TOP 10 บทความยอดนิยม

ดูทั้งหมด
จิตวิทยา การบริหารเงิน

5 สิ่งที่คุณไม่ควรทำในตลาด Forex

ตุลาคม 17, 2022

“`html

5 สิ่งสำคัญที่คุณ “ไม่ควรทำ” ในตลาด Forex เพื่อการเทรดที่ยั่งยืนและมีกำไร

5 สิ่งที่คุณไม่ควรทำในตลาด Forex

Introduction: หลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดร้ายแรงเพื่อความสำเร็จในตลาด Forex

ตลาด Forex หรือตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงและมีโอกาสในการทำกำไรมหาศาล แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ขาดความรู้ ความเข้าใจ และวินัยในการเทรด การเริ่มต้นเทรด Forex ที่ดี ไม่ได้หมายถึงเพียงแค่การหาสัญญาณการเทรดที่แม่นยำ หรือการมีกลยุทธ์ที่ซับซ้อนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการตระหนักถึงสิ่งที่ไม่ควรทำ ซึ่งมักเป็นกับดักที่ทำให้เทรดเดอร์จำนวนมากต้องประสบกับการขาดทุนอย่างต่อเนื่อง บทความนี้จะเจาะลึก 5 ข้อผิดพลาดร้ายแรงที่เทรดเดอร์ควรหลีกเลี่ยง เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสู่การเป็นนักเทรด Forex มืออาชีพและประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน

1. การละเลยการตั้งค่า Stop Loss: เกราะป้องกันที่จำเป็นแต่ถูกมองข้าม

Stop Loss (SL) คืออะไร และทำไมจึงสำคัญ?

Stop Loss (SL) คือ คำสั่งที่กำหนดขึ้นเพื่อจำกัดการขาดทุนในการเทรด โดยจะปิดสถานะการซื้อขายอัตโนมัติเมื่อราคาเคลื่อนที่ไปถึงระดับที่กำหนดไว้ล่วงหน้า การละเลยการตั้งค่า Stop Loss เปรียบเสมือนการขับรถโดยไม่สวมเข็มขัดนิรภัยหรือไม่มีถุงลมนิรภัย ซึ่งอาจนำไปสู่หายนะทางการเงินได้ง่ายดาย หลายครั้งที่เทรดเดอร์เลือกที่จะไม่ตั้ง Stop Loss ด้วยความหวังว่าราคาจะกลับตัวไปในทิศทางที่ต้องการในที่สุด หรือกลัวว่าจะถูก “ลาก” ไปชน Stop Loss แล้วราคาก็กลับมาทิศทางเดิม ซึ่งความคิดเช่นนี้เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อบัญชีการเทรดของคุณ

ผลลัพธ์ของการไม่ใช้ Stop Loss และวิธีการตั้งค่าอย่างมีกลยุทธ์

  • ความเสี่ยงต่อการล้างพอร์ต: หากราคาเคลื่อนที่สวนทางกับตำแหน่งของคุณอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง โดยไม่มี Stop Loss มาจำกัดความเสียหาย บัญชีของคุณอาจถูกล้างพอร์ตได้ในเวลาอันรวดเร็ว หรือถูก Margin Call ทำให้คุณต้องเติมเงินเพิ่มเพื่อรักษาสถานะ
  • ผลกระทบทางจิตวิทยา: การเห็นยอดขาดทุนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่มีจุดสิ้นสุด จะสร้างความเครียดและความกดดันอย่างมหาศาล ซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดมากยิ่งขึ้น เช่น การเปิดสถานะสวนทางตลาด หรือการเพิ่มขนาดล็อตโดยไม่มีแผนรองรับ
  • การตั้งค่า Stop Loss อย่างมีกลยุทธ์: Stop Loss ไม่ควรถูกตั้งค่าแบบสุ่มสี่สุ่มห้า แต่ควรตั้งค่าโดยอาศัย การวิเคราะห์ทางเทคนิค ที่รอบคอบ เช่น:
    • แนวรับและแนวต้าน: วาง Stop Loss เหนือแนวต้านสำหรับการเปิดสถานะ Short (ขาย) และต่ำกว่าแนวรับสำหรับการเปิดสถานะ Long (ซื้อ)
    • รูปแบบแท่งเทียน: ใช้รูปแบบแท่งเทียนกลับตัว (Reversal Candlestick Patterns) เพื่อระบุจุด Stop Loss ที่เหมาะสม
    • ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages): วาง Stop Loss เหนือหรือใต้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สำคัญๆ
    • เปอร์เซ็นต์ของเงินทุน: กำหนดความเสี่ยงที่ยอมรับได้เป็นเปอร์เซ็นต์ของเงินทุนในบัญชี (เช่น 1-2% ต่อการเทรด) แล้วคำนวณจุด Stop Loss ที่สอดคล้องกับความเสี่ยงนั้น

