XM มีโบนัส $30 สำหรับลูกค้าใหม่
มีโบนัส 100% สูงสุด $500
https://bit.ly/XMFreebonus30USD
CXM ฝากถอนเร็ว ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
https://bit.ly/CXMFTT
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
https://bit.ly/ExnessCom
รหัสพาสเนอร์เลข 11000789
สุดยอดเว็บแจกโปรแกรมช่วยเทรดอันดับหนึ่งของประเทศ
XM มีโบนัส $30 สำหรับลูกค้าใหม่
มีโบนัส 100% สูงสุด $500
https://bit.ly/XMFreebonus30USD
CXM ฝากถอนเร็ว ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
https://bit.ly/CXMFTT
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
https://bit.ly/ExnessCom
รหัสพาสเนอร์เลข 11000789
XM มีโบนัส $30 สำหรับลูกค้าใหม่
มีโบนัส 100% สูงสุด $500
https://bit.ly/XMFreebonus30USD
CXM ฝากถอนเร็ว ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
https://bit.ly/CXMFTT
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
https://bit.ly/ExnessCom
รหัสพาสเนอร์เลข 11000789
XM มีโบนัส $30 สำหรับลูกค้าใหม่
มีโบนัส 100% สูงสุด $500
https://bit.ly/XMFreebonus30USD
CXM ฝากถอนเร็ว ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
https://bit.ly/CXMFTT
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
https://bit.ly/ExnessCom
รหัสพาสเนอร์เลข 11000789
XM มีโบนัส $30 สำหรับลูกค้าใหม่
มีโบนัส 100% สูงสุด $500
https://bit.ly/XMFreebonus30USD
CXM ฝากถอนเร็ว ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
https://bit.ly/CXMFTT
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
https://bit.ly/ExnessCom
รหัสพาสเนอร์เลข 11000789
XM มีโบนัส $30 สำหรับลูกค้าใหม่
มีโบนัส 100% สูงสุด $500
https://bit.ly/XMFreebonus30USD
CXM ฝากถอนเร็ว ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
https://bit.ly/CXMFTT
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
https://bit.ly/ExnessCom
รหัสพาสเนอร์เลข 11000789
XM มีโบนัส $30 สำหรับลูกค้าใหม่
มีโบนัส 100% สูงสุด $500
https://bit.ly/XMFreebonus30USD
CXM ฝากถอนเร็ว ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
https://bit.ly/CXMFTT
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
https://bit.ly/ExnessCom
รหัสพาสเนอร์เลข 11000789
XM มีโบนัส $30 สำหรับลูกค้าใหม่
มีโบนัส 100% สูงสุด $500
https://bit.ly/XMFreebonus30USD
CXM ฝากถอนเร็ว ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
https://bit.ly/CXMFTT
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
https://bit.ly/ExnessCom
รหัสพาสเนอร์เลข 11000789
XM มีโบนัส $30 สำหรับลูกค้าใหม่
มีโบนัส 100% สูงสุด $500
https://bit.ly/XMFreebonus30USD
CXM ฝากถอนเร็ว ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
https://bit.ly/CXMFTT
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
https://bit.ly/ExnessCom
รหัสพาสเนอร์เลข 11000789
XM มีโบนัส $30 สำหรับลูกค้าใหม่
มีโบนัส 100% สูงสุด $500
https://bit.ly/XMFreebonus30USD
CXM ฝากถอนเร็ว ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
https://bit.ly/CXMFTT
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
https://bit.ly/ExnessCom
รหัสพาสเนอร์เลข 11000789
XM มีโบนัส $30 สำหรับลูกค้าใหม่
มีโบนัส 100% สูงสุด $500
https://bit.ly/XMFreebonus30USD
CXM ฝากถอนเร็ว ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
https://bit.ly/CXMFTT
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
https://bit.ly/ExnessCom
รหัสพาสเนอร์เลข 11000789
#ฟรีระบบเทรด #EAฟรี #ฟรีระบบเทรดข่าว #ระบบเทรดข่าว #ระบบเทรดข่าวฟรี #แจกฟรีระบบข่าว #ระบบเทรดฟรี #ระบบเทรดทอง #เทรดข่าว #เทรดทอง #EAเทรดข่าว #ฟรี!ระบบเทรด #ฟรีระบบเทรดอัตโนมัติ #ระบบเทรดอัตโนมัติฟรี #ระบบเทรดอัตโนมัติ #ฟรี!ระบบเทรดอัตโนมัติ ระบบเทรดสั้น
XM มีโบนัส $30 สำหรับลูกค้าใหม่
มีโบนัส 100% สูงสุด $500
https://bit.ly/XMFreebonus30USD
CXM ฝากถอนเร็ว ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
https://bit.ly/CXMFTT
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
https://bit.ly/ExnessCom
รหัสพาสเนอร์เลข 11000789
#ฟรีระบบเทรด #EAฟรี #ฟรีระบบเทรดข่าว #ระบบเทรดข่าว #ระบบเทรดข่าวฟรี #แจกฟรีระบบข่าว #ระบบเทรดฟรี #ระบบเทรดทอง #เทรดข่าว #เทรดทอง #EAเทรดข่าว #ฟรี!ระบบเทรด #ฟรีระบบเทรดอัตโนมัติ #ระบบเทรดอัตโนมัติฟรี #ระบบเทรดอัตโนมัติ #ฟรี!ระบบเทรดอัตโนมัติ ระบบเทรดสั้น
XM มีโบนัส $30 สำหรับลูกค้าใหม่
มีโบนัส 100% สูงสุด $500
https://bit.ly/XMFreebonus30USD
CXM ฝากถอนเร็ว ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
https://bit.ly/CXMFTT
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
https://bit.ly/ExnessCom
รหัสพาสเนอร์เลข 11000789
#ฟรีระบบเทรด #EAฟรี #ฟรีระบบเทรดข่าว #ระบบเทรดข่าว #ระบบเทรดข่าวฟรี #แจกฟรีระบบข่าว #ระบบเทรดฟรี #ระบบเทรดทอง #เทรดข่าว #เทรดทอง #EAเทรดข่าว #ฟรี!ระบบเทรด #ฟรีระบบเทรดอัตโนมัติ #ระบบเทรดอัตโนมัติฟรี #ระบบเทรดอัตโนมัติ #ฟรี!ระบบเทรดอัตโนมัติ ระบบเทรดสั้น
XM มีโบนัส $30 สำหรับลูกค้าใหม่
มีโบนัส 100% สูงสุด $500
https://bit.ly/XMFreebonus30USD
CXM ฝากถอนเร็ว ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
https://bit.ly/CXMFTT
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
https://bit.ly/ExnessCom
รหัสพาสเนอร์เลข 11000789
XM มีโบนัส $30 สำหรับลูกค้าใหม่
มีโบนัส 100% สูงสุด $500
https://bit.ly/XMFreebonus30USD
CXM ฝากถอนเร็ว ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
https://bit.ly/CXMFTT
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
https://bit.ly/ExnessCom
รหัสพาสเนอร์เลข 11000789
XM มีโบนัส $30 สำหรับลูกค้าใหม่
มีโบนัส 100% สูงสุด $500
https://bit.ly/XMFreebonus30USD
CXM ฝากถอนเร็ว ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
https://bit.ly/CXMFTT
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
https://bit.ly/ExnessCom
รหัสพาสเนอร์เลข 11000789
XM มีโบนัส $30 สำหรับลูกค้าใหม่
มีโบนัส 100% สูงสุด $500
https://bit.ly/XMFreebonus30USD
CXM ฝากถอนเร็ว ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
https://bit.ly/CXMFTT
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
https://bit.ly/ExnessCom
รหัสพาสเนอร์เลข 11000789
XM มีโบนัส $30 สำหรับลูกค้าใหม่
มีโบนัส 100% สูงสุด $500
https://bit.ly/XMFreebonus30USD
CXM ฝากถอนเร็ว ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
https://bit.ly/CXMFTT
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
https://bit.ly/ExnessCom
รหัสพาสเนอร์เลข 11000789
XM มีโบนัส $30 สำหรับลูกค้าใหม่
มีโบนัส 100% สูงสุด $500
https://bit.ly/XMFreebonus30USD
CXM ฝากถอนเร็ว ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
https://bit.ly/CXMFTT
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
https://bit.ly/ExnessCom
รหัสพาสเนอร์เลข 11000789
XM มีโบนัส $30 สำหรับลูกค้าใหม่
มีโบนัส 100% สูงสุด $500
https://bit.ly/XMFreebonus30USD
CXM ฝากถอนเร็ว ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
https://bit.ly/CXMFTT
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
https://bit.ly/ExnessCom
รหัสพาสเนอร์เลข 11000789
XM มีโบนัส $30 สำหรับลูกค้าใหม่
มีโบนัส 100% สูงสุด $500
https://bit.ly/XMFreebonus30USD
CXM ฝากถอนเร็ว ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
https://bit.ly/CXMFTT
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
https://bit.ly/ExnessCom
รหัสพาสเนอร์เลข 11000789
XM มีโบนัส $30 สำหรับลูกค้าใหม่
มีโบนัส 100% สูงสุด $500
https://bit.ly/XMFreebonus30USD
CXM ฝากถอนเร็ว ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
https://bit.ly/CXMFTT
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
https://bit.ly/ExnessCom
รหัสพาสเนอร์เลข 11000789
XM มีโบนัส $30 สำหรับลูกค้าใหม่
มีโบนัส 100% สูงสุด $500
https://bit.ly/XMFreebonus30USD
CXM ฝากถอนเร็ว ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
https://bit.ly/CXMFTT
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
https://bit.ly/ExnessCom
รหัสพาสเนอร์เลข 11000789
XM มีโบนัส $30 สำหรับลูกค้าใหม่
มีโบนัส 100% สูงสุด $500
https://bit.ly/XMFreebonus30USD
CXM ฝากถอนเร็ว ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
https://bit.ly/CXMFTT
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
https://bit.ly/ExnessCom
รหัสพาสเนอร์เลข 11000789
XM มีโบนัส $30 สำหรับลูกค้าใหม่
มีโบนัส 100% สูงสุด $500
https://bit.ly/XMFreebonus30USD
CXM ฝากถอนเร็ว ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
https://bit.ly/CXMFTT
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
https://bit.ly/ExnessCom
รหัสพาสเนอร์เลข 11000789
XM มีโบนัส $30 สำหรับลูกค้าใหม่
มีโบนัส 100% สูงสุด $500
https://bit.ly/XMFreebonus30USD
CXM ฝากถอนเร็ว ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
https://bit.ly/CXMFTT
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
https://bit.ly/ExnessCom
รหัสพาสเนอร์เลข 11000789
XM มีโบนัส $30 สำหรับลูกค้าใหม่
มีโบนัส 100% สูงสุด $500
https://bit.ly/XMFreebonus30USD
CXM ฝากถอนเร็ว ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
https://bit.ly/CXMFTT
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
https://bit.ly/ExnessCom
รหัสพาสเนอร์เลข 11000789
XM มีโบนัส $30 สำหรับลูกค้าใหม่
มีโบนัส 100% สูงสุด $500
https://bit.ly/XMFreebonus30USD
CXM ฝากถอนเร็ว ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
https://bit.ly/CXMFTT
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
https://bit.ly/ExnessCom
รหัสพาสเนอร์เลข 11000789
ระบบเทรด Forex ระยะสั้น หมายถึงการเทรด โดยมีระยะเวลาการถือครอง position ตั้งแต่ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ถึงระยะเวลาประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ โดยไม่เกินนี้ โดยสัมพันธ์กับ Time Frame ที่ทำการเทรด หรือ Time Frame ที่ใช้ในระบบเทรด เช่น Time Frame 1H หรือ 4H ซึ่งระยะเวลาในการถือครองจะสอดคล้องกับการวิเคราะห์ โดยระบบเทรดระยะสั้นเป็นระบบเทรดที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากต้องการทำรอบในการทำกำไรที่รวดเร็ว การทำรอบในการทำกำไรที่รวดเร็วสามารถเพิ่มกำไรได้อย่างรวดเร็ว สามารถสร้างการเจริญเติบโตของพอร์ทได้เร็ว ในกรณีที่ทำกำไรได้ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ระบบเทรด Forex แบบระยะสั้นก็ทำให้พอร์ทการลงทุนลดลงได้อย่างรวดเร็วในกรณีที่ขาดทุนอย่างต่อเนื่องอีกเช่นกัน ซึ่งจะมีอธิบายในเทคนิคระบบเทรด Forex ระยะสั้นนี้
เทคนิคในระบบเทรด Forex สามารถแบ่งเป็น 3 ระยะหลัก ๆ ได้แก่ ระบบเทรดระยะสั้นมาก ๆ คือระบบเทรด Scalping ซึ่งเป็นการถือ Position ในระดับหลักชั่วโมง และถือไม่เกิน 1 วัน เรียกทั่วไปว่า Day Trader หรือถ้าหากเป็นระบบเทรดระยะสั้น คือระบบเทรดแบบ Swing Trade จะถือ position ยาวขึ้นมาหน่อย คือ ระยะ 1 วัน จนถึงระยะเวลา 1 – 2 สัปดาห์ ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวทำให้ต้นทุนการถือ position ไม่มีนัยสำคัญมากนัก ระบบเทรดระยะกลาง คือการถือ Position หลัก 1 – 2 เดือน ขณะที่ระบบเทรดระยะยาว หรือ Long Term Trading เกี่ยวข้องกับระบบเทรด โดยใช้พื้นฐานเศรษฐกิจ นโยบายการเงินในการวิเคราะห์ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนโยบาย 1 ครั้งต้องอาศัยผลของมันในระยะยาว จึงอาจจะเรียกว่า ระบบเทรดระยะยาวอาจจะต้องถือ position เป็นปี ๆ เลย ซึ่งวันนี้เราจะมาขยายความระบบเทรดระยะสั้นกันก่อน ดังนี้
ข้อได้เปรียบของระบบเทรดระยะสั้น คือ ระบบเทรดระยะสั้น สามารถคาดการณ์ได้ง่าย การคาดการณ์ได้ง่ายหมายความว่า อย่างไร ระบบเทรดระยะสั้นคือการใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคล้วน ๆ ซึ่งการคาดการณ์ของการวิเคราะห์ทางเทคนิคสามารถใช้ Time Frame ที่ใหญ่ว่าในการคาดเดาทิศทาง สิ่งที่คนเทรดระยะสั้นต้องระวังคือ การไม่เผลอถือ position นอกเหนือแผนการเทรดของตัวเอง เพราะว่า ถ้าหากเราไม่ตั้ง Stop loss แล้วผลการเทรดที่ขาดทุนจะนำไปสู่การลดลงของพอร์ทอย่างใหญ่หลวง เนื่องจาก การเทรดระยะสั้น ระยะทางการวิ่งของราคาจะน้อย ทำให้ส่ง Lot ใหญ่เพื่อชดเชยกับระยะทาง ดังนั้น หากเราไม่ใส่ Stop loss ในระบบเทรดระยะสั้น คงไม่ต้องพูดถึงว่าจะต้องเผชิญชะตากรรมอะไรบ้าง
เทคนิคในระบบเทรด Forex ระยะสั้น – ข้อดีข้อเสีย
ข้อดีของระบบเทรดระยะสั้นอีกอย่าง คือ เราไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นในระยะยาว เราสามารถตั้ง Position และเปิด Stop loss ไว้ เมื่อมันชน Stop loss ก็คือ จบการเทรด เราไม่ต้องเผชิญกับภาวะจิตใจที่ต้องรู้สึกว่าจะต้องทนกับการถือ position ลองดูการเทรดระยะยาว ที่ต้องถือ position ข้ามปี และต้องถือต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทุกวัน (Swap) ทำให้กำไรที่กว่าจะได้มานั้นบางครั้งอาจจะไม่ Cover ขาดทุนจาก Swap ด้วยซ้ำ ซึ่งระบบเทรดระยะสั้นไม่ต้องเผชิญข้อนี้
อย่างไรก็ตามระบบเทรดระยะสั้น นั้นยังมีข้อเสียที่ตามมาอย่างชัดเจน คือ การเผชิญกับภาวะจิตใจที่ขึ้น ๆ ลง เช่น ถ้าหากเราขาดทุนติด ๆ กันสัก 6 ครั้ง เราจะหงุดหงิดและโมโห อยากจะเอาคืน ซึ่งมันมีความเป็นไปได้สูงมากที่เราจะทำอะไรโดยไม่คิด ขาดสติจากการโมโหนั้นและโดยการส่ง Lot ขนาดใหญ่เพื่อจะเอาคืน ซึ่งหลายคนก็เกิดอาการฟิวส์ขาดนี้ได้บ่อย ๆ นอกจากนี้ ระบบเทรดระยะสั้น อาจจะทำให้ผลตอบแทนลดลงอย่างรวดเร็วอย่างมีนัยสำคัญ นั่นเพราะว่า เมื่อเราขาดทุนในระยะสั้น เรายังขาดทุนได้บ่อยครั้งกว่าการถือ position ในระยะยาว เมื่อขาดทุนติด ๆ กันทำให้การกลับมาใหม่เพื่อทำให้ได้ระดับที่เท่าทุนนั้นยิ่งทำได้ยาก
จากข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบดังกล่าว ระบบเทรดระยะสั้นนั้น เทรดเดอร์ต้องฝึกให้มีความชำนาญ และสามารถป้องกันปัญหาข้ออ่อนของมันไม่ให้เกิดขึ้น โดยการไม่ทำตามอารมณ์ ทำตามแผนการเทรด จะทำให้ไม่นำตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายได้
การเข้าเทรดในระบบเทรดระยะสั้น นั้นจะต้องใช้เครื่องมือให้เหมาะสมกับ Time Frame โดยกลยุทธ์การเทรดนี้จะพูดถึง การเข้า การออก จากการเทรด ซึ่งรวมถึงเครื่องมือและ indicator ต่างที่ควรใช้ ดังนี้
การเข้าเทรด
การเข้าเทรด ระบบเทรดระยะสั้น เป็นการเทรด Swing ประเภทหนึ่ง ซึ่งเครื่องมือประเภทเทรด Swing ก็จะสามารถใช้ Stochastic RSI หรืออาจจะใช้เครื่องมือประเภทเทรนด์ได้ แต่ว่าจะต้องใช้ Time Frame เล็กกว่าที่กำหนด ในตัวอย่างนี้ผมจะใช้ Stochastic ในการจัดการการเข้าเทรด โดยเลือก Time Frame 4 ชั่วโมง ซึ่งรอบของการขึ้นลงต่อรอบเท่ากับ ประมาณหลักสัปดาห์
การตั้ง Stop loss แล้ว เราควรทำการตั้ง Trailing Stop เพื่อป้องกันออเดอร์ที่กำไรกลับกลายเป็นออเดอร์ขาดทุน ในกรณีที่มีการถือ position ข้ามคืน ตอนกลางคืนไม่ได้ดูทำให้เราไม่ต้องกังวล แม้ว่ากำไรอาจจน้อยไปบ้างเพราะมันอาจจะย้อนกลับมาชนการแกว่งตัวของราคา แต่ก็ทำให้ความปลอดภัยนั้นเพิ่มขึ้น
การจัดการการเงิน และ แผนในระบบเทรด นั้นไม่ได้มีอะไรซับซ้อนสำหรับระบบเทรดระยะสั้น สิ่งที่ยากกว่าคือ การรักษาวินัยให้ได้ตามการวางแผนการลงทุน โดยการจัดการการเงินที่ดีที่สุดสำหรับระบบเทรดแบบนี้ คือ การเสี่ยงทีละ 1 – 2 % เท่านั้น ขณะที่ควบคุม Risk Reward ให้ได้ใกล้เคียงกับ 1:2 ทุกครั้ง สิ่งสำคัญที่สุดคืออย่างหนึ่งของแผนการเทรดคือ การทำ Journal เพื่อควบคุมอารมณ์ตัวเราเอง
ขณะที่แผนการเทรดนั้น ควรจะต้องมีการวางเป้าหมาย โดยเป้าหมาย คือการอยู่ให้รอดในตลาดให้นานที่สุด ในตลาดเราไม่รู้ว่โอกาสของเราจะมาในวันไหนสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราทำได้คือ การอยู่รอดเพื่อให้วันที่เราจะทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำมาถึง นั่นคือวันที่เราสามารถทำกำไรติด ๆ กันได้ ถ้าหากอยากประสบความสำเร็จเราต้องให้ความสนใจกับ Consecutive win เพราะว่านั่นคือวิธีที่จะทำให้พอร์ทลงทุนเติบโต
แผนการเทรดเป็นสิ่งที่จะทำให้เราเติบโตในระยะยาว ซึ่งเราควรพัฒนาแผนการเทรดและปรับปรุงมันอยู่เสมอ การพัฒนาแผนการเทรดที่ดีนั้นควรจะต้องมีหลักการและเหตุผล โดยอ้างอิงตามลักษณะปัญหาของการเทรดที่เกิดขึ้น เทรดเดอร์ต้องทำหน้าที่เป็นนักจิตวิทยาของตัวเองในการแก้ไขปัญหาของตัวเอง
_____________________________________________
*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
การซื้อขายในช่วงเวลาสั้น ๆ ในตลาด Forex มักถูกมองว่าเป็นแนวทางปฏิบัติที่ได้รับความนิยมมากกว่าการซื้อขายระยะยาว ในการซื้อขายระยะสั้น สถานะของคุณมักจะอยู่ได้ไม่เกินหนึ่งวัน ในขณะที่การซื้อขายระยะยาวสามารถเปิดได้หลายปี
การซื้อขาย Forex ระยะสั้นมีข้อดี ดังนี้
นี่คือสิ่งที่คุณจะได้รับหากคุณชอบที่จะซื้อขายระหว่างวันและใช้เทคนิคต่างๆ เช่น การซื้อขายฝ่าวงล้อม การถลกหนังการ ซื้อขายตาม ข่าว การซื้อขายช่วง และกลยุทธ์ระยะสั้นอื่นๆ แน่นอนว่ายังมีข้อเสียอยู่บ้างในการซื้อขายระยะสั้น แต่ก็ไม่ใช่หัวข้อของคู่มือนี้ การเทรด Forex ระยะสั้นค่อนข้างดึงดูดนักเทรดรายใหม่ แต่ความเสี่ยงของพวกเขาอยู่ในความผันผวน หากคุณสามารถตั้งค่า stop-loss ที่สมเหตุสมผลและยังคงทำเงินได้ นั่นเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุดที่จะอยู่ในสถานะ short front
_____________________________________________
*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
10 ข้อเสียของการเทรดรูปแบบฮาร์มอนิก (Harmonic)
รูปแบบฮาร์มอนิกช่วยให้ผู้เทรดระบุระดับราคาที่แนวโน้มของสินทรัพย์อาจเกิดการพลิกกลับ ดังนั้นจึงทำให้เทรดเดอร์ได้เปรียบในการเข้าเทรดตั้งแต่เนิ่นๆ ตราบใดที่การคาดการณ์เป็นจริง อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับระบบการซื้อขายอื่น ๆ รูปแบบฮาร์มอนิกก็มีข้อเสียเหมือนกัน
ข้อเสียที่สำคัญของการซื้อขายรูปแบบฮาร์มอนิก (Harmonic)
ขาที่สร้างรูปแบบฮาร์มอนิกจะใช้อัตราส่วนฟีโบนักชีเฉพาะซึ่งกันและกัน หากมีเพียงรูปแบบเดียว เทรดเดอร์อาจจำอัตราส่วนได้ ในทางตรงกันข้าม มีรูปแบบฮาร์มอนิกอย่างน้อยครึ่งโหล (Bat, Butterfly, Crab, AB=CD, Gartley เป็นต้น) ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากสำหรับผู้เทรดที่จะศึกษา จดจำ และระบุรูปแบบเหล่านั้นโดยไม่ต้องใช้ซอฟต์แวร์พิเศษ หรือindicators นอกจากนี้ เทรดเดอร์จะพบว่าเป็นการยากที่จะระบุรูปแบบฮาร์มอนิกที่ไม่เพียงแต่มีโอกาสประสบความสำเร็จสูงเท่านั้น แต่ยังให้ผลกำไรที่น่าชื่นชมอีกด้วย
เป็นปัญหาที่พบบ่อยที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้น รูปแบบฮาร์มอนิกซึ่งพัฒนาในกรอบเวลาที่ต่างกัน อาจแสดงสัญญาณที่ขัดแย้งกัน เราอาจเห็นรูปแบบตลาดกระทิงและตลาดหมีในสองกรอบเวลาทันที สิ่งนี้อาจสร้างความสับสนในใจของเทรดเดอร์ กราฟ USD/JPY ด้านล่างแสดงรูปแบบฮาร์โมนิกรวมขาลงในกรอบเวลา 15 นาที และรูปแบบฮาร์โมนิกของฉลามกระทิงในกรอบเวลา 30 นาที ในสถานการณ์ดังกล่าว เฉพาะประสบการณ์ในการซื้อขายก่อนหน้านี้เท่านั้นที่จะช่วยให้ผู้ค้าสามารถประเมินสถานการณ์และตัดสินใจซื้อขายได้อย่างเหมาะสม ความรู้เกี่ยวกับรูปแบบฮาร์มอนิกเพียงอย่างเดียวจะไม่เพียงพอ
ผู้เทรดที่ปฏิบัติตามกฎของการซื้อขายรูปแบบฮาร์มอนิกอย่างเคร่งจะรับรองรายการที่แม่นยำและระดับการหยุดการขาดทุน อย่างไรก็ตาม เป็นที่เข้าใจได้ว่ากฎการเข้าและหยุดการขาดทุนมักจะถูกผู้เล่นหลักบิดเบือนได้ง่าย และอาจกลายเป็นข้อเสียเปรียบหลักได้ ในตลาด Forex อีกสองสาม pip ที่ลึกลงไปใน Potential Reversal Zone (PRZ) จะมากเกินพอที่จะกระตุ้นคำสั่งหยุดการขาดทุนได้ค่อนข้างง่ายในช่วงที่มีความผันผวน
แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วรูปแบบฮาร์มอนิกจะถูกมองว่ามีกฎการซื้อขายที่แน่นอน แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป ขาที่ประกอบเป็นลวดลายสามารถต่อขยายได้ในรูปแบบฮาร์โมนิกหลายแบบ ตัวอย่างเช่น ในรูปแบบ AB=CD ทางเลือกง่ายๆ ความยาวของขา CD สามารถเป็น 1.27 หรือ 1.618 เท่าของความยาวของขา AB ในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้เชี่ยวชาญที่ช่ำชองจะคำนวณความยาวที่น่าจะเป็นของขาซีดีโดยศึกษาขา BC ไม่จำเป็นต้องพูดว่าประสบการณ์เท่านั้นที่สามารถสอนเทคนิคเหล่านั้นให้กับผู้ค้าได้ ดังนั้นจึงเป็นการชำระล้างแนวคิดทั้งหมดของการตัดสินใจอย่างชาญฉลาดโดยการเรียนรู้รูปแบบฮาร์มอนิก
รูปแบบฮาร์มอนิกจะจัดการกับอัตราส่วนระหว่างการแกว่งของราคาเท่านั้น ไม่ได้พูดถึงกรอบเวลาที่จะเลือกหรือเวลาที่จำเป็นในการบรรลุหรือละเมิดรูปแบบเฉพาะ นอกจากนี้ รูปแบบฮาร์มอนิกส่วนใหญ่จะใช้โดยผู้ค้าสวิง การซื้อขายรูปแบบฮาร์มอนิกไม่เหมาะกับกรอบเวลาระยะสั้นและการซื้อขายรายวันโดยทั่วไป
รูปแบบฮาร์มอนิกตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่ามนุษย์มักจะทำซ้ำพฤติกรรมในอดีตของพวกเขาโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว หากปัจจัยพื้นฐานของสินทรัพย์เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ก็แน่นอนว่ารูปแบบจะล้มเหลว ผู้เทรดสกุลเงินมืออาชีพควรให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐานที่ทำให้ค่าเงินแข็งค่าหรืออ่อนค่าลงอย่างแน่นอน เมื่อผู้ค้าจำนวนมากส่งคำสั่งซื้อหรือขายเพียงเพราะรูปแบบบ่งชี้การกลับตัว ณ จุดใดจุดหนึ่ง มันจะกลายเป็นคำทำนายที่ตอบสนองด้วยตนเอง ผู้จัดการกองทุนอัจฉริยะสามารถหยุดการหยุดได้อย่างง่ายดายในเวลาไม่นาน แม้ว่าจะไม่มีการปฏิเสธว่าความผันผวนในระยะสั้นไม่สามารถอธิบายได้เสมอผ่านข้อมูลทางเศรษฐกิจ แต่ถึงกระนั้น การวางคำสั่งซื้อหรือขายโดยอาศัยรูปแบบฮาร์มอนิกล้วนๆ ก็ไม่ใช่การตัดสินใจที่ฉลาดอย่างแน่นอน
ไม่มีการรับประกันว่ารูปแบบฮาร์มอนิกจะสมบูรณ์ตามที่คาดไว้ ขาข้างหนึ่งสามารถยืดออกได้ ส่งผลให้เกิดความล้มเหลวของรูปแบบ นอกจากนี้ รูปแบบยังสามารถแปลงเป็นรูปแบบอื่นได้อีกด้วย สมมติว่ารูปแบบ Gartley กำลังพัฒนาในกราฟราคา สำหรับรูปแบบ Gartley ที่สมบูรณ์แบบ ขา AB ควรเท่ากับ CD ขา อย่างไรก็ตาม ความชันของแผ่นซีดีอาจไม่เท่ากับความชันของ AB ให้ X แทนค่า swing high ล่าสุด จากนั้น สำหรับรูปแบบ Harmonic Gartley จุด B และจุด D ไม่ควรเกิน X ในขณะที่จุด C ไม่ควรเกิน A หากจุด D เกิน X รูปแบบจะกลายเป็น a ความล้มเหลว. นอกจากนี้ รูปแบบยังสามารถแปลงเป็นรูปแบบฮาร์มอนิกของผีเสื้อ ความเป็นไปได้ดังกล่าวจะทำให้ผู้เทรดมือใหม่อยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
PRZ ของรูปแบบฮาร์มอนิกบางรูปแบบประกอบด้วยจุดสุดยอดของอัตราส่วนฟีโบนักชีหลายอัตราส่วน ปัญหาคือระดับที่ระบุโดยอัตราส่วน Fibonacci อาจกระจายมากกว่า 50 pips หรือมากกว่า ตัวอย่างเช่น อัตราส่วนที่ประกอบเป็น PRZ ในรูปแบบ Gartley คือ 0.786 XA, 1.27 BC และ 1.618 BC นอกจากนี้ ระดับที่ AB=CD อาจสิ้นสุดใน PRZ ด้วย ดังนั้นจึงไม่สามารถทำการสั่งซื้อทันทีและรอให้ราคาไปถึง PRZ ผู้ค้าปลีกต้องคอยติดตามการก่อตัวของจุดต่ำสุดที่สูงขึ้นหรือจุดต่ำสุดที่ต่ำกว่าเพื่อเข้าสู่ตำแหน่งยาวหรือสั้น สิ่งนี้ทำให้การซื้อขายตามรูปแบบฮาร์มอนิกเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน
กราฟราคาจะดูงุ่มง่ามเมื่อใดก็ตามที่แนบindicators รูปแบบฮาร์มอนิกเข้ากับแผนภูมิ เทรดเดอร์ที่ช่ำชองมักจะแนะนำให้ผู้เริ่มต้นใช้แผนภูมิราคาที่ชัดเจน เพื่อให้สามารถเห็นระดับแนวรับและแนวต้านได้อย่างชัดเจน การมีเส้นจำนวนมากบนกราฟราคาสามารถเบี่ยงเบนความสนใจของเทรดเดอร์จากระดับที่สำคัญได้
ไม่มีการเรียกร้องของรูปแบบฮาร์มอนิกใหม่ในอินเทอร์เน็ต เกือบทั้งหมดมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยจากรูปแบบฮาร์มอนิกหลักหกรูปแบบ อันที่จริง การอ้างสิทธิ์ดังกล่าวเพิ่มความซับซ้อนของการซื้อขายรูปแบบฮาร์มอนิกเพิ่มเติม
_____________________________________________
*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
แนวคิด 3 M ในการเทรด
กฎ 3 ข้อที่สำคัญมากต่อการเทรด forex คือ กลยุทธ์, Money Management, และจิตวิทยาการลงทุน ในบทความนี้ ผมต้องการเจาะลึกลงไปที่คำว่า Money Management ซึ่งไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ชอบคำนี้ก็ตาม การพัฒนาตนเองจนกลายเป็น trader forex มืออาชีพ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ Money Management
Money Management หากเขียนเป็นคำไทย น่าจะหมายถึงการบริหารจัดการเงินทุนของคุณ สำหรับการเทรด forex บางทีแล้วคุณอาจได้เห็นเป็นตัวอักษรย่อ เช่น MM
แนวคิด 3M ถือว่าเป็นหลักการพื้นฐานในการเทรดเลยก็ว่าได้ที่ว่า จะประสบความสำเร็จในการเทรดได้นั้นต้องประกอบด้วย 3M คือ
ทุกคนต้องมีวิธีการเทรดเป็นของตัวเอง โดยวิธีการเทรดใน Forex นั้นมีค่อนข้างหลากหลายทั้ง Trend following , Mean reversion , Scalping , Breakout และอีกมากมาย ซึ่งไม่ซีเรียสว่าเราจะนำอันนั้นมาใช้ เพราะทุกวิธีการนั้นมีข้อดีที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่ว่าเทรดเดอร์ถูกจริตกับวิธีการไหนมากกว่าแค่นั้น แต่อย่างไรก็ดี วิธีการในโลกการเทรดนั้นมีทั้ง “ถูกต้อง” และ “ไม่ถูกต้อง” ซึ่งตรงนี้เทรดเดอร์ต้องระมัดระวังอย่างมากๆ อย่าไปใช้วิธีการที่ไม่ถูกต้อง ในวงการนี้เต็มไปด้วยของจริงและของปลอมปะปนกัน ยังมีพวกกูรูปลอมๆ มากมายที่ชอบมาโม้ว่ามีเครื่องมือเทพ สามารถทำให้รวยได้ไวๆ ซึ่งเราอย่าใช้ความโลภไปตกเป็นเหยื่อพวกนี้นะครับ … คำถามคือเราจะแยกแยะได้อย่างไรก็วิธีการไหนถูกต้อง วิธีการไหนไม่ถูกต้อง ซึ่งอยากจะแนะนำง่ายๆคือ ถ้าวิธีการไหนมันซับซ้อนเกินไป มันดูครุมเครือ ให้เปลี่ยนไปหาวิธีการใหม่ดีกว่า อย่าไปฝืนใช้มัน
จากประสบการณ์ของเทรดเดอร์หลายๆคนที่ประสบความสำเร็จ ต้องบอกว่าเสาหลักต้นนี้นั้น โคตรสำคัญ! เทรดเดอร์มือใหม่หลายท่านละเลิกเสาต้นนี้ ซึ่งอย่าลืมนะครับว่าการเทรดนั้นต้องอาศัย เงินทุน ถึงการเทรดได้ ถ้าเงินทุนเราหมด อาชีพการเทรดเราก็จบ เหมือนกับนักฟุตบอลที่ไม่มีลูกบอลมาเตะ ดังนั้นสิ่งสำคัญของเทรดเดอร์คือ รักษาเงินลงทุนให้ได้ การรักษาเงินลงทุนนั้นก็มีจากการจัดการความเสี่ยงที่ดี สามารถประคองพอร์ตเราให้เติบโตได้อย่างเหมาะสม
การที่เราจะประคองการเทรดให้อยู่ในมาตรฐานปกติของเราอยู่สม่ำเสมอนั้นต้องอาศัย Mindset ของจิตวิทยาที่ดี เพราะในตลาดนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์มากมายทั้ง โลภ กลัว กังวล เครียด ต่างๆ นี้ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เทรดเดอร์นำอารมณ์เข้ามาเทรด มันจะนำไปสู่หายนะของเทรดเดอร์ทุกคน ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีในหมู่เทรดเดอร์มืออาชีพ ดังนั้นอาชีพเทรดเดอร์ต้องอาศัย Mindset ที่เหมาะสม เข้าใจกลยุทธ์ที่เราใช้ เข้าใจด้านมืดของตลาด ซึ่งจะสามารถอยู่รอดในตลาดแห่งนี้ได้
สิ่งที่คุณจะได้รับจากการทำ Money Management คือ คุณสามารถเทรด forex ได้อย่างปลอดภัย และโอกาสน้อยมากครับที่จะเกิดการล้างพอร์ต (จริงๆแล้วมันจะไม่เกิดขึ้นเลย) ดังนั้นคุณคงไม่ต้องการให้สิ่งนี้เกิดคุณอยู่แล้ว จงใช้ Money Management เข้ามาช่วยในการเทรด forex
สำหรับข้อเสียของการไม่วาง Money Management ไว้ คือ คุณจะไม่มีแนวทางในการเทรดและทำกำไรจากตลาด forex อย่างถูกต้อง แน่นอนว่าคุณอาจได้กำไร แต่เมื่อถึงตาที่คุณเสีย คุณจะขาดแผนการรับรองที่ดี และในที่สุดคุณก็จะขาดทุนนั่นเอง
_____________________________________________
*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
เทรดเดอร์หลายคนติดตามข่าว Forex เพราะพวกเขาคิดว่ามันเป็นส่วนสำคัญของการซื้อขาย มันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ที่มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันใน การซื้อขายข่าวสาร (อย่างไรก็ตาม เรามีคำอธิบายกลยุทธ์สำหรับ การซื้อขายข่าวสำคัญ ) โบรกเกอร์ที่ทำการซื้อขายในช่วงที่มีข่าวที่มีผลกระทบสูง ต้องรับมือกับความผันผวนสูงอย่างผิดปกติ ซึ่งส่งผลให้เกิดปัญหาบางอย่างสำหรับกระบวนการดำเนินการตามคำสั่ง
โบรกเกอร์ส่วนใหญ่เพียงแค่เพิ่มสเปรดในคู่สกุลเงินที่ได้รับผลกระทบ เมื่อความผันผวนที่เกิดจากข่าวเข้าครอบงำตลาด อย่างไรก็ตาม การตระหนักถึงวิธีการทั้งหมดที่ระบุไว้ข้างต้นนั้นไม่เสียหาย วิธีนี้จะช่วยให้คุณวางแผนการเทรดได้ดียิ่งขึ้น
_____________________________________________
*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
การซื้อขาย Forex ออนไลน์รายวันได้รับความนิยมไปทั่วโลกตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 2000 นักลงทุนบางคนประสบความสำเร็จอย่างมากและได้รับผลกำไรมหาศาลในช่วงเวลาสั้น ๆ อย่างไม่น่าเชื่อ อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายคนที่ประสบความสูญเสียครั้งใหญ่เพราะพวกเขาไม่ได้ใช้ประโยชน์จากปัจจัยสำคัญ 6 ประการที่จำเป็นสำหรับการซื้อขาย Forex ที่ประสบความสำเร็จ
ความสำเร็จในอาชีพใด ๆ สามารถแบ่งออกเป็นปัจจัยสำคัญหลายประการ การซื้อขายก็ไม่ต่างกัน กลยุทธ์การซื้อขายสกุลเงินที่ประสบความสำเร็จประกอบด้วย 6 ปัจจัยต่อไปนี้ :
_____________________________________________
*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
5 สิ่งที่คุณไม่ควรทำในตลาด Forex
1.อย่าวางการหยุดการขาดทุน บางครั้งคุณเพียงแค่ลืมวางการหยุดการขาดทุนบางครั้งคุณหวังว่าราคาจะไป “ถูกทาง” ในที่สุด และคิดว่าการหยุดการขาดทุนจะเป็นอุปสรรค นี่มันผิด! วาง Stop Loss ไว้เสมอ — ควรวางอย่างมีกลยุทธ์เพื่อป้องกันการค้าที่ไม่เป็นไปตามแผนของคุณไม่ให้ทำลายบัญชีทั้งหมดของคุณ
2.ซื้อขายล็อตใหญ่เกินไป แม้ว่าคุณจะมั่นใจ 100% ว่าตำแหน่งนี้จะทำกำไรได้ อย่าทำให้มันใหญ่เกินไป ขนาดความเสี่ยง 1%-5% ของขนาดบัญชีของคุณก็มากเกินพอ การสูญเสีย 20% ของเงินฝากของคุณจะต้องได้รับมากถึง 25% เพื่อกู้คืนการสูญเสียนั้น!
3.Overtrade — ทุกคนบอกว่าการค้าเกินนั้นไม่ดี แต่สำหรับเทรดเดอร์ การอยู่ห่างจากตลาดมักจะเป็นเรื่องยากเสมอเมื่อมีโอกาสมากมาย เพียงพยายามกำหนดขีดจำกัดสำหรับการซื้อขายรายวัน/รายสัปดาห์สำหรับตัวคุณเอง Overtrading เป็นผลมาจากการตอบสนองทางอารมณ์ต่อกลไกของตลาด การตัดสินใจซื้อขายดังกล่าวไม่ได้กำหนดจิตใจของคุณ ดังนั้นจงหลีกเลี่ยงทุกวิถีทาง
4.การปิดโพซิชั่นที่ชนะเร็วเกินไป — ดูเหมือนว่าโอเคที่จะได้กำไรที่รับประกัน เมื่อเทียบกับการเสี่ยงที่จะรอมากกว่านั้น อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์การซื้อขายทั่วไปพิสูจน์ให้เห็นว่าการปิดตำแหน่งที่ชนะก่อนกำหนดและการรอให้สถานะที่แพ้เป็นสีเขียวนั้นเป็นแนวทางที่ผิดทั้งหมด ปล่อยให้ตำแหน่งที่ชนะของคุณทำงานและตัดตำแหน่งที่แพ้ของคุณออกไปก่อน!
