยืม เนื่องจากคุณต้องจ่ายดอกเบี้ยสำหรับเลเวอเรจ คุณจึงต้องระมัดระวังก่อนที่จะเลือกระดับของเลเวอเรจ มาดูกันว่าระดับเลเวอเรจที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเทรดเดอร์และนักลงทุน forex คืออะไร

    เลเวอเรจระดับไหนดีที่สุด?

    ในการซื้อขาย ทุกอย่างเป็นเรื่องส่วนตัวเพราะทุกคนมีกลยุทธ์และเป้าหมายที่แตกต่างกัน การบอกว่าเลเวอเรจในระดับหนึ่งนั้นดีที่สุดนั้นไม่ควรเกินเลย ระดับที่เหมาะสมที่สุดของคุณจะขึ้นอยู่กับว่าคุณวางแผนซื้อขายอย่างไรและการเคลื่อนไหวที่คาดหวังในตลาด ตัวอย่างเช่น ผู้ค้า breakout และ scalper มองหาการซื้อขายที่รวดเร็ว ซึ่งหมายความว่าเลเวอเรจที่สูงจะดีกว่าสำหรับพวกเขา ในทางตรงกันข้าม เลเวอเรจที่ต่ำกว่าจะดีกว่าสำหรับนักเทรดที่มีตำแหน่ง

    คุณสามารถดูได้ว่าเลเวอเรจของคุณสอดคล้องกับตำแหน่ง เป้าหมาย กลยุทธ์ และการเคลื่อนไหวของตลาดที่คาดหวังอย่างไร

    วิธีการเลือกระดับเลเวอเรจที่ดีที่สุดสำหรับการซื้อขาย Forex?

    ไม่ว่าคุณจะมีประสบการณ์ในการซื้อขาย Forex หรือไม่ก็ตาม ให้ตัดสินใจโดยพิจารณาจากระดับความสะดวกสบายของคุณและความเสี่ยงที่คุณรับได้ นายหน้าของคุณอาจเสนอข้อตกลงและเลเวอเรจที่แตกต่างกัน แต่คุณต้องตัดสินใจว่าคุณพอใจกับสิ่งนั้นหรือไม่ก่อนที่จะสรุปสิ่งใดๆ

    โบรกเกอร์ Forex ออนไลน์มีตัวเลือกมากมายให้คุณเลือก เลเวอเรจสามารถอยู่ที่ใดก็ได้ตั้งแต่ 1:1 ถึง 1:1400 โดยทั่วไป เลเวอเรจ 1:100 ถือเป็นระดับที่น่าพอใจสำหรับการซื้อขาย Forex ระดับเลเวอเรจ 1:100 หมายถึงอะไร?

    หมายความว่าหากคุณลงทุน $1,000 ที่เลเวอเรจเท่ากับ 1:100 จำนวนการซื้อขายทั้งหมดของคุณจะเป็น 100 เท่าของการลงทุนของคุณ นั่นคือ 100,000 ดอลลาร์ในกรณีนี้ เลเวอเรจช่วยให้ผู้ค้ารายย่อยสามารถซื้อขายในปริมาณที่สูงขึ้น ช่วยให้พวกเขาซื้อขายได้เกินความสามารถ

    ผู้ค้ารายใหม่จำนวนมากตกหลุมพรางในการมองหาระดับเลเวอเรจที่สูงขึ้น โดยคาดหวังว่าจะทำกำไรได้มากขึ้นจากการใช้ระดับดังกล่าว นี่ไม่ใช่วิธีปฏิบัติในอุดมคติ การลงทุนที่สูงขึ้นนำไปสู่ผลกำไรที่สูงขึ้น แต่ก็สามารถนำไปสู่การสูญเสียที่สูงขึ้นได้เช่นกัน เลเวอเรจที่สูงอาจเป็นปัญหาได้หากคุณไม่มีประสบการณ์เพียงพอในการจัดการ จะช่วยได้หากคุณเรียนรู้วิธีจัดการความเสี่ยงจากเลเวอเรจเพื่อป้องกันไม่ให้มีการสะสมหนี้

    คุณสามารถทำเงินใน forex โดยไม่ต้องใช้เลเวอเรจได้หรือไม่?
    ผู้ค้าสามารถทำเงินใน forex ได้โดยไม่ต้องใช้เลเวอเรจ แต่ต้องมีกองทุนซื้อขายขนาดใหญ่ ตัวอย่างเช่น หากค่า EURUSD เท่ากับ 1.21 และคุณต้องการซื้อขายโดยไม่มีเลเวอเรจ ในการเปิดสถานะ 1 ล็อต คุณต้องมีอย่างน้อย 121000 ดอลลาร์ในการซื้อขาย

    เลเวอเรจที่สูงนั้นดีในการเทรดฟอเร็กซ์หรือไม่?
    คำถามนี้คล้ายกับคำถาม: อาหารจำนวนมากในบ้านของคุณดีต่อสุขภาพหรือไม่? คุณสามารถใส่อาหารจำนวนมากในบ้านของคุณ แต่คุณไม่จำเป็นต้องกินทุกอย่างที่มี หลักการเดียวกันคือในการซื้อขาย

    ดังนั้น เลเวอเรจที่สูงนั้นดีในการเทรดฟอเร็กซ์หรือไม่? ความเป็นไปได้ของเทรดเดอร์ที่จะมีเลเวอเรจจำนวนมากสามารถเป็นประโยชน์ในการเทรด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตลาดอยู่ในช่วงขนาดเล็ก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเทรดเดอร์ไม่ต้องเสี่ยงกับเงินจำนวนมาก เทรดด้วยมาร์จิ้นเพราะนั่นสามารถนำมาซึ่งการสูญเสียมหาศาลและรวดเร็ว

    การจัดการความเสี่ยงจากเลเวอเรจ

    อย่าลืมว่าเลเวอเรจเป็นเพียงการยืมเงิน และไม่ว่าคุณจะทำกำไรหรือขาดทุนโดยใช้มัน ก็ยังคงต้องได้รับการชำระคืน ตลาดซื้อขาย Forex ไม่ค่อยเป็นเส้นตรง การเคลื่อนไหวของราคาอาจไม่รุนแรงนัก แต่โอกาสในการทำกำไรและขาดทุนเท่ากัน เลเวอเรจที่สูงขึ้นสามารถนำไปสู่การสูญเสียที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ด้วยการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม คุณสามารถใช้เลเวอเรจเพื่อขยายการลงทุนของคุณได้

    สามารถทำได้ดังนี้

    ใช้ส่วนหนึ่งของการลงทุน: การซื้อขายด้วยเงินทุนทั้งหมดไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี คุณสามารถหลีกเลี่ยงผลลัพธ์เชิงลบที่อาจเกิดขึ้นได้โดยใช้ส่วนหนึ่งในแต่ละครั้ง

    ใช้เครื่องมือการจัดการความเสี่ยง: มีเครื่องมือการจัดการความเสี่ยงมากมาย เช่น คำสั่งหยุดการขาดทุนเพื่อใช้เพื่อประโยชน์ของคุณ คุณสามารถค้นหาคุณสมบัติดังกล่าวได้บนแพลตฟอร์มการซื้อขายของคุณ

    ดำรงตำแหน่งขนาดเล็ก: คุณสามารถจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยการถือตำแหน่งขนาดเล็กที่ต้องการการลงทุนน้อยลง

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    การซื้อขายออปชั่นกับการซื้อขายฟอเร็กซ์แตกต่างกันอย่างไร?

    ตุลาคม 6, 2022

    การซื้อขายออปชั่นกับการซื้อขายฟอเร็กซ์

    การซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex) เรียกอีกอย่างว่าการซื้อขาย FX เกิดขึ้นเมื่อผู้ค้าทำการค้าในสกุลเงินต่างประเทศที่แตกต่างกันเพื่อพยายามทำกำไร สกุลเงินหนึ่งอาจแข็งแกร่งกว่าอีกสกุลหนึ่ง และหากมีการพัฒนากลยุทธ์การซื้อขายที่ถูกต้อง ก็สามารถทำกำไรได้มากมาย

    ออปชั่นคือสัญญาที่อนุญาตให้นักลงทุนซื้อหรือขายตราสารอ้างอิง (หลักทรัพย์ ดัชนี ETF ฯลฯ) ในราคาที่กำหนดไว้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง

    การซื้อขายออปชั่นช่วยให้ผู้ค้าขายหรือซื้อออปชั่นในฟิวเจอร์ส หุ้น ซึ่งราคาจะผันผวนในช่วงเวลาหนึ่ง ในการซื้อขายนี้ ผู้ค้ายังสามารถใช้ประโยชน์จากกำลังซื้อของเขาเพื่อควบคุมฟิวเจอร์สหรือหุ้นมากกว่าที่เขาจะซื้อได้

    การซื้อขายออปชั่นกับการซื้อขายฟอเร็กซ์

    หากเปรียบเทียบฟอเร็กซ์และออปชั่น จะสามารถระบุได้ว่าข้อดีของฟอเร็กซ์คือการซื้อขาย 24 ชั่วโมง ความเร็วในการดำเนินการที่ดีขึ้น สภาพคล่อง ค่าคอมมิชชั่นที่น้อยกว่ามาก (สเปรดฟอเร็กซ์) ในทางกลับกัน ออปชั่นสามารถให้ผลตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูงขึ้น และเสนอทางเลือกเชิงกลยุทธ์หลายอย่างที่ผู้ค้าสามารถรวมเข้ากับสินทรัพย์อื่น ๆ ได้

    ซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง

    ข้อดีอย่างหนึ่งที่สำคัญของการเทรด Forex เมื่อเทียบกับการเทรดออปชั่นคือ เทรดเดอร์สามารถเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ทุก 5 วันต่อสัปดาห์ ตลาด Forex เปิดเป็นเวลานานกว่าตลาดอื่น ๆ ดังนั้นผู้ค้าที่ต้องการทำกำไรมากขึ้นสามารถใช้เวลาในการซื้อขายทุกสัปดาห์มากขึ้น หากมีเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญ นักเทรดฟอเร็กซ์สามารถใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์นี้เพื่อสรุปการซื้อขายได้อย่างรวดเร็วบนคอมพิวเตอร์และผลกำไรของเขา เทรดเดอร์จะไม่ต้องรอการเปิดตลาดเช้าเหมือนเทรดเดอร์ออปชั่น

    ความเร็วในการดำเนินการซื้อขาย

    ผู้ค้า Forex พบว่าคำสั่งที่พวกเขาวางไว้นั้นถูกดำเนินการทันที เนื่องจากมีสภาพคล่องในตลาด Forex มากมาย คำสั่งจะดำเนินการในราคาที่ดีที่สุด ผู้ค้าไม่ต้องเสียเวลาคาดเดาราคาที่คำสั่งอาจได้รับการสรุป สิ่งนี้ตรงกันข้ามกับการซื้อขายออปชั่น ซึ่งมักจะมีความล่าช้าในการดำเนินการคำสั่งเนื่องจากขาดสภาพคล่อง เนื่องจากคำสั่งอาจ ‘ลื่น’

    สภาพคล่อง

    เนื่องจากปริมาณรายวันของตลาด Forex อยู่ที่ประมาณสองล้านล้านโดยเฉลี่ย ดังนั้นตลาด Forex จึงมีสภาพคล่องมากกว่าตลาดอื่น ๆ รวมถึงตลาดสำหรับการซื้อขายออปชั่น ดังนั้นเมื่อผู้ค้าทำการซื้อขาย Forex ให้เสร็จสิ้น มันจะถูกดำเนินการเร็วกว่าการซื้อขายออปชั่นที่เขาวางไว้ในเวลาเดียวกัน การดำเนินการซื้อขายที่เร็วขึ้นอาจส่งผลให้มีกำไรมากขึ้น เนื่องจากการเทรด Forex เกือบทั้งหมดดำเนินการในทันที เทรดเดอร์จะทำการเทรดได้เร็วขึ้น โดยใช้กำไรของการเทรดอื่นๆ

    ไม่มีค่าคอมมิชชั่น

    ในการซื้อขาย Forex มีตลาดระหว่างธนาคารที่ผู้ซื้อพบผู้ขายที่ตรงกันทันที และไม่มีค่าคอมมิชชั่นจ่าย ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมนายหน้าให้กับพ่อค้าคนกลางเหมือนตลาดอื่นๆ บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขาย Forex กำลังทำกำไรส่วนหนึ่งจากส่วนต่างระหว่างราคาเสนอขายและราคาเสนอซื้อ ดังนั้นผู้ค้าสามารถประหยัดเงินสำหรับการซื้อขาย Forex ได้เมื่อเทียบกับการซื้อขายตัวเลือก ซึ่งต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้กับบริษัทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่พวกเขาใช้

    เลเวอเรจเปรียบเทียบ

    เลเวอเรจมีความสำคัญสำหรับผู้ซื้อขายที่รู้ว่ามูลค่าของสกุลเงินจะเปลี่ยนไปอย่างไร ผู้ค้า Forex ออนไลน์มีเลเวอเรจมากกว่าผู้ค้าตัวเลือก นักเทรดฟอเร็กซ์บางรายสามารถรับเลเวอเรจ 200:1 ในขณะที่เลเวอเรจสำหรับออปชั่นมักจะน้อยกว่า อย่างไรก็ตาม นักเทรดออปชั่นมีตัวเลือกการโทรและพุทเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยเพิ่มเลเวอเรจได้อย่างมากหากใช้อย่างเหมาะสม ดังนั้นการซื้อขายฟอเร็กซ์จึงให้ผลกำไรมากกว่าสำหรับผู้ค้าที่ทำการค้าที่ถูกต้องเนื่องจากมีเลเวอเรจที่มากกว่า

    การจำกัดความเสี่ยง

    หนึ่งในคุณสมบัติของระบบออนไลน์ที่ใช้สำหรับการซื้อขาย Forex คือผู้ค้า Forex จำกัดตำแหน่งของตน ดังนั้นความเสี่ยงจึงมีจำกัด และเมื่อจำนวนหลักประกันมากกว่ามูลค่าบัญชีเป็นดอลลาร์ ระบบจะเริ่มเรียกหลักประกันโดยอัตโนมัติ สิ่งนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าการสูญเสียของผู้ซื้อขาย forex จะถูกจำกัด หากการคาดการณ์ของเขาไม่ถูกต้อง คุณลักษณะด้านความปลอดภัยในตลาด Forex นี้อาจไม่มีให้สำหรับตัวเลือกของตลาดการเงิน สำหรับออปชั่น เทรดเดอร์สามารถเทรดได้ในช่วงเวลาจำกัดเท่านั้น มิฉะนั้น ตัวเลือกจะหมดอายุ ไม่เหมือนกับ forex

    ดังนั้นในขณะที่เลือกระหว่างการซื้อขายใน Forex และออปชั่น เทรดเดอร์ควรพิจารณาถึงความเสี่ยงที่เขาสามารถรับได้และรูปแบบการซื้อขายที่ต้องการ นักเทรดบางคนพบว่ามีข้อดีหลายประการของการเทรดฟอเร็กซ์สำหรับการทำกำไรที่มากขึ้น หากพวกเขาพัฒนาระบบการเทรดที่เหมาะสมและอยู่ในขอบเขตสำหรับบัญชีของพวกเขา เทรดเดอร์ที่สนใจควรเริ่มค้นคว้าเกี่ยวกับโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ต่างๆ เพื่อค้นหาโบรกเกอร์ที่เหมาะสมในการเปิดบัญชีฟอเร็กซ์

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    ข้อดีของการเทรด Forex คืออะไร?

    ตุลาคม 6, 2022

    ข้อดีของการเทรด Forex คืออะไร?

    การซื้อขาย Forex เป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งสามารถซื้อขายได้ด้วยเงินทุนเริ่มต้นเพียงเล็กน้อย ต้นทุนในการทำธุรกรรมเพียงเล็กน้อย ซึ่งไม่มีผู้ค้าสถาบันรายใดสามารถควบคุมราคาตลาดได้

    หากคุณเป็นเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ การเทรด Forex คือสิ่งที่ใช่สำหรับคุณ เป็นตัวเลือกที่มีอยู่ในตลาดโลกสำหรับคุณ ให้ผลกำไรสูงและคุณสามารถมีประโยชน์มากมายในชีวิตประจำวันของมัน แต่เชื่อฉันเถอะ คุณสามารถได้รับประโยชน์ทั้งหมดของการซื้อขาย Forex ได้หากคุณมีประสบการณ์เท่านั้น มิฉะนั้น อาจไม่ใช่งานที่คุณเลือก แต่เมื่อเรียนรู้ความแตกต่างเล็กน้อยของมันแล้ว คุณสามารถเก็บเกี่ยวผลกำไรได้สูง

    ข้อดีของการซื้อขาย Forex คือ:

    • ชั่วโมงการทำงาน – สิ่งที่ดีที่สุดอย่างแรกเกี่ยวกับการซื้อขายนี้คือคุณสามารถทำงานได้ตลอดเวลาของวัน เป็นตัวเลือกที่ให้บริการตลอด 24 ชม. คุณสามารถพักในวันหยุดสุดสัปดาห์ได้เช่นกัน เนื่องจากตลาดปิดทำการในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เวลาทำการของตลาดคือตั้งแต่ 17.00 น. ในวันอาทิตย์ EST การซื้อขายเริ่มต้นในสหรัฐอเมริกาและสิ้นสุดเมื่อตลาดซื้อขายหลักปิดภายในวันศุกร์ 17.00 น. EST ไม่มีช่องว่างขนาดใหญ่ในการซื้อขายเนื่องจากตลาดไม่ได้ทำงานเฉพาะในช่วงสุดสัปดาห์เท่านั้น
    • สภาพคล่องสูง – สภาพคล่องเป็นประโยชน์หลักของการซื้อขาย Forex เนื่องจากเป็นเหมือนกับความสามารถของสินทรัพย์ที่จะแปลงเป็นเงินสด ดังนั้นเมื่อกล่าวว่าการเทรดของคุณมีสภาพคล่องสูง นั่นหมายความว่าคุณสามารถทำเงินได้จำนวนมาก หรือคุณสามารถมีปริมาณมากในการเทรดในวันนั้น ๆ สิ่งนี้จะอยู่ภายในสเปรดขนาดเล็กเช่นกัน ล้านล้านดอลลาร์ไหลทุกวันในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ไม่มีผู้ค้าสถาบันรายใดที่สามารถควบคุมราคาตลาดได้
    • ต้นทุนการทำธุรกรรมขนาดเล็ก – ค่าสเปรดเหล่านี้เป็นเงื่อนไขที่สำคัญในการซื้อขาย เนื่องจากเป็นความแตกต่างระหว่างจำนวนราคาเสนอที่คุณอาจแก้ไขและจำนวนเงินที่ผู้มีโอกาสเป็นผู้ขายอาจเสนอให้ สเปรดนี้จะเป็นการจ่ายจริง ๆ สำหรับผู้ที่มีส่วนร่วมในการซื้อขายนี้ ดังนั้น ต้นทุนการทำธุรกรรมโดยทั่วไปจะมีขนาดเล็กเมื่อเราเปรียบเทียบกับต้นทุนการทำธุรกรรมหุ้น
    • เลเวอเรจ สูง – คุณจะเห็นได้ว่าโบรกเกอร์ที่ซื้อขาย Forex เหล่านี้มักจะปล่อยให้ผู้ขายและผู้ซื้อในตลาดใช้เลเวอเรจในปริมาณที่พอเหมาะ เลเวอเรจสูงถึง 1:1000 นี่คือสิ่งที่ทำให้พวกเขาสามารถซื้อขายด้วยจำนวนเงินที่สูงกว่าสิ่งที่พวกเขามีอยู่จริงในบัญชีของพวกเขา ดังนั้น เลเวอเรจนี้จึงทำให้คุณสามารถควบคุมการค้าขายด้วยเงินทุนที่น้อยกว่าที่คุณมีจริงๆ
    • ล้างวงจรราคาที่เพิ่มขึ้นและลดลง – ข้อดีอีกประการหนึ่งของการมีส่วนร่วมในการซื้อขาย Forex คือคุณจะได้รับประโยชน์เมื่อราคาเพิ่มขึ้นหรือลดลง ปัจจัยทั้งสองนี้เหมาะสำหรับคุณโดยขึ้นอยู่กับว่าคุณใช้ปัจจัยเหล่านี้อย่างไร หากคุณเห็นคู่สกุลเงินที่จะเพิ่มราคา คุณสามารถซื้อได้หรือในทางกลับกัน นี่คือข้อดีเหนือตลาดหุ้นและการซื้อขายฟอเร็กซ์
    • ทุนเริ่มต้นขนาดเล็ก:ผู้ค้าสามารถซื้อขายในตลาดฟอเร็กซ์ด้วยทุนเริ่มต้นขนาดเล็ก คุณสามารถเริ่มต้นที่ $500 ในตลาดหุ้น เทรดเดอร์มักจะต้องเริ่มต้นที่ $25,000

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    14 เทคนิคการเลือกใช้ระบบเทรด forex indicator ให้การเทรดมีแต่กำไร

    ตุลาคม 5, 2022

    1.เลือกระบบเทรด forex indicator ที่เสียเงินก่อนเสมอ

    ถ้าจะต้องเริ่มต้นใช้ระบบเทรด forex indicator แล้ว ผมแนะนำว่าให้ลองมองหาระบบเทรด forex indicator ที่คุณจะต้องจ่ายเงินซื้อมา เป็นอันดับแรกก่อนเลยนะครับ รู้ว่าของฟรีในวงการ forex indicator นั้นมีอยู่จริง แต่ในเมื่อเราเพิ่งเริ่มต้น เงินทุนของเราก็ยังมีไม่มาก การเลือกระบบเทรด forex indicator ที่เราต้องจ่ายเงินออกไปก่อน ส่งผลต่อความปลอดภัยในอนาคตของเรามากกว่าครับ ดังนั้น ยอมจ่ายก่อน แล้วคุณจะรู้ว่าการลงทุนด้วยเงิน บางทีมันก็ทำให้อะไรๆง่ายขึ้นมากทีเดียว

     

    2.ทดสอบระบบเทรด forex indicator ที่ฟรีบ้าง

    ในระหว่างที่คุณซื้อระบบเทรด forex indicator และเริ่มทำการทดสอบ อยากให้คุณลองเปิดบัญชีแกประเภทหนึ่ง จากนั้นเริ่มต้นทำการทดสอบระบบเทรด forex indicator ที่คุณไม่ต้องจ่ายเงินดูประกอบกัน   บางทีแล้วการเลือกระบบเทรด forex indicator ที่ไม่ต้องจ่ายเงิน ก็เป็นตัวช่วยที่สำคัญ ที่อาจส่งผลต่อความสำเร็จทางการเงินของคุณในอนรคตก็เป็นได้ และนี่ถือเป็นเรื่องสำคัญมากๆเลยทีเดียว เคยพบกับระบบเทรด forex indicator ที่สามารถช่วยตัดสินใจได้ดี และมีความคลาดเคลื่อนน้อย (ปัจจุบันยังใช้อยู่) จนแทบลืมของเสียเงินไปเลย

     

    3.อย่าดูเบาคนไทย

    ถ้าคุณเจอคนไทยทำระบบเทรด forex indicator ออกมา อย่าเพิ่งไปรังเกียจเขา หรือมองว่า ทำไมต้องทำด้วย มันน่าจะไม่ดี หรือไม่ Work คนไทยกันเองนี่ล่ะทำระบบเทรด forex indicator ได้เก่งสุดยอดมากเลย ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นนะหรือ เพราะคนไทย มีสัดส่วนของผู้ที่เทรด forex มากติดอันดับโลก และการที่มีคนเป็นจำนวนมากเทรด forex นี้เอง มันทำให้ผลักดันให้มีคนเก่งปรากฎเข้ามาในตลาดมากขึ้นนั่นเอง ดังนั้นอย่าดูเบาคนไทยโดยเด็ดขาด รับรองว่าระบบเทรด forex indicator ชองไทยนั้นเด็ด! แน่นอน

     

    4.Back Test สำคัญที่สุดใน โลก

    ในโลกของระบบเทรด forex indicator การเลือกที่จะ BT ข้อมูลก่อนอย่างน้อยสัก 3 เดือน ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยให้คุณสามารถทำกำไรในตลาด forex ได้จริงครับ อย่าลืมทำตามข้อนี้เสมอๆ ตั้งค่าทดสอบอย่างน้อย 3 เดือน และลองดูว่ามีค่าที่แสดงผล Error ออกมาคิดเป็น % ของความผิดพลาดนั้นเป็นกี่จุด สิ่งนี้จะเป็นตัวที่การันตีถึงความสำเร็จในการเทรด forex ในอนาคตเลยด้วย

     

    5.อย่าฟังหรือเชื่อข้อมูลที่คุณนั้นไม่ได้ทดสอบด้วยตนเอง

    เราเคยเสียเงินเป็นจำนวนมากจากการที่ มีคนบอกว่าระบบเทรด forex indicator นั้นดี โดยที่ผมไม่ได้ทดสอบด้วยตนเอง เพราะบางทีแล้วระบบเทรด forex indicator บางตัวนั้นไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้เราเป็นคนใช้ มันมีค่าที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นจงเลือกใช้แต่เฉพาะที่เราสามารถทดสอบได้เท่านั้นพอ ท่องเป็นหลักการสำคัญไปเลยว่า ถ้าไม่ทดสอบ ก็ไม่มีทางที่จะซื้อมาได้อย่างเด็ดขาด! อย่าไปลงทุนในสิ่งที่เรายังไม่มั่นใจ

     

    6.ย้อนหลังอย่างน้อย 3 เดือน

    กล่าวไปแล้วในข้อข้างต้น แต่อยากมาย้ำอีกรอบว่าคุณจะต้องทำการทดสอบระบบเทรด forex indicator อย่างน้อย 3 เดือน เพื่อตรวจสอบค่าที่มัน Error ครับ ยิ่งตรวจสอบมากเท่าไหร่ และคำนวณ % ของค่าความผิดพลาดออกมามากเท่าไหร่ คุณก็จะสามารถมองเห็นยอดเงิน % ในการทำกำไรของคุณมากยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ตรงนี้ล่ะถือเป็นผลลัพธ์ที่ดีมากๆ และผมมักพบว่าระบบเทรด forex indicator ที่ผ่านเกณฑ์การทดสอบ 3 เดือน มักสามารถทำกำไรได้ค่อนข้างดี

     

    7.ตรวจสอบระบบเทรด forex indicator ในช่วงข่าวด้วย

    มีอยู่อย่างหนึ่งที่คุณอาจต้องทำคือ อย่าลืมตรวจสอบระบบเทรด forex indicator ในช่วงที่มีข่าวด้วยนะครับ บางทีแล้วในช่วงนั้นอาจเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ  เพราะสามารถช่วยให้คุณมองเห็นโอกาสในทางธุรกิจเพิ่มขึ้น ดังนั้นอย่าลืมสิ่งที่บอกกล่าวไปว่า การตรวจสอบข้อมูลในช่วงข่าวก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง

     

    8.บางทีเว็บระบบบเทรด forex indicator ที่ดีมีคุณภาพก็เป็นตัวบ่งชี้

    ลองมองดูว่าเว็บที่เป็นระบบเทรด forex indicator นั้นมีคุณภาพมากน้อยแค่ไหนด้วยนะ บางทีสิ่งง่ายๆนี้เองก็เป็นตัวที่เราใช้บ่งชี้ถึงความแตกต่างในเรื่องของคุณภาพของระบบเทรด forex indicator ที่เราจะเลือกใช้งานด้วย ดังนั้นเน้นไปที่คุณภาพของการบ่งชี้คือสิ่งที่ดีที่สุด เว็บที่ดีกว่าย่อมได้เปรียบกว่าเว็บที่มีคุณภาพต่ำอยู่แล้ว

     

    9.ทดสอบเงินจริง 30% ก่อน

    จงทดสอบที่เงินจริงของคุณก่อน เมื่อเราได้ระบบเทรด forex indicator ที่เราถูกใจและผ่านการทดสอบในสนามมาเรียบร้อยแล้ว เมื่อถึงคราวที่จะต้องเทรดจริง ผมอยากให้คุณลงมือใช้เงินเพียง 30% เพื่อทำการทดสอบก่อน เพราะพบว่าสิ่งที่อยู่ในสนามสำรองนั้น เวลาขึ้นไปที่สนามจริง ก็จะมีผลลัพธ์ที่ต่างกันเช่นกัน

     

    10.อย่าลืมเรื่องของระบบ VPS ด้วยนะ

    อย่าลืมในเรื่องของ VPS ด้วยนะ เรื่องนี้ถือเป็นอีกจุดหนึ่งที่มีความสำคัญครับ กล่าวคือ หากคุณทำการใช้ระบบเทรด forex indicator และรันบน EA คุณมีความจำเป็นต้องเปิดโปรแกรมหรือเว็บไว้ ดังนั้นคุณจำเป็นต้องรันมันให้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นอย่าลืมในเรื่องของระบบ VPS ที่จะมารองรับเรื่องราวเหล่านี้ด้วย ไม่อย่างนั้นแล้วเวลาคอมดับ คุณอาจขาดทุนกะทันหันเลยก็ได้

     

    11.หมั่นตรวจสอบข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ

    เมื่อเริ่มใช้ระบบเทรด forex indicator ไปสักระยะ การตรวจสอบข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ คือวิธีการที่ดี และช่วยให้คุณไม่ต้องกังวลว่ารายได้ของคุณนั้นจะเป็นอย่างไร บางทีในระหว่างการรัน EA ด้วยการใช้ระบบเทรด forex indicator ที่คุณติดตั้ง อาจเกิดปัญหาค้าง หรือเป็นปัญหาทางเทคนิค ซึ่งถ้ามันเกิดขึ้น คุณจะสามารถแก้ปัญหาได้ทัน แต่ถ้าไม่หมั่นเข้ามาตรวจสอบเลย อันนี้อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ลุกลามไปในอนาคตสำหรับตัวคุณก็ได้

     

    12.แลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้ที่เคยใช้ Indicator นั้นๆ

    ไหนๆก็มีระบบเทรด forex indicator ที่เราซื้อมาใช้แล้ว อย่าลืมแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์กันระหว่างผู้ที่ใช้ กับคนอื่นๆด้วย เพราะสิ่งนี้จะเป็นเครื่องมือ และแหล่งข้อมูลสำคัญที่จะทำให้คุณตัดสินใจทั้งการเปลี่ยนแปลง การไม่ใช้งานมัน หรืออาจเป็นการอัพเดทระบบให้มันดีขึ้นกว่าเดิม สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อคุณได้แลกเปลี่ยนข้อมูลนี้กับคนอื่นๆ

     

    13.ถ้าขาดทุนต้องหยุด ห้ามใช้ต่อเด็ดขาด

    ถ้าระหว่างที่ใช้ระบบเทรด forex indicator แล้วเกิดภาวะขาดทุน ยังงี้ต้องหยุดการใช้ออกไปก่อนนะครับ เพราะอาจเกิดอันตรายอย่างมากต่อกระสุนของคุณที่มี บางทีระบบเทรด forex indicator ตัวนั้นๆอาจหมดอายุแล้ว หรือไม่สามารถที่จะใช้งานได้แล้วอีกต่อไป จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหยุดการใช้งาน

     

    14.อย่าใช้ forex indicator เพียงแค่เจ้าเดียว

    ถ้าคุณเจอของดี อย่าเลือกใช้บริการแต่เพียงเจ้าเดียวเท่านั้นแต่ให้เลือกใช้ระบบเทรด forex indicator ของเจ้าอื่นๆที่มีคุณภาพไม่แพ้กันประกอบไปด้วย เพื่อที่ว่าคุณจะได้มีโอกาสในการเพิ่มพูนแนวทางในการสร้างความสำเร็จทางการเงินเพิ่มเติมขึ้นมาได้อีกครั้งครับ อย่ารอช้า จงทำแล้วคุณจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการวิเคราะห์ Closr System ระบบเทรดforex

    ตุลาคม 5, 2022

    Close System  เป็นเหมือนฐานทัพ เป็น Base ของกองทุน หรือ Firm ต่างๆในโลก ที่เห็นเค้าเทรดๆๆ Day Trade หรือ Scalping ต่างๆ นั้นเค้าเทรดบนกำไร หรือ CF จาก Close system ทั้งนั้น ไม่มีหรอกที่จะให้มาเทรดบนเงินทุน

    การบริหาร Port ก็จะแบ่งเป็น 2 step
    1. ทำ Close System ( บริหารเงินทุนเริ่มต้น)
    2. เอา CF ไปต่อยอด (ทำ Day Trade)
    แต่จากข้อ 2. ก็จะแยกไปอีก 2. ข้อ คือ
    2.1 แบ่ง CF จาก Day Trade ที่ได้มาเล่น HFT (หรือ Scalping)
    2.2 แบ่ง CF อีกส่วนนึงมาเล่นกับ Trend (กินยาวๆ)

     

    เทคนิคการทำ Close System ระบบเทรดforex
    แต่ก่อนจะเข้า close system ต้องมี mindset ก่อน คือ วินัยสำคัญที่สุด สำคัญกว่าการถูกผิด แม้จะยิงถูกทางได้กำไร แต่ถ้าผิดวินัยก็ต้องถูกลงโทษ
    Close System = ระบบปิด เป็นระบบที่ไม่ต้องเติมเงินเข้า port แล้วก็ต้องไม่ตาย (ไม่ล้างพอร์ต)
    ซึ่งก็ทำได้โดยการที่เราต้องคำนวณ Buffer ของกระสุนแต่ละนัดของ close system ว่า จะใช้ทุนรองรับเท่าไหร่
    เช่น เรามีทุน $3,000 เราอยากเทรด ทอง กระสุน นัดละ 0.01 lot จะกำหนดได้กี่นัด ก็มาคำนวณ
    สมมติ ให้ worse case ทอง อาจจะลบไปมากสุดที่ $800 (กรณีเทรดฝั่ง Long) ก็เตรียมไว้เผื่อโดนลาก $500 / 0.01 lot
    เราก็จะมีกระสุน $3,000 / $500 = 6 นัด ( 0.01 x 6 )
    ถ้าคิดจะเสี่ยงขึ้นมาหน่อยก็ลด buffer ลงจาก $500 ต่อนัด อาจจะเหลือ $400 , $300 ก็ได้ เงิน $3,000 ก็จะมีกระสุนเยอะขึ้นแลกกับความเสี่ยงที่มากขึ้น (อยู่ที่เราออกแบบ)  ถ้าเราวางระบบไว้แบบนี้ เราก็ไม่มีความจำเป็นต้อง Cut Loss

    Close System ทำขึ้นมาเพื่อ
    1. สร้าง Cash Flow  ได้สม่ำเสมอ
    2. เป็น Passive Income ให้ port
    3. อยู่รอดในตลาดในนานๆๆๆๆๆ
    จากนั้นก็จะเป็นระบบเทรดของ Close System

    1. Direction Bias

    ฝึก Focus ทีละทิศทาง มีตัวกำหนดว่าตอนนี้เราจะเล่น Bias ทางไหน แล้วเมื่อไหร่จะเปลี่ยนทางเล่น ในตัวอย่างใช้ ถ้า Price ยืนเหนือ Moving ก็ให้เล่นฝั่ง Long ถ้าอยู่ต่ำก็เล่น Short Bias โดยจะเป็นการเล่นหน้าเดียวตาม Bias หลักที่เรา set ไว้
    เอาง่ายๆคือ กำหนด Bias หลักจาก TF ใหญ่ๆ เพราะ กราฟ TF ใหญ่ๆ เช่น TF Day  ซึ่ง Trend มันเปลี่ยนช้า ว่าตอนนี้เรามองทางไหน เช่นถ้าเรามองทาง Long Bias เราก็เลือกจิ้มเลยว่าจุดไหน จังหวะไหนเราจะ Long บ้าง  ทีนี้ก็จะต่อมาที่ข้อ 2

    2. ระบบ ลดต้นทุน   

    สมมุติเราเลือกเล่นทาง Long
    Long คู่ AUDJPY ที่ 94 แล้วไปปิดที่ 95 การลดต้นทุน คือ การรับคืนให้ถูกกว่าที่ปิดตะกี้ จะรับคืนก็ต่อเมื่อมันลงมาต่ำกว่า 95 พอมันลงมาต่ำกว่า 95 ก็จะเลือกจิ้มแบบข้อ 1 ว่าเราจะเข้าตรงไหน ยังไง ตามใจเรา
    แต่ถ้ามันไม่ลงมา กระสุนนัดนั้นก็จะไม่สามารถเอามาซื้อได้
    เช่นสมมุติเราตั้งใจจะเทรด คู่ AUDJPY 5 bullet นัดละ 0.01 lot
    หากเราปิดที่ 95 แล้วมันไปต่อ เราใช้นัด 1 ไปแล้ว โดน lock ที่ราคา 95 หากราคาเหนือ 95 ขึ้นมาเราก็ไม่สามารถเอานัด 1 มาไล่ราคาได้
    ต้องงัดนัด 2 ออกมาใช้
    แล้วหากนัด 2 ปิดแล้วไปต่อ นัด 2 ก็ โดน Lock จะซื้อโซนสูงๆ ก็ต้องงัดนัด 3
    ถ้าวางโซนไม่ดี กระสุนก็หมดนะจ๊ะ อิอิถ้าเราไม่เอากระสุนไล่ราคา กระสุนของเราก็จะมีต้นทุนลดลงเรื่อยๆๆ อันนี้คือระบบลดต้นทุนครับ

    3. แบ่งโซน
    แบ่งโซนด้วย ATR Day นับจากราคาที่เข้า position
    เช่น ทอง เราเข้า Long ที่ 1305 ATR Day วันนี้อยู่ที่ 15 หากมันร่วงลงมา เราจะเข้าได้ก็ต่อเมื่อมันลงไปต่ำกว่า 1290 เท่านั้น ( 1305 – 15 ) นั่นคือ safety factor ของเรามันเป็นการป้องกันไม่ให้เราเข้าถี่เกินไป เพราะเวลาเราเทรดแล้วติดดอย เราจะเกิดการอยากเอาชนะ ยิ่งลงยิ่งอัด ยิ่งลงยิ่งถัว ระยะ ATR ตรงนี้จะเป็นตัวช่วยเราไม่ให้เรายิงถี่ ติดดอยแบบซ้ำโซน

    4. เลือก Product
    ทำไมต้องเลือกระบบเทรด Forex ก็เพราะว่า Forex มันแกว่งในกรอบจำกัด ยกตัวอย่างเช่น USDTHB มันแกว่งกรอบ 25-50 มากี่ปีแล้วไม่เคยหลุดเลยแต่ที่เรารู้สึกว่า Forex มันโหด เพราะเราเล่นมันอยู่บน Leverage ที่สูง 1:500 อะไรงี้ เราเลยรู้สึกว่ามันโหดอีกข้อก็คือ สภาพคล่องมันสูง และ ความผันผวนเยอะด้วย market model ดักกินตังค์ได้ง่ายดี 555 อันนี้เติมเองนะ อิอิพอเราวางระบบ close system แล้วเทรดก็จะมี CF เรื่อยๆ ก็นำไปต่อยอดในระบบ Day Trade ต่อ

    มาเข้าการทดลองของระบบเทรด  Forex พอร์ตที่จะใช้ เทรด ใช้ บัญชี  Cent   ของ  EXNESS ,  FBS  และ  Micro ของ XM  ทุนเริ่มต้น อยู่ในช่วง  600 $ – 700 $  อาจจะไม่เต็มจำนวนของระบบ   Close System ใน  Forex   ราคาต่ำสุดของคู่เงินอยู่ที่  0.0000  ถึงจะล้างพอร์ตและ เทรดใน ขา  Long Only   ขอใช้คู่  AUD/CHF  และ  NZD/USD ส่วนคู่อื่น ๆ ไว้โอกาสต่อไป

    คู่ AUD/CHF  กราฟเดือน ราคาขณะที่เขียนบทความอยู่ที่  0.73586 แนวรับอยู่ที่ 0.66835  เดี๋ยวเราย่อยกราฟลงไปที่ระดับ  Week  เพื่อหาแนวรับที่จะสูงขึ้นกว่า กราฟเดือน

    กราฟ Weekly

    กราฟ Day

    กราฟใน  TF   ที่เล็กลง  Week  มีแนวรับเพิ่มขึ้นมา แนวรับที่ 1 => 0.70623  แนวรับที่ 2 ใช้แนวรับของกราฟเดือน  => 0.66835

    มาดูที่กราฟ Day  มีแนวรับเพิ่มขึ้นอีก ที่ => 0.72647    แนวรับที่ 2  ใช้ของกราฟ  Week => 0.70623    ลงไปที่  TF 4 hr ดู

    ใน กราฟ 4 hr ราคาได้ทะลุ แนวรับที่ 1  ลงมาแล้ว  รอดูว่าจะลงไปแนวรับที่ 2  ซึ่งเป้นแนวรับของกราฟ  Day  หรือเปล่า

     

    แนวการเทรดของคู่  AUD/CHF

    ก่อนอื่น คำนวณต้นทุนตามระบบ   ราคา => 0.73586   ทุนที่จะใช้จริง ๆ คือ 735 $  บัญชี  Mini ของ  Exness  จะเปิดได้ 0.01  เพียง 1  ออร์เดอร์  เมื่อราคาลงไปที่ 0.0000  จึงล้างพอร์ต  ในความจริง เป็นไปไม่ได้เลย  ….  บัญชี  Mini  ดูแล้วต้องใช้มือเทรด และต้องเฝ้าเปิด ออร์เดอร์ ตามแนวรับ ค่อนข้างยากในการเทรด

    เปลี่ยนมาเป็น บัญชี  Cent ทุน 735 $ => 73 500 usc  เปิด ออร์เดอร์ สูงสุด 1.0 lotเรามาแยกเป็น  0.5 , 0.5  หรือ 0.25,0.25,0.25,0.25  หรือ  0.1 X 10  ถ้าแบ่งออร์เดอร์ออกมาได้แล้ว ก็สามารถใช้  EA  เข้าช่วยเทรดได้ทันที

    ใช้  EA  ตัวไหนก็น่าจะได้  แล้วเปิด  Only Long   ถ้าเป็น EA  แนว  Martingel  ก็ตั้งค่าให้ ออร์เดอร์ที่  2,3,4  ให้เท่ากับ ออร์เดอร์ที่ 1  ส่วนการทดลองครั้งนี้ ใช้  My robot Plus  ซึ่งสามารถตั้งค่า ใน ออร์เดอร์ที่ 2,3,4,5 …..  เท่ากับ ออร์เดอร์แรก

    ราคาในวันเริ่มต้นการทดลอง  อยู่ที่   0.73586

    กราฟเดือน แนวรับที่ 0.62641   แนวรับที่ 2  0.4927  แนวรับที่ 2  คงไม่น่าลงไปถึง เดี๋ยวมาดูที่กราฟระดับ  Week

    กราฟ Week  แนวรับที่ 1 => 0.66824   แนวรับที่ 2 ใช้ของ กราฟ เดือน  => 0.62641

     

      กราฟ Day  ราคาผ่านทะลุแนวรับแรกลงมาแล้ว  แนวรับที่ 2  ใช้ของกราฟ  Day ที่ราคา  0.66824  ส่วนกราฟ 4 hr  นั้น ราคาหลุดทุกแนวรับเรียบร้อยแล้ว

     

    แนวการเทรดของคู่  NZD/USD

    บัญชี  Cent ทุน 680 $ => 68 000  usc  เปิด ออร์เดอร์ สูงสุด 1.0 lot เรามาแยกเป็น  0.5 , 0.5  หรือ 0.25,0.25,0.25,0.25  หรือ  0.1 X 10  ถ้าแบ่งออร์เดอร์ออกมาได้แล้ว ก็สามารถใช้  EA  เข้าช่วยเทรดได้ทันที ใช้  My robot Plus  เหมือน  AUD/CHF

     

    การตั้งค่า  EA    ตามภาพข้างบน เน้น  Long

    เริ่มการทดลอง พอร์ต เดโม ทุน  73500  เทรด คู่  AUD/CHF  และทุน 50000 เทรดคู่  NZD/USD  คิดว่า ทุน  50 000  น่าจะเอาอยู่

    ทั้ง 2  พอร์ต เปิด ออร์เดอร์  กราฟที่ 1 = 0.1 X 10   ,ส่วน กราฟที่ 2 = 0.11 X 10  จะใช้เมื่อกราฟผิดทางและลงมาลึก

    กราฟ Day  ก็ยังใช้ แนวรับของกราฟ  Week    ใช้ทุน   50 000 USD เปิด ออร์เดอร์  กราฟที่ 1 = 0.1 X 12   ,ส่วน กราฟที่ 2 = 0.13 X 10  จะใช้เมื่อกราฟผิดทางและลงมาลึก และจะล้างพอร์ตเมื่อราคาลงไปที่ ราว ๆ 40.xxx  (คงเป็นไปได้ยากมาก) แค่เรา ลดความโลภ

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการเลือกวิธีเทรดให้เหมาะกับคุณ

    ตุลาคม 5, 2022

    เทคนิคการเทรดด้วยระบบเทรด Forex แบ่งออกเป็น 4 แนวทางหลัก คือ 

    1.เทคนิคการเทรดด้วยระบบเทรดforexโดยยึดหลักการวิเคราะห์ด้วยกราฟ หรือ หรือเทคนิคอล(technical)  การเทรดด้วยระบบเทรด Forex ด้วยวิธีนี้เป็นที่นิยมมากที่สุดในบรรดาเทรดเดอร์ทั้งไทยและต่างประเทศ เพราะราคาที่เคลื่อนที่ทำให้เกิดกราฟขึ้นมา ทำให้เราเห็นสถานการณ์ต่างๆ ในตลาด ในการเลือกทิศทางที่เราจะซื้อ Buy หรือ Sell ซึ่งโดยส่วนใหญ่มืออาชีพจะมีระบบเทรดที่คาดการณ์ได้ถึง 70% และถ้าเซียนจริงๆ อาจมีเปอร์เซ็นต์ถูกถึง 90%

    ข้อดีของระบบเทรด Forex ด้วยเทคนิคอล คือ ไม่ต้องใช้ความรู้สึกในการวิเคราะห์, มีสูตรที่แน่นอน สามารถทำตามได้, มีระบบเทรด และอินดิเคเตอร์ (indicator) ขายอยู่มากมาย

    ข้อเสียของระบบเทรดforex ด้วยเทคนิคอลคือ สิ่งที่วิเคราะห์เป็นอดีต ไม่ใช่อนาคต เรามองไปในอดีตและหวังว่าอนาคตจะเป็นเช่นนั้นเราก็ได้แค่หวัง, สถิติต่างๆเกิดจากค่าเฉลี่ย ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้มีชีวิต บอกสถานการณ์คร่าวๆ เท่านั้น, ต้องอดทนเทรดโดยใช้วิธีเดิมจนกว่าจะครบกำหนดถึงจะนับสถิติการเทรดได้เพราะtradeทุกไม้ ไม่ชนะทุกไม้แน่นอน

    2.เทคนิคการเทรดโดยยึดหลักการวิเคราะห์ด้วยข่าว หรือการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจ ระบบเทรด Forex ด้วยเทคนิคนี้ต้องอ่านข่าว ซึ่งข่าวส่วนมากเป็นภาษาอังกฤษ หรือหาอ่านได้ตามข่าวการเงินประเทศต่างๆ ข่าวเหล่านั้นจะบอกสถานการณ์การเงินในประเทศนั้นๆ และจะบอกในภาพรวมใหญ่ๆ ส่วนข่าวที่ส่งผลในรายวันก็จะเป็นข่าวที่ประกาศตามเวลาซึ่งเมื่อขาวออกค่าเงินนั้นจะวิ่ง ส่วนจะวิ่งขึ้นหรือวิ่งลง ขึ้นอยู่กับข่าวนั้นเป็นผลดีหรือผลเสียต่อค่าเงินนั้นๆ และความแรงก็ขึ้นอยู่กับความแรงของข่าว

    ข้อดีของระบบเทรดด้วยข่าวคือ  รู้ถึงเหตุและผลของการขึ้นลงของกราฟ, เมื่อเข้าใจข่าวอย่างแจ่มแจ้งก็เทรดได้ด้วยความมั่นใจไม่เดาสุ่ม, รู้ก่อนรวยก่อน, ค่าเงินที่ส่งผลต่อตลาดโลกส่วนใหญ่ก็มีไม่กี่ประเทศ เช่น อเมริกา USD, ยุโรป EUD, ญี่ปุ่น JPY, อังกฤษ GBP

    ข้อเสียของระบบเทรดด้วยการวิเคราะห์ข่าวคือ  ถ้าไม่เข้าใจจริงๆก็สับสนได้ เช่น ในบางครั้งข่าวออกดี ส่วนค่าเงินอ่านลงเพราะค่าเงินแข็งไม่ได้แปลว่าเป็นข่าวดีก็ได้เพราะบางประเทศอยากให้ค่าเงินตัวเองอ่อนลง

     

    3.เทคนิคการเทรดโดย โปรแกรมเทรด หรือ EA(Expert Advisors)ระบบเทรด Forex ด้วย EA เป็นสิ่งที่ชอบมาก เพราะเราแค่ป้อนค่า แล้วหา VPS เซิฟเวอร์ รันต่อเนื่องเป็นเดือนๆได้โดยเราไม่จำเป็นต้องเข้าไปดูเลย EA จะทำงานตามคำสั่งที่เราระบุไว้ในโปรแกรมเทรด เมื่อถึงเวลาเราก็เปิดดู กำไรหรือขาดทุนก็ขึ้นอยู่กับ EA เราเจ๋งแค่ไหน

    อีเอ (EA)ดีๆคืออีเอซื้อ การไปต่อคนอื่นๆให้ได้อีเอดีๆ หายาก  อีเอที่สามารถทำเงินได้อยู่ในทุกวันนี้คืออีเอซื้อ ส่วนแหล่งก็ต้องค้นหากันดีๆหน่อย และไม่ควรซื้อแพงเกินไปเพราะไม่มีใครรับรองได้ว่าจะสามารถทำเงินจากมันได้  ส่วนใครจะให้คนเขียนอีเอให้ตามระบบของเราเองก็มีคนรับเขียนอยู่มากมาย สนนราคาอยู่ที่ 2000-5000 บาทต่อตัว ส่วนการซื้ออีเอก็ให้ระวังพวกต้มตุ๋นให้มากๆ  อันนี้ขึ้นอยู่กับสายตาของแต่ละคน อาจจะลองค้นหา scam ea ตามเว็บนอกก็ได้  ส่วน FREE EA อย่าไปยุ่งเลยเสียเวลา 

    ข้อดีของระบบเทรด Forex ด้วย EA คือ ทำครั้งเดียวไม่ต้องยุ่งยากอีก ไม่ต้องใช้อารมณ์คนเทรดมาเกี่ยวข้อง ไม่ต้องกดดัน ไม่ต้องอยู่หน้าจอ แค่หาอีเอดีๆก็พอ อีเอดีๆที่ทำกำไรเดือนละ 10% ของทุน แบบเสี่ยงน้อยๆ มีอยู่มากมายเลย กำไรสูงความเสี่ยงก็มักจะสูงตามเช่นกัน

    ข้อเสียของระบบเทรด Forex ด้วย EA คือ การหาอีเอดีๆ หาไม่ง่าย บางคนซื้อ บางคนจ้างเขียน บางคนไปสมัครต่อ IB เพื่อให้ได้ EA มา กว่าจะเจอของดีจริงๆ ก็อาจหมดทุนไปเยอะแล้ว

     

    4.เทคนิคเทรดโดยก๊อปปี้ออเดอร์คนอื่น หรือ Copy trade คือการ Copy ออเดอร์คนอื่น ตามข้อตกลงของคนที่ให้เรา Copy ถ้าเราอยาก Copyก็ให้หาโบรกเกอร์ที่บัญชีPAMM เช่น Forex4you, Roboforex, hotforex

    ข้อดีของระบบเทรด Forex ด้วย Copy Trade   คือ ไม่ต้องมีความรู้เรื่องการเทรด Forex เลยก็สามารถทำเงินได้ ถึงยังไงก็ต้องเปิดบัญชี ฝากถอนให้เป็นสักหน่อย, สามารถเลือกคนที่มีสถิติดีๆ เก่งๆ เพื่อ Copy ออเดอร์ได้, นอกจากนี้ก็มีข้อดีแบบเดียวกับการเทรดด้วยอีเอคือไม่ต้องเฝ้า ไม่ต้องตัดสินใจเอง ไม่ต้องเหนื่อย, ถ้าเมื่อไหร่เราเก่งก็สามารถเปิดบัญชีให้คนอื่น Copy ได้เช่นกัน

    ข้อเสียของระบบเทรด Forex ด้วย Copy Trade    คือ ส่วนใหญ่จะคิดค่า Copyจากกำไรประมาณ 20-30% ก็ถือว่าสูงนะครับ ถ้าเลือกจริงๆไม่ควรเกิน 20%, ความแน่นอนน้อยกว่า EA,  ก๊อปปี้จากคนเก่ง บางทีก็มีขอเสีย เพราะคนยังไงก็มีอารมณ์ความรู้สึกมาเกี่ยวข้องไม่เหมือน EA ครับคนเก่งยังไงก็แพ้เป็น

    ส่วนการเอาหลายแนวทางนี้มาประยุกต์ มาผสมกัน มีอย่างมากมายหลายหลาก สุดท้ายก็วนอยู่แค่ 4 แนวทางนี้ และส่วนใหญ่คนที่เก่งจริงๆ อาจใช้สามแนวทางแรกมารวมกันได้ ก็จะมีข้อดีของทุกแนวทางมารวมกันและก็ต้องจัดการกับข้อเสียของแต่ละแนวทางเหล่านั้นได้ด้วย

    การเลือกแนวทางระบบเทรด Forex : คุณชอบดนตรีจังหวะไหน ก็เต้นได้ดีกว่าใครในจังหวะนั้น !!!