กฎทองคือ: “จงวาง Stop Loss เสมอ และวางอย่างมีเหตุผล เพื่อปกป้องเงินทุนของคุณ” การตั้ง Stop Loss ที่ดีจะช่วยให้คุณสามารถจำกัดความเสี่ยงต่อการเทรดแต่ละครั้ง และช่วยให้คุณอยู่ในตลาดได้นานขึ้น เพื่อรอโอกาสในการทำกำไรที่เหมาะสม

2. การเทรดด้วย Lot Size ที่ใหญ่เกินไป: การบริหารความเสี่ยงคือหัวใจสำคัญ

Lot Size คืออะไร และความเสี่ยงที่มาพร้อมกับ Lot Size ที่ใหญ่

Lot Size ใน Forex คือขนาดของปริมาณการซื้อขายในแต่ละครั้ง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อมูลค่าของ Pip และขนาดของกำไรหรือขาดทุน ยิ่ง Lot Size ใหญ่เท่าไหร่ ความเสี่ยงและผลตอบแทนก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น แม้ว่าคุณจะมีความมั่นใจในทิศทางของตลาด 100% (ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย) การเทรดด้วย Lot Size ที่ใหญ่เกินกว่าที่บัญชีของคุณจะรองรับได้ เป็นหนึ่งในข้อผิดพลาดที่พบบ่อยที่สุดและอันตรายที่สุด

กฎการบริหารความเสี่ยง 1-5% และผลลัพธ์ของการละเลย

เทรดเดอร์มืออาชีพทั่วโลกยึดถือ หลักการบริหารความเสี่ยง ที่เข้มงวด โดยแนะนำให้จำกัดความเสี่ยงต่อการเทรดแต่ละครั้งไว้ที่ 1-5% ของเงินทุนทั้งหมดในบัญชีเท่านั้น ตัวอย่างเช่น หากคุณมีเงินทุน 1,000 USD การเสี่ยง 1% หมายถึงคุณยอมขาดทุนได้ไม่เกิน 10 USD ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง หากคุณเสี่ยง 5% คุณยอมขาดทุนได้ไม่เกิน 50 USD

ทำไมจึงเป็นอันตรายหากเทรดด้วย Lot Size ที่ใหญ่เกินไป?

เปอร์เซ็นต์การขาดทุน เปอร์เซ็นต์ที่ต้องทำกำไรเพื่อคืนทุน
10% 11.11%
20% 25%
30% 42.86%
40% 66.67%
50% 100%

จากตารางข้างต้นจะเห็นได้ชัดว่า ยิ่งคุณขาดทุนเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูงเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งต้องทำกำไรในอัตราที่สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดเพื่อที่จะกลับมาเท่าทุน ยกตัวอย่าง:

  • หากคุณขาดทุนไป 20% ของเงินทุน 1,000 USD เหลือ 800 USD คุณจะต้องทำกำไรถึง 25% (200 USD จาก 800 USD) เพื่อกลับมามีเงิน 1,000 USD เท่าเดิม
  • หากคุณขาดทุนไป 50% ของเงินทุน 1,000 USD เหลือ 500 USD คุณจะต้องทำกำไรถึง 100% (500 USD จาก 500 USD) เพื่อกลับมาเท่าทุน ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมากในตลาด Forex

การควบคุม Lot Size ให้เหมาะสมกับเงินทุนและความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการ บริหารความเสี่ยงในการเทรด และช่วยให้คุณรักษาเงินทุนไว้ได้ในระยะยาว หลีกเลี่ยงการใช้ Leverage ที่สูงเกินความจำเป็น เพราะมันเปรียบเสมือนดาบสองคมที่สามารถเพิ่มกำไรได้มหาศาล แต่ก็เพิ่มการขาดทุนได้มากเช่นกัน

3. Overtrading (การเทรดมากเกินไป): กับดักทางอารมณ์ที่บั่นทอนกำไร

Overtrading คืออะไรและเกิดจากสาเหตุใด?

