4 ประเภทของนักเทรด คุณเป็นนักเทรดแบบไหน?

เป็นนักเทรดที่ถือออร์เดอร์นานเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนบางครั้งอาจนานเป็็นปี โดยมีการศึกษาปัจจัยพื้นฐานและแนวโน้มของตลาดเป็นระยะเวลานานก่อนจะเริ่มเข้าทำการซื้อขายในแต่ละครั้ง

กรอบเวลาที่ใช้อ้างอิง รายวัน D1 รายสัปดาห์ W1 หรือรายเดือน

1.ไม่ต้องมีการเปิดดูตลาดบ่อยและไม่ต้องเสียเวลากับการที่จะต้องมาเฝ้าตลาด

2.ไม่ต้องกังวลต้องกังวลกราฟวิ่งผันผวนในระยะสั้น

1.เงินที่ใช้ในการลงทุนอาจไม่นำมาสรุปได้เพราะต้องรอให้ปิดออเดอร์ก่อนซึ่งอาจกินระยะเวลาเป็นปี

2.ควรมีเงินทุนที่สูงเพื่อให้พอร์ตสามารถทนต่อการเปลี่ยนแปลง

3.จำเป็นต้องเสียค่า Swap จากโบรคเกอร์เมื่อมีการปล่อยออเดอร์ไว้ข้ามคืน

………………………………………………

.

ระยะเวลาที่ใช้การถืออเดอร์จะน้อยกว่า Position trader โดยระยะเวลาอาจเป็นวันหรือสัปดาห์ มีการเปิดออร์เดอร์แถวแนวต้าน แนวรับ หรือเทรดในช่วงที่เกิดการเปลี่ยนเทรนของกราฟ สิ่งสำคัญของนักเทรดประเภทนี้คือ การศึกษาการอ่านแนวต้านหรือแนวรับที่แม่นยำ

กรอบเวลาที่ใช้อ้างอิง รายชม H1 และ ทุก 4 ชม (H4)

1.ใช้เวลาแค่ช่วงสำคัญต่อวันไม่นาน ในการหาจุดเข้าซื้อขาย

2.ยังสามารถสรุปกำไร ขาดทุนได้จากการปิดออเดอรืในรอบสัปดาห์หรือรอบเดือน

1.ควรมีเงินทุนที่สูงเพื่อให้พอร์ตสามารถทนต่อการเปลี่ยนแปลง

2.ยังจำเป็นต้องเสียค่า Swap จากโบรคเกอร์

3.ไม่สามารถดูการเปลี่ยนแปลงของกราฟได้ตลอดเวลา

………………………………………………

.

เทรดเดอร์ประเภทนี้จะไม่ปล่อยให้มีออร์เดอร์ข้างคืนและจบออเดอร์ในแต่ละวัน อาจรอเป็นช่วงนาทีหรือชั่วโมง เทรดเดอร์ประเภทนี้อาจมีติดตามข่าวหรือเหตุการณ์สำคัญในแต่ละวัน

กรอบเวลาที่ใช้อ้างอิง ทุก 15 นาที (M15)

1.ใช้เวลาแค่ช่วงสำคัญต่อวันไม่นาน ในการหาจุดเข้าซื้อขาย

2.ยังสามารถสรุปกำไร ขาดทุนได้จากการปิดออเดอร์ในรอบวัน

3.ไม่เสียค่า Swap จากโบรคเกอร์เพราะไม่มีดารถืออร์เดอร์ข้ามวัน

1.อาจต้องให้เวลากับกราฟเป็นบ้างช่วงในแต่ละวันเพื่อวิเคราะห์เพื่อหาช่วงเข้าออเดอร์

2.อาจเจอกราฟที่มีความผันผวนที่รคุนแรงในบางวัน

………………………………………………

.

เทรดเดอร์ประเภทนี้จะออกออเดอร์ซื้อขายหลายๆครั้งต่อวัน เทรดเดอร์จะมีการใช้โปรแกรมช่วยในการสิเคราห์กราฟ

กรอบเวลาที่ใช้อ้างอิง ทุก 1 นาที (M1)

1.สามารถเกิดกำไรในระยะสั้นได้

2.สามารถสรุปกำไร ขาดทุนได้จากการปิดออเดอร์ในรอบวัน

3.ไม่เสียค่า Swap จากโบรคเกอร์เพราะไม่มีดารถืออร์เดอร์ข้ามวัน

1.ต้องใช้เวลาตลอดในการนั่งเฝ้ากราฟ

2.อาจเจอกราฟที่มีความผันผวนที่รุนแรงในบางวัน

3.เจอความเครียดเนื่องจากมีการออเดอร์บ่อยในแต่ละวัน

ทั้งนี้ การเป็นนักเทรดแต่ละประเภทก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป เช่น ในขณะที่นักเทรด Scalp มีความเสี่ยงมากกว่า แต่มีโอกาสได้กำไรเยอะกว่า แต่นักเทรดที่เทรดในระยะยาวก็อาจมีข้อดีตรงที่เจอความเสี่ยงน้อยกว่า แต่กำไรก็จะน้อยตามนั่นเอง

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………