    ต่ออีกสักนิด จากที่เกริ่นไว้ข้างต้น คือ แนวทางการเทรด คุณเป็นนักเทรดแนวไหน ก็ควรสร้างระบบเทรดในแนวนั้น เท่าที่พิสูจน์มา หลายปี ผมพบว่า ไม่ว่าแนวไหนก็ประสบความสำเร็จได้ ไม่จำเป็นต้องตามใคร สังเกตตัวเอง ในช่วง 1-4 ปีแรกของการเทรดแทบจับต้นชนปลายไม่ถูก คือ ตามคนโน้นคนนี้ไปเรื่อยๆ ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง สุดท้ายมาหยุดอยู่ตรงที่ “การยอมรับตนเอง จริงใจกับตนเองมากขึ้น” ยอมรับข้อเสียหรือด้านมืดของตัวเองว่าเราไม่ได้สมบูรณ์แล้วหาวิธีรับมือกับมัน เมื่อพบความจริงของตัวเองก็พบทางออก

    ย้อนกลับไปวันแรกของการเป็นเทรดเดอร์….แล้วค้นให้เจอ

    ลองถามตัวเองว่า …. อะไรที่ทำให้เราเชื่อว่ามันจะสำเร็จ ในวันแรกที่ตัดสินใจเป็นเทรดเดอร์? เราเชื่อจริงๆ หรือแค่อยากได้ อยากรวย อยากเท่เหมือนคนอื่น เชื่อว่าทุกคนอยาก และก็รู้ว่าในความอยากนั้น คุณมองเห็นเส้นทางบางอย่าง นั่นคือมีความชอบเป็นต้นทุน อยากให้คุณกลับไปสู่ต้นตอความคิดนั้น แล้วสานต่อมัน

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    4 เรื่องที่ต้องรู้ก่อนเทรด forex

    ตุลาคม 5, 2022

     

     

    สำหรับผู้ที่คิดจะเริ่มเข้ามาในตลาด Forex โดยมากอาจจะเกิดจากการชักชวนผ่านการโฆษณาตามเว็บไซต์ต่างๆ หรือแม้กระทั่งใน Youtube ถ้าพิมพ์เรื่องการลงทุนเข้าไป ก็จะมีเรื่องของวิธีเล่น forex มาให้เห็นในลำดับต้นๆ ประกอบกับการทำการตลาดของโบรกเกอร์ต่างๆ ที่ในปัจจุบัน มีเงินเพียง 1$ ประมาณ 33 บาท ก็สามารถเปิดพอร์ตเล่น Forex ได้แล้ว ยังไม่รวมการลด แลก แจก แถม โบนัสต่างๆ อีกมากมาย ที่กล่าวมาทั้งหมดไม่ได้หมายความในเชิงที่ไม่ดี แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งชักจูงใจในเริ่มแรก ทำให้เรามีความสนใจในตลาดนี้เกิดขึ้น แต่หากผู้ที่คิดจะจริงจัง และอยากทำกำไรอย่างยั่งยืนแล้วจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรู้ 4 เรื่อง ดังต่อไปนี้

    1.  เราทำกำไรในตลาด Forex ได้อย่างไร เราทำกำไรในตลาด Forex ผ่านการเก็งกำไรโดยการจับคู่เงิน เช่น EURUSD หมายถึงค่าเงินยูโรเทียบกับเงินดอลลาร์ และนอกจากคู่เงิน EURUSD ยังมีคู่เงินสกุลเงินอื่นอีกมาก ซึ่งสกุลเงินที่คนนิยมเล่นกันคือ USD EUR GBP JPY CHF เป็นต้น ส่วนปัจจัยที่คอยขับเคลื่อนตลาด Forex ให้เกิดการขึ้น-ลง พอจะมีปัจจัยหลักอยู่ 5 ปัจจัยคือ

    ทั้งนี้การเทรด forex นอกจากคู่เงิน EURUSD ยังมีคู่เงินสกุลเงินอื่นอีกมาก ซึ่งสกุลเงินที่คนนิยมเล่นกันคือ USD EUR GBP JPY CHF เป็นต้น ส่วนปัจจัยที่คอยขับเคลื่อนตลาด Forex ให้เกิดการขึ้น-ลง พอจะมีปัจจัยหลักอยู่ 5 ปัจจัยคือ

    • อัตราดอกเบี้ย เช่น การประกาศอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง
    • ภาวะทางเศรษฐกิจ เช่นการประกาศตัวเลข GDP ของประเทศ
    • การเมือง ประเทศที่ไม่มีการขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรงย่อมทำให้ค่าเงินของตนเองมีเสถียรภาพ
    • การค้าการลงทุน ประเทศไหนเป็นแหล่งลงทุนสำคัญย่อมหมายถึงการหมุนเวียนเงินภายในประเทศได้ดี เศรษฐกิจก็ดีตามไปด้วย
    • การซื้อกิจการของธุรกิจขนาดใหญ่ การซื้อกิจการจากประเทศใดก็แล้วแต่จำเป็นต้องใช้เงินสกุลของประเทศนั้น ทำให้ช่วงสั้นๆ มีผลต่อการกวัดแกว่งของค่าเงิน

     

    2. เวลาที่จะให้กับตลาด Forex มากน้อยแค่ไหน   การจะเทรดในตลาด Forex ให้ได้กำไร และมีความยั่งยืน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยการศึกษาควบคู่ไปกับการฝึกฝน ไม่ว่าจะเป็นการเทรดโดยอาศัยการวิเคราะห์เชิงเทคนิค หรือการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ดังนั้นเราจะต้องมีเวลาเพื่อแบ่งมาฝึกฝนตรงนี้ให้เกิดความชำนาญ เพราะโลกนี้ไม่มีอะไรฟรี และผมยืนยันได้เลยว่าอย่ามัวแต่ค้นหาจอกศักดิ์สิทธิ์   (Holy Grail) ในตลาดนี้ เพราะมันไม่มีจริงอย่างแน่นอน เบื้องต้นผมขอแบ่งเนื้อหาพื้นฐานที่ควรเติมให้เต็มก่อนคือ

    • เครื่องมือหรือแพลตฟอร์มการเทรด โปรแกรมเทรด forex ที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือ MetaTrader 4 การศึกษาฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ ให้คล่องแคล่วย่อมเพิ่มโอกาส ในการ  เทรด โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค
    • การใช้อินดิเคเตอร์พื้นฐาน เป็นเหมือนเครื่องมือที่ช่วยเราทำกำไรในตลาด Forex หากเราเข้าใจแล้ว ย่อมเหมือนกับการเลือกใช้เครื่องมือที่ถูกกับประเภทงาน
    • การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน กล่าวง่ายๆเลยคือ อ่านข่าวที่มีผลกระทบต่อค่าเงินเป็น ซึ่งทำความเข้าใจได้ง่าย ผ่านตารางข่าวของ Forex Factory ถ้าเข้าใจก็เปรียบเสมือนเรารู้ทิศทางลมก่อนออกเรือนั่นเอ

     

    3.เงินทุนและการจัดสรรถึงแม้ตลาด Forex จะเริ่มต้นเทรดได้เพียงมีเงินแค่ 1 $ หรือมีบัญชี Demo ให้ทดลองฝึกฝนเทรดได้อย่างไม่จำกัด แต่ท้ายที่สุดคุณต้องใช้เงินทุนจำนวนหนึ่งในการเทรดอยู่ดี เพราะเราจะหวังใช้เงิน 1 $ เพื่อทำเงินอย่างเป็นจริงเป็นจัง ผมตอบเลยว่าเป็นไปได้ยากมาก โดยเฉพาะมือใหม่ที่ยังขาดประสบการณ์ สามารถหมดภายในเวลาไม่กี่วินาทีได้เลย จึงเป็นที่มาของ การบริหารจัดการพอร์ต

    เมื่อคุณอยู่ในตลาดมาซักระยะเวลาหนึ่งจะทำให้ทราบว่า นอกจากจำนวนเงินทุนแล้วการบริหารจัดการ Positions ในพอร์ตมีความสำคัญอย่างยิ่ง ต่อการอยู่รอด ผมยกตัวอย่างที่นิยมสอนกันคือ ไม่ควรให้พอร์ตเกิดการขาดทุนเกิน 5-10% ของพอร์ต ขยายความคือ เช่น เรามีเงินทุน 1,000 $ เวลาเราเข้าเทรดแต่ละครั้ง เวลาเราขาดทุน ก็ควรคำนวณ Lot ที่เล่น ถ้าโดน Stop Loss ไม่ควรเกิน 50-100 $ เป็นต้น ซึ่งยังพอมีเงินทุนเหลือให้เราแก้ตัว ลองนึกภาพถ้าไม่มีการวางแผนดังกล่าว เล่นแบบ Over Trade เช่น เล่น Lot ที่เมื่อกราฟเคลื่อนที่ 1 จุด เท่ากับเงิน 100 $ แค่กราฟไปผิดทางที่เราคาดไว้ 10 จุด ก็ถึงขั้นล้างพอร์ต ไม่มีเงินเหลือให้แก้ตัว อย่างนี้ผมขอไม่เรียกเป็นการลงทุน แต่เป็นการเล่น Forex แบบการพนัน

     

    4.การรับมือกับการกำไรและขาดทุน    เทรดเดอร์ทั้งมือเก่าและมือใหม่ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงภาวะดังกล่าวไปได้เลย เป็นอีกหนึ่งความสำคัญที่ควรใส่ใจพอๆ กับระบบ เทรด forex ซึ่งเฉพาะเรื่องจิตวิทยาการลงทุนมีหนังสือให้ศึกษาเป็นเล่มอย่างจริงจังเลยทีเดียว จึงอยู่ที่ใครสามารถรับมือกับผลทางจิตวิทยาที่เกิดขึ้นได้อย่างมีวินัยมากกว่า เบื้องต้นผมให้น้ำหนักเท่ากันไม่ว่าจะเกิดการขาดทุน หรือกำไร ภาวะที่ต้องระมัดระวังกัน คือ

    • กรณีเกิดกำไร มากๆ หรือออเดอร์ปิดกำไรได้หลายออเดอร์ติดๆ กัน ภาวะนี้ทำให้เราเกิดการมั่นใจคิดว่าระบบเทรดของตนเองแม่นยำ อาจทำให้เกิดการความโลภ เพิ่ม Lot การ
      เทรดเพื่อหวังทำกำไรที่มากขึ้น หรือไม่ยอมปิดเมื่อกำไรถึงเป้าตามระบบ เป็นต้น
    • กรณีเกิดการขาดทุน มากๆ หรือออเดอร์ปิดขาดทุนหลายออเดอร์ติดๆ กัน ทำให้เกิดภาวะจิตตก หรือการเกิดอารมณ์ที่อยากต้องการเอาคืน โดยการเพิ่ม Lot การเล่นที่มากกว่าแผน หรือเกิดความกลัวการขาดทุนจนไม่กล้าเทรดเพราะเสียความมั่นใจ เป็นต้น

    เทรดเดอร์ทั้งมือเก่าและมือใหม่ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงภาวะดังกล่าวไปได้เลย เป็นอีกหนึ่งความสำคัญที่ควรใส่ใจพอๆ กับระบบ เทรด forex โดยภาวะที่ต้องระมัดระวังกันเป็นอย่างยิ่ง ก็คือ
    การเราเกิดการมั่นใจคิดว่าระบบเทรดของตนเองแม่นยำ อาจทำให้เกิดการความโลภ เพิ่ม Lot การเทรดเพื่อหวังทำกำไรที่มากขึ้น หรือไม่ยอมปิดเมื่อกำไรถึงเป้าตามระบบ เป็นต้น และอีก          กรณีเกิดการขาดทุน มากๆ หรือออเดอร์ปิดขาดทุนหลายออเดอร์ติดๆ กัน ทำให้เกิดภาวะจิตตก หรือการเกิดอารมณ์ที่อยากต้องการเอาคืน โดยการเพิ่ม Lot การเล่นที่มากกว่าแผน หรือเกิด        ความกลัวการขาดทุนจนไม่กล้าเทรดเพราะเสียความมั่นใจ ดังนั้นเราควรมีสติและดำเนินตามแผนที่เราได้วางไว้ตั้งแต่แรก

     

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยง Forex ที่ดีคืออะไร?

    ตุลาคม 5, 2022

    กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยง Forex ที่ดีคืออะไร?

    การป้องกันความเสี่ยงในโลกแห่งการลงทุนช่วยลดความเสี่ยง การป้องกันความเสี่ยงทำงานเหมือนกรมธรรม์ประกันภัย และวิธีการที่ใช้แตกต่างกันไปตามประเภทของสินทรัพย์ต่างๆ ตัวอย่างเช่น การลงทุนในทองคำและโลหะมีค่ามักถูกมองว่าเป็นการป้องกันความเสี่ยงที่ดีต่อเงินเฟ้อ เนื่องจากประสิทธิภาพในอดีตที่ยอดเยี่ยมของประเภทสินทรัพย์ในช่วงเวลาที่เงินเฟ้อสูง เมื่อพูดถึงการซื้อขายหุ้น นักลงทุนจะป้องกันความเสี่ยงด้วยการซื้อตัวเลือกหุ้น การป้องกันความเสี่ยงโดยทั่วไปเป็นกระบวนการจัดการความเสี่ยงที่ซับซ้อนซึ่งใช้โดยผู้ค้าบางส่วน

    การป้องกันความเสี่ยงใน Forex อาจเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ซื้อขายตำแหน่งบางราย แม้จะฟังดูซับซ้อน แต่แนวคิดก็เรียบง่ายและไม่มีอะไรยากเกินไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อให้ได้ภาพที่ชัดเจนขึ้น เรามาพูดถึงตัวอย่างง่ายๆ กัน สมมติว่า คุณกำลังชอร์ต EUR/USD และตั้งใจที่จะอยู่ในสถานะนี้เป็นเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน และคุณไม่แน่ใจว่าข่าวการตลาดบางอย่างจะส่งผลต่อการค้าของคุณอย่างไร แทนที่จะปิดสถานะของคุณ โดยการเปิดคำสั่งระยะสั้นในทิศทางตรงกันข้าม คุณกำลังป้องกันความเสี่ยงจากข่าวนั้น ๆ การป้องกันความเสี่ยงมักจะเกิดขึ้นในไม่ช้า เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายบางอย่าง

    มีกลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยง Forex มากมาย และในบทความนี้เราจะพูดถึงกลยุทธ์ที่ดีที่สุด:

    • กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนโดยตรง
    • กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยง FX Correlation
    • กลยุทธ์การซื้อขาย FX Options

    การซื้อขายกลยุทธ์เหล่านี้เกี่ยวข้องกับการเปิดการซื้อขายใหม่หรือการซื้อขายหลายครั้งในทิศทางตรงกันข้ามกับการซื้อขายเดิมของคุณ แต่ละกลยุทธ์มีจุดแข็งและจุดอ่อน มาพูดคุยกันในรายละเอียดเพิ่มเติมกัน

    กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนโดยตรง

    การป้องกันความเสี่ยงโดยตรงใน Forex เกิดขึ้นเมื่อผู้ค้าอยู่ในการซื้อขายแล้วและเปิดคำสั่งการซื้อขายที่ตรงกันข้ามในคู่เดียวกัน กลยุทธ์นี้ใช้โดยเทรดเดอร์ที่ไม่แน่ใจว่าเหตุการณ์บางอย่างจะส่งผลต่อราคาคู่และต้องการอยู่ในตำแหน่งนานขึ้นได้อย่างไร ข้อเสีย หากข่าวเป็นบวกสำหรับคำสั่งซื้อเดิม เทรดเดอร์จะขาดทุนจากสถานะที่ป้องกันความเสี่ยง เพื่อจำกัดการสูญเสีย ควรใช้คำสั่งหยุดการขาดทุนในตำแหน่งที่มีการป้องกันความเสี่ยง ขนาดของ Stop Loss ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม ความสำคัญของข่าว และปัจจัยอื่นๆ

    สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือโบรกเกอร์บางรายไม่อนุญาตให้มีการป้องกันความเสี่ยงโดยตรง และพวกเขาจะปิดตำแหน่งแรกเมื่อใดก็ตามที่คุณวางตำแหน่งตรงข้ามหรือรวมเข้าด้วยกัน ไม่อนุญาตให้มีการป้องกันความเสี่ยงโดยตรงในการซื้อขาย Forex ในบางประเทศ รวมทั้งสหรัฐอเมริกา เหตุผลหลักที่หน่วยงานด้านการเงินของอเมริกาได้ตัดสินใจที่จะห้ามการปฏิบัตินี้คือการป้องกันไม่ให้ผู้ค้าขายเกินและจ่ายสเปรดและค่าคอมมิชชั่นสองเท่า

    กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยง FX Correlation

    คู่ Forex บางคู่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน สหสัมพันธ์คำนวณโดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ตั้งแต่ -1 และ +1 ความใกล้ชิดกับ +1 บ่งชี้ว่าสกุลเงินจะเคลื่อนไหวในทำนองเดียวกันบนแผนภูมิ (อิงจากข้อมูลในอดีต) ความใกล้ชิดกับ -1 หมายความว่าสกุลเงินมีความสัมพันธ์ในทางลบ หากค่าสัมประสิทธิ์ระบุตัวเลขที่ใกล้เคียงกับ 0 แสดงว่าสกุลเงินไม่มีความสัมพันธ์กัน

    กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยง Forex เกี่ยวข้องกับการเปิดตำแหน่งตรงกันข้ามกับตำแหน่งเดิมของคุณโดยใช้คู่สกุลเงินที่มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด ตัวอย่างเช่น ยูโรและ GBP เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางว่ามีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดเนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่าเศรษฐกิจทั้งในยุโรปและอังกฤษมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน ในกรณีที่คุณวางแผนที่จะป้องกันความเสี่ยงเมื่อทำการซื้อขาย EUR/USD คุณสามารถเปิดคำสั่งตรงข้ามกับ GBP/USD ได้

    ในทางกลับกัน กลยุทธ์ความสัมพันธ์นั้นถูกกฎหมายอย่างสมบูรณ์ในทุกประเทศ และมักใช้โดยผู้ค้า Forex

    ด้านลบ ไม่มีสกุลเงินใดที่สัมพันธ์กับสกุลเงินอื่นอย่างสมบูรณ์ ผลที่ได้คือความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นในช่วงไดเวอร์เจนซ์

    นอกจากนี้ กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงเชิงสหสัมพันธ์ยังสามารถใช้ในตลาดหุ้น เมื่อหุ้นจำนวนมากคัดลอกประสิทธิภาพของดัชนีของตน ในขณะที่ดัชนีวัดประสิทธิภาพโดยรวมของหุ้นบางตัว

    กลยุทธ์การซื้อขาย FX Options

    ในกรณีที่คุณต้องการหลีกเลี่ยงการเปิดและปิดการซื้อขายหลายรายการในทิศทางตรงกันข้ามในสกุลเงินเดียวกันในเวลาเดียวกัน คุณสามารถใช้ตัวเลือกได้ ออปชั่นให้สิทธิ์แก่เทรดเดอร์และไม่ใช่ภาระผูกพันในการซื้อหรือขายสกุลเงินในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ณ วันที่กำหนดในอนาคต

    เทรดเดอร์หลายคนชอบออปชั่น Forex เนื่องจากความเสี่ยงมีจำกัด ข้อเสีย ผู้ค้าจ่ายเบี้ยประกันภัยสำหรับการเปิดตำแหน่ง

    มาดูตัวอย่างกัน สมมติว่าเทรดเดอร์เปิดสถานะซื้อใน EUR/USD จาก 1.07 และทุกอย่างเป็นไปตามแผน และราคาของทั้งคู่ก็กระโดดขึ้นไปที่ 1.1 เพื่อป้องกันตำแหน่งจากการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น เทรดเดอร์สามารถซื้อพุตออปชั่นได้ที่ 1.09 ดังนั้นแม้ว่าจะมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เทรดเดอร์สามารถใช้ออปชั่นและปิดตำแหน่งที่ 1.09 ซึ่งจำกัดการสูญเสียเพิ่มเติม

    ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันความเสี่ยงใน Forex

    ความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดที่มาพร้อมกับการป้องกันความเสี่ยงคือความซับซ้อน ความคิดนั้นง่าย อย่างไรก็ตาม การดำเนินการนั้นยากมาก การดำเนินการตามกลยุทธ์การซื้อขายอย่างราบรื่นต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบ กำหนดเวลาเข้าและออก และชั่งน้ำหนักต้นทุนและผลประโยชน์

    ความเสี่ยงที่ต้องพิจารณาอีกประการหนึ่งเกี่ยวข้องกับวินัย การวางคำสั่งหลายคำสั่งในคู่สกุลเงินเดียวกันสามารถเปลี่ยนเป็นการแก้แค้นได้อย่างง่ายดาย ผู้ค้าที่ไม่สามารถจัดการอารมณ์ได้มักจะเพิ่มตำแหน่งเป็นสองเท่าหลังจากประสบกับการสูญเสีย การป้องกันความเสี่ยงเกือบจะรับประกันว่าตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งของคุณจะเป็นลบเนื่องจากถูกวางไว้ในทิศทางที่ต่างกัน หากคุณพบว่ามันยากที่จะขาดทุน คุณควรหลีกเลี่ยงการซื้อขายโดยทั่วไป การเพิ่มขนาดตำแหน่งเป็นสองเท่าหลังจากการซื้อขายที่ขาดทุนไม่ใช่การซื้อขาย มันคือการพนัน

    จำนวนการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นหมายความว่าคุณจะถูกเรียกเก็บเงินด้วยสเปรดและค่าคอมมิชชั่นที่มากขึ้น

    ในตอนท้ายของวัน คุณควรถามตัวเองว่า การป้องกันความเสี่ยงคุ้มกับความปวดหัวทั้งหมดหรือไม่ เมื่อคุณสามารถปิดการซื้อขายเมื่อใดก็ตามที่คุณไม่แน่ใจเกี่ยวกับข่าวการตลาด ขึ้นอยู่กับความชอบของคุณ แต่ก็คุ้มค่าที่จะรู้ว่ากลยุทธ์เหล่านี้ทำงานอย่างไร ยิ่งรู้มากยิ่งดี

    เมื่อใดที่คุณควรป้องกันความเสี่ยงใน Forex?

    คุณควรหลีกเลี่ยงการป้องกันความเสี่ยงใน Forex เว้นแต่คุณจะเข้าใจว่าการป้องกันความเสี่ยงทำงานอย่างไร เรียนรู้ให้มากที่สุดเกี่ยวกับคู่ที่มีความสัมพันธ์เชิงบวกและเชิงลบก่อนเริ่มลงทุนใน Forex นอกจากนี้ เพื่อให้สามารถป้องกันความเสี่ยงจากการซื้อขายของคุณได้โดยตรง คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่านายหน้าของคุณอนุญาตแนวปฏิบัติดังกล่าว

    การป้องกันความเสี่ยงเป็นความคิดที่ดีเมื่อผู้ค้ากังวลเกี่ยวกับปฏิกิริยาของตลาดในเหตุการณ์เฉพาะและต้องการอยู่ในตำแหน่งนานขึ้น

    คุณควรหลีกเลี่ยงการป้องกันความเสี่ยงใน Forex ถ้ามันยากเกินไปสำหรับคุณ และคุณไม่ต้องการจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมสำหรับสเปรด ค่าคอมมิชชัน หรือเบี้ยประกันภัย

    คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยง Forex

    การป้องกันความเสี่ยงใน Forex คืออะไร?

    การป้องกันความเสี่ยงใน Forex หมายความว่าผู้ค้าเปิดคำสั่งซื้อที่ตรงกันข้ามกับคำสั่งซื้อเดิมของตนโดยตรงหรือโดยอ้อมเพื่อพยายามลดความเสี่ยงต่อสภาวะตลาดบางอย่าง

    ข้อเสียของการป้องกันความเสี่ยงคืออะไร?

    มีข้อเสียหลายประการในการป้องกันความเสี่ยง Forex การป้องกันความเสี่ยงโดยตรงถูกห้ามในบางประเทศ การป้องกันความเสี่ยงนั้นซับซ้อนและต้องใช้ประสบการณ์และการวางแผนอย่างรอบคอบ การป้องกันความเสี่ยงจะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม เช่น ค่าสเปรดและค่าคอมมิชชันสำหรับตำแหน่งใหม่ การป้องกันความเสี่ยงสามารถทำให้ผู้ค้ามือใหม่ทำการค้าได้

    การทำ Hedging ยากไหม?

    ใช่. การป้องกันความเสี่ยงต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบ ชั่งน้ำหนักต้นทุนและผลประโยชน์ และดำเนินการตามกำหนดเวลา ทั้งหมดนี้มีความซับซ้อนและนักเทรด Forex เพียงไม่กี่รายที่ป้องกันความเสี่ยงได้

    การเรียนรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงมีความสำคัญหรือไม่?

    สิ่งสำคัญคือต้องเรียนรู้ให้มากที่สุด ไม่มีกลยุทธ์ใดที่เหมาะกับผู้ค้ารายเดียว โดยการทดสอบกลยุทธ์ต่างๆ และทำความเข้าใจกับวิธีที่นักลงทุนรายอื่นซื้อขาย คุณจะขยายโอกาสในตลาดการเงิน

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการเทรด Bull trap

    ตุลาคม 4, 2022

     

    ระบบเทรดช่วงที่ราคา Breakout ทำ New High เทรดเดอร์มักเปิด Long ตาม แต่หลังจากที่เทรดเดอร์เปิด Long นั้น ราคากลับวกตัวกลับลงมาอย่างรวดเร็ว เหตุการณ์นี้มักเกิดขึ้นบ่อยๆ เรียกกันว่า “Bull trap” ซึ่ง Bull trap มักเกิดในช่วงที่ราคา เหมือนจะ ไปต่อ ทำให้พวกเทรดเดอร์มือใหม่มักเปิดสถานะในช่วงนั้น และมักตามมาด้วยการขึ้นต่อเพียงเล็กน้อย แล้วค่อยลงหนักๆ

    เบื้องหลังของ Bull trap
    1) เริ่มจากในช่วงแนวโน้มขาขึ้น คนที่ยังไม่มีของ เริ่มอยากเข้ามามีส่วนร่วม
    2) เมื่อราคากำลังปรับตัวขึ้น ดึงดูดให้เทรดเดอร์เข้ามีเปิด Position
    3) เมื่อราคาทะลุขึ้นทำ High ใหม่ เป็นตัวสร้างความมั่นใจให้เทรดเดอร์ว่ามาถูกทาง และรู้สึกปลอดภัย ซึ่งจุดนี้แหละที่เป็น “กับดัก”
    4) ราคาวกกลับลงมา เทรดเดอร์ส่วนมากถือออเดอร์นั้นไว้และคิดว่าเดี๋ยวมันก็กลับขึ้นไป
    5) ราคายังคงอ่อนตัวลงต่อ ทำให้เทรดเดอร์ที่เปิด Long ก่อนหน้านี้ประสบกับการขาดทุนอย่างมาก

    2 สิ่งสำคัญที่จะป้องกันเหตุการณ์นี้ได้คือ
           1. เข้าช้าหน่อย : หลักการนี้อาจยากที่จะเข้าใจหน่อย จะลองทำดูแล้วจะเห็นความแตกต่างอย่างมาก โดยไม่ควรขายเมื่อราคากำลังขึ้น และไม่ซื้อเมื่อราคากำลังลง ควรขายเมื่อราคาลง   แล้วและซื้อเมื่อราคาขึ้นแล้วเท่านั้น

    มีการเข้าอยู่ 3 ลักษณะ
      1.1 เร็วเกินไป : คาดการณ์ มโนไปเองว่าตลาดจะไปในทิศทางที่เราคิด
      1.2 พอดี : มีสัญญาณยืนยันว่าราคากลับตัวแล้ว
    1.3 ช้าเกินไป : ราคามักเคลื่อนไหวไปมากแล้ว ค่อยมาเข้า

          2. รอสัญญาณยืนยัน : สัญญาณที่จะเป็นตัวช่วยยืนยันในการกลับตัวจริงๆ อย่างง่ายคือการใช้เส้นค่าเฉลี่ย โดยทั่วไปนิยมใช้ เส้นค่าเฉลี่ย 20 วัน เป็นตัวแทนในการยืนยันทิศทาง คือคุณจะเทรด Bull trap ก็ต่อเมื่อราคาลงมาต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 20 วันก่อน

    ________________________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    ________________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการลงทุนในระบบเทรด Forex ง่ายได้กำไร

    ตุลาคม 4, 2022

    เทคนิคการลงทุนในระบบเทรด Forex ให้ได้กำไร เป็นคำถามสั้นๆ ที่ค่อนข้างตอบยาก การนำเสนอแนวทางระบบเทรดในตลาด Forex ให้สามารถทำกำไรได้อย่างยั่งยืนและอยู่รอดได้ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ทั้งสิ้น แต่ก็พอจะมีแนวทางก้าวไปสู่ความสำเร็จที่รวบรวมจากแนวคิดของเทรดเดอร์มืออาชีพทั้งไทยและต่างประเทศ โดยอาศัยหลักการ 4 วิเคราะห์ดังต่อไปนี้

    • วิเคราะห์ตนเอง โดยบันทึกผลการเทรด ถึงแม้ในปัจจุบันมีเว็บไซต์ เช่น Myfxbook สามารถนำข้อมูลบัญชีเทรดมา Link เพื่อประมวลผลค่าสถิติออกมาได้อย่างละเอียด หรือการดึง Output การเทรดจากโปรแกรม MT4 โดยตรง  แต่โดยความคิดเห็นส่วนตัวแล้ว ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าตัวเราเอง ซึ่งนอกจากจะบันทึกข้อมูลเป็นตัวเลขไว้แล้ว การบันทึกข้อผิดพลาด หรือปัจจัยในการตัดสินใจในการเทรด
      แต่ละวัน ถือเป็นการเรียนรู้ที่ให้ผลในด้านการพัฒนาการเป็นเทรดเดอร์ได้ดีมาก

    เพราะหากใครเคยศึกษาเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ ปัจจัยที่ส่งผลให้ระบบเทรดออกมาได้ดี แทบทุกคนจะผ่านกระบวนการการเก็บสถิติและจดบันทึกการเทรดของตนเอง เพราะทำให้เราได้มองซ้ำหรือทบทวนตนเองและเห็นจุดอ่อนหรือโอกาสที่สามารถแก้ไขได้ และสามารถเสริมประสบการณ์ เทรด forex ไปในทิศทางที่ดี

     

    • วิเคราะห์เงินทุน เพื่อสร้างแผนการ ในระบบเทรด Forex สิ่งหนึ่งที่เทรดเดอร์อาชีพให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งคือ การใช้ Money Management หรือกลยุทธ์การจัดการเงินทุนของตนเอง ซึ่งการตั้ง TP และ SL ก็เป็นหนึ่งในนั้นและมีความสำคัญในระยะยาว ถึงแม้ตัวเราเองจะไม่ใช่เทรดเดอร์อาชีพ เป็นเพียงผู้เริ่มต้นในตลาดหรือ Part time ก็ตาม การตั้ง TP และ SL เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดจำเป็นต้องทำความเข้าใจและใส่ใจให้กลายเป็นวินัยในการเทรด เพราะถ้าขาดตรงนี้ไปจะเปลี่ยนนิยามการลงทุนเป็นการพนันโดยทันที

      ยกตัวอย่างเช่น

    ทุกครั้งที่เราเข้าออเดอร์ไปแต่ละครั้ง เราจะมี TP และ SL ทุกครั้ง คือ TP 10 pips และ SL 10 pips แต่พอออเดอร์เริ่มบวก เราจะกังวล กลัวว่าจะไม่ถึง TP จึงมักจะรีบปิดออร์เดอร์ เพราะความกลัวก่อนถึง TP ทุกครั้ง คิดเสียว่ายังไงก็ได้กำไร ดีกว่าเสียเงิน แต่พอออเดอร์เริ่มติดลบ กลับไม่ยอมปิดเพราะกลัว  เทรด forex เสีย นั่งภาวนาว่ามันจะต้องกลับไปโดน TP ได้อย่างแน่นอน สุดท้ายชน SL หรือหนักยิ่งกว่า เลื่อนเส้น SL ออกไป แต่แล้ว…….  ก็ไปชน SL อยู่ดี    กลายเป็นว่าเมื่อมีกำไรประมาณ 5 pips จอร์จจะรีบปิดก่อน แต่เวลาชน SL กลับถือทนไปโดน ที่ 10 pips คำนวณ ได้ดังนี้ ชนะ 60 ครั้ง ได้กำไร                   60×5    เท่ากับ   300 pips

    แพ้ 40 ครั้ง ขาดทุน                 40×10  เท่ากับ   400 pips

    สรุปขาดทุนไป 100 pips จะเห็นได้ว่า ระบบที่มีเปอร์เซ็นต์ชนะ 60% ไร้ความหมายโดยทันทีหากไม่มีวินัยหรือไม่ทำตามแผนการเทรดที่วางไว้ ซึ่งทำให้เรารู้ได้เลยว่าปลายทางของพอร์ตนี้จะจบลงเช่นไร หากยังดื้อเดินอยู่

     

    • วิเคราะห์ตลาด ตอนเริ่มต้นระบบเทรดในตลาด Forex ใหม่ๆ มีเทรดเดอร์ท่านหนึ่งเคยบอกไว้ว่า หากคิดไรไม่ออก ให้ไปตาม Trend ไว้ก่อน มาถึงตอนนี้ ประโยคนี้ก็ยังใช้งานได้ดี นั่นเพราะเป็นพื้นฐานสำคัญก่อนตัดสินใจเข้าออเดอร์ หากตอบไม่ได้ว่าตลาดตอนนี้มีแนวโน้มเป็นเช่นไร ก็เหมือนเราล่องเรือโดยไม่รู้ทิศทางลม เช่นเดียวกับการที่ต้องวิเคราะห์ข่าวที่มีผลกระทบต่อกราฟราคาควบคู่กัน ซึ่งหากช่วงไหนมีข่าวทางเศรษฐกิจรุนแรง เทรดเดอร์ส่วนใหญ่มักหลีกเลี่ยงไปก่อน เพราะเหมือนกับการล่องเรือเข้าไปพายุ ดังนั้นต้องตอบคำถามนี้ให้ได้ก่อนการตัดสินใจคือ
    • แนวโน้มของตลาดตอนนี้เป็นเช่นไร
    • เราควรเปิดออเดอร์ในช่วงไหน
    • ทำไมเราต้องเข้า ณ จุดนี้ เช่น อาจเป็นแนวรับแนวต้านที่สำคัญ

     

    • วิเคราะห์ระบบเทรด Forex ให้แตก เมื่อเราเลือกระบบเทรดระบบใดระบบหนึ่งที่คิดว่าเหมาะสมกับตนเอง ทั้งด้านเวลา และความเข้าใจ และมีวินัยในการเทรดพอ ควรที่จะอยู่กับระบบไปนานๆ และใช้สถิติประมวลผลเพื่อตัดสินระบบเทรดระบบใดระบบหนึ่ง ขอยกตัวอย่างการเก็บสถิติการเทรด forex ตามระบบแบบรายเดือน การวัดผลหลักคือ

    – RRR อัตราส่วนความเสี่ยงของของราคาเมื่อโดน Stop Loss และ Target Point ที่เรา
    ตั้งไว้ เป็นตัวชี้วัดในการเข้าออเดอร์แต่ละครั้ง เช่น การเข้าออเดอร์ทุกครั้งตั้ง SL ไว้ที่ 10 จุด ส่วน TP ตั้งไว้ที่ 20 จุด นั่นหมายถึง เมื่อเราทำพลาด สองครั้ง ก็จะกลับมาเท่าทุน โดยการเทรดชนะเพียงแค่ครั้งเดียว เป็นต้น

    – เปอร์เซ็นต์ชนะ หรือ Win rate ที่ต้องกล่าวถึง ไม่ได้ต้องการให้ยึดติดกับความสมบูรณ์แบบที่ต้องชนะตลอด แต่ให้ดูประกอบความสัมพันธ์กับ RRR ที่ถึงแม้เราจะมี%ชนะแค่ 50% พอร์ตยังคงมีกำไรเนื่องจากการทำตาม RRR อย่างมีวินัย

    – เปอร์เซ็นต์ของจำนวนเงินขาดทุนที่มากที่สุด Drawdown (DD) เกิดจากการสะสมของการขาดทุนขณะนั้นว่าติดลบคิดเป็นกี่ % ของจำนวนเงินในพอร์ตปกติแล้ว ไม่ควรเกินกว่า 30% ของบัญชีเทรด แต่ทั้งนี้ก็ยังขึ้นอยู่กับระบบเทรดนั้นๆ ว่ายอมรับได้เท่าไร เพราะบางระบบแม้จะมี DD ถึง 50% แต่ระยะยาวก็ยังทำกำไรได้เป็นอย่างดี

     

    แจกฟรี!ระบบเทรด

    ________________________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    ________________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    กลยุทธ์การซื้อขายในระบบเทรด Forex

    ตุลาคม 4, 2022

    1. การทำความเข้าใจกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคในระบบเทรดforex

    การวิเคราะห์ทางเทคนิคเกี่ยวข้องกับการใช้กราฟราคาและตัวชี้วัดเพื่อวิเคราะห์ทิศทางตลาด การวิเคราะห์ทางเทคนิคช่วยคุณระบุจุดเข้าและออกที่เป็นไปได้สำหรับสถานะการซื้อขายของคุณตรงกันข้ามกับการวิเคราะห์ขั้นพื้นฐาน การวิเคราะห์ทางเทคนิคส่วนใหญ่มุ่งเน้นที่รูปแบบการตลาดและราคา ในทางกลับกัน การวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานเป็นเรื่องเกี่ยวกับปัจจัยที่ขับเคลื่อนราคาในตลาด วิธีการวิเคราะห์ทั้งสองวิธีนี้จะใช้แยกกันอย่างอิสระหรือร่วมกันก็ได้การวิเคราะห์ทางเทคนิคมุ่งเน้นที่รูปแบบการกำหนดจังหวะเวลาและราคา นั่นคือเหตุผลว่าทำไมมันจึงมักถูกพิจารณาว่าเป็นเครื่องมือที่เป็นกลาง เพื่อหาโอกาสในการซื้อขายฟอเร็กซ์จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค คุณต้องวิเคราะห์ราคาตลาดปัจจุบันและระบุระดับเป้าหมายที่เป็นไปได้ ในขณะที่การวิเคราะห์ทางเทคนิคไม่รับประกันผลลัพธ์ มันจึงให้การคำนวณความเป็นไปได้สำหรับการเคลื่อนไหวของตลาดที่แตกต่างกัน

    2.ความสำคัญของการวิเคราะห์ทางเทคนิคในระบบเทรดforex

    เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคในการกำหนดทิศทางตลาดที่คาดหวัง การเคลื่อนไหวของตลาดไม่ได้ไม่มีแบบแผนโดยสิ้นเชิง เมื่อเทรดเดอร์เห็นรูปแบบที่โผล่ขึ้นมา ก็มีโอกาสที่ดีที่คนอื่นจำนวนมากจะรับทราบถึงมันด้วยเช่นกัน คุณสามารถพิจารณาแนวโน้มในฐานะบางสิ่งที่เกือบจะทำให้ตัวเองเป็นจริง (Self-fulfilling) ในแง่นี้ คุณสามารถพูดได้ว่าเทรดเดอร์ช่วยสร้างรูปแบบที่พบในราคาตลาด

    3. การทำความเข้าใจกับการวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานในระบบเทรดforex

    ในส่วนก่อนหน้า คุณได้เรียนรู้ว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิคนั้นได้รับการมุ่งเน้นไปที่แนวโน้มและพฤติกรรมราคาเป็นหลัก การวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานมีวิธีการที่แตกต่างในการประเมินตลาด ซึ่งให้ภาพรวมของจุดอ่อนและจุดแข็งของตลาด นักวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานจะพิจารณาเหตุการณ์สำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อการแข็งค่าหรือการอ่อนค่าของสกุลเงินเฉพาะหนึ่ง ๆ เหล่านี้รวมถึงข้อมูลทางการเมืองและเศรษฐกิจ รวมทั้งภัยพิบัติทางธรรมชาติ  พูดสั้น ๆ คือ นักวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานใช้ข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อวัดการแข็งค่าของสกุลเงิน ความสนใจมุ่งเน้นไปที่รายงานและข้อมูลทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ซึ่งรวมถึงข้อมูล GDP และการว่างงาน ข้อมูลการผลิต และการประกาศอัตราดอกเบี้ย

    4. ปัจจัยพื้นฐานที่มีผลต่อราคาในระบบเทรดforex
    1. ภัยพิบัติทางธรรมชาติ

    ภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น พายุเฮอริเคน สึนามิ และน้ำท่วมสามารถส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อความแข็งค่าและความอ่อนค่าพื้นฐานของสกุลเงินได้ ตัวอย่างที่ดีคือสึนามิที่ถล่มญี่ปุ่นในปี 2010 มันทำให้ภาคการผลิตของประเทศอ่อนแอลงและทำให้การผลิตของผู้ผลิตรถยนต์และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่หยุดชะงักลงอย่างมีนัยสำคัญ

    1. การค้าระหว่างประเทศ

    เมื่อความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการจากประเทศใดประเทศหนึ่งเพิ่มขึ้น ความต้องการใช้สกุลเงินของประเทศนั้นก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วย

    1. ผลผลิตและการเติบโตทางเศรษฐกิจ

    GDP ของประเทศเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดของการเติบโตทางเศรษฐกิจ เป็นการสรุปผลการผลิตสินค้าและบริการในประเทศที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของประเทศ

    1. ภาวะเงินเฟ้อ – ปัจจัยนี้มีตัวชี้วัดสำคัญสองตัว ได้แก่
      1. ดัชนีราคาผู้บริโภค – ดัชนีตัวนี้จะวัดการเปลี่ยนแปลงของต้นทุนสินค้าและบริการโดยเฉลี่ยต่อผู้บริโภค
      2. ดัชนีราคาผู้ผลิต – ดัชนีตัวนี้จะวัดการเปลี่ยนแปลงในต้นทุนในการผลิตสินค้าและบริการสำหรับผู้ผลิต
    2. อัตราดอกเบี้ย
      อัตราดอกเบี้ยที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันอาจเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่กำหนดมูลค่าของสกุลเงิน เพราะพวกมันจะกำหนดการไหลเข้าและออกจากประเทศหรือภูมิภาคทางเศรษฐกิจของเงินทุนทั่วโลก
    3. สภาวะทางการเมือง
      ปกติแล้ว ความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้สกุลเงินของประเทศในทางลบ นักลงทุนมีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงประเทศและสกุลเงินในความวุ่นวายทางการเมือง
    4. นโยบายการคลัง
      นโยบายการคลังของประเทศ ซึ่งรวมถึงการใช้จ่ายของรัฐบาล การวางแผนงบประมาณ และการจัดเก็บภาษีสามารถมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนว่าจะลงทุนหรือไม่
    5. นโยบายการเงิน
      นโยบายการเงินใดก็ตามที่ธนาคารกลางนำมาใช้มีผลกระทบอย่างมากต่อความต้องการใช้สกุลเงินในระยะสั้น

    5. การเลือกจุดเข้าและออกของคุณในระบบเทรดforex

    เทรดเดอร์ที่ซื้อขายฟอเร็กซ์ถือว่ามีความเสี่ยงในการซื้อขาย ไม่ว่าพวกเขาจะใช้วิธีการใด นั่นคือเหตุผลว่าทำไมการทำความเข้าใจพฤติกรรมราคาจึงเป็นกุญแจสำคัญในการที่จะหาว่าเมื่อใดที่จะทำการซื้อขายและเมื่อใดที่จะออกจากสถานะ ตรงนี้ คุณจะได้เรียนรู้แนวคิดเกี่ยวกับพฤติกรรมราคาหลัก ๆ สี่ประการที่ใช้ในการซื้อขายฟอเร็กซ์เพื่อหาจุดเข้าและจุดออก

    • แนวรับและแนวต้าน: แนวรับ (Support) และแนวต้าน (Resistance) หมายถึงระดับการซื้อขายสำคัญที่ราคามาแตะและเด้งกลับหลาย ๆ ครั้ง คุณจะคิดว่าพวกมันเป็นจุดสำคัญที่ซึ่งอุปสงค์และอุปทานมาบรรจบกันก็ได้
    • การฝ่าวงล้อม: การฝ่าวงล้อม (Breakout) คือการฝ่าทะลุระดับแนวรับหรือแนวต้านที่ก่อตัวขึ้น การฝ่าวงล้อมเป็นสัญญาณที่แรง โดยเฉพาะเมื่อได้รับการยืนยันจากตัวชี้วัดอื่น เช่น ช่องว่าง
    • พฤติกรรมการเกิดช่องว่างGaping action: ช่องว่าง (Gap) นั้นสำคัญเนื่องจากพวกมันเป็นตัวบ่งบอกให้ทราบว่าผู้ขาย (ปรับตัวเพิ่มขึ้น) หรือผู้ซื้อ (ปรับตัวลดลง) กำลังเคลื่อนไหว แต่คุณจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจเพื่อยืนยันแนวโน้มใหม่นี้โดยใช้ตัวบ่งชี้หลาย ๆ ตัวก่อนที่จะกระโดดเข้าไป
    • ตลาดในสภาวะไร้แนวโน้ม: ตลาดฟอเร็กซ์ที่ซื้อขายในสภาวะไร้แนวโน้ม (Sideways) หมายถึง พฤติกรรมราคาภายในช่วงแคบ ๆ ระหว่างระดับแนวรับและแนวต้าน เมื่อตลาดซื้อขายในสภาวะไร้แนวโน้ม เทรดเดอร์กำลังเตรียมตัวสำหรับการฝ่าวงล้อม

    6. การบริหารความเสี่ยงในการซื้อขายในระบบเทรดforex

    ถึงตอนนี้ คุณควรทราบว่าการซื้อขายฟอเร็กซ์นั้นมีความเสี่ยง ตลาดค่อนข้างผันผวน และยิ่งคุณน่าจะได้กำไรมากเท่าใด ความเสี่ยงก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น และนี่คือเคล็ดลับบางประการในการควบคุมความเสี่ยง

    • หลีกเลี่ยงการซื้อขายมากเกินไป
      แม้ว่าตลาดที่ผันผวนอาจเป็นที่ล่อใจ หลักการง่าย ๆ ก็คือให้หลีกเลี่ยงการเสี่ยงมากกว่า 2% ของยอดเงินในบัญชีซื้อขายของคุณในการซื้อขายหนึ่งครั้ง การซื้อขายมากไปกว่านั้นจะทำให้คุณขาดทุนมากจนยากจะฟื้นคืนได้
    • ตั้งค่าคำสั่ง Stop Loss เพื่อลดการขาดทุนให้เหลือน้อยที่สุด
      ความสำเร็จในการซื้อขายไม่ได้ประกอบด้วยการซื้อขายที่ชนะเท่านั้น ในทางตรงกันข้าม มันเป็นผลรวมของการซื้อขายทั้งที่แพ้และชนะ นั่นคือสิ่งที่ทำให้การหยุดขาดทุน (Stop-Loss) เป็นปัจจัยสำคัญเมื่อพูดถึงความสามารถในการสร้างผลกำไร การวางคำสั่ง Stop-loss ยังช่วยลดความจำเป็นต้องคอยตรวจสอบสถานะของคุณอย่างสม่ำเสมออีกด้วย

    7. ทดสอบกลยุทธ์การซื้อขายของคุณในระบบเทรดforex

    แม้จะไม่สามารถลองเสี่ยงซื้อขายซ้ำ ๆ กับเงินจริงได้ แต่สภาพแวดล้อมแบบสาธิตสามารถช่วยคุณทดสอบความสมบูรณ์ของกลยุทธ์การลงทุนของคุณได้ กลยุทธ์ใหม่ทุกกลยุทธ์จะต้องผ่านช่วงเวลาของการลองผิดลองถูกก่อนที่คุณจะสามารถเอาเงินที่คุณหามาได้ยากไปลงทุนกับมันด้วยความมั่นใจ

    #แจกฟรี!ระบบเทรด

    ________________________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    ________________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    การดูเส้นแนวโน้ม Trend

    ตุลาคม 4, 2022

     

    แนวโน้ม Trend   คือทิศทางการเคลื่อนที่ของราคา 

    ประกอบด้วย3ทิศทาง

    1.แนวโน้มขาขึ้น Up Trend
    2.แนวโน้มขาลง Down Trend
    3.แนวโน้มด้านข้าง Sideway

    แนมโน้มUp Trendคือทิศทางของกราฟราคา ปรับตัวในรูปแบบตัวสูงขึ้น คือการที่ราคาปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
    ลักษณะแนวโน้มขาขึ้นUp Trend โดยปกติเราถ้าคาดการณ์ว่ามีแนวโน้มขาขึ้นให้ทำการboyเพื่อทำกำไร
    ฐานใหม่จะสูงกว่าฐานเก่า จุดยอดใหม่จะสูงกว่าจุดยอดเก่า

    แนวโน้มขาลง Down Trendหมายถึงแนวโน้มที่เคลื่อนที่ไปในทิศทางต่ำลงอย่างต่อเนื่องราคาจะมีแน้วโน้มขาลงให้ทำการsellเพื่อทำกำไรลักษณะแนวโน้มขาลงฐานใหม่จะต่ำกว่าฐานเก่า จุดยอดใหม่จะต่ำกว่าจุดยอดเก่า

    แนวโน้มด้านข้าง Sidewayคือแนวโน้มที่เคลือนที่ไปทางด้ายข่างไม่ไปทิศทางไดทิศทางหนึ่ง ทำให้เกิดความไม่แน่นอน เทรดเดอร์หลายๆคนจะไม่ซื้อขายในภาวะตลาดSidewayเนื่องจากไม่รู้แนวโน้มราคา แต่เทรดเดอร์บางคนอาจจะทำกำไรจากความไม่แน่นอนของแนวโน้มได้จากแน้วรับแนวต้าน

    #แจกฟรีระบบเทรด

    ________________________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    ________________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    4 เทคนิคการตั้ง Stop loss

    ตุลาคม 4, 2022

    4 เทคนิคการตั้ง Stop loss ที่ควรใช้

    1. Equity stop เทคนิคนี้มาดูตัวที่เป็นพื้นฐานกันจริง ๆ ก่อน คือ Equity Stop หรือ จุดหยุดขาดทุนตามต้นทุน
    ซึ่งรู้จักกันอีกชื่อ คือเปอร์เซ็นต์ Stop เพราะว่า มันวัดจากขนาดของบัญชีของเทรดเดอร์ สมมุติว่า 2 % ซึ่งเทรดเดอร์อยากจะเสี่ยงในการเทรดเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงสามารถเป็นอะไรก็ได้แล้วแต่เทรดเดอร์ว่า อาจจะน้อยหน่อย หรือมากหน่อย ซึ่งอาจจะถึง 10 % ของบัญชีของพวกเขา หรือบางคนอาจจะใช้ 2 % จากเทรดเพียงหนึ่งครั้ง

    2. Volatility stop เทคนิคเพื่อให้มันฟังดูเข้าใจง่าย Volatility หรือความผันผวน นั้นคือความเคลื่อนไหวของตลาดที่อาจจะเคลื่อนไหวในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งได้การรู้ว่า ค่าเงินจะเคลื่อนไหวประมาณท่าไหร่จะช่วยคุณต้อง Stop Loss ได้อย่างถูกต้องและหลีเลี่ยงการถูก Stop loss ก่อนเวลาควรจะเป็นการใช้ Bollinger Band เพื่อให้คุณรู้ว่าตลาดนั้นผันผวนขนาดไหนซึ่งเหมาะกับการเทรดที่อาศัยการแกว่งตัวของราคา โดยการตั้งStop Loss นอกเส้น ถ้าราคาถึงจุดนั้นหมายความว่าความผันผวนเริ่มสูงและเราสามารถเล่นแบบเทรด Break out ได้

    3. Chart stop อีกเทคนิคที่ดีวิธีหนึ่ง คือการตั้ง Stop Loss ตาม สิ่งที่กราฟบอก เมื่อเราเทรดเราควรจะต้อง Stop loss ตามที่ตลาดบอกเรา พอเข้าใจไหม?
    สิ่งหนึ่งที่เรารู้คือพฤติกรรมราคา ซึ่งจะมีจุดที่ราคานั้นจะเคลื่อนไหวอยู่จุดใดจุดหนึ่งแน่นอนและบ่อยครั้งที่มันจะเคลื่อนไหวอยู่แถวแนวรับแนวต้าน หรือ มีการทดสอบแนวรับแนวต้าน บางครั้งก็
    อาจจะทะลุไปเฉย ๆการตั้ง Stop loss ให้ห่างจากแนวพวกนี้หน่อย จะเป็นการดีเพราะว่า ถ้าตลาดนั้นมีการเทรดอยู่ในพื้นที่นี้และเวลาที่มันเกิดจุด Break out จุดนั้นเทรดเดอร์ก็จะต้องปิดออร์เดอร์เพราะมีคนเข้ามาเทรดเพิ่มขึ้นทำให้ราคาเคลื่อนไหวตรงข้ามกับออร์เดอร์ของคุณ
    หรือ ถ้ามันเกิดจุด Break out มันอาจจะเกิดขึ้นทันทีทันใดในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง

    4. Time stop Time stops คือ คุณตัดสินใจไว้ก่อนว่า คุณจะออกจากการเทรดเวลาไหน ซึ่งสามารถตั้งเวลาได้เป็นวันเป็นสัปดาห์เป็นชั่วโมง

    #แจกฟรีระบบเทรด

    ________________________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    ________________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการเทรด forex ใน 4 ขั้นตอน

    ตุลาคม 3, 2022

    เริ่มต้นเทรด Forex ออนไลน์ สำหรับมือใหม่ที่หัดเทรด Forex คนไหนไม่รู้ว่าจะต้อง เริ่มเทรด Forex  อย่างไรดี ถึงจะเทรดเป็นเหมือนคนอื่นๆ เราขอแนะนำบทความนี้ ซึ่งภายในบทความนี้เราได้เขียนไว้เพื่อเป็นการแนะนำแนวทางในการเทรดให้กับมือใหม่ เพื่อเป็นแนวทางหรือไกด์ไลน์ให้แก่เพื่อนๆเหล่าเทรดเดอร์นั่นเอง  เทคนิคเริ่มต้นเทรด forex ง่ายๆ ใน 4 ขั้นตอน สำหรับใครที่สนใจจะเกร็งกำไรในตลาด forex แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เรามีแนวทางการเก็งกำไรง่ายๆทีล่ะขั้นตอนมาฝากทุกคน  สำหรับแนวทางใน การเริ่มต้นเทรด Forex ก็มีดังต่อไปนี้

    1. ศึกษาข้อมูลในระบบเทรดของ Forex การเริ่มต้นเทรด Forex ของมือใหม่ การศึกษาข้อมูลถือเป็นเรื่องที่ต้องทำอันดับแรก เพราะการศึกษาข้อมูลหรือการเรียนรู้เกี่ยวกับ Forex นั้นเป็นเหมือนการสร้างพื้นฐานเพื่อทำให้คุณเข้าใจระบบต่าง รายละเอียดที่หลากหลายในการลงทุน Forex ได้ อีกทั้งการเรียนการศึกษา Forex นั้นก็สามารถช่วยทำให้คุณมีความคิดในการเทรด Forex ได้ดีขึ้นอีกด้วย ดังนั้นการศึกษาข้อมูลในการเทรด Forex จึงเป็นเรื่องที่สำคัญไม่น้อย

     

    2. เปิดบัญชีเพื่อทำการเทรดกับโบรกเกอร์ Exness หรือ xm ในการลงทุนเพื่อเทรด Forex หากคุณมีเพียงแค่เงินในการลงทุนมันก็ยังไม่สามารถทำให้คุณเทรด Forex ได้ เพราะสิ่งที่จะทำให้คุณเทรด Forexได้นั่นก็คือ บัญชีเงินฝากที่เปิดกับโบรกเกอร์ เพราะตามปกติ บุคคลทั่วไปจะไม่สามารถเข้าไปเทรด Forex โดยตรงได้ มีเพียงธนาคารหรือสถาบันการเงินเท่านั้นที่เข้าไปเทรดโดยไม่ผ่านตัวกลางใดๆ แต่ในปัจจุบันโบรกเกอร์จะทำหน้าที่เป็นเหมือนแหล่งให้เรายืมเงินเพื่อนเข้าไปเทรดในตลาด Forex ได้นั่นเอง ซึ่งการเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ก็มีหลากหลายประเภท คุณจำเป็นที่จะต้องศึกษารายละเอียดของแต่ละบัญชีก่อนที่จะทำการเปิดบัญชี แต่ถ้าหากคุณไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ไหน เราขอแนะนำโบรกเกอร์ Exness โดยโบรกเกอร์ Exness นี้ถือได้ว่ามีรูปแบบต่างๆที่เหมาะสมกับมือใหม่อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องความปลอดภัยที่สูง เรื่องการฝากการถอนที่รวดเร็ว การบริการที่คอยดูแลผู้ใช้บริการอย่างดี ซึ่งถือว่าโบรกเกอร์ Exness เป็นโบรกเกอร์ที่ดีอันดับต้นๆของโลกอีกด้วยนั่นเอง

     

    3. ทดลองเทรดบนบัญชีทดลอง (Demo) ในการเริ่มต้นเทรด Forex ถึงแม้ว่าคุณจะมีทุนและบัญชีในการเทรดกับโบรกเกอร์แล้ว แต่นั่นก็ยังไม่พอที่จะทำให้คุณพร้อมในการเทรดในตลาด Forex สิ่งต่อมาที่คุณควรมีคือประสบการณ์เทรดโดยตรง ซึ่งคุณสามารถหาได้จากการเทรดบนบัญชีทดลอง (Demo) นั่น ซึ่งเราไม่แนะนำให้มือใหม่ไปเทรดบนบัญชีเงินจริงโดยไม่เคยเทรดบนบัญชีทดลอง (Demo) มาก่อน เพราะการที่คุณไปเทรดบนบัญชีเงินจริงๆเลยโดยที่ยังไม่มีประสบการณ์ที่มากพอ มันจะทำให้คุณขาดทุนในการเทรดได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งอาจะทำให้คุณล้างพอร์ตได้ง่ายๆ เพราะการเทรด Forex จริงๆแล้วมันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายแต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยาก เพราะตลาด Forex ความเสี่ยงสูงมาก จึงจำเป็นจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจ รวมถึงประสบการณ์ในการเทรดมาก่อน เพื่อที่จะทำให้คุณพร้อมในการเทรดบนบัญชีเงินจริงนั่นเอง

     

    4. เริ่มการลงทุนในตลาด Forex ด้วยการเทรดบนบัญชีจริง เมื่อคุณมีเงินทุน มีบัญชีที่เปิดกับโบรกเกอร์ และมีประสบการณ์จากการเทรดบนบัญชีทดลอง (Demo) มาพอสมควรแล้ว ก็ถึงเวลาที่คุณพร้อมแก่การเทรดบนบัญชีเงินจริง ซึ่งในการเทรดบนบัญชีเงินจริงก็แตกต่างจากการเทรดบนบัญชีทดลอง (Demo) อย่างแน่นอน เพราะการเทรดบนบัญชีเงินจริงนั้นจะมีเรื่องจิตวิทยามาเกี่ยวข้องอย่างมากเพราะจะเกิดความกดดันจากการเทรดที่คุณเสียเงินของคุณไปจริงๆ ซึ่งต่างกับการเทรดบนบัญชีทดลอง (Demo) เพราะการเทรดบนบัญชีดังกล่าวจะทำให้คุณไม่รู้สึกใดๆ เพราะคุณไม่ได้เทรดเสียเงินของคุณหรือได้เงินมาจริงๆ คุณเลยไม่รู้สึกถึงความกดดันบนบัญชีดังกล่าวนั่นเอง ดังนั้นแล้วการเทรดบนบัญชีเงินจริงคุณต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก โดยคุณจะต้องมีสติ มีเหตุผล และไม่โลภ เพื่อที่จะทำให้คุณสามารถเทรดได้กำไรอย่างต่อเนื่องบนบัญชีเงินจริงนั่นเอง

    ________________________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    ________________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    ตลาดกระทิงกับตลาดหมี: อะไรคือความแตกต่าง?