Overtrading คือ การเปิดสถานะซื้อขายบ่อยครั้งเกินความจำเป็น โดยมักเกิดขึ้นเมื่อไม่มีสัญญาณการเทรดที่ชัดเจนหรือสอดคล้องกับกลยุทธ์ที่วางไว้ เทรดเดอร์จำนวนมากทราบดีว่าการ Overtrading เป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่กลับเป็นเรื่องยากที่จะหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะเมื่อมองเห็น “โอกาส” มากมายในตลาด หรือรู้สึกเบื่อหน่ายกับการรอคอย

สาเหตุหลักของการ Overtrading มักมาจากปัจจัยทางอารมณ์และจิตวิทยาการเทรด:

  1. ความโลภ: ต้องการทำกำไรให้ได้มากที่สุดในเวลาอันสั้น
  2. ความกลัวที่จะพลาดโอกาส (FOMO – Fear Of Missing Out): กลัวว่าตลาดจะเคลื่อนที่ไปโดยที่ตนเองไม่ได้เข้าร่วม
  3. ความเบื่อหน่าย/อดทนไม่พอ: รู้สึกว่าต้องทำอะไรบางอย่างอยู่เสมอในตลาด
  4. การเทรดแก้แค้น (Revenge Trading): หลังจากขาดทุน ก็พยายามเปิดสถานะใหม่เพื่อเอาคืนเงินที่เสียไปอย่างรวดเร็ว
  5. ความเชื่อมั่นเกินเหตุ: มั่นใจในตัวเองมากเกินไปหลังจากทำกำไรได้หลายครั้ง

ผลเสียของการ Overtrading และกลยุทธ์ในการหลีกเลี่ยง

การ Overtrading นำมาซึ่งผลเสียหลายประการที่ส่งผลกระทบต่อผลการเทรดในระยะยาว:

  • ต้นทุนการซื้อขายที่สูงขึ้น: ค่า Spread และค่า Commission ที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดปิดสถานะบ่อยครั้ง จะกัดกินกำไรของคุณ
  • การตัดสินใจที่ไม่มีคุณภาพ: การเทรดภายใต้อารมณ์หรือแรงกระตุ้น มักจะนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดและไร้ซึ่งหลักการ
  • ความเหนื่อยล้าทางจิตใจ: การจ้องจอตลอดเวลาและเปิดสถานะบ่อยๆ จะทำให้คุณหมดพลังงานและเสียสมาธิ
  • การละเมิดแผนการเทรด: Overtrading มักเกิดขึ้นเมื่อเทรดเดอร์ไม่ปฏิบัติตาม กลยุทธ์การเทรด และ วินัยการเทรด ที่วางไว้

เพื่อหลีกเลี่ยง Overtrading คุณควร:

  • กำหนดขีดจำกัดการเทรด: กำหนดจำนวนครั้งสูงสุดในการเปิดสถานะต่อวัน/สัปดาห์ หรือจำกัดเวลาในการจ้องกราฟ
  • สร้างแผนการเทรดที่ชัดเจน: กำหนดเงื่อนไขในการเข้าและออกอย่างละเอียด และยึดมั่นในแผนนั้น
  • จดบันทึกการเทรด: การทำ Trading Journal จะช่วยให้คุณเห็นรูปแบบการเทรดของตัวเองและระบุสาเหตุของการ Overtrading ได้
  • พัฒนา วินัยในการเทรด และ จิตวิทยาการเทรด: ฝึกฝนการควบคุมอารมณ์ ความอดทน และความมีวินัย
  • หยุดพักจากการเทรด: เมื่อรู้สึกเหนื่อยล้าหรือเทรดได้ไม่ดี ควรพักจากการเทรดเพื่อทบทวนตัวเองและฟื้นฟูจิตใจ