5.การปฏิบัติตาม การคาดการณ์และสัญญาณ — สำหรับผู้เทรดบางราย เป็นการยากที่จะหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีกูรู Forex บางคนที่พวกเขาเคารพ การเทรดด้วยกลยุทธ์ของคุณเองและความรับผิดชอบอย่างเต็มที่เป็นวิธีเดียวที่จะเป็นนักเทรด Forex มืออาชีพและประสบความสำเร็จ
_____________________________________
ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับระบบเทรด Forex
ฟอเร็กซ์ ย่อมาจากคำว่า Foreign Exchange Market คือ ตลาดเเลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตัวอย่างเช่นคุณอาจคิดว่ายูโร (EUR) กำลังขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) คุณจึงดำเนินการเทรดโดยซื้อคู่สกุลเงิน EUR/AUD หากยูโรขึ้น คุณอาจได้กำไร แต่หากตกลง คุณก็จะขาดทุน ในทางกลับกัน หากคุณคิดว่ายูโรกำลังลดลง คุณอาจดำเนินการเทรดซึ่งจะได้ประโยชน์จากความเคลื่อนไหวของราคาในลักษณะดังกล่าว แพลตฟอร์มการเทรดทางออนไลน์ทำให้การเทรดสะดวกอย่างยิ่ง เนื่องจากทำให้คุณสามารถเข้าใช้เครื่องมือการเทรด แหล่งข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์ และสื่อการศึกษา ก่อนเริ่มต้นด้วยบัญชีจริง เทรดเดอร์ควรใช้เวลาทำความคุ้นเคยกับลักษณะที่ตลาด Forex เคลื่อนไหวและสร้างกลยุทธ์การเทรดที่ปฏิบัติได้จริงตามเป้าหมายส่วนตัวของตน
มีเหตุผลจำนวนมากที่ทำให้คนเลือกระบบเทรด Forex ตั้งแต่ต้องการหารายได้เสริมไปจนถึงหาอาชีพใหม่ๆ นี่คือเหตุผลหลักสามข้อที่ลูกค้าของเราสนุกกับการเทรด Forex:
ไม่เป็นไรหากคุณไม่เคยเทรดมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นมืออาชีพที่ประสบการณ์สูง มีเวลาเทรดเยอะ หรือมีเวลาน้อยมาก เพราะการเทรด Forex มีหลากหลายแบบและให้โอกาสกับทุกคน การเทรด Forex ได้รับความนิยมเป็นพิเศษในบรรดาเทรดเดอร์ต่อไปนี้:
เป็นเรื่องง่ายที่เทรดเดอร์มือใหม่จะใช้เวลามากในการศึกษาแพลตฟอร์มการเทรดที่จะใช้หรือมองหาโซลูชั่นด้านเทคโนโลยีล่าสุด ความเป็นจริงก็คือเทรดเดอร์มือใหม่ไม่รู้จริงๆ ว่าพวกเขาต้องการอะไรจนกว่าจะค้นพบสไตล์การเทรดของตนเอง จึงหมายความว่าการเริ่มต้นจากสิ่งพื้นฐานและโฟกัสที่การเรียนรู้ก็เพียงพอที่จะเริ่มต้นโดยมีความเสี่ยงน้อยที่สุด
คำแนะนำก็คือเทรดเดอร์มือใหม่ควรพิจารณาที่จะเริ่มต้นด้วยสิ่งพื้นฐานต่อไปนี้:
ขณะที่คุณพัฒนาการเทรดของคุณ คุณอาจต้องการใช้เครื่องมือต่อไปนี้:
บัญชี Pro(สำหรับเทรดเดอร์ที่มีปริมาณการซื้อขายสูง)
กำลังมองหาแผนง่ายๆ เพื่อเริ่มต้นโดยไม่ยุ่งยากใช่ไหม ทำตามขั้นตอนง่ายๆ เหล่านี้:
นอกจากนี้ ยังคุ้มที่จะสละเวลาดูความผิดพลาดในการเทรด Forex เหล่านี้และใช้จิตวิทยาด้านการเทรดของคุณในบทความต่อไปนี้:
#แจกฟรี!ระบบเทรด
_____________________________________
#แจกฟรี!ระบบเทรด
_____________________________________
เทคนิคความสำเร็จของนักเทรดforex สู่การเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ
10 เทคนิคเทรดอย่างมืออาชีพในระบบเทรด forex
#แจกฟรีระบบเทรด
_____________________________________
เทคนิคการทำกำไรจาก Trend Line วิธีการลากเส้นเทรนไลน์
Trend line แค่ลากก็ทำกำไร เทคนิคการเทรด Forex เรื่องการลากเทรนไลน์เป็นเรื่องง่ายๆ ที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดเป็นหลักการเบื้องต้นที่ควรรู้ก่อนที่ จะใส่อินดีเคเตอร์ อะไรลงไป ใน Chart เพราะจะทำให้คุณทราบถึง แนวโน้ม แนวรับแนวต้านก่อนที่จะใช้เครื่องมือหรือเทคนิค อื่นๆ หรือ Indicator เพื่อ คอนเฟิร์ม สัญญาณ
ในทุกๆ Time frame สามารถที่จะ ลากเส้น Trend line ได้ทั้งหมด เพราะ สิ่งที่คุณต้องรู้ก่อน เทรด ทุกครั้งก็คือแนวโน้มใน Time Frame ที่ใหญ่ก่อนค่อยเรียงไปหาเล็ก
การลากเส้นเทรนไลน์นั้น ไม่มีวิธีใดถูก หรือ ผิดไป เสียทั้งหมด วิธีการหักการลากเส้นเทรนไลน์ที่ดี ควรและสามารถ วัดผลความชำนาญหรือ พัฒนาการของการลากได้เลยก็คือใช้ Time frame เล็กๆ เช่น TF15 นาที เหมาะสำหรับการทดลอง และ เทรด จริง เหมาะ สำหรับการเล่นเป็นรอบๆ ถ้าผิดทางก็ SL แล้วก็ เข้า Order ใหม่
ประโยชน์ ของ Trend line ลองอ่านจากกระทู้นี้ ครับ Trend line รูปแบบของกราฟ Forex และเมื่อเวลาท่านมองกราฟ ไม่ว่าจะรูปแบบกราฟ ลักษณะไหนท่านก็อาจใช้เพียงแค่สายตามมองเท่านั้น ท่านก็พอจะรู้ทิศทางของกราฟแล้ว
จุดอ่อนของ การลากเส้นเทรนไลน์ คือ ช่วง Sideway แต่ เราจะรู้ได้อย่างไร ว่า ช่วงไหนเป็นช่วง Side way ก็จนกว่ากราฟ มันจะเป็นรูปแบบให้เราเห็นนั่นแหละ ครับ ทีนี้ มาดูเทคนิคป้องกันการเล่นในช่วง Side way กันดีกว่า จากประสบการผู้เขียน ช่วงที่กราฟ จะ วิ่ง มี อยู่ 2 ช่วงคือ ช่วง UK session เปิด คาบเกี่ยวกันจนถึงช่วง US session เปิดประมาณ 3-4 ชม แล้ว มันตรงเวลาไหน ในบ้าน เรา ประมาณ บ่าย 2 โมง จนถึง 5 ทุ่ม บ้านเราครับ แม้ตลาด Forex จะเปิดตลอด 24 ชม จันทร์-ศุกร์ แต่ ตลาด จะวิ่งแรง หรือมีเทรนเฉพาะ ช่วงนี้ หลังจากนั้น กราฟ ก็จะวิ่งเหมือนกันแต่จะ ไปแบบเอื่อยๆ เรื่อยๆ ดังนั้น การเทรด Forex ที่ดี ไม่จำเป็นต้องนั่งเฝ้าตลอด 24 ชม แค่รอเทรด เฉพาะ ช่วงนี้ก็เพียงพอแล้ว เอาเวลาที่เหลือไป ทำอย่างอื่นดีกว่า ครับ แม้ ช่วง Sideway จะไม่น่าเล่น แต่ ก็เหมาะ ที่ จะ ขีดเส้นเทรนไลน์รอ เพื่อรอ ทำกำไร เอาเป็นว่าฝึกไว้ ทำกำไรได้ ทุกช่วงครับ
เอาล่ะครับ นอกเรื่อง Trend Line มามากแล้ว มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า มาเริ่มที่ Chart เปล่าๆ กันดีกว่านะ ครับ การลาก Trend Lin แบบเบื้องต้นคือลองลาก จากจุดสูงสุดหนึ่งไปยังจุดสูงสุดอีกจุดหนึ่ง และเช่นกัน แนว รับด้านล่างก็ ลาก จากเส้น ต่ำสุดหนึ่งไป ยัง เส้นต่ำสุดอีก หนึ่งจุด เหมือนกัน ลองลากดู ไม่มี่ ใครผิด ใคร ถูก และ ไม่มีอะไร ที่ 100 % บางที ราคาอาจจะวิ่งเลยไป นิดหนึ่งแต่สักพักก็จะวิ่งกลับมาทางเดิม มาดู ภาพประกอบการลาก เทรนไลน์ แบบต่างๆ กันดีกว่า
#แจกฟรีระบบเทรด
_____________________________________
Expert Advisors (EA) หรือที่บางคนเรียกว่า Bot
คือโปรแกรมช่วยการเทรดอัตโนมัติ ที่เราสามารถติดตั้งลงไปบน MT4 เสมือนว่าเป็นตัวของเราที่ทำการเทรดเองแต่จริงๆแล้วเป็นการใช้เครื่องมือในการเทรดต่างหาก ถือว่า Expert Advisors (EA) เป็นตัวช่วยที่สำคัญมากๆ โดยเฉพาะสำหรับคนที่มีเวลาในการเทรด forex ค่อนข้างน้อย EA คือการให้ระบบหรือสคริปต์ ซึ่งได้ถูกกำหนดไว้ตามหลักทฤษฎีการเทรดให้ซื้อขายแทนเรา
วิธีเลือก EA ในระบบเทรด Forex
1.เลือก EA ที่มีการแสดงโชว์ที่ Myfxbook เสมอๆ
EA ในระบบเทรด Forex ที่ดีที่สุดคือ EA ที่มีการแสดงผลย้อนหลัง หรือการทำ back test ให้เราดูได้ ยิ่งมีการทำ back test ให้เราดูย้อนหลังได้มากเท่าไหร่ อย่างน้อย 1 ปีย้อนหลังย่อมแสดงโอกาสใน การทำกำไรที่มากขึ้นเท่านั้น แต่ไม่ใช่ว่า back test ดีจะสามารถทำกำไรได้ในตลาดจริง แต่สิ่งที่ดีกว่าการดูผลลัพธ์จาก back test คือผลงานการเทรดในตลาดจริงผ่าน Myfxbook อย่างต่อเนื่อง และสามารถเข้าไปเช็ค EA ได้
2.หาอ่านบทความรีวิวเกี่ยวกับ EA ตัวนั้นๆ
นอกเหนือจากการทำตามข้อแรกแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือ ควรอ่านบทความรีวิวที่กล่าวถึง EA นั้นๆประกอบด้วย ตรวจสอบและเช็คดูว่า มีอะไรที่คนทั่วๆไป เขียนถึงหรือพยายามรีวิวถึง มันจะเป็นการง่ายมากๆ หากอ่านภาษาอังกฤษออก ดังนั้นฝึกทักษะในข้อนี้ของคุณไว้ด้วยเสมอๆ วึ่งปกติ มักจะเป็นเว็บต่างประเทศ ที่มีการ รีวิว เว็บไทย
3.ติดต่อผู้พัฒนา EA เพื่อสอบถามข้อสงสัย
เมื่อมีข้อมูลเกี่ยวกับ EA นั้นๆมากพอ ข้อต่อไปที่ควรทำคือการสอบถามข้อสงสัยที่อาจมีกับทางผู้พัฒนา อยากให้ถาม เพราะการถามเป็นประตูที่สร้างความสนิทใจในการซื้อหรือเลือกใช้บริการ EA นั้นๆให้เพิ่มขึ้น คิดว่าแนวทางนี้สำคัญ และควรทำความเข้าใจอย่างยิ่ง แต่ส่วนมาก มักจะ โหลดมาเก็บ เก็บลงเครื่องไว้ก่อน
4.ทดสอบสัก 3 เดือนก่อนที่เริ่มเทรด
เมื่อคุณถามจนมั่นใจแล้ว จงทำการทดสอบ EA นั้นสัก 3 เดือนเป็นอย่างน้อย ทดสอบในที่นี้หมายถึง การรัน EA ในตลาดจริงด้วยบัญชี Demo เนื่องจากว่าข้อมูลจาก back test อย่างเดียวไม่เพียงพอ ลองดูว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอย่างไร ส่วนใหญ่แล้วถ้าเป็น EA ที่ไม่ดี มักมีผลตามมาคือ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอาจส่งผลให้คุณขาดทุน แต่นั่นเป็นการดีครับ เพราะเราจะได้ทำการยกเลิกการใช้ EA นั้นทันทีก่อนที่คุณจะเสียเงินจากบัญชีจริง ส่วนตัวนั้นทำ forward test มากกว่า เรื่องกำไร ไม่เน้นมาก เน้น อัตรา drawdown
5.ทำ A/B Test อย่างน้อย 2 ตัว เพื่อช่วยให้า EA ในระบบเทรด Forex ที่ดีที่สุด
วิธีการทำ A/B Test คือการทดสอบและทำการตรวจสอบดูว่า EA ตัวไหนที่สามารถสร้างผลกำไรได้ดีที่สุด โดยการนำ EA ที่คุณเลือกไว้ทั้ง 2 ตัวมารันพร้อมกันและเปรียบเทียบ วิธีการนี้ช่วยให้เรามองเห็น EA ในระบบเทรด Forex ที่ดีที่สุด ที่เหมาะสำหรับคุณ
6.ต้องรู้ว่า EA ตัวนั้น ทำงานแบบไหน
EA มีการทำงานหลายแบบ แบบเบื้ลล็อต ( Martingale ) แบบ Grid , แบบ EMA Cross , แบบที่เขียนขึ้นตามระบบของบุคคล ถ้าคิดจะใช้ EA ต้องรู้ว่ามันทำงานยังงัย ไม่งั้น ล้างพอร์ต
#แจกฟรี!ระบบเทรด
_____________________________________
รูปแบบ Evening Star Forex คืออะไร
รูปแบบ Evening Star Forex แสดงถึงรูปแบบการกลับตัวของแท่งเทียนที่คาดการณ์การกลับตัวของราคาในอนาคตที่สมมุติฐานเป็นขาลง รูปแบบดาวยามเย็นประกอบด้วยแท่งเทียนสามแท่ง: แท่งเทียนกระทิงขนาดใหญ่ เทียนแท่งเล็ก และแท่งเทียนสีแดงขนาดใหญ่
รูปแบบ Evening Star ประกอบด้วยเทียน 3 เล่ม:
รูปแบบ Evening Star สามารถเห็นได้ในการซื้อขายหุ้น การซื้อขายฟอเร็กซ์ ดัชนี ที่สินทรัพย์การซื้อขายใดๆ มันเป็นส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์ทางเทคนิค การวิเคราะห์รูปแบบแท่งเทียนกลับตัว
เทียนเล่มที่สองสามารถเทียนขนาดเล็กใดๆ โดยปกติแล้ว จะเป็นเทียนโดจิหรือเทียนขาลงขนาดเล็ก แต่บางครั้งอาจเป็นเทียนขาขึ้นขนาดเล็กได้
_____________________________________
Stop Loss Order คือคำสั่งเทรดที่จะปิดการเทรดที่ขาดทุนโดยอัตโนมัติที่ระดับราคาหนึ่ง คำสั่ง Take Profit ช่วยให้คุณสามารถปิดการซื้อขายที่ทำกำไรได้โดยอัตโนมัติที่ระดับราคาหนึ่ง ดังนั้น ความแตกต่างระหว่างคำสั่ง Stop Loss และคำสั่ง Take Profit คือวิธีที่เราใช้คำสั่งประเภทนี้ เนื่องจากคำสั่ง Stop-Loss จะปิดการเทรดที่ขาดทุนและการทำกำไรจะปิดการเทรดที่ทำกำไรได้ หากราคาปัจจุบันคือ $100 และเรามีการซื้อขาย BUY คำสั่งหยุดการขาดทุนอาจเป็น $99 (ระดับราคาต่ำกว่าราคาปัจจุบัน) และคำสั่ง Take profit อาจเป็น forex เช่น $101 (ระดับราคาสูงกว่าปัจจุบัน ราคา)
ความแตกต่างระหว่าง Stop Loss และ Take Profit
คำสั่งที่ถือเป็นการหยุดการขาดทุนเป็นคำสั่งที่มีวัตถุประสงค์ในการปิดอัตโนมัติของการเทรดที่ไม่ทำกำไรเนื่องจากประสบการณ์ของการสูญเสียที่ จุดราคาที่กำหนดไว้เพื่อให้สามารถรับประกันการจำกัดจำนวนเงินที่ผู้เทรดสูญเสีย แน่นอนว่าเป็นที่เข้าใจกันว่าคำสั่งประเภทนี้สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นประโยชน์สำหรับคุณในฐานะเทรดเดอร์ในฐานะหนึ่งในเครื่องมือหลักสำหรับการบริหารความเสี่ยง
เมื่อคำสั่งถูกจัดประเภทเป็นการทำกำไร หมายความว่าคำสั่งประเภทนี้อนุญาตให้คุณมีส่วนร่วมในการดำเนินการปิดอัตโนมัติของการเทรดที่ถือว่าทำกำไรได้สำหรับจุดราคาที่กำหนด คำสั่งประเภทนี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างมากเกี่ยวกับการจัดการความเสี่ยง ในบทความคำสั่ง stop-limit คืออะไร เราได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
รายละเอียดเพิ่มเติม คำสั่งที่ถือเป็นการทำกำไรถือเป็นประเภทของคำสั่งที่มีข้อจำกัดที่กำหนดไว้ มันกำหนดข้อกำหนดเกี่ยวกับราคาที่กำหนดเพื่อปิดตำแหน่งที่เปิดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของกำไร ความจริงก็คือผู้ค้าส่วนใหญ่มีส่วนร่วมในการใช้คำสั่งที่ทำกำไรร่วมกับการใช้คำสั่งที่ระบุว่าเป็นการหยุดการสูญเสียเพื่อดำเนินการจัดการตำแหน่งของตนที่ถือได้ว่าเปิดอยู่
หากมีการเพิ่มความปลอดภัยเกี่ยวกับจุดสำหรับคำสั่งที่ทำกำไร คำสั่งสำหรับการทำกำไรจะได้รับการดำเนินการ และมีการปิดสถานะเพื่อให้ได้กำไร ในกรณีเช่นนี้ ความปลอดภัยเกี่ยวกับจุดหยุดการขาดทุนลดลง คำสั่ง s/l อยู่ระหว่างการดำเนินการ และมีการปิดสถานะที่ขาดทุน
ประโยชน์ของการใช้คำสั่งที่ทำกำไร มีข้อสังเกตว่าผู้เทรดไม่ต้องพิจารณาการดำเนินการใด ๆ ที่ทำด้วยตนเอง และไม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วมในการคาดเดาครั้งที่สอง อันที่จริง คำสั่งซื้อที่ระบุว่าเป็นการทำกำไรจะดำเนินการเพื่อจุดราคาที่เหมาะสมที่สุดโดยไม่มีพฤติกรรมด้านความปลอดภัย
เป็นการดีที่สุดสำหรับผู้เทรดที่ทำกำไรเพื่อดำเนินการโดยผู้เทรดที่ทำการค้าที่ระบุไว้ในระยะสั้นเมื่อพวกเขาต้องการระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อจัดการระดับความเสี่ยงของพวกเขา โดยอิงจากสมมติฐานที่ว่าผู้เทรดสามารถยกเลิกการค้าเมื่อบรรลุเป้าหมายกำไรที่วางแผนไว้ เนื่องจากจะส่งผลให้เกิดการป้องกันความเสี่ยงเกี่ยวกับการลดลงของตลาดที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เทรดเดอร์ที่มักจะใช้กลยุทธ์ที่ถือเป็นระยะยาวมักจะไม่ให้ความสำคัญกับคำสั่งประเภทนี้มากนัก เนื่องจากยอมรับว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะลดผลกำไรที่พวกเขาทำได้
ประโยชน์ของคำสั่งที่จัดประเภทเป็น Stop Loss คือความจริงที่ว่าคุณไม่จำเป็นต้องตรวจสอบบัญชีของคุณทุกวัน ในทางกลับกัน พบว่ามีข้อเสียของคำสั่งประเภทนี้เช่นกัน ซึ่งเป็นที่ยอมรับว่าเป็นความผันผวนของราคาในระยะสั้น อันที่จริง อาจส่งผลให้เกิดการเปิดใช้งานการหยุดซึ่งจะทำให้เกิด การขายที่ไม่จำเป็น
________________________________________________
การป้องกันความเสี่ยงในโลกแห่งการลงทุนช่วยลดความเสี่ยง การป้องกันความเสี่ยงทำงานเหมือนกรมธรรม์ประกันภัย และวิธีการที่ใช้แตกต่างกันไปตามประเภทของสินทรัพย์ต่างๆ ตัวอย่างเช่น การลงทุนในทองคำและโลหะมีค่ามักถูกมองว่าเป็นการป้องกันความเสี่ยงที่ดีต่อเงินเฟ้อ เนื่องจากประสิทธิภาพในอดีตที่ยอดเยี่ยมของประเภทสินทรัพย์ในช่วงเวลาที่เงินเฟ้อสูง เมื่อพูดถึงการซื้อขายหุ้น นักลงทุนจะป้องกันความเสี่ยงด้วยการซื้อตัวเลือกหุ้น การป้องกันความเสี่ยงโดยทั่วไปเป็นกระบวนการจัดการความเสี่ยงที่ซับซ้อนซึ่งใช้โดยผู้ค้าบางส่วน
การป้องกันความเสี่ยงใน Forex อาจเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ซื้อขายตำแหน่งบางราย แม้จะฟังดูซับซ้อน แต่แนวคิดก็เรียบง่ายและไม่มีอะไรยากเกินไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อให้ได้ภาพที่ชัดเจนขึ้น เรามาพูดถึงตัวอย่างง่ายๆ กัน สมมติว่า คุณกำลังชอร์ต EUR/USD และตั้งใจที่จะอยู่ในสถานะนี้เป็นเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน และคุณไม่แน่ใจว่าข่าวการตลาดบางอย่างจะส่งผลต่อการค้าของคุณอย่างไร แทนที่จะปิดสถานะของคุณ โดยการเปิดคำสั่งระยะสั้นในทิศทางตรงกันข้าม คุณกำลังป้องกันความเสี่ยงจากข่าวนั้น ๆ การป้องกันความเสี่ยงมักจะเกิดขึ้นในไม่ช้า เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายบางอย่าง
มีกลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยง Forex มากมาย และในบทความนี้เราจะพูดถึงกลยุทธ์ที่ดีที่สุด:
การซื้อขายกลยุทธ์เหล่านี้เกี่ยวข้องกับการเปิดการซื้อขายใหม่หรือการซื้อขายหลายครั้งในทิศทางตรงกันข้ามกับการซื้อขายเดิมของคุณ แต่ละกลยุทธ์มีจุดแข็งและจุดอ่อน มาพูดคุยกันในรายละเอียดเพิ่มเติมกัน
การป้องกันความเสี่ยงโดยตรงใน Forex เกิดขึ้นเมื่อผู้ค้าอยู่ในการซื้อขายแล้วและเปิดคำสั่งการซื้อขายที่ตรงกันข้ามในคู่เดียวกัน กลยุทธ์นี้ใช้โดยเทรดเดอร์ที่ไม่แน่ใจว่าเหตุการณ์บางอย่างจะส่งผลต่อราคาคู่และต้องการอยู่ในตำแหน่งนานขึ้นได้อย่างไร ข้อเสีย หากข่าวเป็นบวกสำหรับคำสั่งซื้อเดิม เทรดเดอร์จะขาดทุนจากสถานะที่ป้องกันความเสี่ยง เพื่อจำกัดการสูญเสีย ควรใช้คำสั่งหยุดการขาดทุนในตำแหน่งที่มีการป้องกันความเสี่ยง ขนาดของ Stop Loss ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม ความสำคัญของข่าว และปัจจัยอื่นๆ
สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือโบรกเกอร์บางรายไม่อนุญาตให้มีการป้องกันความเสี่ยงโดยตรง และพวกเขาจะปิดตำแหน่งแรกเมื่อใดก็ตามที่คุณวางตำแหน่งตรงข้ามหรือรวมเข้าด้วยกัน ไม่อนุญาตให้มีการป้องกันความเสี่ยงโดยตรงในการซื้อขาย Forex ในบางประเทศ รวมทั้งสหรัฐอเมริกา เหตุผลหลักที่หน่วยงานด้านการเงินของอเมริกาได้ตัดสินใจที่จะห้ามการปฏิบัตินี้คือการป้องกันไม่ให้ผู้ค้าขายเกินและจ่ายสเปรดและค่าคอมมิชชั่นสองเท่า
คู่ Forex บางคู่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน สหสัมพันธ์คำนวณโดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ตั้งแต่ -1 และ +1 ความใกล้ชิดกับ +1 บ่งชี้ว่าสกุลเงินจะเคลื่อนไหวในทำนองเดียวกันบนแผนภูมิ (อิงจากข้อมูลในอดีต) ความใกล้ชิดกับ -1 หมายความว่าสกุลเงินมีความสัมพันธ์ในทางลบ หากค่าสัมประสิทธิ์ระบุตัวเลขที่ใกล้เคียงกับ 0 แสดงว่าสกุลเงินไม่มีความสัมพันธ์กัน
กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยง Forex เกี่ยวข้องกับการเปิดตำแหน่งตรงกันข้ามกับตำแหน่งเดิมของคุณโดยใช้คู่สกุลเงินที่มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด ตัวอย่างเช่น ยูโรและ GBP เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางว่ามีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดเนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่าเศรษฐกิจทั้งในยุโรปและอังกฤษมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน ในกรณีที่คุณวางแผนที่จะป้องกันความเสี่ยงเมื่อทำการซื้อขาย EUR/USD คุณสามารถเปิดคำสั่งตรงข้ามกับ GBP/USD ได้
ในทางกลับกัน กลยุทธ์ความสัมพันธ์นั้นถูกกฎหมายอย่างสมบูรณ์ในทุกประเทศ และมักใช้โดยผู้ค้า Forex
ด้านลบ ไม่มีสกุลเงินใดที่สัมพันธ์กับสกุลเงินอื่นอย่างสมบูรณ์ ผลที่ได้คือความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นในช่วงไดเวอร์เจนซ์
นอกจากนี้ กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงเชิงสหสัมพันธ์ยังสามารถใช้ในตลาดหุ้น เมื่อหุ้นจำนวนมากคัดลอกประสิทธิภาพของดัชนีของตน ในขณะที่ดัชนีวัดประสิทธิภาพโดยรวมของหุ้นบางตัว
ในกรณีที่คุณต้องการหลีกเลี่ยงการเปิดและปิดการซื้อขายหลายรายการในทิศทางตรงกันข้ามในสกุลเงินเดียวกันในเวลาเดียวกัน คุณสามารถใช้ตัวเลือกได้ ออปชั่นให้สิทธิ์แก่เทรดเดอร์และไม่ใช่ภาระผูกพันในการซื้อหรือขายสกุลเงินในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ณ วันที่กำหนดในอนาคต
เทรดเดอร์หลายคนชอบออปชั่น Forex เนื่องจากความเสี่ยงมีจำกัด ข้อเสีย ผู้ค้าจ่ายเบี้ยประกันภัยสำหรับการเปิดตำแหน่ง
มาดูตัวอย่างกัน สมมติว่าเทรดเดอร์เปิดสถานะซื้อใน EUR/USD จาก 1.07 และทุกอย่างเป็นไปตามแผน และราคาของทั้งคู่ก็กระโดดขึ้นไปที่ 1.1 เพื่อป้องกันตำแหน่งจากการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น เทรดเดอร์สามารถซื้อพุตออปชั่นได้ที่ 1.09 ดังนั้นแม้ว่าจะมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เทรดเดอร์สามารถใช้ออปชั่นและปิดตำแหน่งที่ 1.09 ซึ่งจำกัดการสูญเสียเพิ่มเติม
ความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดที่มาพร้อมกับการป้องกันความเสี่ยงคือความซับซ้อน ความคิดนั้นง่าย อย่างไรก็ตาม การดำเนินการนั้นยากมาก การดำเนินการตามกลยุทธ์การซื้อขายอย่างราบรื่นต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบ กำหนดเวลาเข้าและออก และชั่งน้ำหนักต้นทุนและผลประโยชน์
ความเสี่ยงที่ต้องพิจารณาอีกประการหนึ่งเกี่ยวข้องกับวินัย การวางคำสั่งหลายคำสั่งในคู่สกุลเงินเดียวกันสามารถเปลี่ยนเป็นการแก้แค้นได้อย่างง่ายดาย ผู้ค้าที่ไม่สามารถจัดการอารมณ์ได้มักจะเพิ่มตำแหน่งเป็นสองเท่าหลังจากประสบกับการสูญเสีย การป้องกันความเสี่ยงเกือบจะรับประกันว่าตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งของคุณจะเป็นลบเนื่องจากถูกวางไว้ในทิศทางที่ต่างกัน หากคุณพบว่ามันยากที่จะขาดทุน คุณควรหลีกเลี่ยงการซื้อขายโดยทั่วไป การเพิ่มขนาดตำแหน่งเป็นสองเท่าหลังจากการซื้อขายที่ขาดทุนไม่ใช่การซื้อขาย มันคือการพนัน
จำนวนการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นหมายความว่าคุณจะถูกเรียกเก็บเงินด้วยสเปรดและค่าคอมมิชชั่นที่มากขึ้น
ในตอนท้ายของวัน คุณควรถามตัวเองว่า การป้องกันความเสี่ยงคุ้มกับความปวดหัวทั้งหมดหรือไม่ เมื่อคุณสามารถปิดการซื้อขายเมื่อใดก็ตามที่คุณไม่แน่ใจเกี่ยวกับข่าวการตลาด ขึ้นอยู่กับความชอบของคุณ แต่ก็คุ้มค่าที่จะรู้ว่ากลยุทธ์เหล่านี้ทำงานอย่างไร ยิ่งรู้มากยิ่งดี
คุณควรหลีกเลี่ยงการป้องกันความเสี่ยงใน Forex เว้นแต่คุณจะเข้าใจว่าการป้องกันความเสี่ยงทำงานอย่างไร เรียนรู้ให้มากที่สุดเกี่ยวกับคู่ที่มีความสัมพันธ์เชิงบวกและเชิงลบก่อนเริ่มลงทุนใน Forex นอกจากนี้ เพื่อให้สามารถป้องกันความเสี่ยงจากการซื้อขายของคุณได้โดยตรง คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่านายหน้าของคุณอนุญาตแนวปฏิบัติดังกล่าว
การป้องกันความเสี่ยงเป็นความคิดที่ดีเมื่อผู้ค้ากังวลเกี่ยวกับปฏิกิริยาของตลาดในเหตุการณ์เฉพาะและต้องการอยู่ในตำแหน่งนานขึ้น
คุณควรหลีกเลี่ยงการป้องกันความเสี่ยงใน Forex ถ้ามันยากเกินไปสำหรับคุณ และคุณไม่ต้องการจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมสำหรับสเปรด ค่าคอมมิชชัน หรือเบี้ยประกันภัย
การป้องกันความเสี่ยงใน Forex หมายความว่าผู้ค้าเปิดคำสั่งซื้อที่ตรงกันข้ามกับคำสั่งซื้อเดิมของตนโดยตรงหรือโดยอ้อมเพื่อพยายามลดความเสี่ยงต่อสภาวะตลาดบางอย่าง
มีข้อเสียหลายประการในการป้องกันความเสี่ยง Forex การป้องกันความเสี่ยงโดยตรงถูกห้ามในบางประเทศ การป้องกันความเสี่ยงนั้นซับซ้อนและต้องใช้ประสบการณ์และการวางแผนอย่างรอบคอบ การป้องกันความเสี่ยงจะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม เช่น ค่าสเปรดและค่าคอมมิชชันสำหรับตำแหน่งใหม่ การป้องกันความเสี่ยงสามารถทำให้ผู้ค้ามือใหม่ทำการค้าได้
ใช่. การป้องกันความเสี่ยงต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบ ชั่งน้ำหนักต้นทุนและผลประโยชน์ และดำเนินการตามกำหนดเวลา ทั้งหมดนี้มีความซับซ้อนและนักเทรด Forex เพียงไม่กี่รายที่ป้องกันความเสี่ยงได้
สิ่งสำคัญคือต้องเรียนรู้ให้มากที่สุด ไม่มีกลยุทธ์ใดที่เหมาะกับผู้ค้ารายเดียว โดยการทดสอบกลยุทธ์ต่างๆ และทำความเข้าใจกับวิธีที่นักลงทุนรายอื่นซื้อขาย คุณจะขยายโอกาสในตลาดการเงิน
_____________________________________
การวิเคราะห์ทางเทคนิคเกี่ยวข้องกับการใช้กราฟราคาและตัวชี้วัดเพื่อวิเคราะห์ทิศทางตลาด การวิเคราะห์ทางเทคนิคช่วยคุณระบุจุดเข้าและออกที่เป็นไปได้สำหรับสถานะการซื้อขายของคุณตรงกันข้ามกับการวิเคราะห์ขั้นพื้นฐาน การวิเคราะห์ทางเทคนิคส่วนใหญ่มุ่งเน้นที่รูปแบบการตลาดและราคา ในทางกลับกัน การวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานเป็นเรื่องเกี่ยวกับปัจจัยที่ขับเคลื่อนราคาในตลาด วิธีการวิเคราะห์ทั้งสองวิธีนี้จะใช้แยกกันอย่างอิสระหรือร่วมกันก็ได้การวิเคราะห์ทางเทคนิคมุ่งเน้นที่รูปแบบการกำหนดจังหวะเวลาและราคา นั่นคือเหตุผลว่าทำไมมันจึงมักถูกพิจารณาว่าเป็นเครื่องมือที่เป็นกลาง เพื่อหาโอกาสในการซื้อขายฟอเร็กซ์จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค คุณต้องวิเคราะห์ราคาตลาดปัจจุบันและระบุระดับเป้าหมายที่เป็นไปได้ ในขณะที่การวิเคราะห์ทางเทคนิคไม่รับประกันผลลัพธ์ มันจึงให้การคำนวณความเป็นไปได้สำหรับการเคลื่อนไหวของตลาดที่แตกต่างกัน
2.ความสำคัญของการวิเคราะห์ทางเทคนิคในระบบเทรดforex
เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคในการกำหนดทิศทางตลาดที่คาดหวัง การเคลื่อนไหวของตลาดไม่ได้ไม่มีแบบแผนโดยสิ้นเชิง เมื่อเทรดเดอร์เห็นรูปแบบที่โผล่ขึ้นมา ก็มีโอกาสที่ดีที่คนอื่นจำนวนมากจะรับทราบถึงมันด้วยเช่นกัน คุณสามารถพิจารณาแนวโน้มในฐานะบางสิ่งที่เกือบจะทำให้ตัวเองเป็นจริง (Self-fulfilling) ในแง่นี้ คุณสามารถพูดได้ว่าเทรดเดอร์ช่วยสร้างรูปแบบที่พบในราคาตลาด
ในส่วนก่อนหน้า คุณได้เรียนรู้ว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิคนั้นได้รับการมุ่งเน้นไปที่แนวโน้มและพฤติกรรมราคาเป็นหลัก การวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานมีวิธีการที่แตกต่างในการประเมินตลาด ซึ่งให้ภาพรวมของจุดอ่อนและจุดแข็งของตลาด นักวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานจะพิจารณาเหตุการณ์สำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อการแข็งค่าหรือการอ่อนค่าของสกุลเงินเฉพาะหนึ่ง ๆ เหล่านี้รวมถึงข้อมูลทางการเมืองและเศรษฐกิจ รวมทั้งภัยพิบัติทางธรรมชาติ พูดสั้น ๆ คือ นักวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานใช้ข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อวัดการแข็งค่าของสกุลเงิน ความสนใจมุ่งเน้นไปที่รายงานและข้อมูลทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ซึ่งรวมถึงข้อมูล GDP และการว่างงาน ข้อมูลการผลิต และการประกาศอัตราดอกเบี้ย
ภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น พายุเฮอริเคน สึนามิ และน้ำท่วมสามารถส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อความแข็งค่าและความอ่อนค่าพื้นฐานของสกุลเงินได้ ตัวอย่างที่ดีคือสึนามิที่ถล่มญี่ปุ่นในปี 2010 มันทำให้ภาคการผลิตของประเทศอ่อนแอลงและทำให้การผลิตของผู้ผลิตรถยนต์และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่หยุดชะงักลงอย่างมีนัยสำคัญ
เมื่อความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการจากประเทศใดประเทศหนึ่งเพิ่มขึ้น ความต้องการใช้สกุลเงินของประเทศนั้นก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วย
GDP ของประเทศเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดของการเติบโตทางเศรษฐกิจ เป็นการสรุปผลการผลิตสินค้าและบริการในประเทศที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของประเทศ
เทรดเดอร์ที่ซื้อขายฟอเร็กซ์ถือว่ามีความเสี่ยงในการซื้อขาย ไม่ว่าพวกเขาจะใช้วิธีการใด นั่นคือเหตุผลว่าทำไมการทำความเข้าใจพฤติกรรมราคาจึงเป็นกุญแจสำคัญในการที่จะหาว่าเมื่อใดที่จะทำการซื้อขายและเมื่อใดที่จะออกจากสถานะ ตรงนี้ คุณจะได้เรียนรู้แนวคิดเกี่ยวกับพฤติกรรมราคาหลัก ๆ สี่ประการที่ใช้ในการซื้อขายฟอเร็กซ์เพื่อหาจุดเข้าและจุดออก
ถึงตอนนี้ คุณควรทราบว่าการซื้อขายฟอเร็กซ์นั้นมีความเสี่ยง ตลาดค่อนข้างผันผวน และยิ่งคุณน่าจะได้กำไรมากเท่าใด ความเสี่ยงก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น และนี่คือเคล็ดลับบางประการในการควบคุมความเสี่ยง
แม้จะไม่สามารถลองเสี่ยงซื้อขายซ้ำ ๆ กับเงินจริงได้ แต่สภาพแวดล้อมแบบสาธิตสามารถช่วยคุณทดสอบความสมบูรณ์ของกลยุทธ์การลงทุนของคุณได้ กลยุทธ์ใหม่ทุกกลยุทธ์จะต้องผ่านช่วงเวลาของการลองผิดลองถูกก่อนที่คุณจะสามารถเอาเงินที่คุณหามาได้ยากไปลงทุนกับมันด้วยความมั่นใจ
#แจกฟรี!ระบบเทรด
________________________________________________
แนวโน้ม Trend คือทิศทางการเคลื่อนที่ของราคา
ประกอบด้วย3ทิศทาง
1.แนวโน้มขาขึ้น Up Trend
2.แนวโน้มขาลง Down Trend
3.แนวโน้มด้านข้าง Sideway
แนมโน้มUp Trendคือทิศทางของกราฟราคา ปรับตัวในรูปแบบตัวสูงขึ้น คือการที่ราคาปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ลักษณะแนวโน้มขาขึ้นUp Trend โดยปกติเราถ้าคาดการณ์ว่ามีแนวโน้มขาขึ้นให้ทำการboyเพื่อทำกำไร
ฐานใหม่จะสูงกว่าฐานเก่า จุดยอดใหม่จะสูงกว่าจุดยอดเก่า
แนวโน้มขาลง Down Trendหมายถึงแนวโน้มที่เคลื่อนที่ไปในทิศทางต่ำลงอย่างต่อเนื่องราคาจะมีแน้วโน้มขาลงให้ทำการsellเพื่อทำกำไรลักษณะแนวโน้มขาลงฐานใหม่จะต่ำกว่าฐานเก่า จุดยอดใหม่จะต่ำกว่าจุดยอดเก่า
แนวโน้มด้านข้าง Sidewayคือแนวโน้มที่เคลือนที่ไปทางด้ายข่างไม่ไปทิศทางไดทิศทางหนึ่ง ทำให้เกิดความไม่แน่นอน เทรดเดอร์หลายๆคนจะไม่ซื้อขายในภาวะตลาดSidewayเนื่องจากไม่รู้แนวโน้มราคา แต่เทรดเดอร์บางคนอาจจะทำกำไรจากความไม่แน่นอนของแนวโน้มได้จากแน้วรับแนวต้าน
#แจกฟรีระบบเทรด
________________________________________________
การสูญเสียเป็นส่วนสำคัญของการซื้อขาย ด้วยประสบการณ์ เทรดเดอร์จะได้เรียนรู้วิธียอมรับและรวบรวมบทเรียนที่เป็นประโยชน์จากพวกเขา
เมื่อเทรดเดอร์เรียนรู้วิธีจัดการกับความสูญเสียในการซื้อขาย พวกเขาสามารถเริ่มพัฒนาแนวทางที่ดีขึ้นในการพัฒนาและดำเนินการตามกลยุทธ์ ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับทั้งผู้ค้าใหม่และผู้ค้าที่มีประสบการณ์ที่จะทำผิดพลาดในการซื้อขายแต่การไม่ใช้ความสูญเสียเหล่านั้นเพื่อปรับตัวและเปลี่ยนตำแหน่งตัวเองในตลาดถือเป็นโอกาสที่พลาดไป
ในบทความนี้ เราจะพูดถึงวิธีจัดการกับการขาดทุนจากการเทรด และวิธีที่ผลลัพธ์เชิงลบเหล่านั้นสามารถช่วยให้คุณปรับปรุงได้จริง ๆ หากคุณจัดการกับมันอย่างถูกวิธี
เรามาเริ่มกันที่อัตราส่วนชนะ/แพ้กันก่อน นี่คือจำนวนการเทรดที่ชนะหารด้วยการเทรดที่แพ้ ตัวอย่างเช่น เทรดเดอร์ที่มีการเทรดที่ทำกำไรได้ 80 รายการจาก 100 รายการจะมีอัตราส่วนการชนะ/ขาดทุนที่ 80%
อย่างไรก็ตาม การเพ่งความสนใจไปที่ตัวเลขนั้นอย่างหมดจดและได้อัตราส่วนที่สูงนั้นคงเป็นเรื่องที่ผิด ตัวอย่างเช่น เทรดเดอร์ระยะยาวอาจมีอัตราส่วนการชนะ/ขาดทุนเพียง 30% แต่เนื่องจากพวกเขาทำกำไรได้มากกว่าการเทรดที่ชนะอย่างมีนัยสำคัญมากกว่าการสูญเสียในการเทรดที่ไม่ประสบความสำเร็จ พวกเขาจึงยังคงเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ
กับ scalpers แตกต่างกัน เนื่องจากพวกเขากำลังไล่ตามความเคลื่อนไหวเล็กๆ ในตลาด อัตราส่วนความเสี่ยง/ผลตอบแทนจึงต่ำลง และไม่มีศักยภาพที่จะทำกำไรมหาศาลในการซื้อขายครั้งเดียวได้มากนัก อย่างไรก็ตาม แม้แต่นักเก็งกำไรก็ไม่ต้องการอัตราส่วนการชนะ/ขาดทุนที่สมบูรณ์แบบเพื่อทำกำไร
ผู้ค้าควรยอมรับการสูญเสียเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ และแทนที่จะพยายามต่อสู้กับพวกเขา พวกเขาควรพยายามเรียนรู้จากเหตุการณ์เหล่านั้น
ไม่ว่าเทรดเดอร์จะยังใหม่ต่อการเทรดหรือในตลาดเป็นเวลาหลายปีหรือหลายทศวรรษ พวกเขาจะมีการเทรดเชิงลบและแง่บวก
อย่างที่เทรดเดอร์หลายคนพูด คุณจะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อขายเมื่อคุณขาดทุน มากกว่าเมื่อคุณทำการเทรดที่ชนะ เนื่องจากการสูญเสียจากการเทรดทำให้คุณมีสมาธิและวิเคราะห์สิ่งที่ผิดพลาด
เช่นเดียวกับสิ่งอื่น ๆ ในชีวิต ผู้ค้าสามารถถือการสูญเสียเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ สิ่งสำคัญคือต้องยอมรับว่าการสูญเสียเป็นส่วนหนึ่งของการซื้อขาย
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะยอมรับและอาจต้องใช้เวลา แต่ยิ่งคุณตระหนักถึงการขาดทุนได้เร็วเท่าไรก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการซื้อขาย และมาพร้อมกับวิธีการเรียนรู้ในเชิงบวกจากสิ่งเหล่านั้น คุณก็จะยิ่งดีขึ้น
วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับการขาดทุนจากการซื้อขายครั้งใหญ่คือการหยุดพักเล็กน้อย พิจารณากลยุทธ์และขนาดตำแหน่งของคุณก่อนที่จะกระโดดกลับเข้าไป เมื่อคุณตัดสินใจว่าคุณพร้อมแล้ว ให้เริ่มจากจุดเล็กๆ การกลับมาสู่เส้นทางแห่งชัยชนะแม้จะอยู่ในตำแหน่งที่เล็กก็เป็นวิธีที่ดีในการสร้างความมั่นใจและปรับโฟกัสของคุณใหม่
อย่าปิดบังการสูญเสียหรือตำหนิผู้อื่นหรือตลาดสำหรับตำแหน่งที่คุณมี คุณเป็นคนเดียวที่ควบคุมการซื้อขายของคุณ เป็นเจ้าของ และทำการเปลี่ยนแปลงในการบริหารความเสี่ยง กลยุทธ์การซื้อขายและเป้าหมายเพื่อพัฒนาตัวคุณเอง ครั้งต่อไปรอบ
นี่อาจฟังดูเป็นพื้นฐาน แต่สำหรับเทรดเดอร์หลายๆ คน การกำหนดขนาดตำแหน่งยังคงเป็นเรื่องท้าทาย เทรดเดอร์จำนวนมากมักจะเสี่ยงต่อการค้ามากเกินไป ทำให้ทุนซื้อขายของพวกเขาตกอยู่ในอันตราย
การมีกลยุทธ์การกำหนดขนาดตำแหน่งที่มั่นคง(การจัดสรรเพียงเล็กน้อยของทุนการซื้อขายของคุณต่อการค้า) อาจช่วยจำกัดความเสี่ยงต่อการค้าและความเสี่ยงด้านตลาดโดยรวม
แม้ว่าจะไม่ใช่แบบฝึกหัดที่น่าพอใจนัก แต่เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จทุกคนจะบอกว่าการวิเคราะห์การสูญเสียแต่ละครั้งอย่างตรงไปตรงมาและโหดร้ายคือสิ่งที่ช่วยให้พวกเขาฟื้นตัวและเปลี่ยนการซื้อขายของพวกเขาให้ดีขึ้น
คุณมีระดับการหยุดขาดทุนสำหรับการซื้อขายแต่ละครั้งหรือไม่? สำหรับผู้ค้าบางราย การใช้ระดับการหยุดการขาดทุนอย่างหนักนั้นได้ผลอย่างมหัศจรรย์ คุณสามารถใช้ค่าเงินดอลลาร์หรือค่าเปอร์เซ็นต์เพื่อกำหนดระดับการหยุดการขาดทุนสำหรับการซื้อขายแต่ละครั้ง
การใช้ระดับการหยุดการขาดทุน – จุดที่คุณจะออกจากการค้าที่ขาดทุนอาจเป็นประโยชน์ เนื่องจากสามารถป้องกันไม่ให้คุณยึดติดกับการค้าขาย
คุณมีกลยุทธ์ในการออกจากสถานที่หรือไม่? คุณมักจะยึดมั่นในการสูญเสียการซื้อขายหรือไม่? คุณจะตัดขาดทุนได้เร็วแค่ไหน?
อย่างที่เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จหลายรายจะยืนยัน ส่วนใหญ่แล้วกลยุทธ์ในการออกของคุณจะสร้างความแตกต่างระหว่างการเทรดที่ชนะและขาดทุน
ความกลัวและความโลภเป็นสองอารมณ์ที่ทรงพลังที่สุดที่สามารถต่อต้านผู้ค้าได้ ความกลัวที่จะสูญเสียหรือความโลภมากขึ้นอาจใช้ได้ผลกับคุณ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณควบคุมอารมณ์และใช้เครื่องมือที่มีอยู่บนแพลตฟอร์มการซื้อขายของคุณ เช่น คำสั่งหยุดการขาดทุนและทำกำไร เพื่อตัดสินใจซื้อขายตามวัตถุประสงค์
ทำให้ตัวเองตระหนักถึงการซื้อขายแก้แค้นและให้แน่ใจว่าคุณรู้วิธีที่มีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับมัน
ผู้ค้าที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ใช้บันทึกการซื้อขายเพื่อบันทึกการซื้อขายของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นการเทรดที่แพ้หรือชนะ สมุดบันทึกการเทรดของคุณอาจรวมถึงระดับการเข้าและออก การชนะหรือขาดทุนสำหรับการเทรด บันทึกบางอย่างเกี่ยวกับความคิดและอารมณ์ของคุณในระหว่างและหลังการเทรด
ในขณะที่นักเทรดวิเคราะห์การสูญเสียการเทรดและพยายามหาวิธีเปลี่ยนการขาดทุนให้เป็นผลดีสำหรับเส้นทางการเทรด ต่อไปนี้คือคำถามบางส่วนที่พวกเขาควรถามตัวเอง:
โปรดจำไว้ว่าการสูญเสียเป็นส่วนหนึ่งของการซื้อขาย (และชีวิตโดยทั่วไป) และคุณสามารถเปลี่ยนให้กลายเป็นสิ่งที่เป็นบวกและเป็นประโยชน์สำหรับการซื้อขายของคุณ
____________________________________
ความผันผวนหมายถึงความผันผวนของราคาของสินทรัพย์ วัดความแตกต่างระหว่างราคาเปิดและราคาปิดในช่วงเวลาหนึ่ง
ตัวอย่างเช่น คู่สกุลเงินที่ผันผวนระหว่าง 5-10 pip มีความผันผวนน้อยกว่าคู่สกุลเงิน forex ที่ผันผวนระหว่าง 50-100 pips
หากคุณมองใกล้ ๆ คุณจะเห็นว่าบางสกุลเงินและคู่สกุลเงินมีความผันผวนมากกว่าสกุลเงินอื่น คุณต้องเคยได้ยินคำว่า ‘safe haven’ ซึ่งหมายถึงบางสกุลเงิน เช่น เยนญี่ปุ่น ฟรังก์สวิส และดอลลาร์สหรัฐ (ในระดับหนึ่ง)
ในทางกลับกัน ตลาดเกิดใหม่และคู่สกุลเงินแปลกใหม่เช่น ลีราตุรกี เปโซเม็กซิโก รูปีอินเดีย และเงินบาทไทย ถือว่ามีความผันผวนมากกว่าสกุลเงินที่ปลอดภัย
ดังนั้น คุณสามารถหาคู่สกุลเงินที่เหมาะกับเทคนิคการซื้อขายของคุณได้เสมอ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบการซื้อขาย กลยุทธ์ และความชอบในการซื้อขายของคุณ ในขณะที่ผู้ค้าบางคนชอบตลาดที่ผันผวน คนอื่นอาจไม่ชอบความเสี่ยงสูงที่มาพร้อมกับความผันผวนสูง
เพื่อให้เข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างสภาพคล่องของตลาดและความผันผวน ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจว่าสภาพคล่องคืออะไร
สภาพคล่องเป็นตัววัดว่าคุณสามารถซื้อหรือขายบางอย่างในตลาดได้เร็ว/ง่ายเพียงใด หากคุณต้องการซื้อทองคำ 100 ออนซ์ ต้องมีผู้เข้าร่วมตลาดที่ยินดีขายทองคำจำนวนนี้ให้คุณ
ในตราสารที่มีสภาพคล่องสูง นี่ไม่ใช่ปัญหา คุณสามารถดำเนินการซื้อขาย EUR/USD มูลค่า 10 ล้านในช่วงตลาดลอนดอนได้โดยไม่มีปัญหาและไม่ต้องขยับตลาด ระยะเวลามีความสำคัญเนื่องจากสกุลเงินอาจมีสภาพคล่องน้อยลงในระหว่างช่วงเวลาที่เฉพาะเจาะจง
ตัวอย่างเช่น หากคุณตัดสินใจที่จะดำเนินการซื้อขาย EUR/USD ระหว่างการปิดการซื้อขายในสหรัฐฯ และก่อนการเปิดเมืองโตเกียว คุณอาจพบว่าสภาพคล่องไม่ได้ดีขนาดนั้น และคุณอาจจบลงด้วยการดำเนินการที่แย่กว่าที่คุณคาดไว้
โดยทั่วไป ยิ่งเครื่องมือการซื้อขายมีสภาพคล่องมากเท่าใด ความผันผวนก็จะยิ่งลดลง เนื่องจากต้องใช้เวลามากขึ้นในการเคลื่อนย้ายไปในทิศทางที่แน่นอน หากต้องการย้ายตลาดตราสารหนี้สหรัฐหรือคู่สกุลเงิน EUR/USD ไปในทิศทางเดียว จะต้องมีธุรกรรมจำนวนมาก
ในทางกลับกัน จะใช้ความพยายามน้อยกว่ามากในการย้ายหนึ่งในสกุลเงินของตลาดเกิดใหม่ เช่น เปโซเม็กซิกันหรือแรนด์ของแอฟริกาใต้ สกุลเงินเหล่านั้นมีแนวโน้มที่จะผันผวนมากขึ้นด้วยเหตุผลเฉพาะนั้น
คำพูดของ Warren Buffett อีกครั้งเขากล่าวว่า: “เวลาทั้งหมดไม่แน่นอน ย้อนกลับไปในปี 2550 เราไม่รู้ว่ามันไม่แน่นอน”
ความจริงก็คือความไม่แน่นอน ความผันผวน ความผันผวน หรืออะไรก็ตามที่คุณเรียกว่าช่วงของการเคลื่อนไหวของราคา – ทั้งหมดนี้เป็นส่วนสำคัญของการซื้อขายในตลาด
ไม่มีความผันผวนหมายความว่าไม่มีการเคลื่อนไหวของราคา และหากไม่มีการเคลื่อนไหวของราคา ก็จะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีกิจกรรมการซื้อขายใดๆ
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือระดับของความผันผวนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับตลาดในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ ความท้าทายสำหรับผู้เทรดคือเมื่อความผันผวนสูงเกินไป
ผู้เทรด forex คุณต้องตระหนักว่าสกุลเงินใดมีความผันผวนมากกว่าสกุลเงินอื่นและเมื่อความผันผวนเพิ่มขึ้น
ด้วยธรรมชาติของตลาดโลกในปัจจุบัน – การเทรดที่เชื่อมโยงถึงกัน การไหลของข้อมูลและการสื่อสารที่ราบรื่น และความแพร่หลายของโซเชียลมีเดียและเทคโนโลยีดิจิทัล
มาดูปัจจัยบางอย่างที่ทำให้เกิดความผันผวนที่อาจส่งผลต่อการซื้อขายฟอเร็กซ์ของคุณ
ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์
สงคราม (การบุกรุกทางทหาร) การจลาจล และรูปแบบอื่น ๆ ของความไม่สงบนับเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของความผันผวน เนื่องจากในขณะที่ตลาดจำเป็นต้องมีความผันผวนในระดับหนึ่ง แต่ความไม่แน่นอนระดับสูงที่ยืดเยื้อ (ในกรณีของสงครามและการจลาจล) นั้นไม่ดีต่อความเชื่อมั่นของผู้ค้าและตลาดโดยทั่วไป
สงครามการค้า
ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ กับจีน สหรัฐฯ กับยุโรป หรือภูมิภาคหรือประเทศอื่นใด สงครามการค้ายังสามารถกระตุ้นความผันผวนในตลาดได้เนื่องจากมีธุรกรรมหลายพันล้านหรือหลายล้านล้านรายการที่เกี่ยวข้อง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง สกุลเงินที่เกี่ยวข้องกับสงครามการค้าจะได้รับผลกระทบในบางขั้นตอน
นโยบายการเงิน
ธนาคารกลางทั่วโลกมีบทบาทสำคัญในการจัดการกระแสเงิน พวกเขาสามารถควบคุมจำนวนเงินหมุนเวียนผ่านระดับอัตราดอกเบี้ย ไม่น่าแปลกใจที่ผู้ค้า forex ทุกคนจับตาดูการตัดสินใจของธนาคารกลาง ไม่ว่าจะเป็นธนาคารกลางสหรัฐ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ธนาคารแห่งอังกฤษ (BoE) ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น (BoJ) ธนาคารแห่งแคนาดา ( BoC) หรือ Australian Reserve Bank (ARB)
ความเชื่อมั่นของผู้ค้าและตลาด
มันเป็นความจริงที่ว่าการเคลื่อนไหวของตลาดถูกขับเคลื่อนโดยคนที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา ผู้ค้าและนักลงทุนทั่วโลกทำให้ตลาดเคลื่อนไหว และขึ้นอยู่กับอารมณ์ความรู้สึกที่มีอยู่ – บวกหรือลบ – ความผันผวนของตลาดสามารถผันผวนได้
มีคู่สกุลเงินบางคู่ที่ผันผวนมากกว่าคู่อื่น ตรวจสอบคู่สกุลเงินที่ผันผวนมากที่สุดด้านล่าง และค้นหาว่าอะไรทำให้พวกเขาเห็นความผันผวนที่มากขึ้น
AUD/JPY
คู่สกุลเงิน AUD/JPY ถูกมองว่าเป็นมาตรวัดความเสี่ยง ดอลลาร์ออสเตรเลียถูกมองว่าเป็นสกุลเงินที่มีความเสี่ยง ซึ่งหมายความว่าจะเป็นที่ต้องการเมื่อความเสี่ยงสูง ในทางกลับกัน เงินเยนของญี่ปุ่นเป็นเสมือนแหล่งหลบภัยแบบดั้งเดิมและจะรับการเสนอราคาในช่วงเวลาที่ตลาดอยู่ในโหมด “ปิดความเสี่ยง” สิ่งนี้ทำให้ AUD/JPY เป็นคู่สกุลเงินที่ผันผวน กล่าวคือ จะเพิ่มขึ้นเมื่อผู้ค้ารู้สึกในแง่ดีและแสวงหาความเสี่ยงและลดลงเมื่อผู้ค้าหันหลังให้กับความเสี่ยง
GBP/CAD
อัตราไขว้ของปอนด์อังกฤษมีแนวโน้มที่จะผันผวนมากที่สุดในบรรดาสกุลเงินหลัก ดอลลาร์แคนาดาเป็นอีกสกุลเงินที่ “เสี่ยง” และได้รับอิทธิพลอย่างมากจากทิศทางของราคาน้ำมัน เนื่องจากแคนาดาเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ หากตลาดเข้าสู่โหมด “ปิดความเสี่ยง” และในขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันก็ลดลง ดอลลาร์แคนาดาอาจอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างมาก ในทางกลับกัน สกุลเงินมีแนวโน้มที่จะเติบโตในช่วงเวลาที่ผู้ค้ากำลังมองหาความเสี่ยงและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ก็สูงขึ้นเช่นกัน
USD/TRY
ลีราตุรกีสามารถเห็นการแกว่งของราคาอย่างมีนัยสำคัญในบางครั้ง ซึ่งได้รับแรงหนุนจากภูมิรัฐศาสตร์ แต่ยังเนื่องมาจากความไม่แน่นอนของธนาคารกลางของประเทศและอิทธิพลของการเมืองที่มีต่อเส้นทางนั้น
เมื่อทราบลักษณะโดยธรรมชาติของความผันผวนและปัจจัยเบื้องหลัง คุณจะใช้มันเพื่อประโยชน์ของคุณได้อย่างไร? คุณจะควบคุมความผันผวนในการซื้อขายฟอเร็กซ์ได้อย่างไร?
หากคุณใส่ใจคำพูดของ Warren Buffett และมองความผันผวนของตลาดในฐานะเพื่อนของคุณมากกว่าที่จะเป็นศัตรู คุณต้องมีวิธีที่จะทำให้สิ่งนี้ได้ผลสำหรับคุณและความสำเร็จในการซื้อขายของคุณ
ใช้คำสั่งหยุดการขาดทุน : หากคุณกำหนดระดับการหยุดการขาดทุนสำหรับทุกๆ การเทรดฟอเร็กซ์ที่คุณทำ คุณกำลังให้การปกป้องตัวเองเป็นพิเศษสำหรับความผันผวนของตลาด
ติดตามปฏิทินเศรษฐกิจ : หากคุณตรวจสอบปฏิทินเศรษฐกิจและทราบเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญและการตัดสินใจที่อาจเคลื่อนย้ายตลาดได้ คุณจะอยู่ในสถานะที่ดีกว่าในการคาดคะเนความผันผวน อย่างน้อยก็ในระดับหนึ่ง จำไว้ว่าความผันผวนเป็นส่วนหนึ่งของตลาด ความท้าทายสำหรับคุณในฐานะเทรดเดอร์คือวิธีที่คุณตอบสนองต่อความผันผวนนั้นเมื่อมันมาถึง
เทรดเดอร์บางคนชอบที่จะอยู่เฉยๆ เมื่อมีเหตุการณ์ที่มีผลกระทบสูงซึ่งอาจทำให้ความผันผวนสูงขึ้น แต่ก็มีผู้ค้าบางรายที่ต้องการใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงเหตุการณ์สำคัญเหล่านั้น ไม่ว่าคุณจะชอบอะไร การติดตามและติดตามเหตุการณ์สำคัญที่อาจส่งผลต่อการซื้อขายของคุณนั้นคุ้มค่า เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการอ่านปฏิทินเศรษฐกิจเพื่อให้ทันเหตุการณ์สำคัญเหล่านี้
จำกัดเลเวอเรจของคุณ : ตอนนี้คุณต้องตระหนักว่าเลเวอเรจสามารถเป็นดาบสองคมได้ มันสามารถขยายการชนะของคุณเช่นเดียวกับการสูญเสียของคุณ การจำกัดปริมาณเลเวอเรจที่คุณใช้สำหรับการซื้อขาย แสดงว่าคุณได้วางกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงไว้แล้ว
ความผันผวนเป็นหนึ่งในแนวคิดที่สำคัญที่สุดที่ควรทราบเมื่อทำการซื้อขายในตลาดการเงิน นอกจากนี้ยังเป็นคำที่นักลงทุนอาจมองข้ามโดยไม่เข้าใจความหมายและวิธีการที่ตลาดผันผวนทำงานจริง จากการอ่านบทความนี้ ตอนนี้คุณรู้แล้วว่าความผันผวนทำงานอย่างไรและซื้อขายอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ!
____________________________________
การซื้อขายฟอเร็กซ์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและการเพิ่มขึ้นของแพลตฟอร์มที่เข้าถึงได้ทางมือถือทำให้การแลกเปลี่ยนสกุลเงินออนไลน์ง่ายขึ้นกว่าที่เคยจากทุกที่ในโลก
และผู้ค้า forex อยู่ในธุรกิจการซื้อขายสกุลเงิน!