    ตุลาคม 3, 2022

    ตลาดกระทิงและตลาดหมีเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจโลกและเป็นสภาวะตลาดที่แตกต่างกัน ทั้งสองมีประโยชน์สำหรับนักลงทุนที่ซื้อขายในตลาดการเงิน เช่น ดัชนีหุ้น ตลาดซื้อขายสกุลเงินหรือพื้นที่สกุลเงินดิจิทัล ในเวลาเดียวกัน พวกเขาสามารถน่าตื่นเต้นและน่ากลัว แต่อะไรคือความแตกต่างระหว่างตลาดกระทิงและตลาดหมี?

    เป็นตลาดทั้งสองประเภทที่พบได้ทั่วไปในตลาดการเงินในช่วงวัฏจักรเศรษฐกิจ ตลาดกระทิงเกิดขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์ทางการเงินเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาที่ยั่งยืน ในทางกลับกัน ตลาดหมีเกิดขึ้นเมื่อราคาสินทรัพย์ลดลงในช่วงระยะเวลาหนึ่งที่ยั่งยืน

    โดยทั่วไปในตลาดกระทิง ผู้ค้าควรซื้อตราสารเพื่อทำเงินจากการเพิ่มขึ้นของราคา ในขณะที่ในตลาดหมี พวกเขาควรขายการถือครองตราสารของตนเพราะมีแนวโน้มว่าราคาจะลดลง

    คำว่า “กระทิง” และ “หมี” มาจากวัฒนธรรมอังกฤษสมัยก่อนซึ่งวัวกระทิงถือเป็นสัตว์ที่ทรงพลังซึ่งแสดงถึงการมองโลกในแง่ดี ในขณะที่หมีถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์เชิงลบเนื่องจากนิสัยการจำศีลซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการมองโลกในแง่ร้าย

    ลักษณะเฉพาะของประเภทตลาดกระทิงและตลาดหมีแตกต่างกันอย่างมาก และการพิจารณาความแตกต่างระหว่างตลาดกระทิงและตลาดหมีอาจเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ ในบทความนี้ เราจะแจกแจงทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับอารมณ์ขาขึ้นและขาลง

    ตลาดกระทิงคืออะไร?

    ตลาดกระทิงเป็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่โดดเด่นด้วยการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น เศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และ GDP ที่เพิ่มขึ้น (ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ) นี่คือสิ่งที่ตรงกันข้ามกับตลาดหมีซึ่งมีโอกาสในการทำงานน้อยกว่า เงินเดือนที่ต่ำกว่า และผลกำไรของบริษัทลดลงเนื่องจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น การเริ่มต้นของตลาดกระทิงอาจมองเห็นได้ยาก แต่โดยทั่วไปแล้ว ตลาดกระทิงจะเป็นไปตามช่วงเวลาของการชะลอตัวหรือภาวะถดถอยซึ่งราคาต่ำมาก

    เกิดอะไรขึ้นในตลาดกระทิง?

    เมื่อตลาดกระทิงกำลังเกิดขึ้น นักลงทุนมักมองในแง่ดีว่าราคาจะเพิ่มขึ้นอีก โดยจำนวนผู้ซื้อจะล้นหลามจำนวนผู้ขาย

    ตลาดหมีคืออะไร?

    ตลาดหมีเป็นภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่อาจส่งผลให้ราคาหุ้น คู่อัตราแลกเปลี่ยน สินค้าโภคภัณฑ์ และเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ ลดลงอย่างมาก สิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่ออัตราการว่างงานสูง ผู้คนถอนตัวจากกำลังแรงงานมากขึ้น ค่าจ้างที่ลดลง หรือผลกำไรของบริษัทที่ลดลงอันเนื่องมาจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น

    เกิดอะไรขึ้นในตลาดหมี?

    แนวโน้มขาลงมักจะยาวนานกว่าตลาดกระทิงที่มีระยะเวลาสั้นกว่า โดยจำนวนผู้ค้าขาลง (ผู้ขาย) ล้นหลามจำนวนผู้ค้าขาขึ้น (ผู้ซื้อ)

    ตลาดกระทิงและตลาดหมีแตกต่างกันอย่างไร?

    ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดระหว่างตลาดกระทิงและตลาดหมีสามารถสรุปได้ว่าเป็นความแตกต่างในมุมมองทิศทาง ตลาดกระทิงเป็นช่วงที่ราคาสูงขึ้นเนื่องจากความมั่นคง ในขณะที่ตลาดหมีมีความเกี่ยวข้องกับราคาที่ลดลงเนื่องจากความไม่เสถียร

    ตลาดขาขึ้นคือเมื่อราคาสูงขึ้นและตลาดขาลงตรงกันข้ามกับราคาที่ลดลง ความแตกต่างนี้สามารถเห็นได้เมื่อเวลาผ่านไปในแผนภูมิการซื้อขายประเภทต่างๆโดยที่เส้นหนึ่งจะสูงขึ้นในขณะที่อีกเส้นหนึ่งตกลง

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำว่า “กระทิง” และ “ตลาดหมี” อธิบายสถานะของตลาดที่เกี่ยวข้องกับทิศทางปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมีมูลค่าเพิ่มขึ้นหรือขยับขึ้น (แนวโน้มขึ้น) หรือสูญเสียมูลค่าเนื่องจากการเคลื่อนไหวของราคาลดลงหรือลดลงในมูลค่า (ขาลง)

    ตลาดหมีจะอยู่ได้นานแค่ไหน?

    ตลาดหมีอาจมีความยาวแตกต่างกันไป แต่สามารถอยู่ได้ตั้งแต่สองสามสัปดาห์ถึงเฉลี่ยสองปี ต้องใช้เวลานานกว่ามากในการฟื้นตัวจากตลาดหมีมากกว่าที่ตลาดกระทิงจะกลับทิศทาง เนื่องจากนักลงทุนและผู้ค้าต้องการเวลามากขึ้นก่อนที่จะทำการซื้อขายที่มีความเสี่ยงสูงอีกครั้ง

    ตลาดกระทิงจะอยู่ได้นานแค่ไหน?

    ตลาดกระทิงสามารถอยู่ได้นานถึงหกปีและบางครั้งก็นานกว่านั้นด้วยระยะเวลาเฉลี่ยห้าปี ตลาดกระทิงที่ยาวที่สุดกินเวลานานกว่า 10 ปี

    ตลาดกระทิงและตลาดหมีได้ชื่อมาอย่างไร?

    ตลาดกระทิงและตลาดหมีได้ชื่อมาจากลักษณะการเคลื่อนไหวของสัตว์เหล่านี้ต่อผู้คน

    ตลาดกระทิงเป็นตลาดที่แข็งแกร่งและทรงพลัง มีมูลค่าเพิ่มขึ้น เมื่อกระทิงโจมตี มันจะเริ่มจากจุดต่ำปัดขึ้นไปยังจุดสูงสุด ตลาดหมีดูราวกับว่ากำลังเคลื่อนลงจากจุดที่สูง โดยการโจมตีของหมีจะเลื่อนลงจากสูงไปต่ำ

    ลักษณะของตลาดกระทิงเทียบกับตลาดหมี

    ค้นพบความแตกต่างที่สำคัญระหว่างตลาดกระทิงและตลาดหมีด้านล่าง:

    ลักษณะตลาดกระทิง ลักษณะตลาดหมี
    เศรษฐกิจแข็งแกร่ง เศรษฐกิจอ่อนแอ
    ความเชื่อมั่นของตลาดในเชิงบวก ความเชื่อมั่นในตลาดเชิงลบ
    GDP ที่เพิ่มขึ้น GDP ลดลง
    ภาษีที่สูงขึ้นในช่วงเศรษฐกิจเฟื่องฟู ลดภาษีในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ
    อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า
    อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำกว่า
    อัตราการว่างงานลดลง อัตราการว่างงานที่สูงขึ้น
    ราคาน้ำมันมีเสถียรภาพ ราคาน้ำมันผันผวน
    อุปสงค์ที่แข็งแกร่งและอุปทานที่อ่อนแอของหลักทรัพย์ อุปสงค์ที่อ่อนแอและอุปทานที่แข็งแกร่งสำหรับหลักทรัพย์

    ตลาดจะเปลี่ยนจากตลาดหมีเป็นตลาดกระทิงเมื่อใด

    ตลาดเปลี่ยนจากตลาดหมีเป็นตลาดกระทิงเมื่อราคาที่ต่ำลงเริ่มสูงขึ้นและเริ่มมีแนวโน้มสูงขึ้น ตรงกันข้ามกับที่เป็นจริงเช่นกัน ตลาดจะเปลี่ยนจากตลาดกระทิงเป็นตลาดหมีหากแนวโน้มลดลงและลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเวลาผ่านไป เป็นหน้าที่ของเทรดเดอร์ที่จะรู้ว่ารูปแบบการซื้อขายแบบใด ที่เหมาะกับความต้องการการลงทุนของพวกเขามากที่สุดในแต่ละประเภทตลาด

    ตลาดหมีจะสิ้นสุดลงในที่สุดหลังจากเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ แรงกดดันที่มาจากผู้ขายในตลาดประเภทนี้จะผ่อนคลายและกลายเป็นขาขึ้นเมื่อหมีเริ่มหมดแรง แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสังเกตเห็นในขณะที่การเปลี่ยนแปลงกำลังเกิดขึ้น

    คุณสามารถทำกำไรทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลงได้หรือไม่?

    เป็นไปได้ที่จะทำกำไรทั้งในตลาดกระทิงและตลาดหมี แต่ต้องใช้กลยุทธ์การซื้อขายที่แตกต่างกัน

    ผู้ค้าBullishมักจะซื้อหุ้นเมื่อตลาดมีแนวโน้มสูงขึ้นและขายออกเมื่อมูลค่าเริ่มลดลง ซึ่งจะทำให้กำไรอยู่ในมือของพวกเขาในระหว่างช่วงขาขึ้น ปกตินักลงทุนขาลงมักจะทำตรงกันข้ามโดยการขายหุ้นหลังจากที่ราคาขึ้นแล้วซื้อเพิ่มเมื่อถึงจุดต่ำอีกครั้ง

    เมื่อทำการซื้อขายCFDเทรดเดอร์จะมีตัวเลือกในการซื้อหรือขาย ซึ่งหมายความว่า หากพวกเขาเชื่อว่าตลาดมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น พวกเขาก็สามารถเปิดตำแหน่งซื้อได้ หากพวกเขาคิดตรงกันข้าม และพวกเขาเชื่อว่าตลาดเป็นขาลง พวกเขาสามารถเปิดสถานะขายได้ สิ่งนี้ทำให้ผู้ค้ามีโอกาสทำกำไรทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลง

    ชาร์ตสั้นและยาว

    คุณจะซื้อขายในตลาดขาขึ้นและตลาดขาลงได้อย่างไร?

    เมื่อทำการซื้อขายในทิศทางของตลาดใดทิศทางหนึ่ง สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักถึงรูปแบบการกลับตัวและการกลับตัวของทั้งขาขึ้นและขาลง ความสามารถในการระบุรูปแบบการเคลื่อนไหวของราคาเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความได้เปรียบให้กับกลยุทธ์การซื้อขายของคุณและแสดงโอกาสที่เป็นไปได้ในตลาดที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง

    รูปแบบเหล่านี้บางส่วนรวมถึงbullish and bearish triangles, wedges, cup and handle, double top, double bottom and quasimodo.

    เรียนรู้เกี่ยวกับรูปแบบต่างๆ ของรูปแบบความต่อเนื่องและการกลับตัว และรูปแบบแท่งเทียนขา ขึ้นและขาลง เพื่อปรับปรุงความรู้ของคุณในการวิเคราะห์แผนภูมิ

    ผู้ค้าควรปฏิบัติตาม indicators ทางเทคนิค ที่แตกต่างกัน ระหว่างตลาดขาขึ้นและขาลง ตัวชี้วัดบางตัวรวมถึงเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ดัชนีเปอร์เซ็นต์ตลาดกระทิงและตลาดหมี และดัชนีความผันผวน (VIX)

    การใช้เครื่องมือการซื้อขายที่แตกต่างกันสำหรับตลาดประเภทต่างๆ

    ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคุณคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า ไม่ว่าคุณจะพยายามทำโครงการให้เสร็จที่บ้านหรือที่ทำงาน คุณมักจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีหากคุณใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับงาน

    เช่นเดียวกับการซื้อขายฟอเร็กซ์ การซื้อขายดัชนี การซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์และอื่นๆ

    คุณต้องมีระบบการซื้อขายแบบกระทิง (เครื่องมือที่เหมาะสม) เพื่อขี่ตลาดขาขึ้น และเช่นเดียวกันเมื่อตลาดกลายเป็นขาลง คุณต้องใช้ระบบตลาดหมีเพื่อจับแนวโน้มขาลง

    แม้ว่าสิ่งนี้อาจฟังดูง่ายพอและสิ่งเดียวที่ชัดเจนที่ต้องทำ แต่ความเป็นจริงอาจแตกต่างกันสำหรับผู้ค้าหลายราย คนส่วนใหญ่มักใช้เครื่องมือเดียว (และไม่ใช่เครื่องมือที่ถูกต้องเสมอไป) สำหรับงานทั้งหมด พวกเขาคิดว่าเครื่องมือเดียวสำหรับงานทุกประเภทจะได้ผล มันเหมือนกับการใช้ไดรเวอร์แทนพัตเตอร์เมื่อคุณพยายามเอาลูกกอล์ฟลงหลุมเมื่อคุณอยู่บนกรีน

    ทำไมคุณถึงต้องการเครื่องมือที่แตกต่างกันสำหรับตลาดประเภทต่างๆ?

    เมื่อพูดถึงการซื้อขายฟอเร็กซ์ คำถามคือทำไมผู้คนถึงใช้ระบบการซื้อขายเดียวกันแม้ว่าสภาวะตลาดจะเปลี่ยนไปและตลาดมีทิศทางใหม่?

    ก่อนที่เราจะพิจารณาประเภทตลาดที่แตกต่างกันและกลยุทธ์ที่คุณสามารถใช้สำหรับแต่ละประเภทได้ สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ควรทราบคือตลาดมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่แตกต่างกันอย่างน้อยสามทิศทาง: ขึ้น ลง และไปด้านข้าง

    และอย่างที่คุณทราบอยู่แล้วว่าแม้ในแนวโน้มขาขึ้นบางตลาดมักจะถอยกลับแล้วถอยกลับ การเคลื่อนไหวที่คล้ายคลึงกันอาจเกิดขึ้นได้ในช่วงขาลงเมื่อบางตลาดสามารถเด้งกลับขึ้นมาก่อนที่จะลดลงอีกครั้ง

    การรู้ว่าตลาดขยับขึ้น ลง และไปด้านข้างเป็นเครื่องบ่งชี้ที่ชัดเจนที่สุดว่าผู้ค้าต้องการระบบการซื้อขายที่แตกต่างกัน (เครื่องมือที่เหมาะสม) สำหรับประเภทตลาดที่แตกต่างกัน

    มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะยึดถือระบบการซื้อขายขาลงของคุณเมื่อตลาดเป็นขาขึ้นและในทางกลับกัน

    บทสรุป

    ท้ายที่สุด ตลาดมีแนวโน้มที่จะขยับขึ้น ลง หรือไปด้านข้าง จำไว้ว่าคุณต้องทำการปรับเปลี่ยนการซื้อขายของคุณและใช้เครื่องมือที่เหมาะสมเมื่อสภาวะเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลง

    ____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    7 กลยุทธ์การทำกำไรในการซื้อขาย Forex?

    ตุลาคม 3, 2022

    7 กลยุทธ์การทำกำไรในการซื้อขาย Forex?

    แม้ว่าผู้ค้าจำนวนมากจะไม่ทราบ แต่กลยุทธ์การทำกำไรเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการซื้อขาย การรู้ว่าเมื่อใดควรออกจากการซื้อขายเมื่ออยู่ในกรีนเป็นหนึ่งในวัตถุประสงค์ที่ยากขึ้นสำหรับผู้ค้าและนักลงทุนที่จะเข้าใจ

    นี่คือเหตุผลที่แน่นอนที่ผู้ค้ารายใหม่ควรเข้าใจว่ากลยุทธ์การทำกำไรคืออะไรและจะนำไปใช้ในการซื้อขายได้อย่างไร

    กลยุทธ์การทำกำไรใช้เพื่อกำหนดว่าเมื่อใดที่เทรดเดอร์ควรออกและรับผลกำไรหรือตัดขาดทุน เพื่อให้วิธีการเหล่านี้ประสบความสำเร็จ พวกเขาจะต้องจับคู่กับวิธีการจัดการความเสี่ยงอื่นๆ เช่นเทคนิคการปรับขนาดตำแหน่งซึ่งจะช่วยให้คุณติดตามได้ตลอดเส้นทางการซื้อขายของคุณ

    เราจะเจาะลึกว่ากลยุทธ์การทำกำไรคืออะไร และกลยุทธ์การทำกำไรที่ดีที่สุดบางส่วนสามารถช่วยคุณปรับปรุงการซื้อขายได้อย่างไร

    กลยุทธ์การทำกำไรคืออะไร?

    กลยุทธ์การทำกำไรเป็นกลยุทธ์ที่อธิบายว่าคุณจะคลายสถานะที่เปิดอยู่และเพิ่มผลกำไรสูงสุด จากตำแหน่งเหล่านั้นได้อย่างไร ผู้ค้าใช้กลยุทธ์การทำกำไรที่หลากหลายเพื่อให้ได้ผลลัพธ์นี้

    บางคนจะปิดตำแหน่งในคราวเดียว ในขณะที่คนอื่นๆจะมองเพื่อปิดตำแหน่งบางส่วน ในขณะที่มันเคลื่อนไปเพื่อประโยชน์ของพวกเขา ผู้ค้าบางรายมี แนวโน้มที่จะตั้งเป้าหมายทำกำไรตามการวิเคราะห์ทางเทคนิค ในขณะที่คนอื่น ๆ ใช้เป้าหมายคงที่ ( เช่น ในหน่วย pip หรือมูลค่า $) หรืออาจทำตามความรู้สึกของพวกเขา ( เช่น หากมีข่าวที่ส่งผลกระทบต่อตำแหน่งที่เปิดอยู่ )

    กลยุทธ์การทำกำไรในการซื้อขาย Forex?

    เมื่อคุณเข้าใจแล้วว่าเหตุใดกลยุทธ์การทำกำไรจึงมีความสำคัญมากในการนำไปใช้ในการซื้อขายของคุณเอง เจาะลึกกลยุทธ์การทำกำไรที่ดีที่สุดด้านล่าง

    1. เทรนด์หลังการออก

    พื้นฐานที่สุดของกลยุทธ์การซื้อขายทั้งหมดเกี่ยวกับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ เนื่องจากอินดิเคเตอร์ถูกสร้างขึ้น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่จึงเป็นหนึ่งในวิธีการเข้าและออกจากตลาดที่ใช้บ่อยที่สุด

    การใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สำหรับทางออกของคุณมีข้อดีคือความเรียบง่าย และหากคุณชอบการออกที่ไม่ต้องใช้เวลามาก การออกค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่จะจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในทางออกที่ดีที่สุด

    การออกจากค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่จะใช้ได้ดีที่สุดในตลาดที่มีแนวโน้ม

    5 และ 20 ช่วงเวลาของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบธรรมดา

    ดังที่คุณเห็นใน แผนภูมิ ด้านบน US500 มีแนวโน้มที่แข็งแกร่งในช่วงตลาดกระทิงในครึ่งปีแรกของปี 2021
    การออกจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ช่วง 5 และ 20 นั้นง่ายอย่างที่ควรจะเป็น คุณรอช่วงที่ 5 (เส้นสีน้ำเงิน) ข้ามช่วง 20 (เส้นสีแดง) เพื่อส่งสัญญาณออกของคุณ

    ดังที่คุณเห็นจาก แผนภูมิ ด้านบน มันจะให้การวิ่งที่ดีใน US500 ทำให้คุณมีโอกาสที่ยอดเยี่ยมในการทำ กำไร

    แผนภูมิด้านบนแสดงระยะเวลาการรวมบัญชีของ AUD/USD เมื่อรูปแบบการออกนี้ ‘เร็ว’ ซึ่งหมายความว่าคุณได้รับสัญญาณออกบ่อยขึ้นเนื่องจากไม่มีแนวโน้มเกิดขึ้น

    และหากคุณใช้สัญญาณเดียวกันเพื่อเข้าสู่การเทรด คุณก็จะถูกสับเข้าและออก ส่งผลให้เกิดการขาดทุนเล็กน้อยและการเทรดที่คุ้มทุน

    2. ATR ต่อท้ายหยุด

    ATR ย่อมาจาก Average True Range ทางออก ATR คำนึงถึงความผันผวนของตราสารที่คุณกำลังซื้อขายในขณะนั้น

    เมื่อคู่ FX มีความผันผวน มันสมเหตุสมผลแล้วที่คุณต้องให้พื้นที่ทางออกของคุณมากขึ้นเพื่อย้าย

    ในทางกลับกัน เมื่อคู่ FX มีความผันผวนน้อยกว่า การหยุดที่ใกล้จะได้ผลดีกว่า ช่วยให้คุณคืนกำไรที่เปิดน้อยลง

    แนวโน้มหลังจากหยุด ATR จะกำหนดทางออกที่ 2-3 ของ ATR รายวันจากจุดต่ำสุดของวัน ดังนั้น หาก ATR หนึ่งเป็น 30pips การหยุดการขาดทุน 2ATR จะตามหลังการสูญเสียของวันไป 60 pip (2x 30 pips)
    การหยุด ATR ระยะสั้นจะกำหนดทางออกที่ประมาณ 1.5xATR จากระดับต่ำสุดของวัน

    ดังที่คุณเห็นในแผนภูมิทองคำด้านบน ATR ตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 ถึงกลางเดือนสิงหาคม 2564 อยู่ในช่วง 17.70 ถึง 31.37

    ซึ่งหมายความว่าในช่วงที่มีความผันผวนสูงสุด (ในช่วงเวลานี้) ทองคำเคลื่อนไหวที่ประมาณ 31 ดอลลาร์ต่อวัน

    ประโยชน์หลักของทางออกนี้คือ คุณใช้ ATR เพื่อกำหนดทางออก ดังนั้นคุณจึงลดโอกาสที่จะได้รับทางออกก่อนเวลาอันควร

    หากคุณกำหนดทางออกไว้ที่ $10 ในช่วงเวลาที่มีความผันผวนสูง โอกาสที่คุณจะโดนหลอกจากการค้าขายของคุณจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก

    ความงามของทางออกนี้คือ ATR จะถูกคำนวณโดยอัตโนมัติสำหรับคุณทุกวัน และคุณสามารถใช้ข้อมูลนั้นเพื่อปรับทางออกของคุณให้เหมาะสม

    3. ใช้แนวรับและแนวต้านในการออก

    ทางออกอื่นที่คุณสามารถใช้ได้คือการกำหนดเป้าหมายกำไรตามแนวรับและแนวต้าน

    หากคุณสังเกตเห็นคู่ FX ดัชนีหรือสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีขอบเขตจำกัด คุณอาจต้องการใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวโดยการซื้อจุดอ่อนที่ด้านล่างของช่วงและขายที่ด้านบนของช่วง

    แผนภูมิด้าน บนเน้นช่วงที่มีขอบเขตเป็น NZD/CAD ซึ่งคู่สกุลเงินรวมกันภายในช่วง 300  pips หากคุณกำลังซื้อจุดอ่อนจากแนวรับ คุณสามารถตั้งค่าจุด ขายทำ  กำไรก่อนระดับแนวต้านสำคัญ 0.89

    สมมติว่าคุณได้รับสัญญาณเข้าก่อนระดับแนวรับ 0.86 คุณอาจกำหนดระดับการทำกำไรก่อน 0.89

    4. การใช้สัญญาณ Divergence เพื่อออกจากตำแหน่งของคุณ

    Divergence เป็นหนึ่งในสัญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดที่คุณจะได้รับเมื่อทำการซื้อขายตราสารใดๆ คุณมีทั้งขาขึ้นและขาลง

    Bullish divergence คือเมื่อราคาแตะจุดต่ำสุดที่ต่ำกว่า แต่ indicator ทางเทคนิค ของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง oscillator เช่น stochastic หรือ RSI จะทำให้ราคาสูงขึ้น

    สมมติว่าคุณซื้อ USD/CHF จากจุดต่ำสุดในเดือนธันวาคม 2020

    แต่กลางเดือนมีนาคม คุณสังเกตเห็นความแตกต่างของ RSI ในกราฟรายวัน

    ในกรณีนี้ คุณสามารถออกจากการซื้อขายโดยพิจารณาจากความแตกต่างของตลาดหมีและก่อนที่การปรับฐานจะเพิ่มโมเมนตัม

    5. Time-based exits

    การเทรดที่ดีมักจะเริ่มทำงานเพื่อคุณอย่างรวดเร็ว ในทางกลับกัน การซื้อขายบางรายการจะลอยอยู่และไม่ทำอะไรเลยเป็นระยะเวลานาน

    สำหรับผู้ซื้อขายระหว่างวัน การออกตามเวลาของคุณอาจใช้เวลาเพียง 10 นาที ในขณะที่ผู้ค้าที่สิ้นสุดวันอาจอนุญาตให้มีการเคลื่อนไหวด้านข้างเป็นเวลาห้าวันก่อนที่จะออก คุณต้องดำเนินการออกตามเวลาตามกรอบเวลาการซื้อขายของคุณ

    กราฟเงินรายชั่วโมง ด้านบนแสดงระยะเวลาการรวมบัญชี ซึ่งคงจะเจ็บปวดมากหากต้องผ่านสำหรับ เทรดเดอร์ ระยะสั้น

    6. แท่งเทียนออก

    มีการออกแท่งเทียนจำนวนหนึ่งที่คุณสามารถเพิ่มลงในกลยุทธ์การซื้อขายของคุณได้ และส่วนใหญ่มีชื่อที่น่าสนใจ

    ผู้ที่ต้องการอยู่ในการค้าขายหลังจาก ‘dark cloud cover’ หรือ ‘รูปแบบ bearish engulfing’ แค่ชื่ออย่างเดียวก็น่าจะเพียงพอที่จะส่งสัญญาณเตือนว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง

    เป้าหมายของคุณที่นี่คือการทำความคุ้นเคยกับรูปแบบแท่งเทียน ทั้งหมด และทดสอบเพื่อดูว่ารูปแบบใดเหมาะกับระบบการซื้อขายและกรอบเวลาของคุณ

    แผนภูมิด้านบนแสดงรูปแบบ bearish engulfing ซึ่งเป็นที่ที่แท่งเทียนสีเขียวก่อนหน้าถูกกลืนโดยแท่งเทียนสีแดงที่ใหญ่กว่ามาก ยิ่งแท่งเทียนที่ 2 นานขึ้น (วันที่ลดลง) ยิ่งมีโอกาสขายออกมากขึ้นเท่านั้น

    7. Fundamental exits

    เมื่อรายการข่าวสำคัญเข้าสู่ตลาดการเงินซึ่งสร้างความตื่นตระหนกต่อเศรษฐกิจ คุณอาจออกจากตำแหน่งได้ดีที่สุด

    มีเหตุการณ์ข่าวพื้นฐานมากมายที่อาจมีความสำคัญ แต่ไม่มีใครยิ่งใหญ่ไปกว่าผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่มีใครคาดหวัง เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2559 ทรัมป์ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดี

    อย่างที่คุณเห็น Dow Jones พุ่งขึ้น 9100 จุดในเวลาเพียงหนึ่งปีหลังจากข่าวพื้นฐานสำคัญนี้ หากคุณไม่เห็นด้วยกับข่าวนี้ จะเป็นการฉลาดมาก (เมื่อมองย้อนกลับไป) ที่จะออกจากตำแหน่งของคุณทันที

    เหตุการณ์ข่าวพื้นฐานอื่นๆ ที่คุณอาจต้องการพิจารณาเมื่อทำการซื้อขายในตลาด ได้แก่:

    • ผล NFP และข้อมูลการว่างงานทั้งหมด
    • การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง
    • ตัวเลขจีดีพี
    • ข้อมูลเงินเฟ้อ (CPI)
    • การประชุม FOMC และ ECB

    กลยุทธ์การทำกำไรที่ดีที่สุดคืออะไร?

    ไม่มีกลยุทธ์การทำกำไรแบบใดแบบหนึ่งที่ดีไปกว่าส่วนที่เหลือ มันขึ้นอยู่กับแผนและกลยุทธ์การซื้อขายของคุณ เราได้ระบุการออกจากการทำกำไรที่ใช้บ่อยที่สุดข้างต้น และแนะนำให้ทดลองใช้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

    ____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    คนหรือ Bot ลงทุนให้เราดีกว่ากัน?

    ตุลาคม 3, 2022

    Robot or Ai trading

     

    ใช้คนหรือ Bot ลงทุนให้เราดีกว่ากัน

    การลงทุนล่ะ Robot จะทำได้ดีกว่าคนไหม

    แนวคิดในการนำระบบเทรดอัตโนมัติ หรือ Robot Trading มาใช้ในการลงทุน เกิดจากจุดอ่อนที่ว่า “มนุษย์มีจิตใจ” ส่งผลให้การวิเคราะห์และตัดสินใจนั้นมีอคติ อ่อนไหวง่าย ทำให้มีอารมณ์เหนือการตัดสินใจ นอกจากนี้มนุษย์คือเผ่าพันธุ์ที่ขี้เกียจ ไม่ชอบทำงานที่ต้องใช้เวลา และทำแบบเดิม ๆ ซ้ำไปซ้ำมา ที่สำคัญมนุษย์ไม่ได้มีหน้าที่ลงทุนเพียงอย่างเดียว การโฟกัสหรือสมาธิมักจะถูกดึงออกไปได้ง่าย ทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้เสมอ

    ดังนั้นจึงเกิดไอเดียการนำ Robot หรือคอมพิวเตอร์มาลงทุนแทนมนุษย์ โดยการสร้างระบบการเทรดอัตโนมัติขึ้น มีชื่อเรียกที่หลากหลาย เช่น Algorithmic Trading, Program Trading, Automated Trading, System Trading และ Robot Trading ซึ่งล้วนมีความหมายใกล้เคียงกัน นั่นคือ การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์มาส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นได้ด้วยตัวมันเองทันที เมื่อราคาหุ้น สภาวะตลาดหรือตัวแปรอื่น ๆ เข้าเงื่อนไขของโมเดลที่ถูกเขียนขึ้นโดยมนุษย์นั่นเอง

     

    Robot จะทำงานได้ดีกว่าคนได้อย่างไร

    1. Robot ไร้อารมณ์: ซึ่งทำให้มันมีความโดดเด่นในด้าน “ความคงที่ของการตัดสินใจ” เนื่องจากมันไม่มีความรู้สึก จึงทนต่อแรงกดดันจากสภาวะต่าง ๆ ได้ โดยไม่มีผลกระทบต่อการคิดและตัดสินใจ ต่างจากมนุษย์ที่หากวันไหนใจไม่นิ่ง ความสามารถในการเทรดหุ้นก็จะลดลง นักลงทุนส่วนใหญ่ที่อ่อนไหวกับการเทรดมักกอดหุ้นที่ขาดทุนโดยหวังว่าจะขึ้นในอนาคต และพอได้กำไรก็รีบขายไม่เก็บไว้ ซึ่งจะต่างกับหุ่นยนต์ที่จะซื้อขายตามโปรแกรมที่กำหนดเท่านั้น

    2. Robot ไม่ขี้เกียจ: ทำงานตามคำสั่งอย่างมีวินัย ด้วย Robot ทำงานตามกลยุทธ์การลงทุน เงื่อนไขต่าง ๆ ที่กำหนดขึ้นแล้ว พร้อมที่จะทำงานได้โดยอัตโนมัติอย่างไม่มีอิดออดแม้ว่าจะอยู่ในช่วงตลาดผันผวนก็ตาม หุ่นยนต์จะไม่มีวันเหลวไหล เพราะมันถูกป้อนคำสั่งให้ทำหน้าที่นั้นแล้ว เวลาได้กำไรก็จะไม่หลงระเริง เวลาตัดขาดทุนจะไม่มีอาการเสียดาย เวลาขายหมูก็จะไม่มานั่งคร่ำครวญเสียใจ

    3. เราสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้: โดยส่วนใหญ่แล้วโปรแกรมจะนำข้อมูลย้อนหลังมาทำการพิสูจน์ไอเดียหรือกลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลาย และนำไปออกแบบระบบเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างอัตโนมัติ การนำข้อมูลมาพิสูจน์ย้อนหลัง หรือ Backtesting นั้น จะช่วยให้เห็นภาพว่าผลตอบแทนและความเสี่ยงเป็นอย่างไร หากเราใช้กลยุทธ์แบบนี้แล้ว ความเป็นไปได้ที่จะได้กำไรนั้นมีมากน้อยแค่ไหน

    4. มีประสิทธิภาพมากกว่า: Robot จะตัดสินใจและส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นเข้าไปในระบบอัตโนมัติ จึงทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ มนุษย์ไม่จำเป็นต้องมานั่งเฝ้าหน้าจอให้เสียเวลา หรือต้องส่งคำสั่งซื้อขายเองด้วยมือ เพราะบางครั้งก็ส่งคำสั่งผิด ๆ ถูก ๆ หลายคนจะสั่งขายแต่ไปกดซื้อเสียอย่างนั้น สู้ดีเราเอาเวลาไปทำอย่างอื่น เช่น ค้นหากลยุทธ์ในการลงทุนใหม่ ๆ จะดีกว่า

    5. เพิ่มความเร็วในการซื้อขายได้ดีกว่า: หุ่นยนต์ทำได้เร็วกว่าแน่นอน เพราะถูกลงคำสั่งไว้ล่วงหน้าแล้ว เมื่อเกิดสัญญาณซื้อหรือขายก็จะทำตามคำสั่งทันที ต่างจากมนุษย์ที่ต้องประมวลการตัดสินใจในสมองก่อน ยิ่งปัจจุบันเทคโนโลยีการเทรดความเร็วสูง (High Frequency Trading) พัฒนาไปเร็วมากถึงขั้นส่งคำสั่งได้หลายครั้งในช่วงเวลาแค่กะพริบตา และทำให้เราสามารถเทรดหุ้นหรือสินทรัพย์อื่น ๆ ได้มากขึ้น บ่อยขึ้น เทรดข้ามตลาดหุ้นหรือแม้แต่เทรดตลอด 24 ชม. ในบางตลาด เช่น FOREX ก็ได้

    6. กระจายความเสี่ยงได้ดีและเลือกลงทุนได้หลายกลยุทธ์: การใช้ Robot เทรดหุ้นนั้นจะอนุญาตให้เราเทรดได้หลายบัญชีและหลากกลยุทธ์ เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง ระบบคอมพิวเตอร์สามารถสแกนเพื่อหาโอกาสการลงทุนข้ามตลาดได้ทั่วโลก พร้อมส่งคำสั่งซื้อและเฝ้าสังเกตให้กับเรา

     

    ข้อเสียของ Robot

    1. ระบบคอมพิวเตอร์อาจล้มเหลว: ต้องการการตรวจสอบดูแลตลอดเวลา แม้จะบอกว่าการเทรดด้วย Robot ทำให้เรามีเวลาไปทำอย่างอื่นมากขึ้น ไม่ต้องเฝ้าหน้าจอทั้งวัน แต่จริง ๆ แล้ว การทำงานอย่างอัตโนมัติก็ต้องมีการตรวจสอบและเฝ้าดูอยู่เป็นระยะ ๆ เพราะอาจเกิดเหตุระบบล้มเหลวได้ เช่น การเชื่อมต่อขัดข้อง เซิร์ฟเวอร์มีปัญหา ส่งผลทำให้การส่งคำสั่งซื้อขาย Error ตกหล่น หรือทำซ้ำก็ได้

    2. Robot ทำงานตามคำสั่งเป๊ะมากเกินไป: ด้วยความเถรตรงเกินไปของเจ้าหุ่นยนต์ บางครั้งราคาอาจไม่เป็นไปตามทฤษฎีใด ๆ หรืออาจจะมีเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อราคาหุ้น ซึ่งอยู่นอกเหนือการประเมินของหุ่นยนต์ จึงทำงานพลาดพลั้งได้ ดังเช่น เหตุการณ์ Black Monday ที่เกิดขึ้นในปี 1987 ที่ Robot ถล่มขายหุ้นออกจากตลาด เนื่องจากไม่ได้คำนวณแรงเทขายที่เกิดขึ้น จากความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยส่งผลให้นักลงทุนและกองทุนต่าง ๆ ต้องแห่ขายหุ้นตามกันไป กดดันให้ดัชนีดาวโจนส์ ดิ่งต่ำลงถึง 22% และใช้เวลานานถึง 14 เดือนกว่าตลาดจะฟื้นตัวกลับมาดังเดิม

    3. ความปลอดภัยและข้อมูลที่อาจรั่วไหล: ในกรณีที่มีผู้ล่วงรู้ถึงรูปแบบ ช่วงราคาการซื้อและขายของโปรแกรมก็อาจซื้อหรือขายหุ้นเพื่อดักทาง จนสร้างความเสียหายแก่นักลงทุนที่ใช้ระบบได้ จึงต้องมีการพัฒนาระบบบนมาตรฐานความปลอดภัย มีการป้องกันการเจาะข้อมูล และการรั่วไหลของข้อมูลเป็นอย่างดี

    #แจกฟรี!ระบบเทรด

    ____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    การซื้อขาย forex algorithmic คืออะไร?

    ตุลาคม 3, 2022

    เมื่อคุณเพิ่งเริ่มซื้อขายซอฟต์แวร์การซื้อขายแบบ algorithmic ไม่น่าจะเป็นหนึ่งในสิ่งแรกๆ ที่คุณนึกไม่ถึง แต่การซื้อขายแบบ algo เป็นสิ่งสำคัญไม่ต้องพูดถึงว่ามีประโยชน์มาก เป็นส่วนหนึ่งของการซื้อขาย

    การเทรดด้วย forex algorithmic หรือการเทรดโดยใช้ algorithmic คือกระบวนการดำเนินการซื้อขายโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและดำเนินการตามคำสั่งในตลาดฟอเร็กซ์ ผู้ค้า algorithmic พึ่งพาวิธีการเชิงปริมาณ เช่น การวิเคราะห์ทางเทคนิคสำหรับการตัดสินใจของพวกเขา

    การซื้อขาย forex algorithmic คืออะไรและทำงานอย่างไร ประโยชน์และความเสี่ยงของการซื้อขาย algo รวมถึงกลยุทธ์การซื้อขาย forex algorithmic ทั่วไปที่ ใช้ในตลาด

    การซื้อขาย forex algorithmic คืออะไร?

    แนวคิดของการซื้อขาย algorithmic (บางครั้งเรียกว่าการซื้อขาย algo) มีความตรงไปตรงมาพอสมควร มันเป็นเพียงวิธีการทางเทคนิคในการอ้างอิงถึงรูปแบบการซื้อขายอัตโนมัติ algorithmicเดียวเป็นเพียงชุดของกฎทางคณิตศาสตร์ที่โปรแกรมคอมพิวเตอร์ปฏิบัติตามเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะ เมื่อนำไปใช้กับการซื้อขายฟอเร็กซ์ ปัญหาเหล่านั้นมักจะเน้นที่การผสมผสานของราคา เวลา และปริมาณ

    เมื่อแบ่งออกเป็นส่วนๆ algorithmic จะถูกทำเครื่องหมายโดยพื้นฐานโดยจุดเริ่มต้น จุดออก และระหว่างเหล่านั้น ชุดของกฎหรือการดำเนินการต่างๆ เกี่ยวกับการกำหนดความเสี่ยง สิ่งเหล่านี้สามารถเรียบง่ายหรือซับซ้อนได้ตามที่บุคคลที่เขียนโปรแกรมต้องการให้เป็น แม้ว่าโดยทั่วไปแล้ว สิ่งเหล่านี้จะซับซ้อน

    ตัวอย่างเช่น คุณอาจต้องการ algorithmic ที่สแกนตลาด ซื้อสกุลเงินจำนวนหนึ่งในราคาใดราคาหนึ่ง และขายที่อื่น เมื่อเขียนชุดกฎสำหรับ algorithmic นั้น คุณสามารถเลือกให้เกณฑ์ของคุณอิงตามการเคลื่อนไหวของราคาแบบดั้งเดิมเท่านั้น แต่มีแนวโน้มมากกว่านั้น คุณอาจต้องการพิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่ซับซ้อนและเชื่อมโยงถึงกันมากขึ้น ซึ่งรวมถึงอัตราส่วนกำไร/ขาดทุน ข้อมูลในอดีต แนวโน้ม และแม้แต่ข่าวด่วน

    ปัจจัยสนับสนุนทั้งหมดเหล่านี้ได้รับการประเมินภายในสภาพแวดล้อมที่สภาวะต่างๆ มีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง และมักจะเคลื่อนที่เร็วมาก และในนั้น algorithmic ที่ได้เปรียบอย่างมากมีมากกว่าผู้ค้าที่เป็นมนุษย์: ขนาดและความเร็ว

    algorithmic ไม่ได้ทำงานทีละอย่างเท่านั้น คุณสามารถเรียกใช้ได้หลายร้อยรายการพร้อมกัน ให้คุณครอบคลุมตำแหน่งต่างๆ มากมาย และติดตามกลยุทธ์ที่หลากหลายได้ในเวลาเดียวกัน แม้แต่ในบัญชีที่แยกจากกัน สำหรับคนที่ใช้อัลกอริธึม ความเป็นไปได้ของสิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้นั้นดูไร้ขอบเขต

    การซื้อขายอัลกอริทึม MetaTrader 4

    กลยุทธ์การซื้อขาย Forex algorithmic

    รายการด้านล่างนี้คือกลยุทธ์การซื้อขายแลกเปลี่ยน algorithmic ทั่วไปและวิธีเพิ่มเติมบางประการในการใช้ algorithmic ในการเดินทางสู่การซื้อขายอัตโนมัติของคุณ

    Forex scalping

    Forex scalping เป็นกลยุทธ์ที่ผู้ค้าพยายามทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคาเล็กน้อยที่อาจเกิดขึ้นภายในไม่กี่วินาที การซื้อขาย Algo อาจเหมาะสมเป็นพิเศษสำหรับการซื้อขายประเภทนี้ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการเปิดการซื้อขายจำนวนมากต่อวัน และสามารถปรับปรุงความเร็วในการดำเนินการได้อย่างมากเมื่อเทียบกับการซื้อขายด้วยตนเอง

    กลยุทธ์เทรนด์

    กลยุทธ์แนวโน้มเกี่ยวข้องกับการซื้อขายในทิศทางของแนวโน้ม เช่น การซื้อเมื่อสินทรัพย์อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น หรือการขายเมื่อสินทรัพย์อยู่ในแนวโน้มขาลง

    การซื้อขายแบบโมเมนตัม

    การซื้อขายแบบโมเมนตัมเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การซื้อขายระยะสั้นที่เป็นที่นิยม ในขณะที่ผู้ค้าตามเทรนด์มักจะพยายาม “ซื้อต่ำ ขายสูง” ผู้ค้าที่มีโมเมนตัมกำลังไล่ตามโมเมนตัม นั่นคือ “ซื้อสูงและขายให้สูงขึ้น” ตัวอย่างเช่น EUR/USD อาจเข้าใกล้แนวต้านสำคัญที่ 1.20 หากคู่สกุลเงินสามารถทะลุระดับนี้ได้ โมเมนตัมอาจเริ่มสร้างเมื่อมีการหยุดและผู้ค้าเริ่มซื้อโดยคาดว่าแนวโน้มขาขึ้นจะดำเนินต่อไป

    การซื้อขายข่าว

    หากคุณติดตามการประชุมของธนาคารกลางหรือข่าวประชาสัมพันธ์ที่สำคัญ คุณจะสังเกตเห็นว่าความผันผวนเพิ่มขึ้นอย่างมากและราคาเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน การซื้อขายด้วยตนเองเกิดขึ้นน้อยมากในช่วงเวลานี้ เนื่องจากผู้ค้าสถาบันส่วนใหญ่จะมี algorithmic ในการซื้อขายระหว่างเหตุการณ์ดังกล่าว

    การซื้อขายเก็งกำไร

    การซื้อขายเก็งกำไรเกี่ยวข้องกับการค้นหาความไม่สมดุลของราคาและการทำกำไรจากส่วนต่างของราคา ความแตกต่างของราคาเหล่านั้นอาจมีน้อยมากและโอกาสก็หายไปอย่างรวดเร็ว

    กลยุทธ์การซื้อขาย algorithmic เพิ่มเติม:

    • สถิติ
    • การซื้อขายความถี่สูง
    • ป้องกันความเสี่ยงอัตโนมัติ
    • ราคาเฉลี่ย/การพลิกกลับเฉลี่ย
    • ระบบตามความเชื่อมั่นของตลาด
    • ระบบการค้าภูเขาน้ำแข็ง
    • กลยุทธ์การเคลื่อนไหวของราคา
    • กลยุทธ์การผสมผสาน
    • กลยุทธ์การดำเนินการ algorithmic
    • การเข้าถึงตลาดโดยตร

    ประโยชน์ของการซื้อขาย algorithmic คืออะไร?

    การซื้อขาย algorithmic มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา และมีประโยชน์ที่ชัดเจนบางประการที่สามารถช่วยให้กลยุทธ์การซื้อขายของคุณ:

    • การซื้อขาย Algo ตัดอารมณ์จากการซื้อขาย
    • สามารถใช้เป็นเครื่องมือกระจายความเสี่ยง เช่น คุณอาจใช้บัญชีซื้อขายที่สองที่คุณซื้อขายด้วยตนเองเท่านั้น
    • สามารถช่วยให้คุณสร้างความสม่ำเสมอได้
    • การซื้อขาย algorithmic สามารถปรับปรุงการดำเนินการซื้อขายของคุณได้
    • ด้วยการซื้อขาย algo การทดสอบย้อนกลับเป็นเรื่องง่าย เนื่องจากคุณสามารถเรียกใช้อัลกอริทึมตามข้อมูลที่ผ่านมาและประเมินประสิทธิภาพที่ผ่านมาได้ นี่เป็นเรื่องยากมากสำหรับการซื้อขายตามดุลยพินิจ เนื่องจากมีสถานการณ์มากมายไม่รู้จบ

    อะไรคือความเสี่ยงของการใช้ algorithmic การซื้อขายใน forex?

    แม้ว่าการซื้อขาย algorithmic จะมีประโยชน์อย่างแน่นอน แต่ก็มีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องด้วย Algos ทำงานด้วยความเร็วสูง ซึ่งหมายความว่าข้อบกพร่องอาจนำไปสู่การขาดทุนจากการซื้อขายที่โดดเด่นภายในระยะเวลาอันสั้น

    นอกจากนี้ คุณยังใช้ algorithmic ในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และอาจพบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่คุณไม่สามารถควบคุมได้ชั่วคราว

    algorithmic ทำงานตามกฎ การขจัดอารมณ์ออกจากการซื้อขายอาจเป็นสิ่งที่ดี แต่ความจริงแล้วสัญชาตญาณหรือ “ความรู้สึกนึกคิด” มีบทบาทในการซื้อขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณใช้เวลาเป็นจำนวนมากในการติดตามตลาด Algos จะไม่มีข้อได้เปรียบนี้

    นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลว่า algorithmic และการซื้อขาย HFT มีส่วนทำให้เกิดการล่มของแฟลชเพิ่มขึ้น เราพูดถึงความผิดพลาดอย่างรวดเร็วเมื่อราคาของสินทรัพย์ลดลงอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาอันสั้นและฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

    อะไรคือความแตกต่างระหว่างการซื้อขายอัตโนมัติและการซื้อขาย algorithmic?