4. การปิดโพซิชั่นที่ชนะเร็วเกินไป แต่ปล่อยให้สถานะที่ขาดทุนลากยาว: พฤติกรรมที่บั่นทอนอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน

กับดักทางจิตวิทยา: ตัดกำไรเล็กน้อย ปล่อยขาดทุนใหญ่

เป็นเรื่องปกติที่เทรดเดอร์ โดยเฉพาะมือใหม่ จะรู้สึกโล่งใจเมื่อสามารถปิดสถานะที่ทำกำไรได้ แม้ว่าจะเป็นเพียงกำไรเล็กน้อยก็ตาม ความรู้สึกปลอดภัยนี้มักทำให้เกิดพฤติกรรม “รีบปิดกำไร” เพื่อรักษาสิ่งที่ได้มาไว้ แต่ในทางกลับกัน เมื่อต้องเผชิญกับสถานะที่ขาดทุน เทรดเดอร์มักจะ “ถือลาก” ด้วยความหวังว่าราคาจะกลับตัวมาเป็นบวกในที่สุด พฤติกรรมนี้ขัดแย้งกับหลักการเทรดที่สำคัญที่สุดข้อหนึ่งคือ “Let your winners run, cut your losers short” หรือ “ปล่อยให้กำไรวิ่งไป และตัดการขาดทุนทิ้งเสียแต่เนิ่นๆ”

ผลกระทบต่ออัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk-Reward Ratio) และแนวทางการแก้ไข

การปิดกำไรเร็วเกินไปและการปล่อยให้ขาดทุนลากยาว ส่งผลเสียโดยตรงต่ออัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk-Reward Ratio) ของคุณ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความคุ้มค่าของการเทรด การเทรดที่มีประสิทธิภาพควรมี Risk-Reward Ratio ที่ดี เช่น 1:2 หรือ 1:3 หมายถึง ทุกๆ การขาดทุน 1 หน่วย คุณคาดหวังกำไร 2 หรือ 3 หน่วย

ผลเสียที่ตามมา:

  • กำไรสุทธิลดลง: แม้ว่าคุณจะมีอัตราการชนะที่สูง แต่หากการขาดทุนแต่ละครั้งมีขนาดใหญ่กว่ากำไรที่ได้ คุณก็ยังคงขาดทุนสุทธิในระยะยาว
  • บั่นทอนกำลังใจ: การที่พอร์ตโตช้าหรือไม่โตเลย จะทำให้หมดกำลังใจในการเทรด
  • เสียโอกาส: การปิดสถานะที่ชนะเร็วเกินไป อาจทำให้คุณพลาดโอกาสในการทำกำไรก้อนใหญ่ที่อาจเกิดขึ้น หากคุณปล่อยให้สถานะดำเนินต่อไปตามแนวโน้ม

แนวทางการจัดการ:

  • กำหนด Take Profit (TP) ที่ชัดเจน: ตั้งเป้าหมายกำไรที่สมเหตุสมผลตาม การวิเคราะห์ทางเทคนิค (เช่น แนวต้านสำคัญ, ระดับ Fibonacci) และยึดมั่นในแผน
  • ใช้ Trailing Stop Loss: เป็นคำสั่ง Stop Loss ที่จะปรับตัวตามราคาเมื่อราคาเคลื่อนไปในทิศทางที่ทำกำไร ช่วยให้คุณรักษากำไรไว้ได้ในขณะที่ปล่อยให้สถานะวิ่งไป
  • การแบ่งปิดกำไร (Partial Profit Taking): เมื่อราคาไปถึงเป้าหมายแรก อาจพิจารณาปิดสถานะบางส่วนเพื่อล็อกกำไร แล้วปล่อยส่วนที่เหลือวิ่งต่อไป
  • ทบทวน จิตวิทยาการเทรด: เข้าใจอารมณ์ของตนเองและฝึกฝนการควบคุมความโลภและความกลัว การมีวินัยในการตัดขาดทุนตามแผนเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง

จงจำไว้ว่า: “ปล่อยให้ตำแหน่งที่ชนะของคุณทำงานไปอย่างเต็มที่ และตัดตำแหน่งที่แพ้ของคุณออกไปก่อนที่จะสร้างความเสียหายที่ใหญ่ขึ้น”