เป็นกระบวนการที่ยากซึ่งต้องใช้ความอดทนและกลยุทธ์มากมาย ในปี 2022 จะมีโอกาสมากขึ้นสำหรับผู้ค้า เนื่องจากพวกเขาจะสามารถใช้กลยุทธ์การซื้อขาย forex ที่มีประสิทธิภาพ การซื้อขาย forex แบบ algorithmic และปัญญาประดิษฐ์ เช่นที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการซื้อขายของพวกเขาต่อไป
ผู้ค้า forex ที่ดีที่สุดจะใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อให้ประสบความสำเร็จ รวมถึงกลยุทธ์การซื้อขายที่ผ่านการทดสอบตามเวลา ข้อมูลแบบเรียลไทม์ในตลาด ตลอดจนการพัฒนาใหม่จากนักลงทุน forex ที่ประสบความสำเร็จรายอื่นๆ
มีประโยชน์มากมายในการซื้อขายฟอเร็กซ์ แต่ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจก่อนว่าการซื้อขาย forex คืออะไร
สำหรับผู้ที่อยู่ในกลุ่มนั้นที่ไม่รู้ว่าการซื้อขาย forex คืออะไร นี่คือการทบทวนอย่างรวดเร็ว
Forex หรือ ‘FX’ ย่อมาจากคำว่า exchange และเป็นที่ที่การซื้อขายสกุลเงินเกิดขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกและสามารถเข้าถึงได้อย่างไม่น่าเชื่อ โดยผู้ค้ามีความสามารถในการซื้อขายจากทุกที่ทุกเวลา
การซื้อขาย Forex ในรูปแบบพื้นฐานที่สุดคือการซื้อและขายสกุลเงินเพื่อทำกำไร ผู้ค้า forex จะเก็งกำไรในคู่สกุลเงินไม่ว่าจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงในมูลค่า การตัดสินใจนี้กำหนดว่าพวกเขาจะซื้อหรือขายคู่นี้
แม้ว่าการซื้อขายฟอเร็กซ์อาจมีความเสี่ยงและคาดเดาไม่ได้แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้นักลงทุนบางคนสนใจ ความคาดเดาไม่ได้หรือความผันผวนในการซื้อขายคือสิ่งที่สร้างโอกาส และโอกาสในการซื้อขายฟอเร็กซ์อาจส่งผลให้เกิดผลกำไรหรือขาดทุนขึ้นอยู่กับด้านการค้าที่คุณอยู่
รายการผลประโยชน์และข้อดีของการซื้อขายForex
ที่ตลาดหลักทรัพย์ส่วนใหญ่เปิดทำการตั้งแต่เวลา 9.00 น. – 16.00 น. (ขึ้นอยู่กับประเทศที่พวกเขาดำเนินการ) เวลาทำการของตลาด Forex จะต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มต้นสัปดาห์ในเช้าวันจันทร์ในนิวซีแลนด์จนถึงปิดในบ่ายวันศุกร์ตามเวลานิวยอร์ก นั่นหมายความว่าคุณสามารถซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ ทำให้คุณมีโอกาสในการซื้อขายมากขึ้น
การเทรด Forex นั้นเรียนรู้ได้ง่ายแต่ยากที่จะเชี่ยวชาญ ดังนั้นนี่คือเหตุผลที่หลายคนเรียกการเทรดว่าเป็น ‘การเดินทาง’ ที่ FTT เราต้องการมอบเนื้อหาการศึกษาที่ดีที่สุดแก่ผู้ค้าของเราทั้งหมดเพื่อเริ่มต้นเส้นทางการซื้อขายบนเส้นทางที่ถูกต้อง
ด้วยความสามารถในการทำกำไรจากการซื้อและขายระยะสั้น คุณสามารถประสบความสำเร็จโดยใช้รูปแบบการซื้อขาย Forex ที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่น มีกลยุทธ์การซื้อขาย Forex จำนวนหนึ่ง ที่อนุญาตให้ผู้ค้าใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์พื้นฐานเพื่อดำเนินการซื้อขายอย่างมั่นใจในขณะที่ปฏิบัติตามแนวทางการจัดการความเสี่ยงอย่างละเอียด
รูปแบบการซื้อขายที่คุณตั้งใจจะใช้นั้นขึ้นอยู่กับระยะเวลาและความพยายามที่คุณมีเพื่ออุทิศให้กับการซื้อขายForex เช่นเดียวกับเป้าหมายสุดท้ายของคุณ แต่มีรูปแบบการซื้อขายมากมายให้ทดลองใช้: กลยุทธ์การเคลื่อนไหวของราคา การซื้อขายรายวัน การซื้อขายหนังศีรษะ การซื้อขายแบบสวิง และอีกมากมาย
เพื่อให้ง่ายขึ้น โบรกเกอร์ forex มักจะดูแลค่าธรรมเนียมใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขาย ซึ่งหมายความว่าคุณไม่ต้องชำระเงินสำหรับสิ่งต่าง ๆ เช่น การโอน การฝาก การถอน หรือค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยน
ที่ FTT ผู้ใช้บัญชีมาตรฐานไม่มีค่าคอมมิชชั่นในขณะที่ผู้ใช้บัญชีมืออาชีพจะถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมคอมมิชชั่นเล็กน้อย มีข้อยกเว้นบางประการ ขึ้นอยู่กับประเภทของผลิตภัณฑ์ที่คุณกำลังซื้อขายและระยะเวลาที่คุณเปิดการซื้อขาย แต่โดยรวมแล้ว ค่าใช้จ่ายในการซื้อขายมักจะต่ำและโปร่งใสสูง
การลงทุนในตลาดการเงินมีความเสี่ยงอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นฟอเร็กซ์ สินค้าโภคภัณฑ์ หุ้น หรือตลาดการเงินอื่นๆ เทคนิคการจัดการความเสี่ยง forex ที่ เหมาะสมเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ค้า forex ที่ต้องการประสบความสำเร็จในระยะยาว
องค์ประกอบการจัดการความเสี่ยงที่สำคัญบางอย่างที่คุณสามารถใช้ได้เมื่อทำการซื้อขายฟอเร็กซ์ ได้แก่:
ความสามารถในการใช้เลเวอเรจ ในตลาดนี้เป็นหนึ่งในผลประโยชน์ที่น่าดึงดูดที่สุดของการซื้อขายฟอเร็กซ์ เนื่องจากช่วยให้คุณสามารถเปิดสถานะการค้าขนาดใหญ่ด้วยเงินลงทุนเริ่มแรกเพียงเล็กน้อย
จำนวนเลเวอเรจที่มีอยู่นั้นแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่าคุณกำลังซื้อขายอยู่ที่ใดในโลก แต่ลองใช้เลเวอเรจ 10:1 เป็นตัวอย่าง
หากนักเทรดฟอเร็กซ์เลือกอัตราส่วนเลเวอเรจที่ 10:1 หมายความว่าทุก ๆ 1 ดอลลาร์ของเงินทุนในบัญชี พวกเขาสามารถซื้อขายได้สูงถึง 10 ดอลลาร์
ประโยชน์ของการใช้เลเวอเรจคือศักยภาพในการเพิ่มผลกำไรของคุณ แต่การทำงานกลับตรงกันข้ามเช่นกัน ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสีย ดังนั้น เมื่อใช้เลเวอเรจ คุณต้องพิจารณาระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมเสมอ
ในตลาดอื่น ๆ เป็นเรื่องปกติที่CFDsจะใช้สำหรับการเปิดสถานะซื้อและขายในตราสาร ในโลกของฟอเร็กซ์ มันเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ เนื่องจากคุณมักจะขายสกุลเงินหนึ่งเพื่อซื้ออีกสกุลเงินหนึ่งเสมอ
ตัวอย่างเช่น คู่สกุลเงินจะแสดงด้วยสกุลเงินหลักเป็นคู่แรกและสกุลเงินอ้างอิงเป็นคู่ที่สองเสมอ นี่จะหมายความว่าคู่ AUD/USD กำหนดราคาตามหน่วยของ AUD ที่มีมูลค่าเป็น USD
หากเราคิดว่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เราจะซื้อคู่นี้ (ระยะยาว) หากเราคิดว่าสิ่งที่ตรงกันข้ามกำลังจะเกิดขึ้น และเงินดอลลาร์ออสเตรเลียจะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เราจะขายคู่นี้ (ขายสั้น)
สภาพคล่องเป็นคำทั่วไปที่ใช้อธิบายสินทรัพย์ที่สามารถซื้อได้ในตลาดโดยไม่กระทบต่อราคาโดยรวมของสินทรัพย์นั้น ฟอเร็กซ์ถือว่ามีสภาพคล่องสูงเพราะตลาดฟอเร็กซ์มีขนาดใหญ่มากและมีผู้คนจำนวนมากที่ซื้อขายกันจนยากที่จะควบคุมราคาได้อย่างไม่น่าเชื่อ แม้กระทั่งโดยผู้ที่ซื้อขายในปริมาณที่สูงมาก ดังนั้นสภาพคล่องจึงมีความสำคัญเนื่องจากทำให้ราคาค่อนข้างคงที่
คุณไม่จำเป็นต้องมีเงินจำนวนมากเพื่อเริ่มซื้อขาย forex เนื่องจากตลาดฟอเร็กซ์เป็นตลาดการเงินที่เข้าถึงได้มากที่สุดในโลก การเริ่มต้นเส้นทางการซื้อขายของคุณด้วยเงินเพียง 100 ดอลลาร์จึงเป็นตัวเลือกที่แน่นอน เมื่อคุณเริ่มซื้อขาย คุณต้องพิจารณาสิ่งที่คุณหวังว่าจะได้รับจากการเทรด และพิจารณาระดับความเสี่ยงที่คุณจะต้องรับ
ผู้คนจำนวนมากมองว่าการซื้อขายเป็นวิธีเสริมรายได้ที่มีอยู่ อันที่จริง ผู้ค้าส่วนใหญ่เริ่มต้นด้วยการซื้อขายในเวลาว่างเพื่อหารายได้พิเศษจากการทำงานประจำวัน การซื้อขายด้วยวิธีนี้ช่วยให้คุณปรับตัวเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณ แทนที่จะทำให้เป็นศูนย์กลางของโลกของคุณ
ใน forex เมื่อคุณต้องการเปิดการซื้อขาย คุณต้องเลือกขนาดการซื้อขายซึ่งเรียกว่า ‘ล็อต’ ขนาดการค้าของคุณจะถูกกำหนดโดยจำนวนล็อตที่คุณจะซื้อหรือขายในการซื้อขาย ล็อตคำนวณโดยใช้สกุลเงินในบัญชีของคุณ และขนาดล็อตรวมถึง:
‘ไมโครล็อต’ คือขนาดล็อตที่แนะนำสำหรับผู้เริ่มต้น หากบัญชีของคุณได้รับเงินจากดอลลาร์สหรัฐ ก็จะเท่ากับ 1,000 ดอลลาร์ของสกุลเงินหลักที่คุณต้องการซื้อขาย เมื่อทำการซื้อขายคู่สกุลเงินดอลลาร์ มูลค่า 1 pip จะเท่ากับ 10 เซ็นต์ ทำให้ผู้ค้า forex รายใหม่สามารถจัดการความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น
ความสามารถในการอ่านและทำความเข้าใจแผนภูมิ forexและใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะมีประโยชน์อย่างยิ่งในการซื้อขายสกุลเงิน
ผู้ซื้อและผู้ขายสกุลเงินในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจะกำหนดอัตราของตราสาร FX แบบเรียลไทม์ ในขณะที่ธนาคารกลางยังคงรักษาเสถียรภาพและความผันผวนของสกุลเงิน
ไม่มีใครสามารถทำนายการเคลื่อนไหวของตลาดได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ด้วยการเรียนรู้ตัวชี้วัดทางเทคนิคที่พบบ่อยที่สุดเช่น ระดับแนวรับและแนวต้าน และFibonacci retracementคุณสามารถระบุตำแหน่งที่คู่สกุลเงินต่ำและสูง และทำการคาดการณ์เพิ่มเติมเกี่ยวกับตลาดในอนาคต แนวโน้ม
เมื่อคุณสร้างบัญชีซื้อขายจริงกับ FTT คุณจะสามารถเข้าถึง MetaTrader 4 (MT4) ได้ฟรี แพลตฟอร์มการซื้อขายระดับโลกนี้ไม่เพียงแต่ให้คุณเข้าถึงคู่สกุลเงินกว่า 70 คู่เท่านั้น แต่ยังเข้าถึงCFD หุ้นดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ (เช่น น้ำมันและโลหะมีค่า)
ก่อนที่จะเข้าสู่โลกแห่งความจริง คุณควรทำความเข้าใจกับประสบการณ์การซื้อขายแบบ ‘ลงมือปฏิบัติ’ โดยใช้เงินทุนเสมือนจริงในบัญชีทดลอง
เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงที่ดี บัญชีทดลองฟรีช่วยให้ผู้ค้าสามารถลองใช้กลยุทธ์และรูปแบบการซื้อขายที่แตกต่างกันโดยไม่ต้องใช้เงินทุนจริงใดๆ
เคล็ดลับ: ลงทะเบียนสำหรับบัญชีซื้อขายทดลองและเริ่มต้นด้วยเงินเสมือน $50,000
ตลาดฟอเร็กซ์ไม่มีความสัมพันธ์โดยตรงกับตลาดหุ้น หมายความว่าหากตลาดหุ้นตกต่ำครั้งใหญ่ ก็ไม่ได้หมายความว่าคู่สกุลเงินที่คุณกำลังซื้อขายจะลดลงเช่นกัน
ไม่ได้หมายความว่าไม่มีการเชื่อมต่อ ในอดีตเคยมีเหตุการณ์ที่ดัชนีหุ้นติดลบและคู่สกุลเงินได้ติดตาม เช่น USD/JPY และ Nikkei เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันในช่วงเริ่มต้นของภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกในปี 2550
ทุกวันนี้ คุณไม่จำเป็นต้องติดอยู่ที่โต๊ะทำงานเพื่อดูแผนภูมิหกหน้าจอเพื่อให้เข้าใจตลาดได้ดี เทคโนโลยีทำให้การซื้อขายเป็นเรื่องง่ายและพกพาสะดวก
‘ช่องว่าง’ ในการซื้อขายหมายถึงการหยุดพักระหว่างชั่วโมงตลาดซื้อขายเมื่อราคาแตกต่างจากราคาของเซสชั่นก่อนหน้า หากราคาเปิดใหม่สูงกว่าราคาของเซสชันที่แล้ว จะเรียกว่า ‘ช่องว่าง’ ในขณะที่หากต่ำกว่าจะเรียกว่า ‘ช่องว่าง’
เนื่องจากตลาดฟอเร็กซ์ทำงานอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมงในช่วงสัปดาห์ทำงาน มีช่องว่างเพียงช่องเดียว: ระหว่างการปิดตลาดในวันศุกร์และการเปิดในวันจันทร์ถัดไป สิ่งนี้นำเสนอกลยุทธ์การซื้อขายที่ค่อนข้างตรงไปตรงมาและน่าสนใจที่จะใช้โดยการซื้อขายช่องว่างช่วงสุดสัปดาห์ในคู่สกุลเงิน forex
ตลาด forex ทั่วโลกไม่ได้ถูกควบคุมโดยการแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ แต่จะทำงานเกือบตลอดเวลาตามวัฏจักรดวงอาทิตย์ โดยแบ่งออกเป็นสามภูมิภาคหลัก: ออสตราเลเซีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ การดำเนินการซื้อขายอย่างต่อเนื่องระหว่างศูนย์กลางทางการเงินเหล่านี้ทำให้ผู้ค้าทั่วโลกมีโอกาสที่จะจับการค้าในตลาดที่กระจายอำนาจในเขตเวลาที่แตกต่างกัน
ตัวอย่างเช่น หากคุณอาศัยอยู่ในเอเชีย คุณยังคงสามารถซื้อขายได้ระหว่างโซนเวลายุโรปหรืออเมริกาเหนือ หากคุณต้องการบันทึกการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ยูโร หรือปอนด์อังกฤษ เมื่อตลาดเหล่านั้นอยู่ในภาวะคับคั่งที่สุด
หน่วยงานกำกับดูแลครอบคลุมเขตอำนาจศาลทั่วโลกที่โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์มีความโดดเด่นมากที่สุด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้แน่ใจว่ามีการปฏิบัติที่ยุติธรรมและมีจริยธรรมที่ดำเนินการโดยธุรกิจการค้า หน่วยงานกำกับดูแลที่สำคัญที่สุดบางแห่ง ได้แก่ Financial Conduct Authority (UK), Monetary Authority of Singapore (SG) และ Australian Securities and Investment Commission (AUS)
อย่างที่คุณเห็น มีเหตุผลมากมายว่าทำไมการเป็นเทรดเดอร์ forex ที่ไม่เป็นทางการหรือมีประสบการณ์จึงสามารถทำกำไรได้ แต่ในแง่บวก ย่อมมีแง่ลบอยู่เสมอ ดังนั้นนี่คือความเสี่ยงทั่วไปบางประการที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขาย FX
มีความคล้ายคลึงกันบางอย่างระหว่าง forex และตลาดหุ้น แต่ยังมีข้อดีที่ชัดเจนบางอย่างที่ตลาด forex มี
สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ ฟอเร็กซ์อาจเป็นตลาดที่ยอดเยี่ยมในการเริ่มต้น เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วจะมีต้นทุนที่ต่ำกว่า มีแหล่งการศึกษาฟรีมากมาย และความสามารถในการฝึกฝนโดยใช้บัญชีทดลอง ผู้ค้ารายใหม่ควรใช้ความระมัดระวังและให้แน่ใจว่าได้ทำการวิจัยและมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเพียงพอเกี่ยวกับตลาดฟอเร็กซ์ก่อนที่จะเริ่มซื้อขาย
ตลาดสกุลเงินทั่วโลกมีความโดดเด่นในด้านขนาด ความสามารถในการเข้าถึง และโอกาสที่สามารถนำเสนอได้ การสละเวลาสักครู่เพื่อดูว่ามันทำงานอย่างไรและข้อดีที่ใหญ่ที่สุดของการซื้อขายฟอเร็กซ์ คุณจะค้นพบว่าทำไมตลาดระดับโลกแห่งนี้จึงเป็นที่นิยมในหมู่ผู้คนทั่วโลก
_____________________________________
การมีกลยุทธ์ที่ถูกต้องจะมีความหมายเพียงเล็กน้อยหากผู้ค้าไม่จับคู่กับจิตวิทยาการซื้อขายที่ดี จำเป็นต้องควบคุมอารมณ์ของตนเอง และถือเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดสำหรับเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ
เทรดเดอร์จะต้องเข้าหาการค้าขายในฐานะธุรกิจ และการเข้ามามีส่วนร่วมทางอารมณ์อาจส่งผลเสียต่อความสำเร็จของธุรกิจ นี่คือเหตุผลที่การทำความเข้าใจและนำแนวคิดการซื้อขายที่ถูกต้องมาใช้ในภายหลังจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ทุกคน
ในบทความนี้ เราจะพูดถึงว่าจิตวิทยาการซื้อขายคืออะไร การพัฒนาจิตใจในการซื้อขายที่แข็งแกร่งมีความสำคัญเพียงใด และวิธีหลีกเลี่ยงความตกต่ำของการซื้อขายทางอารมณ์
จิตวิทยาการเทรดอธิบายว่าเทรดเดอร์จัดการกับการทำกำไรและการขาดทุนอย่างไร แสดงถึงความสามารถในการจัดการกับความเสี่ยงและไม่เบี่ยงเบนไปจากแผนการซื้อขายของพวกเขา แง่มุมทางอารมณ์ของการลงทุนจะพยายามกำหนดทุกธุรกรรมของคุณ และความสามารถในการจัดการอารมณ์ของคุณก็เป็นส่วนหนึ่งของจิตวิทยาการซื้อขายของคุณ
เป็นไปไม่ได้ที่จะขจัดอารมณ์ในการซื้อขาย แต่สิ่งนี้ไม่ควรเป็นเป้าหมายตั้งแต่แรก ในทางกลับกัน เทรดเดอร์ควรเข้าใจว่าอคติหรืออารมณ์บางอย่างส่งผลต่อการซื้อขายของพวกเขาอย่างไร และใช้ข้อมูลนี้เพื่อประโยชน์ของตน นักเทรดแต่ละคนมีความแตกต่างกัน และไม่มีกฎเกณฑ์ง่ายๆ ที่ทุกคนควรปฏิบัติตาม
ความกลัวและความโลภเป็นอารมณ์ที่ทรงพลังที่สามารถครอบงำกระบวนการคิดของเทรดเดอร์ตลอดอาชีพการค้าขาย เป้าหมายคือการเรียนรู้วิธีควบคุมอารมณ์เหล่านี้และพัฒนาความคิดที่ชนะ
เทรดเดอร์สามารถใช้เทคนิคต่างๆ เพื่อสร้างจิตวิทยาการเทรดที่แข็งแกร่งและรักษาระเบียบวินัย นอกจากการอ่านหนังสือโดยนักจิตวิทยาการซื้อขายและนักลงทุนผู้เชี่ยวชาญแล้ว คุณยังสามารถสร้างแผนการซื้อขายได้อีกด้วย การพัฒนาแผนการซื้อขายจะช่วยให้คุณยึดติดกับกิจวัตรที่มั่นคงและหลีกเลี่ยงช่องว่างของสมาธิและการหลีกเลี่ยงการสูญเสีย
เมื่อเริ่มทำการค้า อารมณ์จะอาละวาดได้อย่างแน่นอน หากราคาของสินทรัพย์เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เทรดเดอร์อาจเริ่มกลัวว่าจะพลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่และเป็นอารมณ์ที่มักจะปรากฏขึ้นบ่อยๆ อารมณ์อื่นๆ ที่ต้องจัดการคือ ความโลภ ความกลัวที่จะสูญเสียเงิน และความแข็งแกร่งทางจิตใจที่จะเอาชนะความผิดพลาดที่เคยทำมา สุดท้ายแต่ไม่ ท้ายสุด หนึ่งในแง่มุมที่สำคัญยิ่งของการพัฒนาจิตใจในการเทรดคือการเรียนรู้วิธีจัดการความเสี่ยง
ผู้ค้าบางครั้งต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็ว แม้ว่าคุณจะทำตามแผนการซื้อขายของคุณ แต่ก็มีบางสถานการณ์ที่คุณต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การมีกลยุทธ์และการวางแผนการเทรดที่เหมาะสมจะช่วยคุณในการจัดการอารมณ์ และทำให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้ตัดสินใจอย่างรวดเร็วมากเกินไปซึ่งขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ของคุณ
ความโลภเป็นอุปสรรคสำคัญอีกประการหนึ่งที่ผู้ค้าจำนวนมากต้องเอาชนะ วัตถุประสงค์ของการซื้อขายคือเพื่อสร้างผลกำไร หรืออีกนัยหนึ่งคือ เพื่อทำเงิน อย่างไรก็ตาม คุณต้องมีความคิดที่ถูกต้อง ตั้งเป้าหมายสำหรับตัวคุณเอง (เช่น เปอร์เซ็นต์ผลตอบแทนต่อเดือน) และดำเนินการไปให้ถึงเป้าหมายนั้น อย่าปล่อยให้ความโลภมาควบคุมการกระทำของคุณ
วิธีที่ดีในการทำงานกับจิตวิทยาการซื้อขายของคุณคืออย่าหยุดค้นคว้า ตลาดมีวิวัฒนาการอยู่ตลอดเวลา และคุณอาจต้องปรับกลยุทธ์ของคุณเป็นครั้งคราว คุณอาจพบว่าคุณเปลี่ยนแปลงตัวเองในฐานะเทรดเดอร์ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมการจด บันทึกการซื้อขายจึงเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้
ความสำคัญของการพัฒนาจิตวิทยาการซื้อขาย
อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับเทรดเดอร์ทุกคนคือความกลัวที่จะสูญเสียและทำผิดพลาด น่าเสียดายที่เมื่อทำการซื้อขาย ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเสี่ยงที่อาจส่งผลให้เกิดการสูญเสีย อารมณ์ของความกลัวจากการสูญเสียหรือที่เรียกว่าความเกลียดชังการสูญเสีย ในการเอาชนะสิ่งนี้ เทรดเดอร์จำเป็นต้องดำเนินกิจกรรมการซื้อขายในลักษณะเดียวกับการดำเนินธุรกิจ
วิธีที่ดีคือการเน้นที่สถิติและการอ้างอิงข้อมูล ในขณะที่ป้องกันอารมณ์จากการตัดสินใจซื้อขายใดๆ ผู้ค้ามือใหม่ควรพิจารณาสร้างนิสัยนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นส่วนหนึ่งของจิตใจในการซื้อขายก่อนทำธุรกรรมครั้งแรก
อีกวิธีหนึ่งในการพัฒนาทัศนคติในการซื้อขายที่ดีคือการสร้างกิจวัตร กิจวัตรนี้อาจรวมถึงวิธีการเริ่มต้นวันใหม่แบบไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า ตัวอย่างเช่น เทรดเดอร์อาจพิจารณาในขั้นต้นเพื่อติดตามข้อมูลที่เผยแพร่ขณะอยู่ในโหมดสลีป ซึ่งอาจตามมาด้วยการตรวจสอบตำแหน่งของคุณและประเมินการบริหารความเสี่ยงของคุณใหม่
การปรับปรุงประสิทธิภาพการซื้อขายขึ้นอยู่กับวิธีการเรียนรู้ของคุณมากกว่าสิ่งที่คุณเรียนรู้ ดังนั้น สิ่งนี้ช่วยตอกย้ำความจำเป็นในการทำกิจวัตร เนื่องจากเป็นกุญแจสำคัญในการเรียนรู้และทำความเข้าใจวิธีการซื้อขายที่เหมาะสม
หนึ่งในข้อผิดพลาดในการซื้อขายที่พบบ่อยที่สุดที่ ทำโดยเทรดเดอร์มือใหม่คือการเข้าสู่ตำแหน่งตามความรู้สึกหรือสัญชาตญาณ โดยไม่ต้องมีกลยุทธ์เฉพาะ สิ่งนี้เกิดขึ้นจากการขาดข้อมูลและข้อมูลที่เหมาะสม ซึ่งส่งผลให้เกิดความกลัวว่าจะพลาดโอกาสทอง สิ่งนี้นำไปสู่ความกลัวที่จะสูญเสียเงินและดำรงตำแหน่งซึ่งทำให้การสูญเสียเกิดขึ้น
ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เข้าสู่วงจรอุบาทว์นี้ นอกจากมีแผนการซื้อขายแล้ว เทรดเดอร์จะต้องรักษาวินัย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการซื้อขายแต่ละครั้งเป็นไปตามกฎหรือเป้าหมายที่กำหนดไว้ การซื้อขายโดยยึดตามความรู้สึกนึกคิดโดยไม่มีแผนการซื้อขายที่มีความเสี่ยงถือเป็นความผิดพลาด
เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเหล่านี้ คุณต้องการพัฒนาระบบการจัดการความเสี่ยงซึ่งกำหนด:
ความสามารถในการใช้ความคิดในการซื้อขายที่ประสบความสำเร็จนั้นไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อพัฒนากรอบความคิดในการซื้อขายที่แข็งแกร่ง ต้องใช้เวลาและความอดทนในระดับหนึ่งเพื่อเรียนรู้จากความสำเร็จและความผิดพลาด
วิธีที่ดีที่จะช่วยคือฝึกซื้อขายด้วยบัญชีซื้อขายทดลอง ทั้งสองจะช่วยในการสร้างเสริมจิตใจการซื้อขายที่ดีในขณะที่ให้ผู้ค้าสามารถขัดเกลาทักษะและเทคนิคการซื้อขายของพวกเขา ที่สำคัญไม่เสี่ยง!
การใช้เวลาในการซื้อขายในบัญชีทดลองเป็นระยะเวลาหนึ่ง จะช่วยให้ผู้ซื้อขายรายใหม่วัดการขึ้นและลงของการเคลื่อนไหวของราคา และอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในการซื้อขาย ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะช่วยสร้างความมั่นใจ
เช่นเดียวกับเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ อย่าปล่อยให้ความกลัวที่จะพลาดมาเป็นแรงผลักดันให้คุณเสียสมาธิจากกลยุทธ์การเทรด การมีวินัยเป็นแนวทางปฏิบัติทางจิตวิทยาที่สำคัญที่จะช่วยให้ผู้ค้าประสบความสำเร็จ
มันไม่ได้เกี่ยวกับการกำจัดอารมณ์ของคุณ แต่เกี่ยวกับความเข้าใจและการควบคุมอารมณ์เหล่านั้น เพื่อให้บรรลุสิ่งนี้ เทรดเดอร์จะต้อง:
คุณต้องมีแผนที่ชัดเจน – คุณจะใช้ระบบใด (ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์พื้นฐานหรือ การวิเคราะห์ทางเทคนิค หรือทั้งสองอย่างผสมกัน) ข้อดีและข้อเสียของมัน คุณจะระบุการค้าขายอย่างไร คุณจะจัดการอย่างไร
สิ่งนี้จะต้องมาพร้อมกับวารสารการซื้อขาย ซึ่งคุณสามารถจดข้อสังเกตของคุณ ระบุจุดอ่อนของคุณ และสร้างจุดแข็งของคุณ ซึ่งสามารถช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดในการซื้อขายทั่วไปและกลายเป็นเทรดเดอร์ที่ทำกำไรได้ การข้ามจากกลยุทธ์ไปสู่กลยุทธ์จะไม่เป็นผลดีนักและการซื้อขายทางอารมณ์จะเข้ามาแทนที่
เทรดเดอร์บางคนอาจสบายใจที่จะรับความเสี่ยงที่มากขึ้น และจัดการเพื่อให้ใจเย็นแม้ว่าพวกเขาจะเผชิญกับการขาดทุนที่ไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม หากคุณเพิ่งเริ่มต้นหรือโดยทั่วไปมีความเสี่ยงน้อยกว่า เรื่องนี้ก็ไม่น่าจะจบลงด้วยดี ก่อนอื่นคุณต้องระบุความเสี่ยงของคุณเองและวางแผนตามนั้น
หากคุณรู้สึกเครียดและหมดแรง คุณมีแนวโน้มที่จะทำผิดพลาดหรือมีส่วนร่วมใน การซื้อขาย เพื่อแก้แค้น อาจเป็นความคิดที่ดีที่จะตั้งกฎสำหรับตัวคุณเองซึ่งจะกำหนดหลังจากจำนวนการเทรดที่ขาดทุนติดต่อกันที่คุณจะหยุดพักและหยุดการเทรดจนกว่าคุณจะได้ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น
ท้ายที่สุด ไม่ใช่แค่การซื้อขายเท่านั้นที่อาจทำให้เกิดความเครียดและนำไปสู่การเสียสถิติได้ อาจมีปัจจัยภายนอกที่ส่งผลเสียต่อสภาพจิตใจของคุณ และอาจเป็นการดีกว่าที่จะหยุดพักจากการซื้อขายหากคุณกำลังเผชิญกับสถานการณ์ดังกล่าว
ความสามารถในการพัฒนาและฝึกฝนจิตใจในการซื้อขายนั้นมีความสอดคล้องอย่างใกล้ชิดกับความสำเร็จ เนื่องจากช่วยให้ผู้ค้าสงบสติอารมณ์ในสภาพแวดล้อมของตลาดที่วุ่นวาย โดยการได้รับความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความเข้าใจผิดที่อาจเกิดขึ้น การตัดสินที่ดียิ่งขึ้นจะมีชัย
_____________________________________
คำว่า forex หมายถึงเครื่องมือทางการเงินชนิดหนึ่งที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยน สกุลเงินสำรองทั่วโลกที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุดคือสกุลเงินนี้ ซอฟต์แวร์ซื้อขายฟอเร็กซ์สามารถซื้อขายบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ รวมถึงการแลกเปลี่ยนหุ้นแบบดั้งเดิมเช่น NYSE หรือ Nasdaq และแพลตฟอร์มการซื้อขายทางอินเทอร์เน็ตเช่น Bittrex, Kraken และ Poloniex
Forex เป็นตลาดการเงินทั่วโลก ผู้คนนับล้านทั่วโลกได้ใช้มัน ตลาดนี้เป็นตลาดที่ทันสมัยและปริมาณธุรกรรมเพิ่มขึ้นทุกวัน อุตสาหกรรม Forex มีการแข่งขันสูงและมีผู้เล่นมากมายในอุตสาหกรรมนี้ ซอฟต์แวร์การซื้อขายประเภททั่วไปที่มีอยู่ในปัจจุบันคือแพลตฟอร์มการซื้อขายที่ให้คุณแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศเป็นสกุลเงินอื่น เช่น ดอลลาร์สหรัฐ ยูโร ปอนด์ เป็นต้น
เราสามารถใช้ซอฟต์แวร์การซื้อขาย Forex เพื่อสร้างเนื้อหาสำหรับลูกค้าของเราตามหัวข้อหรือเฉพาะกลุ่ม นอกจากนี้เรายังสามารถใช้ซอฟต์แวร์ Forex เพื่อสร้างเนื้อหาในหัวข้อที่เรามีความเชี่ยวชาญ เช่น กลยุทธ์การซื้อขาย forex และการวิเคราะห์ forex ทางเทคนิค Forex เป็นสกุลเงินที่ผู้คนทั่วโลกใช้ เป็นทรัพย์สินที่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นสินค้าและบริการอื่นได้
ระบบการซื้อขาย Forex ใช้วิธีการซื้อขายที่ซับซ้อน มีการใช้ indicators ทางเทคนิคและ algorithms มากมาย ซอฟต์แวร์สร้างแผนภูมิที่พบในแพลตฟอร์มการซื้อขาย Forex เป็นเทคนิคที่นิยมมากที่สุดในการซื้อขายในลักษณะนี้ ในการใช้กลยุทธ์การซื้อขายนี้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณต้องคุ้นเคยกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและวิธีการทำงานในตลาด ในส่วนนี้ คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับส่วนนั้นของการซื้อขายฟอเร็กซ์และความเกี่ยวข้องกับบริษัทของคุณเอง
โปรแกรมสร้างแผนภูมิใดๆ ที่ไม่ต้องการให้คุณสร้างแผนภูมิโดยละเอียดหรือแผนภูมิที่มีตัวบ่งชี้มากมาย เช่น MACD, RSI, Bollinger Bands เป็นต้น อาจใช้ อย่างไรก็ตาม การแสดงโซนการเคลื่อนไหวของราคาต่างๆ แบบเรียลไทม์ยังช่วยให้คุณวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาเมื่อเวลาผ่านไปได้ คุณไม่สามารถใช้โปรแกรมสร้างแผนภูมิเดียวกันกับที่คุณเคยใช้ คุณสามารถประเมินตลาดได้อย่างรวดเร็วหลังจากที่คุณเข้าใจปัจจัยพื้นฐานและรู้วิธีใช้แผนภูมิเหล่านี้อย่างเหมาะสมแล้ว
การซื้อขายรูปแบบใหม่ที่ใช้สินทรัพย์ เช่น หุ้น พันธบัตร สกุลเงิน และสินค้าโภคภัณฑ์ เรียกว่าการซื้อขายฟอเร็กซ์ ในตลาดหลักทรัพย์ มีการซื้อขายเครื่องมือทางการเงินหลายอย่าง การทำเงินจากมูลค่าของเครื่องมือทางการเงินเหล่านี้เป็นเป้าหมายพื้นฐาน
เนื่องจากสามารถเพิ่มผลกำไรของคุณได้ ระบบการซื้อขาย Forex จึงเป็นองค์ประกอบสำคัญของตลาด สิ่งนี้ช่วยคุณได้อย่างมากในการหาวิธีใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของราคาในเครื่องมือทางการเงินเหล่านี้ในขณะที่เคลื่อนไหวเพียงลำพังหรือพร้อมกัน เนื่องจากความสามารถในการกระจายสินทรัพย์และใช้ประโยชน์จากสภาวะตลาดที่ไม่มีอยู่ในการซื้อขายประเภทอื่น เช่น หุ้น ออปชั่น และฟิวเจอร์ส ผู้ค้า forex ใช้ระบบเหล่านี้
เทรดเดอร์จากทั่วทุกมุมโลกใช้เพื่อซื้อขาย Forex และผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ และมีให้บริการบนแพลตฟอร์มต่างๆ ด้านหนึ่งสามารถเข้าถึงได้บนอุปกรณ์พกพา แท็บเล็ต และเครื่องเดสก์ท็อป ในทางกลับกัน สามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บหรือติดตั้งบนคอมพิวเตอร์
ซอฟต์แวร์การซื้อขาย Forex ที่ดีที่สุดช่วยให้คุณทำกำไรได้โดยไม่เสียเงิน แต่หลายคนใช้ซอฟต์แวร์เดียวกันนี้มาหลายปีแล้ว และพวกเขาก็ยังไม่สามารถทำกำไรได้ ถึงเวลาค้นหาซอฟต์แวร์ซื้อขาย Forex ที่ดีที่สุด
แอพพลิเคชั่นนี้ยังช่วยให้นักเทรดสามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากการจัดเตรียมเครื่องมือวิเคราะห์อันทรงพลังให้กับพวกเขา
คุณสมบัติ:
– วิเคราะห์แนวโน้มการเคลื่อนไหวของราคา
– ความสามารถในการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต
– พยากรณ์ออก …
พวกเขาสามารถช่วยคุณเขียนเกี่ยวกับหัวข้อเฉพาะหรือแม้แต่สร้างเนื้อหาสำหรับเว็บไซต์หรือบล็อกของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณไม่ใช่นักเขียนมืออาชีพ
ผู้ค้า Forex HMRC คือผู้ที่ใช้ซอฟต์แวร์เพื่อซื้อขายในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ พวกเขาต้องพิจารณาปัจจัยหลายอย่างในการตัดสินใจซื้อขาย รวมถึงความผันผวนของราคา เลเวอเรจ และปัจจัยทางเทคนิคอื่นๆ ที่ส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไรของการซื้อขายของพวกเขา
_____________________________________
กราฟราคารูปแบบธง (Bull Flag)
เข้าเทรดทำกำไรในตลาดขาขึ้น
Bull Flag คือรูปแบบการพักตัวในช่วงตลาดขาขึ้น เทรดเดอร์เจอรูปแบบนี้ สามารถมองหาสัญญาณแท่งเทียนกับตัวได้เลย แล้วเข้าออเดอร์ buy ตามเทรนด์ขึ้นไป จังหวะเข้า Order ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ปลอดภัยเพราะราคาจะอยู่ในช่วง Side Way รอการระเบิดของเทรนเพื่อขึ้นต่อไป
รูปแบบขาขึ้น
Hammer
Morning star
Morning doji star
Inverted hammer
Piercing line
Bullish harami
Bullish harami cross
_____________________________________________
สนใจรับระบบเทรดคลิก
https://bit.ly/GMI-TH
สู่อิสรภาพทางการเทรด แบบไม่ต้องเฝ้ากราฟ ไม่ต้องเฝ้าจอ
และไม่ต้องหลบข่าว
เพียงเปิดบัญชีวันนี้
รับโบนัส 30% สูงสุด 500$ (ไม่มีขั้นต่ำ)
รับสิทธิ์เข้า VIP ฟรี! เพียงเติมเงินเข้าบัญชีเทรด $50
พร้อมระบบเทรดฟรีทุกตัวใช้กับบัญชีที่สมัครต่อ FTT ฟรีตลอดชีพ
.
ระบบเทรดฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
เงื่อนไขเพียงเปิดบัญชีเทรดต่อที่ IB ของทาง FTT
ก็สามารถรับ ระบบเทรดได้ฟรีตลอดชีพ
ไม่มีค่าใช้จ่ายสักบาท
ไม่เก็บรายเดือน
ไม่แบ่งกำไร
.
เทรดยังไม่เป็น หรือยังไม่เก่ง
อยากเทรดแต่ไม่มีคอม
อยากเทรดแต่ติดตั้ง EA ไม่เป็น
อยากเทรดแต่ไม่สะดวกเฝ้ากราฟเอง
ทางเรามีทางออกให้คุณ ด่วน
.
เปิดบัญชีและเติมเงินเขาบัญชีเทรดเริ่ม $50
เข้ากลุ่มไลน์ VIP ผู้ใช้ระบบเทรดทันที*
รับโบนัสเงินฝาก และ รับระบบเทรดเปิดบัญชี https://bit.ly/GMI-TH
_____________________________________________
#ระบบเทรด #อีเอเทรด #ฟรีระบบเทรด #มือใหม่เริ่มต้นเทรด
#เริ่มเทรด #forex #EA #ผลงานเทรด #GMI
_____________________________________________
*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ
เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
เทรดเดอร์ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากชอบและมักมีส่วนร่วมในการซื้อขาย Forex นอกจากจะเป็นหนึ่งในตลาดซื้อขายที่เก่าแก่ที่สุดแล้ว ยังยังคงเป็นตลาดการเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ด้วยปริมาณรายวันมากกว่า 5 ล้านล้านปอนด์
ผู้คนจำนวนมากขึ้นต้องการมีส่วนร่วมในการซื้อขาย Forex หลังจากได้ยินคนอื่นเทศนาความสำเร็จ มีเหตุผลมากเกินพอที่จะเข้าร่วม และคุณอาจเป็นเทรดเดอร์อันดับต้นๆ คนต่อไป!
อย่างไรก็ตาม การเริ่มต้นอาชีพใน forex นั้นไม่ตรงไปตรงมาเลย คุณจะต้องเรียนรู้คำศัพท์และกลยุทธ์ที่ซับซ้อนมากมาย หากคุณต้องการทำกำไรที่เหมาะสมด้วยตัวเอง การเดินทางก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน และคุณมีแนวโน้มที่จะต้องผ่านช่วงเวลาที่ท้าทายของการสูญเสียอย่างหนัก
ยิ่งคุณเรียนรู้ในช่วงเริ่มต้นมากเท่าไหร่ การเดินทางของคุณก็จะยิ่งง่ายขึ้นเท่านั้น คำศัพท์สองคำที่คุณต้องเจอคือเลเวอเรจและมาร์จิ้น ทั้ง 2 สิ่งนี้เป็นปัจจัยสำคัญในการซื้อขาย Forex
เลเวอเรจเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยให้คุณสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงราคา การเคลื่อนไหวของราคา Forex มีแนวโน้มที่จะเล็กน้อย ดังนั้นการเพิ่มราคาเพียงไม่กี่ pip ในบัญชี 100 ปอนด์จะทำให้คุณได้เงินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ขนาดของสัญญาจะถูกกำหนดโดยเงินฝากหรือส่วนต่างเมื่อใช้เลเวอเรจ มาร์จิ้นเป็นสัดส่วนเพียงเล็กน้อยของจำนวนเงินทั้งหมดที่ทำธุรกรรม นายหน้าให้เงินเพิ่มเติม
ตัวอย่างเช่น หากคุณเปิดการซื้อขายด้วยมาร์จิ้น 1,000 ปอนด์แต่เลเวอเรจมูลค่าธุรกรรมคือ 100,000 ปอนด์ เนื่องจากคุณซื้อขายที่ 100 เท่าของมาร์จิ้น คุณจึงมีเลเวอเรจ 1:100
มาร์จิ้นยังสามารถกำหนดเป็นจำนวนเงินที่คุณยืมจากโบรกเกอร์หรือแพลตฟอร์มการซื้อขายของคุณ การซื้อขายมาร์จิ้นคือการใช้เลเวอเรจหรือเงินที่ยืมมาเพื่อซื้อขาย
คุณสามารถใช้เลเวอเรจเพื่อซื้อขายได้ทั้ง 2 วิธี คุณสามารถใช้เลเวอเรจเพื่อชอร์ตตลาด ซึ่งเป็นสัญญาณว่าคุณคาดว่าจะลดราคา วิธีนี้จะทำให้คุณมีตัวเลือกมากขึ้นในกลยุทธ์การซื้อขายของคุณและช่วยให้คุณได้รับผลกำไรสูงสุด
ตลาด Forex จะให้อัตราเลเวอเรจที่มีประสิทธิภาพมากกว่าตลาดอื่นๆ ด้วยเหตุนี้ เมื่อทำการซื้อขาย Forex คุณอาจเพิ่มผลกำไรของคุณได้อย่างมาก
ในฐานะมือใหม่ คุณมักจะมีบัญชีที่เล็กกว่า ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้องใช้ประโยชน์จากการสร้างรายได้จำนวนมากและสร้างบัญชีของคุณ
อย่างไรก็ตาม โอกาสที่กำไรจะสูงขึ้นจะมาพร้อมกับโอกาสขาดทุนที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากเลเวอเรจอาจเพิ่มการสูญเสียและรายได้ คุณต้องจัดการความเสี่ยงอย่างระมัดระวัง
ก่อนที่คุณจะเริ่มใช้การซื้อขายมาร์จิ้น คุณต้องมั่นใจในกลยุทธ์การซื้อขายของคุณ หากคุณไม่มั่นใจว่ากำลังทำอะไรอยู่ การลบบัญชีนับร้อยหรือหลายพันออกจากบัญชีของคุณนั้นค่อนข้างง่าย
คำแนะนำอย่างหนึ่งคือพยายามหลีกเลี่ยงอัตราส่วนเลเวอเรจขนาดมหึมา แพลตฟอร์มการซื้อขายบางแห่งจะมีอัตราส่วนสูงถึง1:400 แม้ว่าจะมีโอกาสได้รับผลกำไรที่สูงขึ้น แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ 1 :400 จะส่งผลให้จำนวนเงินในบัญชีของคุณผันผวนอย่างมาก หากการค้าขายไม่เป็นไปตามที่คุณต้องการ แสดงว่าคุณมีความเสี่ยงสูง
_____________________________________
5 เทคนิคในการวางแผนระดับราคาแนวรับและแนวต้าน
1. ระดับราคาควรได้รับการทดสอบอย่างน้อยสองครั้งเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นระดับราคาที่สำคัญ
2. การหนีจากราคาใด ๆ อย่างรวดเร็วเป็นระดับราคาที่สำคัญเนื่องจากบ่งบอกถึงแรงกดดันที่สูงขึ้นของอุปสงค์หรืออุปทาน
3. ระดับราคาล่าสุดมีผลมากกว่าระดับเก่า
4. ยิ่งสูง จำนวนครั้งการทดสอบราคา; มันจะอ่อนแอลง เพราะหากราคาตลาดกลับมาครั้งแล้วครั้งเล่า คำสั่งที่รอดำเนินการและความต้องการจะได้รับการตอบสนอง เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่ราคาจะทำลายระดับราคา
5. ระดับราคาใช้ได้จนกว่าจะหัก เช่น เมื่อราคาทะลุลึก มันไม่ใช่ระดับราคาที่สำคัญอีกต่อไป
1. หากราคาทะลุระดับแนวรับที่สำคัญ ก็อาจกลายเป็นระดับแนวต้านที่สำคัญและในทางกลับกัน
2. ความเร็วและความแข็งแกร่งของการทำลายระดับราคาใดๆ เป็นปัจจัยสำคัญ ซึ่งกำหนดความเร็วและความแข็งแกร่งของการเคลื่อนไหวในอนาคต
3. ยิ่งราคาได้รับการสนับสนุนหรือต่อต้านที่ระดับราคานานเท่าใด การเคลื่อนไหวในอนาคตก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นหลังจากทำลายระดับราคานั้น
_____________________________________
ในตลาด Forex คุณอาจได้ยินมามากมายเกี่ยวกับการพักตัว Fibonacci retracement มักถูกกล่าวถึงโดยเชื่อมโยงกับคำนี้ อย่างไรก็ตาม คำนี้ใช้ในบริบทที่กว้างกว่ามาก และบ่อยครั้งเมื่อผู้คนอ้างถึง retracement พวกเขาไม่ได้หมายถึงระดับ Fibonacci หมายความว่าอย่างไรใน Forex?
Retracements หมายถึงการกลับตัวของราคาชั่วคราวภายในแนวโน้มที่สำคัญ จำเป็นต้องเน้นคำว่า “ภายใน” การกลับตัวและการถอยกลับแตกต่างกันในแง่นี้
บทความนี้อธิบายแนวคิด retracement ใน Forex และสร้างความแตกต่างด้วยการกลับตัว ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้รู้จักพวกเขาก่อนที่คุณจะลงทุนและซื้อขาย!
ในแนวโน้มส่วนใหญ่ แม้แต่แนวโน้มที่ทรงอิทธิพล ตลาดจะย้อนกลับอย่างน้อยส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหว เหมือนกับการก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ถอยหลังหนึ่งก้าว ก้าวไปข้างหน้าสองก้าว และถอยหลังหนึ่งก้าว รูปแบบเหล่านี้เกิดขึ้นทั้งในช่วงแนวโน้มขาขึ้นและขาลง
อะไรคือเหตุผลที่คุณพิจารณาว่าการย้อนกลับจำเป็นในฐานะนักเทรด Forex? Retracements มักสับสนกับ reversals แต่ถือได้ว่าเป็นเครื่องยืนยันแนวโน้ม Retracements สู่ระดับ Fibonacci นั้นมีค่าสำหรับการค้นหาบริบทสำหรับการซื้อขายที่ดี
ก่อนทำการซื้อขายที่จุดเริ่มต้นของแนวโน้ม ผู้ค้าส่วนใหญ่จะรอให้เกิด Retracements นี่เป็นเพราะคุณจะไม่รู้ว่าคุณอยู่ในจุดกลับตัวหรือกลับตัวหากคุณเข้าก่อนการกลับตัว คุณมีโอกาสน้อยที่จะถูกหลอกโดยแนวโน้มที่ผิดพลาดหากคุณรอจนกระทั่งหลังจากการพักตัวเนื่องจากการกลับตัวเป็นแนวรับหรือแนวต้านในความโปรดปรานของคุณ
คุณควรเรียนรู้ที่จะสังเกต Retracements เป็นหนึ่งในเครื่องมือ Forex ของคุณ Retracementsที่ระดับ Fibonacci มักจะให้บริการคุณได้ดี แม้ว่าจะไม่จำเป็นก็ตาม
การลดลงของราคาหุ้นที่เราเป็นเจ้าของมักจะทำให้เราสงสัยว่าการลดลงนั้นเป็นไปในระยะยาวหรือเป็นเพียงการสะดุดของตลาด หุ้นของเราได้เพิ่มขึ้นหลังจากขายในสถานการณ์เช่นนี้ และบางหุ้นก็ทำจุดสูงสุดใหม่ได้ เราเคยเจอสถานการณ์แบบนี้ ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ทั้งหมด แต่ประสิทธิภาพของคุณจะดีขึ้นหากคุณรู้วิธีระบุและแลกเปลี่ยนการย้อนกลับอย่างถูกต้อง
การกลับตัวชั่วคราวของราคาที่เกิดขึ้นภายในแนวโน้มที่สำคัญกว่านั้นเรียกว่าการย้อนกลับ ไม่มีเหตุผลใดที่จะสรุปได้ว่าการกลับตัวของราคาเหล่านี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในแนวโน้มที่มีนัยสำคัญมากกว่า เนื่องจากเป็นการชั่วคราว การกลับตัวของแนวโน้มราคาเป็นสิ่งที่ตรงกันข้าม นี่หมายความว่าราคามีแนวโน้มที่จะอยู่ในทิศทางการกลับตัวนั้นเป็นระยะเวลาหนึ่ง แนวโน้มขาลงสามารถเปลี่ยนทิศทางเป็นขาขึ้นตามแนวโน้มขาลงหรือย้อนกลับหลังจากแนวโน้มขาขึ้น
ที่สำคัญที่สุด หากเทรดเดอร์สังเกตเห็นสัญญาณตลาดที่แข็งแกร่งที่ระดับหลังการถอยกลับ เขาจะได้รับโอกาสที่ดีกว่าในการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาครั้งต่อไปอย่างแม่นยำ ระดับราคา “ค่าเฉลี่ย” หรือ “ค่าเฉลี่ย” มักจะให้ผลตอบแทน ดังนั้น ให้มองหาจุดเข้าเมื่อใดก็ตามที่คุณพบการถอยกลับหรือการหมุน นอกจากนี้ อาจอนุญาตให้เทรดเดอร์วาง Stop Loss ที่เหมาะสมได้ วิธีนี้จะช่วยให้พวกเขาหลีกเลี่ยงการสูญเสียจำนวนมากในขณะเดียวกันก็ไม่ถูกจับโดยความผันผวนของราคาอย่างกะทันหัน สิ่งที่แย่ที่สุดคือถ้าการทำนายของคุณถูกต้อง แต่ Stop Loss ที่ไม่ถูกต้องทำให้คุณออกจากตลาด อัตราส่วน ความเสี่ยงต่อผลตอบแทนก็เป็นไปได้เช่นกันเมื่อใช้การย้อนกลับ เป็นเรื่องปกติที่เทรดเดอร์จะตั้งเป้าหมาย 200 pip เพื่อวาง 100 pip ในกรณีนี้ คุณอาจกระชับ Stop Loss ของคุณโดยขึ้นอยู่กับระดับการย้อนกลับที่แน่นอน ตัวอย่างเช่น ระดับก่อนหน้าสามารถแปลงเป็นตัวเลขเป็นเป้าหมาย 250 pip โดยมีจุดหยุด 50 จุด
มีความเสี่ยงที่จะพลาดการซื้อขายบางส่วนเนื่องจากคุณควรรอการย้อนกลับ ไม่น่ากลัวเพราะไม่มีอะไรหายไป จะมีโอกาสน้อยลงในการเปิดการซื้อขายเนื่องจากราคาจะไม่หวนกลับ นอกจากนี้ การซื้อขาย ย้อนหลัง ต้องใช้ความอดทนแต่เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการพัฒนา
ข้อเสียควรพิจารณา ค่าบวกมีค่ามากกว่าค่าลบในกรณีนี้
ในช่วงแนวโน้มที่มีนัยสำคัญ การกลับตัวมักจะหมายถึงการกลับตัวของราคาชั่วคราว ผู้ค้าและนักลงทุนต้องทราบความแตกต่างระหว่างการย้อนกลับและการกลับรายการ นอกจากนี้ พวกเขาควรเรียนรู้เกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของการย้อนกลับ
เส้นแนวนอนเหล่านี้เรียกว่าระดับการย้อนกลับของ Fibonacci เส้นแนวนอนเหล่านี้สะท้อนถึงระดับลำดับ Fibonacci พวกเขาสอดคล้องกับเปอร์เซ็นต์ ราคาได้หวนกลับเปอร์เซ็นต์ของการเคลื่อนไหวก่อนหน้าที่ทำ
ระดับฟีโบนักชีมักใช้เพื่อระบุการย้อนกลับ เป็นเรื่องปกติที่จะเห็นการพักตัวของราคาอยู่ที่ระดับ Fibonacci retracement ที่ 38.2%, 50.0% และ 61.8% ก่อนดำเนินการต่อแนวโน้มโดยรวม ราคาที่เพิ่มขึ้นเหนือระดับเหล่านี้อาจบ่งบอกถึงจุดเริ่มต้นของการกลับตัว
_____________________________________
“เทรดตามเทรนด์!”