    การซื้อขายอัตโนมัติ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำให้กระบวนการซื้อขายทั้งหมดเป็นไปโดยอัตโนมัติ ซึ่งหมายความว่าระบบการซื้อขายอัตโนมัติจะเข้าควบคุมกระบวนการทั้งหมดตั้งแต่การคัดกรองโอกาสในเครื่องมือทางการเงินต่างๆ ไปจนถึงการตัดสินใจซื้อ/ขาย

    ในขณะที่การซื้อขาย algorithmic มุ่งเน้นไปที่กระบวนการดำเนินการซื้อขาย

    ____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    Free margin คืออะไร

    ตุลาคม 3, 2022

    Free margin คืออะไร

    Free margin คือ เงินทุนสำรองที่เหลือจาก margin และสามารถใช้เปิดออร์เดอร์สำหรับเทรด forex ได้ หรือเข้าใจกันง่ายๆ ก็คือ ความสามารถก่อหนี้ของบัญชีของเรานั่นเอง ท่านสามารถรองรับความเสี่ยงได้เท่าไหร่ ในการใช้งาน Free margin Margin จะเท่ากับ 0 ส่วน Free margin จะมีค่าเท่ากับ Balance ของเรา Free margin มีข้อดี อยู่ตรงที่ว่า มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ถ้าหากได้กำไร จำนวน margin ก็จะถูกบวกเพิ่มตามผลกำไรที่ได้ และสามารถขายออกไปได้ตลอดเวลา จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการทำกำไร สำหรับนักลงทุน เป็นการเพิ่มมูลค่าในการลงทุนให้กับพอร์ตFree margin สำคัญกับตลาด Forex เป็นอย่างมาก เพราะถือเป็นเงินทุนในบัญชี margin ที่สามารถเปิดสัญญา เปิดออร์เดอร์สำหรับเทรด Forex ได้ โดยที่สามารถซื้อขายได้ตลอดเวลา หากนักลงทุนต้องการเปลี่ยนทิศทางของบัญชีตัวเองข้อเสียของ Free marginทุนของคุณกำลังติดลบ Free marginก็จะลดลงไปเรื่อยๆ และหากปล่อยให้หมดไปเลย คุณก็จะหมดโอกาสในการทำกำไร เพราะการซื้อของคุณจะถูกปิดทันที หรือถ้าหากฟื้นตัวได้ ก็ยากที่จะทำกำไรได้

    #แจกฟรีระบบเทรด

    ____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    ตลาดกระทิง และ ตลาดหมี คืออะไร?

    กันยายน 30, 2022

    ตลาดกระทิง และ ตลาดหมี คืออะไร?
    บอกอะไรเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก
    .
    ตลาดกระทิง (Bullish) คือ ตลาดที่อยู่ในแนวโน้มเป็นขาขึ้น โดยกราฟมีลักษณะปรับตัวพุ่งขึ้นสูงอย่างเห็นได้ชัด เปรียบเทียบได้กับกระทิงเวลาสู้ที่จะขวิดขึ้น ตลาดกระทิงมักเกิดขึ้น ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจดี ตัวเลข GDP เติบโตน่าพอใจ การลงทุนของธุรกิจและบริษัทต่าง ๆ ขยายตัวขึ้น อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่ดี น่าลงทุน อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่ควบคุมได้ อัตราการว่างงานต่ำ เป็นช่วงเวลาที่สินทรัพย์ทางการเงินมีมูลค่าเพิ่มขึ้นพร้อมกับราคาที่สูงขึ้น

    ตลาดหมี (Bear Market) คือ ตลาดที่อยู่ในแนวโน้มเป็นขาลโดยกราฟมีลักษณะปรับตัวต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด เปรียบเทียบได้กับหมีเวลาสู้ที่จะตะปบลง ตลาดหมีมักเกิดขึ้น ในช่วงเวลาที่สภาพเศรษฐกิจตกต่ำชะลอตัว อัตราเงินเฟ้อสูง ไม่สามารถควบคุมอัตราดอกเบี้ยได้ และอัตราการว่างงานสูง กำไรผลประกอบการของธุรกิจน้อยลงเป็นช่วงเวลาที่สินทรัพย์ทางการเงินเสื่อมมูลค่าด้วยราคาที่ลดลง

    ________________________

    หากคุณกำลังเจอปัญหา

    ?ไม่มีเวลาในการเทรด
    ?เทรดแล้วแต่ก็ยังไม่ได้กำไร
    ?บริหารพอร์ตไม่เป็น ออกลอตไม่ถูก
    ?จัดการอารมณ์ระหว่างเทรดไม่ได้
    สำหรับใครไม่มีเวลาเฝ้ากราฟ เทรดได้ๆเสียๆ พอร์ตแตกบ่อย ต้องการตัวช่วยดีๆในการเทรดสามารถติดต่อรับระบบเทรดได้ฟรี

    ?รับระบบเทรดฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายสักบาท
    เพียงเปิดบัญชีเทรดต่อที่ทาง FTT
    .

    ?เทรดยังไม่เป็น หรือยังไม่เก่ง
    ?อยากเทรดแต่ไม่มีคอม
    ?อยากเทรดแต่ติดตั้ง EA ไม่เป็น
    ?อยากเทรดแต่ไม่สะดวกเฝ้ากราฟเอง
    ทางเรามีทางออกให้คุณ ด่วน❗❗
    .

    ? เปิดบัญชีและเติมเงินเขาบัญชีเทรดเริ่ม $50
    เข้ากลุ่มไลน์ VIP ผู้ใช้ระบบเทรดทันที*

    รับโบนัสเงินฝาก และ รับระบบเทรดเปิดบัญชี ? https://bit.ly/GMI-TH

    สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    ________________________

    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    https://clicks.pipaffiliates.com/c?c=488188&l=th&p=1

    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    https://bit.ly/ExnessCom

    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด
    ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    รหัส IB GMP28407
    _____________________________________________

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    ระบเทรดเทรด FOREX มีข้อดีดีอะไรบ้าง?

    กันยายน 30, 2022

    ทำไมพวกเขาถึงเทรดค่าเงิน? 

    ระบบเทรดฟอร์เร็กมีข้อดีหลายอย่าง ข้างล่างนี้ป็นเหตผุลเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ตอบคำถามว่าทำไมคนส่วนใหญ่ ถึงเลือกเทรดฟอร์เร็กซ์กัน

    ข้อดีของระบบเทรด Forex 

    1. ไม่มี commission (ค่านายหน้า) ไม่มีค่าธรรมเนียมในการส่งคำสั่งซื้อขาย ไม่มีค่าธรรมเนียมในการแลกเปลี่ยนค่าเงิน ไม่มีค่าธรรมเนียมที่เก็บจากภาครัฐ ไม่มีค่าธรรมเนียมที่คิดโดยโบรกเกอร์ ซึ่งโบรกเกอร์เหล่านั้นจะได้ผลตอบแทนจากส่วนต่างของราคา ที่เรียกว่า Bid กบั Ask หรือเรียกอีก อย่างว่า Spread นั่นเอง
    2. ไม่มีคนกลาง การเทรด Spot คา่เงินนนั้จะไม่มีการผ่านคนกลาง ซึ่งทำให้คุณสามารถเทรด โดยตรงกับตลาดตามราคาจริงของค่าเงินนั้นๆ
    3. ไม่มีการกำหนด Lot หรือ Size ในตลาดฟิวเจอร์ lot หรือวา่ Size ของสัญญาการซื้อขายขึ้นอยู่ กับการแลกเปลี่ยนของตัวเครื่องมือนนั้น ๆ เช่น size มาตรฐานของสัญญาฟิวเจอร์เงิน คือ 5000 ออนซ์ ในตลาดฟอร์เร็ก คุณสามารถส่งคำสั่งได้ตามใจคุณ ซึ่งเหตผุลนี้ทำให้เทรดเดอร์สามารถเข้าเทรดในตลาดได้ด้วยเงินเพียง 250 เหรียญ (แม้ว่าเราจะบอกว่าการเทรดด้วยเงิน 250 เหรียญ เลวร้ายยังไง)
    4.  ต้นทุนการส่งค่าสั่งต่ำการส่งคำสั่ง( Bid/Ask หรือ Spread) ซึ่งน้อยกว่า 0.1 เปอร์เซ็นต์ตามเงื่อนไขของตลาด สำหรับโบรกเกอร์ใหญ่ๆ Spread อาจจะน้อยถึง .07 เปอร์เซ็นต์ เลย ซึ่งทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับ Leverage ที่คุณใช้ 
    5. ตลาดที่เปิดตลอด 24 ช่ัวโมง เราไม่ต้องรอให้มีคนมาสั่นกระดิ่งเปิดตลาด ตลาดเริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ตอนเย็น จนถึง วันศกุร์ตอนกลางวัน (เวลา สหรัฐฯ บ้านเราเริ่ม ตีห้าของวนัจนัทร์ – ตีสี่ของ วันเสาร์) ตลาดฟอร์เร็กซ์นั้นไม่เคยหลับ ซึี่งเหมาะกับคนที่เทรดเป็นงานเสริม เพราะวา่คุณสามารถ เลือกได้ว่าคุณอยากเทรดเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน
    6. ไม่มีใครสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของตลาดได้ ตลาดเทรดค่าเงินเป็นตลาดที่ใหญ่มาก และมีนักเทรดมากมายหลายระดับอยู่ในตลาดซึ่งไม่มีใคร(แม้แต่ธนาคารกลาง) ที่จะสามารถ ควบคุมราคาให้เคลื่อนไหวไปตามความต้องการของเขาได้
    7. Leverage (คาน) ในระบบเทรดฟอร์เร็กซ์ แม้ว่าเราจะฝากเงินเข้าเพียงน้อยนิด แต่เราก็สามารถถือ ครองสัญญาที่มีขนาดใหญ่กว่าเงินในบัญชีของเราได้ Leverage ให้เทรดเดอร์สามารถท ำกำไรได้ ในขณะที่มีความเสี่ยงของเงินทนุต่ำตวอย่าง โบรกเกอร์หนึ่งอนญุาตให้เราใช้ leverage 1:200 นั่นหมายถึงว่า ถ้าเรามีเงินมาร์จิิ้น 50 ดอลล่าร์ แต่ว่าทำให้ให้เทรดเดอร์ ซื้อหรือขายสัญญามูลค่า 10,000 เหรียญได้ เช่นเดียวกัน ถ้าเรามีมาร์จิิ้นอยู่ 500 เหรียญ เราก็สามารถเทรดสัญญามูลค่า 100,000 เหรียญ ได้เช่นกันแต่ว่า Leverage ก็เหมือนดาบสองคม ถ้าเราไม่มีการจัดการความเสี่ยงที่ดี การใช้ Leverage สูงจะทำให้เราขาดทนุหรือกำไรมหาศาลได้เหมือนกัน
    8. มีสภาพคล่องสูง เพราะว่าตลาดฟอร์เร็กซ์เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่มาก ซึ่งทำให้มีสภาพคล่องสูงเช่นกัน นั่นหมายถึงว่า ภายใต้สภาวะตลาดปกติเมื่อคุณคลิกเม้าส์ ส่งออร์เดอร์ คณุจะสามารถ ส่งคำสั่งได้ทันที คุณจะไม่ติดขัดในการเทรด ไม่ว่าคุณจะให้เปิดออร์เดอร์แบบอัตโนมัติเมื่อถึง ราคาที่กำหนด(Limit order) หรือ ให้ปิดออร์เดอร์อัตโนมัติถ้าราคาไม่ได้เป็นไปอย่างที่คุณคิด(Stop loss order)
    9. มีบัญชีเทรด Demo, ข่าว , กราฟ และ บทวิเคราะห์บริการให้ โบรคเกอร์ออนไลน์ส่วนใหญ่ จะมีบัญชี demo ให้ใช้ในการฝึกเทรด พร้อมกับบริการขา่ว และกราฟ รวมอย่ใูนโปรแกรมเทรด โดยไม่มีคา่ใช้จ่ายใด ๆ สิ่งเหลา่นี้เป็นข้อมูลที่คุณค่าสำหรับนักเทรดที่ “น่าสงสาร” และ นักเทรดที่ชาญฉลาด ที่อยากจะฝึกปรือฝีมือตัวเองในการเทรดก่อนที่จะเปิดบัญชีเงินจริง และเสี่ยงในเงินจริง ๆ
    10. ระบบเทรดบัญชี Mini และ บัญชี Micro คุณอาจจะคิดว่าการที่จะเป็นนักเทรดค่าเงินขึ้นมา ได้นั้นจะต้องใช้เงินมหาศาล แตจ่ริงๆ แล้ว ถ้าเรามาเทียบการเทรดค่าเงินกับตลาดห้นุ ออพชั่นหรือ ว่าฟิวเจอร์ แต่ว่าไม่ใช่อย่างนั้น โบรกเกอร์ออนไลน์หลาย ๆ ที่มีบริการบญัชี Mini กับ บัญชี Micro ซึงบางโบรคเกอร์อนญุาตให้คุณฝากเงินได้ต่ำสุดเพียง 300 เหรียญ หรือต่ำกว่านั้นก็มี แต่ว่าเราไม่ได้หมายถึงว่า คุณควรจะเปิดบัญชีกับพวกเขาโดยใช้เงินให้น้อยที่สดุนะ แตเรากำลัง หมายถึงว่ามันทำให้ฟอร์เร็กซ์เข้าถึงคนได้หลายกลุ่ม หลายสาขาอาชีพ ผู้ซึ่งไม่มีเงินมากในการปิดบัญชีครั้งแรก#แจกฟรี!ระบบเทรด

      ____________________________________

      สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
      ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
      ________________________________________________
      ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
      XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
      Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
      GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
      https://bit.ly/GMI-TH
      ________________________________________________
      ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
      Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
      ——–
      ติดตามเราได้ที่
      ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
      ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
      _____________________________________________
      *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
      เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    ระบบเทรด forex เริ่มต้นใช้ทุนเท่าไหร่

    กันยายน 30, 2022

     

    ระบบเทรดforex ใช้ทุนเริ่มต้นเท่าไหร่ดี ควรเริ่มต้นที่เงินทุนเท่าไหร่ และมันก็เป็นคำถามที่ตอบยากเหมือนกัน เพราะแต่ละคนรับความเสี่ยงได้ไม่เท่ากัน คำตอบสำหรับทุนที่เหมาะสม ก็คือทุนที่ท่านเทรดแล้วสบายใจ ไม่มีความกดดัน หรือหากขาดทุนหรือโดนล้างพอร์ตแล้วก็ยังยิ้มได้ แต่ละโบรกเกอร์จะกำหนดขั้นต่ำไม่เท่ากันและอยู่กับประเภทของบัญชีที่เราเลือกด้วย ส่วนมากจะแนะนำเป็นบัญชีmicrolot ก็ใส่น้อยๆไม่เกิน 0.01 – 0.05 lot ตาม Leverage ที่รับได้และควร คิดแนวคิดการลงทุนด้วย ความสามารถการเทรดของตัวเอง ตั้งเป้าหมายของตัวเราให้มั่นจะเทรดเป็นมืออาชีพ หารายได้เสริมหรืองานอดิเรก เทรดเพื่อรับผลตอบแทนจะขึ้นอยู่กับความสามารถและการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน มือใหม่ต้องการกำไรน้อยๆหรือต้องการกำไรสูงรับความเสี่ยงได้ แอดมินจะแนะนำให้ทดลองกับบัญชีเดโม่ก่อนลงเงินจริง

    #แจกฟรี!ระบบเทรด

    ____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคหาจังหวะเข้าจังหวะออกในระบบเทรด forex

    กันยายน 30, 2022

    ในการซื้อขายค่าเงิน หรือการเทรดคู่เงินในระบบเทรด Forex นั้น การหาจังหวะเข้า หรือออกออเดอร์ที่ดีที่สุด ก็เท่ากับเรามีชัยไปกว่าครึ่ง แต่ถ้าหากเราออกออเดอร์ผิดที่ เทรดกี่ทีก็ไม่ได้กำไร ต้องมาเสียเวลาแก้ไขอยู่ร่ำไป จนสุดท้ายก็ต้องไปตายเอาดาบหน้า  กุมชะตากรรม ยอมรับการขาดทุนไปในที่สุด

    ฉะนั้นการรู้จังหวะเข้า รู้จังหวะออก(ออเดอร์) จึงเป็นศาสตร์เชิงเทคนิคที่สำคัญในระบบเทรดให้ได้กำไร ช่วยให้สามารถอยู่ในตลาดได้นาน เพราะเมื่อเราเริ่มต้นมาดีแล้ว ย่อมมีความได้เปรียบมากกว่าเสียเปรียบนั่นเอง

    เทคนิคหาจังหวะเข้า หรือจากออกออเดอร์ด้วย Oscillators CCI , MACD

    เป็นเทคนิคหาจังหวะเข้าออกออเดอร์ง่ายๆ โดยอาศัยสัญญาณที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง จากจุดเข้า-จุดออกในตลาด ซึ่งประกอบด้วย 2 ตัวช่วย(อินดี้) คือการใช้ Oscillators CCI กับ MACD ในหน้าต่างเดียวกัน (ทับซ้อนกัน) ซึ่งจะใช้ได้ผล หรือให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด กับไทมเฟรมที่ M1 – H1 สำหรับไทมเฟรมที่แนะนำคือ M5
    การตั้งค่าตัวชี้วัดกำหนดตามนี้คือ

    • MACD: Period (Fast EMA – 12, slow EMA – 26, Signal SMA – 2)
    • CCI : Period – 14

    เนื่องจากเราใช้อินดี้ 2 ตัว (MACD,CCI) ในหน้าต่างเดียวกัน เราจึงต้องลากอินดี้ทั้งสองตัวดังกล่าวมาทับซ้อนกัน โดยไปที่เมนู Navigator >> indicators >> แล้ว MACD ไปยังกราฟก่อน >> จากนั้นลาก CCI ไปทับซ้อนอีกที ในหน้าต่างโซนเดียวกัน และอย่าลืม Set ค่า MACD ไว้ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น

    ตัวอย่าง การดึงกราฟมาซ้อนในหน้าต่างเดียวกัน

    ตัวอย่างการ Set ค่า MACD: Period (Fast EMA – 12, slow EMA – 26, Signal SMA – 2)

    1. การจับหวะหาตำแหน่งเข้า-ออกออเดอร์กรณีซื้อ (ฺBuy)

    เปิดออเดอร์ซื้อ (เข้าออเดอร์) เมื่อเส้น CCI (สีฟ้า) ข้ามเส้น +100 จากล่างขึ้นบน ในขณะที่ตัวชี้วัด MACD จะต้องอยู่เหนือเส้นแบ่ง 0

    ปิดออเดอร์ซื้อ (ออกจากออเดอร์) เมื่อเส้น CCI ย้อนกลับมาที่ระดับ +100 หรือข้ามขอบ MACD แนะนำดูจากภาพตัวอย่างด้านล่างกรณีซื้อ

    2. การจับหวะหาตำแหน่งเข้า-ออกออเดอร์กรณีขาย (ฺSell)

    เปิดออเดอร์ขาย (เข้าออเดอร์) เมื่อเส้น CCI (สีฟ้า) ข้ามเส้น -100 ลงมา ในขณะที่ตัวชี้วัด MACD อยู่ต่ำกว่าเส้นแบ่ง 0

    ปิดออเดอร์ขาย (ออกจากออเดอร์) เมื่อเส้น CCI ย้อนกลับมาที่ระดับ -100 หรือข้ามขอบ MACD แนะนำดูจากภาพตัวอย่างด้านบนกรณีขาย

    ในการเทรดด้วยกลยุทธ์นี้คุณจะต้องเฝ้าติดตามเทอมินัลอ่านตัวชี้วัด เพราะตัวเลือกนี้ไม่ได้ให้ฟังก์ชั่นในการวาง stop loss หรือ take profit

    หมายเหตุ: มุมมองผู้เขียนจากการใช้เทคนิคนี้ มองว่า กรณีที่จะปิดหรือออกจากออเดอร์ไม่ว่าจะซื้อหรือขายนั้น ควรปิดทันทีเมื่อมองเห็นว่าราคาจะไม่ไปต่อ หรือมันกำลังจะสวนทาง

    #แจกฟรี!ระบบเทรด

    ____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคการเริ่มต้นเทรดในระบบเทรด Forex

    กันยายน 29, 2022

    ก่อนเริ่มต้นเทรดในระบบเทรดForex สำหรับเทคนิคเทรดเดอร์มือใหม่กำลังหาข้อมูลการเทรดการลงทุนในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตรา เทรดเดอร์ควรหาข้อมูลศึกษาเกี่ยวกับระบบเทรดในตลาดForex หรือทดลองใช้กับบัญชีdemoเทรดที่มีการเคลื่อนไหวตริงๆแต่เป็นเงินจำลองเลือกโบรกเกอร์ที่ตรงกับสไตล์การเทรดของคุณ ค่าเสปรดที่ไม่เหมือนกันและเลเวอเรจที่จะช่วยให้ทำกำไรได้ รวบรวมสมาธิและวินัยให้พร้อมอย่าใจร้อนควบคุมอารมณ์เทรดในตลาดForexให้ได้ Continue Reading…

    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    การวิเคราะห์พื้นฐานคืออะไรและจะใช้อย่างไร?

    กันยายน 29, 2022

    การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเป็นเทคนิคที่นักลงทุนและผู้ค้าใช้เพื่อประเมินมูลค่าของสินทรัพย์

    การวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานใช้ข้อมูลทางเศรษฐกิจ ข้อมูลทางการเงิน และข้อมูลที่ไม่สามารถวัดปริมาณได้อื่นๆ เพื่อระบุมูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์ที่ไม่สะท้อนในราคาตลาดปัจจุบัน

    เป็นที่น่าสังเกตว่าการวิเคราะห์พื้นฐานสามารถนำไปใช้กับสินทรัพย์ประเภทใดก็ได้ รวมถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินทั้งหมดที่คุณสามารถซื้อขาย :  forex ,  ดัชนีหุ้น ,  สินค้าโภคภัณฑ์ , CFD หุ้น และ  สกุลเงินดิจิทัล

    การวิเคราะห์พื้นฐานคืออะไร?

    การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานคือกระบวนการตรวจสอบตัวชี้วัดทางสังคม การเมือง และเศรษฐกิจที่อาจส่งผลต่อราคาและประสิทธิภาพของสินทรัพย์ทางการเงินก่อนตัดสินใจลงทุน

    เทคนิคการลงทุนนี้สามารถใช้ในการวิจัยธุรกิจพื้นฐานที่สร้างผลิตภัณฑ์หรือจัดหาสินค้าและบริการ

    การวิจัยทางธุรกิจนี้อาจรวมถึงการตรวจสอบความเสี่ยง กลยุทธ์การจัดการในปัจจุบัน สุขภาพทางการเงินของบริษัท งบการเงิน การเติบโตในอนาคต รูปแบบการทำงานของผลิตภัณฑ์ในอดีต และปัญหาของคู่แข่ง เพื่อยกตัวอย่างเพียงไม่กี่ตัวอย่าง

    เป้าหมายของการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานคือการกำหนดว่าโอกาสในการลงทุนในปัจจุบันมีมูลค่าสูงเกินหรือต่ำเกินไปหรือไม่

    หากคุณพบว่าสินทรัพย์ที่คุณกำลังติดตามกำลังซื้อขายในระดับที่ผิดปกติและมีศักยภาพที่จะได้รับกำไรจากการซื้อสินทรัพย์นั้น การใช้การวิเคราะห์ประเภทนี้จะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทำวิจัยของคุณก่อนตัดสินใจลงทุน แม้ว่าอาจพบผลกำไรที่อาจเกิดขึ้น แต่จำไว้ว่าอาจส่งผลให้เกิดการสูญเสียได้เช่นกัน

    การวิเคราะห์พื้นฐานทำงานอย่างไร

    นักลงทุนพื้นฐานมีขอบเขตที่กว้างขึ้นในสิ่งที่พวกเขามอง พวกเขาจะพิจารณาว่าเศรษฐกิจ การเมือง และอัตราดอกเบี้ยโดยรวมมีผลกระทบต่อราคาหรือมูลค่าของสินทรัพย์อย่างไร

    การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะเน้นไปที่แผนภูมิที่แสดงความเคลื่อนไหวของราคาในช่วงเวลาหนึ่งเพื่อลองและคาดการณ์ราคาในอนาคตตามรูปแบบในอดีต นักเทรดทางเทคนิคใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิคเช่นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่การถอยกลับของ Fibonacci และระดับแนวรับและแนวต้านเพื่อสร้างสมมติฐานในช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการซื้อหรือขายสินทรัพย์

    การวิเคราะห์พื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิคต่างกันอย่างไร

    นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจะพิจารณาปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อการทำงานของสินทรัพย์ ซึ่งสามารถเน้นได้ว่าซื้อขายสูงหรือต่ำกว่ามูลค่าราคาจริง ข้อมูลสาธารณะใช้เพื่อดำเนินการวิเคราะห์จากมุมมองแบบ macro ไปจนถึง micro perspective.

    นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจะดูแผนภูมิราคาและปริมาณเพื่อลองคาดการณ์ว่าราคาจะไปที่ใดในอนาคต เมื่อทำการวิเคราะห์ทางเทคนิคพื้นฐานมักจะถูกละเลย และแทน การวิจัยจะอิงตามราคาและมูลค่าในอดีตของสินทรัพย์เท่านั้น

    การวิเคราะห์ทางเทคนิคไม่สนใจปัจจัยพื้นฐานและมุ่งเน้นไปที่การคาดการณ์ทิศทางของราคาผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลตลาดในอดีต เช่น ราคาและปริมาณ

    ผู้ค้าทางเทคนิคซื้อขายด้วยโมเมนตัมและมักจะเข้าสู่ตำแหน่งในช่วงเวลาที่สั้นลง ซึ่งนักวิเคราะห์พื้นฐานให้ความสำคัญกับการหาศักยภาพในระยะยาว

    เทคนิค vs ปัจจัยพื้นฐาน

    อะไรคือความแตกต่างระหว่างการวิเคราะห์พื้นฐานเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ?

    ปัจจัยพื้นฐานมีสองประเภท: การวิเคราะห์เชิงปริมาณและการวิเคราะห์เชิงคุณภาพ

    การวิเคราะห์พื้นฐานเชิงปริมาณจะพิจารณาหลายรายการรวมถึงอัตราส่วนทางการเงิน มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด นโยบายอัตราดอกเบี้ย และรายได้ต่อหุ้น ข้อมูลเชิงปริมาณถูกกำหนดโดยสินทรัพย์ที่คุณกำลังค้นคว้า สถิติเหล่านี้จะถูกนำมาใช้เพื่อเปรียบเทียบกับเครื่องมือหรือค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมอื่นที่คล้ายคลึงกันเพื่อกำหนดว่าทำกำไรได้มากน้อยเพียงใด

    การวิเคราะห์พื้นฐานเชิงคุณภาพเกี่ยวข้องกับการพิจารณาปัจจัยเชิงคุณภาพ เช่น คุณภาพการจัดการ การจดจำแบรนด์ ผู้บริหารของบริษัท และเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ งานวิจัยนี้เกี่ยวข้องกับมาตรฐานของบางสิ่งมากกว่าองค์ประกอบที่เน้นเฉพาะตัวเลข เช่น รายได้ของบริษัทหรืออัตรากำไร

    นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานหลายคนพิจารณาว่าทั้งการวิเคราะห์เชิงคุณภาพและเชิงปริมาณทำงานร่วมกันเพื่อให้การวิเคราะห์เชิงลึกยิ่งขึ้น

    คุณควรพิจารณาปัจจัยพื้นฐานเชิงปริมาณอะไรบ้างในการวิเคราะห์ของคุณ

    ด้านล่างเป็นปัจจัยพื้นฐานบางประการที่คุณควรพิจารณาเมื่อพิจารณาถึงโอกาสในการลงทุนที่เป็นไปได้ผ่านเลนส์เชิงปริมาณ โปรดจำไว้ว่าสินทรัพย์ต่างๆ จำเป็นต้องมีการวิจัยพื้นฐานที่แตกต่างกัน

    • มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด
    • อัตราส่วนราคา (กำไรต่อหุ้น อัตรากำไรจากราคา อัตราการเติบโตของกำไรจากราคา และอัตราส่วนราคา)
    • อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (ผลตอบแทนจากสินทรัพย์ ผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น และอัตรากำไร)
    • อัตราส่วนสภาพคล่อง (อัตราส่วนปัจจุบันและอัตราส่วนที่รวดเร็ว)
    • อัตราส่วนเลเวอเรจ (อัตราส่วนส่วนของหนี้สินและอัตราส่วนความสามารถในการชำระดอกเบี้ย)
    • อัตราส่วนประสิทธิภาพ (การหมุนเวียนของสินทรัพย์และการหมุนเวียนสินค้าคงคลัง)
    • อัตราการเติบโตของรายได้ของบริษัทและคู่แข่ง
    • คุณภาพการจัดการ รวมถึงการถือครองข้อมูลภายในและผลงานที่ผ่านมาในตำแหน่งที่คล้ายคลึงกัน
    • งบการเงิน (งบกำไรขาดทุน งบดุล และงบกระแสเงินสด)
    • GDP, CPI, นโยบายอัตราดอกเบี้ย, อัตราการว่างงาน, อัตราเงินเฟ้อ

    คุณควรพิจารณาปัจจัยพื้นฐานเชิงคุณภาพอะไรบ้างในการวิเคราะห์ของคุณ

    ในรายการด้านล่าง เรามีองค์ประกอบของปัจจัยพื้นฐานเชิงคุณภาพที่คุณต้องพิจารณาเมื่อทำการวิเคราะห์สินทรัพย์ประเภทนี้

    • การจัดการบริษัท
    • การกำกับดูแลกิจการ
    • โมเดลธุรกิจ
    • ความได้เปรียบในการแข่งขันและการรับรู้แบรนด์
    • อุตสาหกรรมสินทรัพย์ (กฎระเบียบ ส่วนแบ่งการตลาด ฐานลูกค้า การแข่งขัน)
    • คู่แข่ง (คู่แข่งกำลังทำอะไร กลยุทธ์ของพวกเขาคืออะไร เปรียบเทียบกับบริษัทของสินทรัพย์ที่คุณกำลังวิเคราะห์ได้อย่างไร)

    เทรดเดอร์จำนวนมากทำการวิเคราะห์ทั้งสองประเภทเมื่อใช้ปัจจัยพื้นฐาน ดังนั้นทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณไม่ได้ดีกว่าแบบอื่น

    การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจากบนลงล่างและจากล่างขึ้นบน

    การวิเคราะห์พื้นฐานแบ่งออกเป็นสองสำนักแห่งความคิดที่แตกต่างกัน:

    การวิเคราะห์พื้นฐานจากบนลงล่าง

    การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจากบนลงล่างใช้ตลาดโดยรวมและดูว่าตลาดควรเปลี่ยนแปลงอย่างไรเพื่อให้เกิดความสมดุลกับปัจจัยพื้นฐาน เนื่องจากวิธีการจากบนลงล่างจะตรวจสอบตลาดโดยรวม จึงเป็นประโยชน์มากกว่าสำหรับนักลงทุนระยะสั้นที่ต้องการทำกำไรจากการแกว่งตัวของตลาด

    การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจากล่างขึ้นบน

    ในทางกลับกัน การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจากล่างขึ้นบน เริ่มต้นจากแต่ละบริษัทที่มีการวิเคราะห์อย่างอิสระก่อนที่จะรวมเข้าด้วยกันเพื่อภาพรวม นักลงทุนจากล่างขึ้นบนมักจะมองหาพื้นที่ที่จะลงทุนในช่วงเวลาที่ยาวนานขึ้น เนื่องจากจากการวิจัยของพวกเขา พวกเขาพบสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งซึ่งพวกเขาเชื่อว่าสามารถทำงานได้ดีแม้ว่าภาคส่วนนั้นจะทำผลงานได้ไม่ดีก็ตาม

    การกำหนดมูลค่าที่แท้จริง

    การค้นหามูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์เป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดเมื่อทำการวิเคราะห์พื้นฐานบนสินทรัพย์

    ผู้ค้าใช้การวิเคราะห์พื้นฐานเพื่อพิจารณาว่าสินทรัพย์ใดมีมูลค่าสูงเกินไป ตีราคาต่ำเกินไป หรือซื้อขายที่มูลค่าตลาดยุติธรรม เมื่อใช้วิธีการวิเคราะห์ทางการเงินจากล่างขึ้นบนเพื่อตรวจสอบข้อมูลที่มีอยู่ จะสามารถค้นพบมูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์ได้ หลังจากที่พวกเขากำหนดมูลค่าแล้ว เทรดเดอร์จะสามารถค้นหาโอกาสในการลงทุนภายในอุตสาหกรรมได้

    เครื่องมือวิเคราะห์พื้นฐาน

    นี่คือปัจจัยที่สำคัญที่สุดบางประการที่คุณต้องการระบุและวิเคราะห์เมื่อทำการวิเคราะห์พื้นฐานของคุณ:

    • กำไรต่อหุ้น (EPS)
    • อัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E)
    • คาดการณ์การเติบโตของกำไร (PEG)
    • ผลตอบแทนจากทุน
    • เงินปันผลรับ
    • อัตราการจ่ายเงินปันผล
    • ​อัตราส่วนราคาต่อบัญชี (P/B)
    • อัตราส่วนราคาต่อการขาย (P/S)
    • อัตราส่วนกระแส
    • ปฏิทินเศรษฐกิจฟอเร็กซ์

    ปฏิทินเศรษฐกิจ

    ข้อดีของการวิเคราะห์พื้นฐานคืออะไร?

    มีข้อดีหลายประการของการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งได้กลายเป็นวิธีที่นิยมใช้กันมากที่สุดในการตัดสินใจลงทุนในปัจจุบัน บางคนอาจบอกว่านี่เป็นเพราะมันให้ภาพที่แม่นยำยิ่งขึ้นของสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาด และให้สัญญาณที่ชัดเจนขึ้นสำหรับโอกาสในการซื้อขาย แต่ยังมีเหตุผลอื่นๆ ที่การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานดึงดูดนักลงทุน ตลาดการเงินมีความเสี่ยงสูง ดังนั้นข้อมูลเชิงลึกที่คุณพบจากการวิเคราะห์พื้นฐานจึงอาจไม่ถูกต้อง 100% เสมอไป

    ข้อดีที่สำคัญบางประการ ได้แก่ :

    • การใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเป็นวิธีที่แนะนำสำหรับการลงทุนระยะยาว เนื่องจากเป็นการค้นคว้าเกี่ยวกับแนวโน้มในระยะยาว
    • การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานสามารถเป็นเครื่องมือการลงทุนที่ให้ผลกำไรซึ่งใช้ในการทำนายว่าการลงทุนใดจะดีที่สุด และการคาดการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นล่วงหน้าเมื่อนักลงทุนจำเป็นต้องตัดสินใจในการลงทุนแต่ละครั้ง
    • ยิ่งแหล่งข่าวเป็นทางการและเป็นที่นิยมมากเท่าไร ก็ยิ่งส่งผลต่อมูลค่าของทรัพย์สินมากขึ้นเท่านั้น
    • รายได้และรายได้ที่คาดหวังสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับศักยภาพในการเติบโตของบริษัท ซึ่งจะทำให้นักลงทุนสามารถเลือกบริษัทที่ดีที่สุดและหลีกเลี่ยงบริษัทใด ๆ ที่อาจมีแนวโน้มที่จะขาดแคลน

    อะไรคือข้อเสียของการวิเคราะห์พื้นฐาน?

    ข้อเสียของการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานคืออาจใช้เวลาในการตัดสินใจนานขึ้น เพราะหากคุณต้องการทราบข้อมูลล่าสุดทั้งหมดเกี่ยวกับสินทรัพย์ คุณจะต้องใช้เวลาและทรัพยากรอย่างมากมาย ข้อเสียอีกประการหนึ่งคือการวิจัยประเภทนี้ไม่ได้คำนึงถึงว่าความเชื่อมั่นของตลาดส่งผลต่อราคาอย่างไร ซึ่งหมายความว่าอาจพลาดโอกาสในการทำกำไร

    ข้อเสียที่สำคัญบางประการ ได้แก่ :

    • การเจาะลึกลงไปในรายงานทางการเงิน งบดุล และกระแสเงินสดเป็นสิ่งสำคัญ แต่อาจเป็นงานที่ยากสำหรับนักลงทุนที่จะดำเนินการ เอกสารเหล่านี้สามารถปลอมแปลงได้ซึ่งอาจจบลงด้วยผู้ค้าที่เปิดการค้าที่ไม่ดี
    • เมื่อทำการวิเคราะห์ทางเทคนิค จะมีสัญญาณชัดเจนว่าจะซื้อหรือขายเมื่อใด แต่ปัจจัยพื้นฐานไม่ได้ให้ความหรูหรานั้น
    • การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเป็นแนวทางเชิงลึกในการประเมินแนวโน้มราคาสกุลเงิน ส่วนใหญ่จะใช้กับการลงทุนระยะยาวกลยุทธ์การซื้อขาย ระยะสั้นจำนวนมาก และวัตถุประสงค์ในการซื้อขายจึงไม่สามารถพึ่งพาวิธีการวิเคราะห์นี้ได้
    • ผู้ค้าจะต้องฝึกฝนการตรวจสอบสถานะที่ดีและจำเป็นต้องมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม และคู่แข่งในอุตสาหกรรมที่พวกเขากำลังค้นคว้า กระบวนการนี้อาจใช้เวลานาน และข้อมูลเชิงลึกที่พบอาจไม่มีประโยชน์เมื่อตลาดตอบสนองอย่างรวดเร็ว

    วิธีดำเนินการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน

    การใช้ฟอเร็กซ์เป็นตัวอย่าง ขั้นตอนแรกในการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานในตลาดคือการเลือกคู่สกุลเงินที่คุณต้องการวิเคราะห์ ข้อมูลพื้นฐานส่วนใหญ่ที่คุณต้องการนั้นมาจากหน่วยงานของรัฐ และในกรณีส่วนใหญ่ คุณสามารถเข้าถึงข้อมูลออนไลน์ได้อย่างง่ายดาย หรือค้นหาผ่านปฏิทินเศรษฐกิจ ข้อมูลพื้นฐานที่สำคัญบางส่วนที่ผู้ค้ามักอ้างถึง ได้แก่ ข้อมูลดุลการค้า ปัจจัยทางเศรษฐศาสตร์จุลภาค ข้อมูล GDP รายงานประจำปี ภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน และข้อมูลการจ้างงาน

    เป้าหมายสูงสุดของการวิเคราะห์พื้นฐานคือการกำหนดสถานะปัจจุบันของเศรษฐกิจของประเทศและประเมินแนวโน้มทางเศรษฐกิจในอนาคต คำถามสำคัญบางข้อที่ต้องพิจารณาเมื่อทำการวิเคราะห์พื้นฐาน ได้แก่:

    1. เศรษฐกิจของประเทศกำลังเติบโตหรือไม่?

    การตรวจสอบการเติบโตของ GDP ของประเทศในช่วงสี่ไตรมาสที่ผ่านมาจะทำให้คุณเห็นว่ามีรูปแบบการขยายตัวหรือหดตัวที่สอดคล้องกันหรือไม่ การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของ GDP ของประเทศเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของประเทศกำลังไปได้ดี ในขณะที่การเติบโตของ GDP ที่ลดลงเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจไม่ดี

    2. อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอยู่ที่เท่าไหร่?

    อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่าประเทศใดถูกจัดเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วหรือกำลังพัฒนา ตัวอย่างเช่น ตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกในปี 2551 ประเทศที่พัฒนาแล้วส่วนใหญ่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำมาก ในขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่รักษาระดับอัตราดอกเบี้ยไว้ค่อนข้างสูง ระดับอัตราดอกเบี้ยมักเป็นตัวบ่งชี้ความเชื่อมั่นของธนาคารกลางต่อเศรษฐกิจของประเทศ หากอัตราสูงขึ้น เศรษฐกิจน่าจะไปได้สวย หากกำลังลดลง สิ่งที่ตรงกันข้ามก็คือความจริง

    3. ระดับเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นหรือไม่?

    ระดับเงินเฟ้อของประเทศเป็นตัวบ่งชี้ที่แข็งแกร่งของกำลังซื้อของพลเมือง ซึ่งสะท้อนว่าสถานะทางเศรษฐกิจของพวกเขาถือว่าแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ พลเมืองที่มีกำลังซื้อสูงมักจะทำได้ดีกว่าพลเมืองที่มีกำลังซื้อต่ำ การวัดอัตราเงินเฟ้อที่ดีคือข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

    4. ประเทศมีเสถียรภาพทางการเมืองหรือไม่?

    เสถียรภาพทางการเมืองของประเทศสามารถประเมินได้จากบรรยากาศทางการเมืองในปัจจุบันตลอดจนการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ประเทศกำลังพัฒนาที่มีการเลือกตั้งอย่างสันติมักจะถูกมองว่ามีเสถียรภาพทางการเมืองมากกว่า เมื่อเทียบกับประเทศที่มีการเลือกตั้งที่จมอยู่กับความขัดแย้งและความรุนแรง ประเทศที่พัฒนาแล้วซึ่งมีกระบวนการทางการเมืองที่มั่นคงและตุลาการที่เข้มแข็งถือเป็นประเทศที่มีเสถียรภาพทางการเมือง

    5. สถานการณ์การจ้างงานของประเทศเป็นอย่างไร?

    อัตราการว่างงานในปัจจุบันของประเทศเป็นเท่าใดเมื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลในอดีต และมีรายได้เพิ่มขึ้นในกลุ่มประชากรที่ทำงานหรือไม่ ประเทศที่มีอัตราการว่างงานต่ำและรายได้ที่เติบโตอย่างมากมักจะมีเศรษฐกิจที่มีผลการดำเนินงานที่ดีกว่า ตรงข้ามกับประเทศที่มีอัตราการว่างงานสูงและรายได้ที่ซบเซา ข้อมูลการจ้างงานและการว่างงานถือว่ามีความเกี่ยวข้องสูงกับการวิเคราะห์ขั้นพื้นฐาน เช่นเดียวกับข้อมูลการเรียกร้องการว่างงาน

    การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานได้ผลเสมอหรือไม่

    ไม่ การวิเคราะห์พื้นฐานไม่ได้ผลเสมอไป อาจเป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ว่าตลาดจะตอบสนองอย่างไรในสถานการณ์ใดก็ตาม และไม่ใช่วิธีการสร้างรายได้ด้วยกลยุทธ์การซื้อขายใดๆ ที่รับประกันได้

    เทคนิคในการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานสามารถใช้ได้กับทุกตลาด แต่ถึงแม้จะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตลาด แต่ก็ไม่ได้เป็นเพียงปัจจัยกำหนดเท่านั้น ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมี แผนการซื้อขายที่แข็งแกร่งสำหรับสิ่งที่คุณทำเมื่อการซื้อขายผิดพลาดและฝึกฝนเทคนิคการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม

    กำลังดำเนินการวิจัยพื้นฐาน

    นำการวิเคราะห์พื้นฐานมาใช้กับการซื้อขายของคุณ

    เมื่อเริ่มต้นใช้การวิเคราะห์พื้นฐานกับกิจกรรมการซื้อขายประจำวันของคุณ แนวทางหนึ่งคือการมุ่งเน้นที่การประเมินการเปิดเผยข้อมูลทางเศรษฐกิจที่วางแผนไว้สำหรับสัปดาห์ที่กำหนด จากนั้น คุณสามารถเริ่มระบุการเปิดตัวที่มีแนวโน้มว่าจะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อคู่สกุลเงินหนึ่งๆ วิธีง่ายๆ ในการแยกแยะเหตุการณ์ดังกล่าวคือการใช้ปฏิทินเศรษฐกิจเพื่อดูว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจัดอยู่ในประเภทการปล่อยผลกระทบสูงหรือไม่

    คุณสามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อวางแผนการซื้อขายของคุณให้สอดคล้องกับปฏิทินและความคาดหวังของคุณว่าข้อมูลนั้นตรงตามประมาณการของนักวิเคราะห์หรือไม่ ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลในอดีต คุณสามารถเริ่มทำความเข้าใจและคาดการณ์ปฏิกิริยาที่เป็นไปได้ของสกุลเงินต่อข่าวเศรษฐกิจ โดยพิจารณาจากประสิทธิภาพในอดีต อย่างไรก็ตาม โปรดจำไว้ว่าการคาดคะเนของคุณอาจไม่ถูกต้องเนื่องจากตลาดสามารถเคลื่อนที่ไปในทิศทางใดก็ได้ ดังนั้นคุณควรคาดหวังและวางแผนในกลยุทธ์การซื้อขายของคุณ ซึ่งสามารถนำไปปฏิบัติได้ผ่านแนวปฏิบัติที่ดีในการบริหารความเสี่ยง

    คุณควรคาดหวังให้เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลกระทบต่อคู่สกุลเงิน แต่เหตุการณ์เหล่านี้มักจะคาดเดาได้ยากและจัดการได้ดีที่สุดผ่านการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม

    จะใช้การวิเคราะห์พื้นฐานใน forex ได้อย่างไร?

    การวิเคราะห์พื้นฐานในตลาดฟอเร็กซ์เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ในสามด้าน ได้แก่ เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจ (เช่น การเลือกตั้งหรือการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย) เหตุการณ์ทางภูมิศาสตร์การเมือง (เช่น การสร้างกำแพงชายแดนหรือผลกระทบจากภัยแล้งต่อประชากร) และปัจจัยทางสังคม (เช่นข้อเรียกร้องของสหภาพแรงงาน)

    ปัจจัยทั้งสามมีบทบาทสำคัญในประสิทธิภาพของสกุลเงินของประเทศเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น การทำวิจัยในสามด้านนี้จะพบข้อมูลที่สามารถช่วยนักลงทุนในการตัดสินใจเกี่ยวกับการซื้อขายที่พวกเขาต้องการเปิดหรือปิด

    ตัวอย่างปัจจัยพื้นฐานสำคัญที่ส่งผลต่อสกุลเงิน

    มีปัจจัยมากมายที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของสกุลเงินแต่ละสกุล และส่งผลต่อความแข็งแกร่งหรือจุดอ่อนของสกุลเงินของประเทศหนึ่งเมื่อเทียบกับอีกสกุลเงินหนึ่ง ปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญบางประการ ได้แก่ :

    • อัตราการเติบโตของ GDP
    • การตัดสินใจนโยบายการเงินของธนาคารกลาง
    • นโยบายการคลังที่ดำเนินการโดยรัฐบาล
    • แถลงการณ์ทางการเมืองโดยผู้นำ
    • ตัวเลขการจ้างงานและรายได้
    • ประกาศอัตราดอกเบี้ย
    • ภาษีการค้าและการคว่ำบาตร
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    วิธีการใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่?

    กันยายน 29, 2022

    ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (MA) คืออะไร?

    ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เป็น indicator ที่ติดตามแนวโน้ม โดยมีค่าและการเคลื่อนไหวตามราคาในอดีต ซึ่งหมายความว่า MA ไม่สามารถเตือนผู้ค้าเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต แต่จะมีประโยชน์เมื่อระบุการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (MA) เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ใช้บ่อยที่สุด

    ผู้ค้าอาจสงสัยว่าทำไม MA ถึงมีประโยชน์ ส่วนใหญ่เป็นเพราะมันทำให้การเคลื่อนไหวของราคาราบรื่นขึ้นและป้องกันความผันผวนของราคาในระยะสั้นโดยการกรอง “สัญญาณรบกวน” ออก ซึ่งหมายความว่าโดยพื้นฐานแล้วจะคำนวณค่าเฉลี่ยของเสียงสูงและต่ำของราคาในช่วงเวลาที่กำหนด โดยใช้ข้อมูลในอดีตจากการเคลื่อนไหวของราคา นี่คือการพล็อตควบคู่ไปกับราคาในบรรทัดหนึ่ง และจะอัปเดตตัวเองอย่างต่อเนื่องเมื่อราคาเปลี่ยนแปลง

    ประเภทของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่

    ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ที่ใช้กันทั่วไปมี 2 ประเภทหลัก:

    1. ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อย่างง่าย (SMA)
    2. ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล (EMA)

    อะไรคือความแตกต่างระหว่างค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบธรรมดาและค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเลขชี้กำลัง?

    ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง SMA และ EMA คือความเร็ว เนื่องจากในการคำนวณ EMA ให้น้ำหนักที่มากขึ้นกับการเคลื่อนไหวของราคาล่าสุด และให้น้ำหนักน้อยกว่าสำหรับการดำเนินการด้านราคาแบบเก่า เมื่อราคาเปลี่ยนทิศทางหรือเพิ่มขึ้น/ลดลง EMA จะรับรู้สิ่งนี้เร็วกว่านี้ ในขณะที่ SMA ใช้เวลานานกว่าในการเปลี่ยนเมื่อราคาเปลี่ยน

    เนื่องจาก EMA อยู่ใกล้กับการเปลี่ยนแปลงของราคา SMA จะสร้างเส้นที่นุ่มนวลกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับ EMA อย่างไรก็ตาม EMA จะเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดกับราคาตลาดปัจจุบันเสมอ

    ตารางด้านล่างนี้สรุปว่าเมื่อใดควรใช้ EMA และ SMA ได้ดีที่สุด:

    SMA EMA
    ดีที่สุดเมื่อถือตำแหน่งเป็นเวลานาน (ไม่ได้รับผลกระทบจากการลดลงอย่างกะทันหันหรือราคาพุ่งขึ้น) ดีที่สุดสำหรับการเทรดในกรอบเวลาที่สั้นลง (ด้วยความเร็วที่เร็วกว่าในการรับรู้การเปลี่ยนแปลงของราคา)
    ยอดเยี่ยมในการกรองสัญญาณรบกวนในตลาด ดีเมื่อตลาดเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

    หมายเหตุ: นอกจากนี้ยังมี Weighted Moving Average ซึ่งทำงานเกือบจะเหมือนกับ Exponential Moving Average

    ทำไมเราต้องมีค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่?

    เราต้องการเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (MA) เพื่อระบุแนวโน้มและยืนยันการกลับตัว เราสามารถถอดรหัสตำแหน่งที่ราคามีแนวโน้มโดยพิจารณาจาก MA ที่สัมพันธ์กับราคา

    • ราคาเหนือ MA = แนวโน้มขาขึ้น
    • ราคาต่ำกว่า MA = แนวโน้มขาลง
    • การทะลุ MA = การกลับตัวของแนวโน้ม

    ฉันจะอธิบายสิ่งที่เราหมายถึงในภาพประกอบด้านล่าง:

    ดังที่เห็นจากภาพด้านบน เมื่อราคาข้ามเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ มันส่งสัญญาณว่ามีแนวโน้มกลับตัว บ่อยครั้ง ราคาจะพบแนวรับที่ MA เมื่อแนวโน้มขึ้น และแนวต้านที่ MA เมื่อแนวโน้มลดลง

    เราสามารถถอดรหัสได้อย่างกว้างๆ ว่า:

    • เมื่อราคาอยู่เหนือ MA จะเป็นสัญญาณขาขึ้นและอาจเป็นเวลาที่ดีที่จะซื้อ
    • เมื่อราคาอยู่ต่ำกว่า MA จะเป็นสัญญาณขาลงและอาจเป็นเวลาที่ดีในการขาย

    วิธีการคำนวณค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่

    ผู้ค้าอาจสงสัยว่าเหตุใดจึงจำเป็นต้องรู้ว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ต่างๆ คำนวณอย่างไร เมื่อพวกเขาสามารถแสดงบนแผนภูมิได้ด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียว เราจะอธิบายว่าทำไม

    ทำไมการรู้การคำนวณค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่จึงเป็นสิ่งสำคัญ

    สิ่งนี้ใช้กับอินดิเคเตอร์อื่น ๆ ที่นั่น – การทำความเข้าใจว่าตัวบ่งชี้ทำงานอย่างไรหมายความว่าผู้ค้าสามารถปรับและสร้างกลยุทธ์ที่แตกต่างกันเมื่อสภาพแวดล้อมของตลาดเปลี่ยนแปลง

    เป็นความจริงที่อินดิเคเตอร์มักจะคำนวณและวางแผนอย่างดีบนกราฟสำหรับผู้ใช้ อย่างไรก็ตาม ด้วยการทำความเข้าใจวิธีคำนวณค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แต่ละเส้น มันจะช่วยให้ผู้ค้าระบุ MA ที่เหมาะสมที่จะใช้ และรู้ว่าการตั้งค่าใดที่จะปรับแต่งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำยิ่งขึ้น

    วิธีการคำนวณค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ต่างๆ

    ดังที่เราได้กล่าวไว้ข้างต้น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่มี 2 ประเภทหลัก คือ Simple Moving Average (SMA) และ Exponential Moving Average (EMA)

    สมมติว่าเราต้องการคำนวณ MA ของช่วง 10 วัน

    SMA จะนำราคาทั้งหมดภายใน 10 วันที่ผ่านมามารวมกัน และหารด้วย 10 เพื่อให้เป็นค่าเฉลี่ย

    ในทางกลับกัน EMA จะชั่งน้ำหนักความแตกต่างระหว่างราคาของช่วงเวลาปัจจุบันกับ EMA ก่อนหน้า และเพิ่มผลลัพธ์ไปยัง EMA ก่อนหน้า เพื่อให้ราคาล่าสุดมีน้ำหนักมากขึ้นในขณะที่ราคาเก่ามีน้ำหนักน้อยลง

    มาคำนวณกันด้วยชุดข้อมูล 10 ราคาต่อไปนี้

    $10 $11 $11 $12 $14 $15 $17 $19 $20 $21

    การคำนวณค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อย่างง่าย

    ในการคำนวณ SMA เรารวมราคาทั้ง 10 เข้าด้วยกันแล้วหารด้วย 10 –

    10 + 11 + 11 + 12+ 14 + 15 + 17 + 19 + 20 + 21 = 150

    แล้วหารด้วยจำนวนงวด – ในกรณีนี้คือ 10

    ดังนั้น เราสามารถสรุปได้ว่า SMA ระยะเวลา 10 วันคือ $150/10 = $15

    การคำนวณค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอกซ์โพเนนเชียล

    ในการคำนวณ EMA เราใช้สูตร 3 ขั้นตอนนี้:

    1. คำนวณ SMA
    2. คำนวณตัวคูณสำหรับการถ่วงน้ำหนัก EMA
    3. คำนวณ EMA . ปัจจุบัน

    จากการใช้ชุดข้อมูลก่อนหน้า 10 ค่า เราได้กำหนดว่า SMA คือ $15

    มาคำนวณขั้นตอนที่ 2 กัน

    สูตรคำนวณตัวคูณน้ำหนักมีลักษณะดังนี้:

    ตัวคูณน้ำหนัก = 2 ÷ (ช่วงเวลาที่เลือก+1)

    ในกรณีของเรา

    ตัวคูณน้ำหนัก = 2 ÷ (10+1)

    = 0.1818

    = 18.18%

    เมื่อใช้สิ่งนี้ เราสามารถคำนวณ EMA ของเราโดยใช้สูตรนี้:

    EMA = ราคา(t) × k + EMA (y) × (1−k)

    ที่ไหน:

    t=วันนี้

    y=เมื่อวาน

    N=จำนวนวันใน EMA

    k=2÷(N+1)

    บวกตัวเลขของเราลงในสูตร

    EMA = ราคา(t)×k+EMA(y)×(1−k)

    = 21 x 0.1818 + 15 x (1-0.1818)

    = 3.8178 + (15 x 0.8182)

    = 16.0908

    การเปรียบเทียบอย่างรวดเร็ว:

    ราคาล่าสุด SMA EMA
    21 15 16.0908

    เราจะเห็นว่า EMA อยู่ใกล้กับราคาสุดท้ายมากกว่า SMA เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของราคาในชุดข้อมูลของเราคำนวณโดยมีน้ำหนักที่หนักกว่าใน EMA มากกว่า SMA

    เราควรใช้ช่วงเวลาใดในการคำนวณ

    ในตัวอย่างข้างต้น เราคำนวณทั้ง SMA และ EMA ด้วยข้อมูล 10 วัน ทำให้เป็น SMA / EMA 10 งวด

    เมื่อคำนวณค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ช่วงเวลาที่ใช้ควรขึ้นอยู่กับว่าผู้ค้าต้องการติดตามแนวโน้มอย่างใกล้ชิดเพียงใด

    ตารางนี้ควรให้ค่าประมาณที่ดี:

    เทรนด์ระยะสั้น 10 – 30 งวด
    แนวโน้มระยะกลาง 50 งวด
    เทรนด์ระยะยาว มากถึง 200 ระยะเวลา

    ผู้ค้าส่วนใหญ่ใช้ระยะเวลา 50 วัน 100 วันและ 200 วันเนื่องจากช่วยระบุแนวรับและแนวต้านระยะยาวที่สำคัญที่สุด การใช้ช่วงเวลาที่มากขึ้นจะทำให้มีการศึกษาข้อมูลมากขึ้น ทำให้มองเห็นแนวโน้มโดยรวมที่เป็นกลางมากขึ้น

    แน่นอน ศึกษาแผนภูมิให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจว่าช่วงเวลาใดดีที่สุดสำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่กำลังดำเนินการ เราจะพูดถึงเรื่องนี้มากขึ้นในบทต่อไป!

    ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ Natural

    ในส่วนนี้ เราจะอธิบายว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ Natural คืออะไร และแตกต่างจาก SMA และ EMA ที่เรากล่าวถึงก่อนหน้านี้อย่างไร

    ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ Natural คืออะไรและทำไมคุณถึงต้องการ

    เราเชื่อว่าแต่ละตลาดมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง ซึ่งหมายความว่าการใช้การตั้งค่าเริ่มต้นทั่วไปอาจไม่ให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ถูกต้องจากแนวโน้มในตลาด ควรมีเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เฉพาะเพื่อรองรับตลาดนั้นโดยเฉพาะ

    ดังที่เราได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ผู้ค้าจำนวนมากยึดติดกับกรอบเวลาเริ่มต้น 50, 100, 200 อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้จะไม่ถูกต้องเสมอไป ผู้ที่ชื่นชอบเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ Natural เชื่อว่าการหาเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ Natural ของตลาด พวกเขาสามารถจับบริเวณแนวรับและแนวต้านได้แม่นยำยิ่งขึ้น ทำได้โดยใช้อัตราส่วนทองคำ (ตัวเลข Fibonacci ) ผสมกับการเคลื่อนไหวของราคาในอดีต

    ฉันจะใช้ Natural Moving Average ได้อย่างไร?

    สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ Natural Moving Averages ใช้ได้เฉพาะในตลาดที่มีแนวโน้ม มันไม่ทำงานในตลาดที่เคลื่อนไหวไปด้านข้าง

    สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ Natural Moving Average ไม่ใช่วิธีการคำนวณ Moving Average ที่แตกต่างออกไป แต่เป็นการประยุกต์ของ Moving Averages ที่มีอยู่ ซึ่งหมายความว่าแนวคิดนี้สามารถใช้ได้กับทั้ง SMA และ EMA

    ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ Natural นั้นอิงตาม Fibonacci ทั้งหมดที่คุณต้องรู้คือ Fibonacci เป็นลำดับทางคณิตศาสตร์ที่มีอัตราส่วนทองคำสูง – ตัวเลขเหล่านี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเกิดขึ้นตามธรรมชาติ น่าพึงพอใจที่สุด ฯลฯ ตัวเลขเหล่านี้ฝังแน่นในแก่นโลกของเรา และการมีอยู่ และ Fibonacci คาดการณ์ว่าการเคลื่อนไหวของตลาดมีแนวโน้มที่จะเป็นไปตามลำดับนี้ (หรืออย่างน้อยก็มีแนวโน้มที่จะดึงดูดเข้าหาพวกเขา)

    ในการใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เทรดเดอร์ต้องรู้ตัวเลข Fibonacci ก่อน

    ตัวเลข Fibonacci คือ:

    0, 1, 1, 2, 3, 5, 8, 13, 21, 34, 55, 89, 144, 233, 377, 610, 987, 1597, 2584, 4181, 6765, 10946, 17711, 28657, 46368, 75025, 121393, 196418, 317811, …

    สิ่งที่ผู้ค้าต้องทำคือใช้ตัวเลข Fibonacci แต่ละหมายเลขโดยการลองผิดลองถูกในการตั้งค่ากรอบเวลา EMA หรือ SMA ของแผนภูมิ (ไม่ว่าพวกเขาจะใช้ EMA หรือ SMA หรือไม่ก็ตามขึ้นอยู่กับว่าพวกเขารู้สึกว่าสิ่งใดเหมาะสมที่สุดกับเนื้อหาที่พวกเขากำลังวิเคราะห์)

    จากการลองผิดลองถูก นักเทรดจะระบุว่าหมายเลข Fibonacci ใดให้เส้น MA ที่มีราคาแตะมากที่สุด โดยไม่มีราคาทะลุหรือต่ำกว่า นอกจากนี้ ราคาไม่ควรอยู่ห่างจากเส้นมากเกินไป – ในกรณีนี้ กรอบเวลาที่ใช้อาจมีขนาดใหญ่เกินไป

    มาสาธิตสิ่งนี้ด้วย USDJPY แผนภูมิ 8 ชั่วโมงเป็นตัวอย่าง:

    ขั้นตอนที่ 1

    อันดับแรก มาระบุแนวโน้มกันก่อน ดังที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ธรรมชาติใช้งานได้เฉพาะในตลาดที่มีแนวโน้ม

    ระบุแนวโน้มของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ตามธรรมชาติ

    ดังที่แสดงไว้ข้างต้น มีการระบุแนวโน้มหลัก 4 ประการโดยใช้ลูกศรสีทอง

    ขั้นตอนที่ 2

    ตอนนี้ ให้สังเกตตำแหน่งของแนวโน้มเหล่านี้ เนื่องจากผู้ค้าจะต้องใส่ตัวบ่งชี้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่และเริ่มสลับการตั้งค่ากรอบเวลาเพื่อค้นหาว่าตัวเลขใดจะสร้างเส้นที่ติดตามตลาดได้ดีที่สุด

    สำหรับตัวอย่างนี้ เราจะใช้ตัวบ่งชี้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบ Exponential

    ขั้นตอนที่ 3

    เมื่อตัวบ่งชี้อยู่บนแผนภูมิแล้ว ให้เริ่มทดสอบตัวเลข Fibonacci เพื่อค้นหา Natural Moving Average Natural Moving Average ไม่ควรแคบเกินไปหรือหลวมเกินไป เนื่องจาก MA ทำหน้าที่เป็นแนวรับหรือแนวต้าน MA ควรนั่งตามแนวโน้มอย่างดีโดยมีจุดเด้งออกมากที่สุด

    การตั้งค่า EMA บนแผนภูมิการซื้อขาย

    โดยค่าเริ่มต้น ความยาว (หรือกรอบเวลา) ถูกตั้งค่าไว้ที่ 9 เมื่อสังเกตเส้นสีน้ำเงินที่สัมพันธ์กับแท่งเทียนในกราฟ เส้นนี้แคบเกินไป – มันเคลื่อนเข้าใกล้ราคามากเกินไป ดังที่เราได้เรียนรู้ก่อนหน้านี้ว่า MA ควรช่วยลด “สัญญาณรบกวน” ในตลาด การมีกรอบเวลาที่สั้นจะไม่ลดเสียงรบกวน จากนี้ เรารู้ว่าเราต้องลองใช้กรอบเวลาที่ใหญ่ขึ้น

    ต่อไปนี้คือตัวเลข Fibonacci ที่มากกว่า 9 ที่เราสามารถลองได้:

    13, 21, 34, 55, 89, 144…

    ขั้นตอนที่ 4

    เริ่มกันเลย 89.

    ภาพหน้าจอด้านล่างแสดงให้เห็นว่า EMA มีลักษณะอย่างไรเมื่อตั้งช่วงเวลาไว้ที่ 89

    ช่วงเวลา 89 โดยใช้ EMA

    อย่างที่เราบอกได้ 89 อาจเป็นกรอบเวลาที่กว้างเกินไปเนื่องจากราคาไม่ได้แตะจุดเริ่มต้น ตรงกลาง และจุดสิ้นสุดของเทรนด์ใหญ่ที่ระบุโดยลูกศรสีทอง 2 และ 3 ดังนั้นเราจึงตัดทั้ง 89 และ 144 และต่อไป ,

    13, 21, 34, 55, 89 , 144 …

    ขั้นตอนที่ 5

    ลองใช้กรอบเวลาที่เล็กลงเพื่อดูว่าอาจจะดีขึ้นหรือไม่ ภาพหน้าจอด้านล่างแสดง EMA พร้อมกรอบเวลา 34

    ระยะ 34 โดยใช้ EMA

    ตามที่เห็นในภาพหน้าจอ ราคาเด้งออกจาก EMA หลายจุด (ในกล่องสีเหลือง) ภายในเทรนด์ เมื่อเทรนด์ยังคงดำเนินต่อไป ราคาจะไม่ทะลุเส้น EMA ดูเหมือนว่าจะแม่นยำที่สุดในช่วงขาลง ดังที่เราเห็นได้จากส่วนที่เป็นวงกลม – 2 ใน 3 อยู่ในเทรนด์ขาลง

    จากนี้ เราสามารถพูดได้อย่างปลอดภัยว่าในช่วงขาลง 34 เป็นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ที่แข็งแกร่งสำหรับ USDJPY ในกรอบเวลานี้โดยเฉพาะ โปรดทราบว่าราคาเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา และพวกเรา เนื่องจากผู้ค้าควรยังคงปรับตัวและยืดหยุ่นตามสภาวะตลาดใดๆ

    นี่เป็นแนวคิดที่ค่อนข้างตรงไปตรงมา แต่ก็มีประโยชน์มากเช่นกัน เมื่อเทรดเดอร์เข้าใจแล้ว ก็สามารถนำไปใช้กับกราฟใดก็ได้

    วิธีใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่

    ค้นหาในส่วนถัดไปเกี่ยวกับวิธีใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่และวิธีหลักที่ผู้ค้าใช้ MA เพื่อระบุสัญญาณ

    ประเภทของการตีความสำหรับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (MA)

    มี 3 วิธีหลักในการใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สำหรับการสร้างสัญญาณ:

    1. Price Crossover
    2. Moving Average Crosses
    3. Indicator Crosses

    แต่ละครอสโอเวอร์เหล่านี้สามารถใช้ได้ทั้งในสถานการณ์ที่เป็นขาขึ้นและขาลง ความแตกต่างระหว่าง 3 วิธีนี้คือการจับคู่องค์ประกอบต่างๆ กับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (MA)

    1.Price Crossover

    วิธีนี้เป็นการรวมข้อมูลราคาและเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ เป็นวิธีที่ง่ายและเป็นที่นิยมมากที่สุดในการตีความค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่

    ราคาครอสโอเวอร์ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่

    ในตัวอย่างข้างต้น โดยใช้แผนภูมิ USD/JPY ที่กรอบเวลา 2 ชั่วโมง โดยมี SMA 50 งวด แทนด้วยเส้นสีน้ำเงิน เมื่อแท่งเทียนที่ระบุโดยลูกศรสีแดงปิดใต้เส้นสีน้ำเงิน ราคาจะยังคงมุ่งหน้าไปในทิศทางที่เป็นขาลง และเมื่อแท่งเทียนที่ระบุโดยลูกศรสีเขียวปิดเหนือเส้นสีน้ำเงิน ราคาจะยังคงมุ่งหน้าไปในทิศทางขาขึ้น

    2.Moving Average Crossover

    วิธีนี้เป็นการผสมผสานระหว่าง Multiple Moving Averages ตำแหน่งที่สัญญาณดำเนินการเกิดขึ้นเมื่อเส้นตัดกันในแผนภูมิราคา

    ครอสโอเวอร์ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่

    ในตัวอย่างนี้ เราใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 2 เส้น เพิ่มเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 ช่วง (เส้นสีส้ม) ที่ด้านบนของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 ช่วง (เส้นสีน้ำเงิน) จะเห็นว่าเส้นสีส้มขยับเข้าใกล้ราคามากขึ้น และสัญญาณของโมเมนตัมขาขึ้นจะมองเห็นได้เมื่อเส้นสีส้มตัดเหนือสีน้ำเงิน และโมเมนตัมขาลงจะมองเห็นได้เมื่อเส้นสีส้มตัดผ่านใต้สีน้ำเงิน

    กล่องสีเหลืองบนภาพบ่งบอกว่ามีโมเมนตัมขาขึ้นและขาลงกี่ครั้ง (คำแนะนำ: 2 รั้น 2 หยาบคาย)

    3.Indicator Crossover

    สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด เรามี Indicator Crossover ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (MA) ลงใน Indicator

    ในตัวอย่างนี้ เรามีตัวบ่งชี้อัตราการเปลี่ยนแปลง (20 งวด) ใต้กราฟราคา และตอนนี้ เราจะเพิ่ม MA 50 งวดลงในหน้าต่างIndicator ROC แทนที่จะเป็นกราฟราคา

    การใช้ตัวบ่งชี้ ROC และ MA บนแผนภูมิ USDJPY

    เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 งวดจะแสดงด้วยเส้นสีแดงเรียบ ขณะที่ ROC จะแสดงด้วยเส้นสีฟ้าอ่อน และสัญญาณจะถูกสร้างขึ้นทุกครั้งที่ ROC ข้ามเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 งวด

    สัญญาณหยาบคายระบุโดยใช้ตัวบ่งชี้ ROC และ MA

    สัญญาณขาลงจะถูกสร้างขึ้นเมื่อ ROC ข้ามเหนือ MA 50 สังเกตว่าราคายังคงลดลงต่อไปอย่างไรเนื่องจาก ROC ยังคงอยู่ภายใต้ MA 50

    สัญญาณรั้นที่ระบุโดยใช้ตัวบ่งชี้ ROC และ MA

    สัญญาณรั้นจะถูกสร้างขึ้นในขณะที่ ROC ข้ามกลับมาเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 งวด ผู้ค้ายังสามารถปรับความไวของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่และอัตราการเปลี่ยนแปลงเพื่อสร้างสัญญาณเพิ่มเติมหากตลาดไม่มีแนวโน้มในการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เช่นนี้

    คำถามที่พบบ่อย

    เหตุใด indicator ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่จึงเป็นที่นิยม?

    indicator ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เป็นหนึ่งใน indicator ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการวิเคราะห์ทางเทคนิค ซึ่งใช้โดยนักลงทุนและผู้ค้า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความจริงที่ว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่นั้นค่อนข้างง่ายต่อการเข้าใจและใช้งาน ซึ่งต้องการความรู้น้อยที่สุดเกี่ยวกับสถิติหรือแนวคิดทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนอื่นๆ แต่ความนิยมของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ก็อาจมาจากความจริงที่ว่าพวกเขาสามารถเป็นเครื่องมือพยากรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยให้ข้อมูลที่มีค่าเกี่ยวกับแนวโน้มราคาในอนาคต

    indicator ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ค้า forex คืออะไร?

    ไม่มี indicator ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ใดที่ถือว่าดีที่สุดสำหรับผู้ค้า forex ตัวบ่งชี้แต่ละตัวมีความเป็นเลิศในวัตถุประสงค์การซื้อขายบางอย่าง และการเลือก indicator ที่เหมาะสมสำหรับความต้องการของผู้ค้าจะขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การซื้อขายที่ต้องการและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ indicatorค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ที่ได้รับความนิยมอย่างหนึ่งคือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อย่างง่าย ซึ่งติดตามมูลค่าเฉลี่ยของราคาในช่วงเวลาที่กำหนด ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ประเภทนี้เหมาะสำหรับการระบุแนวโน้มในการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้น และอาจมีประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อใช้ร่วมกับตัวบ่งชี้อื่นๆ หรือเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค

    crossover combination ของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ที่ดีที่สุดคืออะไร?

    เมื่อพูดถึง indicator ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ มีชุดค่าผสมต่างๆ มากมายที่สามารถใช้เพื่อให้ได้ผลการซื้อขายที่ดีขึ้น บางทีชุดค่าผสมครอสโอเวอร์ของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 10 วัน รวมกับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วัน โดยทั่วไปแล้วเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ทั้งสองจะถูกพล็อตบนกราฟ โดยราคาจะขยับขึ้นและลงเมื่อเวลาผ่านไปเพื่อระบุแนวโน้มของตลาด เมื่อเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ทั้งสองนี้ตัดกันในลักษณะที่เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ที่สั้นกว่าตัดผ่านเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ที่ยาวกว่า สิ่งนี้เรียกว่าจุดตัดแบบขาขึ้น

    ____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )

     

    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคเทรดสั้น 1-5 นาที

    กันยายน 29, 2022

    ระบบเทรดเน้นทำกำไรในช่วงสั้นๆ หรือที่เรียกว่า Scalping ตามภาษาทางเทคนิคที่เหล่าเทรดเดอร์ที่ใช้เรียกกัน ก็มีอยู่หลากหลายเทคนิค หลายกลยุทธ์เหมือนกัน

    ระบบเทรดสั้น 1 นาที ด้วยเทรนไลน์และพินบาร์

    ระบบเทรดนี้ผู้เทรดต้องมีความรู้ในการสังเกต Pinbar  และตีเส้นเทรนไลน์เป็น นะครับ คิดว่าทุกท่านที่มาอ่านบทความตีเส้นและสังเกต pinbar

    ในภาพเป็นคู่เงิน  GBP/AUD   ใช้กราฟ 1 นาที  กราฟเปล่า ๆ แล้วเรามา ตีเส้นเทรนไลน์ จากนั้นก็สังเกตหา  Pinbar  ในภาพ ตรง วงกลมสีแดงนั่นและ  pin bar  ในเทรนนี้มี 3  จังหวะเปิดออร์เดอร์

    เงื่อนไขการเปิดออเดอร์ Buy

    1. ลากเทรนไลน์ขาขึ้น
    2. รอราคากลับมาทดสอบเส้นเทรนไลน์ที่เราลากไว้
    3. จากนั้นให้เรารอราคาทดสอบเส้นแล้วเกิด Pin Bar  หลังจากนั้นให้เรา เปิดออเดอร์ Buy
    4. วาง Stoploss อยู่ล่าง Pin Bar 10 pips
    5. Take profit หรือทำกำไรจาก Pin Bar นี้ 10 pips หรือ มากกว่านั้น

                                           ในภาพ เข้า  Buy  ตาม วงกลมสีแดง แล้ว รอ ทำไรในระหว่าง  10 pips  ก็น่าจะพอ  ถ้าร้อนมาก ก็  6-7 pips  ปิดเลย ก็ยังไม่น่าเกลียด

    เงื่อนไขการเปิดออเดอร์ Sell

    1. ลากเทรนไลน์ขาลง
    2. รอราคากลับมาทดสอบเส้นเทรนไลน์ที่เราลากไว้
    3. จากนั้นให้เรารอราคาทดสอบเส้นแล้วเกิด Pin Bar  หลังจากนั้นให้เรา เปิดออเดอร์ Sell
    4. วาง Stoploss อยู่ล่าง Pin Bar 10 pips
    5. Take profit หรือทำกำไรจาก Pin Bar นี้ 10 pips หรือ มากกว่านั้น

                       ภาพเทรนขาลง

     

    เห็นได้ว่าในภาพ เกิด  pinbar ถึง  5  ครั้ง  จัด  Sell  ตามนั้น บวก 5-6 pips ออกเลยก็ไม่น่าเกลียด

    เทรดสั้น 1 นาที โดยแนวรับแนวต้าน

    เป็นระบบเทรดสั้นที่เรียกว่า เป็นการใช้  แนวรับและแนวต้าน  อย่างต่อเนื่อง ในที่นี้เราจะใช้ indicator หาแนวรับแนวต้านเข้ามาช่วยเพื่อ ทำการเทรดอย่างรวดเร็วเป้าหมายในการเทรดเพื่อทำกำไร 7-10 pips หรือ มากกว่านั้นหากคุณต้องการ แต่ที่สำคัญระบบเทรดนี้ ควรเลือก คู่เงินที่มี Spread ต่ำ เช่น EURSUD, GBPUSD, USDJPY AUDUSD, USDCHF

    คู่เงิน : คู่เงินที่มี Spread ต่ำๆ เช่น EURSUD, GBPUSD, USDJPY AUDUSD, USDCHF

    กฏของการเปิดออเดอร์ Buy

    1. แนวรับจะเป็นเส้นประจุดๆ สีน้ำเงิน แนวต้านจะเป็นเส้นประจุดๆ สีแดง
    2. ให้การดูกราฟ 1 นาที รอให้แท่งเทียน 1 นาที ปิดเหนือเส้นประสีแดง
    3. ให้เปิดออเดอร์ ฺBuy และ วาง Stop loss ต่ำกว่าจุดที่เปิดออเดอร์ 7-10 pips
    4. ปิดทำกำไรเมื่อราคาผ่านไป 7-10 pips หรือมากกว่านั้น และรอเทรดครั้งต่อไป

    กฏของการเปิดออเดอร์ Sell

    1. แนวรับจะเป็นเส้นประจุดๆ สีน้ำเงิน แนวต้านจะเป็นเส้นประจุดๆ สีแดง
    2. ให้การดูกราฟ 1 นาที รอให้แท่งเทียน 1 นาที ปิดเหนือเส้นประสีน้ำเงิน
    3. ให้เปิดออเดอร์ Sell และ วาง Stop loss สูงกว่าจุดที่เปิดออเดอร์ 7-10 pips
    4. ปิดทำกำไรเมื่อราคาผ่านไป 7-10 pips หรือมากกว่านั้น และรอเทรดครั้งต่อไป\

     

    เทรดสั้น 5 นาที ด้วย Bollinger Band

    หากเราเป็นเทรดเดอร์จำพวกเข้าเร็วออกเร็วหรือ Scalping  เราจะไม่สามารถคุมอารมณ์ตัวเองให้ใจเย็นได้นานอย่างแน่นอน แต่คนพวกนี้ จะมีความมั่นใจในตัวเองสูง คิด และ ตัดสินใจทำอะไรอย่างรวดเร็ว อย่างไม่ลังเล และเป็นพวกกล้าได้กล้าเสีย บ้างก็ประมาณ นักพนัน ในอารมณ์นั้นๆได้  แต่ก็ไม่เสมอไป หากสิ่งที่ปฏิบัติ ผ่านการฝึกและทดสอบ โดยใช้สถิติชี้วัดเช่น ในการลองทำสิ่งซ้ำเดิมๆ 10 ครั้ง คุณชนะถึง 7 ครั้งนั้นก็ คือ สิ่งที่คุณทดสอบนั้น  ผิดพลาดเพียง 30% มันเป็น 30% ที่เสียไป  โอเค เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า  ใน บทความนี้จะพูดถึงเรื่อง  การเทรดสั้นใน time frame 5 นาที โดยใช้ indicator : Bollinger Band เข้ามาช่วยในการตัดสินใจก่อนเข้าออเดอร์

    Indicator Bollinger Band  ค่า ตั้งเดิม

    ทามเฟรม  : 5 นาที

    ช่วงเวลาเทรด : ตลาดยุโรป หรือ อเมริกา

    คู่เงินที่ควรเทรด : EURUSD and GBPUSD

    กฏของการ BUY

    1. กรอบราคาจะต้องอยู่ในกรอบของBollinger Bands  ไม่เป็นเทรน ยาวไปทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
    2. รอและสังเกต เมื่อราคาแตะเส้นBollinger Bands เส้นล่าง
    3. เมื่อราคาแตะเส้น ให้ทำการBUY
    4. ตั้ง Stoploss ต่ำกว่า จุดที่เข้าออร์เดอร์ 10 pips
    5. เก็บกำไรตามใจชอบเมื่อกราฟพุ่งขึ้นเหนือ จุดที่เข้าออเดอร์ แนะนำควรตั้งแต่ 5-10 pips ขึ้นไป

    กฏของการ Sell

    1. กรอบราคาจะต้องอยู่ในกรอบของBollinger Bands  ไม่เป็นเทรน ยาวไปทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
    2. รอและสังเกต เมื่อราคาแตะเส้นBollinger Bands เส้นบน
    3. เมื่อราคาแตะเส้น ให้ทำการSell
    4. ตั้ง Stoploss ต่ำกว่า จุดที่เข้าออร์เดอร์ 10 pips
    5. เก็บกำไรตามใจชอบเมื่อกราฟพุ่งขึ้นเหนือ จุดที่เข้าออร์เดอร์ แนะนำควรตั้งแต่ 5-10 pips ขึ้นไป

    ____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    วิธีจัดการกับการขาดทุนจากการซื้อขาย

    กันยายน 29, 2022

    วิธีจัดการกับการขาดทุนจากการซื้อขาย

    การสูญเสียเป็นส่วนสำคัญของการซื้อขาย ด้วยประสบการณ์ เทรดเดอร์จะได้เรียนรู้วิธียอมรับและรวบรวมบทเรียนที่เป็นประโยชน์จากพวกเขา

    ประเด็นสำคัญ:

    • เทรดเดอร์ไม่จำเป็นต้องโฟกัสไปที่อัตราส่วนการชนะ/ขาดทุนทั้งหมด เนื่องจากคุณสามารถสูญเสียการเทรดได้มากกว่า คุณก็จะชนะและยังคงเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ
    • ถือว่าการสูญเสียเป็นประสบการณ์การเรียนรู้เสมอ
    • มีหลายวิธีที่คุณสามารถใช้การขาดทุนจากการซื้อขายเพื่อปรับปรุงการซื้อขายของคุณ เช่น การใช้คำสั่งหยุดการขาดทุน การวิเคราะห์การขาดทุนแต่ละครั้ง และการใช้บันทึกการซื้อขาย

    เมื่อเทรดเดอร์เรียนรู้วิธีจัดการกับความสูญเสียในการซื้อขาย พวกเขาสามารถเริ่มพัฒนาแนวทางที่ดีขึ้นในการพัฒนาและดำเนินการตามกลยุทธ์ ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับทั้งผู้ค้าใหม่และผู้ค้าที่มีประสบการณ์ที่จะทำผิดพลาดในการซื้อขายแต่การไม่ใช้ความสูญเสียเหล่านั้นเพื่อปรับตัวและเปลี่ยนตำแหน่งตัวเองในตลาดถือเป็นโอกาสที่พลาดไป

    ในบทความนี้ เราจะพูดถึงวิธีจัดการกับการขาดทุนจากการเทรด และวิธีที่ผลลัพธ์เชิงลบเหล่านั้นสามารถช่วยให้คุณปรับปรุงได้จริง ๆ หากคุณจัดการกับมันอย่างถูกวิธี

    อัตราส่วนการชนะ/ขาดทุนในการซื้อขายคืออะไร?

    เรามาเริ่มกันที่อัตราส่วนชนะ/แพ้กันก่อน นี่คือจำนวนการเทรดที่ชนะหารด้วยการเทรดที่แพ้ ตัวอย่างเช่น เทรดเดอร์ที่มีการเทรดที่ทำกำไรได้ 80 รายการจาก 100 รายการจะมีอัตราส่วนการชนะ/ขาดทุนที่ 80%

    อย่างไรก็ตาม การเพ่งความสนใจไปที่ตัวเลขนั้นอย่างหมดจดและได้อัตราส่วนที่สูงนั้นคงเป็นเรื่องที่ผิด ตัวอย่างเช่น เทรดเดอร์ระยะยาวอาจมีอัตราส่วนการชนะ/ขาดทุนเพียง 30% แต่เนื่องจากพวกเขาทำกำไรได้มากกว่าการเทรดที่ชนะอย่างมีนัยสำคัญมากกว่าการสูญเสียในการเทรดที่ไม่ประสบความสำเร็จ พวกเขาจึงยังคงเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ

    กับ scalpers แตกต่างกัน เนื่องจากพวกเขากำลังไล่ตามความเคลื่อนไหวเล็กๆ ในตลาด อัตราส่วนความเสี่ยง/ผลตอบแทนจึงต่ำลง และไม่มีศักยภาพที่จะทำกำไรมหาศาลในการซื้อขายครั้งเดียวได้มากนัก อย่างไรก็ตาม แม้แต่นักเก็งกำไรก็ไม่ต้องการอัตราส่วนการชนะ/ขาดทุนที่สมบูรณ์แบบเพื่อทำกำไร

    ผู้ค้าควรยอมรับการสูญเสียเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ และแทนที่จะพยายามต่อสู้กับพวกเขา พวกเขาควรพยายามเรียนรู้จากเหตุการณ์เหล่านั้น

    ไม่ว่าเทรดเดอร์จะยังใหม่ต่อการเทรดหรือในตลาดเป็นเวลาหลายปีหรือหลายทศวรรษ พวกเขาจะมีการเทรดเชิงลบและแง่บวก

    อย่างที่เทรดเดอร์หลายคนพูด คุณจะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อขายเมื่อคุณขาดทุน มากกว่าเมื่อคุณทำการเทรดที่ชนะ เนื่องจากการสูญเสียจากการเทรดทำให้คุณมีสมาธิและวิเคราะห์สิ่งที่ผิดพลาด

    วิธีใช้การสูญเสียเพื่อปรับปรุงการซื้อขายของคุณ

    เช่นเดียวกับสิ่งอื่น ๆ ในชีวิต ผู้ค้าสามารถถือการสูญเสียเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ สิ่งสำคัญคือต้องยอมรับว่าการสูญเสียเป็นส่วนหนึ่งของการซื้อขาย

    ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะยอมรับและอาจต้องใช้เวลา แต่ยิ่งคุณตระหนักถึงการขาดทุนได้เร็วเท่าไรก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการซื้อขาย และมาพร้อมกับวิธีการเรียนรู้ในเชิงบวกจากสิ่งเหล่านั้น คุณก็จะยิ่งดีขึ้น

    วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับการขาดทุนจากการซื้อขายครั้งใหญ่คือการหยุดพักเล็กน้อย พิจารณากลยุทธ์และขนาดตำแหน่งของคุณก่อนที่จะกระโดดกลับเข้าไป เมื่อคุณตัดสินใจว่าคุณพร้อมแล้ว ให้เริ่มจากจุดเล็กๆ การกลับมาสู่เส้นทางแห่งชัยชนะแม้จะอยู่ในตำแหน่งที่เล็กก็เป็นวิธีที่ดีในการสร้างความมั่นใจและปรับโฟกัสของคุณใหม่

    8 วิธีที่คุณสามารถใช้ขาดทุนจากการซื้อขายเพื่อปรับปรุงการซื้อขายของคุณ

    1. ยอมรับความรับผิดชอบ

    อย่าปิดบังการสูญเสียหรือตำหนิผู้อื่นหรือตลาดสำหรับตำแหน่งที่คุณมี คุณเป็นคนเดียวที่ควบคุมการซื้อขายของคุณ เป็นเจ้าของ และทำการเปลี่ยนแปลงในการบริหารความเสี่ยง กลยุทธ์การซื้อขายและเป้าหมายเพื่อพัฒนาตัวคุณเอง ครั้งต่อไปรอบ

    2. ตรวจสอบขนาดตำแหน่งของคุณ

    นี่อาจฟังดูเป็นพื้นฐาน แต่สำหรับเทรดเดอร์หลายๆ คน การกำหนดขนาดตำแหน่งยังคงเป็นเรื่องท้าทาย เทรดเดอร์จำนวนมากมักจะเสี่ยงต่อการค้ามากเกินไป ทำให้ทุนซื้อขายของพวกเขาตกอยู่ในอันตราย

    การมีกลยุทธ์การกำหนดขนาดตำแหน่งที่มั่นคง(การจัดสรรเพียงเล็กน้อยของทุนการซื้อขายของคุณต่อการค้า) อาจช่วยจำกัดความเสี่ยงต่อการค้าและความเสี่ยงด้านตลาดโดยรวม

    3. วิเคราะห์การสูญเสียแต่ละครั้ง

    แม้ว่าจะไม่ใช่แบบฝึกหัดที่น่าพอใจนัก แต่เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จทุกคนจะบอกว่าการวิเคราะห์การสูญเสียแต่ละครั้งอย่างตรงไปตรงมาและโหดร้ายคือสิ่งที่ช่วยให้พวกเขาฟื้นตัวและเปลี่ยนการซื้อขายของพวกเขาให้ดีขึ้น

    4. ใช้ระดับการหยุดขาดทุน

    คุณมีระดับการหยุดขาดทุนสำหรับการซื้อขายแต่ละครั้งหรือไม่? สำหรับผู้ค้าบางราย การใช้ระดับการหยุดการขาดทุนอย่างหนักนั้นได้ผลอย่างมหัศจรรย์ คุณสามารถใช้ค่าเงินดอลลาร์หรือค่าเปอร์เซ็นต์เพื่อกำหนดระดับการหยุดการขาดทุนสำหรับการซื้อขายแต่ละครั้ง

    การใช้ระดับการหยุดการขาดทุน – จุดที่คุณจะออกจากการค้าที่ขาดทุนอาจเป็นประโยชน์ เนื่องจากสามารถป้องกันไม่ให้คุณยึดติดกับการค้าขาย

    5. ตรวจสอบกลยุทธ์การออกของคุณ

    คุณมีกลยุทธ์ในการออกจากสถานที่หรือไม่? คุณมักจะยึดมั่นในการสูญเสียการซื้อขายหรือไม่? คุณจะตัดขาดทุนได้เร็วแค่ไหน?

    อย่างที่เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จหลายรายจะยืนยัน ส่วนใหญ่แล้วกลยุทธ์ในการออกของคุณจะสร้างความแตกต่างระหว่างการเทรดที่ชนะและขาดทุน

    6. ควบคุมอารมณ์ของคุณ

    ความกลัวและความโลภเป็นสองอารมณ์ที่ทรงพลังที่สุดที่สามารถต่อต้านผู้ค้าได้ ความกลัวที่จะสูญเสียหรือความโลภมากขึ้นอาจใช้ได้ผลกับคุณ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณควบคุมอารมณ์และใช้เครื่องมือที่มีอยู่บนแพลตฟอร์มการซื้อขายของคุณ เช่น คำสั่งหยุดการขาดทุนและทำกำไร เพื่อตัดสินใจซื้อขายตามวัตถุประสงค์

    ทำให้ตัวเองตระหนักถึงการซื้อขายแก้แค้นและให้แน่ใจว่าคุณรู้วิธีที่มีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับมัน

    7. ใช้บันทึกการซื้อขาย

    ผู้ค้าที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ใช้บันทึกการซื้อขายเพื่อบันทึกการซื้อขายของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นการเทรดที่แพ้หรือชนะ สมุดบันทึกการเทรดของคุณอาจรวมถึงระดับการเข้าและออก การชนะหรือขาดทุนสำหรับการเทรด บันทึกบางอย่างเกี่ยวกับความคิดและอารมณ์ของคุณในระหว่างและหลังการเทรด

    8. ถามคำถามง่ายๆ กับตัวเอง

    ในขณะที่นักเทรดวิเคราะห์การสูญเสียการเทรดและพยายามหาวิธีเปลี่ยนการขาดทุนให้เป็นผลดีสำหรับเส้นทางการเทรด ต่อไปนี้คือคำถามบางส่วนที่พวกเขาควรถามตัวเอง:

    • ฉันเสี่ยงเท่าไหร่ (มูลค่าดอลลาร์หรือเปอร์เซ็นต์ของเงินทุนของคุณ) ในการซื้อขายนี้?
    • ฉันเข้ามาเร็วเกินไป (ฉันบังคับการค้าหรือไม่)?
    • ฉันออกช้าไปหรือเปล่า (ฉันตัดขาดทุนไม่เร็วพอเหรอ?)
    • ฉันกำลังไล่ตามการค้าหลังจากพลาดสัญญาณเริ่มต้นหรือไม่?
    • สัญญาณตลาดใดที่ฉันเพิกเฉยหรือไม่เห็นว่าส่งผลกระทบต่อการค้านี้?
    • ฉันต้องเปลี่ยนอะไรเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์นี้อีก

    โปรดจำไว้ว่าการสูญเสียเป็นส่วนหนึ่งของการซื้อขาย (และชีวิตโดยทั่วไป) และคุณสามารถเปลี่ยนให้กลายเป็นสิ่งที่เป็นบวกและเป็นประโยชน์สำหรับการซื้อขายของคุณ

    ____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    การทำกำไรด้วยรูปแบบแท่งเทียน

    กันยายน 28, 2022

    เทคนิคการทำกำไรด้วยรูปแบบแท่งเทียน

     

     

     

    Morning star ประกอบด้วย 3 แท่งเทียน
    ลักษณะของรูปแบบนี้คือ แท่งเทียนแรกเป็นสีแดง ตามด้วยแท่งเทียนที่อยู่ต่ำกว่าแท่งแรก (เป็นลักษณะเล็กๆ หรือเป็น Doji ก็ได้) และแท่งสุดท้ายเป็นสีเขียว ซึ่งแสดงถึงแรงขายที่มีในช่วงแรก ค่อยๆทยอยลดลงไป และสุดท้ายแรงซื้อกลับขึ้นมาเป็นฝ่ายชนะแทน มีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวขึ้นในอนาคต

    Evening star ประกอบด้วย 3 แท่งเทียน
    ตรงกันข้ามกับ Morning star โดยแท่งเทียนแรกเป็นสีเขียว ตามด้วยแท่งเทียนที่อยู่สูงกว่าแท่งแรก (จะขนาดเล็กๆ หรือเป็น Doji ก็ได้) และแท่งสุดท้ายเป็นสีแดง แสดงถึงช่วงแรกที่แรงซื้อยังหนาแน่น จากนั้นแรงซื้อเริ่มชะลอ สุดท้ายก็ไม่สามารถต้านทานแรงขายได้ เป็นสัญญาณกว่าราคามีโอกาสที่จะปรับตัวลงในอนาคต

    Bullish Engulfing ประกอบด้วย 2 แท่งเทียน
    โดยตัวเทียนของแท่งแรก (สีแดง) ต้องอยู่ภายใต้การปกคลุมของตัวเทียนของแท่งเทียนที่สอง (สีเขียว ขนาดใหญ่) แสดงถึงแรงซื้อที่หนาแน่น หนุนให้ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อในอนาคต

    Bearish Engulfing ประกอบด้วย 2 แท่งเทียน
    ตรงกันข้ามกับ Bullish Engulfing ตัวเทียนของแท่งแรก (สีเขียว) อยู่ภายใต้การปกคลุมของตัวเทียนของแท่งเทียนที่สอง (สีแดง ขนาดใหญ่) แสดงถึงแรงขายที่หนาแน่น หนุนให้ราคามีโอกาสปรับตัวลงในอนาคต

    Hammer ประกอบด้วย 1 แท่งเทียน
    เป็นแท่งเทียนที่มีไส้เทียนยาวๆออกด้านล่าง และมีตัวเทียนที่ขนาดเล็กๆที่ระดับบนของแท่งเทียน ที่แสดงให้เห็นว่า ถึงแม้ราคาจะเผชิญแรงขายในระหว่างวันที่ค่อนข้างมาก แต่สุดท้ายก็มีแรงซื้อกลับทำให้ราคากลับมาปิดที่บริเวณเดิม มีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวขึ้นในอนาคต

    Shooting star ประกอบด้วย 1 แท่งเทียนตรงกันข้ามกับ Hammer เป็นแท่งเทียนที่มีไส้เทียนยาวๆออกด้านบน และมีตัวเทียนที่ขนาดเล็กๆที่ระดับล่างของแท่งเทียน ที่แสดงให้เห็นว่า ถึงแม้จะมีแรงซื้อระหว่างวันที่รุนแรงเข้ามา แต่สุดท้ายก็มีแรงขายมามากเช่นเดียวกัน จนทำให้ราคากลับมาปิดที่บริเวณเดิม มีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวลดในอนาคต

    #แจกฟรีระบบเทรด

    ____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    .
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    ความผันผวนของตลาดforex คืออะไร?

    กันยายน 28, 2022

    ความผันผวนในการซื้อขายแลกเปลี่ยนคืออะไร?

    ความผันผวนหมายถึงความผันผวนของราคาของสินทรัพย์ วัดความแตกต่างระหว่างราคาเปิดและราคาปิดในช่วงเวลาหนึ่ง

    ตัวอย่างเช่น คู่สกุลเงินที่ผันผวนระหว่าง 5-10 pip มีความผันผวนน้อยกว่าคู่สกุลเงิน forex ที่ผันผวนระหว่าง 50-100 pips

    หากคุณมองใกล้ ๆ คุณจะเห็นว่าบางสกุลเงินและคู่สกุลเงินมีความผันผวนมากกว่าสกุลเงินอื่น คุณต้องเคยได้ยินคำว่า ‘safe haven’ ซึ่งหมายถึงบางสกุลเงิน เช่น เยนญี่ปุ่น ฟรังก์สวิส และดอลลาร์สหรัฐ (ในระดับหนึ่ง)

    ในทางกลับกัน ตลาดเกิดใหม่และคู่สกุลเงินแปลกใหม่เช่น ลีราตุรกี เปโซเม็กซิโก รูปีอินเดีย และเงินบาทไทย ถือว่ามีความผันผวนมากกว่าสกุลเงินที่ปลอดภัย

    ดังนั้น คุณสามารถหาคู่สกุลเงินที่เหมาะกับเทคนิคการซื้อขายของคุณได้เสมอ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบการซื้อขาย กลยุทธ์ และความชอบในการซื้อขายของคุณ ในขณะที่ผู้ค้าบางคนชอบตลาดที่ผันผวน คนอื่นอาจไม่ชอบความเสี่ยงสูงที่มาพร้อมกับความผันผวนสูง

    สภาพคล่องและความผันผวนของตลาดสัมพันธ์กันอย่างไร?

    เพื่อให้เข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างสภาพคล่องของตลาดและความผันผวน ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจว่าสภาพคล่องคืออะไร

    สภาพคล่องคืออะไร?

    สภาพคล่องเป็นตัววัดว่าคุณสามารถซื้อหรือขายบางอย่างในตลาดได้เร็ว/ง่ายเพียงใด หากคุณต้องการซื้อทองคำ 100 ออนซ์ ต้องมีผู้เข้าร่วมตลาดที่ยินดีขายทองคำจำนวนนี้ให้คุณ

    ในตราสารที่มีสภาพคล่องสูง นี่ไม่ใช่ปัญหา คุณสามารถดำเนินการซื้อขาย EUR/USD มูลค่า 10 ล้านในช่วงตลาดลอนดอนได้โดยไม่มีปัญหาและไม่ต้องขยับตลาด ระยะเวลามีความสำคัญเนื่องจากสกุลเงินอาจมีสภาพคล่องน้อยลงในระหว่างช่วงเวลาที่เฉพาะเจาะจง

    ตัวอย่างเช่น หากคุณตัดสินใจที่จะดำเนินการซื้อขาย EUR/USD ระหว่างการปิดการซื้อขายในสหรัฐฯ และก่อนการเปิดเมืองโตเกียว คุณอาจพบว่าสภาพคล่องไม่ได้ดีขนาดนั้น และคุณอาจจบลงด้วยการดำเนินการที่แย่กว่าที่คุณคาดไว้

    โดยทั่วไป ยิ่งเครื่องมือการซื้อขายมีสภาพคล่องมากเท่าใด ความผันผวนก็จะยิ่งลดลง เนื่องจากต้องใช้เวลามากขึ้นในการเคลื่อนย้ายไปในทิศทางที่แน่นอน หากต้องการย้ายตลาดตราสารหนี้สหรัฐหรือคู่สกุลเงิน EUR/USD ไปในทิศทางเดียว จะต้องมีธุรกรรมจำนวนมาก

    ในทางกลับกัน จะใช้ความพยายามน้อยกว่ามากในการย้ายหนึ่งในสกุลเงินของตลาดเกิดใหม่ เช่น เปโซเม็กซิกันหรือแรนด์ของแอฟริกาใต้ สกุลเงินเหล่านั้นมีแนวโน้มที่จะผันผวนมากขึ้นด้วยเหตุผลเฉพาะนั้น

    ทำไมความผันผวนจึงมีความสำคัญในตลาด?

    คำพูดของ Warren Buffett อีกครั้งเขากล่าวว่า: “เวลาทั้งหมดไม่แน่นอน ย้อนกลับไปในปี 2550 เราไม่รู้ว่ามันไม่แน่นอน”

    ความจริงก็คือความไม่แน่นอน ความผันผวน ความผันผวน หรืออะไรก็ตามที่คุณเรียกว่าช่วงของการเคลื่อนไหวของราคา – ทั้งหมดนี้เป็นส่วนสำคัญของการซื้อขายในตลาด

    ไม่มีความผันผวนหมายความว่าไม่มีการเคลื่อนไหวของราคา และหากไม่มีการเคลื่อนไหวของราคา ก็จะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีกิจกรรมการซื้อขายใดๆ

    สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือระดับของความผันผวนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับตลาดในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ ความท้าทายสำหรับผู้เทรดคือเมื่อความผันผวนสูงเกินไป

    ผู้เทรด forex คุณต้องตระหนักว่าสกุลเงินใดมีความผันผวนมากกว่าสกุลเงินอื่นและเมื่อความผันผวนเพิ่มขึ้น

    อะไรทำให้เกิดความผันผวนของตลาดของคู่สกุลเงิน?

    ด้วยธรรมชาติของตลาดโลกในปัจจุบัน – การเทรดที่เชื่อมโยงถึงกัน การไหลของข้อมูลและการสื่อสารที่ราบรื่น และความแพร่หลายของโซเชียลมีเดียและเทคโนโลยีดิจิทัล

    มาดูปัจจัยบางอย่างที่ทำให้เกิดความผันผวนที่อาจส่งผลต่อการซื้อขายฟอเร็กซ์ของคุณ

    ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์

    สงคราม (การบุกรุกทางทหาร) การจลาจล และรูปแบบอื่น ๆ ของความไม่สงบนับเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของความผันผวน เนื่องจากในขณะที่ตลาดจำเป็นต้องมีความผันผวนในระดับหนึ่ง แต่ความไม่แน่นอนระดับสูงที่ยืดเยื้อ (ในกรณีของสงครามและการจลาจล) นั้นไม่ดีต่อความเชื่อมั่นของผู้ค้าและตลาดโดยทั่วไป

    สงครามการค้า

    ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ กับจีน สหรัฐฯ กับยุโรป หรือภูมิภาคหรือประเทศอื่นใด สงครามการค้ายังสามารถกระตุ้นความผันผวนในตลาดได้เนื่องจากมีธุรกรรมหลายพันล้านหรือหลายล้านล้านรายการที่เกี่ยวข้อง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง สกุลเงินที่เกี่ยวข้องกับสงครามการค้าจะได้รับผลกระทบในบางขั้นตอน

    นโยบายการเงิน

    ธนาคารกลางทั่วโลกมีบทบาทสำคัญในการจัดการกระแสเงิน พวกเขาสามารถควบคุมจำนวนเงินหมุนเวียนผ่านระดับอัตราดอกเบี้ย ไม่น่าแปลกใจที่ผู้ค้า forex ทุกคนจับตาดูการตัดสินใจของธนาคารกลาง ไม่ว่าจะเป็นธนาคารกลางสหรัฐ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ธนาคารแห่งอังกฤษ (BoE) ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น (BoJ) ธนาคารแห่งแคนาดา ( BoC) หรือ Australian Reserve Bank (ARB)

    ความเชื่อมั่นของผู้ค้าและตลาด

    มันเป็นความจริงที่ว่าการเคลื่อนไหวของตลาดถูกขับเคลื่อนโดยคนที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา ผู้ค้าและนักลงทุนทั่วโลกทำให้ตลาดเคลื่อนไหว และขึ้นอยู่กับอารมณ์ความรู้สึกที่มีอยู่ – บวกหรือลบ – ความผันผวนของตลาดสามารถผันผวนได้

    คู่สกุลเงินใดที่ผันผวนมากที่สุด?

    มีคู่สกุลเงินบางคู่ที่ผันผวนมากกว่าคู่อื่น ตรวจสอบคู่สกุลเงินที่ผันผวนมากที่สุดด้านล่าง และค้นหาว่าอะไรทำให้พวกเขาเห็นความผันผวนที่มากขึ้น

    AUD/JPY

    คู่สกุลเงิน AUD/JPY ถูกมองว่าเป็นมาตรวัดความเสี่ยง ดอลลาร์ออสเตรเลียถูกมองว่าเป็นสกุลเงินที่มีความเสี่ยง ซึ่งหมายความว่าจะเป็นที่ต้องการเมื่อความเสี่ยงสูง ในทางกลับกัน เงินเยนของญี่ปุ่นเป็นเสมือนแหล่งหลบภัยแบบดั้งเดิมและจะรับการเสนอราคาในช่วงเวลาที่ตลาดอยู่ในโหมด “ปิดความเสี่ยง” สิ่งนี้ทำให้ AUD/JPY เป็นคู่สกุลเงินที่ผันผวน กล่าวคือ จะเพิ่มขึ้นเมื่อผู้ค้ารู้สึกในแง่ดีและแสวงหาความเสี่ยงและลดลงเมื่อผู้ค้าหันหลังให้กับความเสี่ยง

    GBP/CAD

    อัตราไขว้ของปอนด์อังกฤษมีแนวโน้มที่จะผันผวนมากที่สุดในบรรดาสกุลเงินหลัก ดอลลาร์แคนาดาเป็นอีกสกุลเงินที่ “เสี่ยง” และได้รับอิทธิพลอย่างมากจากทิศทางของราคาน้ำมัน เนื่องจากแคนาดาเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ หากตลาดเข้าสู่โหมด “ปิดความเสี่ยง” และในขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันก็ลดลง ดอลลาร์แคนาดาอาจอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างมาก ในทางกลับกัน สกุลเงินมีแนวโน้มที่จะเติบโตในช่วงเวลาที่ผู้ค้ากำลังมองหาความเสี่ยงและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ก็สูงขึ้นเช่นกัน

    USD/TRY

    ลีราตุรกีสามารถเห็นการแกว่งของราคาอย่างมีนัยสำคัญในบางครั้ง ซึ่งได้รับแรงหนุนจากภูมิรัฐศาสตร์ แต่ยังเนื่องมาจากความไม่แน่นอนของธนาคารกลางของประเทศและอิทธิพลของการเมืองที่มีต่อเส้นทางนั้น

    เคล็ดลับการซื้อขาย Forex เมื่อมีการความผันผวน

    เมื่อทราบลักษณะโดยธรรมชาติของความผันผวนและปัจจัยเบื้องหลัง คุณจะใช้มันเพื่อประโยชน์ของคุณได้อย่างไร? คุณจะควบคุมความผันผวนในการซื้อขายฟอเร็กซ์ได้อย่างไร?

    หากคุณใส่ใจคำพูดของ Warren Buffett และมองความผันผวนของตลาดในฐานะเพื่อนของคุณมากกว่าที่จะเป็นศัตรู คุณต้องมีวิธีที่จะทำให้สิ่งนี้ได้ผลสำหรับคุณและความสำเร็จในการซื้อขายของคุณ

    ใช้คำสั่งหยุดการขาดทุน : หากคุณกำหนดระดับการหยุดการขาดทุนสำหรับทุกๆ การเทรดฟอเร็กซ์ที่คุณทำ คุณกำลังให้การปกป้องตัวเองเป็นพิเศษสำหรับความผันผวนของตลาด

    ติดตามปฏิทินเศรษฐกิจ : หากคุณตรวจสอบปฏิทินเศรษฐกิจและทราบเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญและการตัดสินใจที่อาจเคลื่อนย้ายตลาดได้ คุณจะอยู่ในสถานะที่ดีกว่าในการคาดคะเนความผันผวน อย่างน้อยก็ในระดับหนึ่ง จำไว้ว่าความผันผวนเป็นส่วนหนึ่งของตลาด ความท้าทายสำหรับคุณในฐานะเทรดเดอร์คือวิธีที่คุณตอบสนองต่อความผันผวนนั้นเมื่อมันมาถึง

    เทรดเดอร์บางคนชอบที่จะอยู่เฉยๆ เมื่อมีเหตุการณ์ที่มีผลกระทบสูงซึ่งอาจทำให้ความผันผวนสูงขึ้น แต่ก็มีผู้ค้าบางรายที่ต้องการใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงเหตุการณ์สำคัญเหล่านั้น ไม่ว่าคุณจะชอบอะไร การติดตามและติดตามเหตุการณ์สำคัญที่อาจส่งผลต่อการซื้อขายของคุณนั้นคุ้มค่า เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการอ่านปฏิทินเศรษฐกิจเพื่อให้ทันเหตุการณ์สำคัญเหล่านี้

    จำกัดเลเวอเรจของคุณ : ตอนนี้คุณต้องตระหนักว่าเลเวอเรจสามารถเป็นดาบสองคมได้ มันสามารถขยายการชนะของคุณเช่นเดียวกับการสูญเสียของคุณ การจำกัดปริมาณเลเวอเรจที่คุณใช้สำหรับการซื้อขาย แสดงว่าคุณได้วางกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงไว้แล้ว

    บทสรุป

    ความผันผวนเป็นหนึ่งในแนวคิดที่สำคัญที่สุดที่ควรทราบเมื่อทำการซื้อขายในตลาดการเงิน นอกจากนี้ยังเป็นคำที่นักลงทุนอาจมองข้ามโดยไม่เข้าใจความหมายและวิธีการที่ตลาดผันผวนทำงานจริง จากการอ่านบทความนี้ ตอนนี้คุณรู้แล้วว่าความผันผวนทำงานอย่างไรและซื้อขายอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ!