5. การปฏิบัติตามการคาดการณ์และสัญญาณการเทรดจาก “กูรู” โดยปราศจากการวิเคราะห์ของตนเอง

ความน่าดึงดูดใจของสัญญาณการเทรด และอันตรายจากการพึ่งพาสิ่งเหล่านี้อย่างเดียว

สำหรับเทรดเดอร์หลายคน โดยเฉพาะมือใหม่ การค้นหา “ทางลัด” สู่ความสำเร็จในตลาด Forex เป็นเรื่องที่น่าดึงดูดใจอย่างยิ่ง สิ่งนี้นำไปสู่การพึ่งพา สัญญาณการเทรด การคาดการณ์จาก “กูรู” หรือผู้เชี่ยวชาญ Forex ที่เคารพ การทำตามสัญญาณเหล่านี้โดยปราศจากการวิเคราะห์และทำความเข้าใจด้วยตนเองนั้นเป็นอันตรายอย่างยิ่ง และเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เทรดเดอร์ไม่สามารถยืนหยัดอยู่ในตลาดได้ในระยะยาว

เหตุผลที่ไม่ควรพึ่งพาสัญญาณการเทรดเพียงอย่างเดียว และแนวทางในการสร้างความสำเร็จด้วยตนเอง

  1. ขาดความเข้าใจในเหตุผล: เมื่อคุณเทรดตามสัญญาณ คุณมักจะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเข้าเทรด ณ จุดนั้นๆ ทำไมต้องตั้ง Stop Loss หรือ Take Profit ที่ระดับนั้นๆ เมื่อตลาดเกิดการเปลี่ยนแปลง คุณจะไม่สามารถปรับตัวได้
  2. ความเสี่ยงจากผู้ให้บริการสัญญาณ: ผู้ให้บริการสัญญาณบางรายอาจไม่มีความเชี่ยวชาญจริง หรืออาจมีผลประโยชน์ทับซ้อน นอกจากนี้ สัญญาณที่ได้รับอาจล่าช้า ไม่ตรงกับเวลาจริง ซึ่งส่งผลต่อผลลัพธ์การเทรดของคุณ
  3. สัญญาณไม่เหมาะกับสไตล์การเทรดของคุณ: สัญญาณที่ได้รับอาจถูกสร้างขึ้นโดยใช้กลยุทธ์และ การบริหารความเสี่ยง ที่แตกต่างจากที่คุณถนัด ซึ่งอาจทำให้ไม่เข้ากับสไตล์การเทรดส่วนตัวของคุณ
  4. ไม่สามารถพัฒนาตนเองได้: การพึ่งพาผู้อื่นทำให้คุณขาดโอกาสในการเรียนรู้ วิเคราะห์ และพัฒนาทักษะการเทรดของตนเอง ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จในระยะยาว
  5. ความรับผิดชอบอยู่ที่คุณ: ไม่ว่าสัญญาณจะมาจากใคร การตัดสินใจสุดท้ายในการเปิดหรือปิดสถานะเป็นของคุณ และผลกำไรหรือขาดทุนก็เป็นของคุณแต่เพียงผู้เดียว

หนทางสู่การเป็นนักเทรด Forex มืออาชีพและประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนคือ:

  • การศึกษาและเรียนรู้: ทุ่มเทให้กับการเรียนรู้ เทคนิคการเทรด Forex ทั้ง การวิเคราะห์ทางเทคนิค (เช่น รูปแบบแท่งเทียน, อินดิเคเตอร์) และ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
  • พัฒนากลยุทธ์ของตนเอง: สร้างกลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสมกับบุคลิก ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และเป้าหมายของคุณ จากนั้นทดสอบ (Backtest) และปรับปรุงกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง
  • ฝึกฝนและทำซ้ำ: ใช้ บัญชี Demo เพื่อฝึกฝนกลยุทธ์ของคุณในสภาพแวดล้อมที่ปราศจากความเสี่ยง ก่อนที่จะนำไปใช้กับบัญชีจริง
  • รับผิดชอบต่อการตัดสินใจของตนเอง: เข้าใจว่าความสำเร็จหรือความล้มเหลวขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณเอง ไม่ใช่ของผู้อื่น

FAQ Section: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเทรด Forex ที่ควรหลีกเลี่ยง

Q1: ทำไม Stop Loss ถึงสำคัญมากในการเทรด Forex ทั้งที่บางครั้งก็ถูกชนแล้วราคากลับไปในทิศทางที่ต้องการ?