การซื้อขายกับแนวโน้มนั้นยากมาก ก็เหมือนว่ายน้ำในแม่น้ำที่ไหลทวนน้ำ การซื้อขายกับแนวโน้มหมายความว่าคุณกำลังซื้อขายกับโมเมนตัมของตลาด นี้ stacks อัตราต่อรองทั้งหมดกับคุณ ลองนึกภาพคุณกำลังซื้อขายกับทั้งตลาด มันเหมือนกับว่าคุณต่อต้านโลกการค้า
ดังนั้น เทรดเดอร์จำนวนมากจึงตัดสินใจลองซื้อขายกับเทรนด์ แต่เทรดเดอร์หน้าใหม่หลายคนที่ตัดสินใจเป็นเทรนด์ตามเทรดเดอร์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะระบุเทรนด์ได้อย่างไร เราจะเทรดกับเทรนด์ได้อย่างไร หากเราไม่ทราบวิธีระบุเทรนด์
ผู้ค้าการเคลื่อนไหวของราคามักจะดูแผนภูมิเปล่าเพื่อระบุแนวโน้ม พวกเขากำหนดแนวโน้มขาขึ้นว่าเป็นสิ่งที่พิมพ์สูงที่สูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับจุดสูงสุดครั้งก่อน และยืนยันโดยจุดต่ำสุดที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับจุดต่ำสุดครั้งก่อน สำหรับแนวโน้มขาลง พวกเขากำหนดให้เป็นหนึ่งที่พิมพ์ค่าต่ำสุดที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับค่าต่ำสุดก่อนหน้าและยืนยันโดยค่าสูงสุดที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับค่าสูงสุดครั้งก่อน
มือใหม่ในการซื้อขายการเคลื่อนไหวของราคา พบว่ามันยากที่จะประเมิน swing high และ low บนกราฟเปลือยโดยไม่มีข้อบ่งชี้ใด ๆ ที่ชี้ไปที่ swing high หรือ swing low ซึ่งอาจดูสับสนและทำให้ขาดความมั่นใจในการตั้งค่าการเทรด อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราสามารถทำได้คือใช้ ZigZag indicator เพื่อช่วยเราระบุจุดสูงและจุดต่ำสุดของวง swing สิ่งนี้ทำให้สิ่งต่าง ๆ ง่ายขึ้นมาก
แนวคิดหนึ่งในการซื้อขายคือบริเวณแนวต้านเมื่อพังแล้วจะกลายเป็นแนวรับ ในตลาดที่มีแนวโน้ม พื้นที่แนวต้านที่เป็นไปได้จะถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้สร้างพื้นที่สนับสนุนให้เรา ซึ่งเราสามารถแลกเปลี่ยนได้
เพื่อแลกเปลี่ยนระบบนี้ เราจะทำเครื่องหมายจุดสูงสุดที่แตกเป็นแนวรับ เพื่อทำเครื่องหมายบริเวณแนวรับเหล่านี้ ในแนวโน้มขาขึ้น เราจะทำเครื่องหมายจากไส้ตะเกียงบนของวง swing highไปจนถึงทั้งตัว
ในแผนภูมิด้านล่าง สังเกตว่าราคาเคารพส่วนสนับสนุนเหล่านี้อย่างไรในช่วงตลาดขาขึ้นนี้
เนื่องจากแผนภูมิที่วิเคราะห์เป็นตลาดขาขึ้น เราจะวิเคราะห์การตั้งค่าการซื้อ
รายการ : เราจะรอให้ราคาย้อนกลับไปยังพื้นที่แนวรับ เมื่อราคาถึงพื้นที่เราจะมองหามันเพื่อเด้งออกจากพื้นที่ ทันทีที่ราคาสร้างรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวที่ปิดเหนือพื้นที่แนวรับ เราจะเข้าสู่การซื้อขาย
Stop Loss : Stop Loss ควรอยู่ต่ำกว่าแนวรับเล็กน้อย
Take Profit : จุดทำกำไรเป้าหมายควรอยู่ที่จุดสูงสุดของ swing high
กลยุทธ์นี้เป็นกลยุทธ์การซื้อขายประเภทกระแสตลาดที่เรียบง่าย ซึ่งใช้พลังของการเคลื่อนไหวของราคาที่มีแนวโน้ม เนื่องจากทั้งกระแสตลาดและการเคลื่อนไหวของราคาที่มีแนวโน้มจะรวมกันเป็นกลยุทธ์การซื้อขาย การตั้งค่าการค้าจึงกลายเป็นการตั้งค่าการค้าที่มีความเป็นไปได้สูงมากขึ้น สิ่งนี้จะเพิ่มโอกาสที่จุดทำกำไรจะถูกโจมตีแทนการหยุดการขาดทุน
กลยุทธ์การซื้อขายอื่นที่สามารถใช้ร่วมกับกลยุทธ์นี้ได้คือกลยุทธ์ bull flag หากคุณมองอย่างใกล้ชิด การถอยกลับอาจถือได้ว่าเป็น bull flag ที่ทะลุแนวต้านในแนวทแยง
นอกจากนี้ หากคุณจะใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบ 3 แบนด์เป็นคำชมเชยสำหรับกลยุทธ์นี้ คุณจะพบว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบสามแถบนั้นเรียงซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบบนอีกด้านหนึ่ง ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้ม และจุดเริ่มต้นของ แรงผลักดันยังออกจากแนวรับแบบไดนามิกที่เกิดจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
ผู้ค้ารายอื่นที่ซื้อขายช่องในแนวทแยงก็สามารถเห็นได้ในมุมที่ต่างออกไป พวกเขาสามารถพูดได้ว่าการค้าขายเป็นการดีดตัวออกจากแนวรับแนวทแยง
ข้อดีของการใช้กลยุทธ์การซื้อขายประเภทการเคลื่อนไหวของราคาหรือการไหลของตลาดคือช่วยให้ผู้ค้าสามารถกำหนดพื้นที่ที่พวกเขาสามารถมองหาการพลิกกลับหรือการตีกลับได้อย่างง่ายดาย แตกต่างจาก bull flag และแนวรับและแนวต้านเนื่องจากลักษณะแนวนอนของแนวรับและแนวต้านทำให้ผู้ค้าประเมินได้ง่ายขึ้นว่าการกลับตัวเกิดขึ้นในพื้นที่ที่ถูกต้องหรือไม่
กลยุทธ์นี้เป็นกลยุทธ์ที่มีความเป็นไปได้สูงในตัวมันเอง ผู้ค้ามืออาชีพยังใช้แนวรับและแนวต้านในแนวนอน แต่เมื่อรวมกับกลยุทธ์อื่นแล้ว ก็ยิ่งมีพลังมากขึ้น
_____________________________________
มีกลยุทธ์การซื้อขายมากมายที่ผู้ค้าทั่วโลกใช้ ทุกคนมีเหตุผลของตนเองในการใช้กลยุทธ์การซื้อขายบางอย่าง ในกรณีส่วนใหญ่ ผู้คนจะตัดสินใจว่าจะใช้กลยุทธ์ใดโดยขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ
ประการแรกคือความรู้และประสบการณ์ในตลาดการเงิน จากนั้นระยะเวลาและความพยายามที่พวกเขาสามารถนำไปซื้อขายได้ นอกจากนี้ ปัจจัยหนึ่งที่สามารถมีอิทธิพลต่อกลยุทธ์ที่คุณต้องการใช้คือประเภทของรายได้ที่คุณต้องการ
หากคุณเป็นคนที่ต้องการผลตอบแทนอย่างรวดเร็วจากการซื้อขาย คุณมีตัวเลือกค่อนข้างน้อย กลยุทธ์หนึ่งที่ผู้ค้าใช้บ่อยมากคือกลยุทธ์การซื้อขายความถี่สูง กลยุทธ์นี้รู้จักกันในนาม HFT สั้น ๆ เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดที่คุณต้องสร้างผลกำไรอย่างรวดเร็วและสูงในตลาดการซื้อขาย Forex
HFT ค่อนข้างอธิบายตนเองได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ผู้เริ่มต้นบางคนอาจไม่รู้เกี่ยวกับ HFT ก็คือมีหลายประเภทให้เลือกใช้ กลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดบางส่วนที่ใช้ในการซื้อขายความถี่สูง ได้แก่ การซื้อขายคู่,Iceberg and Sniffer, คำสั่งแฟลช,การเทรด HFT / Scalping และอื่นๆ อีกมากมาย
แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะแตกต่างกันมาก แต่ก็ยังมีหลายสิ่งที่เหมือนกัน ในตอนท้ายของวัน กลยุทธ์การซื้อขายทั้งหมดเหล่านี้เป็นกลยุทธ์ประเภท HFT ซึ่งหมายความว่าผู้ค้าจะต้องใช้เวลามากในการวิเคราะห์ เปิดสถานะ เปลี่ยนแปลงตำแหน่ง และปิด
ด้านล่างนี้ เราจะพูดถึงกลยุทธ์ HFT ประเภทต่างๆ ดังนั้น ทำตามคำแนะนำโดยละเอียดของเราและค้นหากลยุทธ์ HFT ที่ดีที่สุดที่เหมาะกับความต้องการของคุณที่สุด
เมื่อพูดถึงกลยุทธ์การซื้อขาย High Frequency มีเพียงไม่กี่กลยุทธ์ที่ควรพิจารณา ในตลาดการเงิน การซื้อขายคู่เป็นกลยุทธ์การซื้อขายที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งมองเห็นการจับคู่ตำแหน่งยาวกับตำแหน่งสั้นในสินทรัพย์สองรายการที่มีความสัมพันธ์สูง การซื้อขายคู่มีประวัติอันยาวนานมาก เปิดตัวในยุค 80 กลยุทธ์การซื้อขายนี้เน้นที่การวิเคราะห์ทางสถิติและทางเทคนิคเป็นส่วนใหญ่เพื่อค้นหาผลกำไรที่เป็นกลางในตลาด
ลักษณะสำคัญของธุรกรรมการซื้อขายนี้คือกลยุทธ์ที่เป็นกลางทางการตลาด นี่เป็นกระบวนการจับคู่ตำแหน่งยาวและสั้นในหลักทรัพย์สองชนิดที่แตกต่างกันโดยมีความสัมพันธ์เชิงบวก
ผู้ที่ใช้กลยุทธ์นี้ต้องใช้เวลามากในการวิเคราะห์ตลาด มองหาโอกาส และเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับด้านเทคนิคของตลาดการเงิน ซึ่งอาจค่อนข้างเหนื่อย
มีข้อดีและข้อเสียมากมายที่มาพร้อมกับกลยุทธ์การซื้อขาย High Frequency ประเภทนี้ สมมติว่าคู่สกุลเงินดำเนินการตามที่คาดไว้ ในกรณีนี้ นักลงทุนทำกำไร ในทางกลับกัน หากตลาดเป็นไปในทางอื่น นักลงทุนก็จะสูญเสียเงินไป ส่วนใหญ่ ผลกำไรสามารถสร้างขึ้นได้เมื่อการรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่ามูลค่ากลับมาและมูลค่าของสินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพดีกว่าลดลง
แม้ว่าจะมีข้อเสียบางประการที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายคู่ แต่ก็ยังได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดการเงินหลายแห่งทั่วโลก
เมื่อพูดถึงกลยุทธ์การซื้อขายแบบ algorithmic(อัลกอริธึม) และความถี่สูง กลยุทธ์ที่โดดเด่นที่สุดคือ Iceberg และ Sniffer กลยุทธ์การเทรดหรือ algorithmic(อัลกอริธึม) นี้มักถูกใช้โดยเทรดเดอร์ประเภทต่างๆ ในตลาด Iceberg และ Sniffer เป็น algorithmic(อัลกอริธึม) ที่ใช้บ่อยมากในตลาดเพื่อตรวจจับและตอบสนองต่อผู้ค้ารายอื่นที่พยายามซ่อนการซื้อขายบล็อกขนาดใหญ่ประเภทต่างๆ โดยใช้ algorithmic(อัลกอริธึม) ประเภทต่างๆ
เช่นเดียวกับกลยุทธ์การซื้อขาย High Frequency อื่น ๆ Iceberg และ Sniffer เรียกร้องให้มีการอุทิศอย่างมากในส่วนของผู้ค้า เหตุผลหลักคือกลยุทธ์การซื้อขายนี้เรียกร้องให้มีการอุทิศและวิเคราะห์ตลาดอย่างมาก
ในกรณีส่วนใหญ่ ผู้ที่ใช้กลยุทธ์นี้คือผู้ค้าที่เกี่ยวข้องกับตลาดการเงินมากและเข้าใจอย่างแท้จริงว่าสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นได้อย่างไรในโลกของการซื้อขาย หากปราศจากความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับตลาด อาจเป็นเรื่องยากที่จะใช้กลยุทธ์นี้ให้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุด กลยุทธ์การซื้อขายนี้ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การซื้อขายที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตลาด และมีคนจำนวนมากที่ใช้กลยุทธ์นี้ กลยุทธ์ Iceberg และ Sniffer เป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในกลยุทธ์การซื้อขาย High Frequency ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มักจะใช้เวลามากจากผู้ค้า ด้วยเหตุนี้ มีผู้ค้าจำนวนมากที่ใช้บอทซื้อขายและโปรแกรมที่คล้ายกันเพื่อค้นหาสภาวะตลาดที่เหมาะสมกับความต้องการของพวกเขามากที่สุด
แม้ว่าจะเป็นที่ถกเถียงกันมาก แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากทั่วโลกที่ใช้กลยุทธ์ Flash Trading นี่เป็นกลยุทธ์ประเภท HFT และเป็นที่นิยมทั่วโลก พูดง่ายๆ ก็คือ แนวคิดหลักที่อยู่เบื้องหลังกลยุทธ์นี้คือเมื่อใช้งาน ตลาดจะเปิดเผยหนังสือสั่งซื้อล่วงหน้าต่อ algorithmic(อัลกอริธึม) ที่เคยสมัครรับคำสั่งซื้อแบบแฟลชก่อนหน้านี้
พูดง่ายๆ ก็คือ กลยุทธ์นี้จะสร้างตลาดสองระดับบางประเภท ซึ่งอาจเป็นอันตรายสำหรับผู้ค้าปลีกทั่วไปที่ตามหลัง เมื่อพูดถึงกลยุทธ์การซื้อขายที่มีความถี่สูงเพื่อให้ได้กำไรสูงสุด หลายคนเชื่อว่า Flash Orders เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ทำกำไรได้มากที่สุด
แม้ว่ามันอาจจะได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่คนบางคน แต่ก็ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากคนอื่น ๆ ทั่วโลก การวิพากษ์วิจารณ์มีมากจนถูกระงับโดยการแลกเปลี่ยนและนายหน้าส่วนใหญ่ทั่วโลก
แม้ว่าลักษณะที่แท้จริงและความเสี่ยงของกลยุทธ์นี้ไม่เคยเป็นความลับของการซื้อขายที่มีความถี่สูง แต่ก็ยังเคยเป็นที่นิยมในหมู่คนจำนวนมาก กลยุทธ์นี้ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่มีความซับซ้อนสูงและทรงพลังเพื่อให้ผู้ดูแลสภาพคล่องสามารถดูคำสั่งซื้อจากผู้เข้าร่วมตลาดรายอื่นได้
ผู้ที่ขัดต่อกลยุทธ์นี้ส่วนใหญ่เชื่อว่าสามารถช่วยให้มีสภาพคล่องมากขึ้นในการแลกเปลี่ยนตลาดรอง นอกจากนี้ หลายคนเชื่อว่านี่เป็นกลยุทธ์ที่ไม่เป็นธรรมและมีความเสี่ยงสูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบไม่เฉพาะกับผู้ที่ใช้กลยุทธ์นี้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้เข้าร่วมตลาดรายอื่นๆ ด้วย
มีกลยุทธ์การซื้อขายที่ได้รับความนิยมมากมายทั่วโลก แต่กลยุทธ์หนึ่งที่ใช้ในตลาดจำนวนมากโดยผู้คนนับล้านทุกวันคือการ Scalping เป็นกลยุทธ์ประเภท HFT ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างวัน
หลายคนมองว่าเป็นกลยุทธ์การซื้อขายรายวันประเภทหนึ่ง ในความเป็นจริง มีความคล้ายคลึงกันมากมายระหว่าง scalping และ day trading อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างก็คือการ scalping นั้นมีความต้องการมากกว่ามาก เมื่อคุณใช้กลยุทธ์การซื้อขายนี้ คุณจะต้องเปิดและปิดสถานะการซื้อขายจำนวนมากในระหว่างวัน
ในกรณีส่วนใหญ่ ตำแหน่งเหล่านี้มีขนาดเล็กมากและสามารถให้ผลกำไรเพียงเล็กน้อยแก่ผู้ค้าเท่านั้น อย่างไรก็ตาม Scalping เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ HFT ที่ดีที่สุด และผู้คนจำนวนมากใช้กลยุทธ์นี้ เนื่องจากมีตำแหน่งมากมายที่คุณกำลังเปิดในระหว่างวัน มันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับเทรดเดอร์
คุณไม่เพียงแต่ต้องใช้เวลามากขึ้นในการวิเคราะห์และค้นคว้าตลาดเท่านั้น แต่คุณยังต้องใช้เวลาเป็นจำนวนมากเพื่อจุดประสงค์ในการซื้อขายจริงด้วย เมื่อคุณทำการซื้อขายโดยใช้กลยุทธ์นี้ ผลกำไรที่คุณทำได้มักจะลดลง
ด้วยเหตุนี้ เพื่อเพิ่มผลกำไร นักเก็งกำไรจำนวนมากจึงใช้เลเวอเรจที่สูงขึ้น แต่พึงระลึกไว้เสมอว่าเลเวอเรจนั้นค่อนข้างอันตรายสำหรับผู้ค้า เนื่องจากความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างมาก
สรุปแล้ว Scalping เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของการเทรดความถี่สูง มีผู้คนจำนวนมากที่ใช้มันทุกวันทั่วโลก และได้รับการพิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จอย่างมากสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ต่างกัน
ใช่ การเทรดด้วย High Frequency สามารถทำกำไรได้ตราบเท่าที่คุณทำถูกต้อง มีกลยุทธ์การซื้อขาย High Frequency หลายประเภทในตลาด และทั้งหมดนั้นให้ผลกำไรที่แตกต่างกันแก่ผู้ค้า แนวคิดทั่วไปเบื้องหลังกลยุทธ์เหล่านี้คือการได้รับผลกำไรโดยเร็วที่สุด แม้ว่าจะเป็นกลยุทธ์ระยะสั้น แต่ผลกำไรที่ทำได้ในหนึ่งหรือสองสัปดาห์ก็ค่อนข้างมาก
จำนวนเงินที่คุณต้องการสำหรับกลยุทธ์ HFT จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของคุณและจำนวนผลกำไรที่คุณต้องการทำ อย่างไรก็ตาม ในกรณีส่วนใหญ่ จำนวนเงินที่คุณเริ่มซื้อขายมักจะต่ำกว่าที่คุณต้องการสำหรับการลงทุนระยะยาว การทำความเข้าใจกลยุทธ์การซื้อขายที่มี High Frequency นั้นมีประโยชน์มากสำหรับผู้ค้าในตลาดต่างๆ เนื่องจากสามารถช่วยให้พวกเขาทำกำไรได้ต่ำแต่รวดเร็ว
_____________________________________
จะวางตำแหน่งการซื้อขาย forex ได้อย่างไร?
ควรทำความเข้าใจว่า Forex คืออะไรและทำงานอย่างไร เพื่อให้คุณซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราจะแจกแจงรายละเอียดและเรียนรู้เกี่ยวกับคำศัพท์พื้นฐานทั่วไปบางข้อของ Forex ในท้ายที่สุด คุณจะสามารถวางตำแหน่งการซื้อขาย forex ได้
อันดับแรก เราจะเข้าใจว่าการซื้อขายตำแหน่ง forex คืออะไร? และฉันจะวางตำแหน่งการซื้อขาย forex ได้อย่างไร?
ในวางตำแหน่งการซื้อขาย forex ก่อนอื่นคุณต้องตัดสินใจว่าคุณต้องการซื้อหรือขาย การวิเคราะห์ของคุณควรจะสนับสนุนการตัดสินใจซื้อ (หมายถึงการซื้อสกุลเงินหลักและการขายสกุลเงินอ้างอิง) (หากคุณซื้อ คุณต้องการให้สกุลเงินหลักมีมูลค่าเพิ่มขึ้น) เพื่อขายในภายหลังในราคาที่สูงและทำให้ คุณกำไร
ในการซื้อขาย การซื้อเท่ากับการได้รับ “ ตำแหน่งยาว(Long Position)”
พูดได้เลยว่า
ซื้อ=ยาว
หากคุณขายคู่สกุลเงิน (ขายสกุลเงินหลักและซื้อสกุลเงินอ้างอิง) ในสถานการณ์สมมตินี้ คุณต้องการให้สกุลเงินหลักมีมูลค่าลดลง เพื่อให้คุณซื้อคืนในราคาที่ต่ำกว่า
ดังนั้นการขายคู่สกุลเงินจึงเรียกว่า “การชอร์ต(going short)”
พูดได้เลยว่า
ขาย = สั้น
นี้ตอบคำถามของคุณ ฉันจะวางตำแหน่งการซื้อขาย forex ได้อย่างไร?
มีตำแหน่งอื่น ตำแหน่ง Flat หรือ Square ที่คุณไม่มีตำแหน่งที่เปิดอยู่
ตอนนี้เราจะเข้าใจสิ่งที่เป็นราคาเสนอซื้อและถามในการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ?
ในตลาด Forex คู่สกุลเงินจะถูกเสนอราคาและเสนอขายเสมอ โดยปกติราคาเสนอซื้อจะต่ำกว่าราคาเสนอขายเสมอ
พูดง่ายๆ คือ ราคาเสนอซื้อคือราคาของสกุลเงินหลักที่นายหน้าของคุณยินดีซื้อสกุลเงินหลักจากคุณในขณะนั้น
ดังนั้นราคา “bid”คือราคาที่คุณสามารถเปิดสถานะ short หากคุณต้องการ
ตอนนี้ ตั้งสติให้ดี จะได้ไม่สับสนในภายหลัง
ราคาขาย(Ask)คือราคาของคู่สกุลเงินที่นายหน้าของคุณยินดีขายคู่สกุลเงินนั้น ๆ
ดังนั้น หากคุณต้องการเปิดสถานะBid(ซื้อ) คุณจะต้องBid(ซื้อ)คู่สกุลเงินจากนายหน้าของคุณที่ราคา “ขาย(Ask)”
หากคุณจะจะวางตำแหน่งการซื้อขายและซื้อคู่สกุลเงินในตลาด Forex ราคาที่ดีที่สุดสำหรับคุณคือราคาขาย(Ask)
ดังนั้นคุณจะซื้อคู่สกุลเงินที่ราคาขาย(Ask)เสมอ
ราคาเสนอBid(ซื้อ)มักจะน้อยกว่าราคาขาย(Ask)เสมอ
spread ใน Forex เป็นเพียงความแตกต่างระหว่างราคาเสนอBid(ซื้อ)และราคาเสนอขาย(Ask)
ให้เราเข้าใจสิ่งนี้ผ่านตัวอย่าง
พิจารณา GBP/USD ซึ่งราคาเสนอBid(ซื้อ)คือ 1.37264 และราคาเสนอขาย(Ask)คือ 1.37276 ซึ่งหมายความว่า,
หากคุณกำลังเริ่มต้น คุณต้องเข้าใจแนวคิดของ compounding และพลังของอย่างแข็งขัน
compounding ใน Forex เป็นเทคนิคที่คุณลงทุนกลับการลงทุน เริ่มต้นของ คุณบวกกับกำไรของคุณเพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำกำไรและสร้างเงินทุนมากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป คุณจะสามารถสร้างเงินทุนในบัญชีซื้อขายของคุณได้
หมายเหตุ:มุมมองทั้งหมดนี้เป็นไปตามกฎของการวิเคราะห์ทางเทคนิค เราไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ในการซื้อขายแลกเปลี่ยน
_______________________________________
Forex กับ หุ้น: แตกต่างกันยังไง?
ด้านล่างนี้ คุณจะเห็นความแตกต่างที่สำคัญห้าประการระหว่างหุ้นและอัตราแลกเปลี่ยน
ตอนนี้เราจะเจาะลึกมากขึ้นเกี่ยวกับความแตกต่างที่สำคัญทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น
ปริมาณมหาศาลของตลาด forex นั้นนำมาซึ่งโอกาสมากมายสำหรับเทรดเดอร์ อนุญาตให้ดำเนินการคำสั่งซื้อขายได้ทันทีและปิดการซื้อขายทันทีที่ผู้ค้าต้องการปิด
ดังนั้นเราจึงสรุปการสนทนาทั้งหมดที่เราทำข้างต้นลงในตารางเล็กๆ นี้เพื่อแก้ไขทุกอย่าง
_______________________________________
ระดับ Margin และระดับ Stop out ใน forex
ระดับ Margin ใน forex หมายถึงอัตราส่วนของ equity ที่มีให้สำหรับ Margin ที่ใช้แล้วในบัญชีซื้อขาย mt4 ระดับ Margin เป็นสัดส่วนโดยตรงกับความสมบูรณ์ของบัญชีซื้อขาย mt4 ของคุณ ระดับ Margin ที่สูงขึ้นบ่งชี้ถึงบัญชีซื้อขายที่ดีและคุณมี Margin มากขึ้นสำหรับการซื้อขายที่เปิดมากขึ้นในบัญชีซื้อขาย ในทางกลับกัน Margin ที่ต่ำกว่าบ่งชี้ว่าบัญชี ซื้อขายอ่อนแอและคุณมี Margin เพื่อเปิดการซื้อขายในบัญชีซื้อขายมากขึ้น
ตัวอย่างเช่น คุณมี equity $10000 ในบัญชีซื้อขาย และคุณใช้ Margin $500 แล้ว ระดับ Margin ในบัญชีของคุณจะอยู่ที่ 2000% ระดับ Margin ที่ 2k% เป็น indication ถึงบัญชีซื้อขายที่ดีใน forex
เช่นเดียวกับในตัวอย่าง เราใช้ equity ของบัญชีซื้อขายเป็นตัวเศษ หากบัญชีซื้อขายของคุณไม่มีสถานะที่เปิดอยู่ equity จะเป็นศูนย์ ระดับ Margin คำนวณด้วย equity เท่านั้น ไม่ใช่ยอดคงเหลือในบัญชี
โบรกเกอร์ซื้อขายส่วนใหญ่ได้กำหนดข้อจำกัดเช่นจะไม่อนุญาตให้คุณเปิดสถานะการค้าเมื่อระดับ Margin ของบัญชีซื้อขายของคุณถึง 100% หรือน้อยกว่า คุณจะไม่สามารถป้องกันความเสี่ยงจากสถานะได้เมื่อบัญชีถึงระดับ Margin ที่ 100% จำไว้ว่าระดับ Margin ที่ใกล้ถึง 100% นั้นไม่ปลอดภัย ต้องมากกว่า 100%
โบรกเกอร์แต่ละรายได้กำหนดเปอร์เซ็นต์ระดับ Margin เฉพาะ เมื่อถึงระดับ Margin นั้นแล้ว คุณจะได้รับการแจ้งเตือนการเรียก Margin จากโบรกเกอร์ว่าคุณจะไม่สามารถเปิดตำแหน่งใหม่ได้อีกต่อไป
ดังนั้น ในการเปิดตำแหน่งใหม่ คุณต้องฝากเงินเพิ่มเพื่อเพิ่มระดับ Margin อย่างน้อยก็เหนือระดับ margin call. นี่เป็นคำศัพท์ที่สำคัญมากและผู้ค้าทุกคนต้องรู้เกี่ยวกับ Margin และ margin call.
Stop out ใน forex หมายถึงระดับการเรียกหลักประกันซึ่งนายหน้าจะเริ่มปิดตำแหน่งของคุณทีละรายการตามหลักประกันที่มีอยู่ โบรกเกอร์ forex ส่วนใหญ่มักจะปิดตำแหน่งทั้งหมดที่ระดับการเรียก Margin 20%
โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ให้การคุ้มครองยอดคงเหลือติดลบในกรณีที่มีการหยุด
_______________________________________
3 กลยุทธ์ในการซื้อขายรูปแบบ Inside Bar?
การซื้อขายรูปแบบ inside bar ใน forex ด้วยการเคลื่อนไหวของราคาเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดและให้ผลกำไร ในบทความนี้ เราจะพูดถึงวิธีการซื้อขาย 3 อันดับแรกของรูปแบบ inside bar
กลยุทธ์การซื้อขาย inside bar 3 ข้อต่อไปนี้
รูปแบบ Inside bar ที่ดีมีแท่งเทียนขนาดใหญ่ เชิงเทียนแม่ขนาดใหญ่หมายความว่ามีอัตราส่วนลำตัวต่อไส้ตะเกียงขนาดใหญ่
มีเหตุผลที่สมบูรณ์อยู่เบื้องหลัง ร่างใหญ่และไส้ตะเกียงขนาดเล็กแสดงถึงโมเมนตัมของตลาดที่สูง ตัวที่เล็กกว่าและไส้เทียนที่ใหญ่กว่าบ่งบอกถึงโมเมนตัมของตลาดที่ต่ำ นั่นคือเหตุผลที่ตรวจสอบลักษณะต่อไปนี้ของรูปแบบ Inside bar ก่อนที่จะใช้ในกลยุทธ์การซื้อขาย
ตอนนี้เรามาดูกลยุทธ์การซื้อขาย Inside bar กัน
การเรียนรู้โครงสร้างของรูปแบบ Inside bar เป็นสิ่งสำคัญ อะไรบอกผู้ค้า forex! บอกผู้ค้าว่าตลาดกำลังมองหาทิศทาง สถาบันขนาดใหญ่และผู้ค้ารายใหญ่กำลังตัดสินใจว่าจะขึ้นหรือลง
จำไว้ว่าเมื่อใดก็ตามที่ตลาดเคลื่อนไหวเหมือนรูปแบบ broadening หรือรูปแบบ inward จะมองหาทิศทางอยู่เสมอ
กลยุทธ์ Inside bar นี้ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่ว่าราคากำหนดทิศทางจากระดับหลัก แต่ถ้ามี Inside bar ที่ key levels จะทำให้ง่ายต่อการคาดการณ์ทิศทางของตลาด
ตัวอย่างเช่น ตลาดมีแนวโน้มที่จะกลับตัวหรือไปต่อจากระดับแนวต้าน เมื่อราคาตลาดถึงระดับแนวต้าน มันจะตัดสินใจว่าจะทำลายระดับแนวต้านนี้หรือจะกลับตัวจากระดับนี้
เมื่อ Inside bar ก่อตัวขึ้นที่ระดับแนวต้านนั้น ก็เป็นเครื่องบ่งชี้ชัดเจนว่าตลาดกำลังกำหนดทิศทางในอนาคต Breakout ของ รูปแบบ Inside bar ยืนยันทิศทางของตลาด หากราคาทะลุระดับสูงของ Inside bar ก็จะดำเนินต่อไปตามแนวโน้ม (จะขึ้น) ราคาจะกลับทิศทางหากทะลุผ่านจุดต่ำสุดของ Inside bar
ประโยชน์หลักของ Inside bar คือแสดงระดับการหยุดขาดทุนที่แน่นหนา
กลยุทธ์ Inside bar นี้เกิดขึ้นจากการรวมกันของ breakout วงในและ breakout แนวรับ/แนวต้าน นี่เป็นกลยุทธ์การเคลื่อนไหวของราคาอย่างแท้จริง และมีอัตราการชนะที่สูงกว่า
ส่วนประกอบของกลยุทธ์ inside bar
zone แนวรับและแนวต้านแสดงถึง key levels ที่แข็งแกร่ง เมื่อราคาทะลุระดับสำคัญเหล่านั้น ก็มีแนวโน้มที่จะย้ายไปยัง key levels ถัดไป เครื่องมือ Fibonacci เป็นเครื่องมือธรรมชาติที่ทรงพลัง และฉันใช้มันเพื่อปรับระดับการทำกำไร
ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ของกลยุทธ์การซื้อขาย Inside bar
นี่คือแนวทางใน inside bar และกลยุทธ์การซื้อขายแนวรับ/แนวต้าน
กลยุทธ์ที่ 2 inside bar 2 ประกอบด้วย breakout เส้นแนวโน้มและ inside bar breakout เส้นแนวโน้มประกอบด้วยการตีกลับของราคาอย่างน้อย 3 ครั้งติดต่อกันซึ่งทำให้เป็นระดับสำคัญ เป็นที่รู้จักกันว่าแนวรับหรือแนวต้าน
กลยุทธ์นี้ประกอบด้วย parameters ต่อไปนี้
การก่อตัวของรูปแบบ inside bar หลังจาก breakout ของเส้นแนวโน้มทำงานได้ดีที่สุดและกลยุทธ์ breakout นี้ให้ผลกำไร
ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
กลยุทธ์เส้นแนวโน้มและ inside bar มองเห็นได้ง่ายและมีโอกาสชนะสูงเมื่อเทียบกับแนวรับ/แนวต้าน
บางครั้ง เมื่อแนวรับและแนวต้านหรือเส้นแนวโน้มแตกตัวด้วยแท่งเทียนขนาดใหญ่ ราคาก็จะกลับมาที่ระดับหลักอีกครั้ง แสดงถึงการปลอมแปลง
กลยุทธ์นี้ประกอบด้วยการ fakey setup และมีอัตราส่วนการชนะสูงกว่าหากซื้อขายกับแนวโน้ม ตัวอย่างเช่น เส้นแนวโน้มและแนวรับ/แนวต้านแสดงถึงความต่อเนื่องของแนวโน้ม แต่บางครั้ง หลังการ breakout ราคาจะปิดอีกครั้งภายในระดับหลัก เป็นการตั้งค่าการกลับตัวของแนวโน้ม
จำไว้ว่าในการ fakey setup นี้ คุณจะซื้อหรือขายในทิศทางตรงกันข้ามเมื่อเทียบกับกลยุทธ์ทั้ง 2 ที่กล่าวถึงในหัวข้อข้างต้น
มีไม่กี่ขั้นตอนในการปฏิบัติตามกลยุทธ์การซื้อขายบาร์ inside bar
กลยุทธ์การซื้อขายประกอบด้วยจุดบรรจบมากมายที่ทำให้กลยุทธ์สามารถซื้อขายได้ หากไม่มีจุดบรรจบ คุณจะไม่สามารถทำกำไรได้อย่างชัดเจน inside bar เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่ดีที่สุด และฉันได้ใช้การเคลื่อนไหวของราคากับแท่งเทียน inside bar และทำกลยุทธ์ที่สามารถซื้อขายได้ดีที่สุด
_______________________________________
รูปแบบ QM (Quasimod) ในการซื้อขายคืออะไร?
Quasimodo คือการเคลื่อนไหวของราคาที่สำคัญที่สุด เช่นเดียวกับรูปแบบการกลับตัวของแนวโน้ม นี่เป็นข้อบ่งชี้ขั้นสูงสุดของการกลับตัวของแนวโน้มในราคา เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ หลายคนทำการเทรดรูปแบบ Quasimodo forex เนื่องจากรูปแบบนี้เป็น indication ถึงการสิ้นสุดของแนวโน้มก่อนหน้าและจุดเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่ การซื้อขายที่จับได้ตั้งแต่เริ่มต้นของแนวโน้มจะให้อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนสูง นั่นเป็นเหตุผลหลักที่มีความสำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิค forex กลยุทธ์การซื้อขายของ Quasimodo เป็น กลยุทธ์ ที่ดีที่สุดในการวิเคราะห์ทางเทคนิคฟอเร็กซ์
Quasimodo ใน forex หมายถึงรูปแบบกราฟกลับตัวที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อทำนายการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม แนวโน้มขาขึ้นประกอบด้วย จุดสูงสุดที่สูงกว่าอย่างน้อยสองครั้งและระดับต่ำสุดที่สูงกว่าสองครั้ง ในขณะที่แนวโน้มขาลงประกอบด้วยระดับต่ำสุดที่ต่ำกว่าอย่างน้อยสองครั้งและระดับต่ำสุดที่ต่ำกว่าสองครั้ง แล้วเมื่อไรจะกลับเทรนด์ ?
หลังจากการพลิกกลับในแนวโน้มที่สูงขึ้นหรือต่ำลง ราคาจะให้การดึงกลับเพื่อเลือกคำสั่งที่ไม่สำเร็จ เป้าหมายของเราคือการค้าขายกับสถาบัน จุดประสงค์ของการดึงกลับโดยราคาคือการเลือกคำสั่งขาย (ในกรณีที่มีการกลับตัวเป็นตลาดกระทิง) หรือการซื้อ (ในกรณีที่มีการกลับรายการขาลง) คำสั่งที่ยังไม่ได้ดำเนินการ เราต้องจับตาดูระดับสำคัญที่นี่
ระดับสำคัญคือพื้นที่ที่ฝ่าย ITs วางคำสั่งซื้อที่ไม่สำเร็จ ในกรณีของรูปแบบ Quasimodo ไหล่ซ้ายจะทำหน้าที่เป็นคีย์และระดับที่แข็งแกร่ง ในระหว่างการดึงกลับ ราคาจะเลือกคำสั่งและเทรนด์ใหม่จะเริ่มขึ้นโดยผู้ค้าสถาบัน และในฐานะผู้ค้าปลีก เราจะขับเคลื่อนเทรนด์ที่สร้างโดยผู้ค้าสถาบันโดยใช้รูปแบบ Quasimodo นี่คือจิตวิทยาเบื้องหลังรูปแบบ Quasimodo forex รูปแบบ Quasimodo เรียกอีกอย่างว่ารูปแบบOver and Under
การซื้อขายรูปแบบ Quasimodo นั้นง่ายมาก แต่การซื้อขายด้วยการบรรจบกันนั้นเป็นงานที่ยาก ให้ฉันแสดงให้คุณเห็นก่อนเกี่ยวกับการหยุดการขาดทุน การทำกำไร และระดับรายการ ในหัวข้อถัดไป เราจะพูดถึงการบรรจบกันที่จะเพิ่มด้วย
ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว เมื่อราคาจะให้การดึงกลับ จะเลือกคำสั่งที่ยังไม่สำเร็จ และระดับสำคัญที่นี่คือระดับ left shoulder เราจะรอให้ราคาย้อนกลับมาที่ระดับไหล่ซ้าย จากนั้นเราจะเข้าไป มีกลยุทธ์ที่ดีในการเพิ่มเขตอุปสงค์และอุปทานที่ระดับ left shoulder เป็นจุดเริ่มต้น ฉันจะแสดงให้คุณเห็นในหัวข้อถัดไป ที่นี่แค่จำ left shoulder เป็นระดับเริ่มต้น
ระดับการหยุดการขาดทุนจะสูงกว่าระดับสูงหรือต่ำกว่าระดับต่ำสุดที่ต่ำกว่า ดูภาพด้านล่างเพื่อความเข้าใจที่ชัดเจน
ระดับการทำกำไรจะเป็นจุดต่ำสุดที่ต่ำกว่าล่าสุดในกรณีที่มีการกลับตัวเป็นขาขึ้น ในกรณีของการกลับตัวเป็นขาลง ระดับการทำกำไรจะอยู่ที่ระดับสูงขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้
รูปแบบ Quasimodo forex เพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำกำไรได้ ถ้าไม่มีการบรรจบกันก็จะไม่ทำงานเลย เราต้องทำอย่างไร? เราต้องเพิ่มความน่าจะเป็นของรูปแบบนี้โดยการเพิ่มจุดบรรจบกัน เรียบง่าย!. ต่อไปนี้เป็นจุดบรรจบที่จำเป็นในการเพิ่ม
เขตอุปสงค์และอุปทานจะช่วยให้เราระบุรายการของเราได้ และการวิเคราะห์กรอบเวลาที่สูงขึ้นจะช่วยให้เราเลือกการค้าที่ถูกต้องเท่านั้นและขยายระดับการทำกำไร
เนื่องจากระดับ left shoulder เป็นระดับสำคัญ เป้าหมายของเราคือมองหาเขตอุปทานหรือเขตอุปสงค์ที่ระดับ left shoulder เพราะราคาจะไม่กลับตัวจากราคาไหล่ซ้ายอย่างแน่นอน นั่นคือเหตุผลที่เขตอุปสงค์หรืออุปทานในระดับคีย์นี้จะช่วยเพิ่มพลังให้กับการตั้งค่าของเรา ระดับการหยุดการขาดทุนสามารถอยู่เหนือเขตอุปทานหรือต่ำกว่าโซนอุปสงค์ การจัดการการหยุดการขาดทุนจะเพิ่มอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน นี่เป็นจุดบรรจบครั้งแรกของคุณ
ต้องมีแนวโน้มที่ชัดเจนก่อนการก่อตัวของรูปแบบ Quasimodo forex ฉันหมายถึงเสียงสูงที่สูงกว่า อย่างน้อยสองครั้ง และระดับต่ำสุดที่สูงกว่าสองครั้งก็เพียงพอแล้ว และ รูปแบบอัตราแลกเปลี่ยน QMLที่ระดับแนวต้านหรือแนวรับเป็นสัญญาณที่ดี กลยุทธ์ forex ของ QML นั้นเรียบง่ายและมีประสิทธิภาพมาก
การวิเคราะห์กรอบเวลาที่สูงขึ้นเป็นขั้นตอนที่จำเป็นในการปฏิบัติตามทุกครั้งก่อนเข้าร่วม แนวโน้มกรอบเวลาที่สูงขึ้นจะต้องตรงกับการตั้งค่ากรอบเวลาที่ต่ำกว่า เช่นเดียวกับหากแนวโน้มกรอบเวลาที่สูงขึ้นเป็นตลาดกระทิง คุณต้องจับรูปแบบ Quasimodo forex กลับตัวเป็นหมี ในทางกลับกัน หากแนวโน้มกรอบเวลาที่สูงกว่าเป็นขาลง คุณต้องเลือกรูปแบบการกลับตัวเป็นขาขึ้น
มีกลยุทธ์ที่สำคัญบางประการในการกำหนดรูปแบบ Quasimodo ที่ถูกต้องโดยใช้ขีดจำกัดการตั้งค่าสถานะและ FTR
มีอินดิเคเตอร์ forex ของ mt4/mt5 Quasimodo หรือไม่?
ใช่ คุณเพียงแค่ต้องได้รับ engulfing candlestick indicator เนื่องจากแท่งเทียนที่กลืนกินแสดงถึงรูปแบบเดียวกัน เช่น การก่อตัวของ high high และ lower low แต่สำหรับรูปแบบที่สมบูรณ์แบบ คุณต้องคิดออกด้วยตนเอง อินดิเคเตอร์จะช่วยประหยัดเวลาของคุณและจะแจ้งเตือนคุณเกี่ยวกับรูปแบบ จากนั้นคุณสามารถตัดสินใจเลือกรูปแบบหรือไม่ก็ได้
ความหมายของ QML ใน forex คืออะไร?
QML หมายถึงระดับ quasimodo หรือสาย quasimodo โดยพื้นฐานแล้วจะเป็นระดับที่ปลาย left shoulder ของรูปแบบ Quasimodo
ความหมายของ MPL ใน forex คืออะไร?
MPL หมายถึงระดับความเจ็บปวดสูงสุด โดยปกติ mpl จะอยู่ที่ระดับ Quasimodo (QML)
_______________________________________
FTR ใน forex หมายถึงอะไร?
FTR ใน forex หมายถึงความล้มเหลวในการส่งคืน เงื่อนไขการดำเนินการด้านราคาที่สำคัญใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคของคู่สกุลเงินใน forex โดยค่าเฉลี่ยแล้ว ราคาทะลุระดับที่สำคัญแต่ไม่สามารถกลับจากระดับนั้นได้ เรียกว่า FTR ไม่สามารถส่งคืนได้ อ่านบทความเต็มในตอนท้ายเราจะบอกคุณเกี่ยวกับโซนFTR ที่แข็งแกร่ง
โดยปกติหลังจากทำลายระดับที่แข็งแกร่งราคาจะดึงกลับมากขึ้นเนื่องจากมีผู้ขายหรือผู้ซื้อจำนวนมากในระดับนั้นซึ่งอยู่ภายใต้การพิจารณาของผู้ค้าหลายราย แต่แทนที่จะเป็นการดึงกลับครั้งใหญ่ ราคาให้การพักตัวเล็กน้อยเมื่อทะลุระดับที่แข็งแกร่งและยังคงเคลื่อนไหวต่อไป นี่คือจิตวิทยาของ FTR ใน forex หมายถึงไม่กลับมา เนื่องจากกลอุบายเล่นที่นี่จึงกลายเป็นระดับที่สำคัญ
หากราคาทะลุระดับแนวต้านที่แข็งแกร่งและหลังจากการพักตัวเล็กน้อย ให้การเคลื่อนไหวแบบ bullish ที่แข็งแกร่ง มันจะสร้าง bullish FTR zone.
โปรดจำไว้ว่า การพักตัวเล็กน้อยหลังการ breakout จะต้องสร้างรูปแบบ drop base rally หากคุณไม่รู้เกี่ยวกับ drop base rally ฉันได้อธิบายไว้ด้านล่าง
หากราคาทะลุผ่านระดับแนวรับที่แข็งแกร่งและหลังจากการพักตัวเล็กน้อย ให้การเคลื่อนไหวแบบ bearish ที่แข็งแกร่ง จะสร้างรูปแบบ bearish FTR ใน forex.
โปรดจำไว้ว่า การถอยกลับเล็กน้อยหลังจากการทะลุ ระดับแนวรับจะต้องสร้างรูปแบบ rally base drop
ในการ draw the FTR zone เป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบในการเลือกรายการระบุตำแหน่งที่แน่นอน เมื่อ FTR ก่อตัว ขึ้น รูปแบบอุปสงค์และอุปทานก็จะก่อตัวขึ้นภายในนั้นด้วย ฐานสูงและต่ำอย่างง่ายจะสร้าง zone
FTB หมายถึงการทดสอบซ้ำของ zone FTR ที่ทำล่าสุดโดยราคาในฟอเร็กซ์ เมื่อรูปแบบ zone FTR ใหม่ (ไม่ถูกแตะต้อง) ราคาจะกลับมาเลือกคำสั่งซื้อจาก zone นี้และดำเนินการต่อไป สิ่งนี้เรียกว่า FTB ในฟอเร็กซ์
มาพูดถึงรูปแบบอุปสงค์และอุปทานที่สำคัญซึ่งจะช่วยให้คุณระบุ zone FTR ที่แข็งแกร่ง ฉันเชื่อในความจริงที่ทำให้ฉันรู้สึกบางอย่าง
มี 4 รูปแบบอุปสงค์และอุปทาน
เนื่องจากทุกสิ่งในธรรมชาติมีรูปแบบบางอย่าง เช่นเดียวกับการลุกลามของคลื่นในธรรมชาติการกดทับและการเกิดหายาก ดูโครงสร้างของแรงอัดและ rarefactions.
เช่นเดียวกับกรณีขอ งrally base rally หลังจากเคลื่อนไหวอย่าง impulsive ราคาจะสร้างโครงสร้างที่หลากหลายและเกิดการเคลื่อนไหวแบบ impulsive อีกครั้ง การเคลื่อนไหวที่ impulsive อย่างแข็งแกร่งจากนั้นจึงเปลี่ยนรูปแบบและการเคลื่อนไหว impulsive อีกครั้ง
เราจะเรียกโครงสร้างที่หลากหลายของราคาเป็นฐาน การเคลื่อนไหว impulsive จะเป็นขาขึ้นเนื่องจากเรากำลังพูดถึง rally base rally.