    ____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    กลยุทธ์การซื้อขายฝ่าวงล้อมคืออะไร?

    กันยายน 28, 2022

    เมื่อใดที่จะเข้าสู่การค้าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญสูงสุดสำหรับผู้ค้าเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ค่อนข้างใหม่ต่อตลาด

    นี่เป็นเรื่องปกติและเข้าใจได้

    ทำไม

    เพราะโอกาสมากมายเกิดขึ้นทุกวัน และมันอาจกลายเป็นเรื่องท้าทายได้หากคุณไม่รู้ว่าจะมองหาอะไร เช่น การค้าที่ดีคืออะไร และเมื่อใดควรเข้าสู่การซื้อขายที่เหมาะสม

    ในบทความนี้ เราจะมาดูกลยุทธ์การซื้อขายแบบฝ่าวงล้อม – หนึ่งในกลยุทธ์การซื้อขายที่ได้รับความนิยมมากที่สุดที่สามารถใช้ได้ไม่ว่าคุณจะซื้อขายฟอเร็กซ์ ดัชนีหุ้น CFDs หรือสินค้าโภคภัณฑ์

    กลยุทธ์การซื้อขายฝ่าวงล้อมคืออะไร?

    กลยุทธ์การฝ่าวงล้อมมีเป้าหมายเพื่อเข้าสู่การค้าทันทีที่ราคาสามารถทะลุผ่านขอบเขตได้ ผู้ค้ากำลังมองหาโมเมนตัมที่แข็งแกร่งและการฝ่าวงล้อมที่แท้จริงคือสัญญาณเพื่อเข้าสู่ตำแหน่งและกำไรจากการเคลื่อนไหวของตลาดที่ตามมา

    ผู้ค้าอาจเข้าสู่ตำแหน่งที่ตลาด ซึ่งหมายความว่าพวกเขาจะต้องติดตามการเคลื่อนไหวของราคาอย่างใกล้ชิด หรือโดยการวางคำสั่งหยุดซื้อและหยุดขาย พวกเขามักจะวางหยุดไว้ต่ำกว่าระดับแนวต้านเดิมหรือเหนือระดับแนวรับเดิม ในการกำหนดเป้าหมายการออก ผู้ค้าอาจใช้ระดับแนวรับและแนวต้านแบบคลาสสิก

    ก่อนที่เราจะไปต่อ คุณควรรู้ว่าแนวรับและแนวต้านคืออะไร เมื่อคุณรู้แล้ว มันจะชัดเจนขึ้นมากที่จะเห็นการฝ่าวงล้อมของราคาจากระดับเหล่านั้น

    ดังนั้นระดับการสนับสนุนคืออะไร?

    หากคุณกำลังใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค  สำหรับการซื้อขายของคุณ การดูแผนภูมิในช่วงระยะเวลาหนึ่งจะแสดงระดับแนวรับ – พื้นที่หรือระดับเฉพาะที่ราคามักจะได้รับการสนับสนุน

    ระดับการสนับสนุนให้สิ่งที่เรียกว่า ‘พื้น’ สำหรับราคา ซึ่งหมายความว่าราคามักจะอยู่ในระดับนี้เนื่องจากมีการสนับสนุน (ของผู้ซื้อ)

    และระดับแนวต้านคืออะไร?

    ระดับแนวต้านอยู่ตรงข้ามกับระดับแนวรับ

    เมื่อดูที่กราฟ คุณจะพบระดับแนวต้าน ซึ่งเป็นพื้นที่หรือระดับที่ราคามักจะหยุด (ต้าน) และไม่สามารถขึ้นไปสูงกว่านี้ได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง

    แนวรับและแนวต้านบนกราฟ

     

    นี่คือตัวอย่างที่คุณสามารถเห็นระดับแนวรับและแนวต้าน หากคุณต้องการใช้กลยุทธ์การเข้าฝ่าวงล้อม สิ่งสำคัญคือคุณต้องกำหนดระดับแนวรับและแนวต้าน

    เนื่องจากระดับแนวรับและแนวต้านถูกมองว่าเป็นสัญญาณที่แข็งแกร่งที่ราคามีแนวโน้มที่จะหยุด

    วิธีใช้รายการฝ่าวงล้อมในการซื้อขายของคุณ

    วิธีหนึ่งในการใช้รายการฝ่าวงล้อมคือการทำการค้าเมื่อราคาทะลุแนวต้าน สำหรับผู้ค้าหลายราย การฝ่าฝืนระดับแนวต้านหมายความว่าราคามีโมเมนตัมที่จะสูงขึ้น

    ความคิดเบื้องหลังสิ่งนี้คือการละเมิดแนวต้านอาจหมายถึงผู้ค้าเป็นรั้นและจะสนับสนุนการขยับราคาไปสู่ระดับที่สูงขึ้น

    แม้ว่าอาจไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป แต่ผู้ค้าจำนวนมากใช้การฝ่าวงล้อมนี้จากระดับแนวต้านเป็นจุดเริ่มต้น

    ในทางกลับกัน คุณสามารถใช้รายการฝ่าวงล้อมเมื่อราคาทะลุระดับแนวรับได้ การหยุดแนวรับมักถูกมองว่าเป็นสัญญาณว่าราคาอาจลงไปอีก ผู้ค้าบางรายใช้การละเมิดการสนับสนุนนี้เพื่อใช้ประโยชน์จากราคาที่ตกลง

    การรู้ว่าระดับแนวรับและแนวต้านคืออะไร และคุณจะใช้ระดับเหล่านี้เพื่อระบุได้อย่างไรเมื่อราคาทะลุออกจากระดับเหล่านี้ คุณสามารถใช้กลยุทธ์การเข้าสำหรับการซื้อขายของคุณได้

    ไม่ว่าคุณจะใช้บัญชีทดลองหรือบัญชีซื้อขายจริง คุณสามารถใช้ฟังก์ชันการสร้างแผนภูมิของแพลตฟอร์มการซื้อขาย MT4 เพื่อระบุระดับแนวรับและแนวต้านได้ เป็นความคิดที่ดีที่จะลองระบุระดับแนวรับและแนวต้านของตราสารต่าง ๆ ในกรอบเวลาที่แตกต่างกันเช่นกัน

    เมื่อคุณคุ้นเคยและมั่นใจในการระบุระดับเหล่านี้แล้ว คุณอาจพบว่าการฝ่าวงล้อมของราคาได้ง่ายขึ้นมาก

    การฝ่าวงล้อมราคาเป็นเพียงหนึ่งในหลาย ๆ กลยุทธ์การเข้าใช้ที่คุณสามารถใช้สำหรับการซื้อขายของคุณ หากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์การเข้าออกอื่นๆได้

    ข้อพิจารณาที่สำคัญอีกประการหนึ่งสำหรับคุณในฐานะนักเทรดคือ แม้ว่าการเข้าเทรดมีความสำคัญ แต่ก็เป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งในการเทรดของคุณ

    สิ่งสำคัญคือต้องมีกลยุทธ์ในการเข้าร่วมที่แข็งแกร่ง แต่การมีกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงและทางออกที่เข้มงวดก็มีความสำคัญเท่าเทียมกัน กลยุทธ์การเข้า การบริหารความเสี่ยง และการออกทั้งหมดเหล่านี้รวมกันสามารถช่วยคุณในการเป็นเทรดเดอร์ที่ชาญฉลาด

    อินดเตเตอร์ที่ดีที่สุดสำหรับกลยุทธ์การฝ่าวงล้อมคืออะไร?

    กลยุทธ์การฝ่าวงล้อมสามารถยึดตามการเคลื่อนไหวของราคาเท่านั้น (ดังที่แสดงด้านบนด้วยระดับแนวรับ/แนวต้าน) แต่ตัวชี้วัดก็สามารถใช้ได้เช่นกัน – ทั้งเป็นเครื่องมือสนับสนุนและเป็นสัญญาณเข้า

    ตัวอย่างหนึ่งของอินดิเคเตอร์การซื้อขายที่สามารถใช้ในกลยุทธ์ฝ่าวงล้อมคือIchimoku Cloud

    เทรดเดอร์จะซื้อเมื่อราคาทะลุผ่านคลาวด์หรือขายเมื่อราคาต่ำกว่าคลาวด์

    ตัวอย่างรายการฝ่าวงล้อมโดยใช้ตัวบ่งชี้คลาวด์ ichimoku

     

    คุณสามารถใช้อินดิเคเตอร์ RSI (Relative Strength Index) เพื่อดูการยืนยันและความแตกต่าง

    เราพูดถึงการยืนยันเมื่อ RSI และราคาเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน มาดูกราฟ AUD/JPY ด้านล่างและการฝ่าวงล้อมที่เกิดขึ้นกลางเดือนกรกฎาคม

    ราคามีแนวโน้มลดลงแล้ว RSI ก็เช่นกัน ในช่วงเวลาของการฝ่าวงล้อม RSI อยู่ใกล้กับเขตขายมากเกินไป แต่ยังไปไม่ถึง นี่ก็เป็นอีกสัญญาณหนึ่งว่าอาจมีที่ว่างมากขึ้นสำหรับข้อเสีย

    ตัวบ่งชี้ RSI แสดงรายการฝ่าวงล้อม

     

    ด้านล่างนี้เป็นอีก ตัวอย่าง หนึ่ง  คราวนี้เรากำลังดู EUR/NZD และ RSI divergence ที่หยาบคายซึ่งปรากฏขึ้นกลางเดือนสิงหาคม

    ราคา ทะลุเหนือ ระดับแนวต้าน 1.71 ที่สำคัญ แต่เราจะเห็นได้ว่า RSI divergence แบบหมีนั้นมองเห็นได้ชัดเจนแล้ว และ RSI อยู่ในเขตซื้อมากเกินไป นี่คงเป็นสัญญาณเตือนว่าอย่าซื้อการ ฝ่าวงล้อม ดังที่เราเห็นใน แผนภูมิ มีการควบรวมกิจการแทนที่จะเป็นการขยับขึ้นอย่างรวดเร็วและการเทขายเกิดขึ้นไม่นานหลังจากการรวมบัญชีสิ้นสุดลง

    ตัวบ่งชี้ RSI บนแผนภูมิ EURNZD

    ข้อดีและข้อเสียของกลยุทธ์การซื้อขายฝ่าวงล้อมคืออะไร?

    ข้อดีและข้อเสียด้านล่างของการใช้กลยุทธ์การซื้อขายฝ่าวงล้อม:

    ข้อดี:

    • กำไรจากการเคลื่อนไหวของตลาดอย่างรวดเร็ว
    • การกำหนดจุดเข้าและออกค่อนข้างตรงไปตรงมา
    • กลยุทธ์ง่ายๆ ที่คุณสามารถเทรดได้โดยใช้การเคลื่อนไหวของราคาเท่านั้น

    จุดด้อย:

    • เทรดเดอร์จะต้องสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว
    • มีโอกาสสูงที่จะเกิดสัญญาณเท็จ (เช่น การฝ่าวงล้อมที่ผิดพลาด) ดังนั้นการจัดการความเสี่ยงจึงมีความสำคัญมาก
    • การเพิ่มสัญญาณยืนยันเพิ่มเติมสามารถลดความเสี่ยงของการเกิด false breakouts แต่ยังช่วยลดโอกาสในการจับการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่อีกด้วย

    จะยืนยันการฝ่าวงล้อมได้อย่างไร?

    การวางคำสั่ง buy stop หรือ sell stop ที่สูงกว่าหรือต่ำกว่าแนวรับและแนวต้านหลักน่าจะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการซื้อขายการฝ่าวงล้อม

    อย่างไรก็ตาม มันก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน เนื่องจากมีโอกาสสูงที่การฝ่าวงล้อมที่คุณกำลังซื้อขายอยู่นั้นเป็นเท็จ การฝ่าวงล้อมที่ผิดพลาดเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เนื่องจากราคาจะซื้อขายที่สูงกว่า/ต่ำกว่าระดับแนวต้าน/แนวรับที่สำคัญในระยะเวลาอันสั้นเท่านั้น ในตอนแรกอาจมีโมเมนตัมเนื่องจากการหยุดถูกทริกเกอร์ แต่สิ่งนี้อาจจางหายไปอย่างรวดเร็วหากไม่มีแรงเพียงพอในการเคลื่อนไหว

    มีบางวิธีที่ผู้ค้าสามารถใช้เพื่อยืนยันว่าการฝ่าวงล้อมนั้นถูกต้อง อย่างแรกคือการติดตามการเคลื่อนไหวของราคา หากคุณเป็นเดย์เทรดเดอร์ สิ่งนี้สามารถเป็นไปได้เพราะคุณมักจะอยู่หน้าจอมอนิเตอร์อยู่ดี คุณยังสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนที่จะทริกเกอร์หากราคาเข้าใกล้ระดับที่คุณกำลังติดตาม อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องมีทักษะและความมั่นใจในการตัดสินใจว่าการฝ่าวงล้อมนั้นถูกต้องสำหรับคุณหรือไม่ จากนั้นคุณสามารถเข้าสู่การซื้อขายได้ด้วยตนเอง แต่มีความเสี่ยงที่คุณจะพลาดการเคลื่อนไหวทั้งหมดหากราคาเคลื่อนไหวเร็วเกินไป

    อีกวิธีหนึ่งคือรอการดึงกลับ หลังจากทะลุเหนือ/ต่ำกว่าระดับแนวต้าน/แนวรับที่สำคัญ ราคามักจะกลับมาที่ระดับนี้เพื่อทดสอบอีกครั้ง หากราคาดีดตัวขึ้นจากระดับแนวต้านเดิมหรือหยุดก่อนระดับแนวรับเดิม นั่นเป็นสัญญาณว่าการฝ่าวงล้อมนั้นถูกต้องและคุณสามารถใช้สิ่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นได้ อย่างไรก็ตาม มีความเสี่ยงที่โมเมนตัมจางหายไปในตอนนั้น และคุณอาจพลาดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่

    ด้านล่างนี้คือสองตัวอย่างที่ราคากลับสู่แนวรับและแนวต้านหลักที่ถูกละเมิดเพื่อทดสอบซ้ำ

    ราคากลับสู่แนวรับและแนวต้านบน USOIL

    ราคากลับสู่แนวรับและแนวต้านของ EURAUD

    การซื้อขายฝ่าวงล้อมทำงานหรือไม่?

    การซื้อขายฝ่าวงล้อมสามารถเป็นกลยุทธ์การซื้อขายที่ทำกำไรได้ ความเสี่ยงของการเกิด false breakout นั้นสูง ดังนั้นการมีแผนการจัดการความเสี่ยงที่ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้ คุณควรตั้งเป้าไปที่อัตราส่วนความเสี่ยง/ผลตอบแทนที่สมเหตุสมผล – อย่างน้อย 1:2

    กรอบเวลาที่ดีที่สุดในการแลกเปลี่ยนการฝ่าวงล้อมคืออะไร?

    สามารถเทรด Breakout ได้ทุกกรอบเวลา คุณสามารถซื้อขายฝ่าวงล้อมต่ำกว่าระดับแนวรับหลายปีและถือการค้าเป็นเวลาหลายเดือน

    อย่างไรก็ตาม การซื้อขายแบบฝ่าวงล้อมมีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมมากกว่าสำหรับผู้ค้าระยะสั้น เนื่องจากพวกเขากำลังพยายามจับโมเมนตัมและทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของตลาดอย่างกะทันหันที่เกิดขึ้นภายในระยะเวลาอันสั้น มันง่ายกว่ามากที่จะเข้าใจตลาดและโมเมนตัมของมันเมื่อทำการซื้อขายในกรอบเวลาที่ต่ำกว่าแทนที่จะเป็นกรอบเวลาที่สูงกว่า

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    การเทรด Forex คืออะไรและทำงานอย่างไร?

    กันยายน 27, 2022

    การเทรด Forex คืออะไร?

    Forex ย่อมาจาก Foreign Exchange(FX) คือเป็นตลาดซื้อขายเงินตราสกุลต่างประเทศ ระหว่างค่าเงินสกุลหนึ่ง กับค่าเงินอีกสกุลหนึ่ง ถ้าตอนที่ซื้อมาถูกกว่าตอนที่ขายไป นั่นคือกำไร แต่ในทางกลับกันตอนที่ซื้อเก็บไว้แพงกว่าตอนขายก็คือขาดทุน ซึ่งผู้ซื้อสามารถเป็นทั้งผู้ซื้อและผู้ขายได้ในคู่สกุลเงินเดียวกัน โดยในตลาดการเทรด Forex เองมีคู่สกุลเงินให้เลือกลงทุนกว่า 200 คู่ แต่นักลงทุนมักให้ความสนใจสกุลเงินที่มีความคล่องตัวสูง โดยสกุลเงิน 5 อันดับแรกที่นักลงทุนนิยมได้แก่

    • เงินดอลลาร์สหรัฐ USD
    • เงินสกุลยูโร EUR
    • เงินปอนด์สเตอร์ลิงอังกฤษ GBP
    • เงินเยนญี่ปุ่น JPY
    • เงินดอลลาร์ออสเตรเลีย AUD

    การเทรด Forex ทำงานอย่างไร?

    ตลาด Forex ซื้อขายสกุลเงินกับสกุลเงินอื่น เป็นกระบวนการขนาดใหญ่ที่คล้ายกับเมื่อคุณไปที่ธนาคารเพื่อแลกเปลี่ยนเงินของคุณเป็นสกุลเงินอื่นก่อนการเดินทางระหว่างประเทศ

    Forex ทำงานโดยการซื้อขายเป็นคู่ ตัวอย่างคือการมีเงินยูโรแล้วซื้อขายเป็น USD จะมีราคาเสนอซื้อสำหรับยูโรและราคาขอสำหรับ USD นอกจากนี้ยังมีจุดที่เรียกว่าสเปรด นี่คือความแตกต่างระหว่างราคาเหล่านั้นในการวัดขนาดเล็กที่เรียกว่า pip คุณจะสังเกตเห็นว่าเมื่อดูราคาเสนอซื้อและเสนอขาย ราคาจะวัดจากทศนิยมสี่ตำแหน่ง

    กำไรมักจะเกิดจากการถือตำแหน่งบางตำแหน่งก่อนขาย มีตำแหน่งยาวและสั้นสำหรับผู้ค้าที่จะทำ สถานะซื้อจะเกิดขึ้นเมื่อมีความคาดหวังว่าสกุลเงินที่ซื้อจะเพิ่มขึ้นในมูลค่าโดยรวม สถานะ short จะเกิดขึ้นเมื่อมีการคาดหวังว่าสกุลเงินที่ซื้อจะลดลงในมูลค่าโดยรวม

    มีคู่สกุลเงินหลากหลายให้เลือกเมื่อดูที่ตลาด มีตั้งแต่คู่เงินหลัก คู่รอง และคู่ที่แปลกใหม่ คู่เงินหลักจะเป็นคู่สกุลเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและมีเสถียรภาพมากกว่า คู่เงินรองมีการซื้อขายแต่ไม่มากเท่าคู่เงินหลัก และซอฟต์แวร์หรือนายหน้าอาจไม่มีตัวเลือกให้เสมอไป คู่ที่แปลกใหม่มีแนวโน้มที่จะผันผวนมากที่สุดและอาจเสนอโดยแพลตฟอร์มน้อยกว่าเช่นกัน

    ฉันจะเริ่มต้นการซื้อขาย Forex ได้อย่างไร?

    มีสองสามขั้นตอนในการเริ่มต้นเส้นทางการซื้อขาย Forex ของคุณ

    • เริ่มต้นด้วยการศึกษาเบื้องต้นเกี่ยวกับการซื้อขาย Forex ให้แน่ใจว่าคุณรู้วิธีการทำงานและความเสี่ยงใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขาย คุณไม่ต้องการเข้าสู่แพลตฟอร์มการซื้อขายใดๆ, Forex หรืออย่างอื่น โดยไม่ทราบความเสี่ยงและผลตอบแทนของการลงทุนนั้น
    • ค้นหานายหน้าของคุณ อีกครั้ง…เช่นเคย…อย่าข้ามการวิจัยของคุณ ใช้เวลาของคุณเพื่อค้นหาการจับคู่โบรกเกอร์ Forex ที่สมบูรณ์แบบของคุณ
    • ค้นหาซอฟต์แวร์ Forex ของคุณ โบรกเกอร์บางรายอาจเสนอซอฟต์แวร์หรืออัลกอริทึมสำหรับแพลตฟอร์มของตน แต่ต้องแน่ใจว่าคุณรู้ว่าซอฟต์แวร์ใดที่คุณต้องการใช้
    • เมื่อคุณมีโบรกเกอร์ของคุณแล้วให้เปิดบัญชีของคุณหรือควรเป็นบัญชีทดลองเพื่อเริ่มต้นและสามารถทดสอบแพลตฟอร์มและซอฟต์แวร์ที่ต้องการได้
    • หลังจากตั้งค่าบัญชีแล้ว ให้ดาวน์โหลดแพลตฟอร์มการซื้อขายที่เข้ากันได้กับซอฟต์แวร์และนายหน้าของคุณ เช่น MetaTrader 4

    เริ่มการซื้อขายของคุณ คุณสามารถทำได้ด้วยตนเองหรือรับซอฟต์แวร์ที่ดำเนินการซื้อขายให้คุณโดยอัตโนมัติ

    EA FOREX
    1.ประหยัดเวลาในการเทรดคุณคงไม่ต้องการเป็นพวกที่ต้องนั่งเฝ้าหน้าจอไปตลอดทั้งวันทั้งคืน ถ้าสิ่งนี้คือสิ่งที่คุณไม่ต้องการแล้ว และต้องการประหยัดเวลาเทรด การเลือกใช้ea forex สามารถช่วยคุณประหยัดเวลาเทรดได้มาก เพราะว่าไม่ต้องไปทำการเทรดให้เสียเวลา เอาเวลาในการเฝ้าจอ ไปทำอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์กับชีวิต

    2.ลดปัญหาเรื่องของใจ หรือจิตวิทยาการลงทุน เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
    เรื่องนี้แหละถือเป็นข้อดีประการสำคัญมากที่สุดในความคิดของผู้เขียนคือ ความสามารถในการเลือกจิตวิทยาการลงทุน คือถ้าเรารู้ตัวเองว่าตนเองไม่มีอารมณ์ที่เหมาะสมต่อการเทรด คงเป็นเรื่องของจิตวิทยาการลงทุน

    3.บริหารจัดการการเงินได้ง่ายขึ้น ง่ายต่อการใช้งาน
    การเลือกใช้ ea forex ช่วยให้เราไม่ต้องกังวลว่าในแต่ละ Order นั้นเราจะเปิด Lot ที่เท่าไหร่ เพราะว่าด้วยระบบของ ea forex จะช่วยให้คุณสามารถเปิด Lot ได้อย่างง่ายดายมากๆ ส่วนตัวผมค่อนข้างชอบเงื่อนไขข้อนี้นะครับ เพราะว่าง่ายและปลอดภัยต่อใจที่อาจเผลอไปวาง Lot ที่ผิดจากแผนไป

    ตลาด Forex เป็นตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
    เทรด Forex หรือเทรดค่าเงิน เพิ่มมากขึ้น เพราะสามารถทำเงินได้จริงและทำกำไรได้
    การเทรดค่าเงินในตลาด Forex
    คือรูปแบบการซื้อ-ขาย(เทรด) อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา
    พูดง่ายๆคือ การซื้อค่าเงินตอนที่ราคาต่ำ แล้วมาขายในตอนที่ค่าเงินราคาสูงขึ้นการเทรด Forex สามารถทำกำไรได้ทั้งสองทาง ไม่ว่าจะเป็นขาขึ้นหรือขาลงถ้าคุณมีความเข้าใจตลาด สามารถวิเคราะห์แนวโน้ม จับจุดอย่างถูกต้อง แล้วเทรดให้ตรงกับจังหวะ ตามความผันผวนของตลาด โอกาสที่จะสร้างกำไรมีความเป็นไปได้สูง

     

    #แจกฟรีระบบเทรด

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อคู่เงิน GBPUSD

    กันยายน 27, 2022
    ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อคู่เงิน GBPUSD ??
    1. การเปลี่ยนแปลงของตัวเลขเงินเฟ้อ
    2. การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ที่ประกาศโดยธนาคารกลางสหรัฐฯ
    3. การเติบโตทางเศรษฐกิจ ( ผ่านรายงานตัวเลข GDP สหรัฐฯ )
    4. การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่ส่งผลโดยตรงกับสกุลเงิน GBP
    5. ตัวเลขการจ้างงาน (ดัชนี Non-Farm Employment Change)
    6. นโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ
    7. ดุลการค้า สถานการณ์ทางการเมืองและปัจจัยอื่นๆ เช่น สงคราม
    #ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อคู่เงินGBPUSD #GBPUSD
    _____________________________________________
    สนใจรับระบบเทรดคลิก
    สู่อิสรภาพทางการเทรด แบบไม่ต้องเฝ้ากราฟ ไม่ต้องเฝ้าจอ
    และไม่ต้องหลบข่าว
    ?? เพียงเปิดบัญชีวันนี้ ??
    ?? รับโบนัส 30% สูงสุด 500$ (ไม่มีขั้นต่ำ)
    ?? รับสิทธิ์เข้า VIP ฟรี! เพียงเติมเงินเข้าบัญชีเทรด $50
    ?? พร้อมระบบเทรดฟรีทุกตัวใช้กับบัญชีที่สมัครต่อ FTT ฟรีตลอดชีพ
    .
    ระบบเทรดฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย❗
    เงื่อนไขเพียงเปิดบัญชีเทรดต่อที่ IB ของทาง FTT
    ก็สามารถรับ ✅ระบบเทรดได้ฟรีตลอดชีพ
    ❌ ไม่มีค่าใช้จ่ายสักบาท
    ❌ ไม่เก็บรายเดือน
    ❌ ไม่แบ่งกำไร
    .
    ?เทรดยังไม่เป็น หรือยังไม่เก่ง
    ?อยากเทรดแต่ไม่มีคอม
    ?อยากเทรดแต่ติดตั้ง EA ไม่เป็น
    ?อยากเทรดแต่ไม่สะดวกเฝ้ากราฟเอง
    ทางเรามีทางออกให้คุณ ด่วน❗❗
    .
    ? เปิดบัญชีและเติมเงินเขาบัญชีเทรดเริ่ม $50
    เข้ากลุ่มไลน์ VIP ผู้ใช้ระบบเทรดทันที*
    รับโบนัสเงินฝาก และ รับระบบเทรดเปิดบัญชี ? https://bit.ly/GMI-TH
    _____________________________________________
    #ระบบเทรด #อีเอเทรด #ฟรีระบบเทรด #มือใหม่เริ่มต้นเทรด
    #เริ่มเทรด #forex #EA #ผลงานเทรด #GMI
    _____________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    Divergence ในการเทรด Forex คืออะไร?

    กันยายน 27, 2022

    Divergence ในการเทรด Forex หมายถึงอะไร?

    ก่อนดำเนินการต่อ เราต้องเข้าใจก่อนว่า divergence ในการซื้อขายในตลาด Forex คืออะไร

    เมื่อการเคลื่อนไหวของราคาสกุลเงินใน Forex แตกต่างจากที่ indicator ทางเทคนิคคาดการณ์ สิ่งนี้เรียกว่าdivergence divergenceเหล่านี้บ่งชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นเนื่องจากการเคลื่อนไหวของราคามักเกิดขึ้นพร้อมกับ indicator ทางเทคนิค

    ประเภทของ Divergences

    มี 4 ประเภทที่แตกต่างกันของความแตกต่างที่อาจเกิดขึ้นใน Forex divergences “ปกติ” ถือว่าสำคัญที่สุด เนื่องจากมักจะให้สัญญาณที่มีคุณภาพดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับ divergences ที่ “ซ่อนเร้น” รูปแบบปกติมักจะส่งสัญญาณถึงการสลับในสิ่งที่กำลังแสดงอยู่ ในขณะที่รูปแบบที่ซ่อนอยู่จะส่งสัญญาณว่าแนวโน้มเดียวกันที่แสดงจะดำเนินต่อไป

    1.Regular Bullish – ความแตกต่างประเภทนี้ใน Forex หรือที่เรียกว่าความแตกต่างเชิงบวก แสดงให้เห็นเมื่อราคาทำราคาต่ำกว่าระดับต่ำสุดปกติ แต่ตัวชี้วัดยังคงสะท้อนถึงระดับต่ำที่สูงขึ้น ซึ่งมักจะเป็นสัญญาณว่าราคาจะจบลงด้วยการขึ้นสูงมากกว่าที่จะลดลงอย่างต่อเนื่อง

    2.Regular Bearish – ขาลงปกติใน Forex หรือความแตกต่างเชิงลบ แสดงเป็นรูปแบบที่มีราคาสูงเหนือระดับสูงสุดก่อนหน้านี้ ทั้งหมดในขณะที่ตัวบ่งชี้สูงใหม่อยู่ต่ำกว่าระดับสูงสุดก่อนหน้านี้ ซึ่งมักจะเป็นสัญญาณว่าในไม่ช้าแนวโน้มและราคาจะลดลง

    3.Hidden Bullish – นี่คือความแตกต่างใน Forex ที่จะแสดงราคาว่ามีจุดต่ำสุดที่สูงกว่า แต่ตัวชี้วัดทางเทคนิคจะแสดงจุดต่ำสุด “การกลับตัวแบบย้อนกลับในเชิงบวก” นี้มักจะแสดงแนวโน้มขาขึ้นที่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะดำเนินต่อไป

    4.Hidden Bearish – นี่คือรูปแบบที่เรียกว่า “negative reverse divergence” ใน Forex ความแตกต่างประเภทนี้ใน Forex สามารถมองเห็นได้จากการดูราคาที่มียอดที่ต่ำกว่า และตัวบ่งชี้จะแสดงราคาโดยรวมที่สูงขึ้น

    การซื้อขายบน Divergences

    ก่อนอื่น การซื้อขายแบบ Divergence ไม่ใช่วิธีการทั่วไปในการซื้อขายและไม่ได้ทำบ่อยนัก เนื่องจากต้องใช้ทักษะจำนวนมากและมีโอกาสล้มเหลวสูง นี่เป็นเพราะแม้เมื่อเข้าหาด้วยความระมัดระวัง การใช้ไดเวอร์เจนซ์เป็นสัญญาณไม่ได้หมายความว่ารูปแบบเฉพาะนี้จะมีผลเสมอไป พูดง่ายๆ ก็คือ การเทรดด้วยไ Divergence นั้นเป็นการพนันมากกว่า

    การสังเกตและการซื้อขาย Forex บนความแตกต่างใน Forex ต้องใช้ความระมัดระวังและระดับประสบการณ์ที่เกินกว่าที่ผู้เทรดเริ่มต้นมี การพูดแบบนี้หมายความว่าการใช้ Divergence เพื่อแสวงหาผลกำไรไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีหัวใจหรือผู้เริ่มหัดเล่น

    การพัฒนากลยุทธ์การซื้อขายที่มี Divergence ใน Forex หมายความว่าคุณจำเป็นต้องมีสายตาที่เฉียบแหลมในการมองเห็นจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของเส้นแนวโน้ม เมื่อพิจารณาถึงความแตกต่างปกติ จะต้องเลือกด้านบนและด้านล่าง จากนั้นส่วนที่คาดว่าจะหยุดและย้อนกลับจะต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด เมื่อคำนึงถึงความแตกต่างที่ซ่อนอยู่ อาจแสดงสัญญาณล่วงหน้าว่าแนวโน้มจะไปต่อหรือไม่ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องระวังและรู้ว่าควรดำเนินการเมื่อใด

    คุณต้องระวังที่จะไม่รีบร้อนและกระโดดในการค้าขายหากดูเหมือนว่าความแตกต่างกำลังจะเกิดขึ้น บางครั้งเกิดความแตกต่างเล็กน้อย และหากคุณทำการค้ากับสิ่งนี้ คุณอาจสูญเสียผลกำไรที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความแตกต่างที่ “จริง” หรือ “จริง”

    แผนภูมิระยะยาวมักจะแสดงการเคลื่อนไหวที่แม่นยำยิ่งขึ้นในเสียงสูงและต่ำเพื่อกำหนดเมื่อมีความแตกต่างที่แท้จริงและความถี่ที่เกิดขึ้น

    การซื้อขายบน Divergence ยังหมายถึงไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีการโดยรวมของคุณอย่างไร คุณควรใช้สัญญาณหยุดการขาดทุน สำหรับการซื้อขายของคุณ วิธีที่เป็นไปได้ในการทำเช่นนี้คือการหยุดอย่างหนักที่คุณคาดการณ์ว่าระดับสูงสุดจะสูงที่สุดก่อนที่ตลาดจะเปลี่ยนเป็น “ขาลง” และเริ่มลดลง ด้วยวิธีนี้ กำไรที่มากที่สุดจะถูกจับได้

    สัญญาณสำหรับการซื้อขาย

    เมื่อคุณรู้วิธีอ่านรูปแบบข้างต้นแล้ว จะมีคำถามว่าสัญญาณสำหรับรูปแบบเหล่านี้คืออะไร สำหรับความแตกต่างใน Forex ผู้ค้าจำเป็นต้องดูสัญญาณการแตกต่างของ oscillator สิ่งเหล่านี้มักจะให้ประวัติโดยย่อของรูปแบบ Divergence ล่าสุดสำหรับคู่สกุลเงินนั้น ๆ ของสัญญาณ oscillator หลายตัว stochastic oscillatorเป็นหนึ่งใน oscillator ที่แม่นยำกว่าสำหรับกำหนดและรับค่าเมื่อ Divergence เกิดขึ้นหรือเกิดขึ้นแล้ว

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง Forex : วิธีจัดการความเสี่ยง

    กันยายน 27, 2022

    ความตื่นเต้น ความวิตกกังวล ความผิดหวัง ความอิ่มเอมใจ – นี่คือตัวอย่างบางส่วนของอารมณ์ที่สามารถสัมผัสได้เมื่อทำการซื้อขาย ซึ่งบางครั้งอาจเกิดขึ้นภายในไม่กี่นาทีแรก!

    หนึ่งในความท้าทายหลักคือการรู้วิธีจัดการความเสี่ยงในบัญชีซื้อขายของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะในขณะที่ความสามารถในการทำกำไรเมื่อทำการซื้อขายเป็นวัตถุประสงค์หลัก ที่สำคัญเท่าเทียมกันคือความสามารถในการปกป้องเงินทุนของคุณเมื่อต้องเผชิญกับการเคลื่อนไหวของตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย การใช้คำสั่ง Stop Loss และ Take Profit อย่างมีประสิทธิภาพโดยเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การซื้อขายโดยรวมเป็นวิธีง่ายๆ ในการทำเช่นนี้

    ในบทความนี้ เราจะพูดถึงการจัดการความเสี่ยงคืออะไรและเหตุใดจึงมีความสำคัญตลอดจนกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงที่ใช้บ่อยที่สุดบางส่วนที่สามารถช่วยคุณปรับปรุงประสิทธิภาพการซื้อขายของคุณได้ แต่ก่อนอื่นมาเริ่มกันที่พื้นฐานกันก่อน!

    การบริหารความเสี่ยง forex คืออะไร?

    การจัดการความเสี่ยงเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของ  แผนการซื้อขาย  และสามารถสร้างความแตกต่างระหว่างการพนันและการซื้อขายได้ การวางการซื้อขายโดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องคือการพนัน ในทางกลับกัน การซื้อขายเป็นเรื่องเกี่ยวกับการรับความเสี่ยงที่คำนวณได้ – พยายามลดการขาดทุนให้เหลือน้อยที่สุดในขณะที่เพิ่มผลกำไรสูงสุด

    การจัดการความเสี่ยงเป็นชุดของกฎเกณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อลดความสูญเสียของคุณและรักษาอัตราส่วนความเสี่ยง/ผลตอบแทนที่เหมาะสมเมื่อทำการซื้อขาย

    พื้นฐานของการจัดการความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน

    ก่อนอื่น คุณควรเข้าใจก่อนว่าคุณเป็นเทรดเดอร์ประเภทไหน และเข้าใจความเสี่ยงของตัวเอง ผู้ค้าบางรายกระตือรือร้นที่จะเสี่ยงมากขึ้นเพื่อแลกกับผลกำไรที่มีศักยภาพสูงขึ้น ในทางกลับกัน ผู้ค้าบางรายไม่ชอบความเสี่ยงมากกว่าและชอบที่จะรักษาความเสี่ยงให้ต่ำ

    การระบุความเสี่ยงที่ยอมรับได้จะช่วยคุณกำหนดว่าคุณควรเสี่ยงต่อการซื้อขายเท่าใด ในขณะที่ผู้ค้าที่ก้าวร้าวอาจเสี่ยง 2-3% ของยอดคงเหลือในบัญชีต่อการค้า ผู้ค้าที่ระมัดระวังอาจต้องการไปที่ 0.5-1.0% ต่อการค้า

    ความเสี่ยงของการซื้อขาย forex คืออะไร?

    หนึ่งในความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดในการซื้อขาย forex คือเลเวอเรจ แม้ว่าเลเวอเรจจะช่วยเพิ่มผลกำไรของคุณ แต่ก็สามารถขยายการขาดทุนของคุณได้ มีเหตุผลหลายประการที่เรียกว่า “ดาบสองคม”

    เช่นเดียวกับบัตรเครดิตสามารถช่วยให้คุณใช้จ่ายได้มากกว่าที่คุณมีในเงินในบัญชีธนาคารของคุณ เลเวอเรจช่วยให้คุณควบคุมสถานะที่มีขนาดสำคัญเมื่อเทียบกับยอดเงินในบัญชีจริงของคุณ ยิ่งเลเวอเรจสูงเท่าไร ความเสี่ยงที่คุณจะสูญเสียเงินทุนทั้งหมดก็จะยิ่งสูงขึ้น

    ความเสี่ยงอีกประการหนึ่งคือสภาพคล่อง ตัวอย่างหนึ่งคือตลาดเปิดในเย็นวันอาทิตย์ (NY Time) สภาพคล่องจะเบาบางมากและมีความเสี่ยงร้ายแรงต่อช่องว่างในช่วงสุดสัปดาห์ที่สำคัญ นักเทรดอาจถูกเซอร์ไพรส์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ขณะที่ตลาดปิด อย่างไรก็ตาม สภาพคล่องสามารถหายไปได้แม้ในช่วงวันธรรมดาที่ตลาดเปิด สิ่งนี้ทำให้ผู้ค้าเกิดความคลาดเคลื่อนเมื่อเข้าและปิดตำแหน่ง

    นอกจากนี้ ความเสี่ยงด้านเทคโนโลยียังส่งผลต่อผู้ค้าอีกด้วย อาจเป็นปัญหาเล็กน้อย เช่น การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในบ้านของคุณล้มเหลว แม้ว่าสิ่งนี้จะเป็นหายนะสำหรับเทรดเดอร์เมื่อสองทศวรรษที่แล้ว แต่ผู้ค้าส่วนใหญ่มีเวอร์ชันของแพลตฟอร์มการซื้อขายที่ติดตั้งบนอุปกรณ์มือถือของตน ในทางกลับกัน โบรกเกอร์ของคุณอาจประสบปัญหาการหยุดทำงานครั้งใหญ่ ซึ่งอาจขัดขวางไม่ให้คุณเข้าถึงแพลตฟอร์มและจัดการตำแหน่งของคุณ นี่อาจเป็นปัญหาที่ร้ายแรงกว่ามาก เนื่องจากคุณจะไม่สามารถควบคุมตำแหน่งของคุณได้ ไม่ว่าคุณจะใช้อุปกรณ์ใด โชคดีที่ไฟดับดังกล่าวค่อนข้างหายากและได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว

    กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยง Forex

    เมื่อคุณมีความคิดที่ดีเกี่ยวกับความเสี่ยงส่วนบุคคลแล้ว คุณควรเริ่มรวมการจัดการความเสี่ยงเข้ากับแผนการซื้อขายของคุณ ซึ่งหมายถึงการกำหนดว่าคุณต้องการเสี่ยงต่อการค้าขายเท่าใด และการวางแผนกลยุทธ์การเข้าและออกของคุณ

    การซื้อขายโดยไม่หยุดและ/หรือทำกำไรอาจเป็นอันตรายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้น คุณอาจถูกล่อลวงให้แหกกฎและปล่อยให้ตำแหน่งที่แพ้ดำเนินไปโดยหวังว่าพวกเขาจะทำกำไรได้ในที่สุด การมีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนและคำสั่งหยุดการขาดทุนสามารถช่วยคุณจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ในท้ายที่สุด อารมณ์ไม่สามารถขจัดออกจากการซื้อขายได้ แต่สามารถควบคุมได้ด้วยการฝึกฝนที่เพียงพอ การมีแผนการซื้อขายที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายนี้ เนื่องจากคุณจะมีระเบียบวินัยมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
    ด้วยเหตุนี้ การมีความคาดหวังที่เป็นจริงเกี่ยวกับสิ่งที่คุณทำได้จึงเป็นสิ่งสำคัญ คุณไม่สามารถรับผลตอบแทนรายเดือน 50% ได้หากไม่ได้รับความเสี่ยงมากเกินไป และความเสี่ยงที่บัญชีของคุณจะเสียหายก็มีนัยสำคัญ การมีเป้าหมายที่เป็นจริงมากขึ้น เช่น การบรรลุผลตอบแทน เช่น 3% ต่อเดือน จะช่วยให้คุณควบคุมอารมณ์ได้

    บริหารความเสี่ยงในการเทรด forex อย่างไร?

    มาดูตัวอย่างเพื่อดูว่าคุณสามารถจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพในขณะที่ทำการซื้อขายในตลาด forex ได้อย่างไร

    ตัวอย่างการค้า: AUDUSD

    สมมติว่าคุณมีเงิน AU$10,000 ในบัญชีซื้อขายของคุณ คุณได้ตัดสินใจว่าคุณคิดว่าอัตรา AUDUSD จะสูงขึ้น ดังนั้นคุณจึงต้องการซื้อคู่สกุลเงินนี้

    คุณยังตัดสินใจใช้ 5% ของมูลค่าบัญชีซื้อขายของคุณเป็นข้อกำหนดมาร์จิ้นเพื่อให้ครอบคลุมการซื้อขายนี้ ซึ่งเท่ากับจำนวน AU$500 (10000 x 0.05 = 500)

    จากนั้น คุณตัดสินใจซื้อขาย AUDUSD ที่อัตรามาร์จิ้น 1% หรืออีกนัยหนึ่ง โดยใช้อัตราส่วนเลเวอเรจ 100:1 ซึ่งหมายความว่าด้วยมูลค่าหลักประกันมูลค่า AU$500 คุณสามารถเปิดขนาดตำแหน่งได้ 50,000 AUDUSD (500 คือ 1% ของขนาดตำแหน่งโดยรวม ดังนั้นการคูณด้วย 100 จะทำให้เรามีขนาดตำแหน่งรวม 50000 )

    ในการเข้าสู่การค้าโดยใช้อัตรามาร์จิ้น 1% คุณวางคำสั่งตลาดเพื่อซื้อ 50,000 AUDUSD ที่ 0.7250 ซึ่งเป็นราคาตลาดปัจจุบัน

     

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    กลยุทธ์การซื้อขาย Forex Swing Trading อันดับต้น ๆ ที่ผู้ค้า FX ทุกคนจำเป็นต้องรู้

    กันยายน 27, 2022

     

    สำหรับการซื้อขายสกุลเงินทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น Forex หรือหุ้นและพันธบัตร ต้องมีกลยุทธ์เพื่อให้ประสบความสำเร็จ ไม่ค่อยจะสุ่มซื้อขายโดยไม่มีคล้องจองหรือเหตุผลพาคุณไปทุกที่

    การเทรด Forex สามารถติดตามได้ด้วยเทคนิคการเทรดมากมาย แต่แล้ว Forex Swing Trading ล่ะ? เมื่อพิจารณาถึงการซื้อขายแบบสวิง เรายังสามารถแยกย่อยว่ากลยุทธ์การซื้อขายแบบสวิงที่ดีที่สุดคืออะไร และหากการซื้อขายแบบสวิงได้ผลจริง

    wing Trading คืออะไร?

    อย่างแรกเลย การซื้อขายแบบสวิงใน Forex คืออะไร?

    การซื้อขาย Swing trading เป็นกลยุทธ์การซื้อขายที่ผู้ค้า Forex พยายามที่จะทำกำไรโดยการเลือกทั้งจุดเข้าและออกที่เกิดขึ้นก่อนและหลังการเปิดตลาดอย่างกะทันหัน นี่คือจุดที่วงสวิงเข้ามามีบทบาท ผู้ค้ายึดตำแหน่งไว้ปานกลางเนื่องจากรูปร่าง “U” ที่แตกต่างกันในแผนภูมิถูกสร้างขึ้นเพื่อแสดงแนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง ตามด้วยตัว “U” จนกระทั่งเลี้ยวลง

    นี่คือทั้งหมดที่เกี่ยวกับการซื้อต่ำและขายสูง!

    การซื้อขาย Swing trading ยังใช้ตัวบ่งชี้บางตัวที่มองเห็นได้ง่าย ซึ่งรวมถึงรูปแบบ head shoulders, รูปแบบ flag, รูปแบบ cup and handles , เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่และรูปแบบ triangle trading

    ข้อดีของ Swing Trading

    การซื้อขาย Swing trading มีความเสี่ยงมากกว่าเทคนิคการซื้อขายบางอย่าง แต่ยังห่างไกลจากสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งหมายความว่ามีอัตราส่วนความเสี่ยงที่เหมาะสมที่จะให้รางวัลด้วยการใช้การซื้อขาย Swing trading เป็นกลยุทธ์สำหรับ Forex

    กลยุทธ์การซื้อขายนี้ยังให้ โอกาสในการซื้อขายในปริมาณ ที่ยุติธรรม กลยุทธ์การซื้อขายบางอย่างมีข้อจำกัดมากกว่าในแง่ของจำนวนครั้งที่คุณสามารถเลือกจุดเข้าและออกได้

    ข้อดีอีกประการหนึ่งที่นี่คือการซื้อขาย Swing trading ใช้ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อดึงออกมา ซึ่งหมายความว่าคุณได้รับประโยชน์จากการได้รับการสนับสนุนทางเทคนิคด้วยการดูว่าตลาดกำลังทำอะไรและจะทำการซื้อขายเมื่อใด

    แม้ว่าอาจต้องใช้เวลาพอสมควรในการหาเวลาที่ดีที่สุดในการเคลื่อนไหว แต่การซื้อขาย Swing trading ไม่จำเป็นต้องให้คุณติดอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคุณตลอดไป ระหว่างตัวชี้วัดทางเทคนิคและลักษณะโดยรวมของสกุลเงินที่ผันผวน หากคุณพลาดจุดเข้าหรือออก จุดอื่นจะมา

    การซื้อขาย Swing trading ยังให้ผลกำไรเฉลี่ย 2% ต่อการซื้อขาย 2% อาจดูเหมือนไม่มาก แต่มากกว่าเดย์เทรดเดอร์ทั่วไป

    ข้อเสียของการซื้อขาย Swing trading

    กลยุทธ์การซื้อขาย Forex swing trading นั้นต้องการความรู้ด้านเทคนิคในปริมาณที่พอเหมาะหรืออย่างน้อยก็ความสามารถในการเรียนรู้อย่างรวดเร็วเพื่ออ่านการวิเคราะห์และแผนภูมิอย่างถูกต้อง คุณต้องสามารถระบุช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบเหล่านั้นเพื่อเสนอราคาสำหรับจุดเข้าและออก และในการซื้อขาย swing trading

    การใช้เทคนิคการซื้อขาย  forex swing trading ใดๆ ยังหมายความว่าคุณต้องสามารถลงทุนเวลาไม่ใช่แค่เงินในบัญชี Forex ของคุณ เนื่องจากมีจุดเฉพาะที่คุณต้องเข้าและออกเพื่อให้สามารถทำกำไรได้ คุณต้องสามารถนั่งดูแดชบอร์ดการซื้อขายของคุณได้ ซึ่งมักจะหมายถึงการทำการซื้อขายด้วยตนเอง ดังนั้นการใช้เวลาในการระบุแนวโน้มจึงเป็นสิ่งจำเป็น ด้วยเหตุนี้ การจับตาดูแผนภูมิแท่งเทียนเหล่านั้นจะเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จของคุณ

    ความเสี่ยงในชั่วข้ามคืนเป็นข้อเสียเปรียบอีกประการหนึ่งของการซื้อขาย swing trading in Forex เนื่องจาก Forex เป็นตลาดที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง และคุณไม่สามารถดูแผนภูมิของคุณได้ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน จึงมีโอกาสมากที่จะพลาดจุดทางออกที่ดีที่สุดของคุณหากคุณไม่อยู่

    กลยุทธ์การซื้อขาย Forex swing trading ที่ดีที่สุดมีอะไรบ้าง?

    มีกลยุทธ์การซื้อขาย Forex swing trading ที่แตกต่างกันสองสามแบบ ดังนั้นมันจึงขึ้นอยู่กับประเภทของนักเทรดที่คุณควรตัดสินใจได้ดีที่สุดว่ากลยุทธ์การซื้อขาย swing trading ที่ดีที่สุดคืออะไร ไม่ว่ากลยุทธ์ที่เลือกจะเป็นอย่างไรก็ตาม พวกเขามักจะติดตามแนวโน้มหรือแลกเปลี่ยนกับแนวโน้ม

    Trend Trading

    การซื้อขายตามเทรนด์มักถูกมองว่าเป็นกลยุทธ์การซื้อขาย swing trading ที่ดีที่สุดสำหรับ Forex ด้วยการซื้อขายประเภทนี้แนวโน้มที่จะมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าราคาขึ้นและลงเหมือนเป็นขั้นเป็นตอนมากกว่าแบบเชิงเส้นมากกว่า

    เทคนิคนี้ดูเหมือนว่าจะใช้ประโยชน์จากเส้นแนวโน้มขาขึ้น นี่หมายถึงการมองหาจุดที่สมบูรณ์แบบซึ่งตลาดเปลี่ยนจากจุดต่ำสุดและเริ่มต้นและแนวโน้มการเติบโตโดยรวมที่สูงขึ้น สัญญาณบอกเล่าที่ใหญ่ที่สุดที่แนวโน้มนี้ได้เริ่มต้นขึ้นคือจุดต่ำสุดต่ำสุดของแท่งเทียนแต่ละแท่งเริ่มมีมูลค่าสูงขึ้นและสูงขึ้น

    กำไรมักจะมีค่ามากกว่าการสูญเสียด้วยเทคนิคการซื้อขาย swing trading ดังนั้นในห้าเทคนิคหลักในการซื้อขาย swing trading จึงถือว่า “ปลอดภัยที่สุด”

    การซื้อขายตามเทรนด์

    การซื้อขายตามเทรนด์ตรงกันข้ามกับกลยุทธ์แรกที่เรากล่าวถึง สำหรับเทคนิคนี้ คุณพยายามสังเกตแนวโน้มที่กลับเป็นขาลงและกลับตัวลงหรือทรุดตัวลงแทนที่จะขึ้นไปด้านบน

    กลยุทธ์การซื้อขายฟอเร็กซ์นี้ยากกว่าคู่กันเล็กน้อย เนื่องจากคุณต้องมีวินัยมากขึ้นและง่ายกว่ามากที่จะพลาดสัญญาณที่เหมาะสมและพลาดจุดเข้าหรือออกเพื่อทำกำไร

    กลยุทธ์ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่

    กลยุทธ์ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่คือกลยุทธ์การซื้อขายแบบ swing ของ Forex ที่เกี่ยวข้องกับการดูช่วงเวลาเฉลี่ยและการเคลื่อนไหวภายในนั้น เทคนิคนี้ใช้ทักษะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในการดึงออก เนื่องจาก Forex เป็นตลาดที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันในหนึ่งสัปดาห์ ดังนั้น คุณจำเป็นต้องมีกลยุทธ์ที่แตกต่างออกไปเพื่อใช้สวิงเทรดประเภทนี้

    • ช่วง 20/21: กลยุทธ์นี้มักจะเป็นที่นิยมมากที่สุดของกลยุทธ์เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ การเคลื่อนไหวในช่วงเวลาประเภทนี้มักจะแม่นยำกว่าในการแสดงเส้นแนวโน้มที่ชัดเจน
    • 50 ช่วงเวลา: ถือเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมเนื่องจากเป็นหนึ่งในการใช้งานที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่ผู้ค้า นี้มักจะถือว่าเป็นสื่อกลางความสุขระหว่างแนวโน้มระยะยาวหรือระยะสั้น
    • 100 ระยะเวลา: นี่เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่ผู้ค้า Forex ชื่นชอบ เนื่องจากมักใช้ตัวเลขกลม นี้เข้ากันได้ดีสำหรับผู้ที่แกว่งการค้าจากการถือรายสัปดาห์หรือรายเดือน
    • ระยะเวลา 200/250: นี่เป็นกลยุทธ์ระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ที่ถือครองรายวันมากกว่าการถือครองระยะยาว เนื่องจากจะแสดงปีของการเคลื่อนไหวของราคาเพื่อให้สามารถแสดงรอบที่แตกต่างกันได้ดีขึ้น

    กลยุทธ์วง Bollinger

    กลยุทธ์ Bollinger band คือเมื่อคุณใช้ตัวบ่งชี้ที่แตกต่างกันสามตัวเพื่อค้นหาจุดเปลี่ยนโดยรวมเมื่อทำการซื้อขาย จุดเปลี่ยนทั้งสามนี้สร้างค่าเฉลี่ยในลักษณะที่คล้ายกับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ สำหรับผู้ที่ใช้ชีวิตอย่างหนักในโลกแห่งการวิเคราะห์ สามารถดูได้เหมือนกับการวัดค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน

    หากจุดราคาอยู่เหนือแถบ แสดงว่ามีการซื้อมากเกินไป และหากอยู่ต่ำกว่าระดับ แสดงว่ามีการขายมากเกินไป กลยุทธ์นี้เหมือนกับกลยุทธ์อื่นๆ คือการค้นหาจุดที่สมบูรณ์แบบระหว่างการซื้อและขาย และกำหนดเวลาที่เหมาะสมในการทำกำไร

    การตัดสินใจทั้งหมดเกิดขึ้นจากการที่จุดเหล่านั้นขยับขึ้นหรือลงแถบ ดังนั้นกลยุทธ์นี้จึงต้องใช้ทักษะและกลยุทธ์เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยจึงจะสามารถใช้งานได้สำเร็จเมื่อเทียบกับเทคนิคการซื้อขาย Forex แบบวงสวิงอื่น ๆ

    กลยุทธ์ที่หลากหลาย

    กลยุทธ์ที่ใช้งานได้หลากหลายถือเป็นกลยุทธ์สำหรับมือใหม่และค่อนข้างง่ายต่อการนำไปใช้ในชุดเครื่องมือโดยรวมของเทคนิคใดก็ตามที่คุณต้องการใช้ แต่แน่นอนว่าต้องเจาะลึกลงไปในการซื้อขายแบบ swing มากกว่าเทคนิคการซื้อขายแบบ swing อื่น ๆ

    กลยุทธ์การซื้อขายประเภทนี้หมายความว่าคุณจะใช้การผสมผสานของตัวอย่างการซื้อขายแบบ swing ด้านบนและแบบอื่นๆ ที่เป็นไปได้เพื่อรองรับการซื้อขายของคุณในแต่ละวัน เพื่อให้เหมาะสมกับสิ่งที่ตลาดทำเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของสกุลเงินได้อย่างเต็มที่

    ซึ่งหมายความว่าคุณมีข้อผูกมัดเพียงเล็กน้อยว่าจะใช้ swing trading ประเภทใดตลอดเวลา และคุณจะได้ทดลองกับกลยุทธ์การซื้อและระงับที่ดีที่สุด

    Swing Trading เป็นมิตรกับผู้เริ่มต้นหรือไม่?