A1: Stop Loss มีความสำคัญอย่างยิ่งในการ บริหารความเสี่ยง และป้องกันการขาดทุนที่อาจไม่สามารถควบคุมได้ ใช่ว่าทุกครั้งที่ตั้ง Stop Loss ราคาจะกลับตัว แต่ในสถานการณ์ที่ราคาเคลื่อนที่สวนทางอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง Stop Loss คือสิ่งเดียวที่จะช่วยปกป้องเงินทุนของคุณจากการล้างพอร์ตได้ การถูกชน Stop Loss เป็นส่วนหนึ่งของการเทรดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งสำคัญคือการตั้ง Stop Loss อย่างมีกลยุทธ์และสอดคล้องกับแผนการเทรด เพื่อให้คุณสามารถจำกัดการขาดทุนในแต่ละครั้งให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ และยังคงมีเงินทุนสำหรับโอกาสในการเทรดครั้งต่อไป หากไม่มี Stop Loss หนึ่งการเทรดที่ผิดพลาดเพียงครั้งเดียวก็อาจทำให้คุณหมดโอกาสในตลาด Forex ได้เลย

Q2: ควรใช้ Lot Size เท่าไหร่ในการเทรด Forex เพื่อให้ปลอดภัยที่สุด?

A2: การกำหนด Lot Size ที่ปลอดภัยที่สุดขึ้นอยู่กับขนาดของเงินทุนในบัญชีและระดับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ โดยทั่วไปแล้ว หลักการบริหารความเสี่ยง ที่แนะนำคือการจำกัดความเสี่ยงต่อการเทรดแต่ละครั้งไว้ที่ 1-2% ของเงินทุนทั้งหมดเท่านั้น ตัวอย่างเช่น หากบัญชีของคุณมีเงิน 1,000 USD คุณไม่ควรเสี่ยงขาดทุนเกิน 10-20 USD ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง จากนั้นจึงค่อยคำนวณ Lot Size ที่เหมาะสมกับจุด Stop Loss และมูลค่า Pip ของคู่เงินที่คุณเทรด การเริ่มต้นด้วย Lot Size ที่เล็ก เช่น Micro Lot (0.01 Lot) เป็นวิธีที่ดีสำหรับมือใหม่ในการทำความเข้าใจกลไกตลาดโดยมีความเสี่ยงต่ำที่สุด

Q3: Overtrading เกิดจากอะไร และจะป้องกันตัวเองจากการเทรดมากเกินไปได้อย่างไร?

A3: Overtrading มักเกิดจากปัจจัยทางอารมณ์และจิตวิทยาการเทรด เช่น ความโลภ, ความกลัวที่จะพลาดโอกาส (FOMO), ความเบื่อหน่าย, หรือการพยายามแก้แค้นตลาดหลังจากการขาดทุน จิตวิทยาการเทรด ที่ไม่มั่นคงมักนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาด การป้องกัน Overtrading ต้องอาศัยวินัยที่เข้มแข็ง โดยคุณสามารถทำได้ดังนี้:

  • สร้างแผนการเทรดที่ชัดเจน: กำหนดเงื่อนไขการเข้า/ออกที่แม่นยำ และจำนวนการเทรดสูงสุดต่อวัน/สัปดาห์
  • ยึดมั่นในแผน: ห้ามออกนอกแผนไม่ว่าตลาดจะล่อใจเพียงใด
  • จดบันทึกการเทรด: เพื่อทบทวนและเรียนรู้จากข้อผิดพลาด
  • ฝึกฝน วินัยในการเทรด: การควบคุมอารมณ์เป็นกุญแจสำคัญ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ: หลีกเลี่ยงการเทรดขณะเหนื่อยล้าหรือมีอารมณ์ที่ไม่มั่นคง

Q4: การปิดกำไรเร็วเกินไปและการปล่อยให้ขาดทุนลากยาว ส่งผลเสียต่อการเทรดระยะยาวอย่างไร?