Drop base drop หมายถึงการเคลื่อนไหว bearish impulsive ที่แข็งแกร่งจากนั้นโครงสร้างที่หลากหลายในราคาและจากนั้นอีกครั้งเป็นขาลงที่แข็งแกร่ง
พูดง่ายๆ หรือในกรอบเวลาที่สูงกว่าเราสามารถพูดได้ว่า drop base drop เป็นแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่ ตามด้วยเทียนฐาน และแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่อีกครั้ง
Rally base drop หมายถึงรูปแบบของการเคลื่อนไหวแบบ impulsive แบบ bullish ตามด้วยโครงสร้างที่หลากหลายของราคา และการเคลื่อนไหวแบบ impulsive แล่นเป็นขาลง
ฉันจะไม่ซับซ้อนในสิ่งต่าง ๆ แต่ฉันจะพยายามทำให้สิ่งต่าง ๆ ชัดเจนสำหรับคุณ ดูภาพด้านล่าง
Drop base rally หมายถึงรูปแบบของการเคลื่อนไหวแบบ impulsive เป็นขาลง ตามด้วยโครงสร้างที่หลากหลายของราคา และการเคลื่อนไหวแบบ impulsive
ทำตามสูตรง่ายๆ
Big bearish candle + base candle + big bullish candle
อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญสำหรับมือใหม่ หากคุณจะไปในกรอบเวลาที่ต่ำกว่า แท่งเทียนขนาดใหญ่หนึ่งแท่งจะแปลงเป็นแท่งเทียน จำนวนหนึ่ง ซึ่งแสดงถึงการเคลื่อนไหวที่ impulsive แท่งเทียนฐานจะแปลงเป็นโครงสร้างที่หลากหลาย นี่คือการวิเคราะห์หลายกรอบเวลา เรียนรู้เพิ่มเติมจากบล็อกของเรา
กลยุทธ์นี้จะทำให้คุณสามารถค้นหาโซน FTR ที่แข็งแกร่ง ในฟอเร็กซ์ได้
ตอนนี้วาดโซน FTR โซน FTR สูงและต่ำสามารถทำงานเป็นโซนได้ แต่เพื่อเพิ่มผลตอบแทนความเสี่ยง และเลือกรายการที่ไม่มีโฟลต จากนั้นวาดโซนเฉพาะบนฐานของรูปแบบ FTR
Stop Loss จะเป็น pip ที่ต่ำกว่าหรือสูงกว่าโซน FTR รายการจะอยู่ใน FTB (กลับมาครั้งแรก)
นี่เป็นกลยุทธ์ง่ายๆ และมีโอกาสชนะสูง คุณสามารถใช้รูปแบบ FTR ในกลยุทธ์ของคุณเพื่อปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม
_______________________________________
การซื้อขายแบบ Scalping หมายถึงรูปแบบการซื้อขายที่ผู้ค้า forex เปิดและปิดการซื้อขายภายในไม่กี่วินาทีหรือนาทีเพื่อรับผลกำไรเล็กน้อย ในการซื้อขายแบบ Scalping ความถี่ของการซื้อขายสูงและกำไรน้อย เทรดเดอร์ที่เทรดด้วยรูปแบบการเทรดแบบ scalping เรียกว่า scalper
ตัวอย่างเช่น การเปิดและปิดการซื้อขายบ่อยๆ เพื่อให้ได้ 2 ถึง 3 pips ด้วยวิธีนี้ Scalper จะเปิดตำแหน่งจำนวนมากในหนึ่งวันเพื่อแปลงผลกำไรเล็กๆ น้อยๆ ให้เป็นกำไรที่ยิ่งใหญ่ กรอบเวลาใด ๆ ที่น้อยกว่า 5 นาทีใช้สำหรับการซื้อขายแบบ Scalping
มีข้อ จำกัด มากมายในการซื้อขายแบบ Scalping
เทรดเดอร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าการถลกหนังเป็นรูปแบบการซื้อขายที่เสี่ยงที่สุด แต่ฉันคิดว่าความเสี่ยงนั้นอยู่ในการควบคุมของคุณเสมอ
Day trading หมายถึงรูปแบบการซื้อขายที่ผู้ค้า forex เปิดการซื้อขายเมื่อเริ่มต้นวันและปิดก่อนการปิดของแท่งเทียนรายวัน เทรดเดอร์ที่เทรดด้วยรูปแบบ day trading เรียกว่า day trader
การซื้อขายรายวันไม่ชอบที่จะเปิดสถานะไว้ข้ามคืน เขาจะปิดสถานะทั้งหมดก่อนปิดรายวันไม่ว่าจะขาดทุนหรือกำไร
เพราะเมื่อแท่งเทียนรายวันปิดลง สเปรดจะเพิ่มขึ้นจาก 2-3 pipเป็น 8-15 pip (ขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์ forex) และผู้ค้ารายวันกำลังมองหา pip สองสามจุดที่มี stop loss ที่แน่นหนา ดังนั้นจึงมีโอกาสมากมายที่สเปรด จะปกปิดผลกำไรของคุณ นี่เป็นเหตุผลที่พวกเขาปิดสถานะก่อนปิดรายวัน
หากคุณไม่มีเวลาวิเคราะห์สถานะของคุณตลอดทั้งวัน การซื้อขายรายวันไม่เหมาะกับคุณ คุณควรเลือกรูปแบบการซื้อขายแบบ swing
มีความแตกต่างเล็กน้อยระหว่าง scalping และ day trading
ความแตกต่างของกรอบเวลาคือความแตกต่างที่สำคัญในการเทรดแบบ scalping กับ day trading Scalper ซื้อขายในช่วงเวลาสั้น ๆ จากวินาทีเป็นไม่กี่นาที เพื่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้น Scalper ใช้กรอบเวลาใดก็ได้ที่น้อยกว่า 5 นาที
ในทางกลับกัน เทรดเดอร์รายวันจะทำการซื้อขายในช่วงเวลาที่ยาวนานจากนาทีเป็นชั่วโมง เช่น กรอบเวลา 15 นาที 30 นาที และ 1 ชั่วโมง แต่ทั้ง scalper และ day trader ปิดตำแหน่งก่อนปิดรายวัน
สำหรับการ scalping คุณต้องมีบัญชีเลเวอเรจสูง เนื่องจากขนาดล็อต จะเพิ่มขึ้นเมื่อจำนวน pip ลดลงสำหรับจำนวนเงินที่แน่นอน ขนาดเลเวอเรจ 1:1000 หรือ 1:2000 นั้นมีไว้สำหรับนักเก็งกำไร
สำหรับการซื้อขายรายวัน คุณต้องใช้ขนาดเลเวอเรจเฉลี่ย เช่น 1:100 ถึง 1:500
สำหรับการ scalping คุณไม่สามารถประนีประนอมกับระยะเวลาดำเนินการคำสั่ง คุณต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตคุณภาพสูงพร้อมค่า ping ต่ำเพื่อลดระยะเวลาดำเนินการตามคำสั่ง เพราะความล่าช้าเล็กน้อยอาจทำให้สูญเสียมากขึ้น
สำหรับการซื้อขายรายวัน ความล่าช้าในการดำเนินการตามคำสั่งอาจถูกลดทอนลงได้เนื่องจากกรอบเวลาที่สูงขึ้นและขนาดล็อต ที่เล็ก
จำ parameters ทั้ง 4 ไว้ในขณะที่เลือกรูปแบบการซื้อขายทั้งแบบ scalping หรือ day trading ทั้ง 2 รูปแบบการซื้อขายนั้นดีที่สุด เลือกรูปแบบการซื้อขายที่เหมาะสมกับอารมณ์ของคุณและเงื่อนไขบางประการที่อธิบายไว้ข้างต้น
_______________________________________
ในบทความสำคัญนี้ จะพูดถึงรูปแบบ broadening ในแผนภูมิแท่งเทียนของตลาดฟอเร็กซ์ หลังจากเข้าใจรูปแบบนี้แล้ว คุณจะสามารถระบุได้ว่าผู้เล่นรายใหญ่ตามล่าผู้ค้าปลีกรายย่อยอย่างไร เราจะไม่สามารถซื้อขายในตลาด forex นี้ได้จนกว่าเราจะไม่รู้ว่าตลาดทำงานอย่างไร? ผู้ดูแลสภาพคล่องตามล่าผู้ค้าปลีกรายย่อยอย่างไร? วิธีเดียวคือเรียนรู้วิธีของพวกเขาแทนที่จะพึ่งพาตัวบ่งชี้ mt4 ที่ไร้ประโยชน์มากมาย
ก่อนที่จะดำเนินการต่อไป ให้ฉันบอกคุณว่ารูปแบบการขยายธุรกิจไม่ใช่กลยุทธ์การซื้อขายหรือกลยุทธ์ forex ที่ให้ผลกำไร (คุณจะพบคำหลักนี้ในฟอรัมส่วนใหญ่) และนี่ไม่ใช่รูปแบบลิ่มที่ขยายจากน้อยไปมากหรือรูปแบบ wedge ที่ ขยายจากมากไปน้อยด้วย ฉันจะเรียกรูปแบบนี้ว่ารูปแบบ Broadening เท่านั้น รูปแบบ Broadening จะแสดงให้เราเห็นว่าการล่าของผู้ดูแลสภาพคล่องในตลาดหยุดลงอย่างไร ซึ่งจะทำให้ง่ายต่อการคาดการณ์ราคาเป้าหมายและหลีกเลี่ยงการหยุด ดูภาพด้านล่าง เป็นเพียงภาพรวมเพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจในภายหลัง
ก่อน Origin ของรูปแบบ broadening จะมีแท่งเทียนขนาดใหญ่ (เช่นเทียน Marubozu) ในความเป็นจริงแท่งเทียนขนาดใหญ่หมายถึงอุปทานในราคาหรืออุปสงค์ในราคา หลังจากรูปแบบการขยายแท่งเทียนขนาดใหญ่จะเริ่มขึ้น ประการแรก ตลาดจะทำให้หนึ่งค่าต่ำและสูงในแผนภูมิราคา อ้างอิงจากกราฟแล้วราคาจะทะลุ Low ของราคา ตอนนี้ผู้ค้าจำนวนมากจะวางคำสั่งขายด้วยจุดตัดขาดทุนที่สูงกว่าระดับสูงสุดเป็นลำดับ หลังจากทำลายต่ำ แทนที่จะไปสั้น ราคาจะพลิกขึ้นและทำลายราคาสูง เทรดเดอร์จะได้รับ Stoploss
แทนที่จะขายอีกครั้ง เทรดเดอร์จำนวนมากขึ้นจะซื้อโดยคิดถึงการกลับตัวของราคาที่แท้จริงโดยมีระดับ stoploss ต่ำกว่าราคาต่ำสุดครั้งสุดท้าย แต่ผู้ดูแลสภาพคล่องจะทำให้ราคาลดลง ราคาจะทะลุระดับต่ำสุดอีกครั้งและผู้ค้าจะได้รับสต็อปลอส หลังจากการหยุดการขาดทุนสองครั้งติดต่อกัน ปัญหาทางจิตวิทยาจะเอาชนะได้ และพวกเขาจะเริ่มเปลี่ยนกลยุทธ์อีกครั้งหรือซื้อขายโดยไม่มีการหยุดขาดทุน นี่เป็นข้อผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับมือใหม่ และ 90% ของผู้ค้าออกจาก forex ภายในสองปีแรกเนื่องจากปัญหาทางจิตวิทยา แทนที่จะเรียนรู้ฟอเร็กซ์จากการฝึกฝน พวกเขาพึ่งพาอินดิเคเตอร์หรือแผนภูมิโง่ๆ ที่เต็มไปด้วยอินดิเคเตอร์ ให้ฉันแสดงตัวอย่างแผนภูมิสดให้คุณดู
ด้วยการซูมออกมากขึ้น
ราคาจะยังคงทำลายเสียงสูงและต่ำ (ใน short stop loss hunting) จะมีรูปแบบ broadening หลายแบบภายในรูปแบบ broadening เดียว เราควรทำให้มันเรียบง่ายแทนที่จะทำให้มันซับซ้อน เราไม่ต้องมองหารูปแบบ broadening ทุกรูปแบบ เพียงมองหารูปแบบที่ชัดเจนเพียงรูปแบบเดียวแล้ว synchronize กับรูปแบบ broadening กรอบเวลาที่สูงขึ้น โดยการทำเช่นนี้คุณจะสามารถได้รับราคาเป้าหมาย ที่บอกว่าคุณจะรู้ว่าราคาเป้าหมายต่อไปคืออะไร? จะไปไหนต่อ? คนทำตลาดคิดอะไรอยู่? พวกเขากำลังมองหาระดับหรือเป้าหมายใด
คาดเดาคำถามเหล่านี้โดยใช้รูปแบบที่กว้างขึ้น จากนั้นจึงนำกลยุทธ์ของคุณไปใช้ นั่นคือทั้งหมดที่
เคล็ดลับ : Synchronize รูปแบบ broadening กรอบเวลาที่สูงขึ้นกับรูปแบบกรอบเวลาที่ต่ำกว่า (เช่น H4, กรอบเวลาที่สูงกว่า H1 ในขณะที่ m15, กรอบเวลาที่ต่ำกว่า m5)
การซื้อขายไม่ใช่เรื่องง่าย อย่าเปลี่ยนกลยุทธ์ไปเรื่อยๆ เทรดอย่างมีวินัยหลังจากทดสอบกลยุทธ์ด้วยตัวเองย้อนหลังด้วยวิธีที่ถูกต้อง แทนที่จะต้องค้นหากลยุทธ์จากอินเทอร์เน็ต
หมายเหตุ: มุมมองทั้งหมดนี้เป็นไปตามกฎของการวิเคราะห์ทางเทคนิค เราไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ในการซื้อขายแลกเปลี่ยน
________________________________________
Drop base drop เป็นรูปแบบราคาที่ระบุการสร้างเขตอุปทานบนแผนภูมิ ผู้ขายจำนวนมากขึ้นยินดีที่จะขายจากเขตอุปทานที่สร้างโดยรูปแบบ drop base drop
เป็นประเภทอุปทานและอุปสงค์ พื้นฐานที่สุด ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค คุณต้องเรียนรู้พื้นฐานของอุปสงค์และอุปทานเพื่อที่จะเป็นผู้ค้าอุปสงค์และอุปทาน
ในระยะสั้น drop base drop เรียกอีกอย่างว่า DBD
ประกอบด้วยคลื่น bearish impulsive 2 คลื่นและคลื่นย้อนกลับหนึ่งคลื่น คลื่นการย้อนกลับถูกประกบอยู่ระหว่างคลื่น impulsive ขาลงทั้งสอง
หลังจากลงลึกในการวิเคราะห์ทางเทคนิคแล้ว สามารถเห็นคลื่น bearish impulsive ในแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่แท่งเดียว แท่งเทียน Doji แสดงถึงการเคลื่อนไหวด้านข้างของราคาหรือการพักตัวของราคา
ดังนั้น ในการระบุรูปแบบ drop base drop บนแผนภูมิแท่งเทียน ให้มองหาแท่งเทียนขนาดใหญ่สองแท่งที่มีแท่งเทียน Doji ประกบระหว่างแท่งเทียนขาลง ขนาดใหญ่ 2 แท่งเหมือนในภาพด้านล่าง
ทำตามสูตรง่าย ๆ ต่อไปนี้สำหรับ DBD
DBD = แท่งเทียนหมีใหญ่ + แท่งเทียน Doji + แท่งเทียนหมีใหญ่
อัตราส่วนตัวต่อไส้เทียนของแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่ต้องมากกว่า 70% จำเป็นเพราะแท่งเทียนขนาดใหญ่บ่งบอกถึงโมเมนตัมมหาศาลของผู้ขาย
แท่งเทียน Doji ต้องมีอัตราส่วนตัวต่อไส้ตะเกียงต่ำกว่า 25% การเปิดและปิดแบบเดียวกันของแท่งเทียนบ่งบอกถึงการเคลื่อนไหวด้านข้าง ราคาบนแผนภูมิ นอกจากนี้ยังแสดงถึงความไม่แน่นอนในตลาด
ในการ draw a supply zone เพียงเน้นสูงและต่ำของเชิงเทียนฐาน ตอนนี้ draw สี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ตรงกับสูงและต่ำของเชิงเทียนฐานแล้วขยายสี่เหลี่ยมผืนผ้าไปทางขวาจนถึงความยาวที่เหมาะสม
base zone นั้นเป็นเขตอุปทานในการวิเคราะห์ทางเทคนิค base zone สามารถประกอบด้วยแท่งเทียนได้มากกว่าหนึ่งแท่ง แต่คุณควรใช้ค่าสูงสุดและต่ำสุดของ base zone ทั้งหมดเพื่อวาดเขตอุปทาน
จิตวิทยาที่อยู่เบื้องหลังรูปแบบนี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบตามธรรมชาติ เช่นเดียวกับธรรมชาติ ชีวิตจริงมีขึ้นมีลง ในทำนองเดียวกัน ตลาดเต็มไปด้วยคลื่น impulsive และการย้อนกลับ ราคาเดินทางจาก zone หนึ่งไปยังอีก zone หนึ่งในรูปแบบของคลื่น impulsive
นี่คือธรรมชาติ และรูปแบบ DBD เป็นรูปแบบธรรมชาติล้วนๆ เมื่อรูปแบบ DBD เกิดขึ้น จะสร้างเขตอุปทานตามธรรมชาติ เขตอุปทานอยู่ภายใต้ความสนใจของผู้ค้ารายใหญ่และสถาบันขนาดใหญ่ที่เต็มใจขายจากโซนนั้นเสมอ
เขตอุปทานในรูปแบบ DBD เป็นรอยเท้าของผู้ดูแลสภาพคล่องในการวิเคราะห์ทางเทคนิค หากคุณต้องการขายคู่สกุลเงิน คุณควรขายกับผู้ดูแลสภาพคล่องจากเขตอุปทาน
มี 2 วิธีในการแลกเปลี่ยนรูปแบบ DBD
หลังจากการทดสอบย้อนหลัง เราได้ผลลัพธ์ที่เขตอุปทานอ่อนตัวลงหากราคาใช้เวลามากขึ้นในการกลับไปยัง zone อุปทานเพื่อเลือกคำสั่งขาย ดังนั้นเราจึงได้จัดทำกลยุทธ์สำหรับวิธีการในภายหลัง
หลังจาก drawing เขตอุปทานแล้ว เมื่อราคาจะกลับสู่ zone หลังจากแกว่งเต็มที่/บางครั้ง จากนั้นรอการก่อตัวของ แท่งเทียนขาลงหรือรูปแบบแท่งเทียนขาลงอื่นๆ
เปิดคำสั่งขายในรูปแบบของพินบาร์ขาลงที่ zone อุปทาน และวางจุดตัดขาดทุนเหนือเขตอุปทาน base zone จะปกป้องการหยุดการขาดทุนจากการปลอมแปลง
ในรูปแบบ drop base drop เขตอุปทานไม่ได้บอกเราเกี่ยวกับระดับการทำกำไร ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหานี้ คุณควรซื้อขายเขตอุปทานด้วยรูปแบบแผนภูมิอื่นหรือรูปแบบการซื้อขายอื่น ๆ
DBD เป็นแนวคิดพื้นฐานในการวิเคราะห์ทางเทคนิค การใช้รูปแบบนี้เป็นการบรรจบกันเพื่อแลกเปลี่ยนรูปแบบกราฟ อื่นๆ หรือระดับสำคัญๆ จะเพิ่มโอกาสในการชนะ
นอกจากนี้ยังช่วยแก้ไขการหยุดการขาดทุนที่เหมาะสมเหนือเขตอุปทาน และเพิ่มอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน
________________________________________
Rally Base Drop เป็นรูปแบบราคาที่ระบุการก่อตัวของเขตอุปทานในการซื้อขายฟอเร็กซ์ สถาบันขนาดใหญ่และผู้ค้ารายใหญ่วางคำสั่งขายที่รอดำเนินการที่เขตอุปทานเพื่อซื้อขาย
เป็นอุปสงค์และอุปทาน ประเภท หนึ่ง ผู้ค้าปลีกใช้เพื่อค้นหาคำสั่งขายที่ซ่อนอยู่ของผู้ดูแลสภาพคล่อง วิธีการซื้อขายอุปสงค์และอุปทานเป็นที่มาของการวิเคราะห์ทางเทคนิคในการซื้อขาย
รูปแบบราคานี้หมายถึงคลื่น bullish impulsive จะก่อตัวขึ้นบนแผนภูมิ หลังจากคลื่น bullish impulsive ราคาจะเคลื่อนตัวออกด้านข้างเหมือนคลื่นย้อนกลับ จากนั้นจะสร้างคลื่น bearish impulsive เหมือนในภาพด้านล่าง
หากคุณมองลึกลงไปเหมือนเทรดเดอร์มืออาชีพ คุณจะเห็นแท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่ แท่งเทียนฐาน และแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่ แท่งเทียนที่มีตัวแท่งใหญ่และไส้เทียนเล็กน้อยแสดงถึงโมเมนตัมราคามหาศาล ในกรอบเวลาที่ต่ำกว่า แสดงว่าเวฟสมบูรณ์ นั่นเป็นเหตุผลที่เราได้เปลี่ยน wave เป็นแท่งเทียน
เพื่อให้ง่ายสำหรับคุณ
ทำตามสูตรง่ายๆ ต่อไปนี้เพื่อระบุรูปแบบการวางฐานของแรลลี่บนแผนภูมิแท่งเทียน
RBD = แท่งเทียนขาขึ้นใหญ่ + แท่งเทียนฐาน + แท่งเทียนขาลงใหญ่
หลังจากการทดสอบย้อนหลังอย่างเหมาะสม ผลลัพธ์ที่ได้แสดงให้เห็นว่าอัตราส่วนร่างกายต่อไส้ตะเกียงของแท่งเทียนขนาดใหญ่ต้องมากกว่า 70% สำหรับแท่งเทียนฐาน จะต้องน้อยกว่า 25%
หากแท่งเทียนไม่ตรงตามเกณฑ์ข้างต้น คุณควรหลีกเลี่ยงรูปแบบ RBD นั้น
base zone มักจะวาดบนสูงและต่ำของเชิงเทียนฐาน แท่งเทียนฐานสามารถมีได้มากกว่าหนึ่งแท่ง หากมีแท่งเทียนมากกว่าหนึ่งแท่งในฐาน คุณควรเลือกฐานสูงสุดและต่ำสุดที่สูงสุด
วาดรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าบนจุดสูงสุดและต่ำสุดของ base zone และขยายสี่เหลี่ยมผืนผ้าไปทางขวา จะกลายเป็นbase zone base zoneเรียกอีกอย่างว่าเขตอุปทาน
รูปแบบการวางฐาน Rally ส่วนใหญ่จะปรากฏในรูปแบบของการปลอมแปลงที่ระดับหลัก การปลอมแปลงเหล่านี้สร้างพื้นที่ที่น่าดึงดูดยิ่งขึ้นสำหรับผู้ขาย คุณสามารถระบุพื้นที่เหล่านั้นได้ในรูปแบบของการดรอปฐานของการชุมนุม
ในชีวิตจริง ผู้ดูแลสภาพคล่องจะหยุดการไล่ล่าการสูญเสียในรูปแบบของการปลอมแปลง แต่ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค กลายเป็นรูปแบบการตกจากฐานชุมนุมเนื่องจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ
รูปแบบแผนภูมิส่วนใหญ่สร้างขึ้นจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติในการวิเคราะห์ทางเทคนิค และ RBD เป็นหนึ่งในรูปแบบแผนภูมิที่เกี่ยวข้องกับอุปสงค์และอุปทาน
ในการแลกเปลี่ยนรูปแบบ RBD มี 2 วิธีที่กล่าวถึงใน rally base rally และ drop base drop รูปแบบ
ในวิธีแรก ราคาจะให้การดึงกลับหลังจากสร้าง rally base drop เป็นการตั้งค่าที่มีประสิทธิภาพและมีโอกาสสูงที่สุด
วิธีที่สองคือการค้าขายโซนอุปทาน RBD หลังจากแกว่งเต็มที่ ในวิธีการนี้ ราคาจะใช้เวลาในการดึงกลับไปที่ zone อุปทานเพื่อเลือกคำสั่งขายที่รอดำเนินการ เป็นเรื่องปกติที่ zone เวลาจะยังคงสูญเสียคุณค่าของมันไป zone ที่สร้างขึ้นใหม่มีศักยภาพมากกว่า zone ที่สร้างขึ้นเมื่อ 10 วันก่อน นั่นเป็นเหตุผลที่แนะนำให้เพิ่มการบรรจบกันของแท่งเทียนในวิธีที่สอง
วางคำสั่งขายที่รอดำเนินการสองสามจุดใต้ zone อุปทาน ในวิธีที่สอง ให้รอการก่อตัวของรูปแบบแท่งเทียนขาลงที่เขตอุปทาน ไม่เช่นนั้นให้ข้าม zone นั้น
ปรับจุดหยุดขาดทุนสองสามจุดเหนืออุปทานหรือ zone ฐานในรูปแบบ RBD
เขตอุปทานในรูปแบบการวางฐานการชุมนุมไม่ได้บอกเราเกี่ยวกับการวางระดับการทำกำไร นั่นเป็นเหตุผลที่คุณควรแลกเปลี่ยนรูปแบบ RBD เป็นจุดบรรจบกับรูปแบบแผนภูมิอื่นๆ วางจุดหยุดขาดทุนเล็กน้อยและเพลิดเพลินกับการตั้งค่ารางวัลที่มีความเสี่ยงสูง
ฉันแนะนำให้คุณเรียนรู้อุปสงค์และอุปทานหากคุณต้องการเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ทางเทคนิค พยายามเรียนรู้ตรรกะที่อยู่เบื้องหลังการเกิดขึ้นของรูปแบบแผนภูมิทุกรูปแบบเสมอ เทคนิคการอ่านราคานี้จะทำให้คุณเป็นนักวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ดี
________________________________________
Drop base rally (DBR) เป็นรูปแบบราคาที่แสดงถึงการก่อตัวของ zone อุปสงค์บนกราฟราคาในการวิเคราะห์ทางเทคนิค ผู้ดูแลสภาพคล่องเปิดคำสั่งซื้อจาก zone อุปสงค์เพื่อทำการซื้อขายระยะยาว
เป็นประเภทของอุปสงค์และอุปทานในการวิเคราะห์ทางเทคนิคและรู้จักกันในชื่อ DBR รูปแบบเหล่านี้เป็นพื้นฐานของอุปสงค์และอุปทาน คุณไม่สามารถเชี่ยวชาญการซื้อขาย SnD ได้หากไม่เชี่ยวชาญรูปแบบพื้นฐานเหล่านี้อย่างถูกต้อง
ตามที่ชื่อแนะนำการ drop, second base, and then third rally. หมายความว่า DBR ประกอบด้วย 3 คลื่น
เมื่อคลื่นทั้ง 3 นี้ก่อตัวในลำดับด้านบนบนแผนภูมิ แสดงว่ามีรูปแบบการขึ้นลงของฐานวางแล้ว
หากคุณวิเคราะห์แท่งเทียนที่มีกรอบเวลาที่สูงกว่าซึ่งมีเนื้อหาที่ใหญ่กว่าและไส้เทียนขนาดเล็กในกรอบเวลาที่ต่ำกว่า คุณจะเห็นคลื่น impulsive สมบูรณ์ในกรอบเวลาที่ต่ำกว่า ด้วยการวิเคราะห์เชิงเทียนของกรอบเวลาที่สูงขึ้น คุณจะเห็นคลื่นตลาดด้านข้างในกรอบเวลาที่ต่ำกว่า
จากผลลัพธ์ข้างต้น แทนที่จะวิเคราะห์คลื่นซึ่งเป็นส่วนที่ยาก คุณควรวิเคราะห์แท่งเทียน ทำตามสูตรต่อไปนี้เพื่อระบุโซนความต้องการบนแผนภูมิ
DBR = แท่งเทียนตลาด หมีใหญ่ + แท่งเทียนฐาน + แท่งเทียนขาขึ้นใหญ่
แท่งเทียนขนาดใหญ่ทั้งหมดไม่ได้แสดงถึงคลื่น impulsive นั่นเป็นเหตุผลที่คุณควรปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่เข้มงวด
เมื่อคุณจะปฏิบัติตามกฎ 2 ข้อข้างต้น คุณจะระบุรูปแบบ drop base rally ที่ถูกต้อง
base zone เป็นสัดส่วนโดยตรงกับ zone อุปสงค์ในรูปแบบ drop base rally วาดรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าโดยใช้แท่งเทียนฐานสูงและต่ำแล้วขยายไปทางขวา
แท่งเทียนฐานสามารถมีได้มากกว่า 1 แต่คุณควรใช้แท่งเทียนที่มีฐานสูงและต่ำที่สุดเสมอเพื่อวาด zone อุปสงค์
โปรดจำไว้ว่าแท่งเทียนขนาดใหญ่จะยังคงเป็น 2 แท่งเสมอ แต่แท่งเทียนพื้นฐานสามารถมีค่ามากกว่า 1 ได้
ในการซื้อขาย คุณมักจะมองหาพื้นที่ในแผนภูมิราคาที่อยู่ภายใต้การพิจารณาของผู้ค้ารายใหญ่/ผู้ดูแลสภาพคล่อง เพราะคุณต้องการเทรดกับสถาบันและเทรนด์ที่สร้างโดยผู้ดูแลสภาพคล่อง
รูปแบบอุปสงค์และอุปทานช่วยให้เราค้นหา zone ความน่าจะเป็นสูงเหล่านั้น รูปแบบ DBR สร้าง zone ที่แสดงความต้องการของผู้ค้าปลีกบนแผนภูมิ Demand Zone หมายถึงผู้ซื้อจำนวนมากขึ้นต้องการซื้อจาก zone นั้น เพราะตลาดมักจะย้ายจากโซนหนึ่งไปอีก zone หนึ่งเสมอในการวิเคราะห์ทางเทคนิค
ในทำนองเดียวกันในรูปแบบอุปสงค์และอุปทานอีกสามรูปแบบ มี 2 วิธีในการแลกเปลี่ยนรูปแบบ DBR
ในวิธีที่ 1 ราคาจะเลือกคำสั่งซื้อที่รอดำเนินการของผู้ค้าโดยแตะ zone อุปสงค์หลังจากการก่อตัวของรูปแบบ DBR บนแผนภูมิ เป็นวิธีที่ดีที่สุดเพราะราคาใช้เวลาน้อยที่สุดในการกลับ zone
ในวิธีที่ 2 ราคาจะใช้เวลากลับสู่ zone อุปสงค์ หมายความว่าจะกลับสู่ zone อุปสงค์หลังจากคลื่นเต็มวงสวิงหรือมากกว่าหนึ่งคลื่น
ในการซื้อขายด้วยวิธีที่ 2 คุณควรเพิ่มจุดบรรจบของรูปแบบแท่งเทียน bullish ที่ zone หมายความว่าเมื่อราคาจะกลับสู่ zone คุณควรรอจนกว่าราคาจะเกิดรูปแบบแท่งเทียนขาขึ้น (bullish pin bar ) ที่ zone
ขั้นตอนนี้จะกรองการซื้อขายที่ไม่ดีออกจากฝูงชน
คุณควรซื้อขายด้วยตรรกะและพยายามปรับปรุงตรรกะนั้นโดยการวิเคราะห์ประวัติและอ่านราคาบนแผนภูมิแท่งเทียน อุปสงค์และอุปทานเป็นวิธีที่ดีที่สุดและเป็นวิธีแรกในการซื้อขายโดยการวิเคราะห์ทางเทคนิค คุณควรเชี่ยวชาญก่อนที่จะเรียนรู้สิ่งอื่น
________________________________________
แนวรับและแนวต้านหมายถึงเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคพื้นฐานที่สุดที่กำหนด zones ความน่าจะเป็นสูงจากการกลับตัวของแนวโน้มของแนวโน้มราคาก่อนหน้าที่จะเกิดขึ้น ระดับ S&R แสดงถึงแนวรับและแนวต้าน
ระดับ S&R (แนวรับและแนวต้าน) ทำหน้าที่เป็นอุปสรรคต่อแนวโน้มราคา ความสามารถของเครื่องมือแนวรับและแนวต้านนี้ช่วยให้ผู้ค้าคาดการณ์ตลาดได้อย่างแม่นยำ เป็นแนวคิดหลักของการซื้อขายและผู้ค้าใช้กันอย่างแพร่หลายในการวิเคราะห์ทางเทคนิค
Support zone หมายถึง zone ที่ผู้ซื้อจำนวนมากขึ้นเต็มใจที่จะซื้อสกุลเงินหรือหุ้นเฉพาะ นั่นเป็นเหตุผลที่จะเปลี่ยนแนวโน้มจากแนวโน้มขาลงเป็นแนวโน้มขาขึ้น
มีระดับราคาบางอย่างบนแผนภูมิ เช่น ตัวเลขกลม ระดับสูง/ต่ำรายวันหรือรายสัปดาห์ และระดับในอดีตที่ทำหน้าที่เป็นระดับแนวรับหรือแนวต้าน เพราะราคามักจะซ้ำรอยประวัติศาสตร์
เทรดเดอร์มักต้องการซื้อจาก zone แนวรับเพราะราคาจะตีกลับ หรือการกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้นจะเกิดขึ้น
zone จะทำหน้าที่เป็น zone สนับสนุนที่ถูกต้องหากราคาเด้งอย่างน้อยสองครั้งจาก zone นี้และทำให้สูงที่สูงขึ้น
ขอแนะนำให้วางคำสั่งซื้อเมื่อแตะครั้งที่ 3 ของ support zone เพราะเป็นจิตวิทยา
มีข้อกำหนดสองข้อที่คุณต้องยืนยันสำหรับ zone แนวรับที่มีโอกาสสูง
จะช่วยได้หากคุณซื้อเมื่อแตะ zone แนวรับครั้งที่ 3 สำหรับการกลับตัวของแนวโน้มที่มีโอกาสสูง และวาง Stop Loss ไว้ใต้ zone
Resistance zone หมายถึง zone ที่มีผู้ขายจำนวนมากขึ้นเต็มใจที่จะขายสกุลเงินหรือหุ้นเฉพาะ เป็น zone การกลับตัวของแนวโน้มขาลงในการวิเคราะห์ทางเทคนิค
zone แนวต้านช่วยให้เทรดเดอร์มีโอกาสขายหุ้นหรือสกุลเงินเฉพาะ
สำหรับ zone แนวต้านที่ถูกต้อง ราคาควรเด้งอย่างน้อยสองครั้งจากโซนที่มีการก่อตัวต่ำที่ต่ำกว่า
คุณควรวางคำสั่งขายเมื่อราคาดีดตัวแนวต้านเป็นครั้งที่ 3 และวางจุดตัดขาดทุนเหนือ zone แนวต้าน
ความน่าจะเป็นของการกลับตัวของแนวโน้มจากแนวรับหรือแนวต้านสามารถเพิ่มได้โดยการเพิ่มเครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ เช่น รูปแบบแท่งเทียน เนื่องจากกลยุทธ์ประกอบด้วยปัจจัยหลายประการ เช่น การจัดการความเสี่ยง ผลตอบแทนความเสี่ยง เป็นต้น
ดังนั้นที่นี่ ฉันได้เพิ่มการบรรจบกันของรูปแบบแท่งเทียน เช่น แท่งพินหรือแท่งเทียนที่กลืนไปกับแนวรับและแนวต้าน
หลังจากพบแนวรับที่ถูกต้องแล้ว ให้รอแท่งพินขาขึ้นหรือแท่งเทียนขาขึ้นที่ zone แนวรับ จากนั้นวางคำสั่งซื้อโดยมีการหยุดการขาดทุนใต้ zone หรือใต้รูปแบบแท่งเทียน
สามารถวัดระดับการทำกำไรโดยใช้เครื่องมือ Fibonacci
หลังจากตรวจพบแนวต้านที่ถูกต้อง ให้รอแท่งพินขาลงหรือรูปแบบ bearish engulfing ที่ zone แนวต้าน จากนั้นวางคำสั่งขายด้วยการหยุดการขาดทุนเหนือ zone หรือเหนือแท่งเทียน
ค่าต่ำสุดที่ต่ำกว่าบนแผนภูมิสามารถใช้เพื่อทำกำไรได้ คุณยังสามารถใช้เครื่องมือ Fibonacci
แนวรับและแนวต้านเป็นเครื่องมือหลัก และคุณควรใช้เครื่องมือเหล่านี้ในกลยุทธ์การซื้อขายของคุณเพื่อเพิ่มอัตราการชนะ ผู้ค้ายังใช้แนวรับและแนวต้านในการคาดการณ์คู่สกุลเงินในกรอบเวลาที่สูงกว่า จากนั้นจึงแลกเปลี่ยนแนวโน้มในกรอบเวลาที่ต่ำกว่า
________________________________________
Supply and demand zones เป็นคำศัพท์พื้นฐานที่สุดในการซื้อขายฟอเร็กซ์ หากไม่มี Supply หรือ demand ราคาจะไม่สามารถเคลื่อนที่บนกราฟได้ และจะยังคงเป็นเส้นตรงเสมอ Supply-demand สร้างความไม่สมดุลในตลาดซึ่งส่งผลให้เกิดความผันผวนของราคา
ในบทความนี้ คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับ supply and demand zones 4 ประเภทในการวิเคราะห์ทางเทคนิค เนื่องจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคค่อนข้างแตกต่างจากการวิเคราะห์พื้นฐาน และเรายังสามารถระบุ zones บนกราฟราคาโดยใช้กลยุทธ์ง่ายๆ
ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค มี supply and demand zones 4 ประเภท
demand zone แสดงถึงฐานการชุมนุมและฐานการชุมนุมลดลง ในขณะที่ supply zone แสดงถึงฐานการลดลงและฐานการชุมนุมลดลง
สิ่งเหล่านี้เป็น footprints าของผู้ดูแลสภาพคล่อง และผู้ค้า forex ขั้นสูงใช้แนวคิดของ supply and demand นี้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคของคู่สกุลเงิน คุณสามารถเรียนรู้รูปแบบเหล่านี้โดยละเอียด แต่ฉันได้อธิบายสูตรสั้น ๆ เพื่อระบุ zones เหล่านี้บนกราฟราคา
เหล่านี้เป็นสี่สูตรง่ายๆ ที่ใช้ในการระบุzones แท่งเทียนขนาดใหญ่หมายถึงเทียนที่มีอัตราส่วนลำตัวต่อไส้เทียนที่ใหญ่กว่า ในขณะที่แท่งเทียนฐานหมายถึงเทียนที่มีอัตราส่วนลำตัวต่อไส้เทียนที่เล็กกว่า
ความสำคัญหลักของ supply and demand zone คือ zone เหล่านี้แสดงคำสั่งซื้อที่รอดำเนินการของผู้ค้าสถาบันและธนาคารขนาดใหญ่
พูดง่ายๆ ก็คือ การซื้อขาย supply and demand เป็นวิธีติดตามธนาคารและผู้ค้ารายใหญ่ ตลาดฟอเร็กซ์ประมาณ 94% มีการซื้อขายโดยธนาคารกลาง กองทุนป้องกันความเสี่ยง และสถาบันต่างๆ ส่วนที่เหลือ 6% เป็นผู้ค้าปลีก ดังนั้นหากคุณต้องการทำกำไร คุณควรลองทำนายการเคลื่อนไหวของผู้ดูแลสภาพคล่องเหล่านี้ หากคุณค้าขายเหมือนพ่อค้ารายย่อยที่มีอารมณ์ คุณจะแพ้ในตลาดนี้
สิ่งสำคัญที่สองคือพื้นฐานของ supply and demand zone คือการเคลื่อนไหวของราคา เนื่องจากราคาซ้ำกับรูปแบบราคา 4 รูปแบบข้างต้นหลังจากช่วงเวลาที่ผิดปกติบนแผนภูมิแท่งเทียน นี่คือกลยุทธ์การเคลื่อนไหวของราคา ไม่ได้มาจากสูตรทางคณิตศาสตร์ แต่มาจากรูปแบบธรรมชาติ
ส่วนนี้จะอธิบายว่าราคาเลือกคำสั่งซื้อที่รอดำเนินการของสถาบันจาก supply or demand zones อย่างไร
ตัวอย่างเช่น ใน USDJPY ราคาสร้าง demand zone ใน rally base rally. This demand zone นี้เพราะยังไม่ได้แตะ zone ดังนั้นจึงหมายความว่าคำสั่งซื้อที่รอดำเนินการยังคงอยู่ ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค การก่อตัวของ demand zone หมายความว่าผู้ค้ารายใหญ่ต้องการซื้อสกุลเงินในราคานั้น
เมื่อใดก็ตามที่เราเห็น rally base rally zone เราก็ได้วางคำสั่งซื้อที่รอดำเนินการที่ demand zones เพื่อทำการค้ากับสถาบันต่างๆ
หลังจากการแกว่งอย่างสมบูรณ์ ราคาจะกลับสู่ demand zone ด้วย momentum เมื่อราคาเติมคำสั่งซื้อที่รอดำเนินการ จะดำเนินต่อไปในแนวโน้มขาขึ้นเนื่องจากความต้องการเพิ่มขึ้นเป็นผลให้ราคาจะเพิ่มขึ้น
มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างการวิเคราะห์ทั้ง 2 นี้
ราคาเคลื่อนไหวเสมอเนื่องจากความแตกต่างใน supply and demand ของสกุลเงินหรือสินทรัพย์บางสกุล ตัวอย่างเช่น หากมีผู้ซื้อจำนวนมากขึ้นเต็มใจที่จะซื้อดอลลาร์ ความต้องการดอลลาร์ก็จะเพิ่มขึ้น ความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นสัดส่วนโดยตรงกับการเพิ่มขึ้นของราคาดอลลาร์สหรัฐ ในทางกลับกัน หากผู้ขายจำนวนมากขึ้นเต็มใจที่จะขายดอลลาร์ supply ของดอลลาร์จะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ราคาเงินดอลลาร์ลดลง
วิธีการหรือข่าวสารที่แจ้งให้เราทราบเกี่ยวกับ demand ของดอลลาร์หรือ supply ของดอลลาร์ในตลาดคือการวิเคราะห์พื้นฐาน
มาถึงประเด็นหลัก: supply and demand ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค
ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค เราวาดโซนบนกราฟราคาโดยใช้พฤติกรรมราคาตามธรรมชาติ เช่น รูปแบบ triangle หรือ wedge รูปแบบเหล่านี้ยังเกิดขึ้นบนกราฟราคาหลังจากช่วงเวลาที่ไม่ปกติ ในทำนองเดียวกัน มีรูปแบบธรรมชาติอื่นๆ เช่น การบีบอัดและการเกิดหายาก เป็นต้น รูปแบบเหล่านี้แสดงถึงการมีอยู่ของsupply หรือ demand ในช่วงราคาเฉพาะ
rally base rally and drop base drop แสดงปรากฏการณ์ของการบีบอัดและการหายากบนแผนภูมิราคา
ฉันหวังว่าคุณจะเข้าใจความแตกต่างนี้ หากคุณยังไม่ได้ทำอ่านต่อ คุณจะเข้าใจมันหลังจากอ่านบทความทั้งหมดแล้ว
การซื้อขาย Supply and demand เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์พื้นฐาน มีวิธีการซื้อขายอื่น ๆ มากมาย เช่นการวิเคราะห์การแพร่กระจายของปริมาณ naked chart, Elliott wave ฯลฯ แต่ supply and demand เป็นสิ่งที่ดีที่สุด
________________________________________
Swing Point คือจุดราคาที่มีการพลิกกลับของแนวโน้มเล็กน้อยหรือหลักเกิดขึ้น เป็นเงื่อนไขการดำเนินการด้านราคาที่แสดงจุดเปลี่ยนราคาบนแผนภูมิแท่งเทียน
การเคลื่อนไหวของราคาเป็นรูปแบบการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ล้ำหน้าที่สุด และผู้ค้าปลีกส่วนใหญ่ใช้การเคลื่อนไหวของราคาเพื่อทำนายแนวโน้มราคาอย่างกว้างขวาง Swing Point เป็นตัวบ่งชี้ชั้นนำที่คาดการณ์การกลับตัวของแนวโน้มในอนาคตบนกราฟราคา
ผู้ค้าขั้นสูงใช้ Swing Point เพื่อยืนยันการพลิกกลับของแนวโน้มเล็กน้อยในตลาด
Swing Point มี 2 ประเภท และวิธีการค้นห Swing Point เหล่านี้แตกต่างกัน อินดิเคเตอร์หลายตัวที่มีใน Tradingview สามารถค้นหา Swing Point เหล่านั้นให้คุณได้ แต่ถ้าคุณเชี่ยวชาญเงื่อนไขการดำเนินการด้านราคาด้วยตัวเอง คุณจะระบุแนวโน้มได้ง่ายโดยใช้กลยุทธ์เสียงสูงที่สูงขึ้นและระดับต่ำสุดที่ต่ำลง
เมื่อจุดสูงสุดที่สูงกว่า 2 อันติดต่อกันเกิดขึ้นที่ด้านซ้ายของแท่งเทียน และราคาสูงสุดที่ต่ำกว่าสองอันติดต่อกันเกิดขึ้นที่ด้านขวาของแท่งเทียน จุดสูงสุดของแท่งเทียนตรงกลางจะเรียกว่า swing high
Swing high คือราคาสูงสุดในช่วงจำนวนแท่งเทียนที่ระบุ มันถูกใช้เป็นระดับสำคัญในกราฟราคา ผู้ค้าปลีกหลายรายใช้จุดแกว่งสูงเป็นแนวต้านหรือระดับสำคัญ เนื่องจากเป็นระดับทางจิตวิทยา ผู้ค้าปลีกจึงได้รับประโยชน์จากระดับราคาเหล่านี้
เมื่อจุดต่ำสุดที่ต่ำกว่า 2 จุดติดต่อกัน เกิดขึ้นที่ด้านซ้ายของแท่งเทียน และราคาสูงสุดที่ต่ำกว่า 2 จุดติดต่อกันเกิดขึ้นที่ด้านขวาของแท่งเทียน ราคาต่ำสุดของแท่งเทียนตรงกลางจะเรียกว่า swing low
Swing Low คือราคาต่ำสุดในช่วงของแท่งเทียนบนกราฟราคา นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็น swing low และผู้ค้าปลีกใช้เป็นระดับแนวรับ
ราคาเคลื่อนไหวอยู่เสมอในรูปแบบของคลื่น sine บนกราฟแท่งเทียน ก็เหมือนขึ้นๆ ลงๆ ของธรรมชาติ และตลาดเป็นธรรมชาติอย่างหมดจด นั่นเป็นเหตุผลที่เมื่อเราเชื่อมโยงรูปแบบราคากับธรรมชาติ เรากำลังอ่านการเคลื่อนไหวของราคาในความเป็นจริง
คลื่น sine ในวิชาคณิตศาสตร์ประกอบด้วยจุดสูงสุดและต่ำสุด ในทำนองเดียวกัน บนแผนภูมิแท่งเทียน คลื่น sine จะสร้างราคาสูงสุดและต่ำสุด ราคาสูงสุดเรียกว่า swing high และราคาต่ำสุดเรียกว่า swing low
คลื่น sine เป็นรูปแบบคลื่นในอุดมคติ แต่ในตลาดพื้นฐาน คลื่นจะเข้าใกล้รูปแบบที่สมบูรณ์แบบ ตัวอย่างเช่น ในช่วงแนวโน้มขาขึ้น การเคลื่อนไหวของราคา bullish จะมากกว่าการเคลื่อนไหวของราคาขาลง ในขณะที่ในช่วงแนวโน้มขาลง การเคลื่อนไหวของราคาขาลงจะมากกว่าขาขึ้น นั่นเป็นสาเหตุที่รูปแบบคลื่นเข้าใกล้คลื่นไซน์ในอุดมคติเท่านั้น
ประโยชน์หลักของ swing highs สูงและต่ำในการซื้อขายการเคลื่อนไหวของราคาคือการบอกเราเกี่ยวกับจุดเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่
เพราะเมื่อวง swing ต่ำก่อตัวขึ้น เป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นของแนวโน้มขาขึ้นใหม่ ในการเปรียบเทียบ การก่อตัวของ swing high แสดงให้เห็นถึงการเริ่มต้นของแนวโน้มขาลงใหม่
มาทำความเข้าใจกับตัวอย่างกัน
คลื่นคือการรวมกันของคลื่น impulsive และคลื่นย้อนกลับ ดังนั้นเมื่อรูปแบบคลื่นเสร็จสมบูรณ์บนแผนภูมิที่มีการแกว่งตัวต่ำหรือสูง เป็นสัญญาณความน่าจะเป็นสูงของการกลับตัวของแนวโน้มดังในภาพด้านล่าง
ข้อเท็จจริงที่สำคัญอีกประการหนึ่งของ swing highs คือการช่วยวาดเส้นแนวโน้มและแนวรับแนวต้าน
เนื่องจากจุดสัมผัสของเส้นแนวโน้มมักจะเป็นจุดราคาแกว่ง คุณจึงควรวาดเส้นแนวโน้มที่ตรงกับจุดต่ำสุดของวง swing หรือจุดสูงสุดของวง swing หากจุดราคาไม่ใช่จุดแกว่ง คุณควรหลีกเลี่ยงการวาดเส้นแนวโน้มจากจุดดังกล่าว ซึ่งจะช่วยให้เราวาดเส้นแนวโน้มที่ถูกต้องได้
มีประโยชน์อื่นๆ มากมายของ swing highs ในการซื้อขายการเคลื่อนไหวของราคา เช่น การค้นหาระดับราคาที่สำคัญ การระบุคลื่นของแนวโน้ม ฯลฯ คุณจะทราบถึงประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายเมื่อคุณได้ฝึกฝนรูปแบบราคานี้บนกราฟราคาจริง
การทำความเข้าใจ swing highs เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ซื้อขายที่มีการเคลื่อนไหวของราคาทั้งหมด เพราะหากคุณไม่ระบุ swing highs คุณจะทำผิดพลาดมากมายในการค้นหารูปแบบแผนภูมิ อื่น ๆ เป็นแนวคิดที่สำคัญ หากไม่มี swing highs คุณจะไม่สามารถวาดเส้นแนวโน้ม คลื่น Elliott และรูปแบบแผนภูมิได้อย่างถูกต้อง
นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันจะแนะนำให้ผู้ค้าปลีกทุกรายฝึก swing highs เพื่อเรียนรู้การซื้อขายโดยใช้การเคลื่อนไหวของราคา เป็นขั้นตอนของผู้เริ่มต้นในการซื้อขายการเคลื่อนไหวของราคา
________________________________________
คำสั่งซื้อขายใน Forex ทุกประเภท?
การทำความเข้าใจประเภทคำสั่ง Forex เป็นสิ่งสำคัญมาก หากคุณต้องการอยู่ใน Forex เป็นระยะเวลานาน การซื้อขาย Forex ทั้งหมดทำผ่านโบรกเกอร์ และมีหลายโบรกเกอร์ให้เลือกขึ้นอยู่กับว่าคุณอาศัยอยู่ที่ไหน แต่โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ดำเนินการทั่วโลก หลังจากเลือกโบรกเกอร์แล้ว คุณต้องทำการสั่งซื้อบนแพลตฟอร์มการซื้อขายของโบรกเกอร์ของคุณ
คำสั่งใน Forex เป็นเพียงข้อเสนอที่คุณส่งโดยใช้แพลตฟอร์มการซื้อขายของนายหน้าของคุณเพื่อเปิดหรือปิดสถานะหากตรงตามเงื่อนไขที่คุณกำหนด
ด้านล่างนี้ในบทความนี้ เราจะพูดถึงรายละเอียดของประเภทคำสั่งใน Forex
คำสั่งซื้อ forex ทั้งหมดอยู่ภายใต้ 2 ประเภทหลัก :
คำสั่งซื้อประเภทนี้จะได้รับการดำเนินการทันทีโดยเทียบกับราคานายหน้าของคุณที่แสดงบนแดชบอร์ด
คำสั่งซื้อนี้จะได้รับการดำเนินการทันทีที่เงื่อนไขที่คุณให้ไว้เป็นที่น่าพอใจ
คำสั่งของตลาดคือวิธีที่คุณซื้อหรือขายสกุลเงินในราคาที่ดีที่สุดที่นายหน้าของคุณจัดหาให้
ตัวอย่างเช่น ในคู่ USD/GBP ราคาเสนอซื้อคือ 1.3903 และราคาเสนอขายคือ 1.3906
หากคุณต้องการเปิดตำแหน่งและซื้อคู่นี้ คุณสามารถทำได้ที่ 1.3906 คุณจะใช้พอร์ทัลการซื้อขายของคุณและคลิกซื้อตอนนี้เพื่อดำเนินการตามคำสั่งซื้อของคุณในราคาจริง 1.3906
เช่นเดียวกับการขาย คู่ สกุลเงินแต่จะทำได้ในราคาที่ต่ำกว่าเล็กน้อยที่ 1.3903 และจะได้รับการเติมเต็มทันที
โปรดสังเกตว่าราคาเสนอซื้อต่ำกว่าราคาขอสำหรับคู่สกุลเงินใน Forex เสมอ
คุณจะใช้คำสั่งจำกัดหากคุณคาดการณ์ว่าราคาตลาดจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงในเวลาที่กำหนด และคุณต้องการใช้ประโยชน์จากสิ่งนั้นและซื้อคู่สกุลเงินในราคาที่ต่ำกว่าหรือสูงกว่าราคาตลาด
ซึ่งจะทำได้โดยการตั้งค่าเงื่อนไขการจำกัด และจะได้รับการดำเนินการเมื่อราคาข้าม “ราคาจำกัด” นั้น
limit order มี 2 ประเภท
หากคุณต้องการซื้อคู่สกุลเงินระหว่างทางในขณะที่ราคากำลังเพิ่มขึ้นหรือคุณต้องการขายคู่สกุลเงินระหว่างทาง แม้ว่าราคาจะลดลง คุณจะต้องใช้คำสั่งหยุด
Stop orders มี 2 ประเภท
วางคำสั่ง buy stop เพื่อซื้อสกุลเงินในขณะที่ราคากำลังขึ้น ตัวอย่างเช่น หาก EURUSD ซื้อขายที่ 1.3245 และคุณต้องการซื้อ EURUSD ที่ 1.3270 ให้วางคำสั่งซื้อหยุด
วางคำสั่งขายเพื่อขายสกุลเงินในขณะที่ราคากำลังลดลง ตัวอย่างเช่น หาก EURUSD ซื้อขายที่ 1.3245 และคุณต้องการขาย EURUSD ที่ 1.3230 ให้วางคำสั่งหยุดการขาย
แทนที่จะรอให้ราคาถึงระดับหนึ่ง เพียงแค่ใช้คำสั่งหยุด
ประเภทของคำสั่งที่ใช้ในการจำกัดการสูญเสียหากตลาดขัดต่อการวิเคราะห์ของคุณเรียกว่าคำสั่งหยุดการขาดทุน ตัวอย่างเช่น คุณทำการสั่งซื้อในสกุลเงิน EURUSD แต่ราคายังคงดำเนินต่อไปในทิศทางการขาย จากนั้นคุณจะวางคำสั่งหยุด ซึ่งจะยกเลิกการค้าของคุณออกจากตลาด
หมายเหตุ : มุมมองทั้งหมดนี้เป็นไปตามกฎของการวิเคราะห์ทางเทคนิค เราไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ในการซื้อขายแลกเปลี่ยน
________________________________________
ในบทความนี้ จะอธิบายความแตกต่างระหว่างแนวคิดหลักสองประการในการวิเคราะห์ทางเทคนิค ( อุปทานและอุปสงค์ & แนวรับและแนวต้าน) ผู้เริ่มต้นส่วนใหญ่คิดว่าทั้งสองเป็นแนวคิดเดียวกันเนื่องจากมีความคล้ายคลึงกันหลายประการ แต่เป็นแนวคิดที่แตกต่างกันสองแบบ ในตอนท้ายของบทความนี้ คุณจะได้เรียนรู้การตั้งค่าการซื้อขายที่ดีที่สุดโดยใช้อุปสงค์และอุปทานและแนวรับและแนวต้าน เราจะเป็นตัวแทนของแนวรับและแนวต้านด้วย SnR ในขณะที่ SnD สำหรับอุปสงค์และอุปทาน
อุปทานและอุปสงค์แสดงถึงความไม่สมดุลของราคา ทุกสิ่งในจักรวาลนี้ต้องการความสมดุล กฎเดียวกันจะใช้ที่นี่ เมื่อราคาอยู่ในสภาวะที่ไม่สมดุล มันมักจะพยายามเข้าสู่สภาวะสมดุลเสมอ พฤติกรรมตามธรรมชาติของราคานี้จะเรียกว่าอุปสงค์และอุปทาน จำไว้ว่าหลังจากสภาวะที่ไม่สมดุล สภาวะที่สมดุลก็จะมาเช่นกัน ดังนั้น เราจะใช้คำศัพท์เหล่านี้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคในฐานะอุปสงค์และอุปทาน และนี่คือแนวคิดหลักของการซื้อขายอุปสงค์และอุปทานในฟอเร็กซ์ นั่นคือเหตุผลที่อุปสงค์และอุปทานเป็นฐานของการวิเคราะห์ทางเทคนิคในการซื้อขายฟอเร็กซ์
วิธีการซื้อขายอุปสงค์และอุปทานใช้เพื่อจับรายการที่แน่นอนขณะซื้อขายฟอเร็กซ์และเพื่อตอบสนองความต้องการของอัตราส่วนผลตอบแทนที่มีความเสี่ยงสูง ประโยชน์หลักคือเราสามารถเพิ่มผลตอบแทนความเสี่ยงโดยใช้การหยุดการขาดทุนที่แน่นหรือการทำกำไรแบบเปิดพร้อมจุดคุ้มทุน มีสี่แนวคิดพื้นฐานของอุปสงค์และอุปทาน
สูตรอย่างง่าย = เทียนแท่งใหญ่ + เทียนฐาน + เทียนแท่งใหญ่
ความไม่สมดุลที่สำคัญของราคาเกิดขึ้นเมื่อมีการสั่งซื้อจำนวนมาก เช่นเดียวกับแท่งเทียนมะรุโบซุขนาดใหญ่หลังจากราคาผันแปรแสดงถึงความไม่สมดุลของราคา ตัวอย่างเช่น การเกิดแท่งเทียนขนาดใหญ่หลังแท่งเทียนแสดงถึงความไม่สมดุลของราคา ขณะนี้คำสั่งซื้อจำนวนมากได้รับการบรรจุแล้ว แต่ยังมีคำสั่งสถาบันที่ยังไม่สำเร็จเหลืออยู่ใน zone ฐาน และราคาจะกลับมาที่โซนฐานอีกครั้งเพื่อเลือกคำสั่งซื้อที่ไม่สำเร็จเหล่านั้น และเราจะใช้โอกาสนี้และจะซื้อขายกับสถาบันที่ใช้อุปทานนี้และ วิธีการซื้อขายอุปสงค์
ระดับแนวรับและแนวต้านเป็นจุดดึงดูดสำหรับผู้ซื้อและผู้ขาย เช่นเดียวกับตัวเลขฟีโบนักชีและตัวเลขกลมเป็นระดับทางจิตวิทยาที่ทำหน้าที่เป็นระดับแนวรับและแนวต้าน ผู้ซื้อต้องการซื้อจากระดับแนวรับและผู้ขายต้องการขายจากระดับแนวต้าน คิดเหมือนเทรดเดอร์ ตัวอย่างเช่น เทรดเดอร์จะชอบซื้อคู่ฟอเร็กซ์จากรอบที่ 1.5000 แทนที่จะเป็น 1.56473 ดังนั้น 1.5000 จะทำหน้าที่เป็นแนวรับหรือแนวต้านด้วย เช่นเดียวกับระดับ Fibonacci 0.618 ก็ทำหน้าที่เป็นแนวรับหรือแนวต้าน มีเทคนิคที่พิสูจน์แล้วอื่นๆ อีกมากมายในการวาดแนวรับและแนวต้าน ที่ถูกต้อง โดยใช้พินบาร์และเทียนแท่งที่กลืนกิน ในภาพด้านล่าง
ไม่ อุปสงค์และอุปทานค่อนข้างแตกต่างจากแนวรับและแนวต้าน zones อุปทานและอุปสงค์แสดงคำสั่งที่ไม่ได้รับสินค้าของผู้ค้าสถาบัน และเราสามารถซื้อขายได้เฉพาะโซนใหม่ เนื่องจากสถาบันจะไม่ระงับคำสั่งซื้อที่รอดำเนินการเป็นเวลานาน ในขณะที่แนวรับและแนวต้านเป็นระดับของแรงดึงดูด และประวัติของแผนภูมิจะใช้เพื่อวาดระดับแนวรับหรือแนวต้านที่ถูกต้อง ระดับราคาที่มีการปฏิเสธมากกว่าในอดีตจะทำหน้าที่เป็นระดับที่แข็งแกร่งในอนาคตเช่นกัน นี่คือแนวรับและแนวต้าน ความเหมือนและความแตกต่างระหว่างอุปสงค์และอุปทานและแนวรับและแนวต้านได้อธิบายไว้ด้านล่าง
อันดับแรก เรามาพูดถึงความคล้ายคลึงกัน เพื่อที่คุณจะได้แยกแยะความแตกต่างระหว่างความคล้ายคลึงกันได้อย่างง่ายดายในภายหลัง มีความคล้ายคลึงที่ชัดเจน 2 ประการที่ฉันได้ชี้ให้เห็นด้านล่าง
ตอนนี้เราจะมาถึงประเด็นหลักของการสนทนาที่นี่ แนวรับและแนวต้านเป็นพื้นที่ดึงดูดผู้ซื้อและผู้ขาย ตัวอย่างเช่น ตัวเลขกลม ระดับฟีโบนักชี ระดับหลักคือพื้นที่ของแรงดึงดูดและพื้นที่การกลับตัวของราคา ราคาใช้เวลามากในระดับ/โซนเหล่านี้ ทุกครั้งที่ราคามาถึงระดับเหล่านี้ มันมักจะเกิดการกลับตัวหรือฝ่าวงล้อม เราจะย่อแผนภูมิและยืนยันระดับที่ถูกต้องโดยใช้ประวัติ ทุกครั้งที่มีการกลับตัว ระดับ/โซนจะแข็งแกร่งขึ้นและราคาจะทำลายมันอย่างรุนแรงในภายหลัง ในทางกลับกัน หากราคาทะลุแนวรับ แนวรับจะกลายเป็นแนวต้านและในทางกลับกัน ดูแผนภูมิด้านล่างสำหรับมุมมองที่ชัดเจนของแนวรับและแนวต้าน
เขตอุปสงค์และอุปทานเป็นพื้นที่ที่ยังมิได้ถูกแตะต้องซึ่งราคาใช้เวลาน้อยกว่ามาก เราไม่ดูในประวัติของคู่สกุลเงินสำหรับความถูกต้องของโซนนี้ เทียนแท่งใหญ่สองแท่งและแท่งเทียนหนึ่งแท่งสร้างโซน SnD
ดูแผนภูมิด้านล่าง ฉันจะใช้แผนภูมิเดียวกับที่ใช้ด้านบนเพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้นของคุณ
หลังจากอ่านบทความนี้แล้ว ฉันหวังว่าคุณจะสามารถแยกแยะระหว่างzone SnD และ SnR ได้ ไม่เพียงแค่นี้ คุณยังสามารถรวมทั้ง 2 zoneเพื่อสร้างความน่าจะเป็นสูง โซนอุปทานและอุปสงค์ที่ระดับแนวรับและแนวต้านทำงานได้ดีที่สุด ดูในแผนภูมิด้านล่าง
นี่คือการตั้งค่าที่สมบูรณ์ การเพิ่มจุดบรรจบลงในการตั้งค่านี้สามารถกลายเป็นเทรดเดอร์ที่ทำกำไรได้ แต่ก็ไม่ง่ายนัก
หมายเหตุ : มุมมองทั้งหมดนี้เป็นไปตามกฎของการวิเคราะห์ทางเทคนิค
________________________________________
เมื่อใดก็ตามที่ราคาเคลื่อนเข้าไปยังจุดหนึ่งและคลื่นมีขนาดสั้นลงเรื่อย ๆ ตามเวลา จากนั้นจะมีการสร้าง inside bar
รูปแบบ Inside bar เป็นรูปแบบการเคลื่อนไหวของราคาที่ประกอบด้วยแท่งเทียนสองอัน โดยอันแรกเรียกว่าแท่งเทียนแม่ และแท่งเทียนอันที่สองเรียกว่าแท่งเทียนด้านในที่อยู่ภายในช่วงของแท่งเทียนแม่ก่อนหน้า เทียนแม่ไม่ควรมีเงาขนาดใหญ่ขึ้นและลง
แท่งเทียน Inside bar บ่งชี้ว่าตลาดกำลังมองหาทิศทาง คิดแบบนี้ หลังจากที่มีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ( Breakout of a level ) ตลาดจะมองหาทิศทางที่จะไปต่อหรือกลับตัวโดยการฝ่าวงล้อมที่ผิดพลาดเพื่อจับการหยุดการขาดทุนของผู้ค้าปลีก
การคิดเช่นนี้จะทำให้คุณสามารถคาดการณ์การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของผู้ดูแลสภาพคล่องและธนาคารขนาดใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
inside bars ในแสดงถึงช่วงเวลาของการรวมบัญชี รูปแบบแท่งเทียนกรอบเวลาขนาดใหญ่อาจดูเหมือน ‘สามเหลี่ยมสมมาตร( symmetrical triangle)‘ ในกรอบเวลาของแผนภูมิที่เล็กกว่า พวกเขายังเกิดขึ้นหลังจากประสบความสำเร็จในการผลักดันตลาด เนื่องจากพวกเขา ‘หยุด’ เพื่อทำให้ตลาดมีเสถียรภาพจนกว่าผู้ดูแลสภาพคล่องจะตัดสินใจในการเคลื่อนไหวครั้งต่อไป อย่างไรก็ตาม อาจก่อตัวที่จุดเปลี่ยนของตลาดและทำหน้าที่เป็นสัญญาณการกลับตัวจากระดับแนวรับหรือแนวต้านหลัก
ทีนี้มาที่ประเด็นหลักกัน สิ่งที่เราต้องทำคือค้นหาสามจุดนี้ ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น จะทำงานได้ดีที่สุดเมื่อสร้างที่ระดับคีย์
ระดับแนวรับหรือแนวต้านควรเป็นระดับใหม่อย่างน้อยมากกว่าสามสัมผัสของระดับนั้น จำนวนการสัมผัสบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของโซน การเด้งของราคาจากโซนที่มากขึ้นหมายถึงโซนที่แข็งแกร่ง และการเด้งของราคาที่น้อยลงหมายถึงโซนที่อ่อนแอ
เมื่อแท่งเทียนอยู่ในรูปแบบหลังจากทะลุแนวรับ แสดงสองเงื่อนไขที่นี่
การฝ่าวงล้อมของแท่งเทียนนี้จะบ่งบอกถึงโมเมนตัมขาลงของตลาด ดังนั้น สิ่งที่พบได้ทั่วไปในทั้งสองกรณีคือตลาดจะเริ่มต้นขาลงหลังจากทะลุแนวรับและรูปแบบแท่งเทียน เราจะใช้วิธีนี้เพื่อสร้างกลยุทธ์
กลยุทธ์การซื้อขายขั้นสุดท้ายประกอบด้วย 4 พารามิเตอร์ดังต่อไปนี้
วางคำสั่งหยุดขายที่รอดำเนินการที่ระดับต่ำสุดของรูปแบบ inside bar ดังนั้นมันจะถูกทริกเกอร์โดยอัตโนมัติในระหว่างการฝ่าวงล้อม IB ระดับ Stop-loss จะสูงกว่าระดับสูงสุดของแถบด้านในเสมอ (ในกรณีที่ตั้งค่าการขาย)
ในการตั้งค่าการขาย มี 2 องค์ประกอบหลัก
คำสั่ง buy stop อยู่ที่ระดับสูงของแท่งเทียน inside bar และระดับ stop loss อยู่ต่ำกว่าค่าต่ำสุดของ IB (ในกรณีของการตั้งค่า buy trade)
ในการตั้งค่าการซื้อ จำไว้เสมอ 2 องค์ประกอบ
รายการของคำสั่งจะอยู่ที่ 1 ถึง 2 pips ด้านล่าง inside bar Low ในทิศทางของแท่งเทียนขนาดใหญ่และ Stop Loss คือหนึ่งถึงสอง pips เหนือระดับสูงสุด วัดระดับการทำกำไรโดยใช้ระดับส่วนขยาย Fibonacci 1.21 และ 1.618 คุณสามารถรับรางวัลความเสี่ยง 1:4 และ 1:5 ได้อย่างง่ายดายด้วยการตั้งค่านี้
คุณจะไม่ได้รับการตั้งค่านี้ทุกวัน ดังนั้นสิ่งที่เราจะทำคือเราจะใช้แนวรับและแนวต้าน ทุกประเภท
พยายามอ่านพฤติกรรมด้านราคาเสมอเพื่อทำความเข้าใจการตัดสินใจของผู้ดูแลสภาพคล่องและกลายเป็นนักวิเคราะห์ทางเทคนิคมืออาชีพ การอ่านราคาจะช่วยคุณในการตัดสินใจเชิงตรรกะในการซื้อขาย ซึ่งช่วยอย่างมากในการซื้อขายและปรับปรุงจิตวิทยาของคุณ
คุณสามารถอ่านราคาได้ด้วยการอธิบายกลยุทธ์การซื้อขายแท่งเทียน inside bar นี่เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการซื้อขายฟอเร็กซ์
________________________________________
วิธีการระบุแนวรับและแนวต้านที่แข็งแกร่ง
ระดับแนวรับและแนวต้านในการซื้อขายหมายถึงประเด็นสำคัญที่มีผู้ซื้อจำนวนมากขึ้นเต็มใจที่จะซื้อสกุลเงิน/หุ้น และผู้ขายจำนวนมากขึ้นยินดีที่จะขายสกุลเงิน/หุ้นตามลำดับ
ระดับแนวรับและแนวต้านช่วยให้ผู้ค้าค้นหาจุดที่ตลาดจะพลิกกลับและยังช่วยให้เราวางการหยุดการขาดทุนและทำกำไรได้อย่างปลอดภัย ในบทความนี้ เราจะพูดถึงประเด็นสำคัญของระดับแนวรับและแนวต้าน และกลยุทธ์ง่ายๆ ในการค้นหาระดับแนวรับและแนวต้าน
ระดับแนวรับหมายถึงระดับราคาหรือโซนจากที่ เนื่องจากมีความต้องการมากขึ้นและผู้ซื้อมากขึ้น การกลับตัวของแนวโน้มราคาจากตลาดหมีเป็นตลาดกระทิงเกิดขึ้น ความต้องการที่มากขึ้นทำให้แนวโน้มขาลงกลับตัว ในระดับนี้ ราคาจะตัดสินใจว่าจะกลับตัวหรือทำลายโซนนี้ ดังนั้นเราจะมองหาการเคลื่อนไหวของราคาที่ระดับนี้เพื่อยืนยันการกลับตัวของราคา นี่เรียกง่ายๆ ว่าระดับแนวรับในการซื้อขาย
ระดับแนวต้านหมายถึงระดับราคาหรือโซนจากที่ซึ่งมีอุปทานมากขึ้นและผู้ขายมากขึ้น การกลับตัวของแนวโน้มราคาจากตลาดกระทิงเป็นตลาดหมีเกิดขึ้น นี่เรียกง่ายๆ ว่าระดับแนวต้านในการซื้อขายฟอเร็กซ์
กรอบเวลารายวันเป็นกรอบเวลาที่ดีที่สุดในการระบุระดับที่แข็งแกร่งในตลาดฟอเร็กซ์ การหาระดับแนวรับและแนวต้านในกรอบเวลารายวันและการซื้อขายที่ระดับระหว่างวันเป็นกลยุทธ์การซื้อขายที่ ดีที่สุด
แท่งเทียน engulfing หรือ pin bar สูงและต่ำรายวันทำหน้าที่เป็นแนวรับและแนวต้านที่แข็งแกร่งในการซื้อขายฟอเร็กซ์
ค้นหากราฟแท่งเทียน daily engulfing or pin bar รายวันในกรอบเวลารายวัน ต่ำและสูงของแท่งเทียน engulfing หรือ pin bar รายวัน ทำหน้าที่เป็นแนวรับและแนวต้านที่แข็งแกร่งตามลำดับ เรามุ่งเน้นที่การวาดระดับที่แข็งแกร่งในกรอบเวลารายวันและซื้อขายในกรอบเวลาที่ต่ำกว่า
ดูภาพกราฟิกด้านล่างเพื่อทำความเข้าใจแนวคิด
หลังจากระบุแท่งเทียนที่กลืนกินตลาดหมีในกรอบเวลารายวัน ให้วาดโซนที่ตรงกับจุดสูงสุดและสูงกว่าของแท่งเทียนที่กลืนกินและขยายโซนไปทางขวา เมื่อทำการทดสอบย้อนหลัง วิธีนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นวิธีที่ดีในการดึงแนวรับและแนวต้าน
ในการวาดโซนแนวรับและแนวต้าน เพียงเลือกจุดสูงสุดของแท่งเทียนที่กลืนกินและแท่งเทียนก่อนหน้าแล้ววาดโซน รูปแบบแท่งเทียน engulfing ประกอบด้วยแท่งเทียน 2 แท่ง ในกรณีของโซนแนวต้าน ให้วาดโซนโดยเลือกจุดสูงสุดของแท่งเทียนทั้ง 2 วาดโซนบนระยะห่างระหว่างจุดต่ำสุดของแท่งเทียนทั้งสอง ในกรณีของโซนแนวรับ
เพียงทำตามสามขั้นตอนสำหรับแนวรับหรือแนวต้านที่แข็งแกร่ง
แนวรับและแนวต้านในการซื้อขายในฟอเร็กซ์หรือการซื้อขายหุ้นเป็นแนวคิดพื้นฐานที่สุด แต่การซื้อขายด้วยกลยุทธ์ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะในกลยุทธ์เพียงแค่ค้นหาระดับแนวรับและแนวต้านจะไม่ทำให้คุณมีกำไรในการซื้อขาย จนกว่าคุณจะทำตามผลตอบแทนความเสี่ยงและการบริหารความเสี่ยง
นั่นเป็นเหตุผลที่เราได้สร้างกลยุทธ์ตามพารามิเตอร์ต่อไปนี้
สมเหตุสมผลสำหรับคุณหรือไม่?
ในกรอบเวลาที่ต่ำกว่า เมื่อราคาเข้าใกล้แนวต้านหรือแนวรับ ให้มองหาการเคลื่อนไหวของราคาในบริเวณนี้ ฉันหมายถึงรูปแบบกราฟกลับตัวหรือรูปแบบแท่งเทียนกลับตัว เช่น gravestone Doji เปิดคำสั่งซื้อตามรูปแบบการเคลื่อนไหวของราคาและปรับการหยุดการขาดทุนตามการเคลื่อนไหวของราคา ฉันจะแนะนำให้ยึดติดกับการหยุดการขาดทุนอย่างปลอดภัยเสมอ
การระบุระดับ S&R ของกรอบเวลารายวันและการซื้อขายในกรอบเวลาที่ต่ำกว่าด้วยการเคลื่อนไหวของราคาเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดและได้รับการพิสูจน์แล้ว Steve Nison ผู้ก่อตั้งแท่งเทียนญี่ปุ่นแนะนำวิธีนี้เช่นกัน ฉันได้อธิบายกลยุทธ์ของการใช้แท่งเทียน engulfing
________________________________________
รูปแบบ Engulfing – รูปแบบการเคลื่อนไหวของราคา
บทความนี้จะน่าสนใจมากสำหรับผู้ค้าที่กำลังมองหากลยุทธ์การเคลื่อนไหวของราคา อย่าสับสนระหว่างรูปแบบ engulfing ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวระหว่างพวกเขาคือความแตกต่างในกรอบเวลา หากต้องการเชี่ยวชาญในการซื้อขายการเคลื่อนไหวของราคา ให้เรียนรู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำของราคา เช่นเดียวกับข้อเท็จจริงที่อยู่เบื้องหลังรูปแบบ engulfing คืออะไร? เทรดเดอร์ส่วนใหญ่รู้ว่าหลังจากรูปแบบ Bearish engulfing ราคาจะลดลง ในทางกลับกัน หลังจากที่ราคาแท่งเทียนขาขึ้นจะพุ่งขึ้น แต่ส่วนใหญ่ไม่รู้ข้อเท็จจริงหรือเจาะลึกถึงรูปแบบ engulfing
ในฐานะผู้ค้า forex ต้องบอกว่ารูปแบบ engulfing เป็นที่มาของการเคลื่อนไหวของราคา รูปแบบการเคลื่อนไหวของราคาทุกรูปแบบมาจากรูปแบบ engulfing ในตอนท้ายของบทความนี้ คุณจะเข้าใจว่าอย่างไรและทำไม? เริ่มจากพื้นฐานเพื่อความก้าวหน้า
Engulfing candle หมายถึงแท่งเทียนที่กลืนแท่งเทียนก่อนหน้าจนเต็ม มีเทียนที่กลืนกินอีก 2 ประเภท
มีกฎ 2 ข้อใน Engulfing candle จำไว้ว่าการกลืนแท่งเทียนก่อนหน้านั้นไม่ใช่รูปแบบ engulfing จะต้องดูดกลืนเทียนเล่มก่อนอย่างสมบูรณ์รวมทั้งไส้ตะเกียง
bullish engulfing candle แสดงถึงการกลับตัวของแนวโน้มขาลงและการเริ่มต้นของแนวโน้มขาขึ้น บ่งชี้ว่ากองกำลังของ bulls ได้เอาชนะกองกำลังของ bears และตอนนี้ราคาจะสูงขึ้น ราคาปิดของแท่งเทียนจะสูงกว่าราคาเปิด (สีเขียว) และทำให้ราคาสูงสุดและต่ำสุดที่สูงกว่าและต่ำกว่าโดยอ้างอิงจากแท่งเทียนก่อนหน้า
การซื้อขายแท่งเทียน engulfing อย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ Engulf คือการทำให้สูงขึ้นและต่ำลง แต่บางครั้งแท่งเทียน Doji ก็จะทำให้สูงขึ้นและต่ำลง ในเงื่อนไขนี้ เทียน Doji ยังแสดงถึงเทียน engulfing แต่ไม่ใช่รูปแบบที่แลกเปลี่ยนได้ เนื่องจากแท่งเทียน Doji แสดงถึงการหยุดชั่วคราวในแนวโน้ม ไม่ได้แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม
มี 2 เกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติตามเพื่อแลกเปลี่ยนเชิงเทียนที่ถูกต้องเท่านั้น
คุณสมบัติ | คำอธิบาย |
---|---|
จำนวนเชิงเทียน | 2 |
คาดการณ์ | การกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้น |
เทรนด์ก่อนหน้า | แนวโน้มขาลง |
Counter Pattern | bearish engulfing |
bearish engulfing candle แสดงถึงการกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้นและการเริ่มต้นของแนวโน้มขาลง บ่งบอกว่ากองกำลังของ bears ได้เอาชนะพลังของ bulls แล้ว และตอนนี้ราคาก็จะลดลง ราคาปิดของแท่งเทียนจะต่ำกว่าราคาเปิด (สีแดง) และทำให้สูงขึ้นและต่ำลงโดยอ้างอิงจากแท่งเทียนก่อนหน้า
เคล็ดลับและกลเม็ดทั้งหมดในการซื้อขายเฉพาะเทียน engulfing ที่ถูกต้องเท่านั้นจะยังคงเหมือนเดิมตามที่กล่าวไว้ในส่วนเทียน bullish engulfing candle ด้านบน
เกณฑ์สำหรับแท่งเทียน bearish engulfing ที่ทำกำไรได้มีดังนี้
รูปแบบ Engulfing เป็นจุดเริ่มต้นและจุดเริ่มต้นของการเคลื่อนไหวของราคาในการวิเคราะห์ทางเทคนิค ทุกรูปแบบเชื่อมโยงกับรูปแบบ Engulfing ณ จุดใดจุดหนึ่งในการเคลื่อนไหวของราคา มีรูปแบบ Engulfing ในทุกรูปแบบการเคลื่อนไหวของราคา ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนกรอบเวลา เพียงซูมออกและดูแผนภูมิ กรอบเวลาที่ สูงขึ้นและกรอบเวลาที่ต่ำกว่าสามารถวิเคราะห์ได้จากกรอบเวลาเดียว
Engulfing แปลว่า ห้อมล้อมอย่างสมบูรณ์ หมายความว่าผู้ซื้อทั้ง 2 ได้ปกปิดพลังของผู้ขายอย่างสมบูรณ์ และตอนนี้ผู้ถือราคาอยู่ในมือของผู้ซื้อ หรือผู้ขายได้ปกปิดกองกำลังของผู้ซื้ออย่างสมบูรณ์แล้ว และตอนนี้ผู้ถือราคาอยู่ในมือของผู้ขาย
ฉันจะแสดงรูปแบบบางอย่างที่มาจากรูปแบบ engulfing เช่น ลายQuasimodo , ลายพินบาร์ , ลายหัวและไหล่, ลายบน 2 ชั้น , ลายบน 3 ชั้นและอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้น ดูภาพด้านล่าง
ในรูปแบบ Quasimodo คลื่นสีเขียวจะกลืนกินคลื่นสีแดงและบ่งชี้ถึงการกลับตัวของแนวโน้มที่กำลังจะเกิดขึ้น
รูปแบบ Pin bar ก็มีต้นกำเนิดมาจากรูปแบบ engulfing
ในรูปแบบ Head and Shoulder ราคาจะสูงขึ้นก่อนแล้วจึงลงมาและกลืนกินที่มาของราคา สิ่งนี้ทำให้เกิดรูปแบบ engulfing
เช่นเดียวกับกรณีสำหรับรูปแบบ double top , double bottom และ triple top triple bottom
นี่คือพลังของรูปแบบ engulfing และเป็นรูปแบบที่สำคัญที่สุดในการซื้อขายการเคลื่อนไหวของราคา
________________________________________
Morning Doji Star เป็นรูปแบบแท่งเทียนสามรูปแบบที่ประกอบด้วยแท่งเทียนขาลง แท่งเทียน Doji และแท่งเทียนขาขึ้น นี่คือรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวของแนวโน้มขาลงและแท่งเทียนขาขึ้น
แสดงว่าผู้ซื้อเริ่มควบคุมตลาดแล้ว สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจตรรกะที่อยู่เบื้องหลังรูปแบบแท่งเทียนแต่ละรูปแบบเพื่อที่จะเป็นผู้ค้าที่มีการเคลื่อนไหวของราคา การเรียนรู้ที่จะอ่านตลาดคือแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในการวิเคราะห์ทางเทคนิคในการซื้อขาย
แท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่ แท่งเทียน Doji และแท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่รวมกันเป็นชุดเพื่อสร้าง morning Doji star มีเกณฑ์บางอย่างที่คุณต้องปฏิบัติตามเพื่อค้นหารูปแบบแท่งเทียนที่สมบูรณ์แบบบนแผนภูมิ
ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
ราคาปิดของ bullish candlestick มีความสำคัญมากในรูปแบบ morning doji star มีอีก 2 วิธี ทั้ง 2 วิธีสมบูรณ์แบบและอัตราส่วนการชนะของรูปแบบเหล่านี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งบนกราฟราคา
คุณสมบัติ | คำอธิบาย |
---|---|
จำนวนเชิงเทียน | 3 |
คาดการณ์ | การกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้น |
เทรนด์ก่อนหน้า | แนวโน้มขาลง |
Counter Pattern | Evening Doji Star |
Morning Doji star หมายความว่าผู้ซื้อกำลังเตรียมที่จะเปลี่ยนแนวโน้มขาลงเป็นแนวโน้มขาขึ้น
เมื่อแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้น มันแสดงถึงแนวโน้มขาลงที่มีโมเมนตัมของผู้ขายจำนวนมาก ผู้ขายกำลังควบคุมตลาด จากนั้นการก่อตัวของแท่งเทียน Doji จะบ่งบอกถึงความสมดุลของกองกำลังของผู้ซื้อและผู้ขาย
ก่อนที่ผู้ขายเชิงเทียนของ Doji จะเข้ามาควบคุม ผู้ซื้อก็เข้ามาและสร้างสมดุลให้กับโมเมนตัมของตลาด
หลังจากแท่งเทียน Doji แท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่แสดงถึงโมเมนตัมขนาดใหญ่ของผู้ซื้อที่เข้ามาในตลาดโดยการดูดซับผู้ขาย ตอนนี้ผู้ซื้อกำลังควบคุมตลาด
สิ่งนี้แสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของโมเมนตัมของตลาดอย่างช้าๆ จากการขายเป็นการซื้อ คุณควรเรียนรู้ตรรกะที่อยู่เบื้องหลังรูปแบบแท่งเทียนแต่ละรูปแบบก่อนทำการซื้อขายเพื่อเป็นผู้ซื้อขายที่มีการเคลื่อนไหวของราคา
รูปแบบแท่งเทียน morning doji star จะเรียกว่ารูปแบบความน่าจะเป็นสูง หากจะเกิดขึ้นที่ระดับแนวรับที่แข็งแกร่งหรือที่โซนอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง
การซื้อขายคือทั้งหมดที่เกี่ยวกับการรวบรวมจุดบรรจบเพื่อเพิ่มโอกาสในการชนะ ราคามีความสามารถในการกระโดดจากโซนอุปสงค์หรือโซนสนับสนุน หากรูปแบบแท่งเทียน bullish เช่น morning Doji star ก่อตัวที่ระดับหลัก โอกาสที่แนวโน้มจะเปลี่ยนจากตลาดหมีเป็นตลาดกระทิงจะเพิ่มขึ้น
ตรวจสอบในภาพเพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้น
ไม่สามารถใช้รูปแบบแท่งเทียนเพื่อซื้อขายโดยลำพังโดยไม่มีการบรรจบกันของรูปแบบแผนภูมิ อื่น ๆ เนื่องจากแท่งเทียนให้สัญญาณการกลับตัว แต่ไม่ได้บอกการขายปลีกเกี่ยวกับระดับการทำกำไรในการวิเคราะห์ทางเทคนิค
ในที่นี้ เราจะอธิบาย กลยุทธ์การซื้อขาย morning Doji star ด้วยการบรรจบกันของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
นี่คือคำแนะนำที่สมบูรณ์ 3 ขั้นตอนสำหรับกลยุทธ์การซื้อขาย
เคล็ดลับแบบมือโปร : ใช้จุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของแท่งเทียนรายวันเพื่อตรวจสอบแนวโน้มกรอบเวลาที่สูงขึ้น (สำหรับผู้เริ่มต้น)
วางคำสั่งซื้อหยุดเหนือระดับสูงสุดของแท่งเทียนรั้น คำสั่งซื้อที่รอดำเนินการยังได้รับการพิสูจน์ว่ามีประโยชน์ในระหว่างการก่อตัวของรูปแบบแท่งเทียนปลอม
ปรับจุดหยุดขาดทุนสองสามจุดต่ำกว่าจุดต่ำสุดของ Doji
เครื่องมือขยาย Fibonacci ใช้เพื่อค้นหาระดับเป้าหมายในกลยุทธ์การซื้อขายนี้ วาง take-profit 1 ที่swing high สุดท้าย ของราคา ต้นทาง/จุดเริ่มต้นของการย้อนกลับจะทำหน้าที่เป็นวงสวิงสูงที่นี่
ตอนนี้วาดเครื่องมือ Fibonacci และเน้นระดับส่วนขยาย Fibonacci 1.272 วาง take-profit 2 ที่ระดับส่วนขยาย 1.272
ผลตอบแทนความเสี่ยงขั้นต่ำสำหรับกลยุทธ์การซื้อขาย morning Doji star คือ 1:2 ความเสี่ยงขั้นต่ำที่คุณควรรับคือ 2% / การค้าของยอดเงินในบัญชีของคุณทั้งหมด
คำแนะนำที่ดีที่สุดในการแลกเปลี่ยนรูปแบบนี้คือการบรรจบกันของรูปแบบราคาทางเทคนิคอื่นๆ หากคุณวางแผนที่จะซื้อขายรูปแบบ doji star เพียงอย่างเดียว คุณอาจไม่สามารถเป็นเทรดเดอร์ที่ทำกำไรได้
สร้างนิสัยในการอ่านราคาก่อนวิเคราะห์และทดสอบกลยุทธ์นี้ย้อนหลังอย่างน้อย 100 ครั้งเพื่อเรียนรู้
กรอบเวลาที่ดีที่สุดคือ 1H, 4H และรายวัน
รูปแบบแท่งเทียนแรกมีเชิงเทียน Doji ในขณะที่รูปแบบดาวรุ่งมีแท่งเทียนหมุนด้านล่าง
________________________________________
เชิงเทียน Long-legged Doji เป็นเชิงเทียนประเภท Doji ที่มีไส้เทียนบนและล่างยาว แท่งเทียน Doji ทั้งหมดมีราคาเปิดและปิดเท่ากัน สูงและต่ำสร้างความแตกต่างระหว่างประเภทของ Doji
Long-legged Doji แสดงถึงความไม่แน่ใจในตลาด เนื่องจากเงาบนและล่างยาวแสดงว่าทั้งผู้ขายและผู้ซื้อมีความแข็งแกร่ง และตลาดกำลังกำหนดทิศทางในอนาคต ช่วยในการระบุโครงสร้างตลาดที่หลากหลาย
หากต้องการทราบแท่งเทียน Long-legged Doji ในกราฟราคา ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
จากเชิงเทียน เราสรุปได้ว่าแท่งเทียนมีราคาเปิดและราคาปิดเท่ากัน แต่โครงสร้างของแท่งเทียนแสดงระยะเวลาผันผวน หมายความว่าราคาเคลื่อนที่ไปด้านข้างในกรอบเวลาที่ต่ำกว่า
รูปแบบแท่งเทียนส่วนใหญ่ให้สัญญาณการกลับตัวของเทรนด์หรือสัญญาณความต่อเนื่องของเทรนด์ แต่ long-legged Doji บ่งชี้ว่าเทรนด์หยุดชั่วคราว เป็นช่วงการรวมบัญชีหลังจากช่วงเวลาที่ impulsive
ใน long-legged Doji หลังจากเปิดแท่งเทียน ราคาจะเคลื่อนลงจากราคาเปิด จากนั้นจะขยับขึ้นเหนือราคาเปิด จากนั้นในตอนท้ายราคาจะมาที่ราคาเปิดอีกครั้งแล้วแท่งเทียนจะปิดเพื่อทำ long-legged Doji
ดูภาพด้านล่างเพื่อทำความเข้าใจโครงสร้างเชิงเทียนมากขึ้น
คุณสมบัติ | คำอธิบาย |
---|---|
จำนวนเชิงเทียน | 1 |
คาดการณ์ | ความไม่แน่นอนในตลาด |
เทรนด์ก่อนหน้า | ไม่มี |
รูปแบบที่เกี่ยวข้อง | High Wave candlestick |
เบื้องหลังแต่ละเชิงเทียนมีเรื่องราว คุณต้องเรียนรู้วิธีการอ่านเรื่องราวของแท่งเทียนเพื่อที่จะเป็นผู้ค้าการเคลื่อนไหวของราคา
ในกรณีของแท่งเทียน long-legged Doji ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายมีอำนาจเท่าเทียมกันเพราะแท่งเทียนมีราคาเปิดและปิดเท่ากัน เป็นแนวคิดพื้นฐานที่ว่าราคาจะเพิ่มขึ้นเมื่อจำนวนผู้ซื้อมากกว่าจำนวนผู้ขายและในทางกลับกัน ในระหว่างการสร้างแท่งเทียน long-legged Doji จำนวนผู้ขายและจำนวนผู้ซื้อเกือบจะเท่ากัน นั่นคือสาเหตุที่ราคาเคลื่อนที่ไปด้านข้าง
ราคาอยู่ในสถานะสมดุลระหว่างการสร้างแท่งเทียน long-legged Doji ราคาจะขยับขึ้น/ลงเฉพาะในสภาวะที่ไม่สมดุล
แท่งเทียน Doji สูงและต่ำทำหน้าที่เป็นแนวต้านและแนวรับที่แข็งแกร่ง การทะลุผ่านจุดสูงสุดของแท่งเทียน Doji จะสร้างแนวโน้มราคาขาขึ้นบนแผนภูมิ ในขณะที่หากราคาทะลุระดับต่ำสุดของเชิงเทียน Doji แนวโน้มราคาขาลงจะเริ่มต้นขึ้น
แท่งเทียน long-legged Doji ไม่สามารถซื้อขายเพียงลำพังได้ คุณต้องเพิ่มจุดบรรจบกับเชิงเทียนนี้เพื่อสร้างการตั้งค่าการซื้อขายที่สมบูรณ์แบบ
ก่อนอื่น กรองสภาพการทำงานที่ดีที่สุดของแท่งเทียน Doji ตัวอย่างเช่น หากแท่งเทียน long-legged Doji ก่อตัวที่ระดับหลัก (แนวรับและแนวต้านหรือระดับอุปสงค์และอุปทาน) ความน่าจะเป็นของการกลับตัวของแนวโน้มหรือความต่อเนื่องของแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น
แต่ถ้า Doji แบบเดียวกันภายในโครงสร้างตลาดที่หลากหลาย ราคาจะยังคงเคลื่อนที่ต่อไปจนกว่าจะฝ่าวงล้อม
เป็นสิ่งสำคัญมากที่จะใช้ระดับหลักเพื่อเพิ่มโอกาสในการชนะในการค้าขาย ตัวอย่างเช่น หากแท่งเทียน Dlong-legged Doji ก่อตัวขึ้นที่โซนแนวรับ การทะลุผ่านจุดสูงสุดของ Doji จะบ่งบอกถึงแนวโน้ม ขา ขึ้น เนื่องจากมีโอกาสเกิดการกลับตัวของแนวโน้มขาลงจากโซนแนวรับแล้ว แต่คุณได้เพิ่มจุดบรรจบของ Doji และการฝ่าวงล้อมเพื่อเพิ่มความน่าจะเป็นของการกลับตัวของแนวโน้ม
การวิเคราะห์กรอบเวลาที่สูงขึ้นเป็นขั้นตอนบังคับที่ต้องปฏิบัติตามในแต่ละกลยุทธ์การซื้อขาย เป็นเพียงวิธีการซื้อขายกับสถาบัน เพียงซูมออกจากหน้าจอและวิเคราะห์แนวโน้มโดยใช้วิธีขึ้นสูงต่ำต่ำ จากนั้นจับคู่ทิศทางการตั้งค่าการค้าของคุณกับแนวโน้ม
ขั้นตอนนี้มีไว้สำหรับเชิงเทียน long-legged Doji โดยเฉพาะ มันจะทำให้คุณง่ายขึ้นในขณะที่ตัดสินใจทิศทางการค้า เพราะถ้าคุณกำลังมองหาการกลับตัวจากโซนแนวรับ แท่งเทียน Doji ที่สูงควรทะลุ ในทางกลับกัน หากคุณกำลังวิเคราะห์การกลับตัวของแนวโน้มจากแนวต้านหรือโซนอุปทานแท่งเทียน Doji ที่ต่ำควรทำลาย
ทำหน้าที่เป็นเครื่องยืนยันสำหรับการซื้อขายระดับเริ่มต้น
เคล็ดลับสำหรับมือโปร : วาดเส้นแนวนอนบนเชิงเทียน long-legged Doji สูงและต่ำ จากนั้นเปลี่ยนไปใช้กรอบเวลาที่ต่ำกว่าและรอให้แท่งเทียนปิดเหนือหรือใต้เส้นแนวนอนเพื่อยืนยันการฝ่าวงล้อม
นี่คือ 3 วิธีที่คุณควรใช้ในขณะที่ทำการซื้อขาย เชิงเทียน long-legged Doji ระดับการหยุดการขาดทุนและการทำกำไรจะวัดตามกลยุทธ์ที่คุณใช้
แท่งเทียนแท่งเดียวมีความลับมากมายอยู่ภายใน คุณควรพยายามอ่านแท่งเทียนที่ก่อตัวที่ระดับหลักที่สำคัญเพื่อทำนายการกลับตัวของแนวโน้มราคาอย่างแม่นยำ
แท่งเทียน long-legged Doji ก่อตัวขึ้นบ่อยครั้งในกราฟราคา แต่คุณควรแลกเปลี่ยนเชิงเทียนที่ก่อตัวที่ระดับหลักเท่านั้น
อย่าลืม backtest แท่งเทียน Doji อย่างถูกต้อง และลองอ่านตลาดโดยเปลี่ยนเป็นกรอบเวลาที่ต่ำกว่า
________________________________________
Three outside down เป็นรูปแบบแท่งเทียนขาลงที่ประกอบด้วยแท่งเทียน 3 แท่งในรูปแบบเฉพาะซึ่งบ่งชี้ถึงการกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้น
ประกอบด้วย 2 รูปแบบที่ช่วยในการยืนยันการกลับตัวของแนวโน้ม
รูปแบบแท่งเทียน Engulfing ทำหน้าที่เป็นแถบด้านนอก จากนั้นแท่งเทียนขนาดเล็กทำให้จุดต่ำสุดที่ต่ำกว่าเป็นการยืนยันว่าแนวโน้มขาขึ้นได้เปลี่ยนเป็นแนวโน้มขาลง Three outside down เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่มีประโยชน์มากเนื่องจากการบรรจบกันของแนวโน้ม
รูปแบบแท่งเทียนนี้ประกอบด้วยแท่งเทียน 3 แท่งในกราฟราคา หากต้องการค้นหารูปแบบในอุดมคติบนกราฟราคา ให้ทำตามขั้นตอนด้านล่าง
รูปแบบราคาเท็จจำนวนมากเกิดขึ้นทุกวันบนแผนภูมิ นั่นเป็นเหตุผลที่คุณควรหลีกเลี่ยงรูปแบบที่ผิดพลาด
หากเชิงเทียนด้านนอกหรือที่โอบล้อมมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับไส้เทียน คุณควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากไส้เทียนขนาดใหญ่บ่งบอกถึงความไม่แน่นอนในตลาด แต่ตัวขนาดใหญ่บ่งบอกถึงโมเมนตัมของผู้ขาย/ผู้ซื้อ
หากแท่งเทียน Doji ก่อตัวหลังจากรูปแบบ engulfing จะไม่เป็นรูปแบบ 3 นอกลง เนื่องจากแท่งเทียน Doji แสดงถึงการหยุดเทรนด์และจะไม่ย้อนกลับแนวโน้มราคา
คุณสมบัติ | คำอธิบาย |
---|---|
จำนวนเชิงเทียน | 3 |
คาดการณ์ | การกลับตัวของแนวโน้มขาลง |
เทรนด์ก่อนหน้า | แนวโน้มขาขึ้น |
รูปแบบที่เกี่ยวข้อง | Engulfing candlestick |
ทุกรูปแบบแท่งเทียนบนแผนภูมิแสดงเรื่องราวของกิจกรรมการซื้อขายที่อยู่เบื้องหลังแผนภูมิ ตัวอย่างเช่น เมื่อรูปแบบแท่งเทียน bearish engulfing แสดงว่าผู้ขายได้เอาชนะอำนาจของผู้ซื้อแล้ว ตอนนี้ผู้ขายกำลังควบคุมตลาดและพวกเขาต้องการลดราคาด้วยการเริ่มแนวโน้มขาลง
โปรดจำไว้ว่าแนวโน้มขาลงยังไม่ได้รับการยืนยัน รูปแบบ Engulfing บ่งบอกว่าผู้ขายได้เอาชนะแรงของผู้ซื้อเท่านั้น
เมื่อแท่งเทียนขาลงก่อตัวหลังจากรูปแบบการ Engulfing แนวโน้มขาลงจะยืนยัน แล้วผู้ขายก็ควบคุมตลาด
เงื่อนไขการซื้อขายที่ดีที่สุดสำหรับรูปแบบแท่งเทียน three outside down มีดังต่อไปนี้
เมื่อรูปแบบแท่งเทียน three outside down ก่อตัวขึ้นที่โซนอุปทานหรือแนวต้าน ความน่าจะเป็นของการกลับตัวของแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น เพราะราคามักจะเด้งจาก ley level
หากราคาอยู่ในสภาวะซื้อมากเกินไป ก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่แนวโน้มขาขึ้นจะกลับตัว แต่ถ้ารูปแบบ three outside down รูปแบบเกิดขึ้นระหว่างสภาวะซื้อมากเกินไป ความน่าจะเป็นที่จะชนะการค้าก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ขอแนะนำให้กรองเงื่อนไขการซื้อขายที่ดีที่สุดเสมอเพื่อสร้างกลยุทธ์การซื้อขายที่มีประสิทธิภาพ
รูปแบบกราฟ หรือ indicator ใดๆ สามารถใช้สำหรับการซื้อขายด้วยรูปแบบแท่งเทียน three outside down
ในที่นี้จะอธิบายกลยุทธ์การซื้อขายแบบง่ายๆ 3 ประการโดยการเพิ่มการบรรจบกัน
เคล็ดลับสำหรับมือโปร : คุณควรสร้างกลยุทธ์เฉพาะของคุณเองตามกฎของคุณเองโดยการกรองอัตราต่อรอง
มี 3 จุดบรรจบที่คุณต้องเพิ่มในกลยุทธ์เพื่อเพิ่มอัตราส่วนการชนะของรูปแบบแท่งเทียนนี้
หลังจากยืนยันรูปแบบ three outside down แล้ว ขั้นตอนแรกคือการระบุแนวโน้มขาลงในกรอบเวลาที่สูงขึ้น เพราะผู้ค้าปลีกควรค้าขายในทิศทางของสถาบันแทนที่จะค้าขายกับพวกเขา
ขั้นตอนต่อไปคือการตรวจสอบระดับที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นระดับแนวต้านหรือระดับอุปทาน ระดับเหล่านี้จะไม่เพียงเพิ่มความน่าจะเป็นของการตั้งค่าการค้า แต่ยังช่วยปรับระดับการหยุดการขาดทุน
หลังจากยืนยันสองขั้นตอนข้างต้นแล้ว ให้เปิดคำสั่งขายทันที
ระดับการหยุดขาดทุนควรอยู่เหนือแนวต้านหรือเขตอุปทาน นอกจากนี้ยังสามารถปรับให้สูงกว่าระดับสูงสุด 3 ระดับนอกลงได้ แต่ระดับที่สูงกว่าระดับคีย์จะเป็นระดับที่ปลอดภัย
เครื่องมือขยาย Fibonacci ใช้เพื่อค้นหาระดับการทำกำไร วาด Fibonacci จากระดับเริ่มต้นไปยังจุดสูงสุดของรูปแบบภายนอกสามรูปแบบ และเน้นระดับส่วนขยาย Fibonacci 1.618 และ 2.272 ทั้งสองระดับนี้จะทำหน้าที่เป็นระดับการทำกำไร
ความเสี่ยงขั้นต่ำต่อการซื้อขายที่คุณควรทำคือ 2% ของยอดเงินในบัญชีทั้งหมด (สำหรับการซื้อขายระหว่างวันและแบบสวิง) อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนสำหรับกลยุทธ์นี้ไม่สูง แต่มีอัตราส่วนการชนะสูง คุณสามารถใช้รูปแบบนี้ในแบบของคุณเองเช่นใช้กับรูปแบบหัวและไหล่เพื่อรับอัตราส่วนผลตอบแทนที่มีความเสี่ยงสูง
_______________________________________
Order blocks ในฟอเร็กซ์หมายถึงการรวบรวมคำสั่งซื้อของธนาคารและสถาบันขนาดใหญ่ในการซื้อขายฟอเร็กซ์ ธนาคารขนาดใหญ่ไม่เพียงแค่เปิดคำสั่งซื้อ/ขายเท่านั้น แต่ยังกระจายคำสั่งซื้อเพียงรายการเดียวลงในเช็คของ blocks เพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำกำไรให้ได้มากที่สุด กลุ่มคำสั่งเหล่านี้เรียกว่า order blocks ในการซื้อขาย
เป้าหมายของเราคือการค้นหา order blocks บนแผนภูมิแท่งเทียนเพื่อให้เราสามารถซื้อขายกับสถาบันขนาดใหญ่และธนาคารเพื่อทำกำไรจากตลาด การหา blocks เหล่านั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เราสามารถหา blocks เหล่านั้นได้ในแผนภูมิโดยใช้จุดบรรจบและเครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ
ดังที่เราได้กล่าวไปแล้ว order blocks คือการสะสมคำสั่งในตลาด ดังนั้นก่อนอื่น คุณควรจะสามารถระบุสัญญาณของการสะสมคำสั่งบนแผนภูมิในทางเทคนิคได้
ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค เมื่อรูปแบบโครงสร้างตลาดที่หลากหลายหรือราคาเคลื่อนไหวในรูปแบบของ block แนวนอน คำสั่งซื้อจะสะสมในพื้นที่นั้น คลื่นแรงกระตุ้นจะเกิดขึ้นหลังจากคำสั่งซื้อสะสมและทำลาย block หรือช่วงราคา คลื่น impulsive นี้แสดงให้เห็นถึงความไม่สมดุลและแนวโน้มราคาที่ทำโดยผู้ค้าสถาบันและธนาคารขนาดใหญ่ เนื่องจากการเคลื่อนไหวของตลาดขนาดใหญ่ส่วนใหญ่ทำโดยธนาคาร
ดังนั้น ปรากฏการณ์ข้างต้นบนแผนภูมิแท่งเทียนจึงแสดงให้เห็นว่ามี order block อยู่ในพื้นที่นั้น เราจะทำการค้าโซน order block เมื่อราคากลับสู่โซน order block ในอนาคต
order block แบ่งออกเป็นสองประเภทในการซื้อขายตามประเภทคำสั่ง
เมื่อคลื่น bullish impulsive เกิดขึ้นหลังจากการแตกของโครงสร้างตลาดหรือบล็อกที่หลากหลาย บ่งบอกถึงการก่อตัวของ bullish order block
เมื่อราคากลับสู่โซน order block เราจะเปิดคำสั่งซื้อเพื่อซื้อขายกับสถาบัน
เมื่อคลื่น bearish impulsive เกิดขึ้นหลังจากการทะลุของช่วงราคาหรือblock order block ขาลงจะก่อตัวขึ้น
เราจะเปิดคำสั่งขายจากโซน order block ขาลงเมื่อราคากลับมาที่โซนนี้ในอนาคต
จะเป็นการดีที่สุดหากคุณต้องการซื้อ/ขายจาก order block zone
ตามที่เราได้เรียนรู้ พื้นที่ order block อยู่ภายใต้ความสนใจของสถาบันขนาดใหญ่และธนาคาร ผู้ค้าสถาบันเลือกโซนเหล่านี้เพื่อวางคำสั่งซื้อ ดังนั้นเราควรสังเกตพื้นที่ราคาเหล่านี้ และเมื่อราคากลับสู่โซนเหล่านี้ในอนาคต เราสามารถแลกเปลี่ยนได้
ด้านล่างนี้ ฉันได้อธิบายเกณฑ์ง่ายๆ ในการเปิดคำสั่งซื้อและขายในกรณีที่มีการ order block
เมื่อ bullish order block zone ก่อตัวขึ้นบนแผนภูมิ ให้วางคำสั่งซื้อที่รอดำเนินการสองสามจุดเหนือโซน วางจุดหยุดขาดทุนสองสามจุดใต้โซน
เมื่อ bearish order block zone ก่อตัวขึ้นบนแผนภูมิ ให้เปิดคำสั่งจำกัดการขายที่รอดำเนินการอยู่ต่ำกว่าโซนสองสามจุดและวางจุดตัดขาดทุนเหนือโซน
โปรดทราบว่านี่เป็นวิธีง่ายๆ ในการเปิดคำสั่งซื้อ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์การซื้อขาย กลยุทธ์การซื้อขายประกอบด้วยเครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ การจัดการความเสี่ยง และจิตวิทยาการซื้อขาย
order blocks เป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดในการระบุหรือติดตามคำสั่งซื้อของสถาบันและธนาคาร นี่เป็นวิธีการซื้อขายแผนภูมิเปล่า และฉันขอแนะนำวิธีนี้แก่ผู้ค้าเพื่อเรียนรู้และนำไปใช้กับกลยุทธ์ของพวกเขา สิ่งนี้จะช่วยปรับปรุงอาชีพการค้าของคุณอย่างมาก
________________________________________
รูปแบบแท่งเทียน Three White Soldiers
Three white soldiers เป็น รูปแบบแท่งเทียนแบบพลิกกลับของแนวโน้มขาขึ้น ที่ประกอบด้วยแท่งเทียนขาขึ้น 3 แท่งทำให้เสียงสูงและเสียงสูง แท่งเทียนเหล่านี้ประกอบเป็นชุดโดยมีไส้เทียนและเงาเล็กๆ แสดงถึงโมเมนตัมมหาศาลของผู้ขาย
เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่ดีที่สุดที่ใช้ในการวิเคราะห์กรอบเวลาที่สูงขึ้นเพื่อตรวจจับการกลับตัวของแนวโน้มราคาในกรอบเวลาที่ต่ำกว่า รูป แบบแท่งเทียน three black crows อยู่ตรงข้ามกับลวดลายของรูปแบบ three white soldiers
คุณต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์บางประการเพื่อค้นหารูปแบบแท่งเทียนที่ดีบนกราฟราคา การปฏิบัติตามกฎเป็นข้อบังคับเพื่อหลีกเลี่ยงรูปแบบแท่งเทียนปลอมบนกราฟราคา
ปฏิบัติตามกฎต่อไปนี้
เคล็ดลับแบบมือโปร :ในรูปแบบแท่งเทียน three white soldiers แบบในอุดมคติ เวลาและขนาดของแท่งเทียนแต่ละแท่งจะเท่ากัน
คุณสมบัติ | คำอธิบาย |
---|---|
จำนวนเชิงเทียน | 3 |
คาดการณ์ | การกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้น |
เทรนด์ก่อนหน้า | แนวโน้มขาลง |
รูปแบบ Counter | Three black crows |
รูปแบบนี้บ่งชี้ว่าแนวโน้มขาขึ้นใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น มีเหตุผลที่สมบูรณ์อยู่เบื้องหลังการก่อตัวของรูปแบบแท่งเทียนนี้
มาอ่านราคากัน…
ตัวแท่งเทียนแสดงถึงแรงผลักดันของผู้ซื้อหรือผู้ขาย แท่งเทียน Bullish ที่มีตัวขนาดใหญ่แสดงให้เห็นว่าผู้ซื้อควบคุมตลาดเพราะราคาเพิ่มขึ้น
ผู้ซื้อและผู้ขายเป็น 2 พลังหลักของตลาด หากผู้ซื้อแข็งแกร่งกว่าผู้ขาย ราคาก็จะเพิ่มขึ้นและในทางกลับกัน
ดังนั้น เมื่อแท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่ 3 แท่งติดต่อกัน แสดงว่าผู้ซื้อได้เพิ่มราคาในสามช่วงติดต่อกัน และผู้ขายล้มเหลวในการลดราคา 3 ครั้งติดต่อกัน
นั่นเป็นเหตุผลที่เมื่อรูปแบบแท่งเทียน three-white soldiers ก่อตัวขึ้นที่ด้านล่างของแผนภูมิ ผู้ขายสูญเสียโมเมนตัมไปโดยสิ้นเชิง และผู้ซื้อก็พร้อมที่จะสร้างแนวโน้มขาขึ้น นี่คือตรรกะเบื้องหลังรูปแบบแท่งเทียนนี้
คุณจะต้องเพิ่มจุดบรรจบเพื่อกรองรูปแบบแท่งเทียนในอุดมคติ จากฝูงชนบนกราฟราคา จุดบรรจบเพิ่มความน่าจะเป็นของรูปแบบราคา เพราะในเทคนิคนี้ คุณจะไม่ต้องเทรดรูปแบบแท่งเทียนแต่ละรูปแบบ คุณจะแลกเปลี่ยนเฉพาะรูปแบบที่ได้รับการขัดเกลาซึ่งตรงตามกฎเฉพาะ
นี่คือจุดบรรจบ 3 ครั้งที่ฉันเพิ่ม คุณสามารถใช้จุดบรรจบของคุณได้เช่นกัน
เนื่องจากข้อจำกัดบางประการ จึงไม่แนะนำให้แลกเปลี่ยนรูปแบบแท่งเทียนนี้เพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม ฉันได้วางกลยุทธ์เพื่อแลกเปลี่ยนรูปแบบนี้อย่างมีประสิทธิภาพ
กลยุทธ์นี้อิงตามกรอบเวลาที่สูงขึ้น
เปิดกรอบเวลาที่สูงกว่า เช่น 4H รายวัน หรือรายสัปดาห์ จากนั้นมองหารูปแบบแท่งเทียน white soldiers
หลังจากระบุรูปแบบในกรอบเวลาที่สูงกว่าแล้ว ให้เปลี่ยนไปใช้กรอบเวลาที่ต่ำกว่า เช่น 15M หรือ 30M จากนั้นใช้กลยุทธ์ของคุณไปในทิศทางที่เป็นบวก คุณจะเปิดการซื้อขายที่มีอัตราส่วนผลตอบแทนที่มีความเสี่ยงสูงเท่านั้น
สามารถใช้กลยุทธ์ใดก็ได้ (RSI, Mas, MACD เป็นต้น) แต่การชนะจะเพิ่มขึ้น
รูปแบบแท่งเทียน Three white soldiers ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนักเนื่องจากเงื่อนไขที่เข้มงวด ในกรอบเวลาที่สูงขึ้น คุณจะไม่ค่อยพบรูปแบบนี้ ดังนั้นจึงแนะนำให้เพิ่มจำนวนสกุลเงินหรือหุ้นเพื่อรับการตั้งค่าการค้าหลายอย่างในหนึ่งเดือน
อย่าลืม backtest รูปแบบแท่งเทียนนี้เพื่อให้เชี่ยวชาญ
__________________________________________
Three black crows เป็นรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวของแนวโน้มขาลงที่ประกอบด้วยแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่ 3 แท่งที่ทำจุดต่ำสุดที่ต่ำลงและต่ำลง แท่งเทียนสามแท่งนี้เรียงกันเป็นแถว และมีเงาเล็กๆ เมื่อเทียบกับขนาดตัวของแท่งเทียน
รูปแบบแท่งเทียน Three black crows ควรอยู่ที่ด้านบนของแนวโน้มขาขึ้นเพื่อให้ได้อัตราการชนะสูง ความน่าจะเป็นที่จะชนะจะลดลงเมื่อรูปแบบแท่งเทียนนี้ก่อตัวขึ้นในแนวข้างหรือตลาดที่ผันผวน
รูปแบบแท่งเทียนในอุดมคติมีกฎเฉพาะที่ต้องปฏิบัติตาม กฎเหล่านี้ทำให้เทรดเดอร์มองเห็นรูปแบบที่สมบูรณ์แบบบนกราฟราคาได้ง่าย
คุณจะไม่แลกเปลี่ยนรูปแบบแท่งเทียนแต่ละรูปแบบในการซื้อขาย แต่คุณจะต้องแลกเปลี่ยนเฉพาะรูปแบบที่ปรับปรุงแล้วเพื่อให้ได้อัตราส่วนการชนะที่สูง
นี่คือคู่มือสำหรับ three black crows
ฉันได้กรองการบรรจบกันบางอย่างที่จะเพิ่มอัตราการชนะ โดยการเพิ่มจุดบรรจบ คุณกรองอัตราต่อรองจากรูปแบบการซื้อขายเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น คุณต้องคิดออกโดย backtest ว่าคุณควรเพิ่มการบรรจบกันประเภทใด
นี่คือจุดบรรจบทั้ง 3 ของรูปแบบแท่งเทียนนี้
คุณสมบัติ | คำอธิบาย |
---|---|
จำนวนเชิงเทียน | 3 |
คาดการณ์ | การกลับตัวของแนวโน้มขาลง |
เทรนด์ก่อนหน้า | แนวโน้มขาขึ้น |
รูปแบบ Counter | Three white soldiers |
รูปแบบแท่งเทียนนี้เป็นเครื่องยืนยันการกลับตัวของแนวโน้มขาลงในตลาด
มาอ่านราคากัน…
ในช่วงขาขึ้น มูลค่าราคาจะเพิ่มขึ้น ชุดของเสียงสูงและต่ำที่สูงขึ้นในการแกว่งของราคาจะเกิดขึ้นในการวิเคราะห์ทางเทคนิค
ราคาจะเคลื่อนไหวในรูปของวัฏจักรคลื่นเสมอ เสียงสูงที่สูงขึ้นและระดับต่ำสุดที่สูงขึ้นเพื่อบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้น หมายความว่าผู้ซื้อแข็งแกร่งกว่าผู้ขายในตลาด
ในทางกลับกัน ชุดของค่าต่ำสุดและค่าสูงสุดที่ต่ำกว่าบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาลง
การกลับตัวของแนวโน้มขาลงในราคาเกิดขึ้นเมื่อหลังจาก HHs, LLs ก่อตัวขึ้น รูปแบบ three black crows อันยังแสดงการกลับตัวของแนวโน้มขาลงในกรอบเวลาที่ต่ำกว่า เนื่องจากแท่งเทียนขาลง 3 แท่งในชุด
ดังนั้นรูปแบบแท่งเทียน Three black crows ยืนยันการกลับตัวของแนวโน้มขาลงในราคา
จากประสบการณ์ของฉัน ไม่ควรเข้าเทรดตามรูปแบบแท่งเทียนนี้เนื่องจากข้อจำกัดบางประการ
บางครั้ง แท่งเทียนขาลง 3 แท่งทำให้ตลาดตกต่ำอย่างมาก ทำให้ยากต่อการเปิดสถานะขายในสินทรัพย์ ที่มีการขายมาก เกินไป
แล้วเราจะใช้รูปแบบแท่งเทียนนี้ในการซื้อขายได้อย่างไร?
มีทางออกที่ดีในการใช้รูปแบบนี้ในการซื้อขายเพื่อรับรางวัลสูง นั่นคือการวิเคราะห์กรอบเวลาที่สูงขึ้น
กลยุทธ์นี้จะวิเคราะห์คู่สกุลเงินหรือสินทรัพย์ในกรอบเวลาที่สูงกว่า เช่น H4 รายวัน หรือรายสัปดาห์ จากนั้นค้นหารูปแบบแท่งเทียนบนกรอบเวลาเหล่านี้โดยใช้เงื่อนไขที่กล่าวถึงข้างต้น และซื้อขายในทิศทางของ three black crows บนกรอบเวลาด้านล่าง
ตัวอย่างเช่น ได้รับสัญญาณของแท่งเทียน three black crows ในกรอบเวลารายวัน สัญญาณนี้ทำให้เกิดแนวคิดเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดขาลงในกรอบเวลาที่สูงขึ้น ตอนนี้เขาจะเปลี่ยนไปใช้กรอบเวลาที่ต่ำกว่าเช่น 15M หรือ 30M จากนั้นเขาจะใช้กลยุทธ์การซื้อขายและเปิดขายการค้าเพียงเพราะแนวโน้มเป็นขาลงในกรอบเวลาที่สูงขึ้น
ตอนนี้กลยุทธ์การซื้อขายนี้มีอัตราการชนะที่สูงขึ้นด้วยอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่สูง และเขาก็มีความสุข
กลยุทธ์กรอบเวลาที่สูงขึ้นนี้จะเพิ่มจำนวนการซื้อขายที่ชนะ รูปแบบแท่งเทียนทั้งหมดไม่ได้ถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการเข้าเทรดเสมอไป จะช่วยได้หากคุณใช้รูปแบบเหล่านี้เพื่อสร้างกลยุทธ์ที่ทำกำไรได้
ก่อนทำการซื้อขายในบัญชีจริง อย่าลืม backtest รูปแบบแท่งเทียน three black crows
__________________________________________
รูปแบบแท่งเทียน High Wave
รูปแบบ High wave เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่มีไส้เทียน/เงาขนาดใหญ่กว่าขนาดเฉลี่ยของแท่งเทียน ตัวแท่งเทียนมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับเงา
เหมือนกับแท่งเทียน long-legged Doji รูปแบบแท่งเทียนนี้แสดงให้เห็นว่าผู้ดูแลสภาพคล่องกำลังตัดสินใจทิศทางของพวกเขา นอกจากนี้ยังใช้เป็นรูปแบบ stop-loss hunting โดยผู้ค้าและสถาบันรายใหญ่
คือรูปแบบแท่งเทียนเดี่ยว และมักจะก่อตัวที่ระดับแนวรับหรือแนวต้านเพราะสิ่งเหล่านี้เป็นจุดตัดสินใจ
ฉันได้อธิบายบางประเด็นที่คุณจำเป็นต้องรู้เพื่อระบุรูปแบบแท่งเทียน High wave ที่ยอดเยี่ยม นี่คือคู่มือ
โดยทำตาม 3 จุดข้างต้น คุณจะสามารถระบุรูปแบบแท่งเทียน high wave ที่ถูกต้องได้
จะช่วยได้ถ้าคุณสร้างกฎเกณฑ์บางอย่างเพื่อปรับแต่งการตั้งค่าที่ดีที่สุดจากฝูงชน
รูปแบบ High wave จะไม่ทำงานในกราฟราคา เงื่อนไขบางประการช่วยให้เราซื้อขายเฉพาะรูปแบบแท่งเทียนที่ดีเท่านั้น
คุณสมบัติ | คำอธิบาย |
---|---|
จำนวนเชิงเทียน | 1 |
คาดการณ์ | ความไม่แน่นอนในตลาด |
เทรนด์ก่อนหน้า | ไม่มี |
รูปแบบ Counter | Long-legged Doji |
จิตวิทยาของรูปแบบนี้เหมือนกับแท่งเทียน spinning อยู่ด้านบน แต่มีความแตกต่างของขนาดเล็กน้อย
รูปแบบแท่งเทียน high wave แสดงว่าผู้ดูแลสภาพคล่องกำลังตัดสินใจเกี่ยวกับราคาในอนาคต
เป็นการกลับตัวและรูปแบบแท่งเทียนต่อเนื่อง การฝ่าวงล้อมของแท่งเทียนยืนยันทิศทางของราคา
หลังจากสร้างแท่งเทียน high wave ราคาจะเคลื่อนไปที่จุดต่ำสุดหรือสูงของแท่งเทียน และค่าราคาเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นแนวรับหรือแนวต้าน แนวโน้มราคาจะได้รับการยืนยันเมื่อเกิดการฝ่าวงล้อมของแท่งเทียนสูงหรือต่ำโดยราคา
ตัวอย่างเช่น,
ที่นี่ฉันจะอธิบายกลยุทธ์การฝ่าวงล้อมอย่างง่าย อย่างไรก็ตาม คุณสามารถใช้เพื่อการวิเคราะห์ได้เช่นกัน
วางคำสั่งซื้อที่รอดำเนินการอยู่เหนือระดับสูงสุดของรูปแบบแท่งเทียนนี้ และปรับการหยุดการขาดทุนที่ต่ำกว่าระดับต่ำสุดของแท่งเทียน
หลังจากหยุดซื้อแล้ว ให้วางคำสั่งขายหยุดที่รอดำเนินการไว้ด้านล่างจุดต่ำสุดของแท่งเทียน high wave และหยุดการขาดทุนเหนือระดับสูงสุด
เมื่อหนึ่งในสองคำสั่งซื้อที่รอดำเนินการข้างต้นเต็มแล้ว ให้ลบคำสั่งซื้อที่รอดำเนินการอีกรายการหนึ่งออก ตัวอย่างเช่น หากคำสั่งซื้อหยุดทำงาน ให้ลบคำสั่งหยุดขาย
อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการตั้งค่าการค้านี้คือ 1:1.6 RR คุณยังสามารถขยายระดับการทำกำไรด้วยกลยุทธ์จุดคุ้มทุนหรือใช้เครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ แต่มันจะช่วยได้หากคุณพยายามทำลายแม้กระทั่งการค้าหลังจาก 1.6 RR
แนะนำให้ปฏิบัติตามกฎและแนวทางของรูปแบบแท่งเทียน high wave เพราะทุกรูปแบบแท่งเทียนจะไม่ทำงานตามที่เราคาดไว้ นั่นเป็นเหตุผลที่การเพิ่มการบรรจบกันของ indicators ทางเทคนิคอื่น ๆ จำเป็นต้องเพิ่มอัตราส่วนการชนะ
ก่อนทำการซื้อขายในบัญชีจริง อย่าลืม backtest กลยุทธ์การซื้อขายอย่างถูกต้อง
__________________________________________
รูปแบบแท่งเทียน Three Stars in the South
Three Stars in the south รูปแบบแท่งเทียน bullish reversal ซึ่งประกอบด้วยแท่งเทียนขาลง 3 แท่งในรูปแบบแท่งเทียนนี้ แท่งเทียนแต่ละแท่งจะอยู่ภายในช่วงของแท่งเทียนก่อนหน้า
รูปแบบแท่งเทียนนี้มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากในแผนภูมิแท่งเทียน แต่ก็ยังสามารถใช้ในการซื้อขายเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น การวิเคราะห์แนวโน้ม โครงสร้างของรูปแบบนี้ยังเกี่ยวข้องกับรูปแบบแท่งเทียน inside bar แต่จิตวิทยาของทั้งสองรูปแบบมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
คุณต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ทั้งหมดเพื่อค้นหารูปแบบแท่งเทียนบนกราฟราคา ก่อตัวขึ้นหลังจากสร้างแท่งเทียนขาลง 3 แท่งในลำดับและรูปร่างที่เฉพาะเจาะจง
นี่คือแนวทางปฏิบัติบางประการ
นี่เป็นกฎง่ายๆ สองสามข้อที่คุณต้องปฏิบัติตามเพื่อระบุดาวสามดวงในรูปแบบแท่งเทียนใต้
3 จุดบรรจบที่จะเพิ่มความน่าจะเป็นที่จะชนะในการตั้งค่าการค้านี้
คุณสมบัติ | คำอธิบาย |
---|---|
จำนวนเชิงเทียน | 3 |
คาดการณ์ | การกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้น |
เทรนด์ก่อนหน้า | แนวโน้มขาลง |
รูปแบบที่เกี่ยวข้อง | Inside bar |
จิตวิทยาที่อยู่เบื้องหลังทุกรูปแบบแท่งเทียนบอกเราถึงกิจกรรมของผู้ค้าที่อยู่เบื้องหลังแผนภูมิ เพื่อให้เราสามารถคาดการณ์ราคาโดยการวิเคราะห์การกระทำของพวกเขา
ในกรณีของ three stars ในรูปแบบแท่งเทียน south แท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่แท่งแรกแสดงว่าผู้ขายเป็นผู้ควบคุมและราคาของสินทรัพย์หรือสกุลเงินลดลง ตอนนี้ราคาอยู่ในสภาวะ Oversold
รูปแบบแท่งเทียนถัดไปภายในช่วงของแท่งเทียนก่อนหน้า แสดงให้เห็นว่าผู้ขายไม่สามารถทำจุดต่ำสุดใหม่ได้ พวกเขาล้มเหลวในการดำเนินการต่อแนวโน้มขาลง ผู้ซื้อพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ ดังนั้นจึงมีแนวโน้มหยุดชั่วคราวในตลาด
แท่งเทียนแท่งที่ 3 ที่มีขนาดลำตัวเล็กบ่งชี้ว่ากำลังของผู้ซื้อและผู้ขายเท่าเทียมกัน ผู้ขายสูญเสียโมเมนตัมก่อนหน้านี้ และผู้ซื้อได้รับโมเมนตัมเพิ่มขึ้น การเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อยในตลาดยังบ่งบอกถึงพายุที่กำลังจะเกิดขึ้นในตลาดอีกด้วย
หลังจากเสร็จสิ้นรูปแบบ แท่งเทียนขาขึ้นที่สำคัญจะก่อตัวขึ้น ทำลายจุดสูงสุดของแท่งเทียน 3 อันก่อนหน้า และแนวโน้มขาขึ้นใหม่จะเริ่มต้นขึ้น
ข้อจำกัดบางประการไม่แนะนำให้ใช้รูปแบบเทียนนี้เพื่อการค้า อย่างไรก็ตาม คุณใช้เพื่อวิเคราะห์สกุลเงินหรือหุ้น
มีข้อจำกัด
ขอแนะนำให้เลือกรูปแบบสองสามรูปแบบแล้วฝึกฝนให้เชี่ยวชาญเท่านั้นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ทำกำไร นอกจากรูปแบบเหล่านี้แล้ว รูปแบบอื่นๆ สามารถใช้เพื่อการวิเคราะห์ได้
ตัวอย่างเช่น คุณพบ three stars ในรูปแบบแท่งเทียน south ในกรอบเวลารายวัน คุณมารู้ว่าตลาดจะกลับตัว และแนวโน้มขาขึ้นกำลังจะเริ่มต้นขึ้น คุณจะต้องเปลี่ยนไปใช้กรอบเวลาที่ต่ำกว่าและใช้กลยุทธ์ของคุณในทิศทางที่เป็นบวกเท่านั้น
นี่คือวิธีการแลกเปลี่ยนรูปแบบแท่งเทียนดังกล่าว
__________________________________________
รูปแบบแท่งเทียน Deliberation
รูปแบบแท่งเทียน Deliberation คือรูปแบบแท่งเทียนแบบพลิกกลับของแนวโน้มที่ทำขึ้นจากแท่งเทียนขาขึ้น 3 แท่งติดต่อกันในลำดับที่เหมาะสม รูปแบบแท่งเทียนนี้เรียกอีกอย่างว่ารูปแบบแท่งเทียน stalled
รูปแบบการพิจารณาก็เหมือน three white soldiers ในระดับหนึ่ง แต่โครงสร้างของเชิงเทียนมีความแตกต่างกัน
แท่งเทียนขาขึ้น 3 แท่งควรก่อตัวในลำดับและโครงสร้างเฉพาะเพื่อยืนยันรูปแบบ deliberation
นี่คือคู่มือ
เชิงเทียนพิจารณาควรอยู่ที่ด้านบนสุดของแผนภูมิเชิงเทียนเพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้น
แท่งเทียนขาขึ้น 3 แท่งภายในรูปแบบแท่งเทียน deliberation บ่งบอกถึงโมเมนตัมของผู้ซื้อ
แท่งเทียน bullish แท่งแรกแสดงถึงโมเมนตัมที่สูงของผู้ซื้อ ในเซสชั่นถัดไป โมเมนตัมของผู้ซื้อจะลดลง ในเซสชั่นที่สาม/ครั้งสุดท้าย โมเมนตัมของผู้ซื้อจะลดลงอย่างมากเนื่องจากการก่อตัวของแท่งเทียนขนาดเล็ก
สิ่งนี้บ่งชี้ว่าเมื่อเวลาผ่านไป กำลังของผู้ซื้อลดลง และอำนาจของผู้ขายเพิ่มขึ้น ในความพยายามครั้งที่สาม ผู้ซื้อจะสูญเสียโมเมนตัมรั้น และผู้ขายจะครองตลาด ส่งผลให้ราคาลดลง
คุณสมบัติ | คำอธิบาย |
---|---|
จำนวนเชิงเทียน | 3 |
คาดการณ์ | การกลับตัวของแนวโน้มขาลง |
เทรนด์ก่อนหน้า | แนวโน้มขาขึ้น |
รูปแบบที่เกี่ยวข้อง | แท่งเทียน Advance block |
เพื่อเพิ่มอัตราการชนะของรูปแบบแท่งเทียนนี้ คุณจะต้องเพิ่มจุดบรรจบกันเสมอ เพราะทุกรูปแบบไม่คุ้มกับการซื้อขาย หากคุณกำลังจะขายในแต่ละรูปแบบแท่งเทียนบนแผนภูมิ คุณจะไม่ทำกำไร
นี่คือจุดบรรจบทั้ง 2 ที่คุณสามารถเพิ่มลงในกลยุทธ์การซื้อขายได้
__________________________________________
รูปแบบแท่งเทียน On Neck
รูปแบบ On-neck เป็นรูปแบบแท่งเทียนซึ่งหลังจากแท่งเทียนขาลงยาว แท่งเทียนขนาดเล็กจะมี gap down และจะปิดใกล้กับราคาเปิดของแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่ก่อนหน้า รูปแบบแท่งเทียนนี้ประกอบด้วยแท่งเทียน 2 สีที่ตรงข้ามกัน
เป็นรูปแบบแท่งเทียนต่อเนื่องของแนวโน้มขาลงที่แสดงถึงการครอบงำของผู้ขายมากกว่าผู้ซื้อในตลาด รูปแบบนี้มักจะเกิดขึ้นในช่วงขาลง
คุณต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดบางประการเพื่อระบุรูปแบบแท่งเทียนที่สมบูรณ์แบบบนกราฟราคา
นี่คือคำแนะนำในการหาแพทเทิร์นที่คอ
สิ่งนี้เรียกว่ารูปแบบ on neck เนื่องจากราคามักจะย้อนกลับไปที่ neck ของแท่งเทียนขาลง
คุณสมบัติ | คำอธิบาย |
---|---|
จำนวนเชิงเทียน | 2 |
คาดการณ์ | แนวโน้มขาลงต่อเนื่อง |
เทรนด์ก่อนหน้า | แนวโน้มขาลง |
รูปแบบเคาน์เตอร์ | Downside Tasuki gap |
รูปแบบแท่งเทียน On-neck คาดการณ์ความต่อเนื่องของแนวโน้มขาลงหลังจากการกลับตัวของราคาในระยะสั้น
รูปแบบนี้ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงของคลื่น impulsive และคลื่น retracement
โครงสร้างตลาดประกอบด้วย 2 คลื่น หลังจากสร้างคลื่น impulsive คลื่น retracement จะก่อตัวและในทางกลับกัน
แท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่แสดงคลื่น impulsive ขาลง ในช่วงคลื่นนี้ ผู้ค้าสถาบันจะลดมูลค่าราคาของสินทรัพย์หรือสกุลเงินใดๆ
หลังจากคลื่น impulsive จะเกิดคลื่นย้อนกลับขนาดเล็ก เป็นการพลิกกลับของแนวโน้มในระยะสั้น ตลาดแทบจะไม่ถึง neck ของคลื่นขาลง จากนั้นหลังจากการย้อนกลับนี้ มูลค่าราคาจะลดลงอีกครั้งโดยคลื่น impulsive
นี่คือจิตวิทยาง่ายๆ ที่อยู่เบื้องหลังรูปแบบนี้
ในการเพิ่มอัตราส่วนการชนะของการตั้งค่าการค้า ให้เพิ่มจุดบรรจบเสมอ เช่น
เส้นแนวโน้มขาลงหรือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สามารถใช้กับรูปแบบ on-neck เพื่อเพิ่มอัตราส่วนการชนะ
รูปแบบ on-neck รวมถึงรูปแบบแท่งเทียนในรายการที่คาดการณ์แนวโน้มขาลง
รูปแบบแท่งเทียนที่ต่อเนื่องของแนวโน้มมีโอกาสสูงที่จะชนะในทางเทคนิค ฉันจะแนะนำให้คุณซื้อขายโดยใช้รูปแบบแท่งเทียนประเภทนี้
ก่อนทำการซื้อขายในบัญชีจริง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ทำการทดสอบเชิงเทียนนี้อย่างถูกต้อง
__________________________________________
แท่งเทียน separating lines เป็นรูปแบบความต่อเนื่องของแนวโน้มที่ประกอบด้วยแท่งเทียนสีตรงข้ามสองแท่ง การปิดของแท่งเทียนอันแรกจะเท่ากับราคาเปิดของแท่งเทียนอันที่สอง
ขึ้นอยู่กับทิศทางของแนวโน้ม แบ่งเป็น 2 รูปแบบเพิ่มเติม
แสดงว่าแนวโน้มก่อนหน้าจะดำเนินต่อไป ตัวอย่างเช่น หากแนวโน้มก่อนหน้าเป็นขาลงและรูปแบบ bearish separating lines แนวโน้มขาลงจะดำเนินต่อไป
แท่งเทียน bullish separating lines เป็นรูปแบบการต่อเนื่องของแนวโน้ม bullish แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มขาขึ้นจะดำเนินต่อไป มักจะก่อตัวขึ้นภายในแนวโน้มขาขึ้น
ขอแนะนำว่าอย่าแยกรูปแบบ bullish separating lines ที่ด้านบนของแนวโน้มหรือระหว่างสภาวะซื้อมากเกินไป
นี่คือคำแนะนำในการค้นหารูปแบบแท่งเทียนบนแผนภูมิ
คุณสามารถระบุรูปแบบแท่งเทียนที่สมบูรณ์แบบได้โดยปฏิบัติตามกฎสามข้อข้างต้น
คุณสมบัติ | คำอธิบาย |
---|---|
จำนวนเชิงเทียน | 2 |
คาดการณ์ | แนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง |
เทรนด์ก่อนหน้า | แนวโน้มขาขึ้น |
รูปแบบ Counter | Bearish separating lines |
แท่งเทียน bearish separating lines เป็นรูปแบบความต่อเนื่องของแนวโน้มขาลง บ่งชี้ว่าแนวโน้มขาลงจะดำเนินต่อไป และมักจะเกิดขึ้นภายในแนวโน้มขาลง
เนื่องจากรูปแบบนี้ก่อตัวขึ้นภายในแนวโน้ม คุณไม่ควรซื้อขายที่แนวรับหรือโซนอุปสงค์
นี่คือคำแนะนำในการค้นหารูปแบบแท่งเทียนบนกราฟราคา
คุณสมบัติ | คำอธิบาย |
---|---|
จำนวนเชิงเทียน | 2 |
คาดการณ์ | แนวโน้มขาลงต่อเนื่อง |
เทรนด์ก่อนหน้า | แนวโน้มขาลง |
รูปแบบ Counter | bullish separating lines |
ข้อเท็จจริงประการแรกของความต่อเนื่องของแนวโน้มคือการก่อตัวของเสียงสูงที่สูงขึ้นหรือต่ำลง เนื่องจากเป็นวิธีพื้นฐานที่สุดในการกำหนดทิศทางของแนวโน้มในตลาด
ในกรณีของเส้นแยกขาขึ้น เมื่อแท่งเทียนขาขึ้นจะเปิดขึ้นที่ราคาปิดของแท่งเทียนขาลง แสดงว่าผู้ซื้อได้ผ่านอุปสรรคสำคัญมาแล้ว เนื่องจากราคาปิดของแท่งเทียนทำหน้าที่เป็นระดับวิกฤตหลัก เนื่องจากแท่งเทียนขาขึ้นจะเปิดและปิดเหนือระดับหลักนั้น นั่นเป็นสาเหตุที่แสดงให้เห็นว่าผู้ซื้อมีโอกาสมากขึ้นที่จะขึ้นราคาต่อไป
นอกจากนี้ยังแสดงถึงการก่อตัวของเสียงสูงที่สูงขึ้นและระดับต่ำสุดที่สูงขึ้น
กลยุทธ์การซื้อขายประกอบด้วยกฎที่คุณต้องปฏิบัติตามขณะทำการซื้อขายในบัญชีจริง เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้ดี ไม่เช่นนั้นคุณจะต้องจัดการกับจิตวิทยาการซื้อขาย
มีการทำกฎเพื่อเพิ่มอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนและอัตราการชนะของการตั้งค่าการซื้อขาย ตัวอย่างเช่น หากรูปแบบทางเทคนิคสองรูปแบบบ่งชี้ถึงความต่อเนื่องของแนวโน้มขาลง ความน่าจะเป็นของการต่อเนื่องจะเพิ่มขึ้น
จุดบรรจบกันทำให้กลยุทธ์การซื้อขายนี้เป็นเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบ exponential และรูปแบบ bearish separating lineง
ในการตั้งค่านี้ คุณจะซื้อขายในทิศทางขาลงเท่านั้น และกลยุทธ์นี้มีไว้สำหรับหุ้นหรือดัชนีเท่านั้น
เงื่อนไขของกลยุทธ์สำหรับการตั้งค่าขาลง:
เคล็ดลับแบบมือโปร: คุณยังสามารถติดตามระดับการหยุดการขาดทุนตามค่า EMA พร้อมเวลาได้อีกด้วย หรือใช้ระดับฟีโบนักชีเพื่อเพิ่มผลตอบแทนความเสี่ยง
ในการตั้งค่าการซื้อขายนี้ คุณจะเปิดเฉพาะคำสั่งซื้อเท่านั้น
นี่คือคู่มือกลยุทธ์
รูปแบบแท่งเทียนนี้ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในแผนภูมิหุ้นและดัชนี มีโอกาสเกิด gap น้อยกว่าในแท่งเทียนใน forex เนื่องจากมีความผันผวนสูง
จำไว้ว่าคุณไม่ควรผสมช่องว่างนี้กับรูปแบบช่องว่างระหว่างวันหยุดสุดสัปดาห์ในชาร์ตฟอเร็กซ์
ขอแนะนำให้ซื้อขายรูปแบบแท่งเทียนเฉพาะกับการบรรจบกันของเครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ระดับหลัก เขต อุปสงค์และอุปทานเป็นต้น
__________________________________________
Downside Tasuki gap เป็นรูปแบบแท่งเทียนต่อเนื่องที่ประกอบด้วยแท่งเทียน 3 แท่งที่มี gap ด้านล่าง gap ด้านล่างจะเกิดขึ้นภายใน 2 แท่งเทียนขาลง
เป็นรูปแบบต่อเนื่องของแนวโน้มขาลงที่แสดงว่าผู้ขายอยู่ในการควบคุม รูปแบบนี้มักจะเกิดขึ้นภายในแนวโน้มขาลง สัญญาณต่อเนื่องเป็นสัญญาณที่ดีที่สุดสำหรับผู้ค้าระหว่างวันในการถือตำแหน่งขาย
เป็นรูปแบบตรงกันข้ามกับ upside Tasuki gap.
ในการค้นหา แท่งเทียน Tasuki gap บนกราฟราคาให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
นี่เป็นเกณฑ์ง่ายๆ ในการค้นหาช่องว่าง Tasuki ด้านลบบนแผนภูมิ
คุณสมบัติ | คำอธิบาย |
---|---|
จำนวนเชิงเทียน | 3 |
คาดการณ์ | แนวโน้มขาลงต่อเนื่อง |
เทรนด์ก่อนหน้า | แนวโน้มขาลง |
รูปแบบ Counter | Upside Tasuki gap |
เมื่อคุณอ่านการเคลื่อนไหวของราคาที่อยู่เบื้องหลังรูปแบบ Tasulki gap คุณจะทราบกิจกรรมของผู้ค้าที่ซื้อขายหลังแผนภูมิ
รูปแบบ Tasulki gap ด้านลบประกอบด้วยรูปแบบตลาด รูปแบบอย่างแรกคือ bearish impulsive wave และอันที่สองคือการพักตัวของราคาขาขึ้นเป็นรูปแบบความต่อเนื่องของอุปสงค์และอุปทานขาลง จะสร้างรูปแบบ drop base drop
แท่งเทียนขาลงสองแท่งที่มี gap แสดงว่าผู้ขายอยู่ในการควบคุมอย่างสมบูรณ์ โดยลดมูลค่าราคาลงอย่างต่อเนื่อง แนวโน้มหลักคือตลาดหมี ทำให้เกิดจุดต่ำสุดที่ต่ำลงและจุดสูงสุดที่ต่ำลง เป็น bearish impulsive wave
หลังจาก bullish retracement wave จะเริ่มต้นขึ้น ในช่วง session นี้ ผู้ซื้อจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเพิ่มราคา แต่จะล้มเหลว และแท่งเทียนจะปิดต่ำกว่าราคาปิดของแท่งเทียนอันแรก พูดง่ายๆ ก็คือ ผู้ซื้อล้มเหลวในการฝ่าฝืนระดับแนวต้านที่สร้างโดยผู้ขาย
เคล็ดลับแบบมือโปร:การปิดของแท่งเทียนในกรอบเวลาที่สูงขึ้นและราคาเปิดจะเป็นแนวรับและแนวต้านในกรอบเวลาที่ต่ำกว่า
คุณควรปฏิบัติตามข้อกำหนดเฉพาะในการซื้อขายเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพราะทุกรูปแบบแท่งเทียนจะไม่ทำงานบนแผนภูมิ ดังนั้นหากต้องการกรองรูปแบบที่ดีออกจากแผนภูมิ คุณต้องเพิ่มการบรรจบกัน
นี่คือจุดบรรจบกันเล็กน้อย
รูปแบบแท่งเทียนนี้ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในแผนภูมิหุ้นและดัชนี จะไม่ค่อยก่อตัวในฟอเร็กซ์ นั่นเป็นเหตุผลที่รูปแบบ Tasuki gap ในแต่ละวันจะคาดการณ์มูลค่าหุ้นที่ลดลง
เป็นการดีที่สุดที่จะ backtest รูปแบบราคานี้อย่างถูกต้องก่อนทำการซื้อขายในบัญชีจริง
__________________________________________
รูปแบบแท่งเทียน Breakaway Bearish
Bearish Breakaway เป็นรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวแบบหมีที่ประกอบด้วยแท่งเทียน 5 แท่ง และ gap หลังจากสร้างรูปแบบแท่งเทียนนี้แล้วแนวโน้มขาขึ้นจะเปลี่ยนเป็นแนวโน้มราคาขาลง
ตรงกันข้ามกับรูปแบบ bullish breakaway gapเล็กๆยังก่อตัวขึ้นภายใน 2 แท่งแรกที่แสดงโมเมนตัมขาขึ้น รูปแบบ Bearish breakaway ของ Bearish นั้นแทบจะไม่เกิดขึ้นบนกราฟราคาเนื่องจากกฎที่เข้มงวดของแท่งเทียน 5 แท่งในชุด
เพื่อยืนยันรูปแบบ bearish breakaway แท่งเทียน 5 แท่งและ gap ควรก่อตัวในลำดับเฉพาะ
นี่คือลำดับของแท่งเทียนเพื่อค้นหารูปแบบ breakaway
คุณควรปฏิบัติตามกฎข้างต้นทั้งหมดในลำดับนี้อย่างเคร่งครัด นั่นเป็นเหตุผลที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบนแผนภูมิ
คุณสมบัติ | คำอธิบาย |
---|---|
จำนวนเชิงเทียน | 5 |
คาดการณ์ | การกลับตัวของแนวโน้มขาลง |
เทรนด์ก่อนหน้า | แนวโน้มขาขึ้น |
รูปแบบที่เกี่ยวข้อง | Evening Doji Star |
รูปแบบหลัก 2 รูปแบบภายในรูปแบบแท่งเทียนนี้
ในรูปแบบที่ 1 ผู้ซื้อพยายามเพิ่มราคาด้วยแท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่และ gap ที่ทะลุผ่านของระดับแนวต้านที่เฉพาะเจาะจง หลังจากนั้นโมเมนตัมของผู้ซื้อจะลดลงเนื่องจากแท่งเทียนขาขึ้นขนาดเล็กจะก่อตัวขึ้น
ในรูปแบบที่ 2 ผู้ขายเอาชนะผู้ซื้อ และแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่จะก่อตัวขึ้น พวกเขาแสดงให้เห็นว่าผู้ขายได้กลืนกินผู้ซื้อในช่วงสามช่วงที่ผ่านมา และตอนนี้พวกเขาจะควบคุมราคาได้ในอนาคต
ตามรูปแบบ bearish breakaway ขาลง แท่งเทียนขาลงจะปิดภายในช่วง gap แต่ควรปิดต่ำกว่าราคาปิดของแท่งเทียนแท่งแรก นั่นเป็นเหตุผลที่แนะนำให้รอการก่อตัวของแท่งเทีย bearish หลังจากรูปแบบนี้
กลยุทธ์การซื้อขายประกอบด้วยกฎของผลตอบแทนความเสี่ยง การจัดการความเสี่ยงและการวิเคราะห์ทางเทคนิค แต่ที่นี่จะอธิบายการบรรจบกันบางอย่างที่สามารถเพิ่มอัตราส่วนการชนะของรูปแบบแท่งเทียนนี้ได้
นี่คือจุดบรรจบกัน
ประโยชน์ของโซนอุปทานหรือระดับแนวต้านคือความน่าจะเป็นของการกลับตัวของแนวโน้มราคาขาลงจะเพิ่มขึ้น ในทางกลับกัน คุณสามารถวางการหยุดการขาดทุนอย่างปลอดภัยเหนือแนวต้านหรือเขตอุปทานได้ เนื่องจากโซนเหล่านี้จะป้องกันการหยุดการขาดทุนจากการพุ่งขึ้นของราคา
รูปแบบ bearish breakaway ใช้สำหรับการซื้อขายหุ้นและดัชนี ใน forex ไม่ควรใช้สำหรับการซื้อขายระหว่างวันหรือแบบสวิงเนื่องจากหายาก คุณสามารถใช้รูปแบบแท่งเทียนอื่นๆ เช่น pin bar, engulfing ฯลฯ
__________________________________________
รูปแบบแท่งเทียน Bullish mat hold
Bullish mat hold เป็น รูปแบบแท่งเทียนที่ต่อเนื่อง ของแนวโน้ม ซึ่งประกอบด้วยแท่งเทียนห้าแท่งและช่องว่าง แสดงว่าแนวโน้มก่อนหน้าจะดำเนินต่อไป
เหมือนกับรูปแบบแท่งเทียน rising three methods แต่มีช่องว่างในรูปแบบแท่งเทียนทั้ง 2 แบบรูปแบบการถือครอง Bullish mat ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในหุ้นและดัชนี เป็นรูปแบบที่ไม่บ่อยนักซึ่งเป็นสาเหตุที่ไม่ใช้ในการซื้อขายวัน forex หรือการซื้อขายแบบสวิง
กฎในการค้นหารูปแบบ mat hold บนกราฟราคามีความคล้ายคลึงกับรูปแบบ rising three methods
นี่คือคำแนะนำ 4 จุดสำหรับรูปแบบ mat hold
เคล็ดลับสำหรับมือโปร:แท่งเทียนแท่งที่สอง สาม และสี่ควรปิดเหนือราคาเปิดของแท่งเทียนแท่งแรกเสมอ มิฉะนั้น จะไม่ใช่รูปแบบ bullish mat hold
คุณสมบัติ | คำอธิบาย |
---|---|
จำนวนเชิงเทียน | 5 |
คาดการณ์ | แนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง |
เทรนด์ก่อนหน้า | แนวโน้มขาขึ้น |
รูปแบบที่เกี่ยวข้อง | Rising three methods |
รูปแบบแท่งเทียนนี้คล้ายกับแนวคิดของอุปสงค์และอุปทาน ของ ฐานการชุมนุม
ลองอ่านราคาเพื่อทำความเข้าใจการเคลื่อนไหวของราคา
ฉันจะแบ่งรูปแบบแท่งเทียนออกเป็น 3 ขั้นตอนเพื่อให้เข้าใจง่าย
แท่งเทียน bullish แท่งแรกแสดงถึงคลื่นแรงกระตุ้นของผู้ซื้อ แสดงว่าผู้ซื้อเป็นผู้ควบคุมและราคาก็เพิ่มขึ้นตามกาลเวลา ซึ่งเป็นช่วงที่ 1 ของตลาด
แท่งเทียนสามแท่งถัดไปแสดงถึงคลื่นการถอยกลับ เห็นได้ชัดว่าหลังจากคลื่นห่ามคลื่นการย้อนกลับจะเกิดขึ้น แท่งเทียนขาลง ขนาดเล็กสามแท่งแสดงระยะการถอยกลับ
ในระยะที่ 3 แท่งเทียนขาขึ้นจะก่อตัวขึ้น ทำลายระดับสูงสุดก่อนหน้านี้ทั้งหมด ทำให้เกิดระดับสูงสุดใหม่ที่สูงขึ้น
ในแง่ของอุปสงค์และอุปทาน ทั้งสามขั้นตอนแสดงการก่อตัวของเขตอุปสงค์ หมายความว่าผู้ซื้อกำลังเข้าสู่ตลาด และความต้องการสินทรัพย์สกุลเงินก็เพิ่มขึ้น นั่นเป็นเหตุผลที่แนวโน้มรั้นจะดำเนินต่อไป
ความแตกต่างที่สำคัญคือในรูปแบบ bullish mat hold แท่งเทียนแท่งที่สองจะเปิดขึ้นโดยมีช่องว่างหลังจากแท่งเทียนขาขึ้นแท่งแรก ในทางตรงกันข้าม แท่งเทียนอันที่สองจะเปิดที่ราคาปิดของแท่งเทียนก่อนหน้าในสามวิธีที่เพิ่มขึ้น มันจะไม่เปิดด้วยช่องว่างขึ้น
เนื่องจากข้อจำกัดของช่องว่าง รูปแบบ mat hold จึงหายากในแผนภูมิ forex
ใช้กรอบเวลารายวันเพื่อค้นหารูปแบบแท่งเทียน mat hold บนแผนภูมิในหุ้น ในกรอบเวลาที่เล็กลง ความแม่นยำของรูปแบบจะลดลง
คุณยังสามารถใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ ด้วยรูปแบบนี้เพื่อเพิ่มอัตราการชนะในการซื้อขาย
__________________________________________
รูปแบบแท่งเทียน Advance Block
advance block เป็นรูปแบบแท่งเทียนแบบย้อนกลับขาลงที่ประกอบด้วยแท่งเทียนขาขึ้น 3 แท่ง จะเปลี่ยนแนวโน้มราคา bullish เป็นแนวโน้มขาลง นั่นเป็นเหตุผลที่มันจะก่อตัวที่ด้านบนสุดของแนวโน้มขาขึ้น
เป็นรูปแบบเดียวที่ไม่มีรูปแบบตรงกันข้าม (การกลับตัวของตลาดbullish) เนื่องจากเกิดได้ยากบนกราฟราคา เป็นการดีที่สุดที่จะไม่เลือกรูปแบบแท่งเทียนนี้สำหรับการซื้อขายรายวัน
ในการสร้าง advance block แท่งเทียน bullish สามแท่งควรก่อตัวในลำดับเฉพาะบนแผนภูมิ
นี่คือคำแนะนำในการค้นหา advance block บนแผนภูมิ
ดูภาพด้านล่างเพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้นของรูปแบบ
คุณสมบัติ | คำอธิบาย |
---|---|
จำนวนเชิงเทียน | 3 |
คาดการณ์ | การกลับตัวของแนวโน้มขาลง |
เทรนด์ก่อนหน้า | แนวโน้มขาขึ้น |
แท่งเทียน Advance block แสดงว่ากำลังของผู้ซื้อลดลงตามเวลา และผู้ขายจะเข้าสู่ตลาดในไม่ช้าและพวกเขาจะลดราคา
ในรูปแบบแท่งเทียนนี้ เนื้อหาของแท่งเทียนจะลดลง และขนาดของไส้เทียนจะเพิ่มขึ้นตามเวลา แสดงให้เห็นถึงความไม่สมดุลที่เกิดขึ้นในตลาด และแนวโน้มราคากำลังจะเปลี่ยนทิศทาง
เคล็ดลับแบบมือโปร:ตัวแท่งเทียนบ่งบอกถึงโมเมนตัมของผู้ซื้อ/ผู้ขายในตลาดเสมอ ในการเปรียบเทียบ ไส้เทียน/เงาของแท่งเทียนแสดงถึงความไม่สมดุลของผู้ซื้อ/ผู้ขายในตลาด
รูปแบบแท่งเทียนนี้ใช้เพื่อบ่งชี้การอ่อนตัวของแนวโน้มขาขึ้น ไม่แนะนำให้ใช้เพื่อการค้า
เนื่องจากการกลับตัวของแนวโน้มไม่ได้รับการยืนยันจนกว่าราคาจะทะลุระดับต่ำสุดของแท่งเทียนแท่งแรก คุณจะต้องรอให้ราคาทะลุระดับต่ำสุดของรูปแบบนี้ หากราคาไม่ทะลุระดับต่ำ มันจะเป็นรูปแบบที่ผิดพลาด
ในทางกลับกัน เราไม่สามารถจ่ายสต๊อปขาดทุนขนาดใหญ่และระดับผลกำไรเพียงเล็กน้อยได้ รูปแบบ advance block มีอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนเพียงเล็กน้อย นั่นเป็นเหตุผลที่คุณควรใช้สำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อยืนยันการกลับตัวของแนวโน้มขาลง และซื้อขายในกรอบเวลาที่ต่ำกว่าในทิศทางของแนวโน้มขาลง
รูปแบบแท่งเทียนนี้มีไว้สำหรับผู้ค้าหุ้นหรือดัชนีเท่านั้น ไม่ควรใช้สำหรับการซื้อขายระหว่างวัน ข้อเท็จจริงประการที่สองที่คุณควรจำไว้ก็คือแนวโน้มขาขึ้นจะยังคงแข็งแกร่งขึ้นหากราคาไม่ทะลุจุดต่ำสุดของแท่งเทียนอันแรก
__________________________________________
รูปแบบแท่งเทียน MATCHING LOW
Matching low เป็นรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้นซึ่งประกอบด้วยแท่งเทียนขาลง 2 แท่งที่มีราคาปิดเท่ากันและไม่มีเงาที่ด้านล่างของแท่งเทียน
ส่วนใหญ่จะก่อตัวในหุ้นและดัชนี เป็นการบ่งชี้ถึงการเริ่มต้นของแนวโน้มขาขึ้นใหม่ บางครั้งรูปแบบ matching low ยังทำหน้าที่เป็นรูปแบบการต่อเนื่องของแนวโน้ม ขาลง แต่ในกรณีส่วนใหญ่จะทำหน้าที่เป็นรูปแบบการกลับตัวของแนวโน้ม
เราจะหารือถึงวิธีการระบุความต่อเนื่องของแนวโน้มหรือการกลับตัวของแนวโน้มในรูปแบบนี้
โครงสร้างของรูปแบบ matching low สุดที่เข้าคู่กันประกอบด้วย แท่งเทียนขาลง 2 แท่ง
นี่คือคำแนะนำในการค้นหาแท่งเทียน matching low
คุณสมบัติ | คำอธิบาย |
---|---|
จำนวนเชิงเทียน | 2 |
คาดการณ์ | การกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้น |
เทรนด์ก่อนหน้า | แนวโน้มขาลง |
รูปแบบที่เกี่ยวข้อง | แท่งเทียน Matching high |
จิตวิทยาที่อยู่เบื้องหลังรูปแบบนี้คือผู้ขายไม่สามารถทำจุดต่ำสุดใหม่ได้ ผู้ซื้อได้สร้างระดับที่เข้มข้น และผู้ขายไม่สามารถทำลายระดับคีย์นั้นได้ แม้ว่าจะลองครั้งที่สองแล้วก็ตาม
ลองอ่านการเคลื่อนไหวของราคา
เมื่อแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่แท่งแรกก่อตัวขึ้น ผู้ขายก็สามารถควบคุมได้อย่างสมบูรณ์ พวกเขากำลังควบคุมตลาดและผู้ซื้ออ่อนแอ ผู้ซื้อไม่สามารถถือราคาได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ราคาลดลง
หลังจากปิดเทียนแรกเทียนที่สองจะเปิดขึ้นพร้อมกับช่องว่าง มันแสดงให้เห็นว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นในราคาปิดเพราะระดับคีย์นั้นทำให้เทียนเปิดด้วยช่องว่างขนาดใหญ่ หลังจากนี้เทียนที่สองจะปิดอีกครั้งในราคาปิดของเทียนก่อนหน้า มันไม่สามารถทำลายระดับก่อนหน้านี้เพื่อให้ต่ำสุดใหม่
การเคลื่อนไหวของราคาทั้งหมดข้างต้นแสดงให้เห็นว่าผู้ซื้อพร้อมที่จะเพิ่มราคา และแนวโน้มขาขึ้นใหม่จะเริ่มต้นขึ้น
ตำแหน่งของรูปแบบแท่งเทียนบนกราฟราคามีความสำคัญอย่างมากในการซื้อขาย ตัวอย่างเช่น หากรูปแบบการกลับตัวแบบ bullish เกิดขึ้นที่ด้านบนสุดของแผนภูมิ คุณจะไม่ได้รับศักยภาพของการกลับตัวของแนวโน้มอย่างเต็มที่ เนื่องจากรูปแบบดังกล่าวควรอยู่ที่ด้านล่างของกราฟราคา
ในทำนองเดียวกันการจับคู่รูปแบบต่ำจะทำงานได้ดีเมื่ออยู่ใน
รูปแบบ matching low ที่ตรงกันจะทำหน้าที่เป็นรูปแบบต่อเนื่องของแนวโน้มในบางเงื่อนไข ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหานี้ คุณจะต้องรอจนกว่าแท่งเทียนที่สามจะก่อตัวขึ้น แท่งเทียนแท่งที่สามควรเป็นแท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นแท่งเทียนยืนยัน ควรปิดเหนือราคาเปิดของเทียนก่อนหน้า
ในระยะสั้น รอการก่อตัวของแท่งเทียนรั้นก่อนที่จะยืนยันการกลับตัวของแนวโน้ม
เป็นการดีที่สุดที่จะใช้แท่งเทียนที่เข้าคู่กันเพื่อวัตถุประสงค์ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคแทนกลยุทธ์การซื้อขาย โดยตรง เนื่องจากรูปแบบนี้จะให้โอกาสคุณในการซื้อขายเพียงเล็กน้อย
__________________________________________
รูปแบบแท่งเทียน Shooting Star
shooting star คือรูปแบบแท่งเทียนที่กลับตัวเป็นขาลง ซึ่งประกอบด้วยแท่งเทียนเดี่ยวที่มีเงาด้านบนยาวและตัวแท่งเล็กในแท่งเทียนด้านล่าง นอกจากนี้ยังแสดงถึงรูปแบบพินบาร์ขาลง
ผู้ค้าปลีกใช้รูปแบบแท่งเทียน shooting star ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคของคู่สกุลเงินเพื่อทำนายการกลับตัวของแนวโน้มราคาในตลาด เมื่อเทียน shooting star ก่อตัวขึ้น หมายความว่าผู้ขายมีความแข็งแกร่งและควบคุมตลาด มันเปลี่ยนแนวโน้มขาขึ้นเป็นแนวโน้มขาลง
ในโพสต์นี้ คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับโครงสร้างของรูปแบบแท่งเทียน shooting star ความสำคัญ จิตวิทยาการซื้อขาย และคู่มือการซื้อขาย
เพื่อระบุรูปแบบแท่งเทียนดาวตกที่สมบูรณ์แบบ ฉันจะอธิบายแท่งเทียนนี้ใน 3 ขั้นตอน
เชิงเทียนรูป shooting star ประกอบด้วยเงาบนยาวและตัวขนาดเล็กใกล้ด้านล่าง เงาควรมากกว่า 70% ของเนื้อหาทั้งหมดของแท่งเทียน และร่างกายควรอยู่ต่ำกว่า 40% ของแท่งเทียนทั้งหมด
ต้องมีเงาน้อยหรือไม่มีเลยใต้ตัวแท่งเทียน ไม่อย่างนั้นจะไม่ใช่แท่งเทียน shooting star
สีของลวดลายดาวตกไม่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นสีเขียวหรือสีแดง แต่รูปร่างของแท่งเทียนก็สำคัญ
แนวโน้มก่อนหน้าก่อนเทีย นshooting star ควรเป็นขาขึ้น เป็นเงื่อนไขบังคับสำหรับรูปแบบนี้ เนื่องจากจะแสดงเงื่อนไขที่ซื้อ มากเกินไป ด้วยการฝ่าวงล้อมที่ผิดพลาด ( เงายาว )
หากแนวโน้มก่อนหน้านี้เป็นขาลง นี่ไม่ใช่รูปแบบ shooting star
ตำแหน่งที่สมบูรณ์แบบของรูปแบบแท่งเทียน shooting star อยู่ที่ระดับหลักหรือระดับแนวต้านที่แข็งแกร่ง เนื่องจากจะแสดงให้เห็นว่าราคาได้รับการปฏิเสธจากระดับหลัก จึงเป็นสัญญาณที่แข็งแกร่งของการกลับตัวของแนวโน้มขาลง
นอกจากนี้ คุณควรจำไว้ว่าเงายาวควรอยู่นอกช่วงของแท่งเทียนก่อนหน้า
คุณสมบัติ | คำอธิบาย |
---|---|
จำนวนเชิงเทียน | 1 |
คาดการณ์ | การกลับตัวของแนวโน้มขาลง |
เทรนด์ก่อนหน้า | แนวโน้มขาขึ้น |
รูปแบบเคาน์เตอร์ | เชิงเทียน Hammer |
ก่อนซื้อขายรูปแบบนี้ จำเป็นต้องเรียนรู้จิตวิทยาของรูปแบบนี้ ในทางจิตวิทยาของรูปแบบแท่งเทียน คุณควรตอบคำถามต่อไปนี้ :
ทำไมรูปแบบ shooting star ถึงก่อตัว? เกิดอะไรขึ้นเบื้องหลังแผนภูมิแท่งเทียนระหว่างการก่อตัวของ shooting star ? รูปแบบนี้มีความสำคัญอย่างไร ?