    เทคนิคการซื้อขาย Forex swing trading มักจัดว่าเป็นมิตรสำหรับผู้เริ่มต้นหรือผู้ที่มีประสบการณ์การซื้อขายปานกลาง นอกจากจะเป็นมิตรกับผู้เริ่มต้นแล้ว ยังเป็นมิตรกับผู้ที่มีชีวิตกึ่งยุ่งมากกว่านอก Forex ซึ่งหมายความว่าผู้ที่ทำงานในวันนั้นหรือทำกิจกรรมอื่น ๆ เพียงแค่ต้องมีเวลาเพียงพอในการลงทุนเพื่อให้สามารถตามตลาดได้และสามารถรักษาตำแหน่งไว้ได้นานพอที่จะออกจากตลาดได้อย่างเหมาะสม

    แม้ว่าคุณจะต้องมีเวลาในการค้นหาจุดเข้าและออกที่สมบูรณ์แบบ แต่เวลาพักระดับกลางที่มักจะจบลงด้วยสเปรดในช่วงสองสามวันถึงสองสัปดาห์ช่วยให้เทรดเดอร์มือใหม่ใช้เวลาในการดูตลาดและ แนวโน้ม

    ด้วยกลยุทธ์โดยรวมที่เหมาะสม การซื้อขายแบบ swing จึงค่อนข้างง่ายทั้งการเรียนรู้และนำไปใช้ในพอร์ตการลงทุน

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    Leverage ในการซื้อขายคืออะไร?

    กันยายน 26, 2022

    Leverage ในการซื้อขายคืออะไร?

     

    Leverage เป็นหนึ่งในแนวคิดที่สำคัญที่สุดที่ต้องทำความเข้าใจเมื่อทำการซื้อขายในตลาดการเงิน เช่น ฟอเร็กซ์, CFD หุ้น, CFD คริปโต และดัชนี

    เป็นเหตุผลที่เทรดเดอร์สามารถได้รับความเสี่ยงอย่างเต็มที่จากการค้าขาย และอาจเห็นผลตอบแทนที่มากขึ้นหรือขาดทุนมากขึ้น แม้จะไม่มีทุนเต็มจำนวน ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณต้องการเมื่อทำการซื้อขายหุ้นหรือพันธบัตรแบบเดิมๆ

    ในอีกทางหนึ่ง เลเวอเรจทำให้การซื้อขายสามารถเข้าถึงได้มากขึ้นโดยให้ผู้ค้าทำการค้ามากกว่าที่พวกเขามี สิ่งนี้เกิดขึ้นในลักษณะเดียวกับการซื้อบ้านโดยการกู้ยืมจากธนาคาร หากคุณสามารถฝากเงินเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่ารวมได้ ธนาคารจะรับผิดชอบส่วนต่างให้ เมื่อนำไปใช้กับการซื้อขาย คุณจะต้องเพิ่มส่วนหนึ่งของจำนวนการซื้อขายทั้งหมดกับนายหน้าของคุณครอบคลุมส่วนที่เหลือ

    ก่อนที่เราจะเจาะลึกลงไป เรามาทำความเข้าใจคำจำกัดความพื้นฐานของแนวคิดเรื่อง ‘เลเวอเรจ’ ในการซื้อขายกันก่อน

    เลเวอเรจในการซื้อขายคืออะไร?

    Leverage เป็นอัตราส่วนที่แสดงถึงระดับความเสี่ยงที่คุณต้องทำการซื้อขาย การใช้เลเวอเรจหมายความว่าคุณสามารถควบคุม การซื้อขายที่มีมูลค่าสูงกว่ามาร์จิ้นที่คุณถืออยู่

    เลเวอเรจทำงานอย่างไร

    สมมติว่าผู้ค้ามีเงิน 1,000 ดอลลาร์ในบัญชี แต่รู้สึกว่าไม่เพียงพอสำหรับการซื้อขาย พวกเขาอาจเลือกใช้เลเวอเรจที่นายหน้าจัดหาให้ หากพวกเขาเลือกใช้เลเวอเรจ 10:1 ศักยภาพในการลงทุนของพวกเขาจะกลายเป็น 10,000 ดอลลาร์ (1,000 X 10) โบรกเกอร์จะใช้เงินจำนวนหนึ่งเป็นมาร์จิ้น ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามเครื่องมือทางการเงินต่างๆ และให้ยืมส่วนที่เหลือเพื่อให้คุณเปิดโพซิชั่นได้

    ประโยชน์ของเลเวอเรจคือช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเข้าและควบคุมเงินทุนที่มากขึ้นโดยใช้มาร์จิ้นเพียงเล็กน้อย สิ่งนี้ดึงดูดเทรดเดอร์จำนวนมาก แต่สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าการซื้อขายมาร์จิ้นและเลเวอเรจอาจเป็นดาบสองคม เนื่องจากสามารถขยายทั้งการชนะและการขาดทุน

    Leverage หมายถึง ความสามารถในการเทรดหรือการเทรดปริมาณมากโดยไม่ใช้เงินของตัวเองเลเวอเรจทำให้ผู้ใช้มีโอกาสรับความเสี่ยงจากตลาด ซึ่งจะเพิ่มจำนวนเงินที่มีอยู่จริงในบัญชีเพื่อเป้าหมายในการเพิ่มผลกำไร ค่า Leverage ที่สูงและสามารถเทรดได้อย่างง่ายดายสำหรับค่า Leverage จะทำให้คุณใช้เงินลงทุนที่น้อย แต่ได้กำไรสูง เพราะเปิด Lot ที่ใหญ่ขึ้นLeverage ที่พบมากๆจะประกอบไปด้วย

    ค่า Leverage 1:1

    ค่า Leverage 1:2

    ค่า Leverage 1:100

    ค่า Leverage 1:200

    ค่า Leverage 1:1000

    ค่า Leverage 1:2000 (เช่นที่ exness.com)

    คุณมีเงินทุน $1,000 เลือก Leverage 1:1 คุณจะมีอำนาจซื้อขายสูงถึง $1,000

    คุณมีเงินทุน $1,000 เลือก Leverage 1:1,000 คุณจะมีอำนาจซื้อขายสูงถึง $1,000,000

    คุณมีเงินทุน $1,000 เลือก Leverage 1:2,000 คุณจะมีอำนาจซื้อขายสูงถึง $2,000,000
    เทรดเดอร์ Forex มือใหม่ เลือก Leverage เท่าไหร่
    ตัวอย่างการเลือก Leverage (เลเวอเรจ) ต่ำ

    ทุน 1,000$ Leverage 1:10 ทำให้คุณซื้อขายได้สูงสุด 0.1 Lot เมื่อคุณซื้อขายแบบสูงมากที่สุดหรือเกิดอารมณ์ Overtrade มากที่สุด คุณก็ยังจะซื้อขายได้มากที่สุดเพียงแค่ 0.1 Lot และถ้าหากว่าราคาเคลื่อนที่ไป 1pip เมื่อคุณเปิดออร์เดอร์ขนาด 0.1 Lot จะเป็นจำนวนเงิน 1$ ต่อการเคลื่อนที่ 1 pip ถ้าหากราคาเคลื่อนที่สวนทางไป 1,000 pip จะเป็นเงิน 1,000$ คุณจะล้างพอร์ตไปในทันทีที่ราคาเคลื่อนที่ผิดทางไป 1,000pip

    ตัวอย่างการเลือก Leverage (เลเวอเรจ) สูง

    ทุน 1,000$ Leverage 1:3,000 ซื้อขายได้สูงสุด 30 Lot เมื่อคุณซื้อขายแบบสูงมากที่สุดหรือเกิดอารมณ์ Overtrade มากที่สุด คุณจะซื้อขายได้มากที่สุด 30 Lot (ถือว่าเยอะมากสำหรับทุน 1,000$) และถ้าหากว่าราคาเคลื่อนที่ไป 1 pip เมื่อคุณเปิดออร์เดอร์ขนาด 30 Lot จะเป็นจำนวนเงิน 300$ ต่อการเคลื่อนที่ 1 pip ถ้าหากราคาเคลื่อนที่สวนทางไป 3pip จะเป็นเงิน 900$ คุณจะล้างพอร์ตไปในทันทีที่ราคาเคลื่อนที่ผิดทางไป 3 pip ยังไม่ถึง pip ที่ 4 ด้วยซ้ำ

    อัตราส่วนเลเวอเรจคืออะไร?

    อัตราส่วนเลเวอเรจจะวัดความเสี่ยงทั้งหมดของคุณเมื่อเทียบกับมาร์จิ้นของคุณ ตัวอย่างเช่น หากคุณเปิดการซื้อขายที่มีมูลค่า $10,000 ด้วยเงินทุนที่มีอยู่ $1,000 แสดงว่าคุณกำลังใช้เลเวอ  เรจ 10:1

    เลเวอเรจ 10:1

    มาร์จิ้นในการซื้อขายคืออะไร?

    มาร์จิ้นคือจำนวนเงินที่คุณต้องมีในบัญชีซื้อขายของคุณเพื่อเปิดการซื้อขาย เพื่อรักษาสถานะที่เปิดไว้ คุณต้องรักษามาร์จิ้นให้เพียงพอในบัญชีของคุณเสมอ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อขายมาร์จิ้นและทบทวนตัวอย่างด้านล่าง

    ตัวอย่างที่ 1: การคำนวณมาร์จิ้น

    คุณมีเงิน AU$10,000 ในบัญชีซื้อขายของคุณ ด้วยมาร์จิ้น 1% คุณจะสามารถเปิดสถานะเป็นมูลค่ารวม $1,000,000 [$10,000 ÷ 0.01 = $1,000,000]

    สมมติว่าคุณต้องการซื้อ AU$500,000 (เทียบเท่ากับ 5 สัญญามาตรฐาน) เทียบกับ USD ที่อัตราแลกเปลี่ยน 0.800 ข้อกำหนดมาร์จิ้นเริ่มต้นของคุณจะเท่ากับ AU$5,000:

    มาร์จิ้นเริ่มต้น: 5 ล็อต x [ขนาดสัญญา x 0.01] = $5,000

    หากค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับ USD ที่ 0.7950 Variation Margin ของคุณ (ขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง) จะเท่ากับ 2,500 ดอลลาร์สหรัฐ (AU$3,145) จากนั้น คุณสามารถคำนวณความต้องการมาร์จิ้นรวมของคุณได้ง่ายๆ โดยการเพิ่มมาร์จิ้นเริ่มต้นและมาร์จิ้นผันแปร:

    มาร์จิ้นทั้งหมด: AU$5,000 + AU$3,145 = AU$8,145

    หากต้องการแปลงเป็นอัตราส่วนมาร์จิ้น ให้แบ่งส่วนของบัญชีตามข้อกำหนดหลักประกัน:

    อัตราส่วนมาร์จิ้น: [AU$10,000 – AU$3,145] ÷ AU$5,000 = 137%

    ตัวอย่างเลเวอเรจในตลาดฟอเร็กซ์

    สมมติว่าคุณมี $1000USD ในบัญชีซื้อขายของคุณ คุณระบุโอกาสในการซื้อขายใน EUR/USD และต้องการซื้อที่ราคาตลาดปัจจุบัน (1.20) คุณวาง stop loss ที่ 1.1970 (ต่ำกว่าราคาตลาด 30 pip) และตั้งคำสั่ง take profit ที่ 1.21 (100 pip สูงกว่าราคาตลาด) สิ่งนี้ให้อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่มั่นคงที่ 1:3.33

    สูงสุดที่คุณต้องการเสี่ยงต่อการซื้อขายคือ 3% ของยอดเงินในบัญชีของคุณ – ซึ่งในกรณีนี้คือ €30 Stop Loss ของคุณมีมูลค่า 30 pip และด้วยการซื้อขาย 0.10 Lot (มูลค่า 10,000 ดอลลาร์) คุณจะต้องเสี่ยง 1 ดอลลาร์ต่อ pip อย่างแน่นอน

    คุณไม่สามารถเปิดการซื้อขายนี้ด้วยเงินเพียง $1,000 ในบัญชีของคุณ อย่างไรก็ตาม สมมติว่าคุณมีเลเวอเรจ 50:1 ในบัญชีของคุณ หลักประกันที่จะถูกหักจากบัญชีของคุณในกรณีนี้คือ 232 USD เท่านั้น

    ข้อดีของการซื้อขายแบบเลเวอเรจคืออะไร?

    ข้อดีหลักสองประการของการซื้อขายแบบเลเวอเรจคือ:

    • เพิ่มผลกำไรของคุณ (แต่ยังสามารถขยายการสูญเสีย) การใช้เลเวอเรจสามารถเพิ่มผลกำไรในการเทรดที่ประสบความสำเร็จได้
    • ปลดทุน. เนื่องจากคุณจำเป็นต้องจองยอดคงเหลือที่มีอยู่เพียงเล็กน้อยสำหรับสถานะใดสถานะหนึ่ง คุณจึงสามารถใช้มาร์จิ้นที่เหลือที่เหลือสำหรับการซื้อขายอื่นๆ ได้ หากไม่มีเลเวอเรจ คุณอาจไม่มีโอกาสนี้

    อะไรคือข้อเสียของการซื้อขายแบบเลเวอเรจ?

    • การสูญเสียครั้งใหญ่ – เลเวอเรจสามารถเพิ่มผลกำไรของคุณ แต่ยังเพิ่มการสูญเสียของคุณอีกด้วย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องใช้เลเวอเรจอย่างระมัดระวังและพิจารณาถึงข้อเสียที่อาจเกิดขึ้นหากการค้าผิดพลาด
    • Margin call – หากคุณมีเงินในบัญชีไม่เพียงพอสำหรับการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น การซื้อขายของคุณอาจถูกวางลงใน “Margin Call” หากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น นายหน้าของคุณสามารถปิดสถานะของคุณเพื่อลดความเสี่ยงสำหรับทั้งสองฝ่าย

    ฉันจะทำอย่างไรเพื่อลดความเสี่ยงเมื่อทำการซื้อขายด้วยเลเวอเรจ?

    1. มีแผนการจัดการความเสี่ยงที่ดี เช่น กำหนด % สูงสุดของยอดคงเหลือในบัญชีของคุณที่คุณต้องการเสี่ยงต่อการซื้อขาย

    2. ใช้คำสั่งหยุดการขาดทุนเพื่อควบคุมจำนวนเงินสูงสุดที่คุณสามารถสูญเสียต่อการซื้อขาย อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่าไม่รับประกันคำสั่งหยุดการขาดทุน และในช่วงเวลาที่มีสภาพคล่องต่ำ คุณอาจประสบกับ Slippage บ้าง

    3. ควบคุมอารมณ์ของคุณโดยใช้แผนการซื้อขายและ จัดทำบันทึก การซื้อขาย เลเวอเรจสามารถดึงดูดนักเทรดได้ เนื่องจากช่วยให้พวกเขาควบคุมขนาดตำแหน่งที่ใหญ่เมื่อเทียบกับยอดคงเหลือที่มีอยู่

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    ประโยชน์หลัก 17 ข้อของการซื้อขายฟอเร็กซ์คืออะไร?

    กันยายน 26, 2022

    การซื้อขายฟอเร็กซ์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและการเพิ่มขึ้นของแพลตฟอร์มที่เข้าถึงได้ทางมือถือทำให้การแลกเปลี่ยนสกุลเงินออนไลน์ง่ายขึ้นกว่าที่เคยจากทุกที่ในโลก

    และผู้ค้า forex อยู่ในธุรกิจการซื้อขายสกุลเงิน!

    เป็นกระบวนการที่ยากซึ่งต้องใช้ความอดทนและกลยุทธ์มากมาย ในปี 2022 จะมีโอกาสมากขึ้นสำหรับผู้ค้า เนื่องจากพวกเขาจะสามารถใช้กลยุทธ์การซื้อขาย forex ที่มีประสิทธิภาพ การซื้อขาย forex แบบ algorithmic และปัญญาประดิษฐ์ เช่นที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการซื้อขายของพวกเขาต่อไป

    ผู้ค้า forex ที่ดีที่สุดจะใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อให้ประสบความสำเร็จ รวมถึงกลยุทธ์การซื้อขายที่ผ่านการทดสอบตามเวลา ข้อมูลแบบเรียลไทม์ในตลาด ตลอดจนการพัฒนาใหม่จากนักลงทุน forex ที่ประสบความสำเร็จรายอื่นๆ

    มีประโยชน์มากมายในการซื้อขายฟอเร็กซ์ แต่ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจก่อนว่าการซื้อขาย forex คืออะไร

    การซื้อขายแลกเปลี่ยนคืออะไร?

    สำหรับผู้ที่อยู่ในกลุ่มนั้นที่ไม่รู้ว่าการซื้อขาย forex คืออะไร นี่คือการทบทวนอย่างรวดเร็ว

    Forex หรือ ‘FX’ ย่อมาจากคำว่า exchange และเป็นที่ที่การซื้อขายสกุลเงินเกิดขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกและสามารถเข้าถึงได้อย่างไม่น่าเชื่อ โดยผู้ค้ามีความสามารถในการซื้อขายจากทุกที่ทุกเวลา

    การซื้อขาย Forex ในรูปแบบพื้นฐานที่สุดคือการซื้อและขายสกุลเงินเพื่อทำกำไร ผู้ค้า forex จะเก็งกำไรในคู่สกุลเงินไม่ว่าจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงในมูลค่า การตัดสินใจนี้กำหนดว่าพวกเขาจะซื้อหรือขายคู่นี้

    แม้ว่าการซื้อขายฟอเร็กซ์อาจมีความเสี่ยงและคาดเดาไม่ได้แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้นักลงทุนบางคนสนใจ ความคาดเดาไม่ได้หรือความผันผวนในการซื้อขายคือสิ่งที่สร้างโอกาส และโอกาสในการซื้อขายฟอเร็กซ์อาจส่งผลให้เกิดผลกำไรหรือขาดทุนขึ้นอยู่กับด้านการค้าที่คุณอยู่

    17 ประโยชน์หลักของการซื้อขายForex

    รายการผลประโยชน์และข้อดีของการซื้อขายForex 

    1. ตลาด 24 ชม.

    ที่ตลาดหลักทรัพย์ส่วนใหญ่เปิดทำการตั้งแต่เวลา 9.00 น. – 16.00 น. (ขึ้นอยู่กับประเทศที่พวกเขาดำเนินการ) เวลาทำการของตลาด Forex จะต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มต้นสัปดาห์ในเช้าวันจันทร์ในนิวซีแลนด์จนถึงปิดในบ่ายวันศุกร์ตามเวลานิวยอร์ก นั่นหมายความว่าคุณสามารถซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ ทำให้คุณมีโอกาสในการซื้อขายมากขึ้น

    2. การศึกษาฟรีเพื่อเป็นผู้ค้า FX ที่ประสบความสำเร็จ

    การเทรด Forex นั้นเรียนรู้ได้ง่ายแต่ยากที่จะเชี่ยวชาญ ดังนั้นนี่คือเหตุผลที่หลายคนเรียกการเทรดว่าเป็น ‘การเดินทาง’ ที่ FTT เราต้องการมอบเนื้อหาการศึกษาที่ดีที่สุดแก่ผู้ค้าของเราทั้งหมดเพื่อเริ่มต้นเส้นทางการซื้อขายบนเส้นทางที่ถูกต้อง

     

    Forex eBook กราฟิก

    3. รูปแบบการซื้อขายทั้งหมดได้ผล

    ด้วยความสามารถในการทำกำไรจากการซื้อและขายระยะสั้น คุณสามารถประสบความสำเร็จโดยใช้รูปแบบการซื้อขาย Forex ที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่น มีกลยุทธ์การซื้อขาย Forex จำนวนหนึ่ง ที่อนุญาตให้ผู้ค้าใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์พื้นฐานเพื่อดำเนินการซื้อขายอย่างมั่นใจในขณะที่ปฏิบัติตามแนวทางการจัดการความเสี่ยงอย่างละเอียด

    รูปแบบการซื้อขายที่คุณตั้งใจจะใช้นั้นขึ้นอยู่กับระยะเวลาและความพยายามที่คุณมีเพื่ออุทิศให้กับการซื้อขายForex เช่นเดียวกับเป้าหมายสุดท้ายของคุณ แต่มีรูปแบบการซื้อขายมากมายให้ทดลองใช้: กลยุทธ์การเคลื่อนไหวของราคา การซื้อขายรายวัน การซื้อขายหนังศีรษะ การซื้อขายแบบสวิง และอีกมากมาย

    4. ค่าใช้จ่ายในการซื้อขายต่ำโดยไม่มีค่าคอมมิชชั่น

    เพื่อให้ง่ายขึ้น โบรกเกอร์ forex มักจะดูแลค่าธรรมเนียมใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขาย ซึ่งหมายความว่าคุณไม่ต้องชำระเงินสำหรับสิ่งต่าง ๆ เช่น การโอน การฝาก การถอน หรือค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยน

    ที่ FTT ผู้ใช้บัญชีมาตรฐานไม่มีค่าคอมมิชชั่นในขณะที่ผู้ใช้บัญชีมืออาชีพจะถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมคอมมิชชั่นเล็กน้อย มีข้อยกเว้นบางประการ ขึ้นอยู่กับประเภทของผลิตภัณฑ์ที่คุณกำลังซื้อขายและระยะเวลาที่คุณเปิดการซื้อขาย แต่โดยรวมแล้ว ค่าใช้จ่ายในการซื้อขายมักจะต่ำและโปร่งใสสูง

    5. ช่วงของเครื่องมือการบริหารความเสี่ยง

    การลงทุนในตลาดการเงินมีความเสี่ยงอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นฟอเร็กซ์ สินค้าโภคภัณฑ์ หุ้น หรือตลาดการเงินอื่นๆ เทคนิคการจัดการความเสี่ยง forex ที่ เหมาะสมเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ค้า forex ที่ต้องการประสบความสำเร็จในระยะยาว

    องค์ประกอบการจัดการความเสี่ยงที่สำคัญบางอย่างที่คุณสามารถใช้ได้เมื่อทำการซื้อขายฟอเร็กซ์ ได้แก่:

    • บัญชีซื้อขายทดลอง
    • การตั้งค่าคำสั่งหยุดและจำกัด
    • ตั้งเตือนราคา
    • ใช้รูปแบบการซื้อขายที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงของคุณ
    • อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่ปรับได้

    6. เลเวอเรจ

    ความสามารถในการใช้เลเวอเรจ ในตลาดนี้เป็นหนึ่งในผลประโยชน์ที่น่าดึงดูดที่สุดของการซื้อขายฟอเร็กซ์ เนื่องจากช่วยให้คุณสามารถเปิดสถานะการค้าขนาดใหญ่ด้วยเงินลงทุนเริ่มแรกเพียงเล็กน้อย

    จำนวนเลเวอเรจที่มีอยู่นั้นแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่าคุณกำลังซื้อขายอยู่ที่ใดในโลก แต่ลองใช้เลเวอเรจ 10:1 เป็นตัวอย่าง

    หากนักเทรดฟอเร็กซ์เลือกอัตราส่วนเลเวอเรจที่ 10:1 หมายความว่าทุก ๆ 1 ดอลลาร์ของเงินทุนในบัญชี พวกเขาสามารถซื้อขายได้สูงถึง 10 ดอลลาร์

    ประโยชน์ของการใช้เลเวอเรจคือศักยภาพในการเพิ่มผลกำไรของคุณ แต่การทำงานกลับตรงกันข้ามเช่นกัน ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสีย ดังนั้น เมื่อใช้เลเวอเรจ คุณต้องพิจารณาระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมเสมอ

    ตัวอย่างเลเวอเรจ

    7. กำไรจากการ ‘ยาว’ หรือ ‘สั้น’

    ในตลาดอื่น ๆ เป็นเรื่องปกติที่CFDsจะใช้สำหรับการเปิดสถานะซื้อและขายในตราสาร ในโลกของฟอเร็กซ์ มันเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ เนื่องจากคุณมักจะขายสกุลเงินหนึ่งเพื่อซื้ออีกสกุลเงินหนึ่งเสมอ

    ตัวอย่างเช่น คู่สกุลเงินจะแสดงด้วยสกุลเงินหลักเป็นคู่แรกและสกุลเงินอ้างอิงเป็นคู่ที่สองเสมอ นี่จะหมายความว่าคู่ AUD/USD กำหนดราคาตามหน่วยของ AUD ที่มีมูลค่าเป็น USD

    หากเราคิดว่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เราจะซื้อคู่นี้ (ระยะยาว) หากเราคิดว่าสิ่งที่ตรงกันข้ามกำลังจะเกิดขึ้น และเงินดอลลาร์ออสเตรเลียจะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เราจะขายคู่นี้ (ขายสั้น)

    8. ตลาดที่มีสภาพคล่องสูง

    สภาพคล่องเป็นคำทั่วไปที่ใช้อธิบายสินทรัพย์ที่สามารถซื้อได้ในตลาดโดยไม่กระทบต่อราคาโดยรวมของสินทรัพย์นั้น ฟอเร็กซ์ถือว่ามีสภาพคล่องสูงเพราะตลาดฟอเร็กซ์มีขนาดใหญ่มากและมีผู้คนจำนวนมากที่ซื้อขายกันจนยากที่จะควบคุมราคาได้อย่างไม่น่าเชื่อ แม้กระทั่งโดยผู้ที่ซื้อขายในปริมาณที่สูงมาก ดังนั้นสภาพคล่องจึงมีความสำคัญเนื่องจากทำให้ราคาค่อนข้างคงที่

    9. เริ่มต้นด้วยเงินเพียง $100

    คุณไม่จำเป็นต้องมีเงินจำนวนมากเพื่อเริ่มซื้อขาย forex เนื่องจากตลาดฟอเร็กซ์เป็นตลาดการเงินที่เข้าถึงได้มากที่สุดในโลก การเริ่มต้นเส้นทางการซื้อขายของคุณด้วยเงินเพียง 100 ดอลลาร์จึงเป็นตัวเลือกที่แน่นอน เมื่อคุณเริ่มซื้อขาย คุณต้องพิจารณาสิ่งที่คุณหวังว่าจะได้รับจากการเทรด และพิจารณาระดับความเสี่ยงที่คุณจะต้องรับ

    ผู้คนจำนวนมากมองว่าการซื้อขายเป็นวิธีเสริมรายได้ที่มีอยู่ อันที่จริง ผู้ค้าส่วนใหญ่เริ่มต้นด้วยการซื้อขายในเวลาว่างเพื่อหารายได้พิเศษจากการทำงานประจำวัน การซื้อขายด้วยวิธีนี้ช่วยให้คุณปรับตัวเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณ แทนที่จะทำให้เป็นศูนย์กลางของโลกของคุณ

    10. เริ่มต้นด้วยขนาดการค้าขนาดเล็ก

    ใน forex เมื่อคุณต้องการเปิดการซื้อขาย คุณต้องเลือกขนาดการซื้อขายซึ่งเรียกว่า ‘ล็อต’ ขนาดการค้าของคุณจะถูกกำหนดโดยจำนวนล็อตที่คุณจะซื้อหรือขายในการซื้อขาย ล็อตคำนวณโดยใช้สกุลเงินในบัญชีของคุณ และขนาดล็อตรวมถึง:

    • ล็อตมาตรฐาน = 100,000 หน่วยของสกุลเงิน
    • มินิล็อต = 10,000 หน่วยของสกุลเงิน
    • ไมโครล็อต = 1,000 หน่วยของสกุลเงิน

    ‘ไมโครล็อต’ คือขนาดล็อตที่แนะนำสำหรับผู้เริ่มต้น หากบัญชีของคุณได้รับเงินจากดอลลาร์สหรัฐ ก็จะเท่ากับ 1,000 ดอลลาร์ของสกุลเงินหลักที่คุณต้องการซื้อขาย เมื่อทำการซื้อขายคู่สกุลเงินดอลลาร์ มูลค่า 1 pip จะเท่ากับ 10 เซ็นต์ ทำให้ผู้ค้า forex รายใหม่สามารถจัดการความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น

    11. ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค

    ความสามารถในการอ่านและทำความเข้าใจแผนภูมิ forexและใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะมีประโยชน์อย่างยิ่งในการซื้อขายสกุลเงิน 

    ผู้ซื้อและผู้ขายสกุลเงินในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจะกำหนดอัตราของตราสาร FX แบบเรียลไทม์ ในขณะที่ธนาคารกลางยังคงรักษาเสถียรภาพและความผันผวนของสกุลเงิน

    ไม่มีใครสามารถทำนายการเคลื่อนไหวของตลาดได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ด้วยการเรียนรู้ตัวชี้วัดทางเทคนิคที่พบบ่อยที่สุดเช่น ระดับแนวรับและแนวต้าน และFibonacci retracementคุณสามารถระบุตำแหน่งที่คู่สกุลเงินต่ำและสูง และทำการคาดการณ์เพิ่มเติมเกี่ยวกับตลาดในอนาคต แนวโน้ม

     

    แผนภูมิตัวบ่งชี้ทางเทคนิคฟีโบนักชี

    12. แพลตฟอร์มการซื้อขายฟอเร็กซ์ฟรี

    เมื่อคุณสร้างบัญชีซื้อขายจริงกับ FTT คุณจะสามารถเข้าถึง MetaTrader 4 (MT4) ได้ฟรี แพลตฟอร์มการซื้อขายระดับโลกนี้ไม่เพียงแต่ให้คุณเข้าถึงคู่สกุลเงินกว่า 70 คู่เท่านั้น แต่ยังเข้าถึงCFD หุ้นดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ (เช่น น้ำมันและโลหะมีค่า)

    13. ฝึกฝนโดยไม่มีความเสี่ยงด้วยบัญชีทดลอง

    ก่อนที่จะเข้าสู่โลกแห่งความจริง คุณควรทำความเข้าใจกับประสบการณ์การซื้อขายแบบ ‘ลงมือปฏิบัติ’ โดยใช้เงินทุนเสมือนจริงในบัญชีทดลอง

    เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงที่ดี บัญชีทดลองฟรีช่วยให้ผู้ค้าสามารถลองใช้กลยุทธ์และรูปแบบการซื้อขายที่แตกต่างกันโดยไม่ต้องใช้เงินทุนจริงใดๆ

    เคล็ดลับ: ลงทะเบียนสำหรับบัญชีซื้อขายทดลองและเริ่มต้นด้วยเงินเสมือน $50,000

    14. ตลาด Forex ไม่มีความสัมพันธ์กับหุ้น

    ตลาดฟอเร็กซ์ไม่มีความสัมพันธ์โดยตรงกับตลาดหุ้น หมายความว่าหากตลาดหุ้นตกต่ำครั้งใหญ่ ก็ไม่ได้หมายความว่าคู่สกุลเงินที่คุณกำลังซื้อขายจะลดลงเช่นกัน

    ไม่ได้หมายความว่าไม่มีการเชื่อมต่อ ในอดีตเคยมีเหตุการณ์ที่ดัชนีหุ้นติดลบและคู่สกุลเงินได้ติดตาม เช่น USD/JPY และ Nikkei เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันในช่วงเริ่มต้นของภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกในปี 2550

    กราฟความสัมพันธ์ Nikkei และ USDJPY

    15. เทรดฟอเร็กซ์ได้จากทุกที่ในโลก

    ทุกวันนี้ คุณไม่จำเป็นต้องติดอยู่ที่โต๊ะทำงานเพื่อดูแผนภูมิหกหน้าจอเพื่อให้เข้าใจตลาดได้ดี เทคโนโลยีทำให้การซื้อขายเป็นเรื่องง่ายและพกพาสะดวก

    16. ช่องว่างข้ามคืนน้อยกว่าตลาดหุ้น

    ‘ช่องว่าง’ ในการซื้อขายหมายถึงการหยุดพักระหว่างชั่วโมงตลาดซื้อขายเมื่อราคาแตกต่างจากราคาของเซสชั่นก่อนหน้า หากราคาเปิดใหม่สูงกว่าราคาของเซสชันที่แล้ว จะเรียกว่า ‘ช่องว่าง’ ในขณะที่หากต่ำกว่าจะเรียกว่า ‘ช่องว่าง’

    เนื่องจากตลาดฟอเร็กซ์ทำงานอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมงในช่วงสัปดาห์ทำงาน มีช่องว่างเพียงช่องเดียว: ระหว่างการปิดตลาดในวันศุกร์และการเปิดในวันจันทร์ถัดไป สิ่งนี้นำเสนอกลยุทธ์การซื้อขายที่ค่อนข้างตรงไปตรงมาและน่าสนใจที่จะใช้โดยการซื้อขายช่องว่างช่วงสุดสัปดาห์ในคู่สกุลเงิน forex

    17. ไม่มีการแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์

    ตลาด forex ทั่วโลกไม่ได้ถูกควบคุมโดยการแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ แต่จะทำงานเกือบตลอดเวลาตามวัฏจักรดวงอาทิตย์ โดยแบ่งออกเป็นสามภูมิภาคหลัก: ออสตราเลเซีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ การดำเนินการซื้อขายอย่างต่อเนื่องระหว่างศูนย์กลางทางการเงินเหล่านี้ทำให้ผู้ค้าทั่วโลกมีโอกาสที่จะจับการค้าในตลาดที่กระจายอำนาจในเขตเวลาที่แตกต่างกัน

    ตัวอย่างเช่น หากคุณอาศัยอยู่ในเอเชีย คุณยังคงสามารถซื้อขายได้ระหว่างโซนเวลายุโรปหรืออเมริกาเหนือ หากคุณต้องการบันทึกการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ยูโร หรือปอนด์อังกฤษ เมื่อตลาดเหล่านั้นอยู่ในภาวะคับคั่งที่สุด

    หน่วยงานกำกับดูแลครอบคลุมเขตอำนาจศาลทั่วโลกที่โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์มีความโดดเด่นมากที่สุด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้แน่ใจว่ามีการปฏิบัติที่ยุติธรรมและมีจริยธรรมที่ดำเนินการโดยธุรกิจการค้า หน่วยงานกำกับดูแลที่สำคัญที่สุดบางแห่ง ได้แก่ Financial Conduct Authority (UK), Monetary Authority of Singapore (SG) และ Australian Securities and Investment Commission (AUS)

    ความเสี่ยงของการซื้อขายฟอเร็กซ์คืออะไร?

    อย่างที่คุณเห็น มีเหตุผลมากมายว่าทำไมการเป็นเทรดเดอร์ forex ที่ไม่เป็นทางการหรือมีประสบการณ์จึงสามารถทำกำไรได้ แต่ในแง่บวก ย่อมมีแง่ลบอยู่เสมอ ดังนั้นนี่คือความเสี่ยงทั่วไปบางประการที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขาย FX

    • การใช้เลเวอเรจในปริมาณที่มากขึ้นหมายถึงความเสี่ยงสูง – แม้ว่าเราจะกล่าวว่าเลเวอเรจเป็นหนึ่งในผลประโยชน์หลักของการเทรดฟอเร็กซ์ คุณก็ต้องตระหนักว่าความเสี่ยงก็เช่นกัน ผู้ค้า Forex จำเป็นต้องมีความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับอารมณ์ของพวกเขา ความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับเลเวอเรจ และการจัดสรรเงินทุนที่มั่นคงเพื่อให้สามารถตัดการขาดทุนในระยะสั้นได้หากการค้าไม่เป็นไปตามที่ต้องการ
    • กระบวนการกำหนดราคาตลาดเป็นเรื่องยาก – อัตราแลกเปลี่ยนของคู่สกุลเงินได้รับอิทธิพลจากองค์ประกอบต่างๆ เช่น การเมืองทั่วโลก ธนาคารกลาง หรือปัจจัยทางเศรษฐกิจ ซึ่งหมายความว่าอาจเป็นเรื่องยากที่จะสรุปผลที่มีความหมาย เนื่องจากวิธีการเทรดฟอเร็กซ์จำนวนมากนั้นขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและพื้นฐาน การตีความข้อมูลอย่างไม่ถูกต้องและการอ่านกราฟที่ไม่ถูกต้องอาจหมายถึงการจบลงด้วยการเทรดติดลบ
    • ความผันผวนสูง – ตลาดฟอเร็กซ์ที่มีความผันผวนสูงสามารถถูกมองว่าเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการทำเงิน แต่ยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นที่จะสูญเสียโดยไม่มีการควบคุมการพัฒนาด้านภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจมหภาค ตลาด 24/5 FX ทำให้ยากต่อความผันผวนและราคา และนี่คือเหตุผลว่าทำไมการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม เช่น การหยุดการขาดทุนสำหรับการเทรด forex ทั้งหมดเป็นสิ่งสำคัญ

    ข้อดีของการซื้อขายฟอเร็กซ์เหนือหุ้นคืออะไร?

    มีความคล้ายคลึงกันบางอย่างระหว่าง forex และตลาดหุ้น แต่ยังมีข้อดีที่ชัดเจนบางอย่างที่ตลาด forex มี

    • สภาพคล่องและปริมาณการซื้อขาย
    • โดยทั่วไปลดต้นทุนการทำธุรกรรม
    • ความผันผวนที่มากขึ้น
    • เวลาทำการของตลาด Forex นั้นดีกว่าเมื่อเทียบกับชั่วโมงที่จำกัดของตลาดหุ้น
    • ติดตามง่ายกว่าด้วยคู่สกุลเงินหลักน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับหุ้นที่มีอยู่นับพัน

    forex ดีสำหรับผู้เริ่มต้นหรือไม่?

    สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ ฟอเร็กซ์อาจเป็นตลาดที่ยอดเยี่ยมในการเริ่มต้น เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วจะมีต้นทุนที่ต่ำกว่า มีแหล่งการศึกษาฟรีมากมาย และความสามารถในการฝึกฝนโดยใช้บัญชีทดลอง ผู้ค้ารายใหม่ควรใช้ความระมัดระวังและให้แน่ใจว่าได้ทำการวิจัยและมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเพียงพอเกี่ยวกับตลาดฟอเร็กซ์ก่อนที่จะเริ่มซื้อขาย

    ตลาดสกุลเงินทั่วโลกมีความโดดเด่นในด้านขนาด ความสามารถในการเข้าถึง และโอกาสที่สามารถนำเสนอได้ การสละเวลาสักครู่เพื่อดูว่ามันทำงานอย่างไรและข้อดีที่ใหญ่ที่สุดของการซื้อขายฟอเร็กซ์ คุณจะค้นพบว่าทำไมตลาดระดับโลกแห่งนี้จึงเป็นที่นิยมในหมู่ผู้คนทั่วโลก

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________

     

    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    จิตวิทยาการซื้อขายคืออะไรและเหตุใดจึงสำคัญ

    กันยายน 26, 2022

    การมีกลยุทธ์ที่ถูกต้องจะมีความหมายเพียงเล็กน้อยหากผู้ค้าไม่จับคู่กับจิตวิทยาการซื้อขายที่ดี จำเป็นต้องควบคุมอารมณ์ของตนเอง และถือเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดสำหรับเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ

    เทรดเดอร์จะต้องเข้าหาการค้าขายในฐานะธุรกิจ และการเข้ามามีส่วนร่วมทางอารมณ์อาจส่งผลเสียต่อความสำเร็จของธุรกิจ นี่คือเหตุผลที่การทำความเข้าใจและนำแนวคิดการซื้อขายที่ถูกต้องมาใช้ในภายหลังจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ทุกคน

    ในบทความนี้ เราจะพูดถึงว่าจิตวิทยาการซื้อขายคืออะไร การพัฒนาจิตใจในการซื้อขายที่แข็งแกร่งมีความสำคัญเพียงใด และวิธีหลีกเลี่ยงความตกต่ำของการซื้อขายทางอารมณ์

    จิตวิทยาการซื้อขายคืออะไร?

    จิตวิทยาการเทรดอธิบายว่าเทรดเดอร์จัดการกับการทำกำไรและการขาดทุนอย่างไร แสดงถึงความสามารถในการจัดการกับความเสี่ยงและไม่เบี่ยงเบนไปจากแผนการซื้อขายของพวกเขา แง่มุมทางอารมณ์ของการลงทุนจะพยายามกำหนดทุกธุรกรรมของคุณ และความสามารถในการจัดการอารมณ์ของคุณก็เป็นส่วนหนึ่งของจิตวิทยาการซื้อขายของคุณ

    เป็นไปไม่ได้ที่จะขจัดอารมณ์ในการซื้อขาย แต่สิ่งนี้ไม่ควรเป็นเป้าหมายตั้งแต่แรก ในทางกลับกัน เทรดเดอร์ควรเข้าใจว่าอคติหรืออารมณ์บางอย่างส่งผลต่อการซื้อขายของพวกเขาอย่างไร และใช้ข้อมูลนี้เพื่อประโยชน์ของตน นักเทรดแต่ละคนมีความแตกต่างกัน และไม่มีกฎเกณฑ์ง่ายๆ ที่ทุกคนควรปฏิบัติตาม

    พื้นฐานของจิตวิทยาการซื้อขาย

    ความกลัวและความโลภเป็นอารมณ์ที่ทรงพลังที่สามารถครอบงำกระบวนการคิดของเทรดเดอร์ตลอดอาชีพการค้าขาย เป้าหมายคือการเรียนรู้วิธีควบคุมอารมณ์เหล่านี้และพัฒนาความคิดที่ชนะ

    เทรดเดอร์สามารถใช้เทคนิคต่างๆ เพื่อสร้างจิตวิทยาการเทรดที่แข็งแกร่งและรักษาระเบียบวินัย นอกจากการอ่านหนังสือโดยนักจิตวิทยาการซื้อขายและนักลงทุนผู้เชี่ยวชาญแล้ว คุณยังสามารถสร้างแผนการซื้อขายได้อีกด้วย การพัฒนาแผนการซื้อขายจะช่วยให้คุณยึดติดกับกิจวัตรที่มั่นคงและหลีกเลี่ยงช่องว่างของสมาธิและการหลีกเลี่ยงการสูญเสีย

    เมื่อเริ่มทำการค้า อารมณ์จะอาละวาดได้อย่างแน่นอน หากราคาของสินทรัพย์เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เทรดเดอร์อาจเริ่มกลัวว่าจะพลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่และเป็นอารมณ์ที่มักจะปรากฏขึ้นบ่อยๆ อารมณ์อื่นๆ ที่ต้องจัดการคือ ความโลภ ความกลัวที่จะสูญเสียเงิน และความแข็งแกร่งทางจิตใจที่จะเอาชนะความผิดพลาดที่เคยทำมา สุดท้ายแต่ไม่ ท้ายสุด หนึ่งในแง่มุมที่สำคัญยิ่งของการพัฒนาจิตใจในการเทรดคือการเรียนรู้วิธีจัดการความเสี่ยง

    ผู้ค้าบางครั้งต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็ว แม้ว่าคุณจะทำตามแผนการซื้อขายของคุณ แต่ก็มีบางสถานการณ์ที่คุณต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การมีกลยุทธ์และการวางแผนการเทรดที่เหมาะสมจะช่วยคุณในการจัดการอารมณ์ และทำให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้ตัดสินใจอย่างรวดเร็วมากเกินไปซึ่งขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ของคุณ

    ความโลภเป็นอุปสรรคสำคัญอีกประการหนึ่งที่ผู้ค้าจำนวนมากต้องเอาชนะ วัตถุประสงค์ของการซื้อขายคือเพื่อสร้างผลกำไร หรืออีกนัยหนึ่งคือ เพื่อทำเงิน อย่างไรก็ตาม คุณต้องมีความคิดที่ถูกต้อง ตั้งเป้าหมายสำหรับตัวคุณเอง (เช่น เปอร์เซ็นต์ผลตอบแทนต่อเดือน) และดำเนินการไปให้ถึงเป้าหมายนั้น อย่าปล่อยให้ความโลภมาควบคุมการกระทำของคุณ

    วิธีที่ดีในการทำงานกับจิตวิทยาการซื้อขายของคุณคืออย่าหยุดค้นคว้า ตลาดมีวิวัฒนาการอยู่ตลอดเวลา และคุณอาจต้องปรับกลยุทธ์ของคุณเป็นครั้งคราว คุณอาจพบว่าคุณเปลี่ยนแปลงตัวเองในฐานะเทรดเดอร์ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมการจด  บันทึกการซื้อขายจึงเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้

    ความสำคัญของการพัฒนาจิตวิทยาการซื้อขาย

    อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับเทรดเดอร์ทุกคนคือความกลัวที่จะสูญเสียและทำผิดพลาด น่าเสียดายที่เมื่อทำการซื้อขาย ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเสี่ยงที่อาจส่งผลให้เกิดการสูญเสีย อารมณ์ของความกลัวจากการสูญเสียหรือที่เรียกว่าความเกลียดชังการสูญเสีย ในการเอาชนะสิ่งนี้ เทรดเดอร์จำเป็นต้องดำเนินกิจกรรมการซื้อขายในลักษณะเดียวกับการดำเนินธุรกิจ

    วิธีที่ดีคือการเน้นที่สถิติและการอ้างอิงข้อมูล ในขณะที่ป้องกันอารมณ์จากการตัดสินใจซื้อขายใดๆ ผู้ค้ามือใหม่ควรพิจารณาสร้างนิสัยนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นส่วนหนึ่งของจิตใจในการซื้อขายก่อนทำธุรกรรมครั้งแรก

    อีกวิธีหนึ่งในการพัฒนาทัศนคติในการซื้อขายที่ดีคือการสร้างกิจวัตร กิจวัตรนี้อาจรวมถึงวิธีการเริ่มต้นวันใหม่แบบไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า ตัวอย่างเช่น เทรดเดอร์อาจพิจารณาในขั้นต้นเพื่อติดตามข้อมูลที่เผยแพร่ขณะอยู่ในโหมดสลีป ซึ่งอาจตามมาด้วยการตรวจสอบตำแหน่งของคุณและประเมินการบริหารความเสี่ยงของคุณใหม่

    การปรับปรุงประสิทธิภาพการซื้อขายขึ้นอยู่กับวิธีการเรียนรู้ของคุณมากกว่าสิ่งที่คุณเรียนรู้ ดังนั้น สิ่งนี้ช่วยตอกย้ำความจำเป็นในการทำกิจวัตร เนื่องจากเป็นกุญแจสำคัญในการเรียนรู้และทำความเข้าใจวิธีการซื้อขายที่เหมาะสม

    ข้อผิดพลาดทางจิตวิทยาในการซื้อขายและผลกระทบที่อาจส่งผลเสียต่อผู้ค้า

    หนึ่งในข้อผิดพลาดในการซื้อขายที่พบบ่อยที่สุดที่ ทำโดยเทรดเดอร์มือใหม่คือการเข้าสู่ตำแหน่งตามความรู้สึกหรือสัญชาตญาณ โดยไม่ต้องมีกลยุทธ์เฉพาะ สิ่งนี้เกิดขึ้นจากการขาดข้อมูลและข้อมูลที่เหมาะสม ซึ่งส่งผลให้เกิดความกลัวว่าจะพลาดโอกาสทอง สิ่งนี้นำไปสู่ความกลัวที่จะสูญเสียเงินและดำรงตำแหน่งซึ่งทำให้การสูญเสียเกิดขึ้น

    ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เข้าสู่วงจรอุบาทว์นี้ นอกจากมีแผนการซื้อขายแล้ว เทรดเดอร์จะต้องรักษาวินัย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการซื้อขายแต่ละครั้งเป็นไปตามกฎหรือเป้าหมายที่กำหนดไว้ การซื้อขายโดยยึดตามความรู้สึกนึกคิดโดยไม่มีแผนการซื้อขายที่มีความเสี่ยงถือเป็นความผิดพลาด

    เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเหล่านี้ คุณต้องการพัฒนาระบบการจัดการความเสี่ยงซึ่งกำหนด:

    1. ระดับการหยุดขาดทุน
    2. เมื่อไหร่จะทำกำไร
    3. Trailing Stop Loss ใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้น
    4. ตัวบ่งชี้ที่ช่วยยืนยันระดับการหยุดการขาดทุนและระดับการทำกำไร

    เข้าสู่กรอบความคิดในการซื้อขายที่ประสบความสำเร็จ

    ความสามารถในการใช้ความคิดในการซื้อขายที่ประสบความสำเร็จนั้นไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อพัฒนากรอบความคิดในการซื้อขายที่แข็งแกร่ง ต้องใช้เวลาและความอดทนในระดับหนึ่งเพื่อเรียนรู้จากความสำเร็จและความผิดพลาด

    วิธีที่ดีที่จะช่วยคือฝึกซื้อขายด้วยบัญชีซื้อขายทดลอง ทั้งสองจะช่วยในการสร้างเสริมจิตใจการซื้อขายที่ดีในขณะที่ให้ผู้ค้าสามารถขัดเกลาทักษะและเทคนิคการซื้อขายของพวกเขา ที่สำคัญไม่เสี่ยง!

    การใช้เวลาในการซื้อขายในบัญชีทดลองเป็นระยะเวลาหนึ่ง จะช่วยให้ผู้ซื้อขายรายใหม่วัดการขึ้นและลงของการเคลื่อนไหวของราคา และอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในการซื้อขาย ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะช่วยสร้างความมั่นใจ 

    เช่นเดียวกับเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ อย่าปล่อยให้ความกลัวที่จะพลาดมาเป็นแรงผลักดันให้คุณเสียสมาธิจากกลยุทธ์การเทรด การมีวินัยเป็นแนวทางปฏิบัติทางจิตวิทยาที่สำคัญที่จะช่วยให้ผู้ค้าประสบความสำเร็จ

    วิธีหลีกเลี่ยงการซื้อขายทางอารมณ์

    มันไม่ได้เกี่ยวกับการกำจัดอารมณ์ของคุณ แต่เกี่ยวกับความเข้าใจและการควบคุมอารมณ์เหล่านั้น เพื่อให้บรรลุสิ่งนี้ เทรดเดอร์จะต้อง:

    1. มีแผนการซื้อขายที่มั่นคง

    คุณต้องมีแผนที่ชัดเจน – คุณจะใช้ระบบใด (ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์พื้นฐานหรือ  การวิเคราะห์ทางเทคนิค  หรือทั้งสองอย่างผสมกัน) ข้อดีและข้อเสียของมัน คุณจะระบุการค้าขายอย่างไร คุณจะจัดการอย่างไร

    สิ่งนี้จะต้องมาพร้อมกับวารสารการซื้อขาย ซึ่งคุณสามารถจดข้อสังเกตของคุณ ระบุจุดอ่อนของคุณ และสร้างจุดแข็งของคุณ ซึ่งสามารถช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดในการซื้อขายทั่วไปและกลายเป็นเทรดเดอร์ที่ทำกำไรได้ การข้ามจากกลยุทธ์ไปสู่กลยุทธ์จะไม่เป็นผลดีนักและการซื้อขายทางอารมณ์จะเข้ามาแทนที่

    2. เข้าใจความเสี่ยงของความอยากอาหาร

    เทรดเดอร์บางคนอาจสบายใจที่จะรับความเสี่ยงที่มากขึ้น และจัดการเพื่อให้ใจเย็นแม้ว่าพวกเขาจะเผชิญกับการขาดทุนที่ไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม หากคุณเพิ่งเริ่มต้นหรือโดยทั่วไปมีความเสี่ยงน้อยกว่า เรื่องนี้ก็ไม่น่าจะจบลงด้วยดี ก่อนอื่นคุณต้องระบุความเสี่ยงของคุณเองและวางแผนตามนั้น

    3. รู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุดพัก

    หากคุณรู้สึกเครียดและหมดแรง คุณมีแนวโน้มที่จะทำผิดพลาดหรือมีส่วนร่วมใน การซื้อขาย เพื่อแก้แค้น อาจเป็นความคิดที่ดีที่จะตั้งกฎสำหรับตัวคุณเองซึ่งจะกำหนดหลังจากจำนวนการเทรดที่ขาดทุนติดต่อกันที่คุณจะหยุดพักและหยุดการเทรดจนกว่าคุณจะได้ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น

    ท้ายที่สุด ไม่ใช่แค่การซื้อขายเท่านั้นที่อาจทำให้เกิดความเครียดและนำไปสู่การเสียสถิติได้ อาจมีปัจจัยภายนอกที่ส่งผลเสียต่อสภาพจิตใจของคุณ และอาจเป็นการดีกว่าที่จะหยุดพักจากการซื้อขายหากคุณกำลังเผชิญกับสถานการณ์ดังกล่าว

    เทรดเดอร์มองดูอารมณ์ที่โต๊ะทำงานของพวกเขา

    วิธีปรับปรุงจิตวิทยาการซื้อขายของคุณ

    ความสามารถในการพัฒนาและฝึกฝนจิตใจในการซื้อขายนั้นมีความสอดคล้องอย่างใกล้ชิดกับความสำเร็จ เนื่องจากช่วยให้ผู้ค้าสงบสติอารมณ์ในสภาพแวดล้อมของตลาดที่วุ่นวาย โดยการได้รับความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความเข้าใจผิดที่อาจเกิดขึ้น การตัดสินที่ดียิ่งขึ้นจะมีชัย 

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    วิธีอ่านแผนภูมิ forex: ประเภทของแผนภูมิ forex

    กันยายน 26, 2022

    กราฟราคาคืออะไร?