A4: พฤติกรรมนี้จะบั่นทอนอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk-Reward Ratio) ของคุณอย่างรุนแรง ทำให้แม้คุณจะมีอัตราการชนะที่สูง แต่กำไรที่ได้ก็น้อย ในขณะที่การขาดทุนแต่ละครั้งมีขนาดใหญ่กว่า เมื่อรวมกันแล้วจะทำให้ผลกำไรสุทธิเป็นลบในระยะยาว ยกตัวอย่าง หากคุณปิดกำไรที่ 10 USD แต่ปล่อยให้ขาดทุนลากไปถึง 50 USD คุณจะต้องชนะถึง 5 ครั้งเพื่อให้เท่ากับหนึ่งครั้งที่ขาดทุน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ยั่งยืนในระยะยาว การแก้ไขคือการกำหนดเป้าหมาย Take Profit ที่เหมาะสม และมี Stop Loss ที่เข้มงวด เพื่อ ตัดขาดทุน ตั้งแต่เนิ่นๆ ปล่อยให้สถานะที่ทำกำไรได้วิ่งไปตามแนวโน้มเพื่อเก็บกำไรก้อนใหญ่ให้ได้มากที่สุด

Q5: การพึ่งพาสัญญาณการเทรดเพียงอย่างเดียวเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำจริงหรือ?

A5: เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง การพึ่งพาสัญญาณการเทรดเพียงอย่างเดียวโดยปราศจากการวิเคราะห์และทำความเข้าใจด้วยตนเอง ทำให้คุณขาดความรู้และทักษะที่จำเป็นในการปรับตัวเมื่อตลาดเปลี่ยนแปลง คุณจะไม่สามารถพัฒนาตนเองเป็นเทรดเดอร์ที่มีความสามารถได้อย่างแท้จริง อีกทั้งยังมีความเสี่ยงที่สัญญาณอาจไม่แม่นยำ ล่าช้า หรือไม่สอดคล้องกับสไตล์การเทรดและ การบริหารความเสี่ยง ของคุณเอง หนทางที่ดีที่สุดคือการเรียนรู้ด้วยตนเอง พัฒนากลยุทธ์ของตนเอง และรับผิดชอบต่อการตัดสินใจทั้งหมดในการเทรดของคุณเอง สัญญาณอาจใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ แต่ไม่ควรเป็นปัจจัยหลักในการเทรด

Conclusion: สร้างวินัยและกลยุทธ์เพื่อความสำเร็จในตลาด Forex

การหลีกเลี่ยง 5 สิ่งที่คุณไม่ควรทำในตลาด Forex ที่ได้กล่าวมาข้างต้นนี้ ไม่ใช่เพียงแค่ข้อแนะนำ แต่เป็นรากฐานสำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถอยู่รอดและเติบโตในตลาดที่มีความท้าทายนี้ได้ การเทรด Forex ไม่ใช่การพนัน แต่เป็นศาสตร์ที่ต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจในกลไกตลาด การบริหารความเสี่ยงที่เข้มงวด และที่สำคัญที่สุดคือ วินัยในการเทรด และ จิตวิทยาการเทรด ที่แข็งแกร่ง

จงลงทุนกับการเรียนรู้ พัฒนากลยุทธ์ของตนเอง ฝึกฝนการควบคุมอารมณ์ และยึดมั่นในแผนการเทรดที่คุณได้วางไว้ การทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยลดความเสี่ยงในการขาดทุนเท่านั้น แต่ยังจะเปิดประตูสู่โอกาสในการทำกำไรอย่างยั่งยืน และผลักดันคุณไปสู่การเป็นนักเทรด Forex มืออาชีพอย่างแท้จริง

หากคุณต้องการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์การเทรดหรือระบบเทรดอัตโนมัติ (EA) ที่จะช่วยเสริมประสิทธิภาพในการเทรดของคุณ ทาง FTT Investing มีแหล่งข้อมูลและระบบต่างๆ ที่พร้อมสนับสนุนให้คุณประสบความสำเร็จในตลาด Forex อย่างยั่งยืน

_____________________________________

สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
________________________________________________
✅ 👍🏽สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
https://bit.ly/GMI-TH
________________________________________________
✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่
Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM )
——–
ติดตามเราได้ที่
✉️LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
🎬Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
_____________________________________________

“`

You Might Also Like

Contact Us on Line