หลังจากค้นหาคำตอบของคำถามข้างต้นแล้ว คุณจะเข้าใจรูปแบบอย่างถูกต้อง และคุณจะสามารถค้นหารูปแบบที่แม่นยำที่สุดจากกราฟราคาได้
อธิบายแบบละเอียด
เงาของแท่งเทียนแสดงการปฏิเสธราคาจากระดับราคาหนึ่งเสมอ ตัวอย่างเช่น ผู้ขายกำลังรอให้คำสั่งซื้อขายเต็มเมื่อผู้ซื้อกดราคา เมื่อคำสั่งขายถูกเรียกใช้จากระดับหนึ่ง ราคาจะลดลงอีกครั้ง ซึ่งแสดงถึงการครอบงำของผู้ขายเหนือผู้ซื้อ เนื่องจากผู้ซื้อไม่สามารถดันราคาขึ้นต่อไปได้ พวกเขาจึงลงเอยกับผู้ขาย
ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคหากราคาสูงขึ้นและปิดต่ำกว่า 50% ของช่วงของแท่งเทียนทั้งหมด แสดงว่าเป็นสัญญาณของความแข็งแกร่งของผู้ขาย
อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้แนวโน้มกลับตัวในรูปแบบดาวตกก็คือภาวะซื้อมากเกินไป เนื่องจากแนวโน้มก่อนหน้าจะต้องเป็นขาขึ้น ดังนั้นเมื่อราคาถึงสภาวะซื้อมากเกินไป โอกาสในการกลับตัวจากระดับแนวต้านจะเพิ่มขึ้น การก่อตัวของเทียนดาวตกที่ระดับแนวต้านในสภาวะซื้อเกินยืนยันการกลับตัวของแนวโน้มขาลง
นี่คือจิตวิทยาง่ายๆ เบื้องหลังแท่งเทียนดาวตกที่ผู้ค้าปลีกทุกรายต้องเรียนรู้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค
การซื้อขายรูปแบบ shooting star นั้นรวมถึงการระบุรายการคำสั่งซื้อ การหยุดการขาดทุน และระดับการทำกำไร อย่างไรก็ตาม ฉันจะไม่แนะนำการซื้อขายรูปแบบแท่งเทียนเพียงอย่างเดียวเพราะกลยุทธ์การซื้อขายประกอบด้วยเครื่องมือทางเทคนิคมากมายที่บรรจบกันเพื่อเพิ่มโอกาสในการชนะ
เคล็ดลับ : รูปแบบแท่งเทียนไม่ได้บอกเราเกี่ยวกับระดับการทำกำไร เนื่องจากรูปแบบแท่งเทียนเป็นเพียงสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้ม เราจึงสามารถใช้รูปแบบเหล่านี้เพื่อค้นหาระดับการหยุดการขาดทุนและการเข้าคำสั่ง แต่ไม่สามารถใช้สำหรับระดับการทำกำไรได้ ฉันมักจะแนะนำให้เพิ่มการบรรจบกันของเครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ เช่นรูปแบบกราฟเพื่อค้นหาระดับการทำกำไรระหว่างการซื้อขาย
เมื่อแท่งเทียน shooting star ก่อตัวที่โซนแนวต้าน ให้เปิดคำสั่งขายทันที วางระดับการหยุดการขาดทุนสองสามจุดเหนือระดับสูงสุดของแท่งเทียน shooting star สำหรับรายการที่มีความเสี่ยงสูงพร้อมอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนสูง อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการใช้การตั้งค่าการค้าแบบอนุรักษ์นิยม ให้วางการหยุดการขาดทุนไว้เหนือโซนแนวต้าน แทนที่จะวางการหยุดการขาดทุนเหนือระดับสูงสุด
ผู้ค้าชาวญี่ปุ่นแนะนำรูปแบบแท่งเทียน และตอนนี้ผู้ค้าปลีกใช้รูปแบบนี้กันอย่างแพร่หลายเพื่อวิเคราะห์แนวโน้มทางเทคนิคของสินทรัพย์ทั่วโลก
คำแนะนำของฉันคือคุณควรเข้าใจโครงสร้างของแท่งเทียนก่อน จากนั้นจึงเรียนรู้จิตวิทยาการซื้อขายและใช้ในกลยุทธ์การซื้อขาย นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแลกเปลี่ยนรูปแบบแท่งเทียน
มีรูปแบบแท่งเทียนหลายแบบ แต่คุณไม่ควรสับสนในการค้นหารูปแบบที่ดีที่สุด เพียงเลือกรูปแบบแท่งเทียน 4 อันดับแรกและฝึกฝนให้เชี่ยวชาญ
เปอร์เซ็นต์ที่ชนะของแท่งเทียน shooting star คืออะไร?
เปอร์เซ็นต์การชนะของรูปแบบแท่งเทียนขึ้นอยู่กับกรอบเวลา สินทรัพย์ทางการเงิน และการจัดการความเสี่ยงเสมอ อย่างไรก็ตาม หากคุณใช้ผลตอบแทนความเสี่ยงแบบ 1:1 และเพิ่มจุดบรรจบของระดับแนวต้านและสภาวะซื้อเกิน อัตราส่วนการชนะจะมากกว่า 60%
จะเกิดอะไรขึ้นหากแท่งเทียน shooting star เกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลง?
ในกรณีเช่นนี้ มันจะสร้างสัญญาณการกลับตัวของแนวโน้มหลังจากการก่อตัวของแท่งเทียนในช่วงขาลง แต่ชื่อของเชิงเทียน shooting star จะเปลี่ยนเป็นเชิงเทียน inverted hammer นั่นเป็นเหตุผลที่การทำความเข้าใจจิตวิทยาการซื้อขายเป็นสิ่งสำคัญมาก ความรู้สึกของรูปแบบแท่งเทียนสามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยการเปลี่ยนตำแหน่งบนแผนภูมิแท่งเทียน
สีของ shooting star คือสีแดงหรือสีเขียว?
สีของเชิงเทียน shooting star ไม่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นสีแดงหรือสีเขียว สิ่งเดียวที่สำคัญคือตำแหน่งของแท่งเทียน แนวโน้มก่อนหน้า และโครงสร้างของแท่งเทียน มันจะทำนายการกลับตัวของแนวโน้มขาลงเสมอ
__________________________________________
Bearish harami เป็น รูปแบบแท่งเทียนแบบ bearish trend reversal ที่ประกอบด้วยแท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่และแท่งเทียนขนาดเล็กภายในช่วงของแท่งเทียนขาขึ้น เป็นที่รู้จักกันว่ารูปแบบแท่ง bearish inside bar
ผู้ค้าปลีกส่วนใหญ่ใช้รูปแบบ Bearish Harami เพื่อคาดการณ์การกลับตัวของแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในตลาด โดยหลักแล้วจะเกิดขึ้นหลังจากสิ้นสุดแนวโน้มขาขึ้นและส่งสัญญาณการเริ่มต้นของแนวโน้มขาลงใหม่
รูปแบบ bearish harami ประกอบด้วยแท่งเทียน 2 แท่ง โครงสร้างของแท่งเทียนเป็นตัวกำหนดคุณภาพและความน่าจะเป็นที่ชนะของรูปแบบแท่งเทียน bearish harami นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันได้อธิบายกฎบางอย่างที่คุณสามารถใช้เพื่อระบุรูปแบบ bearish harami ได้อย่างถูกต้อง
2 ขั้นตอนนี้จะช่วยคุณกรองรูปแบบแท่งเทียนที่มีแนวโน้มสูงออกจากฝูงชน เนื่องจากกราฟราคาเต็มไปด้วยสัญญาณรบกวน ผู้ค้าจึงพบว่ามันท้าทายที่จะจัดการกับเสียงรบกวนอันเนื่องมาจากผลกระทบทางจิตวิทยา ดังนั้น หากคุณสร้างกฎ คุณจะพบรูปแบบความน่าจะเป็นสูง
นี่เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของรูปแบบ bearish harami เพราะหากไม่มีสิ่งนี้ คุณจะไม่สามารถทำการซื้อขายที่ทำกำไรได้
ขั้นตอนสำคัญนี้คือตำแหน่งของรูปแบบแท่งเทียน harami ดังนั้นรูปแบบ bearish Harami จะต้องเกิดขึ้นที่ส่วนท้ายของแนวโน้มขาขึ้นหรือในช่วงสภาวะ ซื้อมากเกินไป
คุณต้องหลีกเลี่ยงสองเงื่อนไขต่อไปนี้ในขณะที่ค้นหารูปแบบ bearish harami บนกราฟราคา
การก่อตัวของแท่งเทียนขนาดเล็กภายในช่วงของแท่งเทียนก่อนหน้าแสดงให้เห็นถึงปรากฏการณ์ความไม่แน่ใจ ดังนั้นการฝ่าวงล้อมของแท่งเทียน inside ลงไปด้านล่างจึงเป็นการยืนยันการกลับตัวของแนวโน้ม นั่นเป็นสาเหตุที่แท่งเทียนด้านในควรทะลุไปในทิศทางที่เป็นขาลง และรูปแบบ bearish harami ขาลงจะก่อตัวขึ้น
ก่อนการฝ่าวงล้อม รูปแบบนี้จะเป็นเพียงรูปแบบ harami
ผู้ค้าทางเทคนิคติดตามรูปแบบราคาเพื่อทำนายแนวโน้มราคาในอนาคตเท่านั้น แต่จำเป็นต้องเรียนรู้จิตวิทยาที่อยู่เบื้องหลังทุกรูปแบบราคาเพราะจะช่วยให้คุณตัดสินใจซื้อขายได้ดีขึ้น
ประเด็นหลักในการเรียนรู้ที่นี่คือคุณควรทราบกิจกรรมของผู้ค้ารายใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังแผนภูมิแท่งเทียน แล้วจะทำอย่างไร? มาทำความเข้าใจจิตวิทยาเบื้องหลังรูปแบบแท่งเทียน bearish harami กัน
เมื่อแนวโน้มขาขึ้นเข้าสู่บริเวณที่มีการซื้อมากเกินไป มีโอกาสมากมายที่ราคาจะพลิกกลับแนวโน้มขาลง เพราะนี่คือธรรมชาติ เมื่อราคาสูงขึ้น ซักพักจะกลับมาแน่นอน ราคาเคลื่อนไหวในรูปแบบของวัฏจักร
ดังนั้นโอกาสของการกลับตัวของแนวโน้มขาลงจะเพิ่มขึ้นเมื่อสิ้นสุดแนวโน้มขาขึ้นหรือในช่วงสภาวะซื้อมากเกินไป ตอนนี้รูปแบบแท่งเทียน inside หลังจากแท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่แสดงให้เห็นว่าหลังจากการฝ่าวงล้อมระดับคีย์ใหญ่ (ด้วยแท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่) ราคากำลังตัดสินใจทิศทางในอนาคต (ไม่แน่ใจเนื่องจากเทียนด้านใน) ดังนั้นเมื่อราคาทะลุระดับต่ำสุดของแท่งเทียนด้านใน แสดงว่าราคาได้กำหนดทิศทางขาลงแล้ว
เงื่อนไขการซื้อมากเกินไปและรูปแบบ Bearish harami ทั้งคู่แสดงการกลับตัวของแนวโน้มขาลง ดังนั้นความน่าจะเป็นของแนวโน้มขาลงจะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีการซื้อขายที่ชนะ
นั่นเป็นเหตุผลที่คุณควรเน้นที่การอ่านราคา
กลยุทธ์ที่ฉันจะสอนคุณในที่นี้คือกลยุทธ์ตามราคาจริง อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นมือใหม่หรือเทรดเดอร์ระดับกลาง คุณสามารถใช้ indicator RSI เป็นจุดบรรจบได้
เป็นกลยุทธ์การขาย-การค้า ซึ่งหมายความว่าคุณจะเปิดการซื้อขายด้วยสิ่งนี้เท่านั้น
ประกอบด้วยจุดบรรจบต่อไปนี้:
ขั้นตอนแรกคือการตรวจสอบแนวโน้มรายวันซึ่งควรอยู่ในทิศทางขาลง (ราคาจะก่อตัวที่ระดับต่ำสุดและระดับต่ำสุดที่ต่ำลง) จากนั้นหารูปแบบ bearish harami ที่ระดับแนวต้านสำคัญ
เปิดการค้าขายที่ฝ่าวงล้อมของแท่งเทียน inside จากนั้นวาง Stop Loss เหนือระดับสูงสุดของแท่งเทียนขาขึ้นหรือเหนือโซนแนวต้าน
ตั้งระดับการทำกำไรเป็น 61.8 Fibonacci และจุดต่ำสุดของคลื่นขาขึ้นก่อนหน้า
Bearish harami เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่ดีที่สุด และฉันยังใช้เพื่อการคาดการณ์ เป็นหนึ่งในรูปแบบแท่งเทียนที่ฉันชอบ ฉันจะแนะนำให้คุณใช้รูปแบบนี้เพื่อตรวจสอบการกลับตัวของแนวโน้ม
อย่างไรก็ตาม ควรใช้รูปแบบนี้ในกรอบเวลาที่ต่ำกว่า เช่น 1M และ 5M สามารถใช้สำหรับการซื้อขายแบบสวิงและการซื้อขายระหว่างวัน กรอบเวลารายวันและรายสัปดาห์สร้างรูปแบบ bearish harami ที่มีความเป็นไปได้สูงมาก
อย่าลืม backtest รูปแบบแท่งเทียนนี้อย่างน้อย 100 ครั้งเพื่อให้เชี่ยวชาญ รูปแบบนี้จะช่วยคุณได้มากในการซื้อขาย
__________________________________________
Pending Order :
เป็นเครื่องมือหรือคำสั่งที่สำคัญของ mt4 หากใครต้องการวางคำสั่งที่ระดับแนวรับหรือแนวต้าน แต่ปัจจุบันตลาดไม่ได้อยู่ที่ระดับนี้ เขา/ชีสามารถวางคำสั่งที่รอดำเนินการได้แทนที่จะรอ
คำสั่งที่รอดำเนินการจะเปิดการค้าโดยอัตโนมัติเมื่อราคาไปที่ตำแหน่งคำสั่งที่รอดำเนินการ คำสั่งที่รอดำเนินการมี 4 ประเภทเช่น Buy Stop, Sell Stop, Buy Limit และ Sell Limit
วิธีการวางคำสั่งที่รอดำเนินการ:
1) Buy Stop:
สมมติว่า EURUSD ราคาตลาดปัจจุบัน 1.3710 คุณต้องการซื้อ EURUSD เมื่อราคาจะเพิ่มขึ้น 1.3750 จากนั้นคุณสามารถวางคำสั่ง BUY STOP ที่ 1.3750 ขั้นตอนคือ:
คลิก คำสั่งซื้อใหม่ > เลือกประเภทคำสั่งซื้อ: รอดำเนินการ > เลือกประเภทคำสั่งซื้อที่รอดำเนินการ: Buy Stop > ตั้งค่า Buy Stop Point ในราคา > คลิก Place
คุณยังสามารถกำหนดวันหมดอายุและเวลาสำหรับคำสั่งซื้อที่รอดำเนินการได้อีกด้วย เมื่อคุณตั้งค่าเหล่านี้ คำสั่งซื้อที่รอดำเนินการของคุณจะถูกลบโดยอัตโนมัติตามวันและเวลาหมดอายุ
2)Sell Stop:
สมมติว่าราคาตลาดปัจจุบัน AUDNZD คือ 1.0793 คุณต้องการขาย AUDNZD เมื่อราคาจะลดลงที่ 1.0770 จากนั้นคุณสามารถวางคำสั่ง SELL STOP ที่ 1.0770
ขั้นตอนคือ:
คลิกคำสั่งใหม่ > เลือกประเภทคำสั่งซื้อ: รอดำเนินการ > เลือกประเภทคำสั่งที่รอดำเนินการ: ขายหยุด > ตั้งค่าจุดหยุดขายของคุณในราคา > คลิกวาง
3) Buy Limit:
สมมติว่าราคาตลาดปัจจุบัน AUDUSD คือ 0.9300 ที่คุณต้องการซื้อ AUDUSD เมื่อราคาจะลงไปที่ 0.9270 จากนั้นคุณสามารถวางคำสั่ง BUY LIMIT ที่ 0.9270 ขั้นตอนคือ:
คลิกคำสั่งซื้อใหม่ > เลือกประเภทคำสั่งซื้อที่รอดำเนินการ > เลือกประเภทคำสั่งซื้อที่รอดำเนินการ: ซื้อขีดจำกัด > กำหนดจุดซื้อของคุณในที่ราคา > คลิกวาง4) ขีดจำกัดการขาย:สมมติว่าราคาตลาดปัจจุบัน USDJPY คือ 101.55 คุณต้องการขาย AUDUSD เมื่อราคาจะไป ขึ้นที่ 101.70 . จากนั้นคุณต้องวาง SELL LIMIT ที่ 101.70 ขั้นตอนคือ:คลิก คำสั่งซื้อใหม่ > เลือกประเภทคำสั่งซื้อที่รอดำเนินการ > เลือกประเภทคำสั่งซื้อที่รอดำเนินการ: SELL Limit > กำหนดจุดขายของคุณในราคา > คลิก Place
_______________________________________________
เป็นกลยุทธ์การซื้อขายรายวันแบบง่ายๆ กับBollinger BandsและRVI (Relative Vigor Index ) ในระบบการซื้อขายนี้ คุณสามารถค้นหาการตั้งค่าการซื้อขายด้วยความช่วยเหลือของอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคทั้งสองนี้ ในกลยุทธ์นี้ คุณสามารถซื้อจากพื้นที่ขายมากเกินไป และคุณสามารถรับสัญญาณขายจากพื้นที่ซื้อมากเกินไป อินดิเคเตอร์ทั้งสองวัดพื้นที่ซื้อเกินและขายเกินของตลาด ดังนั้นคุณสามารถรับสัญญาณจากการรวมกันของตัวบ่งชี้ทั้งสองนี้
อินดิเคเตอร์ที่จำเป็น:
(1) อินดิเคเตอร์ Bollinger Bands
(2) อินดิเคเตอร์ RVI (ดัชนีความแข็งแรงสัมพัทธ์)
วิธีหาสัญญาณซื้อ
เมื่อราคาตลาดมาถึงBollinger Bands ที่ต่ำกว่าจากนั้นคุณต้องหาสัญญาณซื้อ เมื่อตลาดแตะระดับล่างและดึงกลับจากระดับนั้น คุณต้องดูอินดิเคเตอร์RVI เมื่อRVIทำครอสโอเวอร์ในทิศทางขึ้น คุณจะได้รับการยืนยันสำหรับการเข้าซื้อ
ตัวอย่างการตั้งค่า Buy
วิธีค้นหาสัญญาณ Sell ใน Bollinger Bands
ที่สูงกว่าคุณต้องหาสัญญาณขาย เมื่อราคาตลาดแตะระดับที่สูงขึ้นและถูกปฏิเสธจากระดับนั้น คุณต้องดูที่ตัอินดิเคเตอร์RVI เมื่อRVIทำครอสโอเวอร์ในทิศทางลง คุณจะได้รับการตั้งค่าการขาย ตัวอย่างการตั้งค่าการขายกรอบเวลา: H1, H4 มีความเหมาะสม คุณสามารถทดสอบในกรอบเวลาอื่นได้
คู่สกุลเงิน:ทุกคู่
Take profit และ Stop Loss:จุดทำกำไรควรอยู่ที่ 50-70 pip ทำกำไรได้สูงขึ้นสำหรับกรอบเวลา H4 และรายวัน สำหรับ Scalping คุณสามารถตั้งค่าการทำกำไรได้ 30-50 pip เมื่อราคาไปถึงบริเวณที่ซื้อมากเกินไป คุณจำเป็นต้องปิดการซื้อขายของคุณ ในทำนองเดียวกัน สำหรับรายการขาย คุณต้องปิดคำสั่งขายของคุณ เมื่อราคาตลาดมาถึงพื้นที่ขายมากเกินไป
คุณสามารถตั้งค่าการหยุดขาดทุนตามแนวรับและแนวต้านล่าสุดได้
คำเตือนความเสี่ยง:สำหรับการเข้าร่วม คุณต้องได้รับการยืนยันจากอินดิเคเตอร์ทั้งสอง ต้องติดตามการบริหารเงินทฤษฎีสำหรับการปฏิบัติตามกลยุทธ์นี้ คุณควรรับความเสี่ยง 1-2% สำหรับทุกการซื้อขายของคุณเท่านั้น
________________________________________________
ตอนนี้เราจะมาดูกันว่าลักษณะผู้เทรด forex ที่ประสบความสำเร็จทั้งหมดมีเหมือนกันอย่างไร สิ่งแรกที่ฉันต้องการแจ้งให้คุณทราบคือการซื้อขายฟอเร็กซ์ไม่ใช่วิทยาศาสตร์จรวดหรืออะไรทั้งสิ้น ซึ่งสามารถทำได้โดยคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ไม่มีความลับใดที่จะประสบความสำเร็จในการซื้อขายฟอเร็กซ์ ใครๆ ก็ประสบความสำเร็จได้ โชคลาภ เพียงทำตามลักษณะทองคำ 7 ประการ ได้แก่ Passion
•ความมุ่งมั่น •ความมุ่งมั่น •ความมุ่งมั่น •ความมั่นใจ •วินัย •ความอดทน
นักเทรดฟอเร็กซ์ที่ประสบความสำเร็จไม่คิดว่าการเทรดฟอเร็กซ์เป็นงาน พวกเขาไม่ได้ค้าขายเพื่อเงินเท่านั้น พวกเขารักการค้าขายและสนุกกับทุกช่วงเวลาไม่ว่าจะเป็นการค้าขายหรือเพียงแค่นั่งอดทนสำหรับโอกาสที่ถูกต้องและผ่อนคลายและมันคือวิถีชีวิตของพวกเขา มันง่ายมากเช่นนี้ “แค่เล่น มีความสุข. สนุกกับเกม.” หากคุณไม่สนุกกับ forex ให้ทำอย่างอื่นในสิ่งที่คุณชอบในขณะที่ทำ
ผู้เทรด forex ที่ประสบความสำเร็จมีกลยุทธ์การซื้อขายที่ชัดเจนและเรียบร้อยที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ซึ่งรวมถึงแผนการซื้อขาย การบริหารความเสี่ยง และการจัดการเงิน ผู้เทรด forex ที่ประสบความสำเร็จทำตามแผนการเพื่อบีบเงินจากตลาด forex พวกเขามีคำตอบทั้งหมดก่อนเข้าสู่การค้า ซึ่งรวมถึงคำถามต่อไปนี้และอื่น ๆ อีกมากมายตามกลยุทธ์การซื้อขายที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง
• เมื่อใดควรเข้าสู่การค้า?
• ฉันจะได้กำไรที่เป็นไปได้เท่าใดจากการซื้อขายนี้?
• ความเสี่ยงของฉันในการค้าขายนี้อยู่ที่เท่าไร?
• ฉันควรจะอยู่ในการค้านี้จนถึงเวลาใด?
• หากตลาดแสดงสัญญาณที่ไม่เอื้ออำนวย จะออกอย่างไร?
เทรดเดอร์ forex ที่ประสบความสำเร็จมีวินัยอย่างมากกับกลยุทธ์การซื้อขายของพวกเขา พวกเขาเชื่อในมันและยึดติดกับมันจนกว่าพวกเขาจะทำการซื้อขายที่กำหนดไว้ล่วงหน้าสองสามรายการ เช่น การซื้อขาย 100 หรือ 500 รายการเพื่อสร้างรายงานกลยุทธ์การซื้อขายของพวกเขา
เทรดเดอร์ forex ที่ประสบความสำเร็จมีความคิดที่แข็งแกร่งและยังมี ballz ที่จะรับความเสี่ยงจากการคำนวณที่จำเป็น พวกเขาได้ฝึกฝนตนเองให้อยู่ห่างจากความรู้สึกที่เป็นอันตราย เช่น ความกลัว ความโลภ และความภาคภูมิใจ ใช่ แม้ว่าพวกเขาจะสูญเสียการซื้อขายสองครั้งติดต่อกันในขณะที่ทำตามกลยุทธ์การซื้อขาย ผู้เทรด forex ที่ประสบความสำเร็จก็ไม่ได้อ่อนแอทางอารมณ์ พวกเขามีความแข็งแกร่งและมั่นใจในกลยุทธ์การซื้อขายของพวกเขาและรู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่? พวกเขาพยายามเข้าใจสถานการณ์และทำงานตามความจำเป็น ผู้เทรด forex ที่ประสบความสำเร็จจะไม่เปลี่ยนกลยุทธ์ของพวกเขาหลังจากสูญเสียการซื้อขายสองครั้งติดต่อกัน พวกเขาอาจหยุดพักและคิดด้วยมุมมองใหม่ แต่ยังคงปฏิบัติตามกฎพื้นฐานที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ผู้เทรด forex ที่ประสบความสำเร็จเชื่อและยึดมั่นในกลยุทธ์การซื้อขายของพวกเขา เพราะพวกเขารู้ว่าผลลัพธ์ไม่ได้ถูกคำนวณเป็นรายวันและ/หรือบนพื้นฐานของการซื้อขายทุกครั้ง ผลลัพธ์จะถูกคำนวณหลังจากการเทรดจำนวนมาก เช่น หลังจากทุกๆ 100 หรือ 500 การเทรด และ/หรือหลังกรอบเวลารายไตรมาสหรือรายปี
เทรดเดอร์ forex ที่ประสบความสำเร็จนั้นมีการแข่งขันสูงเหมือนกับนักกีฬาคนอื่นๆ พวกเขาคอยจับตาดูสถานการณ์ของตลาดในปัจจุบันอยู่เสมอเพื่อให้ได้เปรียบว่าพวกเขาจะได้รับประโยชน์จากตลาดฟอเร็กซ์ได้อย่างไร และพร้อมที่จะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ตลาดปัจจุบันในเวลาที่ถูกต้อง ผู้เทรด forex ที่ประสบความสำเร็จนั้นก้าวร้าวมากในการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากสถานการณ์ตลาดในปัจจุบัน แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ถูกลงโทษด้วยการปฏิบัติตามกลยุทธ์การซื้อขายของพวกเขา แท้จริงแล้วเป็นกลยุทธ์การซื้อขายที่ช่วยให้พวกเขาอดทนรอเวลาที่ถูกต้อง ค้นหาโอกาสที่มีความเสี่ยงต่ำในการเข้าสู่การค้าเพื่อรับประโยชน์จากมัน
เทรดเดอร์ forex ที่ประสบความสำเร็จนั้นมีประโยชน์อย่างมาก พวกเขาฝึกฝนตนเองให้พากเพียรในทุกวิถีทาง เทรดเดอร์ forex ที่ประสบความสำเร็จจะไม่ทำร้ายตัวเองด้วยความรู้สึกเชิงลบเช่นอีโก้หรือเสียใจหากพวกเขาสูญเสียการค้าหรือการค้าขายติดต่อกัน พวกเขาเป็นจริงและเข้าใจว่าการสูญเสียการค้าและ/หรือการสูญเสียเล็กน้อยเป็นส่วนหนึ่ง ของธุรกิจซื้อขายแลกเปลี่ยนนี้ เทรดเดอร์ forex ที่ประสบความสำเร็จเป็นกีฬา พวกเขายินดีที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และได้รับประสบการณ์จากการสูญเสียเล็กๆ น้อยๆ ดังกล่าว พวกเขาเดินหน้าต่อไป ปรับตัวและวิเคราะห์สถานการณ์ของตลาดที่ถูกต้อง และทำงานได้ดียิ่งขึ้นในวันก่อน
การซื้อขาย Forex เป็นศิลปะ ใครๆ ก็ประสบความสำเร็จและเชี่ยวชาญในการซื้อขายฟอเร็กซ์ได้ด้วยการทำความเข้าใจ ปฏิบัติตาม และฝึกฝนคุณสมบัติที่กล่าวมาทั้งหมดอย่างเหมาะสม ดังคำกล่าวที่ว่า “ยิ่งฝึกหนัก ก็ยิ่งโชคดี
________________________________________________
มีชื่อเรียกต่างๆ มากมายสำหรับรูปแบบแท่งเทียนทั้งหมด แต่โดยพื้นฐานแล้วแนวคิดเบื้องหลังรูปแบบแท่งเทียนทั้งหมดนั้นเหมือนกัน กล่าวคือ ยิ่งร่างจริงมากเท่าไหร่ ความแข็งแกร่งของเทรนด์นั้นยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งเป็นเงา ยิ่งมีความไม่แน่ใจ ในตลาดฟอเร็กซ์เพราะเงาเป็นผลมาจากการต่อสู้ของกระทิงและหมีและจบลงด้วยการเสมอกันหรือเสมอกัน
☑️ แท่งเทียนญี่ปุ่นให้ราคาทั้งสี่ประเภท ได้แก่ เปิด สูง ต่ำ และปิดสำหรับกรอบเวลาใด ๆ ที่เกี่ยวข้อง
☑️ ตัวจริง เช่น แท่งเทียนกลวง (สีขาว) หรือส่วนที่เติม (สีดำ) ของแท่งเทียนแสดงความแตกต่างของการเคลื่อนไหวของราคาระหว่างราคาเปิดและราคาปิด
☑️ เงา คือ เส้นแนวตั้งด้านบนและด้านล่างของวัตถุจริงแสดงราคาซื้อขายสูงสุดและต่ำสุดสำหรับกรอบเวลาใด ๆ ที่เกี่ยวข้อง
☑️ แท่งเทียน Bullish เกิดขึ้น เช่น แท่งเทียนแท่งจริงสีขาวหรือสีเขียว หากราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด
☑️ แท่งเทียน Bearish เกิดขึ้น เช่น แท่งเทียนแท่งจริงสีดำหรือสีแดง หากราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด
☑️ แท่งเทียนแท่งเดียวที่สมบูรณ์ เช่น เงา + ตัวจริงแสดงช่วงการซื้อขายทั้งหมดสำหรับกรอบเวลาใด ๆ ที่เกี่ยวข้อง
☑️ แท่งเทียนถูกสร้างขึ้นในทุกขนาด เช่น จากขนาดสั้นมากที่ไม่มีตัวจริงไปจนถึงขนาดมหึมาที่ไม่มีเงา
☑️ การรวมกันของหลายแท่งเทียนที่ใช้สำหรับการเก็งกำไรในตลาดฟอเร็กซ์นั้นเรียกว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิครูปแบบแผนภูมิแท่งเทียนของญี่ปุ่น และมีรูปแบบแท่งเทียนสามประเภทที่แตกต่างกันไปจากแท่งเทียนเดี่ยวถึงสามแท่ง
มีรูปแบบแท่งเทียนมากมาย และรูปแบบแท่งเทียนทุกรูปแบบสะท้อนข้อมูลตลาดประเภทต่างๆ บางส่วนสะท้อนถึงความต่อเนื่องของแนวโน้มในปัจจุบัน บางส่วนสะท้อนถึงสัญญาณเตือนสำหรับแนวโน้มปัจจุบัน และบางส่วนสะท้อนถึงการกลับตัวที่อาจเกิดขึ้นในแนวโน้มปัจจุบัน รายการรูปแบบแท่งเทียนที่สำคัญทั้งหมดพร้อมบทบาทตามลำดับมีดังต่อไปนี้
☑️ ควรใช้รูปแบบแท่งเทียนเป็นเครื่องมือในการยืนยันการตั้งค่าการค้าในบริบทของกลยุทธ์การซื้อขายส่วนบุคคลของคุณ อย่าตัดสินใจซื้อขายตามรูปแบบแท่งเทียนเพียงอย่างเดียว
☑️ รูปแบบแท่งเทียนจะเกิดขึ้นหลังจากมีราคาปิดสุดท้ายเท่านั้น อย่าตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับรูปแบบแท่งเทียนใดๆ ในขณะที่เซสชั่นการซื้อขายมีการใช้งานสำหรับกรอบเวลาใดๆ ที่เกี่ยวข้อง
☑️ รูปแบบแท่งเทียนทั้งหมดจะใช้ได้จนกว่าราคาจะเคารพรูปแบบ กล่าวคือ ราคาเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่เหมาะสม และหลังจากนั้น การตัดสินใจซื้อขายสำหรับคู่สกุลเงินใดๆ ก็ตาม หากราคาแสดงพฤติกรรมที่ตรงกันข้ามหรือต่างกันแล้วแท่งเทียน รูปแบบถือว่าล้มเหลวหรือไม่ถูกต้อง
☑️ แม้ว่ารูปแบบแท่งเทียนที่สมบูรณ์แบบจะเกิดขึ้นแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าราคาจะเป็นไปตามการวิเคราะห์รูปแบบ 100% แน่นอน รูปแบบอาจล้มเหลวในบางครั้ง แต่แนะนำให้รอการยืนยันราคาเพื่อคำนวณ ความเสี่ยงต่ำสำหรับผลกำไรที่สูงขึ้น เช่น ให้ตลาดกระทิงและตลาดหมีแสดงอำนาจโดยการกดหรือดึงราคา
☑️ หากแท่งเทียนแท่งเดียวและ/หรือรูปแบบแท่งเทียนทั้งหมดเกิดขึ้นที่ระดับแนวรับและแนวต้าน เราได้รับการยืนยันราคาเป็นสองเท่า ส่งผลให้เราสามารถทำกำไรจากโอกาสในการซื้อขายฟอเร็กซ์ที่มีความเสี่ยงต่ำเพื่อเก็บเกี่ยวผลกำไรมหาศาลจากการค้าขาย
________________________________________________
เมื่อคุณเป็นเทรดเดอร์ Forex มีเครื่องมือบางอย่างที่คุณต้องการเพื่อให้มีประสิทธิภาพ เช่นเดียวกับที่ช่างไฟฟ้าต้องการเครื่องมือของพวกเขา ในขณะที่ทำการซื้อขาย Forex มีหลายอย่างที่คุณต้องการ แต่ 10 อันดับแรกในหมู่พวกเขาคือ:
สำหรับการวิเคราะห์ของคุณ อินดิเคเตอร์ทางเทคนิคมีความสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยให้คุณรู้ว่าเมื่อใดควรเข้าและออกจากการเทรด และคุณควรทำอย่างนั้นหรือไม่ ทุกแพลตฟอร์มการซื้อขายจะมีอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคที่มาพร้อมกับซอฟต์แวร์ และสิ่งเหล่านี้ก็เพียงพอแล้ว อย่างไรก็ตาม คุณสามารถได้รับมากขึ้นและดีขึ้นเสมอโดยการดาวน์โหลดจากบางไซต์เช่นMQL5 อย่าลืมตรวจสอบแหล่งที่มาของคุณเมื่อดาวน์โหลดอินดิเคเตอร์ที่กำหนดเอง เนื่องจากพวกเขาสามารถส่งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับบัญชีของคุณได้ ดาวน์โหลดจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น
ตอนนี้คุณจะทำการซื้อขายได้อย่างไรหากคุณไม่มีแพลตฟอร์มการซื้อขาย? มีแพลตฟอร์มการซื้อขายหลายยี่ห้อ แต่ละแห่งมีข้อดีและข้อเสียต่างกันไป และฉันไม่สามารถพูดได้ว่าอันไหนดีที่สุด สิ่งสำคัญคือคุณจะพบสิ่งที่คุณพอใจและวิธีการซื้อขาย ตัวอย่างเช่น บางแพลตฟอร์มอาจไม่สามารถใช้ได้กับอุปกรณ์มือถือ ซึ่งเป็นเรื่องไม่ดีสำหรับผู้ค้าที่กำลังเดินทาง
อินดิเคเตอร์ทางเทคนิคและที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญไม่ทำงานเมื่อคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนของคุณไม่ได้ใช้งาน นั่นหมายความว่าไม่มีประโยชน์เลยเว้นแต่คุณจะมี VPS มีเหตุผลมากขึ้นที่จะใช้ VPSในการซื้อขาย Forex ของคุณ ทั้งหมดนี้ทำให้การลงทุนและทางเลือกที่ชาญฉลาด
นอกจากสิ่งที่ผู้คนกำลัง ‘พูด’ แล้ว คุณต้องรู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่ เป็นการยากที่จะหาข้อมูลในตลาด Forex เนื่องจากมีการกระจายอำนาจ แต่CFTCมีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับตลาดการเงินที่สำคัญอย่างยิ่ง
นักวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานไม่สามารถทำได้โดยปราศจากมัน และนักวิเคราะห์ทางเทคนิคจะต้องตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากแผนภูมิ Forex ปฏิทินดังกล่าวสามารถพบได้บนเว็บไซต์ FXStreet ซึ่งจะแสดงประกาศที่จะเกิดขึ้นทั้งหมดและจัดเรียงตามความสำคัญ ท้ายที่สุด มีเรื่องมากมายเกิดขึ้น และคุณไม่ควรจมอยู่กับเรื่องไร้สาระ
ในกรณีนี้ เทรดเดอร์ทุกคนสามารถให้คำแนะนำหรือขอความช่วยเหลือได้ฟรี นี่คือที่ที่คุณจะได้เรียนรู้ว่าผู้ค้ารายอื่นคิดอย่างไรเกี่ยวกับตลาด และอาจเป็นมาตรวัดที่ดีของความเชื่อมั่นของตลาด
ผ่านฟอรั่มเหล่านี้ คุณยังได้เรียนรู้โดยตรงจากผู้ค้ารายอื่นเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขา ตัวอย่างเช่น คุณสามารถหาที่ไหนสักแห่งเพื่อตรวจสอบข้อมูลโบรกเกอร์ Forexและยืนยันกับสิ่งที่พวกเขาโฆษณาเพื่อหลีกเลี่ยงการฉ้อโกง
เห็นได้ชัดว่าใครก็ตามที่ไม่รู้วิธีแลกเปลี่ยนควรหาคนมาฝึกฝนพวกเขา – นี่คือเงินที่เรากำลังพูดถึงและไม่ควรถูกมองว่าเป็นการพนัน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้เรียนรู้ทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับตลาด Forex ก่อนที่คุณจะทำการซื้อขายครั้งแรก สำหรับเทรดเดอร์ที่ช่ำชอง เราทุกคนยังคงต้องการการทบทวน – เรียนรู้สิ่งใหม่และดีขึ้น Babypips มีSchool of Pipsology
จะไปงานจริงทำไมเมื่อคุณมีอินเทอร์เน็ต? ไม่มีการแทนที่การสนทนาแบบตัวต่อตัวที่เกิดขึ้นจริงในทุกสาขา นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยมากมายในระหว่างกิจกรรม Forex เหล่านี้ ซึ่งคุณจะไม่สามารถพบได้ในฟอรัมออนไลน์หรือโปรแกรมการฝึกอบรมใดๆ
ไม่มีเครื่องมือใดที่จะช่วยคุณได้หากคุณไม่สามารถใช้มันได้อย่างมีกลยุทธ์ ดังนั้นในที่สุดคุณต้องมีกลยุทธ์ กลยุทธ์ของคุณต้องครอบคลุมขั้นตอนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายตั้งแต่แรกจนถึงขั้นตอนสุดท้าย
ผู้ค้า Forex ส่วนใหญ่ที่มีปัญหาในการทำในอุตสาหกรรมนี้ประสบปัญหานี้ – ไม่สามารถควบคุมจิตใจได้ มันจะเป็นสิ่งที่ยากที่สุดที่จะทำ แต่ก็เป็นอุปสรรค์สุดท้ายและเป็นเครื่องมือที่ต้องมีในคลังแสงของผู้ซื้อขายของคุณ
________________________________________________
ประโยชน์ของการซื้อขาย Forex บนเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวเสมือน(VPS)
ในฐานะผู้ซื้อขาย Forex ออนไลน์ คุณสามารถตัดสินใจใช้คอมพิวเตอร์ที่บ้านของคุณเพื่อซื้อขายหรือใช้จ่ายเงินบนเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวเสมือน (VPS) หากคุณมีระบบการซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน คุณต้องมีเซิร์ฟเวอร์เพื่อโฮสต์เทอร์มินัล(Host-Terminal) การซื้อขายของคุณ Host-Terminal การตั้งค่า และการบำรุงรักษาเซิร์ฟเวอร์นั้นยากและมีราคาแพง
VPS เป็นเซิร์ฟเวอร์เสมือนที่ขายเป็นผู้ให้บริการผ่านผู้ให้บริการโฮสต์(Host)เว็บไซต์บนเว็บ คุณเพียงแค่เช่าพื้นที่ออนไลน์แทนการซื้อและโฮสต์(Host)เซิร์ฟเวอร์ของคุณเอง จะช่วยลดงานของคุณเสียจากการตั้งค่าและการบำรุงรักษาเซิร์ฟเวอร์ใดๆ
เซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวเสมือนให้เซิร์ฟเวอร์ออนไลน์เพื่อโฮสต์(Host)แพลตฟอร์มการซื้อขายและกิจกรรมการซื้อขายของคุณเพื่อให้แน่ใจว่าแพลตฟอร์มการซื้อขายของคุณออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากความผิดปกติของพีซีหรือไฟฟ้า แพลตฟอร์มการซื้อขายของคุณจะทำงานไม่หยุดนิ่ง
ประโยชน์ประการแรกของ VPS คือคุณสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มการซื้อขายของคุณได้อย่างง่ายดายจากทุกที่ในโลก ทุกเวลาของวัน สิ่งนี้ช่วยให้คุณได้เปรียบในการซื้อขายทุกเวลาที่คุณต้องการ คุณไม่จำเป็นต้องอยู่ในสำนักงานหรือที่บ้านเพื่อเข้าสู่ระบบและซื้อขายบนแพลตฟอร์มการซื้อขายของคุณ คุณสามารถเข้าถึงได้จากมือถือ แท็บเล็ต และอุปกรณ์มือถืออื่นๆ ในแพลตฟอร์ม VPS ของคุณ
VPS ตั้งอยู่ในสภาพแวดล้อมเฉพาะที่ปลอดภัย ห่างจากบ้านหรือที่ทำงานของคุณ เนื่องจากความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ค้า forex เป็นคุณสมบัติหลักแม้ในการซื้อขายออนไลน์ VPS ปรับปรุงการรักษาความปลอดภัยโดยทำให้แน่ใจว่าไม่มีช่องโหว่หรือภัยพิบัติจากส่วนกลางที่อาจก่อให้เกิดอันตรายด้านความปลอดภัยที่สำคัญที่สุดพร้อมๆ กันในการซื้อขาย VPS มุ่งมั่นที่จะซื้อขาย โดยลดความน่าจะเป็นของการหยุดทำงานและการแฮ็ก
เซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวเสมือนมีชุมชนเฉพาะ ซึ่งหมายความว่าแพลตฟอร์มการซื้อและขายของคุณสามารถออนไลน์ได้ 24-7 พร้อมการตรวจสอบและบำรุงรักษาอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะช่วยลดการหยุดชะงักและการหยุดชะงักของชุมชน คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับแพลตฟอร์มการซื้อขายของคุณ เนื่องจาก VPS ไม่เพียงแต่มอบความเร็วที่ดีที่สุดสำหรับกิจกรรมการซื้อขายของคุณ แต่ยังรวมถึงการสำรองข้อมูลที่เชื่อถือได้เพื่อรักษาแพลตฟอร์มของคุณทางออนไลน์และมีเสถียรภาพในบางจุด
ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น VPS ถูกโฮสต์(Host)ออนไลน์ ซึ่งอนุญาตให้คุณเข้าสู่แพลตฟอร์มการซื้อขายของคุณได้ตลอดเวลาของวัน แพลตฟอร์มของคุณจะยังคงออนไลน์อยู่เสมอโดยไม่คำนึงถึงปัญหาด้านพลังงานหรือความล้มเหลวของเครือข่ายที่คุณเผชิญได้ที่บ้านหรือที่ทำงาน
Virtual Private Server เป็นเซิร์ฟเวอร์ที่โฮสต์(Host)บนคอมพิวเตอร์กับเว็บไซต์อื่นสองสามแห่งอย่างแน่นอน VPS ของคุณจะมีเซิร์ฟเวอร์ของตัวเอง ซึ่งคุณสามารถปรับแต่งและจัดการได้ทุกเมื่อ คุณสามารถเปลี่ยนแปลงโปรแกรมใดๆ ก็ได้บนระบบปฏิบัติการเพื่อให้เหมาะกับความต้องการของคุณ
เมื่อใช้ VPS คุณสามารถเข้าสู่ระบบแพลตฟอร์มของคุณได้จากทุกที่บนโลกใบนี้ด้วยอุปกรณ์มือถือของคุณ แพลตฟอร์มของคุณจะยังคงออนไลน์อยู่แม้ว่าจะมีการพังทลายของพีซีและไฟฟ้าดับ ด้วยสินทรัพย์เฉพาะ คุณสามารถอัปโหลดเอกสาร ควบคุมแพลตฟอร์มของคุณ และดำเนินการตามภาระผูกพันอื่น ๆ กับแพลตฟอร์มการซื้อขายของคุณโดยไม่ต้องอาศัยประสิทธิภาพโดยรวมของการซื้อขายออนไลน์ของคุณโดยประมาณ
________________________________________________
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า Forex Trading มีข้อได้เปรียบที่ไม่เหมือนใครมากมาย มี 2 สิ่งที่ผู้ค้า forex ต้องระวังในขณะที่ทำการซื้อขายในตลาด forex ฉันจะไม่พูดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นข้อเสียหรือข้อเสียของตลาด forex แต่นี่เป็นเพียงสิ่งที่เราต้องดูแลในขณะที่ทำการซื้อขาย forex ฉันได้จัดเตรียมรายการด้านล่างพร้อมโซลูชัน (solutions) ที่เราสามารถเพลิดเพลินกับการซื้อขายแลกเปลี่ยนของเราได้อย่างปลอดภัย
นี่คือจุดที่ไม่ซ้ำกันซึ่งใช้ได้ผลทั้ง 2 วิธี การกระจายอำนาจหมายความว่าไม่มีหน่วยงานกลางหรือสำนักหักบัญชีกลางใด ๆ ที่จะรับประกันการค้าหรือตัดสินข้อพิพาททางการค้า อย่างไรก็ตาม ตลาดฟอเร็กซ์ที่มีการกระจายอำนาจนั้นดำเนินไปอย่างราบรื่นและถูกควบคุมโดยผู้เข้าร่วมจำนวนมาก ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลสภาพคล่องและผู้ให้บริการสภาพคล่อง โดยการซื้อขายฟอเร็กซ์กับธนาคารหรือโบรกเกอร์ใดๆ เราสามารถพูดได้ว่าเรากำลังซื้อขายโดยตรงกับพวกเขาบนพื้นฐานของข้อตกลงระหว่างเราเท่านั้น หากมีข้อพิพาททางการค้าใดๆ จะถูกตรวจสอบก่อนตามกฎของธนาคารหรือโบรกเกอร์ forex ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าและข้อกำหนดและเงื่อนไข หลังจากนั้นด้วยกฎระเบียบหรืออำนาจของบุคคลที่สาม เป็นเพราะการกระจายอำนาจนี้
มีหน่วยงานกำกับดูแลหลายแห่งที่ให้การรับประกันว่าเรากำลังซื้อขายกับโบรกเกอร์ forex ที่เชื่อถือได้ และเงินของเรามีความปลอดภัย หน่วยงานกำกับดูแลเหล่านี้มีชุดของกฎและข้อกำหนดและเงื่อนไข ซึ่งโบรกเกอร์ forex ต้องปฏิบัติตามเพื่อรับใบรับรองความน่าเชื่อถือจากหน่วยงานกำกับดูแลเหล่านี้ เราสามารถซื้อขายได้โดยปราศจากข้อสงสัยโดยการเลือกโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่เหมาะสมซึ่งมีใบรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแล
ตลาด Forex ที่เป็นตลาดเก็งกำไรขนาดใหญ่ที่สุดในโลกก็เป็นตลาดที่มีความผันผวนมากที่สุดในช่วงเวลาที่มีข่าวด่วนที่สำคัญหรือในเวลาที่มีการประกาศตัวเลขทางการเงิน เราสามารถใช้ความผันผวนนี้ได้ทั้งสองทาง เราสามารถทำกำไรจากพวกเขาโดยการสร้างกลยุทธ์การซื้อขายหรือสูญเสียเงินทุนของเราโดยการซื้อขายโดยไม่รู้ตัวในช่วงเวลาแห่งความผันผวน
ปฏิทินเศรษฐกิจฟอเร็กซ์เปิดให้เทรดเดอร์ฟอเร็กซ์ทุกรายสามารถออนไลน์ได้ฟรี ดังนั้นนักเทรดฟอเร็กซ์จึงสามารถใช้เครื่องมือการซื้อขายฟอเร็กซ์นี้เพื่อรับทราบก่อนส่งมอบและปกป้องตำแหน่งจริงของตน เพื่อป้องกันข่าวด่วน เทรดเดอร์สามารถหยุดการขาดทุนด้วยการเทรดของเขาเสมอ เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องเจอกับการสูญเสียใดๆ ที่เขาไม่สามารถยอมขาดทุนได้
Bucket Shop ฟอเร็กซ์คือโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่อยู่ตรงข้ามกับการเทรดฟอเร็กซ์ของคุณ ซึ่งหมายความว่าการสูญเสียของคุณคือกำไรของพวกเขา และโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ดังกล่าวส่วนใหญ่ไม่มีใบรับรองของหน่วยงานกำกับดูแลใด ๆ เพื่อให้สามารถจัดการราคาฟอเร็กซ์และ/หรือ ขยายสเปรดเพื่อกินผลกำไรของคุณ และ/หรือหยุดแพลตฟอร์มการซื้อขายฟอเร็กซ์ในช่วงเวลาที่ทำกำไรได้มากที่สุด หากโชคดีโดยบังเอิญคุณทำกำไรได้ ก็ยังไม่มีการรับประกันว่าคุณจะสามารถถอนเงินของคุณในเวลาที่คุณต้องการได้ โบรกเกอร์ forex ดังกล่าวมักจะดึงดูดผู้ค้าโดยเสนอโบนัสและรางวัลมากมาย
ไม่ว่าโปรโมชั่นหรือรางวัลใดๆ ที่โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์จะเสนอให้ ให้อยู่ห่างจากโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่ไม่อยู่ภายใต้อำนาจการกำกับดูแลใดๆ
ตลาดซื้อขายฟอเร็กซ์มีขนาดใหญ่มากและมีโอกาสสร้างรายได้มหาศาล เนื่องจากมีผู้คนจำนวนมากที่หลอกลวงนักลงทุนและผู้ค้ามือใหม่โดยแสดงแผ่นกำไรมหาศาลและ/หรือตัวบ่งชี้/ซอฟต์แวร์แฟนซีและ/หรือแผนการลงทุนบางประเภท
พึงระลึกไว้เสมอว่าประสิทธิภาพในอดีตของระบบการซื้อขายหรือวิธีการใดๆ ไม่ได้บ่งบอกถึงผลลัพธ์ในอนาคตเสมอไป ก่อนซื้ออินดิเคเตอร์หรือซอฟต์แวร์ใดๆ และ/หรือก่อนเข้าร่วมโครงการลงทุนใดๆ โปรดขอการรับประกันและ/หรือการรับรองความปลอดภัยของเงินทุนและ/หรือการรับรองความถูกต้องของแผ่นกำไร และคำถามอื่นๆ ที่คุณคิดได้ว่ามีความปลอดภัย
________________________________________________