    แผนภูมิราคาเป็นภาพที่แสดงราคาของเครื่องมือเฉพาะในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นคู่สกุลเงินในการซื้อขาย forex ดัชนี หุ้น โลหะมีค่าหรือสินทรัพย์ทางการเงินอื่นๆ

    แผนภูมิราคาเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญที่สุดสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ในการเรียนรู้ พวกเขาต้องเข้าใจวิธีการทำงานเพื่อทำการวิเคราะห์ทางเทคนิคของตลาดที่พวกเขาต้องการจะซื้อขาย แผนภูมิจะแสดงช่วงเวลาที่กำหนดซึ่งกิจกรรมการซื้อขายเกิดขึ้นกับสินทรัพย์ – ที่ใดก็ได้ระหว่างหนึ่งนาทีถึงหนึ่งวันหรือเต็มสัปดาห์.

    แผนภูมิมีแกน x (แกนนอน) แสดงถึงมาตราส่วนเวลา ในขณะที่แกน y (แกนแนวตั้ง) แสดงถึงมาตราส่วนราคา ด้วยการรวมตัวชี้วัดทางเทคนิคและการวิเคราะห์แผนภูมิจากซ้ายไปขวา (ซึ่งการเปลี่ยนแปลงราคาล่าสุดจะแสดงที่ด้านขวาของแผนภูมิ) ผู้ค้าสามารถระบุรูปแบบและทำการประเมินความน่าจะเป็นที่สินทรัพย์จะเพิ่มขึ้นหรือลดลง

    แผนภูมิ forex คืออะไร?

    แผนภูมิ forex แสดงราคาที่เปลี่ยนแปลงของคู่สกุลเงินที่เลือกเมื่อเวลาผ่านไป เช่นเดียวกับแผนภูมิราคาอื่นๆ แกน x แสดงเวลาในขณะที่แกน y แทนราคา

    ภาพด้านล่างเป็นตัวอย่างของกราฟ forex ที่ใช้คู่สกุลเงิน EUD/USD

    กราฟฟอเร็กซ์คู่สกุลเงิน EUR/USD

    กรอบเวลาของแผนภูมิทำงานอย่างไร

    คุณสามารถเลือกกรอบเวลาของแผนภูมิเพื่อแสดงข้อมูลการซื้อขายในเครื่องมือทางการเงินที่คุณกำลังวิเคราะห์ได้ ตัวอย่างเช่น คู่สกุลเงินเฉพาะ

    แพลตฟอร์มการซื้อขายที่คุณใช้มักจะมีกรอบเวลาเริ่มต้นคือหนึ่งวัน แต่คุณสามารถเปลี่ยนแปลงได้เพื่อให้สะท้อนถึงระยะเวลาที่คุณต้องการ จากต่ำสุดหนึ่งนาทีถึงนานถึงหนึ่งเดือน

    ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องเปลี่ยนกรอบเวลาเป็นหนึ่งชั่วโมง แต่ละจุดบนแผนภูมิจะแสดงข้อมูลการซื้อขายของหนึ่งชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นบนแผนภูมิแท่ง กราฟเส้น หรือแท่งเทียน

    แผนภูมิ forex ประเภทต่างๆ

    มีแผนภูมิหลายประเภทที่ใช้ในการวิเคราะห์ forex และการวิเคราะห์ทางเทคนิคประเภทใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ทางการเงิน ขึ้นอยู่กับรูปแบบการซื้อขายหรือประเภทของการวิเคราะห์ แผนภูมิหนึ่งอาจให้บริการคุณได้ดีกว่าแผนภูมิอื่น

    แผนภูมิ forex ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด 3 ประเภท ได้แก่:

    1. แผนภูมิเส้น
    2. แผนภูมิแท่ง
    3. แผนภูมิแท่งเทียน

    1.แผนภูมิเส้น

    แผนภูมิเส้นใน MetaTrader 4

    แผนภูมิเส้นเป็นประเภทแผนภูมิที่ง่ายที่สุดในการอ่าน พวกเขาแสดงราคาปิดสำหรับช่วงเวลาที่กำหนด โดยทั่วไปจะแสดงด้วยเส้นโค้งต่อเนื่องที่เชื่อมต่อจุดที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของราคาในช่วงเวลาหนึ่ง

    แผนภูมิเส้นให้มุมมองที่ชัดเจนและเรียบง่ายของสถานการณ์ตลาดในปัจจุบัน และทำงานได้ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการภาพรวมอย่างรวดเร็วว่าตลาดกำลังมุ่งหน้าไปที่ใด แผนภูมิประเภทนี้เหมาะสำหรับผู้ค้ารายใหม่ที่ต้องการความเรียบง่ายและชัดเจน และยังสอนทักษะการอ่านแผนภูมิขั้นพื้นฐานซึ่งพวกเขาสามารถพัฒนาไปสู่ระดับที่สูงขึ้นได้ในภายหลังโดยใช้แผนภูมิแท่งเทียน

    เพื่อติดตามกลยุทธ์การซื้อขายอย่างใกล้ชิด ผู้ค้าที่มีประสบการณ์มักต้องการข้อมูลมากกว่าที่เสนอแผนภูมิเส้นแบบสแตนด์อโลน ต่างจากแผนภูมิแท่งเทียนซึ่งแสดงราคาเปิด ปิด ราคาสูงและต่ำรายวันของสินทรัพย์ แผนภูมิเส้นเสนอเฉพาะจุดราคาปิด ซึ่งกลยุทธ์จำนวนมากจะต้องการข้อมูลมากกว่านั้น

    ข้อดี  ข้อเสีย
    ความเรียบง่าย

    เข้าใจง่ายแม้สำหรับผู้เริ่มต้น

    ไม่แสดงช่องว่าง

    ตัวอย่างจะเป็นช่องว่างราคาระหว่างราคาปิดของวันศุกร์และราคาเปิดของวันจันทร์
    เหมาะสำหรับการวิเคราะห์กราฟิก

    การแสดงระดับแนวรับและแนวต้านอย่างตรงไปตรงมา และง่ายต่อการกำหนดรูปแบบ

    ไม่ให้ข้อมูลครบถ้วน

    เมื่อเทียบกับแผนภูมิอื่น ๆ จะไม่แสดงรายละเอียดอื่น ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างวัน

    2.แผนภูมิแท่ง

    แผนภูมิแท่งใน MetaTrader 4

    แผนภูมิแท่ง (หรือที่เรียกว่าแผนภูมิ OHLC) เป็นเวอร์ชันอัปเกรดของแผนภูมิเส้น โดยให้ข้อมูลเกี่ยวกับราคา ‘เปิด’ ‘สูงต่ำ’ และ ‘ปิด’ – จึงเป็นตัวย่อ

    โดยทั่วไปจะแสดงด้วยเส้นแนวตั้งที่มีเส้นแนวนอนสองเส้นทางซ้ายและขวา เส้นแนวนอนสองเส้นแสดงถึงราคาเปิดและราคาปิด ในขณะที่ด้านบนและด้านล่างของเส้นแนวตั้งระบุราคาสูงสุดและราคาต่ำสุดที่ไปถึงในช่วงเวลาที่กำหนด แผนภูมิแท่งสามารถใช้เพื่อแสดงช่วงเวลาใดก็ได้ ตั้งแต่ไม่กี่วินาทีจนถึงหนึ่งสัปดาห์หรือนานกว่านั้น

    เนื่องจากแต่ละแถบแสดงช่วงเวลา กรอบเวลาที่แตกต่างกันจะเป็นประโยชน์สำหรับนักลงทุนที่มีกลยุทธ์และเป้าหมายที่หลากหลาย นักลงทุนระยะยาวอาจพบว่าการใช้กรอบเวลาหนึ่งสัปดาห์มีประโยชน์มากกว่า ในขณะที่ผู้ค้ารายวันจะใช้กรอบเวลาที่สั้นกว่ามาก เช่น 30 วินาที หนึ่งนาที หรือห้านาที

    แผนภาพแผนภูมิแท่งแสดงค่าสูง ต่ำ เปิดและปิดบนแถบสีเขียวและสีแดง

    ข้อดี  ข้อเสีย
    ครอบคลุม

    ให้มุมมองที่ยอดเยี่ยมของราคาเปิด สูง ต่ำ และปิด

    ช่วงครอบงำภาพ

    ระดับเปิด/ปิดของแต่ละแท่งจะสังเกตเห็นได้ยากขึ้นเมื่อแผนภูมิเต็มไปด้วยแท่ง

    ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มและรูปแบบ

    สามารถสังเกตการหดตัวและการขยายตัวของช่วงราคาในช่วงแนวโน้มในช่วงเวลาที่กำหนด 

     

    3.แผนภูมิแท่งเทียน

    แผนภูมิแท่งเทียนใน MetaTrader 4

    แผนภูมิแท่งเทียนเป็นหนึ่งในประเภทแผนภูมิที่ผู้ค้านิยมใช้มากที่สุด ที่มาของแผนภูมิแท่งเทียน (บางครั้งเรียกว่าแท่งเทียนญี่ปุ่น) มีขึ้นตั้งแต่สมัยพ่อค้าข้าวญี่ปุ่นในสมัยศตวรรษที่ 18 ซึ่งได้จัดทำแผนภูมินี้ขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์ในการวิเคราะห์ตลาดข้าว

    เชิงเทียนประกอบด้วยสองส่วนที่เรียกว่าร่างกายและเงา ด้านบนและด้านล่างของร่างกายบอกเราถึงราคาเปิดและปิดในช่วงเวลาที่กำหนด ด้านบนและด้านล่างของเงาบอกเราว่าราคาสูงสุดและต่ำสุดที่ไปถึงในช่วงเวลาที่กำหนด

    แผนภูมิแท่งเทียนแสดงร่างกายและไส้ตะเกียง และราคาสูงสุด ราคาต่ำสุด เปิดและปิด

    ด้านบนและด้านล่างของแท่งเทียนสะท้อนราคาเปิดและปิดในช่วงเวลาที่กำหนด 

    โดยปกติ หากราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด ตัวเทียนจะเป็นสีแดงหรือสีดำ หากราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด ตัวจะเป็นสีเขียวหรือสีขาว 

    ในกรณีนี้ แท่งเทียนสีดำบอกเราว่าราคากำลังลดลง ในขณะที่แท่งเทียนสีขาวบอกเราว่าราคากำลังเพิ่มขึ้น

    แม้ว่าสีแดงและสีเขียวหรือสีดำและสีขาวเป็นสีที่ใช้กันทั่วไปในการแสดงการเคลื่อนไหวของราคาขึ้นและลง แต่สีเหล่านี้สามารถปรับแต่งได้อย่างง่ายดาย

    ข้อดี  ข้อเสีย
    ครอบคลุม

    คล้ายกับแผนภูมิแท่ง มันให้มุมมองที่ยอดเยี่ยมของราคาเปิด สูง ต่ำ และปิดของราคา

    ล้นหลาม

    อาจดูเหมือนเป็นข้อมูลที่มากเกินไปสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่

    สามารถระบุแนวโน้มและเชื่อมโยงจิตวิทยากับรูปแบบราคาได้

    มีการอ้างอิงแบบเต็มด้านล่างของ 1 bar ถึง 4 par battens ซึ่งช่วยให้ผู้ค้าตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทางของราคาในอนาคต

    แผนภูมิที่ดีที่สุดสำหรับ forex คืออะไร?

    แผนภูมิ forex ที่ใช้บ่อยที่สุดคือแผนภูมิแท่งเทียน นักเทรดทุกคนมีความชอบของตัวเอง แต่การวิเคราะห์เชิงเทียนสามารถให้การอ่านที่ชัดเจนเกี่ยวกับความเชื่อมั่นของตลาดในปัจจุบัน

    ทำไมแท่งเทียนจึงมีประโยชน์?

    เมื่อเปรียบเทียบกับแผนภูมิเส้นและแท่งแท่งเทียนแล้ว แท่งเทียนจะเก็บข้อมูลได้มากที่สุดและแสดงภาพการเปลี่ยนแปลงของราคาที่กว้างที่สุดในกรอบเวลาที่กำหนด

    คุณสามารถบอกอารมณ์เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของราคาได้ เช่น “ไส้เทียน” ที่ยาวสามารถเผยให้เห็นแนวรับและแนวต้านที่แข็งแกร่ง หากสังเกตเป็นระยะเวลานานและสามารถแสดงการเคลื่อนไหวที่รุนแรงได้ภายในวันเดียว

    แนวรับและแนวต้านคืออะไร?

    ระดับแนวรับและแนวต้านเป็นพื้นที่ที่ราคาของคู่สกุลเงินมีแนวโน้มที่จะกลับตัวหรือทำให้เกิดการฝ่าวงล้อม

    ระดับแนวรับคือระดับที่แนวโน้มราคาขาลงของคู่สกุลเงินหยุดชั่วคราวเมื่อความต้องการซื้อเพิ่มขึ้น ดังนั้นแนวโน้มจะกลับด้านและกลับด้านขึ้น เหตุผลเดียวกันนี้ใช้กับระดับแนวต้านที่โมเมนตัมราคาขึ้นของคู่สกุลเงินอ่อนตัวลงและราคามีแนวโน้มที่จะกลับตัวและมุ่งหน้าลง ระดับแนวรับและแนวต้านสามารถให้โอกาสที่ยอดเยี่ยมแก่ผู้ค้าในการเปิดการซื้อขายใหม่

    แผนภาพแนวรับและแนวต้าน

    การใช้แผนภูมิมีประโยชน์อย่างไร

    การทำความคุ้นเคยกับแผนภูมิประเภทต่างๆ สามารถปรับปรุงการซื้อขายของคุณได้เนื่องจากให้ประโยชน์มากมาย ได้แก่:

    • ภาพประกอบการเคลื่อนไหวของราคาที่ช่วยระบุแนวโน้มและรูปแบบที่สำคัญ
    • ช่วยให้คุณระบุระดับการเข้าและออกที่อาจไม่ชัดเจนหากไม่มีแผนภูมิ
    • ความเชื่อมั่นของตลาดและจิตวิทยาของผู้ค้า – แสดงในการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรง – ถูกจับในรูปแบบแผนภูมิ
    • ความสามารถในการใช้ร่วมกับการวิเคราะห์พื้นฐานเพื่อยืนยันระดับการเข้าและออกของการค้า
    • การใช้ข้อมูลในอดีตเพื่อแสดงมุมมองของการเคลื่อนไหวของราคาในกรอบเวลาที่ต่างกัน

    กรอบเวลา forex หลักสำหรับแผนภูมิคืออะไร?

    ผู้ค้าใช้กรอบเวลาที่แตกต่างกันมากมายขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การซื้อขาย forex แม้ว่าในกรอบเวลาของตลาด forex สามารถแบ่งออกเป็นสามตัวเลือกทั่วไป: ระยะยาว ระยะกลาง และระยะสั้น มันขึ้นอยู่กับผู้ค้าที่จะเลือกกรอบเวลาที่ดีที่สุดสำหรับสิ่งที่พวกเขาพยายามจะบรรลุ

    ผู้ค้าบางคนชอบใช้เทคนิคที่เรียกว่าการวิเคราะห์กรอบเวลาหลาย ๆ แบบ: แทนที่จะเลือกกรอบเวลาเดียว พวกเขาจะดูคู่สกุลเงินภายใต้กรอบเวลาที่ต่างกัน โดยทั่วไป ผู้ค้าจะใช้กรอบเวลาที่ยาวขึ้นเพื่อระบุแนวโน้มระยะยาว ในขณะที่กรอบเวลาที่สั้นกว่าจะใช้เพื่อค้นหาการเข้าตราสารที่ดีขึ้น

    ดูตารางด้านล่างเพื่อดูรูปแบบการซื้อขายที่แตกต่างกันและวิธีที่เข้ากับกรอบเวลาที่เหมาะสมที่สุดบนแผนภูมิการซื้อขายแลกเปลี่ยน

    แผนภูมิ เดย์เทรดดิ้ง สวิงเทรดดิ้ง การซื้อขายตำแหน่ง
    แผนภูมิเทรนด์ 30m – 4h รายวัน รายสัปดาห์
    แผนภูมิทริกเกอร์ 5ม. – 60ม 2 ชม. – 4 ชม รายวัน

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    pip คืออะไรใน forex? ทำความเข้าใจ pips และ pipettes

    กันยายน 26, 2022

    หากคุณยังใหม่ต่อโลกของการซื้อขาย forex คุณอาจสงสัยว่า pip คืออะไร ย่อมาจาก “จุดเป็นเปอร์เซ็นต์” pip เป็นการเคลื่อนไหวที่เพิ่มขึ้นน้อยที่สุดที่คู่สกุลเงินสามารถทำได้

    ‘Pips’, ‘spread’ และ ‘pipettes’ เป็นคำศัพท์ทั่วไปของ forex ที่ผู้ค้า forex มือใหม่จำเป็นต้องเข้าใจ

    เราจะอธิบายวิธีการทำงานของ pip วิธีคำนวณ pip และความแตกต่างระหว่าง pip และ pip

    pip คืออะไรใน forex?

    pip คือหน่วยมาตรฐานที่วัดการเปลี่ยนแปลง (ทั้งกำไรและขาดทุน) ของคู่สกุลเงินในตลาดฟอเร็กซ์ เป็นการเพิ่มขึ้นที่น้อยที่สุดในมูลค่าของอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างคู่สกุลเงิน  

    pip หรือที่เรียกว่า “จุด” ในการซื้อขายสกุลเงิน มีมูลค่า 1/100 ของหนึ่งเซ็นต์ในการแลกเปลี่ยนส่วนใหญ่ ผู้ค้า Forex มักใช้ pip ในการคำนวณกำไรและขาดทุนเมื่อต้องรับมือกับธุรกรรมการซื้อขายแลกเปลี่ยน

    pip ย่อมาจากอะไร ?

    ‘Pip’ ย่อมาจาก ‘percentage in point’ หรือ ‘price interest point’ ภายในตลาด forex

    pips ทำงานอย่างไร

    pip วัดปริมาณการเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนของคู่สกุลเงิน โดยคำนวณโดยใช้ทศนิยมที่ 4 (ในคู่ JPY จะคำนวณโดยใช้ทศนิยมที่ 2)

    สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ pip ไม่ได้แสดงถึงมูลค่าเงินสดที่แท้จริง – ซึ่งขึ้นอยู่กับขนาดตำแหน่งของการค้า ซึ่งจะส่งผลต่อมูลค่าpip

    ตัวอย่าง pip ที่ใช้คู่สกุลเงินหลัก

    ในคู่สกุลเงิน EUR/USD การเคลื่อนไหวของ pip จาก 1.1080 เป็น 1.1081 เพิ่มขึ้น 1 pip

    ตัวอย่าง Pip โดยใช้ EUR/USD

    Pip คำนวณโดยใช้จุดทศนิยมที่ 4

    เทรดเดอร์ที่กำลังจะซื้อ EUR/USD จะได้รับกำไรหากเงินยูโรมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หากการค้าเข้าที่ 1.1081 และออกจากที่ 1.1126 พวกเขาจะทำ:

    1.1126 – 1.1081 = 45 pips

    อย่างไรก็ตาม หากการค้าเป็นไปในทางตรงกันข้าม เทรดเดอร์จะขาดทุน

    ตัวอย่าง pip ที่ใช้คู่เงินเยน Japanese

    ในคู่สกุลเงิน USD/JPY การเคลื่อนไหวของ pip จาก 10.44 เป็น 10.43 ลดลง 1 pip

    ตัวอย่าง Pip โดยใช้ USD/JPY

    Pip คำนวณโดยใช้จุดทศนิยมที่ 2 ในคู่เงินเยน Japanese

    เทรดเดอร์ที่กำลังจะซื้อ USD/JPY จะได้รับผลกำไรหากเงินดอลลาร์มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนของญี่ปุ่น หากการซื้อขายเข้าที่ 10.43 และออกจากที่ 10.96 พวกเขาจะทำ:

    10.96 – 10.43 = 53 pips

    หากตลาดไปในทางตรงข้าม เทรดเดอร์ก็จะขาดทุน

    pipettes ใน forex คืออะไร?

    pipettes เป็น pips ที่เป็นเศษส่วน มันคือ 1/10 ของ pip ซึ่งมักจะคำนวณโดยใช้ทศนิยมที่ 5 (ในคู่ JPY จะคำนวณโดยใช้ทศนิยมที่ 3)

    ตัวอย่าง pipettes ที่ใช้คู่สกุลเงินหลัก

    ในคู่สกุลเงิน EUR/USD การเคลื่อนไหวจาก 1.10811 เป็น 1.10812 เพิ่มขึ้น 1 ปิเปต

    ตัวอย่างปิเปตโดยใช้ EUR/USD

    ปิเปตคำนวณโดยใช้จุดทศนิยมที่ 5

    ตัวอย่าง pipettes ที่ใช้คู่สกุลเงินเยนญี่ปุ่น

    ในคู่สกุลเงิน USD/JPY การเคลื่อนไหวจาก 10.433 เป็น 10.432 ลดลง 1 ปิเปต

    ตัวอย่างปิเปตโดยใช้ USD/JPY

    ปิเปตคำนวณโดยใช้จุดทศนิยมที่ 3 ในคู่เงินเยน

    ค่า pip คืออะไร?

    ค่า pip ถูกกำหนดโดยคู่สกุลเงินที่ทำการซื้อขาย อัตราแลกเปลี่ยนของคู่เงิน และขนาดของการซื้อขาย

    ค่า pip มักจะถูกอ้างถึงเมื่ออ้างอิงประสิทธิภาพของตำแหน่งเพื่อกำหนดราคาให้กับการซื้อขายฟอเร็กซ์ ไม่ว่าจะเป็นการขาดทุนหรือกำไร

    วิธีการคำนวณมูลค่าของ pip?

    ในการคำนวณมูลค่าของ pip คุณต้องคูณหนึ่ง pip (0.0001) ด้วยล็อตหรือขนาดสัญญาก่อน ล็อตมาตรฐานคือ 100,000 หน่วยของสกุลเงินหลัก ในขณะที่มินิล็อตคือ 10,000 หน่วย

    การใช้ EUR/USD อีกครั้งเป็นตัวอย่าง การเคลื่อนไหวของ pip หนึ่งจุดโดยใช้ล็อตมาตรฐานจะเท่ากับ $10 (0.0001 x 100,000)

    มูลค่า Pip = 100,000 (ล็อตมาตรฐาน) x 0.0001 (หนึ่ง pip)

    มูลค่า Pip – $10

    ด้วยการเคลื่อนไหวของ pip แต่ละครั้งเพื่อการค้า สิ่งนี้แปลเป็นกำไร $10 ในขณะที่ทุกการเคลื่อนไหวของ pip ที่ขัดแย้งกับการค้าจะขาดทุน $10

    เคล็ดลับ: เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน มูลค่าของ pip จะแตกต่างกันไปตามคู่สกุลเงิน

    อะไรคือความแตกต่างระหว่าง pip และ pipettes ?

    pip เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ในตำแหน่งทศนิยมที่สี่ ในขณะที่ปิเปตใช้เพื่อวัดการเคลื่อนไหวในตำแหน่งทศนิยมที่ห้า pipettes คือ ‘เศษส่วน pip’ เนื่องจากมีค่าเท่ากับหนึ่งในสิบของ pip

    เมื่อดูความแตกต่างระหว่าง pip และ pip ​​ในคู่สกุลเงินที่เกี่ยวข้องกับเยนญี่ปุ่น pip นั้นเกี่ยวข้องกับจุดทศนิยมที่สอง และ pipettes เป็นจุดทศนิยมที่สาม

    เทรดเดอร์ forex ทำได้กี่ pip ต่อวัน?

    ไม่มีการกำหนดจำนวน pip ที่คุณสามารถสร้างได้ทุกวัน และจะขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ทางเทคนิค การวิเคราะห์พื้นฐานกลยุทธ์การซื้อขายฟอเร็กซ์ และท้ายที่สุด วิธีการที่ตลาดเคลื่อนไหว

    เทรดเดอร์ทุกคนต้องการให้ทุกวันมีกำไร แต่ในโลกแห่งความจริงที่ไม่มีอยู่จริง เนื่องจากการเทรดฟอเร็กซ์เป็นเกมที่มีความเสี่ยงสูงมาก ยึดมั่นในแผนการซื้อขายของคุณ ทดลองและสร้างสรรค์กลยุทธ์ใหม่ๆ และฝึกฝนเทคนิคการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    การใช้ AI ในการเทรด Forex คืออะไร?

    กันยายน 23, 2022

    การใช้ AI ในการเทรด Forex คืออะไร?

    เทรดฟอเร็กซ์

    ในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมา เทคโนโลยีก้าวหน้าเร็วกว่าที่เคย เนื่องจากความสามารถมหาศาลที่ปัญญาประดิษฐ์สามารถนำเสนอได้ จึงมีความสำคัญในภาคเทคโนโลยีมาช้านาน AI มีศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดอย่างแท้จริง เพราะสามารถพัฒนาให้รองรับได้แทบทุกอุตสาหกรรม

    การซื้อขาย Forex มีมานานแล้วและถูกมองว่าเป็นเจ้าพ่อของอุตสาหกรรมการค้า เช่นเดียวกับภาคส่วนอื่นๆ ทั่วโลก ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในการซื้อขายฟอเร็กซ์ไม่ได้ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

    แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณจับคู่ปัญญาประดิษฐ์กับโลกของการซื้อขายฟอเร็กซ์

    นักลงทุนหลายคนกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทำให้เกิดคำถามที่สำคัญเกี่ยวกับความเข้ากันได้ของ AI และการซื้อขายฟอเร็กซ์ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า คุณอาจจะได้ยินเรื่องนี้บ่อยขึ้น และ AI อาจถูกรวมเข้ากับการซื้อขายฟอเร็กซ์มากขึ้น

    หากคุณต้องการซื้อขายในอนาคต ความรู้เกี่ยวกับ AI อาจเป็นประโยชน์ อ่านต่อเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ AI และประโยชน์ที่จะได้รับจากการซื้อขายฟอเร็กซ์

    AI เปลี่ยนแปลงโลก Forex อย่างไร?

    AI เข้ากันได้กับการซื้อขายเนื่องจากกลยุทธ์การซื้อขายส่วนใหญ่ค่อนข้างเป็นระเบียบ ในการซื้อขายฟอเร็กซ์ คุณทำเงินโดยทำนายการเคลื่อนไหวของราคาในตลาด ดังนั้นยิ่งคุณทำนายตลาดได้ดีเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งมีกำไรมากขึ้นเท่านั้นในฐานะเทรดเดอร์

    ดังนั้น หากคุณกำลังจะทำกำไรอย่างสม่ำเสมอในตลาด คุณจะต้องมีกลยุทธ์หรือวิธีการทำนายตลาด สัญญาณเฉพาะจะบอกคุณว่าราคาจะขึ้นหรือลง ซึ่งหมายความว่าคุณกำลังปฏิบัติตามกฎชุดหนึ่งเพื่อบอกคุณว่าราคาจะเคลื่อนไหวอย่างไร

    ตัวอย่างเช่น หลังจากวิเคราะห์ตลาด คุณสามารถสรุปได้ว่าเมื่อราคาลดลงถึงจุดหนึ่ง ราคาจะดีดตัวขึ้นสู่ระดับที่สูงขึ้น ซึ่งจะแจ้งให้คุณเปิดตำแหน่งซื้อเมื่อราคาแตะจุดต่ำสุด

    งานของ AI คือการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดโดยผู้สร้าง เนื่องจากการซื้อขายขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์AI สามารถทำตาม algorithm เพื่อดำเนินการวิเคราะห์ตลาดนี้ได้

    AI ประเภทนี้สามารถวิเคราะห์ตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพและให้สัญญาณที่แม่นยำแก่ผู้ค้าว่าเมื่อใดควรเข้าและออกจากตลาด AI ยังสามารถใช้ข้อมูลในอดีตและการเคลื่อนไหวในอดีตจำนวนมากเพื่อปรับปรุงความน่าเชื่อถือของสัญญาณ

    ประโยชน์ของ AI ในการซื้อขาย

    เป้าหมายสูงสุดของการรวม AI และการซื้อขายคือการซื้อขายที่แม่นยำยิ่งขึ้นและความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้น AI ขจัดปัญหาความผิดพลาดของมนุษย์ในการซื้อขาย

    การค้าขายเป็นอาชีพที่อาจมีความเครียดมากมาย แต่ยิ่งไปกว่านั้น คุณสามารถใช้เวลามากมายในการดูข้อมูลจำนวนมาก มันง่ายที่จะทำผิดพลาดและทำให้ตัวเองสูญเสียโดยไม่จำเป็น

    เมื่อใช้ AI คุณไม่ต้องกังวลกับการทำผิดพลาดในการวิเคราะห์ในฐานะเทรดเดอร์ ระบบ AI นั้นค่อนข้างน่าเชื่อถือ และคุณควรเห็นการสูญเสียของคุณลดลง

    ด้วยการปรับปรุงเพิ่มเติมในการพัฒนา AI ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า คุณอาจเห็น algorithm AI ที่ชาญฉลาดอย่างไม่น่าเชื่อ AI ขั้นสูงสามารถระบุแนวโน้มที่แม้แต่ผู้ค้ามืออาชีพก็ยังพยายามหา บางที AI อาจเป็นอนาคตของการซื้อขายแลกเปลี่ยน?

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    เทคนิคเพิ่มความแม่นยำในการใช้เทรนไลน์(Trend line)

    กันยายน 23, 2022

    เทคนิคเพิ่มความแม่นยำในการใช้เทรนไลน์(Trend line)

    เทคนิคเพิ่มความแม่นยำให้การใช้ เทรนไลน์ Trend line
    Trend Line คือ เส้นที่แสดงทิศทางของกราฟราคาที่มีการเคลื่อนที่ไปในทิศทางต่างๆ ตามแนวโน้มที่เกิดขึ้นของราคาในแต่ละช่วงนั้นๆ หรือภาษาไทย ถ้าแปลแบบตรงตัวก็จะเรียกว่าเส้นแนวโน้มนั่นเอง
    ตัวเทรนด์ไลน์จะทำให้เราทราบถึงแนวโน้มของราคาที่จะเดินทางไปในอนาคต และสามารถนำเส้นแนวโน้มไปหาแนวต้าน, แนวรับ หรือหาทิศทางของราคาได้ หรือแม่กระทั่งคิดวิเคราะห์หาจุดเข้าทำการเทรดก็ได้
    เทรนด์หลักๆ จะมีอยู่ 3 รูปแบบ
    ✅ Up Trend
    ✅ Down Trend
    ✅Side Way
    การลากเส้น Trend Line ไม่มีกฏตายตัว
    และ ไม่มีใครลากเส้น Trend Line ผิด
    ??

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    NFP ใน Forex คืออะไร?

    กันยายน 23, 2022

    NFP ใน Forex คืออะไร?

    Non-Farm Payroll หรือ NFP เป็นการวัดมูลค่าทางเศรษฐกิจ นอกจากจำนวนงานที่เพิ่มเข้ามาแล้ว ยังรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนพนักงานของรัฐ ไม่รวมคนงานในฟาร์ม พนักงานบริการในครัวเรือนส่วนตัว และพนักงานขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไร บ่อยครั้ง นี่เป็น วันที่สำคัญที่สุด ของเดือนสำหรับตลาด Forex เทรดเดอร์ที่โชคไม่ดีอาจสูญเสียโชคลาภหากพวกเขาซื้อขายไม่ดีในวันนี้ ในขณะที่เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จอาจจบเดือนด้วยสีดำ

    การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นในตลาดฟอเร็กซ์อันเป็นผลมาจากการเปิดตัวครั้งนี้ แต่ NFP คืออะไรกันแน่? ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป เรามีคุณครอบคลุม!

    การจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP)

    การวัดการจ้างงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายงานรายเดือนที่แสดงให้เห็นว่ามีพนักงานกี่คนในบริษัทการผลิต การก่อสร้าง และสินค้าทั่วสหรัฐอเมริกา นอกจากจะเป็นตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจที่สำคัญแล้ว ยังระบุระดับรายได้อีกด้วย

    คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับองค์ประกอบ NFP เนื่องจากเป็นการประเมินจำนวนพนักงานเต็มเวลาและนอกเวลาในธุรกิจและภาครัฐ ตัวเลขเหล่านี้เผยแพร่ในวันศุกร์แรกของทุกเดือนและมีความผันผวนสูง มีนักวิเคราะห์จำนวนมากที่คาดการณ์ตัวเลข NFP ก่อนการเปิดตัว

    NFP ส่งผลต่อ Forex อย่างไร

    เนื่องจากมีการเผยแพร่ทุกเดือนข้อมูล NFP จึงเป็นเครื่องบ่งชี้ที่ดีถึงสถานะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ปฏิทินเศรษฐกิจจะแสดงเมื่อสำนักสถิติแรงงานจะเปิดเผยตัวเลขครั้งต่อไป

    Federal Reserve Bank ใช้การจ้างงานเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญ ในช่วงที่ว่างงานสูง นโยบายการเงินจะกระตุ้นด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำ ผลผลิตทางเศรษฐกิจและการจ้างงานเพิ่มขึ้นเมื่อนโยบายการเงินขยายตัว กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากการว่างงานสูงกว่าปกติ ผู้กำหนดนโยบายจะพยายามกระตุ้น อัตราดอกเบี้ยต่ำและความต้องการเงินดอลลาร์ที่ลดลงเป็นผลมาจากนโยบายการเงินที่กระตุ้น

    ความผันผวนที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันอาจส่งผลให้ผู้ค้าถูกหยุด ดังนั้นพวกเขาจึงต้องระวัง NFP สเปรดเพิ่มขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความผันผวน และสเปรดที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้เกิดการเรียกมาร์จิน

    คู่สกุลเงินใดได้รับผลกระทบ?

    NFP วัดระดับการจ้างงานในสหรัฐอเมริกา ดังนั้น คู่สกุลเงินทั้งหมดที่มีดอลลาร์สหรัฐ (EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD, AUD/USD, USD/CHF และอื่นๆ) มักจะได้รับผลกระทบมากที่สุด

    นอกจาก USD แล้ว คู่สกุลเงินอื่นๆ ยังแสดงความผันผวนที่เพิ่มขึ้นเมื่อมีการปล่อย NFP ผู้ค้าควรตระหนักถึงความเสี่ยงนี้เนื่องจากอาจถูกหยุด

    วันที่และเวลาที่วางจำหน่าย

    การคาดการณ์จะออกก่อนการประกาศการจ้างงานนอกภาคเกษตร โดยระบุจำนวนที่คาดหวัง เมื่อมีการเปิดเผยตัวเลขเงินเดือน ตลาดอาจสร้างความประหลาดใจและส่งผลกระทบต่อดอลลาร์สหรัฐ ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ และดัชนีตลาดหุ้นในเชิงลบหรือเชิงบวก

    โดยทั่วไปแล้วจะเผยแพร่ในวันศุกร์แรกของทุกเดือน เวลา 13:30 น. (เวลาสหราชอาณาจักร) หรือ 8:30 น. (EST) และให้การเปรียบเทียบ แบบเดือนต่อเดือนและแบบปีต่อปีแก่เทรดเดอร์ ตัวเลขรายเดือนเปรียบเทียบเดือนที่แล้วกับเดือนก่อนหน้า ในขณะที่ตัวเลขปีต่อปีเปรียบเทียบเดือนที่แล้วกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว

    วิธีอ่าน NFP

    ในช่วงเดือนก่อนหน้า NFP วัดจำนวนงานที่สร้างหรือสูญหายในเศรษฐกิจสหรัฐฯ ตัวอย่างเช่น -1000K หมายความว่างาน 100,000 ในธุรกิจนอกภาคเกษตรทั้งหมดหายไป

    เมื่อดู NFP รุ่นก่อนหน้า การตรวจสอบประวัติจะเป็นประโยชน์ วิเคราะห์แนวโน้มระยะยาวของตัวเลข NFP และพิจารณาว่าขึ้นหรือลง ตรวจสอบว่ารายงานล่าสุดอยู่ใกล้ระดับสูงสุดหรือต่ำสุดเป็นประวัติการณ์โดยการติดตามช่วง

    กลยุทธ์สำหรับการซื้อขายเงินเดือนนอกภาคเกษตร

    เนื่องจากนักลงทุนจำนวนมากเฝ้าดูการเปิดเผยข้อมูลนี้ ข้อมูลเงินเดือนอาจทำให้ตลาดการเงินเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะขึ้นหรือลง ขึ้นอยู่กับว่าตัวเลขจริงใกล้เคียงกับประมาณการที่ทำไว้ก่อนหน้าการเปิดเผยข้อมูลมากน้อยเพียงใด การซื้อขายด้วยการจ่ายเงินเดือนนอกภาคเกษตรสามารถทำได้หลายวิธี โดยกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจะทำให้การเคลื่อนไหวเริ่มต้นลดลงและซื้อขายตามแนวโน้ม

    คุณสามารถรอดูว่าตลาดจะตอบสนองอย่างไรหากมีข่าวออกมา เมื่อข้อมูลถูกเปิดเผยเป็นครั้งแรก มักจะมีปฏิกิริยาตอบสนองทันทีเพราะการเคลื่อนไหวของตลาดมีความผันผวน เป็นไปได้ที่จะต่อสู้กับสิ่งนี้โดย‘จาง’ การย้ายครั้งแรก

    นอกจากนี้ ผู้ค้าสามารถสันนิษฐานได้ว่าปฏิกิริยาเริ่มต้นนั้นแม่นยำ โดยทั่วไปตลาดจะเคลื่อนไหวหลังจากประกาศการจ้างงานนอกภาคเกษตร ดังนั้น นี่อาจบ่งชี้ถึงการเริ่มต้นของแนวโน้มสำหรับวันถัดไป

    เพื่อยืนยันแนวโน้มใหม่ เทรดเดอร์มักจะอ้างถึงการวัดประสิทธิภาพก่อนหน้า หากราคาทะลุระดับสูงสุดเมื่อวันก่อนก็มีแนวโน้มใหม่ ด้วยเหตุนี้ บางคนอาจเริ่มคาดหวังว่าตลาดจะขยับสูงขึ้นหากเป็นเรื่องจริง

    อีกวิธีหนึ่ง คุณสามารถแลกเปลี่ยนสองสามนาทีก่อนที่ตัวเลขจะออก หากมุมมองไม่ถูกต้อง การจัดการความเสี่ยงจะอนุญาตให้คุณปิดสถานะนั้นได้

    บทสรุป

    ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) เป็นตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจที่สำคัญสำหรับเศรษฐกิจสหรัฐฯ แสดงถึงจำนวนงานที่เพิ่ม ไม่รวมพนักงานฟาร์ม พนักงานของรัฐ พนักงานบ้านส่วนตัว และพนักงานขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไร

    คำถามที่พบบ่อย

    การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานนอกภาคเกษตรคืออะไร?

    อีกคำหนึ่งสำหรับการจ้างงานนอกภาคเกษตรคือการเปลี่ยนแปลงการจ้างงานนอกภาคเกษตร บางครั้งเรียกว่าการเปลี่ยนแปลงการจ้างงานนอกภาคเกษตรแทนที่จะเป็น NFP เนื่องจากตัวเลข NFP แสดงให้เห็นว่ามีการเพิ่มหรือสูญเสียงานจำนวนเท่าใดในภาคส่วนที่รวมอยู่ในรายงาน

    เหตุใด NFP จึงมีความสำคัญ

    นอกเหนือจากการให้ข้อมูลเชิงลึกที่สดใหม่เกี่ยวกับสุขภาพของเศรษฐกิจสหรัฐฯ แล้ว รายงานยังให้ภาพรวมว่าตลาดแรงงานเป็นอย่างไร ยิ่งตลาดแรงงานแข็งแกร่ง คนก็จะยิ่งมีรายได้มากขึ้น และใช้จ่ายมากขึ้น

    NFP มีผลกับคู่เงิน GBP หรือไม่

    รายงาน NFP อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อคู่สกุลเงินหลักทั้งหมดแต่หนึ่งในรายการโปรดคือ GBP/USD

    ฉันควรซื้อขายบน NFP หรือไม่

    กลยุทธ์ NFP เหมาะสำหรับแนวโน้มระยะยาว สถิติการว่างงานมักส่งผลกระทบต่อแนวโน้มในระยะยาว และราคามีแนวโน้มที่จะเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่กำหนดโดยข้อมูลเงินเดือนนอกภาคเกษตร ข้อมูลเหล่านี้เปิดเผยว่าเดือนนี้จะเป็นขาขึ้นหรือขาลงสำหรับผู้ค้า

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, เทคนิคการใช้อีเอ

    การซื้อขายฟอเร็กซ์ HMRC คืออะไร?

    กันยายน 23, 2022

    คำว่า forex หมายถึงเครื่องมือทางการเงินชนิดหนึ่งที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยน สกุลเงินสำรองทั่วโลกที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุดคือสกุลเงินนี้ ซอฟต์แวร์ซื้อขายฟอเร็กซ์สามารถซื้อขายบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ รวมถึงการแลกเปลี่ยนหุ้นแบบดั้งเดิมเช่น NYSE หรือ Nasdaq และแพลตฟอร์มการซื้อขายทางอินเทอร์เน็ตเช่น Bittrex, Kraken และ Poloniex

    Forex เป็นตลาดการเงินทั่วโลก ผู้คนนับล้านทั่วโลกได้ใช้มัน ตลาดนี้เป็นตลาดที่ทันสมัยและปริมาณธุรกรรมเพิ่มขึ้นทุกวัน อุตสาหกรรม Forex มีการแข่งขันสูงและมีผู้เล่นมากมายในอุตสาหกรรมนี้ ซอฟต์แวร์การซื้อขายประเภททั่วไปที่มีอยู่ในปัจจุบันคือแพลตฟอร์มการซื้อขายที่ให้คุณแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศเป็นสกุลเงินอื่น เช่น ดอลลาร์สหรัฐ ยูโร ปอนด์ เป็นต้น

    เราสามารถใช้ซอฟต์แวร์การซื้อขาย Forex เพื่อสร้างเนื้อหาสำหรับลูกค้าของเราตามหัวข้อหรือเฉพาะกลุ่ม นอกจากนี้เรายังสามารถใช้ซอฟต์แวร์ Forex เพื่อสร้างเนื้อหาในหัวข้อที่เรามีความเชี่ยวชาญ เช่น กลยุทธ์การซื้อขาย forex และการวิเคราะห์ forex ทางเทคนิค Forex เป็นสกุลเงินที่ผู้คนทั่วโลกใช้ เป็นทรัพย์สินที่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นสินค้าและบริการอื่นได้

    การซื้อขายฟอเร็กซ์ HMRC คืออะไร?

    ระบบการซื้อขาย Forex ใช้วิธีการซื้อขายที่ซับซ้อน มีการใช้ indicators ทางเทคนิคและ algorithms มากมาย ซอฟต์แวร์สร้างแผนภูมิที่พบในแพลตฟอร์มการซื้อขาย Forex เป็นเทคนิคที่นิยมมากที่สุดในการซื้อขายในลักษณะนี้ ในการใช้กลยุทธ์การซื้อขายนี้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณต้องคุ้นเคยกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและวิธีการทำงานในตลาด ในส่วนนี้ คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับส่วนนั้นของการซื้อขายฟอเร็กซ์และความเกี่ยวข้องกับบริษัทของคุณเอง

    โปรแกรมสร้างแผนภูมิใดๆ ที่ไม่ต้องการให้คุณสร้างแผนภูมิโดยละเอียดหรือแผนภูมิที่มีตัวบ่งชี้มากมาย เช่น MACD, RSI, Bollinger Bands เป็นต้น อาจใช้ อย่างไรก็ตาม การแสดงโซนการเคลื่อนไหวของราคาต่างๆ แบบเรียลไทม์ยังช่วยให้คุณวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาเมื่อเวลาผ่านไปได้ คุณไม่สามารถใช้โปรแกรมสร้างแผนภูมิเดียวกันกับที่คุณเคยใช้ คุณสามารถประเมินตลาดได้อย่างรวดเร็วหลังจากที่คุณเข้าใจปัจจัยพื้นฐานและรู้วิธีใช้แผนภูมิเหล่านี้อย่างเหมาะสมแล้ว

    การซื้อขายรูปแบบใหม่ที่ใช้สินทรัพย์ เช่น หุ้น พันธบัตร สกุลเงิน และสินค้าโภคภัณฑ์ เรียกว่าการซื้อขายฟอเร็กซ์ ในตลาดหลักทรัพย์ มีการซื้อขายเครื่องมือทางการเงินหลายอย่าง การทำเงินจากมูลค่าของเครื่องมือทางการเงินเหล่านี้เป็นเป้าหมายพื้นฐาน

    เนื่องจากสามารถเพิ่มผลกำไรของคุณได้ ระบบการซื้อขาย Forex จึงเป็นองค์ประกอบสำคัญของตลาด สิ่งนี้ช่วยคุณได้อย่างมากในการหาวิธีใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของราคาในเครื่องมือทางการเงินเหล่านี้ในขณะที่เคลื่อนไหวเพียงลำพังหรือพร้อมกัน เนื่องจากความสามารถในการกระจายสินทรัพย์และใช้ประโยชน์จากสภาวะตลาดที่ไม่มีอยู่ในการซื้อขายประเภทอื่น เช่น หุ้น ออปชั่น และฟิวเจอร์ส ผู้ค้า forex ใช้ระบบเหล่านี้

    ทำไมซอฟต์แวร์การซื้อขายฟอเร็กซ์ของ HMRC จึงดีที่สุดสำหรับคุณ

    เทรดเดอร์จากทั่วทุกมุมโลกใช้เพื่อซื้อขาย Forex และผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ และมีให้บริการบนแพลตฟอร์มต่างๆ ด้านหนึ่งสามารถเข้าถึงได้บนอุปกรณ์พกพา แท็บเล็ต และเครื่องเดสก์ท็อป ในทางกลับกัน สามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บหรือติดตั้งบนคอมพิวเตอร์

    ซอฟต์แวร์การซื้อขาย Forex ที่ดีที่สุดช่วยให้คุณทำกำไรได้โดยไม่เสียเงิน แต่หลายคนใช้ซอฟต์แวร์เดียวกันนี้มาหลายปีแล้ว และพวกเขาก็ยังไม่สามารถทำกำไรได้ ถึงเวลาค้นหาซอฟต์แวร์ซื้อขาย Forex ที่ดีที่สุด

    1. ซอฟต์แวร์การซื้อขาย HMRC Forex เป็นซอฟต์แวร์การซื้อขายแบบครบวงจรที่สามารถจัดหาเครื่องมือที่ดีที่สุดในการซื้อขายในตลาดให้กับผู้ค้า ซอฟต์แวร์การซื้อขาย HMRC Forex มอบเครื่องมือให้ผู้ค้าทำการซื้อขายในตลาดนี้ ช่วยในการรับข้อมูลที่ถูกต้องและให้ตัวบ่งชี้ที่ชาญฉลาด

    แอพพลิเคชั่นนี้ยังช่วยให้นักเทรดสามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากการจัดเตรียมเครื่องมือวิเคราะห์อันทรงพลังให้กับพวกเขา

    1. ซอฟต์แวร์การซื้อขาย HMRC Forex เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับผู้ค้าและนักลงทุนที่ต้องการทำเงินตามวันซื้อขายในตลาดออนไลน์เช่น Forex, CFDs, CFD หรือเครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ
    2. ช่วยให้คุณวิเคราะห์ตลาดและพิจารณาแนวโน้ม

    คุณสมบัติ:

    – วิเคราะห์แนวโน้มการเคลื่อนไหวของราคา

    – ความสามารถในการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต

    – พยากรณ์ออก …

    1. ซอฟต์แวร์การซื้อขาย Forex เป็นวิธีการซื้อขายอัตโนมัติโดยใช้ตลาดการเงิน ยังสามารถใช้เป็นวิธีการอัตโนมัติในการเขียนเนื้อหาในหัวข้อใดก็ได้โดยไม่ต้องใช้ผู้เขียนที่เป็นมนุษย์ ทั้งผู้เริ่มต้นและผู้ค้าที่มีประสบการณ์สามารถใช้บริการเหล่านี้ได้

    พวกเขาสามารถช่วยคุณเขียนเกี่ยวกับหัวข้อเฉพาะหรือแม้แต่สร้างเนื้อหาสำหรับเว็บไซต์หรือบล็อกของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณไม่ใช่นักเขียนมืออาชีพ

    ผู้ค้า Forex HMRC คือผู้ที่ใช้ซอฟต์แวร์เพื่อซื้อขายในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ พวกเขาต้องพิจารณาปัจจัยหลายอย่างในการตัดสินใจซื้อขาย รวมถึงความผันผวนของราคา เลเวอเรจ และปัจจัยทางเทคนิคอื่นๆ ที่ส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไรของการซื้อขายของพวกเขา

    _____________________________________

    สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
    ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
    ________________________________________________
    ✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
    XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
    Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
    GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
    https://bit.ly/GMI-TH
    ________________________________________________
    ✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
    Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM
    ——–
    ติดตามเราได้ที่
    ?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
    ?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
    _____________________________________________
    กลยุทธ์การเทรด, ความรู้เกี่ยวกับการใช้EA, สอนเทรด และ ระบบเทรด, เทคนิคการใช้อีเอ

    กราฟราคารูปแบบธง (Bear Flag)

    กันยายน 22, 2022

    กราฟราคารูปแบบธง (Bear Flag)
    เข้าเทรดทำกำไรในตลาดขาลง

    (ตรงข้ามกับ Bull Flag) การเทรดสำคัญของ Bearish Flag คือการ Sell
    เทรดเดอร์เจอรูปแบบนี้ สามารถมองหาสัญญาณแท่งเทียนกับตัวได้เลย
    แล้วเข้าออเดอร์ Sell

    รูปแบบการกลับตัวเป็นขาลง

    Shooting star
    Evening star
    Evening doji star
    Hanging man
    Dark cloud cover

    _____________________________________________
    สนใจรับระบบเทรดคลิก
    ? https://bit.ly/GMI-TH

    สู่อิสรภาพทางการเทรด แบบไม่ต้องเฝ้ากราฟ ไม่ต้องเฝ้าจอ
    และไม่ต้องหลบข่าว

    ?? เพียงเปิดบัญชีวันนี้ ??

    ?? รับโบนัส 30% สูงสุด 500$ (ไม่มีขั้นต่ำ)
    ?? รับสิทธิ์เข้า VIP ฟรี! เพียงเติมเงินเข้าบัญชีเทรด $50
    ?? พร้อมระบบเทรดฟรีทุกตัวใช้กับบัญชีที่สมัครต่อ FTT ฟรีตลอดชีพ
    .
    ระบบเทรดฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย❗
    เงื่อนไขเพียงเปิดบัญชีเทรดต่อที่ IB ของทาง FTT
    ก็สามารถรับ ✅ระบบเทรดได้ฟรีตลอดชีพ

    ❌ ไม่มีค่าใช้จ่ายสักบาท
    ❌ ไม่เก็บรายเดือน
    ❌ ไม่แบ่งกำไร
    .
    ?เทรดยังไม่เป็น หรือยังไม่เก่ง
    ?อยากเทรดแต่ไม่มีคอม
    ?อยากเทรดแต่ติดตั้ง EA ไม่เป็น
    ?อยากเทรดแต่ไม่สะดวกเฝ้ากราฟเอง
    ทางเรามีทางออกให้คุณ ด่วน❗❗
    .
    ? เปิดบัญชีและเติมเงินเขาบัญชีเทรดเริ่ม $50
    เข้ากลุ่มไลน์ VIP ผู้ใช้ระบบเทรดทันที*
    รับโบนัสเงินฝาก และ รับระบบเทรดเปิดบัญชี ? https://bit.ly/GMI-TH
    _____________________________________________
    #ระบบเทรด #อีเอเทรด #ฟรีระบบเทรด #มือใหม่เริ่มต้นเทรด
    #เริ่มเทรด #forex #EA #ผลงานเทรด #GMI
    _____________________________________________
    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
    เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน