1. การทำความเข้าใจกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคในระบบเทรดforex
การวิเคราะห์ทางเทคนิคเกี่ยวข้องกับการใช้กราฟราคาและตัวชี้วัดเพื่อวิเคราะห์ทิศทางตลาด การวิเคราะห์ทางเทคนิคช่วยคุณระบุจุดเข้าและออกที่เป็นไปได้สำหรับสถานะการซื้อขายของคุณตรงกันข้ามกับการวิเคราะห์ขั้นพื้นฐาน การวิเคราะห์ทางเทคนิคส่วนใหญ่มุ่งเน้นที่รูปแบบการตลาดและราคา ในทางกลับกัน การวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานเป็นเรื่องเกี่ยวกับปัจจัยที่ขับเคลื่อนราคาในตลาด วิธีการวิเคราะห์ทั้งสองวิธีนี้จะใช้แยกกันอย่างอิสระหรือร่วมกันก็ได้การวิเคราะห์ทางเทคนิคมุ่งเน้นที่รูปแบบการกำหนดจังหวะเวลาและราคา นั่นคือเหตุผลว่าทำไมมันจึงมักถูกพิจารณาว่าเป็นเครื่องมือที่เป็นกลาง เพื่อหาโอกาสในการซื้อขายฟอเร็กซ์จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค คุณต้องวิเคราะห์ราคาตลาดปัจจุบันและระบุระดับเป้าหมายที่เป็นไปได้ ในขณะที่การวิเคราะห์ทางเทคนิคไม่รับประกันผลลัพธ์ มันจึงให้การคำนวณความเป็นไปได้สำหรับการเคลื่อนไหวของตลาดที่แตกต่างกัน
2.ความสำคัญของการวิเคราะห์ทางเทคนิคในระบบเทรดforex
เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคในการกำหนดทิศทางตลาดที่คาดหวัง การเคลื่อนไหวของตลาดไม่ได้ไม่มีแบบแผนโดยสิ้นเชิง เมื่อเทรดเดอร์เห็นรูปแบบที่โผล่ขึ้นมา ก็มีโอกาสที่ดีที่คนอื่นจำนวนมากจะรับทราบถึงมันด้วยเช่นกัน คุณสามารถพิจารณาแนวโน้มในฐานะบางสิ่งที่เกือบจะทำให้ตัวเองเป็นจริง (Self-fulfilling) ในแง่นี้ คุณสามารถพูดได้ว่าเทรดเดอร์ช่วยสร้างรูปแบบที่พบในราคาตลาด
3. การทำความเข้าใจกับการวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานในระบบเทรดforex
ในส่วนก่อนหน้า คุณได้เรียนรู้ว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิคนั้นได้รับการมุ่งเน้นไปที่แนวโน้มและพฤติกรรมราคาเป็นหลัก การวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานมีวิธีการที่แตกต่างในการประเมินตลาด ซึ่งให้ภาพรวมของจุดอ่อนและจุดแข็งของตลาด นักวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานจะพิจารณาเหตุการณ์สำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อการแข็งค่าหรือการอ่อนค่าของสกุลเงินเฉพาะหนึ่ง ๆ เหล่านี้รวมถึงข้อมูลทางการเมืองและเศรษฐกิจ รวมทั้งภัยพิบัติทางธรรมชาติ พูดสั้น ๆ คือ นักวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานใช้ข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อวัดการแข็งค่าของสกุลเงิน ความสนใจมุ่งเน้นไปที่รายงานและข้อมูลทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ซึ่งรวมถึงข้อมูล GDP และการว่างงาน ข้อมูลการผลิต และการประกาศอัตราดอกเบี้ย
- ภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น พายุเฮอริเคน สึนามิ และน้ำท่วมสามารถส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อความแข็งค่าและความอ่อนค่าพื้นฐานของสกุลเงินได้ ตัวอย่างที่ดีคือสึนามิที่ถล่มญี่ปุ่นในปี 2010 มันทำให้ภาคการผลิตของประเทศอ่อนแอลงและทำให้การผลิตของผู้ผลิตรถยนต์และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่หยุดชะงักลงอย่างมีนัยสำคัญ
- การค้าระหว่างประเทศ
เมื่อความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการจากประเทศใดประเทศหนึ่งเพิ่มขึ้น ความต้องการใช้สกุลเงินของประเทศนั้นก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วย
- ผลผลิตและการเติบโตทางเศรษฐกิจ
GDP ของประเทศเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดของการเติบโตทางเศรษฐกิจ เป็นการสรุปผลการผลิตสินค้าและบริการในประเทศที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของประเทศ
- ภาวะเงินเฟ้อ – ปัจจัยนี้มีตัวชี้วัดสำคัญสองตัว ได้แก่
- ดัชนีราคาผู้บริโภค – ดัชนีตัวนี้จะวัดการเปลี่ยนแปลงของต้นทุนสินค้าและบริการโดยเฉลี่ยต่อผู้บริโภค
- ดัชนีราคาผู้ผลิต – ดัชนีตัวนี้จะวัดการเปลี่ยนแปลงในต้นทุนในการผลิตสินค้าและบริการสำหรับผู้ผลิต
- อัตราดอกเบี้ย
อัตราดอกเบี้ยที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันอาจเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่กำหนดมูลค่าของสกุลเงิน เพราะพวกมันจะกำหนดการไหลเข้าและออกจากประเทศหรือภูมิภาคทางเศรษฐกิจของเงินทุนทั่วโลก - สภาวะทางการเมือง
ปกติแล้ว ความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้สกุลเงินของประเทศในทางลบ นักลงทุนมีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงประเทศและสกุลเงินในความวุ่นวายทางการเมือง - นโยบายการคลัง
นโยบายการคลังของประเทศ ซึ่งรวมถึงการใช้จ่ายของรัฐบาล การวางแผนงบประมาณ และการจัดเก็บภาษีสามารถมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนว่าจะลงทุนหรือไม่ - นโยบายการเงิน
นโยบายการเงินใดก็ตามที่ธนาคารกลางนำมาใช้มีผลกระทบอย่างมากต่อความต้องการใช้สกุลเงินในระยะสั้น
5. การเลือกจุดเข้าและออกของคุณในระบบเทรดforex
เทรดเดอร์ที่ซื้อขายฟอเร็กซ์ถือว่ามีความเสี่ยงในการซื้อขาย ไม่ว่าพวกเขาจะใช้วิธีการใด นั่นคือเหตุผลว่าทำไมการทำความเข้าใจพฤติกรรมราคาจึงเป็นกุญแจสำคัญในการที่จะหาว่าเมื่อใดที่จะทำการซื้อขายและเมื่อใดที่จะออกจากสถานะ ตรงนี้ คุณจะได้เรียนรู้แนวคิดเกี่ยวกับพฤติกรรมราคาหลัก ๆ สี่ประการที่ใช้ในการซื้อขายฟอเร็กซ์เพื่อหาจุดเข้าและจุดออก
- แนวรับและแนวต้าน: แนวรับ (Support) และแนวต้าน (Resistance) หมายถึงระดับการซื้อขายสำคัญที่ราคามาแตะและเด้งกลับหลาย ๆ ครั้ง คุณจะคิดว่าพวกมันเป็นจุดสำคัญที่ซึ่งอุปสงค์และอุปทานมาบรรจบกันก็ได้
- การฝ่าวงล้อม: การฝ่าวงล้อม (Breakout) คือการฝ่าทะลุระดับแนวรับหรือแนวต้านที่ก่อตัวขึ้น การฝ่าวงล้อมเป็นสัญญาณที่แรง โดยเฉพาะเมื่อได้รับการยืนยันจากตัวชี้วัดอื่น เช่น ช่องว่าง
- พฤติกรรมการเกิดช่องว่างGaping action: ช่องว่าง (Gap) นั้นสำคัญเนื่องจากพวกมันเป็นตัวบ่งบอกให้ทราบว่าผู้ขาย (ปรับตัวเพิ่มขึ้น) หรือผู้ซื้อ (ปรับตัวลดลง) กำลังเคลื่อนไหว แต่คุณจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจเพื่อยืนยันแนวโน้มใหม่นี้โดยใช้ตัวบ่งชี้หลาย ๆ ตัวก่อนที่จะกระโดดเข้าไป
- ตลาดในสภาวะไร้แนวโน้ม: ตลาดฟอเร็กซ์ที่ซื้อขายในสภาวะไร้แนวโน้ม (Sideways) หมายถึง พฤติกรรมราคาภายในช่วงแคบ ๆ ระหว่างระดับแนวรับและแนวต้าน เมื่อตลาดซื้อขายในสภาวะไร้แนวโน้ม เทรดเดอร์กำลังเตรียมตัวสำหรับการฝ่าวงล้อม
6. การบริหารความเสี่ยงในการซื้อขายในระบบเทรดforex
ถึงตอนนี้ คุณควรทราบว่าการซื้อขายฟอเร็กซ์นั้นมีความเสี่ยง ตลาดค่อนข้างผันผวน และยิ่งคุณน่าจะได้กำไรมากเท่าใด ความเสี่ยงก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น และนี่คือเคล็ดลับบางประการในการควบคุมความเสี่ยง
- หลีกเลี่ยงการซื้อขายมากเกินไป
แม้ว่าตลาดที่ผันผวนอาจเป็นที่ล่อใจ หลักการง่าย ๆ ก็คือให้หลีกเลี่ยงการเสี่ยงมากกว่า 2% ของยอดเงินในบัญชีซื้อขายของคุณในการซื้อขายหนึ่งครั้ง การซื้อขายมากไปกว่านั้นจะทำให้คุณขาดทุนมากจนยากจะฟื้นคืนได้ - ตั้งค่าคำสั่ง Stop Loss เพื่อลดการขาดทุนให้เหลือน้อยที่สุด
ความสำเร็จในการซื้อขายไม่ได้ประกอบด้วยการซื้อขายที่ชนะเท่านั้น ในทางตรงกันข้าม มันเป็นผลรวมของการซื้อขายทั้งที่แพ้และชนะ นั่นคือสิ่งที่ทำให้การหยุดขาดทุน (Stop-Loss) เป็นปัจจัยสำคัญเมื่อพูดถึงความสามารถในการสร้างผลกำไร การวางคำสั่ง Stop-loss ยังช่วยลดความจำเป็นต้องคอยตรวจสอบสถานะของคุณอย่างสม่ำเสมออีกด้วย
7. ทดสอบกลยุทธ์การซื้อขายของคุณในระบบเทรดforex
แม้จะไม่สามารถลองเสี่ยงซื้อขายซ้ำ ๆ กับเงินจริงได้ แต่สภาพแวดล้อมแบบสาธิตสามารถช่วยคุณทดสอบความสมบูรณ์ของกลยุทธ์การลงทุนของคุณได้ กลยุทธ์ใหม่ทุกกลยุทธ์จะต้องผ่านช่วงเวลาของการลองผิดลองถูกก่อนที่คุณจะสามารถเอาเงินที่คุณหามาได้ยากไปลงทุนกับมันด้วยความมั่นใจ
#แจกฟรี!ระบบเทรด
________________________________________________
https://bit.ly/GMI-TH
No Comments